00:00:00 → 00:00:03 ค่ะรูปแบบของการกินอาหารสำหรับคนไข้โรคไต
00:00:03 → 00:00:05 เรื้อรังในแต่ละระยะเนี่ยเราก็จะมีจุด
00:00:05 → 00:00:08 ประสงค์ที่ต่างกันนะคะในระยะต้นของคนที่
00:00:08 → 00:00:11 มีปัญหาเรื่องของเอ่อไตเสื่อมหรือว่าไต
00:00:11 → 00:00:13 เรื้อรังนะคะเราจะจัดรูปแบบอาหารเพื่อ
00:00:13 → 00:00:16 หวังว่าจะชะลอไม่ให้มันเสื่อมไปมากกว่า
00:00:16 → 00:00:19 นี้นะคะแล้วถ้าสมมุติว่าเสื่อมไปถึงจุด
00:00:19 → 00:00:22 นึงซึ่งจำเป็นที่จะต้องฟอกไตเนี่ยเราก็จะ
00:00:22 → 00:00:25 ต้องพยายามจัดอาหารเพื่อที่จะทำให้เา้า
00:00:25 → 00:00:27 เนี่ยเอ่อชะลอระยะเวลาก่อนที่จะต้องไปฟอก
00:00:28 → 00:00:30 ไตนานที่สุดถ้าฟอกไปเรียบร้อยแล้วแล้วการ
00:00:30 → 00:00:32 จัดอาหารตรงนี้ก็คือจะเพื่อป้องกันไม่ให้
00:00:32 → 00:00:35 เกิดภาวะแทรกซ้อนนะคะหรือว่าอัตราการเสีย
00:00:35 → 00:00:38 ชีวิตลดลงค่ะทีนี้ตอนแรกเลยเวลาที่เราจะ
00:00:38 → 00:00:40 จัดอาหารเนี่เราจะบอกว่าปริมาณมากแค่ไหน
00:00:40 → 00:00:43 อันนี้คือแคลอรีเนาะการจัดแคลอรี่เนี่ย
00:00:43 → 00:00:45 ถ้าเราพูดเป็นตัวเลขอ่ะค่ะทางหลักวิชาการ
00:00:45 → 00:00:48 เนี่ยเราจะดูน้ำหนักตัวของคนไข้นะคะโดย
00:00:48 → 00:00:51 ทั่วไปเนี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 30-35 แคลอรี
00:00:51 → 00:00:54 ต่อน้ำหนักตัว 1 กกต่อวันยกตัวอย่างนะคะ
00:00:55 → 00:00:58 สมมุติเราหนัก 50 กกอันนี้หมายความว่าคนๆ
00:00:58 → 00:01:00 เนี้ยควรจะต้องกินอาหารอยู่ที่ประมาณ
00:01:00 → 00:01:03 1,500 แคลอรีหรือว่าอยู่ในช่วงประมาณซัก
00:01:03 → 00:01:06 1,500 - 1750 กแคลอรี่ต่อวันอันนี้คือ
00:01:06 → 00:01:09 สิ่งที่ควรจะเป็นอย่างไรก็ตามค่ะอันเนี้ย
00:01:09 → 00:01:12 ขึ้นกับว่าเค้าอ้วนหรือเค้าผอมถ้าเค้า
00:01:12 → 00:01:14 อ้วนเนาะเอาง่ายๆเลยคิดเท่าไหร่ก็ตามลบไป
00:01:14 → 00:01:18 อีก 500 ถ้าเคผอมเราอาจจะบวกไปอีก 500 ก็
00:01:18 → 00:01:20 ได้อันนี้คือทำให้น้ำหนักขึ้นหรือว่าน้ำ
00:01:20 → 00:01:23 หนักลดตามสภาวะของแต่ละบุคคลทีนี้พอเรา
00:01:23 → 00:01:25 จัดแคลอรีเรียบร้อยแล้วหรือว่าเราจัด
00:01:25 → 00:01:28 อาหารเรียบร้อยแล้วเนี่ยเรามาโฟกัสที่
00:01:28 → 00:01:31 อาหารหรือว่าสารอาหารแต่ละตัวในส่วนของ
