00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับจากกรณีที่ประเทศไทยก็มีหลายๆ
00:00:03 → 00:00:06 เคสนะครับที่เสียชีวิตแล้วคาดว่าอาจจะมี
00:00:06 → 00:00:08 ความเกี่ยวข้องกับศาลไซยาไนด์นะครับวัน
00:00:08 → 00:00:10 นี้ผมก็เลยอยากจะเอาเรื่องนี้มาเล่าให้
00:00:10 → 00:00:13 ฟังนะครับว่าไซยาไนด์เนี่ยมันเป็นพิษได้
00:00:13 → 00:00:16 อย่างไรมันมาจากไหนนะครับแล้วมันจะเข้าไป
00:00:16 → 00:00:19 ในร่างกายเราด้วยวิธีอะไรบ้างมีวิธีในการ
00:00:19 → 00:00:21 ดูแลรักษาอย่างไรนะครับก็พบกับผมนะครับ
00:00:21 → 00:00:23 นายแพทย์ธานีธนียวรรณนะครับเป็นอาจารย์
00:00:23 → 00:00:26 แพทย์อยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเชี่ยวชาญ
00:00:26 → 00:00:29 โรคปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับ
00:00:29 → 00:00:31 กรณีของไซยาไนด์นั้นจริงๆมันมีแหล่งที่มา
00:00:31 → 00:00:35 ค่อนข้างที่จะหลากหลายนะครับแต่ว่าในข่าว
00:00:35 → 00:00:39 นะฮะน่าจะมาจากการกินเข้าไปซะมากกว่านะ
00:00:39 → 00:00:41 ครับตัวไซยาไนด์มันมีหลายรูปแบบเลยนะครับ
00:00:41 → 00:00:44 แบบที่มันเป็นเกลือไซนัสก็คือเป็น
00:00:44 → 00:00:46 โซเดียมไซยาไนด์หรือ potassium ไซยาไนด์
00:00:46 → 00:00:48 พวกนี้เนี่ยลักษณะมันจะเป็นผงเกล็ดสีขาว
00:00:48 → 00:00:51 นะครับแล้วก็ปริมาณเพียงแค่นิดเดียวก็
00:00:51 → 00:00:53 สามารถที่จะทำให้เสียชีวิตได้แล้วนะครับ
00:00:53 → 00:00:55 โดยปริมาณที่ทำให้เสียชีวิตได้เนี่ยมันจะ
00:00:55 → 00:00:58 อยู่ที่ประมาณสัก 1.5 มิลลิกรัมต่อ
00:00:58 → 00:01:00 กิโลกรัมนะครับพูดง่ายๆก็คือถ้าเกิดว่า
00:01:00 → 00:01:04 อ่าคนไทยทั่วๆไปนะครับหนักสัก 50-70 แถวๆ
00:01:04 → 00:01:08 เนี้ยนะครับก็กินไปสักประมาณ 5 กรัมเนี่ย
00:01:08 → 00:01:10 ก็เสียชีวิตได้ละ 5 กรัมก็คือนิดเดียวแทบ
00:01:10 → 00:01:12 จะมองไม่เห็นสามารถที่จะละลายไปกับน้ำ
00:01:12 → 00:01:14 อะไรพวกนี้ได้นะครับอันนี้ก็เป็นวิธี
00:01:14 → 00:01:17 หนึ่งซึ่งทำให้เกิดพิษได้นะครับแล้วไอ้
00:01:17 → 00:01:19 ของพวกนี้เนี่ยมันก็ไม่ได้หายากนะครับ
00:01:19 → 00:01:21 ไซยาไนด์ก็คือยาเบื่อหนูดีๆนี่เองนะครับ
00:01:21 → 00:01:26 เราสามารถหามาใช้ได้นะฮะแต่ว่าก็คงมีคน
00:01:26 → 00:01:28 ไม่ทราบว่าไซยาไนด์มันมาจากแหล่งอื่นได้
00:01:28 → 00:01:31 เหมือนกันนะครับแหล่งอื่นที่เราเจอบ่อยๆ
00:01:31 → 00:01:34 ก็คือผู้ที่มีชีวิตรอดจากไฟไหม้นะครับ
00:01:34 → 00:01:37 เพราะว่าหลายๆอย่างเนี่ยเวลาที่มันเกิด
00:01:37 → 00:01:40 การเผาไหม้แล้วล่ะก็มันจะกลายเป็นสาร
00:01:40 → 00:01:43 ไซยาไนด์หรือพวกกลุ่มที่เรียกว่าไฮโดรเจน
00:01:43 → 00:01:45 ไซยาไนด์ที่เราหายใจเข้าไปได้นะครับซึ่ง
00:01:45 → 00:01:48 พวกนี้มันก็จะอันตรายได้นะครับก็เกิดเป็น
00:01:48 → 00:01:51 พิษได้นะครับสารพวกนี้นะมันมาจากไหนเวลา
00:01:51 → 00:01:54 ที่ไฟไหม้นะครับยกตัวอย่างเช่นพวกพลาสติก
00:01:54 → 00:01:58 ต่างๆโพลียูรีเทนนะครับผ้าใหม่นะครับภาค
00:01:58 → 00:02:00 ขนสัตว์ปูอะไรพวกนี้นะครับก็สามารถที่จะ
00:02:00 → 00:02:03 ทำให้เกิดเป็นสารพิษไซยาไนด์ให้เราหายใจ
00:02:03 → 00:02:06 เข้าไปได้นะครับอ่าพวกนี้พวกโรงงานทำปุ๋ย
00:02:06 → 00:02:10 อะไรอย่างเงี้ยนะครับหรือว่าบางคนก็ในพวก
00:02:10 → 00:02:12 อุตสาหกรรมที่ทำเรื่องของ Jewelry ต่างๆ
00:02:12 → 00:02:15 ก็จะมีเขาเรียกว่าเป็นอิเล็กโทรเพจนะครับ
00:02:15 → 00:02:18 อิเล็กโทรเปตติ้งก็คือตัวที่อาจจะทำให้มี
00:02:18 → 00:02:20 สารไซยาไนด์กลายมาเป็น I แล้วเราก็หายใจ
00:02:20 → 00:02:22 เข้าไปได้นะครับพวกนี้ก็จะอันตรายเช่นกัน
00:02:22 → 00:02:26 นะครับนี่คือในกรณีของไฟไหม้นะครับแต่มัน
00:02:26 → 00:02:30 ก็มีกรณีอื่นๆอีกเช่นมันมาจากธรรมชาตินะ
00:02:30 → 00:02:34 ครับมาจากธรรมชาติที่มาจากไหนนะครับก็มัน
00:02:34 → 00:02:36 จะมีสารตัวหนึ่งชื่อว่า megalin นะครับ
00:02:36 → 00:02:39 พวกนี้สารตัวนี้เนี่ยมันอยู่ในของหลายๆ
00:02:39 → 00:02:42 อย่างเลยนะครับยกตัวอย่างเช่นเมล็ดของพวก
00:02:42 → 00:02:45 แอปเปิ้ลนะครับลูกแพรนะครับ applicot อ่า
00:02:45 → 00:02:48 พวกพลัมพวกพีชอะไรพวกนี้จะมีอยู่นะครับ
00:02:48 → 00:02:51 หรืออ่าในดอกไม้อันหนึ่งชื่อดอก
00:02:51 → 00:02:53 ไฮดรอลเกียร์นะครับไฮดรอลเกียร์นี่คือคาด
00:02:53 → 00:02:55 ว่าหลายๆคนก็คงจะเคยเห็นนะครับพวกดอกพวก
00:02:55 → 00:02:56 เนี้ย
00:02:56 → 00:02:57 มันเป็นพิษเพราะว่าเวลาที่เรากินเข้าไป
00:02:57 → 00:03:00 สารอะมีพวกนี้มาลงสู่ลำไส้แล้วมันจะโดน
00:03:00 → 00:03:03 ย่อยกลายเป็น hydro hydrogen ไซยาไนด์นะ
00:03:03 → 00:03:05 ครับแล้วก็ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายนะครับ
00:03:05 → 00:03:07 ไอ้ดอกไม้ตัวนี้เนี่ยคือ
00:03:07 → 00:03:09 ถ้าใครเลี้ยงหมาไว้เนี่ยนะครับอย่าให้กิน
00:03:09 → 00:03:11 นะครับถ้าใครปลูกไว้แล้วก็หมาไม่กินเข้า
00:03:11 → 00:03:14 ไปเนี่ยอันนี้เสร็จแน่นอนนะครับคือมันมี
