00:00:00 → 00:00:02 เมื่ออาทิตย์ก่อนนะครับผมมีโอกาสไปสอนนัก
00:00:02 → 00:00:05 ศึกษาที่มหาวิทยาลัยนะครับก็เลยมีโอกาส
00:00:05 → 00:00:08 คุยกับน้องๆวัยมหาลัยว่าเออมีปัญหาสุขภาพ
00:00:08 → 00:00:12 อะไรบ้างที่แบบว่าเป็นปัญหาพี่จะได้เอามา
00:00:12 → 00:00:14 พัฒนาเป็น Episode Top to นะครับน้องๆ
00:00:14 → 00:00:17 ก็บอกว่าโหปัญหาใหญ่ของน้องคือการนอนหลับ
00:00:17 → 00:00:20 ครับผมรู้อย่างงั้นเนี่ยผมก็บอกเฮ้ยไม่ดี
00:00:20 → 00:00:22 นะวัยเนี้ยเป็นวัยที่แบบยังดูแลตัวเองได้
00:00:22 → 00:00:24 อยู่ร่างกายยังไม่เสื่อมโทรมมากแล้วการ
00:00:24 → 00:00:28 นอนสำคัญมากเพราะว่ามันเป็นเวลาที่ร่าง
00:00:28 → 00:00:30 กายของเราเนี่ยซ่อม DNA นะครับถ้าเกิดว่า
00:00:30 → 00:00:33 นอนไม่ดีนอนไม่มีคุณภาพเนี่ย DNA จะซ่อม
00:00:33 → 00:00:36 ได้ไม่เต็มที่แล้วมันทำให้น้องๆเนี่ยแก่
00:00:36 → 00:00:38 ไวเพราะฉะนั้นจังเป็นที่มาของ Episode
00:00:38 → 00:00:41 วันนี้ครับว่าเราจะมีเทคนิคยังไงในการ
00:00:41 → 00:00:44 ช่วยให้ร่างกายของเราเนี่ยซ่อม DNA ได้มี
00:00:44 → 00:00:47 ประสิทธิภาพมากที่สุดเดี๋ยววันนี้ผมสรุป
00:00:47 → 00:00:49 มาให้แล้ว 3 ขั้นตอนที่ไม่ยากเลยครับทุก
00:00:49 → 00:00:53 คนทำได้ในการช่วยทำให้ร่างกายของเราซ่อม
00:00:53 → 00:00:55 DNA ครับ This is the Standard
00:00:55 → 00:01:00 podcast Eye Opening for your ears
00:01:00 → 00:01:03 Top to podcast สุขภาพที่ใช้
00:01:03 → 00:01:07 วิทยาศาสตร์ไขปัญหาตั้งแต่หัวจด
00:01:07 → 00:01:10 เท้าจริงๆถ้าเกิดว่าใครเคยติดตาม Top to
00:01:11 → 00:01:13 มานะครับผมเคยปูพื้นไปเลยนะครับว่าต้น
00:01:13 → 00:01:16 เหตุของความแก่มันคือเซลล์แก่แล้วมีต้น
00:01:16 → 00:01:19 เหตุทั้งหมด 14 ประการสาเหตุแรกเนี่ยมัน
00:01:19 → 00:01:22 คือ DNA Damage หรือว่าความเสียหายของ
00:01:22 → 00:01:24 DNA นะครับเรียได้ว่าเป็นสาเหตุหลัก
00:01:24 → 00:01:27 สำคัญแทบจะที่สุดเลยนะครับที่ทำให้เซลล์
00:01:27 → 00:01:29 แก่แล้วก็ร่างกายเนี่ยมันทรุดโทรมนะครับ
00:01:29 → 00:01:32 DNA ของเราเนี่ยมันเสียหายตลอดเวลาที่
00:01:32 → 00:01:34 เราใช้ชีวิตนะครับโดยเฉพาะตอนที่เราตื่น
00:01:34 → 00:01:37 นอนที่เรามีกิจกรรมหนักๆต้องออกไปทำอะไร
00:01:37 → 00:01:40 นอกบ้านนะครับทีนี้คำถามแล้วในเมื่อดมัน
00:01:40 → 00:01:42 เสียหายเนี่ยแล้วร่างกายเราซ่อมียนเตอน
00:01:42 → 00:01:45 ไหนล่ะจริงๆคำตอบนี้คือร่างกายเราอ่ะซ่อม
00:01:45 → 00:01:47 เรียน A แทบจะตลอดเวลาเลยนะครับแม้
00:01:47 → 00:01:49 กระทั่งตอนที่เราตื่นนอนมีการแบ่งเซลล์
00:01:50 → 00:01:52 เนี่ยมันจะมีทีมที่คอยไปเช็คดูว่าเอ๊แบ่ง
00:01:52 → 00:01:54 เซลล์เนี่ยถูกต้องหรือเปล่านะการ copy
00:01:54 → 00:01:57 DNA ไปถ้ามันผิดปึ๊บมันจะซ่อมทันทีแต่
00:01:57 → 00:01:59 มันก็มีช่วงระยะเวลาที่ร่างกายของเราซ่อม
00:01:59 → 00:02:03 DNA มากที่สุดและก็สำคัญที่สุดนั่นคือ
00:02:03 → 00:02:06 ตอนที่เรานอนหลับครับตอนเนี้ยค่อนข้างจะ
00:02:06 → 00:02:08 ชัวร์แล้วนะครับมีการศึกษามาค่อนข้างเยอะ
00:02:08 → 00:02:11 แล้วก็มีหลักฐานยืนยันหนักแน่นเลยว่าร่าง
00:02:11 → 00:02:14 กายของเราซ่อมดินเอ็มากที่สุดตอนที่เรา
00:02:14 → 00:02:16 นอนนะครับการศึกษาเรื่องเนี้ยอาจจะทำได้
00:02:16 → 00:02:18 ค่อนข้างยากในมนุษย์ก็ต้องใช้ในสัตว์ทด
00:02:18 → 00:02:21 ลองเป็นหลักนะครับอย่างเช่นการใช้ปลาม้า
00:02:21 → 00:02:24 ลายอย่างเงี้ยที่ลำตัวอาจจะใสสังเกตสิ่ง
00:02:24 → 00:02:26 ต่างๆภายในร่างกายได้ง่ายฮะเวลาที่นัก
00:02:26 → 00:02:28 วิทยาศาสตร์เนี่ยเค้าไปศึกษาแล้วก็
00:02:28 → 00:02:31 มอนิเตอรเซลล์ของโมเดลอนิมเหล่านี้นะครับ
00:02:31 → 00:02:34 เขาก็เจอว่าภายในนิวเคลียสที่อยู่ในเซลล์
00:02:34 → 00:02:36 ที่เป็นที่ตั้งของ DNA เนี่ยนะครับเวลา
00:02:36 → 00:02:40 ที่ช่วงกลางคืนน่ะโครโมโซมของสัตว์เหล่า
00:02:40 → 00:02:44 เยครับมันจะรีกแล้วก็สามารถที่จะเคลื่อน
00:02:44 → 00:02:46 ที่เรียกได้ว่ามีไดนามิกของมันเนี่ยมาก
00:02:46 → 00:02:48 กว่าตอนกลางวันนะครับคือมันสามารถที่จะ
00:02:48 → 00:02:50 ขยับขยายตัวขยับขยมตัวได้มากกว่านะครับ
00:02:50 → 00:02:53 เป็นการสะท้อนว่ามันมีกิจกรรมเหตุการณ์
00:02:53 → 00:02:56 บางอย่างเกิดขึ้นกับโครโมโซมหรือว่า DNA
00:02:56 → 00:02:58 ของเราตอนกลางคืนมากกว่าตอนกลางวันนะครับ
00:02:58 → 00:03:01 ซึ่งพอศึกษาขาเข้าไปลึกขึ้นลๆขึ้นเนี่ยก็
00:03:01 → 00:03:04 เจอว่าอ๋อการที่โครโมโซมเนี่ยมันมีความ
