00:00:00 → 00:00:04 ถามคุณหมอก่อนเลยครับว่าเรื่องของลักษณะ
00:00:04 → 00:00:08 ใต้ลิ้นของเราเนี่ยที่มันมีเส้นเลือดกัน
00:00:08 → 00:00:10 อยู่เยอะๆเยอะแยะมากมายเนี่ยคือมันเป็น
00:00:10 → 00:00:13 ปกติของของลิ้นเราทุกคนใช่ไหมครับที่มัน
00:00:13 → 00:00:15 จะต้องมีลักษณะเส้นเลือดที่มันปูดขึ้นมา
00:00:15 → 00:00:17 แบบนี้
00:00:17 → 00:00:22 ก็ลักษณะกายภาพปกตินะครับในคนทั่วไปหรือ
00:00:22 → 00:00:25 ในมนุษย์ปกติเราเนี่ยครับหลอดเลือดที่
00:00:25 → 00:00:27 ลิ้นเนี่ยมันก็จะเป็นหรือว่าหลอดเลือด
00:00:27 → 00:00:30 อวัยวะต่างๆร่างกายเราจะมีอยู่ 2 ส่วนนะ
00:00:30 → 00:00:32 ครับตัวหลอดเลือดที่เป็นหลอดเลือดแดงนะ
00:00:32 → 00:00:35 ครับแล้วก็ก่อนเพื่อที่เป็นหลอดเลือดดำ
00:00:35 → 00:00:37 ซึ่งหน้าที่ 2 อันนี้ก็ทำหน้าที่ที่ต่าง
00:00:37 → 00:00:40 กันนิดนึงนะครับแต่ไม่แดงก็จะพาเลือดที่
00:00:40 → 00:00:43 ดีนะครับมีออกซิเจนนะครับไปเลี้ยงนะครับ
00:00:43 → 00:00:46 อย่างเล็กกรณีของลิงก็จะพาไปเลี้ยงเซลล์
00:00:46 → 00:00:48 ที่รินนะครับแหล่งที่เซลล์ที่ดินเนี่ยได้
00:00:48 → 00:00:50 ใช้ออกซิเจนนั้นเนี่ยก็จะกลายเป็นเลือดดำ
00:00:50 → 00:00:53 ซึ่งเลือดดำเหล่าเนี้ยก็จะถูกส่งกลับเข้า
00:00:53 → 00:00:56 สู่หัวใจนะครับซึ่งมันก็จะมีตัวที่ทำหน้า
00:00:56 → 00:00:58 ที่เหล่านี้ก็คือตัวหลอดเลือดดำเนี่ยแหละ
00:00:58 → 00:01:02 ครับคันนี้ในมีลิ้นเองเนี่ยทางกายวิภาค
00:01:02 → 00:01:04 เนี่ยเราจะเห็นว่าจะมีหลอดเลือดดำช่วง
00:01:04 → 00:01:06 เวลาเราเปิดลิ้นดูในกระจกเนี่ยเราก็
00:01:06 → 00:01:08 สามารถที่จะเห็นหลอดเลือดดำเหล่านี้ได้
00:01:08 → 00:01:09 อยู่แล้วนะครับ
00:01:09 → 00:01:10 ซึ่งมันเป็นการวิพากษ์ปกติ
00:01:10 → 00:01:15 ในการที่เรามองทั้งนี้ในแง่มุมของโรคความ
00:01:15 → 00:01:18 ผิดปกติของหลอดเลือดเองในบางกรณีบางโรค
00:01:18 → 00:01:20 เนี่ยเราอาจจะเจอลักษณะของหลอดเลือดที่
00:01:20 → 00:01:23 มันดูผิดแปลกไปบ้างนะครับอย่างเช่นมันอาจ
00:01:23 → 00:01:26 จะดูบวมโตหรือว่าอาจจะดูแล้วมันมีลักษณะ
00:01:26 → 00:01:30 ที่มันไม่เท่ากันทั้งสองข้างมีอาการบวม
00:01:30 → 00:01:32 แดงอักเสบอะไรต่างๆอย่างนี้นะครับเพราะ
00:01:32 → 00:01:34 ฉะนั้นคือการที่เรามองเห็นหลอดเลือดใต้
00:01:34 → 00:01:36 ลิ้นเนี่ยจริงๆแล้วในการวิเคราะห์ปกติเรา
00:01:36 → 00:01:38 สามารถที่จะมองเห็นได้ครับการเห็นหลอด
00:01:39 → 00:01:41 เลือดดำเพราะว่าตัวของลิ้นเองเนี่ยมัน
00:01:41 → 00:01:44 ค่อนข้างที่จะเป็นพื้นผิวที่ตัวหลอดเลือด
00:01:44 → 00:01:46 มันอยู่ค่อนข้างที่จะตื้นพอมันอยู่ตื้น
00:01:46 → 00:01:48 เนี่ยเราก็สามารถมองเห็นตัวหลอดเลือดได้
00:01:48 → 00:01:51 ชาร์จนะครับยกตัวอย่างเช่นบางคนเรามองที่
00:01:51 → 00:01:55 แขนตัวเองเนี่ยครับบางคนที่เอ่อผอมนะครับ
00:01:55 → 00:01:57 ตัวหลอดเลือดดำเนี่ยบางทีมันก็พับแขน
00:01:57 → 00:01:59 เนี่ยบางคนเราก็สามารถมองเห็นได้อย่างที่
00:01:59 → 00:02:01 บางคนมันก็อาจจะมองได้ไม่ชัดอย่างนี้เป็น
00:02:01 → 00:02:05 ต้นครับอ๋อมันเป็นมันเป็นเรื่องของลักษณะ
00:02:05 → 00:02:09 ของความบางเอ่อของตรงส่วนที่เราเห็นใช่
00:02:09 → 00:02:11 ไหมคะของอย่างเช่นหมายเลขที่แขนเนี่ยเห็น
00:02:11 → 00:02:14 ชัดเลยบางคนผิวบางอะไรอย่างเงี้ย
00:02:14 → 00:02:18 อยู่ที่หน้าเราสามารถมองเห็นได้ชัดนะครับ
00:02:18 → 00:02:23 อืมครับผมมันมีความเชื่อมโยงมันมีความ
00:02:23 → 00:02:27 สุ่มเสี่ยงที่มันจะเป็นอาการที่จะบ่งบอก
00:02:27 → 00:02:30 ว่าว่าเราเริ่มมีความผิดปกติของร่างกาย
00:02:30 → 00:02:32 อะไรยังไงไหมครับคุณหมอครับ
00:02:32 → 00:02:35 คืออย่างประเด็นที่เราสงสัยกันอย่างในหัว
00:02:35 → 00:02:37 ข้อเราที่เราคุยกันวันนี้เกี่ยวกับหลอด
00:02:37 → 00:02:41 เลือดหัวใจไหมครับคือตั้งต้นเราเริ่มต้น
00:02:41 → 00:02:43 จากภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบหรือหลอดเลือด
00:02:43 → 00:02:46 หัวใจตีบเองเนี่ยตัวสาเหตุหลักเอ่อลักษณะ
00:02:46 → 00:02:48 การดำเนินโลกพยายามที่จะพลาดเนี่ยคือเกิด
00:02:48 → 00:02:51 จากการที่หลอดเลือดแดงนะครับหลอดเลือดแดง
00:02:51 → 00:02:53 ที่ทำหน้าที่ในการไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัว
00:02:53 → 00:02:56 ใจเนี่ยมีการตีแค่ลงนะครับซึ่งการที่
00:02:57 → 00:02:59 มันติแคบลงเนี่ยสาเหตุเกิดจากอะไรก็คือ
00:02:59 → 00:03:01 เกิดจากการที่มีตัวผนังของหลอดเลือดเนี่ย
00:03:01 → 00:03:05 มันมีเหมือนเป็นไขมันนะครับเข้าไปสะสมที่
00:03:05 → 00:03:07 ชั้นผนังของเราด้วยแดงนั้นนะครับก็ทำให้
00:03:07 → 00:03:11 ตัวเอ่อหลอดเลือดมันขนาดนิดนึงเรื่อยๆนะ
00:03:11 → 00:03:13 ครับรูผมว่าเลือดมันก็เล็กลงเรื่อยๆทำให้
00:03:13 → 00:03:15 เลือดเนี่ยที่จะต้องนำออกซิเจนไปส่งที่
00:03:15 → 00:03:18 กล้ามเนื้อหัวใจมันก็เอ่อไปได้ไม่พอพอไป
00:03:18 → 00:03:21 ได้ไม่พอเนี่ยได้มีหัวใจก็จะแสดงอาการ
00:03:21 → 00:03:24 เรื่องของการอาการขาดเลือดเกิดขึ้นมาได้
00:03:24 → 00:03:27 นะครับซึ่งอาการเนี่ยก็จะเป็นลักษณะอาการ
00:03:27 → 00:03:29 แสดงอย่างนี้พวกอาการเจ็บหน้าอกหรือว่า
00:03:29 → 00:03:32 อาการเหนื่อยหรือว่าอาการเจ็บเวลาเราเดิน
00:03:32 → 00:03:35 หรือออกแรงอะไรไปต้นซึ่งการที่หลอดเลือด
00:03:35 → 00:03:38 เส้นเลือดหัวใจหลอดเลือดแดงตีบกับหลอด
00:03:38 → 00:03:41 เลือดที่ลิ้นเป็นสีคล้ำในข้อมูลนะครับใน
00:03:41 → 00:03:45 การศึกษาปัจจุบันเองหรือว่าการค้นคว้าข้อ
00:03:45 → 00:03:47 มูลที่มีการตีพิมพ์ในวารสารในปัจจุบันของ
00:03:48 → 00:03:50 การแพทย์แผนปัจจุบันเองเนี่ยเราพบว่าเพลง
00:03:50 → 00:03:53 ลำพังแค่หลอดเลือดที่เป็นสีคล้ำใต้ลิ้น
00:03:53 → 00:03:55 เพียงอย่างเดียวยังไม่ได้มีความสัมพันธ์
00:03:55 → 00:03:58 ที่เกี่ยวข้องกับภาวะเส้นเลือดหัวใจตีบนะ
00:03:58 → 00:04:02 ครับในข้อมูลนี้นะครับที่มีอยู่ครับ
00:04:02 → 00:04:06 ยังไม่มีอะไรที่มันจะบ่งบอกได้ถึงขนาด
00:04:06 → 00:04:09 นั้นใช่ไหมครับคุณหมอครับ
00:04:09 → 00:04:14 ที่เราเห็นมันเป็นสีคล้ำเป็นสีม่วงมันมัน
00:04:14 → 00:04:18 ปรับสีเขียวค่ะคือเราสามารถที่จะอย่างคำ