00:01:31 → 00:01:33 ข้าวแป้งเนี่ยอาจจะไม่ค่อยมีผลมากนะคะจะ
00:01:34 → 00:01:36 มีผลก็ต่อเมื่อคนๆนั้นเป็นเบาหวานที่เรา
00:01:36 → 00:01:39 จะต้องไปปรับเรื่องของคาร์โบไฮเดรตนะคะ
00:01:39 → 00:01:41 ซึ่งอันนี้อาจจะไปดูอีกทีนึงในส่วนของไข้
00:01:41 → 00:01:43 ที่เป็นเบาหวานเนาะค่ะแล้วเราก็จะมาดูกัน
00:01:43 → 00:01:45 ที่โปรตีนนะคะทีนี้อันนี้ก็จะเป็นเรื่อง
00:01:45 → 00:01:48 หลักเลยสำหรับคนไข้ที่มีปัญหาเรื่องไตที
00:01:48 → 00:01:50 นี้โปรตีนในแต่ละระยะของคนไข้โรคไตเนี่ย
00:01:50 → 00:01:53 จะไม่เหมือนกันถ้าสมมุติว่าเป็นคนไข้ที่
00:01:53 → 00:01:56 เป็นโรคไตระยะที่ 1 กับ 2 อันนี้เราจะกิน
00:01:56 → 00:01:58 โปรตีนเท่ากับคนปกติเอ่อโปรตีนสำหรับคน
00:01:59 → 00:02:01 ทั่วไปเนี่ยอยู่ที่ที่ประมาณ 0.8 -1
00:02:01 → 00:02:04 กรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กกต่อวันถ้าหนัก 50
00:02:04 → 00:02:07 กลก็กิน 50 กรัมอย่างนี้เป็นต้นนะคะทีนี้
00:02:08 → 00:02:11 พอถึงระยะที่ 3 4 นะคะหรือว่า 5 ก่อนที่
00:02:11 → 00:02:15 เราจะเริ่มเข้าสู่ภาวะฟอกไตเนี่ยเราจะกิน
00:02:15 → 00:02:19 อยู่ที่ประมาณ 0.6 - 0.8 นะคะคือจะต้อง
00:02:19 → 00:02:22 ลดลงละแล้วพอระยะที่เราฟอกไตไปแล้วเนี่ย
00:02:22 → 00:02:25 ค่ะมันจะเพิ่มขึ้นเหตุผลก็เพราะว่าเราจัด
00:02:25 → 00:02:28 การของเสียได้ละของเสียที่มันจะเกิดขึ้น
00:02:28 → 00:02:30 เนี่ยมันจะถูกเฟาะออกไปดังนั้นเราจะ
00:02:30 → 00:02:33 สามารถกินโปรตีนเพิ่มขึ้นแล้วที่สำคัญคือ
00:02:33 → 00:02:36 เวลาที่เราฟอกเลือดหรือว่าฟอกไตอ่ะค่ะบาง
00:02:36 → 00:02:39 คนจะมีภาวะทุโภชนาการเนาะเพราะฉะนั้นเขา
00:02:39 → 00:02:41 ต้องการโปรตีนเพิ่มขึ้นอันนี้มันจะเพิ่ม
00:02:41 → 00:02:44 ขึ้นอยู่ที่ประมาณ 1 - 1.2 กรัมต่อน้ำ
00:02:44 → 00:02:47 หนักตัว 1 กลต่อวันจะเห็นว่าระยะต่างๆของ
00:02:47 → 00:02:50 คนแข้โรคไตเนี่ยเรากินโปรตีนไม่เท่ากันนะ
00:02:50 → 00:02:54 คะทีนี้เราก็จะมาดูว่าเอ๊ะแล้วโปรตีนอีก
00:02:54 → 00:02:58 1.8 0.8 0.6 เนี่ยมันเท่าไหร่กันนะคะ
00:02:58 → 00:03:00 วิธีคำนวณง่ายๆก่อนก่อนเนาะเราเอาคนแข้
00:03:00 → 00:03:03 น้ำหนัก 50 กสมมุติว่าเราต้องการโปรตีน
00:03:03 → 00:03:06 ประมาณเท่าไหร่ดีคะ 0.6 กรัมเนาะอ่ะ 0.6
