00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับวันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่องของ
00:00:03 → 00:00:05 วิตามินเสริมตัวนึงนะครับที่หลายๆคนก็
00:00:05 → 00:00:09 เริ่มให้ความสนใจนั่นก็คือวิตามิน k27
00:00:09 → 00:00:12 นั่นเองนะครับแล้วก็วิตามิน D3 นะครับที่
00:00:12 → 00:00:14 มักจะกินร่วมกัน
00:00:14 → 00:00:17 มันมีที่มาที่ไปอย่างไรนะครับแล้วก็ข้อ
00:00:17 → 00:00:20 มูลที่เรามีในปัจจุบันนี้เราทราบอะไร
00:00:20 → 00:00:22 เกี่ยวข้องกับมันบ้างนะครับก็จะเล่าให้
00:00:22 → 00:00:24 ฟังกันเลยนะครับพบกับผมนะครับนายแพทย์
00:00:24 → 00:00:26 ธนินธนีวรรณนะครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่
00:00:26 → 00:00:28 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการ
00:00:28 → 00:00:32 ปลูกถ่ายปอและวิกฤตบำบัดนะครับหลายคนคงจะ
00:00:32 → 00:00:35 รู้จักวิตามินเคใช่ไหมครับวิตามินเคเนี่ย
00:00:35 → 00:00:38 ก็เป็นวิตามินตัวหนึ่งซึ่งละลายในไขมันนะ
00:00:38 → 00:00:40 ครับอ่ามันจะมีอยู่ 4 วิตามินหลักๆที่มัน
00:00:40 → 00:00:44 ละลายในไขมันได้ก็คือวิตามิน a d e และ
00:00:44 → 00:00:47 K ของพวกนี้เนี่ยนะครับเวลาที่ร่างกาย
00:00:47 → 00:00:49 เราจะดูดซึมเข้าไปเนี่ยมันจะต้องดูดซึม
00:00:49 → 00:00:52 พร้อมกับไขมันนั่นเองนั่นก็แปลว่าถ้าเรา
00:00:52 → 00:00:54 จะกินของพวกนี้เสริมนะครับเราควรจะกิน
00:00:54 → 00:00:57 พร้อมมื้ออาหารหรือว่าหลังจากมื้ออาหาร
00:00:57 → 00:01:00 มันก็จะได้ผลในการดูดซึมเข้าไปดีที่สุดนะ
00:01:00 → 00:01:03 ครับแต่อย่างไรก็ตามมันมีรายละเอียดอะไร
00:01:03 → 00:01:05 ที่มากกว่านั้นวันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง
00:01:05 → 00:01:07 ของวิตามินเคนะครับ
00:01:07 → 00:01:11 วิตามินเคถ้าเราเรียนหนังสือในตอนเด็กๆ
00:01:11 → 00:01:14 เราจะรู้แต่ว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับการ
00:01:14 → 00:01:16 ป้องกันไม่ให้เรามีเลือดออกนะครับนั่นก็
00:01:16 → 00:01:20 คือมันเป็นการช่วยในการอุดบาดแผลของเรา
00:01:20 → 00:01:21 นั่นเองเวลาที่เรามีเลือดออกสิทธิเกิด
00:01:21 → 00:01:24 ขึ้นก็คือว่าเกล็ดเลือดของเราเนี่ยมันจะ
00:01:24 → 00:01:26 ต้องไปอุดตรงบาดแผลหลังจากนั้นก็จะต้องมี
00:01:26 → 00:01:29 การกระตุ้นระบบการแข็งตัวของเลือดซึ่ง
00:01:29 → 00:01:32 วิตามินเคเนี่ยมันมีส่วนสำคัญมากๆในการทำ
00:01:32 → 00:01:34 ให้เลือดของเราแข็งตัวถ้าเราไม่มีวิตามิน
00:01:34 → 00:01:37 เคอยู่ตรงนั้นปุ๊บเนี่ยเลือดของเราก็จะ
00:01:37 → 00:01:40 ออกไม่หยุดนะครับแล้วก็แย่ได้นะครับทีนี้
00:01:40 → 00:01:43 วิตามินเคเนี่ยมันมีอะไรที่มากกว่านั้น
00:01:43 → 00:01:46 ปัจจุบันเนี่ยเรารู้ว่ามันมีวิตามินเค
00:01:46 → 00:01:48 ทั้งหมด 3 ชนิดด้วยกันนะครับวิตามิน K 1
00:01:48 → 00:01:52 K2 และ k3 นะครับวิตามิน K1 เนี่ยภาษา
00:01:52 → 00:01:55 ทางการแพทย์เราจะเรียกมันว่าไฟโหลดคุย
00:01:55 → 00:01:57 โหนดนะครับพวกเนี้ยก็มีอยู่ในผักใบเขียว
00:01:57 → 00:02:01 เยอะแยะไปหมดเลยนะครับวิตามิน K2 ตัว
00:02:01 → 00:02:04 เนี้ยชื่อมีนาควีนโดนนะครับมีนาคมเนี่ยก็
00:02:04 → 00:02:06 จะมีรายละเอียดซึ่งวันนี้เดี๋ยวเราจะได้
00:02:06 → 00:02:08 พูดกันนะครับว่ามีอะไรบ้างของพวกนี้ก็มี
00:02:08 → 00:02:12 ในอาหารบางอย่างนะครับโดยเฉพาะถ้าคน
00:02:12 → 00:02:14 ญี่ปุ่นนี้คงจะรู้จักดีนะครับนัตโตะเนี่ย
00:02:14 → 00:02:17 จะมีสารวิตามินเค 2 เยอะที่สุดในบรรดา
00:02:17 → 00:02:20 อาหารทั้งหมดนะครับแล้วก็วิตามิน k3 หรือ
00:02:21 → 00:02:23 ที่เรียกว่า menadio ตัวนี้เนี่ยมันเป็น
00:02:24 → 00:02:26 สารที่เราสังเคราะห์ขึ้นมานะครับใช้ในทาง
00:02:26 → 00:02:29 การแพทย์ดังนั้นเราจะไม่พูดถึงวิตามิน k3
00:02:29 → 00:02:32 แล้วกันนะครับในแง่ของโครงสร้างวิตามิน
00:02:32 → 00:02:35 k12 และ 3 มีความเกี่ยวข้องกันนะครับไม่
00:02:35 → 00:02:37 ฉะนั้นเนี่ยมันก็คงจะเรียกว่าวิตามินเค
00:02:37 → 00:02:40 ไม่ได้ถูกไหมครับแล้วแต่ละอย่างเนี่ยมัน
00:02:40 → 00:02:42 มีความสามารถที่ไม่เหมือนกันนะครับ
00:02:42 → 00:02:45 วิตามิน K1 เนี่ยมันจะมีความสามารถในการ
00:02:45 → 00:02:48 ทำให้เลือดของเราแข็งตัวได้มากกว่าตัว
00:02:48 → 00:02:51 อื่นๆนะครับมีความเกี่ยวข้องอย่างยิ่งใน
00:02:51 → 00:02:53 การแข็งตัวของเลือดนะครับแล้วเราไม่มี
00:02:53 → 00:02:55 วิตามินเคนในร่างกายไม่ได้นะครับบางคน
