00:00:00 → 00:00:04 ก็จะอ้านะครับก็วันนี้เรามาพูดคุยเกี่ยว
00:00:04 → 00:00:08 กับเรื่องของการได้ยินเออการได้ยินที่มัน
00:00:08 → 00:00:12 ส่งผลต่ออะไรนะต่อสมองเออมันเกี่ยวข้อง
00:00:12 → 00:00:14 กันน่ะเออเกี่ยวกันได้ยังไงมันเกี่ยวข้อง
00:00:14 → 00:00:16 กันนะเอ่อนะครับตอบเรื่องนี้เลยครับมี
00:00:16 → 00:00:20 ชื่อเรื่องว่าเสียงในหูสู่โรคทางสมองใน
00:00:20 → 00:00:23 กับกับนายแพทย์กรภัทร์วังธนะพัฒน์นะครับ
00:00:23 → 00:00:25 ในภาชนะการสถาบันประสาทวิทยากรมการแพทย์
00:00:25 → 00:00:29 อยู่ในสายกับเราแล้วครับสวัสดีครับสวัสดี
00:00:29 → 00:00:33 ครับตรงกับคุณอ่านช้านะครับขี่ครับคุณหมอ
00:00:33 → 00:00:36 ครับเจดีย์นะครับไม่ชัดเจนมากครับคุณมี
00:00:36 → 00:00:39 ผู้ปรอทติดตามเรื่องนี้กับเราทาง FM เขา
00:00:39 → 00:00:42 จุดห้าลงไปถึงแฟนเพจ Facebook MCOT New
00:00:42 → 00:00:45 FM 100.5 ด้วยนะครับคุณหมอครับเออเออ
00:00:45 → 00:00:50 เสียงเสียงในหูสุโรคทางสมองว่าดูแล้วมัน
00:00:50 → 00:00:54 ไปเชื่อมกันยังไงแล้วเสียงในหูโรคทางสมอง
00:00:54 → 00:00:57 จริงๆแล้วมันก็เป็นเสียงยังไงครับคุณหมอ
00:00:57 → 00:01:01 ครับโอเคครับตอนทมีแต่ทุกคนคงเข้าใจว่า
00:01:01 → 00:01:04 เปลี่ยนเสียงในหูหรือว่าการได้ยินเสียง
00:01:04 → 00:01:08 ผิดปกติเนี่ยน่าจะเป็นโรคทางของคุณหมอหมู
00:01:08 → 00:01:11 ก็จมูกชาติครับใช่มั้ยครับกับแต่ว่าจริงๆ
00:01:11 → 00:01:14 เรารู้อยู่แล้วว่าการได้ยินเนี่ยหรือว่า
00:01:14 → 00:01:18 การรับรู้ทางหูทางเสียงนะครับกับมันเป็น
00:01:18 → 00:01:21 หนึ่งในกระบวนการรับรู้ที่จะต้องไปผ่าน
00:01:21 → 00:01:24 การแปลปวดเนี่ยในสมอง
00:01:24 → 00:01:28 กันนะครับถ้ายังมีหูอย่างเดียวเนี่ยมันก็
00:01:28 → 00:01:31 ไม่สามารถทำงานได้โดยที่ไม่โดยที่ไม่มี
00:01:31 → 00:01:34 สมองไม่เหมือนกับอวัยวะอื่นเช่นอย่างตับ
00:01:34 → 00:01:37 ใจเนี่ยถึงแม้ผู้ป่วยที่มีภาวะสมองตายไป
00:01:37 → 00:01:40 แล้วเนี่ยบางครั้งตับไตมันก็ยังสามารถทำ
00:01:40 → 00:01:44 งานได้ปกติครับครับเพราะว่าอวัยวะเหล่า
00:01:44 → 00:01:47 นั้นจะเป็นอวัยวะที่สามารถทำงานได้ด้วย
00:01:47 → 00:01:51 ตัวเองแต่ว่ามันเป็นอวัยวะโดยตรงที่ไป
00:01:51 → 00:01:56 เชื่อมต่อกับการแปลผลในสมองครับครับอยาก
00:01:56 → 00:01:59 ให้แบ่งแบ่งรัตนง่ายๆก่อนอย่างโดยทั่วไป
00:01:59 → 00:02:02 เนี่ยมีลักษณะของหูเราก็ไม่ได้แตกต่างกับ
00:02:02 → 00:02:06 ในเรื่องของตัวไมโครโฟนเลย
00:02:06 → 00:02:10 ยังอรัยวะโหเนี่ยก็จะเปรียบเหมือนตัว
00:02:10 → 00:02:13 ไมโครโฟนที่เป็นหน่วยนับเปี๋ยงกลับนะครับ
00:02:13 → 00:02:16 และหลังจากนั้นเนี่ยก็จะมีสายไมโครโฟน
00:02:16 → 00:02:19 เนอะที่เป็นเสมือนกับเส้นประสาทอันนี้ก็
00:02:20 → 00:02:22 จะมีภาวะเส้นประสาทเข้ามาเกี่ยวข้องและ
00:02:22 → 00:02:23 แต่แน่นอนล่ะเริ่มเกี่ยวข้องกับระบบ
00:02:23 → 00:02:26 ประสาทและสักหลังจากนั้นเนี่ยพอผ่านเข้า
00:02:26 → 00:02:29 ไปในตู้สัญญาณก็คือจะไปแปลผลออกมาเพื่อ
00:02:29 → 00:02:33 การขยายเสียงอันนี้แหละครับในตู้สัญญาณก็
00:02:33 → 00:02:36 จะเป็นแพงตัวเป็นตัวแทนของการสมองแล้วก็
00:02:36 → 00:02:41 สมองกับแล้วจำนั้นจะเห็นว่าในส่วนการส่ง
00:02:41 → 00:02:45 ส่งสัญญาณจะปวดที่แปลปวดเนี่ยมันจะต้อง
00:02:45 → 00:02:47 เกี่ยวข้องกับเรื่องโยงกันกันมาเนี่ยแน่
00:02:47 → 00:02:49 นอนครับจำ
00:02:49 → 00:02:54 เอ่อเลขที่นี้เรามาดูในเรื่องของการได้
00:02:54 → 00:02:57 ยินเสียงที่มันผิดปกติได้ยินยังไงเป็น
00:02:57 → 00:03:01 เสียงลักษณะไหนแล้วคุณหมอๆเสียงเนี่ยนะ
00:03:01 → 00:03:04 ครับเอาตั้งแต่เราจะแบ่งทั่วไปเนี่ยออก
00:03:04 → 00:03:07 เป็นเสียงที่เกิดจากความสุขปกติใน 3 ลูก 8
00:03:07 → 00:03:12 ขับกันแรกเนี่ยก็คือในเรื่องของหูแว่ว
00:03:12 → 00:03:15 ครับอันนี้เนี่ยในเรื่องของหูแว่วเนี่ยก็
00:03:15 → 00:03:19 คือจะเป็นในลักษณะของการที่เราได้ยิน
00:03:19 → 00:03:21 เสียงผิดปกติแต่เสียงเหล่านั้นเนี่ยอาจจะ
00:03:21 → 00:03:25 มาไม่ได้อย่างสม่ำเสมอจะเกิดจากการทำงาน
00:03:25 → 00:03:30 โดยทั่วไปอย่างเป็นปกติเช่นในเรื่องของหู
00:03:30 → 00:03:33 เนี่ยมันทำงานมากเกินไปมีอาจารย์ร้านดังๆ
00:03:33 → 00:03:36 เนี่ยมันก็เหมือนกับการคล้ายๆว่าเวลาก้าม
00:03:36 → 00:03:39 เนื้อเราทำงานละละมันก็จะมีการทำงานผิด
00:03:39 → 00:03:42 ปกติได้ครับถ้าแบบนั้นนะครับอาจารย์เรา
00:03:42 → 00:03:46 เนี่ยน่าจะเป็นแบบอาจารย์ชนิดชั่วคราวอีก
00:03:46 → 00:03:49 อย่างนึงก็คือเป็นลักษณะการผิดปกติใน
00:03:49 → 00:03:52 เรื่องของการรับรู้ทางตักราดการ์ดเราสภาพ
00:03:52 → 00:03:56 จิตใจของคนที่ได้ยินอันนั้นครับนะครับ
00:03:56 → 00:03:58 เพราะฉะนั้นในกลุ่มเนี่ยเราจะแยกออกไป