00:03:04 → 00:03:07 ยืดหยุ่นแล้วก็สามารถจะเปลี่ยนรูปร่างได้
00:03:07 → 00:03:10 มากกว่าในตอนกลางคืนเนี่ยเพราะว่าร่างกาย
00:03:10 → 00:03:13 ของสิ่งมีชีวิตเนี่ยมันกำลังซ่อมแซม DNA
00:03:13 → 00:03:15 หลายคนอาจจะเอ๊ยแล้วโครโมโซมกับ DNA มัน
00:03:15 → 00:03:18 ต่างกันยังไงครับจริงๆเนี่ย DNA จิกามัน
00:03:18 → 00:03:20 เหมือนกับเส้นไหมพรมเส้นนึงนะครับยาวๆเลย
00:03:21 → 00:03:23 นะครับแล้วมันขดแน่นจนอยู่ในรูปร่างของ
00:03:23 → 00:03:25 โครโมโซมง่ายๆเหมือนกับเอาเส้นไหมพรหมอ่ะ
00:03:25 → 00:03:27 มาถักเป็นตุ๊กตาวูดูอ่ะครับตุ๊กตาวูดูคือ
00:03:28 → 00:03:30 โครโมโซมตัวแข็งๆแน่นๆแต่เส้นไหมพรมทั้ง
00:03:30 → 00:03:33 เส้นน่ะมันคือ DNA นะครับในตอนกลางวันเ
00:03:34 → 00:03:35 ครับเหตุผลที่โครโมโซมของเราเนี่ยมันจะ
00:03:35 → 00:03:38 ค่อนข้างสิฟคือมันจะไม่ค่อยมีการเคลื่อน
00:03:38 → 00:03:40 ไหวหรือว่ามีความยืดหยุ่นเนี่ยก็เพราะว่า
00:03:40 → 00:03:43 DNA ของเราผมเคยเปรียบเทียบว่ามันคือ
00:03:43 → 00:03:45 ตำราตำรานึงที่เซลล์เก็บเอาไว้ใน
00:03:45 → 00:03:48 นิวเคลียสนะฮะมันจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไป
00:03:49 → 00:03:51 อ่านตำราเล่มนี้เพื่อที่จะรู้ว่าต้องทำ
00:03:51 → 00:03:54 อะไรบ้างในวันนึงนะครับเพราะฉะนั้นตอน
00:03:54 → 00:03:57 กลางวันเนี่ยครับเพื่อความสะดวกทีมงานที่
00:03:57 → 00:03:59 ทำหน้าที่ในการ proof Read หรือว่า
00:03:59 → 00:04:01 พิสูจน์อักษรหรือว่าทำหน้าที่ในการซ่อม
00:04:01 → 00:04:03 แซม DNA เนี่ยจะยังไม่ทำงานเพื่อความ
00:04:03 → 00:04:06 สะดวกให้คนที่ต้องมาอ่านตำราเล่มเนี้ย
00:04:06 → 00:04:08 เข้าถึงตำราเล่มนี้ได้ง่ายขึ้นนะครับ
00:04:08 → 00:04:10 เพราะฉะนั้นโครโมโซมจะสิฟจะไม่ค่อยมีการ
00:04:10 → 00:04:13 เคลื่อนไหวนะครับในขณะที่ตอนกลางคืนเมื่อ
00:04:13 → 00:04:15 ร่างกายพักผ่อนและทีมงานต่างๆเนี่ยมัน
00:04:15 → 00:04:17 หลับพนักงานต่างๆไม่จำเป็นต้องเข้ามาอ่าน
00:04:17 → 00:04:20 หนังสือเล่มนี้แล้วนะครับทีมงานอีกชุดนึง
00:04:20 → 00:04:22 ที่เป็นทีมงานพิสูจน์อักษรหรือว่าทีมงาน
00:04:22 → 00:04:24 ในการเป็นช่างซ่อม DNA เนี่ยก็จะวิ่งเข้า
00:04:24 → 00:04:27 มาในห้องนี้เจ้าตำราเล่มเนี้ยครับมันก็จะ
00:04:27 → 00:04:30 ถูกเปิดออกโครโมโซมก็ถูกผ่อนคลายนะครับ
00:04:30 → 00:04:32 เพื่อให้ทีมงานเนี่ยมันแหวกแหกดูซิว่า
00:04:32 → 00:04:35 เฮ้ยมันมีตัวหนังสือตรงไหนผิดเพี้ยนเราจะ
00:04:35 → 00:04:37 ได้ซ่อมให้มันถูกต้องนั่นคือเหตุผลว่า
00:04:37 → 00:04:40 ทำไมโครโมโซมเนี่ยมันถึงยืดหยุ่นตอนกลาง
00:04:40 → 00:04:43 คืนแล้วก็ชัวร์แล้วว่าการนอนหลับจำเป็น
00:04:43 → 00:04:46 มากในการซ่อม DNA นะครับจริงๆมีการทดลอง
00:04:46 → 00:04:48 เพิ่งตีพิมพ์เมื่อต้นปีที่ผ่านมาเลยนะ
00:04:48 → 00:04:51 ครับเป็น C Hot study คือการติดตาม
00:04:51 → 00:04:54 ชีวิตของคนนะครับไประยะเวลานึงแล้วดูซิ
00:04:54 → 00:04:55 ว่าพฤติกรรมการใช้ชีวิตเนี่ยมันส่งผลกับ
00:04:56 → 00:04:58 สุขภาพยังไงก็เจอว่าเค้าศึกษาในผู้ใหญ่
00:04:58 → 00:05:01 ชาวอเมริกันเป็นหลักแสนกว่าคนเลยนะครับ
00:05:01 → 00:05:04 เพื่อดูว่าคนที่นอนมีประสิทธิภาพก็คือไม่
00:05:04 → 00:05:07 ตื่นกลางดึกเทียบกับคนที่หลับๆตื่นๆบ้าง
00:05:07 → 00:05:09 นอนไม่ค่อยดีเลยเนี่ยสุขภาพชีวิตเป็นยัง
00:05:09 → 00:05:12 ไงนะครับเค้าก็เจอว่าในคนที่นอนหลับมี
00:05:12 → 00:05:14 คุณภาพแล้วก็ไม่ค่อยตื่นกลางดึกนะครับมี
00:05:14 → 00:05:17 Life expectancy หรือว่าอายุคาดคะเนนะ
00:05:17 → 00:05:19 ครับมากกว่ากลุ่มที่นอนไม่ค่อยมีคุณภาพ
00:05:19 → 00:05:22 เนี่ยถึง 5 ปีก็คืออายุยืนกว่ากัน 5 ปีใน
00:05:22 → 00:05:26 เพศชายแล้วก็อายุยืนกว่ากัน 2 ปีในเพศ
00:05:26 → 00:05:28 หญิงนะครับเป็นการสะท้อนว่าการนอนมีผลมาก
00:05:28 → 00:05:31 ๆซึ่งไปวิเคราะต่อแล้วก็เจอว่ามันมีผลต่อ
00:05:31 → 00:05:34 การทำงานของ DNA นั่นเองนะครับ DNA
00:05:34 → 00:05:37 Repair ได้ดีขึ้นในกลุ่มคนที่นอนมี
00:05:37 → 00:05:39 คุณภาพนะครับเพราะฉะนั้นมันเป็นที่มาว่า
00:05:39 → 00:05:42 ผมคิดสูตรมาให้ทุกคนแล้วนะครับเป็นสูตร
00:05:42 → 00:05:45 ที่ผมเองก็ทำอยู่ทุกวันและผมเชื่อว่าวิธี
00:05:45 → 00:05:47 การเยครับทุกคนทำได้ไม่ยากจนเกินไปแล้ว
00:05:47 → 00:05:50 ครับมี 3 ขั้นตอนที่จะช่วย OST ให้ร่าง
00:05:50 → 00:05:53 กายเนี่ยซ่อมแซม DNA ได้ดีมากยิ่งขึ้นนะ