00:04:18 → 00:04:20 ว่าเลือกข้างในบางทีมันก็เป็นศัพท์ที่อาจ
00:04:20 → 00:04:23 จะใช้ในในส่วนต่างๆของร่างกายได้แต่ว่าใน
00:04:23 → 00:04:26 ขยะทุกสภาพเองเนี่ยมันก็ยังพูดให้เข้าใจ
00:04:26 → 00:04:28 ง่ายก็คือหลอดเลือดปกติก็เหมือนรถยนต์ที่
00:04:28 → 00:04:32 จะต้องวิ่งไปตามถนนซึ่งตัวเลือดเนี่ยคือ
00:04:32 → 00:04:34 เหมือนเปรียบเสมือนกับรถยนต์นะฮะโทษที
00:04:34 → 00:04:36 แล้วก็ตัวหลอดเลือดก็เหมือนเป็นถนนอันนี้
00:04:36 → 00:04:38 ปกติเนี่ยตัวเลือดก็ควรจะขยับไปเรื่อยๆ
00:04:39 → 00:04:40 เหมือนรถที่เราวิ่งไหลไปเรื่อยๆเนี่ยครับ
00:04:40 → 00:04:44 อันนี้ถ้าเกิดมันมีอะไรก็แล้วแต่มาอุด
00:04:44 → 00:04:46 กั้นมาขวางกั้นนะครับซึ่งไอ้สาเหตุเหล่า
00:04:46 → 00:04:49 นั้นเนี่ยก็มีมากมายนะครับไอ้ตัวเลือกเรา
00:04:49 → 00:04:52 มันก็จะไม่สามารถเดินไปได้ในปกติพอเดิน
00:04:52 → 00:04:54 ไม่ได้ก็เหมือนสภาพรถติดที่เราติดตามท้อง
00:04:54 → 00:04:57 ถนนรถติดเพราะรถติดก็เกิดการเอ่อหนาแน่น
00:04:57 → 00:04:59 นะครับเพราะฉะนั้นหลอดเลือดเราก็แสดง
00:04:59 → 00:05:03 คล้ายๆกันคือก็มีการที่มีการเอ่อมีการ
00:05:03 → 00:05:06 ข้ามของเลือดที่เราเห็นได้ซึ่งอาการชั่ง
00:05:06 → 00:05:08 เนี่ยก็จะหลากหลายอาการแสดงไม่ว่าจะเป็น
00:05:08 → 00:05:12 ลักษณะการบวมขึ้นของหลอดเลือดที่ส่วนมาก
00:05:12 → 00:05:14 แล้วเนี่ยมักจะเป็นอาการบวมขึ้นบวมเต่งนะ
00:05:14 → 00:05:18 ครับแล้วก็การเห็นสีที่เปลี่ยนไปก็อาจจะ
00:05:18 → 00:05:21 เป็นอีกสัญญาณนึงนะครับซึ่งเราก็จะพบใน
00:05:21 → 00:05:23 กลุ่มโรคที่เป็นหลอดเลือดที่ขาหลอดเลือด
00:05:23 → 00:05:25 ดำที่ขาโป่งอะไรอย่างนี้ที่เราจะเห็นมี
00:05:25 → 00:05:28 การขาบวมมีสีคล้ำขึ้นที่ขาอะไรอย่างนี้
00:05:28 → 00:05:32 เป็นต้นนะครับผมเป็นลักษณะแบบหนึ่งถ้าเรา
00:05:32 → 00:05:34 จะบอกว่ามีภาวะคั่งของเลือดได้ไหมเนี่ยก็
00:05:34 → 00:05:37 ต้องยอมรับว่าถ้าเกิดอะไรก็แล้วแต่มันไป
00:05:37 → 00:05:41 ทำการอุดกั้นมันก็ทำให้เกิดภาวะคั่งของ
00:05:41 → 00:05:42 หลอดเลือดได้เช่นเดียวกันไม่ว่าจะเป็น
00:05:42 → 00:05:49 ส่วนใดๆของร่างกายรวมไปถึงคุณด้วยนะครับ
00:05:49 → 00:05:52 เห็นง่ายแล้วคนก็ไปเชื่อมกับเรื่องของ
00:05:52 → 00:05:54 หลอดเลือดหัวใจตีบจริงๆแล้วไม่เกี่ยวเลย
00:05:54 → 00:05:56 ใช่มั้ยคะคุณหมอคะจริงๆในข้อมูลปัจจุบัน
00:05:56 → 00:05:59 เนี่ยลำพังแค่แค่เราเห็นแค่ตัวล็อคเนี่ย
00:06:00 → 00:06:04 ใต้ดินเราเป็นสีคล้ำหรือๆจะมีการสีม่วง
00:06:04 → 00:06:06 จริงๆข้อมูลเกี่ยวกับต้องรับต้องยอมรับ
00:06:06 → 00:06:08 จริงๆครับว่ามันยังไม่มีข้อมูลที่เชื่อม
00:06:09 → 00:06:12 โยงอธิบายได้อย่างชัดเจนนะครับ
00:06:12 → 00:06:18 ควรสบายใจได้เปราะนึงไหมคะ
00:06:18 → 00:06:23 ที่จริงแล้วโลกโปรตีนเนี่ยมันสาเหตุการ
00:06:23 → 00:06:25 เกิดหรือว่าลักษณะอาการแสดงที่แท้จริงของ
00:06:25 → 00:06:27 เขาเนี่ยมันคืออะไรแล้วเราก็จะได้ไป
00:06:27 → 00:06:31 สังเกตให้ถูกจุด
00:06:31 → 00:06:35 เพราะฉะนั้นก็เป็นการความเข้าใจที่มันไม่
00:06:35 → 00:06:37 เชื่อมโยงกันเลยอย่างที่คุณหมอบอกเป็น
00:06:37 → 00:06:40 ลักษณะของแต่ละคนที่ลักษณะการเดินเลือด
00:06:40 → 00:06:44 การบวมการเอ่อเป็นสีอะไรต่างๆนี้ไม่ได้
00:06:44 → 00:06:47 เกี่ยวกับหลอดเลือดหัวใจตีบนะคะทีนี้ที
00:06:47 → 00:06:49 นี้ฉี่ได้ลักษณะของหลอดเลือดใต้ลิ้นมัน
00:06:49 → 00:06:54 บ่งบอกถึงอะไรบ้างเลยค่ะคือมีมีในทางเอ่อ
00:06:54 → 00:06:57 ทางการแพทย์ของแผนปัจจุบันอย่างในกลุ่ม
00:06:57 → 00:07:02 ของอายุรศาสตร์เนี่ยเอ่อเราจะพูดถึงสีซ้ำ
00:07:02 → 00:07:04 เราอาจจะไม่ได้พูดเพียงแต่ว่าเหตุหลอด
00:07:04 → 00:07:06 เลือดสีคล้ำเพราะว่าโดยพื้นฐานเองเนี่ย
00:07:06 → 00:07:09 ตัวหลอดเลือดดำถ้ามองโดยทั่วไปมันก็จะ
00:07:09 → 00:07:11 เป็นสีคล้ำอยู่แล้วเพราะมันเป็นเลือดที่
00:07:11 → 00:07:14 ไม่มีออกซิเจนมันค่อนข้างต่ำสีก็จะขาว
00:07:14 → 00:07:16 อยู่แล้วแต่เวลาเราจะบอกว่ามันผิดปกติ
00:07:16 → 00:07:19 จริงๆเนี่ยเราจะมีสิ่งที่เราจะบอกว่าคน
00:07:19 → 00:07:21 ให้เนี่ยมีภาวะเขียวอย่างนี้นะครับหรือใน
00:07:21 → 00:07:24 ภาษาอังกฤษเราใช้ยาโนสิทธิ์เนี่ยเราก็จะ
00:07:24 → 00:07:27 ดูอยู่ 2 เอ่ออยู่ดูหลักการอยู่ 2 ที่อัน
00:07:27 → 00:07:29 ที่ 1 เนี่ยก็จะมีลักษณะของปลายมือปลาย
00:07:29 → 00:07:32 เท้านะครับเราเอานิ้วมือตัวเองขึ้นมา
00:07:32 → 00:07:34 เนี่ยในภาวะปกติเนี่ยปลายมือปลายเท้าแล้ว
00:07:34 → 00:07:37 ควรจะเป็นสีชมพูปกติแต่บางครั้งเราจะเห็น
00:07:37 → 00:07:39 ว่าปลายมือปลายเท้าเราเปลี่ยนเป็นสีม่วง
00:07:39 → 00:07:43 สีขาวนะครับซึ่งสิ่งที่มันเกิดขึ้นเนี่ย
00:07:43 → 00:07:44 มันเป็นลักษณะที่ว่าเอ่อหลอดเลือดฝอยมัน
00:07:45 → 00:07:47 มีการหดตัวนะครับทำให้เลือดมันไปเลี้ยง
00:07:47 → 00:07:49 ส่วนปลายหรือน้อยลงแล้วก็ทำให้ตัวส่วน
00:07:49 → 00:07:52 ปลายนิ้วเราเนี่ยเป็นสีความซึ่งสาเหตุก็
00:07:52 → 00:07:54 อาจจะเป็นแค่ว่าหลอดเลือดฝอยหดตัวจากไป
00:07:54 → 00:07:56 สาเหตุอะไรบางอย่างเช่นบางทีเราไปอยู่ใน
00:07:56 → 00:07:59 สภาวะอากาศเย็นมากๆอยู่ในห้องแอร์ที่เย็น
00:07:59 → 00:08:00 มากๆเดี๋ยวบางทีปลายมันปลายเท้าเราก็
00:08:00 → 00:08:02 เปลี่ยนสีได้แล้วซึ่งวันนี้ไม่ได้เป็น
00:08:02 → 00:08:05 สาเหตุที่เรากังวลอะไรมากนักแต่กลับกันมา
00:08:05 → 00:08:08 ที่ลงวินที่เมื่อกี้ได้พูดถึงกันนะครับ
00:08:08 → 00:08:10 ตรงนี้เนี่ยคือการที่มันเปลี่ยนสีเนี่ยใน
00:08:10 → 00:08:12 ทางการแพทย์เราที่เราเห็นมันผิดปกติจริงๆ
00:08:12 → 00:08:14 มันจะไม่ได้เป็นแค่หลอดเลือดครับการที่
00:08:14 → 00:08:17 มันเปลี่ยนสีคือลักษณะของดินฝีปากเองหรือ
00:08:17 → 00:08:19 ว่าตัวลิ้นทั้งลิ้นเลยเนี่ยครับซึ่งปกติ
00:08:19 → 00:08:21 เราแลบลิ้นอยู่ในกระจกเนี่ยเราก็จะเป็นสี
00:08:21 → 00:08:23 ชมพูดีใช่มั้ยฮะ
00:08:23 → 00:08:26 แต่ว่าถ้ามันไหลสีลิ้นเรามันเปลี่ยนไปรวม
00:08:26 → 00:08:28 ไปถึงสีริมฝีปากเนี่ยออกมาอยู่ที่เป็น
00:08:28 → 00:08:31 คล้ำสีม่วงคล้ำนะหรือบางทีอาจจะมองบางคน
00:08:31 → 00:08:34 มองเป็นเขียวๆอะไรอย่างเงี้ยนะฮะซึ่งก็
00:08:34 → 00:08:36 อันนั้นแหละถึงจะเป็นเรียกว่าเป็นภาวะ