00:03:58 → 00:04:01 ก่อนเลยว่าอาจเป็นลักษณะในเรื่องของการ
00:04:01 → 00:04:05 รับรู้เสียงเนี่ยเป็นความผิดปกติแตะชั่ว
00:04:05 → 00:04:08 คราวเกิดการงานร้านหรือว่าเป็นจากใน
00:04:08 → 00:04:11 เรื่องของลักษณะสภาพจิตใจของแต่ละคนที่
00:04:11 → 00:04:16 อาจจะมีลักษณะความนึกคิดๆปกติไปนะครับที่
00:04:16 → 00:04:19 ปีเองอาจจะเรื่องของ
00:04:19 → 00:04:23 กับป๊อปเพราะๆขับมาเนี่ยเป็นความผิดปกติ
00:04:23 → 00:04:26 ที่เกิดขึ้นจริงกับอวัยวะหรือว่าจะเป็น
00:04:26 → 00:04:29 อวัยวะสูอายุอวัยวะอวัยวะที่ทางเส้น
00:04:29 → 00:04:32 ประสาทหรือการจะหมองหรือตัวเนื้อสมองเอง
00:04:32 → 00:04:35 เนี่ยส่วนใหญ่เนี่ยเราจะแบ่งออกเป็น 2
00:04:35 → 00:04:38 ลักษณะนะทำถามเรื่องที่อันนี้เนี่ยเราจะ
00:04:38 → 00:04:41 ต้องต้องนึกถึงก่อนว่าโดยที่มีผู้ป่วย
00:04:41 → 00:04:44 เนี่ยจะต้องได้ยินเสียงเนี้ยเป็นเสียง
00:04:44 → 00:04:45 จริงก่อน
00:04:45 → 00:04:49 คะหือขณะต่างๆเนี่ยก็คือจะมาช่วยยืนอยู่
00:04:49 → 00:04:52 กับหน้าที่ของของคุณหมอแล้วก็คือถ้าแบบ
00:04:52 → 00:04:55 แรกก็คือจะเป็นลักษณะที่เปลี่ยนที่คนไข้
00:04:55 → 00:04:59 ได้ยินแต่คุณหมอเนี่ยไม่ได้ยินอ่ากลับไป
00:04:59 → 00:05:02 อย่างที่สองเนี่ยก็คือเสียงที่คนไข้ได้
00:05:02 → 00:05:06 ยินและพอเวลามาตรวจร่างกายเนี่ยเจอด้วย
00:05:06 → 00:05:09 เอาหมายความว่าหูแว่วน่ะคุณหมอไม่ได้ยิน
00:05:09 → 00:05:13 หรอกแต่คนไข้ได้ยินๆแต่อ่าเนี่ยจะมี
00:05:13 → 00:05:16 อุปกรณ์อย่างหูฟังเนี่ยห้ามนำไปใช้ฟัง
00:05:16 → 00:05:20 บริเวณหูของคนไข้กับและโต๊ะสามารถยืนยัน
00:05:20 → 00:05:23 ได้ว่านี่คุณหมอก็ได้ยินเหมือนกันนะ
00:05:23 → 00:05:26 ครับเขาฆ่าเราจะแบ่งเป็นแบบนี้ก่อนก็คุย
00:05:26 → 00:05:30 เป็นเสียงผิดปกติที่อ่ามาตรวจร่างกายแล้ว
00:05:30 → 00:05:32 คุณหมอได้ยินด้วยกับคุณหมอไม่ได้ยินก่อน
00:05:32 → 00:05:36 ครับครับรอแป๊บนะเดี๋ยวที่ไม่เป็นอันตราย
00:05:36 → 00:05:41 และที่มันเป็นอันตรายที่นำไปสู่สู่ความ
00:05:41 → 00:05:44 น่ากังวลของการเกิดโรคคนต่างได้เนี่ยมัน
00:05:44 → 00:05:47 ต้องเขียนยังไงครับทั้งคู่อันนี้นะครับ
00:05:47 → 00:05:50 แค่กับในเรื่องของหูแล้วออกไปแล้วนะชั่ว
00:05:50 → 00:05:55 มีโอกาสที่จะเป็นลักษณะความผิดปกติที่
00:05:55 → 00:05:59 เกี่ยวข้องกับระบบสมองได้ถึงครับมีลักษณะ
00:05:59 → 00:06:03 ที่มีความผิดปกติที่จะเจอในเรื่องความ
00:06:03 → 00:06:06 เกี่ยวข้องกับโรคทางสมองนะกันนะครับก็คือ
00:06:06 → 00:06:11 การได้ยินเสียงผิดปกติที่หูข้างเดียวหู
00:06:11 → 00:06:13 ข้างเดียวไม่ว่าจะซ้ายจะขวาแต่เป็นข้าง
00:06:13 → 00:06:16 เดียวเท่านั้นเป็นข้างเดียวฉากกันหรือสอง
00:06:16 → 00:06:20 ก็คือมาตรวจยืนยันแล้วพบความผิดปกติแบบ
00:06:20 → 00:06:24 การทดสอบด้วยเครื่องทดสอบการได้ยินครับ
00:06:24 → 00:06:28 ค่ะพี่สองว่าหูข้างใดข้างหนึ่งกิจปกติมาก
00:06:28 → 00:06:31 กว่านี้ข้างนึงกลับนะครับ
00:06:31 → 00:06:35 ตัวอย่างที่ 3 ก็คือเป็นลักษณะเสียงผู้
00:06:35 → 00:06:41 หรือว่ากูแว่วที่ได้ยินเสียงตามที่ประจร
00:06:41 → 00:06:44 ตามจังหวะหัวใจของเราเต้นท์นี่แหละกลับ
00:06:44 → 00:06:47 มันจะได้ยินออกมาเป็นเสียงลักษณะผู้
00:06:48 → 00:06:52 ตามการเต้นการตามกันเต้นของชีพจรไกลเลยทำ
00:06:52 → 00:06:56 app กับแม่ก็ยังสุดท้ายที่ชัดเจนเลยก็
00:06:56 → 00:07:00 คือพบความผิดปกติของระบบประสาทอื่นๆเล่น
00:07:00 → 00:07:02 หน้าเบี้ยว
00:07:02 → 00:07:08 อ่อนแรงมีอาการเปย์มีอาการต่ำครับรวมถึง
00:07:08 → 00:07:11 อาการปวดหัวที่เป็นลักษณะปวดหัว
00:07:11 → 00:07:15 ไม่หายทานยาก็ไม่หายหรือว่าปวดหัวที่
00:07:15 → 00:07:17 สำคัญกับอาจารย์ขึ้นไส้อาเจียน
00:07:17 → 00:07:21 ถ้าชอบครับก็คือจะเป็นสีลักษณะนี้ที่ต้อง
00:07:21 → 00:07:25 พึงระวังไว้ว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับโรคทาง
00:07:25 → 00:07:26 ระบบประสาท
00:07:26 → 00:07:29 คือดังข้างเดียว
00:07:29 → 00:07:33 in a งููดังข้างเดียวแก่ผู้แล้วก็ตรวจ
00:07:33 → 00:07:36 เจอความผิดปกติอย่างอื่นกับช้างนะครับ
00:07:36 → 00:07:39 แล้วก็ไปตรวจการได้ยินแล้วพบว่าข้างใด
00:07:39 → 00:07:43 ข้างหนึ่งผิดปกติกว่าเนี้ยแฮปเปนหรือนั้น
00:07:43 → 00:07:47 เป็นสิ่งที่ต้องพึงระวังไว้มันก็ถึงนาน
00:07:47 → 00:07:50 เท่าไหร่ครับสำหรับคนที่เป็นอาการแบบนี้
00:07:50 → 00:07:54 แล้วก็นำไปสู่โรคทางสมองนะครับ App ทั้ง
00:07:54 → 00:07:56 ปีอาจารย์เนี่ยมันนำมาสู่ตัวล็อคพี่ค่อน
00:07:56 → 00:08:00 ข้างแตกต่างกันครับอย่างที่อธิบายคุณเอก
00:08:00 → 00:08:04 กับคุณอ่านไว้ในครับระบบในเรื่องของการ
00:08:04 → 00:08:07 รับเสียงเนี่ยเราจะมีตัวรับเปลี่ยนก็คือ
00:08:07 → 00:08:10 อวัยวะที่เป็นลักษณะของหูที่เป็นหูชั้น