00:05:53 → 00:05:56 ครับสูตรของผม 3 สต็ปก็คือกินให้ครบ
00:05:56 → 00:05:59 เคลียร์สมองแล้วก็นอนให้พอครับเดี๋ยวไป
00:05:59 → 00:06:01 ที่ทีละสเต็ปนะครับสเต็ปแรกคือการกินให้
00:06:01 → 00:06:04 ครบต้องกินอะไรให้ครบล่ะมันคือการกิน
00:06:04 → 00:06:09 วัตถุดิบที่ร่างกายต้องใช้ในการซ่อม DNA
00:06:09 → 00:06:11 ให้ครบแล้วก็เพียงพอครับร่างกายต้องการ
00:06:11 → 00:06:14 ใช้วัตถุดิบอะไรบ้างในการซ่อมแซม DNA
00:06:14 → 00:06:17 จริงๆแล้วร่างกายต้องการอาหาร 5 หมู่ที่
00:06:17 → 00:06:19 เราเรียนมาตั้งแต่เด็กเลยครับและคนเรามัก
00:06:19 → 00:06:23 จะไม่ค่อยขาดแมคโครโมเลกุลก็คือพวกโปรตีน
00:06:23 → 00:06:25 คาร์โบไฮเดรตไขมันเพราะมันอยู่ในอาหาร
00:06:25 → 00:06:29 หลักแต่สิ่งที่คนเรามักจะขาดก็คือวิตามิน
00:06:29 → 00:06:32 เกลือแร่รวมไปถึงสารสำคัญำคัญจากพืชที่
00:06:32 → 00:06:35 เป็นไ Chemical ซึ่งทั้งวิตามินเกลือแร่
00:06:35 → 00:06:37 แล้วก็ไ chemicals เนี่ยครับมันทำหน้าที่
00:06:37 → 00:06:40 เป็น co เอนไซมแล้วก็ cofactor คือทำให้
00:06:40 → 00:06:44 เอนไซมต่างๆในร่างกายเนี่ยมันทำงานได้
00:06:44 → 00:06:47 ปกติทำงานได้มีประสิทธิภาพซึ่งเอนไซม์
00:06:47 → 00:06:49 เหล่าเยครับมันเกี่ยวข้องกับกระบวนการ
00:06:49 → 00:06:51 ซ่อม DNA เพราะฉะนั้นวันนี้เราจะมาเจาะ
00:06:51 → 00:06:54 กันที่ไมโครโมเลกุลที่คนมักจะขาดแล้วมัน
00:06:54 → 00:06:57 จะไม่เพียงพอในการซ่อม DNA ของเรานะครับ
00:06:58 → 00:07:00 ผมอยากจะแนะนำให้คุณรู้จักกับเอนไซมตัว
00:07:00 → 00:07:03 นึงที่สำคัญมากๆในการซ่อม DNA นะครับมัน
00:07:03 → 00:07:07 ชื่อว่าเินครับจริงๆแล้วเจ้าเินเนี่ยมัน
00:07:07 → 00:07:09 มีครอบครัวของมันเลยนะครับมี 7 ตัวคือ 1
00:07:09 → 00:07:12 2 3 4 5 6 7 เดี๋ยวผมจะทำ Episode
00:07:12 → 00:07:15 cin แยกเลยวันนี้ขอแค่แนะนำให้ทุกคนรู้
00:07:15 → 00:07:18 จักก่อนว่าเินเป็นเอนไซมที่สำคัญมากในการ
00:07:18 → 00:07:21 ซ่อม DNA เพราะมันทำหน้าที่ในการเซนว่า
00:07:21 → 00:07:24 เฮ้ยตอนนี้มี DNA เสียแล้วนะแล้วมันก็จะ
00:07:24 → 00:07:27 สั่งงานต่อครับให้ทีมงานที่ทำหน้าที่ใน
00:07:27 → 00:07:30 การซ่อม DNA เนี่ยออกไปทำงานซ่อมดี DNA
00:07:30 → 00:07:32 ถ้ามัน Active แล้วก็ทำงานได้ดีเนี่ยก็จะ
00:07:33 → 00:07:35 ทำให้กระบวนการซ่อม DNA เนี่ยทำงาน Up
00:07:35 → 00:07:38 and Running คือทำงานได้ปกตินะครับที
00:07:38 → 00:07:41 นี้มันมีสารอยู่ 2 กลุ่มที่จำเป็นมากใน
00:07:41 → 00:07:46 การทำให้เจ้าเอนไซมเินทำงานได้ปกติและคน
00:07:46 → 00:07:49 เรามักจะขาดและมักจะขาดมากขึ้นด้วยตอนที่
00:07:49 → 00:07:53 เราอายุมากขึ้นนะครับ 2 ตัวนั้นก็คือ nad
00:07:53 → 00:07:56 Plus หรือว่าแนดกับอีกตัวนึงคือเราเรียก
00:07:56 → 00:08:00 ว่า cin activator ก็คือ 3 กลุ่มที่ทำ
00:08:00 → 00:08:03 ให้เินเนี่ยมัน Active ซึ่งส่วนใหญ่มัน
00:08:03 → 00:08:06 คือไฟต Chemical ที่มาจากพืชนั่นเองเรา
00:08:06 → 00:08:10 ต้องกินสาร 2 กลุ่มนี้เข้าไปให้เพียงพอใน
00:08:10 → 00:08:13 ทุกๆวันนะครับเพื่อทำให้เจ้าเินเนี่ยมัน
00:08:13 → 00:08:15 ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วก็
00:08:16 → 00:08:18 efficient นะครับแนทเนี่ยเป็นวัตถุดิบ
00:08:18 → 00:08:20 ที่ร่างกายต้องใช้ในการเปลี่ยนอาหารให้ไป
00:08:20 → 00:08:22 เป็น ATP หรือว่าพลังงานเพื่อใช้ภายใน
00:08:22 → 00:08:25 เซลล์ภายในร่างกายของเรานะครับเวลาที่เรา
00:08:25 → 00:08:27 อายุเยอะมากขึ้นแล้วเนี่ยเราจะมีแหนกหรือ
00:08:27 → 00:08:30 ว่าวัตถุดิบตัวเนี้ยลดน้อยลงเลยจำเป็น
00:08:30 → 00:08:33 ต้องมีการกินอะไรก็ตามที่ไป OST การผลิต
00:08:33 → 00:08:36 แนตในร่างกายซึ่งสารที่สามารถจะไป OST
00:08:36 → 00:08:38 การผลิตแนตได้เนี่ยมักจะเกี่ยวข้องกับ
00:08:38 → 00:08:41 วิตามิน B3 นะครับมันจะมีวิตามิน B3 อยู่
00:08:41 → 00:08:43 หลากหลายตัวเลยนะฮะที่สามารถกินเข้าไป
00:08:43 → 00:08:46 แล้วเพิ่มการสร้างแหนดได้แต่ตัวที่มี
00:08:46 → 00:08:49 ประสิทธิภาพที่สุดแล้วก็ปลอดภัยกับการกิน
00:08:49 → 00:08:51 ในระยะยาวที่สุดผมแนะนำไปแล้วมันชื่อว่า
00:08:51 → 00:08:55 nr หรือว่านิโคติน am โปซนะครับถ้ากิน
00:08:55 → 00:08:57 เข้าไปแล้วเนี่ยสามารถที่จะ Boost ปริมาณ
00:08:57 → 00:08:59 nad Plus ในร่างกาย
00:08:59 → 00:09:02 ให้ทดแทนการที่เรามีน้อยลงน้อยลงตอนที่
00:09:02 → 00:09:05 เราแก่มากยิ่งขึ้นนั่นคือแนดควรจะมีนะ
00:09:05 → 00:09:08 ครับและด้วยความที่เจ้าเอนไซมเินเนี่ยมัน
