00:00:00 → 00:00:03 ประโยชน์ของการทำ IF ที่มีงานวิจัยจริงๆ
00:00:03 → 00:00:05 ว่าเฮ้ยมันได้ประโยชน์ไม่ใช่ว่าเสียงลือ
00:00:05 → 00:00:07 เสียวเล่าอ้างการทำ IF นี่ไม่ใช่ไม่ใช่
00:00:07 → 00:00:10 เหตุผลไม่ใช่ทางด้านการลดน้ำหนักกินเป็น
00:00:10 → 00:00:13 มื้อหรือกินทีละเล็กละน้อยแต่บ่อยๆถ้าไม่
00:00:13 → 00:00:16 ได้มีปัญหาอะไรให้กินเป็นมื้อเวลาลดน้ำ
00:00:16 → 00:00:19 หนักเนี่ยเราก็จะเจอบ่อยๆว่าจะมีผมร่วง
00:00:19 → 00:00:21 ได้การทำ IF เพื่อการลดน้ำหนักเนี่ยมันจะ
00:00:21 → 00:00:23 มีปัญหานี้ด้วยมั้ยต้องขึ้นอยู่กับวิธี
00:00:23 → 00:00:26 การคำนวณอาหารที่จะกินไอ้ช่วงเวลาที่กิน
00:00:26 → 00:00:29 ได้อ่ะมันก็ต้องเลือกกินด้วยเราก็จะ
00:00:29 → 00:00:32 พยายามให้กินคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยยากหน่อย
00:00:32 → 00:00:35 ในชั่วโมงที่เราจะ fasting แล้วอ่ะเราไม่
00:00:35 → 00:00:38 ควรจะกินอะไรที่มีแคลอรี่เลยที่เรากินได้
00:00:38 → 00:00:43 เนี่ยก็คือน้ำชาดำกาแฟดำที่ไม่ใส่อะไรที่
00:00:43 → 00:00:46 มีแคลอรี่เลยคือตอนนี้ปัญหาคือกินเป็น
00:00:46 → 00:00:48 มื้อและกินระหว่างมือสำหรับ
00:00:48 → 00:00:52 อุ๋มสอี่กับอุมโอลิเวียสวัสดีค่ะรายการ
00:00:52 → 00:00:55 ที่จะเชิญผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในแต่ละสาขา
00:00:55 → 00:00:58 วิชาเรื่องของสุขภาพแล้วก็ความสวยความงาม
00:00:58 → 00:01:00 มาคุยกันค่ะแล้ววันนี้ก็รู้สึกเป็น
00:01:00 → 00:01:02 เกียรติอย่างยิ่งนะคะที่คุณหมอปาล์มซึ่ง
00:01:02 → 00:01:04 เป็น American Board of Anti Agaging
00:01:04 → 00:01:07 จะมาแชร์ความรู้แล้วก็ประสบการณ์ส่วนตัว
00:01:07 → 00:01:10 เลยนะคะในการทำ IF ให้กับพวกเราด้วยค่ะ
00:01:10 → 00:01:11 ยินดีค่ะสวัสดี
00:01:11 → 00:01:13 [เพลง]
00:01:13 → 00:01:17 ค่ะเค้าคือคนที่เคยทำ IF แล้วก็ประสบความ
00:01:17 → 00:01:20 สำเร็จจากการทำ IF เป็นประสบการณ์ตรงเลย
00:01:20 → 00:01:23 เพราะฉะนั้นเนี่ยก็จะได้แชร์ในแง่มุมของ
00:01:23 → 00:01:25 ทฤษฎีด้วยแล้วก็จากประสบการณ์ของตัวเอง
00:01:25 → 00:01:28 ด้วยค่ะอื
00:01:28 → 00:01:30 เวลาที่เราอายุมากขึ้นแบบนี้นะหรือแม้
00:01:30 → 00:01:32 กระทั่งเราแบบเออก็ไม่ได้อายุมากอะไรแต่
00:01:32 → 00:01:34 มีปัญหาเรื่องของน้ำหนักที่เราไม่ค่อยชอบ
00:01:34 → 00:01:37 อะไรอย่างเงี้ยเราจะสามารถดูแลตัวเองได้
00:01:37 → 00:01:39 อย่างไรบ้างซึ่งอันนึงเรารู้อยู่แล้วเป็น
00:01:39 → 00:01:42 เรื่องของอาหารอือฮึอ่าแล้วอย่างงี้แบบ
00:01:42 → 00:01:45 ว่าปาล์มแนะนำอะไรยังไงบ้างจริงๆแล้วอ่ะ
00:01:45 → 00:01:47 วิธีการกินอาหารเอาแบบที่เป็นเทรนด์ใน
00:01:47 → 00:01:51 ปัจจุบันนะมันก็มีแบบหลายแบบมากเลยอ่า 1
00:01:52 → 00:01:54 ที่เราอาจจะแบบคุ้นเคยกันดี IF หรือ
00:01:54 → 00:01:57 intermittent fasting นะคะ 2 ช่วงนี้ก็
00:01:57 → 00:02:03 ฮิตเป็นเทรนเป็นฮิตคือคิวัสเอิ
00:02:03 → 00:02:08 Oh my god เฮ้ยจริงหรอจริงมันจริงแล้ว
00:02:08 → 00:02:10 เนื้อสดเนื้อดิบหรือว่าเนื้อสุกเนื้อสุก
00:02:10 → 00:02:13 เนื้อสุกเนื้อสุกโอเคเนื้อสุกแต่โอเคปลา
00:02:13 → 00:02:16 ดิบอาจจะนับนะอ่าแต่ว่าก็กินเนื้อสุกนี่
00:02:16 → 00:02:21 แหละอ่าอีกอันนึงก็ก็ก็อันนี้ก็คงเป็นที่
00:02:21 → 00:02:25 ฮิตมาอยู่ระยะนึงนะก็คือคีโตจนิdiอตอือ่า
00:02:25 → 00:02:29 ก็คือกินให้เข้าให้ร่างกายเข้าสู่ภาวะ
00:02:29 → 00:02:33 คีโตอ่าอ่าซึ่งแต่ละอันมันก็มีความแตก
00:02:33 → 00:02:38 ต่าง IF เหมาะกับใครบ้างมีข้อดียังไงก่อน
00:02:38 → 00:02:40 จะเหมาะกับใครบ้างเอาเป็นอันว่าถ้าเป็น
00:02:40 → 00:02:45 เด็กคนแก่หรือมีโรคประจำตัวใดๆให้ข้ามไป
00:02:45 → 00:02:49 ก่อนอ่าแต่คราวนี้ขอแบบ define deine
00:02:49 → 00:02:52 ให้ว่าเอ้ยเด็กเนี่ยอายุเท่าไหร่ก่อนวัย
00:02:52 → 00:02:57 รุ่นค่ะก่อนเอ่อพีทีน 10 18 ก่อน 18 อ่า
00:02:57 → 00:03:01 เพราะว่าเยังต้องโตต้องโตเออเไม่ควรมางด
00:03:01 → 00:03:04 อาหารอะไรใอ่าแล้วก็คนแก่นี่อายุเท่าไหร่
00:03:04 → 00:03:07 จริงๆคนแก่อาจจะไม่สตริกมากด้วยอายุนะถ้า
00:03:07 → 00:03:10 ร่างกายพร้อมเพราะว่าคนเดี๋ยวนี้ 60 ก็
00:03:10 → 00:03:14 ไม่แก่แล้วเนาะออใช่ๆๆ 60 ก็ไม่ได้ไม่ได้
00:03:14 → 00:03:18 ดูแก่แล้วอ่าอะไรอย่างี้ถ้าสมมุติว่าสภาพ
00:03:18 → 00:03:22 ร่างกายยังพร้อมก็โอเคนะถ้าไม่ได้มีโรค
00:03:22 → 00:03:25 ประจำตัวอะไรที่ที่หมายถึงว่ามีอาหารที่
00:03:25 → 00:03:29 ที่เป็นเป็นที่ต้องห้ามในทางการแพทย์นะ
00:03:29 → 00:03:32 อ่าอ่าแล้วจริงๆแล้วถ้าเกิดคนท้องให้นม
00:03:32 → 00:03:35 บุตรให้นมบุตรได้ค่ะไม่มีปัญหาค่ะอ่าแต่
00:03:35 → 00:03:40 ว่าปกติคนท้องเราก็ไม่แนะนำค่ะอยู่แล้วนน
00:03:40 → 00:03:43 ประโยชน์ของการทำ IF อ่าลวงหล่อเผื่อใคร
00:03:43 → 00:03:46 สนใจอยากทำเอาไม่ต้องบอกว่าขอเป็น
00:03:46 → 00:03:49 ประโยชน์ที่มีงานวิจัยจริงๆว่าเฮ้ยมันได้
00:03:49 → 00:03:51 ประโยชน์อ่าไม่ใช่ว่าเสียงลือเสียเล่า
00:03:51 → 00:03:53 อ้างอ่าจริงๆอันดับ 1 หรือประโยชน์ของการ
00:03:53 → 00:03:55 ทำ IF นี่ไม่ใช่ไม่ใช่เหตุผลไม่ใช่ทาง
00:03:55 → 00:03:59 ด้านการลดน้ำหนักนะอือ่าประโยชน์ของการทำ
00:03:59 → 00:04:00 IF
00:04:00 → 00:04:03 คือการที่ให้ร่างกายเรามีช่วงที่หยุดกิน
00:04:03 → 00:04:08 บ้างในระยะเวลาที่ยาวประมาณ 1 อ่าเค้าก็
00:04:08 → 00:04:11 เชื่อว่ามันจะทำให้เกิดการเค้าเรียกว่า
00:04:11 → 00:04:15 ออโตฟyของเซลล์ก็คือเหมือนกับการเซลล์ของ
00:04:15 → 00:04:18 คนเราอ่ะเซลล์เซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของ
00:04:18 → 00:04:20 คนเราอ่ะหลังจากที่มันทำงานไปสักระยะนึง
00:04:20 → 00:04:22 แล้วมันก็จะเป็นเซลล์ที่ที่เสื่อมไอ้เค้า
00:04:23 → 00:04:25 ก็เชื่อว่าการที่เราทำ IF อ่ะมันจะสามารถ
00:04:26 → 00:04:28 ทำทำให้ร่างกายไอ้ขจัดไอ้เซลล์ที่เสื่อม
00:04:28 → 00:04:31 อันเนี้ยออกไปได้เร็วขึ้นแล้วก็ทำให้
00:04:31 → 00:04:34 เซลล์มันเฟรชอเซลล์ที่มีอยู่มันเฟรชขึ้น
00:04:34 → 00:04:37 มาใหม่คือทำให้เซลล์ทำงานได้ดีขึ้นอ่าเรา
