00:00:00 → 00:00:04 สวัสดีค่ะทุกคนฟ้ามีอะไรจะบอกฟ้าหูดับค่ะ
00:00:04 → 00:00:07 ก็ถ้าทุกคนจำได้ของเทปอาทิตย์ที่แล้วค่ะ
00:00:07 → 00:00:10 ที่ใส่ชุดเรียบร้อยๆร้อยนะคะวันนั้นเ่ะ
00:00:10 → 00:00:14 เป็นวันแรกที่ฟ้าหูดับค่ะการหูดับก็คือ
00:00:14 → 00:00:17 เมื่อเช้าวันอังคารที่ผ่านมาค่ะก็ตื่นนอน
00:00:17 → 00:00:19 ขึ้นมาแล้วก็เหมือนรู้สึกเหมือนเราอยาก
00:00:19 → 00:00:23 หาวอ่ะทีนึงแล้วอยู่ดีๆอ่ะก็มีเสียงวิๆๆๆ
00:00:23 → 00:00:26 ๆวิๆๆๆวิ่งอยู่ในหูข้างซ้ายค่ะแล้วก็การ
00:00:26 → 00:00:28 ได้ยินเนี่ยมันก็ลดลงแต่เนื่องจากว่าวัน
00:00:28 → 00:00:31 นั้นน่ะติดภารกิจว่าต้องไปบรรยายข้างนอก
00:00:31 → 00:00:34 แล้วก็อยู่แบบรันงานยาวทั้งวันเลยก็เลย
00:00:34 → 00:00:36 ยังไม่มีโอกาสไปหาหมอก็ตอนแรกก็คิดว่าเออ
00:00:36 → 00:00:38 เดี๋ยวมันน่าจะหายเองแต่ว่ามันมีขี้หู
00:00:38 → 00:00:40 อยู่ในหูหรือเปล่าอะไรเงี้ยค่ะก็พยายาม
00:00:40 → 00:00:43 แบบล้างหูดูไปแบบเทออยเอยอะไรเอยมันก็ไม่
00:00:43 → 00:00:47 ดีขึ้นพอนอนไปปุ๊บเช้าวันพุธตื่นขึ้นมา
00:00:47 → 00:00:50 ค่ะการได้ยินก็ลดลงอีกค่ะก็ได้ยินแล้วมัน
00:00:50 → 00:00:52 รู้สึกเหมือนมีอะไรมันแบบมาปิดเอาไว้ที่
00:00:52 → 00:00:55 หูตลอดเวลาเลยแล้วกระทั่งปกติเสียงถูนิ้ว
00:00:55 → 00:00:58 อย่างเงี้ยค่ะตอนถูข้างซสอ่ะก็ไม่ได้ยิน
00:00:58 → 00:01:00 แล้วก็เลยไปตรวจกับคุณหมอซึ่งพอไปตรวจกับ
00:01:01 → 00:01:03 อาจารย์หมอเสร็จใช่ไหมมคะก็จะต้องมีการ
00:01:03 → 00:01:06 วัดก็มีการตรวจร่างกายดูว่ามีบ้านหมงบ้าน
00:01:06 → 00:01:09 หมุนอะไรมนะคะแล้วก็ไปตรวจเรื่องการได้
00:01:09 → 00:01:12 ยินค่ะเราเรียกว่าอิมก็จะได้เข้าไปนั่งใน
00:01:12 → 00:01:15 ห้องแล้วก็มีหูฟังอาจารย์เก็จะปล่อยคลื่น
00:01:15 → 00:01:17 เสียงออกมาก็เทสทั้งหูซ้ายแล้วก็หูขวาค่ะ
00:01:17 → 00:01:21 ผลก็ออกมาปรากฏว่าเพื่อนๆลองเดามคะก็คือ
00:01:21 → 00:01:24 เป็น acute deess ค่ะเป็นดับแบบดับจริงๆ
00:01:24 → 00:01:27 ก็คือหูข้างใจมันหนวกไปเลยมันแทบจะไม่ได้
00:01:27 → 00:01:30 ยินเสียงเลยต่างจากข้างขวาเนี่ย 78 8
00:01:30 → 00:01:33 เดซิเบลก็คือต่างเยอะมากในในทุกๆคลื่น
00:01:33 → 00:01:35 ความถี่ค่ะถ้าวัดเป็นเส้นเนี่ยก็คือต่าง