00:09:08 → 00:09:10 ต้องพึ่งแนตในการทำงานเพราะฉะนั้นการที่
00:09:10 → 00:09:13 เราแกะตัวไปแล้วมีแนตน้อยลงมันกระทบกับ
00:09:13 → 00:09:16 เินและการซ่อม DNA ครับสารอีกกลุ่มนึงที่
00:09:16 → 00:09:18 เรียกว่า cin activator เนี่ยครับมันไม่
00:09:18 → 00:09:21 ใช่หรอกมันคือไ Chemical คือสารสกัดจาก
00:09:21 → 00:09:23 พืชที่กินเข้าไปแล้วเนี่ยครับมันสามารถ
00:09:23 → 00:09:26 ที่จะไปจับกับเินแล้วทำให้เินเนี่ยพร้อม
00:09:26 → 00:09:28 ที่จะไปจับกับแนดอีกทีนึงแล้วอยู่ในฟอร์ม
00:09:28 → 00:09:31 ที่พร้อมจะทำงานเต็มที่นะครับถามว่าไอ้
00:09:31 → 00:09:33 เจ้า cin activator มีอะไรบ้างจริงๆผม
00:09:33 → 00:09:35 เคยพูดไปแล้วหลายตอนมากเลยนะครับไม่ว่าจะ
00:09:35 → 00:09:37 เป็นตอนซอบี้เซลลหรือว่าจะเป็นตอน
00:09:37 → 00:09:40 antioxidant นะครับสารกลุ่มคล้ายๆกันนะ
00:09:40 → 00:09:42 ครับมี Top 5 pH Chemical ที่สามารถจะ
00:09:42 → 00:09:45 กระตุ้นการทำงานของ cin Type 1 ที่เป็น
00:09:45 → 00:09:48 ตัวสำคัญในการซ่อม DNA ผมิมาให้นะครับคือ
00:09:48 → 00:09:51 มี rw trol
00:09:51 → 00:09:54 curtin curcumin ก็คือขิ berberine
00:09:54 → 00:09:57 แล้วก็ไ in นะครับ 5 ตัวนี้มีงานศึกษา
00:09:57 → 00:10:00 ค่อนข้างเยอะมากๆว่าเป็นตัวเด่นๆเลยที่
00:10:00 → 00:10:03 สามารถจะกระตุ้นการทำงานของ cin Type 1
00:10:03 → 00:10:06 ได้ดีมากๆนะครับกินจากอาหารอะไรได้บ้าง
00:10:06 → 00:10:09 ล่ะ rat ครับกินในองุ่น Dark ช็อกโกแลต
00:10:09 → 00:10:13 เบอร์รี่ถั่วลิสงแล้วก็พิซา chio ครับเซิ
00:10:13 → 00:10:15 นะครับจริงๆกินคล้ายๆกับ Rest warat นะ
00:10:15 → 00:10:17 ครับแล้วก็ยังเพิ่มเข้าไปในผลไม้รส
00:10:17 → 00:10:20 เปรี้ยวแอปเปิลรวมไปถึงหอมหัวใหญ่ครับก็
00:10:20 → 00:10:23 จะมี curtin อยู่เยอะนะฮะเคินคือคมินครับ
00:10:23 → 00:10:26 คมินของไทยนี่แหละนะครับไม่ว่าจะอยู่ใน
00:10:26 → 00:10:28 พริกแกงหรือว่าในหมูสเต๊ะเป็นอีกหนึ่ง
00:10:28 → 00:10:30 เหตุผลที่เราไปกินหมูสเตะได้เพื่อได้
00:10:30 → 00:10:32 เคอคูมินหรือขมินนะครับเบอร์บีเนี่ยมัน
00:10:32 → 00:10:35 เป็นสารสกัดที่อยู่ในพืชที่หายค่อนข้าง
00:10:35 → 00:10:37 ยากในฝั่งเอเชียนะครับซึ่งเจอว่าอ่ะใน
00:10:37 → 00:10:40 คมินก็พอมีเบอร์บอนอยู่ด้วยนะครับไินะ
00:10:40 → 00:10:42 ครับเจอในสตอเบอร์รี่แอปเปิ้ลแตงกวาหอม
00:10:42 → 00:10:44 ใหญ่เพราะฉะนั้นเนี่ยเราสามารถจะกินอาหาร
00:10:44 → 00:10:46 พืชผักเหล่านี้เพิ่มมากขึ้นนะครับเพื่อ
00:10:46 → 00:10:49 ให้ได้ C in activator ครับทีนี้หลายคน
00:10:49 → 00:10:51 อาจจะมองหาตัวช่วยซึ่งเป็นอยู่ในรูปของ
00:10:51 → 00:10:54 supplement เดี๋วเยก็มี Caps supplement
00:10:54 → 00:10:56 นะครับที่เป็นสารสกัดเหล่านี้มาเลยนะครับ
00:10:56 → 00:10:58 ถามว่ากินได้มยก็กินได้นะครับมีคำแนะนำ
00:10:58 → 00:11:00 นิดนึงด้วยความที่ที่มันเป็นสารสกัดจาก
00:11:00 → 00:11:02 พืชมันไม่มีตัวเลขชัดเจนว่าโดสที่ปลอดภัย
00:11:02 → 00:11:05 คือเท่าไหร่นะครับผมก็อยากจะแนะนำให้กินๆ
00:11:05 → 00:11:08 หยุดๆครับกินบ้างหยุดบ้างเปลี่ยนตัวบ้าง
00:11:08 → 00:11:10 นะครับเวลาที่คุณซื้อมนเนี่ยอาจจะซื้อมา
00:11:10 → 00:11:13 ในรูปของ respirator เปล่าๆในรูปของไ in
00:11:13 → 00:11:16 เปล่าๆหรือว่า cin เปล่าๆมีการเวียนกัน
00:11:16 → 00:11:18 กินบ้างเหมือนกับการเวียนการกินผักผัก
00:11:18 → 00:11:21 ผลไม้เพื่อได้ิอกหลากหลายแล้วก็ไม่
00:11:21 → 00:11:24 Overdose มากเกินไปก็จะค่อนข้างเซฟนะ
00:11:24 → 00:11:27 ครับทั้งหมดเนี้ยคือ nad Plus แล้วก็ cin
00:11:27 → 00:11:30 activator 2 คู่หูที่ต้องกินไปพร้อมกัน
00:11:30 → 00:11:34 เพื่อใช้ในการทำงานของเินในการซ่อม DNA
00:11:34 → 00:11:36 นะครับนอกจากสารที่ว่ามาเนี่ยยังมีแร่
00:11:36 → 00:11:39 ธาตุสำคัญำคัญอีก 3 ตัวที่จำเป็นต้องใช้
00:11:39 → 00:11:41 ในการซ่อม DNA เพราะเป็นทั้งโคเอนไซม์และ
00:11:41 → 00:11:44 โคแฟกเตอร์นะครับและเรายังไม่ค่อยได้พูด
00:11:44 → 00:11:46 ถึงในรายการผมเลยยกมาพูดถึงวันนี้เลยนะ
00:11:46 → 00:11:51 ครับก็จะมีซีลีเนียมซิงค์แล้วก็แมงกานีส
00:11:51 → 00:11:53 ครับ 3 ตัวนี้จำเป็นต้องใช้ในการซ่อม DNA
00:11:53 → 00:11:55 นะครับไปทีในตัวซีลีเนียมครับจริงๆ
00:11:55 → 00:11:58 เซเลเนียมเนี่ยนอกจากจะช่วยในการซ่อม DNA
00:11:58 → 00:12:00 แล้วตัวมันเองยังมีิปเป็นอตี้ออกซินแล้ว
00:12:00 → 00:12:02 ก็มีส่วนช่วยในเรื่องของระบบคุมิคุ้มกัน
