00:00:04 → 00:00:07 คณะศิลปศาสตร์ประยุกต์ก็กำหนดจัดโครงการ
00:00:07 → 00:00:10 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านบริหารจัดการนะคะ
00:00:10 → 00:00:14 เรื่องการส่งเสริมสุขภาพบุคลากรนะคะหัว
00:00:14 → 00:00:17 ข้อภัยเงียบภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะนะคะ
00:00:17 → 00:00:21 ซึ่งมันจะเป็นภัยเงียบจริงๆนะคะก่อนที่จะ
00:00:21 → 00:00:26 เป็นขั้นร้ายแรงนะคะค่ะก็ได้เวลา
00:00:26 → 00:00:31 ขอเชิญประธานกล่าวเปิดโครงการนะคะขอเรียน
00:00:31 → 00:00:33 เชิญท่านประธานนะคะ
00:00:33 → 00:00:36 ศาสตราจารย์ดรมานพชูนิลคณบดีคณะ
00:00:36 → 00:00:40 ศิลปศาสตร์ประยุกต์ค่ะขอกราบเรียนเชิญค่ะ
00:00:40 → 00:00:42 [ปรบมือ]
00:00:42 → 00:00:46 สวัสดีนะครับท่านวิทยากรอาจารย์เจ้าหน้า
00:00:46 → 00:00:51 ที่และก็บุคคลภายนอกที่มา
00:00:51 → 00:00:55 เข้ามาร่วมโครงการของเรานะครับในวันนี้ก็
00:00:55 → 00:00:58 เป็นโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการ
00:00:58 → 00:01:01 บริหารจัดการหรือว่า Km ด้านการบริหารจัด
00:01:01 → 00:01:05 การซึ่งต่อปีนี้เราเน้นเรื่องเกี่ยวกับ
00:01:05 → 00:01:09 การส่งเสริมสุขภาพของบุคลากรนะครับใน
00:01:09 → 00:01:13 เรื่องของภัยเงียบภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
00:01:13 → 00:01:16 เกี่ยวกับเรื่องหัวใจเต้นผิดจังหวะเนี่ย
00:01:16 → 00:01:19 เราก็อาจจะได้ข่าวคราวนะครับจากบุคคลที่
00:01:19 → 00:01:22 เรารู้จักนะครับว่ามีอาการพวกนี้หรือว่า
00:01:22 → 00:01:26 เราได้ยินข่าวคนที่เรารู้จักเนี่ยได้เสีย
00:01:26 → 00:01:29 ไปจากสาเหตุของหัวใจวายนะครับอันนี้ก็ได้
00:01:29 → 00:01:32 ข่าวบ่อยๆหรือว่าข่าวคราวจากทีวีทั้ง
00:01:33 → 00:01:35 หนังสือพิมพ์อันนี้ครับซึ่งวันนี้เราก็
00:01:36 → 00:01:39 จัด Km ในหัวข้อนี้ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์
00:01:39 → 00:01:40 นะครับ
00:01:40 → 00:01:43 กับตัวเราหรือว่าญาติหรือว่าเพื่อนฝูงนะ
00:01:43 → 00:01:47 ครับที่เราอาจจะได้รับความรู้นะในวันนี้
00:01:47 → 00:01:50 แล้วก็นำไปบอกกล่าวนะครับวันนี้
00:01:50 → 00:01:53 เราก็เลยมีการเชิญวิทยากรซึ่งเป็นผู้ที่
00:01:53 → 00:01:57 มีความรู้นะความสามารถทางด้านโรคหัวใจโดย
00:01:57 → 00:01:59 เฉพาะเลยนะครับจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
00:01:59 → 00:02:02 นะครับเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมนะครับ
00:02:02 → 00:02:08 ที่จะดูแลสุขภาพของตนเองนะครับไม่ให้มี
00:02:08 → 00:02:11 ปัญหาทางด้านโรคหัวใจนะครับแล้วก็ถ้ามี
00:02:11 → 00:02:15 แล้วก็พยายามลดอาการรุนแรงนะครับ
00:02:15 → 00:02:19 ก็ขอให้โครงการเนี่ยดำเนินการดำเนินไป
00:02:19 → 00:02:23 ด้วยความราบรื่นสวัสดีครับ
00:02:23 → 00:02:24 กราบขอบพระคุณ
00:02:24 → 00:03:22 ท่านคณะบดีนะคะ
00:03:22 → 00:03:25 วุฒิบัตรอายุรแพทยศาสตร์
00:03:25 → 00:03:30 โรคหัวใจสมาคมแพทย์โรคหัวใจนะคะพ.ศ
00:03:30 → 00:03:33 2556 นะคะ
00:03:33 → 00:03:34 ประกาศนียบัตร
00:03:34 → 00:03:39 interventional สมาคมแพทย์มัณฑนากรหัวใจ
00:03:39 → 00:03:42 และหลอดเลือดแห่งประเทศไทยพ.ศ 2559 ค่ะ
00:03:42 → 00:03:47 อันนี้ประวัติย่อๆนะคะแต่ผลงานของท่าน
00:03:47 → 00:03:49 วิทยากรของเราเนี่ยเป็นอะไรที่เยอะแยะมาก
00:03:49 → 00:03:53 มายนะคะงานวิทยากรสำหรับประชาชนตัวอย่าง
00:03:53 → 00:03:57 บางส่วนนะคะที่ท่านให้มานี่ก็อ่านไม่หมด
00:03:57 → 00:04:00 เลยอ่ะค่ะแล้วก็มีบทความวิชาการที่ได้รับ
00:04:00 → 00:04:03 การตีพิมพ์และบทและบทความที่แปลและเรียบ
00:04:03 → 00:04:05 เรียงให้กับบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์อีกจำนวน
00:04:05 → 00:04:09 มากมายเลยนะคะตอนนี้ก็ได้เวลาอันสมควร
00:04:09 → 00:04:14 แล้วนะคะดิฉันนางสาวรัตนาถาวรและชนะขอ
00:04:14 → 00:04:17 กราบเรียนเชิญท่านวิทยากรให้ความรู้กับ
00:04:17 → 00:04:20 พวกเราในช่วงเช้านี้นะคะขอกราบเรียนเชิญ
00:04:20 → 00:04:22 ค่ะ
00:04:22 → 00:04:25 สวัสดี
00:04:25 → 00:04:27 ค่ะวันนี้เนี่ยเราจะมาใน
00:04:27 → 00:04:29 เอ่อเรื่องของโรคหัวใจชนิดหนึ่งซึ่ง
00:04:30 → 00:04:32 เป็นที่สนใจกันมากขึ้นในปัจจุบันนะครับ
00:04:32 → 00:04:35 แล้วก็เอ่อเป็นโรคหัวใจที่พบได้บ่อยนะ
00:04:35 → 00:04:38 ครับในทางการแพทย์ก็คือโรคหัวใจเต้นผิด
00:04:38 → 00:04:41 จังหวะนั้นเองนะครับหัวใจของเรานะครับ
00:04:41 → 00:04:45 เป็นอวัยวะที่สำคัญมากเลยนะครับก็คือเรา
00:04:45 → 00:04:47 จะมีชีวิตอยู่เนี่ยก็ขึ้นกับว่าหัวใจ
00:04:47 → 00:04:50 เนี่ยมันเต้นหรือเปล่านะครับแล้วก็หัวใจ
00:04:50 → 00:04:54 เนี่ยมันเต้นก่อนที่เราจะร้องแวะออกมาลืม
00:04:54 → 00:04:56 ตาดูโลกอื่นนะครับเพราะว่าจริงๆแล้วหัวใจ
00:04:56 → 00:04:58 เนี่ยมันเริ่มเต้นตั้งแต่เราเป็นตัวอ่อน
00:04:58 → 00:05:02 เป็นวุ้นอยู่ในครรภ์ของคุณแม่เรานะครับก็
00:05:02 → 00:05:05 เวลาเราไปคุณแม่เราไปหาคุณหมอเนี่ยเวลา
00:05:05 → 00:05:08 คุณหมอตรวจครรภ์นะครับเขาก็จะมีการใช้หู
00:05:08 → 00:05:11 ฟังของหมอใช่ไหมครับที่เรียกว่าสเต็ก
00:05:11 → 00:05:14 เนี่ยมาฟังเสียงที่ท้องนะครับหรือว่าใช้
00:05:14 → 00:05:17 ตัว Ultrasound นะครับมาช่วยตรวจเสียงหัว
00:05:17 → 00:05:20 ใจของเรานะครับผมก็หัวใจเราเต้นมันตั้ง
00:05:20 → 00:05:22 แต่ตอนนั้นแล้วครับทำงานมาตั้งแต่เราเป็น
00:05:22 → 00:05:26 วุ้นอยู่ในท้องจนเราตอนนี้โตขึ้นมามันก็
00:05:26 → 00:05:29 ใช้งานมานานใช่ไหมครับมันก็ต้องมีการดูแล
00:05:29 → 00:05:31 กันบ้างนะครับในหัวใจของเรานะครับก็จะ
00:05:31 → 00:05:33 ประกอบไปด้วย
00:05:33 → 00:05:37 หัวใจอยู่ 4 ห้องด้วยกันนะครับอันนี้เรา
00:05:37 → 00:05:39 ก็จะแบ่งเป็นหัวใจห้องล่างกับห้องบนนะ
00:05:39 → 00:05:42 ครับโดยห้องล่างกับห้องบนเนี่ยมันก็จะมี
00:05:42 → 00:05:45 ซีกซ้ายกับซีกขวานะครับถ้าเราดูตามภาพ
00:05:45 → 00:05:48 เนี่ยเราจะเห็นว่าซีกขวานะครับมันจะเป็น
00:05:48 → 00:05:51 สีฟ้าๆนะครับก็จะเป็นตัวเลือดดำนะครับ
00:05:51 → 00:05:54 แล้วก็ส่วนซีกซ้ายเนี่ยมันจะเป็นเกี่ยว
00:05:54 → 00:05:57 กับระบบเลือดแดงนะครับเลือดแดงก็คือเลือด
00:05:57 → 00:06:01 ที่ฟอกแล้วหัวใจซีกซ้ายจะมีความสัมพันธ์
00:06:01 → 00:06:03 คือมันจะรับเลือดที่ฟอกแล้วจากบอร์ดนะ
00:06:03 → 00:06:05 ครับแล้วก็สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกาย
00:06:05 → 00:06:08 ส่วนซีกขวาเนี่ยจะรับเลือกจากร่างกายและ
00:06:08 → 00:06:11 ส่งไปปอดนะครับเพื่อไปฟอกก็จะเป็นวงจร
00:06:11 → 00:06:12 หมุนเวียนกันไป
00:06:12 → 00:06:14 [เพลง]
00:06:14 → 00:06:17 เวลาเรามีปัญหากับหัวใจเสียชีวิตเฉียบ
00:06:17 → 00:06:19 พลันเนี่ยหลักๆเลยเนี่ยจะเกี่ยวกับหัวใจ
00:06:19 → 00:06:22 ซีกซ้ายเป็นหลักนะครับซีกซ้ายจะสำคัญกว่า
00:06:22 → 00:06:25 แล้วก็ถ้าเทียบความสำคัญระหว่างห้องบนกับ
00:06:25 → 00:06:27 ห้องล่างเนี่ยห้องบนมันจะมีหน้าที่เป็น
00:06:27 → 00:06:30 เหมือนภูรับเลือดเฉยๆนะครับส่วนห้องนั่ง
00:06:30 → 00:06:33 จะมีหน้าที่บีบถูกฉีดโลหิตดังนั้นเนี่ย
00:06:33 → 00:06:36 ความสำคัญของหัวใจเนี่ยห้องห้องล่างจะ
00:06:36 → 00:06:39 สำคัญกว่าห้องบนนะครับข้อนี้จะเป็นข้อที่
00:06:39 → 00:06:43 จะใช้อธิบายว่าเวลาเรามีหัวใจที่มีจังหวะ
00:06:43 → 00:06:46 แล้วมันมีหลายแบบมีทั้งแบบห้องบนแล้วก็
00:06:46 → 00:06:49 ห้องล่างแบบไหนที่อันตรายกว่ากันรวมถึง
00:06:49 → 00:06:52 เป็นแบบชนิดห้องซ้ายกับห้องขวาผิดจังหวะ
00:06:52 → 00:06:55 ห้องไหนจะสำคัญกว่ากันอันนี้ก็จะเป็นขี่
00:06:55 → 00:06:58 อันนึงนะครับตัวหัวใจของเราเนี่ยมันจะต่อ
00:06:58 → 00:07:00 อยู่กับเส้นเลือดนะครับก็อย่างที่คุยกัน
00:07:00 → 00:07:03 ไปว่ามีระบบเส้นเลือดแดงกับเส้นเลือดดำนะ
00:07:03 → 00:07:06 ครับเส้นเลือดดำจะเป็นในกราฟิกจะเห็นเป็น
00:07:06 → 00:07:09 สีน้ำเงินนะครับแล้วก็หัวใจของเราเนี่ยก็
00:07:09 → 00:07:12 จะมีการบีบตัวเพื่อปั้มเลือดนะครับสูบฉีด
00:07:12 → 00:07:15 เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆสำคัญมากสุดก็
00:07:15 → 00:07:19 คือสมองนะครับที่จะไวต่อการขัดเลือดมาก
00:07:19 → 00:07:22 โดยที่เมื่อเราปั๊มไปแล้วเนี่ยเลือดแดง
00:07:22 → 00:07:24 มันเข้าไปสู่อีกวัดต่างๆแล้วมันก็จะกลับ
00:07:24 → 00:07:26 เข้าสู่เลือดดำในทางเส้นเลือดฝอยนะครับ
00:07:26 → 00:07:29 แล้วก็เข้าสู่หัวใจห้องขวาต่อไป
00:07:29 → 00:07:32 หัวใจของเรานะครับมันก็จะบีบตัวตลอดเวลา
00:07:32 → 00:07:36 ตามวิดีโอที่เห็นนะครับโดยที่มันจะปั๊ม
00:07:36 → 00:07:38 เลือดสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายนะครับ
00:07:38 → 00:07:43 โดยหัวใจซีกซ้ายนะครับก็จะบีบเลือดแดงนะ
00:07:43 → 00:07:45 ครับไปเลี้ยงส่วนต่างๆโดยเฉพาะสมองของเรา
00:07:45 → 00:07:48 นะครับหลังจากนั้นเนี่ยเราก็จะรับเลือด
00:07:48 → 00:07:50 คืนมาจากเส้นเลือดฝอยนะครับหลังจากที่
00:07:50 → 00:07:53 ร่างกายเอาไปใช้แล้วนะครับเข้าสู่ระบบ
00:07:53 → 00:07:56 เส้นเลือดดำนะครับแล้วก็จะเป็น
00:07:56 → 00:07:59 อ่าแบบนี้ไปเรื่อยๆปั๊มสูบฉีดเรื่อยๆไป
00:07:59 → 00:08:03 ตลอดเวลาเลยนะครับตั้งแต่เราเกิดมานะครับ
00:08:03 → 00:08:07 ทีนี้มีใครสงสัยไหมครับว่าเราทำไมมันถึง
00:08:07 → 00:08:11 ปั๊มได้มันรู้ได้ยังไงว่ามันจะต้องบีบสูบ
00:08:11 → 00:08:15 เฉียบสูบฉีดเลือดเนี่ยแรงสูบฉีดเลือดเบา
00:08:15 → 00:08:18 จะต้องปั๊มช้าหรือว่าปั๊มเร็วให้พอเหมาะ
00:08:18 → 00:08:21 กับร่างกายนะครับโดยร่างกายของเราเนี่ยจะ
00:08:21 → 00:08:23 มีกลไกนะครับในการ
00:08:23 → 00:08:26 ควบคุมหัวใจอยู่ 2 ระบบด้วยกันนะครับระบบ
00:08:26 → 00:08:29 แรกก็คือระบบฮอร์โมนในร่างกายนะครับ
00:08:29 → 00:08:32 ฮอร์โมนที่จะทำให้ร่างกายเนี่ยสูบฉีด
00:08:33 → 00:08:35 เลือดเร็วและก็แรงขึ้นก็คือฮอร์โมนใน
00:08:35 → 00:08:36 กลุ่ม cate
00:08:36 → 00:08:40 แล้วก็อีกระบบหนึ่งก็คือระบบไฟฟ้าในหัวใจ
00:08:40 → 00:08:41 นะครับซึ่งก็จะสัมพันธ์กว่าฮอร์โมนนะครับ
00:08:41 → 00:08:45 ระบบไฟฟ้าเนี่ยหัวใจเนี่ยคือในหัวใจของ
00:08:45 → 00:08:48 เรานะครับจะมีไฟฟ้าอยู่เพื่อที่จะกระตุ้น
00:08:48 → 00:08:51 ให้มันกระตุกเหมือนกับเวลาเราโดนไฟช็อต
00:08:51 → 00:08:54 แล้วก็กระตุกใช่ไหมครับเวลาเราเอานิ้วไป
00:08:54 → 00:08:58 จิ้มที่ปลั๊กไฟเราก็จะสะดุ้งออกมานั่นก็
00:08:58 → 00:08:59 คือแบบเหมือนโดนไฟช็อตมันก็จะกระตุกหรือ
00:08:59 → 00:09:03 ว่าบางทีเราไปโดนไฟฟ้าสถิตกับมือเพื่อน
00:09:03 → 00:09:06 เราแล้วก็กระเด้งออกมาอุ๊ยไฟช็อตอะไร
00:09:06 → 00:09:08 เงี้ยนะครับก็จะเป็นไฟฟ้าอย่างนั้นนะฮะ
00:09:08 → 00:09:09 ที่มันจะทำให้
00:09:09 → 00:09:12 หัวใจของเราเนี่ยปั๊มสูบฉีดเลือดอยู่ตลอด
00:09:12 → 00:09:15 เวลานะครับโดยที่ยังหัวใจของเรานะครับมัน
00:09:15 → 00:09:19 สามารถสร้างไฟฟ้าขึ้นมาเองได้ด้วยนะครับ
00:09:19 → 00:09:22 หัวใจของเรานะครับจะมีจุดสร้างไฟฟ้านะ
00:09:22 → 00:09:25 ครับอยู่ที่หัวใจห้องขวาบนที่เรียกว่า dry
00:09:25 → 00:09:28 atrium นะครับโดยจุดนั้นเราจะเรียกว่า SA
00:09:28 → 00:09:30 node นะครับจุดนั้นเนี่ยมันจะสร้างไฟฟ้า
00:09:30 → 00:09:33 นะครับเพื่อมากระตุ้นครั้งแรกสุดมันก็จะ
00:09:33 → 00:09:35 กระตุ้นส่วนที่มันอยู่ใกล้ของมันก่อนก็
00:09:35 → 00:09:37 คือหัวใจห้องบนหัวจะข้างบนก็จะบีบตัวแล้ว
00:09:37 → 00:09:40 ก็ส่งเลือดไปที่หัวใจห้องล่างหลังจากนั้น
00:09:40 → 00:09:42 เนี่ยไฟฟ้าก็จะไหลไปที่อีกโหนดหนึ่งนะ
00:09:42 → 00:09:45 ครับซึ่งเป็นจุดผ่านของสัญญาณไฟฟ้าเรียก
00:09:45 → 00:09:48 ว่า AV node นะครับแล้วก็ลงไปสู่ตัว
00:09:48 → 00:09:51 Track ของมันนะครับเพื่อที่กระตุ้นหัวใจ
00:09:51 → 00:09:54 ห้องล่างต่อไปนะครับอันนี้ก็คือ 1 วงจรนะ
00:09:54 → 00:09:57 ครับก็คือมาจาก SAO แล้วก็ลงไปที่ AV
00:09:57 → 00:10:00 node แล้วก็ลงไปที่เวนติเคิลก็จะเป็นตัว
00:10:00 → 00:10:03 กระตุ้นทำให้หัวใจเนี่ยขยับตัวนะครับอ่า
00:10:03 → 00:10:06 ในจังหวะที่เหมาะสมแล้วก็มีความสัมพันธ์
00:10:06 → 00:10:11 กันระหว่างห้องบนกับห้องล่างจริงๆแล้วโรค
00:10:11 → 00:10:14 หัวใจที่เรามาพูดกันในวันนี้นะครับก็คือ
00:10:14 → 00:10:17 โรคหัวใจที่มีจังหวะเนี่ยมันเป็น 1 ใน 4
00:10:17 → 00:10:20 ของกลุ่มโรคหัวใจที่พบบ่อยนะครับกลุ่มโรค
00:10:20 → 00:10:23 หัวใจที่พบบ่อยอันดับ 1 เลยแล้วก็เจอกัน
00:10:23 → 00:10:26 บ่อยแล้วทุกคนกลัวมากก็คือกลุ่มที่เรียก
00:10:26 → 00:10:28 ว่าโรคหลอดเลือดหัวใจนะครับก็คือเส้น
00:10:28 → 00:10:30 เลือดตีบนั่นเองนะครับเส้นเลือดหัวใจตีบ
00:10:30 → 00:10:34 อาการของเส้นเลือดตีบเนี่ยจะเป็นเด่นๆเลย
00:10:34 → 00:10:36 ก็คือว่ามีอาการเจ็บแล้วก็แน่นหน้าอก
00:10:36 → 00:10:39 บางคนก็จะถามผมว่ามันแน่นหน้าอกยังไงถึง
00:10:39 → 00:10:42 เรียกว่าเส้นเลือดตีบนะครับการที่แน่น
00:10:42 → 00:10:45 หน้าอกเหมือนเส้นเลือดตีบเนี่ยมีคนที่เคย
00:10:45 → 00:10:47 เป็นแล้วก็อธิบายว่าลักษณะการแน่นเนี่ย
00:10:47 → 00:10:51 เหมือนกับโดนเรานอนอยู่แล้วก็โดนช้างมา
00:10:51 → 00:10:53 เหยียบที่หน้าอกนะครับเหมือนแน่นอย่าง
00:10:53 → 00:10:55 เร็วเหมือนแบบเอ่อหรือบางคนบอกเหมือนผี
00:10:55 → 00:11:00 อำนะครับแล้วหัวใจโรคที่ 2 ที่เราจะมาทำ
00:11:00 → 00:11:02 ความเข้าใจกันวันนี้นะครับก็คือโรคหัวใจ
00:11:02 → 00:11:05 เต้นผิดจังหวะเนี่ยจะมีความต่างกันอันนึง
00:11:05 → 00:11:07 ก็คือว่ามันจะไม่ค่อยแน่นหน้าอกนะครับโรค
00:11:07 → 00:11:10 หัวใจที่มีจังหวะจะไม่ค่อยมีอาการเจ็บจะ
00:11:10 → 00:11:13 มีอาการเด่นๆก็คือว่าจะมีอาการของความรู้
00:11:13 → 00:11:17 สึกว่าหัวใจเนี่ยมันสั่นใจหวิวๆนะครับ
00:11:17 → 00:11:21 แล้วก็ใจเต้นแรงนะครับหรือว่าใจกระตุกนะ
00:11:21 → 00:11:23 ครับหัวใจหยุดเต้นแล้วมาเต้นใหม่อีกทีนึง
00:11:23 → 00:11:26 แรงๆเนี่ยก็จะเป็นลักษณะเด่นของหัวใจที่
00:11:26 → 00:11:29 มีจังหวะเลยนะครับแล้วก็ในบางคนที่เป็น
00:11:29 → 00:11:32 มากก็นี่มีอาการเป็นลมวูบแล้วก็หมดสติได้
00:11:32 → 00:11:35 แล้วก็บางคนเป็นเยอะๆจริงๆหรือเป็นชนิด
00:11:35 → 00:11:38 รุนแรงจริงๆเนี่ยก็หมดสติจนเสียชีวิตได้
00:11:38 → 00:11:42 เช่นกันก็มีนะครับก็มีแต่ว่าไม่ใช่ทุกอัน
00:11:42 → 00:11:44 ของหัวใจท่านมีจังหวะนะครับ
00:11:45 → 00:11:47 ส่วนโรคหัวใจกลุ่มที่ 3 ที่จะกลัวคะแนน
00:11:47 → 00:11:50 อีกอันหนึ่งก็คือโรคหัวใจวายนะครับหัวใจ
00:11:50 → 00:11:55 วายเนี่ยจะเป็นกลุ่มของโลกที่เป็นจุดสุด
00:11:55 → 00:11:57 ท้ายแล้วนะครับของโลกจริงๆแล้วหัวใจวายจะ
00:11:57 → 00:12:00 มีสาเหตุซึ่งไอ้ข้อ 1 กับข้อ 2 เนี่ยก็
00:12:00 → 00:12:02 เป็นสาเหตุของโรคหัวใจวายได้เช่นกันนะ
00:12:02 → 00:12:05 ครับโดยหัวใจวายก็จะเด่นก็คือว่ามีอาการ
00:12:05 → 00:12:09 เหนื่อยง่ายตัวบวมขาบวมนะครับแล้วก็บางคน
00:12:09 → 00:12:11 ก็จะเสียชีวิตเฉียบพลันได้ถ้าเป็นชนิดที่
00:12:11 → 00:12:16 เขาเรียกโรคหัวใจวายเฉียบพลันส่วนกลุ่ม
00:12:16 → 00:12:19 ที่ 4 ก็คือโรคกลุ่มของโรคหัวใจที่มีโครง
00:12:19 → 00:12:22 สร้างของหัวใจผิดปกติยกตัวอย่างเช่นมี
00:12:22 → 00:12:25 ลิ้นหัวใจรั่วหรือว่าเป็นโรคหัวใจโตเป็น
00:12:25 → 00:12:27 ต้นนะครับอันนี้จะเป็น 4 กลุ่มนะครับของ
00:12:27 → 00:12:30 โรคหัวใจที่พบบ่อยนะครับ
00:12:30 → 00:12:34 เวลาหัวใจของเราเต้นนะครับปกติแล้วเนี่ย
00:12:34 → 00:12:37 หัวใจของเรามันจะไม่ได้เต้นอยู่ที่ตัวเลข
00:12:37 → 00:12:39 ตัวเลขเดียวนะครับเช่นตัวผมเองเนี่ยหัวใจ
00:12:39 → 00:12:43 ก็เต้นอยู่ที่ 60 นะครับ 60 ครั้งอ่ะ
00:12:43 → 00:12:46 สมมุติว่าตัวเลขกลมๆเป็น 70 ก็ได้ 70
00:12:46 → 00:12:49 ครั้งไม่ใช่ของผมฮะก็จะไม่ได้วัดทีไรก็จะ
00:12:49 → 00:12:52 ไม่ได้ 70 ตลอดทั้งวันนะครับหัวใจของเรา
00:12:52 → 00:12:55 เนี่ยจะมีการเต้นเร็วขึ้นตอนที่เราออก
00:12:55 → 00:12:58 กำลังกายหรือตอนที่เราเดินตอนที่เราเดิน
00:12:58 → 00:13:02 ขึ้นบันไดนะครับแล้วก็จะมีการเต้นช้าลงนะ
00:13:02 → 00:13:06 ครับในตอนที่เรานั่งพักนะครับหรือว่านอน
00:13:06 → 00:13:10 พักผ่อนนะครับมันก็จะเต้นช้าลงโดยที่ช่วง
00:13:10 → 00:13:13 ของความเร็วแล้วก็ความช้าเนี่ยโดยปกติ
00:13:13 → 00:13:16 แล้วจะอยู่ที่ตัวเลขก็คือ 60-100 นะครับ
00:13:16 → 00:13:20 แต่ก็จะมีข้อยกเว้นบางอย่างนะครับเช่นใน
00:13:20 → 00:13:22 คนที่สุขภาพแข็งแรงดีนะครับเป็นนักกีฬา
00:13:22 → 00:13:27 หรือว่ากินยาบางอย่างที่เป็นยาที่ควบคุม
00:13:27 → 00:13:30 จังหวะหัวใจอยู่เราจะอนุญาตให้ตัวเลขของ
00:13:30 → 00:13:32 มันเนี่ยลงไปได้ถึง 50 ก็ยังปกติอยู่นะ
00:13:32 → 00:13:36 ครับก็คือเกิน 50 ก็ยังปกติในๆบางกลุ่มนะ
00:13:36 → 00:13:39 ครับแล้วก็ในหัวใจที่เต้นเร็วเนี่ยเกิน
00:13:39 → 00:13:43 ร้อยเนี่ยเกินร้อยไปนิดๆหน่อยๆนะครับก็ใน
00:13:43 → 00:13:46 Power ปกติก็ไม่ได้มีเขาเรียกว่าไม่ได้
00:13:46 → 00:13:49 มีอันตรายอะไรนะครับแต่ถ้าเกิดว่าเต็นท์
00:13:49 → 00:13:52 เต้นเร็วแค่ไหนมันจะอันตรายเนี่ยขึ้นอยู่
00:13:52 → 00:13:54 กับอายุนะครับซึ่งเดี๋ยวเราจะคุยกันต่อนะ
00:13:54 → 00:13:57 ครับแต่ว่าตัวเลขกลมๆที่อยากให้จำไว้ก็
00:13:57 → 00:14:00 คือว่า 150 เนี่ยมักจะปลอดภัยในคนที่ไม่
00:14:00 → 00:14:03 ได้มีโรคอะไรซ่อนอยู่นะครับก็จะอยู่ที่
00:14:03 → 00:14:07 60 ถึง 100 ในภาวะในในกลุ่มคนส่วนใหญ่
00:14:07 → 00:14:11 แล้วก็จะอนุญาตให้ได้อยู่ในช่วง
00:14:11 → 00:14:14 50-50 เนี่ยยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้นะ
00:14:14 → 00:14:18 ครับพอรับได้แต่ 150 นี่ไม่ใช่ 150 ตลอด
00:14:18 → 00:14:21 นะครับพอพักแล้วมันจะต้องลงมาแต่ว่าเวลา
00:14:21 → 00:14:23 เราออกกำลังกายวิ่งเนี่ย 150 ก็ยังถือ
00:14:23 → 00:14:27 ไวรัสได้ในเกณฑ์ทั่วๆไปครับทีนี้เมื่อเรา
00:14:27 → 00:14:30 รู้ว่าหัวใจที่มันเต้นช้ากว่า 60 นะครับ
00:14:30 → 00:14:33 แล้วก็เต้นเร็วกว่า 100 เนี่ยในภาวะพรรค
00:14:33 → 00:14:36 นะครับเราอาจจะต้องมาหาว่ามันมีสาเหตุ
00:14:36 → 00:14:39 อะไรที่ทำให้เกิดสิ่งนั้นนั้นขึ้นนะครับ
00:14:39 → 00:14:43 แล้วนะครับเราก็จะสังเกตว่าไอ้เร็วกว่า
00:14:43 → 00:14:46 ช้าเนี่ยมันเป็นจังหวะการเต้นที่มีระยะ
00:14:46 → 00:14:49 ห่างสม่ำเสมอนะครับเหมือนกับที่เราฟัง
00:14:49 → 00:14:51 เพลงใช่ไหมครับไม่ว่าจะเป็นเพลงช้าหรือ
00:14:51 → 00:14:54 เพลงเร็วเนี่ยจังหวะของกลองนะครับที่ตี
00:14:54 → 00:14:57 เพื่อควบคุมจังหวะของเพลงเนี่ยก็ยังต้อง
00:14:57 → 00:15:00 เป็นจังหวะของกลองที่สม่ำเสมออยู่นะครับ
00:15:00 → 00:15:03 เวลาเราหรือเราจะใช้การตบมือก็ได้นะครับ
00:15:03 → 00:15:08 มันก็จะถ้าเพลงช้าก็จะเป็นอ่า
00:15:08 → 00:15:12 ไปเรื่อยๆในจังหวะที่สม่ำเสมอแต่ถ้าเกิด
00:15:12 → 00:15:16 เป็นเพลงเร็วนะครับก็จะ
00:15:16 → 00:15:20 ไปเรื่อยๆอันนี้ก็คือเป็นจังหวะที่สม่ำ
00:15:20 → 00:15:22 เสมอเหมือนกันแต่มันมีโรคหัวใจอีกอย่าง
00:15:22 → 00:15:25 นึงก็คือว่าหัวใจเนี่ยมันเต้นไม่เป็น
00:15:25 → 00:15:28 จังหวะสม่ำเสมอแบบที่เราคุยกันเมื่อกี้นะ
00:15:28 → 00:15:28 ครับ
00:15:28 → 00:15:34 ก็การที่มันเต้นไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอนะ
00:15:34 → 00:15:37 ครับเราก็ดูจากกราฟเวลาการเต้นของหัวใจนะ
00:15:37 → 00:15:41 ครับกราฟของหัวใจเนี่ยก็จะเต้นหัวใจเรา
00:15:41 → 00:15:43 เต้น 1 ครั้งนะครับเราก็จะวัดกราฟขึ้นเขา
00:15:43 → 00:15:46 จะออกมาได้เป็นคลื่นแหลมๆ 1 ทีนะครับแล้ว
00:15:46 → 00:15:48 ก็พอเต้นอีกครั้งนึงนะครับมันก็จะเป็น
00:15:48 → 00:15:52 ขึ้นแหลมๆอีก 1 ครั้งนะครับเวลาหัวใจเรา
00:15:52 → 00:15:55 เต้นไปปุ๊บๆไปเรื่อยๆขีดแหลมๆก็จะขึ้นมา
00:15:55 → 00:15:59 ในแต่ละทีในช่วงเวลาที่ผ่านไปนะครับทีนี้
00:15:59 → 00:16:03 ตัวอย่างของหัวใจห้องบนเต้นผิดจังหวะแล้ว
00:16:03 → 00:16:06 ก็จะเห็นว่ากราฟเนี่ยมันมีความห่างของขีด
00:16:06 → 00:16:09 แหลมเล็กๆเนี่ยไม่เท่ากันมีทั้งช่วงที่
00:16:09 → 00:16:12 กว้างแล้วก็ช่วงที่ยาวนะครับโดยที่ถ้า
00:16:12 → 00:16:15 เป็นหัวใจห้องบนเนี่ยจะไม่ง่ายคือตัว
00:16:15 → 00:16:18 เนี่ยการเต้นหัวใจมันจะยังเป็นขีดแหลม
00:16:18 → 00:16:21 เล็กๆอยู่นะครับแต่ถ้ามีหัวใจห้องล่าง
00:16:21 → 00:16:24 เต้นผิดจังหวะแบบกราฟล่างสุดนะครับที่
00:16:24 → 00:16:25 เป็นกราฟหัวใจสีดำ
00:16:25 → 00:16:28 เราจะเห็นว่าหัวใจเนี่ยมันเต้นปกติมาตลอด
00:16:28 → 00:16:32 แล้วอยู่ๆก็จะมีฉีดใหญ่ๆนะครับเกิดขึ้นนะ
00:16:32 → 00:16:35 ครับอันนั้นคือหัวใจห้องล่างที่มันเต้นนะ
00:16:35 → 00:16:37 ครับหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะเนี่ยกราฟ
00:16:37 → 00:16:39 มันจะใหญ่กว่าปกตินะครับ
00:16:39 → 00:16:44 แล้วก็มันก็จะพอหัวใจข้างล่างเต้นผิดปกติ
00:16:44 → 00:16:46 ไป 1 ตัวใช่ไหมครับการ์ดต่อไปเราจะเห็น
00:16:46 → 00:16:49 เป็นตัวเล็กนะครับแล้วก็จะเห็นเป็นหัวใจ
00:16:49 → 00:16:51 ห้องล่างเต้นอยู่จังหวะ 3 นะครับอันนี้ก็
00:16:51 → 00:16:55 จะเป็นลักษณะกราฟที่เรา Record ได้ว่ามัน
00:16:55 → 00:16:58 ผิดจังหวะนะครับก็คือผิดจังหวะแบบเต้นไม่
00:16:58 → 00:17:01 ถนัดมือเลยทั้งหมดนะครับหรือว่าบางทีเต้น
00:17:01 → 00:17:04 ไม่สม่ำเสมอเป็นแค่ช่วงๆก็ได้นะครับซึ่ง
00:17:04 → 00:17:07 อาการของทั้ง 2 อย่างเนี่ยมันก็จะแตกต่าง
00:17:07 → 00:17:11 กันไปอาการโดยส่วนใหญ่เนี่ยนะครับก็จะมี
00:17:11 → 00:17:15 อาการใจสั่นนะครับใจสั่นเนี่ยมักจะมี
00:17:15 → 00:17:18 เขาเรียกว่าตามโลกที่เป็นนะครับถ้าเป็น
00:17:18 → 00:17:20 หัวใจห้องบนเต้นผิดจังหวะเนี่ยมันก็จะ
00:17:20 → 00:17:23 สั่นแบบสั่นหวิวก็คือเต้นรู้สึกว่าหัวใจ
00:17:23 → 00:17:25 มันไม่สม่ำเสมอเหมือนครับที่เราเห็นนะ
00:17:25 → 00:17:27 ครับแต่ถ้าเกิดว่าเป็นหัวใจห้องล่างเนี่ย
00:17:27 → 00:17:30 ส่วนใหญ่ถ้าเป็นชนิดที่เราเรียกว่า PVC
00:17:30 → 00:17:32 นะครับเดี๋ยวเราจะทำความเข้าใจต่อไปเนาะ
00:17:32 → 00:17:35 ก็คือชนิดที่พบบ่อยของหัวใจห้องนั่งเนี่ย
00:17:35 → 00:17:38 มันจะเต้นสะดุดแล้วก็กระตุกนะครับอันนี้
00:17:38 → 00:17:41 ก็เป็นลักษณะของอาการใจสั่นนะครับ
00:17:41 → 00:17:44 แล้วถ้าเกิดว่าการที่หัวใจเรามันสั่นหรือ
00:17:44 → 00:17:46 ว่าเต้นเป็นจังหวะไม่สม่ำเสมอเนี่ยนะครับ
00:17:46 → 00:17:49 มันก็จะทำให้การบีบตัวของหัวใจเนี่ยมัน
00:17:49 → 00:17:52 ไม่ดีส่งเลือดไปเลี้ยงสมองได้ไม่ดีเราก็
00:17:52 → 00:17:55 จะมีอาการหน้ามืดตาลายแล้วก็
00:17:56 → 00:17:59 เวียนหัวได้นะครับบางคนหัวใจเต้นผิด
00:17:59 → 00:18:02 จังหวะเยอะๆก็จะเป็นลมได้นะครับ
00:18:02 → 00:18:06 ก็การที่หัวใจมันเต้นเป็นจังหวะไม่สม่ำ
00:18:06 → 00:18:08 เสมอเนี่ยการบีบสูบฉีดเลือดนอกจากไป
00:18:08 → 00:18:10 เลี้ยงสมองไม่ดีแล้วมันก็จะไปเลี้ยงร่าง
00:18:10 → 00:18:12 กายส่วนอื่นไม่ว่าจะเป็นปอดหรือกล้าม
00:18:12 → 00:18:14 เนื้อได้ไม่ดีด้วยเราก็จะรู้สึกว่าเอ้ยทำ
00:18:14 → 00:18:17 อะไรก็จะเหนื่อยง่ายแล้วก็อ่อนเพลียนะ
00:18:17 → 00:18:20 ครับอันนี้ก็จะเป็นอาการหลักๆของหัวใจ
00:18:20 → 00:18:23 เต้นผิดจังหวะเคยเห็นได้ว่ามันมันไม่มี
00:18:23 → 00:18:25 เรื่องเจ็บหน้าอกอยู่ในนี้เลยเนาะนะครับ
00:18:25 → 00:18:28 ดังนั้นเนี่ยอาการเจ็บหน้าอกเนี่ยโดยรวม
00:18:28 → 00:18:31 แล้วไม่ไม่ใช่อาการของโรคหัวใจที่มี
00:18:31 → 00:18:32 จังหวะนะครับจะต้องหาเรื่องของเส้นเลือด
00:18:32 → 00:18:36 ตีบว่ามีร่วมด้วยหรือเปล่านะครับแล้วก็
00:18:36 → 00:18:39 สุดท้ายในหัวใจเต้นผิดจังหวะบังโคลนนะ
00:18:39 → 00:18:42 ครับบางคนเป็นหัวใจที่จังหวะแล้วไม่มี
00:18:42 → 00:18:44 อาการอะไรเลยก็ได้นะครับคือไม่รู้สึกว่า
00:18:44 → 00:18:46 เป็นเลยก็ได้อาจจะเป็นเพราะว่าร่างกายของ
00:18:46 → 00:18:49 เราแข็งแรงแล้วก็สามารถที่จะมีเขาเรียก
00:18:49 → 00:18:52 ว่ามี Research ที่จะทำให้แบบเราทำงาน
00:18:52 → 00:18:54 หรือใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้วก็ไม่มีอาการ
00:18:54 → 00:18:58 อะไรเลยอยู่ๆเราไปตรวจสุขภาพนะครับหรือไป
00:18:58 → 00:19:02 หาหมอในเรื่องแบบเป็นหวัดอย่างนี้ก็หมอก็
00:19:02 → 00:19:05 บอกว่าอ้าวคุณมีโรคหัวใจที่มีจังหวะนะคน
00:19:05 → 00:19:07 ไข้ก็สงสัยเออทำไมเราไม่เห็นมีอาการอะไร
00:19:07 → 00:19:11 เลยก็เป็นไปได้เหมือนกันนะครับก็จะเป็น 4
00:19:11 → 00:19:14 อาการนะครับ 4 กลุ่มอาการที่หัวใจจะมี
00:19:14 → 00:19:17 จังหวะเนี่ยอาจจะมาในรูปแบบไหนก็ได้อาจจะ
00:19:17 → 00:19:19 มีหลายๆอย่างประกอบกันก็ได้นะครับ
00:19:19 → 00:19:23 พอเรามีอาการแล้วนะครับเราจะไปตรวจอะไรนะ
00:19:23 → 00:19:27 ครับถึงถึงจะยืนยันแน่ๆว่าเราเป็นนะครับ
00:19:27 → 00:19:30 อันดับแรกเลยนะครับก็คือการทำคลื่นไฟฟ้า
00:19:30 → 00:19:34 หัวใจตัวเครื่องไฟฟ้าหัวใจเนี่ยเป็นการ
00:19:34 → 00:19:36 ตรวจกระแสไฟฟ้านะครับจากหัวใจของเรานะ
00:19:36 → 00:19:40 ครับมีหลายมีหลายวิธีซึ่งวิธีที่ใช้บ่อย
00:19:40 → 00:19:43 ที่สุดแล้วก็ทำง่ายที่สุดเราจะเรียกว่า 12
00:19:43 → 00:19:46 Lead ekg นะครับหรือว่า 12 E 4G ซึ่ง
00:19:46 → 00:19:51 จะเป็นแผ่นกระดาษสีสีชมพูๆที่เวลาเราไป
00:19:51 → 00:19:54 ตรวจสุขภาพเราก็จะเห็นกันออกไปเป็นแผ่นๆ
00:19:54 → 00:19:57 แล้วนะครับเขาเรียกว่า 12 rin ecg ใน
00:19:57 → 00:20:00 แผ่นนั้นจะมี ecg ทั้งหมด 12 Stitch นะ
00:20:00 → 00:20:04 ครับเพื่อให้หมออ่านว่าเป็นหัวใจเราทำงาน
00:20:04 → 00:20:05 เป็นยังไงบ้างนะครับ
00:20:05 → 00:20:09 ecg อีกแบบหนึ่งก็คือเขาเรียกว่า ecg
00:20:09 → 00:20:13 monitoring นะครับเป็นการตรวจ ecg ในโรง
00:20:13 → 00:20:16 พยาบาลคือให้นอนโรงพยาบาลแล้วก็ติด ecg
00:20:16 → 00:20:19 เอาไว้ตลอดเวลาแล้วคุณหมอคุณพยาบาลเขาก็
00:20:19 → 00:20:23 จะดูในมอนิเตอร์นะครับว่าคือในความสนใจ
00:20:23 → 00:20:24 เราเป็นยังไงนะครับ
00:20:24 → 00:20:27 แล้วก็อีกแบบนึงเราเรียกว่า hotor นะครับ
00:20:27 → 00:20:30 24 ชั่วโมง holder ecg ตัวนี้ก็จะเป็น
00:20:30 → 00:20:32 การตรวจ ecg ด้วยเครื่องพิเศษนะครับแล้ว
00:20:32 → 00:20:36 ก็ติดเครื่องแล้วก็กลับบ้านไปเพื่อดูว่า
00:20:36 → 00:20:38 ในชีวิตประจำวันของเราเนี่ยทำผิดหรือว่า
00:20:38 → 00:20:42 ประจำวันแล้วในช่วงนั้นมันมีอาการหรือมี
00:20:42 → 00:20:44 หัวใจที่มีจังหวะแล้วมันเป็นยังไงเป็น
00:20:44 → 00:20:48 หรือเปล่านะครับนี่ก็จะเป็น 3 อย่างหลัก
00:20:48 → 00:20:51 นะครับของตัว ecg ที่เราใช้กันในทางการ
00:20:51 → 00:20:55 แพทย์แล้วก็สุดท้ายนะครับก็จะมี ecg ที่
00:20:55 → 00:20:57 เป็นแอปอยู่ใน smart watch นะครับทุก
00:20:57 → 00:20:59 อย่างเช่น Apple Watch ตัวนี้ก็จะเป็น
00:20:59 → 00:21:01 ecg เหมือนกันแต่ก็จะมีความแตกต่าง
00:21:01 → 00:21:04 ระหว่างทางการแพทย์ที่เราใช้อยู่บ้าง
00:21:04 → 00:21:06 เดี๋ยวเราจะมาคุยกันโดยละเอียดนะครับ
00:21:06 → 00:21:10 ในเรื่องของการตรวจคลื่นไฟอีกทีนึงแล้วก็
00:21:10 → 00:21:13 เราจะรู้ว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะเนี่ยถ้า
00:21:13 → 00:21:16 ไม่ต้องไปทำ ecg เราจะรู้เองได้โดยด้วย
00:21:16 → 00:21:18 ตัวเองได้ไหมนะครับก็
00:21:18 → 00:21:22 การจับชีพจรนะครับก็จะเป็นอันหนึ่งนะครับ
00:21:22 → 00:21:24 ที่จะช่วยทำให้เราทราบว่าชีพจรของเรา
00:21:24 → 00:21:27 เนี่ยมันเต้นสม่ำเสมอไหมนะครับมันเร็วแค่
00:21:27 → 00:21:30 ไหนมันสะดุดผิดจังหวะหรือเปล่าเราสามารถ
00:21:30 → 00:21:32 ทำชีพจรได้ด้วยตนเองครับเดี๋ยวผมก็จะแนะ
00:21:32 → 00:21:35 นำวิธีนะครับให้ให้ฟังให้เพื่อนๆฟังนะ
00:21:36 → 00:21:40 ครับหรือว่าเราจะไม่ทำชีพจรเองเราใช้ตัว
00:21:40 → 00:21:43 ออกซิเจนไปนิ้วนะครับที่เรียกว่าเผาเผา
00:21:43 → 00:21:47 ออกนะครับก็ไอ้ตัวออกซิเจนที่เราวัดระดับ
00:21:47 → 00:21:51 ออกซิเจนก็ได้ 90 80% ตอนเราเป็นโควิดนะ
00:21:51 → 00:21:53 ครับตอนนี้หลายๆบ้านก็จะเริ่มมีใช้กัน
00:21:53 → 00:21:56 เยอะขึ้นแล้วใช่ไหมครับแล้วก็เอามาติดได้
00:21:56 → 00:21:59 นะครับเราพอเราติดปุ๊บเราจะสังเกตว่าเวลา
00:21:59 → 00:22:01 ที่เครื่องอ่ะมัน Record มันจะ Record
00:22:01 → 00:22:04 ออกมาเป็นคลื่นนะครับตัวคลื่นนั่นแหละก็
00:22:04 → 00:22:06 คือชีพจรของเรานะครับ
00:22:06 → 00:22:09 ก็จะเป็นการจับชีพจรอีกแบบหนึ่งนะครับ
00:22:09 → 00:22:12 แล้วก็อันสุดท้ายเนี่ยเรานับชีพจรวัด
00:22:12 → 00:22:15 ชีพจรได้จากเครื่องวัดความดันที่บ้านของ
00:22:15 → 00:22:17 เราเครื่องวัดความดันแบบดิจิตอลออโต้
00:22:17 → 00:22:20 เนี่ยนะครับเราก็จะรู้ชีพจรได้โดยดูที่
00:22:20 → 00:22:22 ตัวเราจะได้ค่าออกมา 3 ตัวเลขใช่ไหมครับ
00:22:22 → 00:22:25 ก็ดูตัวเลขสุดท้ายที่มันเขียนว่า heart
00:22:25 → 00:22:27 rate หรือว่า powered ตอนนั้นก็จะเป็น
00:22:27 → 00:22:31 การวัดชีพจรของเราอีกแบบหนึ่งนะครับ
00:22:31 → 00:22:34 ส่วนการตรวจอื่นๆที่ถ้ามี
00:22:34 → 00:22:37 สงสัยหรือว่ามีหัวใจที่มีจังหวะเนี่ยเรา
00:22:37 → 00:22:39 ก็ต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไรนะครับ
00:22:39 → 00:22:42 สาเหตุอันหนึ่งก็คือเรื่องของไทรอยด์แล้ว
00:22:42 → 00:22:44 ก็ต้องเช็คไทรอยด์ด้วยแล้วก็เราก็จะตรวจ
00:22:44 → 00:22:47 โครงสร้างของหัวใจว่ามีโรคอะไรซ่อนอยู่
00:22:47 → 00:22:50 ไหมนะครับคุณหมอก็จะพิจารณาตรวจเรื่อง
00:22:50 → 00:22:54 Echo เดินสายพานหรือว่าเป็นการตรวจ
00:22:54 → 00:22:56 ละเอียดในห้องปฏิบัติการที่เรียกว่า EP
00:22:56 → 00:22:59 study นะครับเป็นการตรวจทางศิริลักษณ์
00:22:59 → 00:23:02 วิทยาของหัวใจซึ่งอันนี้ก็จะเล่าให้ฟัง
00:23:02 → 00:23:03 ต่อไปนะครับ
00:23:03 → 00:23:07 ก็จะเป็นข้อสรุปของการตรวจวินิจฉัยว่าคน
00:23:07 → 00:23:09 ที่มีหัวใจขึ้นจังหวะเนี่ยควรจะตรวจอะไร
00:23:09 → 00:23:14 บ้างตอนนี้เราก็เข้าใจภาพโดยรวมของโลกหัว
00:23:14 → 00:23:16 ใจแล้วนะครับว่าหัวใจที่จังหวะเนี่ยมัน
00:23:16 → 00:23:19 เป็นสิ่งหนึ่งนะครับที่อยู่ในโรคหัวใจ
00:23:19 → 00:23:22 หลายๆอย่างเราจะมาทำข้อวิจัยโรคแรกซึ่ง
00:23:22 → 00:23:25 โจรเจอได้บ่อยที่สุดเลยนะครับก็คือหัวใจ
00:23:25 → 00:23:28 เต้นผิดจังหวะห้องบนที่เราเรียกกันย่อๆ
00:23:28 → 00:23:31 ว่า AF นะครับ
00:23:31 → 00:23:34 เป็นโรคที่เจอบ่อยมากก็ขอแนะนำให้ฟังเป็น
00:23:34 → 00:23:37 โรคแรกเลยนะครับโดยปกติแล้วหัวใจของเรา
00:23:37 → 00:23:40 เนี่ยก็จะบีบตัวนะครับแล้วเห็น SA node
00:23:40 → 00:23:43 ไหมครับ
00:23:43 → 00:23:46 เป็นตัวควบคุมไฟฟ้าในหัวใจนะครับ
00:23:46 → 00:23:48 สร้างกระแสไฟฟ้าขึ้นมา
00:23:48 → 00:23:51 หัวใจก็จะบีบตัวสูบฉีดเลือดไปเรื่อยๆเป็น
00:23:51 → 00:23:54 วงจรนะครับเขาเรียกเรียกว่า Rhythm นะ
00:23:54 → 00:23:58 ครับ
