00:00:00 → 00:00:05 [เพลง]
00:00:05 → 00:00:09 สวัสดีครับผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์และนี่คือ
00:00:09 → 00:00:11 ศัลยกรรมความสุข
00:00:12 → 00:00:39 [เพลง]
00:00:39 → 00:00:42 คุณผู้ฟังครับเมื่อเร็วๆนี้ผมมีโอกาสได้
00:00:42 → 00:00:46 ไปคุยกับเพื่อนคนหนึ่งนะฮะก็ในระหว่างที่
00:00:46 → 00:00:50 กำลังพูดคุยกันอยู่เนี่ยก็มีสายโทรศัพท์
00:00:50 → 00:00:52 เข้ามานะ
00:00:52 → 00:00:55 แล้วเขาก็รับโทรศัพท์หลังจากที่เขารับ
00:00:55 → 00:00:57 โทรศัพท์แล้วก็พูดคุย
00:00:57 → 00:01:00 กับทางปลายสายนิดหน่อยนะครับผมก็พบว่า
00:01:00 → 00:01:02 เรื่องราวที่เขาพูดคุยกันอยู่เนี่ย
00:01:02 → 00:01:06 เป็นเรื่องราวที่น่าจะสรุปได้ด้วยคำ
00:01:06 → 00:01:09 4 คำนะครับก็คือ
00:01:09 → 00:01:13 เป็นเรื่องราวของคนคนนึงที่มีชีวิต
00:01:13 → 00:01:15 อยู่เย็นเป็นทุกข์ครับ
00:01:15 → 00:01:19 [เพลง]
00:01:19 → 00:01:21 ใช่เลยครับคุณผู้ฟัง
00:01:21 → 00:01:24 ไม่ได้ฟังผิดนะครับอยู่เย็นเป็นทุกข์ครับ
00:01:24 → 00:01:29 เพราะว่าปกติเราคงจะคุ้นเคยกันดีนะครับ
00:01:29 → 00:01:33 กับคำว่าอยู่เย็นเป็นสุขใช่ไหมครับ
00:01:33 → 00:01:36 แต่ว่าเรื่องราวที่ผมได้ยินแล้วผมก็เลย
00:01:36 → 00:01:38 สรุปว่าอยู่เย็นเป็นทุกข์ก็เป็นเพราะว่า
00:01:38 → 00:01:41 วันนั้นก็มีนัดครับไปเจอกันกับเพื่อนนะ
00:01:42 → 00:01:44 ที่ไม่ได้เจอกันนานมากก็
00:01:44 → 00:01:47 ระหว่างที่กำลังพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิด
00:01:47 → 00:01:52 เห็นกันทักทายถามสารทุกข์สุขดิบนะครับ
00:01:52 → 00:01:53 ก็ปรากฏว่ามี
00:01:53 → 00:01:57 โทรศัพท์ของเพื่อนก็ดังขึ้นมานะ
00:01:57 → 00:01:59 โทรศัพท์ของเพื่อนดังขึ้นมาเนี่ยก็เป็น
00:01:59 → 00:02:03 สายจากคนที่โทรเข้ามาเนี่ย
00:02:03 → 00:02:06 ก็เป็นน้องเขาเองนะ
00:02:06 → 00:02:10 ขอรับโทรศัพท์คุยกับน้องแป๊บนึงนะเขาก็
00:02:10 → 00:02:12 คุยกันเราก็อยู่ตรงนั้นเขาก็คุยกันปกติ
00:02:12 → 00:02:16 เลยนะครับเราก็เลยได้ยินบทสนทนาของเขากับ
00:02:16 → 00:02:20 น้องไปด้วยนะฮะก็เป็นเพื่อนสนิทกันแล้ว
00:02:20 → 00:02:23 น้องเขาผมก็รู้จักดีนะครับก็ฟังไปเรื่อยๆ
00:02:23 → 00:02:26 แล้วก็สรุปใจความได้ว่า
00:02:26 → 00:02:28 มันเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับว่าน้องเขา
00:02:28 → 00:02:31 เนี่ยครับมาขออาศัยช่วงนี้เป็นช่วงที่
00:02:31 → 00:02:34 น้องเข้ามาอาศัยอยู่ที่บ้านของเพื่อนผมนะ
00:02:34 → 00:02:36 ครับเขาก็มีความจำเป็นอะไรบางอย่างก็เลย
00:02:36 → 00:02:39 มาอาศัยอยู่ที่บ้านของเพื่อนนี่แหละนะ
00:02:39 → 00:02:44 แล้วก็พอมาอาศัยอยู่ที่บ้านเนี่ยเพื่อนผม
00:02:44 → 00:02:47 ก็มีห้องให้น้องเขาอยู่อะไรอย่างนี้แล้ว
00:02:47 → 00:02:51 ก็ก็อาศัยอยู่ระยะหนึ่งแล้วนะครับระยะ
00:02:51 → 00:02:54 หนึ่งแล้วแล้วก็มาทำงานแล้วน้องชายเขาก็
00:02:54 → 00:02:57 ทำงานแล้วแล้วก็พออาศัยอยู่ที่บ้านสัก
00:02:57 → 00:02:59 ระยะหนึ่งเนี่ยที่โทรมาคุยกันเนี่ยก็คือ
00:03:00 → 00:03:02 ว่าเขาก็มีประเด็นกับน้องเขา
00:03:02 → 00:03:05 คือพอมาอาศัยอยู่สักระยะหนึ่งเนี่ยมันก็
00:03:05 → 00:03:09 การที่น้องมาอยู่กับที่บ้านของเขาเนี่ย
00:03:09 → 00:03:12 มันทำให้เขามีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นนะ
00:03:12 → 00:03:13 ฮะ
00:03:13 → 00:03:18 เพราะว่าเวลาที่มีคนคนนึงมาอยู่ด้วยแล้ว
00:03:18 → 00:03:20 ก็มีห้องๆนึงให้อยู่นะครับ
00:03:20 → 00:03:23 น้องเขาก็มาทำงานแล้วก็
00:03:23 → 00:03:26 มีชีวิตเหมือนอยู่ปกตินะฮะ
