00:00:00 → 00:00:03 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพcส talk ความรู้
00:00:03 → 00:00:07 สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่สวัสดีครับเคยมี
00:00:07 → 00:00:09 ความรู้สึกแบบนี้กันมั้ครับไปตรวจเลือดผล
00:00:09 → 00:00:13 ออกมาก็ปกติดีทุกอย่างเลยแต่ทำไมทำไมร่าง
00:00:13 → 00:00:15 กายเรามันยังรู้สึกไม่โอเคยังรู้สึกแปลกๆ
00:00:15 → 00:00:18 อยู่ตลอดเวลาวันเนี้ยเราจะมาเจาะลึกกัน
00:00:18 → 00:00:20 ถึงแนวคิดที่เรียกว่าอินซูลินก้าวร้าวกัน
00:00:20 → 00:00:22 ครับซึ่งมันอาจจะเป็นคำตอบของปัญหาสุขภาพ
00:00:22 → 00:00:24 ที่หลายๆคนกำลังเจออยู่ก็ได้นะทั้งๆที่ผล
00:00:24 → 00:00:28 ตรวจมันก็ดูปกติดีนี่แหละเอาล่ะครับลอง
00:00:28 → 00:00:30 นึกภาพตามกันดูนะความรู้สึกแบบนี้แหละ
00:00:30 → 00:00:32 ครับคือภาพเปรียบเทียบที่ดีที่สุดเลย
00:00:32 → 00:00:35 สำหรับสิ่งที่อาจจะกำลังเกิดขึ้นกับ
00:00:35 → 00:00:37 ฮอร์โมนตัวที่สำคัญมากๆตัวหนึ่งในร่างกาย
00:00:37 → 00:00:41 ของเรามันคือความรู้สึกแบบหงุดหงิดไม่พอ
00:00:41 → 00:00:43 ใจแล้วทุกอย่างก็รวนไปหมดเลยเมื่อถูกรบ
00:00:43 → 00:00:46 กวนนะครับนี่แหละครับคือความขัดแย้งที่ทำ
00:00:47 → 00:00:50 ให้หลายคนงงเลยผลตรวจก็บอกว่าปกติแต่ความ
00:00:50 → 00:00:52 รู้สึกของร่างกายมันกลับตะโกนออกมาว่า
00:00:52 → 00:00:55 เฮ้ยมันมีอะไรผิดปกติอยู่นะซึ่งคำตอบของ
00:00:55 → 00:00:57 เรื่องนี้อาจจะซ่อนอยู่ในพฤติกรรมของ
00:00:57 → 00:01:01 ฮอร์โมนตัวนี้เองครับและคำตอบที่ว่าก็อาจ
00:01:01 → 00:01:03 จะอยู่ในแนวคิดที่เรียกว่าอินซูลินก้าว
00:01:03 → 00:01:06 ร้าวนี่แหละครับซึ่งต้องย้ำเลยนะว่า
00:01:06 → 00:01:08 ประเด็นสำคัญของมันเนี่ยไม่ใช่เรื่องของ
00:01:08 → 00:01:11 ปริมาณอินซูลินเลยแต่เป็นพฤติกรรมของมัน
00:01:11 → 00:01:14 ต่างหากล่ะครับคือต้องบอกก่อนนะครับว่าคำ
00:01:14 → 00:01:16 ว่าอินซูลินเป้าร้าวเนี่ยไม่ใช่ชื่อโรค
00:01:16 → 00:01:19 ทางการแพทย์นะไม่ได้มาจากการวินิจฉัยแต่
00:01:19 → 00:01:22 เป็นวิธีอธิบายพฤติกรรมของฮอร์โมนที่ถึง
00:01:22 → 00:01:25 แม้ปริมาณมันจะอยู่ในเกณฑ์ปกติเป๊ะๆเลย
00:01:25 → 00:01:28 แต่การทำงานของมันกลับไม่ปกติซะงั้นที่
00:01:28 → 00:01:30 เรียกว่าก้าวร้าวก็เพราะว่ามันเหมือนถูก
00:01:30 → 00:01:32 ใช้งานหนักเกินไปหรือไม่ก็ถูกปลุกให้ทำ
00:01:33 → 00:01:36 งานผิดที่ผิดเวลานั่นแหละครับเพราะฉะนั้น
00:01:36 → 00:01:38 ประเด็นที่สำคัญที่สุดเลยก็คือเราอาจจะ
00:01:38 → 00:01:41 ต้องเปลี่ยนมุมมองกันใหม่จากที่เคยมองแค่
00:01:41 → 00:01:44 ตัวเลขปริมาณในผลเลือดมาเป็นการมองที่
00:01:44 → 00:01:47 คุณสมบัติและคุณภาพการทำงานที่แท้จริงของ
00:01:47 → 00:01:50 อินซูลินแทนคือต้องมองให้ลึกกว่าแค่ตัว
00:01:50 → 00:01:53 เลขที่เราเห็นกันแบบผิวเผินนะครับคำถาม
00:01:53 → 00:01:56 ต่อมาที่สำคัญมากๆก็คือแล้วอะไรล่ะที่
00:01:56 → 00:01:59 เป็นตัวการทำให้อินซูลินมันเกิดอาการก้าว
00:01:59 → 00:02:02 ร้าวขึ้นมาได้มันคงไม่ได้เกิดขึ้นมาลอยๆ
00:02:02 → 00:02:05 ไม่มีเหตุผลใช่มั้ครับสาเหตุหลักๆเลยก็
00:02:05 → 00:02:08 เหมือนกับคนเราที่กำลังจะหลับแล้วโดนปลุก
00:02:08 → 00:02:10 นั่นแหละครับอินซูลินจะเริ่มมีอาการ
00:02:10 → 00:02:13 หงุดหงิดทำงานผิดเพี้ยนไปหมดเมื่อไหร่ก็
00:02:13 → 00:02:16 ตามที่มันถูกกระตุ้นให้ทำงานนอกจังหวะ
00:02:16 → 00:02:18 เวลาตามธรรมชาติของมันหรือถูกสั่งให้ทำ
00:02:18 → 00:02:22 งานหนักเกินความจำเป็นอยู่เรื่อยๆแล้วจุด
00:02:22 → 00:02:25 ที่น่าสนใจมากๆเลยก็คือสภาวะที่มันสุด
00:02:25 → 00:02:28 โต่งทั้ง 2 ฝั่งเนี้ยสามารถนำไปสู่ปัญหา
00:02:28 → 00:02:31 เดียวกันได้หมดเลยครับไม่ว่าจะเป็นการ
00:02:31 → 00:02:34 กระตุ้นอินซูลินบ่อยเกินจากการกินน้ำตาล
00:02:34 → 00:02:36 หรือในทางตรงกันข้ามเลยคือการไปกดการทำ
00:02:36 → 00:02:39 งานของมันมากเกินไปด้วยวิธีที่ไม่เหมาะ
00:02:39 → 00:02:42 กับร่างกายของแต่ละคนแล้วพฤติกรรมก้าว
00:02:42 → 00:02:44 ร้าวของอินซูลินเนี่ยมันไม่ได้นำไปสู่ผล
00:02:44 → 00:02:46 ลัพธ์แค่แบบเดียวนะครับแต่มันสามารถสร้าง
00:02:46 → 00:02:48 ปัญหาที่แตกต่างกันออกไปได้ถึง 2 เส้นทาง