00:23:58 → 00:24:01 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีโรคนะครับหัวใจ
00:24:01 → 00:24:04 ของเรามันจะเต้นเป็นจังหวะไม่สม่ำเสมอนะ
00:24:04 → 00:24:05 ครับ
00:24:05 → 00:24:09 อันนี้อันนี้ Video ก็จะเป็นแบบที่ผมพูด
00:24:09 → 00:24:12 ก็คือว่าหัวใจจะมีเต้นช้าเต้นเร็วกับเต้น
00:24:12 → 00:24:15 ไม่สม่ำเสมอนะครับเจอบ่อยที่สุดก็จะตัว
00:24:15 → 00:24:18 นี้เลยฮะ AF นะครับ AF เนี่ยจะเห็นว่าตัว
00:24:18 → 00:24:22 หัวใจห้องบนเนี่ยมันมีจุดกำเนิดไฟฟ้าหลาย
00:24:22 → 00:24:26 จุดนะครับหรืออีกกลไกนึงคือมีการหมุนวน
00:24:26 → 00:24:28 ของกระแสไฟฟ้าในหัวใจห้องบน
00:24:28 → 00:24:32 นะครับมีการส่งมาหลายจุดทีนี้ก็มั่วสิ
00:24:32 → 00:24:35 ครับไม่รู้ว่าจุดไหนเนี่ยมันเหมือนเวลา
00:24:35 → 00:24:38 เราตีกลองอ่ะถ้ามันมีมีกลองชุดอยู่สัก 3
00:24:38 → 00:24:42 กลองชุดในวงดนตรีอันเนี้ยวงดนตรีอยู่ไม่
00:24:42 → 00:24:45 ได้แล้วฮะมันมันเต้นไม่เพราะเราตีไม่
00:24:45 → 00:24:47 พร้อมกันแน่ๆนะครับดังนั้นเนี่ยหัวใจ
00:24:47 → 00:24:49 เนี่ยมันก็จะเต้นเป็นจังหวะที่ไม่สม่ำ
00:24:49 → 00:24:52 เสมอนะครับคือมีช่วงจังหวะช้าจังหวะเร็ว
00:24:52 → 00:24:56 และทำให้การบีบตรงหัวใจเนี่ยผิดปกติแล้ว
00:24:56 → 00:24:58 ก็สิ่งที่อันตรายอีกอันนึงก็คือว่าพอหัว
00:24:58 → 00:25:00 ใจเนี่ยมันบีบตัวไม่สม่ำเสมอแล้วนะครับ
00:25:00 → 00:25:04 เลือดเนี่ยมันก็จะออกจากหัวใจได้ไม่หมดนะ
00:25:04 → 00:25:06 ครับมันก็จะตกค้างเป็นหัวใจแล้วก็เกิด
00:25:06 → 00:25:09 ลิ่มตกตะกอนขึ้นมาได้และไอ้ตัวลิ่มเลือด
00:25:09 → 00:25:13 เนี่ยมันก็จะตกตะกอนแล้วก็หลุดมาใน
00:25:13 → 00:25:15 หลอดเลือดแล้วก็ลอยไปอยู่ในสมองทำให้เกิด
00:25:15 → 00:25:17 อัมพฤกษ์อัมพาตได้นะครับอันนี้ก็เป็น
00:25:17 → 00:25:21 อันตรายอีกอันนึงของโลกเอเอฟนะครับจริงๆ
00:25:21 → 00:25:23 แล้วโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะทุกอย่างเนี่ย
00:25:23 → 00:25:26 ไม่จำเป็นจะต้องมีอาการอยู่ตลอดเวลานะ
00:25:26 → 00:25:29 ครับบางคนเนี่ยไม่มีอาการก็ได้นะครับก็
00:25:30 → 00:25:33 คือเอ่อในตอนที่เราอยู่บ้านเรารู้สึกว่า
00:25:33 → 00:25:37 ใจสั่นแต่พอไปโรงพยาบาลแล้วไปตรวจกับคุณ
00:25:37 → 00:25:40 หมอหมอฟันหัวใจก็ไม่ผิดปกติตรวจคลื่นหัว
00:25:40 → 00:25:42 ใจก็ไม่ผิดปกติอันนี้ก็เป็นไปได้นะครับ
00:25:42 → 00:25:45 ดังนั้นเนี่ยการตรวจคลื่นหัวใจเนี่ยจะ
00:25:45 → 00:25:48 ต้องทำขณะที่เรามีอาการใจสั่นมันถึงจะ
00:25:48 → 00:25:52 ตรวจเจอถ้าเราไปทำตอนที่ใจไม่สั่นมันก็จะ
00:25:52 → 00:25:55 ตรวจไม่เจอนะครับตัวนี้ก็เลยการวินิจฉัย
00:25:55 → 00:25:59 เนี่ยในการตรวจคลื่นหัวใจด้วย smart
00:25:59 → 00:26:01 watch นะครับหรือว่า Apple Watch เนี่ย
00:26:01 → 00:26:04 มันก็เลยมีประโยชน์นะครับเพราะว่าเรา
00:26:04 → 00:26:07 สามารถตรวจที่บ้านได้ตรวจได้เองด้วยนะ
00:26:07 → 00:26:09 ครับยังไม่ต้องไปหาหมอแล้วก็รู้ได้เอง
00:26:09 → 00:26:13 แล้วเราก็เอาผลนั้นมาปรึกษาหมอได้ส่วนใน
00:26:13 → 00:26:15 ทางการแพทย์เนี่ยปกติเราจะมีก่อน Apple
00:26:15 → 00:26:16 Watch
00:26:16 → 00:26:19 Monitor ก็คือเป็นเครื่องขนาดจะเท่าๆกับ
00:26:19 → 00:26:23 อ่าเครื่องมือถือนะครับแล้วก็อ่าให้คนไข้
00:26:23 → 00:26:26 ติดเครื่องแล้วก็กลับไปที่บ้านไป Record
00:26:26 → 00:26:29 ข้อมูลแล้วก็กลับมาให้หมออ่านผลนะครับนี่
00:26:29 → 00:26:32 ก็จะเรียกว่ามอเตอร์นะครับการวินิจฉัย AIS
00:26:32 → 00:26:34 เนี่ยก็จะเหมือนกันวินิจฉัยโรคหัวใจเต้น
00:26:34 → 00:26:37 ผิดจังหวะโดยทั่วไปนะครับก็คือจะต้องทำ
00:26:37 → 00:26:40 ต้องตรวจในขณะที่มีอาการให้ได้เราถึงจะ
00:26:40 → 00:26:43 รู้ว่าเป็นหรือเปล่าแล้วก็การตรวจอื่นๆนะ
00:26:43 → 00:26:46 ครับก็จะมีการตรวจอ่าเลือดนะครับการตรวจ
00:26:46 → 00:26:48 เลือดเนี่ยนอกจากจะตรวจไทรอยด์แล้วนะครับ
00:26:48 → 00:26:50 แล้วก็จะต้องตรวจดูความสมบูรณ์ของร่างกาย
00:26:50 → 00:26:53 อย่างอื่นด้วยเพราะว่าใน AF บางคนอาจจะ
00:26:53 → 00:26:54 ต้องใช้ยาใช่ไหมครับเราก็ต้องดูทั้ง
00:26:54 → 00:26:58 เรื่องของค่าเลือดค่าไตนะครับอาจจะต้อง
00:26:58 → 00:27:00 เอ็กซเรย์ดูด้วยเพราะว่าโรคปอดบางอย่างนะ
00:27:00 → 00:27:03 ครับโดยเฉพาะโรคถุงลมโป่งพองเนี่ยก็จะทำ
00:27:03 → 00:27:06 ให้หัวใจของเราทำงานผิดปกติไปได้นะครับก็
00:27:06 → 00:27:08 ควรต้องอย่างน้อยควรต้องเอกซเรย์ดูหัวใจ
00:27:08 → 00:27:11 หน่อยนะครับแล้วก็อาจจะต้องตรวจ Echo หัว
00:27:11 → 00:27:13 ใจนะครับเพื่อหาโรคหัวใจ
00:27:13 → 00:27:16 อื่นๆที่ซ่อนอยู่แล้วก็เป็นสาเหตุของหัว
00:27:16 → 00:27:20 ใจเต้นผิดจังหวะทีนี้เรามาทำความเข้าใจ
00:27:20 → 00:27:23 การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจนะครับขึ้นไฟฟ้า
00:27:23 → 00:27:26 หัวใจเนี่ยมีชื่อย่อว่า ekg นะครับ
00:27:26 → 00:27:28 อิเล็กโทรคาร์ดิโอแกรมนะครับหรือว่าใน
00:27:28 → 00:27:31 ส่วนใหญ่ณปัจจุบันนี้เราจะย่อว่า ecg นะ
00:27:31 → 00:27:34 ครับตัว ecg เนี่ยเวลาเราตรวจออกมาก็จะ
00:27:34 → 00:27:37 เป็นมันเครื่องมันก็จะปริ้นออกมานะครับ
00:27:37 → 00:27:42 เป็นใบสีชมพูๆแบบแบบที่เห็นในภาพนะครับ
00:27:42 → 00:27:47 โดยที่เราจะต้องติดตัว Lead นะครับที่ที่
00:27:47 → 00:27:49 ร่างกายของเราก็คือมีบริเวณที่หน้าอกแล้ว
00:27:49 → 00:27:53 ก็จะมีตัว Lead ที่จะเป็นลีดที่แขนแล้วก็
00:27:53 → 00:27:55 ขาทั้งสองข้างด้วยนะครับ
00:27:55 → 00:27:59 โดยการตรวจเนี่ยจะตรวจในตอนที่เรานอนอยู่
00:27:59 → 00:28:02 นะครับนอนอยู่แล้วก็พยาบาลเนี่ยเขาก็จะ
00:28:02 → 00:28:04 เอาตัวหลีดที่เรียกว่าอิเล็กโทรดนะครับไป
00:28:04 → 00:28:07 ติดที่บริเวณหน้าอกนะครับแล้วก็แขนขาของ
00:28:07 → 00:28:09 เราก่อนที่จะ Record ออกมานะครับ
00:28:09 → 00:28:11 [เพลง]
00:28:11 → 00:28:14 มีใครเคยตรวจ ekg แล้วผิดปกติไหมครับใน
00:28:14 → 00:28:16 ห้องนี้
00:28:16 → 00:28:19 ถ้าเกิดว่าใครมี ekt ผิดปกติเนี่ยถ้ายัง
00:28:19 → 00:28:22 มีรูปภาพอยู่เตรียมเอาไว้นะครับก็สามารถ
00:28:22 → 00:28:26 ที่จะเดี๋ยวมาคุยกันนะครับในตอนท้าย
00:28:26 → 00:28:30 ทีนี้ ekg เนี่ยมันตรวจอะไรได้บ้าง ecg
00:28:30 → 00:28:32 เพียงแผ่นเดียวเนี่ยหมอโรคหัวใจของเรา
00:28:32 → 00:28:35 เนี่ยจะรู้สิ่งต่างๆได้หลายอย่างมากเลยนะ
00:28:35 → 00:28:38 ครับแต่ว่าการที่เรารู้เนี่ยจะเป็นการรู้
00:28:38 → 00:28:40 ว่ามันผิดปกติหรือเปล่าเป็นการวินิจฉัย
00:28:40 → 00:28:43 แต่ว่าอาจจะรู้ไม่ได้ละเอียดมากว่ามัน
00:28:43 → 00:28:46 เกิดจากอะไรชัดเจนมากแต่เป็นการตรวจคัด
00:28:46 → 00:28:48 กรองที่ดีมากเพราะว่ามันสามารถตรวจโรคได้
00:28:48 → 00:28:51 หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบ
00:28:51 → 00:28:53 เนี่ยเราก็จะรู้ว่ามีอยู่หรือเปล่านะครับ
00:28:53 → 00:28:57 รวมถึงโรคหัวใจโตด้วยนะครับโรคหัวใจ
00:28:57 → 00:29:02 โตบางโตจากจากโรคหรือว่าโตจากอ่าแต่
00:29:02 → 00:29:06 กำเนิดเราก็จะรู้หมดนะครับโรคหัวใจเต้น
00:29:06 → 00:29:07 ผิดจังหวะหรือเปล่าอันนี้เป็นหลักที่เรา
00:29:07 → 00:29:09 คุยกันวันนี้รวมถึงโรคหัวใจเต้นมีจังหวะ
00:29:09 → 00:29:13 บางอย่างที่ที่เป็นแล้วไม่รู้ตัวเลยอยู่ๆ
00:29:13 → 00:29:16 ก็เสียชีวิตไปเลยในคนหนุ่มสาวก็คือโรค
00:29:16 → 00:29:19 อะไรตายอันเนี้ยเราก็รู้ได้จาก ekg เช่น
00:29:19 → 00:29:21 กันนะครับถ้ามาเช็ค
00:29:21 → 00:29:24 ส่วนอื่นๆนะครับก็เราจะรู้ว่าไปมีภาวะ
00:29:24 → 00:29:28 กล้ามเนื้ออักเสบ
00:29:28 → 00:30:09 [เพลง]
00:30:26 → 00:30:29 ดีที่สุดนะครับแล้วก็ตอนที่ตรวจเนี่ยเรา
00:30:29 → 00:30:31 ก็แค่นอนเฉยๆแล้วเดี๋ยวคุณพยาบาลเขาจะติด
00:30:31 → 00:30:34 เครื่องที่บริเวณหน้าอกนะครับของเราแบบ
00:30:34 → 00:30:38 ที่ผมให้ดูไปการตรวจ ekg เนี่ยทำง่ายนะ
00:30:38 → 00:30:40 ครับแต่หลักการของมันเนี่ยคนคิดเครื่อง
00:30:40 → 00:30:43 ekg เนี่ยเก่งมากนะครับการตรวจ ekg เรา
00:30:43 → 00:30:46 ต้องตรวจ 12 หลีดนะครับเพื่อที่จะดูหัวใจ
00:30:46 → 00:30:50 ในหลายๆมุมว่าในแต่ละมุมเนี่ยมันเป็นยัง
00:30:50 → 00:30:53 ไงง่ายๆหรือเปรียบเทียบง่ายๆคือคล้ายๆว่า
00:30:53 → 00:30:56 เราดูในแต่ละมุมเพื่อให้มองหัวใจออกมา
00:30:56 → 00:30:59 เป็นรูปสามมิตินั่นเองนะครับก็ภาพนี้จะ
00:30:59 → 00:31:04 เป็นภาพที่เวลาผมไปสอนน้องๆหมอนะครับก็
00:31:04 → 00:31:07 ทุกคนเนี่ยจะต้องเข้าใจว่าแต่ละรีดเนี่ย
00:31:07 → 00:31:11 อ่า 12 รีดเนี่ยมันคืออะไรนะครับตรวจจาก
00:31:11 → 00:31:14 จุดไหนไปจุดไหนบ้างนะครับแต่ของเราและตรง
00:31:14 → 00:31:16 จุดนี้เนี่ยอ่าไม่อาจจะไม่ต้องจำเป็นต้อง
00:31:16 → 00:31:18 รู้นะครับแล้วก็ตัวขึ้นหัวใจที่มันเป็น
00:31:18 → 00:31:22 ขีดแหลมๆออกมาขึ้นเนี่ยอ่าทั้งภาพขวาด้าน
00:31:22 → 00:31:25 ล่างนะครับก็จะเห็นว่าจริงๆแล้วเนี่ยมัน
00:31:25 → 00:31:28 ยังมีจุดเล็กๆที่หมอของเราเนี่ยจะเพ่ง
00:31:28 → 00:31:30 เล็งดูในรายละเอียดอีกทีนึงนะครับเราก็จะ
00:31:30 → 00:31:34 มีตัว Pre Wave นะครับมี qrs complate
00:31:34 → 00:31:37 มี t-wave มี U Wave แล้วก็เป็นการดู
00:31:37 → 00:31:40 segment นะครับไม่ว่าจะเป็นตัว ST
00:31:40 → 00:31:43 segment มีการดู interval มันกว้างหรือ
00:31:43 → 00:31:46 แค่นี้จะเป็นรายละเอียดที่หมอจะดูนะครับ
00:31:46 → 00:31:49 ว่า ekg ของเรามันผิดปกติหรือเปล่าซึ่ง
00:31:49 → 00:31:53 แบบนี้เราจะดูทั้งทุกตัวเลยนะครับใน Egg
00:31:54 → 00:31:56 แล้วก็ดูทั้ง12ลีตด้วยก่อนจะแปลผลออกมา
00:31:56 → 00:31:59 ว่าคลื่นหัวใจเนี่ยเป็นยังไงบ้างนะครับ
00:31:59 → 00:32:02 แต่ของเราเนี่ยแค่รู้ว่า ekg คืออะไรแล้ว
00:32:02 → 00:32:04 ก็ถ้ามีโรคอะไรเนี่ย
00:32:04 → 00:32:07 ตัว ekg นะครับถ้าเรามีของเก่าไว้เปรียบ
00:32:07 → 00:32:09 เทียบด้วยก็จะดีมากดังนั้นเนี่ยถ้าใครไป
00:32:09 → 00:32:13 ตรวจคลื่นหัวใจแล้วอ่ะพยายามถ่ายรูปเก็บ
00:32:13 → 00:32:15 เอาไว้นะครับไอ้คลื่นหัวใจที่เป็นแผ่นๆ
00:32:15 → 00:32:17 อย่างเงี้ยนะครับที่ปริ้นออกมาเป็นแผ่น 4
00:32:17 → 00:32:21 ตัวสีชมพูๆเนี่ยควรจะต้องปริ้นเสร็จแล้ว
00:32:21 → 00:32:24 เราได้ผลแล้วเราควรถ่ายเก็บเอาไว้ด้วย
00:32:24 → 00:32:26 ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ด้วยเพราะเวลาเป็นอะไร
00:32:26 → 00:32:28 ฉุกเฉินเนี่ยรูปนั้นเนี่ยจะใช้เปรียบ
00:32:28 → 00:32:31 เทียบกับ ekg ปัจจุบันได้นะครับหมายความ
00:32:31 → 00:32:34 ว่าถ้าในอดีต ekg เราเป็นแบบหนึ่งแล้วณ
00:32:34 → 00:32:36 ปัจจุบันมันเปลี่ยนแปลงไปอันนี้อาจจะมี
00:32:36 → 00:32:39 อะไรเกิดขึ้นใหม่กับตัวเราก็จะเป็นตัวที่
00:32:39 → 00:32:43 ช่วยคุณหมอวินิจฉัยได้อย่างดีนะครับ
00:32:43 → 00:32:45 ต่อมานะครับ
00:32:45 → 00:32:49 ekg ไปตรวจตามโรงพยาบาลมันยากใช่ไหมมัน
00:32:49 → 00:32:53 อาจจะต้องไปบอกคุณหมอไปตรวจตามคลินิกเรา
00:32:53 → 00:32:55 มาตรวจ ekg ด้วยตัวเองที่บ้านได้ด้วยมัน
00:32:55 → 00:32:58 ก็น่าจะดีมากซึ่งตอนที่ Apple Watch ออก
00:32:58 → 00:33:01 มาใหม่ๆตั้งแต่สมัย Series 4 นะครับจน
00:33:01 → 00:33:03 ตอนนี้มันเป็นซีรีส์ 7 สีที่ 8 ไปแล้ว
00:33:03 → 00:33:06 เนี่ยตั้งแต่สมัยแรกๆเนี่ยผมตื่นเต้นกับ
00:33:06 → 00:33:09 มันมากเลยนะครับที่แบบเฮ้ยเราจะมีแบบการ
00:33:09 → 00:33:11 ตรวจ ekg ให้กับคนไข้ได้ด้วยตนเองแล้ว
00:33:11 → 00:33:14 เนี่ยมันมันเป็นอะไรที่แบบน่าตื่นเต้นมาก
00:33:14 → 00:33:17 นะครับสำหรับตัวผมนะครับตอนที่ Apple
00:33:17 → 00:33:22 ใหม่ๆก็ตัวคลื่นไฟหัวใจนะครับนอกจาก Smart
00:33:22 → 00:33:24 Watch อื่นๆนะครับไม่ว่าจะเป็นตัว Galaxy
00:33:24 → 00:33:27 Watch ของ Samsung หรือว่า Huawei หรือ
00:33:27 → 00:33:30 ว่า Vivo ปัจจุบันนี้หลายๆอันก็สามารถที่
00:33:30 → 00:33:34 จะวัด ekg ได้นะครับแต่ว่าของผมใช้ Apple
00:33:34 → 00:33:38 Watch U ก็ขอใช้ตัวนี้เป็นมาตรฐานในการ
00:33:38 → 00:33:41 เล่าเรื่องของ App ecg ให้ฟังในวันนี้นะ
00:33:41 → 00:33:43 ครับแต่ว่าโดยหลักการแล้วอ่ะแต่ละอัน
00:33:43 → 00:33:46 เนี่ยการทำงานเหมือนกันนะครับโดยที่ตัว
00:33:46 → 00:33:49 Apple Watch เนี่ยมันจะสามารถทำ ekg
00:33:49 → 00:33:53 ได้ 1 ลีกนะครับจาก 12 เหรียญ apple
00:33:53 → 00:33:55 watch จะทำได้ 1 ลีกโดยทั่วไปเนี่ยเมื่อ
00:33:55 → 00:33:57 เรา set up ถูกต้องมันจะตรวจที่ลีด 1
00:33:57 → 00:34:00 ลิตรเดียวนะครับแต่ลีดเดียวเนี่ยก็เพียง
00:34:00 → 00:34:03 พอแล้วนะครับที่จะช่วยหมอแล้วให้รู้โรค
00:34:03 → 00:34:05 ได้หลายอย่างนะครับเวลา Apple Watch มัน
00:34:05 → 00:34:09 ตรวจออกมาเนี่ยมันก็จะตรวจออกมาได้ว่าหัว
00:34:09 → 00:34:11 ใจเราเต้นปกติหรือเปล่านะครับแบบภาพทาง
00:34:11 → 00:34:15 ด้านซ้ายบนปกติเนี่ยเราเรียกว่าไซนัสนะ
00:34:15 → 00:34:19 ครับการเต้นจากไซนัสซึ่งไซนัสเนี่ยมันก็
00:34:19 → 00:34:22 คือ SA node นะครับที่เรารู้จักกันตอน
00:34:22 → 00:34:24 ที่ผมแนะนำตอนแรกว่า senot เนี่ยเป็นตัว
00:34:24 → 00:34:27 กระตุ้นให้หัวใจมันทำงานได้สม่ำเสมอเป็น
00:34:27 → 00:34:31 ตัวควบคุมจังหวะของหัวใจเลยนะครับ SA
00:34:31 → 00:34:34 หน่วยเนี่ยมีชื่อว่าไซนัสโหนดนั่นเองนะ
00:34:34 → 00:34:37 ครับ sinuousial node ตัว Apple Watch
00:34:37 → 00:34:40 เนี่ยก็เลยใช้คำว่าไซนัสนะครับเอามาเป็น
00:34:40 → 00:34:43 จังหวะปกติของหัวใจนะครับอันนี้คือจังหวะ
00:34:43 → 00:34:46 สายบนโดยที่ไซนัส
00:34:46 → 00:34:50 คำจำกัดความของคำว่าไซนัสรีทึมนะครับก็
00:34:50 → 00:34:53 คือหัวใจเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอนะครับ
00:34:53 → 00:34:56 แล้วอัตราการเต้นเนี่ยไม่เร็วหรือว่าช้า
00:34:56 → 00:35:00 เกินไปนะครับโดย Apple Watch ใช้ตัวเลข
00:35:00 → 00:35:03 50 กับ 120 นะครับก็จะเป็นตัวเลขกลางๆ
00:35:03 → 00:35:06 ที่เราคุยกันเมื่อกี้ว่าของเรา 60 กับ 100
00:35:06 → 00:35:11 แต่ 50 กับ 120 แล้วก็ยังเป็นตัวที่เพื่อ
00:35:11 → 00:35:13 ให้คนไข้เขาก็ไม่ตกใจเกินไปใช่ไหมครับ
00:35:13 → 00:35:16 อย่างที่บอกว่าต่ำกว่า 60 มันยังปกติอยู่
00:35:16 → 00:35:18 เนี่ยเยอะเลยนะฮะแต่ต่ำกว่า 50 แล้วปกติ
00:35:18 → 00:35:22 เนี่ยมีไม่มากแล้วก็เกินร้อยแล้วปกติก็
00:35:22 → 00:35:24 ยังมีเยอะแต่เกิน 120 แล้วผิดปกติเนี่ยก็
00:35:24 → 00:35:27 จะมีไม่มากเช่นกันนะครับเพื่อกันคนจะตกกะ
00:35:27 → 00:35:29 ใจกันเยอะว่าหัวใจเราช้าหรือเร็วเกินไป
00:35:29 → 00:35:32 เนี่ย Apple Watch เนี่ยก็จะบอกแล้วว่า
00:35:32 → 00:35:34 หัวชาร์จหรือเร็วโดยตัวเลขของมันก็คือ 50
00:35:34 → 00:35:39 กับ 120 นั่นเองนะครับก็จะเป็นตามภาพด้าน
00:35:39 → 00:35:41 ซ้ายล่างนะครับ
00:35:41 → 00:35:43 ส่วนอันต่อไปนะครับที่ Apple Watch
00:35:43 → 00:35:46 วินิจฉัยได้เลยว่าเป็นหรือเปล่าก็คือตัว
00:35:46 → 00:35:49 AF นะครับที่เรารู้จักกันไปเมื่อกี้นะ
00:35:49 → 00:35:53 ครับคือ AF เนี่ยมันวัดมันวินิจฉัยได้
00:35:53 → 00:35:54 ง่ายด้วยลีกเดียวก็ไม่ได้ใช้ได้แล้วนะ
00:35:54 → 00:35:58 ครับเพราะว่าการวินิจฉัยเนี่ยใช้แค่ว่า
00:35:58 → 00:36:02 AIS เนี่ยจังหวะของหัวใจที่ออกมามันไม่
00:36:02 → 00:36:05 ใช่ใส่นานะครับแล้วก็หัวใจเต้นไม่สม่ำ
00:36:05 → 00:36:09 เสมอโดยที่ตัวของหัวใจเนี่ยลักษณะกราฟตัว
00:36:09 → 00:36:12 ขีดแหลมๆที่เราก็ qs Complex เนี่ยมัน
00:36:12 → 00:36:15 ลักษณะเหมือนเดิมนะครับดังนั้นเนี่ยถ้า
00:36:15 → 00:36:17 เราเป็น AF เนี่ยตัว Apple Watch นะครับ
00:36:17 → 00:36:20 หรือว่า Smart Watch ของเราก็สามารถที่
00:36:20 → 00:36:23 จะวินิจฉัยได้นะครับโดยชื่อของ AIS เรา
00:36:23 → 00:36:26 เรียกว่าหัวใจห้องบนสั่นพริ้วนะครับสั่น
00:36:26 → 00:36:30 พริ้วคือว่าเต้นแบบไม่สม่ำเสมอแบบพริ้วนะ
00:36:30 → 00:36:34 ครับเวลาบีบตัวคืออย่างนี้นะครับคือไม่
00:36:34 → 00:36:39 เป็นจังหวะเพราะตัวนี้ถ้าเรารู้ได้ถ้า
00:36:39 → 00:36:41 Apple Watch detect ได้ว่าเป็นเอาไป
00:36:41 → 00:36:43 ให้คุณหมอดูเลยฮะเดี๋ยวคุณหมอก็จะแนะนำ
00:36:43 → 00:36:46 วิธีการรักษาแล้วก็วิธีดูแลตัวเองต่อไปนะ
00:36:46 → 00:36:49 ครับนี่ก็จะเป็น AF นี่จะเป็นหัวใจเต้น
00:36:49 → 00:36:51 จังหวะที่เจอบ่อยที่สุดนะครับ
00:36:51 → 00:36:55 ส่วนอันสุดท้ายที่ Apple Watch จะแปลผล
00:36:55 → 00:36:58 ออกมาก็คือว่าไม่สามารถสรุปผลได้นะครับก็
00:36:58 → 00:37:01 เกิดได้จากหลายสาเหตุนะฮะก็ตั้งแต่การวัด
00:37:01 → 00:37:04 ของเราเนี่ยมันมันผิดพลาดนะครับหรือว่า
00:37:04 → 00:37:09 สวมนาฬิกาหลวมเกินไปนะครับหรือว่าบางที
00:37:09 → 00:37:13 ข้อมือของเรามันคดงอกระดูกข้อมือเบี้ยวนะ
00:37:13 → 00:37:19 ครับหรือว่าแอปผิดปกติเนี่ยนะครับก็มันก็
00:37:19 → 00:37:22 จะออกมาเป็นสรุปผลไม่ได้หรือเราวัดผิด
00:37:22 → 00:37:25 วิธีเช่นกดวัดแล้วไม่ได้เอามือแตะที่
00:37:25 → 00:37:29 บริเวณ Cloud ของของ Apple Watch อันนี้
00:37:29 → 00:37:32 ก็จะออกมาเป็นแบบไม่สามารถสรุปผลได้ตัว
00:37:32 → 00:37:34 Apple Watch นะครับเวลา Record เนี่ย
00:37:34 → 00:37:37 เวลาใช้งานนะครับเราเปิดแอปปุ๊บเราก็แอป
00:37:37 → 00:37:40 มันจะบอกว่าให้เราเอามือนะครับแตะที่
00:37:40 → 00:37:43 Digital Cloud แบบรูปภาพด้านซ้ายนะครับ
00:37:43 → 00:37:46 แต่ไว้นิ่งๆเพื่อให้เครื่องเนี่ย Record
00:37:46 → 00:37:49 ข้อมูลนะครับแล้วก็ผลมันก็จะออกมาให้เรา
00:37:49 → 00:37:53 เห็นตามรูปภาพด้านขวาจะเป็นผล ecg นะครับ
00:37:53 → 00:37:56 ที่บอกเขาเอามาเป็นไซนัสนิเทศก็คือเป็น
00:37:56 → 00:38:00 ลักษณะของกราฟหัวใจปกติใครลองใช้ smart
00:38:00 → 00:38:03 watch แล้วก็ตรวจหัวใจของตัวเองแล้วผิด
00:38:03 → 00:38:07 ปกติบ้างนะครับเดี๋ยวเก็บข้อมูลเอาไว้
00:38:07 → 00:38:09 เตรียมข้อมูลไว้เดี๋ยวคุยกันท้ายชั่วโมง
00:38:09 → 00:38:12 นะครับ Apple Watch นะครับ
00:38:12 → 00:38:14 โดยปกติแล้วจะตาม fba approve เนี่ยจะ
00:38:14 → 00:38:17 approve ให้ใช้ได้ลีดเดียวนะครับแต่ว่า
00:38:17 → 00:38:20 ก็จะมีอ่าคุณหมอหลายๆท่านหรือว่าผู้
00:38:21 → 00:38:22 เชี่ยวชาญหลายๆที่เนี่ยพยายามที่จะใช้
00:38:22 → 00:38:24 ประโยชน์จาก Apple Watch ให้มากที่สุดนะ
00:38:24 → 00:38:27 ครับก็คือบางคนก็จะพยายามอยากจะวัดให้ได้
00:38:27 → 00:38:30 2 คดีบางคนก็พยายามที่จะเอาไปวัดสาม
00:38:30 → 00:38:32 เหลี่ยมโดยการประยุกต์เอา Apple Watch
00:38:32 → 00:38:36 ไปแตะที่บริเวณท้องหรือไปแปะไว้ที่ขาเป็น
00:38:36 → 00:38:39 ต้นนะครับหรือว่าอันนี้ก็จะเป็นลักษณะการ
00:38:39 → 00:38:42 ที่ Record ออกมาว่าถ้าวัดแขนขวาแขนซ้าย
00:38:42 → 00:38:45 ขาขวาขาซ้ายเนี่ยสลับกันแล้วออกมาแล้วภาพ
00:38:45 → 00:38:48 มันจะต่างกันจะช่วยคุณหมอวินิจฉัยโรคได้
00:38:48 → 00:38:51 เพิ่มขึ้นหรือเปล่านะครับหรือเอา Apple
00:38:51 → 00:38:53 Watch เนี่ยไปแตะที่หน้าอก 6 จุดเพื่อ
00:38:53 → 00:38:57 ให้กราฟออกมาเพิ่มขึ้นนะครับเป็นกราฟ
00:38:57 → 00:38:59 เชสลีด 6 จุดเงี้ยเป็นต้นนะครับอันนี้ก็
00:38:59 → 00:39:02 จะเป็นตัวอย่างของการวิจัยที่เขาทำออกมา
00:39:02 → 00:39:05 ว่าเออจริงๆแล้วอ่ะลักษณะของคลื่นหัวใจ
00:39:05 → 00:39:07 ที่เราเอา Apple Watch เนี่ยไปแตะหลายๆ
00:39:07 → 00:39:10 จุดเนี่ยมันก็ต่างกันเหมือนกันนะครับก็มี
00:39:10 → 00:39:12 พยายามหลายๆที่เนี่ยพยายามที่จะทำนะครับ
00:39:12 → 00:39:15 แล้วก็มีข้อมูลรายงานมาว่า Apple Watch
00:39:15 → 00:39:19 เนี่ยเมื่อตรวจแอปตัว ecg ในคนไข้ที่มี
00:39:19 → 00:39:21 เส้นเลือดตีบเนี่ยมันก็บอกได้ด้วยเหมือน
00:39:21 → 00:39:25 กันนะเพราะของใครมีเซ็ตเล็ตนะครับแต่เรา
00:39:25 → 00:39:26 ต้องไปวิเคราะห์กราฟเองนะครับคือเครื่อง
00:39:26 → 00:39:29 มันจะไม่ๆไม่ได้แปลผลไม้ให้เรานะฮะอันนี้
00:39:29 → 00:39:32 ก็เป็นความพยายามแล้วก็ความก้าวหน้าในการ
00:39:32 → 00:39:34 วินิจฉัยที่ใช้ Apple Watch ช่วย
00:39:34 → 00:39:38 วินิจฉัยโรคนะครับยังไงก็ตามสิ่งที่ทำมา
00:39:38 → 00:39:40 ทั้งหมดเนี่ยก็
00:39:40 → 00:39:43 ส่วนตัวผมเองเนี่ยก็คิดว่าถ้าทำได้มันก็
00:39:43 → 00:39:46 ดีแต่ว่าการที่เราจะไปเอา Apple Watch
00:39:46 → 00:39:48 ไปแตะแขนแตะขาหรือไปแตะหน้าอกหลายๆจุด
00:39:48 → 00:39:52 เนี่ยอย่าไปเสียเวลารอตรวจเองหลายๆจุดเลย
00:39:52 → 00:39:54 เพราะว่าในระหว่างที่เรารอเราอาจจะเป็น
00:39:54 → 00:39:58 เยอะขึ้นจนๆรักษาได้ไม่หายหรือว่าเสีย
00:39:58 → 00:40:00 ชีวิตได้ก็มีนะครับรีบไปโรงพยาบาลเนี่ย
00:40:00 → 00:40:02 น่าจะดีที่สุดแต่ถ้าเกิดระหว่างเดินทางไป
00:40:02 → 00:40:04 โรงพยาบาลเราจะทำอันนี้ก็ไม่ได้ว่ากันนะ
00:40:04 → 00:40:04 ครับ
00:40:05 → 00:40:08 เราก็จะมาคุยถึง
00:40:08 → 00:40:10 หัวใจเต้นจังหวะห้องล่างกันบ้างนะครับ
00:40:10 → 00:40:15 ซึ่งมันมีชื่อย่อ P ว่า PVC นะครับ PVC
00:40:15 → 00:40:17 ในทางการแพทย์นะครับมันย่อมาจาก
00:40:17 → 00:40:19 พรีเมอร์ชัวร์ When dogura Contact
00:40:19 → 00:40:23 ชั่นนะครับหรือบางคนก็จะใช้คำว่าเพื่อมา
00:40:23 → 00:40:26 ชัวร์เป็นที่โคราช Complex นะครับถ้าอ่าน
00:40:26 → 00:40:29 จาก ekg เราจะเรียกว่า Complex แต่ว่าใน
00:40:29 → 00:40:31 ทางสรีระวิทยาเราเรียกว่า
00:40:32 → 00:40:35 contraction นะครับก็ชื่อย่อว่า PVC จะ
00:40:35 → 00:40:39 ไม่ง่ายแต่ว่า PVC คือหัวใจเต้นอยู่ห้อง
00:40:39 → 00:40:40 ล่างนะครับ
00:40:40 → 00:40:43 มาชัวร์มันแปลว่ามาก่อนกำหนดนะครับก็คือ
00:40:43 → 00:40:47 เหมือนกับว่าการเต้นของหัวใจตอนนี้มันไม่
00:40:48 → 00:40:50 ได้เป็นการเต้นปกติมันเป็นการเต้นจากอะไร
00:40:50 → 00:40:52 ก็ไม่รู้ที่มันแทรกออกมาก่อนกำหนดนะครับ
00:40:52 → 00:40:55 ก็เรียกว่า sure ส่วนเวนดิโคล่าเนี่ยมัน
00:40:55 → 00:40:58 ย่อมาจากเวนติเคิลเวนิคอนก็คือหัวใจห้อง
00:40:58 → 00:41:01 ล่างส่วน contraction เนี่ยคือการบีบตัว
00:41:01 → 00:41:04 ของหัวใจนะครับแล้วก็เมื่อกี้อย่างที่ผม
00:41:04 → 00:41:06 เกริ่นนำไปผมหัวใจเต้นอยู่ห้องล่างเนี่ย
00:41:06 → 00:41:09 มันจะมีลักษณะก็คือว่าตัวกราฟหัวใจเนี่ย
00:41:09 → 00:41:13 มันจะอ้วนผิดปกติทุกคนจะเห็นแถบคลื่นหัว
00:41:13 → 00:41:16 ใจสีชมพูด้านล่างใช่ไหมครับแล้วเห็นวงกลม
00:41:16 → 00:41:19 สีแดงเนาะวงกลมสีแดงเนี่ยคือ PVC ที่ออก
00:41:19 → 00:41:22 มา 2 ตัวนะครับส่วนไอ้ตัวขีดเล็กๆเนี่ย
00:41:22 → 00:41:25 คือไซนัสปกตินะครับคือการเต้นของหัวใจ
00:41:25 → 00:41:26 ปกติ
00:41:26 → 00:41:30 ซึ่งตัว PVC เนี่ยนะครับก็จะมีได้ทั้ง
00:41:30 → 00:41:35 อ่าเป็นออกมาแค่ตัว 2 ตัวนะครับหรือว่ามี
00:41:35 → 00:41:38 ออกมาบ่อยๆเลยหลายๆอันเค้าเรียกว่า
00:41:38 → 00:41:40 requence PVC นะครับหรือถ้าออกมาต่อ
00:41:40 → 00:41:43 เนื่องเลยเรียกว่าวีแทคซึ่งถ้าออกมาต่อ
00:41:43 → 00:41:46 เนื่องแบบเนี้ยคือ PVC ที่เป็นอันตรายนะ
00:41:46 → 00:41:50 ครับทีนี้เราลองมาดูวิดีโอ PVC กันบ้างนะ
00:41:50 → 00:41:54 ครับ
00:41:54 → 00:41:58 จะเห็นว่าตัวกราฟหัวใจนะครับของเราที่
00:41:58 → 00:42:01 เป็น PVC คือกราฟอ้วนๆกลมๆใช่ไหมครับตรง
00:42:01 → 00:42:05 ที่อยู่ตรงกราฟที่สระตัวที่ 3 เห็นว่าหัว
00:42:05 → 00:42:08 ใจเนี่ยมันเต้นแล้วมันก็หยุดเต้นแล้วมัน
00:42:08 → 00:42:10 ก็มาเต้นใหม่นะครับช่วงที่หยุดเต้นเนี่ย
00:42:10 → 00:42:13 ก็คือว่ามีไฟฟ้าในหัวใจห้องล่างเนี่ยมัน
00:42:13 → 00:42:16 มาแทรกทำให้หัวใจของเราเนี่ยมันเต้นแล้ว
00:42:16 → 00:42:18 ก็หยุดเต้นเป็นพักๆ
00:42:18 → 00:42:22 นี่ก็คือเป็นการเต้นของ PVC จากกราฟแล้ว
00:42:22 → 00:42:25 เออเวลาหัวใจเต้นจริงมันเต้นยังไงนะครับ
00:42:25 → 00:42:30 อันนี้ก็จะเป็นการจับชีพจรในคนที่เป็น PVC
00:42:30 → 00:42:33 นะครับวันนี้ก็จะผมได้มาจากพี่ท่านหนึ่ง
00:42:33 → 00:42:36 นะครับซึ่งก็เป็นพี่ที่รู้จักกันแล้วก็มี
00:42:36 → 00:42:39 หัวใจเต้นมีจังหวะแล้วก็เขาก็ส่งตัวกราฟ
00:42:39 → 00:42:42 ตัววีดีโอนี้มาให้ดูนะครับอันนี้เป็น
00:42:42 → 00:42:45 ออกซิเจนปลายนิ้วซึ่งเรามีอยู่
00:42:45 → 00:42:48 เป็นกันเยอะเนาะหลายๆบ้านมีอยู่นะครับจะ
00:42:48 → 00:42:51 เห็นว่าเราเห็นเลข 98 ไหมฮะแล้วก็เห็นตัว
00:42:51 → 00:42:54 กราฟชีพจรด้านล่างนะครับการชีพจรนั้นด้าน
00:42:54 → 00:42:57 ล่างเนี่ยมันคือกราฟที่มันเป็น 1 คลื่น
00:42:57 → 00:42:59 เนี่ยมันคือหัวใจเต้นครั้งหนึ่งนะโดยปกติ
00:43:00 → 00:43:02 แล้วอ่ะคลื่นมันก็จะต้องสม่ำเสมอเนาะแต่
00:43:02 → 00:43:05 เราจะเห็นว่าพอเต้นๆไปแล้วมันมีการหยุด
00:43:05 → 00:43:09 ของตัวคลื่นอย่างเงี้ยถ้าเราไปทำชีพจรเอง
00:43:09 → 00:43:12 ที่ข้อมืออ่ะเราก็จะเห็นเราก็จะรู้สึกว่า
00:43:12 → 00:43:15 ชีพจรเนี่ยมันหยุดเหมือนกันนะครับเหมือน
00:43:15 → 00:43:18 กับกราฟเนี่ยตัวนี้ก็จะเป็นตัวที่ช่วยให้
00:43:18 → 00:43:20 เรารู้ว่าชีพจรของเราเต้นไม่สม่ำเสมอได้
00:43:20 → 00:43:24 เป็นอย่างดีนะครับส่วนตัวค่าตัวสุดท้าย
00:43:24 → 00:43:26 เนี่ยเครื่องก็จะ Record ออกมาเป็น Power
00:43:26 → 00:43:28 Rate bpm ก็คือ Beach perminutes นะ
00:43:28 → 00:43:31 ครับอันนี้ชีพจรก็จะเต้นอยู่ที่ 76 ครั้ง
00:43:31 → 00:43:37 ต่อนาทีนะครับแต่ในบางครั้งนะฮะตัวชีพจร
00:43:37 → 00:43:39 เนื่องจากเครื่อง
00:43:39 → 00:43:42 oximeter เนี่ยนะครับหรือ powery เนี่ย
00:43:42 → 00:43:46 มันเป็นเครื่องที่จับอัตราการเต้นเนี่ย
00:43:46 → 00:43:49 แค่ช่วงสั้นๆประมาณ 5 วินาทีเท่านั้นเวลา
00:43:49 → 00:43:52 มันคำนวณออกมาเป็นตัวเลขเผาเลทเนี่ยบางที
00:43:52 → 00:43:55 อาจจะ Error ได้จะเห็นว่าตัวเลข 21 ที่
00:43:55 → 00:43:57 อยู่ด้านหลังเนี่ยนะฮะถ้าเราไปทำชีพจร
00:43:57 → 00:44:00 จริงๆมันจะไม่ใช่ 21 อ่ะครับแต่พอเรามี
00:44:00 → 00:44:03 PVC บ่อยๆเครื่องมันจะคำนวณผิดพลาดว่า
00:44:03 → 00:44:06 ชีพจรเราได้ 21 ในคนที่มีหัวใจถ้ามี
00:44:06 → 00:44:09 จังหวะนะครับเราเวลานับที่พระจอเนี่ยเรา
00:44:09 → 00:44:12 จะต้องนับให้ครบ 1 นาทีนะครับว่าใน 1
00:44:12 → 00:44:14 นาทีเนี่ยมันเต้นได้กี่ครั้งเพราะว่า
00:44:14 → 00:44:17 เนื่องจากชีพจรเราไม่สม่ำเสมอถ้าเราไปวัด
00:44:17 → 00:44:21 แค่ช่วงสั้นๆเนี่ยเราก็จะได้ค่าที่มันไม่
00:44:21 → 00:44:24 เป็นตัวเลขที่แท้จริงนะครับเราก็ต้องจับ
00:44:24 → 00:44:28 ชีพจรหรือว่าเราจะดูที่ตัวกราฟที่มันอ่า
00:44:28 → 00:44:31 เด้งขึ้นมาแต่ละขีดก็ได้แล้วก็นับเป็น
00:44:31 → 00:44:33 ชีพจรไป 1 2 3
00:44:33 → 00:44:36 4 5 6
00:44:36 → 00:44:40 7 8 9 อย่างเงี้ยนะฮะนับจนครบ 1 นาที
00:44:40 → 00:44:42 ว่าจริงๆแล้ว 1 นาทีมันเต้นกี่ครั้งก็ได้
00:44:42 → 00:44:46 อันนี้ก็จะเป็นวิธีการใช้ตัว pull
00:44:46 → 00:44:49 optimity มาช่วยดูว่าหัวใจเราเนี่ยมันมี
00:44:49 → 00:44:51 เต้นผิดจังหวะหรือเปล่า
00:44:51 → 00:44:52 ง่ายเนาะ
00:44:52 → 00:44:56 ส่วนอันสุดท้ายที่จะใช้มาช่วยดูว่าหัวใจ
00:44:56 → 00:44:57 เนี่ยมันเต้นผิดจังหวะหรือเปล่าก็คือ
00:44:57 → 00:45:01 เครื่องวัดความดันแบบดิจิทัลซึ่งเครื่อง
00:45:01 → 00:45:03 วัดความดันแบบดิจิตอลเนี่ยเวลาเราวัดเรา
00:45:03 → 00:45:06 จะได้ตัวเลข 3 ตัวนะครับแต่ในรูปภาพนี้จะ
00:45:06 → 00:45:09 เป็นการนั่งวัดความดัน
00:45:09 → 00:45:12 ที่ถูกต้องนะครับคือถ้าวัดที่ถูกต้องเรา
00:45:12 → 00:45:16 จะต้องนั่งนะครับมีในเก้าอี้มีพนักพิงนะ
00:45:16 → 00:45:20 ครับแล้วก็วางเครื่องอยู่บนโต๊ะแขนก็ต้อง
00:45:20 → 00:45:22 วางอยู่บนโต๊ะนะครับแขนต้องไม่เกรงนะครับ
00:45:23 → 00:45:27 แล้วก็ระหว่างวัดเนี่ยก็อยู่ในห้องที่
00:45:27 → 00:45:29 เงียบไม่ควรพูดคุยระหว่างวัดนะครับแล้วก็
00:45:29 → 00:45:32 เท้าเนี่ยก็ต้องวางสบายๆอยู่ที่พื้นค่า
00:45:33 → 00:45:35 ความดันของเราก็ถึงจะออกมาได้เป็นค่าความ
00:45:35 → 00:45:38 ดันที่น่าเชื่อถือแล้วก็ควรจะวัด 2 ครั้ง
00:45:38 → 00:45:40 ห่างกันสัก 5-10 นาทีนะครับ
00:45:40 → 00:45:43 แล้วก็ตัวเลขที่แรกออกมานะครับก็จะเป็น
00:45:43 → 00:45:46 แบบตัวเครื่องที่เราเห็นอยู่ด้านขวาล่าง
00:45:46 → 00:45:49 นะครับแล้วก็จะเห็นตัวเลข 118 80 ใช่ไหม
00:45:49 → 00:45:52 ครับตัวเลขบนนี้คือความดันตัวบนส่วนตัว
00:45:52 → 00:45:55 เลขตัว 80 นี่คือความดันตัวล่างนะครับ
00:45:55 → 00:45:57 ความดันเราจะมี 2 ตัวส่วนตัวเลขตัวที่ 3
00:45:57 → 00:46:01 เนี่ยก็คือตัวชีพจรนะครับเผาเลทหรือว่า
00:46:01 → 00:46:04 heart rate นะครับคำว่าเผานี่คือชีพจร
00:46:04 → 00:46:08 นะฮะที่เราจัดที่ข้อมือแต่ว่าถ้าเป็น
00:46:08 → 00:46:09 heart rate นะครับ heart rate ก็คือ
00:46:09 → 00:46:13 Heart คือหัวใจหัวใจเต้นตัวหัวใจเต้นไม่
00:46:13 → 00:46:15 จำเป็นจะต้องเท่ากันกับเผาเลทแต่ส่วนใหญ่
00:46:15 → 00:46:18 มันจะเท่ากันนะครับเราก็จะได้ออกมาเป็น
00:46:18 → 00:46:19 ตัว
00:46:19 → 00:46:23 ตัวเลขด้านตัวที่ 3 นะมันก็จะสงสัยว่าตัว
00:46:23 → 00:46:25 ที่ 3 คืออะไรก็คือชีพจรนั่นเอง
00:46:25 → 00:46:28 ทีนี้เราจะรู้ว่า
00:46:28 → 00:46:31 ชีพจรมันเต้นกี่ครั้งแล้วเราจะรู้ว่าหัว
00:46:31 → 00:46:34 ใจมันเต้นผิดจังหวะหรือเปล่าด้วยว่า
00:46:34 → 00:46:36 เครื่องบางรุ่นเนี่ยมันจะมีการเตือนว่า
00:46:36 → 00:46:38 หัวใจเต้นผิดจังหวะมันก็จะมีสัญญาณ
00:46:38 → 00:46:41 สัญลักษณ์ขึ้นมาอย่างไรบางรุ่นก็จะมีโรค
00:46:41 → 00:46:45 รูปหัวใจขึ้นมาตรงบริเวณนี้ถ้ามีรูปหัวใจ
00:46:45 → 00:46:47 ขึ้นมาอันนี้แปลว่ามีหัวใจที่มีจังหวะก็
00:46:47 → 00:46:49 จะรู้ได้ว่าหัวใจเราเต้นผิดจังหวะหรือ
00:46:49 → 00:46:53 เปล่านะครับอันนี้ก็จะเป็นประโยชน์นอก
00:46:53 → 00:46:55 เหนือจากการวัดความดันของเครื่องวัดความ
00:46:55 → 00:46:59 ดันส่วนเรื่องการจับชีพจรนะครับการจับ
00:46:59 → 00:47:02 ชีพจรเนี่ยก็ง่ายมากเลยนะครับชีพจรของเรา
00:47:02 → 00:47:05 เนี่ยมันมีอยู่หลายจุดด้วยกันนะครับแต่
00:47:05 → 00:47:08 ว่าจุดที่ผมจะแนะนำให้จับเพราะว่าง่ายที่
00:47:08 → 00:47:12 สุดเลยนะครับก็คือบริเวณตรงข้อมือนะครับ
00:47:12 → 00:47:16 ข้อมือด้านขวาหรือซ้ายก็ได้นะครับถ้าคน
00:47:16 → 00:47:19 ถนัดขวาก็แนะนำให้ใช้ข้อมือซ้ายนะครับเรา
00:47:19 → 00:47:21 จะใช้นิ้ว 2 นิ้วหรือว่า 3 นิ้วนะครับ
00:47:21 → 00:47:23 แล้วแต่ถนัดเนี่ยวางที่บริเวณข้อมือซ้าย
00:47:24 → 00:47:27 โดยที่จุดที่วางนะครับก็จะเป็นบริเวณใต้
00:47:27 → 00:47:30 ต่อข้อพับของข้อมือแล้วก็ฝั่งที่วางเนี่ย
00:47:30 → 00:47:33 แนะนำจริงๆแล้วมีเส้นเลือดสองฝั่งนะฮะแต่
00:47:33 → 00:47:35 แนะนำให้วางที่เส้นเลือดฝั่งที่มันใหญ่
00:47:35 → 00:47:39 กว่าคืออยู่ที่นิ้วโป้งใต้โคนนิ้วโป้งนะ
00:47:39 → 00:47:42 ครับแล้วก็จะมือแตะไปบริเวณตรงข้อพับใต้
00:47:42 → 00:47:46 โคนนิ้วโป้งก็อยู่ตรงคล้ายๆรูปที่โชว์เลย
00:47:46 → 00:47:47 ครับ