00:02:55 → 00:02:58 กลัวบอกว่าเฮ้ยวิตามินเคเนี่ยมันทำให้
00:02:58 → 00:03:00 เลือดของเราแข็งตัวอย่างนี้เดี๋ยวเรา
00:03:00 → 00:03:02 เสี่ยงลิ่มเลือดไปอุดตันตามอวัยวะต่างๆสิ
00:03:02 → 00:03:06 ก็ไม่ใช่นะครับเพราะว่าคนเราร่างกายเรา
00:03:06 → 00:03:08 เนี่ยนะครับต้องมีความสมดุลมีการสร้าง
00:03:08 → 00:03:10 ลิ่มเลือดมันก็ต้องมีการสลายลิ่มเลือดถ้า
00:03:10 → 00:03:13 เราจะมีแต่การสลายลิ่มเลือดเราก็อยู่ไม่
00:03:13 → 00:03:15 ได้จนปัจจุบันนี้หรอกครับคือเรามีเลือด
00:03:15 → 00:03:19 ออกนิดนึงมันออกไม่หยุดนะครับก็ไม่ได้ถูก
00:03:19 → 00:03:20 ไหมครับมันก็ต้องอาศัยการแข่งตัวของเลือด
00:03:20 → 00:03:23 เพื่อที่จะไปปิดบาดแผลนะครับดังนั้น
00:03:23 → 00:03:25 วิตามินเคเนี่ยก็ยังมีความจำเป็นต่อร่าง
00:03:25 → 00:03:27 กายเราอยู่นะครับไม่ใช่ว่าเราไปหยุดกินนะ
00:03:27 → 00:03:31 ฮะทีนี้วิตามินเคเนี่ยนะครับมันไปทำอะไร
00:03:31 → 00:03:34 ในร่างกายเรามากกว่าแค่นั้นนะครับมันจะมี
00:03:34 → 00:03:37 การเปลี่ยนแปลงกลายเป็นวิตามิน K2 ในร่าง
00:03:37 → 00:03:39 กายเราได้นะครับซึ่งวิตามิน K2 ตัวนี้
00:03:39 → 00:03:43 เนี่ยมันก็มีส่วนช่วยหลายๆอย่างคือช่วยทำ
00:03:43 → 00:03:45 ให้กระดูกของเรามีแคลเซียมไปอยู่ตรง
00:03:45 → 00:03:48 ปริมาณนั้นเยอะขึ้นช่วยทำให้กระดูกของเรา
00:03:48 → 00:03:52 เนี่ยมีการสลายลดลงนะครับแล้วมันก็ยัง
00:03:52 → 00:03:55 ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการแข็งตัวของหลอด
00:03:55 → 00:03:57 เลือดด้วยแคลเซียมนะครับอันนี้เป็นสิ่ง
00:03:57 → 00:04:00 หลักๆแต่เราไปเจอมากกว่านั้นอีกนะครับว่า
00:04:00 → 00:04:03 วิตามิน K2 นั้นมีความเกี่ยวข้องกับการลด
00:04:03 → 00:04:06 การอักเสบลดโรคมะเร็งบางชนิดนะครับเกี่ยว
00:04:06 → 00:04:09 ข้องกับระบบเบาหวานเกี่ยวข้องกับระบบเส้น
00:04:09 → 00:04:11 ประสาทนะครับแล้วก็มีความเกี่ยวข้องกับ
00:04:12 → 00:04:15 เรื่องของอัลไซเมอร์ด้วยนะครับนั้นเราลง
00:04:15 → 00:04:18 ลงมาดูรายละเอียดของวิตามิน K2 กันดีกว่า
00:04:18 → 00:04:21 นะครับวิตามิน K2 นั้นนะครับมันมีหลายตัว
00:04:21 → 00:04:24 ไม่ใช่มีแค่วิตามินเค 2 ตัวเดียวนะครับ
00:04:24 → 00:04:29 วิตามิน K2 เนี่ยมันจะมีความยาวของสารที่
00:04:29 → 00:04:31 เกาะอยู่กับตัวมันนะครับหรือเราเรียกว่า
00:04:31 → 00:04:34 Side chain นะครับคือเป็นไอ้ตัวห่วงโซ่
00:04:34 → 00:04:37 อยู่ข้างๆนะครับมีตั้งแต่ 4 ถึง 13 ตัวนะ
00:04:37 → 00:04:39 ครับยิ่งมันยาวมากเท่าไหร่นะครับมันยิ่ง
00:04:39 → 00:04:42 มีความสามารถในการละลายในไขมันได้มากเท่า
00:04:42 → 00:04:44 นั้นแล้วมันก็จะอยู่ในร่างกายของเราได้
00:04:44 → 00:04:49 นานขึ้นนะครับวิตามินเค 2 ส่วนใหญ่แล้วจะ
00:04:49 → 00:04:52 ถูกสร้างมาจากแบคทีเรียนะครับแบคทีเรีย
00:04:52 → 00:04:54 เนี่ยมันจะเป็นจะต้องสร้างวิตามิน K2
00:04:54 → 00:04:56 เพราะว่ามันเป็นสารที่เกี่ยวข้องกับการ
00:04:56 → 00:04:59 สร้างพลังงานของแบคทีเรียครับอ่า
00:04:59 → 00:05:01 ในคนถ้าเกิดว่าคนไหนเรียนสายวิทยาศาสตร์
00:05:01 → 00:05:05 มานะครับอาจจะรู้จักตัวนึงชื่อว่า you be
00:05:05 → 00:05:08 queenote ตัวนี้นะครับถ้าใครเรียนมาใน
00:05:08 → 00:05:10 ทางสายวิทย์หรือนำทางแพทย์น่าจะรู้จัก
00:05:10 → 00:05:12 ยูบีควีนนท์นะครับตัว U Big queene ตัว
00:05:12 → 00:05:15 นี้มันเกี่ยวข้องกับกระบวนการอันหนึ่ง
00:05:15 → 00:05:19 ซึ่งเรียกว่าอิเล็กทรอนิกส์ในไมโครคอนเรล
00:05:19 → 00:05:21 ของเราในการสร้างพลังงานนะครับแต่ใน
00:05:21 → 00:05:23 แบคทีเรียมันไม่มีสารตัวนี้ครับมันก็จะ
00:05:23 → 00:05:26 ต้องใช้สารชื่อว่ามีนาคมตัวนี้นั่นเอง
00:05:26 → 00:05:29 ซึ่งก็คือวิตามิน K2 ของเราที่เรากำลัง
00:05:29 → 00:05:32 พูดถึงนี่แหละครับนะแล้ววิตามินเค 2
00:05:32 → 00:05:35 เนี่ยนะครับอย่างที่บอกยิ่งสายข้างๆนะ
00:05:35 → 00:05:37 ครับสายข้างๆมันยาวเท่าไหร่เนี่ยอันนี้
00:05:37 → 00:05:39 ยิ่งอยู่ในร่างกายของเราได้นานมากขึ้น
00:05:39 → 00:05:42 เท่านั้นนะครับแล้วมันก็จะมีประโยชน์มาก
00:05:42 → 00:05:46 ขึ้นนะฮะแต่ตัวที่เราสังเคราะห์มาใช้ใน
00:05:46 → 00:05:50 ทางการแพทย์ในทางสุขภาพนั้นมีแค่ 2 ตัวนะ
00:05:50 → 00:05:54 ครับตัวแรกคือเราจะเรียกว่ามีนาคม
00:05:54 → 00:05:58 k24 หรือเราเรียกสั้นๆว่า mk24 นะครับ
00:05:58 → 00:06:01 หรือ nk24 นั่นเองนะครับอันนี้เป็นยาที่
00:06:01 → 00:06:04 ผลิตมาจากประเทศญี่ปุ่นนะครับภายใต้การ
00:06:04 → 00:06:07 เครื่องหมายการค้าที่เรียกว่ากลาเข้นะ
