00:00:00 → 00:00:04 มีน้ำอัดลม Price น้ำตาล 0 แคลอรี่ทำให้
00:00:04 → 00:00:08 คุณอ้วนขึ้นหรือว่าทำให้คุณผอมลงกันแน่ใน
00:00:08 → 00:00:10 คลิปนี้หมอแบงค์มีคำตอบให้กับทุกคนครับ
00:00:10 → 00:00:13 ก่อนอื่นเลยหากใครชมคลิปบ่แบงค์พันทาง
00:00:13 → 00:00:16 Facebook สามารถกดติดตามได้ทางวิธีการ
00:00:16 → 00:00:19 นี้ครับหากใครชมคลิปบ่แบงค์พัน YouTube
00:00:19 → 00:00:22 สามารถกดไลค์กดติดตามและกดสั่นกระดิ่ง
00:00:22 → 00:00:25 เพื่อที่จะไม่พลาดคลิปความรู้ดีๆครับเรา
00:00:25 → 00:00:28 มาเริ่มต้นกันแบบนี้ครับหลักคิดของการ
00:00:28 → 00:00:32 ผลิตน้ำอัดลมไม่มีน้ำตาลเนี่ยเขาคิดกัน
00:00:32 → 00:00:34 ยังไงมาแบงค์วันนี้ทุกคนรู้อยู่แล้วครับ
00:00:34 → 00:00:37 ว่าการกินน้ำอัดลมที่ใส่น้ำตาลเนี่ยทำให้
00:00:37 → 00:00:40 คุณควรขึ้นจริงไหมครับอันนี้ทุกคนเห็น
00:00:40 → 00:00:43 ด้วยพร้อมกันเนอะแต่เมื่อเราครับเอาน้ำ
00:00:43 → 00:00:46 ตาลในน้ำอัดลมออกครับแล้วใส่เป็นสารให้
00:00:46 → 00:00:49 ความหวานเนี่ยเข้าไปแทนแล้วไม่มีแคลอรี่
00:00:49 → 00:00:52 เลยนะแต่ได้ความหวานเท่าเดิมกรณีเนี่ยทำ
00:00:52 → 00:00:55 ให้คุณอ้วนขึ้นหรือเปล่าาาวันนี้เราจะมา
00:00:55 → 00:00:57 คุยกันประเด็นนี้นะครับคุณเราสังเกตแบบ
00:00:57 → 00:01:00 นี้ครับเวลาที่คุณกินน้ำพวกนี้เขาถ้าจะ
00:01:00 → 00:01:02 ให้ความหวานนะไม่ว่าจะเป็นหญ้าหวานหล่อ
00:01:02 → 00:01:05 ฮั้งกล้วยนิติเท่าชู Car Road aziz
00:01:05 → 00:01:09 เป็น K หรืออะไรก็ตามครับคุณรู้สึกยังไง
00:01:09 → 00:01:12 ครับอ่าลองกินอาการเน็ตให้เหมาะนะครับ
00:01:12 → 00:01:15 เวลาดื่มเข้าไปแล้วเนี่ยความหวานเขาหวาน
00:01:15 → 00:01:18 ยังไงครับความหวานก็เนี่ยมันหวานแบบ
00:01:18 → 00:01:23 ปะแล่มปะแล่มจริงไหมหวานปลายลิ้นแบบผมเออ
00:01:23 → 00:01:26 มันหวานแบบรู้สึกว่ามันไม่สุดอ่ะเนาะมัน
00:01:26 → 00:01:29 บอกไม่ถูกจริงแม้แต่ถ้าเกิดว่าเรากินแบบ
00:01:29 → 00:01:33 น้ำตาลน่ะเพียวๆเลยนะสมมติกินน้ำอัดลมที่
00:01:33 → 00:01:36 มีน้ำตาลคุณรู้สึกยังไงครับโหทั้งหวาน
00:01:36 → 00:01:39 ทั้งสร้างฟินแบบสุดฟินแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
00:01:39 → 00:01:42 อันนี้ทุกคนจะตอบเป็นเสียงเดียวกันก็ชอบ
00:01:42 → 00:01:44 เป็นสารให้ความหวานแล้วเนี่ยทำไมมันรู้