00:47:47 → 00:47:50 พอเราเอา 2 นิ้วแตะไปนะครับอาจจะเอามือ
00:47:51 → 00:47:53 วางที่โต๊ะก็ได้นะฮะแล้ว 2 นิ้วแตะเราจะ
00:47:53 → 00:47:56 รู้สึกว่ามันมี
00:47:56 → 00:48:00 อะไรสักอย่างนึงมากระแทกนิ้วเรานะฮะ
00:48:00 → 00:48:03 บริเวณนั้นจะมีเส้นเลือดซึ่งพอหัวใจบีบ
00:48:03 → 00:48:05 ตัวครั้งหนึ่งนะฮะเลือดมันก็จะไหลมา
00:48:05 → 00:48:08 กระแทกนิ้วเราเป็นจังหวะจังหวะที่ได้
00:48:08 → 00:48:12 เนี่ยแหละก็คือชีพจรนะครับทีนี้แล้วเมื่อ
00:48:12 → 00:48:14 ไหร่อ่ะที่เราควรจะต้องไปพบแพทย์นะครับ
00:48:14 → 00:48:18 หัวใจเต้นช้าเนี่ยอย่างที่คุยกันไปถ้าต่ำ
00:48:18 → 00:48:21 กว่าถ้าอยู่ตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 50 กว่าๆ
00:48:21 → 00:48:24 เนี่ยส่วนใหญ่ไม่ไม่มีอันตรายอะไรนะครับ
00:48:24 → 00:48:27 แต่เมื่อไหร่ก็ตามถ้าเกิดว่ามันช้าถึง
00:48:27 → 00:48:30 น้อยกว่า 40 อันนี้แนะนำให้ไปพบแพทย์อาจ
00:48:30 → 00:48:34 จะต้องเช็คดูแล้วว่าหัวใจของเราเนี่ยมัน
00:48:34 → 00:48:37 มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าโลกที่หัวใจเต้น
00:48:37 → 00:48:39 ช้ามากๆเนี่ยนอกเหนือจากหัวใจได้มีจังหวะ
00:48:39 → 00:48:43 แล้วก็คือเขาเรียกว่าภาวะทางเดินกระแสไฟ
00:48:43 → 00:48:45 ฟ้าอุดกั้นนะฮะที่เราเรียกว่า hardbox
00:48:45 → 00:48:48 เพราะ Heart Blog เนี่ยก็จะมีหัวใจเต้น
00:48:48 → 00:48:51 ช้าแล้วมันหยุดเต้นได้ดังนั้นเนี่ยต้องไป
00:48:51 → 00:48:53 ตรวจคลื่นหัวใจนะฮะถ้าเกิดว่าหัวใจเต้น
00:48:53 → 00:48:56 ช้ากว่า 40 ครั้งต่อนาที
00:48:56 → 00:48:58 อนามัยคือหัวใจเต้นเร็วนะครับหัวใจเต้น
00:48:58 → 00:49:01 เร็วเนี่ยถ้าเต้นเกิน 150 ครั้งต่อนาทีใน
00:49:01 → 00:49:04 ขณะที่เรานั่งพักแล้วนะถ้านั่งพักแล้วหัว
00:49:04 → 00:49:07 ใจยังเต้นเร็วกว่า 150 ครั้งต่อนาทีอัน
00:49:07 → 00:49:09 นี้แนะนำว่าต้องรีบไปพบแพทย์นะครับเพราะ
00:49:09 → 00:49:11 ปกติแล้วถ้าเราไปเดินออกกำลังกายไปเดิน
00:49:11 → 00:49:15 ขึ้นบันไดพอเราหยุดเดินแล้วเรานั่งพักคง
00:49:15 → 00:49:17 จะไม่ต้องเต้นช้าลงถูกไหมแต่ถ้าเกิดว่า
00:49:17 → 00:49:22 มันเต้นมันเต้นไม่ๆไม่ช้าลงมันยังสูงเกิน
00:49:22 → 00:49:25 150 ครั้งต่อเนื่องเนี่ยแนะนำให้ไปพบ
00:49:25 → 00:49:26 แพทย์
00:49:26 → 00:49:29 แล้วก็ในคนที่หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอเต้น
00:49:29 → 00:49:32 กระตุกเต้นผิดจังหวะถ้ายังไม่เคยตรวจกับ
00:49:32 → 00:49:34 แพทย์ไม่เคยคบพบแพทย์เลยอันนี้ก็ไปพบ
00:49:34 → 00:49:37 แพทย์ได้แต่อาจจะไม่ด่วนเท่าข้อ 1 กับข้อ
00:49:37 → 00:49:40 2 นะครับส่วนข้อสุดท้ายก็คือมีอาการ
00:49:40 → 00:49:43 เหนื่อยแน่นเป็นลมวูบหมดสติถ้ามีอาการ
00:49:43 → 00:49:46 เหล่านี้เราเป็นแบบเฉียบพลันก็ควรจะไปพบ
00:49:46 → 00:49:50 แพทย์เลยนะครับหัวใจที่ผิดจังหวะนะครับ
00:49:50 → 00:49:53 นอกจากอาการที่เกิดขึ้นแล้วเนี่ยในระยะ
00:49:53 → 00:49:57 ยาวนะครับมันอาจจะทำให้เกิดภาวะภาวะภาวะ
00:49:57 → 00:49:59 ภาวะหนึ่งซึ่งไม่ดีเลยไม่อยากให้เป็นก็
00:49:59 → 00:50:03 คือภาวะที่เราเรียกว่าโรคหัวใจโตโรคหัวใจ
00:50:03 → 00:50:06 โตเนี่ยเวลาที่หัวใจมันผิดจังหวะนานๆหัว
00:50:06 → 00:50:09 ใจเนี่ยมันจะทำงานผิดปกติไปนะครับจนมี
00:50:09 → 00:50:12 ภาวะที่ตัวกล้ามเนื้อของหัวใจเนี่ยมัน
00:50:12 → 00:50:17 ค่อยๆล้าอ่อนล้าลงนะฮะจนในสุดมันจะขยาย
00:50:17 → 00:50:20 ขนาดขึ้นจนเกิดภาวะหัวใจโตแล้วก็มีภาวะ
00:50:20 → 00:50:23 หัวใจวายตามมาได้ภาวะหัวใจวายน้ำท่วมก่อน
00:50:23 → 00:51:16 นะครับ
00:51:16 → 00:51:24 [เพลง]
00:51:24 → 00:51:26 ก็จะมีอิเล็กโทรดแปะไว้ที่หน้าอกแล้วก็จะ
00:51:26 → 00:51:30 Record ออกมาเป็น ecg นะครับใครบ้างที่
00:51:30 → 00:51:34 ควรทำมอเตอร์นะฮะหลักๆเลยก็คือมีอาการใจ
00:51:34 → 00:51:37 สั่นเป็นลมหน้ามืดแล้วมันตรวจ ekg ได้
00:51:37 → 00:51:42 ปกติอันนี้น่าทำแต่ถ้าเกิดว่าตรวจ ekg
00:51:42 → 00:51:45 ได้แล้วควรจะทำไหมรู้ว่าเป็นอยู่แล้วก็
00:51:45 → 00:51:47 น่าจะต้องทำนะครับเพราะว่าจะได้รู้ว่าตัว
00:51:47 → 00:51:49 หัวใจที่จังหวะเนี่ยมันเป็นรุนแรงแค่ไหน
00:51:49 → 00:51:52 แล้วก็ไอ้ตัวที่ตรวจที่ ekg เนี่ยบางที
00:51:52 → 00:51:55 ekg มันอาจจะเป็นการตรวจที่
00:51:56 → 00:51:59 เห็นแค่ในบางช่วงเวลาในตอนเราอยู่บ้านอาจ
00:52:00 → 00:52:02 จะมีหัวใจพยาบาลอีกแบบนึงออกมาก็ได้นะฮะ
00:52:02 → 00:52:05 แล้วก็สุดท้ายก็คือเพื่อใช้ติดตามอาการ
00:52:05 → 00:52:07 ของโรคว่าหลังรักษาแล้วเนี่ยมันดีขึ้น
00:52:07 → 00:52:10 หรือเปล่านะครับทีนี้การทำมอเตอร์เนี่ย
00:52:10 → 00:52:12 มันต้องเตรียมตัวยังไงบ้างมันยากไหมมัน
00:52:12 → 00:52:15 เจ็บหรือเปล่าต้องนอนโรงพยาบาลไหม
00:52:15 → 00:52:19 การทำมอเตอร์นะครับแต่ว่าไปหาผมวันนี้ที่
00:52:19 → 00:52:21 โรงพยาบาลแล้วผมสั่งบอกว่าเออเดี๋ยวเรา
00:52:21 → 00:52:24 สั่งให้ไปทำมอเตอร์ที่ห้อง hotter นะฮะ
00:52:24 → 00:52:27 เราก็ Water มันต้องเตรียมตัวยังไงบ้างนะ
00:52:27 → 00:52:29 ครับก็ถ้าเกิดว่าถึงวันนัดเนี่ยพอเราออก
00:52:29 → 00:52:32 จากบ้านปุ๊บเราก็ทำตัวตามปกติเลยครับก็
00:52:32 → 00:52:36 คือกินยาทานอาหารอะไรได้ตามปกติแล้วก็แต่
00:52:36 → 00:52:38 ว่าอย่าลืมพวกบัตรประชาชนมาด้วยนะครับ
00:52:38 → 00:52:41 แล้วก็มือถือเอามาด้วยเผื่อจะต้องมีเงิน
00:52:41 → 00:52:44 มัดจำกระเป๋าตังค์เตรียมมาด้วยนะครับ
00:52:44 → 00:52:46 เผื่อใช้ค่าใช้จ่ายใช่ไหมฮะแต่ที่ห้ามลืม
00:52:46 → 00:53:45 ไม่ได้คือบัตรประชาชน
00:53:45 → 00:53:47 [เพลง]
00:53:48 → 00:53:50 การใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์นะครับหรือว่า
00:53:50 → 00:53:53 เป็นคลื่นเสียงเนี่ยที่จะมีเทคโนโลยีที่
00:53:53 → 00:53:55 ใหม่กว่าเทคโนโลยีของอัลตร้าซาวด์อยู่
00:53:55 → 00:53:57 หน่อยนึงนะครับก็คือตัวอัลตร้าซาวด์จะ
00:53:57 → 00:54:00 เห็นแต่รูปร่างเนอะแต่ว่า Echo เนี่ยมัน
00:54:00 → 00:54:02 จะเห็นการทำงานของหัวใจในแต่ละจุดด้วยนะ
00:54:02 → 00:54:05 ครับเราก็จะสแกนหัวใจในหลายๆมิติเพื่อ
00:54:05 → 00:54:08 จำลองให้หัวใจให้เหมือนกับว่าผมเห็นหัวใจ
00:54:08 → 00:54:11 เป็นแบบ 3 มิติตอนทำอีกคู่นะครับเพื่อที่
00:54:11 → 00:54:14 จะรู้ถึงโครงสร้างและการทำงานของมันนะ
00:54:14 → 00:54:15 ครับ
00:54:15 → 00:54:20 เราก็จะรู้ถึงว่าภายในของเรามีโรคหัวใจ
00:54:20 → 00:54:22 อะไรซ่อนอยู่ไหมไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจโต
00:54:22 → 00:54:25 หรือหัวใจทำงานน้อยลงสงสัยหัวใจขาดเลือด
00:54:25 → 00:54:26 หรือเปล่า
00:54:26 → 00:54:29 หรือในหัวใจทั้ง 4 ลิ้นของเรามันเปิด
00:54:29 → 00:54:32 กว้างดีไหมมันผิดสนิทไหมก็คือเป็นลิ้นหัว
00:54:32 → 00:54:35 ใจตีเผื่อรั่วหรือเปล่ามีโรคหัวใจแต่
00:54:35 → 00:54:37 กำเนิดซ่อนอยู่ไหมเช่นมีผนังกั้นห้องหัว
00:54:37 → 00:54:41 ใจรั่วนะครับหรือว่าขนาดทำ Echo เนี่ยถ้า
00:54:41 → 00:54:42 เกิดว่ามีหัวใจสั่นหรือเต้นผิดจังหวะ
00:54:42 → 00:54:45 เนี่ยเราก็จะรู้ด้วยเพราะว่าตอนทำ Echo
00:54:45 → 00:54:48 เนี่ยเราจะเห็นหัวใจมันเต้นมันมันบีบตัว
00:54:48 → 00:54:50 ใช่ไหมครับถ้ามันบีบตัวผิดปกติเนี่ยเราก็
00:54:50 → 00:54:52 จะรู้ว่ามันเต้นผิดจังหวะหรือเปล่าแล้ว
00:54:52 → 00:54:54 มันก็จะมีการ์ดอีก 4G Monitor แบบ
00:54:54 → 00:54:56 เรียลไทม์ให้อยู่ด้วยนะฮะว่าตอนนั้นเนี่ย
00:54:57 → 00:55:00 กราฟ ekg เป็นยังไงผิดจังหวะหมายนะครับ
00:55:00 → 00:55:03 แล้วก็เราจะดูได้ว่าในหัวใจมีลิ่มเลือด
00:55:03 → 00:55:06 ซ่อนอยู่หรือเปล่านะครับเพื่อจะดูว่ามัน
00:55:06 → 00:55:08 มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน
00:55:08 → 00:55:10 มากหรือน้อยแค่ไหนด้วยนี่ก็จะเป็น
00:55:10 → 00:55:14 ประโยชน์ที่ได้จากการทำ Echo หัวใจ
00:55:14 → 00:55:18 แล้วใครบ้างที่ต้องทำ Echo นะครับหลักๆ
00:55:18 → 00:55:20 เลยเนี่ยนอกเหนือจากคนที่มีอาการ
00:55:20 → 00:55:23 ใจสั่นหัวใจที่จังหวะแล้วเนี่ยในคนที่
00:55:24 → 00:55:26 เป็นโรคหัวใจชนิดอื่นนะครับที่ผมเล่าให้
00:55:26 → 00:55:29 ฟังข้างต้นสงสัยโรคหัวใจวายมีอาการ
00:55:29 → 00:55:31 เหนื่อยตัวบวมขาบวม
00:55:31 → 00:55:35 ก็ควรได้นอกจากโรคหัวใจแล้วในคนที่เป็น
00:55:35 → 00:55:37 โรคมะเร็งบางอย่างที่ต้องรับยาเคมีบำบัด
00:55:37 → 00:55:41 บางชนิดอันนี้คุณหมอทางด้านมะเร็งเขาจะ
00:55:41 → 00:55:44 ส่งมาทำ Echo เพื่อที่จะประเมินหัวใจว่า
00:55:44 → 00:55:48 แข็งแรงพอไหมที่จะรับยารักษามะเร็งในคน
00:55:48 → 00:55:51 ที่เป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาตถ้าสงสัยว่าเป็น
00:55:51 → 00:55:54 โรคอัมพฤกษ์อัมพาตจาก
00:55:54 → 00:55:58 มีลิ่มเลือดอุดตันแล้วก็คุณหมอโรคสมองก็
00:55:58 → 00:56:00 จะส่งมา Echo เพื่อดูความเสี่ยงว่ามันมี
00:56:00 → 00:56:03 ลิ่มเลือดในหัวใจหรือเปล่าหรือว่ามีหัวใจ
00:56:03 → 00:56:05 โรคหัวใจซ่อนอยู่ไหมที่จะเสี่ยงหรือว่าจะ
00:56:06 → 00:56:08 มีลิ่มเลือดไปอุดตันสมองครั้งที่ 2 อัน
00:56:08 → 00:56:12 นี้ก็จะเป็นประโยชน์อันหนึ่งของการทำ Echo
00:56:12 → 00:56:16 ในคนไข้ก่อนผ่าตัดบางอย่างนะครับเช่น
00:56:16 → 00:56:19 คนไข้ที่อายุเยอะมากนะครับกราฟหัวเทียน
00:56:19 → 00:56:22 ผิดปกติเราจะต้องผ่าตัดใหญ่การทำ Echo ก็
00:56:22 → 00:56:24 จะช่วยประเมินได้ว่าการผ่าตัดนั้นเนี่ย
00:56:24 → 00:56:27 มันจะทำมันจะเราจะเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนใน
00:56:27 → 00:56:29 ระหว่างผ่าตัด
00:56:30 → 00:56:33 ในคนที่ปลูกถ่ายไตอันนี้คุณหมอปลูกถ่ายไต
00:56:33 → 00:56:36 เขาจะส่งให้มาเตรียมก่อนมาทำ Echo ก่อนนะ
00:56:36 → 00:56:38 ครับเพื่อที่จะตรวจเรื่องหัวใจว่ามันแข็ง
00:56:38 → 00:56:41 แรงดีไหมที่จะปลูกถ่ายไตได้และสุดท้ายก็
00:56:41 → 00:56:44 คือคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจนะ
00:56:45 → 00:56:47 ครับในบางอย่างเนี่ยถ้าทำ ekg เรียกผิด
00:56:47 → 00:56:50 ปกตินะครับเราก็จะมาทำ Echo หัวใจด้วยนะ
00:56:50 → 00:56:50 ครับ
00:56:50 → 00:56:55 อันนี้ก็จะเป็นคนไหนบ้างที่ควรต้องทำ Echo
00:56:55 → 00:56:58 นะฮะแล้วก็การตรวจหัวใจเต้นมีจังหวะอีก
00:56:58 → 00:57:00 อย่างนึงนะครับก็จะเป็นการตรวจในห้อง
00:57:00 → 00:57:04 ปฏิบัติการส่วนหัวใจนะครับเราก็จะตรวจที่
00:57:04 → 00:57:08 เรียกว่าการทำ EP study ก็คือเป็นการ
00:57:08 → 00:57:11 ตรวจสรีระวิญญาณของหัวใจโดยการเราจะใส่
00:57:11 → 00:57:13 สาย cater เนี่ยเข้าไปทางขาหนีบนะฮะทาง
00:57:13 → 00:57:17 เส้นเลือดดำใหญ่ที่ขาหนีบแล้วก็สายมันจะ
00:57:17 → 00:57:20 ไหลเข้าไปจนถึงหัวใจเลยเพื่อตรวจว่าในแต่
00:57:20 → 00:57:23 ละจุดของหัวใจเนี่ยมันมีตรงไหนผิดปกติ
00:57:23 → 00:57:26 บ้างของระบบไฟฟ้าถ้าถอยผิดปกติเราจะใช้ไฟ
00:57:26 → 00:57:30 ฟ้าหรือว่าใช้คลื่นความถี่สูงเนี่ยที่ตรง
00:57:30 → 00:57:32 นั้นได้เพื่อแก้ความผิดปกติอันนี้ก็จะ
00:57:32 → 00:57:35 เป็นสิ่งที่เรียกว่าการตรวจสรีระวิชาหัว
00:57:35 → 00:57:39 ใจหรือมีชื่อย่อว่า EP study ชื่อภาษา
00:57:39 → 00:57:42 อังกฤษก็คือ Electro pco Logic study
00:57:42 → 00:57:46 นี้พอตรวจแล้วว่าเป็นโรคหัวใจหรือว่าบาง
00:57:46 → 00:57:49 คนมีอาการใจสั่นนะครับส่งเสริมเป็นโรคหัว
00:57:49 → 00:57:51 ใจอยู่ตอนนี้เราจะต้องระมัดระวังอะไรบ้าง
00:57:51 → 00:57:54 นะครับสิ่งหนึ่งที่ได้รับการถามบ่อยมาก
00:57:54 → 00:57:57 เลยก็คือว่ากาแฟเนี่ยกินได้มา
00:57:57 → 00:58:02 ในก่อนหน้าที่ผมจะมาจะมาคุยในกันในวันนี้
00:58:02 → 00:58:05 นะครับก็มีคนถามผมเยอะว่ากาแฟเกาะหัวใจ
00:58:05 → 00:58:08 เนี่ยมันดีมันดีหรือเปล่ากาแฟมันดีต่อหัว
00:58:08 → 00:58:09 ใจไหม
00:58:09 → 00:58:13 การกินกาแฟมันมีประโยชน์หรือว่ามีโทษต่อ
00:58:13 → 00:58:16 หัวใจอันนี้ก็จะเป็นอีกเรื่องที่ที่แบบ
00:58:16 → 00:58:19 เป็น topic ที่ฮอตน่ะครับ
00:58:19 → 00:58:23 โดยสรุปเลยนะครับผมจะสรุปให้สั้นๆใน 2
00:58:23 → 00:58:26 สไลด์ก็คือว่ากาแฟเนี่ยดีต่อหัวใจนะครับ
00:58:26 → 00:58:29 มีข้อมูลการวิจัยหลายอย่างยืนยันชัดเจน
00:58:29 → 00:58:32 ว่ากาแฟเนี่ยกินแล้วเนี่ยทำให้
00:58:32 → 00:58:37 โรคหัวใจเป็นน้อยลงนะครับหรืออย่างน้อย
00:58:37 → 00:58:40 คือไม่ได้เป็นมากขึ้นอันนี้ก็คือไม่มี
00:58:40 → 00:58:43 อันตรายต่อหัวใจอันนี้ชัวร์ๆนะส่วนดีต่อ
00:58:43 → 00:58:45 หัวใจเนี่ยมันขึ้นอยู่กับว่าคุณกินกาแฟ
00:58:45 → 00:58:48 แบบไหนกินมากน้อยแค่ไหนนะครับแล้วก็มีโรค
00:58:48 → 00:58:51 ประจำตัวอะไรอยู่หรือเปล่าแต่ที่แน่ๆมัน
00:58:51 → 00:58:53 จะดีต่อหัวใจเนี่ยต้องไม่ใช่กาแฟตามรูป
00:58:54 → 00:58:57 นี้นะฮะในรูปนี้ก็คือเป็นกาแฟที่มีทั้ง
00:58:57 → 00:59:02 การใส่นมนะครับใส่น้ำตาลใส่ครีมเทียมใส่
00:59:02 → 00:59:06 วิปครีมอันนี้ไม่ดีนะฮะกาแฟที่ตามงาน
00:59:06 → 00:59:09 วิจัยอ่ะดีต่อหัวใจคือเป็นกาแฟดำนะฮะที่
00:59:09 → 00:59:13 ไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่นมอันนี้คือเป็นกาแฟ
00:59:13 → 00:59:15 ที่ดีนะฮะดังนั้นเนี่ยถ้าเป็นกาแฟใส่นม
00:59:15 → 00:59:19 เนี่ยมันก็ดีตรงไหนตรงอร่อยดีใช่ไหมมัน
00:59:19 → 00:59:22 อร่อยก็กินได้บ้างนะครับแต่ก็อย่ากินเยอะ
00:59:22 → 00:59:25 มากเพราะเราก็จะได้พลังงานไปนะฮะได้ไขมัน
00:59:25 → 00:59:30 ไปนะครับก็อ่าถ้าพลังงานเยอะเกินไปเราก็
00:59:30 → 00:59:32 อ้วนใช่ไหมฮะได้น้ำตาลเยอะเกินไปก็ไม่ดี
00:59:32 → 00:59:36 ต่อร่างกายและไขมันจากนมข้นหวานหรือจาก
00:59:36 → 00:59:39 ครีมเทียมเยอะไปก็ไม่ดีต่อระดับไขมันใน
00:59:39 → 00:59:42 เลือดนะครับดังนั้นเนี่ยถ้าเป็นไปได้
00:59:42 → 00:59:44 เนี่ยถ้าแนะนำการกินกาแฟผมแนะนำให้กิน
00:59:44 → 00:59:47 กาแฟดำนะครับถ้าใครจะรับประทานถ้าใครจะ
00:59:47 → 00:59:48 กินกาแฟ
00:59:48 → 00:59:52 นี่ต้องมีคนผมถามว่ากาแฟดำมันไม่อร่อยเลย
00:59:52 → 00:59:56 เราจะแบบกินอย่างอื่นได้ไหมนะฮะบางคนก็จะ
00:59:56 → 01:00:00 บอกว่ากาแฟใส่น้ำผลไม้ได้ไหมใส่น้ำผึ้ง
01:00:00 → 01:00:03 ได้หรือเปล่านะฮะก็ตอบว่าได้ครับมันต้อง
01:00:03 → 01:00:06 ได้อยู่แล้วแหละเพราะว่ามันมันก็คืออาหาร
01:00:06 → 01:00:08 เนาะผลไม้ก็เป็นอาหารที่ดีใช่ไหมครับแต่
01:00:08 → 01:00:11 เพียงแต่ว่าก็ต้องเข้าใจว่าในผลไม้ที่ดีๆ
01:00:11 → 01:00:13 นั้นน่ะมันก็มีน้ำตาลซ่อนอยู่เหมือนกัน
01:00:13 → 01:00:16 ดังนั้นถ้าเราไปตรวจเลือดแล้วเราเป็นเบา
01:00:16 → 01:00:19 หวานหรือระดับน้ำตาลเริ่มสูงเนี่ยเราก็
01:00:19 → 01:00:22 กินได้เดี๋ยวก็จะกินไม่ควรกินเยอะนะฮะ
01:00:22 → 01:00:25 หรือดีที่สุดเนี่ยก็ไม่กินเลยนะครับอย่าง
01:00:25 → 01:00:29 ตัวผมเองเนี่ยก่อนหน้าที่จะอ่าปัจจุบัน
01:00:29 → 01:00:31 นี้เนี่ยต้องบอกก่อนว่าปัจจุบันนี้ผมกิน
01:00:31 → 01:00:32 กาแฟดำ
01:00:32 → 01:00:35 ไม่ใส่อะไรเลยน้ำตาลก็ไม่ใส่น้ำไซรัปก็
01:00:35 → 01:00:38 ไม่ใส่น้ำผึ้งก็ไม่ใส่นะครับ
01:00:38 → 01:00:41 อ่าตอนนี้รู้สึกว่ามันอร่อยดีนะครับสมัย
01:00:41 → 01:00:44 ก่อนเนี่ยผมกินกาแฟข้นๆเลยนะฮะไม่รู้ว่า
01:00:44 → 01:00:49 เพื่อนๆมีใครทันสมัยกาแฟบ้านไร่ในปตทบ้าง
01:00:49 → 01:00:49 ไหม
01:00:49 → 01:00:53 อ่ายุคไวโอเคต้องทานกาแฟบ้านไร่นะ
01:00:53 → 01:00:55 กาแฟบ้านไร่เนี่ยจะเป็นกาแฟที่อยู่ในปั๊ม
01:00:55 → 01:00:58 ปตทคล้ายๆ Amazon นะฮะแต่ว่ามันจะมีกาแฟ
01:00:58 → 01:01:01 เนื้อกาแฟที่เข้มข้นมากเลยนะฮะเข้มข้น
01:01:01 → 01:01:04 หวานมันมากเลยก็กินแล้วอร่อยมากผมก็หัด
01:01:04 → 01:01:07 กินกาแฟสดจากสมัยกาแฟบ้านไร่นั่นแหละครับ
01:01:07 → 01:01:12 ผมชอบมากเลยนะแต่ว่ากินไปกินมาแล้วมาตรวจ
01:01:12 → 01:01:14 เลือดแล้วพบว่าอุ๊ยโหไขมันมันเริ่มสูง
01:01:14 → 01:01:17 ระดับน้ำตาลมันเริ่มขึ้นผมก็เลยแล้วก็รวม
01:01:18 → 01:01:20 ถึงผมอ้วนขึ้นด้วยตอนกินกาแฟ
01:01:20 → 01:01:23 สดเยอะๆนะกาแฟใส่นมแบบนั้นน่ะ
01:01:23 → 01:01:27 พอผมอ้วนขึ้นผมก็พยายามลดน้ำหนักโดยการ
01:01:27 → 01:01:31 ที่อ่ะเราลองมากินกาแฟเป็นกาแฟดำหรือ
01:01:31 → 01:01:33 เรียกหรือเรียกอเมริกาโน่เนาะใส่น้ำตาลดู
01:01:33 → 01:01:36 บ้างนะฮะใส่น้ำหวานดูบ้างคือมันก็กินได้
01:01:36 → 01:01:39 นะฮะก็อร่อยดีหลังจากนั้นเนี่ยผมก็ค่อยๆ
01:01:39 → 01:01:43 ลดความหวานลงนะครับก็จะหวานปกติก็เริ่ม
01:01:43 → 01:01:46 เป็นหวาน 50% หวาน 25 จนในที่สุดก็มากิน
01:01:46 → 01:01:50 แบบกาแฟไม่ใส่อะไรเลยได้คือมันค่อยๆลดลง
01:01:50 → 01:01:53 มาได้นะฮะหลายๆคนเพื่อนๆหลายๆคนก็ทำได้
01:01:53 → 01:01:54 แบบผมนะครับหลัง
01:01:54 → 01:01:58 จากที่ผมได้คุยกันหลายๆคนผ่านทางการ
01:01:58 → 01:02:00 ประชุมหลายๆอย่างเนี่ยก็พบว่าหลายๆคน
01:02:00 → 01:02:03 เนี่ยปัจจุบันนี้หันมากินกาแฟดำไม่ใส่
01:02:03 → 01:02:06 อะไรเลยแบบผมเนี่ยเยอะมากนะครับแน่นอนคือ
01:02:06 → 01:02:09 ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพแน่นอนนะครับถ้า
01:02:09 → 01:02:13 เป็นกาแฟที่ไม่ใส่อะไรเลยนะครับแต่ถ้า
01:02:13 → 01:02:15 เกิดว่าใส่น้ำผึ้งใส่อะไรอย่างนี้ถ้าคน
01:02:15 → 01:02:18 ชอบก็นานๆกินทีได้นะครับแต่ไม่ใส่อะไรเลย
01:02:18 → 01:02:22 ดีที่สุดแล้วก็รวมถึงพวกเค้กที่อยู่ข้างๆ
01:02:22 → 01:02:25 เนี่ยก็นานๆกินทีก็จะดีเพราะว่าในพวกเค้ก
01:02:25 → 01:02:28 หรือเบเกอรี่เนี่ยเป็นตัวการหลักเลยที่ทำ
01:02:28 → 01:02:30 ให้ไขมันเลวหรือที่เรียกว่า abl ของเรา
01:02:30 → 01:02:31 ขึ้น
01:02:31 → 01:02:35 น้อยๆก็จะดีนะครับทีนี้กาแฟดำมันดีก็จริง
01:02:35 → 01:02:38 แต่ถ้าอะไรที่มากเกินไปมันก็ต้องไม่ดีนะ
01:02:38 → 01:02:41 ครับโดยที่ปริมาณสิ่งที่เรากลัวก็คือ
01:02:41 → 01:02:44 ปริมาณคาเฟอีนในกาแฟเนี่ยมันจะมากเกินไป
01:02:44 → 01:02:46 หรือเปล่าถ้ามากเกินไปเนี่ยมันก็จะ
01:02:46 → 01:02:49 อันตรายได้นะครับ
01:02:49 → 01:02:52 คาเฟอีนจริงๆแล้วไม่ได้มีอยู่เฉพาะในกาแฟ
01:02:52 → 01:02:55 นะครับในโค้กนะครับเครื่องดื่มโค้ก
01:02:55 → 01:02:59 เป๊ปซี่นะครับมีคาเฟอีนอยู่นะฮะใน
01:02:59 → 01:03:01 มิรินด้าเมาท์เทนดิวอะไรพวกนี้ก็มี
01:03:01 → 01:03:04 คาเฟอีนอยู่ลองลองดูข้างๆกล่องแต่ว่าตัว
01:03:04 → 01:03:06 โค้กเนี่ยโดยเฉลี่ยถ้าเป็นโค้กกระป๋อง
01:03:06 → 01:03:08 ใหญ่แบบที่เรากินสมัยก่อนเนี่ยก็จะมี
01:03:08 → 01:03:11 คาซินอยู่ประมาณ 40 ถ้าเป็นกระป๋องเล็กลง
01:03:11 → 01:03:13 นะฮะประมาณ 300
01:03:13 → 01:03:17 25 พวกนี้ก็จะมีอยู่ประมาณ 30 ก็จะไม่
01:03:17 → 01:03:20 ง่ายเลย 300 มีอยู่ 30 ก็คือประมาณ 10%
01:03:20 → 01:03:23 มิลลิกรัมมันก็อยู่ที่ประมาณ 10% นะครับ
01:03:23 → 01:03:27 ของตัว cc ของโค้งนะครับ
01:03:27 → 01:03:32 ส่วนในชาในชาแก้วนึงก็จะประมาณใกล้ๆโค้ก
01:03:32 → 01:03:35 ฮะประมาณ 40-50 มิลลิกรัมต่อชาที่เราชง
01:03:36 → 01:04:29 เนอะไม่ว่าจะเป็นชาเขียว
01:04:29 → 01:04:33 ส่วนกาแฟที่เป็นกาแฟดีคาสนะครับที่บอกว่า
01:04:33 → 01:04:36 ดีครับแปลว่ามันไม่มีคาเฟอีนเนอะแต่จริงๆ
01:04:36 → 01:04:38 แล้วคือเป็นมีคาเฟอีนอยู่นะแต่อยู่ใน
01:04:38 → 01:04:43 ปริมาณที่ต่ำกาแฟขจัดกำจัดคาเฟอีนออกก็
01:04:43 → 01:04:44 ยังเหลืออยู่บ้าง
01:04:44 → 01:04:47 ก็ 1 ถ้วยจะอยู่ประมาณ 3 มิลลิกรัมนะกาแฟ
01:04:48 → 01:04:51 ดีครับถ้าใครแพ้กาแฟกินกาแฟแล้วใจสั่นก็
01:04:51 → 01:04:54 ลองมากินกาแฟดีครับดูถ้ายังกินแล้วยังใจ
01:04:54 → 01:04:56 สั่นอยู่ก็ไม่แปลกเพราะว่าในดีครับก็ยัง
01:04:56 → 01:05:00 มีคาเฟอีนอยู่จริงไหมแต่ทีนี้ปริมาณที่
01:05:00 → 01:05:03 บอกเนี่ยมันเป็นปริมาณโดยประมาณเนาะแม้
01:05:03 → 01:05:05 แต่ในโค้กเนี่ยไดเอทโค้กก็จะมีปริมาณ
01:05:05 → 01:05:07 คาซีนมากกว่าโค้ก regular Coke นะครับ
01:05:08 → 01:05:11 เราจะเห็นว่าถ้าได้โค้กเนี่ยมาประมาณสัก
01:05:11 → 01:05:16 30 เนาะ 34 นะถ้าตามตามภาพถ้าเป็นเอ้ยขอ
01:05:16 → 01:05:18 โทษ regular Coke ประมาณ 3-4 Diet Code
01:05:18 → 01:05:22 ประมาณ 46 นะฮะก็เยอะกว่ากันประมาณนึง
01:05:22 → 01:05:25 เหมือนกันเนาะอ่าส่วนในกาแฟนะฮะกาแฟดำ
01:05:25 → 01:05:29 ถ้วยนึงเนี่ยมีปริมาณคาซีนอยู่เท่าไหร่นะ
01:05:29 → 01:05:32 ฮะไม่จำเป็นจะต้องเท่ากับ 150 ซีซีตามรูป
01:05:33 → 01:05:36 ที่ผมโชว์นะฮะบางทีมันก็ไม่เท่ากันเพราะ
01:05:36 → 01:05:39 ว่าปริมาณช็อตกาแฟและปริมาณน้ำที่เจือจาง
01:05:39 → 01:05:43 ลงไปแล้วก็ลักษณะของการชงเนี่ยมันก็จะไม่
01:05:43 → 01:05:47 เหมือนกันนะฮะยกตัวอย่างเช่น Starbucks
01:05:47 → 01:05:50 ใช่ไหมฮะถ้าเป็นโคบลูนะฮะก็คือสกัดเย็น
01:05:50 → 01:05:54 เนี่ยคาเฟอีนก็จะสูงกว่ากาแฟสตาร์บัคที่
01:05:54 → 01:05:58 สั่งเป็น americano ปกตินะครับแล้ว
01:05:58 → 01:06:01 อเมริกาโน่ปกติเนี่ยมันก็ยังมีหลายขนาด
01:06:01 → 01:06:05 อีกเนาะถ้าเราไปตามร้านกาแฟเนี่ยมันก็จะ
01:06:05 → 01:06:07 มีกาแฟถ้วยเล็กถ้วยกลางถ้วยใหญ่ให้เลือก
01:06:07 → 01:06:09 ในบางร้านใช่ไหมฮะ
01:06:09 → 01:06:12 อย่างในสตาร์บัคเนี่ยถ้าเป็นกาแฟถ้วยใหญ่
01:06:12 → 01:06:42 เลยแบบที่ผมกินเนี่ยอยู่ตอนนี้นะกาแฟ
01:06:42 → 01:07:05 [เพลง]
01:07:05 → 01:07:09 แต่อย่างที่บอกนะครับว่าปริมาณคาซีนมันมี
01:07:09 → 01:07:12 หลายปัจจัยนะครับในบางคนที่ไม่เคยกินกาแฟ
01:07:12 → 01:07:15 เลยแล้วมากินครั้งแรกเนี่ยบางทีบางทีกิน
01:07:15 → 01:07:19 แค่แก้วเล็กแก้วนึงเนี่ย 2 หรือ 2 แก้ว
01:07:19 → 01:07:21 เนี่ยก็ใจสั่นแล้วนะครับแต่อย่างผมเนี่ย
01:07:21 → 01:07:25 กินบ่อยใช่ไหมครับกินบ่อยบางทีวันนึงผม
01:07:25 → 01:07:28 กินแก้วใหญ่เนี่ย 2 หรือ 3 แก้วผมก็เฉยๆ
01:07:28 → 01:07:31 นะกลางคืนก็ยังหลับได้อยู่เลยนะครับดัง
01:07:31 → 01:07:33 นั้นเนี่ยตัวเลข 300 กับ 400 mg ต่อวัน
01:07:33 → 01:07:34 เนี่ย
01:07:34 → 01:07:37 300-400 ไม่เท่ากับว่าไม่ควรกินคาฟิน
01:07:37 → 01:07:39 เกินนั้นเนี่ยก็เป็นตัวเลขของคนโดยทั่วไป
01:07:39 → 01:07:41 เป็นตัวเลขโดยเฉลี่ยนะครับ
01:07:41 → 01:07:43 อ้าวแล้วคนที่เป็นโรคหัวใจเต้นเป็นจังหวะ
01:07:43 → 01:07:46 ล่ะไม่ควรจะกิน
01:07:46 → 01:07:50 เกินกี่มิลลิกรัมต่อวันนะครับตัวเลขก็คือ
01:07:50 → 01:07:52 ไม่มีตัวเลขค่ะ
01:07:52 → 01:07:55 อันนี้ต้องลองดูบางคนที่เป็นโรคหัวใจเต้น
01:07:55 → 01:07:58 จังหวะอยู่แล้วอาการควบคุมดีแล้วแล้วเรา
01:07:58 → 01:08:00 ก็ลองกินดูกินแก้วเล็กดูมันก็ไม่กำเริบ
01:08:00 → 01:08:04 อันเนี้ยเพื่อนๆก็สามารถกินได้เช่นวันนึง
01:08:04 → 01:08:06 อาจจะ 150 มิลลิกรัมต่อวันก็ต้องต้องทด
01:08:06 → 01:08:09 ลองดูแต่แบบว่าทดลองน้อยๆก่อนเนาะเฮ้ยถ้า
01:08:09 → 01:08:11 กินปริมาณนี้แล้วใจสั่นเราก็ต้องลดลงนะ
01:08:11 → 01:08:14 ครับหรือว่าไม่กินเลยจริงๆก็ดีที่สุดแต่
01:08:14 → 01:08:16 ถ้าถามว่าจะกินได้เท่าไหร่เนี่ยต้องทดลอง
01:08:16 → 01:08:18 ในแต่ละคนไม่เท่ากัน
01:08:18 → 01:08:21 แต่ในคนที่เป็นโรคหัวใจอยู่ใหม่ๆเลยเพิ่ง
01:08:21 → 01:08:23 เป็นเลยเริ่มยังมีอาการใจสั่นอยู่แล้วยัง
01:08:23 → 01:08:26 ไม่ได้ตรวจอันนี้แนะนำว่าให้หยุดไปก่อนรอ
01:08:26 → 01:08:29 จนตรวจดูก่อนว่าหัวใจได้ประโยชน์ของเรา
01:08:29 → 01:08:31 เนี่ยมันไม่ได้รุนแรง
01:08:31 → 01:08:33 ไม่ได้เป็นโรครุนแรงแล้วพอได้กาแฟไป
01:08:33 → 01:08:36 กระตุ้นเนี่ยเราจะไม่เป็นอะไรแน่ๆเราค่อย
01:08:36 → 01:08:38 ๆกินนะครับดังนั้นเนี่ยถ้าเป็นในช่วง
01:08:38 → 01:08:41 กำเริบหรือเป็นในช่วงที่ยังไม่ได้ตรวจ
01:08:41 → 01:08:44 รักษาเนี่ยก็แนะนำให้งดไปก่อนแต่ถ้าเกิด
01:08:44 → 01:08:46 ตรวจรักษาแล้วอาการดีขึ้นแล้วโอเคจะกลับ
01:08:46 → 01:08:50 มากินก็ขึ้นอยู่กับว่าโรคหัวใจมีแบบเต้น
01:08:50 → 01:08:52 ผิดจังหวะตัวนั้นเนี่ยมันเป็นมากเป็นน้อย
01:08:52 → 01:08:55 เป็นชนิดไหนก็ถามคุณหมอของเพื่อนๆดูแต่
01:08:55 → 01:08:58 โดยทั่วไปเนี่ยคือกาแฟไม่ได้ทำให้เกิดโรค
01:08:58 → 01:09:01 หัวใจนะครับแต่กาแฟเนี่ยกระตุ้นให้หัวใจ
01:09:01 → 01:09:05 มันเต้นเร็วดังนั้นเนี่ยถ้าคนที่เป็นหัว
01:09:05 → 01:09:07 ใจที่จังหวะเนี่ยแล้วพ่อหัวใจเต้นเร็วบาง
01:09:07 → 01:09:11 ทีมันกำเริบได้นะฮะนี่ก็เป็นคำตอบของโรค
01:09:11 → 01:09:14 หัวใจเต้นผิดจังหวะกับกาแฟ
01:09:14 → 01:09:19 อ่ามาถึงตัวนี้บ้างประเด็นฮอตอีกอันนึงนะ
01:09:19 → 01:09:21 ครับก็คือ
01:09:21 → 01:09:23 กัญชานะครับกัญชา
01:09:23 → 01:09:26 โอเคผมว่า
01:09:26 → 01:09:30 โดยส่วนใหญ่เนี่ยถ้าเราเป็นคนที่ไม่ได้
01:09:30 → 01:09:34 สูบบุหรี่ไม่ได้แบบใช้ยาเสพติดอยู่แล้ว
01:09:34 → 01:09:36 เนี่ยเรามักไม่ค่อยอยากจะลองกันเท่าไหร่
01:09:36 → 01:09:39 หรอกนะอย่างตัวผมเองเนี่ยก็แค่ลองนะก็คือ
01:09:39 → 01:09:42 แบบว่าเพื่อจะได้บอกคนไข้ได้ว่ากินแล้ว
01:09:42 → 01:09:44 มันเป็นยังไงเนาะซึ่งตัวผมเองกินแล้วก็
01:09:44 → 01:09:49 เฉยๆนะไม่รู้สึกอะไรนะแต่ในคนปกตินะถ้าจะ
01:09:49 → 01:09:51 เอาไปใช้ประกอบอาหารเนี่ยคือใบยังไม่ควร
01:09:51 → 01:09:55 เกิน 3-4 ใบต่อวันนะครับ
01:09:55 → 01:09:58 ต่อวันเลยนะคือไม่ใช่กินไปเปล่าๆนะคือเอา
01:09:58 → 01:10:01 ไปต้มในน้ำเนี่ยเช่นเอาไปใส่แกงหรือใส่
01:10:01 → 01:10:04 อะไรเนี่ยใส่ต้มหรือใส่ก๋วยเตี๋ยวเนี่ยก็
01:10:04 → 01:10:07 ในไม่ควรเกิน 3-4 ใบนะครับเยอะกว่านั้น
01:10:07 → 01:10:10 ไม่ดีแน่ๆนะครับหรือไม่กินเลยก็ดีที่สุด
01:10:10 → 01:10:13 นะครับเพราะว่ากัญชาเนี่ยเอาไปให้คุณหมอ
01:10:13 → 01:10:15 เขาใช้เป็นสารสกัดของมันและใช้ทางการ
01:10:15 → 01:10:19 แพทย์อย่างเดียวพอนะครับเพราะว่าถ้าใช้
01:10:19 → 01:10:21 โดยไม่รู้ในบางคนแพ้กัญชาเนี่ยมันก็อาจจะ
01:10:21 → 01:10:25 เกิดอาการโรคหัวใจได้นะครับแล้วก็ทำให้
01:10:25 → 01:10:28 โรคหัวใจกำเริบได้เช่นกันมีการศึกษาชัด
01:10:28 → 01:10:31 เจนเลยว่ากัญชากับหัวใจเนี่ยไม่ดีแน่นอน
01:10:31 → 01:10:34 ส่งผลดีต่อหัวใจดังนั้นเนี่ยโอเคถ้าไม่
01:10:34 → 01:10:37 ได้มีโรคหัวใจซ่อนอยู่จะใช้แล้วแต่แล้ว
01:10:37 → 01:10:41 แต่ท่านแล้วแต่ท่านนะฮะแต่ว่าถ้ามีโรคหัว
01:10:41 → 01:10:44 ใจอยู่ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดตีบนะครับหัว
01:10:44 → 01:10:47 ใจทำงานน้อยลงนะครับในโลกหัวใจวายนะครับ
01:10:47 → 01:10:49 หรือหัวใจที่จังหวะผมไม่แนะนำทั้งนั้นเลย
01:10:49 → 01:10:53 โอเคสรุปว่าถ้าเป็นโรคหัวใจไม่ควรกินถ้า
01:10:53 → 01:10:55 ไม่ได้เป็นโรคหัวใจอยากจะใช้ก็ไม่แนะนำ
01:10:55 → 01:10:58 ให้ใช้อยู่ดีแต่ถ้าอยากจะใช้ก็ไม่ควรใช้
01:10:58 → 01:11:01 เยอะเกินไปนะครับเพราะมันมีอันตรายมัน
01:11:01 → 01:11:03 เป็นสารเสพติดเนาะโดยส่วนตัวเนี่ยผมไม่
01:11:03 → 01:11:07 รู้นะว่าว่าเขาคิดกันยังไงแต่ว่าโดยส่วน
01:11:07 → 01:11:10 ตัวเนี่ยผมคิดว่ากัญชาเนี่ยมันเป็นประตู
01:11:10 → 01:11:13 เปิดไปสู่ยาเสพติดโรคอื่นคือพอลองกัญชา
01:11:13 → 01:11:15 แล้วเนี่ยมันจะอยากไปลองอันนู้นอันนี้
01:11:15 → 01:11:17 เหมือนมีความกล้าในการลองมากขึ้นเหมือน
01:11:17 → 01:11:20 ถ้าเป็นคนรุ่นผมจะรู้จักน้ำพุเนาะจะมี
01:11:20 → 01:11:23 หนังเรื่องน้ำพุน้ำพุเนี่ยก็เริ่มเริ่ม
01:11:23 → 01:11:27 ใช้กัญชาเป็นอันแรกนะก่อนจะไปสู่ยาเสพติด
01:11:27 → 01:11:29 ที่รุนแรงอื่นไม่ว่าจะเป็นแอมเฟตามีน
01:11:29 → 01:11:32 เฮโรอีนน้ำพุเริ่มใช้กัญชาก่อนดังนั้น
01:11:32 → 01:11:36 กัญชาเป็นตัวเปิดประตูไปสู่ยาเสพติดอื่นๆ
01:11:36 → 01:11:39 ดังนั้นไม่แนะนำให้เริ่มใช้ซะด้วยซ้ำนะ
01:11:39 → 01:11:42 ครับ
01:11:42 → 01:11:45 เพราะว่าคนที่ใช้กัญชาแล้วบางทีไม่รู้
01:11:45 → 01:11:48 หรอกว่าใช้แล้วอ่ะมันจะ Overdose ไหมก็มี
01:11:48 → 01:11:50 รายงานเสียชีวิตหรือว่าเข้าโรงพยาบาลเข้า
01:11:50 → 01:11:55 ICU อยู่เรื่อยๆนะเรื่อยๆนะครับก็อย่าง
01:11:55 → 01:11:57 ภาพก็เป็นรายงาน
01:11:57 → 01:12:00 ตามโรงพยาบาลต่างๆนะครับมีเสียชีวิตมี
01:12:00 → 01:12:04 ต้องใส่ท่อช่วยหายใจนะครับอายุ 16 ปี 17
01:12:04 → 01:12:07 ปีเองนะก็มีเห็นไหมไม่จำเป็นต้องเป็นอายุ
01:12:07 → 01:12:09 มากเลยนะ
01:12:09 → 01:12:12 เรื่องอาหารการกินแล้วนะครับมาถึงเรื่อง
01:12:12 → 01:12:13 การออกกำลังกายบ้าง
01:12:13 → 01:12:16 เรื่องวิ่งนะครับวิ่งยังไงให้ดีต่อหัวใจ
01:12:16 → 01:12:19 แล้วถ้าเราเป็นโรคหัวใจเราจะวิ่งได้ไหม
01:12:19 → 01:12:22 แล้วตอนนี้เราจะสั่นอยู่เราควรจะวิ่งได้
01:12:22 → 01:12:28 แค่ไหนหรือวิ่งแล้วมันปลอดภัยหรือเปล่านะ
01:12:28 → 01:12:30 ปกติถ้าคุยกับนักวิ่งเนี่ย
01:12:30 → 01:12:34 นักวิ่งเขาก็จะชำนาญมากเลยในการดูเพลสดู
01:12:34 → 01:12:36 heart rate Zone ใช่ไหมฮะซึ่งใน heart
01:12:36 → 01:12:40 rate Zone เนี่ยในทางคือในส่วนตัวเนี่ย
01:12:40 → 01:12:43 PS มันจะใช้ดูว่าเราวิ่งเร็วแค่ไหนซึ่ง
01:12:43 → 01:12:46 โดยส่วนตัวเนี่ยผมคิดว่ามันไม่สำคัญมาก
01:12:46 → 01:12:49 เพราะการวิ่งเร็ววิ่งช้าเนี่ยมันขึ้นอยู่
01:12:49 → 01:12:51 กับความฟิตว่า heart rate ส่วนมันจะขึ้น
01:12:51 → 01:12:53 เร็วแค่ไหนดังนั้นสิ่งที่สำคัญในทางการ
01:12:53 → 01:12:55 แพทย์เนี่ยจะแนะนำเรื่อง heart rate
01:12:55 → 01:12:58 Zone เป็นหลักนะครับโดยที่แต่ละโซนเนี่ย
01:12:58 → 01:13:01 มันก็จะมีประโยชน์ต่างกันแล้วก็คำแนะนำก็
01:13:01 → 01:13:03 จะต่างกันด้วยนะครับ
01:13:03 → 01:13:06 ทีนี้เราจะรู้ได้ไงว่า heart rate ตัว
01:13:06 → 01:13:09 เราเท่าไหร่ปัจจุบันก็จะใช้นาฬิกานะครับ
01:13:09 → 01:13:12 smart watch ก็จะช่วยบอกชีพจรได้อย่าง
01:13:12 → 01:13:14 ดีแต่อย่างที่บอกว่า Smart Watch เนี่ย
01:13:14 → 01:13:17 มี Error เยอะมากนะเพราะว่าเราตอนเพราะ
01:13:17 → 01:13:19 เวลาเราออกกำลังกายเนี่ยบางที smart
01:13:19 → 01:13:22 watch มันหลวมหรือว่าเราใส่ไม่แน่นหรือ
01:13:22 → 01:13:25 ว่ามีเหงื่อพอเรามีเหงื่อเนี่ยทำให้ตัว
01:13:25 → 01:13:30 อ่าตัวเซ็นเซอร์เนี่ยมันมีการ Error ได้
01:13:30 → 01:13:32 ง่ายเวลาเรามีเหงื่อออกเยอะยิ่งในคนที่มี
01:13:32 → 01:13:35 ขนเยอะๆเนี่ยแนะนำว่าถ้าจะเอา smart
01:13:35 → 01:13:37 watch ให้ Accurate เนี่ยนะครับให้ให้ผล
01:13:37 → 01:13:40 มันเที่ยงตรงเนี่ยโกนขนบริเวณที่เราใส่
01:13:40 → 01:13:42 Smart Watch เนี่ยมันก็จะทำให้
01:13:42 → 01:13:46 การวัดค่าต่างๆออกมาได้แม่นยำขึ้นนะครับ
01:13:46 → 01:13:49 ก็ smart watch ก็จะเป็นตัวช่วยว่าชีพจร
01:13:49 → 01:13:53 เราเต้นเท่าไหร่เพราะว่าขณะวิ่งแน่นอนเรา
01:13:53 → 01:13:56 มาจับชีพจรก็อาจจะไม่ไม่ไอ้นี่เท่าไหร่
01:13:56 → 01:13:58 เนาะก็ถ้าออกกำลังกายเดี๋ยวนี้มันนอกจาก
01:13:58 → 01:14:00 Smart Watch แล้วเนี่ยมันก็จะมีตัว
01:14:00 → 01:14:04 Smart Smart Band เนาะถ้าเราเอาแค่วัด
01:14:04 → 01:14:06 ชีพจร Smart Band ก็ง่ายแล้วก็ราคาถูก
01:14:06 → 01:14:09 ด้วยพันกว่าบาทก็ได้ยี่ห้อดีๆแล้วนะแต่
01:14:09 → 01:14:14 แนะนำว่าคนซื้อยี่ห้อดีๆนะเพราะว่ามันแพง