00:02:48 → 00:02:51 เลยซึ่งจะไปทางไหนก็ขึ้นอยู่กับลักษณะ
00:02:51 → 00:02:54 ร่างกายของคนนๆนั้นครับผลกระทบในระยะยาว
00:02:54 → 00:02:56 ของมันเนี่ยจะแบ่งออกเป็น 2 ทางที่ต่าง
00:02:57 → 00:02:59 กันชัดเจนเจนเลยครับในกลุ่มคนที่มีน้ำ
00:02:59 → 00:03:01 หนักตัวเยอะหน่อยหรือคนอ้วนอินซูลินจะสูง
00:03:01 → 00:03:03 ค้างอยู่อย่างนั้นจนร่างกายเริ่มไม่ตอบ
00:03:03 → 00:03:06 สนองหรือที่เราเรียกกันว่าดื้ออินซูลิน
00:03:06 → 00:03:08 นั่นแหละครับแต่ในทางกลับกันเลยนะในกลุ่ม
00:03:08 → 00:03:11 คนผอมระดับอินซูลินกลับจะค่อยๆต่ำลงต่ำลง
00:03:11 → 00:03:14 เรื่อยๆจนตับอ่อนเหมือนจะหมดแรงทำงานไป
00:03:14 → 00:03:17 เลยซึ่งสุดท้ายแล้วไม่ว่าจะไปทางไหนปลาย
00:03:17 → 00:03:20 ทางของทั้ง 2 เส้นทางนี้ก็คือความเสียหาย
00:03:20 → 00:03:22 ของตับอ่อนได้เหมือนกันทั้งคู่เลยครับนี่
00:03:22 → 00:03:25 คือความเสี่ยงในระยะยาวเลยนะครับถ้าเรา
00:03:25 → 00:03:27 ยังไม่ปรับเปลี่ยนอะไรเลยไม่ว่าร่างกายจะ
00:03:27 → 00:03:30 กำลังเดินไปในเส้นทางไหนปลายทางของมันก็
00:03:30 → 00:03:33 คือตับอ่อนอาจจะเสียหายในที่สุดอืมถ้า
00:03:33 → 00:03:37 อย่างงั้นในเมื่อการวัดแค่ปริมาณมันไม่พอ
00:03:37 → 00:03:39 แล้วทางออกที่แท้จริงของเรื่องนี้มันคือ
00:03:39 → 00:03:42 อะไรกันแน่ล่ะครับจริงๆแล้วทางออกอาจจะ
00:03:42 → 00:03:45 ง่ายกว่าที่เราคิดก็ได้นะกุญแจสำคัญเลย
00:03:45 → 00:03:47 อยู่ที่การทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานมาก
00:03:47 → 00:03:50 ๆแค่ 2 ข้อนี้เองครับนั่นก็คือการเข้าใจ
00:03:50 → 00:03:53 เวลาทำงานและธรรมชาติที่แท้จริงของ
00:03:53 → 00:03:56 อินซูลินและนี่คือใจความสำคัญของเรื่อง
00:03:56 → 00:03:59 ทั้งหมดเลยครับทางแก้ปัญหานี้จริงๆแล้ว
00:03:59 → 00:04:01 อาจจะไม่ได้อยู่ที่ยาแต่อยู่ที่ความเข้า
00:04:01 → 00:04:04 ใจอย่างลึกซึ้งของเราต่างหากเพื่อที่เรา
00:04:04 → 00:04:07 จะสามารถทำงานร่วมกับฮอร์โมนในร่างกายของ
00:04:07 → 00:04:10 เราได้ไม่ใช่การไปต่อต้านมันและสุดท้าย
00:04:10 → 00:04:12 นี้ก็อยากจะขอทิ้งท้ายด้วยคำถามให้เราทุก
00:04:12 → 00:04:14 คนได้กลับไปลองทบทวนวิถีชีวิตของตัวเอง
00:04:14 → 00:04:18 กันดูนะครับว่าเอ๊ะทุกวันนี้เรากำลังปลุก
00:04:18 → 00:04:20 อินซูลินของเราให้ตื่นขึ้นว่าทำงานผิด
00:04:20 → 00:04:25 เวลาโดยที่เราไม่รู้ตัวกันอยู่หรือเปล่า
00:04:25 → 00:04:27 >> สวัสดีครับตอต้อนรับเข้าสู่การพูดคุยเจาะ
00:04:28 → 00:04:31 ลึกจากสิ่งที่คุณสนใจกันในวันนี้เอ่อเรา
00:04:31 → 00:04:34 มีหัวข้อที่แบบน่าสนใจมากๆเลยจากข้อมูล
00:04:34 → 00:04:37 ที่ได้มานะครับเป็นคำที่ฟังดูแล้วอาจจะ
00:04:37 → 00:04:40 เอ๊ะนิดนึงหรือแบบชวนให้สงสัยไม่น้อยเลย
00:04:40 → 00:04:44 คำว่าอินซูลินก้าวราวครับผมเอ๊ะมันคือ
00:04:44 → 00:04:46 อะไรกันแน่ฟังดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่
00:04:46 → 00:04:47 เลยนะครับ
00:04:47 → 00:04:51 >> ค่ะสวัสดีค่ะก็ฟังชื่อแล้วอาจจะรู้สึกแบบ
00:04:51 → 00:04:53 นั้นนะคะแต่ว่าจริงๆแล้วมันเป็นแนวคิดที่
00:04:54 → 00:04:56 สำคัญนะคะแล้วก็น่าสนใจมากๆที่ช่วยให้เรา
00:04:56 → 00:05:00 มองเรื่องอินซูลินในมุมที่เอ่อต่างออกไป
00:05:00 → 00:05:01 จากเดิมค่ะ
00:05:01 → 00:05:04 >> ครับแหล่งข้อมูลที่เรามีเนี่ยชี้ให้เห็น
00:05:04 → 00:05:07 ภาพที่น่าสนใจมากๆเลยครับเขาบอกว่าเรื่อง
00:05:07 → 00:05:10 อินซูลินเนี่ยมันไม่ใช่แค่เรื่องของ
00:05:10 → 00:05:13 ปริมาณมากน้อยที่เราอาจจะคุ้นเคยจากการ
00:05:13 → 00:05:15 ตรวจเลือดเท่านั้นนะฮะแต่มันมีมิติของ
00:05:15 → 00:05:18 คุณภาพหรือพฤติกรรมการทำงานของมันเข้ามา
00:05:18 → 00:05:21 เกี่ยวข้องด้วยคือมีการเปรียบเทียบที่
00:05:21 → 00:05:24 เห็นภาพชัดมากเลยเหมือนกับคนๆนึงที่แบบทำ
00:05:24 → 00:05:27 งานมาเหนื่อยทั้งวันเลยกำลังจะได้พัก
00:05:27 → 00:05:29 กำลังจะหลับอยู่แล้วเชียวแต่กลับมีคนมา
00:05:29 → 00:05:33 ปลุกให้ลุกขึ้นไปทำงานต่อซะงั้นฟังดูแล้ว
00:05:33 → 00:05:35 อืมก็น่าเห็นใจอินซูลินเหมือนกันนะครับ
00:05:35 → 00:05:38 เนี่ยเรามาแกะประเด็นนี้กันให้ลึกซึ้ง
00:05:38 → 00:05:39 ขึ้นดีกว่าครับ
00:05:39 → 00:05:41 >> ใช่เลยค่ะนั้นเป็นภาพเปรียบเทียบที่แบบ