00:06:07 → 00:06:09 ครับเอามาใช้ในแง่ของเรื่องของข้อเข่า
00:06:09 → 00:06:12 เสื่อมเรื่องของกระดูกพรุนต่างๆนะครับตรง
00:06:12 → 00:06:15 นี้เขาก็จะเอามาใช้กันแต่ว่า mk24 ตัวนี้
00:06:15 → 00:06:19 เนี่ยเนื่องจากว่าอย่างที่บอกครับสายมัน
00:06:19 → 00:06:21 สั้นมันก็อยู่ในร่างกายของเราได้ไม่นาน
00:06:21 → 00:06:25 เท่ากับ MK ถูกตัวอื่นนะครับก็เลยเป็นที่
00:06:25 → 00:06:27 มาของการที่ว่าเอ้ยมันน่าจะมีตัวอื่นนะ
00:06:27 → 00:06:30 ที่มันดีกว่านั้นแล้วเราเอามาใช้นะครับ
00:06:30 → 00:06:32 ในที่นี้ก็คือ
00:06:32 → 00:06:37 mk27 นะครับ mk27 คือมีสารมีไซส์ Train
00:06:37 → 00:06:39 หรือว่าห่วงโซ่ของมันเนี่ยต่อกันทั้งหมด 7
00:06:39 → 00:06:42 ตัว size ตัวนี้เราจะเรียกว่า isoprie นะ
00:06:42 → 00:06:46 ครับไอโซพรีมถ้าใครเรียนสายวิทย์ก็อาจจะ
00:06:46 → 00:06:47 เคยได้ยินตัวนี้ถ้าใครไม่เคยเรียนก็ไม่
00:06:47 → 00:06:49 ต้องสนใจว่าคำยืมคืออะไรแล้วกันนะครับเอา
00:06:49 → 00:06:51 เป็นว่ามันมี 7 ตัวที่ต่ออยู่กับตัวแม่
00:06:51 → 00:06:54 ของมันนะครับการที่มันต่อมัน 7 ตัวนี้ทำ
00:06:54 → 00:06:56 ให้มันอยู่ในร่างกายของเราได้นานขึ้นนะ
00:06:56 → 00:07:00 ครับและแต่ละชนิดนะครับไม่ว่าจะเป็น
00:07:00 → 00:07:04 mk24 กับ mk27 2 ตัวนี้เนี่ยนะครับขนาด
00:07:04 → 00:07:06 ที่เรากินเข้าไปก็จะไม่เหมือนกันนะครับ
00:07:06 → 00:07:09 เพราะว่าอย่างที่บอกถ้า mk24 เนี่ยมัน
00:07:09 → 00:07:12 อยู่ในร่างกายของเราได้สั้นๆมันก็จะหายไป
00:07:12 → 00:07:13 ได้รวดเร็วเราก็ต้องกินปริมาณที่สุดขึ้น
00:07:13 → 00:07:17 บ่อยขึ้นนะครับแต่ถ้าเป็น mk27 มันอยู่ใน
00:07:17 → 00:07:19 ร่างกายของเราได้นานปริมาณที่เราต้องกิน
00:07:19 → 00:07:21 มันก็ลดลงตามลำดับซึ่งเราจะบอกด้วยวันนี้
00:07:21 → 00:07:24 ว่าเราจะต้องกินปริมาณเท่าไหร่ถึงจะได้
00:07:24 → 00:07:27 ประโยชน์อย่างไรตามข้อมูลที่เรามีนะครับ
00:07:27 → 00:07:32 อ่าอันนี้เป็นที่มาของ mk2 ซึ่งมันเจอ
00:07:32 → 00:07:35 เยอะในไอ้ถั่วนะโตะหรือถั่วเน่าของ
00:07:35 → 00:07:37 ญี่ปุ่นนี่แหละครับนะในตัวนั้นเนี่ยมันจะ
00:07:37 → 00:07:40 มีแบคทีเรียตัวนึงในการที่เราเอาไปใช้
00:07:40 → 00:07:43 หมักถั่วนะครับอ่าใช้ในการหมักถั่วตัวนี้
00:07:43 → 00:07:46 มันชื่อ basilus subtilis นะครับมันมี
00:07:46 → 00:07:49 ความสำคัญมากๆในการหมักถั่วนะครับแล้วเขา
00:07:49 → 00:07:52 ไปเจอว่าคนญี่ปุ่นนะครับโดยเฉพาะทางแถบ
00:07:52 → 00:07:54 ทางเหนือๆของญี่ปุ่นเขากินในตัวนัตโตะ
00:07:54 → 00:07:57 เยอะมากแล้วไปเจอว่าเฮ้ยคนญี่ปุ่นเนี่ย
00:07:57 → 00:08:01 อายุเยอะแล้วโดยเฉพาะกลุ่มที่เขากินนะตัว
00:08:01 → 00:08:04 เยอะๆเนี่ยไม่ค่อยเจอว่ามีกระดูกสะโพกหัก
00:08:04 → 00:08:07 เลยแฮะเออทั้งๆที่คนสูงอายุเนี่ยควรจะมี
00:08:07 → 00:08:10 สะโพกหักเยอะนะครับเขาก็เลยคิดว่ามันอาจ
00:08:10 → 00:08:12 จะเกี่ยวข้องกับวิตามิน K2 ซึ่งมันมีเยอะ
00:08:12 → 00:08:15 ในน้ำตกเพราะว่าเขาไปเจอว่าในคนที่กิน
00:08:15 → 00:08:18 นัตโตะเยอะๆในภูมิภาคที่กินน้ำตกเยอะมัน
00:08:18 → 00:08:19 กลับมี
00:08:19 → 00:08:24 การหักของสะโพกที่ต่ำลงซึ่งข้อสะโพกหักผม
00:08:24 → 00:08:26 เคยพูดไปแล้วนะครับว่ามันเป็นโรคที่
00:08:26 → 00:08:29 อันตรายมากๆสำหรับผู้สูงอายุเพราะว่าคือ
00:08:29 → 00:08:31 ตัวโรคมันเองมันไม่ได้ทำให้เสียชีวิตหรอก
00:08:31 → 00:08:33 ครับเราสามารถผ่าตัดได้แต่ว่าสิ่งที่ตาม
00:08:33 → 00:08:35 มาหลังจากการผ่าตัดนั่นแหละครับที่จะทำ
00:08:35 → 00:08:38 ให้คนที่สะโพกหักเสียชีวิตได้เยอะมากเลย
00:08:38 → 00:08:42 นะครับถ้าใครจำไม่ได้ก็ย้อนกลับไปฟังคลิป
00:08:42 → 00:08:44 เรื่องของสะโพกหักที่ผมเคยพูดไว้ก็ได้นะ
00:08:44 → 00:08:48 ครับว่าทำไมถึงเสียชีวิตนะครับทีนี้เรามา
00:08:48 → 00:08:51 ต่อกันเลยดีกว่าว่า mk27 มันไปทำอะไรใน
00:08:51 → 00:08:54 ร่างกายของเรานะครับอย่างแรกก็คือเรื่อง
00:08:54 → 00:08:57 ของกระดูกก่อนนะครับกระดูกของเราเนี่ยมัน
00:08:57 → 00:09:00 จะมีเซลล์เซลล์นึงซึ่งเอาไว้สลายกระดูกนะ
00:09:00 → 00:09:02 ครับกระดูกของเราจะต้องมีการสร้างและสลาย
00:09:02 → 00:09:04 ให้สมดุลกันนะครับแต่เราต้องการให้มัน
00:09:04 → 00:09:07 สร้างมากกว่าสลายถ้าสลายมากๆกระดูกมันบาง
00:09:07 → 00:09:10 แล้วเราก็จะกระดูกหักถูกไหมครับเซลล์ซึ่ง
00:09:10 → 00:09:13 ใช้ในการสลายของเราในการสลายกระดูกเราจะ
00:09:13 → 00:09:16 เอาเลขมันว่าออสเตโอแคลชนะครับมันจะไปกิน
