00:00:00 → 00:00:04 สวัสดีครับวันก่อนมีคนสอบถามผมนะครับอยาก จะให้เล่าเกี่ยวข้องกับเรื่องของ Water
00:00:04 → 00:00:10 fasting นะครับวันนี้ผมก็เลยอยากจะมาลง รายละเอียดของ Water fasting ว่ามันคือ
00:00:10 → 00:00:17 อะไรมีประโยชน์แบบไหนมีโทษอย่างไรบ้างทำ แล้วจะรู้สึกยังไงแล้วเวลาเราทำเนี่ยมัน
00:00:17 → 00:00:23 มีข้อควรระวังอะไรบ้างนะครับพบกับผมนะ ครับนายแพทย์ธานีธนียวันเป็นอาจารย์แพทย์
00:00:23 → 00:00:28 อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญโรค ปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับคำ
00:00:28 → 00:00:33 ว่า water fasting เนี่ยแปลตรงๆตัวเลยนะ ครับก็คือการอดอาหารแล้วก็ดื่มแต่น้ำเป็น
00:00:33 → 00:00:39 ระยะเวลาหนึ่งนะครับคำถามก็คือเออเราก็มี อาหารเยอะแยะเราจะไปทำตัวให้มันลำบากแบบ
00:00:39 → 00:00:46 นั้นทำไมนะฮะก็ต้องขอเท้าความไปถึงสมัย ก่อนนะครับที่มนุษย์เพิ่งจะมีอยู่บนโลก
00:00:46 → 00:00:52 นี้สมัยก่อนเนี่ยอาหารมันหามาได้ยากนะ ครับมันก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาโรคที่มันเกิด
00:00:52 → 00:00:58 จากการที่เรารับประทานอาหารมากจนเกินไปนะ ครับแต่เนื่องด้วยสังคมปัจจุบันเนี้ย
00:00:58 → 00:01:03 อาหารมันเยอะแยะเต็มไปหมดนะครับเราสามารถ หาอะไรกินก็ได้ตามใจปากตัวไหนอร่อยแล้วก็
00:01:03 → 00:01:08 กินเข้าไปมันก็เลยเป็นที่มาของโรคซึ่ง เกิดจากการที่เรารับประทานอาหารมากจนเกิน
00:01:08 → 00:01:14 ไปนะครับหรือบางครั้งมีแคลอรีที่เกินนะ ครับมีไขมันที่สูงเกินมีน้ำตาลที่สูงเกิน
00:01:14 → 00:01:20 เกิดเป็นโรคอ้วนโรคเบาหวานโรคที่ก่อการ อักเสบในร่างกายเช่นมะเร็งต่างๆนะครับมี
00:01:20 → 00:01:25 ความดันโลหิตสูงมีโรคไตอะไรอย่างนี้เป็น ต้นนะครับโรคหัวใจก็จะตามมาโรคหลอดเลือด
00:01:25 → 00:01:31 ต่างๆของหลอดเลือดหัวใจหลอดเลือดสมองก็จะ ตามมาเช่นกันนะครับดังนั้นมันจึงมีไอเดีย
00:01:31 → 00:01:37 ที่คิดว่าเออถ้าเกิดว่าเราสามารถควบคุม อาหารเนี่ยเราก็อาจจะหายจากโรคเหล่านั้น
00:01:37 → 00:01:43 ได้นะครับจึงเป็นที่มาของการทำ intermittent fasting แล้วก็การทำ Water
00:01:43 → 00:01:50 fasting นะครับซึ่งมันเป็นภาวะสุดโต่ง ของการทำ intermittent fasting นั่นเอง
00:01:50 → 00:01:58 นะครับอ่าทีนี้พอเรามีคนคิดแบบนี้ขึ้นมา แล้วเนี่ยหลังจากนั้นเราจะทำยังไงต่อนะ
00:01:58 → 00:02:06 ครับแต่ก่อนที่เราจะไปเข้าเรื่องถ้าถามผม นะผมจะบอกว่ามันเป็นสิ่งที่เราไม่ได้แนะ
00:02:06 → 00:02:10 นำให้ทำเท่าไหร่นะครับเพราะว่ามันอาจจะ เกิดผลเสียได้ถ้าเกิดว่าคุณทำไม่ถูกต้อง
00:02:10 → 00:02:14 นะครับบางทีผลเสียนั้นมันอาจจะแย่ก็ได้ ซึ่งวันนี้จะเล่าให้ฟังเลยว่าผลเสียของ
00:02:14 → 00:02:20 มันคืออะไรนะครับขอเริ่มต้นอย่างนี้ก่อน นะครับว่าประโยชน์ของการทำ Water fasting
00:02:20 → 00:02:26 เนี่ยคืออะไร นะมันมีหลายอย่างเลยทีเดียวข้อแรกอ่ะลด
00:02:26 → 00:02:31 น้ำหนักแน่นอนนะครับเรากินน้อยน้ำหนักมัน ก็ต้องลดนะครับบเบาหวานมันจะคุมได้ดีขึ้น
00:02:31 → 00:02:37 นะครับภาวะดื้ออินซูลินหรือ insulin resistance มันก็จะดีขึ้นนะครับอ่าตัว
00:02:37 → 00:02:44 เนี้ยจะดีขึ้นชัดๆนะครับความดันโลหิต เนี่ยจะลดลงนะฮะความดันโลหิตจะลดลงเราจะ
00:02:44 → 00:02:51 มีสมาธิที่มันดีขึ้นนะครับมีสมองที่มัน แจ่มใสมากขึ้นภาวะซึมเศร้าต่างๆหรือวิตก
00:02:51 → 00:02:56 กังวลน่ะมันมักจะทุเราลงนะครับถ้าเราทำ Water fasting หรือว่าเราทำการอดอาหาร