00:04:37 → 00:04:41 ก็เลยเหมือนมีมีเทรนด์ที่เชื่อว่าโอเคการ
00:04:41 → 00:04:45 ทำ IF เนี่ยอาจจะช่วยทำให้แก่ช้าลงอ่าอัน
00:04:45 → 00:04:49 นี้เด็ดอ่ามากกว่ามากกว่าในแง่การลดน้ำ
00:04:49 → 00:04:54 หนักอ่าอ่าแต่ว่าวิธีการทำไอบางแบบก็ถูก
00:04:54 → 00:04:57 ต้องค่ะสามารถทำให้รุนน้ำหนักได้บางแบบ
00:04:57 → 00:05:00 ด้วยหรอไม่ใช่ทุกแบบใช่ไม่ใช่ทุกแบบอ้า
00:05:00 → 00:05:03 เหรอเอออันนี้เพิ่งรู้บางแบบก็ไม่ได้หมาย
00:05:03 → 00:05:05 ถึงว่าไม่ได้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลด
00:05:05 → 00:05:07 น้ำหนักเพราะว่าจริงๆวิธีการกิน IF มี
00:05:07 → 00:05:11 หลายแบบมากนะคะอ่าไม่ได้มีแค่แบบเดียวอ่า
00:05:11 → 00:05:14 อถ้างั้นแบบว่าลองเล่าให้ฟังนิดนึงได้มั้
00:05:14 → 00:05:17 ว่าหลากหลายแบบเนี่ยมีอะไรบ้างมีอะไรบ้าง
00:05:18 → 00:05:22 อ่ะเอาหลักๆเลยนะคะจริงๆมีอยู่ประมาณ 4-5
00:05:22 → 00:05:25 อันอ่ะเดี๋ยวนับไปก่อน 4-5 จำไม่ได้ไม่
00:05:25 → 00:05:28 แน่ใจอ่ะอันแรกเนี่ยก็คือกินบ้างเวนบ้าง
00:05:28 → 00:05:33 วันเว้นวันวันเว้นวันเลยก็คือวันที่ 1
00:05:33 → 00:05:38 กินปกติอืวันที่ 2 เนี่ยคือกินมื้อเดียว
00:05:38 → 00:05:40 อืเอาง่ายๆวันที่ 2 เ้ามีจริงๆเ้ามีคำ
00:05:40 → 00:05:43 เรียกนะ OMAT OM A นะคะ One Meal a
00:05:43 → 00:05:46 day อ๋ออ่าก็คือวันที่ 1 กินปกติวันที่ 2
00:05:46 → 00:05:50 กินมื้อเดียวสลับกันไปวันเว้นวันเว้นวัน
00:05:50 → 00:05:54 สลับกันไปอันนี้เป็นวิธีที่ 1 นะคะอ่า
00:05:54 → 00:05:57 วิธีที่ 2 เป็นหลักสัปดาห์คือใน 7 วันกิน
00:05:57 → 00:06:02 ปกติ 5 วัน omat 2 วันอืวัน 2 วันจริงๆ
00:06:02 → 00:06:05 มันอาจจะไม่ได้ถึงกับวันเอ่อมันเป็นวัน
00:06:06 → 00:06:09 ที่แคลอรี่ไม่เยอะนะคือไม่ได้หมายความว่า
00:06:09 → 00:06:11 วัน
00:06:12 → 00:06:16 ไม่ใช่แบบนั้นก็คือเป็นวันที่ 1 มือปกติ
00:06:16 → 00:06:19 อ่าอ่าอีกแบบนึงก็คือเนี่ย 5 วันกับ 2
00:06:19 → 00:06:23 วันอืมีทั้งแบบกิน 5 วันกินน้อย 2 วัน
00:06:23 → 00:06:28 หรือกินน้อย 5 วันกินปกติ 2 วันอืได้มี
00:06:28 → 00:06:32 ทั้ง 2 แบบให้เลือกอือ่าแบบที่ 3 เนี่ย
00:06:32 → 00:06:34 บางคนอาจจะไปเข้าใจว่ามันคือ Water
00:06:34 → 00:06:37 Fasting หรือเปล่านะอันนี้ก็เป็นอีกช่วง
00:06:38 → 00:06:40 นี้ได้ยินบ่อย Water Fasting ใช่แต่จริง
00:06:40 → 00:06:42 ๆมันคือเค้าเรียกว่าเป็นเอ่อ periodic
00:06:42 → 00:06:45 fasting ก็คือทั้งเดือนน่ะจะมี 2 วันที่
00:06:45 → 00:06:49 ไม่กินอะไรเลยเอ้าทั้งเดือนหรอใช่ต่อ
00:06:49 → 00:06:54 เดือนทำ 2 วันต่อใน 1 เดือนเอออ่าไม่ใช่ 2
00:06:54 → 00:06:57 วันต่อ 1 อาทิตย์นะ 2 วันใน 1 เดือนอ้า
00:06:57 → 00:07:01 เหรออ่าฮะเออเคยทำด้วยแต่ทำทุกอาทิตย์ทำ
00:07:01 → 00:07:04 ทุกอาทิตย์อันอาจจะเยอะไปอ่ะส่วนอันสุด
00:07:04 → 00:07:08 ท้ายอันเนี้ยคออันเป็นที่ที่เราทำกันเยอะ
00:07:08 → 00:07:11 มากอันนี้ก็คือเขาเรียกว่าเป็นอ่า time
00:07:11 → 00:07:17 restricted fasting ก็คืออ 16 8 อ่ะ 18
00:07:17 → 00:07:23 6 อะไรอย่างเงี้ย 24 20 กับ 4 ไม่กิน 20
00:07:23 → 00:07:27 กิน 4 นะคะไม่ใช่กิน 20 ไม่กิน 4 เอออ่า
00:07:27 → 00:07:28 อะไรแบบนี้อันนี้เา้าเรียก Time
00:07:28 → 00:07:31 restricted ก็คือจำกัดด้วยช่วงเวลาแต่ที
00:07:31 → 00:07:34 นี้ไอ้ Time Respectricted เนี่ยมันมี 2
00:07:34 → 00:07:39 แบบ 1 ก็คือกินเช้าอืงดที่เหลืออือกับอีก
00:07:39 → 00:07:46 แบบนึงก็คือกินเย็นอืคืองดมาจนตื่นมาแล้ว
00:07:46 → 00:07:49 ก็งดไปเรื่อยๆๆๆๆๆๆๆงดจนกว่าจะทนไม่ไหวงด
00:07:49 → 00:07:52 จนกว่าจะทนไม่ไหวหรืองดจนกว่าจะครบเวลา
00:07:52 → 00:07:56 แล้วก็ค่อยเริ่มกินก็คือกินบ่ายอออ่าก็
00:07:56 → 00:07:59 คือกินบ่ายอ่ะจริงๆ
00:07:59 → 00:08:02 ก็ต่างกันนิดหน่อยวิธีการทำ IF มันก็จะมี
00:08:02 → 00:08:06 อีกอันนึงนะคะเขาเรียกว่าเป็นอ่า Fasting
00:08:06 → 00:08:09 My Mixing ก็คือเหมือนกินอาหารที่มัน
00:08:09 → 00:08:14 แคลอรี่น้อยมากจนเสมือนเหมือน fasting
00:08:14 → 00:08:17 เหมือนไม่ได้กินอะไรอย่างเงี้ยกินแต่รู้
00:08:17 → 00:08:20 สึกเลิศอยู่นะแต่มันอาจจะหาเมนูยากหน่อย
00:08:20 → 00:08:23 นะอ่ะซึ่งอันเนี้ยอย่างเชอย่างเช่นเออคือ
00:08:23 → 00:08:26 เขาบอกว่าเก็จะให้กินอ่าคาร์โบไฮเดรต
00:08:26 → 00:08:30 เนี่ยประมาณสัก 40% แฟเนี่ยประมาณ 40%
00:08:30 → 00:08:33 แล้วลดโปรตีนลงเหลือประมาณ 20% จริงๆจะก็
00:08:33 → 00:08:36 อาจจะไปคล้ายๆคีโตจินแต่คีโตจนิคไม่กิน
00:08:36 → 00:08:40 แป้งอือ่าประมาณนั้นซึ่งเขาก็เชื่อว่าการ
00:08:40 → 00:08:43 ที่เรากินแบบเนี้ยมันจะให้แบบเหมือนเลียน
00:08:43 → 00:08:46 แบบให้ร่างกายคิดว่าอันนี้ชอบมากเลยนะ
00:08:46 → 00:08:49 เป็นคนหยุดเคี้ยวไม่ได้
00:08:49 → 00:08:52 ซึ่งถ้ารู้ว่าเมนูนั้นคืออะไรแล้วก็ทาน
00:08:52 → 00:08:56 ได้เนี่ยคงจะเป็นขาประจำเลยอมันก็จะหามัน
00:08:56 → 00:08:59 ก็จะคิดว่ามันก็เมนูมันอาจจะยากหน่อยอะไร
00:08:59 → 00:09:01 อย่างเงี้ยก็คงจะต้องไฟเบอร์เยอะๆอ่ะแต่
00:09:01 → 00:09:04 ว่าไม่ห้ามน้ำมันชีสโยเกิร์ตอะไรแบบเนี้ย
00:09:04 → 00:09:08 มั้งอาจจะพอทำได้นะอืชีสแบบโยเกิร์ตพวก
00:09:08 → 00:09:10 แบบกรีกโยเกิร์ตที่มันไม่ใส่น้ำตาลอ่ะกิน
00:09:10 → 00:09:14 ได้อืกินนมไม่ได้อ่ะข้ามเมนูนี้ประมาณ
00:09:14 → 00:09:16 นั้นแต่ซึ่งอันนี้นี่สามารถช่วยลดน้ำหนัก
00:09:16 → 00:09:19 ได้ด้วยนะคือมีวิจัยว่าถ้าเราสามารถทนกิน
00:09:19 → 00:09:22 มันได้แล้วก็เป็นหนึ่งในเมนูน้ำหนักได้
00:09:22 → 00:09:25 ข้อสำคัญอย่างนึงนะคะสำหรับคนที่ตั้งใจจะ
00:09:25 → 00:09:28 ทำ IF นะก็คือในชั่วโมงที่เราไม่กินแล้ว
00:09:28 → 00:09:31 อ่ะอือในชั่วโมงที่เราที่เราจะ fasting
00:09:31 → 00:09:34 แล้วอ่ะเราไม่ควรจะกินอะไรที่มีแคลอรี่
00:09:34 → 00:09:37 เลยอาฮะเพราะฉะนั้นที่เรากินได้เนี่ยก็
00:09:37 → 00:09:44 คือน้ำอ่ะชาดำกาแฟดำอ่าที่ไม่ใส่อะไรที่
00:09:44 → 00:09:46 มีแคลอรี่เลยเพราะว่าเคยเจอเหมือนกันบาง
00:09:46 → 00:09:50 คนช่วงที่เราหยุดแล้วแต่แบบเกิดหิวขึ้นมา