00:09:16 → 00:09:18 กระดูกเราเนี่ยคือเราไม่สลายเลยก็ไม่ได้
00:09:18 → 00:09:20 นะครับมันต้องมีการสลายบ้างนะครับไม่งั้น
00:09:20 → 00:09:22 กระดูกเราจะผิดรูปโตประหลาดๆออกมานะครับ
00:09:22 → 00:09:24 มันก็จะมีโรคบางอย่างที่มันมีความผิดปกติ
00:09:24 → 00:09:28 ตรงนี้นะครับแต่ในกรณีที่เรากระดูกเสื่อม
00:09:28 → 00:09:30 มันก็จะโดนสลายไปเรื่อยๆเราก็ไม่ชอบนะ
00:09:30 → 00:09:33 ครับเราก็เลยต้องใช้การไปป้องกันตรงนี้นะ
00:09:33 → 00:09:34 ครับ
00:09:34 → 00:09:37 สัญญาณที่จะไปบอกให้กระดูกของเรามันสลาย
00:09:37 → 00:09:39 เนี่ยมันออกมาจากเซลล์ข้างเคียงตัวหนึ่ง
00:09:39 → 00:09:43 ชื่อว่าออสดิโอปลาสนะครับอ่าออสเตโอลัส
00:09:43 → 00:09:46 ของเราเนี่ยมันจะสามารถสร้างสารที่ไปบอก
00:09:46 → 00:09:48 ให้ออกซิโอคลาสเนี่ยทำลายหรือหยุดการ
00:09:48 → 00:09:51 ทำลายก็ได้ขึ้นอยู่กับว่าอะไรไปกระตุ้น
00:09:51 → 00:09:55 ไอ้ตัวเซลล์ออสเตลกลาสตัวนี้นะครับ
00:09:55 → 00:09:58 mk27 เนี่ยนะครับหรือวิตามิน K2 ที่มัน
00:09:58 → 00:10:00 มีความยาวของ isofin 7 ตัวเนี่ยนะครับ
00:10:00 → 00:10:04 มันจะไปบอกให้เซลล์ออสเตรียลบราซผลิตสาร
00:10:04 → 00:10:07 ตัวนึงที่จะไปยับยั้งการทำลายของกระดูก
00:10:07 → 00:10:11 อ้านะครับประหยัดย้ำการทำลายของกระดูกนะ
00:10:11 → 00:10:16 ครับตัวนี้อืมคิดว่าหลายๆคนอาจจะไม่รู้
00:10:16 → 00:10:19 จักนะครับอ่าอาจจะไม่รู้จักมันจะมีสาร
00:10:19 → 00:10:23 ชื่อว่าออสเตโอลด์นะครับออสโตรดิตอลมันจะ
00:10:23 → 00:10:26 ไปจับกับสารตัวนึงชื่อว่า Range นะครับทำ
00:10:26 → 00:10:29 ให้แรงหลายกั้นตัวนี้ไม่สามารถไปจับกับ
00:10:29 → 00:10:33 ตัวรับที่ออสเตโอครับได้ทำให้กระดูกไม่
00:10:33 → 00:10:35 โดนสลายตรงนี้นี้ถ้าใครฟังไม่เข้าใจไม่
00:10:36 → 00:10:39 ต้องสนใจนะครับเอาเป็นว่า mk27 มันสามารถ
00:10:39 → 00:10:42 ที่จะป้องกันการสลายกระดูกได้นะครับด้วย
00:10:42 → 00:10:44 วิธีใดวิธีหนึ่งอย่างนี้แล้วกันนะครับ
00:10:44 → 00:10:45 ง่ายๆ
00:10:45 → 00:10:50 แล้วนอกเหนือจากนั้น mk27 เนี่ยมันสามารถ
00:10:50 → 00:10:52 ที่จะทำให้แคลเซียมที่อยู่ในร่างกายเนี่ย
00:10:52 → 00:10:55 มากองรวมกันที่กระดูกได้นะครับกระดูกของ
00:10:55 → 00:10:59 คนเราเนี่ยจะต้องมีแคลเซียมนะครับเพื่อ
00:10:59 → 00:11:01 ที่จะเกิดความแข็งแรงนะครับมันก็เหมือน
00:11:01 → 00:11:04 กับว่าเราต้องใช้อุปกรณ์ในการสร้างกระดูก
00:11:04 → 00:11:06 มันต้องมีอุปกรณ์ในการสร้างในหนึ่งในนั้น
00:11:06 → 00:11:08 ก็คือแคลเซียมนี่แหละครับนะฮะถ้าเราไม่มี
00:11:09 → 00:11:10 แคลเซียมกระดูกมันก็ไม่มีอะไรเอามาสร้าง
00:11:10 → 00:11:14 ตัวมันเองมันก็จะบางลงถูกไหมครับอ่าดัง
00:11:14 → 00:12:14 นั้น
00:12:14 → 00:12:18 สร้างขึ้นมานะครับนั่นก็เป็นที่มาของ mk27
00:12:18 → 00:12:21 ในการสร้างกระดูกแล้วก็ลดการสลายของ
00:12:21 → 00:12:24 กระดูกนะครับ
00:12:24 → 00:12:28 อันนี้อย่างไรก็ตามเวลาเขาไปทดลองนะครับ
00:12:28 → 00:12:33 ในคนหรือในสัตว์เขาเจอว่ากระดูกของเรา
00:12:33 → 00:12:36 เนี่ยหลังจากใช้ mk27 มันไม่ได้หนาขึ้น
00:12:36 → 00:12:39 เท่าไหร่นะครับแต่ความแข็งแรงของกระดูก
00:12:39 → 00:12:42 มันเพิ่มขึ้นนะครับดังนั้นมันแปลว่าอะไร
00:12:42 → 00:12:45 มันแปลว่าถ้าท่านมีโรคกระดูกพรุนหรือ
00:12:45 → 00:12:47 กระดูกบางที่ผมเคยเล่าไปแล้วนะครับ
00:12:47 → 00:12:49 ออสเตโอโปรซิสต์นะครับหรือ
00:12:49 → 00:12:51 ออสเตียวพีเนี่ยนะครับที่ผมเคยเล่าไปทั้ง
00:12:51 → 00:12:55 คลิปแล้วนะครับการใช้วิตามิน mk27 บวกกับ
00:12:55 → 00:13:00 วิตามินดี 3 อาจจะช่วยได้แต่ถ้าท่านเป็น
00:13:00 → 00:13:04 รุนแรงยังไงแค่นี้ก็รักษาไม่ได้ครับมันมี
00:13:04 → 00:13:07 ความจำเป็นจะต้องใช้ยาเพิ่มมวลกระดูกนะ
00:13:07 → 00:13:10 ครับเพราะอย่างที่บอกการศึกษาในสัตว์มัน
00:13:10 → 00:13:12 ไม่ได้เพิ่มมูลกระดูกมันเพิ่มความแข็งแรง
00:13:12 → 00:13:15 เท่านั้นแต่ว่าเพิ่มความแข็งแรงจนกระทั่ง
00:13:15 → 00:13:18 ถึงระดับที่ป้องกันไม่ให้กระดูกเราหักได้
00:13:18 → 00:13:21 หรือเปล่าไม่มีคำตอบตรงนี้ครับแต่ที่เรา
00:13:21 → 00:13:25 มีคำตอบแน่ๆก็คือการใช้ยาในการเพิ่มมวล
00:13:25 → 00:13:27 กระดูกที่ผมเคยเล่าไปพวกนั้นมันจะลดการ
00:13:27 → 00:13:30 หักของกระดูกได้แล้วเพิ่มมวลกระดูกได้นะ
00:13:30 → 00:13:32 ครับดังนั้นพวกนี้ถ้าท่านหวังจะใช้แค่
00:13:33 → 00:13:35 อาหารเสริมวิตามินเพื่อเพิ่มให้กระดูกของ
00:13:35 → 00:13:38 ท่านแข็งแรงพอที่จะไม่กระดูกหักอันนี้ข้อ