00:02:56 → 00:03:03 นะฮะแล้วก็สุขภาพโดยรวมเนี่ยเนี่ยมักจะดี ขึ้นนะอันนี้คือสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่
00:03:03 → 00:03:10 หลายๆคนเห็นนะฮะแล้วบางคนบอกว่าสามารถที่ จะทำให้อายุของเรายืนยาวเพิ่มขึ้นบางคน
00:03:10 → 00:03:15 บอกว่าสามารถที่จะทำให้มะเร็งมันลดลงไป ได้ด้วยนะครับแต่อย่างไรก็ตามพวกนี้เนี่ย
00:03:15 → 00:03:20 บางอย่างมันจริงบางอย่างมันยังบวกลบอาจจะ จริงบ้างไม่จริงบ้างหรือบางอย่างมันจริง
00:03:20 → 00:03:25 แต่ต้องมีข้อแม้นะครับเช่นมะเร็งเป็นต้น นะครับไม่ใช่ว่าถ้าเราเป็นมะเร็งแล้วเรา
00:03:25 → 00:03:30 ไปทำอย่างนี้มะเร็งมันจะหายไปจากร่างกาย เรามันไม่เป็นแบบนั้นนะครับนะเออแล้วมัน
00:03:30 → 00:03:34 ป้องกันมะเร็งได้แค่ไหนอันนี้ก็ยังไม่มี คนตอบได้เลยนะครับว่ามันจะเป็นอย่างนั้น
00:03:34 → 00:03:40 จริงหรือเปล่านะโอเคในเมื่อเราพอรู้แล้ว แหละว่าถ้าเราทำแล้วเนี่ยมันจะได้ผล
00:03:40 → 00:03:46 ประโยชน์เหล่านั้นนะครับเราก็ต้องมารู้ จักว่าแล้วทำแล้วมันเกิดอะไรขึ้นในร่าง
00:03:46 → 00:03:51 กายเพราะว่าถ้าเราทราบว่ามันเกิดอะไรขึ้น ในร่างกายแล้วเนี่ยเราจะรู้เลยว่าโทษของ
00:03:51 → 00:03:57 มันมีอะไรได้บ้างนะครับก่อนอื่นเลยนะครับ เวลาที่เรารับประทานอาหารเนี่ยเราก็มี
00:03:57 → 00:04:03 แคลอรีเพียงพอแล้วพอเราหยุดการรับประทาน อาหารมาดื่มแต่น้ำเฉยๆเลยเนี่ยนะครับสิ่ง
00:04:03 → 00:04:09 ที่เกิดขึ้นในร่างกายเราร่างกายเรามันก็ ต้องตอบสนองด้วยการเฮ้ยตอนนี้ไม่มีอาหาร
00:04:09 → 00:04:17 แล้วเราต้องลดการใช้พลังงานลงนะครับร่าง กายเราก็จะลดการเผาผลาญพลังงานต่อมาก็จะ
00:04:17 → 00:04:22 ต้องดึงเอาพลังงานอะไรสักที่นึงในร่างกาย เนี่ยมาใช้พลังงานเหล่านั้นเนี่ยตอนแรกก็
00:04:22 → 00:04:28 จะใช้จากไกลโคเจนซึ่งมันเป็นคาร์โบไฮเดรต นะครับในตับในกล้ามเนื้อของเราเออกมาใช้
00:04:28 → 00:04:34 ก่อนแต่ว่าพวกนี้มันมีแป๊บเดียวเดี๋ยวมัน ก็หมดนะครับพอใช้หมดแล้วมันใช้ที่ไหนอีก
00:04:34 → 00:04:40 มันก็จะมาสลายเอาไขมันของเรานะครับสลายไข มันเนี่ยก็จะสร้างเป็นสารตัวนึงชื่อว่า
00:04:40 → 00:04:45 คีโตน Body นะครับแล้วคีน Body ตัวนี้ เนี่ยมันก็สามารถที่จะให้พลังงานได้นะ
00:04:45 → 00:04:50 ครับสามารถที่จะเป็นแหล่งพลังงานของหัวใจ แหล่งพลังงานของสมองก็ได้นะครับมันก็จะ
00:04:50 → 00:04:56 ดึงเอาคีโตนบอดี้ตัวนี้ไปใช้ทีนี้ถ้าเกิด ว่าไขมันมันโดนดึงไปเยอะแล้วเนี่ยมันก็จะ
00:04:56 → 00:05:02 มีการสลายกล้ามเนื้อออกมาแล้วนะครับดึง เอาโปรตีนออกมาใช้เป็นพลังงานนะฮะซึ่งตรง
00:05:02 → 00:05:07 นี้เนี่ยไม่มีใครอยากจะให้เป็นเพราะว่า ถ้าเรามีการสูญเสียพลังงานที่เกิดจากการ
00:05:07 → 00:05:13 ดึงเอากล้ามเนื้อมาใช้มันก็จะทำให้กล้าม เนื้อของเราฝ่อไปนะฮะดังนั้นเวลาที่เราทำ
00:05:13 → 00:05:18 intermittent fasting นานๆจนถึงขั้นทำ Water fasting ข้ามวันข้ามคืนกันเลย
00:05:18 → 00:05:24 เนี่ยเราอาจจะต้องไม่ออกกำลังกายรุนแรง แล้วก็หนักหน่วงเพราะว่าไม่ฉะนั้นจะมีการ
00:05:24 → 00:05:30 เกิดการสลายของกล้ามเนื้อได้มากกว่าปกติ นะครับอ่านี่คือในกรณีของการการดึงเอา
00:05:30 → 00:05:37 พลังงานมาใช้ต่อมาร่างกายก็ต้องหาทาง เพิ่มพลังงานมันเพิ่มได้ยังไงนะครับมันก็
00:05:37 → 00:05:44 จะมีการเพิ่มประสิทธิภาพของไมโทคอนเดรีย ซึ่งเป็นอวัยวะเล็กๆภายในเซลล์เรามีหน้า
00:05:44 → 00:05:50 ที่สำคัญในการสร้างพลังงานนะครับมันจะทำ ให้ออร์แกนพวกเนี้ยตัวไมโทคอนเดรียเนี่ย
00:05:50 → 00:05:55 สร้างพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง ขึ้นเพื่อเอามาใช้นะฮะนี่ก็เป็นเรื่องที่