00:01:44 → 00:01:47 สึกไม่สุดนะคุณเราสังเกตแม้คือเป็นแบบนี้
00:01:47 → 00:01:51 ครับสารให้ความหวานเนี่ยเขาจะเข้าไปหลอก
00:01:51 → 00:01:54 สมองเราครับว่าใช่คุณเนี่ยได้รับความหวาน
00:01:54 → 00:01:57 เข้าไปนะจงรู้สึกพึงพอใจนะแต่คุณไม่ต้อง
00:01:57 → 00:02:00 รับแคลอรี่คุณว่าสมองเราเนี่ยวิวัฒน์มี
00:02:00 → 00:02:02 การมาเป็นล้านปีครับเขาจะโดนหลอกง่ายนะ
00:02:02 → 00:02:06 ครับคำตอบคือสมองเราฉลาดกว่านั้นครับเวลา
00:02:06 → 00:02:09 คุณไปหลอกเขาเนี่ยเขาทำยังไงรู้ไหมครับ
00:02:09 → 00:02:12 เวลาได้รับความหวานป่ะเนี่ยสมองคุณจะปรับ
00:02:12 → 00:02:14 ให้คุณล่ะครับว่าคุณจงรู้สึกไม่พอใจใน
00:02:14 → 00:02:17 เมื่ออาหารนั้นคุณจงไปกินจุกจิกมากขึ้นจง
00:02:17 → 00:02:21 กระบัตรแตกจงหิวมากขึ้นลองสังเกตดูแล้ว
00:02:21 → 00:02:23 ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นครับเพราะว่าเวลาที่
00:02:23 → 00:02:26 เราได้รับความหวานไปแล้วเนี่ยร่างกายเรา
00:02:26 → 00:02:29 สมควรที่จะต้องได้รับแคลอรีให้มันสมดุล
00:02:29 → 00:02:32 กับความหวานที่เข้าไปจริงไหมครับแต่คราว
00:02:32 → 00:02:34 นี้พอเราได้รับความหวานเข้าไปครับแต่ไม่
00:02:34 → 00:02:37 มีแคลอรี่เนี่ยสมองเรารู้สึกแบบไม่สมดุล
00:02:37 → 00:02:39 ครับเขาเลยพยายามให้คุณเนี่ยไปกินเชอรี่
00:02:39 → 00:02:42 มากขึ้นเพื่อที่จะได้รับความหวานให้สมดุล
00:02:42 → 00:02:45 กับแคลอรี่แบบนี้นะครับคุณเลยจะรู้สึกว่า
00:02:45 → 00:02:49 หูอยากกินจุกจิกอยากกินขนมเนี่ยแล้วก็กิน
00:02:49 → 00:02:52 มากขึ้นปุ๊ปสมดุลกันแล้วแบบนี้สมองเราก็
00:02:52 → 00:02:55 จะพึงพอใจครับถ้าคุณอยากจะลองพิสูจน์ดูนะ
00:02:56 → 00:02:58 อาลองวันนี้หรือว่าพรุ่งนี้เลยก็ได้ครับ
00:02:58 → 00:03:01 ลองไปซื้อน้ำอัดลมเอาเข้ามาดูครับแล้วลอง
00:03:01 → 00:03:04 กินหลังอาหารเช้าคุณจับค้นพบเลยครับว่า
00:03:04 → 00:03:08 ภายในวันนั้นเนี่ยคุณจะโตนก็ไว้ใจครับและ
00:03:08 → 00:03:11 อยากกินขนมมากกว่าปกติครับลองพิสูจน์ดูนะ
00:03:11 → 00:03:15 ที่สำคัญครับในมื้อถัดไปเนี่ยคุณจะกินมาก
00:03:15 → 00:03:19 ขึ้นแบบไม่รู้ตัวนั่นเองครับนี่แหละเป็น
00:03:19 → 00:03:22 สาเหตุที่ทำให้คุณอ้วนมากขึ้นครับอาจจะ
00:03:22 → 00:03:26 ไม่อ้วนโดยตรงจากตัว 0 แคลอรีแต่เขาจะทำ
00:03:26 → 00:03:28 ให้คุณพิมพ์อย่างอื่นมากขึ้นคุณจะอ้วนจะ