00:03:14 → 00:03:16 โอกาสที่จะเสียชีวิตได้เลยนะครับอันนั้น
00:03:16 → 00:03:19 อันนี้เราก็จะต้องระวังแล้วก็อย่าไปอยู่
00:03:19 → 00:03:22 ใกล้ของพวกนี้นะครับถ้ามันหล่นลงมาเราก็
00:03:22 → 00:03:24 อย่าไปหยิบกินนะครับหรือไม่มีใครมีลูกนะ
00:03:24 → 00:03:27 ครับเด็กเล็กๆเนี่ยนะครับไปเจอไอ้ดอกตัว
00:03:27 → 00:03:29 นี้แล้วหยิบกินหยิบกินเข้าไปเนี่ยก็เผลอๆ
00:03:29 → 00:03:32 อาจจะกลายเป็นไซนัสอ่า pointing หรือเป็น
00:03:32 → 00:03:34 พิษจากไซยาไนด์ก็ได้นะครับ
00:03:34 → 00:03:36 อีกแหล่งหนึ่งซึ่งหลายๆคนอาจจะไม่ทราบก็
00:03:36 → 00:03:40 คือบุหรี่ครับคนที่สูบบุหรี่เป็นประจำ
00:03:40 → 00:03:42 เนี่ยจะได้รับสารไซยาไนด์เข้าไปในร่างกาย
00:03:42 → 00:03:45 เป็นประจำนะครับอันนี้เป็นสิ่งที่น่ากลัว
00:03:45 → 00:03:47 มากนะครับแล้วในบุหรี่แน่นอนว่ามันไม่ใช่
00:03:47 → 00:03:50 มีแค่สารไซยาไนด์มันมีสาร
00:03:50 → 00:03:52 คาร์บอนมอนอกไซด์นะครับสารทั้งสองตัวนี้
00:03:52 → 00:03:54 จะทำให้ร่างกายของเราเนี่ยขาดออกซิเจน
00:03:54 → 00:03:57 อย่างรุนแรงได้นะครับแล้วก็ยังมีสารอื่นๆ
00:03:57 → 00:03:58 ในบุหรี่นะครับ
00:03:58 → 00:04:01 ดังนั้นทั้งหมดที่พูดมานี้ก็คือสาเหตุที่
00:04:01 → 00:04:03 มาของไซยาไนด์ว่ามันมาจากไหนได้บ้างนะ
00:04:03 → 00:04:07 ครับต่อมาไซยาไนด์มันไปทำอะไรในร่างกาย
00:04:07 → 00:04:10 เราอ่าอันเนี้ยสำคัญและนะครับตัวไซยาไนด์
00:04:10 → 00:04:13 เองเนี่ยเมื่อเข้าสู่ร่างกายปุ๊บเนี่ยมัน
00:04:13 → 00:04:16 จะเข้าไปสู่อวัยวะหนึ่งของเซลล์เราซึ่ง
00:04:16 → 00:04:19 เรียกว่าไมโตคอลเรียนะครับ Micro conte
00:04:19 → 00:04:21 ตรงนี้มีหน้าที่ในการผลิตพลังงานให้ร่าง
00:04:21 → 00:04:24 กายใช้แล้วโดยสารไซยาไนด์เนี่ยมันไปทำให้
00:04:24 → 00:04:27 ไมโตคอนเนี่ยไม่สามารถผลิตพลังงานออกมา
00:04:27 → 00:04:30 ใช้ได้นะครับถ้ามันไม่ผลิตพลังงานเอามา
00:04:30 → 00:04:33 ใช้เราเซลล์ต่างๆของร่างกายเรามันก็เกิด
00:04:33 → 00:04:35 ปัญหาสิครับเพราะว่ามันต้องใช้พลังงานนะ
00:04:35 → 00:04:38 ครับแล้วทีนี้พอมันผลิตครับพลังงานใช้ไม่
00:04:38 → 00:04:41 ได้เกิดอะไรขึ้นกับร่างกายนะครับเซลล์ของ
00:04:41 → 00:04:44 เราเนี่ยปกติมันต้องใช้ออกซิเจนในการผลิต
00:04:44 → 00:04:47 พลังงานร่วมกับไมโครคอนเรียแต่ถ้าไมโทค
00:04:47 → 00:04:48 คอนเวทตรงนี้ทำงานไม่ได้แล้วล่ะก็ร่างกาย
00:04:48 → 00:04:51 ของเรามันจะได้พลังงานมาก็ต่อเมื่อมันจะ
00:04:51 → 00:04:54 ใช้วิธีที่เรียกว่า and Aerobic
00:04:54 → 00:04:56 resperation นะครับก็คือเป็นการสร้าง
00:04:56 → 00:05:00 พลังงานโดยไม่ใช้ออกซิเจนแต่การสร้างพลัง
00:05:00 → 00:05:02 งานโดยไม่ใช้ออกซิเจนนั้นมันจะได้พลังนอน
00:05:02 → 00:05:05 น้อยกว่าแบบใช้ออกซิเจนแบบเยอะมากๆเลยนะ
00:05:05 → 00:05:08 ครับนอกเหนือจากนั้นคือมันทำให้เกิดกรด
00:05:08 → 00:05:11 แลคติกขึ้นในร่างกายนะครับเวลาที่เราไป
00:05:11 → 00:05:13 ออกกำลังกายมากๆแล้วเราเมื่อยนะครับก็
00:05:13 → 00:05:15 ส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่ามีกรดแลคติกของมัน
00:05:15 → 00:05:18 ในร่างกายจากการหายใจแบบไม่ใช้ออกซิเจน
00:05:18 → 00:05:21 นั่นเองนะครับแต่ว่าในกรณีของไซยาไนด์ที่
00:05:21 → 00:05:23 มันเป็นพิษเนี่ยนะครับร่างกายก็จะสร้าง
00:05:24 → 00:05:26 กรดแลคติกออกมามากมายนะครับแล้วมันทำให้
00:05:26 → 00:05:28 ร่างกายเป็นกรดร่างกายเป็นกรดก็อวัยวะ
00:05:28 → 00:05:30 ต่างๆก็จะทำงานไม่ได้นะครับแล้วนอกเหนือ
00:05:30 → 00:05:31 จากนี้พลังงานที่สร้างออกมามันก็ยังไม่
00:05:31 → 00:05:34 เพียงพอทำให้อวัยวะต่างๆของเราเสียไปด้วย
00:05:34 → 00:05:35 นะครับ
00:05:35 → 00:05:38 แต่มันยังไม่หยุดแค่นั้นครับมันจะไม่ยุ่ง
00:05:38 → 00:05:40 กับฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงของเรานะครับ
00:05:40 → 00:05:42 คือมันจะไปจับกับตัวฮีโมโกลบินในเม็ด
00:05:42 → 00:05:44 เลือดแดงทำให้เม็ดเลือดแดงไม่สามารถขนส่ง
00:05:45 → 00:05:47 ออกซิเจนได้อีกต่างหากนะครับก็ยิ่งขาด
00:05:47 → 00:05:50 ออกซิเจนไปเพิ่มขึ้นนะครับนอกเหนือจากนี้
00:05:50 → 00:05:52 มันไปสู่สมองแล้วมันสู่สมองเนี่ยนะครับ
00:05:52 → 00:05:55 มันทำให้เกิดอะไรขึ้นได้บ้างนะครับมันไป
00:05:55 → 00:05:59 ทำให้เกิดการกระตุ้นสารตัวหนึ่งชื่อว่า
00:05:59 → 00:06:02 nmda นะครับสารตัวนี้เนี่ยมีเยอะๆก็ชัก
00:06:02 → 00:06:07 ได้นะครับแล้วก็ไปยับยั้งการสร้างกาบ้า
00:06:07 → 00:06:11 Grammar menue Acid ในสมองนะครับก็
00:06:11 → 00:06:13 ยิ่งทำให้เกิดปัญหาและนอกเหนือจากนี้มัน
00:06:13 → 00:06:16 ยังทำให้เกิดการคลั่งของสารอนุมูลอิสระใน
00:06:16 → 00:06:19 สมองดังนั้นคนที่ได้รับไซยาไนด์เข้าไป
00:06:19 → 00:06:22 แล้วมันไปสู่สมองได้นี่แหละครับก็จะเริ่ม
00:06:22 → 00:06:25 มีอาการละมึนงงกระสับกระส่ายบางคนมีภาพ
00:06:25 → 00:06:28 หลอนนะครับบางคนเห็นเป็นบางคนเอ่อมีการ