00:03:06 → 00:03:09 กรัมในคนแข้น้ำหนัก 50 กลหมายความว่าวัน
00:03:09 → 00:03:13 นึงเนี่ยเราต้องการโปรตีนประมาณ 30 กรัม
00:03:13 → 00:03:15 เราได้โปรตีนเท่าไหร่ก็ตามเรามาหาร 10
00:03:15 → 00:03:19 ค่ะหาร 10 ปุ๊บตัวเลขที่ได้นั่นคือจำนวน
00:03:19 → 00:03:22 เนื้อสัตว์ที่เป็นช้อนโต๊ะในแต่ละมื้อ
00:03:22 → 00:03:25 โอเคมถ้าเรากิน 3 มื้อเนาะเราได้ 30 กรัม
00:03:25 → 00:03:28 ใช่ไหมยคะพอหาร 10 ปุ๊บหมายความว่ามื้อนึ
00:03:28 → 00:03:30 เรากินได้ไม่เกิน 3 ช้อนโต๊ะอันนี้คือ
00:03:30 → 00:03:33 วิธีคิดง่ายๆสำหรับในกรณีของโปรตีนในคน
00:03:34 → 00:03:37 ไข้โรคไตถ้าสมมุติว่าคนนั้นเป็นคนปกติเรา
00:03:38 → 00:03:40 จะกิน 50 กรัมใช่ไหมมคะก็กิน 5 ช้อนต่อ
00:03:40 → 00:03:43 มื้อถ้าสมมุติคนไข้เป็นไตเริ่มเสื่อมละจะ
00:03:43 → 00:03:46 กินแค่ 0.6 กรัมเหลือ 30 กรัมละเพราะ
00:03:46 → 00:03:49 ฉะนั้นเขาจะลดลงมาเหลือแค่ 3 ช้อนโต๊ะต่อ
00:03:49 → 00:03:51 มื้อนะคะอันนี้คือส่วนที่เป็นเนื้อสัตว์
00:03:52 → 00:03:54 ถัดไปก็จะเป็นเรื่องของไขมันเนาะในไขมัน
00:03:54 → 00:03:56 สำหรับคนแข่โรคไตอ่ะค่ะเราแค่เลือกเอา
00:03:56 → 00:03:58 เป็นไขมันที่ดีไม่ให้เพิ่มความเสี่ยง
00:03:58 → 00:04:02 เรื่องของไขมันสูงนะคะก็คือเรื่องน้ำมัน
00:04:02 → 00:04:05 ที่มันไม่เป็นไขไม่ตกตะกอนก็แนะนำเป็น
00:04:05 → 00:04:07 กลุ่มของน้ำมันพืชนะคะอาจจะเป็นน้ำมันรำ
00:04:07 → 00:04:10 ข้าวน้ำมันมะกอกอ่าน้ำมันคาโนล่าหรือแม้
00:04:10 → 00:04:12 กระทั่งพวกน้ำมันถ่วเหลืองก็ได้นะคะแล้ว
00:04:12 → 00:04:15 ก็ควรจะเลี่ยงพวกของเนื้อสัตว์ติดมันเนย
00:04:15 → 00:04:17 กะทิหรืออะไรก็ตามที่เป็นไขมันที่วางเอา
00:04:17 → 00:04:20 ไว้เป็นไขเป็นก้อนนะคะอันนี้คือวิธีการ
00:04:20 → 00:04:23 เลือกของไขมันนะคะเอ่อนอกเหนือจากเรื่อง
00:04:23 → 00:04:25 ของไขมันน้ำมันเนี่ยแม้กระทั่งวิธีการ
00:04:25 → 00:04:27 ปรุงก็เหมือนกันค่ะปรุงอาหารเนี่ยเราก็
00:04:27 → 00:04:30 ควรจะเลี่ยงการใช้น้ำมันหรือว่าการเติม
00:04:30 → 00:04:33 น้ำมันเพิ่มเข้าไปในการปรุงนะคะก็ต้มนึ่ง
00:04:33 → 00:04:35 ปิ้งย่างยำอบตุ๋นเห็นมั้ยคะทางเลือกมี
00:04:35 → 00:04:38 เยอะเนาะพูดง่ายๆก็คือให้เลี่ยงพวกของทอด
00:04:38 → 00:04:41 ของมันนั่นเองนะคะอ่าถัดมาค่ะอันนี้สำคัญ
