00:00:01 → 00:00:04 [เพลง]
00:00:04 → 00:00:06 You're listening to Sad X channel
00:00:06 → 00:00:07 podcast
00:00:07 → 00:00:10 >> สวัสดีครับและนี่คือรายการพcastสุขภาพดี
00:00:10 → 00:00:13 ชีวิตดีสร้างได้พื้นที่แบ่งปันความรู้
00:00:14 → 00:00:20 สำหรับคนรักสุขภาพทุกท่าน
00:00:20 → 00:00:24 ผมเชื่อว่าหลายคนคงเคยอยู่ในสถานการณ์แบบ
00:00:24 → 00:00:27 นี้คืนก่อนปาร์ตี้อย่างหนักเพราะตื่นเช้า
00:00:27 → 00:00:31 มาก็มีอาการปวดหัวตึ๊บๆจากอาการแฮงโอว
00:00:31 → 00:00:34 สิ่งแรกที่หลายคนนึกถึงคืออะไรครับใช่
00:00:34 → 00:00:38 ครับยาพาราเซตามอลยาสามัญประจำบ้านที่หา
00:00:38 → 00:00:42 ซื้อง่ายราคาถูกและคุ้นเคยกันดีแต่คุณรู้
00:00:42 → 00:00:45 มั้ครับว่าการตัดสินใจที่ดูเหมือนจะช่วย
00:00:45 → 00:00:48 บรรเทาอาการได้ชั่วคราวนี้กำลังสร้างความ
00:00:48 → 00:00:50 เสียหายอย่างเงียบๆให้กับอวัยวะที่สำคัญ
00:00:51 → 00:00:54 ที่สุดในร่างกายของเรานั่นก็คือตับครับ
00:00:54 → 00:00:57 วันนี้ผมจะพาคุณไปเจาะลึกถึงเบื้องหลัง
00:00:57 → 00:01:00 ทางวิทยาศาสตร์ของปัญหาหานี้เพื่อให้คุณ
00:01:00 → 00:01:04 เข้าใจว่าทำไมการรวมกันของ 2 สิ่งนี้จึง
00:01:04 → 00:01:06 เป็นระเบิดเวลาสำหรับตับของคุณและที่
00:01:07 → 00:01:10 สำคัญกว่านั้นคือผมจะบอกวิธีป้องกันและ
00:01:10 → 00:01:13 ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าเพื่อให้คุณยังคง
00:01:13 → 00:01:16 สนุกกับชีวิตในแบบของคุณได้โดยไม่ต้องเอา
00:01:16 → 00:01:19 สุขภาพไปเสี่ยงครับถ้าพูดถึงยาที่หลายคน
00:01:19 → 00:01:23 คุ้นเคยที่สุดคงหนีไม่พ้นพาราเซตามอลยา
00:01:23 → 00:01:27 แก้ปวดลดไข้ที่มีติดบ้านแทบทุกครัวเรือน
00:01:27 → 00:01:30 หลายคนอาจคิดว่านี่คือยาที่ปลอดภัยใช้ยัง
00:01:30 → 00:01:34 ไงก็คงไม่มีปัญหาแต่จริงๆแล้วพาราเซตามอล
00:01:34 → 00:01:37 ก็มีข้อควรระวังที่สำคัญมากโดยเฉพาะเมื่อ
00:01:37 → 00:01:40 ต้องเกี่ยวข้องกับตับตับของเราเปรียบ
00:01:40 → 00:01:43 เสมือนโรงงานบำบัดขนาดใหญ่ของร่างกายทำ
00:01:43 → 00:01:47 หน้าที่กรองและจัดการสารเคมีสารอาหารรวม
00:01:47 → 00:01:50 ถึงสารพิษต่างๆที่เรารับเข้ามาไม่ว่าจะ
00:01:50 → 00:01:52 เป็นยาที่กินเข้าไปหรือแม้กระทั่ง
00:01:52 → 00:01:55 แอลกอฮอล์ที่เราดื่มตับต้องทำงานอย่าง
00:01:55 → 00:01:57 หนักเพื่อเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ให้เป็นรูป