00:06:28 → 00:06:31 เกิดบ้านหมุนขึ้นมาฉับพลันนะครับแล้วก็
00:06:31 → 00:06:34 ถ้ารุนแรงก็จะชักหรือว่าหมดสติเป็นโคม่า
00:06:34 → 00:06:37 ได้เลยนะครับดังตอนนี้เรารู้แล้วว่าศาล
00:06:37 → 00:06:40 ไซยาไนด์มันทำให้ร่างกายของเราเนี่ยไม่
00:06:40 → 00:06:43 สามารถสร้างพลังงานได้เลยนะครับไม่สามารถ
00:06:43 → 00:06:45 ใช้ออกซิเจนได้ด้วยนะครับแล้วยังไป
00:06:45 → 00:06:47 กระตุ้นทำให้สมองเรามีปัญหาดังนั้นอาการ
00:06:47 → 00:06:50 ของคนที่ได้ไซยาไนด์เข้าไปจะเกิดอะไรขึ้น
00:06:51 → 00:06:53 ได้บ้างนะครับต้องบอกอย่างนี้ครับมันขึ้น
00:06:53 → 00:06:56 อยู่กับว่าเราได้เข้าไปในทางไหนนะครับถ้า
00:06:56 → 00:06:59 ไฟไหม้แน่นอนสูดดมเข้าไปนะครับอาการอาการ
00:06:59 → 00:07:01 แรกก็จะเป็นอาการทางปอดก่อนนะครับก็จะ
00:07:01 → 00:07:04 เป็นอาการหายใจไม่ออกมีเสมหะเยอะนะครับ
00:07:04 → 00:07:07 แล้วมากๆก็จะไอออกมาเป็นน้ำๆเนี่ยเยอะๆ
00:07:07 → 00:07:11 เยอะแยะไปหมดเลยนะครับพอมันเริ่มเข้าสู่
00:07:11 → 00:07:14 ในร่างกายปุ๊บแน่นอนเข้าสู่สมองสมองเราก็
00:07:14 → 00:07:16 จะมีอาการกระสับกระส่ายแบบเมื่อกี้ที่บอก
00:07:16 → 00:07:19 ไปนะครับเป็นมากๆก็ชักได้นะครับแต่ในคน
00:07:19 → 00:07:22 ที่ได้แบบกินเข้าไปในกรณีที่เป็นข่าว
00:07:22 → 00:07:25 เนี่ยนะครับอาการอาการแรกก็คือจะเป็นระบบ
00:07:25 → 00:07:27 ทางเดินอาหารก่อนก็จะมีอาการปวดท้องคลื่น
00:07:27 → 00:07:29 ไส้อาเจียนบางคนท้องเสียออกมาเลยนะครับ
00:07:29 → 00:07:33 แล้วพอมันเข้าสู่ระบบเลื่อนในร่างกายแล้ว
00:07:33 → 00:07:36 ล่ะก็ตอนช่วงแรกเนี่ยใจเราจะเต้นเร็วมาก
00:07:36 → 00:07:39 นะครับจะใจสั่นนะครับมีความดันโลหิตที่
00:07:39 → 00:07:43 สูงขึ้นแต่พอปล่อยไว้สักพักแล้วล่ะก็หัว
00:07:43 → 00:07:45 ใจเรามันขาดพลังงานมันก็จะเต้นไม่ได้ความ
00:07:45 → 00:07:48 ดันเราก็จะตกนะครับหัวใจเราก็จะเต้นผิด
00:07:48 → 00:07:51 จังหวะแล้วก็เสียชีวิตนะครับมันไปสู่ไตก็
00:07:51 → 00:07:54 จะทำให้เกิดการไตวายไปสู่ตับเซลล์ตับก็จะ
00:07:54 → 00:07:57 ตายไปสู่สมองก็รุนแรงก็จะเป็นการชักขึ้น
00:07:57 → 00:08:00 มานะครับดังนั้นอาการพวกนี้เนี่ยก็จะเป็น
00:08:00 → 00:08:02 อาการที่เกิดขึ้นได้ค่อนข้างเร็วนะครับ
00:08:02 → 00:08:07 เร็วแค่ไหนถ้าเราได้รับสารพิษไซยาไนด์
00:08:07 → 00:08:09 เข้าไปในปริมาณที่มากพอควรอย่างที่เมื่อ
00:08:09 → 00:08:13 กี้ผมบอกไปนะครับภายในเวลาไม่กี่นาทีท่าน
00:08:13 → 00:08:15 จะเกิดอาการพวกนั้นขึ้นมานะครับแต่ถ้าได้
00:08:15 → 00:08:17 ไปน้อยกว่านั้นแน่นอนอาจจะใช้เวลาเป็น
00:08:17 → 00:08:18 ชั่วโมงนะครับ
00:08:18 → 00:08:21 พวกนี้ก็จะเป็นอันตรายได้ส่วนคนที่ได้รับ
00:08:21 → 00:08:24 ปริมาณน้อยๆมาเป็นเวลานานๆเช่นสูบบุหรี่
00:08:24 → 00:08:27 นะครับพวกนี้มันอาจจะใช้เวลานานหน่อยนะ
00:08:27 → 00:08:29 ครับกว่าจะเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วบางครั้ง
00:08:29 → 00:08:31 เกิดเรื่องขึ้นมาเนี่ยอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำ
00:08:31 → 00:08:33 ไปว่านั่นคือพิษของไซยาไนด์นะครับมันจะ
00:08:33 → 00:08:37 ไม่ตายทันทีแต่ว่าอวัยวะต่างๆของคนที่สูบ
00:08:37 → 00:08:38 บุหรี่ก็จะเกิดเรื่องพวกนี้เยอะแยะไปหมด
00:08:38 → 00:08:42 นะครับนั่นก็คือปัญหาทีนี้มันมีอีกทางนึง
00:08:42 → 00:08:44 ซึ่งไซยาไนด์มันจะเข้าไปในร่างกายได้นอก
00:08:44 → 00:08:46 เหนือจากการหายใจเข้าไปการเข้าทางเยื่อ
00:08:46 → 00:08:49 เมือกที่ป่าเยื่อบุที่ปากที่ตาหรือการกิน
00:08:49 → 00:08:51 เข้าไปมันเข้าได้อีกทางหนึ่งคือทางผิว
00:08:51 → 00:08:54 หนังนะครับแต่ทางผิวหนังนั้นส่วนมากมักจะ
00:08:54 → 00:08:56 รู้ตัวครับเพราะว่าไซยาไนด์เวลามันโดนผิว
00:08:56 → 00:08:59 หนังแล้วมันจะกัดผิวหนังนะครับทำให้เป็น
00:08:59 → 00:09:02 แผลแล้วพอเป็นแผลพวกไซยาไนด์ก็ยิ่งเข้าไป
00:09:02 → 00:09:04 ในเอ่อแผลของเราได้มากขึ้นนะครับดังนั้น
00:09:04 → 00:09:07 พวกนี้ก็จะเป็นอะไรที่เรารู้มันไม่ใช่ว่า
00:09:07 → 00:09:09 เราป้ายโดนผิวหนังแล้วเราไม่รู้ตัวว่า
00:09:09 → 00:09:11 เอ้ยมันซึมเข้าผิวหนังแล้วเกิดพิษไม่ใช่
00:09:11 → 00:09:12 แบบนั้นนะครับมันจะต้องเป็นแผลก่อนนะครับ
00:09:12 → 00:09:15 เป็นพุพองขึ้นมานะฮะดังนั้นคนส่วนใหญ่ที่
00:09:15 → 00:09:19 ที่เขามีการฆาตกรรมกันเนี่ยก็จะใช้พวกอ่า
00:09:19 → 00:09:21 โพแทสเซียมไซยาไนด์โซเดียมไซยาไนด์หรือ
00:09:21 → 00:09:23 พวกยาเบื่อหนูต่างๆเนี่ยเอามาผสมเครื่อง
00:09:23 → 00:09:26 ดื่มแบบผสมเข้าไปในอะไรพวกเนี้ยให้เรากิน
00:09:26 → 00:09:28 เข้าไปก็จะเกิดอาการขึ้นมาภายในไม่กี่
00:09:28 → 00:09:29 นาทีนะครับ
00:09:29 → 00:09:32 ปัญหาคืออย่างนี้ครับ
00:09:32 → 00:09:35 เวลาที่เรามีอาการขึ้นมาเนี่ยการจะบอกว่า
00:09:35 → 00:09:38 เป็นจากไซยาไนด์มันยากมากๆเลยแล้วถ้าเรา
00:09:38 → 00:09:40 บังเอิญไปเจอคนที่เขาอยู่ๆหมดสติไปเลย
00:09:40 → 00:09:42 เนี่ยนั่งๆอยู่แล้วฟุบลงไปเลยหรือบางคน