01:14:14 → 01:14:15 กว่ากันไม่เยอะแต่ว่าความ Error มันน้อย
01:14:15 → 01:14:18 กว่าปัจจุบันนี้ก็มีคนเอาข้อมูลของ smart
01:14:18 → 01:14:23 watch มาให้ผมผิดปกติแล้วมามาปรึกษาผม
01:14:23 → 01:14:26 เยอะมากนะครับเยอะมาก
01:14:26 → 01:14:30 โอเค heart rate Zone นะครับอันนี้ผม
01:14:30 → 01:14:32 สรุปไว้ให้แล้วว่า heart rate Zone ของ
01:14:32 → 01:14:34 เราเนี่ยแบบไหนที่
01:14:34 → 01:14:38 เหมาะกับคนไหนนะครับส่วนที่ 1 เนี่ยก็คือ
01:14:38 → 01:14:41 หัวใจเต้นอยู่ประมาณ 50 - 60% ของ
01:14:41 → 01:14:43 Maximum heart rate
01:14:43 → 01:14:47 Max คืออะไรเดี๋ยวผมเล่าให้ฟังก็คือทำ
01:14:47 → 01:14:51 งานอยู่ประมาณครึ่งนึงของการทำงานของหัว
01:14:51 → 01:14:53 ใจเต็มที่ของเราเนี่ยอันนี้เราเรียกว่า
01:14:53 → 01:14:56 โซน 1 นะครับก็เป็นโซนที่สำหรับคนที่แบบ
01:14:57 → 01:15:00 พึ่งอาจจะเพิ่งป่วยหนักมาหรือพื้นหลังผ่า
01:15:00 → 01:15:02 ตัดเสร็จนะครับเพื่อที่จะช่วยฟื้นฟูร่าง
01:15:02 → 01:15:06 กายกระตุ้นให้เลือดลมไหลเวียนดีก็ยกตัว
01:15:06 → 01:15:08 อย่างเช่นการเดินในสวนเดินช้าๆอย่างนี้นะ
01:15:09 → 01:15:12 ครับเดินต่อเนื่องนะครับเกิน 15 นาที 20
01:15:12 → 01:15:15 นาทีขึ้นไปอันนี้ก็จะช่วยฟื้นฟูร่างกาย
01:15:15 → 01:15:19 ให้เลือดให้เลือดลมไหลเวียนดีนะครับก็จะ
01:15:19 → 01:15:22 เป็นตัวโซนหนึ่งส่วนโซน 2 นี้ก็คือเกิน
01:15:22 → 01:15:26 60% ขึ้นไปนะครับก็ในโซน 2 เนี่ย 60-70%
01:15:26 → 01:15:30 เนี่ยจะเป็นโซนที่จะช่วยเผาผลาญไขมันออก
01:15:30 → 01:15:32 จากร่างกายได้ดีนะฮะแล้วเราเพราะว่าเรา
01:15:32 → 01:15:34 สามารถที่จะออกกำลังกายในโซน 2 เนี่ยได้
01:15:34 → 01:15:36 นานนะฮะโดยเฉพาะนานเกินครึ่งชั่วโมงขึ้น
01:15:36 → 01:15:40 ไปนะฮะแนะนำประมาณถ้าใครจะเบิร์นเนี่ยแนะ
01:15:40 → 01:15:44 นำประมาณ 30-60 นาทีก็จะช่วยเบิร์นช่วยลด
01:15:44 → 01:15:46 น้ำหนักได้ดีนะครับในส่วนของ
01:15:46 → 01:15:49 ส่วนในโซน 3 เนี่ยจะเป็นแอโรบิคโซน
01:15:49 → 01:15:53 แอโรบิคก็คือการออกกำลังกายที่ช่วยให้หัว
01:15:53 → 01:15:56 ใจแข็งแรงนั่นเองนะฮะก็จะดีต่อสุขภาพของ
01:15:56 → 01:15:58 ทั้งปอดแล้วก็หัวใจโดยที่โซนของแอโรบิค
01:15:58 → 01:16:01 เนี่ยปล่อยจะเต้นอยู่ประมาณ 70-80% ของ
01:16:01 → 01:16:07 แม็กฮัสเลสนะครับโดยที่
01:16:07 → 01:16:10 การออกกำลังกายแบบแอโรบิคให้ได้
01:16:10 → 01:16:14 เพิ่มความฟิตแล้วก็ดีต่อหัวใจเนี่ยก็ต้อง
01:16:14 → 01:16:16 ออกกำลังกายเกิน 15 นาที
01:16:16 → 01:16:21 ขึ้นไปนะครับ 15-20 นาทีขึ้นไปนะครับโดย
01:16:21 → 01:16:23 เฉลี่ยก็จะอยู่ที่ประมาณ 30 นาทีเนี่ย
01:16:23 → 01:16:26 ค่อยๆเพิ่มนะไม่ใช่ออกครั้งแรกใน 30 นาที
01:16:26 → 01:16:29 เลยไม่ใช่ครั้งแรกก็ 10 นาทีก่อนแล้วค่อย
01:16:29 → 01:16:31 เป็น 15 เป็น 20 แล้วก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นนะ
01:16:31 → 01:16:34 จนถึงประมาณ 30 เนี่ยก็จะได้ตัวแอโรบิค
01:16:34 → 01:16:36 Exercise แล้วจริงๆว่าคำว่าแอโรบิคเนี่ย
01:16:36 → 01:16:38 ไม่จำเป็นต้องวิ่งอย่างเดียวนะแอโรบิค
01:16:38 → 01:16:40 เนี่ยไม่จำเป็นต้องเป็นการวิ่งหรือเต้น
01:16:40 → 01:16:43 แอโรบิคนะฮะคำว่าแอโรบิคคือการออกกำลัง
01:16:43 → 01:16:44 กายของ
01:16:44 → 01:16:47 กล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆของร่างกายเราอาจจะใช้
01:16:47 → 01:16:51 การขี่จักรยานนะครับก็เป็นใช้กล้ามเนื้อ
01:16:51 → 01:16:55 ขามัดใหญ่หรือการว่ายน้ำก็จะเป็นการใช้
01:16:55 → 01:16:57 กล้ามเนื้อขามัดใหญ่ได้เช่นกันนะครับก็จะ
01:16:57 → 01:17:00 เป็นแอโรบิคเหมือนกันไม่จำเป็นจะต้องวิ่ง
01:17:00 → 01:17:02 อย่างเดียวนะ
01:17:02 → 01:17:04 โซนต่อมาอันเนี้ยเริ่มเป็นสีส้มแล้วไม่
01:17:04 → 01:17:07 ค่อยดีเป็นโซนอันตรายมากขึ้นนะครับก็คือ
01:17:07 → 01:17:10 อ่าในทางการวิ่งเราเรียกว่า Temple Zone
01:17:10 → 01:17:12 ตอนนี้ก็ไม่ได้แนะนำให้วิ่งแบบต่อเนื่อง
01:17:12 → 01:17:13 นะ
01:17:13 → 01:17:16 เพราะว่าในในคนทั่วไปนะฮะแต่ถ้าเกิดว่าใน
01:17:16 → 01:17:18 นักกีฬาที่จะต้องการเพิ่มความแข็งแรง
01:17:18 → 01:17:22 เนี่ยเราก็จะมีสูตรการวิ่งแบบ tempo อยู่
01:17:22 → 01:17:24 เพื่อเพิ่มความแข็งแรงโดยที่ heart rate
01:17:24 → 01:17:27 ก็จะขึ้นมาถึงระดับ 8 ถึง 90 ของ Max
01:17:27 → 01:17:29 Hard Rate เลยนะ
01:17:29 → 01:17:32 ส่วนสุดท้ายก็เรียกว่าโซน 5 เป็น Red
01:17:32 → 01:17:34 Zone ที่เราเรียกว่า Sprint Zone อัน
01:17:34 → 01:17:37 นี้แนะนำเฉพาะนักกีฬาอาชีพเท่านั้นนะ
01:17:37 → 01:17:39 เพราะ heart rate ไปแตะ 100% ในคนที่
01:17:39 → 01:17:41 ร่างกายไม่พร้อมเนี่ยมีอันตรายได้ครับอาจ
01:17:42 → 01:17:46 จะเป็นลมเป็นหัวใจวายได้วูบได้หมดสติได้
01:17:46 → 01:17:50 เลยในบางคนเนาะแล้วก็เป็นโซนที่โซน 4 โซน
01:17:50 → 01:17:53 5 เนี่ยถ้าเราไป Touch มันบ่อยๆเนี่ยแบบ
01:17:53 → 01:17:56 ต่อเนื่องนานเกินไปมีหลักฐานทั้งงานวิจัย
01:17:56 → 01:17:59 ชัดเจนเลยว่าเพิ่มการเกิดโรคหัวใจเต้นผิด
01:17:59 → 01:18:02 จังหวะโดยเฉพาะโรคหัวใจ AF นะครับดังนั้น
01:18:02 → 01:18:04 เนี่ยถ้าออกกำลังกายเพื่อสุขภาพจริงๆแนะ
01:18:04 → 01:18:08 นำแค่ถึงโซน 3 พอนะครับ
01:18:08 → 01:18:12 การไปวิ่งมาราธอนในนักกีฬาอาชีพเนี่ยไม่
01:18:12 → 01:18:15 ใช่การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพนะแต่มันคือ
01:18:15 → 01:18:18 การแข่งขันกีฬาสำหรับนักกีฬาที่เขาจะฝึก
01:18:18 → 01:18:21 เพื่อแข่งขันเท่านั้นนะฮะจริงๆแล้วอ่ะมัน
01:18:21 → 01:18:23 มีงานวิชาชีพกันว่าออกกำลังกายมากเกินไป
01:18:23 → 01:18:27 มันทำให้เกิดปัจจัยที่มีจังหวะได้ในคนที่
01:18:27 → 01:18:31 เป็นนักวิ่งมาราธอนก็พบว่ามีการเกิดหัวใจ
01:18:31 → 01:18:35 เต้นมีจังหวะไอ้แบบ AF เนี่ยมากกว่าคน
01:18:35 → 01:18:38 ทั่วไปที่ไม่ได้ออกกำลังกายมากนักนะครับ
01:18:38 → 01:18:41 ดังนั้นออกกำลังกายเยอะเกินไปไม่ดีนะ
01:18:41 → 01:18:45 เปรียบเทียบง่ายๆผมมักจะเล่าให้คนไข้ผม
01:18:45 → 01:18:48 ฟังเสมอนะครับว่าหรือว่าเพื่อนๆผมฟังเสมอ
01:18:48 → 01:18:52 ว่าเวลาเราขับรถเนี่ยไปเชียงใหม่สมมุติ
01:18:52 → 01:18:55 ว่ารถเรามันขับได้สัก 180 เราจะเหยียบ 180
01:18:55 → 01:18:58 ไปตลอดทางไม่สมมุติว่าสมมุติว่ามันเหยียบ
01:18:58 → 01:19:00 ได้นะคือสมมุติว่าถนนของบ้านเราเป็น
01:19:00 → 01:19:02 ออโต้บาห์เหมือนที่เยอรมันแล้วกันสามารถ
01:19:02 → 01:19:04 ขับ 180 ได้ด้วยปลอดภัยเนี่ยแล้วกฎหมาย
01:19:04 → 01:19:07 ไม่ผิดกฎหมายเนี่ยเราจะเหยียบรถเรา 180
01:19:07 → 01:19:11 ค้างไปเลยตั้งแต่กรุงเทพฯถึงเชียงใหม่ไหม
01:19:12 → 01:19:14 เราก็ยังกลัวรถเราพังเลยเนาะกลัวเครื่อง
01:19:14 → 01:19:16 ยนต์มันจะร้อนเกินไปเกิดเครื่องยนต์มันจะ
01:19:16 → 01:19:19 พังดังนั้นเนี่ยหัวใจเราก็เหมือนกันการ
01:19:19 → 01:19:21 ที่เราจะให้ heart rate มาแตะ Red Zone
01:19:21 → 01:19:23 ตลอดเวลาต่อเนื่องเป็นเวลานานๆเนี่ยมัน
01:19:24 → 01:19:26 ไม่ดีต่อหัวใจแน่นอนนะฮะอันนี้มันเป็น fax
01:19:26 → 01:19:29 อยู่แล้วนะครับดังนั้นเนี่ยถ้าเราออก
01:19:29 → 01:19:31 กำลังกายแล้วผมก็แนะนำว่าไม่ควรเกิน 80%
01:19:31 → 01:19:36 เนาะของ Mac เนี่ยจะดีต่อหัวจ่ายนะครับ
01:19:36 → 01:19:38 อ่ะทีนี้ Max heart rate ของเราคืออะไร
01:19:38 → 01:19:41 อะไรคือหัวใจ Maximum ก็แปลว่าสูงสุดเนาะ
01:19:41 → 01:19:44 heart rate ก็คือฮาร์ดเทอมหัวใจเรทคือ
01:19:44 → 01:19:47 อัตราใช่ไหมครับแม้กระทั่งเด็กก็คืออัตรา
01:19:47 → 01:19:49 การเต้นของหัวใจหรือว่าชีพจรสูงสุดของเรา
01:19:49 → 01:19:50 นะครับ
01:19:50 → 01:19:54 มีหลักการคิดง่ายๆจริงๆมีการคิดอยู่หลาย
01:19:54 → 01:19:57 แบบแต่ว่าการคิดที่ทางการแพทย์ใช้แล้วก็
01:19:57 → 01:20:01 ง่ายมากก็คือเอาตัวเลข 220 เนี่ยตั้งแล้ว
01:20:01 → 01:20:05 ก็ลบด้วยอายุนะฮะเช่นถ้าตัวผมตัวผม 45 นะ
01:20:05 → 01:20:08 ปีนี้เอาตัวเลขกลมๆแล้วกันอยากเบรคก็ใช้
01:20:08 → 01:20:12 ตัวเลข 40 ดังนั้นถ้าเอา 220 ลบด้วย 40
01:20:12 → 01:20:14 เนี่ยมันก็จะเหลือ 180
01:20:14 → 01:20:17 อันนี้คือ Max heart rate เวลาออกกำลัง
01:20:17 → 01:20:20 กายไม่ใช่ผมก็จะไม่ใช้ตัวเลข 180 นะ 180
01:20:20 → 01:20:23 นี่คือ Red Zone และ 100% ไม่ควรเกิน
01:20:23 → 01:20:26 นั้นผมจะออกกำลังกายแค่อยู่ในช่วงประมาณ
01:20:26 → 01:20:30 7-80% นะฮะอ่าเราก็จะมาดูตามตารางของคิด
01:20:30 → 01:20:33 ไว้ให้แล้วเนาะในอายุ 40 ใช่ไหมชีพจรสูง
01:20:33 → 01:20:39 สุด 180 นะครับ 60% คือ 108 80% คือ 144
01:20:39 → 01:20:41 ดังนั้นเนี่ยชีพจรของผมก็ไม่ควรเกิน
01:20:41 → 01:20:45 140-150 นะฮะก็คือไม่ควรเกิน 80 กว่า
01:20:45 → 01:20:48 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปนั่นเองนะอันนี้ก็คือ
01:20:48 → 01:20:51 อ่าเป็นการคิด Max heart rate นะครับ
01:20:51 → 01:20:54 โอเคเดี๋ยวเพื่อนๆก็จะได้เอาไปใช้เนาะ
01:20:54 → 01:20:58 ในตอนแรกๆก็สรุปแรกๆก็แนะนำให้ออกกำลัง
01:20:58 → 01:21:01 กายแค่โซน 1 โซน 2 ก่อนพอแข็งแรงขึ้นก็
01:21:01 → 01:21:04 เริ่มมาเข้าโซน 3 แล้วก็ระยะเวลาก็ค่อยๆ
01:21:04 → 01:21:07 นานขึ้นเรื่อยๆนะครับแต่ระยะเวลาเนี่ย
01:21:07 → 01:21:12 คือถ้าเราออกโซน 3 ได้เกิน 10-15 นาทีต่อ
01:21:12 → 01:21:14 วันเนี่ยก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
01:21:14 → 01:21:15 ได้เยอะเลยนะ
01:21:15 → 01:21:19 ตามตัวเลขคือลดให้ถึงประมาณ 50% เลยแหละ
01:21:19 → 01:21:22 นะครับแล้วก็ถ้าเกิดว่าเราออกกำลังกายถึง
01:21:22 → 01:21:26 30 นาทีเนี่ยสมองเราก็จะมีการสร้าง
01:21:26 → 01:21:29 ฮอร์โมนแห่งความสุขที่เรียกว่าฮอร์โมน
01:21:29 → 01:21:32 เอ็นโดฟินนะฮะที่ช่วยสร้างความสุขนะครับ
01:21:33 → 01:21:37 ให้กับร่างกายของเรามันก็เลยมีคนที่ว่า
01:21:37 → 01:21:40 เฮ้ยทำไมออกกำลังกายแล้วเราอยากออกอีกนะ
01:21:40 → 01:21:44 ครับมันติดกีฬาก็คือสมองเราถูกกระตุ้นให้
01:21:44 → 01:21:46 สร้างฮอร์โมนแห่งความสุขขึ้นมานั่นเองนะ
01:21:46 → 01:21:50 ครับส่วนถ้าเกิดว่าเราออกกำลังกายโซน 2
01:21:50 → 01:21:52 เนี่ยได้ถึง 45 นาที
01:21:52 → 01:21:53 [เพลง]
01:21:53 → 01:21:56 หรือบางคนก็คือเป็นชั่วโมงเลยก็ได้เพราะ
01:21:56 → 01:21:59 ว่าโซน 2 มันหัวใจเต้นไม่เร็วเนาะเดี๋ยว
01:21:59 → 01:22:02 ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญดีเบิร์นดีร่างกาย
01:22:02 → 01:22:04 เราเนี่ยหลังจากหยุดวิ่งนะก็ยังมีการ
01:22:04 → 01:22:07 เบิร์นต่อได้อีกนะก็ตัวนี้จะเป็นช่วยให้
01:22:07 → 01:22:11 ร่างกายเผาผลาญเบอร์นี้ดีนะครับก็ถ้าถึง 1
01:22:11 → 01:22:12 ชั่วโมงเนี่ยก็พบว่าเราเผาผลาญได้ถึงวัน
01:22:12 → 01:22:14 ละ 1,000 แคลอรี่เลยนะ
01:22:14 → 01:22:17 แล้วก็หัวใจกับระบบไหลเวียนเลือดก็จะแข็ง
01:22:17 → 01:22:20 แรงขึ้นด้วยก็จะเป็นประโยชน์ต่อของการออก
01:22:20 → 01:22:23 กำลังกายแบบอารบิกนะครับไม่รวมไม่เฉพาะ
01:22:23 → 01:22:26 การวิ่งนะขี่จักรยานว่ายน้ำเต้นแอโรบิค
01:22:26 → 01:22:28 หรือว่าออกกำลังอันอื่นที่ใช้กล้ามเนื้อ
01:22:28 → 01:22:31 มัดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นการเล่นฟุตบอลการตี
01:22:31 → 01:22:35 เทนนิสของผมชอบตีเทนนิสนะก็จะดีต่อหัวใจ
01:22:35 → 01:22:36 ด้วยนะ
01:22:36 → 01:22:40 โอเคนะครับพอเราอายุเยอะขึ้นเราก็ต้อง
01:22:40 → 01:22:42 เลือกการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับตัวเรา
01:22:42 → 01:22:45 เนาะก็ใช้เป็นการเดินวิ่งในสวนแล้วก็
01:22:45 → 01:22:50 เหมาะในช่วง pm2.5 ก็อาจจะมาเดินวิ่งในใน
01:22:50 → 01:22:56 เครื่องในลู่วิ่งบ้างก็ก็น่าจะดีเพราะว่า
01:22:56 → 01:22:58 เราเปิดเครื่องฟอกอากาศได้ใช่ไหมแต่ช่วง
01:22:58 → 01:23:01 ไหน PM แรงๆก็ไม่แนะนำให้ออกกำลังกายกัน
01:23:01 → 01:23:04 แจ้งนะครับถ้าเกิดว่าเราออกกำลังกายอยู่
01:23:04 → 01:23:06 นะครับหรือว่าวิ่งอยู่เนี่ยแล้วมันมี
01:23:06 → 01:23:09 อาการเจ็บแน่นหน้าอกหรือว่ามีอาการผิด
01:23:09 → 01:23:11 ปกติเช่นเหนื่อยง่าย
01:23:11 → 01:23:13 แบบเราเคยวิ่งได้
01:23:13 → 01:23:16 2 กิโลโดยไม่เหนื่อยแต่อันนี้ให้เราวิ่ง
01:23:16 → 01:23:19 มาแค่กิโลเดียวมันเหนื่อยแล้วอ่ะผิดปกติ
01:23:19 → 01:23:23 นะครับเราจะต้องทำยังไงหรือว่าเราใจสั่น
01:23:23 → 01:23:24 หรือเหมือนจะหน้ามืด
01:23:24 → 01:23:28 เราจะทำยังไงรวมถึงถ้าเพื่อนที่ข้างๆเรา
01:23:28 → 01:23:31 อยู่ๆเป็นลมหมดสติไปอ่ะเราจะช่วยเขายังไง
01:23:31 → 01:23:33 บ้างนะครับเรามาคุยกับสั้นๆในต้น Station
01:23:33 → 01:23:35 นี้นะฮะ
01:23:35 → 01:23:38 แน่นอนคือถ้าเก็บแน่นหน้าอกโดยเฉพาะแน่น
01:23:38 → 01:23:42 หน้าอกแบบมีอะไรมาทับเหมือนที่ผมอธิบายไป
01:23:42 → 01:23:44 ขั้นต้นว่าเหมือนมีช้างมาเหยียบเนี่ยอัน
01:23:44 → 01:23:46 นี้ต้องสงสัยลวกเส้นเลือดหัวใจตีบไว้ก่อน
01:23:46 → 01:23:48 เลยนะครับเพราะว่าการออกกำลังกายเนี่ยมัน
01:23:48 → 01:23:50 กระตุ้นทำให้เกิด
01:23:50 → 01:23:52 เขาเรียกว่าพระรับเจอร์ก็คือทำให้เกิด
01:23:52 → 01:23:55 คราบไขมันมันปริแตกออกมาแล้วมาอุดกั้น
01:23:55 → 01:23:57 เส้นเลือดหัวใจได้นะการออกกำลังกายเนี่ย
01:23:57 → 01:24:01 มันถ้าคนที่เป็นโรคอยู่เนี่ยออกแรงเกินไป
01:24:01 → 01:24:04 หรือว่านานเกินไปหรือไม่เคยออกแล้วมาออก
01:24:04 → 01:24:07 เนี่ยมีอันตรายได้นะครับเราจะต้องหยุด
01:24:07 → 01:24:09 วิ่งทันทีถ้าตัวเราเป็นเองเราต้องบอก
01:24:09 → 01:24:11 เพื่อนที่อยู่ข้างๆด้วยเฮ้ยเราเจ็บหน้าอก
01:24:11 → 01:24:14 ว่ะเพื่อนบอกเพื่อนเลยเพราะว่าถ้าเราวูบ
01:24:14 → 01:24:16 ไปแล้วเพื่อนจะไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรถูก
01:24:16 → 01:24:20 ไหมแต่เราต้องรีบบอกอาการให้เขาก่อนถ้า
01:24:20 → 01:24:24 เรายังพอไหวอยู่หรือเราอยู่คนเดียวเรา
01:24:24 → 01:24:27 โทรศัพท์เลยฮะ 1669 ว่าเราอยู่ตรงนี้นะ
01:24:27 → 01:24:30 ตรงนี้นะอยู่ในจตุจักรสวนจตุจักรสวนรถไฟ
01:24:30 → 01:24:33 อยู่ตรงนี้ตรงนี้อะไรเงี้ยหรือว่าไปที่รถ
01:24:33 → 01:24:36 พยาบาลถ้าอยู่ในงานวิ่งหรือว่ามีสถาน
01:24:36 → 01:24:39 พยาบาลห้องพยาบาลอยู่ใกล้ๆในสถานที่ทำงาน
01:24:39 → 01:24:40 ของเรา
01:24:40 → 01:24:44 หลักเลยคือถ้ามีอาการผิดปกติอย่าฝืนวิ่ง
01:24:44 → 01:24:48 ต้องหยุดทันทีนะเพราะว่าการเสียชีวิตขณะ
01:24:48 → 01:24:50 ออกกำลังกายเนี่ยนะครับมันมีหลายอย่าง
01:24:50 → 01:24:53 แล้วก็มีอยู่เรื่อยๆเลยนะอันที่เจอเป็น
01:24:53 → 01:24:55 สาเหตุที่บ่อยที่สุดก็คือเส้นเลือดหัวใจ
01:24:55 → 01:24:58 อุดตันเฉียบพลันนะครับคือเส้นเลือดเฉียบ
01:24:58 → 01:25:01 พลันเนี่ยมักจะเป็นในคนที่อายุเยอะเกิน 35
01:25:01 → 01:25:05 ขึ้นไปในผู้ชาย 45 ในผู้หญิงแต่ว่าถ้า
01:25:05 → 01:25:08 เกิดว่าต่ำกว่าต่ำกว่า 35 เนี่ยในเด็กๆ
01:25:08 → 01:25:11 พวกนักกีฬาอายุ 20-30 แล้วเสียชีวิตใน
01:25:11 → 01:25:13 สนามฟุตบอลอะไรเงี้ยส่วนใหญ่มีโลกทาง
01:25:13 → 01:25:17 พันธุกรรมซ่อนอยู่นะครับเป็นโรคหัวใจ
01:25:17 → 01:25:21 ที่ซ่อนอยู่เช่นพวกโรคกล้ามเนื้อหัวใจโต
01:25:21 → 01:25:24 ซ่อนอยู่มีโรคการนำไฟฟ้าในบางอย่างผิด
01:25:24 → 01:25:26 ปกติในหัวใจที่เรียกว่า long qt
01:25:26 → 01:25:31 Syndrome เป็นต้นตอนนี้ในวีดีโอนี้เราจะ
01:25:31 → 01:25:32 เห็นว่าหลอดเลือดของเราเนี่ยมีไขมันอยู่
01:25:32 → 01:25:35 เกาะอยู่ประมาณ 50
01:25:35 → 01:25:39 60% นะคือเกิน 50% ของรูหลอดเลือดแต่
01:25:39 → 01:25:42 เลือดมันก็ยังไหลได้นะเลือดมันก็ยังไหล
01:25:42 → 01:25:42 ได้
01:25:42 → 01:25:45 แต่วันดีคืนร้ายไอ้คราบไขมันเนี่ยมันเกิด
01:25:45 → 01:25:48 ปริแตกร่างกายเราจะมีการซ่อมแซมโดยการมี
01:25:48 → 01:25:52 เกล็ดเลือดแล้วก็มีลิ่มเลือดมาเกาะจนทำ
01:25:52 → 01:25:55 ให้เกิดการอุดตันแบบเฉียบพลันขึ้นมาได้
01:25:55 → 01:25:58 นี่แหละก็คือสิ่งที่เรียกว่า parkludger
01:25:58 → 01:26:02 หรือว่าตัวคราบไขมันปริแตกแต่การไขมันปริ
01:26:02 → 01:26:05 แตกแล้วมาอุดหัวใจนะครับถ้ามันยังอุ่นไม่
01:26:05 → 01:26:07 เต็มเลือดมันยังพอไหลได้แต่ถ้าอุดเต็มแบบ
01:26:07 → 01:26:12 นี้อันนี้คือมักจะอันตรายมากคือลวดมัน
01:26:12 → 01:26:15 หยุดแบบเฉียบพลันเลยนะฮะอันนี้อันแดงๆ
01:26:15 → 01:26:17 เนี่ยคือลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นมาอุดกั้น
01:26:17 → 01:26:18 ทางเดินของเลือด
01:26:18 → 01:26:22 อาการเจ็บหน้าอกนะครับถ้าจริงๆแล้วเจ็บ
01:26:22 → 01:26:24 หน้าอกเนี่ยเป็นอาการที่ไม่จำเพาะเจ็บแบบ
01:26:24 → 01:26:27 จี๊ดๆก็เป็นโรคหัวใจได้นะแต่ถ้าเจ็บแบบ
01:26:27 → 01:26:30 เนี้ยคือเจ็บแน่นตรงกลางนะฮะหรือว่าด้าน
01:26:30 → 01:26:33 ซ้ายนะฮะแน่นๆแบบเหมือนมีอะไรมาลาสหรือ
01:26:33 → 01:26:36 ว่ามีช้างมาเหยียบที่หน้าอกเนี่ยรวมถึง
01:26:36 → 01:26:38 อาจจะมีร้าวมาที่คอไหล่หรือว่าแขนเนี่ย
01:26:38 → 01:26:42 อันนี้อันตรายนะครับหรือถ้าเกิดว่าเจ็บ
01:26:42 → 01:26:45 หน้าอกร่วมกับอาการเหนื่อยผิดปกติมีน้ำ
01:26:45 → 01:26:48 มืดมีวูบรวมถึงใจสั่นใจเต้นเร็วแบบที่ไม่
01:26:48 → 01:26:51 เคยเป็นมาก่อนบางคนมีเหงื่อแตกใจสั่นแบบ
01:26:51 → 01:26:53 โดยที่แบบอยู่ๆก็เป็นไม่สัมพันธ์กับ
01:26:54 → 01:26:57 กิจการที่กิจกรรมที่เราทำอันนี้เป็น
01:26:57 → 01:26:58 อันตรายนะครับต่อให้ไม่ได้ออกกำลังกาย
01:26:58 → 01:27:00 อยู่ก็ต้องรีบไปพบแพทย์นะ
01:27:00 → 01:27:04 เพราะว่าถ้าช้าเกินไปเนี่ยเราอาจจะเป็น
01:27:04 → 01:27:06 แบบในภาพนี้ก็ได้ก็คือ
01:27:06 → 01:27:10 มีการเขาเรียกหมดสติแบบเฉียบพลันนะครับ
01:27:10 → 01:27:14 โอเคทีนี้ถ้าเราเจอเจอคนเพื่อนเราหมดสติ
01:27:14 → 01:27:16 แบบเฉียบพลันอย่างนี้เราพอจะช่วยเพื่อน
01:27:16 → 01:27:20 ยังไงได้บ้างสั้นๆเลยฮะง่ายๆมากเลยนะสิ่ง
01:27:20 → 01:27:22 ที่เรา
01:27:22 → 01:27:24 เคยได้รับการสอนสมัยก่อนในการกู้ชีวิต
01:27:24 → 01:27:28 เพื่อเนี่ยเราเรียกว่า CPR เนาะแต่ CPR
01:27:28 → 01:27:30 เนี่ยบางสมัยก่อนมันทำยากมากปัจจุบัน
01:27:30 → 01:27:31 เนี้ย
01:27:31 → 01:27:33 มันมีการ
01:27:33 → 01:27:36 ประยุกต์ CPR ให้ทำง่ายมากที่สุดนะฮะหรือ
01:27:36 → 01:27:39 เรียกว่า Hand Only CPR หรือว่าการ CPR
01:27:39 → 01:27:41 โดยการใช้มือกดอย่างเดียวไม่ต้องเป่าปาก
01:27:41 → 01:27:44 นะแล้วกดโดยไม่ต้องคิดอะไรมากด้วยนะครับ
01:27:44 → 01:27:47 เวลาเราเจอคนหมดสติอยู่
01:27:47 → 01:27:51 เจอเราวิ่งๆไปอ้าวเฮ้ยคนข้างหน้านอนอยู่ๆ
01:27:51 → 01:27:53 วิ่งอยู่แล้ววูบล้มลงไปเราจะช่วยเขา
01:27:53 → 01:27:57 อันดับ 1 เลยให้โทรหา 1669 ก่อนในเมือง
01:27:57 → 01:27:59 นอกจะเป็นนายวันๆนะ
01:27:59 → 01:28:03 แล้วก็บอกเขาว่ามีคนหมดสติหรือบอกคนข้างๆ
01:28:03 → 01:28:06 ว่าช่วยโทรศัพท์ให้หน่อยแล้วเรารีบมาปั๊ม
01:28:06 → 01:28:11 หัวใจก็ได้และถ้าเป็นไปได้ให้คนข้างๆเรา
01:28:11 → 01:28:13 ไปรีบไปเอาเครื่อง
01:28:13 → 01:28:17 aed หรือว่าเครื่องช็อคไฟฟ้าหัวใจที่ตอน
01:28:17 → 01:28:19 นี้เรามีอยู่ในหลายๆที่นะฮะไม่ว่าจะเป็น
01:28:19 → 01:28:23 ห้างสนามบินหรือว่าสถานีออกกำลังกายใหญ่ๆ
01:28:23 → 01:28:25 เนี่ยมักจะมีเครื่อง aed อยู่นะครับเพื่อ
01:28:25 → 01:28:30 ที่จะเอามาช่วยในการกู้ชีวิตคนที่อยู่ต่อ
01:28:30 → 01:28:32 หน้าเราเนี่ยเราจะเป็นคนช่วยเขา
01:28:32 → 01:28:35 ได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราจริงๆขึ้น
01:28:35 → 01:28:37 อยู่กับเครื่องก็มีเครื่องหรือเปล่าถ้ามี
01:28:37 → 01:28:39 เครื่องอยู่เนี่ยเครื่องมันทำให้
01:28:39 → 01:28:40 อัตโนมัติทุกอย่างเลยฮะเดี๋ยวผมจะบอกให้
01:28:40 → 01:28:44 ฟังสั้นๆว่ามันง่ายมากเลยนะปัจจุบันนะ
01:28:44 → 01:28:47 ทีนี้พอเราบอกเพื่อนและให้ไปเอาเครื่อง
01:28:47 → 01:28:51 aed โทร 1669 แล้วว่ามีคนหมดสติอยู่ขั้น
01:28:51 → 01:28:54 ต่อไปปุ๊บเรารีบกดหน้าอกเขาเลยฮะวิธีการ
01:28:54 → 01:28:56 กดหน้าอกเนี่ยไม่ต้องคิดอะไรมากเอามือนึง
01:28:56 → 01:28:59 นะฮะวางบริเวณกลางหน้าอกเลยนะฮะกลางหน้า
01:28:59 → 01:29:02 อกนะครับกลางหน้าอกแบบในภาพเลยนะฮะแล้วก็
01:29:02 → 01:29:05 อีกมือนึงภาษาอีสานนะครับประสาทแล้วก็กำ
01:29:05 → 01:29:07 ไว้ก็ได้ฮะเพื่อให้แรงของเราเนี่ยมัน
01:29:07 → 01:29:11 ประสานลงไปที่จุดกลางเท่าของเขานะฮะโดย
01:29:11 → 01:29:13 ที่น้ำหนักก็จะทิ้งลงไปที่บริเวณหน้าอก
01:29:13 → 01:29:17 โดยตรงเนอะแล้วก็แขนตึงนะฮะหลักอันเดียว
01:29:17 → 01:29:21 เลยคือข้อศอกตึงข้อศอกตึงโอเคแล้วก็กดลง
01:29:21 → 01:29:28 ไปนะฮะกดลงไปในความเร็วของการกดเนี่ย
01:29:28 → 01:29:29 ประมาณ
01:29:29 → 01:29:33 100-120 ครั้งต่อนาทีก็คือกดลงไปปุ๊บเลย
01:29:33 → 01:29:36 ในประเทศไทยเนี่ยก็แนะนำให้เราร้องเพลง
01:29:36 → 01:29:42 สุขกันเถอะเราจะได้จังหวะเพลงที่ที่
01:29:42 → 01:29:45 พอดีประมาณ 100-120 ครั้งต่อนาทีนะครับ
01:29:45 → 01:29:49 แต่จริงๆก็เดี๋ยวเพลงอื่นน่าจะดีกว่าเธอ
01:29:49 → 01:29:51 เรามาดูมีความสุขเกินไปเนาะตอนนี้เรา
01:29:51 → 01:29:54 กำลังช่วยอยู่แต่ก็ดีนะโอเคเดี๋ยวลองลอง
01:29:54 → 01:29:58 นะฮะเนี่ยฝึกกันเถอะเราต่อไปทำไมอนาคต
01:29:58 → 01:30:00 อย่างนี้เลย
01:30:00 → 01:30:02 ในรูปนะครับให้ถูกต้อง
01:30:02 → 01:30:06 กดตามจังหวะโดยที่การกดเนี่ยเอากำลังตึง
01:30:06 → 01:30:10 มือนะก็คือว่าไม่แรงเกินไปแต่ต้องไม่เบา
01:30:10 → 01:30:14 เกินไปนะฮะแล้วก็ไม่ควรเร็วเกินไปวิดีโอ
01:30:14 → 01:30:17 นี้จะเป็นวิดีโอที่บอกว่าหัวใจของเรา
01:30:17 → 01:30:19 เนี่ยมันสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายเนาะ
01:30:19 → 01:30:23 ถ้าหัวใจหยุดเต้นเมื่อไหร่เราก็จะไม่มี
01:30:23 → 01:30:26 เลือดไปเลี้ยงร่างกายโดยเฉพาะสมองของเรา
01:30:26 → 01:30:29 นะครับถ้าหัวใจเราเต้นผิดจังหวะในหรือ
01:30:29 → 01:30:31 หยุดเต้นนะในภาพจะเห็นว่าหัวใจมันเต้น
01:30:31 → 01:30:33 สั่นพริ้วเนาะผิดจังหวะนะครับ
01:30:33 → 01:30:36 อันนี้เลือดไปเลี้ยงหัวใจน้อยลงอันนี้
01:30:36 → 01:30:39 เป็นสันผิวแบบถ้าตรวจจะเรียกว่า vtura
01:30:39 → 01:30:40 Taxi cadia
01:30:40 → 01:30:43 เป็นการเต้นพิมพ์แบบรุนแรงซึ่งไม่ใช่ AF
01:30:43 → 01:30:46 กับ PVC นะคนละอันกันนะครับหัวใจมันจะ
01:30:46 → 01:30:49 หยุดเต้นได้การที่เราเอามือเนี่ย
01:30:49 → 01:30:53 ไปประสานไว้บริเวณกลางหน้าอกนะครับแล้ว
01:30:54 → 01:30:57 เรากดหน้าอกลงไปเพื่อหวังอะไร
01:30:57 → 01:31:01 เป้าหมายของเราก็คือหวังว่าการกดของเรา
01:31:01 → 01:31:02 เนี่ยมันจะไป
01:31:02 → 01:31:06 บีบหัวใจเหมือนเราเอาหัวใจเนี่ยมาใส่ที่
01:31:06 → 01:31:07 มือเรา
01:31:07 → 01:31:10 อันนี้เป็นหัวใจใช่ไหมเหมือนเอาหัวใจ
01:31:10 → 01:31:12 เนี่ยวางไว้ที่มือแล้วเราบีบนะฮะบีบหัวใจ
01:31:12 → 01:31:16 เพื่อให้เลือดมันออกจากหัวใจการกดก็
01:31:16 → 01:31:19 เหมือนกันการกดก็เหมือนกับว่าเรากดแล้วทำ
01:31:19 → 01:31:22 ให้หัวใจมันยุบตัวลงคือมันไม่เต้นแล้วก็
01:31:22 → 01:31:26 เข็นมันนั่นเองพูดง่ายๆนะบีบมันปั๊มแทน
01:31:26 → 01:31:28 หัวใจมันไม่สิ้นเองเราก็ช่วยเขาก็จะเห็น
01:31:28 → 01:31:31 ว่าเลือดเนี่ยถ้าเราปั๊มได้ลึกพอเนี่ยนะ
01:31:31 → 01:31:34 ฮะโดยความลึกก็อยู่ที่ประมาณ 2 นิ้วนะกด
01:31:34 → 01:31:35 ลงไปประมาณ 2 นิ้ว
01:31:35 → 01:31:39 ให้ลึกพอเนี่ยเลือดเนี่ยมันก็จะพอที่จะ
01:31:39 → 01:31:41 ไหลไปเลี้ยงสมองได้นะครับ
01:31:41 → 01:31:45 แล้วเราก็ควรจะต้องกดให้เร็วหน่อยนะฮะอ่า
01:31:45 → 01:31:47 เพราะว่าการปั๊มของเราเนี่ยมันจะส่ง
01:31:47 → 01:31:50 เรื่องได้ประมาณ 20% เท่านั้นนะฮะดังนั้น
01:31:50 → 01:31:54 เราต้องการ 20-25% ถ้าเราต้องการให้เลือด
01:31:54 → 01:31:57 ไหลสักไปเลี้ยงสมอง 50% เราต้องกด 2 เท่า
01:31:57 → 01:32:00 ของหัวใจปกติหัวใจปกติเต้น 60 ใช่ไหมก็
01:32:00 → 01:32:02 ให้ได้สัก 120 นะครับดังนั้นเนี่ยเรทต้อง
01:32:02 → 01:32:06 ให้ได้ 120 ถ้าเราหยุดปั๊มเมื่อไหร่เลือด
01:32:06 → 01:32:08 ก็จะหยุดไหลเห็นไหมดังนั้นเนี่ยการปั๊ม
01:32:08 → 01:32:12 สำคัญคือปั๊มห้ามหยุดนะปั๊มไปเรื่อยๆห้าม
01:32:12 → 01:32:14 หยุดรอจนกว่าเครื่อง aed หรือว่าคนจะมา
01:32:14 → 01:32:17 ช่วยเราถ้าเราเหนื่อยให้คนข้างๆเปลี่ยน
01:32:17 → 01:32:20 ให้คนข้างๆมาช่วยฟาร์มนะครับเรียกคนมา
01:32:20 → 01:32:21 ช่วยนะ
01:32:21 → 01:32:25 ถ้าปั๊มน้อยเกินไปปั๊มตื้นเกินไปก็จะเห็น
01:32:25 → 01:32:28 ว่าเลือดมันไม่ทันไปเลี้ยงสมองเนาะนำตาม
01:32:28 → 01:32:29 ในวีดีโอใช่ไหมครับ
01:32:29 → 01:32:34 อันนี้คือปั๊มตื้นเกินไปนะปั๊มเบาเกินไป
01:32:34 → 01:32:37 ปั๊มช้าเกินไปเลือดก็ไม่ไหลเวียนเห็นไหม
01:32:37 → 01:32:40 ดังนั้นการปั๊มเนี่ยจะต้องหนักแน่นเพียง
01:32:40 → 01:32:45 พอแรงเพียงพอนะฮะลึกเพียงพอไม่ต้องกลัว
01:32:45 → 01:32:48 ซี่โครงหักไม่เป็นไรซี่โครงหักรักษาได้
01:32:48 → 01:32:52 ง่ายๆไม่ยากนะแต่ว่าถ้าปั๊มไม่ดีเนี่ยมัน
01:32:52 → 01:32:55 มันช่วยเขาไม่ได้นะครับดังนั้นต้องปลอม
01:32:55 → 01:32:57 ตามให้ลึกแล้วก็เร็วเพียงพอนี่คือหลัก
01:32:57 → 01:33:00 สำคัญนะและเร็วเพียงพอไม่ต้องกลัวกระดูก
01:33:00 → 01:33:04 หักไม่ต้องกลัวจะปั๊มผิดปั๊มไปก่อนนะปั๊ม
01:33:04 → 01:33:07 ไปก่อนดีกว่าไม่ปั๊มพูดง่ายๆเลยนะฮะดี
01:33:07 → 01:33:08 กว่า
01:33:08 → 01:33:09 อันนี้ก็จะเป็น
01:33:09 → 01:33:12 ทำให้เราเห็นเลยว่าไอ้ที่เราปั๊มเนี่ยเรา
01:33:12 → 01:33:15 ช่วยเขาได้นะเห็นเลือดไปเลี้ยงสมองไหมฮะ
01:33:15 → 01:33:17 สมองมีเลือดไปเลี้ยงนี่โอเคเพราะสมองเรา
01:33:17 → 01:33:20 ขาดออกซิเจนได้แค่ 3-5 นาทีนะส่วนพระเอก
01:33:20 → 01:33:23 ตัวที่ 2 นะฮะถ้าเครื่อง aed มาหยุดปั๊ม
01:33:23 → 01:33:26 ก่อนเลยแล้วรีบติดเครื่องนะเพราะว่าการ
01:33:26 → 01:33:29 ปั๊มเป็นการประคองเพื่อรอเครื่องถ้าหัวใจ
01:33:29 → 01:33:31 มันเต้นผิดจังหวะอยู่ตัวที่บ่อยที่สุดและ
01:33:31 → 01:33:33 ทำให้เสียชีวิตคือเป็นคนแรกที่คาเดียร์
01:33:33 → 01:33:36 หรือมีชื่อว่า VT ไม่ต้องจำเป็นหัวใจได้
01:33:36 → 01:33:39 มีจังหวะแบบรุนแรงแล้วกันนะฮะปั๊มอย่าง
01:33:39 → 01:33:42 เดียวเนี่ยมันช่วยได้น้อยกว่า 10% แต่ถ้า
01:33:42 → 01:33:44 มีเครื่อง AE ดีด้วยนะอัตราการรอดชีวิตจะ
01:33:44 → 01:33:49 สูงขึ้นสูงขึ้นมากกว่าเดิมเยอะ
01:33:49 → 01:33:52 โดยการใช้เครื่อง Ed เนี่ยใช้ง่ายๆนะใช้
01:33:52 → 01:33:55 ง่ายๆเลยวิธีการใช้ต้องทำยังไงนะฮะก็คือ
01:33:55 → 01:33:58 พอเราเปิดเครื่องออกมาเนี่ยมันจะมีแผ่น
01:33:58 → 01:34:02 2แพทย์เขาเรียกว่าแผ่นแผ่นแปะนำกระแสไฟ
01:34:02 → 01:34:05 ฟ้านะฮะเราเอาเราดูที่เครื่องเลยใน
01:34:05 → 01:34:06 เครื่องมันจะมีให้เห็นเลยว่าให้แปะตรงไหน
01:34:06 → 01:34:10 นะแผ่นนี้นะฮะแผ่นด้านซ้ายแปะตรงบริเวณ
01:34:10 → 01:34:15 หน้าอกด้านขวาเห็นไหมนะส่วนอีกแผ่นนึงแปะ
01:34:15 → 01:34:17 บริเวณยอดอกของหัวใจเป้าหมายที่เราแปะ
01:34:17 → 01:34:19 อย่างเงี้ยเพื่อเวลาเราช็อตเนี่ยไฟฟ้า
01:34:19 → 01:34:22 เนี่ยมันจะออกจากแผ่นซ้ายไปที่แผ่นขวาก็
01:34:22 → 01:34:25 คือจะผ่านหัวใจข้างบนไปห้องล่างตามการนำ
01:34:25 → 01:34:28 กระแสไฟฟ้าปกติของหัวใจนั่นเองนะครับเป้า
01:34:28 → 01:34:30 หมายคือไปรีเซ็ตหัวใจ
01:34:30 → 01:34:34 เอาแผ่นแปะพอแปะเสร็จปุ๊บกดเครื่องกด
01:34:34 → 01:34:38 เครื่อง On On ในปุ่มเขียวก่อนนะกดปุ่ม
01:34:38 → 01:34:40 ออนในปุ่มเขียวแล้วเครื่องมันจะ analy
01:34:40 → 01:34:42 ให้เลยมันจะบอกว่าเครื่องกำลังตรวจอยู่ใน
01:34:42 → 01:34:44 เครื่องในเมืองไทยก็จะพูดเป็นภาษาไทยเลย
01:34:44 → 01:34:47 ฮะตอนนี้เครื่องทำงานแล้วกำลังประเมินผู้
01:34:47 → 01:34:50 ป่วยถ้ามันประเมินแล้วมันบอกว่าให้เรา
01:34:50 → 01:34:53 ช็อกได้เครื่องมันจะให้เรากดปุ่มสีแดง
01:34:53 → 01:34:57 ระหว่างที่ช็อคเนี่ยนะครับเรา
01:34:57 → 01:35:00 เครื่องมันก็จะบอกให้เราถอยห่างจากผู้
01:35:00 → 01:35:03 ป่วยนะครับแล้วพอเครื่องช็อกเสร็จปุ๊บเรา
01:35:03 → 01:35:05 ก็จะ
01:35:05 → 01:35:09 ปั๊มเราต้องปั๊มหัวใจต่อทันทีนะครับอัน
01:35:09 → 01:35:12 นี้เป็นวีดีโอตัวอย่างของคนที่รอดชีวิตนะ
01:35:12 → 01:35:15 ฮะจากการเล่นกีฬาแล้วก็ได้รับการช็อคด้วย
01:35:15 → 01:35:24 เครื่อง aed
01:35:24 → 01:35:27 2 แผ่นเนี่ยพอมาถึงปุ๊บเราเครื่องเอา
01:35:27 → 01:35:30 แผ่น 2 แผ่นแปะที่หน้าอกเลยฮะตามรูปเลยนะ
01:35:30 → 01:35:33 แผ่นแต่ละแผ่นเนี่ยเขาเรียกว่าแผ่นเนอะก็
01:35:33 → 01:35:35 จะมีรูปไว้ให้แปะตรงไหนก็แปะตามเครื่อง
01:35:35 → 01:35:36 นั้นเลยนะครับ
01:35:36 → 01:35:40 อ่าการแปะ 2 แผ่นเนี่ยเพื่อที่จะเราก็จะ
01:35:40 → 01:35:43 ปล่อยกระแสไฟฟ้าเนาะในภาพเนี่ยเป็น vf นะ
01:35:43 → 01:35:46 อันนี้เป็น vs vf เนี่ยก็จะเป็นการเต้น
01:35:46 → 01:35:51 หัวใจเต้นจังหวะแบบรุนแรงอีกแบบนึงนะครับ
01:35:51 → 01:35:54 ก็จะเห็นว่าหัวใจเรามันเต้นแบบสั่นพริ้ว
01:35:54 → 01:35:57 เนาะดูที่ตรงหัวใจนะแล้วเลือดมันก็จะไม่
01:35:57 → 01:36:00 ปั๊มมันก็จะไม่สูบโลหิตใช่ไหมฮะพอเราช็อก
01:36:00 → 01:36:03 ไฟฟ้าหัวใจสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับหัวใจของ
01:36:03 → 01:36:07 เราก็คือมันจะรีเซ็ตการทำงานของหัวใจใหม่
01:36:07 → 01:36:10 คือไปทำลายหัวใจวงจรหัวใจที่ผิดที่เต้น
01:36:10 → 01:36:12 ผิดจังหวะนั่นเอง
01:36:12 → 01:36:15 คล้ายๆว่าบริษัทคัทเอาท์เพื่อให้หัวใจ
01:36:15 → 01:36:18 เนี่ยมันพอเราช็อคปุ๊บหัวใจมันจะหยุดเต้น
01:36:18 → 01:36:20 แล้ว
01:36:20 → 01:36:24 เราก็จะรอให้หัวใจเนี่ยบริเวณ SA node
01:36:24 → 01:36:28 มาส่งสัญญาณออกมาเพื่อควบคุมหัวใจแบบปกติ
01:36:28 → 01:36:30 อีกครั้งหนึ่งนะครับ
01:36:30 → 01:36:34 เดี๋ยวเราจะดูนี่มีการช็อคไฟฟ้าช็อค
01:36:34 → 01:36:37 จริงๆแล้วมันรูปมันควรจะต้องช็อคจากข้าง
01:36:37 → 01:36:39 บนไปข้างล่างนะ
01:36:39 → 01:36:42 พอเราช็อคไฟฟ้าปุ๊บหัวใจมันก็จะไม่เต้นนะ
01:36:42 → 01:36:45 ครับไม่เต้นแล้วก็ senote ตรงสี่เหลืองๆ
01:36:45 → 01:36:47 เนี่ยก็จะส่งสัญญาณมาตามปกติ
01:36:48 → 01:36:51 นะก็เป็นการรีเซ็ตวงจรหัวใจนะครับคณะ
01:36:51 → 01:36:54 ศิลปศาสตร์ประยุกต์ขอกราบขอบพระคุณนะคะ
01:36:54 → 01:36:57 ที่อาจารย์ได้ให้ความรู้แล้วก็
01:36:57 → 01:37:02 เอ่อโอกาสหน้าถ้ามีโอกาสอีกก็จะเชิญคุณ
01:37:02 → 01:37:07 หมอมาให้ความรู้ในด้านที่คุณหมอหรือไม่ก็
01:37:07 → 01:37:10 ใกล้เคียงกับเรื่องนี้นะคะที่คุณหมอบอก
01:37:10 → 01:37:11 ว่า
01:37:11 → 01:37:15 เรื่องโรคหัวใจมันจะมีประมาณ 4 4 ใน
01:37:15 → 01:37:18 กลุ่มโลกของมันอะไรอย่างนี้ค่ะก็มันก็
01:37:18 → 01:37:23 เป็นเรื่องสำคัญกับมนุษย์ทั่วๆไปนะคะก็ขอ
01:37:23 → 01:37:51 กราบขอบพระคุณอีกครั้งนะคะขอบคุณค่ะ
01:37:51 → 01:38:20 [เพลง]