00:01:35 → 00:01:37 กันขนาดนี้เลยถ้าเพื่อนบางคนนึกไม่ออกอ่ะ
00:01:37 → 00:01:40 ค่ะคือหูของคนเรามนุษย์ปกติอ่ะเพื่อนๆลอง
00:01:40 → 00:01:42 เอาเสียงถูนี้ว่าถูข้างๆหูปกติเราจะต้อง
00:01:42 → 00:01:45 ได้ยินใช่ไหมมคะเสียงที่เบาที่สุดที่
00:01:45 → 00:01:46 มนุษย์สามารถจะได้ยินน่ะค่ะก็อยู่ในช่วง
00:01:47 → 00:01:49 0-4 เดซิเบลค่ะอันนั้นคือที่มันเบาที่
00:01:49 → 00:01:52 สุดเนาะแต่ว่าหูข้างซ้ายฟ้าณวันนั้นน่ะ
00:01:52 → 00:01:54 เสียงที่จะได้ยินน่ะคือต้องอย่างน้อย 78
00:01:54 → 00:01:56 เดซิเบลอ่ะค่ะซึ่งมันเท่ากับเสียงของแบบ
00:01:57 → 00:02:00 คนบีบแต่จราจรบนท้องถนนมันต่างกันมากขนาด
00:02:00 → 00:02:03 นั้นเนาะทีนี้พอเป็นหูดับอย่างนี้เสร็จ
00:02:03 → 00:02:05 ปุ๊บเราก็เลยเริ่มไปหาข้อมูลแล้วว่าเฮ้ย
00:02:05 → 00:02:07 มันเป็นจากอะไรแล้วเราจะดูแลรักษาตัวเอง
00:02:07 → 00:02:10 ยังไงก็เลยคิดว่าไหนๆสัปดาห์เนี้ยก็ยัง
00:02:10 → 00:02:12 อยู่ระหว่างการรักษาตัวเองอยู่ก็เลยคิด
00:02:12 → 00:02:14 ว่าเอาเรื่องนี้มาเล่าให้เพื่อนๆฟังดี
00:02:14 → 00:02:17 กว่าเชื่อว่าอาจจะมีบางท่านหรือว่ามีคน
00:02:17 → 00:02:19 รู้จักของบางท่านเนี่ยอาจจะเคยมีอาการ
00:02:19 → 00:02:21 เหล่านี้มาบ้างไม่มากก็น้อยหรือในอนาคต
00:02:21 → 00:02:23 เนี่ยถ้าเกิดว่าเจอจะได้รู้ว่าต้องดูแล
00:02:23 → 00:02:26 ตัวเองยังไงค่ะอาการของเขาคเรียกว่าหูดับ
00:02:26 → 00:02:29 ฉับพลันนะคะหรือว่า accuse เอ่อ hearing
00:02:29 → 00:02:31 loss เนี่ยส่วนใหญ่แล้วเนี่ยมันก็มักจะ
00:02:31 → 00:02:34 มีสาเหตุที่เจอได้บ่อยๆก็คืออะไรรู้มั้ย
00:02:34 → 00:02:38 คะคือไม่มีสาเหตุอ่ะค่ะเค้าบอกว่าส่วน
00:02:38 → 00:02:41 ใหญ่เป็นอิิอิก็คือจริงๆแล้วส่วนใหญ่นั้น
00:02:41 → 00:02:43 ไม่ทราบสาเหตุปริมาณที่ทราบสาเหตุจริงๆ
00:02:43 → 00:02:45 เนี่ยเป็นส่วนน้อยมากแล้วก็ในกลุ่มที่เรา
00:02:46 → 00:02:48 พอจะทราบสาเหตุค่ะที่เราจะต้องเอ่อที่เจอ
00:02:48 → 00:02:50 ได้บ่อยที่สุดในกลุ่มที่ทราบสาเหตุนะคะ
00:02:50 → 00:02:53 คือหลังจากการติดเชื้อไวรัสค่ะเช่นบางคน
00:02:53 → 00:02:55 ติดเชื้อโควิดแล้วหูดับเนี่ยก็คือเจอได้
00:02:55 → 00:02:57 นะคะหรือว่าเป็นเชื่อไวรัสชนิดอื่นก็เจอ
00:02:57 → 00:03:00 ได้เช่นกันหรือว่าในบางช่วช่วงถ้าบางคน