00:09:42 → 00:09:45 อาเจียนแล้วก็ไม่รู้เรื่องไปเลยนะครับเรา
00:09:45 → 00:09:47 ทำได้ไม่กี่อย่างเท่านั้นเองนะครับก็คือ
00:09:47 → 00:09:49 การทำ
00:09:49 → 00:09:52 CPR นะครับ CPR คือผมเคยทำวีดีโอเรื่อง
00:09:52 → 00:09:57 CPR ทำยังไงแล้วนะครับก็ลองไปดูแต่แต่นะ
00:09:57 → 00:10:00 ครับอย่าช่วยหายใจด้วยการต่อปากเป็นอัน
00:10:00 → 00:10:03 ขาดถามว่าทำไม
00:10:03 → 00:10:05 คนที่ได้รับไซยาไนด์พวกนี้เข้าไปในร่าง
00:10:05 → 00:10:10 กายแล้วเนี่ยมันจะออกมาทางลมหายใจทางพวก
00:10:10 → 00:10:13 เยื่อเมือกต่างๆถ้าเราเป่าปากเราจะได้รับ
00:10:13 → 00:10:15 สารไซยาไนด์เข้าไปทำให้เราก็เกิดปัญหา
00:10:15 → 00:10:17 เป็นพิษขึ้นมาได้นะครับแล้วที่สำคัญ
00:10:17 → 00:10:19 เดี๋ยวนี้ก็ไม่ควรจะมีการต่อไปอีกต่อไป
00:10:19 → 00:10:21 แล้วนะครับเพราะว่า
00:10:21 → 00:10:25 ติดโควิดไงครับใช่ไหมฮะโควิดหรือเชื้อ
00:10:25 → 00:10:27 ต่างๆที่มาทางทางเดินหายใจเช่นวัณโรคพวก
00:10:27 → 00:10:30 นี้มันติดทางลมหายใจได้ดังนั้นจริงๆการ
00:10:30 → 00:10:33 เป่าปะเนี่ยมันไม่ควรจะทำนะครับถ้าจะทำก็
00:10:33 → 00:10:36 จะต้องมีเครื่องมือพิเศษที่ใช้ในการเอาไป
00:10:36 → 00:10:38 แปะไว้กับหน้าหน้าคนไข้แล้วก็เป่าลงไปทาง
00:10:38 → 00:10:41 นั้นหรือว่าใช้ตัวแอมบูแบ็คที่รถพยาบาลมี
00:10:41 → 00:10:43 นะครับอย่าเอาปากต่อปากนะครับเพราะว่ามัน
00:10:43 → 00:10:46 อันตรายได้ในการติดขอบพวกนี้นะครับแล้วก็
00:10:46 → 00:10:49 คนที่เป็นพิษจากไซยาไนด์เนี่ยมันจะมี
00:10:49 → 00:10:51 อาการหนึ่งซึ่งเราอาจจะพอเห็นได้ก็คือว่า
00:10:51 → 00:10:54 มันจะมีกลิ่นเรียกว่ากลิ่น wither Almond
00:10:54 → 00:10:57 หรืออัลมอนด์ขมๆใช่ไหมครับนะครับมิเตอร์
00:10:57 → 00:10:58 อัลมอนจริงๆมันเป็นอัลมอนด์ชนิดหนึ่งนะ
00:10:58 → 00:11:03 ครับที่มีสารไซยาไนด์ที่มีสารชื่อว่าใน
00:11:03 → 00:11:04 นั้นนะครับแล้วมันกลายเป็นไซยาไนด์ว่าเรา
00:11:04 → 00:11:06 กินเข้าไปได้นะครับแต่ว่าไม่ต้องห่วงนะ
00:11:06 → 00:11:08 ครับอัลมอนด์ส่วนใหญ่ที่เรามีในท้องตลาด
00:11:08 → 00:11:10 เนี่ยมันจะเป็นชนิดที่เรียกว่า Sweet
00:11:10 → 00:11:12 Almond หรืออัลมอนหวานพวกนี้ไม่มีพิษนะ
00:11:12 → 00:11:16 ครับไม่มีพิษกินได้นะครับเราก็ต้องพอทราบ
00:11:16 → 00:11:18 พวกนี้ไว้บ้างนะครับคนที่เป็นพิษจากไซนาย
00:11:18 → 00:11:20 นะครับคือบางครั้งเราได้กลิ่นแบบนั้นน่ะ
00:11:20 → 00:11:22 กลิ่น Better เอามาถ้าใครไม่ได้กลิ่น
00:11:22 → 00:11:25 เนี่ยคืออัลมอนด์เผานั่นเองนะมันจะขมๆนิด
00:11:25 → 00:11:26 นึงนะครับ
00:11:26 → 00:11:28 แล้วก็อันที่ 2 คือบางคนอาจจะมีผิวแดงแต่
00:11:28 → 00:11:31 อาการผิวแดงนี้เจอไม่เยอะนะครับเจอน้อย
00:11:31 → 00:11:33 มากถามว่าน้อยแค่ไหน
00:11:33 → 00:11:36 ก็เขามีการทดลองแล้วนะครับเจอประมาณสัก
00:11:36 → 00:11:38 11% เท่านั้นเองของคนทั้งหมดนะครับดัง
00:11:38 → 00:11:41 นั้นไม่จำเป็นจะต้องเจอของแบบนี้เยอะถาม
00:11:41 → 00:11:44 ว่าทำไมผิวถึงแดงนะครับเมื่อกี้อย่างที่
00:11:44 → 00:11:48 ผมบอกก็คือว่าการที่มันไปยับไอ้ไซยาไนด์
00:11:48 → 00:11:50 ตัวนี้มันไปยับยั้งไมโตคอนเดรตของเรานะ
00:11:50 → 00:11:52 ครับทำให้เราไม่สามารถที่จะสร้างพลังงาน
00:11:52 → 00:11:54 ได้มันก็จะไม่สามารถดึงออกซิเจนมาใช้ได้
00:11:54 → 00:11:56 ออกซิเจนเมื่อมันไม่ถูกใช้มันก็อยู่ในไหน
00:11:56 → 00:12:00 ครับอยู่ในเลือดนะครับเลือดของเรามันสี
00:12:00 → 00:12:02 แดงได้ด้วยออกซิเจนถ้าเรามีออกซิเจนเยอะ
00:12:02 → 00:12:05 มันจะสีแดงก็แปลว่าแบบนั้นเนี่ยทำให้เรา
00:12:05 → 00:12:10 มีผิวสีแดงได้ในทางการแพทย์ถ้าคนเอะใจซะ
00:12:10 → 00:12:12 หน่อยนะครับเวลาที่เรามาถึงมือหมอหลังจาก
00:12:12 → 00:12:14 ที่เราทำ CPR ทุกอย่างให้ฟื้นคือมันทำ
00:12:14 → 00:12:16 อะไรไม่ได้นอกจากทำ CPR นะครับแล้วก็รีบ
00:12:16 → 00:12:19 พาไปส่งโรงพยาบาลแล้วพอมาถึงมือหมอแล้ว
00:12:19 → 00:12:20 เนี่ย
00:12:20 → 00:12:24 หมอก็จะต้องคิดต้องกังวลว่ามันเป็นจาก
00:12:24 → 00:12:26 ไซยาไนด์จริงหรือเปล่าอะไรที่ทำให้หมอ
00:12:26 → 00:12:29 สงสัยว่าเป็นอยากใส่น้ำนะครับโอเคอันแรก
00:12:29 → 00:12:32 แล้วถ้าเป็นคนไข้ที่มาจากสถานที่ที่เกิด
00:12:32 → 00:12:35 ไฟไหม้อันนั้นคิดไว้ก่อนเลยว่ามีไซยาไนด์
00:12:35 → 00:12:37 เพราะนิ่งแน่นอนนะครับอาจจะมีอย่างอื่น
00:12:37 → 00:12:39 เช่นมีสารอื่นๆที่มันมาจากการเผาไหม้เช่น
00:12:39 → 00:12:41 คาร์บอนนอนนอกทรายหรือเป็นจากความร้อนที่
00:12:41 → 00:12:43 มันทำอันตรายพวกนี้เราต้องคิดไว้ก่อนนะ
00:12:43 → 00:12:44 ครับ
00:12:44 → 00:12:46 แต่ถ้าไม่มีประวัติว่าเราไปกินที่ไหนไม่
00:12:46 → 00:12:48 รู้ยาพิษเราไม่รู้อะไรทั้งสิ้นสิ่งหนึ่ง
00:12:48 → 00:12:50 ที่เราต้องคิดไว้ในเสมอเลยก็คือคนไข้ที่
00:12:50 → 00:12:54 มีการรับรู้ที่เสียไปนะครับก็คือไม่รู้
00:12:54 → 00:12:57 สติไม่ได้สติและนะครับแล้วเราหาเหตุไม่