00:05:41 → 00:05:44 ตรงประเด็นมากๆเลยค่ะแนวคิดหลักที่ปรากฏ
00:05:44 → 00:05:48 ในเนื้อหานะคะก็คือเอ่อแม้ว่าผลการตรวจ
00:05:48 → 00:05:50 เลือดเนี่ยอาจจะแสดงระดับอินซูลินที่อยู่
00:05:50 → 00:05:53 ในเกณฑ์ปกติในเชิงปริมาณนะคะซึ่งหลายคน
00:05:53 → 00:05:56 เห็นแล้วอาจจะสบายใจไปแล้วแต่ว่าจริงๆ
00:05:56 → 00:05:58 แล้วเนี่ยการทำงานหรือฟังก์ชันของมันอาจ
00:05:58 → 00:06:02 จะกำลังมีปัญหาหรือทำงานผิดปกติไปซึ่ง
00:06:02 → 00:06:04 แหล่งข้อมูลนี้เขาใช้คำเรียกว่ามีลักษณะ
00:06:04 → 00:06:07 ก้าวร้าวนะคะแล้วก็แน่นอนว่าเมื่อการทำ
00:06:07 → 00:06:10 งานหลักตรงนี้มันผิดเพี้ยนไปมันย่อมส่งผล
00:06:10 → 00:06:13 กระทบเป็นลูกโซ่ไปยังระบบต่างๆในร่างกาย
00:06:13 → 00:06:14 ตามมาได้ค่ะ
00:06:14 → 00:06:18 >> อ๋อหมายความว่าไอ้ตัวเลขที่ดูปกติเนี่ย
00:06:18 → 00:06:20 มันอาจจะซ่อนปัญหาเรื่องการทำงานเอาไว้
00:06:20 → 00:06:21 ข้างใน
00:06:21 → 00:06:24 >> ใช่ค่ะเป็นไปได้เลยค่ะดังนั้นการสำรวจ
00:06:24 → 00:06:26 เนื้อหาของเราในวันนี้นะคะก็คือการพยายาม
00:06:26 → 00:06:29 ทำความเข้าใจตามข้อมูลที่ได้มาว่าเอ๊ะ
00:06:29 → 00:06:32 อะไรคือปัจจัยที่อาจส่งผลให้อินซูลินแสดง
00:06:32 → 00:06:35 พฤติกรรมก้าวร้าวหรือทำงานผิดปกติแบบนั้น
00:06:35 → 00:06:38 ได้แล้วทำไมเรื่องนี้ถึงกลายเป็นประเด็น
00:06:38 → 00:06:40 สำคัญที่เราอาจจะต้องหันมาให้ความสนใจกัน
00:06:40 → 00:06:43 มากขึ้นเพื่อการดูแลสุขภาพในระยะยาวของ
00:06:43 → 00:06:44 เราค่ะ
00:06:44 → 00:06:46 >> เข้าใจแล้วครับงั้นเรามาเริ่มเจาะกันเลย
00:06:46 → 00:06:48 ดีกว่าประเด็นแรกที่ต้องเคลียร์กันก่อน
00:06:48 → 00:06:51 เลยอินซูลินก้าวราวที่ว่าเนี่ยตกลงแล้ว
00:06:51 → 00:06:55 มันคืออะไรกันแน่ครับจากที่เกร่นๆกันมา
00:06:55 → 00:06:57 เนี่ยทำให้พอจะเห็นภาพว่ามันไม่ใช่แค่
00:06:57 → 00:07:01 เรื่องอินซูลินสูงไปหรือต่ำไปเสมอไปแหล่ง
00:07:01 → 00:07:04 ข้อมูลที่เรามีก็ระบูชัดเจนเลยว่าแม้เจาะ
00:07:04 → 00:07:07 เลือดตรวจจะมีปริมาณที่ปกติแต่ถ้าก้าวราว
00:07:07 → 00:07:11 เมื่อไหร่การทำงานเขาจะไม่ปกติทีนี้การทำ
00:07:11 → 00:07:13 งานที่ไม่ปกติที่ว่าเนี่ยมันส่งผลกระทบ
00:07:13 → 00:07:15 ออกมาในลักษณะไหนบ้างครับ
00:07:15 → 00:07:19 >> ค่ะตามเนื้อหาที่ให้มานะคะอินซูลินที่ทำ
00:07:19 → 00:07:22 งานผิดปกติหรือมีลักษณะก้าวร้าวเนี่ยจะ
00:07:22 → 00:07:25 ส่งผลกระทบต่อการทำงานของระบบต่างๆในร่าง
00:07:25 → 00:07:29 กายนะคะมีการใช้คำเปรียบเปรยที่น่าสนใจ
00:07:29 → 00:07:31 แล้วก็อาจจะต้องตีความกันนิดนึงคือบอกว่า
00:07:31 → 00:07:35 มันชอบตบตีกับตัวแม่ด้วยซึ่งตรงนี้ถ้าให้
00:07:35 → 00:07:38 ลองขยายความตามบริบทนะคะอาจจะหมายถึงการ
00:07:38 → 00:07:41 ที่อินซูลินซึ่งทำงานผิดปกติเนี่ยไปรบกวน
00:07:41 → 00:07:44 หรือไปขัดขวางการทำงานของระบบควบคุมหลัก
00:07:44 → 00:07:47 อื่นๆในร่างกายเราเช่นระบบฮอร์โมนตัวอื่น
00:07:47 → 00:07:50 หรือกลไกการเผาผ่านพื้นฐานหรือแม้แต่
00:07:50 → 00:07:53 สมดุลโดยรวมของร่างกายเลยทำให้เกิดความ
00:07:53 → 00:07:54 ปั่นป่วนขึ้นมาน่ะค่ะ
00:07:54 → 00:07:59 >> ออเจากคาบมากขึ้นครับคือแทนที่จะทำงานสอด
00:07:59 → 00:08:02 ประสานกันดีๆตามปกติกลับกลายเป็นไปสร้าง
00:08:02 → 00:08:06 ความขัดแย้งหรือไปกวนระบบใหญ่ซะเอง
00:08:06 → 00:08:09 >> น่าจะเป็นไปในทิศทางนั้นเลยค่ะเนื้อหาเขา
00:08:09 → 00:08:12 ถึงเน้นย้ำว่าการพิจารณาเรื่องอินซูลิน
00:08:12 → 00:08:15 เนี่ยเราอาจจะต้องมองให้ลึกกว่าเดิมคือ
00:08:15 → 00:08:18 มองในมิติของคุณภาพการทำงานของมันด้วยไม่
00:08:18 → 00:08:21 ใช่เพียงแค่การมองปริมาณแบบหยาบๆจากผล
00:08:21 → 00:08:23 เลือดอย่างเดียวประเด็นเจะยิ่งทวีความ
00:08:24 → 00:08:27 สำคัญขึ้นนะคะในกรณีที่บางคนอาจจะมีระดับ
00:08:27 → 00:08:29 อินซูลินในเลือดที่วัดออกมาแล้วเนี่ยอยู่
00:08:29 → 00:08:32 ในเกณฑ์ปกติจริงๆแต่กลับยังคงประสบปัญหา
00:08:32 → 00:08:35 สุขภาพบางอย่างที่ดูเหมือนจะเชื่อมโยงกับ
00:08:35 → 00:08:38 ระบบการเผาผลาญหรือมีอาการที่แบบอธิบาย
00:08:38 → 00:08:41 ยากๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งนะคะหากพฤติกรรมการ