00:08:10 → 00:08:12 นอกชั้นกลางชั้นไหนที่เราเคยได้ยินเนาะ
00:08:12 → 00:08:15 กับทรัพย์และหลังจากนั้นเนี่ยต่อจากอู่
00:08:15 → 00:08:18 ชั้นในเนี่ยก็จะเป็นเส้นประสาทแต่พี่แจ็ค
00:08:18 → 00:08:21 ไปเชื่อมต่อบริเวณก้านสมองแล้วก็ไปแกปวด
00:08:21 → 00:08:24 ขี้สมองใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
00:08:24 → 00:08:27 ก็แค่นั้นเราจะเห็นว่าตัวโลกเนี่ยมันเกิด
00:08:27 → 00:08:31 ขึ้นได้จากตั้งแต่อวัยวะต่างหูทั้งสาม
00:08:31 → 00:08:35 ชั้นชั้นนอกชั้นกลางชั้นในแบบคือเป็นตัว
00:08:35 → 00:08:38 โลกของทางเต้นระบบประสาทจับแล้วก็ถัดมาก็
00:08:38 → 00:08:41 คือเป็นตัวโลกที่มีความเกี่ยวข้องกับการ
00:08:41 → 00:08:45 จะบอกและสมองครับครับเพราะฉะนั้นตัวโลก
00:08:45 → 00:08:49 เนี่ยมันจะทำทางแตกต่างกันเลยตัวอย่างใน
00:08:49 → 00:08:53 เรื่องของเอ่อโรคเกี่ยวกับหูก่อนกับที่
00:08:53 → 00:08:55 เราเจอได้บ่อยเนี่ยก็อย่างเช่นในเรื่อง
00:08:55 → 00:09:00 ของที่หูอุดตันอาจจะเติมตรงตัวเองไหมบ่
00:09:00 → 00:09:02 เคยไหม
00:09:02 → 00:09:07 on ไม่ไม่ค่อยมีโอกาสกับ
00:09:07 → 00:09:10 น้ำเข้าหูอ่ะฮ่าๆๆ
00:09:10 → 00:09:13 ตัวอย่างผมอุ๊ปส์ว่าแต่ถ้าหากแล้วมีน้ำ
00:09:13 → 00:09:16 เข้าหูแต่ว่าเราสามารถปล่อยให้มันระเหยไป
00:09:16 → 00:09:21 ได้เองและมันก็จะกลับมาไม่อื้อกับปกติแบบ
00:09:21 → 00:09:22 นี้ครับ
00:09:22 → 00:09:27 เนี่ยเอาวะการได้ยินเสียงผิดปกติเนี่ยมัน
00:09:27 → 00:09:31 อาจจะเกิดจากการที่เราเนี่ยได้กินมากเกิน
00:09:31 → 00:09:34 ไปหรือว่าไม่ได้ยินเต้นหรือว่าไม่ได้ยิน
00:09:34 → 00:09:38 ก็ทำให้ได้ยินผิดปกติได้นะ
00:09:38 → 00:09:41 การ์ตูนแล้วงงๆหน่อยอ่าหายถึงหูยกตัว
00:09:41 → 00:09:45 อย่างเช่นในเรื่องของเวลาที่เราดู
00:09:45 → 00:09:49 โทรทัศน์กับนะครับแต่เปิดมันมีสัญญาณภาพ
00:09:49 → 00:09:53 จากยานเสียงมาหาแป๊บว่าในทีวีเมื่อก่อน
00:09:53 → 00:09:55 เนี่ยถ้าเกิดสัญญาณหลุดไป
00:09:55 → 00:09:58 ดูโทรทัศน์เนี่ยมันจะกลายเป็นมิตรจุดๆ
00:09:58 → 00:10:02 ตาแบบนั้นใช่ไหมครับใช่ครับจะเป็นใน
00:10:02 → 00:10:05 ลักษณะนั้นเลยก็คือถ้าหากว่าหูเราเนี่ย
00:10:05 → 00:10:09 สมมติมันเกิดบิดการทำงานขึ้นแต่ที่จะไม่
00:10:09 → 00:10:12 ได้กินเลยนะมันกลับเรากลับไปรู้สึกว่าง
00:10:12 → 00:10:14 เลยมันเหมือนได้ยินเสียงอะไรที่มันผิด
00:10:14 → 00:10:19 ปกติขึ้นมาขอแผนที่จะเป็นเงียบสนิท 5 ที่
00:10:19 → 00:10:22 เหมือนกับเราอยู่อยู่ที่เงียบๆห้องเงียบๆ
00:10:22 → 00:10:25 ไม่มีอะไรเลยจะอยู่ดีๆหูได้ยินเห้ยอะไร
00:10:25 → 00:10:29 ขึ้นมาแล้วครับแบบนั้นเลยวันนี้เป็นอย่าง
00:10:29 → 00:10:33 อื่นแล้วเนี่ยขี้หูอุดตัน
00:10:33 → 00:10:37 รวมถึงทุกอย่างนึงก็คือเส้นประสาทหูเสพ
00:10:37 → 00:10:40 ฉันว่าหยุดการทำงานไปอ่ะนะครับก็จะทำให้
00:10:40 → 00:10:44 เกิดสภาวะนี้ได้เช่นกันอ่ะครับส่วนอีกโลก
00:10:44 → 00:10:47 หนึ่งที่เราเจอที่ชัดนะครับก็คือจัดการ
00:10:47 → 00:10:49 ที่ได้ยินเสียงผิดปกติก็คือยกตัวอย่างต่อ
00:10:49 → 00:10:52 ในเรื่องการที่เราได้ยินเสียงผู้ในหู
00:10:52 → 00:10:57 ครับซึ่งตัวโลกนี้มันมีสัมพันธ์กับตัวโลก
00:10:57 → 00:11:01 แบบเลือดของสมองของจะเป็นตัวลบหลับรสปาใน
00:11:01 → 00:11:04 สมองหรือว่าเป็นโรคหลอดเลือดรั่วในสมอง
00:11:04 → 00:11:08 ฉับครับเพราะว่าทั้งคู่เนี่ยจะทำให้เกิด
00:11:08 → 00:11:11 กระแสของเลือดที่มันหมูบนผิดปกติจึงกลาย
00:11:11 → 00:11:15 เป็นเขียนผู้และมันสะท้อนเข้ามาในหู
00:11:15 → 00:11:20 หมายถึงว่ามันมีเสียงอยู่ข้างในสมองร่าง
00:11:20 → 00:11:22 กายจากหลอดเลือดนั้นอ่ะแต่มันส่งมาถึง
00:11:22 → 00:11:26 จมูกสุดซึ้งหูอย่างเงี้ยยังตกกติแล้ว
00:11:26 → 00:11:28 สมมุติว่าเราตัดชุดอาจรหรือว่าขาเขาฮู้
00:11:28 → 00:11:31 บริเวณข้อมือเนี่ยมาฟังชุดประจอนที่
00:11:31 → 00:11:33 บริเวณต้นเนี่ยเราจะไม่ได้ยินเสียงกู้
00:11:33 → 00:11:36 เพราะว่ามีของตั้งแต่เลือดเนี่ยเกือบร้อย
00:11:36 → 00:11:39 เปอร์เซ็นมันวิ่งในคลิปทิศทางเดียวของ
00:11:39 → 00:11:42 ครับพี่แปดถ้าหากว่ามันมีตัวปานหรือหลอด
00:11:42 → 00:11:45 เลือดตัวอยู่เนี่ยมันจะให้เกิดกระแสที่
00:11:45 → 00:11:49 มันหมุนแล้วมาชนกันเพิ่มขึ้นก็แต่ที่คน
00:11:49 → 00:11:52 นั้นอาจจะไปชนบริเวณอวัยวะข้างเคียงมาเลย
00:11:52 → 00:11:56 ทำให้เกิดเสียงที่เป็นเสียงผู้เกิดขึ้นขอ
00:11:56 → 00:11:59 แสดงว่าคนที่มีอาการได้ยินเสียงฟู่ในหู
00:11:59 → 00:12:03 เนี่ยอันนี้ไม่ใช่ว่าทิ้งไว้แล้วก็เลย
00:12:03 → 00:12:06 เดี๋ยวก็หายเองเดี๋ยวนอนตื่นนึงพักผ่อน
00:12:06 → 00:12:08 น้อยหรือเปล่าหรือว่าไปใส่หูฟัง Small
00:12:08 → 00:12:11 Talk มาแล้วมันก็ทางเสียงทางหูหรือเปล่า
00:12:11 → 00:12:14 ไม่ใช่อย่างนั้นใช่มั้ยฮะจำเป็นจะต้องไป
