00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:04 world vi The
00:00:04 → 00:00:08 Voice ความดันโลหิตเนี่ยมันจะมี 2 ค่า
00:00:08 → 00:00:11 เราจะเรียกว่าตัวบนกับตัวล่างตัวบนเนี่ย
00:00:11 → 00:00:15 จะต้องอยู่ในช่วง 90 ถึงไม่เกิน 140 ถ้า
00:00:15 → 00:00:18 140 เมื่อไหร่ก็จะเรียกว่าความดันสูง
00:00:18 → 00:00:21 ส่วนตัวล่างก็คืออยู่ในช่วง 60 ถึงไม่
00:00:21 → 00:00:24 เกิน 90 เพราะฉะนั้นถ้าตัวล่างแตก 90 เรา
00:00:24 → 00:00:27 ก็จะบอกว่าความดันสูงพออายุมากขึ้นเนี่ย
00:00:27 → 00:00:29 ความเสื่อมมันก็จะมาตามเพราะฉะนั้นต่อให้
00:00:29 → 00:00:32 เราไม่มีโรคอะไรเลยพออายุเริ่มมากขึ้น
00:00:32 → 00:00:35 จริงๆเราก็ควรจะต้องตรวจสุขภาพประจำปี
00:00:35 → 00:00:37 หรืออย่างน้อยๆก็ควรจะได้วัดความดันเนี่ย
00:00:37 → 00:00:39 อยู่เรื่อยๆเพราะว่าถ้าสมมติว่าเราเจอ
00:00:39 → 00:00:42 แล้วเราควบคุมเร็วปัญหาหรือความเสียหาย
00:00:42 → 00:00:45 ที่เกิดขึ้นจากความดันเนี่ยมันก็จะน้อย
00:00:46 → 00:00:50 ลงฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคไทยฟัง
00:00:50 → 00:00:55 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ is
00:00:55 → 00:00:59 pbsc วันนี้ค่ะคุณผู้ฟังเราจะมาพูดคุย
00:00:59 → 00:01:01 กันถึงเรื่องของภัยเงียบจากเรื่องความดัน
00:01:01 → 00:01:05 โลหิตสูงนะคะเรื่องนี้ทำไมถึงเป็นสิ่งที่
00:01:05 → 00:01:06 เราต้องมาคุยกันในรายการเพราะว่ามันเป็น
00:01:06 → 00:01:09 ภัยเงียบนั่นเองเดี๋ยวคุยกับนายแพทย์ชน
00:01:09 → 00:01:11 พิวัฒน์ตรีพงษ์ค่ะนายแพทย์ชำนาญการสถาบัน
00:01:11 → 00:01:14 ประสาทวิทยากรมการแพทย์กระทรวงสาธารณสุข
00:01:14 → 00:01:17 ค่ะสวัสดีค่ะคุณหมอคะสวัสดีครับค่ะคุณหมอ
00:01:17 → 00:01:19 คะเรื่องของภัยเงียบเกี่ยวกับความดัน
00:01:19 → 00:01:22 โลหิตสูงนี้นะคะเราต้องมาทำความเข้าใจกัน
00:01:22 → 00:01:26 หน่อยว่าเอ่อความดันโลหิตสูงนี้คืออะไร
00:01:26 → 00:01:28 อาการมันเป็นยังไงหรือว่ามีปัจจัยมี
00:01:28 → 00:01:30 สาเหตุความเสี่ยงอย่างไรกันบ้างเดี๋ยว
00:01:30 → 00:01:33 เริ่มที่ให้คุณผู้ฟังได้ทำความเข้าใจกับ
00:01:33 → 00:01:35 เรื่องของโรคความดันเลือดสูงกันก่อนค่ะ
00:01:35 → 00:01:38 ว่าในความหมายหรือว่าสิ่งที่เป็นเนี่ยมัน
00:01:38 → 00:01:41 เป็นยังไงคะครับปกติเนี่ยเวลาที่เอ่อร่าง
00:01:41 → 00:01:44 กายเราจะสามารถทำกิจกรรมต่างๆได้หรือว่า
00:01:44 → 00:01:48 ทำงานได้เป็นปกติเนี่ยจะต้องมีเลือดเ่อไป
00:01:48 → 00:01:50 เลี้ยงได้ทั่วถึงนะครับซึ่งเลือดนั้นก็จะ
00:01:50 → 00:01:54 พาทั้งอาหารแลก็ออกซิเจนไปทีนี้แรงแรงดัน
00:01:54 → 00:01:57 เนี่ยก็คือการวัดอ่าความดันของเลือดที่
00:01:57 → 00:02:00 อยู่ในหลอดเลือดซึ่งถ้าความดันนั้นน่ะต่ำ
00:02:00 → 00:02:02 เกินไปก็หมายความว่าเลือดที่จะไปเลี้ยง
00:02:02 → 00:02:05 ได้ทั่วถึงโดยเฉพาะในส่วนปลายๆเนี่ยมันก็
00:02:05 → 00:02:08 จะยากลำบากขึ้นแต่ในขณะเดียวกันถ้าแรงดัน