01:38:20 → 01:38:23 ส่งทางไลน์ช่องไลน์ส่วนตัวของเล็กเองก็
01:38:23 → 01:38:28 ได้ค่ะขอบคุณนะครับยินดีนะครับหวังว่าคง
01:38:28 → 01:38:29 เป็นประโยชน์ต่อทุกท่านมากนะครับขอบคุณ
01:38:29 → 01:38:33 มากเลยค่ะขอบคุณค่ะขอบคุณผู้ร่วมเข้าอบรม
01:38:33 → 01:38:35 ทุกท่านด้วยนะคะ
01:38:35 → 01:38:38 บ๊ายบายขอบคุณครับ
01:38:38 → 01:39:44 [เพลง]
00:00:04 → 00:00:07 คณะศิลปศาสตร์ประยุกต์ก็กำหนดจัดโครงการ
00:00:07 → 00:00:10 แลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านบริหารจัดการนะคะ
00:00:10 → 00:00:14 เรื่องการส่งเสริมสุขภาพบุคลากรนะคะหัว
00:00:14 → 00:00:17 ข้อภัยเงียบภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะนะคะ
00:00:17 → 00:00:21 ซึ่งมันจะเป็นภัยเงียบจริงๆนะคะก่อนที่จะ
00:00:21 → 00:00:26 เป็นขั้นร้ายแรงนะคะค่ะก็ได้เวลา
00:00:26 → 00:00:31 ขอเชิญประธานกล่าวเปิดโครงการนะคะขอเรียน
00:00:31 → 00:00:33 เชิญท่านประธานนะคะ
00:00:33 → 00:00:36 ศาสตราจารย์ดรมานพชูนิลคณบดีคณะ
00:00:36 → 00:00:40 ศิลปศาสตร์ประยุกต์ค่ะขอกราบเรียนเชิญค่ะ
00:00:40 → 00:00:42 [ปรบมือ]
00:00:42 → 00:00:46 สวัสดีนะครับท่านวิทยากรอาจารย์เจ้าหน้า
00:00:46 → 00:00:51 ที่และก็บุคคลภายนอกที่มา
00:00:51 → 00:00:55 เข้ามาร่วมโครงการของเรานะครับในวันนี้ก็
00:00:55 → 00:00:58 เป็นโครงการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านการ
00:00:58 → 00:01:01 บริหารจัดการหรือว่า Km ด้านการบริหารจัด
00:01:01 → 00:01:05 การซึ่งต่อปีนี้เราเน้นเรื่องเกี่ยวกับ
00:01:05 → 00:01:09 การส่งเสริมสุขภาพของบุคลากรนะครับใน
00:01:09 → 00:01:13 เรื่องของภัยเงียบภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ
00:01:13 → 00:01:16 เกี่ยวกับเรื่องหัวใจเต้นผิดจังหวะเนี่ย
00:01:16 → 00:01:19 เราก็อาจจะได้ข่าวคราวนะครับจากบุคคลที่
00:01:19 → 00:01:22 เรารู้จักนะครับว่ามีอาการพวกนี้หรือว่า
00:01:22 → 00:01:26 เราได้ยินข่าวคนที่เรารู้จักเนี่ยได้เสีย
00:01:26 → 00:01:29 ไปจากสาเหตุของหัวใจวายนะครับอันนี้ก็ได้
00:01:29 → 00:01:32 ข่าวบ่อยๆหรือว่าข่าวคราวจากทีวีทั้ง
00:01:33 → 00:01:35 หนังสือพิมพ์อันนี้ครับซึ่งวันนี้เราก็
00:01:36 → 00:01:39 จัด Km ในหัวข้อนี้ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์
00:01:39 → 00:01:40 นะครับ
00:01:40 → 00:01:43 กับตัวเราหรือว่าญาติหรือว่าเพื่อนฝูงนะ
00:01:43 → 00:01:47 ครับที่เราอาจจะได้รับความรู้นะในวันนี้
00:01:47 → 00:01:50 แล้วก็นำไปบอกกล่าวนะครับวันนี้
00:01:50 → 00:01:53 เราก็เลยมีการเชิญวิทยากรซึ่งเป็นผู้ที่
00:01:53 → 00:01:57 มีความรู้นะความสามารถทางด้านโรคหัวใจโดย
00:01:57 → 00:01:59 เฉพาะเลยนะครับจากโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
00:01:59 → 00:02:02 นะครับเป็นประโยชน์ต่อผู้เข้าร่วมนะครับ
00:02:02 → 00:02:08 ที่จะดูแลสุขภาพของตนเองนะครับไม่ให้มี
00:02:08 → 00:02:11 ปัญหาทางด้านโรคหัวใจนะครับแล้วก็ถ้ามี
00:02:11 → 00:02:15 แล้วก็พยายามลดอาการรุนแรงนะครับ
00:02:15 → 00:02:19 ก็ขอให้โครงการเนี่ยดำเนินการดำเนินไป
00:02:19 → 00:02:23 ด้วยความราบรื่นสวัสดีครับ
00:02:23 → 00:02:24 กราบขอบพระคุณ
00:02:24 → 00:03:22 ท่านคณะบดีนะคะ
00:03:22 → 00:03:25 วุฒิบัตรอายุรแพทยศาสตร์
00:03:25 → 00:03:30 โรคหัวใจสมาคมแพทย์โรคหัวใจนะคะพ.ศ
00:03:30 → 00:03:33 2556 นะคะ
00:03:33 → 00:03:34 ประกาศนียบัตร
00:03:34 → 00:03:39 interventional สมาคมแพทย์มัณฑนากรหัวใจ
00:03:39 → 00:03:42 และหลอดเลือดแห่งประเทศไทยพ.ศ 2559 ค่ะ
00:03:42 → 00:03:47 อันนี้ประวัติย่อๆนะคะแต่ผลงานของท่าน
00:03:47 → 00:03:49 วิทยากรของเราเนี่ยเป็นอะไรที่เยอะแยะมาก
00:03:49 → 00:03:53 มายนะคะงานวิทยากรสำหรับประชาชนตัวอย่าง
00:03:53 → 00:03:57 บางส่วนนะคะที่ท่านให้มานี่ก็อ่านไม่หมด
00:03:57 → 00:04:00 เลยอ่ะค่ะแล้วก็มีบทความวิชาการที่ได้รับ
00:04:00 → 00:04:03 การตีพิมพ์และบทและบทความที่แปลและเรียบ
00:04:03 → 00:04:05 เรียงให้กับบริษัทสื่อสิ่งพิมพ์อีกจำนวน
00:04:05 → 00:04:09 มากมายเลยนะคะตอนนี้ก็ได้เวลาอันสมควร
00:04:09 → 00:04:14 แล้วนะคะดิฉันนางสาวรัตนาถาวรและชนะขอ
00:04:14 → 00:04:17 กราบเรียนเชิญท่านวิทยากรให้ความรู้กับ
00:04:17 → 00:04:20 พวกเราในช่วงเช้านี้นะคะขอกราบเรียนเชิญ
00:04:20 → 00:04:22 ค่ะ
00:04:22 → 00:04:25 สวัสดี
00:04:25 → 00:04:27 ค่ะวันนี้เนี่ยเราจะมาใน
00:04:27 → 00:04:29 เอ่อเรื่องของโรคหัวใจชนิดหนึ่งซึ่ง
00:04:30 → 00:04:32 เป็นที่สนใจกันมากขึ้นในปัจจุบันนะครับ
00:04:32 → 00:04:35 แล้วก็เอ่อเป็นโรคหัวใจที่พบได้บ่อยนะ
00:04:35 → 00:04:38 ครับในทางการแพทย์ก็คือโรคหัวใจเต้นผิด
00:04:38 → 00:04:41 จังหวะนั้นเองนะครับหัวใจของเรานะครับ
00:04:41 → 00:04:45 เป็นอวัยวะที่สำคัญมากเลยนะครับก็คือเรา
00:04:45 → 00:04:47 จะมีชีวิตอยู่เนี่ยก็ขึ้นกับว่าหัวใจ
00:04:47 → 00:04:50 เนี่ยมันเต้นหรือเปล่านะครับแล้วก็หัวใจ
00:04:50 → 00:04:54 เนี่ยมันเต้นก่อนที่เราจะร้องแวะออกมาลืม
00:04:54 → 00:04:56 ตาดูโลกอื่นนะครับเพราะว่าจริงๆแล้วหัวใจ
00:04:56 → 00:04:58 เนี่ยมันเริ่มเต้นตั้งแต่เราเป็นตัวอ่อน
00:04:58 → 00:05:02 เป็นวุ้นอยู่ในครรภ์ของคุณแม่เรานะครับก็
00:05:02 → 00:05:05 เวลาเราไปคุณแม่เราไปหาคุณหมอเนี่ยเวลา
00:05:05 → 00:05:08 คุณหมอตรวจครรภ์นะครับเขาก็จะมีการใช้หู
00:05:08 → 00:05:11 ฟังของหมอใช่ไหมครับที่เรียกว่าสเต็ก
00:05:11 → 00:05:14 เนี่ยมาฟังเสียงที่ท้องนะครับหรือว่าใช้
00:05:14 → 00:05:17 ตัว Ultrasound นะครับมาช่วยตรวจเสียงหัว
00:05:17 → 00:05:20 ใจของเรานะครับผมก็หัวใจเราเต้นมันตั้ง
00:05:20 → 00:05:22 แต่ตอนนั้นแล้วครับทำงานมาตั้งแต่เราเป็น
00:05:22 → 00:05:26 วุ้นอยู่ในท้องจนเราตอนนี้โตขึ้นมามันก็
00:05:26 → 00:05:29 ใช้งานมานานใช่ไหมครับมันก็ต้องมีการดูแล
00:05:29 → 00:05:31 กันบ้างนะครับในหัวใจของเรานะครับก็จะ
00:05:31 → 00:05:33 ประกอบไปด้วย
00:05:33 → 00:05:37 หัวใจอยู่ 4 ห้องด้วยกันนะครับอันนี้เรา
00:05:37 → 00:05:39 ก็จะแบ่งเป็นหัวใจห้องล่างกับห้องบนนะ
00:05:39 → 00:05:42 ครับโดยห้องล่างกับห้องบนเนี่ยมันก็จะมี
00:05:42 → 00:05:45 ซีกซ้ายกับซีกขวานะครับถ้าเราดูตามภาพ
00:05:45 → 00:05:48 เนี่ยเราจะเห็นว่าซีกขวานะครับมันจะเป็น
00:05:48 → 00:05:51 สีฟ้าๆนะครับก็จะเป็นตัวเลือดดำนะครับ
00:05:51 → 00:05:54 แล้วก็ส่วนซีกซ้ายเนี่ยมันจะเป็นเกี่ยว
00:05:54 → 00:05:57 กับระบบเลือดแดงนะครับเลือดแดงก็คือเลือด
00:05:57 → 00:06:01 ที่ฟอกแล้วหัวใจซีกซ้ายจะมีความสัมพันธ์
00:06:01 → 00:06:03 คือมันจะรับเลือดที่ฟอกแล้วจากบอร์ดนะ
00:06:03 → 00:06:05 ครับแล้วก็สูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงร่างกาย
00:06:05 → 00:06:08 ส่วนซีกขวาเนี่ยจะรับเลือกจากร่างกายและ
00:06:08 → 00:06:11 ส่งไปปอดนะครับเพื่อไปฟอกก็จะเป็นวงจร
00:06:11 → 00:06:12 หมุนเวียนกันไป
00:06:12 → 00:06:14 [เพลง]
00:06:14 → 00:06:17 เวลาเรามีปัญหากับหัวใจเสียชีวิตเฉียบ
00:06:17 → 00:06:19 พลันเนี่ยหลักๆเลยเนี่ยจะเกี่ยวกับหัวใจ
00:06:19 → 00:06:22 ซีกซ้ายเป็นหลักนะครับซีกซ้ายจะสำคัญกว่า
00:06:22 → 00:06:25 แล้วก็ถ้าเทียบความสำคัญระหว่างห้องบนกับ
00:06:25 → 00:06:27 ห้องล่างเนี่ยห้องบนมันจะมีหน้าที่เป็น
00:06:27 → 00:06:30 เหมือนภูรับเลือดเฉยๆนะครับส่วนห้องนั่ง
00:06:30 → 00:06:33 จะมีหน้าที่บีบถูกฉีดโลหิตดังนั้นเนี่ย
00:06:33 → 00:06:36 ความสำคัญของหัวใจเนี่ยห้องห้องล่างจะ
00:06:36 → 00:06:39 สำคัญกว่าห้องบนนะครับข้อนี้จะเป็นข้อที่
00:06:39 → 00:06:43 จะใช้อธิบายว่าเวลาเรามีหัวใจที่มีจังหวะ
00:06:43 → 00:06:46 แล้วมันมีหลายแบบมีทั้งแบบห้องบนแล้วก็
00:06:46 → 00:06:49 ห้องล่างแบบไหนที่อันตรายกว่ากันรวมถึง
00:06:49 → 00:06:52 เป็นแบบชนิดห้องซ้ายกับห้องขวาผิดจังหวะ
00:06:52 → 00:06:55 ห้องไหนจะสำคัญกว่ากันอันนี้ก็จะเป็นขี่
00:06:55 → 00:06:58 อันนึงนะครับตัวหัวใจของเราเนี่ยมันจะต่อ
00:06:58 → 00:07:00 อยู่กับเส้นเลือดนะครับก็อย่างที่คุยกัน
00:07:00 → 00:07:03 ไปว่ามีระบบเส้นเลือดแดงกับเส้นเลือดดำนะ
00:07:03 → 00:07:06 ครับเส้นเลือดดำจะเป็นในกราฟิกจะเห็นเป็น
00:07:06 → 00:07:09 สีน้ำเงินนะครับแล้วก็หัวใจของเราเนี่ยก็
00:07:09 → 00:07:12 จะมีการบีบตัวเพื่อปั้มเลือดนะครับสูบฉีด
00:07:12 → 00:07:15 เลือดไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆสำคัญมากสุดก็
00:07:15 → 00:07:19 คือสมองนะครับที่จะไวต่อการขัดเลือดมาก
00:07:19 → 00:07:22 โดยที่เมื่อเราปั๊มไปแล้วเนี่ยเลือดแดง
00:07:22 → 00:07:24 มันเข้าไปสู่อีกวัดต่างๆแล้วมันก็จะกลับ
00:07:24 → 00:07:26 เข้าสู่เลือดดำในทางเส้นเลือดฝอยนะครับ
00:07:26 → 00:07:29 แล้วก็เข้าสู่หัวใจห้องขวาต่อไป
00:07:29 → 00:07:32 หัวใจของเรานะครับมันก็จะบีบตัวตลอดเวลา
00:07:32 → 00:07:36 ตามวิดีโอที่เห็นนะครับโดยที่มันจะปั๊ม
00:07:36 → 00:07:38 เลือดสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายนะครับ
00:07:38 → 00:07:43 โดยหัวใจซีกซ้ายนะครับก็จะบีบเลือดแดงนะ
00:07:43 → 00:07:45 ครับไปเลี้ยงส่วนต่างๆโดยเฉพาะสมองของเรา
00:07:45 → 00:07:48 นะครับหลังจากนั้นเนี่ยเราก็จะรับเลือด
00:07:48 → 00:07:50 คืนมาจากเส้นเลือดฝอยนะครับหลังจากที่
00:07:50 → 00:07:53 ร่างกายเอาไปใช้แล้วนะครับเข้าสู่ระบบ
00:07:53 → 00:07:56 เส้นเลือดดำนะครับแล้วก็จะเป็น
00:07:56 → 00:07:59 อ่าแบบนี้ไปเรื่อยๆปั๊มสูบฉีดเรื่อยๆไป
00:07:59 → 00:08:03 ตลอดเวลาเลยนะครับตั้งแต่เราเกิดมานะครับ
00:08:03 → 00:08:07 ทีนี้มีใครสงสัยไหมครับว่าเราทำไมมันถึง
00:08:07 → 00:08:11 ปั๊มได้มันรู้ได้ยังไงว่ามันจะต้องบีบสูบ
00:08:11 → 00:08:15 เฉียบสูบฉีดเลือดเนี่ยแรงสูบฉีดเลือดเบา
00:08:15 → 00:08:18 จะต้องปั๊มช้าหรือว่าปั๊มเร็วให้พอเหมาะ
00:08:18 → 00:08:21 กับร่างกายนะครับโดยร่างกายของเราเนี่ยจะ
00:08:21 → 00:08:23 มีกลไกนะครับในการ
00:08:23 → 00:08:26 ควบคุมหัวใจอยู่ 2 ระบบด้วยกันนะครับระบบ
00:08:26 → 00:08:29 แรกก็คือระบบฮอร์โมนในร่างกายนะครับ
00:08:29 → 00:08:32 ฮอร์โมนที่จะทำให้ร่างกายเนี่ยสูบฉีด
00:08:33 → 00:08:35 เลือดเร็วและก็แรงขึ้นก็คือฮอร์โมนใน
00:08:35 → 00:08:36 กลุ่ม cate
00:08:36 → 00:08:40 แล้วก็อีกระบบหนึ่งก็คือระบบไฟฟ้าในหัวใจ
00:08:40 → 00:08:41 นะครับซึ่งก็จะสัมพันธ์กว่าฮอร์โมนนะครับ
00:08:41 → 00:08:45 ระบบไฟฟ้าเนี่ยหัวใจเนี่ยคือในหัวใจของ
00:08:45 → 00:08:48 เรานะครับจะมีไฟฟ้าอยู่เพื่อที่จะกระตุ้น
00:08:48 → 00:08:51 ให้มันกระตุกเหมือนกับเวลาเราโดนไฟช็อต
00:08:51 → 00:08:54 แล้วก็กระตุกใช่ไหมครับเวลาเราเอานิ้วไป
00:08:54 → 00:08:58 จิ้มที่ปลั๊กไฟเราก็จะสะดุ้งออกมานั่นก็
00:08:58 → 00:08:59 คือแบบเหมือนโดนไฟช็อตมันก็จะกระตุกหรือ
00:08:59 → 00:09:03 ว่าบางทีเราไปโดนไฟฟ้าสถิตกับมือเพื่อน
00:09:03 → 00:09:06 เราแล้วก็กระเด้งออกมาอุ๊ยไฟช็อตอะไร
00:09:06 → 00:09:08 เงี้ยนะครับก็จะเป็นไฟฟ้าอย่างนั้นนะฮะ
00:09:08 → 00:09:09 ที่มันจะทำให้
00:09:09 → 00:09:12 หัวใจของเราเนี่ยปั๊มสูบฉีดเลือดอยู่ตลอด
00:09:12 → 00:09:15 เวลานะครับโดยที่ยังหัวใจของเรานะครับมัน
00:09:15 → 00:09:19 สามารถสร้างไฟฟ้าขึ้นมาเองได้ด้วยนะครับ
00:09:19 → 00:09:22 หัวใจของเรานะครับจะมีจุดสร้างไฟฟ้านะ
00:09:22 → 00:09:25 ครับอยู่ที่หัวใจห้องขวาบนที่เรียกว่า dry
00:09:25 → 00:09:28 atrium นะครับโดยจุดนั้นเราจะเรียกว่า SA
00:09:28 → 00:09:30 node นะครับจุดนั้นเนี่ยมันจะสร้างไฟฟ้า
00:09:30 → 00:09:33 นะครับเพื่อมากระตุ้นครั้งแรกสุดมันก็จะ
00:09:33 → 00:09:35 กระตุ้นส่วนที่มันอยู่ใกล้ของมันก่อนก็
00:09:35 → 00:09:37 คือหัวใจห้องบนหัวจะข้างบนก็จะบีบตัวแล้ว
00:09:37 → 00:09:40 ก็ส่งเลือดไปที่หัวใจห้องล่างหลังจากนั้น
00:09:40 → 00:09:42 เนี่ยไฟฟ้าก็จะไหลไปที่อีกโหนดหนึ่งนะ
00:09:42 → 00:09:45 ครับซึ่งเป็นจุดผ่านของสัญญาณไฟฟ้าเรียก
00:09:45 → 00:09:48 ว่า AV node นะครับแล้วก็ลงไปสู่ตัว
00:09:48 → 00:09:51 Track ของมันนะครับเพื่อที่กระตุ้นหัวใจ
00:09:51 → 00:09:54 ห้องล่างต่อไปนะครับอันนี้ก็คือ 1 วงจรนะ
00:09:54 → 00:09:57 ครับก็คือมาจาก SAO แล้วก็ลงไปที่ AV
00:09:57 → 00:10:00 node แล้วก็ลงไปที่เวนติเคิลก็จะเป็นตัว
00:10:00 → 00:10:03 กระตุ้นทำให้หัวใจเนี่ยขยับตัวนะครับอ่า
00:10:03 → 00:10:06 ในจังหวะที่เหมาะสมแล้วก็มีความสัมพันธ์
00:10:06 → 00:10:11 กันระหว่างห้องบนกับห้องล่างจริงๆแล้วโรค
00:10:11 → 00:10:14 หัวใจที่เรามาพูดกันในวันนี้นะครับก็คือ
00:10:14 → 00:10:17 โรคหัวใจที่มีจังหวะเนี่ยมันเป็น 1 ใน 4
00:10:17 → 00:10:20 ของกลุ่มโรคหัวใจที่พบบ่อยนะครับกลุ่มโรค
00:10:20 → 00:10:23 หัวใจที่พบบ่อยอันดับ 1 เลยแล้วก็เจอกัน
00:10:23 → 00:10:26 บ่อยแล้วทุกคนกลัวมากก็คือกลุ่มที่เรียก
00:10:26 → 00:10:28 ว่าโรคหลอดเลือดหัวใจนะครับก็คือเส้น
00:10:28 → 00:10:30 เลือดตีบนั่นเองนะครับเส้นเลือดหัวใจตีบ
00:10:30 → 00:10:34 อาการของเส้นเลือดตีบเนี่ยจะเป็นเด่นๆเลย
00:10:34 → 00:10:36 ก็คือว่ามีอาการเจ็บแล้วก็แน่นหน้าอก
00:10:36 → 00:10:39 บางคนก็จะถามผมว่ามันแน่นหน้าอกยังไงถึง
00:10:39 → 00:10:42 เรียกว่าเส้นเลือดตีบนะครับการที่แน่น
00:10:42 → 00:10:45 หน้าอกเหมือนเส้นเลือดตีบเนี่ยมีคนที่เคย
00:10:45 → 00:10:47 เป็นแล้วก็อธิบายว่าลักษณะการแน่นเนี่ย
00:10:47 → 00:10:51 เหมือนกับโดนเรานอนอยู่แล้วก็โดนช้างมา
00:10:51 → 00:10:53 เหยียบที่หน้าอกนะครับเหมือนแน่นอย่าง
00:10:53 → 00:10:55 เร็วเหมือนแบบเอ่อหรือบางคนบอกเหมือนผี
00:10:55 → 00:11:00 อำนะครับแล้วหัวใจโรคที่ 2 ที่เราจะมาทำ
00:11:00 → 00:11:02 ความเข้าใจกันวันนี้นะครับก็คือโรคหัวใจ
00:11:02 → 00:11:05 เต้นผิดจังหวะเนี่ยจะมีความต่างกันอันนึง
00:11:05 → 00:11:07 ก็คือว่ามันจะไม่ค่อยแน่นหน้าอกนะครับโรค
00:11:07 → 00:11:10 หัวใจที่มีจังหวะจะไม่ค่อยมีอาการเจ็บจะ
00:11:10 → 00:11:13 มีอาการเด่นๆก็คือว่าจะมีอาการของความรู้
00:11:13 → 00:11:17 สึกว่าหัวใจเนี่ยมันสั่นใจหวิวๆนะครับ
00:11:17 → 00:11:21 แล้วก็ใจเต้นแรงนะครับหรือว่าใจกระตุกนะ
00:11:21 → 00:11:23 ครับหัวใจหยุดเต้นแล้วมาเต้นใหม่อีกทีนึง
00:11:23 → 00:11:26 แรงๆเนี่ยก็จะเป็นลักษณะเด่นของหัวใจที่
00:11:26 → 00:11:29 มีจังหวะเลยนะครับแล้วก็ในบางคนที่เป็น
00:11:29 → 00:11:32 มากก็นี่มีอาการเป็นลมวูบแล้วก็หมดสติได้
00:11:32 → 00:11:35 แล้วก็บางคนเป็นเยอะๆจริงๆหรือเป็นชนิด
00:11:35 → 00:11:38 รุนแรงจริงๆเนี่ยก็หมดสติจนเสียชีวิตได้
00:11:38 → 00:11:42 เช่นกันก็มีนะครับก็มีแต่ว่าไม่ใช่ทุกอัน
00:11:42 → 00:11:44 ของหัวใจท่านมีจังหวะนะครับ
00:11:45 → 00:11:47 ส่วนโรคหัวใจกลุ่มที่ 3 ที่จะกลัวคะแนน
00:11:47 → 00:11:50 อีกอันหนึ่งก็คือโรคหัวใจวายนะครับหัวใจ
00:11:50 → 00:11:55 วายเนี่ยจะเป็นกลุ่มของโลกที่เป็นจุดสุด
00:11:55 → 00:11:57 ท้ายแล้วนะครับของโลกจริงๆแล้วหัวใจวายจะ
00:11:57 → 00:12:00 มีสาเหตุซึ่งไอ้ข้อ 1 กับข้อ 2 เนี่ยก็
00:12:00 → 00:12:02 เป็นสาเหตุของโรคหัวใจวายได้เช่นกันนะ
00:12:02 → 00:12:05 ครับโดยหัวใจวายก็จะเด่นก็คือว่ามีอาการ
00:12:05 → 00:12:09 เหนื่อยง่ายตัวบวมขาบวมนะครับแล้วก็บางคน
00:12:09 → 00:12:11 ก็จะเสียชีวิตเฉียบพลันได้ถ้าเป็นชนิดที่
00:12:11 → 00:12:16 เขาเรียกโรคหัวใจวายเฉียบพลันส่วนกลุ่ม
00:12:16 → 00:12:19 ที่ 4 ก็คือโรคกลุ่มของโรคหัวใจที่มีโครง
00:12:19 → 00:12:22 สร้างของหัวใจผิดปกติยกตัวอย่างเช่นมี
00:12:22 → 00:12:25 ลิ้นหัวใจรั่วหรือว่าเป็นโรคหัวใจโตเป็น
00:12:25 → 00:12:27 ต้นนะครับอันนี้จะเป็น 4 กลุ่มนะครับของ
00:12:27 → 00:12:30 โรคหัวใจที่พบบ่อยนะครับ
00:12:30 → 00:12:34 เวลาหัวใจของเราเต้นนะครับปกติแล้วเนี่ย
00:12:34 → 00:12:37 หัวใจของเรามันจะไม่ได้เต้นอยู่ที่ตัวเลข
00:12:37 → 00:12:39 ตัวเลขเดียวนะครับเช่นตัวผมเองเนี่ยหัวใจ
00:12:39 → 00:12:43 ก็เต้นอยู่ที่ 60 นะครับ 60 ครั้งอ่ะ
00:12:43 → 00:12:46 สมมุติว่าตัวเลขกลมๆเป็น 70 ก็ได้ 70
00:12:46 → 00:12:49 ครั้งไม่ใช่ของผมฮะก็จะไม่ได้วัดทีไรก็จะ
00:12:49 → 00:12:52 ไม่ได้ 70 ตลอดทั้งวันนะครับหัวใจของเรา
00:12:52 → 00:12:55 เนี่ยจะมีการเต้นเร็วขึ้นตอนที่เราออก
00:12:55 → 00:12:58 กำลังกายหรือตอนที่เราเดินตอนที่เราเดิน
00:12:58 → 00:13:02 ขึ้นบันไดนะครับแล้วก็จะมีการเต้นช้าลงนะ
00:13:02 → 00:13:06 ครับในตอนที่เรานั่งพักนะครับหรือว่านอน
00:13:06 → 00:13:10 พักผ่อนนะครับมันก็จะเต้นช้าลงโดยที่ช่วง
00:13:10 → 00:13:13 ของความเร็วแล้วก็ความช้าเนี่ยโดยปกติ
00:13:13 → 00:13:16 แล้วจะอยู่ที่ตัวเลขก็คือ 60-100 นะครับ
00:13:16 → 00:13:20 แต่ก็จะมีข้อยกเว้นบางอย่างนะครับเช่นใน
00:13:20 → 00:13:22 คนที่สุขภาพแข็งแรงดีนะครับเป็นนักกีฬา
00:13:22 → 00:13:27 หรือว่ากินยาบางอย่างที่เป็นยาที่ควบคุม
00:13:27 → 00:13:30 จังหวะหัวใจอยู่เราจะอนุญาตให้ตัวเลขของ
00:13:30 → 00:13:32 มันเนี่ยลงไปได้ถึง 50 ก็ยังปกติอยู่นะ
00:13:32 → 00:13:36 ครับก็คือเกิน 50 ก็ยังปกติในๆบางกลุ่มนะ
00:13:36 → 00:13:39 ครับแล้วก็ในหัวใจที่เต้นเร็วเนี่ยเกิน
00:13:39 → 00:13:43 ร้อยเนี่ยเกินร้อยไปนิดๆหน่อยๆนะครับก็ใน
00:13:43 → 00:13:46 Power ปกติก็ไม่ได้มีเขาเรียกว่าไม่ได้
00:13:46 → 00:13:49 มีอันตรายอะไรนะครับแต่ถ้าเกิดว่าเต็นท์
00:13:49 → 00:13:52 เต้นเร็วแค่ไหนมันจะอันตรายเนี่ยขึ้นอยู่
00:13:52 → 00:13:54 กับอายุนะครับซึ่งเดี๋ยวเราจะคุยกันต่อนะ
00:13:54 → 00:13:57 ครับแต่ว่าตัวเลขกลมๆที่อยากให้จำไว้ก็
00:13:57 → 00:14:00 คือว่า 150 เนี่ยมักจะปลอดภัยในคนที่ไม่
00:14:00 → 00:14:03 ได้มีโรคอะไรซ่อนอยู่นะครับก็จะอยู่ที่
00:14:03 → 00:14:07 60 ถึง 100 ในภาวะในในกลุ่มคนส่วนใหญ่
00:14:07 → 00:14:11 แล้วก็จะอนุญาตให้ได้อยู่ในช่วง
00:14:11 → 00:14:14 50-50 เนี่ยยังอยู่ในเกณฑ์ที่พอรับได้นะ
00:14:14 → 00:14:18 ครับพอรับได้แต่ 150 นี่ไม่ใช่ 150 ตลอด
00:14:18 → 00:14:21 นะครับพอพักแล้วมันจะต้องลงมาแต่ว่าเวลา
00:14:21 → 00:14:23 เราออกกำลังกายวิ่งเนี่ย 150 ก็ยังถือ
00:14:23 → 00:14:27 ไวรัสได้ในเกณฑ์ทั่วๆไปครับทีนี้เมื่อเรา
00:14:27 → 00:14:30 รู้ว่าหัวใจที่มันเต้นช้ากว่า 60 นะครับ
00:14:30 → 00:14:33 แล้วก็เต้นเร็วกว่า 100 เนี่ยในภาวะพรรค
00:14:33 → 00:14:36 นะครับเราอาจจะต้องมาหาว่ามันมีสาเหตุ
00:14:36 → 00:14:39 อะไรที่ทำให้เกิดสิ่งนั้นนั้นขึ้นนะครับ
00:14:39 → 00:14:43 แล้วนะครับเราก็จะสังเกตว่าไอ้เร็วกว่า
00:14:43 → 00:14:46 ช้าเนี่ยมันเป็นจังหวะการเต้นที่มีระยะ
00:14:46 → 00:14:49 ห่างสม่ำเสมอนะครับเหมือนกับที่เราฟัง
00:14:49 → 00:14:51 เพลงใช่ไหมครับไม่ว่าจะเป็นเพลงช้าหรือ
00:14:51 → 00:14:54 เพลงเร็วเนี่ยจังหวะของกลองนะครับที่ตี
00:14:54 → 00:14:57 เพื่อควบคุมจังหวะของเพลงเนี่ยก็ยังต้อง
00:14:57 → 00:15:00 เป็นจังหวะของกลองที่สม่ำเสมออยู่นะครับ
00:15:00 → 00:15:03 เวลาเราหรือเราจะใช้การตบมือก็ได้นะครับ
00:15:03 → 00:15:08 มันก็จะถ้าเพลงช้าก็จะเป็นอ่า
00:15:08 → 00:15:12 ไปเรื่อยๆในจังหวะที่สม่ำเสมอแต่ถ้าเกิด
00:15:12 → 00:15:16 เป็นเพลงเร็วนะครับก็จะ
00:15:16 → 00:15:20 ไปเรื่อยๆอันนี้ก็คือเป็นจังหวะที่สม่ำ
00:15:20 → 00:15:22 เสมอเหมือนกันแต่มันมีโรคหัวใจอีกอย่าง
00:15:22 → 00:15:25 นึงก็คือว่าหัวใจเนี่ยมันเต้นไม่เป็น
00:15:25 → 00:15:28 จังหวะสม่ำเสมอแบบที่เราคุยกันเมื่อกี้นะ
00:15:28 → 00:15:28 ครับ
00:15:28 → 00:15:34 ก็การที่มันเต้นไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอนะ
00:15:34 → 00:15:37 ครับเราก็ดูจากกราฟเวลาการเต้นของหัวใจนะ
00:15:37 → 00:15:41 ครับกราฟของหัวใจเนี่ยก็จะเต้นหัวใจเรา
00:15:41 → 00:15:43 เต้น 1 ครั้งนะครับเราก็จะวัดกราฟขึ้นเขา
00:15:43 → 00:15:46 จะออกมาได้เป็นคลื่นแหลมๆ 1 ทีนะครับแล้ว
00:15:46 → 00:15:48 ก็พอเต้นอีกครั้งนึงนะครับมันก็จะเป็น
00:15:48 → 00:15:52 ขึ้นแหลมๆอีก 1 ครั้งนะครับเวลาหัวใจเรา
00:15:52 → 00:15:55 เต้นไปปุ๊บๆไปเรื่อยๆขีดแหลมๆก็จะขึ้นมา
00:15:55 → 00:15:59 ในแต่ละทีในช่วงเวลาที่ผ่านไปนะครับทีนี้
00:15:59 → 00:16:03 ตัวอย่างของหัวใจห้องบนเต้นผิดจังหวะแล้ว
00:16:03 → 00:16:06 ก็จะเห็นว่ากราฟเนี่ยมันมีความห่างของขีด
00:16:06 → 00:16:09 แหลมเล็กๆเนี่ยไม่เท่ากันมีทั้งช่วงที่
00:16:09 → 00:16:12 กว้างแล้วก็ช่วงที่ยาวนะครับโดยที่ถ้า
00:16:12 → 00:16:15 เป็นหัวใจห้องบนเนี่ยจะไม่ง่ายคือตัว
00:16:15 → 00:16:18 เนี่ยการเต้นหัวใจมันจะยังเป็นขีดแหลม
00:16:18 → 00:16:21 เล็กๆอยู่นะครับแต่ถ้ามีหัวใจห้องล่าง
00:16:21 → 00:16:24 เต้นผิดจังหวะแบบกราฟล่างสุดนะครับที่
00:16:24 → 00:16:25 เป็นกราฟหัวใจสีดำ
00:16:25 → 00:16:28 เราจะเห็นว่าหัวใจเนี่ยมันเต้นปกติมาตลอด
00:16:28 → 00:16:32 แล้วอยู่ๆก็จะมีฉีดใหญ่ๆนะครับเกิดขึ้นนะ
00:16:32 → 00:16:35 ครับอันนั้นคือหัวใจห้องล่างที่มันเต้นนะ
00:16:35 → 00:16:37 ครับหัวใจห้องล่างเต้นผิดจังหวะเนี่ยกราฟ
00:16:37 → 00:16:39 มันจะใหญ่กว่าปกตินะครับ
00:16:39 → 00:16:44 แล้วก็มันก็จะพอหัวใจข้างล่างเต้นผิดปกติ
00:16:44 → 00:16:46 ไป 1 ตัวใช่ไหมครับการ์ดต่อไปเราจะเห็น
00:16:46 → 00:16:49 เป็นตัวเล็กนะครับแล้วก็จะเห็นเป็นหัวใจ
00:16:49 → 00:16:51 ห้องล่างเต้นอยู่จังหวะ 3 นะครับอันนี้ก็
00:16:51 → 00:16:55 จะเป็นลักษณะกราฟที่เรา Record ได้ว่ามัน
00:16:55 → 00:16:58 ผิดจังหวะนะครับก็คือผิดจังหวะแบบเต้นไม่
00:16:58 → 00:17:01 ถนัดมือเลยทั้งหมดนะครับหรือว่าบางทีเต้น
00:17:01 → 00:17:04 ไม่สม่ำเสมอเป็นแค่ช่วงๆก็ได้นะครับซึ่ง
00:17:04 → 00:17:07 อาการของทั้ง 2 อย่างเนี่ยมันก็จะแตกต่าง
00:17:07 → 00:17:11 กันไปอาการโดยส่วนใหญ่เนี่ยนะครับก็จะมี
00:17:11 → 00:17:15 อาการใจสั่นนะครับใจสั่นเนี่ยมักจะมี
00:17:15 → 00:17:18 เขาเรียกว่าตามโลกที่เป็นนะครับถ้าเป็น
00:17:18 → 00:17:20 หัวใจห้องบนเต้นผิดจังหวะเนี่ยมันก็จะ
00:17:20 → 00:17:23 สั่นแบบสั่นหวิวก็คือเต้นรู้สึกว่าหัวใจ
00:17:23 → 00:17:25 มันไม่สม่ำเสมอเหมือนครับที่เราเห็นนะ
00:17:25 → 00:17:27 ครับแต่ถ้าเกิดว่าเป็นหัวใจห้องล่างเนี่ย
00:17:27 → 00:17:30 ส่วนใหญ่ถ้าเป็นชนิดที่เราเรียกว่า PVC
00:17:30 → 00:17:32 นะครับเดี๋ยวเราจะทำความเข้าใจต่อไปเนาะ
00:17:32 → 00:17:35 ก็คือชนิดที่พบบ่อยของหัวใจห้องนั่งเนี่ย
00:17:35 → 00:17:38 มันจะเต้นสะดุดแล้วก็กระตุกนะครับอันนี้
00:17:38 → 00:17:41 ก็เป็นลักษณะของอาการใจสั่นนะครับ
00:17:41 → 00:17:44 แล้วถ้าเกิดว่าการที่หัวใจเรามันสั่นหรือ
00:17:44 → 00:17:46 ว่าเต้นเป็นจังหวะไม่สม่ำเสมอเนี่ยนะครับ
00:17:46 → 00:17:49 มันก็จะทำให้การบีบตัวของหัวใจเนี่ยมัน
00:17:49 → 00:17:52 ไม่ดีส่งเลือดไปเลี้ยงสมองได้ไม่ดีเราก็
00:17:52 → 00:17:55 จะมีอาการหน้ามืดตาลายแล้วก็
00:17:56 → 00:17:59 เวียนหัวได้นะครับบางคนหัวใจเต้นผิด
00:17:59 → 00:18:02 จังหวะเยอะๆก็จะเป็นลมได้นะครับ
00:18:02 → 00:18:06 ก็การที่หัวใจมันเต้นเป็นจังหวะไม่สม่ำ
00:18:06 → 00:18:08 เสมอเนี่ยการบีบสูบฉีดเลือดนอกจากไป
00:18:08 → 00:18:10 เลี้ยงสมองไม่ดีแล้วมันก็จะไปเลี้ยงร่าง
00:18:10 → 00:18:12 กายส่วนอื่นไม่ว่าจะเป็นปอดหรือกล้าม
00:18:12 → 00:18:14 เนื้อได้ไม่ดีด้วยเราก็จะรู้สึกว่าเอ้ยทำ
00:18:14 → 00:18:17 อะไรก็จะเหนื่อยง่ายแล้วก็อ่อนเพลียนะ
00:18:17 → 00:18:20 ครับอันนี้ก็จะเป็นอาการหลักๆของหัวใจ
00:18:20 → 00:18:23 เต้นผิดจังหวะเคยเห็นได้ว่ามันมันไม่มี
00:18:23 → 00:18:25 เรื่องเจ็บหน้าอกอยู่ในนี้เลยเนาะนะครับ
00:18:25 → 00:18:28 ดังนั้นเนี่ยอาการเจ็บหน้าอกเนี่ยโดยรวม
00:18:28 → 00:18:31 แล้วไม่ไม่ใช่อาการของโรคหัวใจที่มี
00:18:31 → 00:18:32 จังหวะนะครับจะต้องหาเรื่องของเส้นเลือด
00:18:32 → 00:18:36 ตีบว่ามีร่วมด้วยหรือเปล่านะครับแล้วก็
00:18:36 → 00:18:39 สุดท้ายในหัวใจเต้นผิดจังหวะบังโคลนนะ
00:18:39 → 00:18:42 ครับบางคนเป็นหัวใจที่จังหวะแล้วไม่มี
00:18:42 → 00:18:44 อาการอะไรเลยก็ได้นะครับคือไม่รู้สึกว่า
00:18:44 → 00:18:46 เป็นเลยก็ได้อาจจะเป็นเพราะว่าร่างกายของ
00:18:46 → 00:18:49 เราแข็งแรงแล้วก็สามารถที่จะมีเขาเรียก
00:18:49 → 00:18:52 ว่ามี Research ที่จะทำให้แบบเราทำงาน
00:18:52 → 00:18:54 หรือใช้ชีวิตได้ตามปกติแล้วก็ไม่มีอาการ
00:18:54 → 00:18:58 อะไรเลยอยู่ๆเราไปตรวจสุขภาพนะครับหรือไป
00:18:58 → 00:19:02 หาหมอในเรื่องแบบเป็นหวัดอย่างนี้ก็หมอก็
00:19:02 → 00:19:05 บอกว่าอ้าวคุณมีโรคหัวใจที่มีจังหวะนะคน
00:19:05 → 00:19:07 ไข้ก็สงสัยเออทำไมเราไม่เห็นมีอาการอะไร
00:19:07 → 00:19:11 เลยก็เป็นไปได้เหมือนกันนะครับก็จะเป็น 4
00:19:11 → 00:19:14 อาการนะครับ 4 กลุ่มอาการที่หัวใจจะมี
00:19:14 → 00:19:17 จังหวะเนี่ยอาจจะมาในรูปแบบไหนก็ได้อาจจะ
00:19:17 → 00:19:19 มีหลายๆอย่างประกอบกันก็ได้นะครับ
00:19:19 → 00:19:23 พอเรามีอาการแล้วนะครับเราจะไปตรวจอะไรนะ
00:19:23 → 00:19:27 ครับถึงถึงจะยืนยันแน่ๆว่าเราเป็นนะครับ
00:19:27 → 00:19:30 อันดับแรกเลยนะครับก็คือการทำคลื่นไฟฟ้า
00:19:30 → 00:19:34 หัวใจตัวเครื่องไฟฟ้าหัวใจเนี่ยเป็นการ
00:19:34 → 00:19:36 ตรวจกระแสไฟฟ้านะครับจากหัวใจของเรานะ
00:19:36 → 00:19:40 ครับมีหลายมีหลายวิธีซึ่งวิธีที่ใช้บ่อย
00:19:40 → 00:19:43 ที่สุดแล้วก็ทำง่ายที่สุดเราจะเรียกว่า 12
00:19:43 → 00:19:46 Lead ekg นะครับหรือว่า 12 E 4G ซึ่ง
00:19:46 → 00:19:51 จะเป็นแผ่นกระดาษสีสีชมพูๆที่เวลาเราไป
00:19:51 → 00:19:54 ตรวจสุขภาพเราก็จะเห็นกันออกไปเป็นแผ่นๆ
00:19:54 → 00:19:57 แล้วนะครับเขาเรียกว่า 12 rin ecg ใน
00:19:57 → 00:20:00 แผ่นนั้นจะมี ecg ทั้งหมด 12 Stitch นะ
00:20:00 → 00:20:04 ครับเพื่อให้หมออ่านว่าเป็นหัวใจเราทำงาน
00:20:04 → 00:20:05 เป็นยังไงบ้างนะครับ
00:20:05 → 00:20:09 ecg อีกแบบหนึ่งก็คือเขาเรียกว่า ecg
00:20:09 → 00:20:13 monitoring นะครับเป็นการตรวจ ecg ในโรง
00:20:13 → 00:20:16 พยาบาลคือให้นอนโรงพยาบาลแล้วก็ติด ecg
00:20:16 → 00:20:19 เอาไว้ตลอดเวลาแล้วคุณหมอคุณพยาบาลเขาก็
00:20:19 → 00:20:23 จะดูในมอนิเตอร์นะครับว่าคือในความสนใจ
00:20:23 → 00:20:24 เราเป็นยังไงนะครับ
00:20:24 → 00:20:27 แล้วก็อีกแบบนึงเราเรียกว่า hotor นะครับ
00:20:27 → 00:20:30 24 ชั่วโมง holder ecg ตัวนี้ก็จะเป็น
00:20:30 → 00:20:32 การตรวจ ecg ด้วยเครื่องพิเศษนะครับแล้ว
00:20:32 → 00:20:36 ก็ติดเครื่องแล้วก็กลับบ้านไปเพื่อดูว่า
00:20:36 → 00:20:38 ในชีวิตประจำวันของเราเนี่ยทำผิดหรือว่า
00:20:38 → 00:20:42 ประจำวันแล้วในช่วงนั้นมันมีอาการหรือมี
00:20:42 → 00:20:44 หัวใจที่มีจังหวะแล้วมันเป็นยังไงเป็น
00:20:44 → 00:20:48 หรือเปล่านะครับนี่ก็จะเป็น 3 อย่างหลัก
00:20:48 → 00:20:51 นะครับของตัว ecg ที่เราใช้กันในทางการ
00:20:51 → 00:20:55 แพทย์แล้วก็สุดท้ายนะครับก็จะมี ecg ที่
00:20:55 → 00:20:57 เป็นแอปอยู่ใน smart watch นะครับทุก
00:20:57 → 00:20:59 อย่างเช่น Apple Watch ตัวนี้ก็จะเป็น
00:20:59 → 00:21:01 ecg เหมือนกันแต่ก็จะมีความแตกต่าง
00:21:01 → 00:21:04 ระหว่างทางการแพทย์ที่เราใช้อยู่บ้าง
00:21:04 → 00:21:06 เดี๋ยวเราจะมาคุยกันโดยละเอียดนะครับ
00:21:06 → 00:21:10 ในเรื่องของการตรวจคลื่นไฟอีกทีนึงแล้วก็
00:21:10 → 00:21:13 เราจะรู้ว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะเนี่ยถ้า
00:21:13 → 00:21:16 ไม่ต้องไปทำ ecg เราจะรู้เองได้โดยด้วย
00:21:16 → 00:21:18 ตัวเองได้ไหมนะครับก็
00:21:18 → 00:21:22 การจับชีพจรนะครับก็จะเป็นอันหนึ่งนะครับ
00:21:22 → 00:21:24 ที่จะช่วยทำให้เราทราบว่าชีพจรของเรา
00:21:24 → 00:21:27 เนี่ยมันเต้นสม่ำเสมอไหมนะครับมันเร็วแค่
00:21:27 → 00:21:30 ไหนมันสะดุดผิดจังหวะหรือเปล่าเราสามารถ
00:21:30 → 00:21:32 ทำชีพจรได้ด้วยตนเองครับเดี๋ยวผมก็จะแนะ
00:21:32 → 00:21:35 นำวิธีนะครับให้ให้ฟังให้เพื่อนๆฟังนะ
00:21:36 → 00:21:40 ครับหรือว่าเราจะไม่ทำชีพจรเองเราใช้ตัว
00:21:40 → 00:21:43 ออกซิเจนไปนิ้วนะครับที่เรียกว่าเผาเผา
00:21:43 → 00:21:47 ออกนะครับก็ไอ้ตัวออกซิเจนที่เราวัดระดับ
00:21:47 → 00:21:51 ออกซิเจนก็ได้ 90 80% ตอนเราเป็นโควิดนะ
00:21:51 → 00:21:53 ครับตอนนี้หลายๆบ้านก็จะเริ่มมีใช้กัน
00:21:53 → 00:21:56 เยอะขึ้นแล้วใช่ไหมครับแล้วก็เอามาติดได้
00:21:56 → 00:21:59 นะครับเราพอเราติดปุ๊บเราจะสังเกตว่าเวลา
00:21:59 → 00:22:01 ที่เครื่องอ่ะมัน Record มันจะ Record
00:22:01 → 00:22:04 ออกมาเป็นคลื่นนะครับตัวคลื่นนั่นแหละก็
00:22:04 → 00:22:06 คือชีพจรของเรานะครับ
00:22:06 → 00:22:09 ก็จะเป็นการจับชีพจรอีกแบบหนึ่งนะครับ
00:22:09 → 00:22:12 แล้วก็อันสุดท้ายเนี่ยเรานับชีพจรวัด
00:22:12 → 00:22:15 ชีพจรได้จากเครื่องวัดความดันที่บ้านของ
00:22:15 → 00:22:17 เราเครื่องวัดความดันแบบดิจิตอลออโต้
00:22:17 → 00:22:20 เนี่ยนะครับเราก็จะรู้ชีพจรได้โดยดูที่
00:22:20 → 00:22:22 ตัวเราจะได้ค่าออกมา 3 ตัวเลขใช่ไหมครับ
00:22:22 → 00:22:25 ก็ดูตัวเลขสุดท้ายที่มันเขียนว่า heart
00:22:25 → 00:22:27 rate หรือว่า powered ตอนนั้นก็จะเป็น
00:22:27 → 00:22:31 การวัดชีพจรของเราอีกแบบหนึ่งนะครับ
00:22:31 → 00:22:34 ส่วนการตรวจอื่นๆที่ถ้ามี
00:22:34 → 00:22:37 สงสัยหรือว่ามีหัวใจที่มีจังหวะเนี่ยเรา
00:22:37 → 00:22:39 ก็ต้องหาสาเหตุว่าเกิดจากอะไรนะครับ
00:22:39 → 00:22:42 สาเหตุอันหนึ่งก็คือเรื่องของไทรอยด์แล้ว
00:22:42 → 00:22:44 ก็ต้องเช็คไทรอยด์ด้วยแล้วก็เราก็จะตรวจ
00:22:44 → 00:22:47 โครงสร้างของหัวใจว่ามีโรคอะไรซ่อนอยู่
00:22:47 → 00:22:50 ไหมนะครับคุณหมอก็จะพิจารณาตรวจเรื่อง
00:22:50 → 00:22:54 Echo เดินสายพานหรือว่าเป็นการตรวจ
00:22:54 → 00:22:56 ละเอียดในห้องปฏิบัติการที่เรียกว่า EP
00:22:56 → 00:22:59 study นะครับเป็นการตรวจทางศิริลักษณ์
00:22:59 → 00:23:02 วิทยาของหัวใจซึ่งอันนี้ก็จะเล่าให้ฟัง
00:23:02 → 00:23:03 ต่อไปนะครับ
00:23:03 → 00:23:07 ก็จะเป็นข้อสรุปของการตรวจวินิจฉัยว่าคน
00:23:07 → 00:23:09 ที่มีหัวใจขึ้นจังหวะเนี่ยควรจะตรวจอะไร
00:23:09 → 00:23:14 บ้างตอนนี้เราก็เข้าใจภาพโดยรวมของโลกหัว
00:23:14 → 00:23:16 ใจแล้วนะครับว่าหัวใจที่จังหวะเนี่ยมัน
00:23:16 → 00:23:19 เป็นสิ่งหนึ่งนะครับที่อยู่ในโรคหัวใจ
00:23:19 → 00:23:22 หลายๆอย่างเราจะมาทำข้อวิจัยโรคแรกซึ่ง
00:23:22 → 00:23:25 โจรเจอได้บ่อยที่สุดเลยนะครับก็คือหัวใจ
00:23:25 → 00:23:28 เต้นผิดจังหวะห้องบนที่เราเรียกกันย่อๆ
00:23:28 → 00:23:31 ว่า AF นะครับ
00:23:31 → 00:23:34 เป็นโรคที่เจอบ่อยมากก็ขอแนะนำให้ฟังเป็น
00:23:34 → 00:23:37 โรคแรกเลยนะครับโดยปกติแล้วหัวใจของเรา
00:23:37 → 00:23:40 เนี่ยก็จะบีบตัวนะครับแล้วเห็น SA node
00:23:40 → 00:23:43 ไหมครับ
00:23:43 → 00:23:46 เป็นตัวควบคุมไฟฟ้าในหัวใจนะครับ
00:23:46 → 00:23:48 สร้างกระแสไฟฟ้าขึ้นมา
