00:00:00 → 00:00:02 ปลายปีแบบนี้ผมเชื่อว่าหลายคนมีคำถามครับ
00:00:02 → 00:00:06 ว่าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะ
00:00:06 → 00:00:09 เป็นอย่างไรอะไรคือแนวโน้มอะไรคือเทรนด์
00:00:09 → 00:00:12 ที่ต้องจับตาอะไรคือโอกาสอะไรคือความ
00:00:12 → 00:00:15 เสี่ยงรู้ก่อนปรับตัวก่อนก็มีโอกาสชนะ
00:00:15 → 00:00:19 ก่อนเทรนด์เศรษฐกิจมหภาคเทรนด์ธุรกิจความ
00:00:19 → 00:00:21 ยั่งยืนเทรนด์ภูมิรัฐสาสตร์โลกเทรนด์
00:00:22 → 00:00:24 ธุรกิจ New EST Curve เทรนด์สื่อและการ
00:00:24 → 00:00:28 ตลาดเทรนด์อนาคตการทำงานเทรนด์คริปโตและ
00:00:28 → 00:00:30 เเสเทรนด์การเมืองไทย
00:00:30 → 00:00:33 หาคำตอบได้ที่งาน The Standard Economic
00:00:33 → 00:00:35 forum 2022 Age of Tomorrow
00:00:35 → 00:00:39 เศรษฐกิจไทยบนปากเหวบัตรมี 3 แบบครับแบบ
00:00:39 → 00:00:42 แรกออนไลน์ขยายเวลา Early bir เหลือ
00:00:42 → 00:00:46 เพียง 2,500 บาทแบบที่ 2 onground เข้า
00:00:46 → 00:00:49 ร่วมเสวนาสดๆถามได้ทุก sess 1 วันราคา
00:00:49 → 00:00:53 1,900 บาท 3 วัน 4,900 บาทเท่านั้นแบบ
00:00:53 → 00:00:56 ที่ 3 Exclusive Dinner กับคุณอานันท์
00:00:56 → 00:00:59 ปัญญารชุนพร้อมเสวนา 3 วันเต็ม 20,000
00:00:59 → 00:01:02 บาทสำหรับคุณผู้ชมช่อง The Standard
00:01:02 → 00:01:04 podcast ผมมีโค้ดพิเศษเพื่อเป็นการ
00:01:04 → 00:01:07 ขอบคุณครับกรอกคำว่า podcast ลด 10%
00:01:07 → 00:01:14 สำหรับบัตรทุกประเภทที่ tha Ticket maer
00:01:14 → 00:01:17 ครับมีใครเคยเป็นมครับพยายามจะลดน้ำหนัก
00:01:18 → 00:01:21 เนาะเราก็พยายามจะควบคุมอาหารก็แล้วออก
00:01:21 → 00:01:24 กำลังกายเยอะก็แล้วตอนแรกๆเนี่ยน้ำหนัก
00:01:24 → 00:01:27 มันก็ลดดีอนะแต่พอจุดนึงทำเท่าไหร่เฮ้ย
00:01:27 → 00:01:30 น้ำหนักมันก็ไม่ลดแถมบางครั้งเนี่ยน้ำ
00:01:30 → 00:01:33 หนักดันเพิ่มขึ้นมาซะอีกพอไปพยายามเสิร์ช
00:01:33 → 00:01:37 หาข้อมูลดูก็เจอว่าเฮ้ยอดอาหารเยอะๆหรือ
00:01:37 → 00:01:41 ว่าใช้ชีวิตแบบทรมานเยอะๆเนี่ยครับแล้ว
00:01:41 → 00:01:43 เกิดภาวะที่เรียกว่า metabolic Damage
00:01:43 → 00:01:46 หรือว่าทำให้ระบบเผาผลาญพังเลยเฮ้ยนั่น
00:01:46 → 00:01:49 เป็นสาเหตุหรือเปล่าวันนี้นะครับผมข้าว
00:01:49 → 00:01:52 ต้นสมบูรณ์แล้วก็ท 2 โทจะมาเล่าให้ฟัง
00:01:52 → 00:01:56 ครับว่าไอ้การที่เราอดอาหารเนี่ยมันส่งผล
00:01:56 → 00:01:59 ให้ระบบเผาผลาญพังเนี่ยเอ้ยมันจริงมยแล้ว
00:01:59 → 00:02:01 ถ้าเกิดแต่ว่ามันเป็นจริงเนี่ยเราจะมี
00:02:01 → 00:02:04 วิธีการแก้ไขปัญหานี้ยังไงครับ This is
00:02:04 → 00:02:07 the Standard podcast Eye Opening
00:02:07 → 00:02:08 for your
00:02:08 → 00:02:12 ears Top To To podcast สุขภาพที่
00:02:12 → 00:02:16 ใช้วิทยาศาสตร์ไขปัญหาตั้งแต่หัวจด
00:02:16 → 00:02:20 เท้าก่อนที่เราจะไปรับมือปัญหาการลดน้ำ