00:13:38 → 00:13:40 มูลตรงนี้ใช้ไม่ได้ครับท่านจะต้องรักษา
00:13:40 → 00:13:42 ด้วยวิธีมาตรฐานแล้วเอาตรงนี้เสริมเข้าไป
00:13:42 → 00:13:47 ถึงจะช่วยนะครับต่อมาเรื่องของหลอดเลือด
00:13:47 → 00:13:50 มากดีกว่าเพราะว่าหลายคนก็ต้องกังวลแน่
00:13:50 → 00:13:52 นอนนะครับเรื่องของโรคความดันโลหิตสูงนะ
00:13:52 → 00:13:55 ครับโรคหลอดเลือดหัวใจโรคหลอดเลือดสมอง
00:13:55 → 00:13:57 โรคหลอดเลือดส่วนปลายเพราะว่าถ้าเกิดว่า
00:13:57 → 00:14:00 หลอดเลือดเหล่านี้มันแข็งก็คือมีการไป
00:14:00 → 00:14:04 เกาะของแคลเซียมต่างๆมันก็ทำให้ตัวก็ตัว
00:14:04 → 00:14:07 หลอดเลือดของเราเนี่ยมันมันแข็งมันไม่ยืด
00:14:07 → 00:14:10 หยุ่นนะครับก็เกิดโรคต่างๆที่ผมเล่าไป
00:14:10 → 00:14:14 เมื่อกี้ขึ้นมานะครับวิตามิน K2 mk27
00:14:14 → 00:14:18 ตัวนี้นะครับมันจะไปแก้ไขภาวะนี้นะครับ
00:14:18 → 00:14:20 คือไปเอาไอ้แคลเซียมเนี่ยออกไปจากผนังของ
00:14:20 → 00:14:24 ของหลอดเลือดนะครับโดยผ่านกระบวนในการ
00:14:24 → 00:14:27 หลายๆตัวนะครับตัวหนึ่งก็คือผ่านการทำงาน
00:14:27 → 00:14:29 ของที่เรียกว่า
00:14:29 → 00:14:33 Matrix gla Protein นะครับหรือ mgp
00:14:33 → 00:14:36 นั่นเองมันจะไปกระตุ้น Matrix gla
00:14:36 → 00:14:40 Protein แล้วตัวนี้มันจะไปยับยั้งการทำ
00:14:40 → 00:14:43 งานของสารตัวหนึ่งชื่อว่า Bone moreg
00:14:43 → 00:14:47 Factor นะครับหรือ bmpf นะครับ
00:14:47 → 00:14:51 หรือบนมองโปรเจคโปรตีนก็ได้นะครับ gmp2
00:14:51 → 00:14:54 พวกนี้สารตัวนี้ bmp2 หรือ Mono โปรตีน 2
00:14:54 → 00:14:58 ตัวนี้นะครับเมื่อมันถูกยับยั้งมันก็จะ
00:14:58 → 00:15:00 ไม่ทำให้มีแคลเซียมเกาะอยู่ในผนังหลอด
00:15:00 → 00:15:03 เลือดนะครับดังนั้น B ไอ้ตัววิตามินเอ
00:15:03 → 00:15:06 เอ่อ K2 ตัวนี้ก็จะช่วยเรื่องของตัวนี้นะ
00:15:06 → 00:15:10 ครับอย่างไรก็ตามนี่เป็นการทดลองในระดับ
00:15:10 → 00:15:13 สัตว์เท่านั้นนะครับในระดับคนแบบนั้นจะมี
00:15:13 → 00:15:16 หรือเปล่านี้อย่างบอกไม่ได้นะครับและที่
00:15:16 → 00:15:18 สำคัญคือมันอาจจะมีนะครับถ้าเราดูในแง่
00:15:18 → 00:15:20 ของกลไกแต่เรื่องของ dose ของมันนี่แหละ
00:15:20 → 00:15:23 ครับที่เราไม่แน่ใจนะครับ
00:15:23 → 00:15:26 อันนี้มันเป็นสิ่งที่เรามีวิจัยเยอะที่
00:15:26 → 00:15:30 สุดในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับวิตามิน K2
00:15:30 → 00:15:33 นะครับหรือ mk27 อันนี้คือเยอะที่สุดส่วน
00:15:33 → 00:15:36 มีวิจัยเรื่องอื่นๆอีกนะครับที่บอกว่ามัน
00:15:36 → 00:15:40 อาจจะไปช่วยในโรคอื่นยกตัวอย่างเช่นโรค
00:15:40 → 00:15:43 เบาหวานเพราะว่าในการทดลองในหลอดทดลองเรา
00:15:43 → 00:15:46 พบว่ามันไอ้ตัว mk27 เนี่ยนะครับมัน
00:15:46 → 00:15:51 สามารถที่จะไปลดการอักเสบได้นะครับอ่าลด
00:15:51 → 00:15:54 การอักเสบได้แล้วก็ลดสารอักเสบต่างๆซึ่ง
00:15:54 → 00:15:57 มีความเกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานนะครับการ
00:15:57 → 00:16:00 ที่มันไปลดเรื่องของการสลายกระดูกเขาบอก
00:16:00 → 00:16:03 ว่ามันอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับการป้อง
00:16:03 → 00:16:06 กันการเสื่อมของเส้นประสาทส่วนปลายหรือ
00:16:06 → 00:16:08 ที่เราเรียกว่าคอเลสเตอรอลหรือปาร์ตี้
00:16:08 → 00:16:10 เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นที่เกี่ยวข้องกับ
00:16:10 → 00:16:14 กระดูกเพราะว่าไอ้เส้นประสาทพวกนี้มันพัน
00:16:14 → 00:16:17 อยู่รอบกระดูกนะครับอ่ากระดูกของเราเนี่ย
00:16:17 → 00:16:19 ครับมีเส้นประสาทอยู่ตรงผิวของมันนะครับ
00:16:19 → 00:16:21 ไอ้เส้นประสาทตรงนี้แหละครับมันจะบาดเจ็บ
00:16:21 → 00:16:24 ถ้ากระดูกของเรามันหักมันหักเล็กๆอย่าง
00:16:24 → 00:16:26 นี้เราอาจจะมองด้วยตาเปล่าไม่ได้ไม่เห็น
00:16:26 → 00:16:28 นะครับเพราะมันหักเล็กๆมันอาจจะไปบาดเจ็บ
00:16:28 → 00:16:30 ไอ้เส้นประสาทตัวนี้ทำให้เส้นประสาทมัน
00:16:30 → 00:16:33 เสียการที่กระดูกของเราเนี่ยมันมันไม่โดน
00:16:33 → 00:16:36 สลายมันไม่เสียไปเพราะว่าวิตามินที่เรา
00:16:36 → 00:16:38 กินเข้าไปเนี่ยนะครับ nk27 เนี่ยมันก็อาจ
00:16:38 → 00:16:41 จะทำให้เส้นประสาทพวกนี้ไม่มีปัญหาอีก
00:16:42 → 00:16:43 อย่างหนึ่งที่เราเจอก็คือเรื่องของ
00:16:43 → 00:16:46 อัลไซเมอร์หรือสมองเสื่อมนะครับเรื่อง
00:16:46 → 00:16:49 อัลไซเมอร์ผมก็เคยพูดไปแล้วว่ามันมีวิธี
00:16:49 → 00:16:52 ในการเกิดได้อย่างไรพูดไปเรื่องนี้ยาวมาก