00:04:41 → 00:04:44 อีกอันนึงรองจากตัวที่เป็นโปรตีนก็จะเป็น
00:04:44 → 00:04:46 โซเดียมนะคะโซเดียมเมื่อกี้พูดแล้วว่าของ
00:04:46 → 00:04:49 เค็มเนี่ยเอ่อเราจะพูดว่ามันจะสามารถทำ
00:04:49 → 00:04:51 ให้ไตเราเสื่อมได้แล้วเมื่อไตเราเสื่อม
00:04:51 → 00:04:54 แล้วเนี่ยเราควรจะต้องลดเหตุผลก็เพราะว่า
00:04:54 → 00:04:56 เวลาที่ไตเสื่อมอ่ะค่ะฮอร์โมนบางอย่างที่
00:04:56 → 00:04:59 ช่วยในเรื่องของการควบคุมความดันเนี่ยมัน
00:04:59 → 00:05:01 ก็จะจะเสียไปทำให้คนไข้เนี่ยมีปัญหา
00:05:01 → 00:05:03 เรื่องของความดันสูงใช่มั้ยคะถ้าเรากิน
00:05:03 → 00:05:06 โซเดียมมากความดันก็จะยิ่งสูงคุมไม่ได้
00:05:06 → 00:05:10 ถ้าร่างกายขับน้ำไม่ได้เป็นไงคะตัวบวมกิน
00:05:10 → 00:05:13 โซเดียมเข้าไปก็จะยิ่งบวมอีกดังนั้นเนี่ย
00:05:13 → 00:05:16 คนไข้ที่เป็นโรคไตเรื้อรังเนาะควรจะต้อง
00:05:16 → 00:05:19 คุมปริมาณโซเดียมไม่ให้เกิน 2,000
00:05:19 → 00:05:23 มิลกรัมต่อวันดูยังไงไปดูที่ฉลากโภชนาการ
00:05:23 → 00:05:26 ก็ได้ค่ะดูตรงช่องสุดท้ายของโซเดียมเนาะ
00:05:26 → 00:05:29 ถ้าสมมุติมันมีคำว่าโซเดียมอยู่แล้วให้ดู
00:05:29 → 00:05:32 ตรงช่องสุดท้ายหรือว่าแถวสุดท้ายนะคะมัน
00:05:32 → 00:05:34 จะเป็นแถวที่เขียนว่าเป็นเปอร์เซ็นต์หรือ
00:05:34 → 00:05:37 ว่าร้อยละของความต้องการในแต่ละวันเลือก
00:05:37 → 00:05:40 อาหารที่มีต่ำกว่า 5 อันนี้เราจะเรียกว่า
00:05:40 → 00:05:43 เป็นพวกที่เป็นโซเดียมต่ำแต่ถ้าอันนั้น
00:05:43 → 00:05:45 เนี่ยมันมีมากกว่า 20 แสดงว่าอาหารชนิด
00:05:45 → 00:05:47 นั้นเป็นไงคะโซเดียมสูงเราควรหลีกเลี่ยง
00:05:47 → 00:05:50 อันนี้คือหลักง่ายๆก่อนเนาะถ้าเราดูฉลัก
00:05:50 → 00:05:52 โภชนาการในส่วนของอาหารเนี่ยค่ะเราจะชอบ
00:05:52 → 00:05:55 พูดว่าเออของเค็มของเค็มต้องบอกอย่างงี้
00:05:55 → 00:05:57 ค่ะโซเดียมบางอย่างไม่เค็มนะคะโซเดียมที่
00:05:57 → 00:06:00 เค็มคือพวกของเกลืออันนี้ชัดเจนเกลือน้ำ
00:06:00 → 00:06:03 ปลาซีอิ๊วแต่ของบางอย่างเนี่ยมันไม่เค็ม
00:06:03 → 00:06:07 เลยแต่มันมีเกลือด้วยซอสมะเขือเทศค่ะน้ำ
00:06:07 → 00:06:09 จิ้มซีฟู้ดค่ะเราไม่รู้สึกว่ามันเค็มเห็น
00:06:09 → 00:06:13 มั้ยคะน้ำจิ้มอะไรทั้งหลายแหละที่เรากิน