00:08:41 → 00:08:43 ใช้ชีวิตบางอย่างยังไม่เหมาะสมอย่างที่
00:08:43 → 00:08:45 แหล่งข้อมูลเขาใช้ภาษาที่ค่อนข้างตรงไป
00:08:45 → 00:08:49 ตรงมาเลยว่ากินผิดมั่วๆใช้ชีวิตมั่วๆอะไร
00:08:49 → 00:08:52 อย่างี้ในกรณีแบบนี้การพิจารณาเรื่อง
00:08:52 → 00:08:55 คุณภาพการทำงานของอินซูลินก็อาจจะเป็นอีก
00:08:55 → 00:08:58 หนึ่งจิ๊กซอสำคัญที่ต้องนำมาพิจารณาด้วย
00:08:58 → 00:08:58 ค่ะ
00:08:58 → 00:09:01 >> ชัดเจนขึ้นมากครับเหมือนเป็นคำเตือนว่า
00:09:01 → 00:09:04 อย่าเพิ่งวางใจแค่ตัวเลขปริมาณอย่างเดียว
00:09:04 → 00:09:07 คุณภาพการทำงานก็สำคัญไม่แพ้กันเลยทีนี้
00:09:08 → 00:09:10 ถ้าอินซูลินเกิดอาการก้าวร้าวหรือทำงาน
00:09:10 → 00:09:13 ผิดปกติขึ้นมาจริงๆผลกระทบที่ตามมาจะเป็น
00:09:13 → 00:09:16 ยังไงบ้างครับผมสังเกตว่าแหล่งข้อมูลที่
00:09:16 → 00:09:18 เรามีเนี่ยพูดถึงผลลัพธ์ที่อาจจะออกมาใน 2
00:09:18 → 00:09:21 ทิศทางที่แตกต่างกันด้วยตรงนี้น่าสนใจมาก
00:09:21 → 00:09:22 ครับ
00:09:22 → 00:09:25 >> ใช่ค่ะนี่เป็นอีกประเด็นที่น่าสนใจมากๆ
00:09:25 → 00:09:28 จากเนื้อหาเลยคือผลกระทบที่เกิดขึ้นจาก
00:09:28 → 00:09:31 การทำงานผิดปกติของอินซูลินเนี่ยอาจจะไม่
00:09:31 → 00:09:34 ได้แสดงออกมาเหมือนกันในทุกคนนะคะแต่จะ
00:09:34 → 00:09:37 แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยพื้นฐาน
00:09:37 → 00:09:40 อย่างเช่นลักษณะร่างกายของแต่ละบุคคลค่ะ
00:09:40 → 00:09:42 >> มันแตกต่างกันยังไงบ้างครับระหว่างกลุ่ม
00:09:42 → 00:09:43 คนต่างลักษณะกัน
00:09:43 → 00:09:46 >> ค่ะเนื้อหาระบุไว้ค่อนข้างชัดเจนเลยนะคะ
00:09:46 → 00:09:50 เค้าแบ่งเป็น 2 กรณีหลักๆคือกรณีแรกใน
00:09:50 → 00:09:52 กลุ่มคนที่มีลักษณะค่อนข้างอ้วนหรือมีน้ำ
00:09:52 → 00:09:55 หนักตัวเกินเกณฑ์แหล่งข้อมูลระบุว่าระดับ
00:09:55 → 00:09:58 อินซูลินมักจะมีแนวโน้มสูงค้างค่ะ
00:09:58 → 00:10:01 >> สูงค้างหมายถึงยังไงครับสูงค้าง
00:10:01 → 00:10:05 >> คือไม่ใช่แค่สูงขึ้นหลังมื้ออาหารตามปกติ
00:10:05 → 00:10:08 นะคะแต่ระดับอินซูลินอาจจะสูงต่อเนื่อง
00:10:08 → 00:10:11 เป็นเวลานานกว่าที่ควรจะเป็นหรือลดลงได้
00:10:11 → 00:10:14 ช้ากว่าปกติซึ่งภาวะอินซูลินสูงค้างแบบ
00:10:14 → 00:10:17 เนี้ยก็เชื่อมโยงกับปัญหาอื่นๆตามมาได้
00:10:17 → 00:10:20 เช่นภาวะดื้ออินซูลินที่รุนแรงขึ้นหรือ
00:10:20 → 00:10:22 การสะสมไขมั่นที่มากขึ้นค่ะ
00:10:22 → 00:10:26 >> อ๋อเป็นลักษณะสูงแล้วค้างอยู่นานไม่ยอมลง
00:10:26 → 00:10:26 ง่ายๆ
00:10:27 → 00:10:30 >> ถูกต้องค่ะแต่ในทางกลับกันเลยนะคะในกลุ่ม
00:10:30 → 00:10:32 คนที่มีลักษณะผอมหรือน้ำหนักตัวน้อยกว่า
00:10:32 → 00:10:35 เกณฑ์ผลกระทบอาจจะออกมาในทิศทางตรงกัน
00:10:35 → 00:10:38 ข้ามเลยคือแหล่งข้อมูลระบุว่าระดับ
00:10:38 → 00:10:41 อินซูลินอาจจะมีแนวโน้มต่ำลงๆจนตับอ่อน
00:10:41 → 00:10:42 พังได้เลย
00:10:42 → 00:10:44 >> โหพังเลยเหรอครับ
00:10:44 → 00:10:46 >> ค่ะตรงนี้อาจจะต้องขยายความคำว่าพังนิด
00:10:46 → 00:10:49 นึงนะคะเพื่อให้เข้าใจชัดเจนขึ้นอาจจะ
00:10:49 → 00:10:51 หมายถึงการที่ระดับอินซูลินลดต่ำลงเรื่อย
00:10:51 → 00:10:55 ๆอย่างต่อเนื่องจนอาจส่งผลให้ตับอ่อนซึ่ง
00:10:55 → 00:10:57 เป็นอวัยวะที่สร้างอินซูลินเนี่ยต้องทำ
00:10:57 → 00:11:00 งานหนักเกินไปในบางแง่มุมหรือเกิดความ
00:11:00 → 00:11:02 เสียหายเสื่อมสภาพหรือทำงานได้แย่ลงใน
00:11:02 → 00:11:05 ระยะยาวหากปล่อยให้สถานการณ์เป็นแบบนั้น
00:11:05 → 00:11:06 ต่อไปเรื่อยๆค่ะ
00:11:06 → 00:11:10 >> โหฟังดูแล้วน่าประหลาดใจเหมือนกันนะครับ
00:11:10 → 00:11:13 ที่ปัญหาพื้นฐานเดียวกันคืออินซูลินทำงาน
00:11:13 → 00:11:17 ผิดปกติหรือก้าวร้าวแต่กลับส่งผลลัพธ์ที่
00:11:17 → 00:11:20 ดูเหมือนจะตรงกันข้ามกันเลยในคน 2 กลุ่ม
00:11:20 → 00:11:24 คือกลุ่มนึงสูงค้างอีกกลุ่มนึงกลับต่ำลง
00:11:24 → 00:11:27 เรื่อยๆจนเสี่ยงต่อตับอ่อนได้นี่แสดงว่า
00:11:27 → 00:11:30 ร่างกายแต่ละคนตอบสนองต่อความผิดปกตินี้
00:11:30 → 00:11:31 ไม่เหมือนกันจริงๆ
00:11:32 → 00:11:35 >> ใช่เลยค่ะเป็นการสะท้อนให้เห็นว่าปัญหา
00:11:35 → 00:11:38 ที่ต้นตอเดียวกันอาจนำไปสู่การแสดงออกทาง
00:11:38 → 00:11:41 กายภาพหรือผลกระทบต่อสุขภาพที่แตกต่างกัน