00:09:50 → 00:09:54 ด้วยความชินอือดื่มนมก่อนนอนอ่าอะไรแบบ
00:09:54 → 00:09:57 นี้อ่ะอันเนี้ยก็จะนับเป็นสิ่งที่มี
00:09:57 → 00:09:59 แคลอรี่แล้วก็จะสามารถกระตุ้นการหลัง
00:09:59 → 00:10:05 อินซูลินได้ก็จะทำให้แบบ IF แตกออเพราะ
00:10:05 → 00:10:07 ฉะนั้นใครเคยชินที่แบบจะต้องตื่นมาแล้วก็
00:10:07 → 00:10:11 ดื่มกาแฟหรือว่าชาเลยก็ขอเป็นกาแฟดำชาดำ
00:10:11 → 00:10:13 หรือว่าชาเขียวก็ได้แบบไม่ใส่น้ำตาลไม่
00:10:13 → 00:10:20 ใส่นมใช่ถูกต้องก็ไม่หลุด IF อ่าใช่
00:10:20 → 00:10:23 ก่อนอื่นขอโฟกัสเรื่องน้ำหนักก่อนอือฮึ
00:10:23 → 00:10:25 ทั้งหมดเนี้ยอันไหนลดน้ำหนักได้อันไหนลด
00:10:25 → 00:10:29 น้ำหนักไม่ได้อันที่อันที่กินน้อยๆ Time
00:10:29 → 00:10:32 restricted เนี่ยก็ลดน้ำหนักได้อ่า 16 8
00:10:32 → 00:10:36 แล้วก็อันที่ 5 วันละมื้อกับ 2 กินปกติ
00:10:36 → 00:10:40 อ๋อ 5 วันละมื้อใช่ 5 5 กับ 2 นี่มันมี 2
00:10:40 → 00:10:43 แบบคือกินกกินวันละมื้อ 5 วันอ่าแล้วก็
00:10:43 → 00:10:45 กินปกติแล้วก็กินปกติ 2 วันอันนี้ลดได้
00:10:45 → 00:10:49 ใช่อ่าแต่ถ้ากินปกติทุกวันแล้วก็งดไม่กิน
00:10:49 → 00:10:52 เลยเดือนละ 2 วันอันนี้ไม่ลดแน่นอนเพราะ
00:10:52 → 00:10:56 ว่ามันมีคือถามว่าจริงๆลดได้มอาจจะลดได้
00:10:56 → 00:10:58 นะถ้าในระหว่างวันที่กินน่ะเราสามารถ
00:10:59 → 00:11:02 คอนโทรลได้อืแต่ว่าด้วยความว่า 30 วันเรา
00:11:02 → 00:11:05 กิน 28 วันใช่มยวันไอ้วันที่เรากินไป 28
00:11:05 → 00:11:08 วันน่ะอืมันโอกาสที่จะคอนโทรลน้ำหนัก
00:11:08 → 00:11:11 คอนโทรลการกินธรรมดาคือต้องบอกก่อนนะคะ
00:11:11 → 00:11:14 ไอ้วันที่มันกินได้เี่มันไม่ได้แปลว่ากิน
00:11:14 → 00:11:17 เยอะไอ้วันที่มันกินได้มันแปลว่าคือกิน
00:11:17 → 00:11:20 ปกติหมายถึงว่าอาหาร 3 มื้อธรรมดาที่ไม่
00:11:20 → 00:11:24 ได้แบบกินขนมจุกจิกไม่มีขนมเบรกตอนบ่าย
00:11:24 → 00:11:26 อะไรแบบเนี้ยนะซึ่งก็คือการที่เราจะต้อง
00:11:26 → 00:11:30 คอนโทรลอย่างงั้นตลอด 28 วันน่ะอ่ามันมัน
00:11:30 → 00:11:33 อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่ทำได้เท่านั้น
00:11:33 → 00:11:38 เองออ่ะถ้าพูดถึงตัวฮิตที่สุดคือ 168 อ่า
00:11:38 → 00:11:42 อ่าใช่คราวนี้เนี่ยเวลาที่เป็น 168 แบบ
00:11:42 → 00:11:46 ที่แบบที่ปาล์มเกริ่นมาเนาะว่ามันจะมีตอน
00:11:46 → 00:11:48 กินเช้ากินมื้อเช้ากับไม่กินมื้อเช้า
00:11:48 → 00:11:51 อือฮึอมันแตกต่างกันยังไงจริงๆแล้ว
00:11:51 → 00:11:54 อันเนี้ยมันต้องไปดูว่าระบบฮอร์โมนในร่าง
00:11:54 → 00:11:57 กายของคนเราอ่ะมันเป็นมายังไงอ่ะเพราะว่า
00:11:58 → 00:12:01 จริงๆแล้วตอนกลางคืนเวลาที่เรานอนน่ะอ่า
00:12:01 → 00:12:05 มันก็จะมีแบบโรสฮอร์โมนหลังมีฮอร์โมนเพศ
00:12:05 → 00:12:09 ต่างๆนู่นนี่นั่นคือถ้าสมมุติว่าจะกินให้
00:12:09 → 00:12:13 สอดรับกับฮอร์โมนของเราด้วยกินเช้าอาจจะ
00:12:13 → 00:12:16 ได้ผลมากกว่ากินบ่ายอ่า
00:12:16 → 00:12:19 เอออันนี้ก็เป็นอันที่สำคัญมากเนาะในแง่
00:12:19 → 00:12:21 สุขภาพน่ะหมายถึงว่าในแง่โดยเฉพาะผู้หญิง
00:12:21 → 00:12:24 ที่เราอาจจะไม่อยากแก่อะไรอย่างเงี้ยนะ
00:12:24 → 00:12:27 อ่าคือฟังดูเหมือนกับว่าเอ้ยตอนเช้าก็มี
00:12:27 → 00:12:30 ความสำคัญใช่คือคือหมายถึงว่าไม่ไม่ได้
00:12:30 → 00:12:33 สำคัญถึงขนาดที่ว่าโอ้โหงดข้าวเช้าแล้วจะ
00:12:33 → 00:12:35 มีปัญหานะคือมันไม่ใช่แบบนั้นสิ่งนึงที่
00:12:35 → 00:12:38 คนปกติควรจะทำเนี่ยก็คือเราไม่ควรจะกิน
00:12:38 → 00:12:42 อะไรก่อนที่เราจะนอนออย่างน้อยประมาณ 4
00:12:42 → 00:12:47 ชมงอือ่าเพื่อให้ลำไส้เราได้พักเต็มที่
00:12:47 → 00:12:50 ตอนที่เราจะนอนไม่ใช่นอนแล้วลำไส้ยังต้อง
00:12:50 → 00:12:54 ทำงานเยอะอยู่อ่ะทีนี้สมมุติว่าถ้าเรานอน
00:12:54 → 00:12:57 22:00 น.เราก็ควรจะต้องกินมื้อสุดท้าย
00:12:57 → 00:13:00 ก่อน 18:00 น.อือ่าจริงมยสมมุติแล้ว
00:13:00 → 00:13:03 สมมุติถ้าเราไปทำ IF ตอนเย็นน่ะเวลามัน
00:13:03 → 00:13:07 อาจจะอ๋อกระเถิบออกไปใช่เท่านั้นเองเพราะ
00:13:07 → 00:13:11 ฉะนั้นเราก็เลื่อนเลื่อนขึ้นมาเป็นเช้า
00:13:11 → 00:13:13 อย่างเงี้ยอ่าโอเคถ้าอย่างงั้นเนี่ยแปล
00:13:13 → 00:13:17 ว่าถ้าเกิดใครก็ตาม IF แล้วทานมื้อเช้า
00:13:17 → 00:13:21 อาจจะได้ประโยชน์มากกว่าเพราะว่าจะช่วยทำ
00:13:21 → 00:13:23 ให้ร่างกายเราเนี่ยมีฮอร์โมนที่สมดุลกว่า
00:13:24 → 00:13:26 แล้วก็ยังจะไปอัดระหว่างหลับจนกระทั่ง
00:13:26 → 00:13:30 ตื่นใช่แล้วก็ช่วยลดเรื่องของที่เราจะ
00:13:30 → 00:13:33 ต้องเค้าเรียกลำไส้ทำงานตอนกลางคืนด้วย
00:13:33 → 00:13:37 ถูกใช่ก็อาจจะทำให้เป็นก็อาจจะทำให้หมาย
00:13:37 → 00:13:39 ถึงว่าอาจจะเป็นเกิร์ดน้อยลงเอออย่างอุ่ม
00:13:39 → 00:13:41 เงี้ยไปหาหมอ anti agaging ใช่มั้ยแล้ว
00:13:41 → 00:13:45 ก็คือรู้อยู่แล้วแหละไลฟ์สไตล์คือนอนก็
00:13:45 → 00:13:48 น้อยมีความเครียดหรือว่าอะไรอย่างเงี้ยก็
00:13:48 → 00:13:51 คือเป็น adinal insufficiency หรือว่า
00:13:51 → 00:13:53 เป็นเค้าเรียกว่าอะไรต่อมหมกไตร้าอยู่
00:13:53 → 00:13:55 แล้วเขาบอกว่าคนกลุ่มเนี้ยไม่ควรงดอาหาร
00:13:56 → 00:13:59 เช้าถ้าทำก็ควรจะกินอาหารเช้าแล้วไปงด
00:13:59 → 00:14:03 เย็นอือฮึก็จะง่ายกว่าอ่ะคราวนี้มีคำถาม
00:14:03 → 00:14:07 อีกเนื่องจากว่าด้วยไลฟ์สไตล์นะอือฮึมัน
00:14:07 → 00:14:10 เป็นไปได้มั้ยว่าไอ้ 168 อ่ะบางวันเราก็
00:14:10 → 00:14:15 กินเช้าบางวันเราก็งดเช้าได้จริงๆแล้วไม่
00:14:15 → 00:14:17 ได้เป็นข้อห้ามอ่าแล้วก็สามารถแบบ
00:14:17 → 00:14:21 flexible ได้ใช่เขยิบได้แต่ว่าขอให้
00:14:21 → 00:14:25 ชั่วโมงที่งดอ่ะนับไป 16 ชมงเป็นอย่าง
00:14:25 → 00:14:29 น้อยอืสมมุติว่าเราจบมื้อเย็นวันนี้ที่
00:14:29 → 00:14:32 20:00 น.อือเราเราจะต้องไม่เริ่มพรุ่ง
00:14:32 → 00:14:37 นี้ด้วยเวลาเดิมเราจะต้องบวกไปให้ครบ 16
00:14:37 → 00:14:40 ชม.เป็นอย่างน้อย 16 ชม.ก่อนแล้วค่อยกิน
00:14:40 → 00:14:43 ถูกต้องเหรอหรือไม่ก็ดันไปเรื่อยๆได้หรือ
00:14:43 → 00:14:48 ก็ช่างมันขาดวันนึงก็ขาดรับ 1 ก็ก็ได้เออ