00:05:55 → 00:06:03 มันจะทำให้เกิดขึ้นนอกจากนั้นมันยังทำให้ ให้มีสารตัวนึงชื่อว่า bdnf นะครับ Brain
00:06:03 → 00:06:09 derived neurotrophic Factor นะครับ ซึ่งเป็นสารโปรตีนที่อยู่ในสมองแล้วหน้า
00:06:09 → 00:06:15 ที่ของมันก็คือทำให้มีการเจริญเติบโตของ เซลล์ประสาทเซลล์ประสาทในสมองก็จะตายยาก
00:06:15 → 00:06:22 ขึ้นนะครับแล้วก็มีรากประสาทที่มันเอ่อมี การเชื่อมต่อกันได้ดีขึ้นแล้วตัวนี้เนี่ย
00:06:22 → 00:06:27 มันจะช่วยทำให้สมองของเราเนี่ยมีความจำ ที่ดีขึ้นพัฒนาได้ดีขึ้นนะครับโรคต่างๆ
00:06:27 → 00:06:33 ทางสมองมันก็ลดลงนะฮะมันทำอย่างงนี้ไป เพื่ออะไรคุณต้องเข้าใจก่อนว่าคนสมัยก่อน
00:06:33 → 00:06:39 เนี่ยเวลาที่ไม่มีอาหารการกินเกิดขึ้น แล้วเนี่ยมันต้องมีพลังสมองพลังสมาธิสติ
00:06:39 → 00:06:45 แล้วก็เห็นทุกอย่างอย่างชัดเจนเพราะว่า มันต้องไปทำไงครับต้องไปล่าสัตว์ต้องไปหา
00:06:45 → 00:06:51 อาหารนะครับดังนั้นประสาทสัมผัสทุกอย่าง ก็จะไวขึ้นหมดเลยนะครับเพื่อที่จะไปหา
00:06:51 → 00:06:57 อาหารเหล่านี้มาทดแทนในเวลาที่เขาขาดสาร อาหารในร่างกายนี่แหละครับถูกมั้ยฮะอ่า
00:06:57 → 00:07:04 ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ก็จะเป็นสิสิ่งที่ เกิดขึ้นในร่างกายนะฮะคือข้อแรกมีการเอา
00:07:04 → 00:07:10 พลังงานที่เรากักตุนไว้เอามาใช้โดยการ สลายสร้างพลังงานบางอย่างเพิ่มขึ้นแล้วลด
00:07:10 → 00:07:17 การสลายพลังงานในร่างกายนะครับหลายๆอย่าง แล้วทีนี้ก็คือมันยังมีอีกอย่างนึงคือ
00:07:17 → 00:07:23 พลังงานที่เอามาใช้ในร่างกายในยามที่เรา ทำ Water fasting เนี่ยมันจะต้องเอามา
00:07:23 → 00:07:30 ใช้ในอวัยวะสำคัญเท่านั้นอะไรที่ไม่สำคัญ ในตอนนั้นมันจะไม่เอาไปใช้ครับแล้วอะไร
00:07:30 → 00:07:35 ที่ไม่สำคัญล่ะตอนนั้นภูมิต้านทานครับใน ช่วงเวลาที่เราทำ Water fasting เนี่ย
00:07:35 → 00:07:41 ภูมิต้านทานของเราจะอ่อนแอลงนะครับบางคน มีเม็ดเลือดขาวที่ลดลงนะครับเม็ดเลือดขาว
00:07:41 → 00:07:46 นี่ก็มีหน้าที่ในการปกป้องร่างกายจาก ศัตรูต่างๆที่เข้ามาในร่างกายเช่นพวก
00:07:46 → 00:07:51 เชื้อโรคต่างๆไวรัสต่างๆเป็นต้นนะครับดัง นั้นภาวะพวกนี้เนี่ยเราก็จะต้องระมัด
00:07:51 → 00:07:56 ระวังการเจ็บป่วยเป็นพิเศษเพราะว่ามันอาจ จะเกิดขึ้นได้นะครับนี่คือสิ่งที่เกิด
00:07:56 → 00:08:03 ขึ้นในร่างกายของเรานะฮะ แล้วมันมีอะไรอีกอ่ามันมีอีกอย่างนึงก็
00:08:03 → 00:08:10 คือในคนที่ผอมนะฮะหรือไม่หรือน้ำหนักตัว น้อยแล้วจะไปทำ Water fasting เนี่ยนะ
00:08:10 → 00:08:19 ครับมันจะเกิดปัญหาหนึคือไขมัน ldl คอเลสเตอรอลของเราอาจจะสูงขึ้น
00:08:19 → 00:08:26 อ่าอาจจะสูงขึ้นอันนี้ผมเคยได้เล่าไปแล้ว นะครับว่าทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้นเราเรียก
00:08:26 → 00:08:31 ปรากฏการณ์นี้ว่า lipid Energy model นะครับไปิด Energy Mod เนี่ยอธิบายไว้
00:08:31 → 00:08:38 ว่าทำไมคนที่น้ำหนักตัวน้อยเนี่ยเวลาอด อาหารหรือทานคาร์โบไฮเดรตน้อยๆแล้วมันถึง
00:08:38 → 00:08:44 มีไขมันสูงขึ้นเหตุผลก็เพราะว่ามันจะต้อง มีการเอาไขมันมาใช้มากกว่านะครับเพราะว่า
00:08:44 → 00:08:50 มันไม่มีแหล่งพลังงานอื่นแล้วจึงมีการอ่า สลายไขมันมาใช้เยอะๆการที่มันสลายไขมันมา
00:08:50 → 00:08:55 ใช้เยอะๆเนี่ยในขั้นตอนที่มันทำเนี่ยมัน จะสร้าง ldl ออกมาด้วยนะครับ ldl
00:08:55 → 00:09:01 คอเลสเตอรอลทำให้มันสามารถสูงขึ้นในร่าง กายได้การที่มันสลายโปรตีนในกล้ามเนื้อ
00:09:01 → 00:09:06 เมื่อตะกี้ก็มีปัญหาเหมือนกันเพราะว่ามัน จะสามารถทำให้กรดยูริกในร่างกายสูงขึ้น