00:02:20 → 00:02:22 หนักเท่าไหร่ก็ไม่ลดเนี่ยนะครับเราต้องมา
00:02:22 → 00:02:25 ทำความเข้าใจเรื่องการเผาผลาญพลังงานของ
00:02:25 → 00:02:29 ร่างกายก่อนครับอ่าในทุกๆวันนะครับที่เรา
00:02:29 → 00:02:32 กินอาหารเข้าไปสมมุติว่าอาหารทั้งหมดที่
00:02:32 → 00:02:35 เรากินเข้าไปตีเป็น 100% นะครับไอ้เจ้า
00:02:35 → 00:02:38 พลังงานทั้งหมด 100% เนี่ยร่างกายของเรา
00:02:38 → 00:02:41 เอาไปใช้ทำอะไรบ้างร่างกายของเรานะครับ
00:02:41 → 00:02:44 เอาพลังงานทั้งหมดแบ่งไปใช้ผมแบ่งเป็น 3
00:02:44 → 00:02:47 ส่วนแล้วกันนะครับส่วนที่ 1 เป็นส่วนที่
00:02:47 → 00:02:51 เป็นสัดส่วนที่ใหญ่มาก 70% เลยนะครับเรา
00:02:51 → 00:02:54 เรียกเป็นว่าพลังงานที่ร่างกายใช้ในขณะ
00:02:55 → 00:02:58 ที่เราอยู่นิ่งๆอยู่เฉยๆไม่ได้เคลื่อนไหว
00:02:58 → 00:03:01 นะครับภาษาภาษาอังกฤษเนี่ยจะมีคำที่หลายๆ
00:03:01 → 00:03:06 คนอาจจะคุ้นหูคือ bmr หรือว่า rmr bmr
00:03:06 → 00:03:09 เนี่ยย่อมาจาก beso metabolic Rate นะ
00:03:09 → 00:03:11 ครับหรือว่า rmr เนี่ยย่อมาจาก resting
00:03:12 → 00:03:15 metabolic Rate นะครับไอ้ 2 คำเนี้ย
00:03:15 → 00:03:18 หลายคนที่เข้าฟิตเนสอาจจะคุ้นนะครับเพราะ
00:03:18 → 00:03:21 ว่าในฟิตเนสหรือว่าหรืออยู่ที่บ้านถ้าคุณ
00:03:21 → 00:03:24 มีเครื่องชั่งน้ำหนักที่โมเดิรนหน่อยนะ
00:03:24 → 00:03:27 ครับมันสามารถที่จะวัดนอกจากจะวัดพวกน้ำ
00:03:27 → 00:03:30 หนักอ่าเปอร์เซ็นต์ไขมันได้แล้วมันสามารถ
00:03:30 → 00:03:33 ที่จะวัดไอ้ค่า bmr หรือว่า Bal
00:03:33 → 00:03:36 metabolic Rate ที่ออกไปเป็นแคลอรี่ได้
00:03:36 → 00:03:38 นะครับเช่นอาจจะบอกว่าโอ๊ย bmr ของคุณ
00:03:38 → 00:03:41 อยู่ที่ 1,000 1,500 นะครับนั่นหมายความ
00:03:41 → 00:03:46 ว่าถ้าเรานั่งหรือเรานอนอยู่เฉยๆโดยที่
00:03:46 → 00:03:49 เราไม่ทำอะไรเลยนะครับตับไตไส้พุงสมอง
00:03:49 → 00:03:51 อะไรของเราพวกนี้มันยังทำงานอยู่เนาะพลัง
00:03:51 → 00:03:55 งานที่ตับไตไส้พุงร่างกายของเราต้องใช้
00:03:55 → 00:03:58 เพื่อให้ร่างกายของเรายังมีชีวิตอยู่ได้
00:03:58 → 00:04:01 คือเท่าไหร่ไอ้ค่านั้นเนี่ยมันคือไอ้เจ้า
00:04:01 → 00:04:05 bmr นั่นเองนะครับแต่ทีนี้มันมี bmr กับ
00:04:05 → 00:04:07 rmr มันต่างกันยังไงจริงๆแล้วมันอาจจะ
00:04:07 → 00:04:10 ลึกเกินไปมันเป็นศาสตร์ทางทางวิทยาศาสตร์
00:04:10 → 00:04:12 การกีฬานะครับหรือว่าวิทยาศาสตร์สุขภาพ
00:04:12 → 00:04:16 เนี่ยเา้าจะมีวิธีการให้เราเนี่ยเอาท่อมา
00:04:16 → 00:04:18 หายใจนะครับเพื่อที่จะวัดปริมาณ
00:04:18 → 00:04:20 คาร์บอนไดออกไซด์หรือว่าออกซิเจนที่เรา
00:04:20 → 00:04:23 หายใจเข้าออกแล้วมันจะคำนวณค่าพวกนี้มา
00:04:23 → 00:04:25 ได้ซึ่งถ้าเราทำเทสเนี้ยในช่วงเวลาที่
00:04:25 → 00:04:28 ต่างกันนะครับคือตื่นมาปุ๊บนอนเต็มที่