00:12:14 → 00:12:17 พบแพทย์หรือใช่มั้ยฮะแล้วก็คือลืมย้ำ
00:12:17 → 00:12:19 เหมือนที่บอกคุณต้องกับคุณผ่านไปนะว่า
00:12:19 → 00:12:22 ครับใน 4 เนี่ยอันนี้ก็คือมีเสียงปูด้วย
00:12:22 → 00:12:27 จะอ่านที่จะต้องมาทำการตรวจและรบกวนปล่อย
00:12:27 → 00:12:29 ทิ้งไว้เอง
00:12:29 → 00:12:32 ความรุนแรงของอาการนี้นะครับจัดเสียงได้
00:12:32 → 00:12:36 ยินเสียงผู้นั้นมันมีระดับมั้ยว่าแรงมาก
00:12:36 → 00:12:39 รุ่นแรงน้อยหรือว่าอันตรายแล้ว
00:12:39 → 00:12:41 มีความรุนแรงจริงๆเนี่ยขึ้นอยู่กับแต่ละ
00:12:41 → 00:12:45 บุคคลเพราะว่าลักษณะความอดทนแล้วก็ลักษณะ
00:12:45 → 00:12:48 เป็นปราสาทของหูแต่ละคนยังไม่เข้ากัน
00:12:48 → 00:12:51 ที่สุดในบางครั้งเนี่ยนะครับก็เคยเจอว่า
00:12:51 → 00:12:54 คนไข้เนี่ยมีความคิดถึงอยากจะทำร้ายตัว
00:12:54 → 00:12:58 เองอย่างนั้นเหรอฮะใช่ครับเพราะว่าเสียง
00:12:58 → 00:13:01 เนี่ยมันรบกวนมากทั้งการทำงานทั้งตาลนอน
00:13:01 → 00:13:04 คำใช่มั้ยสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนสงบสุข
00:13:04 → 00:13:06 ตามปกติเลย
00:13:06 → 00:13:11 โอ้โหลงไปว่างั้นไปเลยสำหรับทางการแพทย์
00:13:11 → 00:13:14 แล้วเนี่ยเราจะแบ่งในอีกลักษณะหนึ่งก็คือ
00:13:14 → 00:13:17 ถ้าหากและเป็นโลกเอาเฉพาะที่ได้ยินเสียง
00:13:17 → 00:13:20 ผู้ก่อนนะครับเนี่ยครับลดหลอกรถตาลหรือ
00:13:20 → 00:13:23 ว่าโรคหลอดเลือดลวดเนี่ยเราจะแต่งออกเป็น
00:13:23 → 00:13:26 ชนิดที่มันมีความรุนแรงที่ไปรบกวนใน
00:13:26 → 00:13:29 เรื่องของสมองหักเลือดสมองหรือเปล่าหรือ
00:13:29 → 00:13:32 ไม่รบกวนนะครับเพราะว่าถ้าหากว่ามันมีการ
00:13:32 → 00:13:34 รบกวนหรอกเลือดสมองโดยตรงเนี่ยไม่ได้เป็น
00:13:34 → 00:13:37 แค่หลอดเลือดแถวหูและมันมีโอกาสที่จะทำ
00:13:37 → 00:13:39 ให้เกิดภาวะ
00:13:39 → 00:13:43 อ่าอันนี้พูดกันนะภาพขึ้นมาได้เออก็อาจจะ
00:13:43 → 00:13:47 ฟังดูน่ากลัวหน่อยไม่อ่าน่ากลัวเลยก็เลย
00:13:47 → 00:13:51 แต่ว่าแต่ว่าเรายังโชคดีที่ภาวะดังกล่าว
00:13:51 → 00:13:54 เนี่ยไม่ว่าจะเป็นโรคหลอดเลือดรั่วหรือ
00:13:54 → 00:13:57 หลอดเลือดตาเนี่ยเราจะได้ไม่เยอะมากเรา
00:13:57 → 00:14:00 เจอเยอะมากกว่าแล้วก็ที่คนไข้มาหาใน
00:14:00 → 00:14:02 ปัจจุบันมากกว่าเนี่ยนักจะเป็นโรคทางหู
00:14:02 → 00:14:05 แล้วก็จะเป็นโรคหลอดเลือดกลัวชนิดไม่รุน
00:14:05 → 00:14:09 แรง
00:14:09 → 00:14:12 เกิดจากอะไรใดๆหน่อยนะครับว่าจะไปใจเริ่ม
00:14:12 → 00:14:16 สงสัยว่ามันเกิดจากอะไรวันเหรอในเรื่อง
00:14:16 → 00:14:20 ของตัวแต่เพราะเสียงเอาเจาะไปที่ลบหลอด
00:14:20 → 00:14:23 เลือดสมองก่อนละกันนะครับอ่ะถ้าสำหรับตัว
00:14:23 → 00:14:26 ปลาเนี่ยส่วนใหญ่เป็นตั้งแต่เด็กว่าเป็น
00:14:26 → 00:14:30 ปลาเนี่ยมันก็เหมือนกับตาลบริเวณทั่วไป
00:14:30 → 00:14:33 ของร่างกายเรามันจะค่อยโตขึ้นตามร่างกาย
00:14:33 → 00:14:37 เราจงหยุดนะครับกลับแล้วก็พอถึงจุดๆนึง
00:14:37 → 00:14:40 เนี่ยที่มันมีการเปลี่ยนแปลงของกระแสใน
00:14:40 → 00:14:43 ตัวฟานมากๆก็เลยจะทำให้เปิดอาการเพียงผู้
00:14:43 → 00:14:47 ขึ้นมันอย่างที่บอกแล้วถ้ามันเปิดไปรบกวน
00:14:47 → 00:14:51 การไหลเวียนของหลอดเลือดในสมองอาจจะเกิด
00:14:51 → 00:14:54 การที่ทำให้หลอดเลือดแตกขึ้นมาได้
00:14:54 → 00:14:57 ก็ไปนะตัวตัวนิดอย่างนึงก็คือหลอดเลือด
00:14:57 → 00:15:00 ทั่วคนละอย่างกันเมื่อกี้หลอดเลือดตาลนะ
00:15:00 → 00:15:02 ครับนี้เราจัดรูปแบบลวดลวดเนี่ยจะ
00:15:02 → 00:15:06 สัมพันธ์กับภาวะของหลอดเลือดดำอุดตันหรือ
00:15:06 → 00:15:11 ว่าการที่มีเรื่องลักษณะของผนังหลอดเลือด
00:15:11 → 00:15:13 ผิดปกติเช่นอันนี้จะไม่ได้เกิดแต่กำเนิด
00:15:13 → 00:15:17 ครับอาจจะเกิดตามมาในตอนหลังอาจจะ
00:15:17 → 00:15:19 สัมพันธ์กับอุบัติเหตุเล็กน้อย
00:15:19 → 00:15:21 เนี่ย Touch
00:15:21 → 00:15:26 ดูหนังก็มีแหละเห็นก็ได้เข้าใจแล้วค่ะพูด
00:15:26 → 00:15:29 ถึงสาเหตุแล้วมันมีวิธีป้องกันเพื่อจะไม่
00:15:29 → 00:15:31 ให้เกิดอาการเหล่านี้กันกับเราได้ไหมครับ
00:15:31 → 00:15:35 อันถัดเราเรื่องต้องกันนะครับเอ่อเราย้อน
00:15:35 → 00:15:39 กลับไปในเรื่องของการดูแลหูก่อนทำช็อป
00:15:39 → 00:15:43 เพราะว่าอย่างที่ว่าเราแบ่งการระบบการได้
00:15:43 → 00:15:46 ยินออกเป็น 3 ส่วนอยู่ที่ใบหน้าต้องกัน
00:15:46 → 00:15:49 ได้แน่ๆเนี่ยจะมีอยู่ประมาณ 2 ประเด็นนะ
00:15:49 → 00:15:53 ครับและก็คือในเรื่องของการดูแลหูซึ่งเรา
00:15:53 → 00:15:56 สามารถดูแลหูเนี่ยได้เฉพาะหูทันลอกอย่าง
00:15:56 → 00:15:59 แรกเลยเนี่ยก็คือในเรื่องของการ
00:15:59 → 00:16:04 ขอให้หูไม่ว่าจะเป็นหูฟังการเข้าไปในไป
00:16:04 → 00:16:07 อยู่ที่บริเวณที่มีเสียงดังมากๆอันนี้
00:16:07 → 00:16:09 ครับรบกวนหลีกเลี่ยงยิ่งในสถานการณ์