00:03:26 → 00:03:30 ค่าใช้จ่ายอันนึงที่เพิ่มขึ้นก็คือ
00:03:30 → 00:03:32 ค่าน้ำประมาณค่าน้ำค่าไฟอะไรประมาณนี้นะ
00:03:32 → 00:03:33 ฮะ
00:03:33 → 00:03:36 ค่าแรงค่าไฟแค่นี้เพื่อนเนี่ยเขาก็ต้อง
00:03:36 → 00:03:39 เขาเกิดมีความรู้สึกว่าเขาอยากให้น้อง
00:03:39 → 00:03:39 เนี่ย
00:03:39 → 00:03:45 มีส่วนรับผิดชอบในในค่าใช้จ่ายอันนี้ด้วย
00:03:45 → 00:03:49 นะฮะก็แค่ไม่ได้เขาก็หลังจากที่วาง
00:03:49 → 00:03:52 โทรศัพท์แล้วเนี่ยเขาก็คุยให้ผมฟังนะเขา
00:03:52 → 00:03:55 ก็มีความรู้สึกว่าอยากจะให้น้องเขาเนี่ย
00:03:55 → 00:03:59 มีความรับผิดชอบในเรื่องบางเรื่องด้วยไม่
00:04:00 → 00:04:03 งั้นก็จะแบบว่าทำตัวสบายเกินไปแล้วก็ไม่
00:04:03 → 00:04:05 ได้มีความรับผิดชอบอะไรต่ออะไรเนี่ยนะ
00:04:06 → 00:04:10 ประเด็นก็คือเขาก็บอกกับน้องชายว่าพอน้อง
00:04:10 → 00:04:14 ชายเขามาอยู่ที่บ้านนี้เนี่ยค่าไฟมันก็
00:04:14 → 00:04:18 เยอะขึ้นกว่าเดิมแบบพอสมควรนะครับเพราะ
00:04:18 → 00:04:19 ว่า
00:04:19 → 00:04:23 มีคนคนนึงมาอยู่ก็ต้องเปิดแอร์แล้วก็น้อง
00:04:23 → 00:04:26 เขาก็เป็นคนที่ทำงานแล้วก็นอนดึกนะทำงาน
00:04:26 → 00:04:27 กับคอมพิวเตอร์
00:04:27 → 00:04:30 ต้องเปิดแอร์อะไรอย่างนี้เพราะว่าค่าฝ่าย
00:04:30 → 00:04:33 มันก็ขึ้นเขาก็เลยบอกกับน้องเขาว่าอยาก
00:04:33 → 00:04:35 ให้
00:04:35 → 00:04:38 อยากให้ช่วยรับผิดชอบค่าไฟที่ขึ้นด้วย
00:04:38 → 00:04:41 อะไรอย่างนี้นะให้ช่วยกันจ่ายด้วย
00:04:41 → 00:04:44 แต่ว่าเท่าที่ฟังดูก็เหมือนกับน้องเขาก็
00:04:44 → 00:04:47 แบบอาจจะเหมือนกับแหมแค่นี้ทำไมต้องนู่น
00:04:47 → 00:04:50 นี่นั่นอะไรอย่างนี้นะฮะก็ก็คุยกันเนี่ย
00:04:50 → 00:04:53 เหมือนกับว่าทำให้เขาไม่ค่อยสบายใจด้วย
00:04:53 → 00:04:55 กันทั้งคู่แหละนะฮะ
00:04:55 → 00:04:58 ไอ้ตัวตัวพี่ก็อยากจะให้น้องมีความรับผิด
00:04:58 → 00:05:01 ชอบแต่ไอ้ตัวน้องก็มีความรู้สึกว่าเหมือน
00:05:01 → 00:05:04 กับแค่นี้ทำไมต้องอย่างนู้นอย่างนี้ทำให้
00:05:04 → 00:05:07 กลายเป็นว่าเหมือนจะลุกลามไปเรื่องของ
00:05:07 → 00:05:08 ความ
00:05:08 → 00:05:11 ความสัมพันธ์แล้วก็ทำให้มี
00:05:11 → 00:05:14 เหมือนกับชีวิตก็ไม่ค่อยมีความสุขเท่า
00:05:14 → 00:05:17 ไหร่นะครับแต่ประเด็นพอผมได้ยินอย่างนั้น
00:05:17 → 00:05:19 ปุ๊บเนี่ยครับกำลังผมก็มีความรู้สึกว่า
00:05:19 → 00:05:22 หลักๆเลยเนี่ยที่เขามีการพูดถึงก็คือ
00:05:22 → 00:05:26 เรื่องของการที่ต้องทำงานกับคอมพิวเตอร์
00:05:26 → 00:05:29 บางวันก็ work from home อยู่บ้านทั้ง
00:05:29 → 00:05:31 วันก็เปิดแอร์
00:05:31 → 00:05:35 กลางคืนก็ใช้คอมพิวเตอร์เปิดแอร์นู่นนี่
00:05:35 → 00:05:35 นั่นเนี่ย
00:05:35 → 00:05:40 มันเป็นเรื่องราวของชีวิตที่เพราะอากาศ
00:05:40 → 00:05:42 ไม่ดีเราเปิดแอร์มันก็อยู่อย่างสบายใช่
00:05:42 → 00:05:44 ไหม
00:05:44 → 00:05:46 [เพลง]
00:05:46 → 00:05:49 จริงๆแล้วชีวิตเนี่ยเรายินเราคุ้นกับคำ
00:05:49 → 00:05:52 ว่าอยู่เย็นเป็นสุข
00:05:52 → 00:05:54 แต่กรณีนี้เนี่ย
00:05:54 → 00:05:56 ความเป็น
00:05:56 → 00:05:59 ความขัดแย้งความสัมพันธ์สภาพที่เริ่มไม่
00:05:59 → 00:06:02 ค่อยดีทำให้เขาเป็นทุกข์เนี่ยมันสืบ
00:06:02 → 00:06:04 เนื่องมาจากการอยู่เย็นนะก็คือ
00:06:04 → 00:06:12 การที่ชีวิตในปัจจุบันเนี่ย
00:06:12 → 00:06:29 [เพลง]
00:06:29 → 00:06:32 มันทำให้ผมนึกไปถึงเรื่องอื่นๆอีกมากมาย
00:06:32 → 00:06:34 ก่ายกองครับคุณผู้ฟังว่า
00:06:34 → 00:06:37 แท้ที่จริงแล้วในชีวิตของเราเนี่ยเราจะ
00:06:37 → 00:06:43 เข้าใจผิดว่าชีวิตของเราเองจะมีความสุข