00:12:02 → 00:12:04 ด้วยนะครับวันนึงเราต้องการซีลีเนียม
00:12:04 → 00:12:07 ประมาณ 55 ไมโครกรัมนะครับอาหารอะไรอ่ะ
00:12:08 → 00:12:11 ที่มีเซเลเนียมเยอะผมไปดูมาให้นะฮะถั่ว
00:12:11 → 00:12:14 บราซิลนัทแค่ 1 เม็ดเนี่ยมีเซเลเนียม
00:12:15 → 00:12:17 ประมาณ 600 กว่าไมโครกรัมคือเม็ดเดียว
00:12:17 → 00:12:20 เพียงพอเลยนะครับไข่ไก่ไซส์กลาง medium
00:12:20 → 00:12:23 ไซส์แค่ 1 ฟองเนี่ยครับก็มีเซเลเนียมอยู่
00:12:23 → 00:12:26 ที่ประมาณ 146 ไมโครกรัมเรียกได้ว่ากิน
00:12:26 → 00:12:30 ไข่ขนาดกลางวันละฟองได้เซเลเนียมพอแล้วนะ
00:12:30 → 00:12:32 ครับนอกจากนี้ก็ังมีในตับทูหน้าอกไก่
00:12:32 → 00:12:35 แซลมอนมีในเชีย์ซีดแล้วก็เห็ดนะครับมาที่
00:12:35 → 00:12:37 ซิงคครับซิงคหรือว่าสังกสีเนี่ยเป็นอีก
00:12:37 → 00:12:40 หนึ่งแร่ธาตุที่สำคัญมากๆแบบเรียกได้ว่า
00:12:40 → 00:12:43 แทบจะครอบจักรวาลเพราะมันไปมีส่วนร่วมใน
00:12:43 → 00:12:46 หลายๆเอนไซม์ที่จำเป็นในหลายๆ activities
00:12:46 → 00:12:48 ของร่างกายของเรานะครับแล้วก็เป็นสิ่งที่
00:12:48 → 00:12:50 คนมักจะขาดด้วยอาจจะเพราะว่าเวลาที่เรา
00:12:51 → 00:12:52 แก่มากขึ้นมากขึ้นเนี่ยประสิทธิภาพในการ
00:12:52 → 00:12:55 ดูดซึมซิงของร่างกายเรามันอาจจะลดลงลดลง
00:12:55 → 00:12:58 นะครับผู้ชายเนี่ยต้องการสังกสีประมาณวัน
00:12:58 → 00:13:00 ละ 11 มิลกรัมต่อวันนะครับในขณะที่ผู้
00:13:00 → 00:13:02 หญิงต้องการน้อยกว่านิดนึงก็คือ 8 มลกต่อ
00:13:02 → 00:13:04 วันยกเว้นผู้หญิงที่ตั้งครรภ์หรือว่าให้
00:13:04 → 00:13:06 นมบุตรเนี่ยอาจจะต้องการปริมาณสังกสี
00:13:06 → 00:13:09 เทียบเท่าผู้ชายเลยเนาะแล้วสังกสีมีในไหน
00:13:09 → 00:13:12 เยอะอ่ะก็มีในเนื้อสัตว์แล้วก็อาหารทะเล
00:13:12 → 00:13:14 ครับไม่ว่าจะเป็นหอยนางลมเรียกได้ว่าหอย
00:13:14 → 00:13:17 นางลมเนี่ยเยอะสุดครับไปดูตัวเลขปริมาณ
00:13:17 → 00:13:20 สังกสีในหอยนางลมอ่ะโอ้โหเรียกว่าทิ้งขาด
00:13:20 → 00:13:22 จากโปรตีนตัวอื่นแบบไม่เห็นฝุ่นเลยนะครับ
00:13:22 → 00:13:25 หอยนางลม 1 ตัวเนี่ยมีสังกสีอยู่ที่
00:13:25 → 00:13:28 ประมาณ 38 มิลกรัมก็คือกินตัวเดียวเนี่ย
00:13:28 → 00:13:30 Cover 10 ซิงคที่ต้องการต่อวันนะครับ
00:13:30 → 00:13:33 ซึ่งมากกว่าเนื้อวัวที่มาเป็นอันดับ 2
00:13:33 → 00:13:35 เนี่ยถึงประมาณ 10 กว่าเท่าคือเนื้อวัว
00:13:35 → 00:13:38 เนี่ยมีสังกสีอยู่ที่ประมาณ 3 มิลกรัม
00:13:38 → 00:13:41 เท่านั้นเองนะครับในสัดส่วนประมาณ 100
00:13:41 → 00:13:43 กรัมของเนื้อนะครับซึ่งเรียกว่าน้อยกว่า
00:13:43 → 00:13:45 ซีฟู้ดมากๆโดยเฉพาะหอยนางลมเนาะคนส่วน
00:13:46 → 00:13:48 ใหญ่ที่กินเนื้อสัตว์อยู่แล้วเอาจริงๆ
00:13:48 → 00:13:51 เนี่ยมักจะไม่ค่อยมีปัญหาในการขาดสังกสี
00:13:51 → 00:13:54 นะครับแต่ว่าคนที่กินพืชส่วนใหญ่หรือว่า
00:13:54 → 00:13:56 เป็นแนวเกนหรือว่าเป็น vegetarian เนี่ย
00:13:57 → 00:13:59 นะครับอาจจะมีความเสี่ยงในการที่ได้รับ
00:13:59 → 00:14:01 สังกสีไม่เพียงพอเท่าไหร่นะครับเพราะว่า
00:14:01 → 00:14:03 ปริมาณสังกสีในพืชอาจจะมีน้อยกว่าในสัตว์
00:14:03 → 00:14:06 เพราะฉะนั้นน่ะอาจจะต้อง consider ในการ
00:14:06 → 00:14:09 Take มนที่เป็นสังกสีด้วยนะครับอีกตัว
00:14:09 → 00:14:12 นึงก็คือแมงกานีสครับแมงกานีสหลายคนอาจจะ
00:14:12 → 00:14:15 ไม่ค่อยได้คุ้นหูแต่ว่าก็สำคัญมากกับ
00:14:15 → 00:14:17 เรื่องของ DNA rep นะครับผู้ชายต้องการ
00:14:17 → 00:14:20 แมงกานีอยู่ที่ 2.3 มกต่อวันผู้หญิง
00:14:20 → 00:14:23 ต้องการอยู่ที่ 1.8 มกรต่อวันมีในนๆเยอะ
00:14:23 → 00:14:26 มีในหอยแมงพู่ครับเป็นเหตุผลว่าทำไมเรา
00:14:26 → 00:14:29 ควรจะไปกินหอยทอดนะฮะเพราะว่าการหอย
00:14:29 → 00:14:32 แมงพู่มีแมงกานีสเยอะแล้วก็จะทำให้เราได้
00:14:32 → 00:14:34 รับเพียงพอนะครับนอกจากหอยแมงพู่แล้ว
00:14:34 → 00:14:36 ตระกูลหอยก็มีแมงกานีสค่อนข้างเยอะนะครับ
00:14:36 → 00:14:39 ลองลงมาก็จะเป็นออยสเตอร์คือหอยนางโรม
00:14:39 → 00:14:42 แล้วก็พวกหอยตลับที่เป็นแคมเชลเนี่ยครับ
00:14:42 → 00:14:44 ก็มีแมงกเนสอยู่ค่อนข้างเยอะนะครับนอกจาก
00:14:44 → 00:14:47 เนี้ยข้าวกล้องถ้าเรากินข้าวกล้องวันละ 1
00:14:47 → 00:14:49 ถ้วยอย่างน้อยเนี่ยนะครับเรียกได้ว่าแทบ
00:14:49 → 00:14:51 จะได้แมงกานีสเพียงพอเช่นกันนะครับแล้วก็
00:14:51 → 00:14:54 ถ้าใครเป็นพวกชอบกินถั่วนะครับผมมีแนะนำ
00:14:54 → 00:14:57 เลยเฮเซลนัทครับมีแมงกานีสเยอะไปเลือกกิน