00:14:49 → 00:14:51 อันเนี้มันเป็นมันเป็นมันเป็นหัวข้อนึง
00:14:51 → 00:14:56 ที่แบบจริงๆแล้วเไม่ซีเรียสนะเออคือมีคน
00:14:56 → 00:14:59 ถามแล้วมีคนกังวลมากๆเหมือนกันนะว่าเออ
00:14:59 → 00:15:03 แบบเข้าใจนะว่าความมีวินัยเป็นสิ่งสำคัญ
00:15:03 → 00:15:06 แต่บางทีอ่ะถ้าสมมุติว่าเราอ่ะจำเป็นจะ
00:15:06 → 00:15:08 ต้องขาดตกบกพร่องไปสักวัน 2 วันอาจไม่
00:15:08 → 00:15:11 เป็นไรค่ะเพราะว่ายิ่งเราเครียดมากอ่ะเรา
00:15:11 → 00:15:15 จะต่อมหมวกไตล้ามากกว่าอื่นอ่าส่งผลแย่
00:15:15 → 00:15:18 กว่าใช่ดังนั้นเนี่ยถ้าถ้าตกไปบ้างก็
00:15:18 → 00:15:22 ไม่เป็นไรใช่ทำใจสบายๆถูกแต่ว่าanyวถ้า
00:15:22 → 00:15:24 สมมุติว่าคนที่อยากจะเริ่มอ่ะควรเริ่ม
00:15:24 → 00:15:27 เวลาที่เราคิดว่าเราทำได้มากที่สุดอือ่า
00:15:27 → 00:15:30 คือเราไม่ได้จำเป็นว่าแบบโอเคจะต้องไป
00:15:30 → 00:15:33 เริ่มด้วยการกินเช้ามนะสมมุติว่าถ้าชีวิต
00:15:33 → 00:15:37 เราไลฟ์สไตล์เราเป็นแบบนี้อ่ะเริ่มงานแบบ
00:15:37 → 00:15:41 เหมือนเราคือ 11: น.อ่าอย่างเงี้ยเราก็
00:15:41 → 00:15:46 อาจจะกินเป็นเที่นถึง 20:00 น.อือ่าอัน
00:15:46 → 00:15:50 นี้ก็จะกลายเป็น 168 เออแต่ว่าฟังไปฟังมา
00:15:50 → 00:15:54 นี่อาจจะเหมาะกับ 5 + 2 นะก็ได้นะเพราะ
00:15:54 → 00:15:57 ว่าก็จะได้จบไม่ต้องกังวลแบบเช้าเที่ยน
00:15:57 → 00:15:59 เย็นอะไรไม่รู้แบบปวดหัวก็แบบเอาไปเลยแต่
00:15:59 → 00:16:01 ว่าแต่ว่าวันที่ 5 อ่ะไอ้วันไอ้วันที่ 5
00:16:01 → 00:16:05 ที่กินน่ะต้องกินน้อยก็ก็กินปกติหมายถึง
00:16:05 → 00:16:09 ว่ากินด้วยแคลอรี่มาตรฐานก็คือแบบ 2,000
00:16:09 → 00:16:12 แควทั่วๆไปอ๋อ 5 วันปกติแล้ว 2 วันน้อยก็
00:16:12 → 00:16:15 ได้ได้แต่ไม่ช่วยเรื่องน้ำหนักก็ช่วยได้
00:16:15 → 00:16:19 เท่า 5 วันที่ปกตินั้นเราเลือกอาหารที่ดี
00:16:19 → 00:16:22 อ่าอ่าแต่ว่าไม่ใช่ว่า 5 วันปกตินะกิน
00:16:22 → 00:16:25 เข้าไปวันละ 4,000 4,000 กิโลแคลอรี่มัน
00:16:25 → 00:16:28 ก็ไม่ได้อย่างเงี้ยอ๋อก็คืออาจจะเป็นแบบ
00:16:28 → 00:16:30 ต้องลดแคลอรี่ใน 5 วันนั้นนิดนึงแล้ว 2
00:16:30 → 00:16:34 วันก็คือน้อยมากๆใช่ใช่ 2 วันก็คือน้อย
00:16:34 → 00:16:39 กว่า 25% ของปกติอ่าโอเคเข้าใจได้เพราะ
00:16:39 → 00:16:43 ปกติ 2,000 อ่าก็คือ 25% ก็คือ 500 ซึ่ง
00:16:43 → 00:16:47 จริงๆ 500 มันก็คือข้าวจานนึงทั่วๆไปอยู่
00:16:47 → 00:16:50 แล้วออ
00:16:50 → 00:16:53 ไอ้ช่วงเวลาที่กินได้อ่ะมันก็ไม่ใช่ว่า
00:16:53 → 00:16:56 กินเต็มที่มันก็ต้องเลือกกินด้วยเราควรจะ
00:16:56 → 00:16:59 กินแบบไหนยังไงอะไรอย่างงี้มยให้แบบว่า
00:16:59 → 00:17:03 ช่วยชะลอไวกว่าเดิมแอดออนไปอีกหลักเอา
00:17:03 → 00:17:06 หลักการมาตรฐานทั่วๆไปเลยก็คือ 1 เราจะ
00:17:06 → 00:17:09 ต้องพยายอ่าเราก็จะพยายามให้กิน
00:17:09 → 00:17:10 คาร์โบไฮเดรต
00:17:10 → 00:17:15 ที่ย่อยยากหน่อยอือเช่นไฟเบอร์
00:17:15 → 00:17:17 คาร์โบไฮเดรตที่เป็นไฟเบอร์จริงๆข้าวนี่
00:17:17 → 00:17:20 ถือว่าเป็นอะไรที่ย่อยง่ายนะอ่าถ้าในใน
00:17:20 → 00:17:23 บรรดานับจากคาร์โบไฮเดรตที่เทียบเคียงกับ
00:17:23 → 00:17:29 ข้าวนะคะอาจจะเอาไปกินพวกมันเผือกมันเอา
00:17:29 → 00:17:32 งั้นเหรอข้าวโพดอะไรอย่างเงี้ยสลับๆับ
00:17:32 → 00:17:35 สลับแทนที่จะเป็นข้าวขาวเราก็อาจจะ
00:17:35 → 00:17:38 เปลี่ยนไปเป็นข้าวกล้อง LGI
00:17:38 → 00:17:41 อือะไรทำตรงเนี้ยเพื่อให้มันไม่เป็นอ๋อ
00:17:41 → 00:17:44 เข้ากล้องอ่าเพื่อให้มันไม่เป็นขาบเชิง
00:17:44 → 00:17:47 เดี่ยวมากนักเช่นขาบเชิงเดี่ยวขาบเชิง
00:17:47 → 00:17:49 เดี่ยวที่เรารู้จักคาร์โบไฮเดรตเชิง
00:17:49 → 00:17:51 เดี่ยวที่เรารู้จักคือน้ำตาลนะคะเอาน้ำ
00:17:51 → 00:17:54 ตาลเป็นหลักเอาน้ำตาลเป็นเกณฑ์อ่ะอืทีนี้
00:17:54 → 00:18:00 ข้าวเหนียวเนี่ยใกล้เคียงกับน้ำตาล
00:18:00 → 00:18:02 มากน่ากลัวข้าวเหนียวดำข้าวเหนียวดำอาจจะ
00:18:02 → 00:18:05 น้อยลงนิดนึงแต่ว่าanyวเเขาจะมีค่านึงที่
00:18:05 → 00:18:09 เรียกว่า GI อ่าไซemicไซemic Index ซึ่ง
00:18:09 → 00:18:10 ไซemic Index เนี่ยเขาเทียบกับน้ำตาลนะคะ
00:18:10 → 00:18:13 ก็คือน้ำตาลที่ 100 กรัม
00:18:13 → 00:18:17 ทำให้น้ำตาลในเลือดขึ้นได้เท่านี้ๆๆอ่า
00:18:17 → 00:18:20 เขาก็ไปเทียบว่าอาหารอื่นที่ 100 กรัมอ่ะ
00:18:20 → 00:18:22 คิดเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของไอ้น้ำตาล 100
00:18:22 → 00:18:25 กรัมนี้อ่าก็คือตัวถ้าสมมุติน้ำตาลเท่า
00:18:25 → 00:18:32 กับ 100 นะอ่ะข้าวขาวเนี่ย 97 ละ
00:18:32 → 00:18:36 โอ้โหแทบจะ 100 นะเกข้าวเหนียวเนี่ย 98
00:18:36 → 00:18:41 ละออแล้วชอบกินข้าวเหนียวถ้าเราไปเปลี่ยน
00:18:41 → 00:18:43 เป็นข้าวกล้องอะไรมันก็จะลงมาเหลือ 90
00:18:43 → 00:18:48 ต้นๆ 92 อะไรอย่างเงี้ยอ๋อก็ยังไม่รอดก็
00:18:48 → 00:18:51 ยัง 90 อยู่ดียังดีแต่ก็ยังดีอ่ะอันอื่นๆ
00:18:51 → 00:18:54 ก็จะลงมาประมาณเนี้ย 90 90 ต้นอ่ะข้าว
00:18:54 → 00:19:00 กล้อง GI อ่ามันมันจืดมันมันสำปะหลังมัน
00:19:01 → 00:19:04 ที่ไม่ใช่สweท poato อ่ะมันอ๋อเหรอมัน
00:19:04 → 00:19:06 ธรรมดาอะไรอย่างเงี้ยอ่าต้องมันธรรมดา
00:19:06 → 00:19:09 ด้วยใช่ก็ถ้าสวิตpoโatoมันก็จะมันหวาน
00:19:09 → 00:19:11 ขึ้นไปอีกนิดนึงมันฝรั่งเเรียกอะไรมัน
00:19:11 → 00:19:14 ฝรั่งมันฝรั่งเออมันฝรั่งค่ะอ้าแล้วอย่าง
00:19:14 → 00:19:17 งี้คีนัวล่ะได้เพราะว่าคีนัวก็เป็นธัญพืช
00:19:17 → 00:19:19 พวกธัญพืชมันก็จะตกอยู่ประมาณสซัก 80
00:19:19 → 00:19:23 ปลายๆ 90 ใกล้เคียงกันสรุปกินอะไรก็เยอะ
00:19:23 → 00:19:26 ไปหมดเนาะแต่ก็ยังดีแต่ก็อืเพราะว่าอย่าง
00:19:26 → 00:19:29 น้อยได้ไฟเบอร์อได้ไฟเบอร์ที่มากกว่าแล้ว
00:19:29 → 00:19:34 ก็ปริอ่าทำให้น้ำตาลในเลือดทำให้อินซูลิน
00:19:34 → 00:19:37 ไม่ถูกกระตุ้นมากขนาดนั้นเออแล้วเงี้ผมมา
00:19:37 → 00:19:39 เคยได้ยินว่าเาอ่ะให้กินผักเ้าไปก่อนแล้ว
00:19:39 → 00:19:42 ค่อยกินอาหารอันนี้อันนี้หมอปาล์มเชื่อ
00:19:42 → 00:19:45 มั้เรื่องนี้มันคือจริงๆคือเอาไฟเบอร์