00:06:43 → 00:06:46 หรือมีความทุกข์
00:06:46 → 00:06:50 มันจะไปขึ้นอยู่กับความเย็นความร้อนความ
00:06:50 → 00:06:52 อึดอัดความสบายใจ
00:06:52 → 00:06:55 หรือเปล่าหรือจริงๆแล้วมันขึ้นอยู่กับ
00:06:55 → 00:06:57 ขึ้นอยู่กับอะไร
00:06:57 → 00:07:00 แล้วประจวบกับเมื่อไม่นานเนี่ยครับคุณผู้
00:07:00 → 00:07:05 ฟังมีอีกวันนึงผมก็มีโอกาสได้ไป
00:07:05 → 00:07:08 บรรยายในสถานที่ที่หนึ่งนะครับซึ่งสถาน
00:07:08 → 00:07:11 ที่ที่หนึ่งที่ผมไปบรรยายบ่อยๆถ้าคุณผู้
00:07:11 → 00:07:13 ฟังที่ฟังรายการศัลยกรรมความสุขบ่อยๆนะ
00:07:13 → 00:07:17 ครับผมก็จะมีเล่าเรื่องเรื่องหนึ่งให้ฟัง
00:07:17 → 00:07:19 บ่อยๆว่าที่ที่หนึ่งที่ผมไปบรรยายบ่อยๆก็
00:07:19 → 00:07:22 คือในเรือนจำ
00:07:22 → 00:07:25 ก็ในเรือนจำก็แน่นอนก็คือพูดง่ายๆก็คือ
00:07:25 → 00:07:26 คุกใช่ไหมครับ
00:07:27 → 00:07:29 แล้วก็คนที่อยู่ในคุกก็คือเป็นผู้ต้องขัง
00:07:29 → 00:07:31 ที่ทำความผิด
00:07:31 → 00:07:35 ทำความผิดแล้วก็ต้องถูกจองจำอยู่ในคุก
00:07:35 → 00:07:37 เวลาที่เราเข้าไปบรรยายในคุกเนี่ยเราก็จะ
00:07:37 → 00:07:38 พบว่า
00:07:38 → 00:07:43 ผู้ต้องขังเขาก็จะสีหน้าก็ไม่ค่อยจะมี
00:07:43 → 00:07:47 ความสุขเท่าไหร่ใช่ไหมบางที่ผมล่าสุดที่
00:07:47 → 00:07:50 ผมไปผมก็ถามเลยบอกเป็นยังไงชีวิตนี้
00:07:50 → 00:07:53 เขาก็มองหน้าเราปลัดประหลาดประมาณว่าอยู่
00:07:53 → 00:07:56 ในคุกแล้ว
00:07:56 → 00:07:59 ถามว่าชีวิตเป็นยังไงจะให้มีความสุขหรือ
00:07:59 → 00:08:01 นะผมก็เลยบอกเขาบอกว่า
00:08:01 → 00:08:05 ถ้าเกิดว่าถ้าอย่างนั้นเนี่ยวันนี้เรา
00:08:05 → 00:08:09 อยู่ในคุกแล้วเราก็มีความทุกข์
00:08:09 → 00:08:12 ลองจินตนาการดูว่าถ้าเราได้กลับบ้านไป
00:08:12 → 00:08:15 เนี่ยเราจะมีความสุขไหมนะ
00:08:15 → 00:08:17 ก็มีลูกศิษย์คนหนึ่งที่เป็นผู้ต้องขังเขา
00:08:17 → 00:08:21 ก็ตอบมาแบบงงๆว่าอ้าว
00:08:21 → 00:08:24 อยู่ในคุกก็ต้องมีความทุกข์และถ้าเราได้
00:08:24 → 00:08:27 กลับบ้านไปเราก็ต้องมีความสุขสิก็เหมือน
00:08:27 → 00:08:30 กับเรื่องปกตินะครับคุณผู้ฟัง
00:08:30 → 00:08:32 เพราะเป็นอย่างนั้นปุ๊บผมก็เลยถามต่อไป
00:08:32 → 00:08:35 ว่าอ้าวถ้าบอกว่าวันนี้อยู่ในคุกมีความ
00:08:35 → 00:08:38 ทุกข์ถ้าเราได้กลับบ้านเราก็ต้องมีความ
00:08:38 → 00:08:41 สุขเนี่ยผมถามกลับไปว่าถ้าอย่างนั้นลอง
00:08:41 → 00:08:42 นึกย้อนกลับไป
00:08:42 → 00:08:45 ชีวิตของเราก่อนที่เราจะทำความผิดก่อนที่
00:08:45 → 00:08:47 เราจะต้องถูกจองจำในคุกเนี่ย
00:08:47 → 00:08:51 ชีวิตก่อนหน้านั้นก็คือเราก็อยู่ที่บ้าน
00:08:51 → 00:08:53 เราก็เคยอยู่ที่บ้านมาก่อนนานแล้วตั้งแต่
00:08:53 → 00:08:56 เด็กตั้งแต่เกิดมาหลายสิบปีเนี่ยผมบอกเขา
00:08:57 → 00:08:59 ว่าลองนึกดูซิว่าชีวิตในสมัยตอนที่เรา
00:08:59 → 00:09:02 อยู่ที่บ้านตอนนั้นเนี่ยเราเคยมีความ
00:09:03 → 00:09:05 ทุกข์หรือไม่
00:09:05 → 00:09:09 พอเขานึกสักพักหนึ่งเขาก็พยักหน้าก็บอก
00:09:09 → 00:09:11 ว่าเออก็มีนะ
00:09:11 → 00:09:14 ในสมัยก่อนตอนที่อยู่ที่บ้านเนี่ย
00:09:14 → 00:09:17 ยังมีอิสรภาพยังไม่ได้ถูกจองจำอยู่ในบ้าน
00:09:17 → 00:09:18 ก็มี
00:09:18 → 00:09:22 ก็มีความถูกเหมือนกัน
00:09:22 → 00:09:26 ผมก็เลยถามสรุปอีกทีนึงว่าถ้าอย่างนั้น
00:09:26 → 00:09:28 แสดงว่าชีวิตคนเราเนี่ย
00:09:28 → 00:09:33 มันจะมีความสุขหรือมีความทุกข์เนี่ยมัน
00:09:33 → 00:09:35 ขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่ที่ไหนหรือเปล่า
00:09:35 → 00:09:38 หรือมันขึ้นอยู่กับอะไรกันแน่