00:14:57 → 00:15:00 กันได้นะครับนอกจากแร่ธาตุแล้วมีวิตามิน 3
00:15:00 → 00:15:03 ตัวที่ค่อนข้างจำเป็นคือ a c e make
00:15:03 → 00:15:05 sure ว่าคุณกินวิตามิน a c เพียงพอ
00:15:06 → 00:15:08 เพราะว่ามันนอกจากจะเป็น antioxidant
00:15:08 → 00:15:11 แล้วยังจำเป็นในการซ่อม DNA ด้วยนะครับ
00:15:11 → 00:15:14 นั่นคือสเต็ปที่ 1 คือการกินวัตถุดิบ
00:15:14 → 00:15:17 จำเป็นในการซ่อมเให้พอครับไปต่อที่สต็ป
00:15:17 → 00:15:20 ที่ 2 ซึ่งสำคัญไม่แพ้กันผมเรียกสต็ปนี้
00:15:20 → 00:15:24 ว่าการเคลียร์สมองครับก่อนที่เราจะนอน
00:15:24 → 00:15:27 เนี่ยนะครับเราควรจะเคลียร์สมองให้โล่ง
00:15:27 → 00:15:29 ให้พร้อมนอนให้อยู่ในภาวะที่เป็น
00:15:29 → 00:15:32 หรือว่า resting state คือภาวะผ่อนคลาย
00:15:32 → 00:15:35 พร้อมที่จะพักผ่อนครับถามว่าทำไม
00:15:35 → 00:15:39 สำคัญหลายๆครั้งการที่คนเราเนี่ยนอนไม่มี
00:15:39 → 00:15:42 คุณภาพเพราะว่าเรามักจะคิดนู่นคิดนี่คิด
00:15:42 → 00:15:44 นั่นเยอะมากหัวแล่นมากตอนที่จะนอนนะครับ
00:15:44 → 00:15:46 ตอนกลางวันไม่ค่อยจะแล่นหรอกแต่อีตอนจะ
00:15:46 → 00:15:49 นอนที่มันเงียบๆเนี่ยคิดเยอะครับคิด
00:15:49 → 00:15:51 เรื่องราวราตะต่างๆนานาที่เราเจอมา
00:15:51 → 00:15:54 ระหว่างวันปัญหาต่างๆที่มันเครียดที่แบบ
00:15:54 → 00:15:56 มันยังไม่เคยได้คิดมันยุ่งเกินไปเกว่าที่
00:15:56 → 00:15:58 เราจะคิดเรามาคิดตอนเราจะนอนหรือบางที
00:15:58 → 00:16:00 เนี่ยเราฟุ้งซ่านคิดในสิ่งที่มันยังไม่
00:16:00 → 00:16:03 เกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้คิดว่าโอพรุ่งนี้
00:16:03 → 00:16:05 ต้องเจออะไรบ้างนะหรือว่ามีแพลนต้องทำ
00:16:05 → 00:16:08 อะไรบ้างคิดเยอะคิดแยะทำให้เรานอนไม่หลับ
00:16:08 → 00:16:11 เราไม่ยอมชัดดาวสมองนั่นเองเพราะฉะนั้น
00:16:11 → 00:16:14 สิ่งเนี้ยเป็นสิ่งที่เราต้องฝึกนะครับ
00:16:14 → 00:16:17 ก่อนที่เราจะนอนทุกคืนผมเองผมพยายามฝึก
00:16:17 → 00:16:19 อยู่แล้วก็รู้สึกว่ามันช่วยได้มากเลยอยาก
00:16:19 → 00:16:23 จะมาแชร์ให้ทุกคนลองทำตามเช่นกันนะครับ
00:16:23 → 00:16:26 การเคลียร์สมอง 15 นาทีหรือว่าการชัดดาว
00:16:26 → 00:16:30 สมอง 15 นาทีเป็นการป้องกันให้เราหยุดคิด
00:16:30 → 00:16:32 หยุดเครียดนะครับถามว่ามีขั้นตอนในการทำ
00:16:32 → 00:16:34 ยังไงบ้างสเต็ปแรกเลยนะครับเป็นสิ่งที่
00:16:34 → 00:16:37 เราควรจะทำคือเราควรจะคิดทุกอย่างให้จบ
00:16:37 → 00:16:40 ก่อนเลยครับอะไรที่มันต้องคิดระหว่างวัน
00:16:40 → 00:16:42 นี้ที่เราเจออะไรมาคิดเลยอารมณ์ต่างๆที่
00:16:42 → 00:16:45 มันขุ่นมัวไม่ว่าจะเป็นความเครียดความ
00:16:45 → 00:16:48 หงุดหงิดความกลัวความกังวลต่างๆระบายมัน
00:16:48 → 00:16:50 ออกมาครับหาทางระบายบางคนเนี่ยระบายด้วย
00:16:50 → 00:16:54 การเขียนบางคนระบายด้วยการใช้กำลังก็มีนะ
00:16:54 → 00:16:57 ครับการที่เราแบบฟาดหมอนอะไรเงี้ยให้รู้
00:16:57 → 00:16:59 สึกสบายใจมากยิ่งขึ้นหรือว่าตะโกนอะไร
00:16:59 → 00:17:02 เงี้ยมันช่วยให้เราระบายอารมณ์ออกมาการ
00:17:02 → 00:17:04 เคลียร์ความรู้สึกเคลียร์ความคิดที่เรา
00:17:04 → 00:17:06 เจอมาทั้งวันอันเนี้ยคือการเคลียร์อีก
00:17:06 → 00:17:09 อย่างนึงคือเคลียร์ความคิดทั้งหมดที่
00:17:09 → 00:17:11 เกี่ยวข้องกับวันรุ่งขึ้นครับอะไรก็ตาม
00:17:11 → 00:17:13 ที่เรารู้สึกว่าโอเคพรุ่งนี้เราต้องทำ
00:17:13 → 00:17:14 เคลียร์คิดคิดให้จบครับว่าพรุ่งนี้ต้องทำ
00:17:15 → 00:17:17 อะไรบ้างแพลนเลยครับหรือว่าอะไรตงๆที่
00:17:17 → 00:17:19 เป็นข้อกังวลเนี่ยเคลียร์ให้สิ้นให้หมด
00:17:19 → 00:17:21 แล้วหลังจากที่คุณคิดทุกอย่างเรียบร้อย
00:17:22 → 00:17:23 แล้วนะครับคราวเนี้ยเป็นช่วงที่คุณจะต้อง
00:17:23 → 00:17:27 บล็อกสัก 15 นาทีว่าให้สมองคุณน่ะชัดดาว
00:17:28 → 00:17:30 คือไม่คิดต่อไปครับไปทำกิจกรรมอย่างอื่น
00:17:30 → 00:17:34 ที่ให้สมองหยุดคิดให้มันชัดดาวน์ไปเลยนะ
00:17:34 → 00:17:38 ครับเช่นนั่งสมาธิหรือ bread work ผมเอง
00:17:38 → 00:17:40 เนี่ยเคยพยายามนั่งสมาธิแต่รู้สึกว่ามัน
00:17:40 → 00:17:42 อาจจะไม่ถูกจริตเท่าไหร่นะครับ bread
00:17:42 → 00:17:44 work เนี่ยทำบ่อยมากค่อนข้างบ่อยแล้วรู้
00:17:44 → 00:17:46 สึกว่าเวิร์คขอพูดถึง bread work ก่อน
00:17:46 → 00:17:48 นิดนึงแล้วกันเวลาที่ผมเครียดผมจะทำ bread
00:17:48 → 00:17:51 work เสมอนะครับคือเคยเล่าไปในการทำ
00:17:51 → 00:17:53 physiological SI ก็คือเวลาเราเครียด