00:03:00 → 00:03:02 เคยได้ยินข่าวช่วงที่บางทีฉีดวัคซีนโควิด
00:03:02 → 00:03:04 ใหม่ๆบางคนก็มีอาการหูดับเช่นกันเพราะ
00:03:04 → 00:03:07 ฉะนั้นการติดเชื้อไวรัสค่ะก็สามารถส่งผล
00:03:07 → 00:03:09 นะทำให้มีอาการเรื่องของหูดับได้อันที่ 2
00:03:09 → 00:03:11 ที่เราต้องเจอหรือว่าต้องระมัดระวังก็จะ
00:03:11 → 00:03:14 เป็นในเรื่องของพวกโรคกลุ่มภูมิแพ้ตัวเอง
00:03:14 → 00:03:17 นะคะพวก autoimmune disease ก็สามารถทำ
00:03:17 → 00:03:19 ให้มีอังการเรื่องของหูดับฉับพลันได้ค่ะ
00:03:19 → 00:03:21 ถัดมาอันดับที่ 3 ค่ะเป็นโรคของเขาเรียก
00:03:21 → 00:03:24 ว่า acustic neuroma ก็คือปกติแล้วเนี่ย
00:03:24 → 00:03:26 ตามเส้นปราสาทของเรามันก็จะมียืหุ้ม
00:03:26 → 00:03:29 ประสาทใช่มั้ยคะนี้ถ้าเกิดว่ามันโตจนเป็น
00:03:29 → 00:03:31 ก้อนออกมามากกว่าปกติมันก็สามารถไปกดทับ
00:03:31 → 00:03:34 ค่ะทำให้เอ่อมีการทำงานของไอ้ตัวประสาท
00:03:34 → 00:03:37 การได้ยินเนี่ยที่มันสูญเสียไปได้แต่พวก
00:03:37 → 00:03:39 นี้มันมักจะไม่เป็นๆหายๆค่ะก็กลุ่ม
00:03:39 → 00:03:41 acustic neuroma เนี่ยสิ่งที่เราต้องทำ
00:03:41 → 00:03:44 ก็คือทำ MRI นะคะดูว่าเออเจอความผิดปกติ
00:03:44 → 00:03:45 อะไรหรือเปล่าถ้าเกิดเป็นพวกเรื่องของ
00:03:45 → 00:03:47 ออโตอิมมูนหรือว่าติดเชื้อไวรัสเนี่ย
00:03:47 → 00:03:49 ออโตอิมมูนกับเชื้อไวรัสก็สามารถตรวจ
00:03:49 → 00:03:52 เลือดดูได้นะคะแล้วก็ถ้าเป็นพวกเชื้อ
00:03:52 → 00:03:54 ไวรัสเนี่ยก็มักจะมีอาการอย่างอื่นนมา
00:03:54 → 00:03:57 ก่อนเช่นไข้ไอเจ็บคออย่างนี้เป็นต้นค่ะ
00:03:57 → 00:04:00 ซึ่งการรักษานะคะถ้าเกิดว่าเราราบสาเหตุ
00:04:00 → 00:04:02 ก็ต้องรักษาที่สาเหตุก่อนค่ะแต่ว่าใน
00:04:02 → 00:04:04 กลุ่มอย่างที่ฟ้าบอกว่าส่วนใหญ่อาการของ
00:04:04 → 00:04:06 หูดับฉับพลันเก็คือเราไม่ทราบสาเหตุใช่
00:04:06 → 00:04:09 ไหมยคะนั้นแนวทางการรักษาณปัจจุบันค่ะก็
00:04:09 → 00:04:12 เลยแนะนำว่าควรที่จะได้รับสเตอรอยด์นะคะ
00:04:12 → 00:04:15 ก็คือเป็นตัวยาเพนนิโซโลนนี่แหละในปริมาณ
00:04:15 → 00:04:18 ที่เป็นโดสที่สูงก็คืออย่างน้อยเนี่ย 1
00:04:18 → 00:04:20 มิลลิกรัมต่อกิกัของน้ำหนักตัวค่ะเป็น
00:04:20 → 00:04:23 ระยะเวลาเนี่ยอย่างน้อย 5 วันแล้วก็ค่อย