00:16:52 → 00:16:55 ถ้าเกิดว่าคนไหนอยากจะสนใจเรื่องของเอ่อ
00:16:55 → 00:16:57 อัลไซเมอร์เรื่องของความจำเสื่อมวันเกิด
00:16:57 → 00:16:59 ขึ้นได้อย่างไรมียาตัวไหนใหม่ๆบ้างก็ลอง
00:16:59 → 00:17:01 ย้อนกลับไปฟังเรื่องของอัลไซเมอร์ที่ผม
00:17:01 → 00:17:03 พูดดูได้นะครับ
00:17:03 → 00:17:07 เราเพราะว่า mk27 เนี่ยมันจะไปลดการตาย
00:17:07 → 00:17:10 ของเซลล์สมองนะครับในหลอดทดลองนะครับใน
00:17:10 → 00:17:12 หลอดทดลองแล้วก็ในสัตว์แค่นั้นเราไม่มี
00:17:12 → 00:17:15 การทดลองในคนนะครับดังนั้นแปลว่าในคนน่ะ
00:17:15 → 00:17:17 อาจจะช่วยหรือไม่ช่วยก็ได้นะครับเราเจอ
00:17:17 → 00:17:18 ตรงนี้
00:17:18 → 00:17:21 อีกอย่างนึงซึ่งเราเจอก็คือเรื่องของโรค
00:17:21 → 00:17:24 มะเร็งนะครับอันนี้ก็เหมือนกันมีการทดลอง
00:17:24 → 00:17:27 ในหลอดทดลองนะครับแล้วก็ในเซลล์ซึ่งเรา
00:17:27 → 00:17:30 แยกออกมาเพื่อที่จะทดลองเค้าเจอว่านะครับ
00:17:30 → 00:17:35 กรณีของ mk27 เนี่ยมันอาจจะไปช่วยยับยั้ง
00:17:35 → 00:17:37 มะเร็งชนิดต่างๆยกตัวอย่างเช่นริวคีเมีย
00:17:37 → 00:17:41 มะเร็งตับนะครับอ่ามะเร็งรังไข่มะเร็งปอด
00:17:41 → 00:17:44 อย่างนี้เป็นต้นอาจจะเฉยๆนะครับในหลอด
00:17:44 → 00:17:46 ถลอกนะฮะ
00:17:46 → 00:17:50 พวกนี้เป็นของที่เรามีข้อมูลแต่ข้อมูลของ
00:17:50 → 00:17:52 มันก็ยังน้อยกว่าเรื่องของกระดูกแล้วก็
00:17:52 → 00:17:56 เรื่องของหลอดเลือดนะครับอ้อเรื่องของ
00:17:56 → 00:17:58 หลอดเลือดผมแถมให้อีกอย่างหนึ่งนะครับใน
00:17:58 → 00:18:01 คนที่มีโรคไตวายนะครับตั้งแต่ระยะที่ 3
00:18:01 → 00:18:06 ขึ้นไปพวกนี้การทำงานของไตเราจะลดลงแล้ว
00:18:06 → 00:18:08 สิ่งหนึ่งซึ่งเกิดขึ้นในคนที่มีโรคไตวาย
00:18:08 → 00:18:10 ที่มักจะเจอร่วมกันก็คือเรื่องของโรคความ
00:18:10 → 00:18:14 ดันโลหิตสูงแล้วก็เรื่องของปัญหาในการจัด
00:18:14 → 00:18:16 การแคลเซียมกับฟอสฟอรัสในร่างกายนะครับ
00:18:16 → 00:18:19 แคลเซียมกับฟอสฟอรัสเนี่ยมันอยู่คู่กัน
00:18:19 → 00:18:22 เยอะๆในเลือดมันไม่ดีนะครับมันจะไปก่อให้
00:18:22 → 00:18:25 เกิดแคลเซียมเกราะเป็นก้อนๆตามอวัยวะต่าง
00:18:25 → 00:18:27 ๆรวมทั้งผนังหลอดเลือด
00:18:27 → 00:18:31 เนื้อเยื่อต่างๆของเรานะครับได้เราไม่
00:18:31 → 00:18:33 ต้องการแบบนั้นเราต้องการให้แคลเซียมกับ
00:18:33 → 00:18:35 ฟอสฟอรัสมันไปเกาะกันอยู่ในกระดูกนะครับ
00:18:35 → 00:18:37 ในกระดูกของเราเนี่ยการที่มันเป็นกระดูก
00:18:37 → 00:18:40 ได้แข็งๆแข็งแรงได้เนี่ยนะครับมันมีสาร
00:18:40 → 00:18:43 ซึ่งเรียกว่าแคลเซียมไฮดรอกซี่แอปไทยนะ
00:18:43 → 00:18:46 ครับก็คือเป็นไอ้สารประกอบแคลเซียมฟอสเฟต
00:18:46 → 00:18:48 กับตัวอื่นๆนี่แหละครับอยู่ในกระดูกนะ
00:18:48 → 00:18:50 ครับเราก็ต้องการให้มันไปอยู่ในนั้นเรา
00:18:50 → 00:18:51 ไม่ต้องการให้มันไปอยู่ในที่อื่นเช่น
00:18:51 → 00:18:53 เนื้อเยื่อในเส้นเลือดอะไรพวกนี้นะครับ
00:18:53 → 00:18:56 เราไม่ต้องการแต่นั่นคือปัญหาของคนที่มี
00:18:56 → 00:19:00 โรคไตวายเรื้อรังนะครับงั้นมีความเชื่อ
00:19:00 → 00:19:01 ว่าถ้า
00:19:01 → 00:19:04 MK to Seven เนี่ยมันสามารถที่จะจัด
00:19:04 → 00:19:06 การแคลเซียมในหลอดเลือดแล้วก็ในที่อื่น
00:19:06 → 00:19:09 ได้เอามันไปไว้ในกระดูกการให้เสริมเข้าไป
00:19:09 → 00:19:12 ในคนที่มีโรคไตวายพวกนี้อ่านจากอาจจะนะ
00:19:12 → 00:19:14 ครับไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์นะครับช่วยเรื่อง
00:19:14 → 00:19:17 ของโรคพวกนี้ที่เกิดขึ้นจากการที่มี
00:19:17 → 00:19:20 แคลเซียมผิดปกติในคนที่มีโรคไตวาย
00:19:20 → 00:19:24 เรื้อรังได้ครับอ่ะโอเคนี่คือข้อมูลที่
00:19:24 → 00:19:27 เรามีทีนี้ล่ะสำคัญละแล้วเราจะต้องกิน
00:19:27 → 00:19:30 เท่าไหร่ต้องกินขนาดเท่าไหร่นะครับอย่าง
00:19:30 → 00:19:33 ที่เมื่อกี้ผมบอกเรื่องของประเทศ mk24
00:19:33 → 00:19:35 ซึ่งเป็นยาจากญี่ปุ่นที่เกี่ยวข้องกับการ
00:19:35 → 00:19:38 แก้ไขภาวะเรื่องของข้อเข่าเสื่อมกระดูก
00:19:38 → 00:19:41 มันทุนเรื่องอะไรพวกนี้เขาเจอว่าไอ้ยาตัว
00:19:41 → 00:19:43 เนี้ยมันไม่ได้ช่วยทำให้กระดูกมันหายพรุน
00:19:43 → 00:19:45 นะครับมันทำให้มันแข็งแรงขึ้นมานิดนึง
00:19:45 → 00:19:47 เท่านั้นเองนะครับแต่ไม่ได้รักษาเรื่อง
00:19:47 → 00:19:51 ของกระดูกพรุนนะครับยาตัวนี้เนี่ยจะกิน
00:19:51 → 00:19:54 อยู่ที่ 15 มิลลิกรัมต่อวันนะครับ 15 mg
00:19:54 → 00:19:58 หรือขนาดมันจะสูงกว่า mk27
00:19:58 → 00:20:02 mk27 ซึ่งเราพบว่ามีความสำคัญในแง่ของ