00:12:57 → 00:13:00 เจอแล้วเราไปเจาะเลือดเค้าเนี่ยเจาะเลือด
00:13:00 → 00:13:04 แล้วจะเจออะไรบางอย่างนะครับอย่างแรกปกติ
00:13:04 → 00:13:06 เราเจาะเนี่ยเจาะจากเส้นเลือดดำเลือดจาก
00:13:06 → 00:13:09 เส้นเลือดดำเนี่ยมันควรจะสีคล้ำแต่ในกรณี
00:13:09 → 00:13:13 ที่เป็นคิดจากไซนายเนี่ยสีมันจะไม่ขำสี
00:13:13 → 00:13:15 มันจะแดงเหตุผลเพราะว่าร่างกายไม่สามารถ
00:13:15 → 00:13:18 ดึงออกซิเจนไปใช้ได้ไงครับมันก็เลยสีแดง
00:13:18 → 00:13:20 นะครับอันนี้คือเป็นอันนึงที่เราต้อง
00:13:20 → 00:13:22 สงสัยว่าเฮ้ยถ้าเราเจาะมาสีมันไม่ปกติ
00:13:22 → 00:13:25 แล้วให้มันแดงๆเนี่ยอันเนี้ยน่าจะต้อง
00:13:25 → 00:13:27 กังวลแล้วว่ามีพิษจากไซนายหรือเปล่านะ
00:13:27 → 00:13:31 ครับต่อมาเมื่อเราเอาไปวิเคราะห์ถามว่ามี
00:13:31 → 00:13:33 เวลาหมอเจอคนที่ไม่ได้สติพวกนี้เรามี
00:13:33 → 00:13:35 ประวัติว่าคลื่นไส้อาเจียนพวกนี้มานะครับ
00:13:35 → 00:13:37 หรือมีประวัติว่าเจอไฟไหม้มาเขาจะตรวจ
00:13:37 → 00:13:39 อะไรบ้างนะครับแน่นอนก็ต้องตรวจร่างกาย
00:13:39 → 00:13:42 ก่อนว่าเฮ้ยมันมีอะไรที่มีพิษติดอยู่แล้ว
00:13:42 → 00:13:44 ว่าเราต้องรีบเอาออกต้องรีบล้างนะครับ
00:13:44 → 00:13:46 เจาะเลือดมาดูดูค่าน้ำตาลด้วยว่าค่าน้ำ
00:13:46 → 00:13:49 ตาลตกบางคนก็แน่นอนว่าไม่ได้รับรู้สตินะ
00:13:49 → 00:13:51 ครับแล้วก็ดูสารพิษอื่นๆนะครับที่ว่าอาจ
00:13:51 → 00:13:53 จะไปกินมาหรืออาจจะฆ่าตัวตายกินตัวอื่นมา
00:13:53 → 00:13:56 ก็ต้องไปตรวจให้ครบเช่นกิน
00:13:56 → 00:13:58 พาราเซตามอลเกินขนาดหรือเปล่ามีสาร saric
00:13:58 → 00:14:01 หรือเปล่านะครับมีแอลกอฮอล์บางอย่างก็ใน
00:14:01 → 00:14:03 ร่างกายหรือเปล่านะครับแต่อย่างหนึ่งซึ่ง
00:14:03 → 00:14:06 ทำให้เราต้องคิดถึงภาวะไซนานเนี่ย
00:14:06 → 00:14:08 นอกเหนือจากการเจาะเลือดออกมาแล้วเจอสี
00:14:08 → 00:14:11 มันแดงกว่าปกติก็คือว่าเรามีภาวะเลือด
00:14:11 → 00:14:13 เป็นกรดนะครับในทางการแพทย์อันนี้พูดถึง
00:14:13 → 00:14:16 ภาษาแพทย์นะครับเราจะเรียกว่า
00:14:16 → 00:14:20 airsids นะครับกับ azadosis โดย Gap
00:14:20 → 00:14:22 เกือบทั้งหมดจะต้องเป็นและติดแอสซิโดซิส
00:14:22 → 00:14:24 คือกฎและติกนะครับอย่างที่เมื่อกี้ผมบอก
00:14:24 → 00:14:26 คือร่างกายไม่สามารถผลิตพลังงานด้วย
00:14:26 → 00:14:29 ออกซิเจนได้มันจะต้องการการผลิตพลังงาน
00:14:29 → 00:14:31 ด้วยวิธีอื่นก็คือวิธีที่ไม่ใช้ออกซิเจน
00:14:31 → 00:14:34 แล้ววิธีไม่ใช้ออกซิเจนมันจะผลิตและติด
00:14:34 → 00:14:36 assist หรือว่ากรดแลคติกขึ้นมานะครับดัง
00:14:36 → 00:14:39 นั้นพวกนี้กรดแลคติกจะสูงนะครับสูงมากๆ
00:14:39 → 00:14:42 เลยดังนั้นถ้าเราเจอคนไข้ที่แบบเราไม่แน่
00:14:42 → 00:14:44 ใจประวัติมีคลื่นไส้อาเจียนมีหมดสติมา
00:14:44 → 00:14:46 เจาะเลือดแล้วก็สีแดงๆแล้วก็หาอย่างอื่น
00:14:46 → 00:14:48 ไม่เจอนะครับร่วมกับเจอกรดแลคติกในร่าง
00:14:48 → 00:14:51 กายสูงอันเนี้ยคิดไว้ก่อนว่าเป็นพิษจาก
00:14:51 → 00:14:54 ไซนานนะครับต้องรักษาทันทีนะครับไม่รักษา
00:14:54 → 00:14:57 ตายเลยนะครับแล้วไม่ต้องรอการตรวจยืนยัน
00:14:57 → 00:15:00 ใดๆทั้งสิ้นเพราะว่าการตรวจเจาะเลือดดู
00:15:00 → 00:15:03 ค่าไซนายเนี่ยนะครับมันไม่ได้เจาะได้ทุก
00:15:03 → 00:15:06 โรงพยาบาลแล้วเจาะได้ผลมันก็ไม่ได้กลับ
00:15:06 → 00:15:09 ทันทีถึงผลมันกลับมาปริมาณไซยาไนด์ที่เรา
00:15:09 → 00:15:12 เจอในเลือดนี้มันก็ไม่ได้บ่งบอกว่าคนคน
00:15:12 → 00:15:16 นี้อาการจะหนักหรือจะไม่หนักดังนั้นมัน
00:15:16 → 00:15:17 ไม่มีประโยชน์ใดทั้งสิ้นมันมีประโยชน์ใน
00:15:17 → 00:15:21 การในการใช้ยืนยันว่าเป็นการเกิดไซยาไนด์
00:15:21 → 00:15:24 ผิดเป็นพิษเท่านั้นเองนะครับแต่ว่าไม่ได้
00:15:24 → 00:15:27 ใช้ในการตัดสินใจในการรักษามีอีกอย่าง
00:15:27 → 00:15:30 หนึ่งซึ่งถ้าเป็นคุณหมอที่เข้ามาดูนะครับ
00:15:30 → 00:15:33 แล้วเราจะดูได้ไงว่าเจาะเลือดบางทีเราก็
00:15:33 → 00:15:36 ลืมดูว่าแดงเราดูที่จอประสาทตานะครับอ่า
00:15:36 → 00:15:38 จอประสาทตาเนี่ยเราสามารถส่องเข้าไปดูได้
00:15:38 → 00:15:40 นะครับมันจะมีมันจะมีเครื่อง 2 ที่ห้อง
00:15:40 → 00:15:43 ฉุกเฉินทุกที่มันมีทั้งหมดนะครับส่องเข้า
00:15:43 → 00:15:46 ไปดูในตานะครับก็จะเห็นว่าเส้นเลือดดำ
00:15:46 → 00:15:50 เนี่ยมันไม่ดำแล้วมันแดงนะครับปกติจะเห็น
00:15:50 → 00:15:52 เส้นเลือดแดงเส้นเลือดดำในจอตานะครับมัน
00:15:52 → 00:15:54 จะเห็นชัดเจนอันนี้สีแดงอันนี้สีคำถาม
00:15:54 → 00:15:56 หน่อยก็ไปซื้อเลือดดำถ้าซ้ำทั้ง 2 เส้น
00:15:56 → 00:15:58 นี้มันแดงหมดทั้งหมดเลยเราไม่เห็นอะไรเลย
00:15:58 → 00:16:00 นะครับอันเนี้ยสงสัยว่าเป็นไซยาไนด์
00:16:00 → 00:16:03 pointing เรียบร้อยแล้วนะครับถ้าเรา
00:16:03 → 00:16:06 สงสัยสิ่งแรกที่เราต้องทำก็คือโทรไปหา
00:16:06 → 00:16:08 ศูนย์พิษครับว่าจะทำยังไงเพราะว่าแน่นอน
00:16:08 → 00:16:11 ว่ามันไม่มีใครที่รักษาเรื่องพิษอันนี้