00:04:23 → 00:04:25 ติดตามอาการกับคุณหมอแล้วก็คุณหมอเฉพาะ
00:04:25 → 00:04:27 ทางคือคุณหมอหูคอจมูกเนี่ยก็จะค่อยๆ
00:04:27 → 00:04:30 พิจารณาเอ่อลดระดับยาสเตรอยด์ลลงมาเรื่อย
00:04:30 → 00:04:32 ๆค่ะแล้วก็พวกสเตอรอยด์เนี่ยยิ่งได้ไว
00:04:32 → 00:04:35 เท่าไหร่เนี่ยเขาพบว่าผลการรักษาที่การ
00:04:35 → 00:04:37 ได้ยินเจะกลับมาเนี่ยก็มีเปอร์เซ็นต์ที่
00:04:37 → 00:04:39 ดีมากขึ้นเท่านั้นแต่ว่าอย่างช้าที่สุด
00:04:39 → 00:04:42 เนี่ยไม่ควรเอ่อเกิน 1-2 สัปดาห์หลังจาก
00:04:42 → 00:04:45 ที่มีปัญหาเรื่องของการเอ่อของอาการหูดับ
00:04:45 → 00:04:47 ค่ะซึ่งถ้าเกิดว่าได้สเตอรอยด์แบบกินไป
00:04:47 → 00:04:50 แล้วนะคะเป็นระยะเวลา 1-2 สัปดาห์ขึ้นไป
00:04:50 → 00:04:53 แล้วการได้ยินไม่ดีขึ้นเนี่ยคุณหมอทางหู
00:04:53 → 00:04:55 คอจมูกหรือว่าคุณหมอเฉพาะทางก็จะพิจารณา
00:04:55 → 00:04:58 ค่ะในการฉีดสเตอรอยด์เข้าไปค่ะในหูชั้นใน
00:04:59 → 00:05:01 เ้าเรียกว่าอ tanic Steroid injection
00:05:01 → 00:05:04 นะคะซึ่งบางคนเนี่ยก็อาจจะอยากทำวิธีนี้
00:05:04 → 00:05:06 มากกว่าเพราะฟังว่าเอ๊ะมันดูเป็นเค้า
00:05:06 → 00:05:08 เรียกว่าดูเฉพาะที่นะไม่ได้มีผลข้างเคียง
00:05:08 → 00:05:10 ของเหมือนกินแบบพวกยาสเตรอยด์เพราะว่ายา
00:05:11 → 00:05:13 พนิสโลนเนี่ยเวลาเรากินเ่อในปริมาณสูง
00:05:13 → 00:05:15 เนี่ยผลข้างเคียงที่เจอได้บ่อยก็คืออาจจะ
00:05:15 → 00:05:18 ทำให้เสียดท้องได้มีสิวขึ้นได้นะคะบวมน้ำ
00:05:18 → 00:05:20 ได้หงุดหงิดสุนเสียวได้อารมณ์ก็คือแบบแปร
00:05:20 → 00:05:22 ปรวนปกติแปรปรวนง่ายเวลากินสเตอรอยด์ไป
00:05:22 → 00:05:24 อาจจะแปรปรวนง่ายกว่าเดิมนะคะกินเก่งได้
00:05:24 → 00:05:27 ในบางคนค่ะแล้วก็มีเรื่องของสิวขึ้นอย่าง
00:05:27 → 00:05:29 ที่ฟ้าบอกไปแล้วก็จะทำให้ความดันขึ้นแล้ว
00:05:29 → 00:05:31 ก็น้ำตาลขึ้นได้ด้วยซึ่งบางคนนอยากจะหลีก
00:05:31 → 00:05:33 เลี่ยงพวกผลข้างเคียงเหล่านี้เนี่ยก็
00:05:33 → 00:05:35 พยายามที่จะดูว่าเอ๊ะเราฉีดเป็นโลคไปเลย
00:05:36 → 00:05:38 ได้ไหมก็เป็นเข็บเล็กๆค่ะจิ้มผ่านรแก้วหู
00:05:38 → 00:05:41 แล้วก็ฉีดสเตอรอยด์เข้าไปซึ่งจะต้องทำ
00:05:41 → 00:05:43 อย่างน้อยเนี่ย 4 ครั้งแลทุกครั้งเนี่ย