00:09:06 → 00:09:12 ได้ครับดังนั้นคนไหนเป็นเก๊าทจะต้องระวัง มากๆนะฮะเพราะว่าเวลาที่เราสลายกล้าม
00:09:12 → 00:09:17 เนื้อปุ๊บการสลายกล้ามเนื้อคือการสลาย โปรตีนนะครับสลายโปรตีนสุดท้ายแล้วมันจะ
00:09:17 → 00:09:23 ได้กรดยูริกนะฮะแล้วไม่เพียงแค่นั้นกลไก อื่นที่ทำให้กรดยูริกมันสูงขึ้นในร่างกาย
00:09:23 → 00:09:31 ก็คือการที่ร่างกายเราใช้ไขมันแล้วเกิด คีโตนคีโตนเนี่ยมันจะไปแย่งที่ไม่ให้ตัว
00:09:31 → 00:09:38 ยูริกเนี่ยถูกขับออกมาทางไตครับแล้วก็ไม่ แค่นั้นครับตัวคีโตนเนี่ยมันเป็นกรดนะฮะ
00:09:38 → 00:09:43 กรดเนี่ยมันก็ยิ่งทำให้ตัวยูริกไม่ถูกขับ ออกแล้วถ้าท่านดื่มน้ำไม่เพียงพอแล้วล่ะ
00:09:43 → 00:09:48 ก็ยูริกก็ยิ่งไม่ถูกขับออกเข้าไปใหญ่นะ ครับงั้นจะเห็นว่ามันมีปัญหาหลายๆอย่าง
00:09:48 → 00:09:56 ที่เกิดขึ้นได้ในร่างกายในขณะที่เราอด อาหารนะฮะอีกอย่างนึงซึ่งเราเจอก็คือภาวะ
00:09:56 → 00:10:01 autophagy อันเนี้ยหลายคนอาจจะพูดบ่อย เพราะว่าว่ามันเป็นกระบวนการที่ค่อนข้าง
00:10:01 → 00:10:07 มีประโยชน์ทีเดียวเลยนะครับ autophagy ก็ คือการรีไซเคิเอาของเสียต่างๆในร่างกาย
00:10:07 → 00:10:13 กลับมาใช้ของเสียในแง่นี้ไม่ใช่หมายถึง อุจจาระหรือปัสสาวะแต่อย่างใดนะมันหมาย
00:10:13 → 00:10:18 ถึงของเสียภายในเซลล์ซึ่งอาจจะเป็นตัว โปรตีนเป็นไขมันหรือเป็นอะไรก็ได้ซึ่งถ้า
00:10:18 → 00:10:23 เราปล่อยไว้เฉยๆเนี่ยมันก็ไม่ได้ทำอะไร เราก็เฮ้ยอ่าเอามาย่อยแล้วก็เปลี่ยนแปลง
00:10:23 → 00:10:29 มันเป็นอ่าอนุภาคมูลฐานเพื่อเอาไปสร้าง เป็นสิ่งที่เราจำเป็นจะต้องใช้ดีกว่าอัน
00:10:29 → 00:10:35 นี้ก็จะเรียกว่าภาวะ autophagy นะครับพูด ง่ายๆคือเราทำการตัดส่วนที่ไม่จำเป็นของ
00:10:35 → 00:10:40 ร่างกายออกไปให้หมดเลยอะไรที่รีไซเคิได้ ก็รีไซเคิมาใช้นะครับอะไรที่เราสลายมา
00:10:40 → 00:10:45 เป็นพลังงานได้เราสลายนะถ้าเราต้องใช้ พลังงานตรงไหนที่ไม่จำเป็นเราตัดไม่ใช้
00:10:45 → 00:10:49 พลังงานตรงนั้นแล้วเราทำยังไงก็ได้ให้ ร่างกายสร้างพลังงานได้มากขึ้นโดยไม่เอา
00:10:49 → 00:10:56 ไปใช้นะครับนี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในร่าง กายเราอ่ะทีนี้พอเราพอทราบแล้วว่าเออมัน
00:10:56 → 00:11:02 มีข้อดีแต่มันก็มีข้อเสียแล้วเราจะทำยัง ไงดีนะครับในการทำ intermittent fasting
00:11:02 → 00:11:08 หรือว่าทำ Water fasting ให้มันปลอดภัย อ่าตรงเนี้สำคัญสุดๆแล้วนะครับประการแรก
00:11:08 → 00:11:14 นะครับถ้าท่านมีโรคประจำตัวใดๆทั้งสิ้น ควรปรึกษาคุณหมอก่อนนะครับโดยเฉพาะคนที่
00:11:14 → 00:11:21 มีโรคประจำตัวเรื้อรังความดันสูงเรื้อรัง นะครับคนที่มีโรคหัวใจโรคตับโรคไตนะครับ
00:11:21 → 00:11:27 คนที่ตั้งครรภ์ในเด็กนะครับอ่าในเด็กส่วน ใหญ่ถ้าเกิดว่าเราต่ำกว่าอายุ 16 17
00:11:27 → 00:11:32 อย่างเงี้ยเราก็ไม่ค่อยแนะนำเท่าไหร่นะ ครับให้ทำพวกนี้นะครับอ่าถ้าอายุน้อยๆเรา
00:11:32 → 00:11:38 ไม่แนะนำนะให้นมบุดก็ไม่แนะนำนะครับพวก นี้ต้องปรึกษาคุณหมอเค้าก่อนนะเพราะว่า
00:11:38 → 00:11:46 มันอาจจะมีอันตรายได้ในขณะที่เราทำทำ Water fasting นะครับแล้วพอเราประเมิน
00:11:46 → 00:11:51 ร่างกายเราว่าเราอยากจะทำละ Water fasting เเค้าทำกันยังไงและทำนานแค่ไหน
00:11:51 → 00:11:57 นะครับต้องขอบอกอย่างนี้ก่อนว่ามันมีตั้ง แต่ประมาณ 24 ชมถึง 48 ชมนี่เป็นแบบระยะ
00:11:57 → 00:12:03 สั้นแต่แบบระยะระยะยาวก็มีตั้งแต่ 3-7 วันด้วยกันที่เา้าไม่ทำอะไรเลยคือไม่กิน