00:04:28 → 00:04:30 ตื่นปุ๊บยังไม่ได้กินอะไรเลยค่าที่ได้
00:04:31 → 00:04:33 เนี่ยมันจะออกเป็นค่า bmr แต่ถ้าเราวัด
00:04:33 → 00:04:36 ตอนบ่ายเนี่ยครับมีกิจกรรมทำอยู่แล้วบ้าง
00:04:36 → 00:04:38 มีการกินข้าวไม่ได้อดอาหารมานะครับค่ามัน
00:04:38 → 00:04:41 จะเป็น rmr เพราะฉะนั้น rmr มันอาจจะสูง
00:04:41 → 00:04:44 กว่า bmr เล็กน้อยนะครับแต่ไม่เป็นไรเอา
00:04:44 → 00:04:47 เป็นว่าค่ามันใกล้เคียงกันโดยรวมๆมันคือ
00:04:47 → 00:04:51 พลังงานที่ร่างกายเราต้องใช้เพื่อให้ร่าง
00:04:51 → 00:04:54 กายอยู่รอดได้โดยที่เราไม่ต้องทำกิจกรรม
00:04:55 → 00:04:57 อะไรเลยนะครับไม่ต้องเคลื่อนไหวนั่นเอง
00:04:57 → 00:05:01 ใช้ 70% ของพลังงานจากอาหารที่เรากินเข้า
00:05:01 → 00:05:05 ไปอีก 10% ของพลังงานที่เราได้จากอาหารนะ
00:05:05 → 00:05:08 ครับเราจะใช้ไปในการย่อยอาหารครับเออการ
00:05:08 → 00:05:10 ย่อยนี่ก็ต้องใช้พลังงานอยู่เหมือนกัน
00:05:10 → 00:05:13 เนาะทีนี้เหลืออีก 20% ครับเป็นพลังงาน
00:05:13 → 00:05:17 ที่ร่างกายเราใช้ก็ต่อเมื่อเรามีการ
00:05:17 → 00:05:22 เคลื่อนไหวเราทำกิจกรรมเช่นเดินกระโดดออก
00:05:22 → 00:05:24 กำลังกายพลังงานส่วนเนี้ยคิดเป็นประมาณ
00:05:24 → 00:05:28 20% ของพลังงานที่เราใช้ต่อวันครับทีนี้
00:05:28 → 00:05:32 ขอขยะหคววามไอ้เจ้า 70% หน่อยแล้วกันว่า
00:05:32 → 00:05:34 เอ้ยพลังงานที่เราใช้เวลาที่เราอยู่นิ่ง
00:05:35 → 00:05:38 เนี่ยโอมันเป็นก้อนที่ใหญ่มากๆเลยนะครับ
00:05:38 → 00:05:42 แล้วก็เป็นก้อนที่สำคัญมากๆที่จะส่งผลต่อ
00:05:42 → 00:05:45 เรื่องการลดน้ำหนักครับไอ้พลังงานก้อน
00:05:45 → 00:05:49 เนี้ยมันมีปัจจัยอะไรบ้างล่ะที่อ่าส่งผล
00:05:49 → 00:05:51 ให้มันมากน้อยนะครับจริงๆมันมีสูตรทาง
00:05:51 → 00:05:54 คณิตศาสตร์เลยเนาะคุณสามารถที่จะเข้าเว็บ
00:05:54 → 00:05:57 แล้วก็เสิร์ช bmr เพื่อที่จะหาบค่า bmr
00:05:58 → 00:06:01 ของตัวเราเองได้เลยนะโดยการป้อนข้อมูล
00:06:01 → 00:06:05 น้ำำหนักป้อนข้อมูลส่วนสูงป้อนข้อมูลอายุ
00:06:05 → 00:06:08 นะครับมันก็จะมีโปรแกรมในการคำนวณเลยว่า
00:06:08 → 00:06:11 อ่ะค่า bmr หรือว่าพลังงานที่คุณใช้เพื่อ
00:06:11 → 00:06:14 ให้ดำรงชีวิตอยู่ได้โดยที่ไม่ไม่มีการ
00:06:14 → 00:06:16 เคลื่อนไหวเนี่ยเท่าไหร่นะครับเพราะ
00:06:16 → 00:06:22 ฉะนั้นปัจจัยอะไรบ้างล่ะที่มีผลต่อค่า bmr
00:06:22 → 00:06:25 หรือ rmr ก็จะมีนี่เลยครับมันขึ้นอยู่
00:06:25 → 00:06:29 กับน้ำหนักตัวของเราถ้าเกิดว่าเราน้ำหนัก
00:06:29 → 00:06:31 ตัวมากก็แน่นอนเราก็ต้องใช้พลังงานเยอะ
00:06:31 → 00:06:35 ขึ้นเพื่อให้ตับไตไส้พุงสมองของเราเนี่ย
00:06:35 → 00:06:38 ทำงานได้เป็นปกติอยู่รอดต่อวันนะครับถ้า
00:06:38 → 00:06:43 เราสูงอ่ะยิ่งสูงคนสูงกว่าก็ต้องใช้พลัง
00:06:43 → 00:06:47 งานเยอะกว่าเพราะว่าขนาดของอวัยวะก็มีแนว