00:01:57 → 00:02:01 แบบที่ร่างกายสามารถกำจัดออกได้ในภาวะ
00:02:01 → 00:02:05 ปกติเวลาที่เรากินพาราซตามอลเข้าไปยาส่วน
00:02:05 → 00:02:07 ใหญ่จะถูกเปลี่ยนเป็นสารที่ปลอดภัยและถูก
00:02:07 → 00:02:10 ขับออกทางไต่แต่ก็มีบางส่วนเล็กๆประมาณ
00:02:11 → 00:02:14 5-10% ที่จะถูกเปลี่ยนเป็นสารพิษที่มี
00:02:14 → 00:02:20 ชื่อว่า NAQ Nิ Penkin อซึ่งมีฤทธิ์ทำลาย
00:02:20 → 00:02:24 เซลล์ตับโดยตรงฟังดูน่ากลัวใช่มั้ยครับ
00:02:24 → 00:02:27 แต่โชคดีที่ร่างกายเรามีกลไกป้องกันอยู่
00:02:27 → 00:02:30 แล้วโดยใช้สารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า
00:02:30 → 00:02:33 กลูต้าไทโอนมาทำหน้าที่เหมือนตัวดับพิษ
00:02:34 → 00:02:36 คอยจับเจ้า NAQ แล้วเปลี่ยนมันให้หมด
00:02:37 → 00:02:40 ฤทธิ์ก่อนที่จะสร้างความเสียหายต่อตับแต่
00:02:40 → 00:02:43 ปัญหาคือถ้าเรากินพาราเซตามอลมากเกินไป
00:02:43 → 00:02:46 หรือกินติดต่อกันเป็นเวลานานกลไกป้องกัน
00:02:47 → 00:02:50 นี้ก็อาจไม่พอเพราะปริมาณ NAQ มากเกิน
00:02:50 → 00:02:53 กว่าที่กลูต้าไทโอนจะจัดการได้ทันส่งผล
00:02:53 → 00:02:57 ให้เซลล์ตับเริ่มถูกทำลายและอาจนำไปสู่
00:02:57 → 00:03:00 ภาวะตับวายเฉียบพลันได้เลยครับยิ่งไปกว่า
00:03:00 → 00:03:03 นั้นถ้าเราดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำตับก็
00:03:03 → 00:03:06 ต้องทำงานหนักอยู่แล้วเพราะแอลกอฮอล์เอง
00:03:06 → 00:03:08 ก็ถูกเปลี่ยนเป็นสารพิษที่ต้องกำจัด
00:03:08 → 00:03:11 เหมือนกันเมื่อทั้งพาราเซตามอลและ
00:03:11 → 00:03:14 แอลกอฮอล์มุ่งเป้าไปที่ตับพร้อมกันก็
00:03:14 → 00:03:17 เหมือนกับการเพิ่มภาระซ้ำๆให้โรงงานที่
00:03:17 → 00:03:20 กำลังทำงานเต็มกำลังอยู่ผลลัพธ์คือความ
00:03:20 → 00:03:22 เสี่ยงของการเกิดพิษต่อตับยิ่งสูงขึ้นไป
00:03:23 → 00:03:26 อีกพูดง่ายๆคือพาราเซตามอลอาจจะเป็นยาที่
00:03:26 → 00:03:30 ปลอดภัยไทยถ้าใช้ถูกวิธีถูกขนาดและไม่
00:03:30 → 00:03:32 เกินความจำเป็นแต่เมื่อรวมเข้ากับ
00:03:32 → 00:03:35 แอลกอฮอล์ความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่จะเพิ่ม
00:03:35 → 00:03:37 ขึ้นอย่างมหาศาล
00:03:37 → 00:03:40 ปัญหาจะใหญ่โตขึ้นทันทีหากคุณเลือกที่จะ
00:03:40 → 00:03:42 รับประทานพาราเซตามอลพร้อมกับดื่ม
00:03:42 → 00:03:45 แอลกอฮอล์โดยเฉพาะถ้าคุณเป็นคนที่ดื่ม
00:03:45 → 00:03:48 เป็นประจำหรือดื่มหนักเพราะสิ่งที่เกิด