00:12:03 → 00:12:10 อาหารเลยกินแต่น้ำอย่างเดียวนะครับอันนี้ คือวิธีในการทำแล้วถามว่าโอเคถ้าเรา
00:12:10 → 00:12:17 ประเมินร่างกายเราว่าเราอยากจะทำต่อมาคือ เราตั้งเป้าหมายว่าเราทำไปทำไมก่อนข้อแรก
00:12:17 → 00:12:22 อาจจะบอกว่าเฮ้ยเราอยากจะลดน้ำหนักข้อที่ 2 อยากจะคุมโรคประจำตัวข้อที่ 3 บางคน
00:12:22 → 00:12:28 อาจจะบอกว่าเออเพื่อสุขภาพโดยรวมเพื่อ หวังว่าเราจะมีอายุที่ยืนยาวขึ้นหรือข้อ
00:12:28 → 00:12:35 ที่ 4 อาจจะเพื่ออ่าสนองนี้ทางจิตวิญญาณ ต่างๆเออเราอยากจะให้เรามีสมาธิมีการเห็น
00:12:35 → 00:12:42 อ่ามีมีสติทุกอย่างแบบกระจ่างชัดขึ้นมา เนี่ยอันนั้นก็คือเป็นเป้าหมายเพราะว่า
00:12:42 → 00:12:47 เราจะต้องดูว่าเราบรรลุเป้าหมายหรือยังนะ ครับพอเราสงสัยแบบนี้อ่ะเราเข้าใจว่าเรา
00:12:47 → 00:12:53 จะทำไปทำไมละในขั้นตอนการเริ่มทำเนี่ยข้อ แรกให้เริ่มจากการทำ intermittent
00:12:53 → 00:12:59 fasting แบบสั้นๆก่อนเช่น 168 เป็นต้น อย่าเพิ่งไปอดทีเดียวข้ามวันข้ามคืนเรา
00:12:59 → 00:13:06 เราต้องค่อยๆเริ่มอดก่อนนะครับคือค่อยๆลด ปริมาณชั่วโมงที่เรารับประทานอาหารได้นะ
00:13:06 → 00:13:11 อาจจะเริ่มจาก 168 ซึ่งมันง่ายที่สุดก่อน นะครับหลังจากนั้นพอเราเริ่มชินกับมันและ
00:13:11 → 00:13:20 อ่ะก็ลองลองเป็น 24 บ้างนะครับคือ 20 ชม ไม่กินกิน 4 ชมงนะฮะอย่างเงี้ยแล้วก็ลอง
00:13:20 → 00:13:26 ลองถัดไปเรื่อยๆอ่ะเหลือสัก 231 อ่ะ 23 ชมไม่กินแต่ 1 ชมงคือกินแต่ไอ้ช่วงที่ไม่
00:13:26 → 00:13:32 กินเสามารถดื่มน้ำได้นะผมบอกไว้ก่อนนะ ครับอ่ะแล้วทีนี้พอเราโอเคเราค่อยๆเริ่ม
00:13:32 → 00:13:36 ละเริ่มอดอาหารนานขึ้นนานขึ้นเราถึงเวลา ที่ร่างกายเรามันชินเรียบร้อยะในช่วงเวลา
00:13:36 → 00:13:42 ที่เราทดลองเนี่ยทำ interm fasting เรา ควรจะมีการตรวจดูอาการของตัวเองเสมอเพราะ
00:13:42 → 00:13:49 ว่าถ้ามีอาการดังต่อไปนี้ท่านควรจะรีบ หยุดซะข้อแรกคือถ้าท่านรู้สึกมึนหัวนะ
00:13:49 → 00:13:57 ครับมีเจ็บแน่นหน้าอกใจสั่นหรือรู้สึกมัน เพลียกล้ามเนื้อไม่มีแรงพวกนี้นี่จำเป็น
00:13:57 → 00:14:04 จะต้องหยุดทันทีเพราะว่ามันคือสัญญาณ อันตรายของร่างกายเรียบร้อยแล้วนะครับอ่า
00:14:04 → 00:14:09 ต้องหยุดทันทีนะแต่ถ้าท่านไม่มีอาการพวก นี้แล้วอยากจะอดแบบนานกว่านั้นเช่นเอ่อ
00:14:09 → 00:14:17 ไม่เคยทำมาก่อนขอสัก 24 ชมหรือ 48 ชมก่อน อ่ะลองแบบนั้นก่อนนะฮะตอนที่เราลองเนี่ย
00:14:17 → 00:14:23 ผมจะไม่แนะนำให้ดื่มแต่น้ำอย่างเดียวนะ ไม่ใช่ Water fasting หมายความว่าดื่ม
00:14:23 → 00:14:30 แต่น้ำตลอดเวลาอันนี้ไม่ได้นะเพราะว่ามัน จะมีปัญหาทางด้านของเกลือแร่วิตามินต่างๆ
00:14:30 → 00:14:37 ที่ท่านจะขาดแคลนในช่วงเวลานั้นได้นะ ครับดังนั้นเวลาที่เราทำ intermittent
00:14:37 → 00:14:42 fasting หรือเราจะทำ Water fasting เนี่ยนะซึ่งมันเป็นเวอร์ชั่นที่แบบนาน
00:14:42 → 00:14:49 ขึ้นของ intermittent fasting นะครับเรา จะต้องข้อแรกดื่มน้ำให้เพียงพอท่านจะดื่ม
00:14:49 → 00:14:53 อะไรก็ได้ที่มันไม่มีแคลอรีบางคนอยากจะ ดื่มชากาแฟได้มั้ยได้ครับตราบใดที่มันไม่
00:14:53 → 00:14:59 มีแคลอรีอยู่ในนั้นนะฮะแล้วก็ที่สำคัญคือ ไม่ใช่แค่ดื่มน้ำอย่างเดียวที่ต้องืดืม
00:14:59 → 00:15:05 ให้พอนะฮะมันจะต้องมีเกลือแร่ให้เพียงพอ ซะด้วยนะครับเช่นถ้าเราได้เกลือแร่
00:15:05 → 00:15:12 โซเดียมให้เพียงพอเกิดอะไรขึ้นโซเดียมไม่ เพียงพอเนี่ยนะครับมันจะมีปัญหาเลยนะครับ
00:15:12 → 00:15:17 คือสมองของเรามันจะทำงานไม่ได้ระบบประสาท เรามีปัญหาบางคนเป็นมากๆก็รู้สึกว่าเอ้ย
00:15:17 → 00:15:23 อาจจะเพี้ยนอาจจะพูดไม่รู้เรื่องนะครับ แล้วบางคนก็ซึมลงชักก็ได้นะครับ