00:06:47 → 00:06:49 โน้มที่มันจะใหญ่กว่านะครับก็ต้องใช้พลัง
00:06:50 → 00:06:53 งานเยอะกว่านั่นเองนะครับอายุคนที่อายุ
00:06:53 → 00:06:56 น้อยจะต้องใช้พลังงานมากกว่าคนที่อายุ
00:06:56 → 00:06:59 เยอะคิดง่ายๆอ่ะเหมือนกับซื้อรถยนต์น่ะรถ
00:06:59 → 00:07:02 ยนต์ใหม่ๆเนาะมันก็เป็นเครื่องยนต์เผาผลา
00:07:02 → 00:07:04 ได้ดีกว่าเครื่องยนต์โบราณนะครับเพงคนที่
00:07:04 → 00:07:06 แก่กว่าเนี่ยก็ใช้พลังงานมีความจำเป็น
00:07:06 → 00:07:09 ต้องใช้พลังงานในการ maintain อวัยวะน้อย
00:07:09 → 00:07:12 กว่านะครับนอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆอีก
00:07:12 → 00:07:16 นะครับไม่ว่าจะเป็นความแข็งแรงความฟิตของ
00:07:16 → 00:07:19 ร่างกายยิ่งคนไหนที่ร่างกายฟิตแอนเฟิม
00:07:19 → 00:07:22 แข็งแรงมากๆเนี่ยอาจจะต้องใช้พลังงานมาก
00:07:22 → 00:07:25 กว่าคนที่อ่อนแอรเนาะสัดส่วนของกล้าม
00:07:25 → 00:07:28 เนื้อต่อไขมันในร่างกายก็ส่งผลเหมือนกัน
00:07:28 → 00:07:31 นะครับเคยพูดไปและว่ากล้ามเนื้อเนี่ยเป็น
00:07:31 → 00:07:35 อ่าเตาเผาชิ้นดีเลยนะครับถ้าเรามีกล้าม
00:07:36 → 00:07:38 เนื้อเยอะสัดส่วนที่เยอะกว่าไขมันแน่นอน
00:07:38 → 00:07:40 ก็ต้องใช้พลังงานเยอะกว่าในการ maintain
00:07:40 → 00:07:43 การทำงานของกล้ามเนื้อนะครับผมมีตัวเลข
00:07:43 → 00:07:46 ให้ด้วยนะรู้มั้ครับว่ากล้ามเนื้อ 1 กก
00:07:46 → 00:07:49 เนี่ยนะครับสามารถที่จะเผาผลาญพลังงานได้
00:07:50 → 00:07:54 13 แคลอรี่ต่อวันในขณะที่อ่าไขมัน 1 กก
00:07:54 → 00:07:56 เท่ากันเนี่ยอาจจะเผาผ่านพลังงานได้เพียง
00:07:56 → 00:07:59 แค่ 5 แคลอรี่ต่อต่อวันนะครับเรียกได้ว่า
00:07:59 → 00:08:01 ว่ากล้ามเนื้อเนี่ยในปริมาณที่เท่ากัน
00:08:01 → 00:08:04 เนี่ยสามารถจะเผาผลาญได้มากกว่าไขมันถึง
00:08:04 → 00:08:08 2.5 เท่าเลยจึงเป็นสาเหตุที่ผมเคยเล่าใน
00:08:08 → 00:08:10 Episode ก่อนๆว่าอออยากลดน้ำหนักหรอ
00:08:10 → 00:08:13 พยายามเพิ่มกล้ามเนื้อสินะครับเพราะว่า
00:08:13 → 00:08:16 กล้ามเนื้อมันใช้พลังงานในขณะที่เราอยู่
00:08:16 → 00:08:18 นิ่งอยู่เฉยๆอ่ะกล้ามเนื้อก็ผ่านพลังงาน
00:08:18 → 00:08:22 เยอะกว่าไขมันแล้วนะครับอ่านี่คือปัจจัย
00:08:22 → 00:08:26 ทั้งหมดที่ส่งผลต่อพลังงานก้อน 70% คือ
00:08:26 → 00:08:29 พลังงานที่ต้องใช้ขณะที่เราอยู่เฉยๆนะ
00:08:29 → 00:08:31 ครับคือนั่งอยู่เฉยๆมันก็ช่วยเผาผลาญไป
00:08:31 → 00:08:35 เผาผลาญไปนะครับทีนี้พอเรารู้แล้วนะครับ
00:08:35 → 00:08:38 ว่าอ้าปกติแล้วร่างกายใช้พลังงาน 100%
00:08:38 → 00:08:42 ยังไงบ้างแล้วจะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้าเรา
00:08:42 → 00:08:47 เริ่มที่จะลดปริมาณอาหารกินอาหารน้อยลง
00:08:47 → 00:08:51 ไดเอตไดเอตเลยนะครับแน่นอนไอ้พลังงานทั้ง
00:08:51 → 00:08:55 หมดที่ร่างกายมีเป็นเป็นต้นทุนที่จะใช้