00:05:43 → 00:05:45 ต้องให้คุณหมอผู้เชี่ยวชาญเป็นคนทำนะคะพอ
00:05:45 → 00:05:47 ฉีดเข้าไปปุ๊บเนี่ยต้องห้ามกลืนน้ำลายค่ะ
00:05:47 → 00:05:50 แล้วก็นอนค่ะนอนเพื่อให้ไอ้ตัวสเตอรอยด์
00:05:50 → 00:05:52 เนี่ยมันไหลเข้าไปในหูชั้นในเนี่ยค้าง
00:05:52 → 00:05:54 อยู่ท่านั้นนะคะเช่นของฟ้าเป็นหูข้างซ้าย
00:05:54 → 00:05:56 ถ้าสมมุติจะทำเนี่ยพอให้คุณหมอฉีดยาเซรอย
00:05:56 → 00:05:58 เข้าไปเสร็จก็ต้องนอนเอาหูข้างขวาลงเพื่อ
00:05:58 → 00:06:00 ให้ตัวยามันลไหลลงค่ะแล้วก็ค้างอยู่ท่า
00:06:00 → 00:06:02 เนี่ยครึ่งชั่วโมงแล้วก็พยายามห้ามกลืน
00:06:02 → 00:06:05 น้ำลายก็ไม่ค่อยน่าพิสมัยเท่าไหร่แล้วก็
00:06:05 → 00:06:07 ส่วนมากเนี่ยจะทำอย่างต่อเนื่องทั้งหมด 4
00:06:07 → 00:06:09 ครั้งด้วยกันค่ะนอกจาก 2 อย่างนี้แล้วนะ
00:06:09 → 00:06:11 คะในเรื่องของการใช้สเตรอยด์แล้วเนี่ยอีก
00:06:11 → 00:06:13 อันนึงเราเรียกว่าเป็น adun therapy ค่ะ
00:06:13 → 00:06:16 ก็คือการรักษาแบบเพิ่มเติมซึ่งก็พบว่าอาจ
00:06:16 → 00:06:18 จะมีส่วนช่วยทำให้การได้ยินเยกลับมาเป็น
00:06:18 → 00:06:21 ปกติได้ก็คือการเข้า hyperbaric Chamber
00:06:21 → 00:06:24 นั่นเองค่ะที่เราใช้คำว่าเป็นจัง therapy
00:06:24 → 00:06:25 เนี่ยเพราะว่ามันไม่ใช่การรักษาที่เป็น
00:06:25 → 00:06:27 เค้าเรียกว่าการรักษาหลักหรือว่าเป็น
00:06:27 → 00:06:29 Standard นะคะเพียงแต่พบว่าถ้าเกิดว่า
00:06:29 → 00:06:31 ใช้ร่วมกับการรักษาดยการให้สเตอรอยด์ไป
00:06:31 → 00:06:33 เนี่ยผลการรักษาหรือว่าเรื่องการได้ยิน
00:06:33 → 00:06:35 เนี่ยก็มีแนวโน้มว่าจะกลับมาดีขึ้นได้ค่ะ
00:06:35 → 00:06:37 ซึ่งเจ้าตัว hyperbolic Chamber นะคะถ้า
00:06:37 → 00:06:39 เห็นในคลิปเนื้อฟ้าก็เข้าก็คือเข้าทุกวัน
00:06:40 → 00:06:41 เลยค่ะวันนึงเนี่ยก็อย่างน้อย 60 นาที
00:06:41 → 00:06:44 ขึ้นไปแล้วก็ความดันอากาศเนี่ยจะต้องสูง
00:06:44 → 00:06:46 หน่อยก็คือโดยเฉลี่ยแล้วที่เขาแนะนำก็คือ
00:06:46 → 00:06:48 สูงเกิน 2 atmosphere คือ 2 บรรยากาศจะ
00:06:48 → 00:06:51 ให้ดีก็คือ 2.4 atmosphere นะคะเพื่อที่
00:06:51 → 00:06:54 จะได้ทำให้ความดันที่มันเพิ่มขึ้นเนี่ย
00:06:54 → 00:06:56 สูงถึง 2 บรรยากาศหรือ 2.4 บรรยากาศเนี่ย