00:08:36 → 00:08:39 เขียวทางการแพทย์ที่เราเอ่อกำลังพูดถึง
00:08:39 → 00:08:41 เราจะไม่ได้ดูแค่เพียงแต่เราเลือกใต้ดิน
00:08:41 → 00:08:44 อย่างเดียวนะครับคราวนี้ต่อไปคือแล้วไอ้
00:08:44 → 00:08:46 มิ้นที่มันเป็นสีม่วงเนี่ยมันมีสาเหตุ
00:08:46 → 00:08:49 อะไรได้บ้างนะครับว่าก็เป็นยกตัวอย่าง
00:08:49 → 00:08:52 เป็นโรคที่ออกมาอยู่ประมาณ 2 กลุ่มนะครับ
00:08:52 → 00:08:55 รวมถึงกลุ่มโรคหัวใจเองเนี่ยส่วนมากแล้ว
00:08:55 → 00:08:57 นะครับก็จะมักจะเป็นกลุ่มโรคที่เป็นความ
00:08:57 → 00:09:00 ผิดปกติของหัวใจหรือเรียกว่าเอ่อความ
00:09:00 → 00:09:03 พิการหัวใจแต่กำเนิดที่เราเจอเจอโรคหัวใจ
00:09:03 → 00:09:05 ตั้งแต่เกิดเลยนะครับติดตัวมาตั้งแต่เรา
00:09:05 → 00:09:08 คลอดออกมาจากท้องเรื่องแม่ก็จะมีอาจจะมี
00:09:08 → 00:09:11 ผนังของหัวใจเนี่ยเชื่อมต่อกันเป็นต้นทำ
00:09:11 → 00:09:14 ให้เลือดดำเนี่ยมันเข้าไปสู่ระบบของเลือด
00:09:14 → 00:09:17 แดงทำให้ร่างกายของเราแทนที่จะมีระบบ
00:09:17 → 00:09:20 เลือดแดงไหลเวียนชัดเจนก็จะกลายเป็นมี
00:09:20 → 00:09:22 เลือดดำไปผสมด้วยเพราะฉะนั้นปากถือว่า
00:09:22 → 00:09:24 ลิ้นเราเนี่ยมันก็จะกลายเปลี่ยนสีไป
00:09:24 → 00:09:27 เรื่อยๆเพราะว่าลานนานขึ้นสีต่างๆในดินก็
00:09:27 → 00:09:30 จะตายเป็นสีม่วงคล้ำให้เราเห็นนั่นคือ
00:09:30 → 00:09:32 เป็นอาการแสดงที่บอกไว้ว่าเราอาจจะมีความ
00:09:32 → 00:09:35 ผิดปกติของความพิการหัวใจแต่กำเนิดก็ได้
00:09:35 → 00:09:37 นะครับมีประเภทหนึ่งก็คือเป็นกลุ่มของโรค
00:09:37 → 00:09:40 ปอดที่รุนแรงมากๆนะครับซึ่งฟอร์ดเคยมีการ
00:09:40 → 00:09:43 ติดเชื้อหรือว่าเอ่อปอดถูกทำลายกระแสให้
00:09:43 → 00:09:45 สาเหตุอะไรบางอย่างทำให้การแลกเปลี่ยน
00:09:45 → 00:09:49 ออกซิเจนที่ปอดเนี่ยมันผิดปกติไปทำให้
00:09:49 → 00:09:52 ร่างกายของคนไข้คนนั้นเนี่ยก็ไม่มีปริมาณ
00:09:52 → 00:09:54 ออกซิเจนที่มากเพียงพอเนี่ยก็อาจจะทำให้
00:09:54 → 00:09:57 เราเห็นลักษณะของเอ่อมีความที่มันคือปลา
00:09:57 → 00:10:00 ที่ลิ้นเหมือนรวมไปถึงปลายนิ้วมือได้เช่น
00:10:00 → 00:10:02 เดียวกันเพราะฉะนั้นช่วงอีกทีนึงจริงๆ
00:10:02 → 00:10:04 แล้วการมองเห็นคล้ำเนี่ยเราจะไม่ได้มอง
00:10:04 → 00:10:07 เพียงแต่ได้หลอดเลือดใต้ลิ้นอย่างเดียว
00:10:07 → 00:10:11 ทั้งภาพรวมทั้งปลายนิ้วด้วยทั้งริมฝีปาก
00:10:11 → 00:10:14 ด้วยรุ่นของลิ้นทั้งฤทธิ์เลยเดี๋ยวต้อง
00:10:14 → 00:10:16 รีบออกไปถึงในช่องปากด้วยนะ
00:10:16 → 00:10:19 เพราะฉะนั้นการเห็นสีม่วงคล้ำกระดูกลิ้น
00:10:19 → 00:10:22 ดูใต้ลิ้นเนี่ยอย่าไปอบตกอกตกใจใช่ไหมคะ
00:10:22 → 00:10:27 มันต้องมีปัจจัยอื่นอีกหลายอย่าง
00:10:27 → 00:10:30 เพราะฉะนั้นก็อย่าไปเชื่อเนาะคือมันก็จะ
00:10:30 → 00:10:33 มีเรื่องของเขาเขาบอกว่าเป็นเป็นศาสตร์
00:10:33 → 00:10:35 แพทย์แผนจีนอะไรอย่างนี้คุณหมอฮะคือเขาก็
00:10:36 → 00:10:38 จะมีมีภาพมีตัวอย่างให้ดูกันเยอะแยะเลย
00:10:38 → 00:10:42 ว่ามันจะคล้ำมากค้ำน้อยคล้ำออกมาเป็นแบบ
00:10:42 → 00:10:45 ว่ามันเป็นกิ่งไม้อะไรอย่างเงี้ยคุณหมอฮะ
00:10:45 → 00:10:47 เพราะว่าบ่งบอกถึงอาการของโรคทั้งหลาย
00:10:47 → 00:10:49 ทั้งหลายเหล่านี้ฮะในทางการแพทย์ปัจจุบัน
00:10:49 → 00:10:52 เนี่ยถ้าถ้าเทียบกันกับทางแพทย์แผนจีนนะ
00:10:52 → 00:10:54 ฮะมันมันมีความเกี่ยวข้องหรือว่าเชื่อม
00:10:54 → 00:10:58 โยงกันได้บ้างไหมครับครับคือคือเรียนตรง
00:10:58 → 00:11:03 ผมว่าถ้ากายวิภาคโดยปกติเนี่ยเอ่อหลอดมัน
00:11:03 → 00:11:07 ก็ต้องไหลกลับเข้าสู่หัวใจนะครับซึ่งถ้า
00:11:07 → 00:11:11 เกิดว่าคนๆนั้นเนี่ยมีการอุดกั้นหรือมี
00:11:11 → 00:11:14 การขวางทางของการเดินเลือด
00:11:14 → 00:11:17 ตรงตำแหน่งนั้นๆอย่างที่ผมเรียนไปข้างต้น
00:11:17 → 00:11:19 ก่อนหน้านี้เนี่ยก็มันก็จะสามารถแสดง
00:11:19 → 00:11:21 อาการให้เห็นได้เหมือนกันซึ่งจริงๆต้อง
00:11:21 → 00:11:25 ยอมรับว่าโรคหัวใจจริงๆแล้วเนี่ยใน
00:11:25 → 00:11:26 ปัจจุบันก็อย่างที่ผมเรียนคือมันก็ยังไม่
00:11:26 → 00:11:29 ได้มีข้อมูลเขียนถึงชัดเจนบางๆของโรคหัว
00:11:29 → 00:11:33 ใจนะครับแต่ว่าในภาวะอื่นๆเนี่ยผมต้องขอ
00:11:33 → 00:11:35 อนุญาตว่าผมก็อาจจะไม่สามารถลงรายละเอียด
00:11:35 → 00:11:37 ได้หมดว่าจริงๆแล้วมันอาจจะมีโรคอื่นๆ
00:11:37 → 00:11:39 อย่างเช่นโรคความผิดปกติของหลอดเลือดเอง
00:11:39 → 00:11:42 เนี่ยถ้ามันทำให้เห็นแบบนั้นได้นะครับรวม
00:11:42 → 00:11:44 ไปถึงเอ่อ
00:11:44 → 00:11:47 ในข้อมูลในในเชิงวิทยาศาสตร์ที่เราเคย
00:11:47 → 00:11:49 จั่วพิสูจน์กันมาเนี่ยเราเราก็ยังไม่ได้
00:11:49 → 00:11:52 มีข้อมูลเอ่ออธิบายตรงนี้ชัดเจนนะครับผม
00:11:52 → 00:11:55 ก็เลยต้องเรียนรู้กันว่าในในข้อมูลของทาง
00:11:55 → 00:11:57 การแพทย์โรคหัวใจเนี่ยการสังเกตตรงนั้น
00:11:57 → 00:11:59 หลอดเลือดตรงนั้นเนี่ยจะไปบอกเอ่อเรื่อง
00:12:00 → 00:12:03 ของโรคหัวใจอื่นๆเนี่ยก็ยังไม่สามารถที่
00:12:03 → 00:12:07 จะสรุปข้อมูลได้หรือว่าเอาไปแปลผลได้ว่า
00:12:07 → 00:12:11 มันเกี่ยวข้องกันครับผมก็อาจจะยังไม่ต้อง
00:12:11 → 00:12:14 อย่าไปเชื่อมอย่าไปเชื่อมกันนะมันมัน
00:12:14 → 00:12:17 เชื่อมกันลำบากใช่ๆ
00:12:17 → 00:12:21 เรามาดูถึงภาวะหลอดเลือดตีบกันเลยดีกว่า
00:12:21 → 00:12:24 ค่ะว่ามีอาการเตือนให้สังเกตได้ที่ร่าง
00:12:24 → 00:12:34 กายจุดใดบ้างคะคุณหมอคะ
00:12:34 → 00:12:36 สมัยผมเด็กๆอาจจะมีคนพูดถึงเรื่องภัย
00:12:36 → 00:12:39 เงียบเลยต่างๆเพราะว่าคือโลกเหล่านี้
00:12:39 → 00:12:44 เนี่ยก็จะมีการดำเนินโรคที่ไปช้าๆนะครับ
00:12:44 → 00:12:47 แล้วการดำเนินเรื่องของเขาเองช่วงที่เป็น
00:12:47 → 00:12:49 ช่วงแรกๆเนี่ยบางทีเขาไม่มีการแสดงอะไร
00:12:49 → 00:12:52 เลยนะครับเพราะไม่มีการแสดงอะไรเลยนะครับ
00:12:52 → 00:12:55 สาเหตุหลักในการเกิดเอ่อหลอดเลือดหัวใจ
00:12:55 → 00:12:59 ตีบเนี่ยก็คือเกิดจากเอ่อกลุ่มคนไข้เนี่ย
00:12:59 → 00:13:02 มีโรคที่เสี่ยงที่ทำให้เกิดนะครับดังต่อ
00:13:02 → 00:13:04 ไปนี้อันที่ 1 คือความดันโลหิตสูงนะครับ
00:13:04 → 00:13:07 เป็นโรคความดันโลหิตสูงอันที่ 2 เนี่ย
00:13:07 → 00:13:10 เป็นเบาหวานนะครับอันที่ 3 คือเป็นไขมัน