00:08:55 → 00:08:59 เนี่ยมันก็น้อยลงถูกมั้ครับพอมันน้อยลง
00:08:59 → 00:09:02 น้อยลงด้วยเนาะแถมเราก็พยายามออกกำลังกาย
00:09:02 → 00:09:07 เยอะขึ้นด้วยแน่นอนช่วงแรกๆเราใช้มากกว่า
00:09:07 → 00:09:10 เรากินอยู่ในภาวะที่เป็นแอ deficit ที่ผม
00:09:10 → 00:09:13 เคยเล่าให้ฟังเนี่ยน้ำหนักเราก็จะน้อยลง
00:09:13 → 00:09:16 อยู่ะเพราะเราใช้มากกว่าเรากินถูกมยแต่
00:09:16 → 00:09:19 ถ้าเราทำแบบนั้นไปสักพักนึงเป็นช่วงเวล
00:09:19 → 00:09:22 ต่อเนื่องครับโอ้โหสกเรื่องอาหารมากเลย
00:09:22 → 00:09:25 กินน้อยกินน้อยกินน้อยน้อยกว่าที่ร่างกาย
00:09:25 → 00:09:29 ต้องใช้อ่ะนะครับร่างกายก็จะเริ่มปรับตัว
00:09:29 → 00:09:32 ครับเพราะว่าร่างกายจะเริ่มรู้สึกว่าเฮ้ย
00:09:32 → 00:09:35 เราเราปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้แล้วนะเดี๋ยวๆ
00:09:35 → 00:09:38 ๋ยมันจะไม่ Healthy และนะครับจะต้องทำ
00:09:38 → 00:09:41 อะไรสักอย่างนึงแล้วนะครับสิ่งที่ร่างกาย
00:09:41 → 00:09:43 จะทำนะครับคือจะปรับตัวเองเข้าสู่โหมด
00:09:43 → 00:09:46 Survival เรียกง่ายๆคืออยู่ในโหมดจำสี
00:09:46 → 00:09:50 แล้วกันก็คืออ่ะเธอกินน้อยหรองั้นเราก็จะ
00:09:50 → 00:09:54 ใช้พลังงานให้น้อยลงละกันเป็นการปรับตัว
00:09:54 → 00:09:57 ของร่างกายนั่นเองครับขอย้อนกลับไปจำได้
00:09:57 → 00:09:59 มยพลังงาน 100% 70
00:09:59 → 00:10:02 คือร่างกายใช้เวแม้กระทั่งเราอยู่เฉยๆถูก
00:10:02 → 00:10:06 มั้ครับเพราะฉะนั้นพอร่างกายพยายามปรับ
00:10:06 → 00:10:09 ตัวก็คือไอ้ก้อน bmr ตัวนั้นแหละครับมัน
00:10:09 → 00:10:13 จะลดลงอัตโนมัติเลยครับเพราะว่าแน่นอนตัว
00:10:13 → 00:10:16 เราเบาลงถูกมยอ่า bmr ขึ้นกับน้ำหนักด้วย
00:10:16 → 00:10:19 เนาะน้ำหนักน้อยลง bmr ก็จะน้อยลงตามไป
00:10:19 → 00:10:22 ด้วยร่างกายก็จะเข้าโหมดจำสีก็จะช่วยลด
00:10:22 → 00:10:26 bmr ลงไปอีกนะครับเพื่อให้อยู่เฉยๆใช้
00:10:26 → 00:10:29 พลังงานน้อยลงพยายามเซฟพลังงานให้เรานะ
00:10:29 → 00:10:32 ครับพอเรากินน้อยลงเอ้าแน่นอนพลังงานที่
00:10:32 → 00:10:34 ใช้ในการย่อยก็น้อยลงไปด้วยนะครับแล้วรู้
00:10:34 → 00:10:37 มยพอเรากินน้อยลงตัวเราเบาลงเนี่ยนะครับ
00:10:37 → 00:10:40 เวลาเราออกกำลังกายเท่าเดิมอ่ะร่างกายเรา
00:10:40 → 00:10:42 ก็ใช้พลังงานน้อยลงไปด้วยนะครับเพราะ
00:10:42 → 00:10:44 ฉะนั้นพอมันมาบวกกันทั้งหมดแล้ว overall
00:10:44 → 00:10:48 เนี่ยกลายเป็นว่ากินน้อยลงร่างกายใช้พลัง
00:10:48 → 00:10:51 งานน้อยลงไปด้วยทำให้พลังงานค่า bmr
00:10:51 → 00:10:55 เนี่ยมันจะน้อยลงน้อยลงตามไปครับจนทำให้
00:10:55 → 00:10:59 บางคนเชื่อว่าเฮ้ยเกิด metabolic ดาดาเมจ
00:10:59 → 00:11:02 ว่าร่างกายเผ่าผ่านไม่ดีเฮ้ยจริงๆอ่ะมัน
00:11:02 → 00:11:04 ไม่ใช่เผาผ่านไม่ดีหรอกมันไม่ถึงขนาด
00:11:04 → 00:11:06 ดาเมจมันเป็นคำที่ดูรุนแรงเนาะดูเป็นโรค