00:15:23 → 00:15:29 โพแทสเซียมถ้ามันต่ำมากกล้ามเนื้อของเรา ก็จะอ่อนแรงไม่มีแรงนะครับเมื่อยล้าหรบาง
00:15:29 → 00:15:34 คนมีการเต้นผิดปกติของหัวใจก็ได้ซึ่ง อันตรายมากอาจจะถึงแก่ชีวิตนะครับบางคนมี
00:15:34 → 00:15:39 แมกนีเซียมหรือแคลเซียมต่ำนะก็มีปัญหา แมกนีเซียมก็ทำให้เราหมดแรงนะฮะไม่มีไม่
00:15:39 → 00:15:45 มีแรงอะไรพวกนี้ได้ถ้าเป็นแคลเซียมต่ำบาง คนต่ำมากก็ชักเหมือนกันนะฮะดังนั้นไอ้
00:15:45 → 00:15:51 เกลือแร่พวกนี้เนี่ยบางทีเราอาจจะต้องกิน เสริมเข้าไปนะครับอ่าอาจจะต้องกินเสริม
00:15:51 → 00:15:56 เข้าไปในช่วงนี้นะฮะอามันอาจจะต้องมาก กว่าคนธรรมดาด้วยซ้ำไปเพราะว่าการที่คุณ
00:15:56 → 00:16:00 กินน้ำเข้าไปในร่างกายเยอะๆเนี่ยเนี่ยกิน แต่ Water fasting เพราะว่ายังไงเราหิว
00:16:00 → 00:16:05 เราดื่มน้ำแล้วกันหิวแล้วดื่มน้ำการที่ ดื่มน้ำเข้าไปเรื่อยๆเนี่ยมันทำให้เกิด
00:16:05 → 00:16:11 การเจือจางของเกลือแร่พวกนี้ด้วยตัวมัน เองอยู่แล้วและอันที่ 2 คือนอกจากเจือจาง
00:16:11 → 00:16:16 แล้วเราปัสสาวะบ่อยปัสสาวะเอาไอ้เกลือแร่ พวกเนี้ยออกไปทิ้งหมดเลยมันก็เลยต่ำใน
00:16:16 → 00:16:21 ร่างกายเราดังนั้นถ้าเราไม่ได้กินเกลือ แรกพวกนี้ชดเชยเข้าไปแล้วล่ะก็เราก็จะมี
00:16:21 → 00:16:27 ปัญหาได้นะครับส่วนจะกินมากน้อยแค่ไหนอัน นี้ต้องแล้วแต่บุคคลละนะครับอ่าแคลเซียม
00:16:27 → 00:16:32 อาจจะวันละ 1 กรัมอย่างนี้ก็โอเคอยู่นะ ครับแมกนีเซียมก็แล้วแต่แมกนีเซียมชนิด
00:16:32 → 00:16:37 ไหนที่ท่านกินนะครับก็ต้องไปดูเช่น แมกนีเซียมไลซิตี้ออกไซดหรืออะไรก็แล้ว
00:16:37 → 00:16:44 แต่ท่านก็ต้องลองดูนะครับว่าท่านอ่าสะดวก กินอันไหนนะครับก็อาจจะกินสักวันละ 2
00:16:44 → 00:16:48 เม็ดถึง 4 เม็ดก็แล้วแต่นะครับก็สามารถ ที่จะทำได้เกลือโซเดียมอันเนี้ยต้องเสริม
00:16:48 → 00:16:53 เข้าไปแน่นอนบางคนแบบเฮ้ยกินเกลือเกิน เดี๋ยวกลัวเป็นความดลหิตสูงในภาวะเนี้อาจ
00:16:53 → 00:16:59 จะไม่ต้องกลัวนะครับถ้าต้องกินเข้าไปด้วย นะฮะอ่าบางคนจะไปเอา[\h__\h]เอาเกลือขิมมารายัน
00:16:59 → 00:17:05 อ่าเกลือชมพูมามากินใช่มั้ยครับเพราะว่า คิดว่ามันดีต่อสุขภาพอ่าแต่เปล่าครับคุณ
00:17:05 → 00:17:11 ทานเกลือตัวไหนก็ได้นะครับโซเดียมคลอไรด์ ตัวไหนก็ได้จะเป็นอ่าจะเป็นเกลือที่แบบ
00:17:11 → 00:17:16 พิเศษมาจากที่ไหนแพงๆก็ได้หรือเกลือราคา ถูกมันเกลือเหมือนกันครับท่านสามารถกิน
00:17:16 → 00:17:21 ได้ขอให้มันเป็นเกลือก็พอนะครับตัว โปแทสเซียมก็เหมือนกันท่านอาจจะต้องกิน
00:17:21 → 00:17:26 เกลือโปแทสเซียมเสริมเข้าไปในภาวะที่ท่าน ดื่มน้ำเข้าไปเยอะๆนะครับโดยเฉพาะท่านที่
00:17:26 → 00:17:31 ดื่มน้ำเยอะมากๆนะเพราะมันหิวอ่ะเรากลัว ดื่มนะไม่พอเราก็ดื่มแหลกเลยคราวนี้อ่า
00:17:31 → 00:17:35 ดื่มแหลกก็ปัสสาวะเอาของพวกนี้ออกมาหมด เลยนะครับดังนั้นเราต้องกินเสริมนะ
00:17:35 → 00:17:41 วิตามินบีเอ่อวิตามินซีวิตามินต่างๆเนี่ย ถ้าท่านไม่รู้จะกินอะไรผมแนะนำว่ากิน
00:17:41 → 00:17:46 วิตามินรวมทั้งหมดนั่นแหละเม็ดนึงที่มัน มีทุกอย่างอันนั้นไปเลยจบเรื่องนะครับมัน
00:17:46 → 00:17:52 จะได้ง่ายๆหน่อยนะครับอ่านี้คือวิธีในการ กินแต่ละวันอย่ากินแต่น้ำเปล่านะครับที่
00:17:52 → 00:17:57 สำคัญคอยสังเกตร่างกายตัวเองสม่ำเสมออาจ จะต้องมีการวัดความดันถ้าคนไหนเป็นเบา
00:17:57 → 00:18:02 หวานจะต้องเจาะน้ำตาลดูว่าว่าให้มันไม่ ต่ำจนเกินไปนะนะครับอ่าแล้วถ้ามันมึนหัว
00:18:02 → 00:18:07 มันใจสั่นมันรู้สึกเพลียมันอะไรอย่าเงี้ย ท่านหยุดเลยนะครับต้องหยุดทำนะไม่งั้นอาจ