00:06:13 → 00:06:15 นะคะเหตุผลเพราะว่าเขาคใส่เครื่องปรุง
00:06:15 → 00:06:17 หลายอย่างลงไปแต่ว่าในนั้นมันจะต้องมี
00:06:17 → 00:06:20 โซเดียมอยู่ด้วยอีกอันนึงก็คือพวกของผง
00:06:20 → 00:06:23 ปรุงรสทั้งหลายนะคะที่มีเรื่องของโซเดียม
00:06:23 → 00:06:26 โมโนกลูตาเมตหรือว่า msg ที่เรารู้จักกัน
00:06:26 → 00:06:29 นะคะพวกเนี้ยจะรสชาติไม่ได้เค็มเลยแต่ว่า
00:06:29 → 00:06:32 จะมีโซเดียมอยู่ในปริมาณมากอีกอันนึงก็จะ
00:06:32 → 00:06:34 เป็นพวกอาหารที่มันจะทำให้ฟูทั้งหลายพวก
00:06:34 → 00:06:38 ขนมทั้งหลายอันเนี้ยก็จะมีพวกของผงฟูนะคะ
00:06:38 → 00:06:41 ซึ่งจะมีส่วนของโซเดียมผสมอยู่ยิ่งฟูมาก
00:06:41 → 00:06:43 ก็อาจจะยิ่งทำให้ได้รับโซเดียมเยอะขึ้น
00:06:43 → 00:06:46 ดังนั้นเราก็ควรจะเลี่ยงกลุ่มนี้แล้วถ้า
00:06:46 → 00:06:48 เราไม่ใช้อย่างนี้โอ้โหอาหารมันต้องจืด
00:06:48 → 00:06:51 สนิทแน่เลยอ่าวิธีการก็คือ 1 เลือก
00:06:51 → 00:06:54 เครื่องปรุงที่เป็นโซเดียมต่ำ 2 เราจะ
00:06:54 → 00:06:56 เลือกกลุ่มที่มันมีพวกของสมุนไพรใส่เข้า
00:06:56 → 00:06:59 ไปนะคะหรือเราปรุงรสให้มันเป็นลักษณะ
00:06:59 → 00:07:01 ลักษณะที่มันเปรี้ยวเผ็ดหรืออะไรอย่าง
00:07:01 → 00:07:03 เงี้ยค่ะปรุงเพิ่มเข้าไปสุดท้ายค่ะพอปรุง
00:07:03 → 00:07:05 เสร็จแล้วเนี่ยทั้งหมดเนี่ยมันจะอยู่ใน
00:07:05 → 00:07:08 น้ำราดน้ำซอสทั้งหลายน้ำซุปเนาะเราก็ไม่
00:07:08 → 00:07:11 ซดน้ำซุปจนหมดไม่กินน้ำราดหรือว่าน้ำที่
00:07:11 → 00:07:13 มันเป็นน้ำปรุงจนหมดอันนี้ก็จะเป็นทาง
00:07:13 → 00:07:15 เลือกที่เราจะสามารถเลี่ยงพวกของโซเดียม
00:07:15 → 00:07:18 ได้ค่ะแล้วก็เนื่องจากว่าไตเองเนี่ยก็จะ
00:07:18 → 00:07:21 มีส่วนสำคัญกับเรื่องของตัวสมดุลเกลือแร่
00:07:21 → 00:07:24 ในร่างกายที่บอกไปตั้งแต่ต้นนะคะดังนั้น
00:07:24 → 00:07:26 เนี่ยถ้าสมมุติว่าไตเราเริ่มเสื่อมลงเค้า
00:07:26 → 00:07:30 กรองเอาของเสียออกไม่ได้เจัดการกับเรื่อง
00:07:30 → 00:07:32 ของเกลือแร่ไม่ได้ดังนั้นเนี่ยเกลือแร่
00:07:32 → 00:07:35 อะไรก็ตามที่จะต้องถูกเอาออกทางไตเราไม่
00:07:35 → 00:07:37 ควรจะเติมเข้าไปเยอะหลักๆที่เราจะคุยกัน
00:07:37 → 00:07:40 ก็จะเป็นโปแตสเซียมกับฟอสฟอรัส
00:07:40 → 00:07:48 Food Choice กินดีสุขภาพดีเลือกได้
00:07:48 → 00:07:54 [เพลง]