00:03:28 → 00:03:31 สิ่งนี้ครับหลายคนก็จะมีคำถามนะครับเอ้า
00:03:31 → 00:03:34 หมอแบงค์ถ้าอย่างนั้นเนี่ยฉันก็อดทนนิด
00:03:34 → 00:03:37 นึงแล้วถ้าไม่ไปกินอย่างอื่นเพิ่มก็แปล
00:03:37 → 00:03:40 ว่าจะไม่อ้วนจริงมั้ยซึ่งในทางทฤษฎีเนี่ย
00:03:40 → 00:03:44 คำตอบนั้นอ่ะถูกต้องครับถ้าคุณกินแค่น้ำ
00:03:44 → 00:03:45 อัดลม 0 เชอรี่แล้วไม่ไปกินอย่างอื่น
00:03:45 → 00:03:48 เพิ่มเลยนะแบบไม่หลุดเลยนะคุณจะน้ำหนัก
00:03:48 → 00:03:52 ไม่เพิ่มครับแต่ในทางปฏิบัติครับที่หมอ
00:03:52 → 00:03:55 แบงค์ทำมา 6 ปีเนี่ยบ่แบงค์ยังไม่เคยเห็น
00:03:55 → 00:03:58 ใครครับที่ต้านทานความอยากกินได้เลยครับ
00:03:58 → 00:04:02 ที่เคยมีภาวะแต่ว่าห้ามตัวเองไม่อยู่ไหม
00:04:02 → 00:04:04 ครับแบบคลิกฉันต้องกินกินเท่าไหร่ก็ไม่
00:04:04 → 00:04:08 อิ่มอิ่มแล้วก็ก็อยากจะกินอีกมันรู้สึก
00:04:08 → 00:04:11 ไม่พึงพอใจครับนี่แหละครับแลว่าสมองคุณ
00:04:11 → 00:04:14 น่ะกำลังถูกแฮกอยู่จากสารพวกนี้ครับคุณ
00:04:14 → 00:04:18 ไม่สามารถต้านทานได้จริงๆครับหมอบอกเลย 99
00:04:18 → 00:04:21 เปอร์เซ็นต์เนี่ยคุณหลุดตบะแตกแน่นอนครับ
00:04:21 → 00:04:23 เพราะฉะนั้นเรามาดูตัวอย่างนะครับอันนี้
00:04:23 → 00:04:25 เป็นนักเรียนของหมอแบงค์นะครับที่เข้า
00:04:25 → 00:04:27 มาเรียน Class good doctor ออนไลน์
00:04:27 → 00:04:30 มาสเตอร์คลาสนะครับก่อนหน้าที่จะมาเรียน
00:04:30 → 00:04:33 ครับติดน้ำอัดลม 0 แคลอรี่เนี่ยเยอะมาก
00:04:33 → 00:04:35 และต้องไปกินทุกวันครับเพราะเขาเนี่ยแฮก
00:04:35 → 00:04:38 สมองเราโอ๊ยอยากน้ำตาลและแต่เราอยากได้
00:04:38 → 00:04:42 น้ำตาลจริงๆเราก็เลยเป็นเลือกน้ำตาลที่
00:04:42 → 00:04:44 เป็นสังเคราะห์เราต้องไปกินทุกวันแบบนี้
00:04:44 → 00:04:47 ครับก่อนหน้าจะมาเรียนเนี่ยติดมากครับ
00:04:47 → 00:04:51 แล้วก็จะมีอาการท้องอืดปั่นป่วนและก็รู้
00:04:51 → 00:04:54 สึกสมองไม่สดชื่นนั่นเองครับเพราะอะไร
00:04:54 → 00:04:56 เดี๋ยวเราค่อยมาคุยกันเนาะการที่คุณรู้
00:04:56 → 00:04:58 สึกว่าไม่สดชื่นเนี่ยเกิดจากที่หมอบอกไป
00:04:58 → 00:05:01 ครับเขาไปหามีของแล้วรู้สึกไม่พึงพอใจ
00:05:02 → 00:05:04 นั่นเองครับแต่หลังจากเข้ามาเรียนนะครับ
00:05:04 → 00:05:07 ประมาณ 1-2 เดือนเท่านั้นครับภาวะสมองเสพ
00:05:07 → 00:05:10 ติดและอาการอยากน้ำตาลเนี่ยหายไปเลยครับ