00:18:07 → 00:18:15 จะอันตรายได้ นะทีนี้พอเราทำอย่างเงี้ยไปครบเวลาละเออ
00:18:15 → 00:18:21 ตอนที่เราจะหยุดทำเนี่ยไม่ใช่ว่าเรากลับ ไปกินอาหารเหมือนปกติแล้วนะเราต้องค่อยๆ
00:18:21 → 00:18:29 เริ่มกินอาหารแล้วอาหารที่เริ่มนะครับอัน แรกนะอย่ากินอาหารที่มีกรดยูริกสูง
00:18:29 → 00:18:34 เพราะว่าอย่างที่เมื่อกี้บอกการที่ท่านทำ intermittent fasting หรือว่าทำ Water
00:18:34 → 00:18:40 fasting นานๆเนี่ยมันมีการสลายของกล้าม เนื้อนะครับพอมีการสลายของกล้ามเนื้อ
00:18:40 → 00:18:44 เสร็จปุ๊บเนี่ยมันก็จะมีกรดยูริกเกินใน ร่างกายมีคีโตนเยอะกับกรดยูริกเกินในร่าง
00:18:44 → 00:18:50 กายอยู่ดีนะครับถ้าเป็นแบบนั้นถ้าท่านทาน พวกเนื้อไก่อย่างเงี้ยเข้าไปนะฮะหรืออ่า
00:18:50 → 00:18:56 ผักทอดยอดเข้าไปเยอะๆเนี่ยท่านอาจจะได้ ปริมาณยูริกที่มันสูงขึ้นจนกระทั่งท่าน
00:18:56 → 00:19:01 เป็นเก๊าทกำเริบเลยก็ได้ถูกมั้ยฮะอันนี้ ก็ต้องระวังนะฮะแล้วก็เวลาที่เราจะทาน
00:19:01 → 00:19:08 คาร์โบไฮเดรตเข้าไปเสริมเนี่ยค่อยๆทาน ต้องบอกอย่างงี้ก่อนในช่วงที่ท่านทำ Water
00:19:08 → 00:19:13 fasting นานๆเนี่ย LD ของท่านมันจะสูงนะ ครับมันเกิดจากการที่เราขาดคาร์โบไฮเดรต
00:19:13 → 00:19:18 นั่นเองเวลาที่เราจะกินเข้าไปต้องค่อยๆ เอาคาร์โบไฮเดรตใส่เข้าไปอย่าไปกินตู้ม
00:19:18 → 00:19:23 เดียวแบบเอ้ยวันนี้เราจะขอกินขนมเค้กทั้ง ทั้งถาดเลยได้มยอันนั้นก็ไม่ได้เหมือนกัน
00:19:23 → 00:19:28 ต้องค่อยๆเสริมเข้าไปแล้วจะต้องเลือก คาร์โบไฮเดรตที่มันดูมีประโยชน์หน่อยดูด
00:19:28 → 00:19:33 ซึมได้ยากนิดนึงนะครับเช่นพวกข้าวอะไรพวก นี้ก็สามารถที่จะทานได้นะครับมีบางคนเข
00:19:33 → 00:19:37 บอกว่าเฮ้ยข้าวเป็นสิ่งไม่ดีนะกินข้าว แล้วเป็นโน่นเป็นนี่อันนี้ไม่ต้องเชื่อ
00:19:37 → 00:19:41 ครับมันไม่เป็นจริงอย่างนั้นนะฮะพวกนั้น คือศึกษามาพเพียงพอนะ
00:19:41 → 00:19:47 ฮะนั้นเวลาที่เราจะออกก็ต้องค่อยๆเริ่ม กินอาหารไม่ใช่เริ่มกินทีเยอะๆค่อยๆเริ่ม
00:19:47 → 00:19:54 กินทีละน้อยๆนะครับแล้วก็เวลากินเนี่ย เลือกกินอันที่มันมีประโยชน์หน่อยนะฮะที่
00:19:54 → 00:19:59 สำคัญผมลืมไปอย่างนึงคือในระหว่างที่เรา ทำ Water Fast
00:19:59 → 00:20:04 อย่าหักโหมออกกำลังกายเป็นอันขาดเพราะว่า เมื่อกี้ที่เตือนไปก็คือมันจะยิ่งทำให้
00:20:04 → 00:20:09 เกิดการสลายของกล้ามเนื้อนะครับและที่ สำคัญคือช่วงนั้นจะเป็นช่วงเวลาที่ภูมิ
00:20:09 → 00:20:16 ต้านทานของเราอ่อนแอลงนะก็คงมีคนสงสัยว่า เอ้ยแล้วทำแบบเนี้มันไม่หิวตายเหรอจะเป็น
00:20:16 → 00:20:22 อย่างนี้ครับในช่วง 24 ช่วโมงแรกที่ท่าน ทำอ่ะอาจจะหิวนะครับแต่บางคนอาจจะชิน
00:20:22 → 00:20:28 เนื่องจากว่าก่อนหน้านั้นเนี่ยเราค่อยๆทำ intermittent fasting อ่ะ 16 8 20 4
00:20:28 → 00:20:33 อ่า 222 อย่างเงี้ยมาเรื่อยๆทีเรื่อยๆมัน จะไม่ค่อยหิวนะะและจริงๆพอผ่าน 24-48
00:20:33 → 00:20:38 ชั่วโมงไปแล้วเนี่ยร่างกายมันเริ่มมีการ สลายไขมันมาใช้ทำให้เกิดคีโตนแล้วตอนนั้น
00:20:38 → 00:20:43 เนี่ยท่านจะไม่ค่อยหิวละนะครับความหิวมัน จะหายไปนะครับจะรู้สึกว่าเฮ้ยตัวเองทำไม
00:20:43 → 00:20:49 มีพลังงานมาจากไหนก็ไม่รู้นะครับอ่าพลัง งานมันเริ่มมาละเราเริ่มมองทุกอย่างเฮ้ย
00:20:49 → 00:20:55 เห็นแจ่มชัดภาพก็ชัดนะครับเสียงก็ได้ยิน ชัดขึ้นนะครับกลิ่นก็ได้ยินเอ่อได้ได้
00:20:55 → 00:21:00 กลิ่นชัดขึ้นรับรถอะไรเนี่ยโอ้รับรถทุก อย่างงชัดหมดเป็นความรู้สึกที่แบบอื