00:11:41 → 00:11:44 อย่างชัดเจนได้เลยขึ้นอยู่กับปัจจัยเฉพาะ
00:11:44 → 00:11:47 ของแต่ละบุคคลอย่างเช่นพันธุกรรมหรือพื้น
00:11:47 → 00:11:51 ฐานสุขภาพเดิมหรือลักษณะทางสิวิทยาอื่นๆ
00:11:51 → 00:11:53 ซึ่งทำให้การประเมินสุขภาพต้องพิจารณา
00:11:53 → 00:11:55 ปัจจัยเหล่านี้ประกอบกันด้วยค่ะ
00:11:55 → 00:11:59 >> เข้าใจลึกซึ้งขึ้นครับทีนี้คำถามสำคัญที่
00:11:59 → 00:12:02 ตามมาเลยก็คือแล้วอะไรล่ะครับที่เป็น
00:12:02 → 00:12:05 สาเหตุหรือเป็นตัวกระตุ้นให้อินซูลินเกิด
00:12:05 → 00:12:09 พฤติกรรมก้าวร้าวหรือทำงานผิดปกติแบบนั้น
00:12:09 → 00:12:12 ขึ้นมาได้แหล่งข้อมูลที่เรามีดูเหมือนจะ
00:12:12 → 00:12:15 ชี้ไปที่การกระทำบางอย่างของเราเองที่ไป
00:12:15 → 00:12:19 รบกวนการทำงานตามธรรมชาติของมันเช่นการไป
00:12:19 → 00:12:22 ปลุกให้เขาออกมาทำงานในช่วงเวลาที่ไม่สม
00:12:22 → 00:12:26 ควรหรือให้เขาทำงานหนักจนเกินไปถ้าให้ผง
00:12:26 → 00:12:29 เดาจากบริบททั่วไปก็น่าจะเกี่ยวข้องกับ
00:12:29 → 00:12:32 การกินหรือเปล่าครับเช่นการกินน้ำตาลหรือ
00:12:32 → 00:12:35 คาร์โบไฮเดรตแปรรูปบ่อยๆหรือมากเกินไป
00:12:35 → 00:12:38 >> ถูกต้องเลยค่ะเนื้อหาได้ชี้ไปที่ตัว
00:12:38 → 00:12:41 กระตุ้นหลักๆอยู่ 2 ประการใหญ่ๆเลยที่อาจ
00:12:41 → 00:12:43 ส่งผลให้การทำงานของอินซูลินเสียสมดุล
00:12:44 → 00:12:45 แล้วก็ผิดปกติไปได้ค่ะ
00:12:45 → 00:12:48 >> มีอะไรบ้างครับช่วยขยายความหน่อยครับค่ะ
00:12:48 → 00:12:51 ประการแรกเลยนะคะคือสิ่งที่เชื่อมโยงโดย
00:12:51 → 00:12:54 ตรงกับการเปรียบเปลยเรื่องการถูกปลุกตอน
00:12:54 → 00:12:57 กำลังจะพักผ่อนนั่นคือการทำงานผิดเวลา
00:12:57 → 00:13:00 หรือทำงานหนักเกินไปค่ะหมายถึงการที่เรา
00:13:00 → 00:13:02 ไปกระตุ้นให้ตับอ่อนต้องหลั่งอินซูลินออก
00:13:03 → 00:13:05 มาทำงานในช่วงเวลาที่ร่างกายอาจจะไม่ได้
00:13:05 → 00:13:08 ต้องการหรือไม่ได้เตรียมพร้อมหรือกระตุ้น
00:13:08 → 00:13:10 ให้มันต้องทำงานหนักและถี่บ่อยจนเกินความ
00:13:10 → 00:13:14 จำเป็นเกินกว่าที่ระบบจะรับไหวตัวอย่าง
00:13:14 → 00:13:16 ที่แหล่งข้อมูลให้มาก็ชัดเจนแล้วก็ตรงไป
00:13:16 → 00:13:20 ตรงมามากเลยคือการกินน้ำตาลค้าแปรรูปบ่อย
00:13:20 → 00:13:22 ๆถี่ๆรัวๆ
00:13:23 → 00:13:27 >> โอ้โหใช้คำซ้ำๆเลยนะครับบ่อยๆถี่ๆรัวๆ
00:13:27 → 00:13:30 >> ใช่ค่ะการใช้คำซ้ำๆแบบนี้น่าจะต้องการ
00:13:30 → 00:13:32 เน้นย้ำถึงความถี่และความต่อเนื่องของการ
00:13:32 → 00:13:35 กระตุ้นซึ่งก็สอดคล้องกับภาพของการไปปลุก
00:13:35 → 00:13:38 คนที่กำลังจะพักผ่อนอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำ
00:13:38 → 00:13:40 ให้ระบบอินซูลินแล้วก็ตับอ่อนไม่ได้พัก
00:13:40 → 00:13:42 ผ่อนอย่างที่ควรจะเป็นซึ่งอาจนำไปสู่ความ
00:13:42 → 00:13:45 อ่อนล้าและความผิดปกติในการทำงานได้ค่ะ
00:13:45 → 00:13:48 >> นึกภาพตามได้ชัดเลยครับเหมือนเราใช้
00:13:48 → 00:13:50 เครื่องจักรเครื่องนึงตลอดเวลาไม่ให้มี
00:13:50 → 00:13:54 เวลาหยุดพักหรือซ่อมบำรุงเลยสุดท้ายมันก็
00:13:54 → 00:13:56 ต้องรวนหรือไม่ก็พังไปในที่สุด
00:13:56 → 00:13:59 >> การทำงานของอินซูลินมากเกินไปหรือทำให้
00:13:59 → 00:14:02 มันทำงานได้ไม่เต็มที่ผ่านการเลือกกิน
00:14:02 → 00:14:05 อาหารบางประเภทที่ไม่เหมาะสมกับร่างกาย
00:14:05 → 00:14:06 ของคนนั้นๆค่ะ
00:14:06 → 00:14:09 >> เอ๊ะการกดการทำงานเหรอครับไม่ใช่การ
00:14:09 → 00:14:11 กระตุ้นหรออันนี้ดูจะสวนทางกับสาเหตุแรก
00:14:11 → 00:14:13 เลยหมายความว่ายังไงครับเนี่ย
00:14:13 → 00:14:17 >> น่าสนใจใช่มั้ยคะเนื้อหาระบุว่าการเลือก
00:14:17 → 00:14:19 กินอาหารในรูปแบบที่จำกัดคาร์โบไฮเดรต
00:14:19 → 00:14:23 อย่างเข้มงวดมากๆเช่นการกินอาหารแบบคniv
00:14:23 → 00:14:26 diอet CD ที่เน้นเนื้อสัตว์เป็นหลักหรือ
00:14:26 → 00:14:30 คีโตจนิคdiอetคีโตที่เน้นไขมันสูงแล้วก็
00:14:30 → 00:14:33 จำกัดคาร์โบไฮเดรตมากๆนั้นหากรูปแบบการ
00:14:33 → 00:14:35 กินนั้นๆมันไม่สอดคล้องหรือไม่เหมาะกับ
00:14:35 → 00:14:39 บอดี้ typ หรือประเภทสรีระของคนนั้นๆโดย
00:14:39 → 00:14:41 เฉพาะในกลุ่มที่แหล่งข้อมูลเรียกว่าพวก
00:14:41 → 00:14:43 สายแป้งอ่ะค่ะซึ่งอาจจะหมายถึงกลุ่มที่