00:16:09 → 00:16:13 ปัจจุบันยิ่งมีการใช้เหตุ ponr Thai
00:16:13 → 00:16:17 Tube ค่อนข้างเยอะถ้าครั้งเนี่ยเราควรมี
00:16:17 → 00:16:19 การพักขู่แล้วก็ควรปรับระดับเสียงเนี้ย
00:16:19 → 00:16:23 ให้มันอยู่ในสภาพที่เหมาะสมครับนะครับก็
00:16:23 → 00:16:26 คือต้องมีช่วงพักครูบ้าง
00:16:26 → 00:16:30 ถ้างั้นไม่ได้ว่าใส่ทั้งวัน
00:16:30 → 00:16:34 โดยปกติทั่วไปเนี่ยเราก็จะแนะนำว่าอย่าง
00:16:34 → 00:16:37 น้อยเนี่ยประมาณสักครึ่งชั่วโมงเราควรจะ
00:16:37 → 00:16:39 มาเบรกบ้าง
00:16:39 → 00:16:43 พักบ้างเสียงก็ไม่ควรดังเชิญไปอย่างเราคง
00:16:43 → 00:16:46 เคยได้ยินว่าอย่างไหนเด็กเนี่ยเขามีหูฟัง
00:16:46 → 00:16:49 เฉพาะสำหรับเด็กผู้ควบคุมความเข้มของ
00:16:49 → 00:16:53 เสียงไม่ให้มันดังเกินไปค่ะหนูจะคงผู้
00:16:53 → 00:16:54 ใหญ่ไม่มี
00:16:54 → 00:16:59 แล้วเป็นเวลาใช้จริงๆถ้าหากว่าจำเป็นจริง
00:16:59 → 00:17:02 ๆเราควรกลับระดับเสียงให้เหมาะสมแล้วก็ทำ
00:17:02 → 00:17:05 เพียงการที่ใช้หูฟังเนี่ยเป็นเวลานานกับ
00:17:05 → 00:17:08 การที่ใช้หูฟังไปในสิ่งแวดล้อมที่ดังมากๆ
00:17:08 → 00:17:11 ยังเหมือนเราใส่หูฟังแล้วออกไปยืนกลางถนน
00:17:11 → 00:17:14 เราไม่ขึ้นเปลี่ยนดังขึ้นไปอีกซึ่งเราไม่
00:17:14 → 00:17:17 รู้ตัวหรอกว่าเราเนี่ยได้เพิ่มเสียงดัง
00:17:17 → 00:17:20 แล้วก็จะทำให้กูได้รับปากเป็ดเส้นประสาท
00:17:20 → 00:17:24 จะทำงานมากเกินไปและแบบนั้นเราจะรู้ว่า
00:17:24 → 00:17:27 ไม่ได้ยินเราก็ต้องพูดไปอีกมีแบบนี้ครับ
00:17:27 → 00:17:31 และส่วนที่ 2 เนี่ยก็คือโลกที่เกี่ยวข้อง
00:17:31 → 00:17:33 กับทางหลอดเลือดที่เราสามารถป้องกันได้
00:17:33 → 00:17:37 ครับนะครับพรุ่งนี้เนี่ยก็คือจะเป็นการ
00:17:37 → 00:17:40 ควบคุมปัจจัยท้ายกับโรคหลอดเลือดที่
00:17:40 → 00:17:41 เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดอัมพฤกษ์อัมพาต
00:17:41 → 00:17:45 หรือว่าโรคหลอดเลือดหัวใจเองค่ะครับก็คือ
00:17:45 → 00:17:48 หลักการเกี่ยวข้องกับในเรื่องของอันแรก
00:17:48 → 00:17:52 เลยก็คืออาหารลมปาก
00:17:52 → 00:17:55 หมอลำอันนี้ไม่ได้กินเค็มมันหวานนะให้ดิบ
00:17:55 → 00:17:59 เรียนเกือบไปแล้วครับคุณหมอเข้าใจผิด
00:17:59 → 00:18:02 โอ้โหพรุ่งนี้จัดเลยเค็มมันหวาน
00:18:02 → 00:18:06 แอปก็จะพบสามโลกเลยทั้งเบาหวานความดันและ
00:18:06 → 00:18:06 ไขมัน
00:18:06 → 00:18:11 อันนี้เป็นปัจจัยที่สำคัญนะครับต่อมาก็
00:18:11 → 00:18:14 คือในเรื่องของตุลาและบุหรี่ครับนะครับ
00:18:14 → 00:18:16 เว็บแน่นอนบุหรี่มีผลกับหลอดเลือดด่วน
00:18:16 → 00:18:19 ตุลาเนี่ยจะทำให้ภาวะการทำงานของเป็น
00:18:19 → 00:18:22 ประสาทแล้วก็การดูดซึมวิตามินที่เกี่ยว
00:18:22 → 00:18:24 ข้องกับเส้นประสาทผิดปกติไป
00:18:24 → 00:18:28 หากและนอกจากนี้ก็คือในเรื่องของการออก
00:18:28 → 00:18:31 กำลังกายแล้วก็หักการควบคุมอารมณ์ก็มีผล
00:18:31 → 00:18:34 เหมือนกันที่จะรับผมที่เพชรแต่งโรคหลอด
00:18:34 → 00:18:39 เลือด Hug Hut ติดต่อกับวิธีไปถึงวิธี
00:18:39 → 00:18:42 ทักเปิดเกิดเป็นแล้วล่ะครับคุณหมอเกิด
00:18:42 → 00:18:45 เป็นอาการอย่างที่คุณหมอบอกมาได้ยินเสียง
00:18:45 → 00:18:48 ผู้นั้นมีอาการเริ่มทยอย
00:18:48 → 00:18:52 รุนแรงขึ้นนี้มันปัจจัยรักษากันได้บ้าง
00:18:52 → 00:18:55 ครับแค่ครับไม่ว่าจะเสียงพูดหรือว่าได้
00:18:55 → 00:18:58 ยินเสียงผิดปกติทางเดียวยังไงก็ตามต้องมา
00:18:58 → 00:19:01 ตรวจกันก่อนเพราะว่าตัวโลกบางอย่างเนี่ย
00:19:01 → 00:19:04 สามารถรักษาได้ด้วยยาหรือว่ารักษาด้วยกัน
00:19:04 → 00:19:07 ปรับปรุงพฤติกรรมนะครับเช่นในเรื่องของ
00:19:07 → 00:19:10 ภาวะหูดับหรือว่าครูอู๋ที่มันเกิดการไม่
00:19:10 → 00:19:13 ทำงานเกิดขึ้นและได้ยินเสียงวิ่งหรือว่า
00:19:13 → 00:19:16 ได้ยินเสียงอย่างผิดปกติเนี่ยนะครับถ้า
00:19:16 → 00:19:20 หากว่าเรามาตรวจยืนยันแล้วก็หาโลกพื้นที่
00:19:20 → 00:19:23 เป็นโรคบุญแรงออกไปแล้วเนี่ยเราสามารถใช้
00:19:23 → 00:19:25 ยาแล้วก็พักหู
00:19:25 → 00:19:29 มากลับมาทำงานได้ปกติครับส่วนในเรื่องที่
00:19:29 → 00:19:32 เกี่ยวข้องกับโลกหลอดเลือดเนี่ยเราก็ยัง
00:19:32 → 00:19:35 มีวิธีเฉพาะซึ่งเทคโนโลยีในปัจจุบันเนี่ย
00:19:35 → 00:19:36 เราสามารถ
00:19:36 → 00:19:39 จะใช้การรักษาผ่านทางสายสวนแบบเลือดที่
00:19:39 → 00:19:41 เป็นแพงขนาดเล็กไม่จำเป็นต้องผ่าตัดได้
00:19:41 → 00:19:43 ค่ะ
00:19:43 → 00:19:46 เหมือนกับผ่าตัดขนาดเล็กแผลที่มีก็จะซัก
00:19:46 → 00:19:50 ประมาณ 3 มิล
00:19:50 → 00:19:53 ถ้าแสดงว่าก็ใช้เรื่องของการผ่าตัดเข้ามา
00:19:53 → 00:19:56 ช่วยในการรักษาแม้แต่ลูกบางอย่างนะสำหรับ
00:19:56 → 00:19:58 โลกมาอย่า
00:19:58 → 00:20:02 ช่างนะอาจารย์ครับมีคำถามจากคุณผู้ฟัง