00:20:02 → 00:20:05 การที่จะป้องกันไม่ให้กระดูกของเรามันโดน
00:20:05 → 00:20:08 ทำลายไปมากกว่านี้นะครับเราพบว่าขนาดที่
00:20:08 → 00:20:11 ควรจะกินเนี่ยมันควรจะต้องเกิด 90
00:20:11 → 00:20:16 ไมโครกรัมต่อวันนะครับแต่ถ้าสูงกว่านั้น
00:20:16 → 00:20:20 ได้ก็จะดีนะครับเราเจอว่าในนัดตกกล่องนึง
00:20:20 → 00:20:22 เนี่ยใน 1 กล่องที่เรากินกันเนี่ยนะครับ
00:20:22 → 00:20:27 มีวิตามิน k27 อยู่ประมาณสัก 200-400
00:20:27 → 00:20:31 ไมโครกรัมนะครับดังนั้นถ้าท่านจะกินเสริม
00:20:31 → 00:20:34 แล้วจะมีผลประโยชน์ต่อด้านกระดูกนะครับทำ
00:20:34 → 00:20:35 ให้มันแข็งแรงขึ้นมา
00:20:35 → 00:20:39 ถ้าให้ผมแนะนำนะครับจะต้องกินวันละ 200
00:20:39 → 00:20:43 ไมโครกรัมต่อวันขึ้นไปนะครับแล้วเขาพบว่า
00:20:43 → 00:20:48 การกินคู่กับวิตามินดี 3 ที่ขนาด 1000
00:20:48 → 00:20:50 International Unit ต่อต่อวันเป็นสิ่ง
00:20:50 → 00:20:54 ที่โอเคนะครับบางคนเคยไปฟัง influencer
00:20:54 → 00:20:56 ท่านอื่นบอกว่าต้องกิน 5000 ต้องกิน
00:20:56 → 00:20:59 10,000 ยูนิตต้องกิน 20,000 ยูนิตอันนี้
00:20:59 → 00:21:02 เยอะเกินไปนะครับเยอะเกินไปบางคนไม่รู้
00:21:02 → 00:21:04 ด้วยซ้ำว่ากินแล้วมันเยอะเกินไปแล้วมันจะ
00:21:04 → 00:21:07 เป็นยังไงนะครับคนเราที่กินวิตามินดี 3
00:21:07 → 00:21:10 ที่เยอะจนเกินไปเนี่ยนะครับมันก็จะมีภาวะ
00:21:10 → 00:21:13 แคลเซียมที่มันเยอะขึ้นในร่างกายได้บางคน
00:21:13 → 00:21:15 กินเยอะก็จะมีอาการคลื่นไส้อาเจียนปวด
00:21:15 → 00:21:18 กระดูกได้แล้ววิตามินดีที่มันเยอะจนเกิน
00:21:18 → 00:21:20 ไปแทนที่มันจะช่วยเรื่องกระดูกมันกับ
00:21:20 → 00:21:24 ทำลายกระดูกนะครับอ่าบางคนเป็นนิ่วขึ้นมา
00:21:24 → 00:21:26 นิ่วในไตอย่างเงี้ยนะครับเราก็ต้องระวัง
00:21:26 → 00:21:29 คนที่กินสูงๆเนี่ยนะครับแล้วไม่ได้หมั่น
00:21:29 → 00:21:31 ตรวจร่างกายตัวเองนะครับอันนี้แหละครับ
00:21:31 → 00:21:35 อันตรายนะฮะอันตรายตรงนี้เลยครับอ่าดัง
00:21:35 → 00:21:37 นั้นเราต้องเราต้องรู้นะครับถ้าเกิดว่า
00:21:37 → 00:21:40 เราไปฟัง influencer ท่านนั้นท่านนี้มานะ
00:21:40 → 00:21:42 ครับหรือมีคนแนะนำเรานะครับอ่าจากไหนก็
00:21:42 → 00:21:45 แล้วแต่สิ่งที่ท่านจะต้องทำก็คือโอเคถ้า
00:21:45 → 00:21:48 ท่านคิดว่าท่านจะกินของพวกนั้นแล้วจะกิน
00:21:48 → 00:21:51 โดสตามที่เขาต้องแนะนำท่านแล้วนะครับท่าน
00:21:51 → 00:21:54 จะต้องมีการสังเกตตัวเองติดตามตัวเองไป
00:21:54 → 00:21:57 อ่านเพิ่มเติมว่าอะไรคือผลข้างเคียงนะ
00:21:57 → 00:22:01 ครับงั้นถ้าท่านจะกินวิตามิน K2 เอ่อ mk27
00:22:01 → 00:22:05 กับวิตามินดี 3 นะครับก็คืออย่างน้อยๆ 200
00:22:05 → 00:22:08 ไมโครกรัมของวิตามินดี 2 เอ่อวิตามิน K2
00:22:08 → 00:22:12 เออ k27 นะครับกับวิตามินดี 31,000
00:22:12 → 00:22:14 International Unit ประมาณนี้ต่อวันนะ
00:22:14 → 00:22:15 ครับจะกินมากกว่านั้นอันนี้แล้วแต่ท่าน
00:22:15 → 00:22:18 เรานะครับนะครับ
00:22:18 → 00:22:20 ข้อเสียของมันล่ะมีไหม
00:22:20 → 00:22:25 เพิ่มก่อนไอ้ขนาดเท่านี้เนี่ยนะครับคือ
00:22:25 → 00:22:27 ขนาดที่เกี่ยวข้องกับกระดูกนะครับขนาดที่
00:22:27 → 00:22:30 เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดยังไม่มีคนทราบชัด
00:22:30 → 00:22:32 เจนขณะที่เกี่ยวข้องกับอัลไซเมอร์เกี่ยว
00:22:32 → 00:22:33 ข้องกับมะเร็งเกี่ยวข้องกับเบาหวานอะไร
00:22:33 → 00:22:36 พวกนี้ไม่มีคนทราบชัดเจนแล้วกำลังมีวิจัย
00:22:36 → 00:22:40 ที่เรากำลังทำอยู่นะครับแต่มันยังไม่ออก
00:22:40 → 00:22:42 มาดังนั้นเราบอกไม่ได้ว่าจะต้องกินขนาด
00:22:42 → 00:22:44 เท่าไหร่บางครั้งอาจจะเป็นจะต้องกินขนาด
00:22:45 → 00:22:48 ที่สูงกว่านี้ก็ได้นะครับถึงจะได้ผลนะ
00:22:48 → 00:22:51 ครับฉะนั้นข้อมูลที่ชัดๆมันมีแค่อย่าง
00:22:51 → 00:22:52 เดียวคือเรื่องของกระดูกเรื่องอย่างอื่น
00:22:52 → 00:22:56 เรามีไม่ชัดนะครับแล้วมันจะได้ผลด้วยการ
00:22:56 → 00:22:59 กินไปนานเท่าไหร่ไม่มีคนรู้นะครับไม่มีคน
00:22:59 → 00:23:04 รู้นะฮะแต่เรื่องของวิตามินดี k27 ตัวนี้
00:23:04 → 00:23:07 เนี่ยส่วนใหญ่ๆแล้วนะครับจะต้องกินไปสัก
00:23:07 → 00:23:10 ประมาณเดือนนึงถึงจะเริ่มได้ผลนะครับ
00:23:10 → 00:23:14 เดือนนึงนะครับอ่าประมาณนี้เลยนะครับนี่
00:23:14 → 00:23:18 คือสิ่งที่เราพอจะตอบได้บ้างนะครับอ่า
00:23:18 → 00:23:23 ข้อเสียของวิตามิน K2 คืออะไรนะครับมัน