00:05:10 → 00:05:14 มาดูพี่อีกท่านนึงครับก่อนมาเรียนคลาสหมอ
00:05:14 → 00:05:17 แบงค์ครับก็ติดขนมหวานครับสมองโดนแบบควบ
00:05:17 → 00:05:20 คุมไม่ได้นะครับโดนอาหารควบคุมอยู่นะกิน
00:05:20 → 00:05:23 เป็นพายุเลยแต่หลังจากเข้ามาปรับและแก้
00:05:23 → 00:05:27 ถูกวิธีครับผลปรากฏว่าสมองเราเนี่ยหาย
00:05:28 → 00:05:31 อาการเสร็จปิดเรียบร้อยครับเราสามารถควบ
00:05:31 → 00:05:35 คุมสมองเราได้ไม่ได้ให้สมองมาควบคุมแล้ว
00:05:35 → 00:05:38 ครับปัจจุบันก็มีความสุขในการทานอาหารมาก
00:05:38 → 00:05:41 ๆครับเรามาดูงานวิจัยกันบ้างดีกว่าครับ
00:05:41 → 00:05:44 ว่าเขาพูดเกี่ยวกับเครื่องดื่ม 0 แคลอรี่
00:05:44 → 00:05:47 ว่าอย่างไรบ้างครับเขาแบ่งคนที่น้ำหนัก
00:05:47 → 00:05:50 ตัวเกินเนี่ยแบ่งเป็น 2 กลุ่มนะครับมา
00:05:50 → 00:05:52 เข้าโปรแกรมลดน้ำหนัก 6 เดือนครับซึ่ง
00:05:52 → 00:05:55 กลุ่มแรกเนี่ยเขาให้กินน้ำ 0 แคลอรี่
00:05:55 → 00:05:59 ประมาณ 5 กระป๋องต่อสัปดาห์ครับกลุ่มที่ 2
00:05:59 → 00:06:01 ครับเดิมทีจะกินอยู่แล้วครับประมาณ 5
00:06:01 → 00:06:03 กระป๋องต่อสัปดาห์เฉพาะเอามาเข้างานวิจัย
00:06:03 → 00:06:06 เนี่ยเขาเปลี่ยนปุ่มที่สองเนี่ยจากที่กิน
00:06:06 → 00:06:10 น้ำอัดลม 0 Carry ให้เป็นน้ำเปล่าผล
00:06:10 → 00:06:12 ปรากฏว่าเป็นอะไรรู้ไหมครับ 6 เดือนผ่าน
00:06:12 → 00:06:15 ไปครับกลุ่มที่เปลี่ยนเป็นน้ำเปล่าเนี่ย
00:06:15 → 00:06:19 สามารถลดน้ำหนักได้ดีกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง
00:06:19 → 00:06:24 มากถึง 15 เปอร์เซ็นต์เลยครับโหเป็นยังไง
00:06:24 → 00:06:27 บ้างคุณลองเปลี่ยนดูครับแล้วคุณจะเพราะ
00:06:27 → 00:06:29 ว่าน้ำหนักคุณจะลดเร็วขึ้นครับเค้าเนี่ย
00:06:29 → 00:06:33 พูดทำการทดลองวิจัย with งานวิจัยนี้นะ
00:06:33 → 00:06:36 ครับเขาก็อยากจะคอนเฟิร์มครับแต่ว่าไปทำ
00:06:36 → 00:06:39 ในกลุ่มของเบาหวานชนิดที่ 2 ครับผลปรากฏ
00:06:39 → 00:06:41 ว่าออกมาเหมือนกันเลยครับกลุ่มคนที่
00:06:42 → 00:06:44 เปลี่ยนน้ำอัดลม 0 แคลอรี่เนี่ยให้กลาย
00:06:45 → 00:06:48 เป็นน้ำเปล่าสามารถลดน้ำหนักได้มากกว่า
00:06:48 → 00:06:52 กี่กลุ่มหนึ่งอย่างมีนัยยะสำคัญครับเพราะ
00:06:52 → 00:06:54 ฉะนั้นวันนี้เนี่ยหมอแบงค์บอกเลยนะตามงาน
00:06:54 → 00:06:57 วิจัยแล้วก็ตามประสบการณ์ที่หมอแบงค์ทำมา
00:06:57 → 00:07:02 เพียงแค่คุณเปลี่ยนน้ำอ่า 0 แคลเป็นน้ำ