00:17:53 → 00:17:55 เนี่ยเราจะหายใจเร็วขึ้นถูกป่ะผมแนะนำให้
00:17:56 → 00:17:58 หายใจออกให้ยาวกว่าหายใจเข้านั่นคือวิธี
00:17:58 → 00:18:02 นึงอีกวิธีนึงคือการทำเดวิคือหายใจแบบ 478
00:18:02 → 00:18:05 ก็คือหายใจเข้า 4 วินาทโคือกั้นหายใจเอา
00:18:05 → 00:18:09 ไว้ 7 วินาทแล้วก็หายใจออกยาวๆ 8 วินานะ
00:18:09 → 00:18:11 ครับมันมีเทคนิคนี้ 478 หลายคนทำแล้วทำ
00:18:11 → 00:18:14 ให้นอนหลับนะครับผมมักจะทำ 478 เวลาที่ผม
00:18:14 → 00:18:16 เครียดใครที่ไม่เคยทำลองไปทำดูแล้วจะรู้
00:18:17 → 00:18:20 สึกว่าเฮ้ยมันรีกขึ้นจริงๆด้วยความที่พอ
00:18:20 → 00:18:23 เราต้องทำ 478 อ่ะโฟกัสทั้งหมดน่ะมันถูก
00:18:23 → 00:18:26 ดึงมาให้เราต้องมานับเลขให้เราต้องมากั้น
00:18:26 → 00:18:29 หายใจต้องให้คลุมลมหายใจนะครับทำให้เรา
00:18:29 → 00:18:31 หยุดคิดเรื่องที่มันฟุ้งซ่านได้ชั่วขนาด
00:18:31 → 00:18:33 นึงซึ่งมันเวิร์คพอสมควรแต่ผมเองมีเคล็ด
00:18:33 → 00:18:35 ลับส่วนตัวอีก 1 อย่างก่อนที่ผมจะนอน 15
00:18:35 → 00:18:40 นาทีเนี่ยครับผมเปิดไฟสีส้มก็คือไฟโทน
00:18:40 → 00:18:42 ร้อนนะครับตัวเควินของหลอดไฟที่ผมใช้ใน
00:18:42 → 00:18:45 ห้องนอนเนี่ยมันจะอยู่ในช่วง 2,000 3,000
00:18:45 → 00:18:47 เคลวินคือเป็นโทนสีเหลืองสีส้มนะครับถ้า
00:18:47 → 00:18:50 ห้องนอนใครเนี่ยใช้หลอดไฟที่เปลี่ยนสีไม่
00:18:50 → 00:18:54 ได้ผมแนะนำให้ไปใช้ไฟโทนสีเหลืองสีส้มแทน
00:18:54 → 00:18:59 ไฟที่เป็นไฟโทนสีขาวหรือว่าเป็นไฟโทนคู
00:18:59 → 00:19:01 อะไรเนะครับจะดีกว่าผมเปิดไฟโซนนี้ครับ
00:19:01 → 00:19:03 ประมาณ 15 นาทีเพื่อ Build ร่างกายและให้
00:19:03 → 00:19:06 ร่างกายรู้สึกรีกแล้วสิ่งที่ผมทำคือผมฟัง
00:19:06 → 00:19:09 เพลงเพลงโทนที่มันอ่าทำให้ร่างกายรู้สึก
00:19:09 → 00:19:12 คามรู้สึกสบายนะครับทำทุกวันเพื่อเป็นการ
00:19:12 → 00:19:15 ให้สัญญาณกับร่างกายว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่
00:19:15 → 00:19:18 ผมทำกิจกรรมเนี้ยเธอเตรียมที่จะนอนนะครับ
00:19:18 → 00:19:21 พอทำบ่อยๆขึ้นร่างกายค่อนข้างชินครับก็จะ
00:19:21 → 00:19:23 เข้านอนได้ง่ายมากยิ่งขึ้นเพราะฉะนั้น
00:19:23 → 00:19:26 นั่นคือสเต็ปที่ 2 คือการเคลียร์สมอง 15
00:19:26 → 00:19:29 นาทีให้สมองเนี่ยชัดดาวจริงๆแล้วนี่มีงาน
00:19:29 → 00:19:31 วิจัยมาซัพพอร์ตเป็นหลักร้อยงานวิจัยแล้ว
00:19:31 → 00:19:34 นะครับว่าการที่เราทำนั่งสมาธิหรือการทำ
00:19:34 → 00:19:37 bread work เนี่ยมันส่งผลต่อการทำงาน
00:19:37 → 00:19:40 ของจนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์การ
00:19:40 → 00:19:45 ควบคุมอ่า stress รวมไปถึง Wake Sleep
00:19:45 → 00:19:47 Cycle ด้วยนะครับคือจีนที่เกี่ยวข้องกับ
00:19:47 → 00:19:49 การตื่นแล้วก็การนอนหลับเนี่ยมันทำงานดี
00:19:49 → 00:19:52 มากยิ่งขึ้นแล้วก็เหมาะสมมากยิ่งขึ้นทำ
00:19:52 → 00:19:55 ให้เราหลับมีคุณภาพแล้วก็หลับลึกมากยิ่ง
00:19:55 → 00:19:57 ขึ้นเพราะฉะนั้นใครที่ไม่เคยใส่ใจกับช่วง
00:19:57 → 00:20:00 15 นาทีหรือครึ่งชชมงก่อนนอนเลยนะครับ
00:20:00 → 00:20:03 ต่อจากนี้ไปลองฝึกแล้วลองทำดูมันจะช่วย
00:20:03 → 00:20:05 ได้เยอะเลยนะครับนั่นคือสเต็ปที่ 2 มาถึง
00:20:05 → 00:20:07 สเต็ปสุดท้ายครับมันคือการสเต็ปการนอน
00:20:07 → 00:20:10 แล้วคือนอนให้พอแล้วก็นอนให้มีคุณภาพมาก
00:20:10 → 00:20:12 ที่สุดจริงๆอ่ะเราพูดเรื่องการนอนไปค่อน
00:20:13 → 00:20:15 ข้างบ่อยผมไม่ค่อยอยากพูดซ้ำนะครับจะยก
00:20:15 → 00:20:17 มันนิดนึงแล้วกันก็คือว่านอนมีคุณภาพมัน
00:20:17 → 00:20:19 มี 2 ประเด็นครับคือ 1 เราควรจะสร้าง
00:20:19 → 00:20:21 แพทเทิร์นการนอนที่ดีครับตอนนี้มัน
00:20:21 → 00:20:24 เคลียร์แล้วนะครับว่าเวลาเข้านอนเนี่ยมัน
00:20:24 → 00:20:26 ไม่สำคัญและสิ่งที่สำคัญเนี่ยมันคือ
00:20:26 → 00:20:29 แพทเทิร์นในการนอนเราควรจะมีเวลานอนที่
00:20:30 → 00:20:32 เป็นเวลาคือนอนและตื่นเป็นเวลาจะช่วยทำ
00:20:32 → 00:20:35 ให้ร่างกายมีสุขภาพที่ดีนะครับด้วยเหตุผล
00:20:35 → 00:20:38 ว่าแต่ละคนเนี่ยมีข้อจำกัดในชีวิตมีหน้า
00:20:38 → 00:20:39 ที่การงานไม่เหมือนกันบางคนทำงานเป็นกะ
00:20:40 → 00:20:41 ต้องเข้ากลางคืนเนี่ยครับไม่ต้องกังวล
00:20:41 → 00:20:45 ครับตราบใดที่คุณมี Shift K คุณเซต
00:20:45 → 00:20:47 แพทเทิร์นการนอนของคุณที่มันตอบโจทย์กับ
00:20:47 → 00:20:50 ชีวิตการทำงานให้มันิกคือตื่นและนอนเป็น
00:20:50 → 00:20:52 เวลาเท่านั้นเนี่ยโอเคแล้วนะครับอย่างที่