00:16:11 → 00:16:13 ชัดเจนถึงแม้มันจะมีออกข้อสอบมาบ้างนะ
00:16:13 → 00:16:15 ครับว่าจะต้องทำยังไงนะครับแต่ว่าการโทร
00:16:15 → 00:16:17 หาสุดพิษเดี๋ยวนั้นเลยจะเรียนสิ่งที่ดี
00:16:17 → 00:16:20 ขั้นแรกที่สุดก็คือตรวจหาว่ามีโรคอื่นๆ
00:16:21 → 00:16:22 อะไรหรือเปล่านะครับถ้าความตะวันตกก็ให้
00:16:22 → 00:16:25 ยาพลังให้ยาพยุงความดันโลหิตตัวไหนก็ได้
00:16:25 → 00:16:28 ถ้ามีอาการชักหมอจะให้ยากลุ่มที่เรียกว่า
00:16:28 → 00:16:30 เป็นโซ่ไดซิทีฟีนตัวนี้เป็นยาตัวที่ดีที่
00:16:30 → 00:16:34 สุดในกรณีที่เกิดการชักจากไซยาไนด์นะครับ
00:16:34 → 00:16:38 แล้วยาต้านพิษนะครับจะต้องให้ยาต้านพิษ
00:16:38 → 00:16:41 ที่ดีที่สุดในโลกปัจจุบันนี้และปลอดภัย
00:16:41 → 00:16:43 ที่สุดคือยาที่เรียกว่าไฮดรอกโซ่
00:16:43 → 00:16:46 โกบารามินนะครับแต่เท่าที่ผมเข้าใจนะครับ
00:16:46 → 00:16:49 ที่ประเทศไทยไม่มีตัวนี้นะครับอาจจะมีก็
00:16:49 → 00:16:52 ได้แต่ผมอาจจะอ่าอาจจะจบจากประเทศไทยมา
00:16:52 → 00:16:54 นานมาแล้วนะครับจบการศึกษามานานมาแล้ว
00:16:54 → 00:16:56 สมัยผมเรียนเนี่ยผมไม่เคยได้ยินตัวนี้มา
00:16:56 → 00:16:58 ก่อนนะครับจนกระทั่งผมสอบมาอเมริกาเนี่ย
00:16:58 → 00:17:01 คือที่อเมริกามีตัวเนี้ยเรียกว่าซาโยนออก
00:17:01 → 00:17:05 คิดคิดจะไปเป็นตัวที่เอาไว้ใช้รักษา
00:17:05 → 00:17:08 สำหรับคนที่น่าจะติดพิษไซยาไนด์นะครับก็
00:17:08 → 00:17:11 จะเป็นสารฮยอกโซ่โคบารมีนะครับสารตัวนี้
00:17:11 → 00:17:13 คืออะไรอันนี้อันนี้ขอเล่านอกเรื่องหน่อย
00:17:13 → 00:17:14 นะครับ
00:17:14 → 00:17:18 hydroxal ตัวนี้เนี่ยนะครับมันเป็นสาร
00:17:18 → 00:17:22 ตั้งต้นของการผลิตวิตามินบี 12 นะครับสาร
00:17:22 → 00:17:26 ตัวนี้เราจะฉีดเข้าไปประมาณ 5 กรัมเข้าไป
00:17:26 → 00:17:28 ในเส้นเลือดนะครับแล้วมันไปทำอะไรมันจะไป
00:17:28 → 00:17:32 แย่งจับกับไซยาไนด์นะครับพอมันจับกับ
00:17:32 → 00:17:34 ไซยาไนด์ด๊อกโซ่โคลามีนเนี่ยมันจะกลาย
00:17:34 → 00:17:34 เป็น
00:17:34 → 00:17:37 synocobal ซึ่งคือวิตามินบี 12 นั่นเอง
00:17:37 → 00:17:42 ครับมันแปลว่าอะไรมันแปลว่าวิตามินบี 12
00:17:42 → 00:17:44 ของเราที่มีอยู่ในร่างกายนั้นมีสาร
00:17:44 → 00:17:47 ไซยาไนด์อยู่อ่านะครับ
00:17:47 → 00:17:49 วิตามินบี 2 ที่เรากินที่เราฉีดเข้าไป
00:17:49 → 00:17:51 นั่นแหละครับมีสารไซยาไนด์เป็นส่วนประกอบ
00:17:51 → 00:17:53 แต่มันไม่อันตรายนะครับมันเป็นสายไซนาที่
00:17:53 → 00:17:56 ไม่อันตรายสามารถกินเข้าไปได้แล้วก็ฉีด
00:17:56 → 00:17:58 เข้าไปได้อ่าอันนี้ไม่ค่อยมีคนรู้แล้วที่
00:17:58 → 00:18:02 สำคัญชื่อมันบอกซาโย
00:18:02 → 00:18:06 โคบาลามินตรงกลางโคบอลคุ้นๆไหมครับโคบอล
00:18:06 → 00:18:07 ลามิน
00:18:07 → 00:18:09 โคบอลต์
00:18:09 → 00:18:12 เป็นส่วนประกอบของวิตามินบี 12 ตัวนี้ผม
00:18:12 → 00:18:15 ก็เคยอยากจะมาเล่าให้ฟังเล่นๆหนานะแต่ว่า
00:18:15 → 00:18:17 ก็ไม่มีโอกาสสักทีวันนี้ก็มีโอกาสนะครับ
00:18:17 → 00:18:20 hydroxy coparamin เป็นสารตั้งต้นของ
00:18:20 → 00:18:21 โคบอลต์
00:18:21 → 00:18:24 นะครับมันจะไปแย่งจับกับไซยาไนด์ทำให้ตัว
00:18:24 → 00:18:27 มันเองกลายเป็นวิตามินบี 12 นะครับแล้ว
00:18:27 → 00:18:29 วิตามินบี 2 ตัวนี้ก็สามารถขับออกทาง
00:18:29 → 00:18:33 ปัสสาวะได้นะครับเป็นสารที่ไม่เป็นพิษ
00:18:33 → 00:18:36 แต่ใครที่ไม่เคยใช้ไฮดรอกโซ่โคปาลามินมา
00:18:36 → 00:18:40 ก่อนนะครับผมจะบอกอย่างนี้ครับว่าเออเขา
00:18:40 → 00:18:43 ใช้กันยังไงถ้าเราฉีดเข้าไปเนี่ยเราจะ
00:18:43 → 00:18:46 ต้องเห็นคนไข้ดีขึ้นเดี๋ยวนั้นเลยภายใน
00:18:46 → 00:18:49 เวลาไม่กี่นาทีนะครับยาตัวนี้เราจะฉีด
00:18:49 → 00:18:51 เข้าไปในเวลาประมาณสักประมาณ 2 นาที 3
00:18:51 → 00:18:54 นาทีนะครับเราฉีดเข้าไปคนไข้จะต้องดีขึ้น
00:18:54 → 00:18:56 ความดันโลหิตจะดีขึ้นทุกๆอย่างจะค่อยๆดี
00:18:56 → 00:18:59 ขึ้นถ้าไม่ดีขึ้นฉีดซ้ำได้ครับถ้าโดย
00:18:59 → 00:19:01 เฉพาะคนที่หมดสติเนี่ยซ้ำ 2-3 เข็มได้
00:19:01 → 00:19:03 ครับแต่ส่วนใหญ่ถ้า 3 เข็มแล้วไม่ได้ไม่
00:19:03 → 00:19:05 ได้ผลเนี่ยก็คือเราต้องไปทำพิธีอื่นแล้ว
00:19:05 → 00:19:08 นะครับคลิปนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุด
00:19:08 → 00:19:13 สามารถทำได้แต่ว่าจะต้องมีความรู้บาง
00:19:13 → 00:19:14 อย่างอย่างหนึ่งก็คือว่า
00:19:14 → 00:19:17 ไฮดรอกโซ่ขอบบารมีเนี่ยฉีดแล้วเนี่ยนะ
00:19:17 → 00:19:19 ครับมันจะทำให้สารคัดหลั่งต่างๆของร่าง
00:19:19 → 00:19:22 กายนี้ออกสีแดงๆนะครับคือถ้าเราเจาะเลือด
00:19:22 → 00:19:25 มาเราดู Plasma ซึ่งปกติมันสีเหลืองใสมัน
00:19:25 → 00:19:28 จะกลายเป็นสีแดงอ่าปัสสาวะเราจะออกสีแดงๆ
00:19:28 → 00:19:32 ชมพูๆเหงื่อเราน้ำลายน้ำตาออกจะออกสีแบบ
00:19:32 → 00:19:35 นี้นะครับอ่ามันเป็นสีของของตัวยาตัวนี้
00:19:35 → 00:19:38 แหละครับไม่ต้องกังวลนะครับมันเป็นปกติ