00:13:10 → 00:13:13 โลหิตสูงไขมันในเลือดสูงผิดปกตินะครับ
00:13:13 → 00:13:17 เอ่อรวมไปถึงคนไข้เนี่ยอาจจะมีการสูบ
00:13:17 → 00:13:20 บุหรี่ร่วมด้วยนะครับปัจจัยหลักๆคือมีมาก
00:13:20 → 00:13:22 กว่านี้นะครับแต่หลักๆเนี่ยคือ 4 ข้อนี้
00:13:22 → 00:13:24 เนี่ยถ้าเกิดว่ายิ่งมีมากข้อเท่าไหร่
00:13:24 → 00:13:28 เนี่ยโอกาสที่จะทำให้ไขมันเนี่ยมันไปเกาะ
00:13:28 → 00:13:31 อยู่ใต้ชั้นผิวหนังของหลอดเลือดแดงที่หัว
00:13:31 → 00:13:33 ใจเนี่ยมันก็จะเพิ่มเติมมากขึ้นเรื่อยๆนะ
00:13:33 → 00:13:36 ครับยิ่งเราเป็นความดันเราไม่เคยตรวจร่าง
00:13:36 → 00:13:38 กายเลยเราเป็นเบาหวานเราไม่เคยรู้มาก่อน
00:13:38 → 00:13:41 เลยนะครับหรือว่ารู้แต่ว่าก็ไม่ได้ทานยา
00:13:41 → 00:13:43 ต่อเนื่องไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
00:13:43 → 00:13:45 เนี่ยปล่อยให้โลกเนี่ยดำเนินไปเรื่อยๆ
00:13:45 → 00:13:48 เนี่ยอาจารย์หนึ่งปี 3 ปี 5 ปี 10 ปี
00:13:48 → 00:13:51 เนี่ยเราไม่หัวใจที่ได้รับเอ่อผลกระทบตรง
00:13:51 → 00:13:54 นี้เนี่ยก็จะมีการตีแคบลงเรื่อยๆครับจน
00:13:54 → 00:13:57 มันบีบแคบมากพอนะครับเมื่อมันติดแคบมากพอ
00:13:57 → 00:13:59 เนี่ยสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นก็จะเป็นลักษณะ
00:14:00 → 00:14:04 ของอาการให้เราเห็นนะครับซึ่งอาการที่เรา
00:14:04 → 00:14:06 สังเกตได้นะครับอันที่สำคัญไม่ได้ 1 คือ
00:14:06 → 00:14:09 ต้องสังเกตว่าจะมีลักษณะอาการเจ็บแน่น
00:14:09 → 00:14:13 หน้าอกครับอาการเจ็บแน่นหน้าอกเนี่ยก็จะ
00:14:13 → 00:14:15 เป็นลักษณะการเจ็บแน่นตรงบริเวณแถวๆกลาง
00:14:15 → 00:14:19 อกเป็นหลักนะครับหรือในผู้สูงอายุเนี่ย
00:14:19 → 00:14:21 บางคนอาจจะมีการเปลี่ยนไปถึงตรงบริเวณ
00:14:21 → 00:14:24 ลิ้นจี่ได้นะครับเก็บไปถึงตรงนี้ 4 ได้
00:14:24 → 00:14:28 แล้วก็ลักษณะเนี่ยเขาก็จะบรรยายว่าจะ
00:14:28 → 00:14:30 เหมือนลักษณะเหมือนเอาอะไรหนักๆมาทับตรง
00:14:30 → 00:14:33 รู้สึกอึดอัดรู้สึกเหมือนอะไรหนักๆมากด
00:14:33 → 00:14:37 ตรงหน้าอกนะครับแล้วก็อาจจะมีการร้าวตรง
00:14:37 → 00:14:39 นี้สำคัญมากเลยถ้าเกิดว่ามีการแน่นหน้าอก
00:14:39 → 00:14:42 แล้วว้าวนะครับการตรวจเนี่ยว้าวไปที่กราม
00:14:42 → 00:14:45 นะครับแล้วไปที่กระบะเราไปที่แขนโดยเฉพาะ
00:14:45 → 00:14:47 ด้านซ้ายนะครับอันนี้ก็จะเป็นอาการที่
00:14:48 → 00:14:50 เป็นหนึ่งในสัญญาที่บอกว่าอาจจะมีปัญหา
00:14:50 → 00:14:53 เรื่องใหญ่ครับข้อที่ 2 คือลักษณะอาการ
00:14:53 → 00:14:57 ที่เจ็บหน้าอกเนี่ยจะเป็นตอนออกแรงนะครับ
00:14:57 → 00:15:00 ยกตัวอย่างเช่นตื่นเช้ามาเดินไปยกกระถาง
00:15:00 → 00:15:03 ต้นไม้ต่างยอดแล้วมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก
00:15:03 → 00:15:06 มากเลยแต่พอเรานั่งพักไปสักประมาณ 5-10
00:15:06 → 00:15:09 นาทีเนี่ยอาการแน่นหน้าอกก็ค่อยๆเบาลงจน
00:15:09 → 00:15:11 หายเป็น 10 ปกตินะครับหลังจากนั้นไปออก
00:15:11 → 00:15:13 แรงอย่างเช่นไปเดินออกกำลังกายที่สวน
00:15:13 → 00:15:15 สาธารณะปรากฎว่าวิ่งออกเดินเร็วมากจน
00:15:15 → 00:15:18 เริ่มมีอาการอีกหลังจากหยุดพักก็หายไปนะ
00:15:18 → 00:15:21 ครับอันนี้ก็เป็นสัญญาณนึงที่บอกว่าเป็น
00:15:21 → 00:15:24 อาการของต้นเอ่อหลอดเลือดหัวใจที่เริ่มตี
00:15:24 → 00:15:27 นะครับซึ่งพวกนี้เนี่ยมันจะเป็นแบบระยะ
00:15:27 → 00:15:30 ยาวเป็นมานานๆครับแล้วก็จะเริ่มมีอาการ
00:15:30 → 00:15:33 แสดงให้เราเห็นนะครับผมส่วนเรื่องการตรวจ
00:15:33 → 00:15:35 หรือว่าการสังเกตร่างกายตัวเองเนี่ยต้อง
00:15:35 → 00:15:37 เรียนตรงๆว่าเอ่อภาวะเส้นเลือดหัวใจ 4
00:15:37 → 00:15:40 เลยเนี่ยการสังเกตร่างกายเนี่ยอาจจะทำได้
00:15:40 → 00:15:42 ยากเราก็อาจจะไม่มีอะไรให้เราสังเกตได้
00:15:42 → 00:15:46 มากนักนะครับแต่ถ้าถามผมว่าสิ่งที่เราจะ
00:15:46 → 00:15:48 ดูได้นั้นคือการสังเกตว่าตัวเองนั้นมี
00:15:48 → 00:15:51 ความเสี่ยงหรือว่ามีโรคที่จะนำไปสู่การ
00:15:51 → 00:15:53 เกิดโรคไข้เลือดหัวใจติดหรืออย่างที่ผม
00:15:53 → 00:15:56 กล่าวไปข้างต้นคือโรคเบาหวานอย่างเงี้ยนะ
00:15:56 → 00:15:59 ครับเราก็ต้องปั่นสังเกตตัวเองอย่างเบา
00:15:59 → 00:16:01 หวานก็จะมีอาการเอ่อปัสสาวะบ่อยขึ้นนะ
00:16:01 → 00:16:05 ครับหิวน้ำบ่อยกระหายน้ำน้ำหนักลดลงผิด
00:16:05 → 00:16:07 ปกติอย่างนี้นะครับหรือว่าความดันโลหิต
00:16:07 → 00:16:10 สูงเนี่ยไปวัดความดันแล้วเราเจอความดัน
00:16:10 → 00:16:13 สูงนะครับหรือว่าไขมันเองเนี่ยก็จะมีบาง
00:16:13 → 00:16:16 ประเภทที่เป็นไขมันที่สูงมาเป็นความผิด
00:16:16 → 00:16:19 ปกติทางพันธุกรรมนะครับก็จะสังเกตว่าที่
00:16:19 → 00:16:23 หนังตาจะมีลักษณะของแผ่นสีเหลืองๆก่อนที่
00:16:23 → 00:16:26 หนังตาอะไรอย่างนี้เป็นต้นนะครับซึ่งอัน
00:16:26 → 00:16:29 นี้ก็จะเป็นตัวโรคที่จะนำไปสู่การเกิด
00:16:29 → 00:16:31 เส้นเลือดหัวใจตีบนั่นเองเพราะฉะนั้นจริง
00:16:31 → 00:16:33 ๆแล้วสิ่งที่เราสังเกตได้นั้นคืออาการ
00:16:33 → 00:16:35 เป็นหลักครับผม
00:16:35 → 00:16:39 ผมขออนุญาตย้อนกลับไปที่เรื่องของอาการ
00:16:39 → 00:16:43 เจ็บแน่นหน้าอกใช่คือผมอาการเหล่านี้
00:16:43 → 00:16:46 เนี่ยมันๆเกิดขึ้นส่วนใหญ่เนี่ยฮะมันจะ
00:16:46 → 00:16:50 เกิดขึ้นในในช่วงเวลาไหนไหมหรือว่าคน
00:16:50 → 00:16:54 กลุ่มไหนที่จะเจอลักษณะแบบนี้ที่มีโอกาส
00:16:54 → 00:16:57 สุ่มเสี่ยงฮะคุณหมอครับครับผมคือผมเป็น
00:16:57 → 00:16:58 อย่างนี้ครับ
00:16:58 → 00:17:01 จะแบ่งออกคนไข้ออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆนะ
00:17:01 → 00:17:03 ครับกลุ่มที่ 1 เนี่ยอาการเขาจะเป็นอาการ
00:17:03 → 00:17:06 ลักษณะแบบ 4 แบบเรื้อรังเขาจีบมานานแล้ว
00:17:06 → 00:17:08 นะครับเหมือนที่ผมกล่าวไปคนที่ติดแบบ
00:17:08 → 00:17:10 เรื้อรังเนี่ยลักษณะอาการของเขาก็จะอยู่
00:17:10 → 00:17:14 ที่ผมบอกคือเวลาออกแรงเวลาเดินคือหลักๆ
00:17:14 → 00:17:18 แล้วคือต้องเป็นช่วงเวลาที่ออกแรงใช้หัว
00:17:18 → 00:17:21 ใจมีการใช้สูบฉีดเลือดมากขึ้นไปออกกำลัง
00:17:21 → 00:17:26 กายขึ้นบันไดยกของหรือมีความเครียดแต่ว่า
00:17:26 → 00:17:28 เครียดแบบทันทีเช่นประชุมนานแล้วเกิดความ