00:09:38 → 00:09:41 เพราะตอนนี้เราคิดว่าถ้าอยู่ในคุกก็ต้อง
00:09:41 → 00:09:43 มีความทุกข์ถ้าเราได้กลับไปอยู่บ้านเราจะ
00:09:43 → 00:09:46 มีความสุขแต่ในความเป็นจริงแล้ว
00:09:46 → 00:09:50 เราก็เคยอยู่ที่บ้านและตอนที่อยู่ที่บ้าน
00:09:50 → 00:09:52 เราก็มีความทุกข์
00:09:52 → 00:09:55 แสดงว่าเราจะสุขหรือเราจะมันขึ้นอยู่กับ
00:09:55 → 00:09:57 ว่าเราอยู่ที่ไหนหรือเปล่า
00:09:57 → 00:10:01 พอเขาคิดสักระยะหนึ่งเขาก็ตอบว่า
00:10:01 → 00:10:04 จริงๆแล้วมันทำให้เขาเกิดการเรียนรู้ว่า
00:10:04 → 00:10:07 ชีวิตเขาจะมีความสุขหรือทุกข์มันไม่ได้
00:10:07 → 00:10:09 ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ที่ไหนไม่ได้ขึ้นอยู่
00:10:09 → 00:10:14 กับว่าอยู่ในอยู่ในเรือนจำหรือว่าอยู่ที่
00:10:14 → 00:10:15 บ้าน
00:10:15 → 00:10:18 แล้วเขาก็สรุปได้ด้วยตัวเองเลยครับคุณผู้
00:10:18 → 00:10:21 ฟังว่าแท้ที่จริงแล้วชีวิตเราจะสุขหรือ
00:10:21 → 00:10:24 ทุกข์มันอยู่ข้างในเราเนี่ยอยู่ในอยู่ใน
00:10:24 → 00:10:27 ใจเราอยู่ในความคิดเรานั่นเอง
00:10:27 → 00:10:29 นั่นหมายความว่าอะไรผมก็ได้บอกเขาว่านั่น
00:10:29 → 00:10:30 หมายความว่า
00:10:30 → 00:10:35 ตอนนี้วันนี้ณขณะนี้เราอยู่ในคุก
00:10:35 → 00:10:39 แล้วถ้าเกิดใจเราบอกว่าในเมื่อเราจะต้อง
00:10:39 → 00:10:41 อยู่ในคุกเนี่ยผมถามว่า
00:10:41 → 00:10:46 แล้วเราสามารถที่จะอยู่ในคุกโดยที่เรามี
00:10:46 → 00:10:49 ความสุขได้หรือไม่
00:10:49 → 00:10:51 ถ้าไม่ขึ้นอยู่กับสถานที่แล้ว
00:10:51 → 00:10:53 มันขึ้นอยู่กับใจเราขึ้นอยู่กับความคิด
00:10:53 → 00:10:57 เราเนี่ยเขาก็บอกว่าน่าจะได้นะ
00:10:57 → 00:10:59 วันนั้นผมก็เลยเริ่มกระบวนการด้วยการบอก
00:10:59 → 00:11:03 ว่าใช่เลยครับชีวิตคนเราจะสุขหรือทุกข์
00:11:03 → 00:11:05 มันไม่ได้ขึ้นอยู่กับ
00:11:05 → 00:11:08 ปัจจัยภายนอกเลยเป็นหลักปัจจัยภายนอกอาจ
00:11:09 → 00:11:10 จะช่วยอาจจะเสริม
00:11:10 → 00:11:15 แต่จริงๆแล้วปัจจัยภายนอกเนี่ยมันกลาย
00:11:15 → 00:11:19 เป็นว่าปัจจัยภายนอกเอื้อให้มีความสุขแต่
00:11:19 → 00:11:23 คนบางคนก็มีความทุกข์ได้นะครับ
00:11:23 → 00:11:26 ถ้าใจเขาข้างในเป็นทุกข์
00:11:26 → 00:11:29 พอเขาเข้าใจอย่างนี้ปุ๊บผมก็เลยชวนว่าถ้า
00:11:29 → 00:11:32 อย่างนั้นวันนี้เรามาลองดูไหมว่า
00:11:32 → 00:11:35 เราจะพอมีวิธียังไงที่จะทำให้เราอยู่ใน
00:11:35 → 00:11:39 เรือนจำติดคุกอยู่เนี่ยแต่มีความสุขได้
00:11:39 → 00:11:44 หลังจากนั้นก็พอเขาเริ่มปุ๊บเปิดใจปุ๊บผม
00:11:44 → 00:11:48 ก็ให้เขาลงมือทำกิจกรรมทันทีครับวันนั้น
00:11:48 → 00:11:51 ผมเตรียมกิจกรรมไปสองสามอย่างครับคุณผู้
00:11:51 → 00:11:54 ฟังก็เป็นกิจกรรมเกี่ยวกับเรื่องศิลปะ
00:11:54 → 00:11:58 เรื่องดนตรีอะไรเนี่ยซึ่งพอเขาเปิดใจแล้ว
00:11:58 → 00:12:01 เขาก็ลองทำดูนะครับคุณผู้ฟังเขาก็พบว่า
00:12:01 → 00:12:05 เออมันน่าประหลาดใจนะครับที่เดิมเขาคิด
00:12:05 → 00:12:08 ว่าเขาติดคุกอยู่แล้วเขาก็มีความถูกเนี่ย
00:12:08 → 00:12:11 แต่พอเขาเปิดใจ
00:12:11 → 00:12:14 ลองดูซิว่าเราอยู่นี้เราจะทำยังไงให้เรา
00:12:14 → 00:12:17 มีความสุขได้ไหมแล้วก็ทดลองทำอะไรบาง
00:12:17 → 00:12:17 อย่าง
00:12:17 → 00:12:21 ให้เขาทดลองทำงานศิลปะบางอย่างนะครับ
00:12:21 → 00:12:24 เพราะจิตใจเขาจดจ่อกับงานศิลปะ
00:12:24 → 00:12:28 กับการวาดรูปกับการระบายสี
00:12:28 → 00:12:32 ช่วงวินาทีนั้นนะครับมันทำให้ใจเขาเนี่ย
00:12:32 → 00:12:35 ลืมความทุกข์แล้วก็ความคิดที่วนๆอยู่กับ
00:12:35 → 00:12:40 ความทุกข์นะแล้วมาอยู่กับเนี้ยศิลปะตรง
00:12:40 → 00:12:45 หน้าเนี่ยแล้วใจเขาก็นิ่งแล้วเขาก็พบว่า