00:19:45 → 00:19:48 เข้าไปรองเออเค้าบอกว่ามันจะดูดซึมลดลง
00:19:48 → 00:19:52 ใช่มันมีไฟเบอร์บางแบบที่ไม่ย่อยที่ย่อย
00:19:52 → 00:19:55 ยากอ่ามันเป็นไฟเบอร์บางแบบที่ย่อยยาก
00:19:55 → 00:19:58 เช่นผักไม้กวาดทำไมเหมือนไม่เคยรู้จักมัน
00:19:58 → 00:20:01 มาก่อนผักไม้กวาดคล้ายๆดอกหอมอ่ะเออผัก
00:20:01 → 00:20:05 ผักไม้กวาดต้นหอมตายแล้วฉันไม่รู้จักอ่า
00:20:05 → 00:20:07 นั่นแหละอารมณ์เหมือนผักไม้กวาดรู้จักแต่
00:20:07 → 00:20:10 กุ้ยชและดอกกุ้ยช่า
00:20:10 → 00:20:13 ออคือมันก็จะมีอย่างเงี้ยมีผักบางชนิดอ่า
00:20:13 → 00:20:17 ที่มีไฟเบอร์ที่ไม่ย่อยคือเหลือเป็นกาก
00:20:17 → 00:20:20 พูดง่ายๆก็คือเหลือเป็นกากนั่นแหละแล้ว
00:20:20 → 00:20:22 ผักไม้กวาดเค้ามาทำอะไรกินกันน่ะผัดหรอ
00:20:22 → 00:20:26 ผัดไงผัดตับผัดขครื่องในเหรออ่าอะไรแบบ
00:20:26 → 00:20:29 เนี้ยมันก็จะมีผักเนี้ยมีผักบางชนิดที่
00:20:29 → 00:20:33 ข้างในที่มันประกอบไปด้วยอ่าคาร์โบไฮคือ
00:20:33 → 00:20:35 ไฟเบอร์เป็นคาร์โบไฮเดรตนะจริงๆเออยอด
00:20:35 → 00:20:37 เยี่ยมเลยอ่ะเพราะว่าในหัวนี่คือมีแต่
00:20:37 → 00:20:40 เซลี่
00:20:40 → 00:20:44 ผักนะฉันรู้จักแต่เซี่อะไรแบบนี้อ่าเก็
00:20:44 → 00:20:47 เชื่อว่าถ้าสมมุติว่าเรามีการที่กิน
00:20:47 → 00:20:50 ไฟเบอร์ไปอ่ะมันก็เหมือนจะช่วยกรองลดการ
00:20:50 → 00:20:52 ดุช่วยลดการดูดซึมของน้ำตาลทั้งน้ำตาล
00:20:52 → 00:20:56 แล้วก็ไขมันได้ระดับหนึ่งอ่ะเราควรจะ
00:20:56 → 00:20:59 เลือกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนอ่ะแล้วมีอะไร
00:20:59 → 00:21:03 อีกมั้ยกินผักไปลองเชก็ก็ได้แต่ว่าอันนี้
00:21:03 → 00:21:05 กินผักไปลองนี่บางคนต้องดูนิดนึงนะคือถ้า
00:21:05 → 00:21:08 คนที่เหมือนแบบบางคนกินแล้วทองอึอือ่ะก็
00:21:08 → 00:21:11 อาจจะต้องมาคเซิรนนิดนึงว่าภาวะของ
00:21:11 → 00:21:13 จุลินทรีย์ในลำไส้มันเป็นยังไงนี่ก็ไปฟัง
00:21:13 → 00:21:18 มาท่าสวมาเแบบอฉันไม่กินเคลเพราะฉันไม่
00:21:18 → 00:21:21 อยากท้องอื่นเอออะไรอย่างเงี้ยมันก็จะมี
00:21:21 → 00:21:24 ถ้ามันก็จะมีบางคนที่กินผักแล้วทองอื่น
00:21:24 → 00:21:27 ถ้าอันเนี้ก็ควรจะต้องมาดูว่าจุลินทรีย์
00:21:27 → 00:21:29 ในลำไส้มันสมดุลหรือเปล่าแล้วมันมีผักบาง
00:21:29 → 00:21:32 ชนิดมั้ที่แบบทำให้ท้องอื่นเลยอ่ะในทุกคน
00:21:32 → 00:21:35 อย่างเงี้ยหรอไม่มีไม่ได้มีเฉพาะเจาะโจม
00:21:35 → 00:21:38 ใช่ไม่ได้มีเฉพาะเจาะโจมอื
00:21:38 → 00:21:41 แล้วจากประสบการณ์ของปาล์มที่แบบว่าเคย
00:21:41 → 00:21:44 อือฮึทำ IF มาอะไรอย่างเงี้ยรู้สึกทรมาน
00:21:44 → 00:21:46 มั้ยต้องเข้าใจก่อนว่า intermittent
00:21:46 → 00:21:48 fasting ก็มี intermittent feeding นะ
00:21:48 → 00:21:52 จ๊ะมันไม่ได้แปลว่าเราอดมันแปลว่าเรากิน
00:21:52 → 00:21:56 กินเป็นบางช่วงอือ่าคือแปลว่าอดเป็นบาง
00:21:56 → 00:21:58 ช่วงดีกว่าเพราะฉะนั้นมันไม่ได้แปลว่าอด
00:21:58 → 00:22:01 อาหารออ่าอ่า IF ไม่ได้แปลว่าอดอาหาร
00:22:01 → 00:22:04 เพราะฉะนั้นจริงๆแล้วชีวิตคนเราสามารถ
00:22:04 → 00:22:07 อยู่ได้อยู่ได้แบบสบายสบายสบายๆอ่ะถ้า
00:22:07 → 00:22:10 ช่วงที่ฟิตๆอย่างงี้นะสมมุติว่าถ้าช่วง
00:22:10 → 00:22:13 ที่เคยทำที่เหมือนกับแบบตั้งใจจะลดน้ำ
00:22:13 → 00:22:17 หนักเลยอย่างเงี้ยนะก็อาจจะ 18 6 ก็คือ
00:22:17 → 00:22:21 กินแค่ 6 อือ่าก็คือเช่นกิน 10:00 น.เลิก
00:22:21 → 00:22:24 4 16:00 น.ก็คือกินแค่ 6 ชม.แล้วก็หยุด
00:22:24 → 00:22:28 18 ชม.อือย่างเงี้ยอ่าบางวันอาจจะสลับ
00:22:28 → 00:22:31 ที่ 20 กับ 4 ก็จะใกล้เคียงกับ OMAT และ
00:22:31 → 00:22:33 ก็คือจะใกล้เคียงกับ One M a day อื
00:22:33 → 00:22:37 อ่าแต่อย่างที่บอกไปก็คือใจจริงถ้าสำหรับ
00:22:37 → 00:22:40 คนที่จะเริ่มอ่ะควรจะเริ่มในเวลาที่เรา
00:22:40 → 00:22:42 ถนัดหมายถึงว่าในเวลาที่เราสะดวกจะทำก่อน
00:22:43 → 00:22:46 เสร็จแล้วเราค่อยๆเพิ่มไปก็ได้อ่าอ่าแรกๆ
00:22:46 → 00:22:50 เราอาจจะทำแบบ 8 กิน 8 หยุดกิน 16 อ่า
00:22:50 → 00:22:52 ซึ่งจริงๆอันนี้มันจะใกล้เคียงกับชีวิตคน
00:22:52 → 00:22:55 ปกติมากนะถ้าเราไม่ติดขนมอ่ะ
00:22:55 → 00:22:58 ยกเว้นว่าเราจะติดขนมก่อนนอนเท่านั้นแหละ
00:22:58 → 00:23:00 อ่า 8 กับ 16 นี่มันจะใกล้เคียงกับชีวิต
00:23:00 → 00:23:03 คนปกติมากอยู่แล้วอ่าแล้วแหละเดี๋ยวเราก็
00:23:03 → 00:23:06 ค่อยๆเพิ่มชั่วโมงเข้าไป
00:23:06 → 00:23:08 คราวนี้เนี่ยถ้าสมมุติว่าระหว่างที่เรา
00:23:08 → 00:23:12 กินน่ะแนะนำว่ากินเป็นมื้อหรือกินทีละ
00:23:12 → 00:23:16 เล็กละน้อยแต่บ่อยๆกินเป็นมื้อถ้าไม่ได้
00:23:16 → 00:23:20 มีปัญหาอะไรให้กินเป็นมื้ออ่ะยกเว้นคนที่
00:23:20 → 00:23:25 อต่อมหมกไตร้าอือ่าการกินเป็นมื้ออาจจะ
00:23:25 → 00:23:26 หงุดหงิดเกิน
00:23:26 → 00:23:32 ไปคือเดี๋ยวเดี๋เค้าเรียกอาจจะโมโหหิวอ่า
00:23:32 → 00:23:34 บางคนเป็นแบบนั้นอ่ะถ้าคนเหมือนที่แบบเรา
00:23:34 → 00:23:37 อาจจะสังเกตได้คนที่มีพื้นฐานแบบโมโหหิว
00:23:37 → 00:23:41 อยู่เดิมอ่ะอืก็ก็ซอย
00:23:41 → 00:23:45 ออเข้าใจละคือตอนนี้ปัญหาคือกลิ่นเป็น
00:23:45 → 00:23:49 มื้อและกลิ่นระหว่างมือสำหรับอุ
00:23:49 → 00:23:52 แต่ว่าโทรจำนวนรวมทั้งหมดอ่ะมันจะต้อง
00:23:52 → 00:23:55 ใกล้ๆกันนะสมมุติว่าซอย 5 มื้อกิน 5 มื้อ
00:23:55 → 00:23:58 กับกิน 3 มื้ออ่ะปริมาณมันเท่ากันนะเออ
00:23:58 → 00:24:01 แค่เอาจาก 3 มื้อไปแบ่งให้เป็น 5 มื้ออื
00:24:01 → 00:24:05 เท่านั้นเองอเราต้องลองดูบ้างแหละใช่เอา
00:24:05 → 00:24:08 จากที่ง่ายๆก่อนมันก็จะได้ทำได้เรื่อยๆ
00:24:08 → 00:24:10 อ่าถึงแม้ว่าช่วงที่เราแบบไม่ได้สกแล้ว
00:24:10 → 00:24:15 อ่ะตอนนี้ก็ยังทำอยู่แบบบ้างอวันเว้นวัน
00:24:15 → 00:24:17 หรืออะไรอย่างเงี้ยวันอ่าอาทิตย์ละ 2 วัน
00:24:18 → 00:24:21 อย่างเงี้ยอ่าก็ยังทำบาป
00:24:21 → 00:24:23 แล้วงี้คือถ้าสมมุติว่าเราอยากน้ำหนักลง
00:24:23 → 00:24:25 เร็วๆอะไรอย่างเงี้ยเราสามารถ combine
00:24:25 → 00:24:28 ได้มั้ยอย่างเช่นแบบเอ้ยทำ IF ด้วยนะแล้ว
00:24:28 → 00:24:33 ฉันก็แบบงดขาบด้วยอะไรเงี้ยได้ได้ได้ระยะ