00:20:02 → 00:20:05 ครับยังไงคุณได้ฟังฝากถามเข้ามาบอกว่า
00:20:05 → 00:20:08 เรียนถามอาจารย์หน่อยค่ะย่านเนี่ยเป็นผู้
00:20:08 → 00:20:12 หญิงอายุ 72 ปีแล้วก็เพิ่งมีอาการเดินเซ
00:20:12 → 00:20:16 เมื่อคืนนี้ปกติเนี่ยเป็นโรคหูดับแต่กลาง
00:20:16 → 00:20:19 วันนี้อาการดีขึ้นควรปฏิบัติตัวอย่างไรดี
00:20:19 → 00:20:25 คะอาจารย์แป๊บก็แต่ตอนนี้เนี่ยถ้าหากว่า
00:20:25 → 00:20:28 ดูจากอายุแล้วก็อาจารย์ที่เกิดขึ้นถาปะ
00:20:29 → 00:20:31 เนี่ยผมว่าควรจะไปพบงานเพราะว่าอย่างที่
00:20:31 → 00:20:35 ว่านะครับเดินเตเนี่ยอย่างน้อยเราต้องมา
00:20:35 → 00:20:38 ตรวจยืนยันก่อนนี้ก็เป็นการเดินเตที่เกิด
00:20:38 → 00:20:40 จากการผิดปกติของระบบประสาทจริงหรือไม่
00:20:40 → 00:20:44 ถ้าหักและใช้เนี่ยก็คงต้องตรงทำการ
00:20:44 → 00:20:48 วินิจฉัยด้วยภาพรังสีไม่ว่าจะเป็นตัว C P
00:20:48 → 00:20:51 หรือว่าเป็นตัว MRI ด้วยยืนยันตัวโลกอีก
00:20:51 → 00:20:52 ทีนึง
00:20:52 → 00:20:55 แนะนำว่าไม่ควรปล่อยไว้ควรจะมาตรวจดีกว่า
00:20:55 → 00:20:58 ก่อนที่มันจะกลับมาเป็นตามและอาการแย่
00:20:58 → 00:21:02 กว่านี้ครับค่ะตอนนี้อีกคำถามหนึ่งคำ
00:21:02 → 00:21:06 อาจารย์บอกว่ามีอาการคันในรูหูทั้งสอง
00:21:06 → 00:21:11 ข้างคันมากกว่าปกติปกติในเป็นคนที่ขี้หู
00:21:11 → 00:21:14 แห้งเนี่ยอันนี้เราจะซื้อยามารักษาตนเอง
00:21:14 → 00:21:17 หรือว่าดูแลตัวเองได้หรือเปล่าครับโอเค
00:21:17 → 00:21:20 ครับอืมตรงนี้พวกไปเนี่ยเราไม่แนะนำใน
00:21:20 → 00:21:24 เรื่องของการดูแลหูด้วยตัวเองครับเช่นใน
00:21:24 → 00:21:27 เรื่องของการเอาไม้ปั่นหรือว่าเอาอะไรไป
00:21:27 → 00:21:30 แค่ในรูหูตัวเองตามนะครับจริงๆแล้วเนี่ย
00:21:30 → 00:21:33 อย่างไม้พันสำลีที่เขาออกแบบมาเนี่ยจะ
00:21:33 → 00:21:36 เปิดตัวนี้ทำการเช็ดบริเวณใบหูแล้วก็
00:21:36 → 00:21:40 มาดูหูบริเวณแค่ต้นๆเท่านั้นเป็นการปั่น
00:21:40 → 00:21:42 เข้าไปก็
00:21:42 → 00:21:47 จะทำให้เกิดภาวะที่อุดตันหรือว่าอาจจะไป
00:21:47 → 00:21:50 ทำบัตรเก็บต่อเยอะแก้วหูได้
00:21:50 → 00:21:54 หมดนะเนี่ยมันจะไม่เหมือนกับโลกทางอื่น
00:21:54 → 00:21:57 ที่อาจสามารถลองไปซื้อยาทานเองได้เช่น
00:21:57 → 00:21:59 อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อแบบนั้นนะครับ
00:21:59 → 00:22:03 ประธานโลกทั้งหูเนี่ยแนะนำว่าไปตรวจดี
00:22:03 → 00:22:06 กว่าแต่ว่าถ้าหากว่าเป็นในเรื่องของอาการ
00:22:06 → 00:22:09 คันและก็คันแสงหูเนี่ยอาจจะต้องไปดูใน
00:22:09 → 00:22:11 เรื่องของภาวะแพ้หรือเปล่า
00:22:11 → 00:22:16 นะเนี่ยอย่างโดยทั่วไปหู 2 ข้างมันมีระยะ
00:22:16 → 00:22:19 ที่ค่อนข้างใจกันใช้เวลาเปิดโลกเกิดขึ้น
00:22:19 → 00:22:22 เนี่ยถ้าหากเป็นโรคอย่างที่ว่านะคะไม่ว่า
00:22:22 → 00:22:24 จะเป็นโรคหลอดเลือดโรคเนื้องอกของบริเวณ
00:22:24 → 00:22:29 หูเนี่ยนักจะเป็นที่ข้างใดทางหนึ่งของข้า
00:22:29 → 00:22:31 เนี่ยอาจจะเป็นในเรื่องของอาการอีกโลก
00:22:31 → 00:22:33 อย่างอื่นหรือเปล่าเช่นกลุ่มแพ้เป็นไปได้
00:22:33 → 00:22:35 อ่า
00:22:35 → 00:22:38 คุณนุแล้วโอกาสที่เหมือนเหมือนจะเกิด
00:22:38 → 00:22:42 เชื้อราในรูหูทั้งสองพังทางพร้อมกันอ่ะ
00:22:42 → 00:22:47 คืออะไรนะครับด้วยนะครับถือว่าน้อยมาก
00:22:47 → 00:22:51 ครับแล้วก็มีโอกาสอยู่แต่ว่าโดยทั่วไปเรา
00:22:51 → 00:22:54 มักจะพบภาวะความผิดปกติที่เกิดขึ้นของหู
00:22:54 → 00:22:57 แค่ข้างใดข้างหนึ่ง
00:22:57 → 00:23:03 ขับแป๊บโหก็เอ่อใดๆก็แล้วแต่ถ้ามีอาการ
00:23:03 → 00:23:08 เกี่ยวกับเบอร์หูรวมถึงและสัตว์แปลกๆที่
00:23:08 → 00:23:12 ร่างกายปรากฏขึ้นมาเนาะอย่างหมอก็ไม่ควร
00:23:12 → 00:23:16 จะจะปล่อยไว้ไว้วางใจไม่ได้เลยไม่กวนและ
00:23:16 → 00:23:19 เลยเพราะจริงๆกูก็เป็นอวัยวะที่สำคัญไม่
00:23:19 → 00:23:22 น้อยกว่าอวัยวะอื่นเลยช่าง
00:23:22 → 00:23:26 อาจารย์แล้วปกติคนอายุเท่าไหร่พูดถึงควร
00:23:26 → 00:23:29 จะเริ่มตรวจการได้ยินนะครับแต่ฉัน
00:23:29 → 00:23:33 ไม่พูดไปเรายังไม่มีข้อกำหนดแชมเปญครับยก
00:23:33 → 00:23:36 เว้นคนที่ทำงานในแหล่งที่มีเหรียญเหรียญ
00:23:36 → 00:23:39 ดีค่อนข้างความเข้มข้นสูง
00:23:39 → 00:23:43 เช่นในโรงงานอุตตะนะกรรมอย่างนี้หรือว่า
00:23:43 → 00:23:47 เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องอยู่เย็นถนน
00:23:47 → 00:23:51 กลางจังหวัดทำปริมาณมากแบบนี้นะครับเรา
00:23:51 → 00:23:54 ถึงจะแนะนำให้มีการตรวจหัวเนี่ยเป็นประจำ
00:23:54 → 00:23:55 ทุกปี
00:23:55 → 00:23:58 ครับไปสำหรับคนทั่วไปเนี่ยยังไม่ได้มี
00:23:58 → 00:24:01 กำหนดออกมาเป็นในลักษณะว่าอาจต้องมาตรวจ
00:24:01 → 00:24:05 เป็นประจำนั้นแต่ข้าวนะครับก็อาจจะจะเป็น
00:24:05 → 00:24:08 กลุ่มอาชีพที่เสี่ยงต่อกันอยู่ในสภาวะที่