00:19:38 → 00:19:42 แต่มันจะทำให้วิธีในการวิเคราะห์ต่างๆอัน
00:19:42 → 00:19:44 นี้สำหรับเฉยๆนะครับคนอื่นไม่ต้องสนใจนะ
00:19:44 → 00:19:47 ครับมันจะทำให้การวิเคราะห์ผลแลปต่างๆ
00:19:47 → 00:19:49 เนี่ยผิดพลาดไปเช่น clearanine จะผิดปกติ
00:19:49 → 00:19:53 asg aut จะผิดปกติได้นะครับการตรวจ
00:19:53 → 00:19:56 coase เช่นเป็นการตรวจเม็ดขึ้นบนโกบิน
00:19:56 → 00:19:58 เป็นการตรวจ
00:19:58 → 00:20:00 คาร์บอกซีหมวด globin พวกนี้มันจะผิดปกติ
00:20:00 → 00:20:02 ไม่ได้เพราะว่า
00:20:02 → 00:20:05 ไอ้สีตัวนี้มันจะไปรบกวนการตรวจนะครับดัง
00:20:05 → 00:20:07 นั้นต้องทราบไว้ก่อนนะครับว่ามันเกิดแบบ
00:20:07 → 00:20:10 นี้ขึ้นมาได้ดังนั้นเราจึงจำเป็นจะต้อง
00:20:10 → 00:20:13 ตรวจพวกนี้ให้เสร็จก่อนที่เราจะให้ยาตัว
00:20:13 → 00:20:18 ไฮดรอกโซ่ครบอะมิฬนะครับอ่าถ้าเมืองไทย
00:20:18 → 00:20:21 ไม่มีตัวนี้เราทำไงนะครับถ้าไม่มีตัวนี้
00:20:21 → 00:20:24 สารต่อมาที่อาจจะพอให้ได้ก็คือสารกลุ่ม
00:20:24 → 00:20:25 ที่เรียกว่าใน drive นะครับ
00:20:25 → 00:20:28 เอ่อเราจะมีโซเดียมไนซ์กับเอมิวนายกนะ
00:20:28 → 00:20:32 ครับตัวเอมมี่หน่วยกลายเป็นยาที่ใช้สูดดม
00:20:32 → 00:20:34 เข้าไปซึ่งปัจจุบันไม่แนะนำแล้วนะครับมัน
00:20:34 → 00:20:36 มันมีปัญหานะครับแล้วก็ทำให้เกิดปัญหา
00:20:36 → 00:20:38 อย่างอื่นได้นะครับเราจะใช้เป็นยาฉีด
00:20:38 → 00:20:40 กลุ่มใดๆนะครับ
00:20:40 → 00:20:42 เอ่อใน Price เนี่ยหรือใน Trail นะครับ
00:20:42 → 00:20:45 ตัวนี้มันมีหน้าที่ไปทำอะไรกับร่างกายนะ
00:20:45 → 00:20:48 ครับคือตัวมันเองเนี่ยจะไปเปลี่ยนแปลง
00:20:48 → 00:20:51 คีโมโกลบินของคนเราให้กลายเป็นเม็ด
00:20:51 → 00:20:53 ฮีโมโกลบิน
00:20:53 → 00:20:56 เม็ดฮีโมโกลบินเนี่ยนะครับอันนี้ผมต้องขอ
00:20:56 → 00:20:58 เล่ารายละเอียดเยอะนิดนึงนะครับไม่ได้ให้
00:20:58 → 00:21:01 globin ตัวนี้เนี่ยมันตัวมันเองเป็น
00:21:01 → 00:21:04 อันตรายนะครับแต่ถ้าเราให้ร่างกายมันเกิด
00:21:04 → 00:21:07 ไม่ถูกกลัวบินขึ้นมาประมาณสัก 20% เนี่ย
00:21:07 → 00:21:09 ไม่ได้อันตรายอะไรมากนะครับตัวนี้มันมี
00:21:09 → 00:21:11 คุณสมบัติเด่นอย่างหนึ่งก็คือมันจะไปแย่ง
00:21:11 → 00:21:14 จับไซยาไนด์เหมือนกันนะครับแย่งจับกับ
00:21:14 → 00:21:17 ไซยาไนด์ก็จะกลายเป็น cyno made in
00:21:17 → 00:21:19 blueen นะครับแล้วพวกนี้มันจะค่อยๆทำให้
00:21:19 → 00:21:22 ร่างกายเนี่ยสามารถผลิตพลังงานได้แล้วมัน
00:21:22 → 00:21:24 ก็จะค่อยสุดท้ายก็ขับตัวนี้ออกไปในที่สุด
00:21:24 → 00:21:26 นะครับนี่คือวิธีในการทำงานของกลุ่ม
00:21:26 → 00:21:29 ไนตรัยนะครับซึ่งเราจะให้โซเดียมไนน์เข้า
00:21:29 → 00:21:31 ไปประมาณสัก 300 mg ทางเส้นเลือดนะครับ
00:21:31 → 00:21:33 มันก็จะทำหน้าที่พวกนี้นะครับมันจะทำให้
00:21:33 → 00:21:35 ร่างกายเกิดเม็ดกลมๆนะครับเม็ดถั่วกรวย
00:21:35 → 00:21:39 จริงๆเนี่ยมันเป็นพิษนะครับมันเป็นพิษ
00:21:39 → 00:21:41 เพราะว่ามันทำให้ร่างกายเรานำออกซิเจนไม่
00:21:41 → 00:21:44 ได้นะครับแต่ถ้า met ที่เกิดขึ้นมาไม่มาก
00:21:44 → 00:21:48 เช่น 15-20% ด้วยการฉีดตัวโซเดียมไนน์
00:21:48 → 00:21:51 เข้าไปเนี่ยก็ไม่มีปัญหานะครับอย่างไรก็
00:21:51 → 00:21:55 ตามมันมีข้อห้ามใช้นะครับมีข้อห้ามใช้
00:21:55 → 00:21:56 กรณีไหนบ้างข้อแรก
00:21:56 → 00:21:59 ถ้าเราตั้งครรภ์อยู่เพราะว่าถ้าเรามี
00:21:59 → 00:22:02 ออกซิเจนไม่พอเด็กเราตายในท้องนะครับข้อ
00:22:02 → 00:22:08 ที่ 2 คนที่มีการมีโรคโลหิตจางนะครับคน
00:22:08 → 00:22:11 ที่โลหิตจางเนี่ยเขามีปัญหาในด้านการนำ
00:22:12 → 00:22:14 ออกซิเจนมาให้ทิชชูต่างๆหรือว่าให้เซลล์
00:22:14 → 00:22:19 ต่างๆอยู่แล้วนะครับเมื่อเราเกิดเม็ดใน
00:22:19 → 00:22:21 ร่างกายขึ้นมาในคนที่มีโลหิตจางพวกนี้ก็
00:22:21 → 00:22:24 จะยิ่งแย่นะครับดังนั้นห้ามให้กรณีที่ 3
00:22:24 → 00:22:29 คนที่ไปรอดมาจากไฟไหม้เพราะว่าคนที่รอด
00:22:29 → 00:22:31 จากไฟไหม้จะมี
00:22:31 → 00:22:34 คาร์บอนมอนอกไซด์เป็นพิษอยู่ในร่างกายมัก
00:22:34 → 00:22:37 จะมีนะครับถ้าทำมันเหมาะสำหรับเป็นพิษ
00:22:37 → 00:22:40 ร่างกายจะส่งออกซิเจนให้ให้เซลล์ต่างๆได้
00:22:40 → 00:22:42 ไม่ค่อยดีอยู่แล้วถ้าเกิดเม็ดหินบุกลงดิน
00:22:42 → 00:22:45 ขึ้นมาซ้อนทับมันจะยิ่งแย่นะครับดังนั้น
00:22:45 → 00:22:50 คนท้องคนที่เกิดพิษจากไฟไหม้นะครับแล้วก็
00:22:50 → 00:22:54 คนที่มีโลหิตจางห้ามให้ในสาเหตุเด็ดขาดนะ
00:22:54 → 00:22:57 ครับอ่ะแล้วทีนี้เฮ้ยถ้าให้ไม่ได้แล้วทำ
00:22:57 → 00:23:00 ไงอ่ะมันก็มีตัวสุดท้ายที่สามารถให้ได้ก็
00:23:00 → 00:23:01 คือ
00:23:01 → 00:23:03 โซเดียมไทโอซัลเฟตนะครับ
00:23:03 → 00:23:06 โซเดียมไฮโอซัลเฟตทำงานยังไงนะครับอันนี้
00:23:06 → 00:23:09 ผมถึงบอกว่าเวลาที่เราเข้าใจเรื่องพวกนี้
00:23:09 → 00:23:11 เราต้องเข้าใจให้ถึงถึงแก่นเลยอ่ะเราถึง
00:23:11 → 00:23:14 จะรู้ว่าเฮ้ยตัวไหนดีไม่ดีอันคลิปของผมก็