00:24:33 → 00:24:37 สั้นนะคือเพราะหมายถึงว่าการที่เราคิวัส
00:24:38 → 00:24:42 diอetหรือว่าโลคาบมากๆไดเอตไปเป็นระยะ
00:24:42 → 00:24:45 เวลายาวๆอ่ะมันจริงๆแล้วมันอาจจะไม่ได้
00:24:45 → 00:24:49 คือมันก็อาจจะทำให้แก่ให้แก่ได้มันก็อาจ
00:24:49 → 00:24:54 จะทำให้แก่ได้นิดนึงอ่ะเพราะฉะนั้นเราก็
00:24:54 → 00:24:56 ถ้าสมมุติว่าเราทำแล้วได้ถึงเป้าที่เรา
00:24:56 → 00:24:58 ต้องการแล้วอ่ะเราอาจจะกลับมาเลือกวิธี
00:24:59 → 00:25:01 maaintain ที่มันธรรมดากว่านั้นก็คือ
00:25:01 → 00:25:06 เช่น IF บ้างอ่ะอือ่าหยุดอาทิตย์ละวัน 2
00:25:06 → 00:25:09 วันหรืออะไรอย่างเงี้ยให้มันมีช่วงแต่ถ้า
00:25:09 → 00:25:11 เราอยากหน้าเด็กไปตลอดเราก็ต้องทำ IF ไป
00:25:11 → 00:25:16 ตลอดมั้ยจริงๆวันก็ไม่ยากมากนะอ่าอ่า
00:25:16 → 00:25:18 อาทิตย์ละ 2 วันอย่างเงี้ยมันก็ไม่ได้ยาก
00:25:18 → 00:25:22 มากนะกิน 5 ไม่กิน 2 เนี่ยไม่ยากก็คือไอ้
00:25:22 → 00:25:24 ไม่กิน 2 คือกินแค่มื้อเดียวใช่วันละมือ
00:25:24 → 00:25:27 อาทิตย์ละ 2 วันไม่จริงๆไม่ยากเท่าไหร่
00:25:27 → 00:25:31 อ่าอ่าเพราะมันแค่ 2 วันไงมันอารมณ์แบบ
00:25:31 → 00:25:35 ฮึบวันที่ 2 แล้วก็ฮึบอ่ะพรุ่งนี้ก็ได้กำ
00:25:35 → 00:25:38 อเพื่อการเมนเทนน้ำหนัก
00:25:38 → 00:25:41 ใช่ค่ะแล้วอย่างงี้คือถ้าสมมุติว่าถ้าเรา
00:25:41 → 00:25:44 ทำ IF แล้วควบคุมทุกอย่างอเราไม่จำเป็น
00:25:44 → 00:25:47 ต้องออกกำลังกายหรือเปล่าน้ำหนักก็ลดได้
00:25:47 → 00:25:51 อ่าจริงๆต้องบอกว่าไม่เกี่ยวกันแต่ทีนี้
00:25:51 → 00:25:54 อันนี้อันนี้ประสบการส่วนตัวละกันอ่าเรา
00:25:54 → 00:25:57 ก็จะค้นพบว่าคนที่ออกกำลังกายในช่วงต้นๆ
00:25:57 → 00:26:00 ที่ยังคุมอาหารไม่ได้อ่ะมันจะมันจะไปถึง
00:26:00 → 00:26:03 จุดที่ตะบะแตกซะก่อนเพราะว่าเวลาเราไปออก
00:26:03 → 00:26:08 กำลังกายอ่ะมันหิวอือ่าดังนั้นเราก็ถ้าคน
00:26:08 → 00:26:10 ที่ทำได้หมายถึงว่าออกกำลังกายเราไม่
00:26:10 → 00:26:12 ตะบาดแตกนะอยากจะออกกำลังกายไปด้วยเลย
00:26:12 → 00:26:15 ตั้งแต่แรกก็ก็ไม่ติดอือ่ะแต่ถ้าสมมุติ
00:26:15 → 00:26:19 ว่าทำไม่ได้อ่ะอ่ะควรจะนะควรจะเริ่มที่
00:26:19 → 00:26:23 ปรับอาหารก่อนให้ดีก่อนใช่แล้วก็ค่อย
00:26:23 → 00:26:28 เริ่มออกกำลังกายอ่าง่ายกว่าง่ายกว่าแต่
00:26:28 → 00:26:30 ถ้าทำ IF อย่างเดียวไม่ออกกำลังกายน้ำ
00:26:30 → 00:26:34 หนักก็ลงมั้ยก็ลงเออก็ลงแต่แค่แค่โอเคนะ
00:26:34 → 00:26:37 จุดๆนึงก็ต้องไปออกอยู่ดีนะเพราะว่าพอเรา
00:26:37 → 00:26:41 อ่าลดอาหารไปอยู่ประมาณนึงอ่ะมันก็จะลงมา
00:26:41 → 00:26:44 ได้ประมาณนึงแล้วมันก็จะเริ่มคงที่อ่าทุก
00:26:44 → 00:26:47 คนจะมีจุดที่คงที่แล้วไม่ลดต่อยังไงณถึง
00:26:47 → 00:26:50 จุดนั้นน่ะเราก็ต้องพยายามหาวิธีที่จะ
00:26:50 → 00:26:54 เบิร์นเอาให้มันมากกว่าเดิมอยู่แล้วอ๋อก็
00:26:54 → 00:26:57 แปลว่าใครคุมอาหารอย่างเดียวก็ต้องไปออก
00:26:57 → 00:26:59 กำลังกายเพิ่มหรือถ้าใครออกกำลังกายอย่าง
00:26:59 → 00:27:03 เดียวไม่คุมปากก็อย่างอุบล
00:27:03 → 00:27:06 อันนี้เก็คนดีอยู่แล้วไงก็เลยอาจจะไม่บาง
00:27:06 → 00:27:09 คนที่สมมุติมาจากตัวใหญ่หน่อยก็จะกลาย
00:27:09 → 00:27:15 เป็นหมูที่แข็งแรงอ่าใช่ๆ
00:27:15 → 00:27:18 เวลาลดน้ำหนักเนี่ยเราก็จะเจอบ่อยๆว่าจะ
00:27:18 → 00:27:21 มีผมร่วงได้
00:27:21 → 00:27:24 อือการทำการลดน้ำหนักเนี่ยมันจะมีปัญหา
00:27:24 → 00:27:27 นี้ด้วยมันต้องขึ้นอยู่กับวิธีการคำนวณ
00:27:27 → 00:27:32 อาหารที่จะกินจริงๆมันมีวิธีคำนวณอ่าอ่า
00:27:32 → 00:27:37 เราสามารถคำนวณได้ว่าเราควรจะกินโปรตีน
00:27:37 → 00:27:40 กี่เท่าไหร่โปรตีนกี่กรัมคาร์โบไฮเดรตกี่
00:27:40 → 00:27:44 กรัมและไขมันกี่กรัมเพื่อที่จะให้น้ำหนัก
00:27:44 → 00:27:50 ลด 5-10% ภายใน 1-2 เดือนเออเออบอกสูตรมา
00:27:50 → 00:27:54 เลยเดี๋ยวนี้สำคัญมากมันมีสูตรคำนวณอยู่
00:27:54 → 00:27:56 อ่ะมันมีสูตรคำนวณอยู่จริงๆแล้วอ่ามันก็
00:27:56 → 00:28:00 จะคูณด้วยค่า activity ไปเช่นสมมุติว่าคน
00:28:00 → 00:28:03 นี้เป็นผู้หญิงอายุไม่เยอะออกกำลังกายทุก
00:28:03 → 00:28:08 วันอ่ามันก็จะมีเหมือนมีมีค่าอะไรอ่ะ
00:28:08 → 00:28:11 เหมือนแบบfaฟcเตอร์ตัวคูณเข้าไปในสูตร
00:28:11 → 00:28:15 อยู่แล้วอ่าแล้วมันก็จะคำนวณออกมาค่ะอัน
00:28:15 → 00:28:18 นี้เป็นเป็นสูตรของทางนิทริชันะที่เป็น
00:28:18 → 00:28:21 ที่รู้จักกันแพร่แก้หลายอ่าเดี๋ต้องมาแปะ
00:28:21 → 00:28:23 ไว้ให้หรือเปล่าเดี๋มาแปะไว้ให้ก็จะคิด
00:28:23 → 00:28:27 เลขยากนิดนึงดูแบบดูเป็นสมการอ่าอ่านิด
00:28:27 → 00:28:30 นึงเก็จะมีคำนวของมันใช่แล้วมันก็จะบอก
00:28:30 → 00:28:33 ได้ว่าโอเคถ้าสมมุติ
00:28:33 → 00:28:37 ว่าถ้าเราอยากจะลดน้ำหนักอ่ะเปอร์เซ็นต์
00:28:37 → 00:28:40 ของคาร์โบไฮเดรตก็อาจจะต้องลดลงนิดนึงอ่า
00:28:40 → 00:28:42 สมมุติว่าโดยทั่วๆไปมันอยู่ที่โดยทั่วๆไป
00:28:42 → 00:28:46 หมายถึงของคนปกตินะมันอยู่ที่ประมาณ 55%
00:28:46 → 00:28:48 ก็คืออย่างที่เราเคยเรียนมาก็คือสมมุติ
00:28:48 → 00:28:51 ว่าถ้าเป็นคาร์โบไฮเดรตก็คือคูณ 4 โปรตีน
00:28:51 → 00:28:53 ก็คือคูณ 4 ไขมันก็คือคูณ 9 เพราะฉะนั้น
00:28:53 → 00:28:56 จริงๆมันต้องเอาตัวเลขพวกนี้มามาหารด้วย
00:28:56 → 00:28:59 นะแต่ว่าโดยรวมๆแล้วเนี่ยก็คือถ้าทั่วๆไป
00:28:59 → 00:29:00 เนี่ยก็คือคาร์โบไฮเดรตเนี่ยคืออยู่ที่
00:29:00 → 00:29:03 ประมาณ 55% ทีนี้ถ้าสมมุติว่าเราจะลดน้ำ
00:29:03 → 00:29:06 หนักด้วยเราอาจจะต้องลดมันลงมาเป็น 50
00:29:06 → 00:29:10 หรือ 45 อือะไรอย่างเงี้ยแล้วอันอื่น
00:29:10 → 00:29:14 เพิ่มใช่ๆอาจจะต้องเพิ่มโปรตีนขึ้นนิด
00:29:14 → 00:29:16 หน่อยแต่มันก็จะเป็นเลขหลัก 5% นะคะไม่
00:29:16 → 00:29:18 ใช่แบบไม่ใช่ไปเหมือน
00:29:18 → 00:29:23 คิวัสดที่กินแต่โปรตีนล้วนๆเลย 100% ออื
00:29:23 → 00:29:26 อ่าก็จะไม่ใช่แบบนั้นมันก็แค่จะดูลดลงนิด
00:29:26 → 00:29:29 หน่อยเหมือนเป็นการปรับสัดส่วนอาหารส่วน
00:29:29 → 00:29:32 ใหญ่ที่เรื่องผมร่วงกับกล้ามเนื้อหายไปก็
00:29:32 → 00:29:34 คือเรื่องของโปรตีนเนี่ยแหละแล้วก็เจอ