00:24:08 → 00:24:11 มีเสียงดังใช่ไหมประกันได้เพราะว่าพวกนี้
00:24:11 → 00:24:14 ก็จะมีกฎหมายในการประกอบอาชีพที่ควบคุม
00:24:14 → 00:24:17 ว่าต้องมีการเปิดก็ใส่อุปกรณ์ในการป้อง
00:24:17 → 00:24:17 กัน
00:24:17 → 00:24:22 มีเจ้านี่มันบินเฮียปลั๊กเองเอ่อไอ้ๆครับ
00:24:22 → 00:24:26 ออกสนามบินอีกที่นึงไปนั่งมากครับแล้วก็
00:24:26 → 00:24:30 อย่างฉันโดนแบบภรรยาบ่นบ่อยๆนี้เนี่ยมัน
00:24:30 → 00:24:33 ไม่มีความเสียงอันนี้น่าจะเป็นความเสี่ยง
00:24:33 → 00:24:34 สูง
00:24:34 → 00:24:40 ต้องมามีสีเอออ่ะทุกวันอาจารย์มีคำถามสุด
00:24:40 → 00:24:45 คุณไม่ฟังอันนี้เป็นเรื่องจริงเหรอกัน
00:24:45 → 00:24:49 โดยทั่วไปเนี่ยเราจะพบว่าชายชาวไทยกลางพล
00:24:49 → 00:24:52 รู้เรื่องการปนกันแล้วหรือเปล่าคอร์ดขอ
00:24:52 → 00:24:56 อีกสักระยะนึงนะเนี่ยก็อยากจะมีความ
00:24:56 → 00:25:00 เสี่ยงในเรื่องของภาษาอาจทำงานผิดปกติได้
00:25:00 → 00:25:04 มันเกิดจากการโดนบ่นอ่ะกัน
00:25:04 → 00:25:07 ไม่มั่นใจเหมือนกัน
00:25:07 → 00:25:11 เราก็มีความเสี่ยงเฉพาะผู้ชายวัยกลางคน
00:25:11 → 00:25:16 ที่อ๋อเกิดภาวะเสี่ยงได้เพราะฉะนั้นก็คือ
00:25:16 → 00:25:20 พยายามแปลแหละมีเรื่องของการหาไปเสี่ยง
00:25:20 → 00:25:23 ต่างๆกับครับอ่ะ
00:25:23 → 00:25:27 ไม่เกี่ยวแต่ครอบครัว
00:25:27 → 00:25:31 ครับขอบคุณอาจารย์มีอีกคำถามนึงนะคะตาล
00:25:31 → 00:25:34 น่ะคุณฟังบอกว่าสวัสดีค่ะทั้ง 3 ท่านมี
00:25:34 → 00:25:36 สิ่งดังวิ้งในหูช่วงเวลาที่ได้ยินเสียง
00:25:36 → 00:25:39 อย่างเช่นเวลาเปิดน้ำเนี่ยจะมีเสียงวิ่ง
00:25:39 → 00:25:42 วิ่งวิ่งแต่เวลาไม่มีเสียงอะไรก็จะไม่
00:25:42 → 00:25:44 เป็นเลยเป็นอย่างนี้มาประมาณสัก 10 วันละ
00:25:44 → 00:25:47 ก็ก็คุณผู้ฟังในเป็นเป็นผู้หญิงอายุ
00:25:47 → 00:25:49 ประมาณ 50 2 ปีครับภาษาอันนี้มันจะเกิด
00:25:49 → 00:25:53 อะไรครับรู้ต้องถามไปอีกทีนึงครับว่า
00:25:53 → 00:25:55 เสียงที่เกิดขึ้นเนี่ยเป็นทุกครั้งแล้วก็
00:25:55 → 00:25:58 เป็นบริเวณของหูข้างเดียวจริงไหม
00:25:58 → 00:26:02 เนี่ยก็คือเหมือนที่ได้บอกคุณโอ๊คกับคุณ
00:26:02 → 00:26:05 อ่านไปว่าใช่ลิมิตในมันไปและควรตรวจกว่า
00:26:05 → 00:26:09 ต้องมาตรวจดีกว่านะครับเพราะอาการที่เกิด
00:26:09 → 00:26:11 ขึ้นอย่างนี้ก็คือมีโอกาสที่จะเป็นไปได้
00:26:11 → 00:26:15 ว่าการรับรู้ของเสียงเนี้ยในความถี่ใด
00:26:15 → 00:26:17 ความถี่ 1 มันผิดปกติและบังเอิญเหตุ
00:26:17 → 00:26:20 ปัจจัยไปกระตุ้นเลยทำให้เริ่มได้ยินเสียง
00:26:20 → 00:26:26 กบมาแบบเดียวกันโดยปกติมันไม่เหมือนกับใน
00:26:26 → 00:26:28 เรื่องของตัวกูของเราไม่เหมือนกับ
00:26:28 → 00:26:31 ไมโครโฟนท่าทีเดียวค่ะพุบเราเรียกมันจะมี
00:26:31 → 00:26:34 ความพิเศษก็คือจะมีแต่ละโซนที่ทำหน้าที่
00:26:34 → 00:26:39 รับในแต่ละความก็จับครับนี่ยังแค่ตัดคุณ
00:26:39 → 00:26:40 ต้องบอกว่าเป็นแทบทุกครั้งเลยค่ะแล้วก็
00:26:40 → 00:26:42 เป็นข้างเดียวด้วย
00:26:42 → 00:26:45 ถ้าอย่างนี้แนะนำว่าควรไปตรวจก่อนดีกว่า
00:26:45 → 00:26:48 ครับเพราะว่าในบางครั้งถ้าหากเราไปตรวจ
00:26:48 → 00:26:50 เร็วเนี่ยถ้าเราว่าเราได้ทานยาเร็วและมัน
00:26:50 → 00:26:55 จะสามารถช่วยทำให้กูกลับมาทำงานได้
00:26:55 → 00:27:00 พบแพทย์จะดีกว่าในครับแต่เว็บบึงต้นเธอไป
00:27:00 → 00:27:03 พบแพทย์เกี่ยวกับในเรื่องของหูคอจมูกก่อน
00:27:03 → 00:27:06 ก็ได้ครับนั่นเพราะว่าทางคุณหมอหูคอจมูก
00:27:06 → 00:27:09 ก็จะมีอุปกรณ์ในเรื่องการตรวจดูใบหูชั้น
00:27:09 → 00:27:12 นอกกันกลางเบื้องต้นแล้วก็ตรวจการได้ยิน
00:27:12 → 00:27:15 ด้วย
00:27:15 → 00:27:19 ควรไปตรวจครับชาตินี้คุณฟังบอกฮ่าๆขอบคุณ
00:27:19 → 00:27:23 ค่ะคุณฟังขอบคุณมากแต่ก็มีมีคุณลูกค้าบอก
00:27:23 → 00:27:27 ว่าคุณหมอทรูสนุกดีค่ะชอบค่ะไม่ตอบคุณแม่
00:27:27 → 00:27:31 ครับขอบคุณหาก็อันนี้ได้ความรู้กันมากมาย
00:27:31 → 00:27:35 เลยทีเดียวนะครับประกันก็โหต่อไปนี้ก็
00:27:35 → 00:27:38 ต้อง 7 แอบถ่ายทันผมผมจะส่วนตัวแล้ว
00:27:38 → 00:27:40 อาจารย์เหมือนเหมือนเมื่อก่อนนะผมชอบแบบ
00:27:40 → 00:27:42 เวลาอาบน้ำแล้วน้ำเข้าหูผมเข้าเอานิ้วไป
00:27:42 → 00:27:47 แย่มันจนแบบว่าโอ้โหบวมเลยมันแล้วมันก็
00:27:47 → 00:27:49 ไม่ได้ยินไปเลยประมาณ 3 วัน
00:27:49 → 00:27:53 คือแค่แค่มันอื้อวันเดียวผมก็รู้สึกรำคาญ
00:27:53 → 00:27:56 มากแล้วแต่ไม่คิดถึงคนที่แบบเขาวิ้งวิ้งๆ
00:27:56 → 00:27:59 อะไรอย่างนี้มันต้องรำคาญมากเลยนะจ๊ะได้
00:27:59 → 00:28:03 แล้วครับอุ้ยเกร็ดนิดนึงก็กลับของจะหัก
00:28:03 → 00:28:06 แล้วน้ำเข้าหูเนี่ยที่บอกว่าโอ้โหห้ามเอา
00:28:06 → 00:28:09 ไม้ปั่นหูแล้วจะทำยังไงล่ะอา
00:28:09 → 00:28:12 แล้วก็คงไม่ถึงกับว่าต้องไปยืนตากแดดแล้ว