00:17:28 → 00:17:32 เครียดจะทำให้หัวใจบีบตัวใช้เลือดมากขึ้น
00:17:33 → 00:17:35 ต้องการเลือดไปเลี้ยงมากขึ้นในขณะที่หลอด
00:17:35 → 00:17:38 เลือดเนี่ยก็จะเริ่มแสดงอาการแต่พอปัจจัย
00:17:38 → 00:17:41 ที่เราไปกระตุ้นมันหายไปอาจจะหายไปอันนี้
00:17:41 → 00:17:43 คือลักษณะของคนไข้ที่เป็นลักษณะของหลอด
00:17:43 → 00:17:45 เลือดหัวใจ 4 แบบเรื้อรังก็จะเป็นแบบขั้น
00:17:45 → 00:17:48 ต้นอีกประเภทหนึ่งคือให้ผมที่ค่อนข้างที่
00:17:48 → 00:17:51 จะน่ากลัวกว่ากลุ่มแรกนิดนึงก็คือเป็น
00:17:51 → 00:17:53 กลุ่มที่แต่เมื่อหัวใจติดแบบเฉียบพลันนะ
00:17:53 → 00:17:56 ครับในภาษาอังกฤษเราจะใช้ว่าราคา iPad
00:17:56 → 00:17:59 ที่เราเห็นขายแต่แท็กนะครับซึ่งคือมี
00:17:59 → 00:18:04 อาการเจ็บหน้าอกแบบรุนแรงแล้วก็เป็นงาน
00:18:04 → 00:18:07 แล้วก็เป็นขณะที่ไม่ได้ออกแรงคืออยู่เฉยๆ
00:18:07 → 00:18:10 ครับนั่งอยู่เฉยๆหากบางคนอ่านหนังสือ
00:18:10 → 00:18:14 พิมพ์อยู่บางคนนั่งดูทีวีอยู่บางคนเอ่อ
00:18:14 → 00:18:16 นั่งคุยกันอยู่ในโต๊ะอาหารนี้ครับแล้วมี
00:18:16 → 00:18:18 การเปลี่ยนแน่นหน้าอกซึ่งลักษณะก็จะคล้าย
00:18:18 → 00:18:22 กันจะเจ็บตรงกลางอกเหมือนของหนักมาทับมี
00:18:22 → 00:18:25 อาการร้าวไปที่กรามได้ร้าวไปไหลได้แต่
00:18:25 → 00:18:29 ลักษณะแบบนี้จะไม่ค่อยหายคือนั่งพักยังไง
00:18:29 → 00:18:32 ก็ไม่ดีขึ้นผ่านไป 10 นาที 20 นาทีก็ยัง
00:18:32 → 00:18:34 เป็นอยู่ครับอันนี้ก็จะเป็นอีกกลุ่มนึง
00:18:34 → 00:18:37 ที่ต้องสังเกตถ้าเกิดมีการเหล่านี้เนี่ย
00:18:37 → 00:18:40 ก็จะเป็นลักษณะโรคหัวใจเอ่อเส้นเลือดหัว
00:18:40 → 00:18:43 ใจ 4 แบบเฉียบพลันได้นะครับเพราะฉะนั้นใน
00:18:43 → 00:18:45 มุมมองของการเจ็บหน้าอกเนี่ยก็จะแบ่งเป็น
00:18:45 → 00:18:48 2 กลุ่มกลุ่มที่ 1 คือ 7 ตอนออกแรงใช้
00:18:48 → 00:18:52 ร่างกายคุณก็คือเป็นตอนขณะพักนะครับผม
00:18:52 → 00:18:56 คือถ้าเราลองสังเกตอาการอย่างที่คุณหมอ
00:18:56 → 00:18:58 ได้อธิบายมา
00:18:58 → 00:19:02 มันถ้าถ้ารู้ตัวเร็วเนี่ยไปหาคุณหมอแล้ว
00:19:02 → 00:19:05 ก็ทำการวินิจฉัยโรครักษาเนี่ยมันมีโอกาส
00:19:05 → 00:19:06 ที่จะ
00:19:06 → 00:19:12 หายได้กี่มากน้อยครับคุณหมอครับผม
00:19:12 → 00:19:16 การที่เราตรวจเจอเร็วนะครับเริ่มหลอด
00:19:16 → 00:19:18 เลือดหัวใจเนี่ยก็เท่ากับว่าเราสามารถที่
00:19:18 → 00:19:22 จะช่วยให้เขารอดจากโอกาสที่จะเกิดภาวะหัว
00:19:22 → 00:19:24 ใจขาดเลือดเฉียบพลันได้มากเท่านั้นนะครับ
00:19:24 → 00:19:26 หมายความว่าเราเจอแล้วเนี่ยเรารีบเราคน
00:19:26 → 00:19:29 ไข้มาทำการรักษาเพราะฉะนั้นการที่เราแบบ
00:19:29 → 00:19:32 อย่างขออนุญาตแบ่งเป็น 2 กลุ่มที่บอกว่า
00:19:32 → 00:19:35 เป็นแบบเรื้อรังเนี่ยคือกลุ่มนี้เองเนี่ย
00:19:35 → 00:19:37 ถ้าเกิดเริ่มมีอาการเนี่ยควรจะไปพบแพทย์
00:19:37 → 00:19:40 ในขณะที่ว่าอาจจะไม่ได้ที่ด่วนในในเวลา
00:19:40 → 00:19:43 นั้นทันทีแต่ว่าก็ควรที่จะไปปรึกษาแพทย์
00:19:43 → 00:19:47 ให้เร็วที่สุดเท่าที่เราจะสามารถทำได้นะ
00:19:47 → 00:19:49 ครับแต่เวลาเดินแล้วเริ่มสังเกตว่าเวลา
00:19:49 → 00:19:51 ออกแรงเนี่ยรู้สึกเจ็บหน้าอกเรื่อยๆนะ
00:19:51 → 00:19:53 ครับไม่ทราบสาเหตุก่อนนั้นยังไม่เคยเป็น
00:19:53 → 00:19:55 มาก่อนอย่างเงี้ยอ่าวันหยุดสุดสัปดาห์เรา
00:19:55 → 00:19:59 อาจจะมีเวลารีบเข้าไปตรวจพบแพทย์ขอคำ
00:19:59 → 00:20:01 ปรึกษาหรือว่าตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้องนะ
00:20:01 → 00:20:04 ครับในกลุ่มนี้ก็จะได้ไปทำการตรวจว่าที่
00:20:04 → 00:20:07 จริงแล้วอาการที่เราเก็บที่เราเล่ามันใช่
00:20:07 → 00:20:09 โรคหลอดโรคหัวใจจริงหรือไม่เพราะว่าต้อง
00:20:09 → 00:20:11 ยอมรับว่ามันก็มีโรคอื่นๆที่มีการเก็บ
00:20:11 → 00:20:15 หน้าอกได้คล้ายๆกันนะครับส่วนอันที่ 2
00:20:15 → 00:20:17 เนี่ยกลุ่มประเภทที่เป็นแบบเฉียบพลัน
00:20:17 → 00:20:19 รุนแรงเนี่ยที่บอกว่านั่งเฉยๆแล้วมีการ
00:20:19 → 00:20:22 เจ็บหน้าอกเลยเนี่ยคือกลุ่มนี้เนี่ยถ้าคน
00:20:22 → 00:20:26 ไข้เนี่ยปล่อยไว้เฉยๆไปตรวจช้าหรือว่าไม่
00:20:27 → 00:20:30 ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีเนี่ยก็จะมี
00:20:30 → 00:20:33 กว่าครึ่งเนี่ยจะเสียชีวิตได้นะครับก็คือ
00:20:33 → 00:20:36 เกิดจากภาวะหัวใจวายเฉียบพลันหัวใจเต้น
00:20:36 → 00:20:39 ผิดจังหวะเฉียบพลันก็จะทำให้เสียชีวิตได้
00:20:39 → 00:20:41 เลยเพราะฉะนั้นในลักษณะของกลุ่มคนไข้ที่
00:20:41 → 00:20:43 เป็นแบบหลอดเลือดหัวใจตีบแบบเฉียบพลัน
00:20:43 → 00:20:47 แน่นหน้าอกขนาดพักเนี่ยควรที่จะไปโรง
00:20:47 → 00:20:49 พยาบาลที่ใกล้ที่สุดอย่างว่าเป็นโรง
00:20:49 → 00:20:52 พยาบาลที่ใกล้นะครับที่สุดเพื่อทำการตรวจ
00:20:52 → 00:20:55 วินิจฉัยเพราะว่าถ้าเราระยะเวลายิ่งนาน
00:20:55 → 00:20:58 เท่าไหร่เนี่ยหลอดเลือดหัวใจที่ตีบงานใน 9
00:20:58 → 00:21:00 หน่วยไตก็จะมีโอกาสที่จะตายมากขึ้นเท่า
00:21:00 → 00:21:02 นั้นถ้าเกิดเราเลือกที่จะไปโรงพยาบาลไกลๆ
00:21:02 → 00:21:05 เช่นเดินทาง 2 ชั่วโมงไปถึงระยะเวลา 2
00:21:05 → 00:21:08 ชั่วโมงที่ผ่านไปก็เท่ากับว่ารัฐธรรมนูญ
00:21:08 → 00:21:10 ใจก็ขาดเลือดไปถึง 2 ชั่วโมงเพราะฉะนั้น
00:21:10 → 00:21:13 คือสิ่งที่เราควรทำคือถ้าเป็นเจ็บหัวใจ
00:21:13 → 00:21:15 แบบแม่โหนกแบบเฉียบพลันคุณจะไปโรงพยาบาล
00:21:15 → 00:21:18 ที่ใกล้ที่สุดและเร็วที่สุดครับ
00:21:18 → 00:21:21 มันเป็นไปได้ว่าไม่มีใครรู้มาก่อนเพราะ
00:21:21 → 00:21:24 ว่าเขาไม่เคยเป็นอย่างนี้อายุขนาดไหนหรือ
00:21:24 → 00:21:26 ว่าเป็นได้ทุกอายุเลยค่ะคุณหมอคะ
00:21:26 → 00:21:30 โดยพื้นฐานปกติเนี่ยในคนอายุน้อยเนี่ยก็
00:21:30 → 00:21:34 จะไม่ได้ไม่ได้มีความเสี่ยงมากกับคนที่
00:21:34 → 00:21:38 อายุใช่ไหมครับ
00:21:38 → 00:21:42 ก็จะเกิน 50 ปีขึ้นไปในผู้ชายในผู้หญิง
00:21:42 → 00:21:45 เนี่ยเราก็จะดูลักษณะว่าหลังจากวัยหมด
00:21:45 → 00:21:48 ประจำเดือนครับวัยหมดประจำเดือนเนี่ยก็จะ
00:21:48 → 00:21:51 มีโอกาสที่เพิ่มความเสี่ยงในการที่จะเป็น
00:21:51 → 00:21:53 โรคหลอดเลือดหัวใจมากขึ้นในสำหรับผู้หญิง
00:21:53 → 00:21:56 ครับเพราะฉะนั้นเองในคนไข้น้อยต้องยอมรับ