00:23:23 → 00:23:26 ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไรนะครับแต่สำหรับคน
00:23:26 → 00:23:29 ซึ่งกินยาต้านการแข็งตัวของเลือดชื่อว่า
00:23:29 → 00:23:32 วาฟารินนะครับการกินวิตามิน K2 เซเว่นตัว
00:23:32 → 00:23:35 นี้เข้าไปอาจจะไปทำให้ยามันไม่ได้ผลนะ
00:23:35 → 00:23:40 ครับมันอาจจะไม่ได้ผลนะครับแล้วจะทำยังไง
00:23:40 → 00:23:44 ดีในคนที่ต้องกินให้ยาตัวนี้อยู่นะครับมี
00:23:44 → 00:23:47 2 ทางเลือกนะครับทางเลือกแรกเปลี่ยนไป
00:23:47 → 00:23:50 ใช้ยาชนิดอื่นไปเลยนะครับเช่น Real lock
00:23:50 → 00:23:51 Stand
00:23:51 → 00:23:54 นะครับแต่พี่ตัวแทนพวกนี้เป็นต้นนะครับ
00:23:54 → 00:23:56 แต่ต้องไปคุยกับคุณหมอนะครับเราไม่สามารถ
00:23:56 → 00:24:00 เปลี่ยนเองได้นะครับอันที่ 2 กินวิตามิน
00:24:00 → 00:24:04 K2 นี่แหละครับในขณะที่มันคงที่ทุกวัน
00:24:04 → 00:24:07 กินให้มันคงที่ทุกวันเท่ากันปริมาณเดิม
00:24:07 → 00:24:11 ทุกวันนะครับแล้วท่านก็กินวาฟารีนแต่ให้
00:24:11 → 00:24:14 หมอเขาปรับขนาดวาฟารีนนะครับตามวิตามิน K2
00:24:14 → 00:24:17 ที่เรากินอยู่ก็คือต้องไปเจาะเลือดดู
00:24:17 → 00:24:18 เรื่อยๆนั่นแหละครับ
00:24:18 → 00:24:20 พอเราได้ขนาดของ
00:24:20 → 00:24:23 ตัววาฟารีนเรียบร้อยแล้วนะครับที่มันทำ
00:24:23 → 00:24:25 ให้ค่าการแข็งตัวของเลือดเราอยู่ในเกณฑ์
00:24:25 → 00:24:29 ที่ดีนะครับเราก็กินอย่างนี้ไปตลอดนะครับ
00:24:29 → 00:24:33 สรุปแล้วก็คือเราเอาวิตามิน K2 เนี่ยให้
00:24:33 → 00:24:35 มันคงที่เราไม่เปลี่ยนไม่ได้ปรับขึ้นปรับ
00:24:35 → 00:24:37 ลงอะไรนะครับแต่ไปปรับไอ้ตัววาฟินของเรา
00:24:37 → 00:24:39 นั่นเองนะครับนี่คือวิธีกินที่มันถูกต้อง
00:24:39 → 00:24:42 แล้วก็สมควรถ้าเราจะกินเราก็ต้องบอกคุณ
00:24:42 → 00:24:44 หมอก่อนเสมอนะครับไม่ใช่ว่าอยู่ๆเรากิน
00:24:44 → 00:24:47 วาฟเฟต์แล้วเราอยากจะไปกินวิตามิน k2d
00:24:47 → 00:24:49 ฟรีเพื่อที่จะป้องกันระบบหลอดเลือดของเรา
00:24:49 → 00:24:51 ป้องกันเบาหวานป้องกันเส้นประสาทป้องกัน
00:24:51 → 00:24:52 มะเร็งป้องกันเรื่องสมองเสื่อมเพราะว่า
00:24:52 → 00:24:55 เราเห็นว่ามีข้อมูลพวกนี้ถ้าเราไปกินแล้ว
00:24:55 → 00:24:58 เกิดอ้าวยามันหมดฤทธิ์เรามีลิ่มเลือดใน
00:24:58 → 00:25:00 ร่างกายเราไปอุดตันตามที่ต่างๆอันนี้แย่
00:25:00 → 00:25:03 เลยนะครับก่อนเราจะกินเราต้องคุยกับหมอ
00:25:03 → 00:25:06 ให้เรียบร้อยนะครับดังนั้นโดยสรุปนะครับ
00:25:06 → 00:25:11 วิตามิน K2 k27 กับวิตามินดีเนี่ยให้กิน
00:25:11 → 00:25:14 วันละประมาณ 200 ไมโครกรัมของวิตามิน k27
00:25:15 → 00:25:17 แล้วก็ 1,000 International Unit ของ
00:25:17 → 00:25:21 วิตามินอ่า D3 นะครับพวกนี้กินต่อเนื่อง
00:25:21 → 00:25:23 ได้ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะครับยกเว้นคนที่มี
00:25:23 → 00:25:26 วาฟารีนอยู่ผลประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดก็
00:25:26 → 00:25:29 คือเรื่องของกระดูกที่มันแข็งแรงขึ้นรอง
00:25:29 → 00:25:31 ลงมาก็คือเป็นเรื่องของระบบหลอดเลือดที่
00:25:31 → 00:25:34 อาจจะมีแคลเซียมไปเกาะลดลงส่วนผลประโยชน์
00:25:34 → 00:25:38 ด้านอื่นๆนั้นไม่ได้ชัดเจนในการทดลองใน
00:25:38 → 00:25:41 ระดับของคนนะครับและถ้าท่านมีโรค
00:25:41 → 00:25:45 เช่นมีโรคกระดูกพรุนไปแล้วนะครับมีโรคเบา
00:25:45 → 00:25:48 หวานมีโรคความดันสูงไปแล้วนะครับโรคระบบ
00:25:48 → 00:25:51 หัวใจโรคหลอดเลือดต่างๆโรคหลอดเลือดสมอง
00:25:51 → 00:25:54 โรคอัลไซเมอร์ถ้าท่านหวังว่าจะเอายา
00:25:54 → 00:25:58 วิตามิน K2 D3 ตัวนี้มาช่วยผมบอกเลยนะ
00:25:58 → 00:26:02 ครับว่าอย่าคิดแบบนั้นนะครับมันเป็นตัวไป
00:26:02 → 00:26:04 เสริมได้แต่ท่านจะต้องรักษาด้วยวิธี
00:26:04 → 00:26:07 ปัจจุบันที่เป็นมาตรฐานเพราะว่าวิธี
00:26:07 → 00:26:10 มาตรฐานปัจจุบันนั้นมันถูกพิสูจน์มาแล้ว
00:26:10 → 00:26:14 ว่าได้ผลแน่ๆนะครับได้ผลแน่ๆส่วนวิธี
00:26:14 → 00:26:17 เนี้ย k2d 3 นี้มันยังไม่ได้ถูกพิสูจน์
00:26:17 → 00:26:20 ว่าได้ผลจริงหรือไม่นะครับงั้นถ้าท่านจะ
00:26:20 → 00:26:24 ทำก็เสริมไปกับไอ้การรักษาแบบมาตรฐานปกติ
00:26:24 → 00:26:26 นั่นแหละครับแล้วนอกเหนือจากนั้นก็อย่า
00:26:26 → 00:26:30 ลืมว่าเราต้องทานอาหารให้สมดุลนะครับนอน
00:26:30 → 00:26:32 หลับพักผ่อนเพียงพอลดความเครียดออกกำลัง
00:26:32 → 00:26:35 กายสม่ำเสมอนะครับโอเควันนี้ก็เท่านี้นะ
00:26:35 → 00:26:37 ครับใครสงสัยอะไรก็สอบถามมาแล้วกันนะครับ
00:26:37 → 00:26:41 ขอบคุณมากครับสวัสดีครับ