00:23:48 → 00:23:51 หัวใจก็จะบีบตัวสูบฉีดเลือดไปเรื่อยๆเป็น
00:23:51 → 00:23:54 วงจรนะครับเขาเรียกเรียกว่า Rhythm นะ
00:23:54 → 00:23:58 ครับ
00:23:58 → 00:24:01 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรามีโรคนะครับหัวใจ
00:24:01 → 00:24:04 ของเรามันจะเต้นเป็นจังหวะไม่สม่ำเสมอนะ
00:24:04 → 00:24:05 ครับ
00:24:05 → 00:24:09 อันนี้อันนี้ Video ก็จะเป็นแบบที่ผมพูด
00:24:09 → 00:24:12 ก็คือว่าหัวใจจะมีเต้นช้าเต้นเร็วกับเต้น
00:24:12 → 00:24:15 ไม่สม่ำเสมอนะครับเจอบ่อยที่สุดก็จะตัว
00:24:15 → 00:24:18 นี้เลยฮะ AF นะครับ AF เนี่ยจะเห็นว่าตัว
00:24:18 → 00:24:22 หัวใจห้องบนเนี่ยมันมีจุดกำเนิดไฟฟ้าหลาย
00:24:22 → 00:24:26 จุดนะครับหรืออีกกลไกนึงคือมีการหมุนวน
00:24:26 → 00:24:28 ของกระแสไฟฟ้าในหัวใจห้องบน
00:24:28 → 00:24:32 นะครับมีการส่งมาหลายจุดทีนี้ก็มั่วสิ
00:24:32 → 00:24:35 ครับไม่รู้ว่าจุดไหนเนี่ยมันเหมือนเวลา
00:24:35 → 00:24:38 เราตีกลองอ่ะถ้ามันมีมีกลองชุดอยู่สัก 3
00:24:38 → 00:24:42 กลองชุดในวงดนตรีอันเนี้ยวงดนตรีอยู่ไม่
00:24:42 → 00:24:45 ได้แล้วฮะมันมันเต้นไม่เพราะเราตีไม่
00:24:45 → 00:24:47 พร้อมกันแน่ๆนะครับดังนั้นเนี่ยหัวใจ
00:24:47 → 00:24:49 เนี่ยมันก็จะเต้นเป็นจังหวะที่ไม่สม่ำ
00:24:49 → 00:24:52 เสมอนะครับคือมีช่วงจังหวะช้าจังหวะเร็ว
00:24:52 → 00:24:56 และทำให้การบีบตรงหัวใจเนี่ยผิดปกติแล้ว
00:24:56 → 00:24:58 ก็สิ่งที่อันตรายอีกอันนึงก็คือว่าพอหัว
00:24:58 → 00:25:00 ใจเนี่ยมันบีบตัวไม่สม่ำเสมอแล้วนะครับ
00:25:00 → 00:25:04 เลือดเนี่ยมันก็จะออกจากหัวใจได้ไม่หมดนะ
00:25:04 → 00:25:06 ครับมันก็จะตกค้างเป็นหัวใจแล้วก็เกิด
00:25:06 → 00:25:09 ลิ่มตกตะกอนขึ้นมาได้และไอ้ตัวลิ่มเลือด
00:25:09 → 00:25:13 เนี่ยมันก็จะตกตะกอนแล้วก็หลุดมาใน
00:25:13 → 00:25:15 หลอดเลือดแล้วก็ลอยไปอยู่ในสมองทำให้เกิด
00:25:15 → 00:25:17 อัมพฤกษ์อัมพาตได้นะครับอันนี้ก็เป็น
00:25:17 → 00:25:21 อันตรายอีกอันนึงของโลกเอเอฟนะครับจริงๆ
00:25:21 → 00:25:23 แล้วโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะทุกอย่างเนี่ย
00:25:23 → 00:25:26 ไม่จำเป็นจะต้องมีอาการอยู่ตลอดเวลานะ
00:25:26 → 00:25:29 ครับบางคนเนี่ยไม่มีอาการก็ได้นะครับก็
00:25:30 → 00:25:33 คือเอ่อในตอนที่เราอยู่บ้านเรารู้สึกว่า
00:25:33 → 00:25:37 ใจสั่นแต่พอไปโรงพยาบาลแล้วไปตรวจกับคุณ
00:25:37 → 00:25:40 หมอหมอฟันหัวใจก็ไม่ผิดปกติตรวจคลื่นหัว
00:25:40 → 00:25:42 ใจก็ไม่ผิดปกติอันนี้ก็เป็นไปได้นะครับ
00:25:42 → 00:25:45 ดังนั้นเนี่ยการตรวจคลื่นหัวใจเนี่ยจะ
00:25:45 → 00:25:48 ต้องทำขณะที่เรามีอาการใจสั่นมันถึงจะ
00:25:48 → 00:25:52 ตรวจเจอถ้าเราไปทำตอนที่ใจไม่สั่นมันก็จะ
00:25:52 → 00:25:55 ตรวจไม่เจอนะครับตัวนี้ก็เลยการวินิจฉัย
00:25:55 → 00:25:59 เนี่ยในการตรวจคลื่นหัวใจด้วย smart
00:25:59 → 00:26:01 watch นะครับหรือว่า Apple Watch เนี่ย
00:26:01 → 00:26:04 มันก็เลยมีประโยชน์นะครับเพราะว่าเรา
00:26:04 → 00:26:07 สามารถตรวจที่บ้านได้ตรวจได้เองด้วยนะ
00:26:07 → 00:26:09 ครับยังไม่ต้องไปหาหมอแล้วก็รู้ได้เอง
00:26:09 → 00:26:13 แล้วเราก็เอาผลนั้นมาปรึกษาหมอได้ส่วนใน
00:26:13 → 00:26:15 ทางการแพทย์เนี่ยปกติเราจะมีก่อน Apple
00:26:15 → 00:26:16 Watch
00:26:16 → 00:26:19 Monitor ก็คือเป็นเครื่องขนาดจะเท่าๆกับ
00:26:19 → 00:26:23 อ่าเครื่องมือถือนะครับแล้วก็อ่าให้คนไข้
00:26:23 → 00:26:26 ติดเครื่องแล้วก็กลับไปที่บ้านไป Record
00:26:26 → 00:26:29 ข้อมูลแล้วก็กลับมาให้หมออ่านผลนะครับนี่
00:26:29 → 00:26:32 ก็จะเรียกว่ามอเตอร์นะครับการวินิจฉัย AIS
00:26:32 → 00:26:34 เนี่ยก็จะเหมือนกันวินิจฉัยโรคหัวใจเต้น
00:26:34 → 00:26:37 ผิดจังหวะโดยทั่วไปนะครับก็คือจะต้องทำ
00:26:37 → 00:26:40 ต้องตรวจในขณะที่มีอาการให้ได้เราถึงจะ
00:26:40 → 00:26:43 รู้ว่าเป็นหรือเปล่าแล้วก็การตรวจอื่นๆนะ
00:26:43 → 00:26:46 ครับก็จะมีการตรวจอ่าเลือดนะครับการตรวจ
00:26:46 → 00:26:48 เลือดเนี่ยนอกจากจะตรวจไทรอยด์แล้วนะครับ
00:26:48 → 00:26:50 แล้วก็จะต้องตรวจดูความสมบูรณ์ของร่างกาย
00:26:50 → 00:26:53 อย่างอื่นด้วยเพราะว่าใน AF บางคนอาจจะ
00:26:53 → 00:26:54 ต้องใช้ยาใช่ไหมครับเราก็ต้องดูทั้ง
00:26:54 → 00:26:58 เรื่องของค่าเลือดค่าไตนะครับอาจจะต้อง
00:26:58 → 00:27:00 เอ็กซเรย์ดูด้วยเพราะว่าโรคปอดบางอย่างนะ
00:27:00 → 00:27:03 ครับโดยเฉพาะโรคถุงลมโป่งพองเนี่ยก็จะทำ
00:27:03 → 00:27:06 ให้หัวใจของเราทำงานผิดปกติไปได้นะครับก็
00:27:06 → 00:27:08 ควรต้องอย่างน้อยควรต้องเอกซเรย์ดูหัวใจ
00:27:08 → 00:27:11 หน่อยนะครับแล้วก็อาจจะต้องตรวจ Echo หัว
00:27:11 → 00:27:13 ใจนะครับเพื่อหาโรคหัวใจ
00:27:13 → 00:27:16 อื่นๆที่ซ่อนอยู่แล้วก็เป็นสาเหตุของหัว
00:27:16 → 00:27:20 ใจเต้นผิดจังหวะทีนี้เรามาทำความเข้าใจ
00:27:20 → 00:27:23 การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจนะครับขึ้นไฟฟ้า
00:27:23 → 00:27:26 หัวใจเนี่ยมีชื่อย่อว่า ekg นะครับ
00:27:26 → 00:27:28 อิเล็กโทรคาร์ดิโอแกรมนะครับหรือว่าใน
00:27:28 → 00:27:31 ส่วนใหญ่ณปัจจุบันนี้เราจะย่อว่า ecg นะ
00:27:31 → 00:27:34 ครับตัว ecg เนี่ยเวลาเราตรวจออกมาก็จะ
00:27:34 → 00:27:37 เป็นมันเครื่องมันก็จะปริ้นออกมานะครับ
00:27:37 → 00:27:42 เป็นใบสีชมพูๆแบบแบบที่เห็นในภาพนะครับ
00:27:42 → 00:27:47 โดยที่เราจะต้องติดตัว Lead นะครับที่ที่
00:27:47 → 00:27:49 ร่างกายของเราก็คือมีบริเวณที่หน้าอกแล้ว
00:27:49 → 00:27:53 ก็จะมีตัว Lead ที่จะเป็นลีดที่แขนแล้วก็
00:27:53 → 00:27:55 ขาทั้งสองข้างด้วยนะครับ
00:27:55 → 00:27:59 โดยการตรวจเนี่ยจะตรวจในตอนที่เรานอนอยู่
00:27:59 → 00:28:02 นะครับนอนอยู่แล้วก็พยาบาลเนี่ยเขาก็จะ
00:28:02 → 00:28:04 เอาตัวหลีดที่เรียกว่าอิเล็กโทรดนะครับไป
00:28:04 → 00:28:07 ติดที่บริเวณหน้าอกนะครับแล้วก็แขนขาของ
00:28:07 → 00:28:09 เราก่อนที่จะ Record ออกมานะครับ
00:28:09 → 00:28:11 [เพลง]
00:28:11 → 00:28:14 มีใครเคยตรวจ ekg แล้วผิดปกติไหมครับใน
00:28:14 → 00:28:16 ห้องนี้
00:28:16 → 00:28:19 ถ้าเกิดว่าใครมี ekt ผิดปกติเนี่ยถ้ายัง
00:28:19 → 00:28:22 มีรูปภาพอยู่เตรียมเอาไว้นะครับก็สามารถ
00:28:22 → 00:28:26 ที่จะเดี๋ยวมาคุยกันนะครับในตอนท้าย
00:28:26 → 00:28:30 ทีนี้ ekg เนี่ยมันตรวจอะไรได้บ้าง ecg
00:28:30 → 00:28:32 เพียงแผ่นเดียวเนี่ยหมอโรคหัวใจของเรา
00:28:32 → 00:28:35 เนี่ยจะรู้สิ่งต่างๆได้หลายอย่างมากเลยนะ
00:28:35 → 00:28:38 ครับแต่ว่าการที่เรารู้เนี่ยจะเป็นการรู้
00:28:38 → 00:28:40 ว่ามันผิดปกติหรือเปล่าเป็นการวินิจฉัย
00:28:40 → 00:28:43 แต่ว่าอาจจะรู้ไม่ได้ละเอียดมากว่ามัน
00:28:43 → 00:28:46 เกิดจากอะไรชัดเจนมากแต่เป็นการตรวจคัด
00:28:46 → 00:28:48 กรองที่ดีมากเพราะว่ามันสามารถตรวจโรคได้
00:28:48 → 00:28:51 หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดหัวใจตีบ
00:28:51 → 00:28:53 เนี่ยเราก็จะรู้ว่ามีอยู่หรือเปล่านะครับ
00:28:53 → 00:28:57 รวมถึงโรคหัวใจโตด้วยนะครับโรคหัวใจ
00:28:57 → 00:29:02 โตบางโตจากจากโรคหรือว่าโตจากอ่าแต่
00:29:02 → 00:29:06 กำเนิดเราก็จะรู้หมดนะครับโรคหัวใจเต้น
00:29:06 → 00:29:07 ผิดจังหวะหรือเปล่าอันนี้เป็นหลักที่เรา
00:29:07 → 00:29:09 คุยกันวันนี้รวมถึงโรคหัวใจเต้นมีจังหวะ
00:29:09 → 00:29:13 บางอย่างที่ที่เป็นแล้วไม่รู้ตัวเลยอยู่ๆ
00:29:13 → 00:29:16 ก็เสียชีวิตไปเลยในคนหนุ่มสาวก็คือโรค
00:29:16 → 00:29:19 อะไรตายอันเนี้ยเราก็รู้ได้จาก ekg เช่น
00:29:19 → 00:29:21 กันนะครับถ้ามาเช็ค
00:29:21 → 00:29:24 ส่วนอื่นๆนะครับก็เราจะรู้ว่าไปมีภาวะ
00:29:24 → 00:29:28 กล้ามเนื้ออักเสบ
00:29:28 → 00:30:09 [เพลง]
00:30:26 → 00:30:29 ดีที่สุดนะครับแล้วก็ตอนที่ตรวจเนี่ยเรา
00:30:29 → 00:30:31 ก็แค่นอนเฉยๆแล้วเดี๋ยวคุณพยาบาลเขาจะติด
00:30:31 → 00:30:34 เครื่องที่บริเวณหน้าอกนะครับของเราแบบ
00:30:34 → 00:30:38 ที่ผมให้ดูไปการตรวจ ekg เนี่ยทำง่ายนะ
00:30:38 → 00:30:40 ครับแต่หลักการของมันเนี่ยคนคิดเครื่อง
00:30:40 → 00:30:43 ekg เนี่ยเก่งมากนะครับการตรวจ ekg เรา
00:30:43 → 00:30:46 ต้องตรวจ 12 หลีดนะครับเพื่อที่จะดูหัวใจ
00:30:46 → 00:30:50 ในหลายๆมุมว่าในแต่ละมุมเนี่ยมันเป็นยัง
00:30:50 → 00:30:53 ไงง่ายๆหรือเปรียบเทียบง่ายๆคือคล้ายๆว่า
00:30:53 → 00:30:56 เราดูในแต่ละมุมเพื่อให้มองหัวใจออกมา
00:30:56 → 00:30:59 เป็นรูปสามมิตินั่นเองนะครับก็ภาพนี้จะ
00:30:59 → 00:31:04 เป็นภาพที่เวลาผมไปสอนน้องๆหมอนะครับก็
00:31:04 → 00:31:07 ทุกคนเนี่ยจะต้องเข้าใจว่าแต่ละรีดเนี่ย
00:31:07 → 00:31:11 อ่า 12 รีดเนี่ยมันคืออะไรนะครับตรวจจาก
00:31:11 → 00:31:14 จุดไหนไปจุดไหนบ้างนะครับแต่ของเราและตรง
00:31:14 → 00:31:16 จุดนี้เนี่ยอ่าไม่อาจจะไม่ต้องจำเป็นต้อง
00:31:16 → 00:31:18 รู้นะครับแล้วก็ตัวขึ้นหัวใจที่มันเป็น
00:31:18 → 00:31:22 ขีดแหลมๆออกมาขึ้นเนี่ยอ่าทั้งภาพขวาด้าน
00:31:22 → 00:31:25 ล่างนะครับก็จะเห็นว่าจริงๆแล้วเนี่ยมัน
00:31:25 → 00:31:28 ยังมีจุดเล็กๆที่หมอของเราเนี่ยจะเพ่ง
00:31:28 → 00:31:30 เล็งดูในรายละเอียดอีกทีนึงนะครับเราก็จะ
00:31:30 → 00:31:34 มีตัว Pre Wave นะครับมี qrs complate
00:31:34 → 00:31:37 มี t-wave มี U Wave แล้วก็เป็นการดู
00:31:37 → 00:31:40 segment นะครับไม่ว่าจะเป็นตัว ST
00:31:40 → 00:31:43 segment มีการดู interval มันกว้างหรือ
00:31:43 → 00:31:46 แค่นี้จะเป็นรายละเอียดที่หมอจะดูนะครับ
00:31:46 → 00:31:49 ว่า ekg ของเรามันผิดปกติหรือเปล่าซึ่ง
00:31:49 → 00:31:53 แบบนี้เราจะดูทั้งทุกตัวเลยนะครับใน Egg
00:31:54 → 00:31:56 แล้วก็ดูทั้ง12ลีตด้วยก่อนจะแปลผลออกมา
00:31:56 → 00:31:59 ว่าคลื่นหัวใจเนี่ยเป็นยังไงบ้างนะครับ
00:31:59 → 00:32:02 แต่ของเราเนี่ยแค่รู้ว่า ekg คืออะไรแล้ว
00:32:02 → 00:32:04 ก็ถ้ามีโรคอะไรเนี่ย
00:32:04 → 00:32:07 ตัว ekg นะครับถ้าเรามีของเก่าไว้เปรียบ
00:32:07 → 00:32:09 เทียบด้วยก็จะดีมากดังนั้นเนี่ยถ้าใครไป
00:32:09 → 00:32:13 ตรวจคลื่นหัวใจแล้วอ่ะพยายามถ่ายรูปเก็บ
00:32:13 → 00:32:15 เอาไว้นะครับไอ้คลื่นหัวใจที่เป็นแผ่นๆ
00:32:15 → 00:32:17 อย่างเงี้ยนะครับที่ปริ้นออกมาเป็นแผ่น 4
00:32:17 → 00:32:21 ตัวสีชมพูๆเนี่ยควรจะต้องปริ้นเสร็จแล้ว
00:32:21 → 00:32:24 เราได้ผลแล้วเราควรถ่ายเก็บเอาไว้ด้วย
00:32:24 → 00:32:26 ถ่ายรูปเก็บเอาไว้ด้วยเพราะเวลาเป็นอะไร
00:32:26 → 00:32:28 ฉุกเฉินเนี่ยรูปนั้นเนี่ยจะใช้เปรียบ
00:32:28 → 00:32:31 เทียบกับ ekg ปัจจุบันได้นะครับหมายความ
00:32:31 → 00:32:34 ว่าถ้าในอดีต ekg เราเป็นแบบหนึ่งแล้วณ
00:32:34 → 00:32:36 ปัจจุบันมันเปลี่ยนแปลงไปอันนี้อาจจะมี
00:32:36 → 00:32:39 อะไรเกิดขึ้นใหม่กับตัวเราก็จะเป็นตัวที่
00:32:39 → 00:32:43 ช่วยคุณหมอวินิจฉัยได้อย่างดีนะครับ
00:32:43 → 00:32:45 ต่อมานะครับ
00:32:45 → 00:32:49 ekg ไปตรวจตามโรงพยาบาลมันยากใช่ไหมมัน
00:32:49 → 00:32:53 อาจจะต้องไปบอกคุณหมอไปตรวจตามคลินิกเรา
00:32:53 → 00:32:55 มาตรวจ ekg ด้วยตัวเองที่บ้านได้ด้วยมัน
00:32:55 → 00:32:58 ก็น่าจะดีมากซึ่งตอนที่ Apple Watch ออก
00:32:58 → 00:33:01 มาใหม่ๆตั้งแต่สมัย Series 4 นะครับจน
00:33:01 → 00:33:03 ตอนนี้มันเป็นซีรีส์ 7 สีที่ 8 ไปแล้ว
00:33:03 → 00:33:06 เนี่ยตั้งแต่สมัยแรกๆเนี่ยผมตื่นเต้นกับ
00:33:06 → 00:33:09 มันมากเลยนะครับที่แบบเฮ้ยเราจะมีแบบการ
00:33:09 → 00:33:11 ตรวจ ekg ให้กับคนไข้ได้ด้วยตนเองแล้ว
00:33:11 → 00:33:14 เนี่ยมันมันเป็นอะไรที่แบบน่าตื่นเต้นมาก
00:33:14 → 00:33:17 นะครับสำหรับตัวผมนะครับตอนที่ Apple
00:33:17 → 00:33:22 ใหม่ๆก็ตัวคลื่นไฟหัวใจนะครับนอกจาก Smart
00:33:22 → 00:33:24 Watch อื่นๆนะครับไม่ว่าจะเป็นตัว Galaxy
00:33:24 → 00:33:27 Watch ของ Samsung หรือว่า Huawei หรือ
00:33:27 → 00:33:30 ว่า Vivo ปัจจุบันนี้หลายๆอันก็สามารถที่
00:33:30 → 00:33:34 จะวัด ekg ได้นะครับแต่ว่าของผมใช้ Apple
00:33:34 → 00:33:38 Watch U ก็ขอใช้ตัวนี้เป็นมาตรฐานในการ
00:33:38 → 00:33:41 เล่าเรื่องของ App ecg ให้ฟังในวันนี้นะ
00:33:41 → 00:33:43 ครับแต่ว่าโดยหลักการแล้วอ่ะแต่ละอัน
00:33:43 → 00:33:46 เนี่ยการทำงานเหมือนกันนะครับโดยที่ตัว
00:33:46 → 00:33:49 Apple Watch เนี่ยมันจะสามารถทำ ekg
00:33:49 → 00:33:53 ได้ 1 ลีกนะครับจาก 12 เหรียญ apple
00:33:53 → 00:33:55 watch จะทำได้ 1 ลีกโดยทั่วไปเนี่ยเมื่อ
00:33:55 → 00:33:57 เรา set up ถูกต้องมันจะตรวจที่ลีด 1
00:33:57 → 00:34:00 ลิตรเดียวนะครับแต่ลีดเดียวเนี่ยก็เพียง
00:34:00 → 00:34:03 พอแล้วนะครับที่จะช่วยหมอแล้วให้รู้โรค
00:34:03 → 00:34:05 ได้หลายอย่างนะครับเวลา Apple Watch มัน
00:34:05 → 00:34:09 ตรวจออกมาเนี่ยมันก็จะตรวจออกมาได้ว่าหัว
00:34:09 → 00:34:11 ใจเราเต้นปกติหรือเปล่านะครับแบบภาพทาง
00:34:11 → 00:34:15 ด้านซ้ายบนปกติเนี่ยเราเรียกว่าไซนัสนะ
00:34:15 → 00:34:19 ครับการเต้นจากไซนัสซึ่งไซนัสเนี่ยมันก็
00:34:19 → 00:34:22 คือ SA node นะครับที่เรารู้จักกันตอน
00:34:22 → 00:34:24 ที่ผมแนะนำตอนแรกว่า senot เนี่ยเป็นตัว
00:34:24 → 00:34:27 กระตุ้นให้หัวใจมันทำงานได้สม่ำเสมอเป็น
00:34:27 → 00:34:31 ตัวควบคุมจังหวะของหัวใจเลยนะครับ SA
00:34:31 → 00:34:34 หน่วยเนี่ยมีชื่อว่าไซนัสโหนดนั่นเองนะ
00:34:34 → 00:34:37 ครับ sinuousial node ตัว Apple Watch
00:34:37 → 00:34:40 เนี่ยก็เลยใช้คำว่าไซนัสนะครับเอามาเป็น
00:34:40 → 00:34:43 จังหวะปกติของหัวใจนะครับอันนี้คือจังหวะ
00:34:43 → 00:34:46 สายบนโดยที่ไซนัส
00:34:46 → 00:34:50 คำจำกัดความของคำว่าไซนัสรีทึมนะครับก็
00:34:50 → 00:34:53 คือหัวใจเต้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอนะครับ
00:34:53 → 00:34:56 แล้วอัตราการเต้นเนี่ยไม่เร็วหรือว่าช้า
00:34:56 → 00:35:00 เกินไปนะครับโดย Apple Watch ใช้ตัวเลข
00:35:00 → 00:35:03 50 กับ 120 นะครับก็จะเป็นตัวเลขกลางๆ
00:35:03 → 00:35:06 ที่เราคุยกันเมื่อกี้ว่าของเรา 60 กับ 100
00:35:06 → 00:35:11 แต่ 50 กับ 120 แล้วก็ยังเป็นตัวที่เพื่อ
00:35:11 → 00:35:13 ให้คนไข้เขาก็ไม่ตกใจเกินไปใช่ไหมครับ
00:35:13 → 00:35:16 อย่างที่บอกว่าต่ำกว่า 60 มันยังปกติอยู่
00:35:16 → 00:35:18 เนี่ยเยอะเลยนะฮะแต่ต่ำกว่า 50 แล้วปกติ
00:35:18 → 00:35:22 เนี่ยมีไม่มากแล้วก็เกินร้อยแล้วปกติก็
00:35:22 → 00:35:24 ยังมีเยอะแต่เกิน 120 แล้วผิดปกติเนี่ยก็
00:35:24 → 00:35:27 จะมีไม่มากเช่นกันนะครับเพื่อกันคนจะตกกะ
00:35:27 → 00:35:29 ใจกันเยอะว่าหัวใจเราช้าหรือเร็วเกินไป
00:35:29 → 00:35:32 เนี่ย Apple Watch เนี่ยก็จะบอกแล้วว่า
00:35:32 → 00:35:34 หัวชาร์จหรือเร็วโดยตัวเลขของมันก็คือ 50
00:35:34 → 00:35:39 กับ 120 นั่นเองนะครับก็จะเป็นตามภาพด้าน
00:35:39 → 00:35:41 ซ้ายล่างนะครับ
00:35:41 → 00:35:43 ส่วนอันต่อไปนะครับที่ Apple Watch
00:35:43 → 00:35:46 วินิจฉัยได้เลยว่าเป็นหรือเปล่าก็คือตัว
00:35:46 → 00:35:49 AF นะครับที่เรารู้จักกันไปเมื่อกี้นะ
00:35:49 → 00:35:53 ครับคือ AF เนี่ยมันวัดมันวินิจฉัยได้
00:35:53 → 00:35:54 ง่ายด้วยลีกเดียวก็ไม่ได้ใช้ได้แล้วนะ
00:35:54 → 00:35:58 ครับเพราะว่าการวินิจฉัยเนี่ยใช้แค่ว่า
00:35:58 → 00:36:02 AIS เนี่ยจังหวะของหัวใจที่ออกมามันไม่
00:36:02 → 00:36:05 ใช่ใส่นานะครับแล้วก็หัวใจเต้นไม่สม่ำ
00:36:05 → 00:36:09 เสมอโดยที่ตัวของหัวใจเนี่ยลักษณะกราฟตัว
00:36:09 → 00:36:12 ขีดแหลมๆที่เราก็ qs Complex เนี่ยมัน
00:36:12 → 00:36:15 ลักษณะเหมือนเดิมนะครับดังนั้นเนี่ยถ้า
00:36:15 → 00:36:17 เราเป็น AF เนี่ยตัว Apple Watch นะครับ
00:36:17 → 00:36:20 หรือว่า Smart Watch ของเราก็สามารถที่
00:36:20 → 00:36:23 จะวินิจฉัยได้นะครับโดยชื่อของ AIS เรา
00:36:23 → 00:36:26 เรียกว่าหัวใจห้องบนสั่นพริ้วนะครับสั่น
00:36:26 → 00:36:30 พริ้วคือว่าเต้นแบบไม่สม่ำเสมอแบบพริ้วนะ
00:36:30 → 00:36:34 ครับเวลาบีบตัวคืออย่างนี้นะครับคือไม่
00:36:34 → 00:36:39 เป็นจังหวะเพราะตัวนี้ถ้าเรารู้ได้ถ้า
00:36:39 → 00:36:41 Apple Watch detect ได้ว่าเป็นเอาไป
00:36:41 → 00:36:43 ให้คุณหมอดูเลยฮะเดี๋ยวคุณหมอก็จะแนะนำ
00:36:43 → 00:36:46 วิธีการรักษาแล้วก็วิธีดูแลตัวเองต่อไปนะ
00:36:46 → 00:36:49 ครับนี่ก็จะเป็น AF นี่จะเป็นหัวใจเต้น
00:36:49 → 00:36:51 จังหวะที่เจอบ่อยที่สุดนะครับ
00:36:51 → 00:36:55 ส่วนอันสุดท้ายที่ Apple Watch จะแปลผล
00:36:55 → 00:36:58 ออกมาก็คือว่าไม่สามารถสรุปผลได้นะครับก็
00:36:58 → 00:37:01 เกิดได้จากหลายสาเหตุนะฮะก็ตั้งแต่การวัด
00:37:01 → 00:37:04 ของเราเนี่ยมันมันผิดพลาดนะครับหรือว่า
00:37:04 → 00:37:09 สวมนาฬิกาหลวมเกินไปนะครับหรือว่าบางที
00:37:09 → 00:37:13 ข้อมือของเรามันคดงอกระดูกข้อมือเบี้ยวนะ
00:37:13 → 00:37:19 ครับหรือว่าแอปผิดปกติเนี่ยนะครับก็มันก็
00:37:19 → 00:37:22 จะออกมาเป็นสรุปผลไม่ได้หรือเราวัดผิด
00:37:22 → 00:37:25 วิธีเช่นกดวัดแล้วไม่ได้เอามือแตะที่
00:37:25 → 00:37:29 บริเวณ Cloud ของของ Apple Watch อันนี้
00:37:29 → 00:37:32 ก็จะออกมาเป็นแบบไม่สามารถสรุปผลได้ตัว
00:37:32 → 00:37:34 Apple Watch นะครับเวลา Record เนี่ย
00:37:34 → 00:37:37 เวลาใช้งานนะครับเราเปิดแอปปุ๊บเราก็แอป
00:37:37 → 00:37:40 มันจะบอกว่าให้เราเอามือนะครับแตะที่
00:37:40 → 00:37:43 Digital Cloud แบบรูปภาพด้านซ้ายนะครับ
00:37:43 → 00:37:46 แต่ไว้นิ่งๆเพื่อให้เครื่องเนี่ย Record
00:37:46 → 00:37:49 ข้อมูลนะครับแล้วก็ผลมันก็จะออกมาให้เรา
00:37:49 → 00:37:53 เห็นตามรูปภาพด้านขวาจะเป็นผล ecg นะครับ
00:37:53 → 00:37:56 ที่บอกเขาเอามาเป็นไซนัสนิเทศก็คือเป็น
00:37:56 → 00:38:00 ลักษณะของกราฟหัวใจปกติใครลองใช้ smart
00:38:00 → 00:38:03 watch แล้วก็ตรวจหัวใจของตัวเองแล้วผิด
00:38:03 → 00:38:07 ปกติบ้างนะครับเดี๋ยวเก็บข้อมูลเอาไว้
00:38:07 → 00:38:09 เตรียมข้อมูลไว้เดี๋ยวคุยกันท้ายชั่วโมง
00:38:09 → 00:38:12 นะครับ Apple Watch นะครับ
00:38:12 → 00:38:14 โดยปกติแล้วจะตาม fba approve เนี่ยจะ
00:38:14 → 00:38:17 approve ให้ใช้ได้ลีดเดียวนะครับแต่ว่า
00:38:17 → 00:38:20 ก็จะมีอ่าคุณหมอหลายๆท่านหรือว่าผู้
00:38:21 → 00:38:22 เชี่ยวชาญหลายๆที่เนี่ยพยายามที่จะใช้
00:38:22 → 00:38:24 ประโยชน์จาก Apple Watch ให้มากที่สุดนะ
00:38:24 → 00:38:27 ครับก็คือบางคนก็จะพยายามอยากจะวัดให้ได้
00:38:27 → 00:38:30 2 คดีบางคนก็พยายามที่จะเอาไปวัดสาม
00:38:30 → 00:38:32 เหลี่ยมโดยการประยุกต์เอา Apple Watch
00:38:32 → 00:38:36 ไปแตะที่บริเวณท้องหรือไปแปะไว้ที่ขาเป็น
00:38:36 → 00:38:39 ต้นนะครับหรือว่าอันนี้ก็จะเป็นลักษณะการ
00:38:39 → 00:38:42 ที่ Record ออกมาว่าถ้าวัดแขนขวาแขนซ้าย
00:38:42 → 00:38:45 ขาขวาขาซ้ายเนี่ยสลับกันแล้วออกมาแล้วภาพ
00:38:45 → 00:38:48 มันจะต่างกันจะช่วยคุณหมอวินิจฉัยโรคได้
00:38:48 → 00:38:51 เพิ่มขึ้นหรือเปล่านะครับหรือเอา Apple
00:38:51 → 00:38:53 Watch เนี่ยไปแตะที่หน้าอก 6 จุดเพื่อ
00:38:53 → 00:38:57 ให้กราฟออกมาเพิ่มขึ้นนะครับเป็นกราฟ
00:38:57 → 00:38:59 เชสลีด 6 จุดเงี้ยเป็นต้นนะครับอันนี้ก็
00:38:59 → 00:39:02 จะเป็นตัวอย่างของการวิจัยที่เขาทำออกมา
00:39:02 → 00:39:05 ว่าเออจริงๆแล้วอ่ะลักษณะของคลื่นหัวใจ
00:39:05 → 00:39:07 ที่เราเอา Apple Watch เนี่ยไปแตะหลายๆ
00:39:07 → 00:39:10 จุดเนี่ยมันก็ต่างกันเหมือนกันนะครับก็มี
00:39:10 → 00:39:12 พยายามหลายๆที่เนี่ยพยายามที่จะทำนะครับ
00:39:12 → 00:39:15 แล้วก็มีข้อมูลรายงานมาว่า Apple Watch
00:39:15 → 00:39:19 เนี่ยเมื่อตรวจแอปตัว ecg ในคนไข้ที่มี
00:39:19 → 00:39:21 เส้นเลือดตีบเนี่ยมันก็บอกได้ด้วยเหมือน
00:39:21 → 00:39:25 กันนะเพราะของใครมีเซ็ตเล็ตนะครับแต่เรา
00:39:25 → 00:39:26 ต้องไปวิเคราะห์กราฟเองนะครับคือเครื่อง
00:39:26 → 00:39:29 มันจะไม่ๆไม่ได้แปลผลไม้ให้เรานะฮะอันนี้
00:39:29 → 00:39:32 ก็เป็นความพยายามแล้วก็ความก้าวหน้าในการ
00:39:32 → 00:39:34 วินิจฉัยที่ใช้ Apple Watch ช่วย
00:39:34 → 00:39:38 วินิจฉัยโรคนะครับยังไงก็ตามสิ่งที่ทำมา
00:39:38 → 00:39:40 ทั้งหมดเนี่ยก็
00:39:40 → 00:39:43 ส่วนตัวผมเองเนี่ยก็คิดว่าถ้าทำได้มันก็
00:39:43 → 00:39:46 ดีแต่ว่าการที่เราจะไปเอา Apple Watch
00:39:46 → 00:39:48 ไปแตะแขนแตะขาหรือไปแตะหน้าอกหลายๆจุด
00:39:48 → 00:39:52 เนี่ยอย่าไปเสียเวลารอตรวจเองหลายๆจุดเลย
00:39:52 → 00:39:54 เพราะว่าในระหว่างที่เรารอเราอาจจะเป็น
00:39:54 → 00:39:58 เยอะขึ้นจนๆรักษาได้ไม่หายหรือว่าเสีย
00:39:58 → 00:40:00 ชีวิตได้ก็มีนะครับรีบไปโรงพยาบาลเนี่ย
00:40:00 → 00:40:02 น่าจะดีที่สุดแต่ถ้าเกิดระหว่างเดินทางไป
00:40:02 → 00:40:04 โรงพยาบาลเราจะทำอันนี้ก็ไม่ได้ว่ากันนะ
00:40:04 → 00:40:04 ครับ
00:40:05 → 00:40:08 เราก็จะมาคุยถึง
00:40:08 → 00:40:10 หัวใจเต้นจังหวะห้องล่างกันบ้างนะครับ
00:40:10 → 00:40:15 ซึ่งมันมีชื่อย่อ P ว่า PVC นะครับ PVC
00:40:15 → 00:40:17 ในทางการแพทย์นะครับมันย่อมาจาก
00:40:17 → 00:40:19 พรีเมอร์ชัวร์ When dogura Contact
00:40:19 → 00:40:23 ชั่นนะครับหรือบางคนก็จะใช้คำว่าเพื่อมา
00:40:23 → 00:40:26 ชัวร์เป็นที่โคราช Complex นะครับถ้าอ่าน
00:40:26 → 00:40:29 จาก ekg เราจะเรียกว่า Complex แต่ว่าใน
00:40:29 → 00:40:31 ทางสรีระวิทยาเราเรียกว่า
00:40:32 → 00:40:35 contraction นะครับก็ชื่อย่อว่า PVC จะ
00:40:35 → 00:40:39 ไม่ง่ายแต่ว่า PVC คือหัวใจเต้นอยู่ห้อง
00:40:39 → 00:40:40 ล่างนะครับ
00:40:40 → 00:40:43 มาชัวร์มันแปลว่ามาก่อนกำหนดนะครับก็คือ
00:40:43 → 00:40:47 เหมือนกับว่าการเต้นของหัวใจตอนนี้มันไม่
00:40:48 → 00:40:50 ได้เป็นการเต้นปกติมันเป็นการเต้นจากอะไร
00:40:50 → 00:40:52 ก็ไม่รู้ที่มันแทรกออกมาก่อนกำหนดนะครับ
00:40:52 → 00:40:55 ก็เรียกว่า sure ส่วนเวนดิโคล่าเนี่ยมัน
00:40:55 → 00:40:58 ย่อมาจากเวนติเคิลเวนิคอนก็คือหัวใจห้อง
00:40:58 → 00:41:01 ล่างส่วน contraction เนี่ยคือการบีบตัว
00:41:01 → 00:41:04 ของหัวใจนะครับแล้วก็เมื่อกี้อย่างที่ผม
00:41:04 → 00:41:06 เกริ่นนำไปผมหัวใจเต้นอยู่ห้องล่างเนี่ย
00:41:06 → 00:41:09 มันจะมีลักษณะก็คือว่าตัวกราฟหัวใจเนี่ย
00:41:09 → 00:41:13 มันจะอ้วนผิดปกติทุกคนจะเห็นแถบคลื่นหัว
00:41:13 → 00:41:16 ใจสีชมพูด้านล่างใช่ไหมครับแล้วเห็นวงกลม
00:41:16 → 00:41:19 สีแดงเนาะวงกลมสีแดงเนี่ยคือ PVC ที่ออก
00:41:19 → 00:41:22 มา 2 ตัวนะครับส่วนไอ้ตัวขีดเล็กๆเนี่ย
00:41:22 → 00:41:25 คือไซนัสปกตินะครับคือการเต้นของหัวใจ
00:41:25 → 00:41:26 ปกติ
00:41:26 → 00:41:30 ซึ่งตัว PVC เนี่ยนะครับก็จะมีได้ทั้ง
00:41:30 → 00:41:35 อ่าเป็นออกมาแค่ตัว 2 ตัวนะครับหรือว่ามี
00:41:35 → 00:41:38 ออกมาบ่อยๆเลยหลายๆอันเค้าเรียกว่า
00:41:38 → 00:41:40 requence PVC นะครับหรือถ้าออกมาต่อ
00:41:40 → 00:41:43 เนื่องเลยเรียกว่าวีแทคซึ่งถ้าออกมาต่อ
00:41:43 → 00:41:46 เนื่องแบบเนี้ยคือ PVC ที่เป็นอันตรายนะ
00:41:46 → 00:41:50 ครับทีนี้เราลองมาดูวิดีโอ PVC กันบ้างนะ
00:41:50 → 00:41:54 ครับ
00:41:54 → 00:41:58 จะเห็นว่าตัวกราฟหัวใจนะครับของเราที่
00:41:58 → 00:42:01 เป็น PVC คือกราฟอ้วนๆกลมๆใช่ไหมครับตรง
00:42:01 → 00:42:05 ที่อยู่ตรงกราฟที่สระตัวที่ 3 เห็นว่าหัว
00:42:05 → 00:42:08 ใจเนี่ยมันเต้นแล้วมันก็หยุดเต้นแล้วมัน
00:42:08 → 00:42:10 ก็มาเต้นใหม่นะครับช่วงที่หยุดเต้นเนี่ย
00:42:10 → 00:42:13 ก็คือว่ามีไฟฟ้าในหัวใจห้องล่างเนี่ยมัน
00:42:13 → 00:42:16 มาแทรกทำให้หัวใจของเราเนี่ยมันเต้นแล้ว
00:42:16 → 00:42:18 ก็หยุดเต้นเป็นพักๆ
00:42:18 → 00:42:22 นี่ก็คือเป็นการเต้นของ PVC จากกราฟแล้ว
00:42:22 → 00:42:25 เออเวลาหัวใจเต้นจริงมันเต้นยังไงนะครับ
00:42:25 → 00:42:30 อันนี้ก็จะเป็นการจับชีพจรในคนที่เป็น PVC
00:42:30 → 00:42:33 นะครับวันนี้ก็จะผมได้มาจากพี่ท่านหนึ่ง
00:42:33 → 00:42:36 นะครับซึ่งก็เป็นพี่ที่รู้จักกันแล้วก็มี
00:42:36 → 00:42:39 หัวใจเต้นมีจังหวะแล้วก็เขาก็ส่งตัวกราฟ
00:42:39 → 00:42:42 ตัววีดีโอนี้มาให้ดูนะครับอันนี้เป็น
00:42:42 → 00:42:45 ออกซิเจนปลายนิ้วซึ่งเรามีอยู่
00:42:45 → 00:42:48 เป็นกันเยอะเนาะหลายๆบ้านมีอยู่นะครับจะ
00:42:48 → 00:42:51 เห็นว่าเราเห็นเลข 98 ไหมฮะแล้วก็เห็นตัว
00:42:51 → 00:42:54 กราฟชีพจรด้านล่างนะครับการชีพจรนั้นด้าน
00:42:54 → 00:42:57 ล่างเนี่ยมันคือกราฟที่มันเป็น 1 คลื่น
00:42:57 → 00:42:59 เนี่ยมันคือหัวใจเต้นครั้งหนึ่งนะโดยปกติ
00:43:00 → 00:43:02 แล้วอ่ะคลื่นมันก็จะต้องสม่ำเสมอเนาะแต่
00:43:02 → 00:43:05 เราจะเห็นว่าพอเต้นๆไปแล้วมันมีการหยุด
00:43:05 → 00:43:09 ของตัวคลื่นอย่างเงี้ยถ้าเราไปทำชีพจรเอง
00:43:09 → 00:43:12 ที่ข้อมืออ่ะเราก็จะเห็นเราก็จะรู้สึกว่า
00:43:12 → 00:43:15 ชีพจรเนี่ยมันหยุดเหมือนกันนะครับเหมือน
00:43:15 → 00:43:18 กับกราฟเนี่ยตัวนี้ก็จะเป็นตัวที่ช่วยให้
00:43:18 → 00:43:20 เรารู้ว่าชีพจรของเราเต้นไม่สม่ำเสมอได้
00:43:20 → 00:43:24 เป็นอย่างดีนะครับส่วนตัวค่าตัวสุดท้าย
00:43:24 → 00:43:26 เนี่ยเครื่องก็จะ Record ออกมาเป็น Power
00:43:26 → 00:43:28 Rate bpm ก็คือ Beach perminutes นะ
00:43:28 → 00:43:31 ครับอันนี้ชีพจรก็จะเต้นอยู่ที่ 76 ครั้ง
00:43:31 → 00:43:37 ต่อนาทีนะครับแต่ในบางครั้งนะฮะตัวชีพจร
00:43:37 → 00:43:39 เนื่องจากเครื่อง
00:43:39 → 00:43:42 oximeter เนี่ยนะครับหรือ powery เนี่ย
00:43:42 → 00:43:46 มันเป็นเครื่องที่จับอัตราการเต้นเนี่ย
00:43:46 → 00:43:49 แค่ช่วงสั้นๆประมาณ 5 วินาทีเท่านั้นเวลา
00:43:49 → 00:43:52 มันคำนวณออกมาเป็นตัวเลขเผาเลทเนี่ยบางที
00:43:52 → 00:43:55 อาจจะ Error ได้จะเห็นว่าตัวเลข 21 ที่
00:43:55 → 00:43:57 อยู่ด้านหลังเนี่ยนะฮะถ้าเราไปทำชีพจร
00:43:57 → 00:44:00 จริงๆมันจะไม่ใช่ 21 อ่ะครับแต่พอเรามี
00:44:00 → 00:44:03 PVC บ่อยๆเครื่องมันจะคำนวณผิดพลาดว่า
00:44:03 → 00:44:06 ชีพจรเราได้ 21 ในคนที่มีหัวใจถ้ามี
00:44:06 → 00:44:09 จังหวะนะครับเราเวลานับที่พระจอเนี่ยเรา
00:44:09 → 00:44:12 จะต้องนับให้ครบ 1 นาทีนะครับว่าใน 1
00:44:12 → 00:44:14 นาทีเนี่ยมันเต้นได้กี่ครั้งเพราะว่า
00:44:14 → 00:44:17 เนื่องจากชีพจรเราไม่สม่ำเสมอถ้าเราไปวัด
00:44:17 → 00:44:21 แค่ช่วงสั้นๆเนี่ยเราก็จะได้ค่าที่มันไม่
00:44:21 → 00:44:24 เป็นตัวเลขที่แท้จริงนะครับเราก็ต้องจับ
00:44:24 → 00:44:28 ชีพจรหรือว่าเราจะดูที่ตัวกราฟที่มันอ่า
00:44:28 → 00:44:31 เด้งขึ้นมาแต่ละขีดก็ได้แล้วก็นับเป็น
00:44:31 → 00:44:33 ชีพจรไป 1 2 3
00:44:33 → 00:44:36 4 5 6
00:44:36 → 00:44:40 7 8 9 อย่างเงี้ยนะฮะนับจนครบ 1 นาที
00:44:40 → 00:44:42 ว่าจริงๆแล้ว 1 นาทีมันเต้นกี่ครั้งก็ได้
00:44:42 → 00:44:46 อันนี้ก็จะเป็นวิธีการใช้ตัว pull
00:44:46 → 00:44:49 optimity มาช่วยดูว่าหัวใจเราเนี่ยมันมี
00:44:49 → 00:44:51 เต้นผิดจังหวะหรือเปล่า
00:44:51 → 00:44:52 ง่ายเนาะ
00:44:52 → 00:44:56 ส่วนอันสุดท้ายที่จะใช้มาช่วยดูว่าหัวใจ
00:44:56 → 00:44:57 เนี่ยมันเต้นผิดจังหวะหรือเปล่าก็คือ
00:44:57 → 00:45:01 เครื่องวัดความดันแบบดิจิทัลซึ่งเครื่อง
00:45:01 → 00:45:03 วัดความดันแบบดิจิตอลเนี่ยเวลาเราวัดเรา
00:45:03 → 00:45:06 จะได้ตัวเลข 3 ตัวนะครับแต่ในรูปภาพนี้จะ
00:45:06 → 00:45:09 เป็นการนั่งวัดความดัน
00:45:09 → 00:45:12 ที่ถูกต้องนะครับคือถ้าวัดที่ถูกต้องเรา
00:45:12 → 00:45:16 จะต้องนั่งนะครับมีในเก้าอี้มีพนักพิงนะ
00:45:16 → 00:45:20 ครับแล้วก็วางเครื่องอยู่บนโต๊ะแขนก็ต้อง
00:45:20 → 00:45:22 วางอยู่บนโต๊ะนะครับแขนต้องไม่เกรงนะครับ
00:45:23 → 00:45:27 แล้วก็ระหว่างวัดเนี่ยก็อยู่ในห้องที่
00:45:27 → 00:45:29 เงียบไม่ควรพูดคุยระหว่างวัดนะครับแล้วก็
00:45:29 → 00:45:32 เท้าเนี่ยก็ต้องวางสบายๆอยู่ที่พื้นค่า
00:45:33 → 00:45:35 ความดันของเราก็ถึงจะออกมาได้เป็นค่าความ
00:45:35 → 00:45:38 ดันที่น่าเชื่อถือแล้วก็ควรจะวัด 2 ครั้ง
00:45:38 → 00:45:40 ห่างกันสัก 5-10 นาทีนะครับ
00:45:40 → 00:45:43 แล้วก็ตัวเลขที่แรกออกมานะครับก็จะเป็น
00:45:43 → 00:45:46 แบบตัวเครื่องที่เราเห็นอยู่ด้านขวาล่าง
00:45:46 → 00:45:49 นะครับแล้วก็จะเห็นตัวเลข 118 80 ใช่ไหม
00:45:49 → 00:45:52 ครับตัวเลขบนนี้คือความดันตัวบนส่วนตัว
00:45:52 → 00:45:55 เลขตัว 80 นี่คือความดันตัวล่างนะครับ
00:45:55 → 00:45:57 ความดันเราจะมี 2 ตัวส่วนตัวเลขตัวที่ 3
00:45:57 → 00:46:01 เนี่ยก็คือตัวชีพจรนะครับเผาเลทหรือว่า
00:46:01 → 00:46:04 heart rate นะครับคำว่าเผานี่คือชีพจร
00:46:04 → 00:46:08 นะฮะที่เราจัดที่ข้อมือแต่ว่าถ้าเป็น
00:46:08 → 00:46:09 heart rate นะครับ heart rate ก็คือ
00:46:09 → 00:46:13 Heart คือหัวใจหัวใจเต้นตัวหัวใจเต้นไม่
00:46:13 → 00:46:15 จำเป็นจะต้องเท่ากันกับเผาเลทแต่ส่วนใหญ่
00:46:15 → 00:46:18 มันจะเท่ากันนะครับเราก็จะได้ออกมาเป็น
00:46:18 → 00:46:19 ตัว
00:46:19 → 00:46:23 ตัวเลขด้านตัวที่ 3 นะมันก็จะสงสัยว่าตัว
00:46:23 → 00:46:25 ที่ 3 คืออะไรก็คือชีพจรนั่นเอง
00:46:25 → 00:46:28 ทีนี้เราจะรู้ว่า
00:46:28 → 00:46:31 ชีพจรมันเต้นกี่ครั้งแล้วเราจะรู้ว่าหัว
00:46:31 → 00:46:34 ใจมันเต้นผิดจังหวะหรือเปล่าด้วยว่า
00:46:34 → 00:46:36 เครื่องบางรุ่นเนี่ยมันจะมีการเตือนว่า
00:46:36 → 00:46:38 หัวใจเต้นผิดจังหวะมันก็จะมีสัญญาณ
00:46:38 → 00:46:41 สัญลักษณ์ขึ้นมาอย่างไรบางรุ่นก็จะมีโรค
00:46:41 → 00:46:45 รูปหัวใจขึ้นมาตรงบริเวณนี้ถ้ามีรูปหัวใจ
00:46:45 → 00:46:47 ขึ้นมาอันนี้แปลว่ามีหัวใจที่มีจังหวะก็
00:46:47 → 00:46:49 จะรู้ได้ว่าหัวใจเราเต้นผิดจังหวะหรือ
00:46:49 → 00:46:53 เปล่านะครับอันนี้ก็จะเป็นประโยชน์นอก
00:46:53 → 00:46:55 เหนือจากการวัดความดันของเครื่องวัดความ
00:46:55 → 00:46:59 ดันส่วนเรื่องการจับชีพจรนะครับการจับ
00:46:59 → 00:47:02 ชีพจรเนี่ยก็ง่ายมากเลยนะครับชีพจรของเรา
00:47:02 → 00:47:05 เนี่ยมันมีอยู่หลายจุดด้วยกันนะครับแต่
00:47:05 → 00:47:08 ว่าจุดที่ผมจะแนะนำให้จับเพราะว่าง่ายที่
00:47:08 → 00:47:12 สุดเลยนะครับก็คือบริเวณตรงข้อมือนะครับ
00:47:12 → 00:47:16 ข้อมือด้านขวาหรือซ้ายก็ได้นะครับถ้าคน
00:47:16 → 00:47:19 ถนัดขวาก็แนะนำให้ใช้ข้อมือซ้ายนะครับเรา
00:47:19 → 00:47:21 จะใช้นิ้ว 2 นิ้วหรือว่า 3 นิ้วนะครับ
00:47:21 → 00:47:23 แล้วแต่ถนัดเนี่ยวางที่บริเวณข้อมือซ้าย
00:47:24 → 00:47:27 โดยที่จุดที่วางนะครับก็จะเป็นบริเวณใต้
00:47:27 → 00:47:30 ต่อข้อพับของข้อมือแล้วก็ฝั่งที่วางเนี่ย
00:47:30 → 00:47:33 แนะนำจริงๆแล้วมีเส้นเลือดสองฝั่งนะฮะแต่
00:47:33 → 00:47:35 แนะนำให้วางที่เส้นเลือดฝั่งที่มันใหญ่
00:47:35 → 00:47:39 กว่าคืออยู่ที่นิ้วโป้งใต้โคนนิ้วโป้งนะ
00:47:39 → 00:47:42 ครับแล้วก็จะมือแตะไปบริเวณตรงข้อพับใต้