00:21:57 → 00:22:00 ว่ามีโอกาสเป็นได้น้อยแต่ก็จะมีข้อยกเว้น
00:22:00 → 00:22:03 ในกลุ่มคนบางประเภทที่มีโรคประจำตัวบาง
00:22:03 → 00:22:06 อย่างที่อาจจะทำให้มีหลอดเลือดหัวใจได้
00:22:06 → 00:22:10 ก่อนวัยอันควรครับยกตัวอย่างนะครับเช่นคน
00:22:10 → 00:22:12 ไข้เป็นโรคไตเสื่อมเรื้อรังที่ได้รับการ
00:22:12 → 00:22:15 รักษาด้วยการล้างไตอย่างต่อเนื่องอะไร
00:22:15 → 00:22:17 เป็นตั้งแต่อายุน้อยๆเป็นต้นนะครับถ้าพวก
00:22:17 → 00:22:19 นี้เองก็เป็นหนึ่งในความเสี่ยงหรือเป็น
00:22:19 → 00:22:22 โรคเกี่ยวกับทางด้านความอักเสบของโรคข้อ
00:22:22 → 00:22:25 อะไรบางชนิดก็อาจจะเพิ่มโอกาสในการผลัก
00:22:25 → 00:22:27 เตะของหลอดเลือดที่หัวใจแล้วก็ทำให้เกิด
00:22:27 → 00:22:30 หลอดเลือดหัวใจติดได้ก่อนวัยที่เราพบในคน
00:22:30 → 00:22:32 ไข้ประชากรทั่วไปครับหัวใจติดนี่มันเป็น
00:22:33 → 00:22:36 ลักษณะที่เราใช้ยาที่บอกว่าต้องไปรีบพบ
00:22:36 → 00:22:38 แพทย์แล้วก็ไปใช้ยามันคนละอย่างกับละลาย
00:22:39 → 00:22:40 ลิ่มเลือดเลยใช่ไหมคะคุณหมอมันไม่เกี่ยว
00:22:40 → 00:22:43 แล้วจริงๆมันคือเรื่องเดียวกันครับคือคน
00:22:43 → 00:22:47 ไข้ที่มีการหัวใจเอ่อเทคโนโลยีแบบเฉียบ
00:22:47 → 00:22:49 พลันเนี่ยการไปโรงพยาบาลเนี่ยความมุ่ง
00:22:49 → 00:22:52 หมายคือถ้าเราพิสูจน์ได้ว่าหรือตรวจคนไข้
00:22:52 → 00:22:54 คนนั้นแล้วเนี่ยพบว่ามันเป็นเรื่องของแต่
00:22:54 → 00:22:57 รูปหัวใจผิดจริงแต่ว่าการตรวจหลักๆก็คือ
00:22:57 → 00:22:59 การโจมขึ้นไฟฟ้าหัวใจนะครับซึ่งทำได้ใน
00:23:00 → 00:23:02 ทุกๆโรงพยาบาลที่มีอุปกรณ์ตัวนี้อยู่แล้ว
00:23:02 → 00:23:05 การรักษาหลักก็คือการไปเปิดใจครับเพื่อ
00:23:05 → 00:23:08 ให้มีกล้ามเนื้อหัวใจอันนี้การเปิดเส้น
00:23:08 → 00:23:10 เลือดหัวใจเองมันก็มีวิธีหลักๆอยู่ 2
00:23:10 → 00:23:14 วิธีครับก็คือวิธีการให้ยาหลายๆลิ่มเลือด
00:23:14 → 00:23:17 สลายลิ่มเลือดนะครับแล้วก็อีกวิธีนึงการ
00:23:17 → 00:23:20 ใส่ขดลวดแล้วก็ไปถ่างขยายบอลลูนแล้วก็ใส่
00:23:20 → 00:23:23 อุปกรณ์ไปขยายเปิดเส้นเลือดนั่นเองนะครับ
00:23:23 → 00:23:25 เพราะฉะนั้นคือการรักษาในปัจจุบันเนี่ยจะ
00:23:25 → 00:23:28 อยู่ 2 แบบนะครับผมคือคุณหมอจะรู้เลยว่า
00:23:28 → 00:23:31 จะใช้วิธีไหนในการที่
00:23:31 → 00:23:35 ตรวจเนี่ยก็จะมีคนส่งต่อให้กับแพทย์ผู้
00:23:35 → 00:23:37 เชี่ยวชาญแล้วก็ตัดสินใจให้การรักษาให้
00:23:37 → 00:23:38 ขาด
00:23:38 → 00:23:42 คือมีข้อสงสัยนิดนึงครับคุณหมอครับเอ่อผม
00:23:42 → 00:23:48 อันนี้ตัวผมเองนะอยู่ๆเนี่ยมันจี๊ดเป็น
00:23:48 → 00:23:52 จี๊ดมันจี๊ดๆแปลๆตรงที่บริเวณอกข้างซ้าย
00:23:52 → 00:23:53 ซึ่งเป็นที่หัวใจ
00:23:53 → 00:23:57 เนี่ยคือข้างซ้ายแต่เมื่อกี้ที่อาการที่
00:23:57 → 00:24:00 คุณหมอบอกว่าอยู่กลางแล้วก็อยู่ตรงกลาง
00:24:00 → 00:24:03 คือมันลักษณะที่แบบหัวใจจริงๆเราเนี่ยไม่
00:24:03 → 00:24:07 ได้อยู่ซ้ายเลยทีเดียวใช่ไหมคะคุณ
00:24:07 → 00:24:10 ตำแหน่งหัวใจเราเนี่ยวางอยู่ตรงกลางก็
00:24:10 → 00:24:13 จริงครับแต่ว่าโดยภาพรวมของหัวใจเนี่ยจะ
00:24:13 → 00:24:17 จะหันมาทางด้านซ้ายมากกว่าด้านขวาเพราะ
00:24:17 → 00:24:19 ฉะนั้นคือในความเข้าใจโดยพื้นฐานเราก็จะ
00:24:19 → 00:24:21 มักจะบอกว่าหัวใจอยู่ข้างซ้ายจริงๆก็จะ
00:24:21 → 00:24:23 บอกว่าเข้าใจถูกก็ถูกต้องนะครับเพราะว่า
00:24:23 → 00:24:25 ลักษณะหัวใจเองเนี่ยเขาก็จะมีการวางตัว
00:24:25 → 00:24:30 ที่เอียงมาทางด้านซ้ายแต่ว่าตัวปกติแล้ว
00:24:30 → 00:24:32 คือถ้าพูดถึงว่าในช่องอกเนี่ยหัวใจมัน
00:24:32 → 00:24:35 อยู่ตรงกลางช่วงอกนะครับแต่ว่าทิศทางของ
00:24:35 → 00:24:38 ตัวหัวใจจะวางตัวหันมาทางด้านซ้ายนั่นเอง
00:24:38 → 00:24:40 ครับเพราะฉะนั้นเจ็บจี๊ดอย่างที่เออเจ็บ
00:24:40 → 00:24:45 จี๊ดเจ็บแปลบตรงนี้มันๆเกี่ยวข้องระบบหัว
00:24:45 → 00:24:48 โจงหัวใจที่หลายคนเป็นนะครับเพื่อนๆในวัน
00:24:48 → 00:24:52 เดียวกันเออใช่ตรงนี้มันมีอาจารย์เป็น
00:24:52 → 00:24:57 อาการบ่งบอกอะไรเรื่องหัวใจขึ้นมาทันที
00:24:57 → 00:25:00 แล้วไอ้อาการอาการเจ็บตรงเนี้ยต้องยอมรับ
00:25:00 → 00:25:04 ว่ามันมันเป็นไปได้หลากหลายวินิจฉัยที่
00:25:04 → 00:25:06 เราเจอบ่อยๆเนี่ยก็
00:25:06 → 00:25:09 เวลาเก็บของหัวใจลักษณะสำคัญของเขาเนี่ย
00:25:09 → 00:25:12 มักจะนะครับเป็นข้อมูลที่มีการศึกษาก่อน
00:25:12 → 00:25:14 หน้านี้ลักษณะเขาจะไม่ติดแบบกรี๊ดเลย
00:25:14 → 00:25:17 ลักษณะเขาจะเป็นลักษณะแบบฉบับการอาการ
00:25:17 → 00:25:19 แน่นมากกว่าแต่ต้องยอมรับนะครับว่ามีคน
00:25:19 → 00:25:23 ให้บ้างที่ลักษณะเจ็บไม่ได้เป็นไปตามเอ่อ
00:25:23 → 00:25:27 ที่ที่เราศึกษามา 90% ก็อาจจะมีสัก 5%
00:25:27 → 00:25:30 ที่มันเจ็บในลักษณะอื่นๆนะครับอย่างเช่น
00:25:30 → 00:25:33 ต้องเรียนตรงๆว่าลักษณะเก็บแบบอีกทีเนี่ย
00:25:33 → 00:25:35 ต้องไปดูด้วยครับว่าอาการเจ็บที่มันเป็น
00:25:35 → 00:25:37 ตอนทำอะไรครับอย่างเช่นที่เราจดบ่อยๆ
00:25:37 → 00:25:40 เนี่ยตรงด้านซ้ายเราจะมีทั้งกระดูกอ่อน
00:25:40 → 00:25:43 ซี่โครงมีทั้งกล้ามเนื้อนะครับซึ่งกล้าม
00:25:43 → 00:25:45 เนื้อเนี่ยมีกล้ามเนื้อหน้าอกกล้ามแก่
00:25:45 → 00:25:48 กล้ามเนื้อระหว่างซี่โครงซึ่งเราพบว่าเรา
00:25:48 → 00:25:50 ได้รับบาดเจ็บตรงบริเวณนี้บ่อยๆแต่การใช้
00:25:50 → 00:25:53 ชีวิตประจำวันนะครับวิธีการสังเกตง่ายๆ
00:25:53 → 00:25:55 ถ้าเกิดเราเห็นว่าเราเปลี่ยนปี๊บเนี่ยเรา
00:25:55 → 00:25:58 เป็นตอนที่เราสัมพันธ์กับท่าทางยกตัว
00:25:58 → 00:26:01 อย่างเช่นเวลาเรายกแขนเพิ่มเลือดตัวกลมๆ
00:26:01 → 00:26:07 ในเงยนอนตะแคงเกี่ยวไหมคะ
00:26:07 → 00:26:11 หรือว่านอนทุกครั้งหันด้านซ้ายก็มีการ
00:26:11 → 00:26:13 เจ็บตลอดเนี่ยลักษณะเหล่านี้เองเนี่ยก็
00:26:13 → 00:26:15 เป็นตัวช่วยบอกว่าโอกาสที่จะเป็นลักษณะ
00:26:15 → 00:26:17 เกล็ดเนื่องจากหัวใจเนี่ยน่าจะเป็นไปได้
00:26:17 → 00:27:20 น้อยครับต้องบอกว่าเป็นไปได้น้อย
00:27:20 → 00:27:24 ครับผมมันเป็นลักษณะการตอบสนองลักษณะเขา
00:27:24 → 00:27:27 เรียกว่าเป็นการตอบสนองแบบอัตโนมัติของ
00:27:27 → 00:27:30 ร่างกายครับเมื่อร่างกายเรามีการขาดเลือด