00:28:12 → 00:28:17 ปล่อยที่นะครับๆเราก็มีวิธีมาแนะนำว่าถึง
00:28:17 → 00:28:20 แม้ว่าไม่ให้ปังกูแต่เราถามนะใครไดร์เป่า
00:28:20 → 00:28:24 ผมที่เป็นลมเย็นหรือลงอุ่นๆเนี่ยทำเนี่ย
00:28:24 → 00:28:25 เคยได้เร็วขึ้น
00:28:25 → 00:28:30 มันเป็นวิธีที่ปลอดภัยส่วนนึงเนี่ยเพราะ
00:28:30 → 00:28:32 ว่าพี่หูของเราเนี่ยมันสามารถหลุดออกมา
00:28:32 → 00:28:36 ได้เองอ่ะคนน่าจะเคยอยู่ดีๆที่หจะพูดออก
00:28:36 → 00:28:40 มาอ่าใช่เลยนะครับแต่ว่าขาดว่าในทางกลับ
00:28:40 → 00:28:43 กันเนี่ยมันกำลังจะกิ่งออกมาแล้วแต่น้ำ
00:28:43 → 00:28:46 เราเข้าหูแล้วเอาไม้ปั่นยัดกลับเข้าไป
00:28:46 → 00:28:49 เนี่ยขึ้นไปคุณจะหาว่ามันเลยไปจุดนึง
00:28:49 → 00:28:52 เนี่ยมันไม่สามารถจากออกมาได้ครับหรือ
00:28:52 → 00:28:55 ตั้งครั้งนั้นไปมันผลัดไม่ไหวจริงๆแต่ว่า
00:28:55 → 00:28:58 ในหูของเราเนี่ยเราใช้เป็นขนเต้นท์เล็กๆ
00:28:58 → 00:29:01 ที่ค่อยๆโบกพัดออกมายอ่ะครับ
00:29:01 → 00:29:06 ชอบเออก็คือมันถ้าเราเอาไปปั่นทิศทางของ
00:29:06 → 00:29:08 คนหูมึงก็จะเปลี่ยนไปแม้ตัน
00:29:09 → 00:29:12 มันเป็นแน่นและทำให้มันผักไม่ออกเลยครับ
00:29:12 → 00:29:15 หัวแต่ว่าแต่ว่าหลังๆผมผมผมเจออาจารย์หมอ
00:29:15 → 00:29:18 ที่แบบที่เป็นหมอโหแล้วกันผมก็เคยคุย
00:29:18 → 00:29:21 อาจารย์ก็บอกว่าเธอเธอไม่ต้องไปทำอะไรมัน
00:29:21 → 00:29:23 หรอกผู้นั้นคุณอาจไม่ต้องไปทำอะไรมาเลย
00:29:23 → 00:29:25 ค่ะปล่อยมันเดี๋ยวมันก็หายไปเองแล้วแล้ว
00:29:25 → 00:29:29 หลังจากนั้นผมผมก็ไม่เคยแบบเอามือไปแคส
00:29:29 → 00:29:32 อีกแล้วเพราะนะก็ผมก็ปล่อยมันก็หายเองอ่ะ
00:29:32 → 00:29:35 กันมันก็ไม่ไม่อ้าอื้อมันก็อยู่แป๊บเดียว
00:29:35 → 00:29:37 แบบแค่นี้และก็หาเองแต่เมื่อก่อนที่แบบ
00:29:37 → 00:29:40 หวยเรายิ่งรำคาญเลยยิงเอานิ้วไปแหย่เอา
00:29:40 → 00:29:45 มือไปตบมันคือเถอะเปิดแพนไม่กวนเลยครับผม
00:29:45 → 00:29:47 เพราะผมเลิกทำแล้วก็ชีวิตเปลี่ยนอะไรกัน
00:29:47 → 00:29:50 ก็มันก็ปกติคืออย่างที่ผมก็อย่างนี้ได้
00:29:50 → 00:29:53 บอกว่าจริงๆปล่อยมันถ้ามันไม่หนักขนาด
00:29:53 → 00:29:56 นั้นก็มันก็เดี๋ยวมันก็ออกมาเองนะฮะนะมัน
00:29:56 → 00:29:58 ก็เลยทำเอง
00:29:58 → 00:30:02 เลิกแล้ววิธีกระโดดอย่างบ่ล้าน
00:30:02 → 00:30:05 ปัจจัยหวยกระโดดนะผม
00:30:05 → 00:30:08 ตามที่ก็ดีมันเป็นยังไงกันการกระโดดใช่
00:30:08 → 00:30:11 ไหมครับขอเพียงกับว่ามันเหมือนกับหูของ
00:30:11 → 00:30:13 เราเนี่ยมันเป็นช่องที่ค่อนข้างเล็กมาก
00:30:13 → 00:30:17 แล้วคงเคยเห็นแบบน้ำที่ไปทาอยู่ตรงแถว
00:30:17 → 00:30:20 บริเวณโรคอะไรสอบนึงอย่างนี้นะคะๆมันต้อง
00:30:20 → 00:30:23 อาศัยแรงที่ค่อนข้างเยอะมากมันถึงจะหลุด
00:30:23 → 00:30:26 ออกมาได้เพราะว่ายิ่งมีพื้นที่ขนาดเล็ก
00:30:26 → 00:30:29 เนี่ยแรงตึงผิวมันจะยิ่งเยอะขึ้นยังไง
00:30:29 → 00:30:29 ครับ
00:30:29 → 00:30:35 8 คนข้างยากก็
00:30:35 → 00:30:38 และก็เอาไปกินขึ้นมาอีกปืนใหญ่ก็คือว่าย
00:30:38 → 00:30:40 น้ำและขึ้นมาอันได้พักกระโดดริมสระน้ำ
00:30:40 → 00:30:45 รื่นขึ้นมาอีกฮ่าๆๆ
00:30:45 → 00:30:48 อยากไปทำใช่ไหมไหนบอกอยากไปหาทำแบบนี้ไม่
00:30:48 → 00:30:51 แนะนำอาจารย์เพราะว่าไปเป็นทีไปกระโดดมัน
00:30:51 → 00:30:56 เสียวบางคนนั้นลื่นลมมันกันและกันแอบกลาย
00:30:56 → 00:30:59 เป็นว่านอกฐานที่น้ำจะออกใจเป็นได้หัวละ
00:30:59 → 00:31:01 ข้างแตกเลย
00:31:01 → 00:31:05 เป็นเงินว่ะด้วยความแบบมีแต่อย่างที่ที่
00:31:05 → 00:31:07 เล่าให้อาจารย์ฟังนะว่าหลังจากผมเจอ
00:31:07 → 00:31:10 อาจารย์โมโหมาผมก็ไม่เคยไปทำอะไรมันเถอะ
00:31:10 → 00:31:13 พวกคุณรู้สึกสบายขึ้นเยอะเลยปล่อยมันก็
00:31:13 → 00:31:15 หายเองเนี้ย
00:31:15 → 00:31:20 ผมเราจะมีระบบที่คอยช่วยเหลือ
00:31:20 → 00:31:23 เกินเมื่อก่อน Who ทั้งตบทั้งแหย่ทั้งโอ๋
00:31:23 → 00:31:26 จนหูแดงไปหมดเลย
00:31:26 → 00:31:28 ตบแรงได้นะ
00:31:28 → 00:31:32 ครับแล้วก็บอกวันนี้ขอบคุณมากเลยครับที่
00:31:32 → 00:31:34 มาให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องอ่ะเสียงที่
00:31:34 → 00:31:38 อะไรได้ยินหูแล้วมันไม่ควรปล่อยทิ้งไว้
00:31:38 → 00:31:41 เนาะเอ่อมันอาจจะบ่งบอกถึงโรงอย่างที่
00:31:41 → 00:31:43 เกี่ยวกับสมองได้นะครับคุณผู้ฟังก็น่าจะ
00:31:43 → 00:31:47 เป็นความรู้ที่เอาไว้สังเกตเอาเองนะครับ
00:31:47 → 00:31:50 หากมีอาการเหล่านี้ก็น่าจะได้รับการรักษา
00:31:50 → 00:31:53 นะเร็วและก็ไม่ต้องประสบในเรื่องของโรค
00:31:53 → 00:31:56 ที่รุนแรงขึ้นรุนแรงขึ้นนะครับผมขอบคุณ
00:31:56 → 00:31:59 มากเลยครับคุณหมอครับขอบคุณปุ๊บคุณอ่าน
00:31:59 → 00:32:01 แล้วก็ผู้ฟังทุกคนด้วยครับส่วนนะครับ
00:32:01 → 00:32:06 หน่อยครับสวัสดีครับแต่คุณครับแผนก