00:03:48 → 00:03:51 ขึ้นจริงๆก็คือคุณกำลังสั่งให้โรงงานตับ
00:03:51 → 00:03:54 ของคุณต้องทำงานหนักเกินกำลังลองนึกภาพ
00:03:54 → 00:03:57 โรงงานบำบัดน้ำเสียที่มีท่อสารพิษไหลเข้า
00:03:58 → 00:04:01 มาพร้อมกัน 2 สายทั้งจากแอลกอฮอล์และจาก
00:04:01 → 00:04:04 พาราเซตามอลตับต้องพยายามจัดการกับทั้ง 2
00:04:04 → 00:04:07 ฝั่งในเวลาเดียวกันผลลัพธ์ก็คือความ
00:04:07 → 00:04:09 เครียดและความเสียหายที่จะสะสมในโรงงาน
00:04:09 → 00:04:13 แห่งนี้อย่างต่อเนื่องแอลกอฮอล์เมื่อเข้า
00:04:13 → 00:04:15 สู่ร่างกายจะถูกตับเปลี่ยนเป็นสารพิษชื่อ
00:04:15 → 00:04:19 ว่าอาซิตาไคดสารนี้เองเป็นตัวการที่ทำให้
00:04:19 → 00:04:22 เกิดอาการมึนเมาแสบกระเพาะและเป็นพิษต่อ
00:04:22 → 00:04:26 ตับโดยตรงแต่ความซับซ้อนอยู่ตรงที่การเผา
00:04:26 → 00:04:28 เขาผลาญแอลกอฮอล์นี้ต้องอาศัยเอนไซม์
00:04:28 → 00:04:32 สำคัญที่ชื่อว่า CYP2E1
00:04:32 → 00:04:35 และนี่แหละครับคือจุดเชื่อมโยงสำคัญเพราะ
00:04:35 → 00:04:38 เอนไซม์ CYP 2E1 ไม่ได้ทำงานกับ
00:04:38 → 00:04:40 แอลกอฮอล์เพียงอย่างเดียวแต่ยังเป็น
00:04:40 → 00:04:43 เอนไซม์ตัวเดียวกันที่เร่งการเปลี่ยน
00:04:43 → 00:04:47 พาราเซตามอลให้กลายเป็น NAP ซึ่งเป็นสาร
00:04:47 → 00:04:50 พิษร้ายแรงต่อเซลล์ตับด้วยดังนั้นเมื่อ
00:04:50 → 00:04:53 คุณดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำร่างกายจะถูก
00:04:53 → 00:04:56 กระตุ้นให้สร้างเอนไซม์ CYP 2E1 หนมาก
00:04:56 → 00:04:58 ขึ้นเรื่อยๆเปรียบเสมือนการเพิ่มเครื่อง
00:04:58 → 00:05:01 จักรในโรงงานให้ทำงานได้เร็วขึ้นแต่แทน
00:05:01 → 00:05:04 ที่จะช่วยกำจัดสารพิษมันกลับเร่งกระบวน
00:05:04 → 00:05:08 การสร้างสารพิษ NAPQ จากพาราเซตามอลให้
00:05:08 → 00:05:11 มากขึ้นไปอีกลองจินตนาการดูนะครับเมื่อ
00:05:11 → 00:05:14 เครื่องจักรผลิตสารพิษทำงานเต็มกำลัง
00:05:14 → 00:05:17 ปริมาณ NAQ ในร่างกายก็จะสูงขึ้นจนเกิน
00:05:17 → 00:05:20 กว่าที่กลูต้าไทโอนซึ่งเป็นหน่วยดับเพลิง
00:05:20 → 00:05:24 ภายในโรงงานจะสามารถเข้ามาดับพิษได้ทันผล
00:05:24 → 00:05:27 ที่ตามมาคือสารพิษเหล่านี้จะเริ่มทำลาย
00:05:27 → 00:05:30 โครงสร้างและเซลล์ตับอย่างต่อเนื่องหาก
00:05:30 → 00:05:33 การทำลายนี้เกิดขึ้นเพียงเล็กน้อยตับอาจ
00:05:33 → 00:05:35 ยังพอซ่อมแซมตัวเองได้แต่ถ้าเกินจุดที่