00:23:14 → 00:23:16 เลยจะยาวหน่อยจะเล่าให้ถึงแก่นจนก็เข้าใจ
00:23:16 → 00:24:02 จริงๆนะครับ
00:24:02 → 00:24:04 นี่แหละครับมันทำงานแบบนี้
00:24:04 → 00:24:06 ดังนั้นถ้าประเทศไทยไม่มีตัว
00:24:06 → 00:24:08 ไฮดรอกโซ่โคบารมี
00:24:08 → 00:24:13 เราก็ต้องมาดูว่าสามารถใช้สารได้หรือ
00:24:13 → 00:24:16 เปล่าถ้าสามารถใช้สารไหนใช้ได้ไม่มีข้อ
00:24:16 → 00:24:19 ห้ามเช่นไม่มีการตั้งครรภ์อยู่นะครับการ
00:24:19 → 00:24:21 ตั้งครรภ์ที่เราแน่นอนต้องตรวจการตั้ง
00:24:21 → 00:24:24 ครรภ์ก่อนให้ชัวร์นะครับไม่มีโลหิตจางไม่
00:24:24 → 00:24:27 ได้เกิดจากภาวะไฟไหม้สามารถใช้สั่นในไตร
00:24:27 → 00:24:32 ได้นะครับโซเดียมครับแต่ถ้ามีปัญหาดัง
00:24:32 → 00:24:35 กล่าวไปใช้ตัวสุดท้ายคือโซเดียมไคโอซอเฟส
00:24:35 → 00:24:39 ครับนะใช้โซเดียมไฮโอซัลเฟตในเด็กก็ให้
00:24:39 → 00:24:41 ได้นะครับงั้นพวกนี้เป็นวิธีในการดูแล
00:24:41 → 00:24:45 เมื่อมาถึงแพทย์อย่างไรก็ตามต่อให้เราดู
00:24:45 → 00:24:49 แลดีแค่ไหนนะครับเราให้ยาทันไม่ได้แปลว่า
00:24:49 → 00:24:52 ทุกคนจะรอดนะครับอัตราการตายจากไซยาไนด์
00:24:52 → 00:24:55 ยังค่อนข้างสูงอยู่นะครับก็คือมันจะต้อง
00:24:55 → 00:24:58 ร่วมไปกับการรักษาประคับประคองให้คนไข้มี
00:24:58 → 00:25:01 ชีวิตอยู่ถ้ามีอาการชักก็ให้ยากันชักถ้า
00:25:01 → 00:25:03 เกิดว่าหายใจไม่ได้ใส่ท่อช่วยหายใจใช้
00:25:03 → 00:25:06 เครื่องช่วยหายใจนะครับความดันตกให้ยา
00:25:06 → 00:25:09 พยุงโลหิตนะครับไตวายล้างไตนะครับแล้วก็
00:25:09 → 00:25:13 ให้ยาต้านผิดตัวนี้เข้าไปเพื่อที่จะแก้ไข
00:25:13 → 00:25:15 ภาวะนี้ให้ได้นะครับ
00:25:15 → 00:25:17 ดังนั้นโดยสรุปนะครับ
00:25:17 → 00:25:20 ตัวไซยาไนด์มีที่มาหลายที่นะครับเช่นจาก
00:25:20 → 00:25:23 การเกิดไฟไหม้นะครับไม่ของต่างๆเช่น
00:25:23 → 00:25:27 พลาสติกโพลียูรีเทนนะครับเอ่อพวกผ้าไหม
00:25:27 → 00:25:30 อ่าขนสัตว์พวกนี้นะครับมีความเกี่ยวข้อง
00:25:30 → 00:25:33 นะครับของที่กินเข้าไปก็พวกเม็ดของ
00:25:33 → 00:25:36 แอปเปิ้ลลูกแพรแอปพลิคอป prompe นะครับ
00:25:36 → 00:25:39 mitter Almond พวกนี้เป็นต้นนะครับดอก
00:25:39 → 00:25:41 ไฮดรอลเบียร์นะครับอย่าไปกินนะครับใครมี
00:25:41 → 00:25:43 ลูกเล็กๆก็จะไปให้หยิบกินเข้าไปในปาก
00:25:43 → 00:25:46 เพราะมันอันตรายได้นะครับจริงๆมันมียาใน
00:25:46 → 00:25:49 ทางการแพทย์เช่นโซเดียมไนโตรพลัสทรายนะ
00:25:49 → 00:25:52 ครับที่สามารถทำให้เป็นพิษจากไซยาไนด์ได้
00:25:52 → 00:25:53 นะครับ
00:25:53 → 00:25:55 ดังนั้นเขาจะไม่ค่อยให้โซเดียมใน process
00:25:55 → 00:25:57 ในปัจจุบันแล้วมันเป็นยาลดความดันโลหิต
00:25:57 → 00:26:00 ที่ให้ทางเส้นเลือดนะครับถ้ามีหมอเข้ามา
00:26:00 → 00:26:04 ฟังก็จะต้องเอาฟอยล์ไปหุ้มสายพวกนี้เพราะ
00:26:04 → 00:26:06 ว่าถ้ามันไม่หุ้มแล้วแสงมันไปโดนไอ้
00:26:06 → 00:26:08 โซเดียมในโทรศัพท์เนี่ยมันจะสลายให้ตัว
00:26:08 → 00:26:10 ไซยาไนด์ได้นะครับเราไม่ต้องการนะครับ
00:26:10 → 00:26:11 แล้วก็
00:26:11 → 00:26:13 อีกอย่างหนึ่งเราจะต้องเราอยากให้เยอะนะ
00:26:13 → 00:26:16 ครับให้น้อยๆโดยทั่วไปเราก็มียาตัวอื่น
00:26:16 → 00:26:18 ที่ดีเราก็ไม่ควรจะให้ตัวนี้แล้วนะครับ
00:26:18 → 00:26:20 อันนี้ก็คือเป็นที่มาของไซยาไนด์นะครับ
00:26:20 → 00:26:23 ถ้าคนที่มีอาการขึ้นอยู่กับว่าปริมาณที่
00:26:23 → 00:26:25 เราได้เขาไปนะครับก็จะมีอาการตั้งแต่
00:26:25 → 00:26:27 คลื่นไส้อาเจียนนะครับท้องเสียเป็นมากๆก็
00:26:27 → 00:26:30 มีใจสั่นนะครับหัวใจเนี่ยอาจจะหยุดเต้น
00:26:30 → 00:26:34 ได้นะครับมีอาการมึนงงกระสับกระส่ายนะ
00:26:34 → 00:26:36 ครับบางคนเป็นมากๆก็ชักแล้วก็หมดสติได้
00:26:36 → 00:26:38 ถ้ามาถึงโรงพยาบาลหมอก็จะตรวจหาสาเหตุ
00:26:38 → 00:26:40 อย่างอื่นให้เรียบร้อยก่อนนะครับระหว่าง
00:26:40 → 00:26:43 ที่นำส่งโรงพยาบาลนั้นอย่าเป่าปากเด็ดขาด
00:26:43 → 00:26:45 นะครับถ้าหัวใจหยุดเต้นก็ปั๊มหัวใจอย่าง
00:26:45 → 00:26:48 เดียวนะครับสังเกตสีผิวทั้งกับมันแดงขึ้น
00:26:48 → 00:26:50 มามากๆเนี่ยที่สงสัยภาวะนี้นะครับถ้ามี
00:26:50 → 00:26:53 กลิ่นอัลมอนด์ขมๆขึ้นมาเนี่ยอันนี้น่าจะ
00:26:53 → 00:26:56 ใช่แล้วถ้ามาถึงมือหมอก็แน่นอนว่า
00:26:56 → 00:27:00 เขาประคองโทรหาศูนย์พิษนะครับถ้ามียายัง
00:27:00 → 00:27:03 อ่าที่ผมพูดไปดีที่สุดคือไฮดรอกโซ่โคนลอย
00:27:03 → 00:27:05 เวลามินนะครับถ้าไม่มีก็อาจจะต้องเป็นตัว
00:27:05 → 00:27:08 อื่นคือนายไกด์นะครับถ้าให้ได้ก็ให้ถ้า
00:27:08 → 00:27:10 ให้ไม่ได้ก็ต้องให้โซเดียมไคโอเฟสนะครับ
00:27:10 → 00:27:13 ที่เหลือก็ต้องมาลุ้นเอาละครับว่าจะรอด
00:27:13 → 00:27:15 ได้หรือไม่ได้เพราะไม่ใช่ทุกคนจะรอดนะ
00:27:15 → 00:27:18 ครับโอเควันนี้ก็หวังว่าอันนี้จะกระจ่าง
00:27:18 → 00:27:21 พอสมควรนะครับใครมีอะไรสอบถามก็สอบถามมา
00:27:21 → 00:27:22 ได้นะครับเท่านี้นะครับขอบคุณมากครับ
00:27:22 → 00:27:25 สวัสดีครับ