00:47:42 → 00:47:46 โคนนิ้วโป้งก็อยู่ตรงคล้ายๆรูปที่โชว์เลย
00:47:46 → 00:47:47 ครับ
00:47:47 → 00:47:50 พอเราเอา 2 นิ้วแตะไปนะครับอาจจะเอามือ
00:47:51 → 00:47:53 วางที่โต๊ะก็ได้นะฮะแล้ว 2 นิ้วแตะเราจะ
00:47:53 → 00:47:56 รู้สึกว่ามันมี
00:47:56 → 00:48:00 อะไรสักอย่างนึงมากระแทกนิ้วเรานะฮะ
00:48:00 → 00:48:03 บริเวณนั้นจะมีเส้นเลือดซึ่งพอหัวใจบีบ
00:48:03 → 00:48:05 ตัวครั้งหนึ่งนะฮะเลือดมันก็จะไหลมา
00:48:05 → 00:48:08 กระแทกนิ้วเราเป็นจังหวะจังหวะที่ได้
00:48:08 → 00:48:12 เนี่ยแหละก็คือชีพจรนะครับทีนี้แล้วเมื่อ
00:48:12 → 00:48:14 ไหร่อ่ะที่เราควรจะต้องไปพบแพทย์นะครับ
00:48:14 → 00:48:18 หัวใจเต้นช้าเนี่ยอย่างที่คุยกันไปถ้าต่ำ
00:48:18 → 00:48:21 กว่าถ้าอยู่ตัวเลขอยู่ที่ประมาณ 50 กว่าๆ
00:48:21 → 00:48:24 เนี่ยส่วนใหญ่ไม่ไม่มีอันตรายอะไรนะครับ
00:48:24 → 00:48:27 แต่เมื่อไหร่ก็ตามถ้าเกิดว่ามันช้าถึง
00:48:27 → 00:48:30 น้อยกว่า 40 อันนี้แนะนำให้ไปพบแพทย์อาจ
00:48:30 → 00:48:34 จะต้องเช็คดูแล้วว่าหัวใจของเราเนี่ยมัน
00:48:34 → 00:48:37 มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าโลกที่หัวใจเต้น
00:48:37 → 00:48:39 ช้ามากๆเนี่ยนอกเหนือจากหัวใจได้มีจังหวะ
00:48:39 → 00:48:43 แล้วก็คือเขาเรียกว่าภาวะทางเดินกระแสไฟ
00:48:43 → 00:48:45 ฟ้าอุดกั้นนะฮะที่เราเรียกว่า hardbox
00:48:45 → 00:48:48 เพราะ Heart Blog เนี่ยก็จะมีหัวใจเต้น
00:48:48 → 00:48:51 ช้าแล้วมันหยุดเต้นได้ดังนั้นเนี่ยต้องไป
00:48:51 → 00:48:53 ตรวจคลื่นหัวใจนะฮะถ้าเกิดว่าหัวใจเต้น
00:48:53 → 00:48:56 ช้ากว่า 40 ครั้งต่อนาที
00:48:56 → 00:48:58 อนามัยคือหัวใจเต้นเร็วนะครับหัวใจเต้น
00:48:58 → 00:49:01 เร็วเนี่ยถ้าเต้นเกิน 150 ครั้งต่อนาทีใน
00:49:01 → 00:49:04 ขณะที่เรานั่งพักแล้วนะถ้านั่งพักแล้วหัว
00:49:04 → 00:49:07 ใจยังเต้นเร็วกว่า 150 ครั้งต่อนาทีอัน
00:49:07 → 00:49:09 นี้แนะนำว่าต้องรีบไปพบแพทย์นะครับเพราะ
00:49:09 → 00:49:11 ปกติแล้วถ้าเราไปเดินออกกำลังกายไปเดิน
00:49:11 → 00:49:15 ขึ้นบันไดพอเราหยุดเดินแล้วเรานั่งพักคง
00:49:15 → 00:49:17 จะไม่ต้องเต้นช้าลงถูกไหมแต่ถ้าเกิดว่า
00:49:17 → 00:49:22 มันเต้นมันเต้นไม่ๆไม่ช้าลงมันยังสูงเกิน
00:49:22 → 00:49:25 150 ครั้งต่อเนื่องเนี่ยแนะนำให้ไปพบ
00:49:25 → 00:49:26 แพทย์
00:49:26 → 00:49:29 แล้วก็ในคนที่หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอเต้น
00:49:29 → 00:49:32 กระตุกเต้นผิดจังหวะถ้ายังไม่เคยตรวจกับ
00:49:32 → 00:49:34 แพทย์ไม่เคยคบพบแพทย์เลยอันนี้ก็ไปพบ
00:49:34 → 00:49:37 แพทย์ได้แต่อาจจะไม่ด่วนเท่าข้อ 1 กับข้อ
00:49:37 → 00:49:40 2 นะครับส่วนข้อสุดท้ายก็คือมีอาการ
00:49:40 → 00:49:43 เหนื่อยแน่นเป็นลมวูบหมดสติถ้ามีอาการ
00:49:43 → 00:49:46 เหล่านี้เราเป็นแบบเฉียบพลันก็ควรจะไปพบ
00:49:46 → 00:49:50 แพทย์เลยนะครับหัวใจที่ผิดจังหวะนะครับ
00:49:50 → 00:49:53 นอกจากอาการที่เกิดขึ้นแล้วเนี่ยในระยะ
00:49:53 → 00:49:57 ยาวนะครับมันอาจจะทำให้เกิดภาวะภาวะภาวะ
00:49:57 → 00:49:59 ภาวะหนึ่งซึ่งไม่ดีเลยไม่อยากให้เป็นก็
00:49:59 → 00:50:03 คือภาวะที่เราเรียกว่าโรคหัวใจโตโรคหัวใจ
00:50:03 → 00:50:06 โตเนี่ยเวลาที่หัวใจมันผิดจังหวะนานๆหัว
00:50:06 → 00:50:09 ใจเนี่ยมันจะทำงานผิดปกติไปนะครับจนมี
00:50:09 → 00:50:12 ภาวะที่ตัวกล้ามเนื้อของหัวใจเนี่ยมัน
00:50:12 → 00:50:17 ค่อยๆล้าอ่อนล้าลงนะฮะจนในสุดมันจะขยาย
00:50:17 → 00:50:20 ขนาดขึ้นจนเกิดภาวะหัวใจโตแล้วก็มีภาวะ
00:50:20 → 00:50:23 หัวใจวายตามมาได้ภาวะหัวใจวายน้ำท่วมก่อน
00:50:23 → 00:51:16 นะครับ
00:51:16 → 00:51:24 [เพลง]
00:51:24 → 00:51:26 ก็จะมีอิเล็กโทรดแปะไว้ที่หน้าอกแล้วก็จะ
00:51:26 → 00:51:30 Record ออกมาเป็น ecg นะครับใครบ้างที่
00:51:30 → 00:51:34 ควรทำมอเตอร์นะฮะหลักๆเลยก็คือมีอาการใจ
00:51:34 → 00:51:37 สั่นเป็นลมหน้ามืดแล้วมันตรวจ ekg ได้
00:51:37 → 00:51:42 ปกติอันนี้น่าทำแต่ถ้าเกิดว่าตรวจ ekg
00:51:42 → 00:51:45 ได้แล้วควรจะทำไหมรู้ว่าเป็นอยู่แล้วก็
00:51:45 → 00:51:47 น่าจะต้องทำนะครับเพราะว่าจะได้รู้ว่าตัว
00:51:47 → 00:51:49 หัวใจที่จังหวะเนี่ยมันเป็นรุนแรงแค่ไหน
00:51:49 → 00:51:52 แล้วก็ไอ้ตัวที่ตรวจที่ ekg เนี่ยบางที
00:51:52 → 00:51:55 ekg มันอาจจะเป็นการตรวจที่
00:51:56 → 00:51:59 เห็นแค่ในบางช่วงเวลาในตอนเราอยู่บ้านอาจ
00:52:00 → 00:52:02 จะมีหัวใจพยาบาลอีกแบบนึงออกมาก็ได้นะฮะ
00:52:02 → 00:52:05 แล้วก็สุดท้ายก็คือเพื่อใช้ติดตามอาการ
00:52:05 → 00:52:07 ของโรคว่าหลังรักษาแล้วเนี่ยมันดีขึ้น
00:52:07 → 00:52:10 หรือเปล่านะครับทีนี้การทำมอเตอร์เนี่ย
00:52:10 → 00:52:12 มันต้องเตรียมตัวยังไงบ้างมันยากไหมมัน
00:52:12 → 00:52:15 เจ็บหรือเปล่าต้องนอนโรงพยาบาลไหม
00:52:15 → 00:52:19 การทำมอเตอร์นะครับแต่ว่าไปหาผมวันนี้ที่
00:52:19 → 00:52:21 โรงพยาบาลแล้วผมสั่งบอกว่าเออเดี๋ยวเรา
00:52:21 → 00:52:24 สั่งให้ไปทำมอเตอร์ที่ห้อง hotter นะฮะ
00:52:24 → 00:52:27 เราก็ Water มันต้องเตรียมตัวยังไงบ้างนะ
00:52:27 → 00:52:29 ครับก็ถ้าเกิดว่าถึงวันนัดเนี่ยพอเราออก
00:52:29 → 00:52:32 จากบ้านปุ๊บเราก็ทำตัวตามปกติเลยครับก็
00:52:32 → 00:52:36 คือกินยาทานอาหารอะไรได้ตามปกติแล้วก็แต่
00:52:36 → 00:52:38 ว่าอย่าลืมพวกบัตรประชาชนมาด้วยนะครับ
00:52:38 → 00:52:41 แล้วก็มือถือเอามาด้วยเผื่อจะต้องมีเงิน
00:52:41 → 00:52:44 มัดจำกระเป๋าตังค์เตรียมมาด้วยนะครับ
00:52:44 → 00:52:46 เผื่อใช้ค่าใช้จ่ายใช่ไหมฮะแต่ที่ห้ามลืม
00:52:46 → 00:53:45 ไม่ได้คือบัตรประชาชน
00:53:45 → 00:53:47 [เพลง]
00:53:48 → 00:53:50 การใช้คลื่นอัลตร้าซาวด์นะครับหรือว่า
00:53:50 → 00:53:53 เป็นคลื่นเสียงเนี่ยที่จะมีเทคโนโลยีที่
00:53:53 → 00:53:55 ใหม่กว่าเทคโนโลยีของอัลตร้าซาวด์อยู่
00:53:55 → 00:53:57 หน่อยนึงนะครับก็คือตัวอัลตร้าซาวด์จะ
00:53:57 → 00:54:00 เห็นแต่รูปร่างเนอะแต่ว่า Echo เนี่ยมัน
00:54:00 → 00:54:02 จะเห็นการทำงานของหัวใจในแต่ละจุดด้วยนะ
00:54:02 → 00:54:05 ครับเราก็จะสแกนหัวใจในหลายๆมิติเพื่อ
00:54:05 → 00:54:08 จำลองให้หัวใจให้เหมือนกับว่าผมเห็นหัวใจ
00:54:08 → 00:54:11 เป็นแบบ 3 มิติตอนทำอีกคู่นะครับเพื่อที่
00:54:11 → 00:54:14 จะรู้ถึงโครงสร้างและการทำงานของมันนะ
00:54:14 → 00:54:15 ครับ
00:54:15 → 00:54:20 เราก็จะรู้ถึงว่าภายในของเรามีโรคหัวใจ
00:54:20 → 00:54:22 อะไรซ่อนอยู่ไหมไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจโต
00:54:22 → 00:54:25 หรือหัวใจทำงานน้อยลงสงสัยหัวใจขาดเลือด
00:54:25 → 00:54:26 หรือเปล่า
00:54:26 → 00:54:29 หรือในหัวใจทั้ง 4 ลิ้นของเรามันเปิด
00:54:29 → 00:54:32 กว้างดีไหมมันผิดสนิทไหมก็คือเป็นลิ้นหัว
00:54:32 → 00:54:35 ใจตีเผื่อรั่วหรือเปล่ามีโรคหัวใจแต่
00:54:35 → 00:54:37 กำเนิดซ่อนอยู่ไหมเช่นมีผนังกั้นห้องหัว
00:54:37 → 00:54:41 ใจรั่วนะครับหรือว่าขนาดทำ Echo เนี่ยถ้า
00:54:41 → 00:54:42 เกิดว่ามีหัวใจสั่นหรือเต้นผิดจังหวะ
00:54:42 → 00:54:45 เนี่ยเราก็จะรู้ด้วยเพราะว่าตอนทำ Echo
00:54:45 → 00:54:48 เนี่ยเราจะเห็นหัวใจมันเต้นมันมันบีบตัว
00:54:48 → 00:54:50 ใช่ไหมครับถ้ามันบีบตัวผิดปกติเนี่ยเราก็
00:54:50 → 00:54:52 จะรู้ว่ามันเต้นผิดจังหวะหรือเปล่าแล้ว
00:54:52 → 00:54:54 มันก็จะมีการ์ดอีก 4G Monitor แบบ
00:54:54 → 00:54:56 เรียลไทม์ให้อยู่ด้วยนะฮะว่าตอนนั้นเนี่ย
00:54:57 → 00:55:00 กราฟ ekg เป็นยังไงผิดจังหวะหมายนะครับ
00:55:00 → 00:55:03 แล้วก็เราจะดูได้ว่าในหัวใจมีลิ่มเลือด
00:55:03 → 00:55:06 ซ่อนอยู่หรือเปล่านะครับเพื่อจะดูว่ามัน
00:55:06 → 00:55:08 มีความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองอุดตัน
00:55:08 → 00:55:10 มากหรือน้อยแค่ไหนด้วยนี่ก็จะเป็น
00:55:10 → 00:55:14 ประโยชน์ที่ได้จากการทำ Echo หัวใจ
00:55:14 → 00:55:18 แล้วใครบ้างที่ต้องทำ Echo นะครับหลักๆ
00:55:18 → 00:55:20 เลยเนี่ยนอกเหนือจากคนที่มีอาการ
00:55:20 → 00:55:23 ใจสั่นหัวใจที่จังหวะแล้วเนี่ยในคนที่
00:55:24 → 00:55:26 เป็นโรคหัวใจชนิดอื่นนะครับที่ผมเล่าให้
00:55:26 → 00:55:29 ฟังข้างต้นสงสัยโรคหัวใจวายมีอาการ
00:55:29 → 00:55:31 เหนื่อยตัวบวมขาบวม
00:55:31 → 00:55:35 ก็ควรได้นอกจากโรคหัวใจแล้วในคนที่เป็น
00:55:35 → 00:55:37 โรคมะเร็งบางอย่างที่ต้องรับยาเคมีบำบัด
00:55:37 → 00:55:41 บางชนิดอันนี้คุณหมอทางด้านมะเร็งเขาจะ
00:55:41 → 00:55:44 ส่งมาทำ Echo เพื่อที่จะประเมินหัวใจว่า
00:55:44 → 00:55:48 แข็งแรงพอไหมที่จะรับยารักษามะเร็งในคน
00:55:48 → 00:55:51 ที่เป็นโรคอัมพฤกษ์อัมพาตถ้าสงสัยว่าเป็น
00:55:51 → 00:55:54 โรคอัมพฤกษ์อัมพาตจาก
00:55:54 → 00:55:58 มีลิ่มเลือดอุดตันแล้วก็คุณหมอโรคสมองก็
00:55:58 → 00:56:00 จะส่งมา Echo เพื่อดูความเสี่ยงว่ามันมี
00:56:00 → 00:56:03 ลิ่มเลือดในหัวใจหรือเปล่าหรือว่ามีหัวใจ
00:56:03 → 00:56:05 โรคหัวใจซ่อนอยู่ไหมที่จะเสี่ยงหรือว่าจะ
00:56:06 → 00:56:08 มีลิ่มเลือดไปอุดตันสมองครั้งที่ 2 อัน
00:56:08 → 00:56:12 นี้ก็จะเป็นประโยชน์อันหนึ่งของการทำ Echo
00:56:12 → 00:56:16 ในคนไข้ก่อนผ่าตัดบางอย่างนะครับเช่น
00:56:16 → 00:56:19 คนไข้ที่อายุเยอะมากนะครับกราฟหัวเทียน
00:56:19 → 00:56:22 ผิดปกติเราจะต้องผ่าตัดใหญ่การทำ Echo ก็
00:56:22 → 00:56:24 จะช่วยประเมินได้ว่าการผ่าตัดนั้นเนี่ย
00:56:24 → 00:56:27 มันจะทำมันจะเราจะเสี่ยงมากน้อยแค่ไหนใน
00:56:27 → 00:56:29 ระหว่างผ่าตัด
00:56:30 → 00:56:33 ในคนที่ปลูกถ่ายไตอันนี้คุณหมอปลูกถ่ายไต
00:56:33 → 00:56:36 เขาจะส่งให้มาเตรียมก่อนมาทำ Echo ก่อนนะ
00:56:36 → 00:56:38 ครับเพื่อที่จะตรวจเรื่องหัวใจว่ามันแข็ง
00:56:38 → 00:56:41 แรงดีไหมที่จะปลูกถ่ายไตได้และสุดท้ายก็
00:56:41 → 00:56:44 คือคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคหัวใจนะ
00:56:45 → 00:56:47 ครับในบางอย่างเนี่ยถ้าทำ ekg เรียกผิด
00:56:47 → 00:56:50 ปกตินะครับเราก็จะมาทำ Echo หัวใจด้วยนะ
00:56:50 → 00:56:50 ครับ
00:56:50 → 00:56:55 อันนี้ก็จะเป็นคนไหนบ้างที่ควรต้องทำ Echo
00:56:55 → 00:56:58 นะฮะแล้วก็การตรวจหัวใจเต้นมีจังหวะอีก
00:56:58 → 00:57:00 อย่างนึงนะครับก็จะเป็นการตรวจในห้อง
00:57:00 → 00:57:04 ปฏิบัติการส่วนหัวใจนะครับเราก็จะตรวจที่
00:57:04 → 00:57:08 เรียกว่าการทำ EP study ก็คือเป็นการ
00:57:08 → 00:57:11 ตรวจสรีระวิญญาณของหัวใจโดยการเราจะใส่
00:57:11 → 00:57:13 สาย cater เนี่ยเข้าไปทางขาหนีบนะฮะทาง
00:57:13 → 00:57:17 เส้นเลือดดำใหญ่ที่ขาหนีบแล้วก็สายมันจะ
00:57:17 → 00:57:20 ไหลเข้าไปจนถึงหัวใจเลยเพื่อตรวจว่าในแต่
00:57:20 → 00:57:23 ละจุดของหัวใจเนี่ยมันมีตรงไหนผิดปกติ
00:57:23 → 00:57:26 บ้างของระบบไฟฟ้าถ้าถอยผิดปกติเราจะใช้ไฟ
00:57:26 → 00:57:30 ฟ้าหรือว่าใช้คลื่นความถี่สูงเนี่ยที่ตรง
00:57:30 → 00:57:32 นั้นได้เพื่อแก้ความผิดปกติอันนี้ก็จะ
00:57:32 → 00:57:35 เป็นสิ่งที่เรียกว่าการตรวจสรีระวิชาหัว
00:57:35 → 00:57:39 ใจหรือมีชื่อย่อว่า EP study ชื่อภาษา
00:57:39 → 00:57:42 อังกฤษก็คือ Electro pco Logic study
00:57:42 → 00:57:46 นี้พอตรวจแล้วว่าเป็นโรคหัวใจหรือว่าบาง
00:57:46 → 00:57:49 คนมีอาการใจสั่นนะครับส่งเสริมเป็นโรคหัว
00:57:49 → 00:57:51 ใจอยู่ตอนนี้เราจะต้องระมัดระวังอะไรบ้าง
00:57:51 → 00:57:54 นะครับสิ่งหนึ่งที่ได้รับการถามบ่อยมาก
00:57:54 → 00:57:57 เลยก็คือว่ากาแฟเนี่ยกินได้มา
00:57:57 → 00:58:02 ในก่อนหน้าที่ผมจะมาจะมาคุยในกันในวันนี้
00:58:02 → 00:58:05 นะครับก็มีคนถามผมเยอะว่ากาแฟเกาะหัวใจ
00:58:05 → 00:58:08 เนี่ยมันดีมันดีหรือเปล่ากาแฟมันดีต่อหัว
00:58:08 → 00:58:09 ใจไหม
00:58:09 → 00:58:13 การกินกาแฟมันมีประโยชน์หรือว่ามีโทษต่อ
00:58:13 → 00:58:16 หัวใจอันนี้ก็จะเป็นอีกเรื่องที่ที่แบบ
00:58:16 → 00:58:19 เป็น topic ที่ฮอตน่ะครับ
00:58:19 → 00:58:23 โดยสรุปเลยนะครับผมจะสรุปให้สั้นๆใน 2
00:58:23 → 00:58:26 สไลด์ก็คือว่ากาแฟเนี่ยดีต่อหัวใจนะครับ
00:58:26 → 00:58:29 มีข้อมูลการวิจัยหลายอย่างยืนยันชัดเจน
00:58:29 → 00:58:32 ว่ากาแฟเนี่ยกินแล้วเนี่ยทำให้
00:58:32 → 00:58:37 โรคหัวใจเป็นน้อยลงนะครับหรืออย่างน้อย
00:58:37 → 00:58:40 คือไม่ได้เป็นมากขึ้นอันนี้ก็คือไม่มี
00:58:40 → 00:58:43 อันตรายต่อหัวใจอันนี้ชัวร์ๆนะส่วนดีต่อ
00:58:43 → 00:58:45 หัวใจเนี่ยมันขึ้นอยู่กับว่าคุณกินกาแฟ
00:58:45 → 00:58:48 แบบไหนกินมากน้อยแค่ไหนนะครับแล้วก็มีโรค
00:58:48 → 00:58:51 ประจำตัวอะไรอยู่หรือเปล่าแต่ที่แน่ๆมัน
00:58:51 → 00:58:53 จะดีต่อหัวใจเนี่ยต้องไม่ใช่กาแฟตามรูป
00:58:54 → 00:58:57 นี้นะฮะในรูปนี้ก็คือเป็นกาแฟที่มีทั้ง
00:58:57 → 00:59:02 การใส่นมนะครับใส่น้ำตาลใส่ครีมเทียมใส่
00:59:02 → 00:59:06 วิปครีมอันนี้ไม่ดีนะฮะกาแฟที่ตามงาน
00:59:06 → 00:59:09 วิจัยอ่ะดีต่อหัวใจคือเป็นกาแฟดำนะฮะที่
00:59:09 → 00:59:13 ไม่ใส่น้ำตาลไม่ใส่นมอันนี้คือเป็นกาแฟ
00:59:13 → 00:59:15 ที่ดีนะฮะดังนั้นเนี่ยถ้าเป็นกาแฟใส่นม
00:59:15 → 00:59:19 เนี่ยมันก็ดีตรงไหนตรงอร่อยดีใช่ไหมมัน
00:59:19 → 00:59:22 อร่อยก็กินได้บ้างนะครับแต่ก็อย่ากินเยอะ
00:59:22 → 00:59:25 มากเพราะเราก็จะได้พลังงานไปนะฮะได้ไขมัน
00:59:25 → 00:59:30 ไปนะครับก็อ่าถ้าพลังงานเยอะเกินไปเราก็
00:59:30 → 00:59:32 อ้วนใช่ไหมฮะได้น้ำตาลเยอะเกินไปก็ไม่ดี
00:59:32 → 00:59:36 ต่อร่างกายและไขมันจากนมข้นหวานหรือจาก
00:59:36 → 00:59:39 ครีมเทียมเยอะไปก็ไม่ดีต่อระดับไขมันใน
00:59:39 → 00:59:42 เลือดนะครับดังนั้นเนี่ยถ้าเป็นไปได้
00:59:42 → 00:59:44 เนี่ยถ้าแนะนำการกินกาแฟผมแนะนำให้กิน
00:59:44 → 00:59:47 กาแฟดำนะครับถ้าใครจะรับประทานถ้าใครจะ
00:59:47 → 00:59:48 กินกาแฟ
00:59:48 → 00:59:52 นี่ต้องมีคนผมถามว่ากาแฟดำมันไม่อร่อยเลย
00:59:52 → 00:59:56 เราจะแบบกินอย่างอื่นได้ไหมนะฮะบางคนก็จะ
00:59:56 → 01:00:00 บอกว่ากาแฟใส่น้ำผลไม้ได้ไหมใส่น้ำผึ้ง
01:00:00 → 01:00:03 ได้หรือเปล่านะฮะก็ตอบว่าได้ครับมันต้อง
01:00:03 → 01:00:06 ได้อยู่แล้วแหละเพราะว่ามันมันก็คืออาหาร
01:00:06 → 01:00:08 เนาะผลไม้ก็เป็นอาหารที่ดีใช่ไหมครับแต่
01:00:08 → 01:00:11 เพียงแต่ว่าก็ต้องเข้าใจว่าในผลไม้ที่ดีๆ
01:00:11 → 01:00:13 นั้นน่ะมันก็มีน้ำตาลซ่อนอยู่เหมือนกัน
01:00:13 → 01:00:16 ดังนั้นถ้าเราไปตรวจเลือดแล้วเราเป็นเบา
01:00:16 → 01:00:19 หวานหรือระดับน้ำตาลเริ่มสูงเนี่ยเราก็
01:00:19 → 01:00:22 กินได้เดี๋ยวก็จะกินไม่ควรกินเยอะนะฮะ
01:00:22 → 01:00:25 หรือดีที่สุดเนี่ยก็ไม่กินเลยนะครับอย่าง
01:00:25 → 01:00:29 ตัวผมเองเนี่ยก่อนหน้าที่จะอ่าปัจจุบัน
01:00:29 → 01:00:31 นี้เนี่ยต้องบอกก่อนว่าปัจจุบันนี้ผมกิน
01:00:31 → 01:00:32 กาแฟดำ
01:00:32 → 01:00:35 ไม่ใส่อะไรเลยน้ำตาลก็ไม่ใส่น้ำไซรัปก็
01:00:35 → 01:00:38 ไม่ใส่น้ำผึ้งก็ไม่ใส่นะครับ
01:00:38 → 01:00:41 อ่าตอนนี้รู้สึกว่ามันอร่อยดีนะครับสมัย
01:00:41 → 01:00:44 ก่อนเนี่ยผมกินกาแฟข้นๆเลยนะฮะไม่รู้ว่า
01:00:44 → 01:00:49 เพื่อนๆมีใครทันสมัยกาแฟบ้านไร่ในปตทบ้าง
01:00:49 → 01:00:49 ไหม
01:00:49 → 01:00:53 อ่ายุคไวโอเคต้องทานกาแฟบ้านไร่นะ
01:00:53 → 01:00:55 กาแฟบ้านไร่เนี่ยจะเป็นกาแฟที่อยู่ในปั๊ม
01:00:55 → 01:00:58 ปตทคล้ายๆ Amazon นะฮะแต่ว่ามันจะมีกาแฟ
01:00:58 → 01:01:01 เนื้อกาแฟที่เข้มข้นมากเลยนะฮะเข้มข้น
01:01:01 → 01:01:04 หวานมันมากเลยก็กินแล้วอร่อยมากผมก็หัด
01:01:04 → 01:01:07 กินกาแฟสดจากสมัยกาแฟบ้านไร่นั่นแหละครับ
01:01:07 → 01:01:12 ผมชอบมากเลยนะแต่ว่ากินไปกินมาแล้วมาตรวจ
01:01:12 → 01:01:14 เลือดแล้วพบว่าอุ๊ยโหไขมันมันเริ่มสูง
01:01:14 → 01:01:17 ระดับน้ำตาลมันเริ่มขึ้นผมก็เลยแล้วก็รวม
01:01:18 → 01:01:20 ถึงผมอ้วนขึ้นด้วยตอนกินกาแฟ
01:01:20 → 01:01:23 สดเยอะๆนะกาแฟใส่นมแบบนั้นน่ะ
01:01:23 → 01:01:27 พอผมอ้วนขึ้นผมก็พยายามลดน้ำหนักโดยการ
01:01:27 → 01:01:31 ที่อ่ะเราลองมากินกาแฟเป็นกาแฟดำหรือ
01:01:31 → 01:01:33 เรียกหรือเรียกอเมริกาโน่เนาะใส่น้ำตาลดู
01:01:33 → 01:01:36 บ้างนะฮะใส่น้ำหวานดูบ้างคือมันก็กินได้
01:01:36 → 01:01:39 นะฮะก็อร่อยดีหลังจากนั้นเนี่ยผมก็ค่อยๆ
01:01:39 → 01:01:43 ลดความหวานลงนะครับก็จะหวานปกติก็เริ่ม
01:01:43 → 01:01:46 เป็นหวาน 50% หวาน 25 จนในที่สุดก็มากิน
01:01:46 → 01:01:50 แบบกาแฟไม่ใส่อะไรเลยได้คือมันค่อยๆลดลง
01:01:50 → 01:01:53 มาได้นะฮะหลายๆคนเพื่อนๆหลายๆคนก็ทำได้
01:01:53 → 01:01:54 แบบผมนะครับหลัง
01:01:54 → 01:01:58 จากที่ผมได้คุยกันหลายๆคนผ่านทางการ
01:01:58 → 01:02:00 ประชุมหลายๆอย่างเนี่ยก็พบว่าหลายๆคน
01:02:00 → 01:02:03 เนี่ยปัจจุบันนี้หันมากินกาแฟดำไม่ใส่
01:02:03 → 01:02:06 อะไรเลยแบบผมเนี่ยเยอะมากนะครับแน่นอนคือ
01:02:06 → 01:02:09 ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพแน่นอนนะครับถ้า
01:02:09 → 01:02:13 เป็นกาแฟที่ไม่ใส่อะไรเลยนะครับแต่ถ้า
01:02:13 → 01:02:15 เกิดว่าใส่น้ำผึ้งใส่อะไรอย่างนี้ถ้าคน
01:02:15 → 01:02:18 ชอบก็นานๆกินทีได้นะครับแต่ไม่ใส่อะไรเลย
01:02:18 → 01:02:22 ดีที่สุดแล้วก็รวมถึงพวกเค้กที่อยู่ข้างๆ
01:02:22 → 01:02:25 เนี่ยก็นานๆกินทีก็จะดีเพราะว่าในพวกเค้ก
01:02:25 → 01:02:28 หรือเบเกอรี่เนี่ยเป็นตัวการหลักเลยที่ทำ
01:02:28 → 01:02:30 ให้ไขมันเลวหรือที่เรียกว่า abl ของเรา
01:02:30 → 01:02:31 ขึ้น
01:02:31 → 01:02:35 น้อยๆก็จะดีนะครับทีนี้กาแฟดำมันดีก็จริง
01:02:35 → 01:02:38 แต่ถ้าอะไรที่มากเกินไปมันก็ต้องไม่ดีนะ
01:02:38 → 01:02:41 ครับโดยที่ปริมาณสิ่งที่เรากลัวก็คือ
01:02:41 → 01:02:44 ปริมาณคาเฟอีนในกาแฟเนี่ยมันจะมากเกินไป
01:02:44 → 01:02:46 หรือเปล่าถ้ามากเกินไปเนี่ยมันก็จะ
01:02:46 → 01:02:49 อันตรายได้นะครับ
01:02:49 → 01:02:52 คาเฟอีนจริงๆแล้วไม่ได้มีอยู่เฉพาะในกาแฟ
01:02:52 → 01:02:55 นะครับในโค้กนะครับเครื่องดื่มโค้ก
01:02:55 → 01:02:59 เป๊ปซี่นะครับมีคาเฟอีนอยู่นะฮะใน
01:02:59 → 01:03:01 มิรินด้าเมาท์เทนดิวอะไรพวกนี้ก็มี
01:03:01 → 01:03:04 คาเฟอีนอยู่ลองลองดูข้างๆกล่องแต่ว่าตัว
01:03:04 → 01:03:06 โค้กเนี่ยโดยเฉลี่ยถ้าเป็นโค้กกระป๋อง
01:03:06 → 01:03:08 ใหญ่แบบที่เรากินสมัยก่อนเนี่ยก็จะมี
01:03:08 → 01:03:11 คาซินอยู่ประมาณ 40 ถ้าเป็นกระป๋องเล็กลง
01:03:11 → 01:03:13 นะฮะประมาณ 300
01:03:13 → 01:03:17 25 พวกนี้ก็จะมีอยู่ประมาณ 30 ก็จะไม่
01:03:17 → 01:03:20 ง่ายเลย 300 มีอยู่ 30 ก็คือประมาณ 10%
01:03:20 → 01:03:23 มิลลิกรัมมันก็อยู่ที่ประมาณ 10% นะครับ
01:03:23 → 01:03:27 ของตัว cc ของโค้งนะครับ
01:03:27 → 01:03:32 ส่วนในชาในชาแก้วนึงก็จะประมาณใกล้ๆโค้ก
01:03:32 → 01:03:35 ฮะประมาณ 40-50 มิลลิกรัมต่อชาที่เราชง
01:03:36 → 01:04:29 เนอะไม่ว่าจะเป็นชาเขียว
01:04:29 → 01:04:33 ส่วนกาแฟที่เป็นกาแฟดีคาสนะครับที่บอกว่า
01:04:33 → 01:04:36 ดีครับแปลว่ามันไม่มีคาเฟอีนเนอะแต่จริงๆ
01:04:36 → 01:04:38 แล้วคือเป็นมีคาเฟอีนอยู่นะแต่อยู่ใน
01:04:38 → 01:04:43 ปริมาณที่ต่ำกาแฟขจัดกำจัดคาเฟอีนออกก็
01:04:43 → 01:04:44 ยังเหลืออยู่บ้าง
01:04:44 → 01:04:47 ก็ 1 ถ้วยจะอยู่ประมาณ 3 มิลลิกรัมนะกาแฟ
01:04:48 → 01:04:51 ดีครับถ้าใครแพ้กาแฟกินกาแฟแล้วใจสั่นก็
01:04:51 → 01:04:54 ลองมากินกาแฟดีครับดูถ้ายังกินแล้วยังใจ
01:04:54 → 01:04:56 สั่นอยู่ก็ไม่แปลกเพราะว่าในดีครับก็ยัง
01:04:56 → 01:05:00 มีคาเฟอีนอยู่จริงไหมแต่ทีนี้ปริมาณที่
01:05:00 → 01:05:03 บอกเนี่ยมันเป็นปริมาณโดยประมาณเนาะแม้
01:05:03 → 01:05:05 แต่ในโค้กเนี่ยไดเอทโค้กก็จะมีปริมาณ
01:05:05 → 01:05:07 คาซีนมากกว่าโค้ก regular Coke นะครับ
01:05:08 → 01:05:11 เราจะเห็นว่าถ้าได้โค้กเนี่ยมาประมาณสัก
01:05:11 → 01:05:16 30 เนาะ 34 นะถ้าตามตามภาพถ้าเป็นเอ้ยขอ
01:05:16 → 01:05:18 โทษ regular Coke ประมาณ 3-4 Diet Code
01:05:18 → 01:05:22 ประมาณ 46 นะฮะก็เยอะกว่ากันประมาณนึง
01:05:22 → 01:05:25 เหมือนกันเนาะอ่าส่วนในกาแฟนะฮะกาแฟดำ
01:05:25 → 01:05:29 ถ้วยนึงเนี่ยมีปริมาณคาซีนอยู่เท่าไหร่นะ
01:05:29 → 01:05:32 ฮะไม่จำเป็นจะต้องเท่ากับ 150 ซีซีตามรูป
01:05:33 → 01:05:36 ที่ผมโชว์นะฮะบางทีมันก็ไม่เท่ากันเพราะ
01:05:36 → 01:05:39 ว่าปริมาณช็อตกาแฟและปริมาณน้ำที่เจือจาง
01:05:39 → 01:05:43 ลงไปแล้วก็ลักษณะของการชงเนี่ยมันก็จะไม่
01:05:43 → 01:05:47 เหมือนกันนะฮะยกตัวอย่างเช่น Starbucks
01:05:47 → 01:05:50 ใช่ไหมฮะถ้าเป็นโคบลูนะฮะก็คือสกัดเย็น
01:05:50 → 01:05:54 เนี่ยคาเฟอีนก็จะสูงกว่ากาแฟสตาร์บัคที่
01:05:54 → 01:05:58 สั่งเป็น americano ปกตินะครับแล้ว
01:05:58 → 01:06:01 อเมริกาโน่ปกติเนี่ยมันก็ยังมีหลายขนาด
01:06:01 → 01:06:05 อีกเนาะถ้าเราไปตามร้านกาแฟเนี่ยมันก็จะ
01:06:05 → 01:06:07 มีกาแฟถ้วยเล็กถ้วยกลางถ้วยใหญ่ให้เลือก
01:06:07 → 01:06:09 ในบางร้านใช่ไหมฮะ
01:06:09 → 01:06:12 อย่างในสตาร์บัคเนี่ยถ้าเป็นกาแฟถ้วยใหญ่
01:06:12 → 01:06:42 เลยแบบที่ผมกินเนี่ยอยู่ตอนนี้นะกาแฟ
01:06:42 → 01:07:05 [เพลง]
01:07:05 → 01:07:09 แต่อย่างที่บอกนะครับว่าปริมาณคาซีนมันมี
01:07:09 → 01:07:12 หลายปัจจัยนะครับในบางคนที่ไม่เคยกินกาแฟ
01:07:12 → 01:07:15 เลยแล้วมากินครั้งแรกเนี่ยบางทีบางทีกิน
01:07:15 → 01:07:19 แค่แก้วเล็กแก้วนึงเนี่ย 2 หรือ 2 แก้ว
01:07:19 → 01:07:21 เนี่ยก็ใจสั่นแล้วนะครับแต่อย่างผมเนี่ย
01:07:21 → 01:07:25 กินบ่อยใช่ไหมครับกินบ่อยบางทีวันนึงผม
01:07:25 → 01:07:28 กินแก้วใหญ่เนี่ย 2 หรือ 3 แก้วผมก็เฉยๆ
01:07:28 → 01:07:31 นะกลางคืนก็ยังหลับได้อยู่เลยนะครับดัง
01:07:31 → 01:07:33 นั้นเนี่ยตัวเลข 300 กับ 400 mg ต่อวัน
01:07:33 → 01:07:34 เนี่ย
01:07:34 → 01:07:37 300-400 ไม่เท่ากับว่าไม่ควรกินคาฟิน
01:07:37 → 01:07:39 เกินนั้นเนี่ยก็เป็นตัวเลขของคนโดยทั่วไป
01:07:39 → 01:07:41 เป็นตัวเลขโดยเฉลี่ยนะครับ
01:07:41 → 01:07:43 อ้าวแล้วคนที่เป็นโรคหัวใจเต้นเป็นจังหวะ
01:07:43 → 01:07:46 ล่ะไม่ควรจะกิน
01:07:46 → 01:07:50 เกินกี่มิลลิกรัมต่อวันนะครับตัวเลขก็คือ
01:07:50 → 01:07:52 ไม่มีตัวเลขค่ะ
01:07:52 → 01:07:55 อันนี้ต้องลองดูบางคนที่เป็นโรคหัวใจเต้น
01:07:55 → 01:07:58 จังหวะอยู่แล้วอาการควบคุมดีแล้วแล้วเรา
01:07:58 → 01:08:00 ก็ลองกินดูกินแก้วเล็กดูมันก็ไม่กำเริบ
01:08:00 → 01:08:04 อันเนี้ยเพื่อนๆก็สามารถกินได้เช่นวันนึง
01:08:04 → 01:08:06 อาจจะ 150 มิลลิกรัมต่อวันก็ต้องต้องทด
01:08:06 → 01:08:09 ลองดูแต่แบบว่าทดลองน้อยๆก่อนเนาะเฮ้ยถ้า
01:08:09 → 01:08:11 กินปริมาณนี้แล้วใจสั่นเราก็ต้องลดลงนะ
01:08:11 → 01:08:14 ครับหรือว่าไม่กินเลยจริงๆก็ดีที่สุดแต่
01:08:14 → 01:08:16 ถ้าถามว่าจะกินได้เท่าไหร่เนี่ยต้องทดลอง
01:08:16 → 01:08:18 ในแต่ละคนไม่เท่ากัน
01:08:18 → 01:08:21 แต่ในคนที่เป็นโรคหัวใจอยู่ใหม่ๆเลยเพิ่ง
01:08:21 → 01:08:23 เป็นเลยเริ่มยังมีอาการใจสั่นอยู่แล้วยัง
01:08:23 → 01:08:26 ไม่ได้ตรวจอันนี้แนะนำว่าให้หยุดไปก่อนรอ
01:08:26 → 01:08:29 จนตรวจดูก่อนว่าหัวใจได้ประโยชน์ของเรา
01:08:29 → 01:08:31 เนี่ยมันไม่ได้รุนแรง
01:08:31 → 01:08:33 ไม่ได้เป็นโรครุนแรงแล้วพอได้กาแฟไป
01:08:33 → 01:08:36 กระตุ้นเนี่ยเราจะไม่เป็นอะไรแน่ๆเราค่อย
01:08:36 → 01:08:38 ๆกินนะครับดังนั้นเนี่ยถ้าเป็นในช่วง
01:08:38 → 01:08:41 กำเริบหรือเป็นในช่วงที่ยังไม่ได้ตรวจ
01:08:41 → 01:08:44 รักษาเนี่ยก็แนะนำให้งดไปก่อนแต่ถ้าเกิด
01:08:44 → 01:08:46 ตรวจรักษาแล้วอาการดีขึ้นแล้วโอเคจะกลับ
01:08:46 → 01:08:50 มากินก็ขึ้นอยู่กับว่าโรคหัวใจมีแบบเต้น
01:08:50 → 01:08:52 ผิดจังหวะตัวนั้นเนี่ยมันเป็นมากเป็นน้อย
01:08:52 → 01:08:55 เป็นชนิดไหนก็ถามคุณหมอของเพื่อนๆดูแต่
01:08:55 → 01:08:58 โดยทั่วไปเนี่ยคือกาแฟไม่ได้ทำให้เกิดโรค
01:08:58 → 01:09:01 หัวใจนะครับแต่กาแฟเนี่ยกระตุ้นให้หัวใจ
01:09:01 → 01:09:05 มันเต้นเร็วดังนั้นเนี่ยถ้าคนที่เป็นหัว
01:09:05 → 01:09:07 ใจที่จังหวะเนี่ยแล้วพ่อหัวใจเต้นเร็วบาง
01:09:07 → 01:09:11 ทีมันกำเริบได้นะฮะนี่ก็เป็นคำตอบของโรค
01:09:11 → 01:09:14 หัวใจเต้นผิดจังหวะกับกาแฟ
01:09:14 → 01:09:19 อ่ามาถึงตัวนี้บ้างประเด็นฮอตอีกอันนึงนะ
01:09:19 → 01:09:21 ครับก็คือ
01:09:21 → 01:09:23 กัญชานะครับกัญชา
01:09:23 → 01:09:26 โอเคผมว่า
01:09:26 → 01:09:30 โดยส่วนใหญ่เนี่ยถ้าเราเป็นคนที่ไม่ได้
01:09:30 → 01:09:34 สูบบุหรี่ไม่ได้แบบใช้ยาเสพติดอยู่แล้ว
01:09:34 → 01:09:36 เนี่ยเรามักไม่ค่อยอยากจะลองกันเท่าไหร่
01:09:36 → 01:09:39 หรอกนะอย่างตัวผมเองเนี่ยก็แค่ลองนะก็คือ
01:09:39 → 01:09:42 แบบว่าเพื่อจะได้บอกคนไข้ได้ว่ากินแล้ว
01:09:42 → 01:09:44 มันเป็นยังไงเนาะซึ่งตัวผมเองกินแล้วก็
01:09:44 → 01:09:49 เฉยๆนะไม่รู้สึกอะไรนะแต่ในคนปกตินะถ้าจะ
01:09:49 → 01:09:51 เอาไปใช้ประกอบอาหารเนี่ยคือใบยังไม่ควร
01:09:51 → 01:09:55 เกิน 3-4 ใบต่อวันนะครับ
01:09:55 → 01:09:58 ต่อวันเลยนะคือไม่ใช่กินไปเปล่าๆนะคือเอา
01:09:58 → 01:10:01 ไปต้มในน้ำเนี่ยเช่นเอาไปใส่แกงหรือใส่
01:10:01 → 01:10:04 อะไรเนี่ยใส่ต้มหรือใส่ก๋วยเตี๋ยวเนี่ยก็
01:10:04 → 01:10:07 ในไม่ควรเกิน 3-4 ใบนะครับเยอะกว่านั้น
01:10:07 → 01:10:10 ไม่ดีแน่ๆนะครับหรือไม่กินเลยก็ดีที่สุด
01:10:10 → 01:10:13 นะครับเพราะว่ากัญชาเนี่ยเอาไปให้คุณหมอ
01:10:13 → 01:10:15 เขาใช้เป็นสารสกัดของมันและใช้ทางการ
01:10:15 → 01:10:19 แพทย์อย่างเดียวพอนะครับเพราะว่าถ้าใช้
01:10:19 → 01:10:21 โดยไม่รู้ในบางคนแพ้กัญชาเนี่ยมันก็อาจจะ
01:10:21 → 01:10:25 เกิดอาการโรคหัวใจได้นะครับแล้วก็ทำให้
01:10:25 → 01:10:28 โรคหัวใจกำเริบได้เช่นกันมีการศึกษาชัด
01:10:28 → 01:10:31 เจนเลยว่ากัญชากับหัวใจเนี่ยไม่ดีแน่นอน
01:10:31 → 01:10:34 ส่งผลดีต่อหัวใจดังนั้นเนี่ยโอเคถ้าไม่
01:10:34 → 01:10:37 ได้มีโรคหัวใจซ่อนอยู่จะใช้แล้วแต่แล้ว
01:10:37 → 01:10:41 แต่ท่านแล้วแต่ท่านนะฮะแต่ว่าถ้ามีโรคหัว
01:10:41 → 01:10:44 ใจอยู่ไม่ว่าจะเป็นเส้นเลือดตีบนะครับหัว
01:10:44 → 01:10:47 ใจทำงานน้อยลงนะครับในโลกหัวใจวายนะครับ
01:10:47 → 01:10:49 หรือหัวใจที่จังหวะผมไม่แนะนำทั้งนั้นเลย
01:10:49 → 01:10:53 โอเคสรุปว่าถ้าเป็นโรคหัวใจไม่ควรกินถ้า
01:10:53 → 01:10:55 ไม่ได้เป็นโรคหัวใจอยากจะใช้ก็ไม่แนะนำ
01:10:55 → 01:10:58 ให้ใช้อยู่ดีแต่ถ้าอยากจะใช้ก็ไม่ควรใช้
01:10:58 → 01:11:01 เยอะเกินไปนะครับเพราะมันมีอันตรายมัน
01:11:01 → 01:11:03 เป็นสารเสพติดเนาะโดยส่วนตัวเนี่ยผมไม่
01:11:03 → 01:11:07 รู้นะว่าว่าเขาคิดกันยังไงแต่ว่าโดยส่วน
01:11:07 → 01:11:10 ตัวเนี่ยผมคิดว่ากัญชาเนี่ยมันเป็นประตู
01:11:10 → 01:11:13 เปิดไปสู่ยาเสพติดโรคอื่นคือพอลองกัญชา
01:11:13 → 01:11:15 แล้วเนี่ยมันจะอยากไปลองอันนู้นอันนี้
01:11:15 → 01:11:17 เหมือนมีความกล้าในการลองมากขึ้นเหมือน
01:11:17 → 01:11:20 ถ้าเป็นคนรุ่นผมจะรู้จักน้ำพุเนาะจะมี
01:11:20 → 01:11:23 หนังเรื่องน้ำพุน้ำพุเนี่ยก็เริ่มเริ่ม
01:11:23 → 01:11:27 ใช้กัญชาเป็นอันแรกนะก่อนจะไปสู่ยาเสพติด
01:11:27 → 01:11:29 ที่รุนแรงอื่นไม่ว่าจะเป็นแอมเฟตามีน
01:11:29 → 01:11:32 เฮโรอีนน้ำพุเริ่มใช้กัญชาก่อนดังนั้น
01:11:32 → 01:11:36 กัญชาเป็นตัวเปิดประตูไปสู่ยาเสพติดอื่นๆ
01:11:36 → 01:11:39 ดังนั้นไม่แนะนำให้เริ่มใช้ซะด้วยซ้ำนะ
01:11:39 → 01:11:42 ครับ
01:11:42 → 01:11:45 เพราะว่าคนที่ใช้กัญชาแล้วบางทีไม่รู้
01:11:45 → 01:11:48 หรอกว่าใช้แล้วอ่ะมันจะ Overdose ไหมก็มี
01:11:48 → 01:11:50 รายงานเสียชีวิตหรือว่าเข้าโรงพยาบาลเข้า
01:11:50 → 01:11:55 ICU อยู่เรื่อยๆนะเรื่อยๆนะครับก็อย่าง
01:11:55 → 01:11:57 ภาพก็เป็นรายงาน
01:11:57 → 01:12:00 ตามโรงพยาบาลต่างๆนะครับมีเสียชีวิตมี
01:12:00 → 01:12:04 ต้องใส่ท่อช่วยหายใจนะครับอายุ 16 ปี 17
01:12:04 → 01:12:07 ปีเองนะก็มีเห็นไหมไม่จำเป็นต้องเป็นอายุ
01:12:07 → 01:12:09 มากเลยนะ
01:12:09 → 01:12:12 เรื่องอาหารการกินแล้วนะครับมาถึงเรื่อง
01:12:12 → 01:12:13 การออกกำลังกายบ้าง
01:12:13 → 01:12:16 เรื่องวิ่งนะครับวิ่งยังไงให้ดีต่อหัวใจ
01:12:16 → 01:12:19 แล้วถ้าเราเป็นโรคหัวใจเราจะวิ่งได้ไหม
01:12:19 → 01:12:22 แล้วตอนนี้เราจะสั่นอยู่เราควรจะวิ่งได้
01:12:22 → 01:12:28 แค่ไหนหรือวิ่งแล้วมันปลอดภัยหรือเปล่านะ
01:12:28 → 01:12:30 ปกติถ้าคุยกับนักวิ่งเนี่ย
01:12:30 → 01:12:34 นักวิ่งเขาก็จะชำนาญมากเลยในการดูเพลสดู
01:12:34 → 01:12:36 heart rate Zone ใช่ไหมฮะซึ่งใน heart
01:12:36 → 01:12:40 rate Zone เนี่ยในทางคือในส่วนตัวเนี่ย
01:12:40 → 01:12:43 PS มันจะใช้ดูว่าเราวิ่งเร็วแค่ไหนซึ่ง
01:12:43 → 01:12:46 โดยส่วนตัวเนี่ยผมคิดว่ามันไม่สำคัญมาก
01:12:46 → 01:12:49 เพราะการวิ่งเร็ววิ่งช้าเนี่ยมันขึ้นอยู่
01:12:49 → 01:12:51 กับความฟิตว่า heart rate ส่วนมันจะขึ้น
01:12:51 → 01:12:53 เร็วแค่ไหนดังนั้นสิ่งที่สำคัญในทางการ
01:12:53 → 01:12:55 แพทย์เนี่ยจะแนะนำเรื่อง heart rate
01:12:55 → 01:12:58 Zone เป็นหลักนะครับโดยที่แต่ละโซนเนี่ย
01:12:58 → 01:13:01 มันก็จะมีประโยชน์ต่างกันแล้วก็คำแนะนำก็
01:13:01 → 01:13:03 จะต่างกันด้วยนะครับ
01:13:03 → 01:13:06 ทีนี้เราจะรู้ได้ไงว่า heart rate ตัว
01:13:06 → 01:13:09 เราเท่าไหร่ปัจจุบันก็จะใช้นาฬิกานะครับ
01:13:09 → 01:13:12 smart watch ก็จะช่วยบอกชีพจรได้อย่าง
01:13:12 → 01:13:14 ดีแต่อย่างที่บอกว่า Smart Watch เนี่ย
01:13:14 → 01:13:17 มี Error เยอะมากนะเพราะว่าเราตอนเพราะ
01:13:17 → 01:13:19 เวลาเราออกกำลังกายเนี่ยบางที smart
01:13:19 → 01:13:22 watch มันหลวมหรือว่าเราใส่ไม่แน่นหรือ
01:13:22 → 01:13:25 ว่ามีเหงื่อพอเรามีเหงื่อเนี่ยทำให้ตัว
01:13:25 → 01:13:30 อ่าตัวเซ็นเซอร์เนี่ยมันมีการ Error ได้
01:13:30 → 01:13:32 ง่ายเวลาเรามีเหงื่อออกเยอะยิ่งในคนที่มี
01:13:32 → 01:13:35 ขนเยอะๆเนี่ยแนะนำว่าถ้าจะเอา smart
01:13:35 → 01:13:37 watch ให้ Accurate เนี่ยนะครับให้ให้ผล
01:13:37 → 01:13:40 มันเที่ยงตรงเนี่ยโกนขนบริเวณที่เราใส่
01:13:40 → 01:13:42 Smart Watch เนี่ยมันก็จะทำให้
01:13:42 → 01:13:46 การวัดค่าต่างๆออกมาได้แม่นยำขึ้นนะครับ
01:13:46 → 01:13:49 ก็ smart watch ก็จะเป็นตัวช่วยว่าชีพจร
01:13:49 → 01:13:53 เราเต้นเท่าไหร่เพราะว่าขณะวิ่งแน่นอนเรา
01:13:53 → 01:13:56 มาจับชีพจรก็อาจจะไม่ไม่ไอ้นี่เท่าไหร่
01:13:56 → 01:13:58 เนาะก็ถ้าออกกำลังกายเดี๋ยวนี้มันนอกจาก
01:13:58 → 01:14:00 Smart Watch แล้วเนี่ยมันก็จะมีตัว
01:14:00 → 01:14:04 Smart Smart Band เนาะถ้าเราเอาแค่วัด
01:14:04 → 01:14:06 ชีพจร Smart Band ก็ง่ายแล้วก็ราคาถูก
01:14:06 → 01:14:09 ด้วยพันกว่าบาทก็ได้ยี่ห้อดีๆแล้วนะแต่
01:14:09 → 01:14:14 แนะนำว่าคนซื้อยี่ห้อดีๆนะเพราะว่ามันแพง
01:14:14 → 01:14:15 กว่ากันไม่เยอะแต่ว่าความ Error มันน้อย