00:05:35 → 00:05:39 รับไหวเซลล์ตับจะเริ่มตายเป็นวงกว้างนำไป
00:05:39 → 00:05:42 สู่ภาวะที่ร้ายแรงมากเช่นตับอักเสบเฉียบ
00:05:42 → 00:05:45 พลันตับวายหรือแม้กระทั่งเสียชีวิตได้เลย
00:05:45 → 00:05:48 ครับที่น่ากลัวกว่านั้นคืออาการเริ่มต้น
00:05:48 → 00:05:51 ของพิษต่อตับจากการใช้พาราเซตามอลร่วมกับ
00:05:51 → 00:05:55 แอลกอฮอล์มักไม่ชัดเจนในทันทีอาจมีเพียง
00:05:55 → 00:05:58 อาการคลื่นไส้อ่อนเพลียปวดท้องเล็กน้อย
00:05:58 → 00:06:01 ซึ่งหลายคนอาจมองข้ามไปคิดว่าเป็นเพียง
00:06:01 → 00:06:04 อาการเมาค้างธรรมดาแต่ความจริงแล้วเบื้อง
00:06:04 → 00:06:06 หลังนั้นอาจเป็นสัญญาณเตือนของตับที่
00:06:06 → 00:06:10 กำลังถูกทำลายอยู่ก็ได้ดังนั้นการใช้
00:06:10 → 00:06:13 พาราเซตามอลร่วมกับแอลกอฮอล์จึงไม่ใช่แค่
00:06:13 → 00:06:16 เรื่องของยาแก้ปวดธรรมดาแต่เป็นเหมือนการ
00:06:16 → 00:06:20 กดดันให้ตับของคุณทำงานเกินขีดจำกัดจน
00:06:20 → 00:06:22 เสี่ยงที่จะเสียสมดุลและพังทลายลงในที่
00:06:22 → 00:06:26 สุดหลายคนอาจมองว่าแค่พาราเซตามอลเม็ด
00:06:27 → 00:06:30 เดียวจะเป็นอะไรได้แต่ความจริงก็คือความ
00:06:30 → 00:06:32 เสียหายต่อตับไม่ได้เกิดขึ้นแบบฉับพลัน
00:06:32 → 00:06:36 ทันทีเสมอไปมันสามารถค่อยๆก่อตัวขึ้นโดย
00:06:36 → 00:06:39 ที่คุณไม่รู้ตัวเพราะอาการระยะแรกมักดู
00:06:39 → 00:06:42 ไม่รุนแรงและมักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นอาการ
00:06:42 → 00:06:46 ธรรมดาหลังดื่มเหล้าในช่วง 24 ช่มงแรก
00:06:46 → 00:06:48 หลังจากที่ร่างกายได้รับพาราเซตามอลเกิน
00:06:48 → 00:06:51 ขนาดหรือได้รับพร้อมกับแอลกอฮอล์คุณอาจมี
00:06:51 → 00:06:55 อาการคลื่นไส้อาเจียนเบื่ออาหารปวดท้อง
00:06:55 → 00:06:58 เล็กน้อยหรือเหงื่อออกมากอาการเหล่านี้
00:06:58 → 00:07:01 แทบจะไม่ต่างจากเมาค้างธรรมดาทำให้หลายคน
00:07:01 → 00:07:05 ชะล่าใจและคิดว่าเดี่ยวพักผ่อนก็คงหายโดย
00:07:05 → 00:07:07 ที่ไม่รู้เลยว่าในร่างกายของตัวเองกำลัง
00:07:08 → 00:07:11 เกิดกระบวนการทำลายตับอย่างเงียบๆเมื่อ
00:07:11 → 00:07:15 เข้าสู่ช่วง 24-48 ชมงต่อมาอาการจะเริ่ม
00:07:15 → 00:07:18 รุนแรงขึ้นตับที่ถูกทำลายจะส่งสัญญาณออก
00:07:18 → 00:07:21 มาชัดเจนมากขึ้นเช่นอาการปวดท้องบริเวณ
00:07:21 → 00:07:24 ชายโครงขวาตำแหน่งของตับเคลื่อนไส้
00:07:24 → 00:07:28 อาเจียนซ้ำๆร่างกายอ่อนเพลียมากผิดปกติ