00:14:43 → 00:14:46 ร่างกายถูกออกแบบมาให้จัดการหรือตอบสนอง
00:14:46 → 00:14:48 กับคาร์โบไฮเดรตได้ดีกว่าหรือต้องการ
00:14:48 → 00:14:51 คาร์โบไฮเดรตในระดับนึงเพื่อการทำงานที่
00:14:51 → 00:14:52 สมดุล
00:14:52 → 00:14:55 >> ไปเลือกใช้วิธีการกินที่สุดโต่งอีกแบบนึง
00:14:55 → 00:14:57 ที่ไม่เข้ากับตัวเองแบบนั้นหรอครับ
00:14:57 → 00:15:00 >> ถูกต้องค่ะแหล่งข้อมูลอ้างว่าในกรณีแบบ
00:15:00 → 00:15:03 นี้นะคะการจำกัดคาร์โบไฮเดรตที่เข้มงวด
00:15:03 → 00:15:06 เกินไปสำหรับคนกลุ่มนี้อาจส่งผลเสียต่อ
00:15:06 → 00:15:09 การทำงานของอินซูลินได้เช่นกันโดยใช้คำ
00:15:09 → 00:15:12 ที่ค่อนข้างแรงว่าอาจทำให้การทำงานของ
00:15:12 → 00:15:15 อินซูลินเดี้ยงๆง่อย
00:15:15 → 00:15:18 โโหเดี้ยงๆง่อยเลย
00:15:18 → 00:15:21 >> ค่ะซึ่งตีความได้ว่าทำให้การทำงานของ
00:15:21 → 00:15:24 อินซูลินแย่ลงไม่ตอบสนองได้ดีเหมือนเดิม
00:15:24 → 00:15:27 หรือประสิทธิภาพลดลงแล้วก็อาจส่งผลกระทบ
00:15:27 → 00:15:30 ต่อเนื่องไปถึงตับอ่อนทำให้ตับอ่อนจะ
00:15:30 → 00:15:32 เสื่อมๆเสๆหรือเพิ่มความเสี่ยงต่อการ
00:15:32 → 00:15:35 เสื่อมสภาพของตับอ่อนในระยะยาวได้ถ้าไม่
00:15:35 → 00:15:38 ปรับอะไรเลยคือถ้ายังคงฝืนทำในสิ่งที่ไม่
00:15:38 → 00:15:41 เหมาะกับร่างกายต่อไปเรื่อยๆนะค่ะ
00:15:41 → 00:15:44 >> โอ้โหประเด็นนี้น่าสนใจแล้วก็ทรัพย์ซับ
00:15:44 → 00:15:48 ซ้อนขึ้นไปอีกนะครับเนี่ยแสดงว่าปัญหา
00:15:48 → 00:15:51 อินซูลินทำงานผิดปกติหรือก้าวร้าวเนี่ย
00:15:51 → 00:15:53 มันไม่ได้เกิดจากการกินหวานหรือกินแป้ง
00:15:53 → 00:15:56 บ่อยๆอย่างเดียวเท่านั้นแต่ในทางกลับกัน
00:15:56 → 00:15:58 การเลือกกินอาหารที่จำกัดคาร์โบไฮเดรตมาก
00:15:58 → 00:16:02 ๆอย่างคีโตหรือ CHD ก็อาจจะเป็นสาเหตุได้
00:16:02 → 00:16:04 เหมือนกันถ้าหากมันไม่เหมาะสมกับสภาพร่าง
00:16:04 → 00:16:07 กายหรือ body type ของคนนั้นๆโดยเฉพาะ
00:16:07 → 00:16:09 กับคนที่แหล่งข้อมูลเรียกว่าสายแป้งเนี่ย
00:16:09 → 00:16:12 มันเหมือนดาบ 2 คมเลยนะครับคือไม่ว่าจะ
00:16:12 → 00:16:14 สุดโต่งไปทางกระตุ้นมากไปหรือกฎการทำงาน
00:16:14 → 00:16:17 มากไปในคนที่ไม่เหมาะก็อาจนำไปสู่ปัญหา
00:16:17 → 00:16:19 เดียวกันได้ตรงนี้แหละครับที่ผมว่ามัน
00:16:19 → 00:16:22 เริ่มท้าทายความเข้าใจเดิมๆของเราจริงๆ
00:16:22 → 00:16:25 >> ใช่เลยค่ะมันชี้ให้เห็นภาพที่ซับซ้อนกว่า
00:16:25 → 00:16:28 ที่เราอาจจะเคยคิดแล้วก็เน้นย้ำถึงความ
00:16:28 → 00:16:32 สำคัญของความสมดุลและการเลือกแนวทางที่
00:16:32 → 00:16:35 เหมาะสมกับแต่ละบุคคลแทนที่จะเป็นกฎเกณฑ์
00:16:35 → 00:16:38 ตายตัวเพียงอย่างเดียวซึ่งก็นำเราไปสู่
00:16:38 → 00:16:40 ประเด็นสำคัญถัดไปที่แหล่งข้อมูลนี้
00:16:40 → 00:16:42 พยายามจะสื่อสารค่ะ
00:16:42 → 00:16:43 >> คือประเด็นอะไรครับ
00:16:43 → 00:16:45 >> คือความจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องหันมา
00:16:45 → 00:16:49 ทำความเข้าใจเรื่องกลไกของอินซูลินให้ลึก
00:16:49 → 00:16:51 ซึ้งยิ่งขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นะคะสิ่งที่
00:16:51 → 00:16:54 น่าสนใจมากๆคือแหล่งข้อมูลนี้เรียกร้อง
00:16:54 → 00:16:56 ให้เกิดความเข้าใจใน 2 ประเด็นหลักๆที่
00:16:56 → 00:16:59 เฉพาะเจาะจงมากๆระบุชัดเจนเลยว่าเราต้อง
00:17:00 → 00:17:03 พยายามทำความเข้าใจให้ได้ว่า 1 เวลาทำงาน
00:17:03 → 00:17:05 ของอินซูลินเขาเป็นอย่างไรหมายถึงจังหวะ
00:17:05 → 00:17:08 การหลั่งการทำงานการพักผ่อนตามธรรมชาติ
00:17:08 → 00:17:11 ของมันและ 2 ธรรมชาติเขาเป็นยังไงหมายถึง
00:17:11 → 00:17:14 ลักษณะเฉพาะตัวคุณสมบัติหรือกลไกการตอบ
00:17:14 → 00:17:17 สนองพื้นฐานของอินซูลินในร่างกายเราค่ะ
00:17:17 → 00:17:19 >> การทำความเข้าใจเวลาทำงานและธรรมชาติของ
00:17:19 → 00:17:21 อินซูลิน
00:17:21 → 00:17:25 อืมน่าคิดตามนะครับและแหล่งข้อมูลยังตั้ง
00:17:25 → 00:17:28 ข้อสังเกตไว้อีกด้วยว่าความเข้าใจใน 2
00:17:28 → 00:17:31 ประเด็นนี้กลับเป็นสิ่งที่แทบจะไม่มีใคร
00:17:31 → 00:17:34 รู้กันเลยซึ่งก็น่าแปลกใจเหมือนกันนะครับ
00:17:34 → 00:17:37 ทั้งที่เป็นเรื่องใกล้ตัวขนาดนี้แล้วทั้ง