00:07:02 → 00:07:05 เปล่าคุณจะลดน้ำหนักได้ดีขึ้นภาวะตบะแตก
00:07:05 → 00:07:10 คุณจะลดลงคุณจะกินน้อยลงครับและคุณจะมี
00:07:10 → 00:07:13 ความสุขมีความพึงพอใจในมื้ออาหารของคุณ
00:07:13 → 00:07:16 มากขึ้นนั่นเองครับชวนถ้าใครเนี่ยอยากจะ
00:07:16 → 00:07:19 ได้รับความสดชื่นระหว่างวันนะครับว่า
00:07:19 → 00:07:22 โอ้โหเมื่อก่อนเนี่ยต้องไปพึ่งเครื่อง
00:07:22 → 00:07:25 ดื่มศูนย์เชอรี่ตลอดนะแล้วก็รู้สึกว่าได้
00:07:25 → 00:07:29 รับการเยียวยาหัวใจฟื้นฟูมานิดนึงกับความ
00:07:29 → 00:07:32 สดชื่นความซ่านะหมอแบงค์เนี่ยบอกแล้วมัน
00:07:32 → 00:07:35 ไม่ดีแล้วเราจะกินอะไรแทนดีนะครับถ้าไม่
00:07:35 → 00:07:37 อยากกินน้ำเปล่าด้วยนะครับแต่อยากได้ความ
00:07:37 → 00:07:41 สดชื่นหมอแบงค์แนะนำตัวนี้ครับจากที่คุณ
00:07:41 → 00:07:46 ไปหยิบ 0 แคลอรี่เนี่ยให้คุณไปหยิบ Soda
00:07:46 → 00:07:49 เปล่ามาแทนครับแล้วหามะนาวเซ็กซี่นึงนะมา
00:07:49 → 00:07:53 บีบใส่โซดาครับแล้วกินแทนครับคุณจะได้รับ
00:07:53 → 00:07:56 ความทราบความฟินความเปรี้ยวความสดชื่นของ
00:07:56 → 00:07:59 มะนาวและโซดาครับคุณจะตื่นขึ้นมาแล้วก็สด
00:07:59 → 00:08:02 ใสไม่ทันทีครับแต่คุณจะไม่ได้รับสาร
00:08:02 → 00:08:05 สังเคราะห์ที่ที่ออกห่างจากธรรมชาติครับ
00:08:05 → 00:08:09 คุณจะไม่ได้เป็นหลอกสมองครับแบบเนี้ยจะดี
00:08:09 → 00:08:13 กับคุณครับแต่ก็ระวังในคนที่มีเคลือบฟัน
00:08:13 → 00:08:16 กร่อนนะครับก็แนะนำกินเป็นน้ำเปล่าจะดี
00:08:16 → 00:08:18 ที่สุดครับส่วนในมุมอื่นของสารให้ความ
00:08:18 → 00:08:21 หวานนะครับเราค่อยมาหาคำตอบกันในคลิปถัด
00:08:21 → 00:08:25 ไปครับว่ามันส่งผลกับสุขภาพของเราด้านไหน
00:08:25 → 00:08:29 บ้างเนาะส่งผลกับลำไส้ของเราหรือเปล่าทำ
00:08:29 → 00:08:31 ให้เราเป็นเบาหวานมากขึ้นหรือว่าลดเบา
00:08:31 → 00:08:34 หวานได้มีอันตรายด้านอื่นไหมแบบว่าเป็น
00:08:34 → 00:08:37 มะเร็งมากขึ้นไหมเราค่อยมาหาคำตอบในคลิป
00:08:37 → 00:08:41 ถัดไปครับเพราะว่าช่องหมอแบงค์เนี่ยไม่
00:08:41 → 00:08:43 ได้ต้องการให้คุณลดน้ำหนักได้อย่างเดียว
00:08:43 → 00:08:47 ครับแต่หมอต้องการให้คุณเนี่ยลดน้ำหนัก
00:08:47 → 00:08:51 ได้ยังยืนแล้วก็สุขภาพดีทั้งชีวิตครับ
00:08:51 → 00:08:55 แล้วเราเจอกันในคลิปถัดไปอยู่กับผมหมอ
00:08:55 → 00:08:59 แบงค์ Food Doctor