00:06:56 → 00:06:58 จะทำให้เราเนี่ยสามารถหายใจเอาออกซิเจน
00:06:58 → 00:07:01 ที่มีความเข้ม่น 100% เข้าไปได้ค่ะแล้ว
00:07:01 → 00:07:03 ตามทฤษฎีเนี่ยออกซิเจน 100% เนี่ยก็น่าจะ
00:07:03 → 00:07:06 ไปช่วยซ่อมแซมเอ่อตัวเค้าเรียกว่าเซลล์หู
00:07:06 → 00:07:08 ชั้นในที่มันช่วยเรื่องการได้ยินเนี่ยที่
00:07:09 → 00:07:11 มันเค้าเรียกว่าถูกทำร้ายไปเนี่ยให้มัน
00:07:11 → 00:07:14 ค่อยๆฟื้นฟูแล้วก็กลับมาดีขึ้นได้ค่ะก็
00:07:14 → 00:07:16 อันนี้ก็เป็นแนวทางในการดูแลรักษานะคะ
00:07:16 → 00:07:18 ซึ่งวันที่ฟ้ามานั่งเล่าให้ฟังเนี่ยก็
00:07:18 → 00:07:20 เป็นวันที่ 8 ค่ะหลังจากที่ฟ้าหูดับไป
00:07:20 → 00:07:22 แล้วก็เข้าไฮเปอร์ boric มาเป็นครั้งที่ 5
00:07:22 → 00:07:24 แล้วค่ะการได้ยินเนี่ยก็เริ่มกลับมาดี
00:07:24 → 00:07:26 ขึ้นบ้างเริ่มได้ยินเสียงถั่วนิ้วตัวเอง
00:07:27 → 00:07:29 แล้วนะคะตั้งแต่ประมาณวันที่ 6 ค่ะแล้วก็
00:07:29 → 00:07:31 เมื่อวันวันที่ 7 เก็ดีขึ้นอีกนิดนึงวัน
00:07:31 → 00:07:33 นี้ก็ดีขึ้นอีกนิดนึงแต่ว่าก็ยังมีเสียง
00:07:33 → 00:07:35 vv อยู่หวังว่าในเทปหน้าเนี่ยมันจะหาย
00:07:35 → 00:07:37 100% แต่ยังไงก็จะมาอัปเดตเพื่อนๆนะคะ
00:07:37 → 00:07:40 นี้สำหรับคนค่ะที่มีอาการแบบนี้เขาบอกว่า
00:07:40 → 00:07:42 ในกลุ่มที่เป็นเอ่อโรคหูดับเนี่ยบางทีอ่ะ
00:07:43 → 00:07:45 มันเป็นเป็นหายๆเช่นเราออกกำลังกายหนัก
00:07:45 → 00:07:47 รู้สึกหูอื้อแล้วก็หายไปเองทำให้ไม่ค่อย
00:07:47 → 00:07:49 สังเกตตัวเองแล้วก็เลยไม่ไม่รู้ว่าเออนี่
00:07:49 → 00:07:51 แหละเป็นอาการของหูดับแต่ว่าถ้าใครก็ตาม
00:07:51 → 00:07:53 เนี่ยถ้ามีอาการแล้วการได้ยินมันลดลงเอ่อ
00:07:53 → 00:07:56 ลดลงอย่างรวดเร็วเรื่อยๆภายใน 72 ชมง
00:07:56 → 00:07:59 เนี่ยให้ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่จำเป็นจะ
00:07:59 → 00:08:01 ต้องพบแพทย์นะคะอย่าชะลาดใจมัวแต่ไปแคะ
00:08:02 → 00:08:04 ขี้หูล้างหูอะไรด้วยตัวเองเดี๋ยวจะเสีย
00:08:04 → 00:08:06 โอกาสในการรักษาไปค่ะเพราะว่าอาจจะมีเป็น
00:08:06 → 00:08:08 สาเหตุอื่นอย่างที่ฟ้าบอกก็ยิ่งได้รับการ
00:08:08 → 00:08:11 รักษาล่าช้าเนี่ยก็ถือว่าเสียโอกาสในการ
00:08:11 → 00:08:13 ที่จะหายเนี่ยเอ่อเขาคเรียกว่าลดลงเพราะ