00:29:34 → 00:29:37 เยอะมากในคนที่น้ำลดน้ำหนักไวเกินไปเพราะ
00:29:37 → 00:29:41 ว่าบางทีอาจจะสกิปขั้นตอนอะไรบางอย่างไป
00:29:41 → 00:29:43 เพราะว่าส่วนใหญ่พวกส่วนใหญ่คนที่ลดเยอะๆ
00:29:43 → 00:29:47 ลดเร็วๆในช่วงแรกส่วนใหญ่มักทำ om ทำ one
00:29:47 → 00:29:50 mil day กินวันละมื้อเดียวติดๆกันหลายๆ
00:29:50 → 00:29:57 วันติดๆกันไปหลายๆวันอ่ะอ่าทั้งๆที่จริงๆ
00:29:57 → 00:30:00 แล้วอ่ะเราก็หมายถึงว่าแม้ว่าในเทรนด์
00:30:00 → 00:30:02 สุขภาพเราก็ไม่ได้แนะนำให้ทำแบบนี้ติดๆ
00:30:02 → 00:30:07 กันนะอ้าวแล้วถือศีลอ่ะก็เค้าก็กินไม่ถือ
00:30:07 → 00:30:09 ศีลไม่ได้กินวันละมื้อเหรอถือศีล 8 อัพ
00:30:10 → 00:30:13 อ่ะเค้ามีแบบน้ำปานะเค้ามีมือที่มันไม่
00:30:13 → 00:30:17 ใช่ข้าวอ่ะอันนั้นมันก็จะนับเป็นเตร้าไป
00:30:17 → 00:30:22 อ่ะอ่าออแต่ข้อสำคัญลืมบอกเลยค่ะข้อสำคัญ
00:30:22 → 00:30:24 ของ IF อีก 1 อย่างนะคะไอ้ชั่วโมงที่ไม่
00:30:24 → 00:30:27 กินเนี่ยแปลว่ากินได้แต่น้ำที่ไม่มี
00:30:27 → 00:30:31 แคลอรี่เท่านั้นอืเพราะว่าเคยเจอเหมือน
00:30:31 → 00:30:34 กันบางคน IF แล้วน้ำอัดลมที่ไม่มีแคลอรี่
00:30:34 → 00:30:36 อ่ะได้มั้ยคือจริงๆต้องเรียกว่ามันไม่
00:30:36 → 00:30:38 หลุด IF
00:30:38 → 00:30:40 แต่มัน
00:30:40 → 00:30:46 จะทำให้ไม่ไม่แก้การติดรสหวานอ่าได้อ่า
00:30:46 → 00:30:49 ซึ่งจริงๆอันนี้เป็นปัญหาสำคัญมากเลยนะ
00:30:49 → 00:30:53 ของคนในยุคนี้ก็คือเราติดรสหวานอืมากเกิน
00:30:53 → 00:30:55 ไป
00:30:55 → 00:30:59 ในกรณีที่คนมียาต้องกินว่ามันนับแคลอรี่
00:30:59 → 00:31:02 มยคืออีเปลือกแคปซูลน่ะที่มันเป็นแป้งอ่ะ
00:31:02 → 00:31:04 จริงๆก็นับแต่ว่าสมัยนี้มันก็จะเป็นเ้า
00:31:05 → 00:31:08 เรียกว่าเป็นเอ่อเป็นเวจี้แคปอ่ะเป็นเป็น
00:31:08 → 00:31:12 ใยพืชอ่ะอ๋อสมัยนี้ไม่ๆหมายถึงว่ายาสมัย
00:31:12 → 00:31:15 ใหม่เป็นWeกนแคปอะไรอย่างเงี้ยแต่ว่าแต่
00:31:15 → 00:31:17 ว่าจริงๆแล้วก็กินได้นะเพราะว่าเรื่องยา
00:31:17 → 00:31:20 ที่เราต้องรักษาก็ต้องมาก่อนเนาะคนที่มี
00:31:20 → 00:31:23 โรคอ่ะมันก็จะไม่มีโรคอ่ะอาหารเสริมแบบ
00:31:23 → 00:31:26 ฉันต้องกินเมลาโทนินก่อนนอนแต่เมลาโทนิน
00:31:26 → 00:31:30 ฉันเป็นกัมมี่อะไรอย่างเงี้ยก็เปลี่ยนได้
00:31:30 → 00:31:34 สมัยนี้มีเป็นไซลิทalเม็ดอมไซลิทalเม็ดอม
00:31:34 → 00:31:36 ใช่ไซลิทอalไม่มีแคลอรี่ไซลิทอเป็นน้ำตาล
00:31:36 → 00:31:42 เทียมอ่าซึ่งในเผ็ดแล้วมีถ้าเป็นsupล
00:31:42 → 00:31:44 อย่างเงี้ยเราก็เลือกได้ปกติsupพลเราก็
00:31:44 → 00:31:46 แนะนำให้กินพร้อมอาหารอยู่แล้วไง
00:31:46 → 00:31:49 บางทีแบบกินก่อนนอนไงแบบโอลิเวีย Number
00:31:49 → 00:31:52 2 ของเราก็กินก่อนนอนได้อะไรเงี้ยก็
00:31:52 → 00:31:56 Weekน Cap เป็นไบได้นิดนึงแต่มันจริงๆ
00:31:56 → 00:31:59 ปริมาณมันน้อยนะก็อย่าไปซีเรียสเงี้ก็ได้
00:31:59 → 00:32:02 หรือเปล่านะก็กินพร้อมอาหารเย็นก็ได้นะอื
00:32:02 → 00:32:04 ก็กินพร้อมอาหารเย็นใช่ใช่หลังอาหารเย็น
00:32:04 → 00:32:06 อะไรอย่างเงี้ยก็ได้ก็จะได้นับชั่วโมงไป
00:32:06 → 00:32:09 พร้อมอาหารเย็นไม่มันจะเป็นคนที่แบบ
00:32:09 → 00:32:12 สมมุติว่าเลิกกินตอน 16:00 น.อะไรอย่าง
00:32:12 → 00:32:16 เงี้ยมื้อสุดท้ายก็ดีนะจะได้นอน 20:00 น.
00:32:16 → 00:32:18 ไง
00:32:19 → 00:32:22 เด็กไปอีกเด็ดกว่าเฮ้ยแต่ว่าของเราไม่
00:32:22 → 00:32:25 ง่วงนะของเราไม่ง่วงของเราแค่แบบว่าทำให้
00:32:25 → 00:32:28 intiate แบบ alpha wave เฉยๆก็ดีเลยไง
00:32:28 → 00:32:31 ได้นอน 20:00 น.ดีนะจริงๆดีเลยนะถ้า
00:32:32 → 00:32:36 สามารถทำได้นะเออจริงอ่าถ้าสามารถทำได้นะ
00:32:36 → 00:32:39 จะมีคนทำได้สักกี่
00:32:39 → 00:32:43 คนแล้วบางคนเนี่ยทำ IF นะแล้วก็บอกว่า
00:32:43 → 00:32:47 เอ้ยประจำเดือนเลื่อนถ้าเรางดอาหารมากถึง
00:32:47 → 00:32:51 จุดๆนึงมันก็จะเลื่อนนะมันเหมือนเป็นเข้า
00:32:51 → 00:32:53 สู่โหมดขาดสารอาหารอะไรงี้เลยมั้ยมันเลย
00:32:53 → 00:32:57 เลื่อนมันเป็นมันเป็นสตสอ่าการอดอาหารคือ
00:32:57 → 00:33:02 สตนึงใช่ใช่อ่าอุ๊ยนี่ไงเป็นเพราะว่าสต
00:33:02 → 00:33:07 เยอะแล้วไปทำ IF ไม่ไหวเป็นของ
00:33:07 → 00:33:09 เพราะเดี๋ยวจะเครียดเพิ่มขึ้นไปอีกใช่แต่
00:33:09 → 00:33:11 จริงๆมันก็เป็นอีกเหตุผลนึงนะที่วิธีการ
00:33:11 → 00:33:13 กินบางแบบอ่ะมันเหมือนจะเป็นการไปเพิ่ม
00:33:14 → 00:33:18 สตยสะมันก็จะทำให้เราแบบแก่ถ้าเกิดเราทำ
00:33:18 → 00:33:20 IF ไม่ได้จริงๆแล้วก็คืออุ่มอ่ะก็เป็น
00:33:20 → 00:33:23 ตัวผึ้งอาหารเสริมไงอืแล้วก็ไปกินกลุ่ม
00:33:23 → 00:33:26 พวกRatรอช่วยช่วย
00:33:26 → 00:33:29 ไปช่วยไปมันก็จะไปกระตุ้นพาร์ทเวย์เดียว
00:33:29 → 00:33:33 กันกับตัว IF อืแต่ว่าด้วยแบบไลฟ์สไตล์
00:33:33 → 00:33:34 ไม่ได้ความเครียดไม่ได้เครียดเมื่อไหร่
00:33:34 → 00:33:37 ต้องแบบโหยหาขนมหวานสักนิดสักหน่อยก็ยัง
00:33:37 → 00:33:41 ดีอีกสิ่งนึงที่สำคัญมากเลยเวลาเราควบคุม
00:33:41 → 00:33:45 อาหารน่ะเราต้องเลือกอาหารที่เรามากินให้
00:33:45 → 00:33:48 ดีเพราะว่าไม่งั้นน่ะปริมาณมันไม่ได้เยอะ
00:33:48 → 00:33:51 อยู่แล้วไงเพราะฉะนั้นสารอาหารมันต้องมา
00:33:51 → 00:33:53 เต็มด้วยนะอแปลว่าถ้าเกิดคุณควบคุมเกินไป
00:33:53 → 00:33:56 กินน้อยเกินไปก็จะขาดสารอาหารใช่เพราะ
00:33:56 → 00:33:58 ฉะนั้นเนี่ยต้องเลือกแล้วก็กินให้สาร
00:33:58 → 00:34:01 อาหารให้มันได้ครบใช่ถูกต้องแต่ส่วนใหญ่
00:34:01 → 00:34:05 มันมักไม่ค่อยครบหรอกเออไม่ครบหรอกด้วย
00:34:05 → 00:34:08 ด้วยหมายถึงว่าด้วยวิธีด้วยวิถีชีวิตเรา
00:34:08 → 00:34:11 ในทุกวันนี้ด้วยการกินอาหารนอกบ้านหรือ
00:34:11 → 00:34:13 อะไรอย่างเงี้ยนะเราก็อาจจะไม่ได้เลือก
00:34:13 → 00:34:18 ได้มากdelivอกันเพราะฉะนั้นก็ถ้าสมมุติ
00:34:18 → 00:34:21 ว่าใครที่คิดว่ากินซ้ำๆแล้วมันขาดอ่ะบาง
00:34:21 → 00:34:24 ทีเราอาจจะต้องการ
00:34:24 → 00:34:27 วิตามินบางอย่างที่มาเสริมไอ้ตรงที่มัน
00:34:27 → 00:34:30 ขาดไปอ่าแล้วอย่างงี้แบบวิตามินคิดว่า
00:34:30 → 00:34:34 พื้นฐานที่คนส่วนใหญ่ที่ควบคุมอาหารเพื่อ