00:27:30 → 00:27:31 ของกล้ามเนื้อหัวใจก็จะมีการส่งสัญญาณ
00:27:31 → 00:27:35 เซลล์ประสาทส่งงานที่ระบบอัตโนมัติสัญญาณ
00:27:35 → 00:27:36 ประวัติศาสตร์แบบอัตโนมัติเพื่อบอกว่า
00:27:36 → 00:27:40 เพื่อแสดงออกมาเป็นลักษณะของเหงื่อแตกรู้
00:27:40 → 00:27:43 สึกใจสั่นอะไรอย่างนี้ได้ครับเพราะฉะนั้น
00:27:43 → 00:27:45 อันนี้คือเป็นอันหนึ่งที่อาการเหล่านี้
00:27:45 → 00:27:47 คุณบอกเราไม่ได้เพราะว่ามันเป็นร่างกาย
00:27:47 → 00:27:50 เราเป็นตัวบอกเราออกมาเพราะฉะนั้นคือถ้า
00:27:50 → 00:27:52 เราเห็นต้องมีการเหงื่อแตกในการร่วมด้วย
00:27:52 → 00:29:13 เนี่ยก็อาจจะต้องรีบสนใจรีบไปตรวจครับผม
00:29:13 → 00:29:16 หาสาเหตุว่าตัวที่เราเห็นเนี่ยมันสำคัญ
00:29:16 → 00:29:19 กับภาวะไขมันโลหิตสูงหรือเปล่าซึ่งมันก็
00:29:19 → 00:29:22 จะมีสัมพันธ์กับภาวะไขมันสูงซึ่งมันเป็น
00:29:22 → 00:29:26 หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้คนไข้เป็นหลอดเลือด
00:29:26 → 00:29:28 หัวใจตีบได้นะครับก็เลยเป็นลักษณะอีกอัน
00:29:28 → 00:29:31 นึงที่จะอาจจะพอช่วยทันทีได้ครับผมแต่ว่า
00:29:31 → 00:29:34 เราไม่ได้เจอในคนไข้ทุกคนนะครับที่ผ่านมา
00:29:34 → 00:29:36 เราไม่ได้เจอกันให้ทุกคนแต่ถ้าเราเห็น
00:29:36 → 00:29:39 เนี่ยเราก็แนะนำว่าอาจจะต้องไปตรวจเช็ค
00:29:39 → 00:29:43 มันจะไม่ค่อยสังเกตเห็นนะผมเคยเห็นอยู่ผม
00:29:43 → 00:29:46 เคยเห็นมีญาติผู้ใหญ่ของผมเนี่ยมันจะมี
00:29:46 → 00:29:49 แบบว่าเหมือนที่คุณหมออธิบายทุกอย่างเลย
00:29:49 → 00:29:52 นะมันจะเป็นแผ่นๆเนี่ยที่เปลือกตาสี
00:29:52 → 00:29:54 เหลืองๆอะไรอย่างเงี้ยค่อนข้างเห็นชัดเจน
00:29:54 → 00:29:59 ก็เลยเออเดี๋ยวๆผมจะต้องต้องให้ลองไปตรวจ
00:29:59 → 00:30:01 ดูแล้วกันนะครับคุณหมอครับพอดีว่ามีคำถาม
00:30:01 → 00:30:05 จากทางบ้านถามมากันพอสมควรทีเดียวก็เลย
00:30:05 → 00:30:07 อยากจะขอใช้พื้นที่ตรงนี้ให้คุณหมอช่วย
00:30:07 → 00:30:10 อธิบายให้สักนิดนึงละกันนะครับมีคุณผู้
00:30:10 → 00:30:14 ฟังท่านที่ถามมาว่าโรคหัวใจตีบใช่โรคหัว
00:30:15 → 00:30:17 ใจขาดเลือดเป็นโรคเดียวกันหรือเปล่าแล้ว
00:30:17 → 00:30:21 สมมุติว่าถ้าเกิดมีอาการตามที่คุณหมอ
00:30:21 → 00:30:23 เนี่ยได้อธิบายเรามาตั้งแต่ช่วงต้นว่า
00:30:24 → 00:30:26 เริ่มเริ่มมีอาการไม่ค่อยดีแล้วแน่นอน
00:30:26 → 00:30:30 เจ็บหน้าอกใช่แล้วเขาดูข่าวเยอะเวลาถ้ามี
00:30:30 → 00:30:33 อาการกลัวว่าถ้าโทรไปหา 1669 แล้วเนี่ย
00:30:33 → 00:30:38 มาไม่ทันการมาช้าโอ้ยหลายประเด็นอายุมาก
00:30:38 → 00:30:44 แล้วเราควรจะต้องทำตัวยังไงดี
00:30:44 → 00:30:47 อ่ะประเด็นที่ 1 ที่ถามก็คือจริงๆโลกเอ่อ
00:30:47 → 00:30:50 กล้ามรูปหัวใจขาดเลือดกับโรคเส้นเลือดหัว
00:30:50 → 00:30:56 ใจติดนี่คือมันคือคำอธิบายของโรคเดียวกัน
00:30:56 → 00:30:59 หัวใจขาดเลือดก็บอกว่าเป็นโรคหัวใจ 4
00:31:00 → 00:31:03 ประตูเป็นพวกเดียวกันแล้วก็ความรุนแรงมัน
00:31:03 → 00:31:05 ก็จะมีมีอย่างที่ผมเรียนไปความรุนแรงมาก
00:31:05 → 00:31:08 น้อยนะครับคราวนี้ในประเด็นที่ว่าเราเกิด
00:31:08 → 00:31:13 ว่าเรามีอาการนะครับคือผมเรียนว่าถ้า
00:31:13 → 00:31:17 เราอยู่ในในพื้นที่ที่เรามีคนดูแลทางผู้
00:31:17 → 00:31:19 สูงอายุบางท่านเนี่ยเรามีอยู่กับลูกหลาน
00:31:19 → 00:31:22 เนี่ยครับเราลูกหลานเราอยู่ด้วยกันเรา
00:31:22 → 00:31:25 อั้นมีอาการเนี่ยจริงๆคือขึ้นอยู่กับว่า
00:31:25 → 00:31:27 สถานการณ์ตรงนั้นเนี่ยท่านสามารถที่จะ
00:31:27 → 00:31:30 เดินทางไปโรงพยาบาลเนี่ยไม่เร็วใหม่อย่าง
00:31:30 → 00:31:32 เช่นบางบ้านมีรถยนต์ส่วนตัวเนี่ยสามารถ
00:31:32 → 00:31:36 ออกจากบ้านไปได้เลยเนี่ยก็จะเป็นข้อดีคือ
00:31:36 → 00:31:38 โอกาสที่จะไปถึงโรงพยาบาลแล้วได้ตรวจทัน
00:31:38 → 00:31:40 ทีเนี่ยมันก็จะลดช่วงเวลานั้นลงแต่ว่าใน
00:31:40 → 00:31:43 บางบ้านเช่นผู้สูงอายุอยู่แล้วก็อาจจะไม่
00:31:43 → 00:31:45 ได้มีรถยนต์ส่วนตัวเดินทางด้วยรถประจำทาง
00:31:45 → 00:31:47 อะไรอย่างนี้นะครับเพราะฉะนั้นคืออันนี้
00:31:47 → 00:31:50 คือการที่โทรเรียกเจ้าหน้าที่เอ่อแผนกการ
00:31:50 → 00:31:53 แพทย์ฉุกเฉิน 166 เนี่ยก็น่าจะเป็นวิธี
00:31:53 → 00:31:55 ที่ดีที่สุดเพราะว่าเจ้าหน้าที่ก็จะมีการ
00:31:55 → 00:31:59 ประเมินอาการของผู้ป่วยเพื่อที่จะส่งต่อ
00:31:59 → 00:32:01 ให้กับเอ่อหน่วยย่อยที่จะเข้าไปรับผู้
00:32:01 → 00:32:04 ป่วยให้เร็วที่สุดตามความด่วนหรือว่าการ
00:32:04 → 00:32:05 จัดการประเมินของเจ้าหน้าที่ครับเพราะ
00:32:05 → 00:32:07 ฉะนั้นจริงๆคือต้องเรียนว่ามันขึ้นอยู่
00:32:07 → 00:32:10 กับสถานการณ์แล้วก็การที่คนในบ้านเนี่ย
00:32:10 → 00:32:14 ได้อาศัยอยู่กับใครนะครับผมว่าอยู่คน
00:32:14 → 00:32:16 เดียวเลยเนี่ยการจะขับรถไปโรงพยาบาลเลย
00:32:16 → 00:32:18 บางทีถ้าเกิดอาการเป็นมากเนี่ยบางทีมันก็
00:32:18 → 00:32:20 อันตรายในการเดินทางก็อาจจะมีความจำเป็น
00:32:20 → 00:32:25 ว่าต้องรีบโทรแจ้งทางทางศูนย์แพทย์ชุมชน
00:32:25 → 00:32:27 ของผมก็จะเป็นอะไรที่ดีที่สุดเราสามารถ
00:32:27 → 00:32:30 ที่จะสามารถที่จะให้คำแนะนำเบื้องต้นได้
00:32:30 → 00:32:32 ว่าจะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรครับคืออย่าง
00:32:32 → 00:32:35 น้อยเนี่ย
00:32:35 → 00:32:38 ทางเลือกเป็นคำตอบที่ดีที่สุดนะช่วงเวลา
00:32:38 → 00:32:41 ที่มันน่าเสียหน้าขวานเวลาแบบนั้นนะครับ
00:32:41 → 00:32:43 คุณหมอมีอีกหนึ่งคำถามที่คุณผู้ฟังทาง
00:32:43 → 00:32:45 บ้านสงสัยแล้วก็อยากจะให้คุณหมอช่วย
00:32:45 → 00:32:48 อธิบายนิดนึงว่าเอ่อไอ้ที่เราเห็นข่าว
00:32:48 → 00:32:52 ครับเรื่องที่เรามักจะเห็นนักกีฬาล้มปุ๊บ
00:32:52 → 00:32:55 การอยู่ในสนามขณะแข่งขันก็ดีหรือว่าพรรค
00:32:55 → 00:32:58 ก็ดีเนี่ยมันแบบใช่หรือว่าเกี่ยวข้องกับ
00:32:58 → 00:33:03 อาการหัวใจขาดเลือดไหมครับผมคือในในกรณี
00:33:03 → 00:33:05 ของนักกีฬาเองเนี่ยก็ต้องยอมรับว่ามันก็
00:33:05 → 00:33:07 จะมีส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วก็ส่วนแกไม่ได้
00:33:07 → 00:33:09 เกี่ยวข้องกับโรคเอ่อหลอดเลือดหัวใจนะ
00:33:09 → 00:33:13 ครับคือในในการเสียชีวิตขณะออกกำลังกาย