00:11:06 → 00:11:10 นะครับแต่จริงๆมันคือการปรับตัวของร่าง
00:11:10 → 00:11:14 กายเพื่อให้ร่างกายไม่อยู่ในภาวะที่ขาด
00:11:14 → 00:11:17 พลังงานหรือขาดสารอาหารจนเกิดโรคหรือว่า
00:11:17 → 00:11:19 เป็นอันตรายนั่นเองครับนอกจากนี้นะครับ
00:11:20 → 00:11:22 ระบบฮอร์โมนของร่างกายก็จะปรับตัวตามไป
00:11:23 → 00:11:25 ด้วยนะครับและการปรับตัวของฮอร์โมนเนี่ย
00:11:25 → 00:11:29 ทำให้ร่างกายเนี่ยเก็บพลังงานไว้ในรูปของ
00:11:29 → 00:11:32 ไขมันมากยิ่งขึ้นด้วยเฮ้ยฟังแล้วอาจจะงง
00:11:32 → 00:11:36 เนาะเราพยายามลดไขมันโดยการกินน้อยๆเพื่อ
00:11:36 → 00:11:39 หวังว่ามันจะกำจัดไขมันไปใช่มยแต่พอถึง
00:11:39 → 00:11:41 จุดนึงที่ร่างกายรู้สึกว่าเธอกินน้อยเกิน
00:11:41 → 00:11:46 ไปอ่ะร่างกายจะรู้สึกว่าเฮ้ยไม่ว่ะอาหาร
00:11:46 → 00:11:48 ที่เรากินเข้ามาเนี่ยร่างกายจะเปลี่ยน
00:11:48 → 00:11:51 อาหารเหล่านั้นเป็นไขมันด้วยซ้ำไปแล้วก็
00:11:51 → 00:11:54 เก็บสะสมไว้เผื่อต้องใช้ในยามฉุกเฉินนะ
00:11:54 → 00:11:59 ครับเพราะฉะนั้นบางทีอ้าทำไมคุมอาหารกลับ
00:11:59 → 00:12:02 อ้วนกว่าเดิมนะครับนอกจากร่างกายพยายาม
00:12:02 → 00:12:05 เก็บสะสมแฟตแล้วบางทีเราคุมอาหารเยอะๆ
00:12:05 → 00:12:08 ร่างกายเราโหยครับการที่ร่างกายเราโหย
00:12:08 → 00:12:10 เนี่ยคือเป็นเป็นการป้องกันตัวเองเข้า
00:12:11 → 00:12:12 อยู่ใน Survival Mode แล้วว่าเฮ้ยบังคับ
00:12:13 → 00:12:16 ร่างกายให้ต้องกินนะครับบางทีเราแบบโอโห
00:12:16 → 00:12:19 ควบคุมอาหารโดยการกินน้อยลงวันละ 1,000
00:12:19 → 00:12:21 แคลอรี่ทุกวันทุกวันทุกวันแต่วันนึงตู้ม
00:12:21 → 00:12:24 แบบไม่ไหวแล้วฉันซัดเข้าไปไอ้ที่เราลดมา
00:12:24 → 00:12:26 ทั้งหมดโอ้โหกินเยอะกว่าที่ลดอีกนะครับ
00:12:26 → 00:12:30 กลายเป็นภาวะโยโยแล้วก็กลับมาน้ำหนักเท่า
00:12:30 → 00:12:32 เดิมหรืออ้วนกว่าเดิมด้วยซ้ำไปนะครับ
00:12:32 → 00:12:35 เพราะฉะนั้นเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เราอด
00:12:35 → 00:12:39 อาหารนานๆกินอาหารปริมาณน้อยๆนานๆร่างกาย
00:12:39 → 00:12:44 ของเราปรับตัวเองครับนะครับเพื่อให้เกิด
00:12:44 → 00:12:47 ภาวะจำศีลเพื่อให้ร่างกายของเราอยู่รอด
00:12:47 → 00:12:50 นั่นเองผลที่เราจะรู้สึกได้ก็คือว่าลด
00:12:50 → 00:12:54 เท่าไหร่น้ำหนักก็ไม่ลดไปกว่านี้แล้วนะ
00:12:54 → 00:12:57 ครับนั่นเป็นเพราะว่าร่างกายอยู่ในภาวะ
00:12:57 → 00:13:00 ปรับตัวเองนั่นเองครับทีนี้ถ้าเมื่อไหร่
00:13:00 → 00:13:03 ก็ตามร่างกายเราเกิดปรับตัวนะครับอยู่ใน
00:13:03 → 00:13:06 ภาวะที่เรียกว่าพาโทก็คือโอคุมอาหารแล้ว
00:13:07 → 00:13:10 น้ำหนักก็ไม่ลดแล้วแล้วเราจะแก้ยังไงนะ
00:13:10 → 00:13:14 ครับผมบอกเลยว่ามันมีวิธีการแก้ไม่ยากนะ
00:13:14 → 00:13:17 ครับ 3 ข้อที่อยากจะแนะนำให้ทุกคนทำเอ่อ