01:14:15 → 01:14:18 กว่าปัจจุบันนี้ก็มีคนเอาข้อมูลของ smart
01:14:18 → 01:14:23 watch มาให้ผมผิดปกติแล้วมามาปรึกษาผม
01:14:23 → 01:14:26 เยอะมากนะครับเยอะมาก
01:14:26 → 01:14:30 โอเค heart rate Zone นะครับอันนี้ผม
01:14:30 → 01:14:32 สรุปไว้ให้แล้วว่า heart rate Zone ของ
01:14:32 → 01:14:34 เราเนี่ยแบบไหนที่
01:14:34 → 01:14:38 เหมาะกับคนไหนนะครับส่วนที่ 1 เนี่ยก็คือ
01:14:38 → 01:14:41 หัวใจเต้นอยู่ประมาณ 50 - 60% ของ
01:14:41 → 01:14:43 Maximum heart rate
01:14:43 → 01:14:47 Max คืออะไรเดี๋ยวผมเล่าให้ฟังก็คือทำ
01:14:47 → 01:14:51 งานอยู่ประมาณครึ่งนึงของการทำงานของหัว
01:14:51 → 01:14:53 ใจเต็มที่ของเราเนี่ยอันนี้เราเรียกว่า
01:14:53 → 01:14:56 โซน 1 นะครับก็เป็นโซนที่สำหรับคนที่แบบ
01:14:57 → 01:15:00 พึ่งอาจจะเพิ่งป่วยหนักมาหรือพื้นหลังผ่า
01:15:00 → 01:15:02 ตัดเสร็จนะครับเพื่อที่จะช่วยฟื้นฟูร่าง
01:15:02 → 01:15:06 กายกระตุ้นให้เลือดลมไหลเวียนดีก็ยกตัว
01:15:06 → 01:15:08 อย่างเช่นการเดินในสวนเดินช้าๆอย่างนี้นะ
01:15:09 → 01:15:12 ครับเดินต่อเนื่องนะครับเกิน 15 นาที 20
01:15:12 → 01:15:15 นาทีขึ้นไปอันนี้ก็จะช่วยฟื้นฟูร่างกาย
01:15:15 → 01:15:19 ให้เลือดให้เลือดลมไหลเวียนดีนะครับก็จะ
01:15:19 → 01:15:22 เป็นตัวโซนหนึ่งส่วนโซน 2 นี้ก็คือเกิน
01:15:22 → 01:15:26 60% ขึ้นไปนะครับก็ในโซน 2 เนี่ย 60-70%
01:15:26 → 01:15:30 เนี่ยจะเป็นโซนที่จะช่วยเผาผลาญไขมันออก
01:15:30 → 01:15:32 จากร่างกายได้ดีนะฮะแล้วเราเพราะว่าเรา
01:15:32 → 01:15:34 สามารถที่จะออกกำลังกายในโซน 2 เนี่ยได้
01:15:34 → 01:15:36 นานนะฮะโดยเฉพาะนานเกินครึ่งชั่วโมงขึ้น
01:15:36 → 01:15:40 ไปนะฮะแนะนำประมาณถ้าใครจะเบิร์นเนี่ยแนะ
01:15:40 → 01:15:44 นำประมาณ 30-60 นาทีก็จะช่วยเบิร์นช่วยลด
01:15:44 → 01:15:46 น้ำหนักได้ดีนะครับในส่วนของ
01:15:46 → 01:15:49 ส่วนในโซน 3 เนี่ยจะเป็นแอโรบิคโซน
01:15:49 → 01:15:53 แอโรบิคก็คือการออกกำลังกายที่ช่วยให้หัว
01:15:53 → 01:15:56 ใจแข็งแรงนั่นเองนะฮะก็จะดีต่อสุขภาพของ
01:15:56 → 01:15:58 ทั้งปอดแล้วก็หัวใจโดยที่โซนของแอโรบิค
01:15:58 → 01:16:01 เนี่ยปล่อยจะเต้นอยู่ประมาณ 70-80% ของ
01:16:01 → 01:16:07 แม็กฮัสเลสนะครับโดยที่
01:16:07 → 01:16:10 การออกกำลังกายแบบแอโรบิคให้ได้
01:16:10 → 01:16:14 เพิ่มความฟิตแล้วก็ดีต่อหัวใจเนี่ยก็ต้อง
01:16:14 → 01:16:16 ออกกำลังกายเกิน 15 นาที
01:16:16 → 01:16:21 ขึ้นไปนะครับ 15-20 นาทีขึ้นไปนะครับโดย
01:16:21 → 01:16:23 เฉลี่ยก็จะอยู่ที่ประมาณ 30 นาทีเนี่ย
01:16:23 → 01:16:26 ค่อยๆเพิ่มนะไม่ใช่ออกครั้งแรกใน 30 นาที
01:16:26 → 01:16:29 เลยไม่ใช่ครั้งแรกก็ 10 นาทีก่อนแล้วค่อย
01:16:29 → 01:16:31 เป็น 15 เป็น 20 แล้วก็ค่อยๆเพิ่มขึ้นนะ
01:16:31 → 01:16:34 จนถึงประมาณ 30 เนี่ยก็จะได้ตัวแอโรบิค
01:16:34 → 01:16:36 Exercise แล้วจริงๆว่าคำว่าแอโรบิคเนี่ย
01:16:36 → 01:16:38 ไม่จำเป็นต้องวิ่งอย่างเดียวนะแอโรบิค
01:16:38 → 01:16:40 เนี่ยไม่จำเป็นต้องเป็นการวิ่งหรือเต้น
01:16:40 → 01:16:43 แอโรบิคนะฮะคำว่าแอโรบิคคือการออกกำลัง
01:16:43 → 01:16:44 กายของ
01:16:44 → 01:16:47 กล้ามเนื้อมัดใหญ่ๆของร่างกายเราอาจจะใช้
01:16:47 → 01:16:51 การขี่จักรยานนะครับก็เป็นใช้กล้ามเนื้อ
01:16:51 → 01:16:55 ขามัดใหญ่หรือการว่ายน้ำก็จะเป็นการใช้
01:16:55 → 01:16:57 กล้ามเนื้อขามัดใหญ่ได้เช่นกันนะครับก็จะ
01:16:57 → 01:17:00 เป็นแอโรบิคเหมือนกันไม่จำเป็นจะต้องวิ่ง
01:17:00 → 01:17:02 อย่างเดียวนะ
01:17:02 → 01:17:04 โซนต่อมาอันเนี้ยเริ่มเป็นสีส้มแล้วไม่
01:17:04 → 01:17:07 ค่อยดีเป็นโซนอันตรายมากขึ้นนะครับก็คือ
01:17:07 → 01:17:10 อ่าในทางการวิ่งเราเรียกว่า Temple Zone
01:17:10 → 01:17:12 ตอนนี้ก็ไม่ได้แนะนำให้วิ่งแบบต่อเนื่อง
01:17:12 → 01:17:13 นะ
01:17:13 → 01:17:16 เพราะว่าในในคนทั่วไปนะฮะแต่ถ้าเกิดว่าใน
01:17:16 → 01:17:18 นักกีฬาที่จะต้องการเพิ่มความแข็งแรง
01:17:18 → 01:17:22 เนี่ยเราก็จะมีสูตรการวิ่งแบบ tempo อยู่
01:17:22 → 01:17:24 เพื่อเพิ่มความแข็งแรงโดยที่ heart rate
01:17:24 → 01:17:27 ก็จะขึ้นมาถึงระดับ 8 ถึง 90 ของ Max
01:17:27 → 01:17:29 Hard Rate เลยนะ
01:17:29 → 01:17:32 ส่วนสุดท้ายก็เรียกว่าโซน 5 เป็น Red
01:17:32 → 01:17:34 Zone ที่เราเรียกว่า Sprint Zone อัน
01:17:34 → 01:17:37 นี้แนะนำเฉพาะนักกีฬาอาชีพเท่านั้นนะ
01:17:37 → 01:17:39 เพราะ heart rate ไปแตะ 100% ในคนที่
01:17:39 → 01:17:41 ร่างกายไม่พร้อมเนี่ยมีอันตรายได้ครับอาจ
01:17:42 → 01:17:46 จะเป็นลมเป็นหัวใจวายได้วูบได้หมดสติได้
01:17:46 → 01:17:50 เลยในบางคนเนาะแล้วก็เป็นโซนที่โซน 4 โซน
01:17:50 → 01:17:53 5 เนี่ยถ้าเราไป Touch มันบ่อยๆเนี่ยแบบ
01:17:53 → 01:17:56 ต่อเนื่องนานเกินไปมีหลักฐานทั้งงานวิจัย
01:17:56 → 01:17:59 ชัดเจนเลยว่าเพิ่มการเกิดโรคหัวใจเต้นผิด
01:17:59 → 01:18:02 จังหวะโดยเฉพาะโรคหัวใจ AF นะครับดังนั้น
01:18:02 → 01:18:04 เนี่ยถ้าออกกำลังกายเพื่อสุขภาพจริงๆแนะ
01:18:04 → 01:18:08 นำแค่ถึงโซน 3 พอนะครับ
01:18:08 → 01:18:12 การไปวิ่งมาราธอนในนักกีฬาอาชีพเนี่ยไม่
01:18:12 → 01:18:15 ใช่การออกกำลังกายเพื่อสุขภาพนะแต่มันคือ
01:18:15 → 01:18:18 การแข่งขันกีฬาสำหรับนักกีฬาที่เขาจะฝึก
01:18:18 → 01:18:21 เพื่อแข่งขันเท่านั้นนะฮะจริงๆแล้วอ่ะมัน
01:18:21 → 01:18:23 มีงานวิชาชีพกันว่าออกกำลังกายมากเกินไป
01:18:23 → 01:18:27 มันทำให้เกิดปัจจัยที่มีจังหวะได้ในคนที่
01:18:27 → 01:18:31 เป็นนักวิ่งมาราธอนก็พบว่ามีการเกิดหัวใจ
01:18:31 → 01:18:35 เต้นมีจังหวะไอ้แบบ AF เนี่ยมากกว่าคน
01:18:35 → 01:18:38 ทั่วไปที่ไม่ได้ออกกำลังกายมากนักนะครับ
01:18:38 → 01:18:41 ดังนั้นออกกำลังกายเยอะเกินไปไม่ดีนะ
01:18:41 → 01:18:45 เปรียบเทียบง่ายๆผมมักจะเล่าให้คนไข้ผม
01:18:45 → 01:18:48 ฟังเสมอนะครับว่าหรือว่าเพื่อนๆผมฟังเสมอ
01:18:48 → 01:18:52 ว่าเวลาเราขับรถเนี่ยไปเชียงใหม่สมมุติ
01:18:52 → 01:18:55 ว่ารถเรามันขับได้สัก 180 เราจะเหยียบ 180
01:18:55 → 01:18:58 ไปตลอดทางไม่สมมุติว่าสมมุติว่ามันเหยียบ
01:18:58 → 01:19:00 ได้นะคือสมมุติว่าถนนของบ้านเราเป็น
01:19:00 → 01:19:02 ออโต้บาห์เหมือนที่เยอรมันแล้วกันสามารถ
01:19:02 → 01:19:04 ขับ 180 ได้ด้วยปลอดภัยเนี่ยแล้วกฎหมาย
01:19:04 → 01:19:07 ไม่ผิดกฎหมายเนี่ยเราจะเหยียบรถเรา 180
01:19:07 → 01:19:11 ค้างไปเลยตั้งแต่กรุงเทพฯถึงเชียงใหม่ไหม
01:19:12 → 01:19:14 เราก็ยังกลัวรถเราพังเลยเนาะกลัวเครื่อง
01:19:14 → 01:19:16 ยนต์มันจะร้อนเกินไปเกิดเครื่องยนต์มันจะ
01:19:16 → 01:19:19 พังดังนั้นเนี่ยหัวใจเราก็เหมือนกันการ
01:19:19 → 01:19:21 ที่เราจะให้ heart rate มาแตะ Red Zone
01:19:21 → 01:19:23 ตลอดเวลาต่อเนื่องเป็นเวลานานๆเนี่ยมัน
01:19:24 → 01:19:26 ไม่ดีต่อหัวใจแน่นอนนะฮะอันนี้มันเป็น fax
01:19:26 → 01:19:29 อยู่แล้วนะครับดังนั้นเนี่ยถ้าเราออก
01:19:29 → 01:19:31 กำลังกายแล้วผมก็แนะนำว่าไม่ควรเกิน 80%
01:19:31 → 01:19:36 เนาะของ Mac เนี่ยจะดีต่อหัวจ่ายนะครับ
01:19:36 → 01:19:38 อ่ะทีนี้ Max heart rate ของเราคืออะไร
01:19:38 → 01:19:41 อะไรคือหัวใจ Maximum ก็แปลว่าสูงสุดเนาะ
01:19:41 → 01:19:44 heart rate ก็คือฮาร์ดเทอมหัวใจเรทคือ
01:19:44 → 01:19:47 อัตราใช่ไหมครับแม้กระทั่งเด็กก็คืออัตรา
01:19:47 → 01:19:49 การเต้นของหัวใจหรือว่าชีพจรสูงสุดของเรา
01:19:49 → 01:19:50 นะครับ
01:19:50 → 01:19:54 มีหลักการคิดง่ายๆจริงๆมีการคิดอยู่หลาย
01:19:54 → 01:19:57 แบบแต่ว่าการคิดที่ทางการแพทย์ใช้แล้วก็
01:19:57 → 01:20:01 ง่ายมากก็คือเอาตัวเลข 220 เนี่ยตั้งแล้ว
01:20:01 → 01:20:05 ก็ลบด้วยอายุนะฮะเช่นถ้าตัวผมตัวผม 45 นะ
01:20:05 → 01:20:08 ปีนี้เอาตัวเลขกลมๆแล้วกันอยากเบรคก็ใช้
01:20:08 → 01:20:12 ตัวเลข 40 ดังนั้นถ้าเอา 220 ลบด้วย 40
01:20:12 → 01:20:14 เนี่ยมันก็จะเหลือ 180
01:20:14 → 01:20:17 อันนี้คือ Max heart rate เวลาออกกำลัง
01:20:17 → 01:20:20 กายไม่ใช่ผมก็จะไม่ใช้ตัวเลข 180 นะ 180
01:20:20 → 01:20:23 นี่คือ Red Zone และ 100% ไม่ควรเกิน
01:20:23 → 01:20:26 นั้นผมจะออกกำลังกายแค่อยู่ในช่วงประมาณ
01:20:26 → 01:20:30 7-80% นะฮะอ่าเราก็จะมาดูตามตารางของคิด
01:20:30 → 01:20:33 ไว้ให้แล้วเนาะในอายุ 40 ใช่ไหมชีพจรสูง
01:20:33 → 01:20:39 สุด 180 นะครับ 60% คือ 108 80% คือ 144
01:20:39 → 01:20:41 ดังนั้นเนี่ยชีพจรของผมก็ไม่ควรเกิน
01:20:41 → 01:20:45 140-150 นะฮะก็คือไม่ควรเกิน 80 กว่า
01:20:45 → 01:20:48 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไปนั่นเองนะอันนี้ก็คือ
01:20:48 → 01:20:51 อ่าเป็นการคิด Max heart rate นะครับ
01:20:51 → 01:20:54 โอเคเดี๋ยวเพื่อนๆก็จะได้เอาไปใช้เนาะ
01:20:54 → 01:20:58 ในตอนแรกๆก็สรุปแรกๆก็แนะนำให้ออกกำลัง
01:20:58 → 01:21:01 กายแค่โซน 1 โซน 2 ก่อนพอแข็งแรงขึ้นก็
01:21:01 → 01:21:04 เริ่มมาเข้าโซน 3 แล้วก็ระยะเวลาก็ค่อยๆ
01:21:04 → 01:21:07 นานขึ้นเรื่อยๆนะครับแต่ระยะเวลาเนี่ย
01:21:07 → 01:21:12 คือถ้าเราออกโซน 3 ได้เกิน 10-15 นาทีต่อ
01:21:12 → 01:21:14 วันเนี่ยก็จะช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจ
01:21:14 → 01:21:15 ได้เยอะเลยนะ
01:21:15 → 01:21:19 ตามตัวเลขคือลดให้ถึงประมาณ 50% เลยแหละ
01:21:19 → 01:21:22 นะครับแล้วก็ถ้าเกิดว่าเราออกกำลังกายถึง
01:21:22 → 01:21:26 30 นาทีเนี่ยสมองเราก็จะมีการสร้าง
01:21:26 → 01:21:29 ฮอร์โมนแห่งความสุขที่เรียกว่าฮอร์โมน
01:21:29 → 01:21:32 เอ็นโดฟินนะฮะที่ช่วยสร้างความสุขนะครับ
01:21:33 → 01:21:37 ให้กับร่างกายของเรามันก็เลยมีคนที่ว่า
01:21:37 → 01:21:40 เฮ้ยทำไมออกกำลังกายแล้วเราอยากออกอีกนะ
01:21:40 → 01:21:44 ครับมันติดกีฬาก็คือสมองเราถูกกระตุ้นให้
01:21:44 → 01:21:46 สร้างฮอร์โมนแห่งความสุขขึ้นมานั่นเองนะ
01:21:46 → 01:21:50 ครับส่วนถ้าเกิดว่าเราออกกำลังกายโซน 2
01:21:50 → 01:21:52 เนี่ยได้ถึง 45 นาที
01:21:52 → 01:21:53 [เพลง]
01:21:53 → 01:21:56 หรือบางคนก็คือเป็นชั่วโมงเลยก็ได้เพราะ
01:21:56 → 01:21:59 ว่าโซน 2 มันหัวใจเต้นไม่เร็วเนาะเดี๋ยว
01:21:59 → 01:22:02 ช่วยให้ร่างกายเผาผลาญดีเบิร์นดีร่างกาย
01:22:02 → 01:22:04 เราเนี่ยหลังจากหยุดวิ่งนะก็ยังมีการ
01:22:04 → 01:22:07 เบิร์นต่อได้อีกนะก็ตัวนี้จะเป็นช่วยให้
01:22:07 → 01:22:11 ร่างกายเผาผลาญเบอร์นี้ดีนะครับก็ถ้าถึง 1
01:22:11 → 01:22:12 ชั่วโมงเนี่ยก็พบว่าเราเผาผลาญได้ถึงวัน
01:22:12 → 01:22:14 ละ 1,000 แคลอรี่เลยนะ
01:22:14 → 01:22:17 แล้วก็หัวใจกับระบบไหลเวียนเลือดก็จะแข็ง
01:22:17 → 01:22:20 แรงขึ้นด้วยก็จะเป็นประโยชน์ต่อของการออก
01:22:20 → 01:22:23 กำลังกายแบบอารบิกนะครับไม่รวมไม่เฉพาะ
01:22:23 → 01:22:26 การวิ่งนะขี่จักรยานว่ายน้ำเต้นแอโรบิค
01:22:26 → 01:22:28 หรือว่าออกกำลังอันอื่นที่ใช้กล้ามเนื้อ
01:22:28 → 01:22:31 มัดใหญ่ไม่ว่าจะเป็นการเล่นฟุตบอลการตี
01:22:31 → 01:22:35 เทนนิสของผมชอบตีเทนนิสนะก็จะดีต่อหัวใจ
01:22:35 → 01:22:36 ด้วยนะ
01:22:36 → 01:22:40 โอเคนะครับพอเราอายุเยอะขึ้นเราก็ต้อง
01:22:40 → 01:22:42 เลือกการออกกำลังกายให้เหมาะสมกับตัวเรา
01:22:42 → 01:22:45 เนาะก็ใช้เป็นการเดินวิ่งในสวนแล้วก็
01:22:45 → 01:22:50 เหมาะในช่วง pm2.5 ก็อาจจะมาเดินวิ่งในใน
01:22:50 → 01:22:56 เครื่องในลู่วิ่งบ้างก็ก็น่าจะดีเพราะว่า
01:22:56 → 01:22:58 เราเปิดเครื่องฟอกอากาศได้ใช่ไหมแต่ช่วง
01:22:58 → 01:23:01 ไหน PM แรงๆก็ไม่แนะนำให้ออกกำลังกายกัน
01:23:01 → 01:23:04 แจ้งนะครับถ้าเกิดว่าเราออกกำลังกายอยู่
01:23:04 → 01:23:06 นะครับหรือว่าวิ่งอยู่เนี่ยแล้วมันมี
01:23:06 → 01:23:09 อาการเจ็บแน่นหน้าอกหรือว่ามีอาการผิด
01:23:09 → 01:23:11 ปกติเช่นเหนื่อยง่าย
01:23:11 → 01:23:13 แบบเราเคยวิ่งได้
01:23:13 → 01:23:16 2 กิโลโดยไม่เหนื่อยแต่อันนี้ให้เราวิ่ง
01:23:16 → 01:23:19 มาแค่กิโลเดียวมันเหนื่อยแล้วอ่ะผิดปกติ
01:23:19 → 01:23:23 นะครับเราจะต้องทำยังไงหรือว่าเราใจสั่น
01:23:23 → 01:23:24 หรือเหมือนจะหน้ามืด
01:23:24 → 01:23:28 เราจะทำยังไงรวมถึงถ้าเพื่อนที่ข้างๆเรา
01:23:28 → 01:23:31 อยู่ๆเป็นลมหมดสติไปอ่ะเราจะช่วยเขายังไง
01:23:31 → 01:23:33 บ้างนะครับเรามาคุยกับสั้นๆในต้น Station
01:23:33 → 01:23:35 นี้นะฮะ
01:23:35 → 01:23:38 แน่นอนคือถ้าเก็บแน่นหน้าอกโดยเฉพาะแน่น
01:23:38 → 01:23:42 หน้าอกแบบมีอะไรมาทับเหมือนที่ผมอธิบายไป
01:23:42 → 01:23:44 ขั้นต้นว่าเหมือนมีช้างมาเหยียบเนี่ยอัน
01:23:44 → 01:23:46 นี้ต้องสงสัยลวกเส้นเลือดหัวใจตีบไว้ก่อน
01:23:46 → 01:23:48 เลยนะครับเพราะว่าการออกกำลังกายเนี่ยมัน
01:23:48 → 01:23:50 กระตุ้นทำให้เกิด
01:23:50 → 01:23:52 เขาเรียกว่าพระรับเจอร์ก็คือทำให้เกิด
01:23:52 → 01:23:55 คราบไขมันมันปริแตกออกมาแล้วมาอุดกั้น
01:23:55 → 01:23:57 เส้นเลือดหัวใจได้นะการออกกำลังกายเนี่ย
01:23:57 → 01:24:01 มันถ้าคนที่เป็นโรคอยู่เนี่ยออกแรงเกินไป
01:24:01 → 01:24:04 หรือว่านานเกินไปหรือไม่เคยออกแล้วมาออก
01:24:04 → 01:24:07 เนี่ยมีอันตรายได้นะครับเราจะต้องหยุด
01:24:07 → 01:24:09 วิ่งทันทีถ้าตัวเราเป็นเองเราต้องบอก
01:24:09 → 01:24:11 เพื่อนที่อยู่ข้างๆด้วยเฮ้ยเราเจ็บหน้าอก
01:24:11 → 01:24:14 ว่ะเพื่อนบอกเพื่อนเลยเพราะว่าถ้าเราวูบ
01:24:14 → 01:24:16 ไปแล้วเพื่อนจะไม่รู้ว่าเราเป็นอะไรถูก
01:24:16 → 01:24:20 ไหมแต่เราต้องรีบบอกอาการให้เขาก่อนถ้า
01:24:20 → 01:24:24 เรายังพอไหวอยู่หรือเราอยู่คนเดียวเรา
01:24:24 → 01:24:27 โทรศัพท์เลยฮะ 1669 ว่าเราอยู่ตรงนี้นะ
01:24:27 → 01:24:30 ตรงนี้นะอยู่ในจตุจักรสวนจตุจักรสวนรถไฟ
01:24:30 → 01:24:33 อยู่ตรงนี้ตรงนี้อะไรเงี้ยหรือว่าไปที่รถ
01:24:33 → 01:24:36 พยาบาลถ้าอยู่ในงานวิ่งหรือว่ามีสถาน
01:24:36 → 01:24:39 พยาบาลห้องพยาบาลอยู่ใกล้ๆในสถานที่ทำงาน
01:24:39 → 01:24:40 ของเรา
01:24:40 → 01:24:44 หลักเลยคือถ้ามีอาการผิดปกติอย่าฝืนวิ่ง
01:24:44 → 01:24:48 ต้องหยุดทันทีนะเพราะว่าการเสียชีวิตขณะ
01:24:48 → 01:24:50 ออกกำลังกายเนี่ยนะครับมันมีหลายอย่าง
01:24:50 → 01:24:53 แล้วก็มีอยู่เรื่อยๆเลยนะอันที่เจอเป็น
01:24:53 → 01:24:55 สาเหตุที่บ่อยที่สุดก็คือเส้นเลือดหัวใจ
01:24:55 → 01:24:58 อุดตันเฉียบพลันนะครับคือเส้นเลือดเฉียบ
01:24:58 → 01:25:01 พลันเนี่ยมักจะเป็นในคนที่อายุเยอะเกิน 35
01:25:01 → 01:25:05 ขึ้นไปในผู้ชาย 45 ในผู้หญิงแต่ว่าถ้า
01:25:05 → 01:25:08 เกิดว่าต่ำกว่าต่ำกว่า 35 เนี่ยในเด็กๆ
01:25:08 → 01:25:11 พวกนักกีฬาอายุ 20-30 แล้วเสียชีวิตใน
01:25:11 → 01:25:13 สนามฟุตบอลอะไรเงี้ยส่วนใหญ่มีโลกทาง
01:25:13 → 01:25:17 พันธุกรรมซ่อนอยู่นะครับเป็นโรคหัวใจ
01:25:17 → 01:25:21 ที่ซ่อนอยู่เช่นพวกโรคกล้ามเนื้อหัวใจโต
01:25:21 → 01:25:24 ซ่อนอยู่มีโรคการนำไฟฟ้าในบางอย่างผิด
01:25:24 → 01:25:26 ปกติในหัวใจที่เรียกว่า long qt
01:25:26 → 01:25:31 Syndrome เป็นต้นตอนนี้ในวีดีโอนี้เราจะ
01:25:31 → 01:25:32 เห็นว่าหลอดเลือดของเราเนี่ยมีไขมันอยู่
01:25:32 → 01:25:35 เกาะอยู่ประมาณ 50
01:25:35 → 01:25:39 60% นะคือเกิน 50% ของรูหลอดเลือดแต่
01:25:39 → 01:25:42 เลือดมันก็ยังไหลได้นะเลือดมันก็ยังไหล
01:25:42 → 01:25:42 ได้
01:25:42 → 01:25:45 แต่วันดีคืนร้ายไอ้คราบไขมันเนี่ยมันเกิด
01:25:45 → 01:25:48 ปริแตกร่างกายเราจะมีการซ่อมแซมโดยการมี
01:25:48 → 01:25:52 เกล็ดเลือดแล้วก็มีลิ่มเลือดมาเกาะจนทำ
01:25:52 → 01:25:55 ให้เกิดการอุดตันแบบเฉียบพลันขึ้นมาได้
01:25:55 → 01:25:58 นี่แหละก็คือสิ่งที่เรียกว่า parkludger
01:25:58 → 01:26:02 หรือว่าตัวคราบไขมันปริแตกแต่การไขมันปริ
01:26:02 → 01:26:05 แตกแล้วมาอุดหัวใจนะครับถ้ามันยังอุ่นไม่
01:26:05 → 01:26:07 เต็มเลือดมันยังพอไหลได้แต่ถ้าอุดเต็มแบบ
01:26:07 → 01:26:12 นี้อันนี้คือมักจะอันตรายมากคือลวดมัน
01:26:12 → 01:26:15 หยุดแบบเฉียบพลันเลยนะฮะอันนี้อันแดงๆ
01:26:15 → 01:26:17 เนี่ยคือลิ่มเลือดที่เกิดขึ้นมาอุดกั้น
01:26:17 → 01:26:18 ทางเดินของเลือด
01:26:18 → 01:26:22 อาการเจ็บหน้าอกนะครับถ้าจริงๆแล้วเจ็บ
01:26:22 → 01:26:24 หน้าอกเนี่ยเป็นอาการที่ไม่จำเพาะเจ็บแบบ
01:26:24 → 01:26:27 จี๊ดๆก็เป็นโรคหัวใจได้นะแต่ถ้าเจ็บแบบ
01:26:27 → 01:26:30 เนี้ยคือเจ็บแน่นตรงกลางนะฮะหรือว่าด้าน
01:26:30 → 01:26:33 ซ้ายนะฮะแน่นๆแบบเหมือนมีอะไรมาลาสหรือ
01:26:33 → 01:26:36 ว่ามีช้างมาเหยียบที่หน้าอกเนี่ยรวมถึง
01:26:36 → 01:26:38 อาจจะมีร้าวมาที่คอไหล่หรือว่าแขนเนี่ย
01:26:38 → 01:26:42 อันนี้อันตรายนะครับหรือถ้าเกิดว่าเจ็บ
01:26:42 → 01:26:45 หน้าอกร่วมกับอาการเหนื่อยผิดปกติมีน้ำ
01:26:45 → 01:26:48 มืดมีวูบรวมถึงใจสั่นใจเต้นเร็วแบบที่ไม่
01:26:48 → 01:26:51 เคยเป็นมาก่อนบางคนมีเหงื่อแตกใจสั่นแบบ
01:26:51 → 01:26:53 โดยที่แบบอยู่ๆก็เป็นไม่สัมพันธ์กับ
01:26:54 → 01:26:57 กิจการที่กิจกรรมที่เราทำอันนี้เป็น
01:26:57 → 01:26:58 อันตรายนะครับต่อให้ไม่ได้ออกกำลังกาย
01:26:58 → 01:27:00 อยู่ก็ต้องรีบไปพบแพทย์นะ
01:27:00 → 01:27:04 เพราะว่าถ้าช้าเกินไปเนี่ยเราอาจจะเป็น
01:27:04 → 01:27:06 แบบในภาพนี้ก็ได้ก็คือ
01:27:06 → 01:27:10 มีการเขาเรียกหมดสติแบบเฉียบพลันนะครับ
01:27:10 → 01:27:14 โอเคทีนี้ถ้าเราเจอเจอคนเพื่อนเราหมดสติ
01:27:14 → 01:27:16 แบบเฉียบพลันอย่างนี้เราพอจะช่วยเพื่อน
01:27:16 → 01:27:20 ยังไงได้บ้างสั้นๆเลยฮะง่ายๆมากเลยนะสิ่ง
01:27:20 → 01:27:22 ที่เรา
01:27:22 → 01:27:24 เคยได้รับการสอนสมัยก่อนในการกู้ชีวิต
01:27:24 → 01:27:28 เพื่อเนี่ยเราเรียกว่า CPR เนาะแต่ CPR
01:27:28 → 01:27:30 เนี่ยบางสมัยก่อนมันทำยากมากปัจจุบัน
01:27:30 → 01:27:31 เนี้ย
01:27:31 → 01:27:33 มันมีการ
01:27:33 → 01:27:36 ประยุกต์ CPR ให้ทำง่ายมากที่สุดนะฮะหรือ
01:27:36 → 01:27:39 เรียกว่า Hand Only CPR หรือว่าการ CPR
01:27:39 → 01:27:41 โดยการใช้มือกดอย่างเดียวไม่ต้องเป่าปาก
01:27:41 → 01:27:44 นะแล้วกดโดยไม่ต้องคิดอะไรมากด้วยนะครับ
01:27:44 → 01:27:47 เวลาเราเจอคนหมดสติอยู่
01:27:47 → 01:27:51 เจอเราวิ่งๆไปอ้าวเฮ้ยคนข้างหน้านอนอยู่ๆ
01:27:51 → 01:27:53 วิ่งอยู่แล้ววูบล้มลงไปเราจะช่วยเขา
01:27:53 → 01:27:57 อันดับ 1 เลยให้โทรหา 1669 ก่อนในเมือง
01:27:57 → 01:27:59 นอกจะเป็นนายวันๆนะ
01:27:59 → 01:28:03 แล้วก็บอกเขาว่ามีคนหมดสติหรือบอกคนข้างๆ
01:28:03 → 01:28:06 ว่าช่วยโทรศัพท์ให้หน่อยแล้วเรารีบมาปั๊ม
01:28:06 → 01:28:11 หัวใจก็ได้และถ้าเป็นไปได้ให้คนข้างๆเรา
01:28:11 → 01:28:13 ไปรีบไปเอาเครื่อง
01:28:13 → 01:28:17 aed หรือว่าเครื่องช็อคไฟฟ้าหัวใจที่ตอน
01:28:17 → 01:28:19 นี้เรามีอยู่ในหลายๆที่นะฮะไม่ว่าจะเป็น
01:28:19 → 01:28:23 ห้างสนามบินหรือว่าสถานีออกกำลังกายใหญ่ๆ
01:28:23 → 01:28:25 เนี่ยมักจะมีเครื่อง aed อยู่นะครับเพื่อ
01:28:25 → 01:28:30 ที่จะเอามาช่วยในการกู้ชีวิตคนที่อยู่ต่อ
01:28:30 → 01:28:32 หน้าเราเนี่ยเราจะเป็นคนช่วยเขา
01:28:32 → 01:28:35 ได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับเราจริงๆขึ้น
01:28:35 → 01:28:37 อยู่กับเครื่องก็มีเครื่องหรือเปล่าถ้ามี
01:28:37 → 01:28:39 เครื่องอยู่เนี่ยเครื่องมันทำให้
01:28:39 → 01:28:40 อัตโนมัติทุกอย่างเลยฮะเดี๋ยวผมจะบอกให้
01:28:40 → 01:28:44 ฟังสั้นๆว่ามันง่ายมากเลยนะปัจจุบันนะ
01:28:44 → 01:28:47 ทีนี้พอเราบอกเพื่อนและให้ไปเอาเครื่อง
01:28:47 → 01:28:51 aed โทร 1669 แล้วว่ามีคนหมดสติอยู่ขั้น
01:28:51 → 01:28:54 ต่อไปปุ๊บเรารีบกดหน้าอกเขาเลยฮะวิธีการ
01:28:54 → 01:28:56 กดหน้าอกเนี่ยไม่ต้องคิดอะไรมากเอามือนึง
01:28:56 → 01:28:59 นะฮะวางบริเวณกลางหน้าอกเลยนะฮะกลางหน้า
01:28:59 → 01:29:02 อกนะครับกลางหน้าอกแบบในภาพเลยนะฮะแล้วก็
01:29:02 → 01:29:05 อีกมือนึงภาษาอีสานนะครับประสาทแล้วก็กำ
01:29:05 → 01:29:07 ไว้ก็ได้ฮะเพื่อให้แรงของเราเนี่ยมัน
01:29:07 → 01:29:11 ประสานลงไปที่จุดกลางเท่าของเขานะฮะโดย
01:29:11 → 01:29:13 ที่น้ำหนักก็จะทิ้งลงไปที่บริเวณหน้าอก
01:29:13 → 01:29:17 โดยตรงเนอะแล้วก็แขนตึงนะฮะหลักอันเดียว
01:29:17 → 01:29:21 เลยคือข้อศอกตึงข้อศอกตึงโอเคแล้วก็กดลง
01:29:21 → 01:29:28 ไปนะฮะกดลงไปในความเร็วของการกดเนี่ย
01:29:28 → 01:29:29 ประมาณ
01:29:29 → 01:29:33 100-120 ครั้งต่อนาทีก็คือกดลงไปปุ๊บเลย
01:29:33 → 01:29:36 ในประเทศไทยเนี่ยก็แนะนำให้เราร้องเพลง
01:29:36 → 01:29:42 สุขกันเถอะเราจะได้จังหวะเพลงที่ที่
01:29:42 → 01:29:45 พอดีประมาณ 100-120 ครั้งต่อนาทีนะครับ
01:29:45 → 01:29:49 แต่จริงๆก็เดี๋ยวเพลงอื่นน่าจะดีกว่าเธอ
01:29:49 → 01:29:51 เรามาดูมีความสุขเกินไปเนาะตอนนี้เรา
01:29:51 → 01:29:54 กำลังช่วยอยู่แต่ก็ดีนะโอเคเดี๋ยวลองลอง
01:29:54 → 01:29:58 นะฮะเนี่ยฝึกกันเถอะเราต่อไปทำไมอนาคต
01:29:58 → 01:30:00 อย่างนี้เลย
01:30:00 → 01:30:02 ในรูปนะครับให้ถูกต้อง
01:30:02 → 01:30:06 กดตามจังหวะโดยที่การกดเนี่ยเอากำลังตึง
01:30:06 → 01:30:10 มือนะก็คือว่าไม่แรงเกินไปแต่ต้องไม่เบา
01:30:10 → 01:30:14 เกินไปนะฮะแล้วก็ไม่ควรเร็วเกินไปวิดีโอ
01:30:14 → 01:30:17 นี้จะเป็นวิดีโอที่บอกว่าหัวใจของเรา
01:30:17 → 01:30:19 เนี่ยมันสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงร่างกายเนาะ
01:30:19 → 01:30:23 ถ้าหัวใจหยุดเต้นเมื่อไหร่เราก็จะไม่มี
01:30:23 → 01:30:26 เลือดไปเลี้ยงร่างกายโดยเฉพาะสมองของเรา
01:30:26 → 01:30:29 นะครับถ้าหัวใจเราเต้นผิดจังหวะในหรือ
01:30:29 → 01:30:31 หยุดเต้นนะในภาพจะเห็นว่าหัวใจมันเต้น
01:30:31 → 01:30:33 สั่นพริ้วเนาะผิดจังหวะนะครับ
01:30:33 → 01:30:36 อันนี้เลือดไปเลี้ยงหัวใจน้อยลงอันนี้
01:30:36 → 01:30:39 เป็นสันผิวแบบถ้าตรวจจะเรียกว่า vtura
01:30:39 → 01:30:40 Taxi cadia
01:30:40 → 01:30:43 เป็นการเต้นพิมพ์แบบรุนแรงซึ่งไม่ใช่ AF
01:30:43 → 01:30:46 กับ PVC นะคนละอันกันนะครับหัวใจมันจะ
01:30:46 → 01:30:49 หยุดเต้นได้การที่เราเอามือเนี่ย
01:30:49 → 01:30:53 ไปประสานไว้บริเวณกลางหน้าอกนะครับแล้ว
01:30:54 → 01:30:57 เรากดหน้าอกลงไปเพื่อหวังอะไร
01:30:57 → 01:31:01 เป้าหมายของเราก็คือหวังว่าการกดของเรา
01:31:01 → 01:31:02 เนี่ยมันจะไป
01:31:02 → 01:31:06 บีบหัวใจเหมือนเราเอาหัวใจเนี่ยมาใส่ที่
01:31:06 → 01:31:07 มือเรา
01:31:07 → 01:31:10 อันนี้เป็นหัวใจใช่ไหมเหมือนเอาหัวใจ
01:31:10 → 01:31:12 เนี่ยวางไว้ที่มือแล้วเราบีบนะฮะบีบหัวใจ
01:31:12 → 01:31:16 เพื่อให้เลือดมันออกจากหัวใจการกดก็
01:31:16 → 01:31:19 เหมือนกันการกดก็เหมือนกับว่าเรากดแล้วทำ
01:31:19 → 01:31:22 ให้หัวใจมันยุบตัวลงคือมันไม่เต้นแล้วก็
01:31:22 → 01:31:26 เข็นมันนั่นเองพูดง่ายๆนะบีบมันปั๊มแทน
01:31:26 → 01:31:28 หัวใจมันไม่สิ้นเองเราก็ช่วยเขาก็จะเห็น
01:31:28 → 01:31:31 ว่าเลือดเนี่ยถ้าเราปั๊มได้ลึกพอเนี่ยนะ
01:31:31 → 01:31:34 ฮะโดยความลึกก็อยู่ที่ประมาณ 2 นิ้วนะกด
01:31:34 → 01:31:35 ลงไปประมาณ 2 นิ้ว
01:31:35 → 01:31:39 ให้ลึกพอเนี่ยเลือดเนี่ยมันก็จะพอที่จะ
01:31:39 → 01:31:41 ไหลไปเลี้ยงสมองได้นะครับ
01:31:41 → 01:31:45 แล้วเราก็ควรจะต้องกดให้เร็วหน่อยนะฮะอ่า
01:31:45 → 01:31:47 เพราะว่าการปั๊มของเราเนี่ยมันจะส่ง
01:31:47 → 01:31:50 เรื่องได้ประมาณ 20% เท่านั้นนะฮะดังนั้น
01:31:50 → 01:31:54 เราต้องการ 20-25% ถ้าเราต้องการให้เลือด
01:31:54 → 01:31:57 ไหลสักไปเลี้ยงสมอง 50% เราต้องกด 2 เท่า
01:31:57 → 01:32:00 ของหัวใจปกติหัวใจปกติเต้น 60 ใช่ไหมก็
01:32:00 → 01:32:02 ให้ได้สัก 120 นะครับดังนั้นเนี่ยเรทต้อง
01:32:02 → 01:32:06 ให้ได้ 120 ถ้าเราหยุดปั๊มเมื่อไหร่เลือด
01:32:06 → 01:32:08 ก็จะหยุดไหลเห็นไหมดังนั้นเนี่ยการปั๊ม
01:32:08 → 01:32:12 สำคัญคือปั๊มห้ามหยุดนะปั๊มไปเรื่อยๆห้าม
01:32:12 → 01:32:14 หยุดรอจนกว่าเครื่อง aed หรือว่าคนจะมา
01:32:14 → 01:32:17 ช่วยเราถ้าเราเหนื่อยให้คนข้างๆเปลี่ยน
01:32:17 → 01:32:20 ให้คนข้างๆมาช่วยฟาร์มนะครับเรียกคนมา
01:32:20 → 01:32:21 ช่วยนะ
01:32:21 → 01:32:25 ถ้าปั๊มน้อยเกินไปปั๊มตื้นเกินไปก็จะเห็น
01:32:25 → 01:32:28 ว่าเลือดมันไม่ทันไปเลี้ยงสมองเนาะนำตาม
01:32:28 → 01:32:29 ในวีดีโอใช่ไหมครับ
01:32:29 → 01:32:34 อันนี้คือปั๊มตื้นเกินไปนะปั๊มเบาเกินไป
01:32:34 → 01:32:37 ปั๊มช้าเกินไปเลือดก็ไม่ไหลเวียนเห็นไหม
01:32:37 → 01:32:40 ดังนั้นการปั๊มเนี่ยจะต้องหนักแน่นเพียง
01:32:40 → 01:32:45 พอแรงเพียงพอนะฮะลึกเพียงพอไม่ต้องกลัว
01:32:45 → 01:32:48 ซี่โครงหักไม่เป็นไรซี่โครงหักรักษาได้
01:32:48 → 01:32:52 ง่ายๆไม่ยากนะแต่ว่าถ้าปั๊มไม่ดีเนี่ยมัน
01:32:52 → 01:32:55 มันช่วยเขาไม่ได้นะครับดังนั้นต้องปลอม
01:32:55 → 01:32:57 ตามให้ลึกแล้วก็เร็วเพียงพอนี่คือหลัก
01:32:57 → 01:33:00 สำคัญนะและเร็วเพียงพอไม่ต้องกลัวกระดูก
01:33:00 → 01:33:04 หักไม่ต้องกลัวจะปั๊มผิดปั๊มไปก่อนนะปั๊ม
01:33:04 → 01:33:07 ไปก่อนดีกว่าไม่ปั๊มพูดง่ายๆเลยนะฮะดี
01:33:07 → 01:33:08 กว่า
01:33:08 → 01:33:09 อันนี้ก็จะเป็น
01:33:09 → 01:33:12 ทำให้เราเห็นเลยว่าไอ้ที่เราปั๊มเนี่ยเรา
01:33:12 → 01:33:15 ช่วยเขาได้นะเห็นเลือดไปเลี้ยงสมองไหมฮะ
01:33:15 → 01:33:17 สมองมีเลือดไปเลี้ยงนี่โอเคเพราะสมองเรา
01:33:17 → 01:33:20 ขาดออกซิเจนได้แค่ 3-5 นาทีนะส่วนพระเอก
01:33:20 → 01:33:23 ตัวที่ 2 นะฮะถ้าเครื่อง aed มาหยุดปั๊ม
01:33:23 → 01:33:26 ก่อนเลยแล้วรีบติดเครื่องนะเพราะว่าการ
01:33:26 → 01:33:29 ปั๊มเป็นการประคองเพื่อรอเครื่องถ้าหัวใจ
01:33:29 → 01:33:31 มันเต้นผิดจังหวะอยู่ตัวที่บ่อยที่สุดและ
01:33:31 → 01:33:33 ทำให้เสียชีวิตคือเป็นคนแรกที่คาเดียร์
01:33:33 → 01:33:36 หรือมีชื่อว่า VT ไม่ต้องจำเป็นหัวใจได้
01:33:36 → 01:33:39 มีจังหวะแบบรุนแรงแล้วกันนะฮะปั๊มอย่าง
01:33:39 → 01:33:42 เดียวเนี่ยมันช่วยได้น้อยกว่า 10% แต่ถ้า
01:33:42 → 01:33:44 มีเครื่อง AE ดีด้วยนะอัตราการรอดชีวิตจะ
01:33:44 → 01:33:49 สูงขึ้นสูงขึ้นมากกว่าเดิมเยอะ
01:33:49 → 01:33:52 โดยการใช้เครื่อง Ed เนี่ยใช้ง่ายๆนะใช้
01:33:52 → 01:33:55 ง่ายๆเลยวิธีการใช้ต้องทำยังไงนะฮะก็คือ
01:33:55 → 01:33:58 พอเราเปิดเครื่องออกมาเนี่ยมันจะมีแผ่น
01:33:58 → 01:34:02 2แพทย์เขาเรียกว่าแผ่นแผ่นแปะนำกระแสไฟ
01:34:02 → 01:34:05 ฟ้านะฮะเราเอาเราดูที่เครื่องเลยใน
01:34:05 → 01:34:06 เครื่องมันจะมีให้เห็นเลยว่าให้แปะตรงไหน
01:34:06 → 01:34:10 นะแผ่นนี้นะฮะแผ่นด้านซ้ายแปะตรงบริเวณ
01:34:10 → 01:34:15 หน้าอกด้านขวาเห็นไหมนะส่วนอีกแผ่นนึงแปะ
01:34:15 → 01:34:17 บริเวณยอดอกของหัวใจเป้าหมายที่เราแปะ
01:34:17 → 01:34:19 อย่างเงี้ยเพื่อเวลาเราช็อตเนี่ยไฟฟ้า
01:34:19 → 01:34:22 เนี่ยมันจะออกจากแผ่นซ้ายไปที่แผ่นขวาก็
01:34:22 → 01:34:25 คือจะผ่านหัวใจข้างบนไปห้องล่างตามการนำ
01:34:25 → 01:34:28 กระแสไฟฟ้าปกติของหัวใจนั่นเองนะครับเป้า
01:34:28 → 01:34:30 หมายคือไปรีเซ็ตหัวใจ
01:34:30 → 01:34:34 เอาแผ่นแปะพอแปะเสร็จปุ๊บกดเครื่องกด
01:34:34 → 01:34:38 เครื่อง On On ในปุ่มเขียวก่อนนะกดปุ่ม
01:34:38 → 01:34:40 ออนในปุ่มเขียวแล้วเครื่องมันจะ analy
01:34:40 → 01:34:42 ให้เลยมันจะบอกว่าเครื่องกำลังตรวจอยู่ใน
01:34:42 → 01:34:44 เครื่องในเมืองไทยก็จะพูดเป็นภาษาไทยเลย
01:34:44 → 01:34:47 ฮะตอนนี้เครื่องทำงานแล้วกำลังประเมินผู้
01:34:47 → 01:34:50 ป่วยถ้ามันประเมินแล้วมันบอกว่าให้เรา
01:34:50 → 01:34:53 ช็อกได้เครื่องมันจะให้เรากดปุ่มสีแดง
01:34:53 → 01:34:57 ระหว่างที่ช็อคเนี่ยนะครับเรา
01:34:57 → 01:35:00 เครื่องมันก็จะบอกให้เราถอยห่างจากผู้
01:35:00 → 01:35:03 ป่วยนะครับแล้วพอเครื่องช็อกเสร็จปุ๊บเรา
01:35:03 → 01:35:05 ก็จะ
01:35:05 → 01:35:09 ปั๊มเราต้องปั๊มหัวใจต่อทันทีนะครับอัน
01:35:09 → 01:35:12 นี้เป็นวีดีโอตัวอย่างของคนที่รอดชีวิตนะ
01:35:12 → 01:35:15 ฮะจากการเล่นกีฬาแล้วก็ได้รับการช็อคด้วย
01:35:15 → 01:35:24 เครื่อง aed
01:35:24 → 01:35:27 2 แผ่นเนี่ยพอมาถึงปุ๊บเราเครื่องเอา
01:35:27 → 01:35:30 แผ่น 2 แผ่นแปะที่หน้าอกเลยฮะตามรูปเลยนะ
01:35:30 → 01:35:33 แผ่นแต่ละแผ่นเนี่ยเขาเรียกว่าแผ่นเนอะก็
01:35:33 → 01:35:35 จะมีรูปไว้ให้แปะตรงไหนก็แปะตามเครื่อง
01:35:35 → 01:35:36 นั้นเลยนะครับ
01:35:36 → 01:35:40 อ่าการแปะ 2 แผ่นเนี่ยเพื่อที่จะเราก็จะ
01:35:40 → 01:35:43 ปล่อยกระแสไฟฟ้าเนาะในภาพเนี่ยเป็น vf นะ
01:35:43 → 01:35:46 อันนี้เป็น vs vf เนี่ยก็จะเป็นการเต้น
01:35:46 → 01:35:51 หัวใจเต้นจังหวะแบบรุนแรงอีกแบบนึงนะครับ
01:35:51 → 01:35:54 ก็จะเห็นว่าหัวใจเรามันเต้นแบบสั่นพริ้ว
01:35:54 → 01:35:57 เนาะดูที่ตรงหัวใจนะแล้วเลือดมันก็จะไม่
01:35:57 → 01:36:00 ปั๊มมันก็จะไม่สูบโลหิตใช่ไหมฮะพอเราช็อก
01:36:00 → 01:36:03 ไฟฟ้าหัวใจสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับหัวใจของ
01:36:03 → 01:36:07 เราก็คือมันจะรีเซ็ตการทำงานของหัวใจใหม่
01:36:07 → 01:36:10 คือไปทำลายหัวใจวงจรหัวใจที่ผิดที่เต้น
01:36:10 → 01:36:12 ผิดจังหวะนั่นเอง
01:36:12 → 01:36:15 คล้ายๆว่าบริษัทคัทเอาท์เพื่อให้หัวใจ
01:36:15 → 01:36:18 เนี่ยมันพอเราช็อคปุ๊บหัวใจมันจะหยุดเต้น
01:36:18 → 01:36:20 แล้ว
01:36:20 → 01:36:24 เราก็จะรอให้หัวใจเนี่ยบริเวณ SA node
01:36:24 → 01:36:28 มาส่งสัญญาณออกมาเพื่อควบคุมหัวใจแบบปกติ
01:36:28 → 01:36:30 อีกครั้งหนึ่งนะครับ
01:36:30 → 01:36:34 เดี๋ยวเราจะดูนี่มีการช็อคไฟฟ้าช็อค
01:36:34 → 01:36:37 จริงๆแล้วมันรูปมันควรจะต้องช็อคจากข้าง
01:36:37 → 01:36:39 บนไปข้างล่างนะ
01:36:39 → 01:36:42 พอเราช็อคไฟฟ้าปุ๊บหัวใจมันก็จะไม่เต้นนะ
01:36:42 → 01:36:45 ครับไม่เต้นแล้วก็ senote ตรงสี่เหลืองๆ
01:36:45 → 01:36:47 เนี่ยก็จะส่งสัญญาณมาตามปกติ
01:36:48 → 01:36:51 นะก็เป็นการรีเซ็ตวงจรหัวใจนะครับคณะ
01:36:51 → 01:36:54 ศิลปศาสตร์ประยุกต์ขอกราบขอบพระคุณนะคะ
01:36:54 → 01:36:57 ที่อาจารย์ได้ให้ความรู้แล้วก็
01:36:57 → 01:37:02 เอ่อโอกาสหน้าถ้ามีโอกาสอีกก็จะเชิญคุณ
01:37:02 → 01:37:07 หมอมาให้ความรู้ในด้านที่คุณหมอหรือไม่ก็
01:37:07 → 01:37:10 ใกล้เคียงกับเรื่องนี้นะคะที่คุณหมอบอก
01:37:10 → 01:37:11 ว่า
01:37:11 → 01:37:15 เรื่องโรคหัวใจมันจะมีประมาณ 4 4 ใน
01:37:15 → 01:37:18 กลุ่มโลกของมันอะไรอย่างนี้ค่ะก็มันก็
01:37:18 → 01:37:23 เป็นเรื่องสำคัญกับมนุษย์ทั่วๆไปนะคะก็ขอ
01:37:23 → 01:37:51 กราบขอบพระคุณอีกครั้งนะคะขอบคุณค่ะ
01:37:51 → 01:38:20 [เพลง]
01:38:20 → 01:38:23 ส่งทางไลน์ช่องไลน์ส่วนตัวของเล็กเองก็
01:38:23 → 01:38:28 ได้ค่ะขอบคุณนะครับยินดีนะครับหวังว่าคง
01:38:28 → 01:38:29 เป็นประโยชน์ต่อทุกท่านมากนะครับขอบคุณ
01:38:29 → 01:38:33 มากเลยค่ะขอบคุณค่ะขอบคุณผู้ร่วมเข้าอบรม
01:38:33 → 01:38:35 ทุกท่านด้วยนะคะ
01:38:35 → 01:38:38 บ๊ายบายขอบคุณครับ
01:38:38 → 01:39:44 [เพลง]