00:07:28 → 00:07:31 และในบางรายอาการตาเหลืองผิวเหลืองซึ่ง
00:07:31 → 00:07:34 เป็นสัญญาณของโรคดีซ่านที่เกิดจากการที่
00:07:34 → 00:07:38 ตับไม่สามารถทำหน้าที่ได้เต็มที่แล้วหาก
00:07:38 → 00:07:42 ปล่อยให้เข้าสู่ระยะ 48-72 ชมงอันตรายจะ
00:07:42 → 00:07:45 ทวีความรุนแรงขึ้นไปอีกตับจะเข้าสู่ภาวะ
00:07:45 → 00:07:48 อักเสบเฉียบพลันและถ้าเซลล์ตับถูกทำลาย
00:07:48 → 00:07:51 อย่างต่อเนื่องสารพิษที่ควรถูกตับกำจัดจะ
00:07:51 → 00:07:54 สะสมในร่างกายจนไปกระทบกับสมองทำให้เกิด
00:07:54 → 00:07:58 ภาวะที่เรียกว่าเpatic encephaly หรือ
00:07:58 → 00:08:01 สมองเสื่อมจากโรคตับผู้ป่วยจะเริ่มมี
00:08:01 → 00:08:04 อาการสับสนพูดไม่รู้เรื่องมือสั่นและใน
00:08:04 → 00:08:08 รายที่รุนแรงอาจหมดสติได้ที่น่ากลัวกว่า
00:08:08 → 00:08:11 นั้นคือหากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีตับ
00:08:11 → 00:08:14 อาจเข้าสู่ภาวะตับวายเฉียบพลันซึ่งมีความ
00:08:14 → 00:08:16 เสี่ยงสูงต่อการเสียชีวิตแม้แต่ในคนที่
00:08:17 → 00:08:20 สุขภาพแข็งแรงก็ตามครับสำหรับคนที่ดื่ม
00:08:20 → 00:08:23 แอลกอฮอล์เป็นประจำความเสี่ยงนี้จะยิ่ง
00:08:23 → 00:08:26 สูงขึ้นแบบทวีคูณเพราะตับของคุณต้องเผชิญ
00:08:26 → 00:08:29 กับความเสียหายสะสมอยู่แล้วการดื่มร่วม
00:08:29 → 00:08:32 กับการใช้พาราเซตามอลซ้ำๆจะเหมือนกับการ
00:08:32 → 00:08:35 ซ้ำเติมบาดแผลที่ตับเผชิญอยู่ทุกวันผล
00:08:35 → 00:08:37 ลัพธ์ที่ตามมาในระยะยาวอาจไม่ใช่แค่ตับ
00:08:38 → 00:08:41 อักเสบเรื้อรังแต่ยังลุกลามไปสู่ตับแข็ง
00:08:41 → 00:08:44 ที่เป็นโรคเรื้อรังรักษายากและท้ายที่สุด
00:08:44 → 00:08:46 อาจนำไปสู่มะเร็งตับซึ่งเป็นหนึ่งใน
00:08:46 → 00:08:50 มะเร็งที่พบได้บ่อยที่สุดในคนไทยและอย่า
00:08:50 → 00:08:53 คิดว่ามีแค่พาราเซตามอลที่น่ากลัวนะครับ
00:08:53 → 00:08:55 ยาอีกหลายชนิดก็ไม่ควรใช้ร่วมกับ
00:08:55 → 00:09:00 แอลกอฮอล์เหมือนกันเช่นไบูโพฟenแินหรือยา
00:09:00 → 00:09:03 กลุ่มแก้ปวด NSID เพราะถ้าใช้คู่กับเหล้า
00:09:03 → 00:09:06 อาจทำให้เกิดแผลและเลือดออกในกระเพาะ
00:09:06 → 00:09:09 อาหารได้ง่ายขึ้นรวมไปถึงยาแก้แพ้ยานอน
00:09:09 → 00:09:12 หลับหรือยาคลายกังวลบางชนิดก็เสริมฤทธิ์
00:09:12 → 00:09:16 กันจนทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้เลยครับ
00:09:16 → 00:09:18 แล้วถ้าเราตื่นเช้ามาพร้อมกับอาการปวดหัว