00:12:45 → 00:12:48 ในความนิ่งนี้มันทำให้เขาแล้วก็อยู่กับ
00:12:48 → 00:12:51 ปัจจุบันที่งานศิลปะเนี่ยอยู่กับการว่า
00:12:51 → 00:12:54 ลากเส้นการระบายสีไปเรื่อยๆเนี่ย
00:12:54 → 00:12:57 นิ่งแล้วก็แล้วก็มีความสุข
00:12:57 → 00:12:59 วันนั้นเนี่ยครับคุณผู้ฟัง
00:12:59 → 00:13:03 มันทำให้เขาพบว่าอ๋อมันมีวิธีแล้วมันมี
00:13:03 → 00:13:06 อุปกรณ์มันมีเครื่องมือช่วย
00:13:06 → 00:13:11 ทำให้เรามีจิตใจที่มีความสุขได้แม้
00:13:11 → 00:13:14 กระทั่งในวันที่เราติดคุกอยู่ครับคุณผู้
00:13:14 → 00:13:15 ฟัง
00:13:15 → 00:13:17 วันนั้นเนี่ยพอเขาเริ่มเรียนรู้อย่างนั้น
00:13:18 → 00:13:20 ปุ๊บหลังจากนั้นเนี่ย
00:13:20 → 00:13:23 ผมก็บอกไว้เลยว่าในระหว่างที่เรากำลัง
00:13:23 → 00:13:26 อยู่ในเรือนจำหรือติดคุกอยู่เนี่ยเราก็
00:13:26 → 00:13:30 สามารถที่จะทำให้ตัวเองมีความสุขได้แล้ว
00:13:30 → 00:13:32 นี่เป็นแค่ตัวอย่างและผมก็บอกว่าหลังจาก
00:13:32 → 00:13:35 นี้เนี่ยเราก็สามารถเอาสิ่งที่เราได้
00:13:35 → 00:13:38 เรียนรู้เนี่ยไปแล้วก็ไปทดลองปฏิบัติใน
00:13:38 → 00:13:41 ชีวิตในช่วงเวลาที่เราอยู่ในเรือนจำหรือ
00:13:41 → 00:13:45 อยู่ในคุกมันอย่างน้อยมันก็ทำให้เราไม่จม
00:13:45 → 00:13:48 อยู่ในความทุกข์และก็มีความสงบมีความนิ่ง
00:13:48 → 00:13:50 แล้วก็มีความสุขได้
00:13:50 → 00:13:54 เห็นไหมครับว่าอันนี้เริ่มจากประเด็นที่
00:13:54 → 00:14:00 ผมบอกว่าอยู่เย็นก็เป็นทุกข์นะฮะแต่ว่า
00:14:00 → 00:14:04 ถึงแม้ว่าเราจะอยู่ในที่ร้อนก็คือในคุก
00:14:04 → 00:14:06 เนี่ยมันร้อนรุ่มใช่ไหมแต่เราก็สามารถ
00:14:06 → 00:14:08 เป็นสุขได้เหมือนกัน
00:14:08 → 00:14:10 เดี๋ยวเราจะพักสักครู่นะครับคุณผู้ฟัง
00:14:10 → 00:14:14 แล้วช่วงหน้าเรามาดูซิว่าแล้วไอ้ชีวิตที่
00:14:14 → 00:14:17 อยู่เย็นเป็นทุกข์หรือว่าอยู่ร้อนเป็นสุข
00:14:17 → 00:14:21 เนี่ยมันยังมีแง่มุมอื่นๆที่ชวนให้เราคิด
00:14:21 → 00:14:23 หรือว่าชวนให้เราค้นหาอีกหรือไม่นะครับ
00:14:23 → 00:14:26 ช่วงนี้เราจะพักสักครู่ครับ
00:14:26 → 00:14:52 [เพลง]
00:14:52 → 00:15:05
00:15:05 → 00:15:12 [เพลง]
00:15:12 → 00:15:20
00:15:20 → 00:15:29 [เพลง]
00:15:29 → 00:15:30 [ปรบมือ]
00:15:30 → 00:15:40 [เพลง]
00:15:40 → 00:16:20
00:16:20 → 00:16:32 [เพลง]
00:16:32 → 00:16:40
00:16:40 → 00:17:07 [เพลง]
00:17:07 → 00:17:16
00:17:16 → 00:17:26 [เพลง]
00:17:26 → 00:17:46
00:17:46 → 00:17:58 [เพลง]
00:17:58 → 00:18:07
00:18:07 → 00:18:17 [เพลง]
00:18:18 → 00:18:20 ครับคุณผู้ฟังวันนี้เราก็ว่าด้วยเรื่อง
00:18:20 → 00:18:23 ของอยู่เย็นแทนที่จะเป็นสุขกลับเป็นทุกข์
00:18:23 → 00:18:27 นะครับแต่ว่าในสภาวะในสถานที่บางที่ที่
00:18:27 → 00:18:31 ไม่ได้เย็นนะมันร้อนนะมันร้อนรุ่มเพราะ
00:18:31 → 00:18:34 โดนจองจำอยู่ในคุกโดนลงโทษโดนกักขังอยู่
00:18:34 → 00:18:38 เนี่ยเราก็ยังสามารถเป็นสุขได้ครับคราว
00:18:38 → 00:18:41 นี้เรามาลองดูซิว่าคุณหรือเปล่าครับคนใน
00:18:41 → 00:18:44 ยุคปัจจุบันเนี่ยเราจะพบว่าสภาวะแบบนี้
00:18:44 → 00:18:45 เนี่ย
00:18:45 → 00:18:49 ถ้าเรามองดูให้ดีๆเราค้นหาให้ดีๆเราจะพบ
00:18:49 → 00:18:52 ว่ามันไม่ใช่แค่ว่าเรื่องของอยู่เย็นอยู่
00:18:52 → 00:18:53 ร้อน
00:18:53 → 00:18:57 หรือว่าจะเป็นสุขเป็นทุกข์มันไม่ได้ร้อน
00:18:57 → 00:18:59 หรือเย็นอย่างเดียวแล้วครับมันยังมี
00:18:59 → 00:19:01 เรื่องอื่นๆอีกมากมายแต่ว่าในทำนองเดียว
00:19:01 → 00:19:04 กันนะครับยกตัวอย่างเช่นคุณผู้ฟังครับผม
00:19:04 → 00:19:07 เคยมีเพื่อนคนหนึ่งเขาก็โพสต์ใน