00:17:37 → 00:17:40 หมดนี้มันมีความหมายหรือบอกอะไรกับเรา
00:17:40 → 00:17:43 สำหรับคนที่กำลังพยายามดูแลสุขภาพหรือ
00:17:43 → 00:17:46 กำลังค้นหาวิธีการกินการใช้ชีวิตที่เหมาะ
00:17:46 → 00:17:48 สมกับตัวเองอยู่ครับฟังดูแล้วเหมือนกับ
00:17:48 → 00:17:51 ว่าการทำความเข้าใจพฤติกรรมหรือคุณภาพการ
00:17:51 → 00:17:55 ทำงานรวมถึงจังหวะเวลาของอินซูลินเนี่ยจะ
00:17:55 → 00:17:57 กลายเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้หรืออาจจะ
00:17:57 → 00:18:00 สำคัญกว่าการรู้แค่ระดับปริมาณของมันใน
00:18:00 → 00:18:02 เลือดพิงอย่างเดียวซะอีก
00:18:02 → 00:18:04 >> ถูกต้องอย่างยิ่งเลยค่ะดิฉันคิดว่านั่น
00:18:05 → 00:18:07 คือหัวใจสำคัญที่เนื้อหานี้พยายามจะชี้
00:18:07 → 00:18:10 ให้เห็นเลยมันเป็นการเปลี่ยนจุดโฟกัสหรือ
00:18:10 → 00:18:13 อย่างน้อยก็เพิ่มมิติในการมองจากเดิมที่
00:18:13 → 00:18:16 เราอาจจะให้ความสำคัญกับตัวเลขปริมาณ
00:18:16 → 00:18:18 อินซูลินเป็นหลักไปสู่การพิจารณาถึง
00:18:18 → 00:18:21 คุณภาพในการทำงานและจังหวะเวลาหรือ
00:18:21 → 00:18:24 timมิ่งที่เหมาะสมในการทำงานของมันด้วย
00:18:24 → 00:18:27 ตามแนวคิดที่นำเสนอมาในแหล่งข้อมูลนี้นะ
00:18:27 → 00:18:27 ค่ะ
00:18:27 → 00:18:30 >> เหมือนกับว่าเราต้องมองให้ครบมิติมากขึ้น
00:18:30 → 00:18:34 ทั้งปริมาณทั้งคุณภาพแล้วก็จังหวะเวลา
00:18:34 → 00:18:35 ด้วย
00:18:35 → 00:18:38 >> ใช่ค่ะเพราะมุมมองนี้ช่วยชี้ให้เห็นว่า
00:18:38 → 00:18:41 การเลือกใช้ชีวิตประจำวันของเราในหลายๆ
00:18:41 → 00:18:43 ด้านตั้งแต่เรื่องง่ายๆอย่างเวลาที่เรา
00:18:43 → 00:18:47 กินอาหารสิ่งที่เราเลือกกินในแต่ละมื้อไป
00:18:47 → 00:18:50 จนถึงการตัดสินใจเลือกใช้วิธีการไดเอต
00:18:50 → 00:18:52 หรือรูปแบบการกินต่างๆว่ามันมีความ
00:18:53 → 00:18:55 สัมพันธ์หรือสอดคล้องกับสรีระหรือ body
00:18:55 → 00:18:59 type พื้นฐานของเรามากน้อยแค่ไหนปัจจัย
00:18:59 → 00:19:01 เหล่านี้ล้วนส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อ
00:19:01 → 00:19:04 พฤติกรรมและการทำงานของอินซูลินนะคะแล้ว
00:19:04 → 00:19:07 ก็อาจเป็นตัวกำหนดได้ว่าอินซูลินของเราจะ
00:19:07 → 00:19:10 ทำงานได้อย่างราบรื่นมีประสิทธิภาพหรือจะ
00:19:10 → 00:19:13 เกิดอาการทำงานผิดปกติก้าวร้าวจนอาจก่อ
00:19:13 → 00:19:16 ให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวได้ไม่
00:19:16 → 00:19:20 ว่าจะเป็นภาวะดื้ออินซูลินเบาหวานหรือแม้
00:19:20 → 00:19:22 แต่สุขภาพของตับอ่อนตามที่หลังข้อมูลนี้
00:19:22 → 00:19:24 ได้กล่าวถึงค่ะ
00:19:24 → 00:19:26 >> ฟังดูแล้วการทำความเข้าใจเรื่องอินซูลิน
00:19:26 → 00:19:29 ก้าวราวในมุมมองนี้ให้ถ่องแท้ทั้งสาเอด
00:19:29 → 00:19:31 ที่มาแล้วก็ผลกระทบเนี่ยน่าจะเป็น
00:19:31 → 00:19:34 ประโยชน์อย่างมากเลยนะครับในการวางแผนดู
00:19:34 → 00:19:36 แลสุขภาพองค์รวมโดยเฉพาะอย่างยิ่งใน
00:19:36 → 00:19:38 เรื่องที่เกี่ยวกับระบบการเผาผลาญซึ่ง
00:19:38 → 00:19:41 เป็นพื้นฐานสำคัญของสุขภาพที่ดีเลย
00:19:41 → 00:19:44 >> แน่นอนค่ะเพราะมันช่วยให้เราเห็นความ
00:19:44 → 00:19:46 เชื่อมโยงที่ชัดเจนขึ้นระหว่างพฤติกรรม
00:19:47 → 00:19:49 ที่เราอาจจะทำเป็นปกติในชีวิตประจำวัน
00:19:49 → 00:19:52 เช่นการกินของหวานหรือคาร์โบไฮเดรตแต่รูป
00:19:52 → 00:19:55 บ่อยครั้งเกินไปหรือแม้แต่การเลือกทำตาม
00:19:55 → 00:19:57 กระแสความนิยมในการไดเอตโดยที่อาจจะยัง
00:19:57 → 00:20:00 ไม่ได้พิจารณาอย่างรอบคอบว่ามันสอดคล้อง
00:20:00 → 00:20:02 กับร่างกายเราจริงๆหรือไม่พฤติกรรมเหล่า
00:20:02 → 00:20:05 นี้ตามมุมมองของแหล่งข้อมูลนี้นะคะสามารถ
00:20:05 → 00:20:07 เชื่อมโยงไปถึงผลกระทบต่อคุณภาพการทำงาน
00:20:07 → 00:20:10 ของอินซูลินและอาจส่งผลต่อสุขภาพของตับ
00:20:10 → 00:20:12 อ่อนในระยะยาวได้ค่ะ
00:20:12 → 00:20:15 >> ครับผมวันนี้เราก็ได้สำรวจแนวคิดที่ทั้ง
00:20:15 → 00:20:19 สนใจแล้วก็ท้าทายความเข้าใจเดิมๆไม่น้อย
00:20:19 → 00:20:22 เลยนะครับเกี่ยวกับคำว่าอินซูลินก้าวร้าว
00:20:22 → 00:20:25 จากแหล่งข้อมูลที่เราได้รับมาสรุปสั้นๆ
00:20:25 → 00:20:27 อีกครั้งก็คือเป็นแนวคิดที่เน้นย้ำว่า
00:20:27 → 00:20:30 พฤติกรรมหรือคุณภาพการทำงานของอินซูลิน