00:08:13 → 00:08:16 ฉะนั้นเนี่ยเราต้องอย่าไปลดกดของตัวเอง
00:08:16 → 00:08:18 เพราะงั้นถ้าเกิดว่ามีอาการหูดับภายใน 72
00:08:18 → 00:08:20 ชั่วโมงเนี่ยควรจะต้องไปพบแพทย์ทันทีจะ
00:08:20 → 00:08:22 ได้รับการตรวจดูแลที่ถูกต้องนะคะเพราะว่า
00:08:22 → 00:08:24 บางครั้งเนี่ยอาการหูดาบพวกเนี้ยก็อาจจะ
00:08:24 → 00:08:27 พ่วงมากับอาการเช่นพวกบ้านหมุนหรือว่าโรค
00:08:27 → 00:08:30 อย่างอื่นก็ได้ถัดมาค่ะการโดนดูแลตัวเอง
00:08:30 → 00:08:32 เนี่ยถามว่าต้องดูแลยังไงบ้างเนื่องจาก
00:08:32 → 00:08:33 ว่าไอ้อาการหูดับเนี่ยส่วนใหญ่เป็นเรื่อง
00:08:33 → 00:08:36 อาทิแต่เขาพบว่ามีความเกี่ยวข้องกับคนที่
00:08:36 → 00:08:38 พักผ่อนน้อยนะคะโอตรงกับฟ้าเลยเพราะว่า
00:08:38 → 00:08:40 ช่วงที่มีอาการก็คือนอนน้อยมากโดยเฉพาะ
00:08:40 → 00:08:42 คืนก่อนหน้าที่จะมีเหตุการณ์ก็คือนอนไป
00:08:42 → 00:08:45 แค่ 3 ช่วโมงนั้นเรื่องการนอนหลับพักผ่อน
00:08:45 → 00:08:47 เนี่ยมีความสำคัญมากๆเราควรจะต้องนอนให้
00:08:47 → 00:08:49 ได้ดีที่สุดเนี่ยอย่างน้อย 7 ช่วโมงต่อ
00:08:49 → 00:08:52 วันค่ะก็จะดีมากๆเลยถัดมาอย่างที่ 2 ค่ะ
00:08:52 → 00:08:54 คือต้องคอยดูแลให้ภูมิร่างกายของเราเนี่ย
00:08:54 → 00:08:57 มีความแข็งแรงตลอดเวลานะคะจะได้ช่วยต่อ
00:08:57 → 00:08:59 ต้านหรือว่าสู้กับพวกเชื้อไวรัสต่างๆได้
00:08:59 → 00:09:02 อย่างที่ 3 พยายามหลีกเลี่ยงการเอ่อเอา
00:09:02 → 00:09:04 ตัวเองไปอยู่ในที่ที่มีเสียงดังหรือว่า
00:09:04 → 00:09:06 เวลาฟังเดฟนเนี่ยก็อย่าเสียงดังมากตาม Who
00:09:06 → 00:09:08 เขาแนะนำว่าโดยเฉลี่ยแล้วทั้งวันเนี่ยเรา
00:09:08 → 00:09:11 ไม่ควรอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความดัง
00:09:11 → 00:09:14 เนี่ยเกิน 70 เดซิเบลนะคะก็หวังว่าคลิป
00:09:14 → 00:09:17 นี้นะคะถึงแม้ว่าจะสั้นแต่ก็หวังว่าจะ
00:09:17 → 00:09:19 เป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่ติดตามช่องเอ่อ
00:09:19 → 00:09:21 Blue Zone Thailand ของฟ้านะคะใน
00:09:21 → 00:09:24 สัปดาห์หน้าฟ้าก็จะพยายามหาความรู้สนุกๆ
00:09:24 → 00:09:27 นะคะที่เป็นประโยชน์ในการเอ่อในการดูแล
00:09:27 → 00:09:29 ตัวเองให้กับทุกคนมาฝากเช่นเคยจะเป็น
00:09:29 → 00:09:33 เรื่องอะไรอย่าลืมติดตามค่ะ