00:19:07 → 00:19:09 โซเชียลมีเดียนะครับว่า
00:19:09 → 00:19:11 โอ้ช่วงนี้เนี่ย
00:19:11 → 00:19:14 เหงาจังเลยนะเหงาจังเลยเพราะอะไรเพราะว่า
00:19:14 → 00:19:17 ไม่ได้ไปไหนไม่ได้ไปสังสรรค์กับเพื่อน
00:19:17 → 00:19:21 แล้วก็ต้องต้องอยู่คนเดียวอ่ะไม่สามารถ
00:19:21 → 00:19:23 ที่จะไปสั่งแสงกับเพื่อนก็คืออยู่คนเดียว
00:19:24 → 00:19:26 ก็เลยบอกว่าเหงา
00:19:26 → 00:19:29 คุณฟังเห็นไหมครับว่าอันนี้ก็เป็นอีกแง่
00:19:29 → 00:19:33 คิดนึงอีกมุมมองหนึ่งของชีวิตที่จะมีความ
00:19:33 → 00:19:35 สุขหรือมีความทุกข์
00:19:35 → 00:19:39 เพราะคนคนนึงเพราะจำเป็นต้องอยู่คนเดียว
00:19:39 → 00:19:42 ไม่สามารถไปสังสรรค์กับใครได้ก็เลยบอกว่า
00:19:42 → 00:19:44 ตัวเองเหงาจังเลย
00:19:44 → 00:19:48 เหงาก็คือว่ามีความทุกข์ใช่ไหมครับแต่คุณ
00:19:48 → 00:19:51 วางเชื่อไหมครับว่าในขณะเดียวกันเลยครับ
00:19:51 → 00:19:56 ผมก็เห็นเพื่อนบางคนนะใน Social Media
00:19:56 → 00:19:58 ก็โพสต์บอกว่า
00:19:58 → 00:20:00 วันนี้รู้สึกว่า
00:20:00 → 00:20:04 ไม่มีความสุขแล้วก็เหงาเหมือนกัน
00:20:04 → 00:20:08 ทั้งๆที่อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย
00:20:08 → 00:20:12 เออเอาสิครับคนๆหนึ่งโพสต์ว่าเหงาเพราะ
00:20:12 → 00:20:13 ว่าอยู่คนเดียวครับ
00:20:13 → 00:20:18 แต่ในขณะซึ่งคนอีกคนหนึ่งเพื่อนอีกคน
00:20:18 → 00:20:19 หนึ่ง
00:20:19 → 00:20:21 ก็อยู่ท่ามกลางกับมนุษย์แล้วก็ผู้คนเยอะ
00:20:21 → 00:20:25 แยะมากมายนะครับแต่ก็ยังโพสต์ใน
00:20:25 → 00:20:26 โซเชียลมีเดีย
00:20:26 → 00:20:31 แล้วก็บอกว่าตัวเองเนี่ยเหงาเหลือเกิน
00:20:31 → 00:20:34 คุณว่าเห็นไหมครับว่ามันเข้าทำนองเดียว
00:20:34 → 00:20:37 กับการอยู่ร้อนอยู่เย็น
00:20:37 → 00:20:40 จะเป็นสุขหรือเป็นทุกข์เนี่ยมันก็ไม่ได้
00:20:40 → 00:20:43 ขึ้นอยู่กับว่าอยู่ในที่ที่ร้อนหรือที่
00:20:43 → 00:20:44 เย็น
00:20:44 → 00:20:47 ตอนนี้คือความเหงาเนี่ยกลายเป็นว่าความ
00:20:47 → 00:20:51 เหงาเนี่ยมันก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรา
00:20:51 → 00:20:53 ต้องอยู่คนเดียวหรือ
00:20:53 → 00:20:57 ถึงจะเหงาแต่ในความเป็นจริงคนจำนวนมาก
00:20:57 → 00:21:01 ครับอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายเลยนะแต่ก็
00:21:01 → 00:21:04 รู้สึกว่าเหงาแล้วก็โดดเดี่ยวแล้วก็รู้
00:21:04 → 00:21:06 สึกเหมือนไม่มีใคร
00:21:06 → 00:21:10 แสดงว่าสิ่งที่จะมาควบคุมก็กลับไปเรื่อง
00:21:10 → 00:21:11 เดิมอีกนะครับก็คือ
00:21:11 → 00:21:16 สิ่งที่อยู่ภายในก็คือความคิดของเรานั่น
00:21:16 → 00:21:16 เอง
00:21:16 → 00:21:21 ที่เป็นตัวบอกว่าเราจะมีความสุขหรือมี
00:21:21 → 00:21:25 ความทุกข์เราจะรู้สึกว่าโดดเดี่ยวหรือว่า
00:21:25 → 00:21:28 เหงาเศร้าหรือว่าเราจะรู้สึกว่า
00:21:28 → 00:21:32 บางคนการที่ได้อยู่คนเดียว
00:21:32 → 00:21:36 สำหรับเขาก็กลายเป็นความสุขก็ได้นะครับ
00:21:36 → 00:21:39 เพราะเขารู้สึกว่าเออมันสงบดีนะมันไม่
00:21:39 → 00:21:42 ต้องวุ่นวายอย่างนี้ก็คือ
00:21:42 → 00:21:45 การที่จะมีความสุขหรือทุกข์มันไม่ได้ขึ้น
00:21:45 → 00:21:49 อยู่กับว่าต้องอยู่คนเดียวหรืออยู่หลายคน
00:21:49 → 00:21:52 เพราะคนบางคนอยู่คนเดียวก็มีความสุขได้
00:21:52 → 00:21:57 คนจำนวนมากอยู่ท่ามกลางผู้คนก็รู้สึกเหงา
00:21:57 → 00:22:01 แต่ขณะที่อีกคนบางคนอยู่ท่ามกลางผู้คนก็
00:22:01 → 00:22:04 รู้สึกว่าสนุกสนานเพลิดเพลินดีอย่างนี้
00:22:04 → 00:22:05 เป็นต้นนะ
00:22:05 → 00:22:09 ครับรายการศัลยกรรมความสุขก็รายการที่เรา