00:21:00 → 00:21:05 เหมือนเหมือนเปิดโลกนะฮะจริงๆความรู้สึก ก็ต้องเป็นอย่าเป็นอย่างนั้นเพราะว่ามัน
00:21:05 → 00:21:10 ทำให้ประสาทสัมผัสทุกอย่างไวขึ้นเนื่อง จากว่าสมัยก่อนมันต้องไปหาอาหารถ้าท่าน
00:21:10 → 00:21:15 แบบขาดสารอาหารนานๆแล้วยังเฉื่อยชาแบบไม่ มีประสาทสัมผัสอะไรมันก็หาอาหารไม่ได้ดัง
00:21:15 → 00:21:19 นั้นนั่นเป็นกลไกธรรมชาติของร่างกายที่ มันจะทำให้ร่างกายของเราเป็นแบบนั้นถูก
00:21:19 → 00:21:27 มั้ยครับอ่านั้นนี่ก็คือเรื่องของ Water fasting นะครับดังนั้นเนี่ยถ้าถามผมนะผม
00:21:27 → 00:21:32 แนะนำว่า ว่าไม่ค่อยอยากจะให้ทำเท่าไหร่แต่ถ้าท่าน
00:21:32 → 00:21:37 ยังจะอยากทำจริงๆเนี่ยจะต้องประเมินตัว เองว่าท่านไม่มีโรคประจำตัวดังกล่าวนะ
00:21:37 → 00:21:43 ครับโรคเรื้อรังต่างๆเนี่ยอย่าทำถ้าคนไหน ที่มีภาวะทุโภชนาการอยู่แล้วไม่ต้องไปทำ
00:21:43 → 00:21:49 เลยครับคนไหนที่เป็นมะเร็งแล้วท่านมีภาวะ ทุกขโภชนาการเป็นมะเร็งแล้วโอโหผอมเลยแต่
00:21:49 → 00:21:53 ไปได้ยินมาจากไหนก็ไม่รู้บอกว่าทำ intermittent fasting ทำ Water fasting
00:21:53 → 00:21:57 แล้วมันจะทำให้มะเร็งมันหายไปจากร่างกาย อันนี้ไม่ต้องเชื่อนะครับทำไม่ได้นะฮะถ้า
00:21:57 → 00:22:02 ท่านเป็นมะเร็งผอมๆน้ำหนักลดเยอะๆไม่ต้อง ทำเลยนะครับ Water fasting อันตรายกับ
00:22:02 → 00:22:09 ร่างกายเป็นอย่างมากนะฮะมีภาวะธูชนาการ ผอมมากๆไม่ต้องทำมีภาวะอ่าการกินที่มัน
00:22:09 → 00:22:15 ผิดปกติเช่นเป็นบีเมียเป็นอนรกเซียพวกนี้ อย่าทำนะฮะถ้ามีโรคประจำตัวต่างๆไปตรวจ
00:22:15 → 00:22:21 กับคุณหมอแล้วก็บอกกับคุณหมอเพราะว่าบาง ครั้งอาจจะต้องมีการลดยาลงเช่นเบาหวาน
00:22:21 → 00:22:25 ท่านจะต้องลดยาแน่นอนนะครับเพราะว่าถ้า เราไม่กินอะไรมันก็ไม่มีน้ำตาลจะให้ลดถูก
00:22:25 → 00:22:31 มั้ยฮะก็ต้องระวังภาวะนี้คนที่เป็นความ ดันโลหิตสูงอาจจะต้องลดยาด้วยเพราะว่าถ้า
00:22:31 → 00:22:37 เราไม่กินอะไรความดันโลหิตมันก็จะต่ำลง ได้นะฮะดังนั้นในการลดยาจะมากจะน้อยเนี่ย
00:22:37 → 00:22:41 เราจะอาศัยภาวะ intermittent fasting ที่เราเริ่มทำเนี่ย 168 หรืออะไรอย่าง
00:22:41 → 00:22:48 เงี้ยค่อยๆเป็นตัวปรับยานะครับปรับๆๆจน กระทั่งเราเข้าใจแล้วอ้าร่างกายเราจะตอบ
00:22:48 → 00:22:54 สนองยังไงฟังเสียงใจตัวเองว่าเรารู้สึก ยังไงบ้างในตอนที่เราทำนะฮะดูประเมินร่าง
00:22:54 → 00:23:03 กายตัวเองก่อนตอนทำก็วิตามินเกลือแร่น้ำ ดื่มเอาให้เพียงพออย่าออกกำลังกายหักมใน
00:23:03 → 00:23:08 เวลานั้นนะครับมันจะยิ่งทำให้เรามีกล้าม เนืสลายแล้วอ่อนแอลงนะครับผลเลือดที่จะ
00:23:08 → 00:23:13 ผิดปกติได้เราอาจจะเจอ ldl ที่มันสูงขึ้น ได้ในคนที่ทำบ่อยๆนะครับยูริกก็สูงขึ้น
00:23:13 → 00:23:19 ได้เหมือนกันนะฮะฮอร์โมนไทรรอยด์อาจะต่ำ ลงนะครับเพราะว่าร่างกายเราต้องยดการใช้
00:23:19 → 00:23:26 พลังงานแล้วก็มันอาจจะมีเม็ดเลึกขาวที่ ต่ำแล้วก็ภูมิต้านทานที่มันต่ำลงในช่วง
00:23:26 → 00:23:31 เวลานั้นนะครับเนื่องจากว่าร่างกายเนี่ย มันจะต้องเก็บพลังงานไว้ใช้กับอย่างอื่น
00:23:31 → 00:23:36 ซะมากกว่านะฮะถ้าคนไหนเจ็บป่วยอยู่อย่า เพิ่งทำนะครับเป็นหวัดเพึ่งหายอะไรเงี้ย
00:23:36 → 00:23:41 นะครับเป็นไข้วันใหญ่เพิ่งหายโควิดเพิ่ง หายอย่าไปทำนะครับโอเควันนี้ผมก็หวังว่า
00:23:41 → 00:23:46 ผมจะตอบคำถามเรื่องของ Water fasting ได้พอสมควรนะครับมันอาจจะมีรายละเอียด
00:23:46 → 00:23:51 อะไรมากกว่านี้ถ้าเกิดว่ามีใครสงสัยตรง ไหนก็ลองสอบถามเข้ามานะครับสอบถามผมเข้า
00:23:51 → 00:23:57 มาแล้วกันนะครับโอเควันนี้เท่านี้นะครับ ขอบคุณมากครับสวัสดีครับ