00:33:13 → 00:33:17 ใหม่ในคนไข้ที่อายุน้อยๆก็จะมีโรคหัวใจ
00:33:17 → 00:33:20 บางชนิดครับที่เจอไม่บ่อยอย่างเช่นโรคหัว
00:33:20 → 00:33:22 ใจที่หลอดเลือดหัวใจเนี่ยมันออกผิด
00:33:22 → 00:33:24 ตำแหน่งเป็นต้นนะครับเราเลือกหัวใจเอง
00:33:24 → 00:33:27 เนี่ยออกผิดตำแหน่งทำให้ตลอดในตำแหน่งที่
00:33:27 → 00:33:29 เวลาเราออกกำลังกายแล้วมันมีการกดทับหลอด
00:33:29 → 00:33:33 ด้วยหัวใจนะครับมีการออกหัวใจมีการบีบตัว
00:33:33 → 00:33:35 แรงๆอะไรอย่างเงี้ยครับมีการกดทับหลอด
00:33:35 → 00:33:37 เลือดหัวใจเองเนี่ยก็อาจจะทำให้คนไข้มี
00:33:37 → 00:33:40 อาการขณะออกกำลังกายหรือว่าบางคนก็หัวใจ
00:33:40 → 00:33:42 หรือว่าเสียชีวิตขณะออกกำลังกายได้นะครับ
00:33:42 → 00:33:44 อีกประเภทหนึ่งก็คือเป็นโรคเกี่ยวกับทาง
00:33:44 → 00:33:49 กล้ามเนื้อหัวใจหนาตัวผิดปกติซึ่งก็อาจจะ
00:33:49 → 00:33:51 มีลักษณะเดียวกันคือไปออกกำลังกายหนักๆ
00:33:51 → 00:33:54 แล้วก็มีการวูบปกติไปหรือว่าเสียชีวิตขณะ
00:33:54 → 00:33:57 ออกกำลังกายได้เหมือนกันแล้วก็ส่วนสุด
00:33:57 → 00:33:59 ท้ายก็คือในที่เราจะเจอคือจริงๆแล้วคือใน
00:33:59 → 00:34:01 เจอในคนไข้ที่จริงๆแล้วเนี่ยเค้าว่ามีโรค
00:34:01 → 00:34:05 หัวใจอยู่แล้วนะครับแต่ว่าเอ่ออาจจะไม่
00:34:05 → 00:34:08 ได้ทำการตรวจวินิจฉัยมาก่อนแล้วก็อาจจะไป
00:34:08 → 00:34:11 ออกกำลังกายที่หนักนะครับออกไปที่หนัก
00:34:11 → 00:34:15 เอ่ออาจจะไม่เคยต่อมาก่อนไม่เคยได้เรียน
00:34:15 → 00:34:17 มาก่อนหรือออกกำลังกายที่หนักทันทีทันใด
00:34:17 → 00:34:20 เนี่ยก็อาจจะเป็นหนึ่งในใจที่ไปกระตุ้นทำ
00:34:20 → 00:34:22 ให้เลือดเนี่ยไปเลี้ยงหัวใจไม่ทันในขณะ
00:34:22 → 00:34:24 ที่ออกกำลังกายแล้วอาจจะทำให้มีอาการหัว
00:34:24 → 00:34:26 ใจขาดเลือดตามมาได้เพราะฉะนั้นจริงๆแล้ว
00:34:26 → 00:34:29 เนี่ยที่เราเห็นกันในข่าวเองต้องยอมรับ
00:34:29 → 00:34:33 ว่ามันมีหลากหลายสาเหตุครับผมมันเยอะเลย
00:34:33 → 00:34:37 มันคอยดูแลรักษาหัวใจเป็นถ้อยคำที่แบบว่า
00:34:37 → 00:34:40 โอ้โหต้องดูแลเขาดีๆมากๆเลยนะคะแม้จะแข็ง
00:34:40 → 00:34:43 แรงแต่นักกีฬาก็ตามไปทำอะไรให้มันปรี๊ด
00:34:43 → 00:34:46 ให้มันแบบอื้อหือ Control ไม่ได้ที่คุณ
00:34:46 → 00:34:50 หมอบอกว่ามันมันสูบฉีดไปในทิศทางที่ผิด
00:34:50 → 00:34:54 ปกติเนี่ยโอ้โหฟังแล้วมันมันหวาดเสียว
00:34:54 → 00:34:57 นี่มีคำถามน่าจะเป็นคำถามสุดท้ายแล้วก็
00:34:57 → 00:35:00 คุณหมอครับอันนี้ผมเชื่อว่าทุกคนน่าจะรอ
00:35:00 → 00:35:03 อยู่เหมือนกันว่าอ่ะอยากจะได้คำตอบตรงนี้
00:35:03 → 00:35:07 จากคุณหมอบ้างมีอาหารมีสมุนไพรน้ำยาบำรุง
00:35:07 → 00:35:10 อะไรที่พอเจอความแข็งแรง
00:35:10 → 00:35:14 ของเราเนี่ยแข็งแรงแข็งแกร่งสามารถอยู่ดู
00:35:14 → 00:35:17 แลร่างกายของเราในไปได้ตราบนานเท่านาน
00:35:17 → 00:35:20 ครับผม
00:35:20 → 00:35:23 ก็คิดว่าเป็นสิ่งที่อยากแนะนำให้คนที่
00:35:23 → 00:35:26 อยากหันมาดูแลสุขภาพหัวใจเนี่ยได้ปฏิบัติ
00:35:26 → 00:35:29 ตามคำแนะนำนะครับคือผมแบ่งออกเป็นหลักๆ
00:35:29 → 00:35:37 อันที่ 1 เลยอยากให้เลิกสูบบุหรี่ก่อน
00:35:37 → 00:35:41 เลิกคือดีที่สุดแต่ถ้าเลิกไม่ได้ก็อาจจะ
00:35:41 → 00:35:43 ให้ลดลง
00:35:43 → 00:35:46 สำหรับหัวใจคือการเลิกสูบบุหรี่ครับอัน
00:35:46 → 00:35:49 ที่ 2 ถ้าเกิดเรารู้ว่ามีโรคประจำตัวให้
00:35:49 → 00:35:52 เรารีบตรวจและรักษาให้เหมาะสมอย่าปล่อย
00:35:52 → 00:35:55 ไว้อย่าคิดว่าเบาหวานเคยตรวจเจอปีที่แล้ว
00:35:55 → 00:35:57 ไม่เป็นไรหรอกเรา 3 ปีเดี๋ยวค่อยไปจดซ้ำ
00:35:57 → 00:36:00 ก็ได้อะไรแบบนี้นะครับซึ่งก็คือคนที่จะ
00:36:00 → 00:36:03 ตรวจรักษาอย่างถูกต้องอันที่ 3 คือการออก
00:36:03 → 00:36:06 กำลังกายครับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
00:36:06 → 00:36:09 เนี่ยเพิ่มความแข็งแรงให้กับหัวใจทำให้ลด
00:36:09 → 00:36:11 โอกาสการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจได้ก็ต้อง
00:36:11 → 00:36:14 ออกไปถูกใจได้มาถึงให้ตัวสุดท้ายคือ
00:36:14 → 00:36:17 เรื่องของอาหารใช่ไหมครับคือในปัจจุบันคำ
00:36:17 → 00:36:20 แนะนำของสมาคมแพทย์โรคหัวใจในยุโรปเอง
00:36:20 → 00:36:22 เนี่ยก็มีการออกคำแนะนำเรื่องของอาหารมา
00:36:22 → 00:36:25 หลากหลายข้อมูลเลยนะครับยกตัวอย่างการกิน
00:36:25 → 00:36:27 อาหารที่เขาแนะนำเนี่ยอันที่ 1 เลยคือการ
00:36:27 → 00:36:32 ทานอาหารที่ลดปริมาณของเกลือลงคือไม่ควร
00:36:32 → 00:36:36 ทานอาหารที่เค็มจัดซึ่งเขาพูดง่ายๆก็อาจ
00:36:36 → 00:36:38 จะบอกว่าต่อวันเนี่ยไม่ควรเกิน 5 กรัมต่อ
00:36:38 → 00:36:43 วันนะครับ 5 กรัมต่อวันคือเกลือเกลือแกง 1
00:36:43 → 00:36:45 ช้อนชาเราเนี่ยก็จะมีเกลือจำนวนโซเดียม
00:36:45 → 00:36:48 อยู่ที่ประมาณเกือบๆ 2 กรัมโดยประมาณนั้น
00:36:48 → 00:36:50 คือวันนึงเนี่ยจึงได้ประมาณแค่ 2 ช้อนโดย
00:36:50 → 00:36:51 ประมาณ
00:36:51 → 00:36:53 อย่างทั่วๆไป
00:36:53 → 00:36:58 เนี่ยนะคะใช่ครับแต่ว่าจริงๆแล้วมันซ่อน
00:36:58 → 00:37:01 อยู่ในอ่า
00:37:01 → 00:37:04 อะไรต่างๆที่เรากินอาหารตามสั่งต่างๆมัน
00:37:04 → 00:37:06 มีอยู่เรื่อยๆอยู่นะครับอันที่ 2 คือการ
00:37:06 → 00:37:09 ลดปริมาณการทานอาหารกลุ่มที่เป็นพวกของ
00:37:09 → 00:37:13 หวานๆนะครับลดการทานอาหารหวานจัด
00:37:13 → 00:37:15 เป็นอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมากๆ
00:37:15 → 00:37:18 เครื่องดื่มที่เป็นเครื่องดื่มสำเร็จรูป
00:37:18 → 00:37:23 ที่ตามร้านสะดวกซื้อหรือจะหมดนะครับ
00:37:23 → 00:38:22 แอลกอฮอล์ลงนะครับ
00:38:22 → 00:38:25 ก็มีเขียนถึงบ้านแต่ว่าในในข้อมูลของ
00:38:25 → 00:38:28 สมาคมให้ตรวจเองก็จะพูดถึงกลุ่มที่เป็น
00:38:28 → 00:38:32 มากกว่าทะเลใช่ครับก็จะเป็นอะไรที่แนะนำ
00:38:32 → 00:38:36 ให้ทำส่วนสมุนไพรอะไรต่างๆในปัจจุบันนะ
00:38:36 → 00:38:39 ครับต้องในๆยังไม่มีข้อมูลที่รองรับชัด
00:38:39 → 00:38:41 เจนครับว่าการรับประทานสมุนไพรตัวใดตัว
00:38:41 → 00:38:45 หนึ่งเนี่ยมันมีการลดอัตราการเกิดโรคหัว
00:38:45 → 00:38:47 ใจหรือว่าการลดอัตราการเกิดเรื่องต่อ
00:38:47 → 00:38:51 เรื่องสถิติได้อย่างชัดเจนครับ