00:22:09 → 00:22:12 ก็จะเน้นเรื่องนี้นะครับว่าชีวิตคนเราจะ
00:22:12 → 00:22:15 มีความสุขหรือทุกข์มันขึ้นอยู่กับวิธีคิด
00:22:15 → 00:22:18 ขึ้นอยู่กับมุมมองขึ้นอยู่กับคมความคิด
00:22:18 → 00:22:22 ของตัวเราเองแล้วมันทำให้ผมนึกถึงไปลามไป
00:22:22 → 00:22:24 อีกหลายเรื่องเลยนะครับเกี่ยวกับเรื่อง
00:22:24 → 00:22:26 ของความสุขความทุกข์ของคนเนี่ยครับ
00:22:26 → 00:22:30 อย่างเช่นเพื่อนบางคนหรือเราก็จะเห็นคน
00:22:30 → 00:22:34 มากมายในสังคมใช่ไหมครับที่เวลาที่เขาบอก
00:22:34 → 00:22:38 ว่าช่วงนี้มันมีหนังหนังใหม่เข้ามานะมา
00:22:38 → 00:22:40 ฉายในโรงหนังเนี่ยเวลาจะไปดูหนังเนี่ยเขา
00:22:40 → 00:22:43 ก็จะต้องโทรชวนเพื่อน
00:22:43 → 00:22:45 ไปดูหนังกันนะ
00:22:45 → 00:22:48 หนังเรื่องนี้ดีมากเลยไปเราไปนัดกันไปดู
00:22:48 → 00:22:49 หนังกันนะ
00:22:49 → 00:22:52 คือเขามีความคิดว่าถ้าจะไปดูหนังต้องไปดู
00:22:52 → 00:22:55 กับเพื่อนๆนะ
00:22:55 → 00:23:00 ครับผมก็มีเพื่อนอีกคนนึงครับเขาจะบอกเลย
00:23:00 → 00:23:03 ว่าเวลาที่เข้าไปดูหนังเนี่ย
00:23:03 → 00:23:06 เขาไม่ชอบไปดูหนังกับเพื่อนนะ
00:23:06 → 00:23:08 สำหรับเขาเนี่ยการไปดูหนังคือต้องไปดูคน
00:23:08 → 00:23:12 เดียวครับเออพอเขาพูดอย่างนี้เพื่อนๆก็
00:23:12 → 00:23:15 เลยยกมาเป็นประเด็นพูดคุยกันในหมู่เพื่อน
00:23:15 → 00:23:18 อ้าวทำไมอย่างนั้นน่ะเกิดอะไรขึ้นนะฮะ
00:23:18 → 00:23:22 เขาก็บอกว่ามุมมองของเขานะก็คือ
00:23:22 → 00:23:25 เวลาที่เราไปดูหนัง
00:23:25 → 00:23:29 เราก็ต้องจดจ่ออยู่บนจอหนังจอภาพยนตร์
00:23:29 → 00:23:34 แล้วก็ติดตามดูตัวละครที่เขาจะพูดต่างๆ
00:23:34 → 00:23:36 เขาพูดคุยกันหรือว่าเนื้อเรื่องเขาจะเดิน
00:23:36 → 00:23:39 ประเด็นยังไงอะไรอย่างนี้นะก็คือว่าเรา
00:23:39 → 00:23:40 เนี่ย
00:23:40 → 00:23:44 เขาไม่เข้าใจว่าทำไมไปดูหนังต้องไปกับ
00:23:44 → 00:23:45 เพื่อน
00:23:45 → 00:23:47 เพราะในโรงหนังเราไม่ได้คุยกับใครอยู่
00:23:47 → 00:23:51 แล้วแล้วในโรงหนังเขาก็การพูดคุยจน
00:23:51 → 00:23:53 กระทั่งมีเสียงไปรบกวนคนอื่นนี่ก็เป็น
00:23:53 → 00:23:55 เรื่องเป็นเรื่องไม่ดีด้วยนะเป็นเรื่อง
00:23:55 → 00:23:59 เสมมารยาทด้วยซ้ำไปเขาก็เลยบอกว่าอ้าวถ้า
00:23:59 → 00:24:02 เป็นอย่างนั้นแล้วทำไมเวลาไปดูหนังต้องไป
00:24:02 → 00:24:06 กับเพื่อนก็ต้องต่างคนต่างไปดูสินะ
00:24:06 → 00:24:09 แล้วเพื่อนอีกคนก็จะเสนอว่า
00:24:09 → 00:24:12 ใช่เวลาไปดูหนังเนี่ยเราต้องไปดูคนเดียว
00:24:12 → 00:24:16 หมายถึงว่าเราต้องจดจ่ออยู่ที่บนจอก็จริง
00:24:16 → 00:24:19 แต่ว่าการที่ไปดูกับเพื่อนเพราะหลังจากดู
00:24:19 → 00:24:22 เสร็จแล้วเราก็จะได้มา
00:24:22 → 00:24:26 พูดคุยฮะมาแลกเปลี่ยนมุมมองกันเฮ้ยเป็นไง
00:24:26 → 00:24:29 หนังเรื่องนี้ดีไม่ดีชอบไม่ชอบเนี่ยฉาก
00:24:29 → 00:24:31 นั้นจำได้ไหมอะไรอย่างเงี้ยเขาก็บอกว่า
00:24:31 → 00:24:34 นี่คือสาเหตุที่ต้องไปดูกับเพื่อนนะหลัง
00:24:34 → 00:24:35 จากนั้นมามันจะได้คุยกัน
00:24:35 → 00:24:38 ส่วนในเพื่อนที่ชอบไปดูคนเดียวก็จะอ้าง
00:24:38 → 00:24:42 บอกว่าก็จะอธิบายต่อนะบอกว่าก็
00:24:42 → 00:24:45 ในเมื่อเวลาดูเราต้องดูคนเดียวแต่ว่าดู
00:24:45 → 00:24:49 เสร็จแล้วเราก็จะมาคุยกันเนี่ยก็คือเขา
00:24:49 → 00:24:52 เสนอวิธีว่าก็ตอนไปดูก็ต่างคนต่างไปดู
00:24:52 → 00:24:53 แล้วกันนะ
00:24:53 → 00:24:56 ดูเสร็จแล้วค่อยมานัดเจอกันแล้วค่อยมาคุย
00:24:56 → 00:24:58 กันเรื่องหนังอะไรอย่างนี้
00:24:58 → 00:25:05 ว่าชีวิตที่มีความทุกข์ของคนแต่ละคนหรือ
00:25:05 → 00:25:08 ชีวิตที่มีความสุขของคนแต่ละคนเนี่ย