00:20:52 → 00:20:54 2 นอกจากแพทเทิร์นการนอนคือทำยังไงก็ได้
00:20:54 → 00:20:57 ให้เราไม่ตื่นขึ้นมากลางคันตอนที่เรานอน
00:20:57 → 00:21:00 นะครับผมเองเนี่ยมักจะค่อนข้างเซ็งกับตัว
00:21:00 → 00:21:02 เองมากเลยถ้าเกิดว่าต้องตื่นขึ้นมาเพื่อ
00:21:02 → 00:21:04 ไปเข้าห้องน้ำเพราะว่าปวดฉี่ก็จะเซ็งว่า
00:21:04 → 00:21:07 เฮ้เราไม่น่าจะกินน้ำเยอะเลยก่อนที่เรา
00:21:07 → 00:21:09 เข้านอนควรจะบริหารการดื่นน้ำให้ดีเพราะ
00:21:09 → 00:21:12 ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่เราตื่นขึ้นมากลาง
00:21:12 → 00:21:15 คันตอนนอนเนี่ยทีมงานที่มันกำลังซ่อม DNA
00:21:15 → 00:21:17 อยู่อ่ะมันหยุดชะงักทันทีเลยนะครับพอร่าง
00:21:17 → 00:21:19 กายเราตื่นเนี่ยครับไอ้เจ้าทีมงานที่มัน
00:21:19 → 00:21:22 พิสูจน์อักษรเนี่ยมันจะหยุดทำงานเพราะมัน
00:21:22 → 00:21:25 คิดว่าเฮ้ยเดี๋ยวทีมงานสาฟคนอื่นๆเนี่ย
00:21:25 → 00:21:27 มันจะต้องวิ่งเข้ามาอ่านไอ้เจ้าคู่มือ DNA
00:21:27 → 00:21:29 เล่มนี้แล้วมันก็เลยหยุดทำงานเพื่อหลีก
00:21:29 → 00:21:31 ทางให้เพื่อนการซ่อมินเอมามันเลยหยุด
00:21:31 → 00:21:33 ชะงักนะครับเพราะฉะนั้นอย่าตกม้าตายด้วย
00:21:33 → 00:21:35 กันต้องตื่นมาเข้าห้องน้ำตอนกลางคืนนะ
00:21:35 → 00:21:37 ครับถ้าเป็นไปได้เนาะอีกอย่างนึงที่ควร
00:21:37 → 00:21:40 ระวังคือบางคนเนี่ยหยุดหายใจขณะนอนหลับ
00:21:40 → 00:21:43 หรือว่ามีอาการกรนนะครับถ้าใครรู้สึกว่า
00:21:43 → 00:21:46 ตื่นนอนแล้วรู้สึกว่านอนก็เยอะนี่นานแต่
00:21:46 → 00:21:49 เรานอนหลับแล้วมันไม่เฟรชเลยนะครับไปลอง
00:21:49 → 00:21:52 ทำ Sleep Test ดูนะครับว่าตัวเองเนี่ยมี
00:21:52 → 00:21:55 ปัญหาหยุดหายใจขณะนอนหลับหรือเปล่าถ้ามี
00:21:55 → 00:21:58 ผมแนะนำให้รีบรักษาแล้วก็ดูแลตัวเองเพราะ
00:21:58 → 00:22:01 มันส่งผลกับคุณภาพการนอนซึ่งมันส่งผลเป็น
00:22:01 → 00:22:04 ลูกโซ่ต่อสุขภาพแบบ long เทอมเลยนะครับ
00:22:04 → 00:22:08 เพราะฉะนั้นควรจะใส่ใจกับการนอนให้หลับ
00:22:08 → 00:22:10 ยาวสนิทตลอดทั้งคืนแล้วก็นอนให้เป็น
00:22:10 → 00:22:12 แพทเทิร์นนะครับก็จะดีมากๆนะครับสัญญาณ
00:22:12 → 00:22:15 ที่บอกว่าเรานอนมีคุณภาพคือตื่นมารสึกสด
00:22:15 → 00:22:18 ชืดและเราตื่นได้โดยไม่ต้องใช้นาฬิกาปลุก
00:22:18 → 00:22:20 เป็นสัญญาณที่บอกว่ารูีการของคุณเนี่ยดี
00:22:20 → 00:22:23 แล้วแล้วก็มาถูกทางแล้วนั่นเองนะครับงั้น
00:22:23 → 00:22:26 มาทบทวนสูตรในการซ่อม DNA 3 สต็ปกันนิด
00:22:27 → 00:22:29 นึงนะครับผมอยากให้ทุกคนไปลองใช้นะครับ
00:22:29 → 00:22:32 สต็ปที่ 1 กินวัตถุดิบในการซ่อม DNA ให้
00:22:32 → 00:22:37 พอนะครับก็มี nad Plus แล้วก็ไฟ Chemical
00:22:37 → 00:22:40 ทั้ง 5 ตัวนะครับคือ respirator curtin
00:22:40 → 00:22:43 fatin berberine แล้วก็ cin นะครับทั้ง
00:22:43 → 00:22:45 2 อย่างต้องกินเข้าไปควบคู่กันเพราะ
00:22:45 → 00:22:48 จำเป็นต่อการทำงานของเอนไซมเ to in นะฮะ
00:22:48 → 00:22:50 การที่เรานอนมีคุณภาพอย่างเดียวแต่ไม่มี
00:22:50 → 00:22:53 วัตถุดิบเหล่านี้เนี่ยการซ่อมแซม DNA ก็
00:22:53 → 00:22:55 ทำได้ไม่เต็มที่แล้วก็ไม่มีประสิทธิภาพ
00:22:55 → 00:22:57 อย่างที่มันควรจะเป็นนะครับอย่างที่ 2
00:22:57 → 00:23:01 ควรจะใส่ใจกับช่วง 15-30 นาทีก่อนนอน
00:23:01 → 00:23:05 เคลียร์สมองชัดดาวสมองนะครับหากิจกรรม
00:23:05 → 00:23:07 อะไรที่มันตอบโจทย์คุณที่ทำให้คุณเนี่ย
00:23:07 → 00:23:11 เลิกคิดฟุ้งซ่านแล้วก็โฟกัสอยู่กับตัวเอง
00:23:11 → 00:23:14 และทำให้เราสงบนะครับไม่ว่าจะเป็นการฟัง
00:23:14 → 00:23:17 เพลงการนั่งสมาธิหรือว่าการทำ bread work
00:23:17 → 00:23:20 อะไรที่ตอบโจทย์คุณทำเลยนะครับสเต็ปสุด
00:23:20 → 00:23:23 ท้ายนะครับคือการนอนที่มีคุณภาพสร้าง
00:23:23 → 00:23:25 แพทเทิร์นในการนอนนอนและตื่นให้เป็นเวลา
00:23:25 → 00:23:28 แล้วก็พยายามกำจัดทุกต้นเหตุที่ทำให้เรา
00:23:28 → 00:23:31 ต้องตื่นกลางคันตอนกลางคืนก็จะทำให้การ
00:23:31 → 00:23:33 ซ่อมแซม DNA ของคุณมีประสิทธิภาพแล้วทำ
00:23:33 → 00:23:35 ให้ Over Health ของคุณดีแล้วก็เพิ่ม
00:23:35 → 00:23:39 Health สปนหรือว่าจำนวนปีที่เรามีสุขภาพ
00:23:39 → 00:23:41 ดีแล้วเราสามารถจะ Enjoy ชีวิตตลอดระยะ
00:23:41 → 00:23:44 เวลาเอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างมีความสุขมาก
00:23:44 → 00:23:46 ยิ่งขึ้น
00:23:46 → 00:23:49 ครับ Top to Toe The Standard
00:23:49 → 00:23:54 podcast Eye Opening for your ears