00:13:18 → 00:13:20 ซึ่งอันเนี้ยผมได้ความรู้มาจากเทรนเนอร์
00:13:20 → 00:13:23 ส่วนตัวของผมด้วยนะเขาบอกว่าการที่หลายๆ
00:13:23 → 00:13:26 คนน่ะลดน้ำหนักเยอะๆโดยการคุมอาหารคุม
00:13:26 → 00:13:29 ไดเอทเนี่ยจุดนึงเฮ้ย
00:13:29 → 00:13:31 มันไม่ไปต่อแล้วอ่ะสิ่งที่เขาให้แก้คือ
00:13:31 → 00:13:34 ให้กินเยอะขึ้นครับแต่ฟังดูอาจจะแบบงง
00:13:34 → 00:13:38 เนาะข้อแรกเลยนะให้เราเพิ่มปริมาณอาหาร
00:13:38 → 00:13:41 ที่เรากินให้เยอะขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ยังให้
00:13:41 → 00:13:44 น้อยกว่าปริมาณพลังงานที่เราต้องใช้ก็คือ
00:13:44 → 00:13:46 ยังอยู่ในภาวะที่เป็นแคลอรี่ deficit
00:13:46 → 00:13:49 แหละแต่ให้มันหย่อนลงมานิดเดียวพออย่า
00:13:49 → 00:13:53 เยอะจนเกินไปนะครับอ่าร่างกายเนี่ยไอ้
00:13:53 → 00:13:55 เจ้าค่า bmr เนี่ยมันจะกลับสูงขึ้นมาคือ
00:13:56 → 00:13:58 ระบบเผาผลาก็จะทำงานได้มากขึ้นแน่นอนตาม
00:13:58 → 00:14:01 น้ำหนักที่เราเพิ่มขึ้นนั่นเองนะครับ
00:14:01 → 00:14:04 ฮอร์โมนก็จะค่อยๆกลับสู่สมดุลก็จะบอกว่า
00:14:05 → 00:14:07 ร่างกายก็จะบอกและว่าเอ้ยไม่ต้องเก็บแฟต
00:14:07 → 00:14:10 แล้วเอ้ยเราเบิร์นแฟตได้ไม่ต้องเก็บแฟต
00:14:10 → 00:14:12 ไว้เผื่อใช้ในยามฉุกเฉินนะครับก็เหมือน
00:14:12 → 00:14:15 กับว่าระบบเผาผลาญมันจะดีขึ้นตามมาดีขึ้น
00:14:16 → 00:14:18 ดีขึ้นเรื่อยๆนั่นเองนะครับค่อยๆเพิ่ม
00:14:18 → 00:14:21 ปริมาณการกินแต่ยังให้อยู่ในภาวะแคลอรี่
00:14:21 → 00:14:24 deficit นะครับเป็นข้อที่ 1 ข้อที่ 2
00:14:24 → 00:14:27 ครับเราต้องใช้ Strength Training นะ
00:14:27 → 00:14:31 ครับคือการออกกำลังกายโดยการยกน้ำหนัก
00:14:31 → 00:14:35 เยอะๆจะช่วยได้ถามว่าทำไมเวลาที่เรายกน้ำ
00:14:35 → 00:14:37 หนักเยอะๆแน่นอนเคยเล่าให้ฟังไปแล้วเป็น
00:14:37 → 00:14:39 การทำลายกล้ามเนื้อเนาะและจะทำให้กล้าม
00:14:39 → 00:14:42 เนื้อของเราเนี่ย maintain หรือทำให้มัน
00:14:42 → 00:14:45 โตขึ้นด้วยคือเพิ่มปริมาณกล้ามเนื้อนั่น
00:14:45 → 00:14:48 เองถามว่าทำไมมันถึงส่งผลดีนะครับ
00:14:48 → 00:14:51 Strength Training การที่เราเพิ่มกล้าม
00:14:51 → 00:14:53 เนื้อขึ้น 1 ครับตอนที่เราลดน้ำหนักเยอะๆ
00:14:53 → 00:14:55 เนี่ยครับทำให้มวลกล้ามเนื้อเราไม่เสีย
00:14:55 → 00:14:58 อย่างที่บอกกล้ามเนื้อเป็นเตาเผาชั้นดี
00:14:58 → 00:15:00 เนาะพอกล้ามเนื้อเนี่ยมันมีปริมาณเท่า
00:15:01 → 00:15:03 เดิมหรือเผลอๆเยอะกว่าเดิมเนี่ยนะครับแน่
00:15:03 → 00:15:08 นอนค่า bmr ของเราเนี่ยมันจะไม่ลดเยอะจน
00:15:08 → 00:15:10 เกินไปตามน้ำหนักที่เราลดลงเผลอๆเนี่ยมัน
00:15:10 → 00:15:12 อาจจะช่วย maintain หรือเพิ่มค่า bmr
00:15:12 → 00:15:15 ด้วยแม้กระทั่งตอนที่เราลดน้ำหนักนั่นเอง
00:15:15 → 00:15:19 นะครับอ่านั่นคือข้อดีของการทำ Strength
00:15:19 → 00:15:21 Training หรือว่า weight Training ครับ