00:25:08 → 00:25:12 มันมีความแตกต่างหลากหลายมากแต่ที่สำคัญ
00:25:12 → 00:25:16 ที่สุดเนี่ยมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเรา
00:25:16 → 00:25:17 อยู่ที่ไหน
00:25:17 → 00:25:22 เราถึงมันไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัวว่าอยู่ที่
00:25:22 → 00:25:26 ไหนถึงจะมีความสุขอยู่แบบไหนถึงจะมีความ
00:25:26 → 00:25:27 สุข
00:25:27 → 00:25:31 เพราะทั้งหลายทั้งหมดเนี่ยไม่ว่าจะอยู่
00:25:31 → 00:25:35 ที่ไหนไม่ว่าจะที่ร้อนที่เย็นไม่ว่าจะ
00:25:35 → 00:25:38 เป็นสถานที่ท่องเที่ยวหรือที่ทำงาน
00:25:38 → 00:25:41 ไม่ว่าจะเป็นโรงหนังหรือว่าคอนเสิร์ตฟัง
00:25:42 → 00:25:42 เพลง
00:25:42 → 00:25:46 อะไรก็ได้ครับแต่ว่าความสุขมันไม่ได้ขึ้น
00:25:46 → 00:25:49 อยู่กับพวกนั้นจริงๆความสุขมันขึ้นอยู่
00:25:49 → 00:25:54 กับข้างในก็คืออยู่ที่ใจเราอยู่ที่ความ
00:25:54 → 00:25:58 คิดเราอยู่ที่ความชอบของเราเนี่ยเป็นการ
00:25:58 → 00:25:59 ส่วนตัว
00:25:59 → 00:26:02 ถ้าใครบอกว่าชอบอยู่คนเดียวแล้วมีความสุข
00:26:02 → 00:26:06 สงบก็ต้องเป็นแบบนั้น
00:26:06 → 00:26:08 แล้วก็ไม่ต้องประหลาดใจว่าแล้วทำไมคนอื่น
00:26:08 → 00:26:13 เวลาที่เขามีความสุขหรือจะมีความสบายใจก็
00:26:13 → 00:26:14 ต้องอยู่กับเพื่อนหลายคน
00:26:14 → 00:26:18 ส่วนหนึ่งคนที่อยู่กับเพื่อนหลายคนแล้วมี
00:26:18 → 00:26:21 ความสุขก็ไม่ต้องประหลาดใจว่าเฮ้ยคนนี้
00:26:21 → 00:26:25 เก็บตัวนะคือมนุษย์เราเป็นแบบนี้เรามี
00:26:25 → 00:26:30 ความมีความชอบมีความไม่ชอบที่ที่หลากหลาย
00:26:30 → 00:26:34 แล้วจริงไม่เป็นข้อสรุปครับคุณผู้ฟังของ
00:26:34 → 00:26:37 ตอนนี้ที่บอกว่า
00:26:37 → 00:26:40 อยู่เย็นเป็นสุขก็คือ
00:26:40 → 00:26:43 จะเป็นสุขต้องอยู่เย็นเสมอไม่ใช่
00:26:43 → 00:26:47 เพราะอยู่ในที่ร้อนก็ได้
00:26:47 → 00:26:50 อยู่ที่บ้านมีความสุขอยู่ในคุกมีความ
00:26:50 → 00:26:52 ทุกข์ไม่ใช่
00:26:52 → 00:26:56 อยู่ในคุกเนี่ยเรื่องทำความผิดเรื่องถูก
00:26:56 → 00:26:58 จองจำเป็นอีกเรื่องหนึ่งแต่พอเราต้องอยู่
00:26:58 → 00:27:02 ในคุกอยู่ในเรือนจำถูกจองจำเราก็มีความ
00:27:02 → 00:27:07 สุขได้ถ้าเรารู้จักที่จะมีวิธีในการวาง
00:27:07 → 00:27:08 จิตวางใจ
00:27:08 → 00:27:12 หรือว่าอยู่คนเดียวอยู่กับคนอื่น
00:27:12 → 00:27:15 ทั้งหลายทั้งมวลครับคุณผู้ฟังเป็นไปตาม
00:27:15 → 00:27:20 แนวคิดของรายการ podcast ศัลยกรรมความสุข
00:27:20 → 00:27:25 เลยครับว่าชีวิตคนเราจะดีขึ้นหรือแย่ลงจะ
00:27:25 → 00:27:28 มีความสุขหรือมีความทุกข์
00:27:28 → 00:27:32 มันขึ้นอยู่กับแง่คิดมุมมองแล้วก็ขึ้น
00:27:32 → 00:27:36 อยู่กับคมความคิดของตัวเราเองนะครับ
00:27:36 → 00:27:38 อันนี้ก็เป็น Concept หลักของรายการ
00:27:38 → 00:27:40 ศัลยกรรมความสุขอยู่แล้วนะครับที่เราจะ
00:27:40 → 00:27:43 เน้นให้เรามีความสุขมากขึ้นนะมีความทุกข์
00:27:43 → 00:27:45 น้อยลงนะครับ
00:27:45 → 00:27:47 ต้องขอบพระคุณคุณผู้ฟังนะครับที่ติดตาม
00:27:47 → 00:27:51 ฟัง podcast ของศัลยกรรมความสุข
00:27:51 → 00:27:55 เสมอมานะครับเราก็จะพบกับแง่คิดมุมมอง
00:27:55 → 00:27:57 ต่างๆเหล่านี้ที่ทำให้ชีวิตเรามีความสุข
00:27:57 → 00:28:00 มากขึ้นอย่างนี้นะครับวันนี้ผมวีระพงษ์
00:28:00 → 00:28:05 ทวีศักดิ์ต้องลาไปก่อนนะครับสวัสดีครับ
00:28:05 → 00:28:08 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:28:08 → 00:28:13 ของไทย
00:28:13 → 00:28:16 และ YouTube Channel Thai PBS
00:28:16 → 00:28:22 beautiful
00:28:22 → 00:28:28 [เพลง]