00:20:30 → 00:20:33 นั้นมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดไม่แพ้หรือ
00:20:33 → 00:20:36 อาจจะมากกว่าการพิจารณาแค่ระดับปริมาณใน
00:20:36 → 00:20:37 เลือดเพียงอย่างเดียว
00:20:37 → 00:20:41 >> ใช่ค่ะแล้วเราก็ได้เห็นจากเนื้อหาว่า
00:20:41 → 00:20:44 ปัจจัยที่อาจทำให้การทำงานของอินซูลินผิด
00:20:44 → 00:20:48 ปกติหรือก้าวร้าวนั้นมีได้หลายด้านเลย
00:20:48 → 00:20:50 ทั้งจากการไปกระตุ้นมันทำงานผิดเวลาหรือ
00:20:50 → 00:20:54 ทำงานหนักเกินไปซ้ำๆเช่นจากการกินน้ำตาล
00:20:54 → 00:20:57 หรือคาร์โบไฮเดรตแปรรูปบ่อยๆถี่ๆหรือใน
00:20:57 → 00:21:00 ทางตรงกันข้ามจากการเลือกใช้วิธีการไดเอต
00:21:00 → 00:21:03 ที่จำกัดคาร์โบไฮเดรตอย่างสุดโต่งซึ่งอาจ
00:21:03 → 00:21:06 จะไม่เหมาะสมกับประเภทร่างกายหรือ body
00:21:06 → 00:21:08 type ของบางคนก็อาจเป็นปัจจัยที่ส่งผล
00:21:08 → 00:21:11 เสียต่อการทำงานของอินซูลินและตับอ่อนได้
00:21:11 → 00:21:13 เช่นกันตามที่แหล่งข้อมูลกล่าวอ้างค่ะ
00:21:13 → 00:21:16 >> ซึ่งผลกระทบที่แสดงออกมาก็อาจจะแตกต่าง
00:21:16 → 00:21:19 กันไปในแต่ละบุคคลด้วยอย่างที่ข้อมูลชี้
00:21:19 → 00:21:23 ว่าในคนที่มีลักษณะอ้วนอินซูลินอาจจะสูง
00:21:23 → 00:21:26 ข้างในขณะที่คนที่มีลักษณะผอมอินซูลินอาจ
00:21:26 → 00:21:28 จะต่ำลงเรื่อยๆจนมีความเสี่ยงต่อตับอ่อน
00:21:29 → 00:21:29 ได้
00:21:29 → 00:21:32 >> เราได้จากการพิจารณาเนื้อหาในวันนี้นะคะ
00:21:32 → 00:21:34 ก็คือการกระตุ้นให้เรามองให้ลึกซึ้งกว่า
00:21:34 → 00:21:39 แค่ตัวเลขผลการหันมาให้ความสนใจและพยายาม
00:21:39 → 00:21:42 ทำความเข้าใจในเรื่องคุณภาพและจังหวะเวลา
00:21:42 → 00:21:45 ในการทำงานของอินซูลินตามที่เนื้อหานี้
00:21:45 → 00:21:48 เสนอขึ้นมานับเป็นอีกมุมมองนึงที่น่าสนใจ
00:21:48 → 00:21:50 อย่างยิ่งในการพิจารณาสุขภาพของระบบการ
00:21:50 → 00:21:53 เผาผลาญของเราแล้วก็ตระหนักถึงผลกระทบที่
00:21:53 → 00:21:56 อาจเกิดขึ้นจากการเลือกชีวิตในแต่ละวัน
00:21:56 → 00:21:57 ของเราเองค่ะ
00:21:57 → 00:21:59 >> มันเหมือนเป็นการเปิดมุมมองใหม่ที่ช่วย
00:21:59 → 00:22:02 ให้เราเห็นภาพรวมของสุขภาพการเผาผลาญที่
00:22:02 → 00:22:04 เชื่อมโยงกับพฤติกรรมได้ชัดเจนขึ้นนะครับ
00:22:04 → 00:22:06 >> เป็นเช่นนั้นเลยค่ะมันช่วยเชื่อมโยง
00:22:07 → 00:22:09 พฤติกรรมที่เราอาจจะมองว่าเป็นเรื่องเล็ก
00:22:09 → 00:22:11 น้อยหรืออาจจะทำไปโดยไม่รู้ตัวเช่นการกิน
00:22:11 → 00:22:14 ของหวานบ่อยๆการอดนอนหรือแม้แต่การเลือก
00:22:15 → 00:22:17 ไดเอตตามแฟชั่นโดยไม่เข้าใจร่างกายตัวเอง
00:22:17 → 00:22:19 เข้ากับความเป็นไปได้ที่จะส่งผลกระทบต่อ
00:22:19 → 00:22:22 กลไกพื้นฐานที่สำคัญอย่างการทำงานของ
00:22:22 → 00:22:25 อินซูลินแล้วก็สุขภาพของตับอ่อนในระยะยาว
00:22:25 → 00:22:28 ตามมุมมองที่นำเสนอในแหล่งข้อมูลชุดนี้
00:22:28 → 00:22:28 ค่ะ
00:22:28 → 00:22:32 >> ครับผมนั้นข้อคิดสุดท้ายที่น่าจะลองเก็บ
00:22:32 → 00:22:35 ไปขบคิดหรือสำรวจต่อยอดจากเนื้อหาที่เรา
00:22:35 → 00:22:39 ได้คุยกันในวันนี้ก็คือถ้าหากอินซูลิน
00:22:39 → 00:22:42 มีธรรมชาติและเวลาทำงานที่เฉพาะเจาะจงของ
00:22:42 → 00:22:44 มันเองจริงๆตามที่แหล่งข้อมูลนี้กล่าว
00:22:45 → 00:22:48 อ้างไว้การที่เราจะหันกลับมาเรียนรู้
00:22:48 → 00:22:51 สังเกตและทำความเข้าใจเกี่ยวกับจังหวะและ
00:22:51 → 00:22:54 ปฏิกิริยาตามธรรมชาติของร่างกายเราเองให้
00:22:54 → 00:22:57 มากขึ้นมันจะสามารถบอกอะไรเราได้บ้าง
00:22:57 → 00:22:59 เกี่ยวกับแนวทางที่ดีที่สุดในการสนับสนุน
00:23:00 → 00:23:02 การทำงานของร่างกายเราให้เป็นไปอย่าง
00:23:02 → 00:23:05 สมดุลและมีประสิทธิภาพซึ่งอาจจะเป็นแนว
00:23:05 → 00:23:08 ทางที่เฉพาะตัวมากๆและแตกต่างไปจากกฎกฎ
00:23:08 → 00:23:11 เกณฑ์การกินหรือการไดเอตโดยทั่วไปที่เรา
00:23:11 → 00:23:14 เคยได้ยินหรือปฏิบัติกันมาก็นับเป็นคำถาม
00:23:14 → 00:23:16 ปลายเปิดที่น่าสนใจนะครับแล้วก็น่าจะลอง
00:23:16 → 00:23:19 นำไปค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติมหรือเริ่มต้น
00:23:19 → 00:23:22 สำรวจจากร่างกายของตัวเองกันดูนะครับ
00:23:22 → 00:23:40 [เพลง]