00:09:18 → 00:09:22 แห้งหนักๆจะทำยังไงดีจริงๆวิธีที่ดีที่
00:09:22 → 00:09:25 สุดไม่ใช่การคว้ายามากินทันทีนะครับแต่
00:09:25 → 00:09:27 เป็นการให้ร่างกายฟื้นตัวด้วยตัวเองดื่ม
00:09:27 → 00:09:31 น้ำเปล่าเยอะๆเพื่อชดเชยการขาดน้ำดื่มน้ำ
00:09:31 → 00:09:33 ผลไม้หรือน้ำเกลือแร่เพื่อเติมน้ำตาลและ
00:09:33 → 00:09:36 เกลือแร่ที่หายไปทานอาหารที่ช่วยฟื้นฟู
00:09:36 → 00:09:39 ร่างกายอย่างเช่นกลวยหอมที่มีโพแทสเซียม
00:09:39 → 00:09:42 สูงหรือผลไม้ที่มีน้ำเยอะๆและที่สำคัญที่
00:09:43 → 00:09:46 สุดคือการพักผ่อนครับการนอนหลับคือยาฟื้น
00:09:46 → 00:09:50 ฟูที่ดีที่สุดที่ธรรมชาติให้เรามาแล้ว
00:09:50 → 00:09:53 ท่านผู้ฟังครับการดูแลสุขภาพที่ดีเริ่ม
00:09:53 → 00:09:55 ต้นจากการที่เราตระหนักรู้และเข้าใจถึง
00:09:55 → 00:09:58 ความเสี่ยงที่อยู่รอบตัวเราอย่างในวันนี้
00:09:58 → 00:10:01 ที่เราได้เรียนรู้ถึงความอันตรายของการ
00:10:01 → 00:10:04 กินยาพาราเซตามอลกับแอลกอฮอล์ผมหวังว่า
00:10:04 → 00:10:06 ข้อมูลเหล่านี้จะไม่ใช่แค่ความรู้ที่ผ่าน
00:10:06 → 00:10:09 หูไปแต่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คุณหัน
00:10:09 → 00:10:13 กลับมาใส่ใจสุขภาพตับของตัวเองมากขึ้นบาง
00:10:13 → 00:10:15 ครั้งทางเลือกที่ดีที่สุดอาจไม่ใช่ทาง
00:10:15 → 00:10:17 เลือกที่สะดวกที่สุดแต่เป็นทางเลือกที่
00:10:17 → 00:10:20 ปลอดภัยและคุ้มค่าที่สุดในระยะยาว
00:10:20 → 00:10:23 หากคุณต้องเลือกระหว่างการหายปวดหัวชั่ว
00:10:23 → 00:10:26 คราวกับการปกป้องตับของคุณไปตลอดชีวิตคำ
00:10:26 → 00:10:30 ตอบน่าจะชัดเจนแล้วนะครับก่อนจะปิดรายการ
00:10:30 → 00:10:33 ในวันนี้ขอเรียนให้คุณผู้ฟังทราบว่าเนื้อ
00:10:33 → 00:10:36 หาในพcสนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ความรู้ทั่ว
00:10:36 → 00:10:39 ไปเท่านั้นและหากมีข้อสงสัยหรือปัญหาด้าน
00:10:39 → 00:10:42 สุขภาพควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทาง
00:10:42 → 00:10:46 การแพทย์ทุกครั้งนะครับหากคุณชื่นชอบพcส
00:10:46 → 00:10:49 นี้อย่าลืมกดติดตามและแชร์ให้เพื่อนๆหรือ
00:10:49 → 00:10:51 คนในครอบครัวตัวที่คุณรักนะครับเพราะการ
00:10:51 → 00:10:54 แบ่งปันความรู้เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่าง
00:10:54 → 00:10:57 ยิ่งขอบคุณที่รับฟังแล้วพบกันใหม่ในตอน
00:10:57 → 00:11:01 หน้าสวัสดีครับ