00:34:34 → 00:34:36 ที่จะช่วยลดน้ำหนักอะไรเงี้ยยกตัวอย่าง
00:34:36 → 00:34:38 ก่อนดีกว่ายกตัวอย่างเช่นคนที่กิน
00:34:38 → 00:34:42 มังซาวรัสอย่างเงี้ยก็มักจะขาดวิตามิน B12
00:34:42 → 00:34:44 เพราะว่าวิตามิน B12 มันเจอในเนื้อสัตว์
00:34:44 → 00:34:48 อ่าทำนองนี้เป็นต้นอ่าดังนั้นเพราะฉะนั้น
00:34:48 → 00:34:51 ถ้าใครที่แบบกินอาหารเดิมซ้ำๆเช่นกินผัก
00:34:51 → 00:34:55 อยู่แค่ชนิดเดียวอ่าอย่างเงี้ยมันก็จะผัก
00:34:55 → 00:34:58 ชนิดอื่นมันไม่มาด้วยผักไม่ครบ 5 สีอะไร
00:34:58 → 00:35:01 แบบเนี้ยเอออ่ามันก็จะถูกมั้ยมันก็จะต้อง
00:35:01 → 00:35:04 ขาดแบบวิตามินบางอย่างหรือว่า
00:35:04 → 00:35:07 ไมโครมิเนerรบางอย่างจริงมยจริงๆอันนี้
00:35:07 → 00:35:09 เราก็ไปดูได้นะสมมุติถ้าเราไม่อยากกิน
00:35:09 → 00:35:11 หลายอย่างจริงๆอ่ะเราก็ไปเลือกดูได้ว่า
00:35:11 → 00:35:14 อ๋อเราไม่ค่อยกินอะไรอ่ะแล้วเราก็กิน
00:35:14 → 00:35:17 เสริมเฉพาะอันนั้นก็ได้นะอือ่าต้อง
00:35:17 → 00:35:21 วิเคราะห์เอาเองนิดนึงหรือไงมีแบบวิตามิน
00:35:21 → 00:35:25 พื้นฐานแบบสาดกระจายไม่ผิดแน่ถ้ากินอะไร
00:35:25 → 00:35:29 อย่างเงี้ยไม่ผิดแน่ก็ทั่วๆไปได้เลย B C
00:35:29 → 00:35:33 อ B C D E ทั่วไปหลักๆอ่าแต่ว่า
00:35:33 → 00:35:36 วิตามินดีวิตามิน E อาจจะต้องดูนิดนึง
00:35:36 → 00:35:39 เหมือนกันนะเพราะว่าบางคนก็อาจจะเพราะว่า
00:35:39 → 00:35:43 วิตามินอีมันเป็นออยอ่ะก็อาจจะบางคนก็อาจ
00:35:43 → 00:35:46 จะดูในรายละเอียดนิดนึงแล้ววิตามินดีล่ะ
00:35:47 → 00:35:50 เออต้องบอกว่าส่วนใหญ่คนไทยต่ำก็เชื่อว่า
00:35:50 → 00:35:53 เยอะกว่าเชื่อว่าเยอะกว่า 60% เยอะกว่า
00:35:53 → 00:35:55 60% ด้วยนะไม่ใช่เยอะกว่าครึ่งเยอะกว่า
00:35:55 → 00:35:57 60% เชื่อว่าเยอะก็ 60% ด้วยซ้ำไปเออ
00:35:57 → 00:35:59 ตั้งแต่เจาะเลือดคนไข้มาเคยเจอใครสูงบ้าง
00:35:59 → 00:36:03 ยังไม่เคย
00:36:03 → 00:36:07 ไม่เคยเลยส่วนใหญ่คือได้ถึง 40 ก็เก่งมาก
00:36:07 → 00:36:10 แล้วผมก็ไม่เคยเจอใครเยอะยกเว้นคนที่กิน
00:36:10 → 00:36:13 อยู่แล้วก็จะเยอะอยู่ดังนั้นเนี่ยก็เลย
00:36:13 → 00:36:17 คิดว่าวิตามินดอกอ่ะถ้าไม่เหนือบาปกว่า
00:36:17 → 00:36:20 แรงก็กินเพิ่มไปมันก็ช่วยช่วยร่างกายหลาย
00:36:20 → 00:36:22 อย่างเหมือนกันอใช่ก็ไม่จำเป็นต้องกิน
00:36:22 → 00:36:25 โดสุก็เอาแค่เหมือนเป็นsupล
00:36:25 → 00:36:31 โดสอาหารเสริมธรรมดาก็
00:36:31 → 00:36:34 ได้กินข้าวเช้าไม่กินข้าวเช้ากินข้าวเช้า
00:36:34 → 00:36:37 จะช่วยให้ระบบเผาผลาะดีไปตลอดวันอันเนี้
00:36:37 → 00:36:42 จริงมั้ยเอ่อกินข้าวเช้าจะทำให้ฮอร์โมนซ
00:36:42 → 00:36:47 กับฮอร์โมนมากกว่าอ่าคนบางคนที่ที่เก่ง
00:36:47 → 00:36:50 ที่วินัยดีๆที่ทำมาสักระยะนึงแล้วนะร่าง
00:36:50 → 00:36:55 กายมันจะadดaptได้อ๋ออ่าก็คือไปสร้างพลัง
00:36:55 → 00:36:59 งานจากไขมันแทนโดยปกติแล้วร่างกายเรา
00:36:59 → 00:37:02 สร้างพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตเป็นหลักอ่ะ
00:37:02 → 00:37:04 ถ้าคาร์โบไฮเดรตหมดปกติต้องไปเอากล้าม
00:37:04 → 00:37:08 เนื้อก่อนป่ะใช่แต่ว่ามันก็จะมีบางคนที่
00:37:08 → 00:37:11 กินมาจนถึงจุดๆนึงถึงถึงระยะนึงแล้วอ่ะ
00:37:11 → 00:37:15 บางทีพวกเนี้ยเขาจะสวิตชได้ก็คือร่างกาย
00:37:15 → 00:37:20 มันจำว่าแบบอ๋อตอนที่เราเข้าคีโตมีช่วง
00:37:20 → 00:37:23 ที่มันเข้าคีโตอย่างเงี้ยคีโตจนิสตอย่าง
00:37:23 → 00:37:27 เงี้ยเงี้ยว่าก็โอเคให้ไปเอาคลังที่เก็บ
00:37:27 → 00:37:33 ไว้เอามาใช้ได้อ่าเพราะฉะนั้นระบบเผาผ่าน
00:37:33 → 00:37:37 ก็ไม่ต่างถ้าคนในกลุ่มนี้ก็ก็ไม่ต่างกัน
00:37:37 → 00:37:40 เพราะว่าไม่ว่าเขาจะอดเวลาไหนมันก็จะ
00:37:40 → 00:37:43 สวิตชกลับมากลับไประหว่างกินกับไม่กินโดย
00:37:43 → 00:37:45 ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเช้ากลางวันหรือเย็น
00:37:45 → 00:37:48 ออเลิศแต่ต้องเริ่มจากวินัยก่อนอใช่ต้อง
00:37:48 → 00:37:50 เริ่มจากทำให้ได้ไปสักระยะนึงก่อนอ่า
00:37:50 → 00:37:53 เพราะจริงๆคือการทำ IF ที่มากกว่า 16
00:37:53 → 00:37:56 ชั่วโมงขึ้นไปอ่ะมันคือการทำให้เรามีช่วง
00:37:56 → 00:37:59 เวลาประมาณ 1-2 ชมงต่อวันที่เข้าสู่
00:37:59 → 00:38:03 คีโตจนิสageอืน้อยกว่า 14 ชมงไม่เกิดนะ
00:38:03 → 00:38:06 เพราะฉะนั้นเนี่ย 168 เป็นอย่างน้อยใช่
00:38:06 → 00:38:09 168 เป็นอย่างน้อยจริงๆมันเริ่มที่ 14
00:38:09 → 00:38:12 แต่ว่าถ้าคนมันแต่มันไม่ได้เริ่มที่ 14
00:38:12 → 00:38:15 ทุกคนละกันมันไม่ได้เริ่มที่ 14 ทุกคนบาง
00:38:15 → 00:38:19 คนแบบถังสำรองเยอะไง 14 แล้วก็ยังไม่หมด
00:38:19 → 00:38:24 ไงอืมันก็จะกว่าจะไปเข้าก็อาจจะ 16 อ่า
00:38:24 → 00:38:27 อ่าแย่แล้วนี้เราก็หมดโคต้าสิวันเนี้เรา
00:38:27 → 00:38:31 เริ่มกินแต่ 9:00 น.เลยปั๊บๆเลยแล้วโคต้า
00:38:31 → 00:38:35 17:00 น.เป็นละใช่นั่นแหละก็หวังว่าวัน
00:38:35 → 00:38:37 นี้จะได้ความรู้กันไปนะคะในเรื่องของการ
00:38:37 → 00:38:40 ทำ IF ใครที่สนใจอยู่เนี่ยก็จะได้ไป
00:38:40 → 00:38:42 ปฏิบัติอย่างถูกต้องนะคะหรือว่าใครที่ทำ
00:38:42 → 00:38:45 อยู่เนี่ยก็ไฟลจูนกับตัวเองนิดนึงอันไหน
00:38:45 → 00:38:47 ที่ดีอันไหนที่เหมาะกับเรานะเราก็สามารถ
00:38:47 → 00:38:50 เลือกได้มีหลายแบบมากที่เรียกว่า IF นะคะ
00:38:50 → 00:38:53 แล้วก็อย่าลืมว่าถ้าสมมุติว่าคุณต้องการ
00:38:53 → 00:38:56 ลดน้ำหนักการทำ IF อย่างเดียวก็อาจจะช่วย
00:38:56 → 00:38:59 ได้แต่ถ้ามีการออกกำลังกายร่วมด้วยก็จะดี
00:38:59 → 00:39:03 มากๆเลือกทานอาหารที่เหมาะสมด้วยค่ะแล้ว
00:39:03 → 00:39:06 ก็เนี่ยคะคุณหมอปาล์มเขาก็ทำมาตลอดเนาะ
00:39:06 → 00:39:10 ใช่ฟิตบ้างไม่ฟิตบ้างเป็นบางช่วงก็เป็น
00:39:10 → 00:39:12 กำลังใจให้ทุกคนนะคะก็หวังว่าทุกคนจะมี
00:39:12 → 00:39:15 ผิวสวยสุขภาพดีแล้วก็สวยไปด้วยกันกับสวย
00:39:15 → 00:39:17 สตอี่กับอุมโอลิเวียค่ะวันนี้ขอบคุณหมอ
00:39:17 → 00:39:20 ปลามากๆแล้วก็ขอบคุณทุกคนด้วยนะคะสวัสดี
00:39:20 → 00:39:21 ค่ะสวัสดี
00:39:21 → 00:39:37 [เพลง]