00:15:21 → 00:15:24 และข้อที่ 3 ที่จะแนะนำให้ทำนะครับก็คือ
00:15:24 → 00:15:28 การที่เราไปเพิ่มสัดส่วนของพลังงาน 20%
00:15:28 → 00:15:31 ที่ใช้ในการเคลื่อนไหวร่างกายนะครับอ่ะ
00:15:31 → 00:15:34 แทนที่เราจะนั่งนิ่งๆหรือแทนที่เราจะขึ้น
00:15:35 → 00:15:38 ลิฟต์อ้าเราลองเปลี่ยนวิถีชีวิตเป็นการ
00:15:38 → 00:15:42 เดินขึ้นบันไดดีมยหรือแทนที่เราจะอ่าซื้อ
00:15:42 → 00:15:45 ของเดินออกไปหน้าปากซอยเนี่ยเดินไปเองดีม
00:15:45 → 00:15:48 แทนที่จะสั่ง Grab เข้ามาให้เรานะครับ
00:15:48 → 00:15:50 ง่ายๆคือโดยสรุปคือทำให้ร่างกาย Active
00:15:50 → 00:15:53 ครับก็คือไปเพิ่มสัดส่วนของพลังงานที่
00:15:53 → 00:15:56 ร่างกายต้องใช้ในการเคลื่อนไหวนั่นเองคือ
00:15:56 → 00:15:59 เคลื่อนไหวร่างกายเยอะๆนะครับก็จะช่วยทำ
00:15:59 → 00:16:02 ให้การเผาผลาญของเราเนี่ยมันดีขึ้นนั่น
00:16:02 → 00:16:05 เองครับเพราะฉะนั้นนะครับคำว่า metabolic
00:16:05 → 00:16:09 Damage เนี่ยจริงๆแล้วมันไม่มีอยู่จริง
00:16:09 → 00:16:12 ครับจริงๆคำที่เหมาะสมกว่าคือคำว่า
00:16:12 → 00:16:13 metabolic
00:16:13 → 00:16:17 adaptation คือการปรับตัวของร่างกายให้
00:16:17 → 00:16:20 เหมาะสมกับการกินของเรานั่นเองนะครับหลาย
00:16:20 → 00:16:23 คนก็อาจจะมีคำถามว่าเอ้ยแต่ถ้าเกิดว่าเรา
00:16:23 → 00:16:26 อายุมากขึ้นเนี่ยเราก็สังเกตตัวเองนะว่า
00:16:26 → 00:16:30 เราแก่ขึ้นเนี่ยการเผาผมันมันก็แย่ลงจริง
00:16:30 → 00:16:33 ๆนะซึ่งคำตอบก็ถูกต้องครับย้อนกลับไปที่
00:16:33 → 00:16:36 ค่า bmr ผมบอกไปแล้วว่าการคำนวณ bmr
00:16:36 → 00:16:41 หนึ่งในปัจจัยคืออายุถูกไมครับแต่อายุ
00:16:41 → 00:16:44 นั้นเนี่ยจริงๆแล้วมันไม่ใช่อายุตาม
00:16:44 → 00:16:48 ปฏิธินนะแต่มันคืออายุทางชีวภาพหรือว่า
00:16:48 → 00:16:51 biological Age ด้วยซ้ำไปครับเพราะ
00:16:51 → 00:16:54 ฉะนั้นเรายังมีอีก1ึวิธีที่เราอยากจะแฮก
00:16:54 → 00:16:57 ร่างกายเพื่อทำให้ metabolic Rate ของ
00:16:57 → 00:17:01 เราดีคือทำทำยังไงก็ได้ให้ร่างกายของเรา
00:17:01 → 00:17:04 มันฟิตหรือว่าเรามีอายุชีวภาพที่น้อยลงมา
00:17:04 → 00:17:06 นั่นเองนะครับและถ้าใครเคยฟัง Episode
00:17:06 → 00:17:09 biological Age ก็จะเจอว่าหลักการมันมี
00:17:09 → 00:17:13 อยู่ง่ายๆเลยครับเพียง 4 ข้อก็คือกินดี
00:17:13 → 00:17:18 นอนดีออกกำลังกายดีแล้วก็อารมณ์ดีนะครับ
00:17:18 → 00:17:22 ถ้าคุณทำ 4 ข้ออายุทางชีวภาพของคุณเนี่ย
00:17:22 → 00:17:26 มันก็จะอ่อนยาวกว่าอายุตามปฏิทินแลก็ทำ
00:17:26 → 00:17:29 ให้อัตราการเผ่าผ่านของเราเนี่ยเนี่ยมัน
00:17:29 → 00:17:32 ดีอยู่มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
00:17:32 → 00:17:36 ครับ Top to Toe The Standard
00:17:36 → 00:17:41 podcast ey Opening for your
00:17:41 → 00:17:44 ears