00:02:08 → 00:02:11 นั้นน่ะมันมากหรือว่าสูงเกินไปมันก็จะมี
00:02:11 → 00:02:15 ปัญหาต่อผนังหลอดเลือดหรืออวัยวะที่เอ่อ
00:02:15 → 00:02:17 หลอดเลือดนั้นไปเลี้ยงนะครับซึ่งถ้า
00:02:17 → 00:02:20 สมมุติว่าเราจินตนาการเ่อหลอดเลือดของคน
00:02:20 → 00:02:24 เราเนี่ยเหมือนกับตัวสายยางฉีดน้ำที่เรา
00:02:24 → 00:02:26 ซื้อมาใช้ในสวนนะครับซึ่งช่วงที่เราซื้อ
00:02:26 → 00:02:29 มาใหม่ๆเนี่ยสายยางมันก็จะนุ่มนิ่มใช่
00:02:29 → 00:02:34 มั้ยครับบีพับเราจะก็ไม่เกิดปัญหาอะไรแต่
00:02:34 → 00:02:36 เมื่อใช้ไปนานขึ้นนานขึ้นเรื่อยๆเนี่ยเรา
00:02:36 → 00:02:40 ก็จะสังเกตว่าตัวสายยางเนี่ยมันเริ่มจะ
00:02:40 → 00:02:43 ไม่นุ่มไม่นิ่มเหมือนกับตอนที่ซื้อมาใหม่
00:02:43 → 00:02:46 มันอาจจะเริ่มมีความกรอบเวลาที่เอ่อเรา
00:02:46 → 00:02:49 บีบสายยางเพื่อที่จะให้ปลายสายยางเนี่ย
00:02:49 → 00:02:52 น้ำเนี่ยมันพุ่งแรงไปถึงจุดหมายปลายทาง
00:02:52 → 00:02:54 ที่เราอยากจะให้ไปเนี่ยบางครั้งเอ่อแรง
00:02:54 → 00:02:58 ดันนั้นเนี่ยก็เซาะผนังก็ทำให้เราเห็นสาย
00:02:58 → 00:03:01 ยางรั่วเกิดขึ้นนะครับหรือบางทีมันพับมัน
00:03:01 → 00:03:04 บิดอะไรอย่างเงี้ยมันก็จะมีรั่วเกิดขึ้น
00:03:04 → 00:03:07 ทีนี้ที่เราเรียกเอ่อความดันโลหิตสูงว่า
00:03:07 → 00:03:10 มันเป็นภัยเงียบเนี่ยเพราะตอนที่ความดัน
00:03:10 → 00:03:14 สูงเนี่ยมันไม่ได้ทำให้เอ่อเรารู้สึกไม่
00:03:14 → 00:03:17 สบายเนื้อไม่สบายตัวอะไรนะครับจนกระทั่ง
00:03:17 → 00:03:19 มันเกิดเรื่องหรือเกิดความผิดปกติต่อ
00:03:19 → 00:03:22 อวัยวะต่างๆมันถึงทำให้เกิดเรื่องเพราะ
00:03:22 → 00:03:25 ฉะนั้นถ้างบอกว่าอืเวียนหัวแล้วไปวัดความ
00:03:25 → 00:03:26 ดันแล้วความดันมันสูงนิดหน่อยอะไอย่าง
00:03:26 → 00:03:28 เงี้ยเราจะบอกว่าอันเนี้ยเราเวียนหัว
00:03:28 → 00:03:31 เพราะความดันสูงจริงๆไม่ใช่ส่วนใหญ่มักจะ
00:03:31 → 00:03:34 เอ่อเวียนจากอย่างอื่นหรือมีความผิดปกติ
00:03:34 → 00:03:36 อย่างจากอย่างอื่นเพราะว่าความดันที่จะทำ
00:03:36 → 00:03:38 ให้เกิดเรื่องเนี่ยมันต้องสูงมากๆเลยค่ะ
00:03:38 → 00:03:39 เพราะว่าโดยส่วนใหญ่แล้วถ้าเกิดว่ามี
00:03:39 → 00:03:42 อาการหรือมีอะไรเงี้ยไปโรงพยาบาลหรือไป
00:03:42 → 00:03:45 คลินิกก็แล้วแต่ส่วนใหญ่ด่านแรกเลยคือ
00:03:45 → 00:03:47 ต้องวัดความดันกันก่อนค่ะคุณหมอก็เลยอาจ
00:03:47 → 00:03:49 จะทำให้เกิดความเชื่อมโยงไปอย่างนั้นได้
00:03:49 → 00:03:52 เหมือนกันใช่เพราะความดันก็จะเป็นอีก
00:03:52 → 00:03:55 หนึ่งเอ่อที่เราเรียกว่าสัญญาณชีพซึ่งก็
00:03:55 → 00:04:00 จะมีเอ่ออุณหภูมิร่างกายชีพจร
00:04:00 → 00:04:03 แล้วก็ความดันแล้วก็การหายใจ 4 อย่างนี้
00:04:03 → 00:04:05 ก็เราก็จะเรียกว่าสัญญาณชีพซึ่งก็จะต้อง
00:04:05 → 00:04:08 วัดทั้งทั้ง 4 อย่างแต่อาจจะไม่ได้ทั้ง
00:04:08 → 00:04:10 หมดเช่นถ้าไม่ได้ไปเรื่องที่เกี่ยวข้อง
00:04:10 → 00:04:13 กับอุณหภูมิร่างกายเก็อาจจะไม่ได้วัดเอ่อ
00:04:13 → 00:04:17 อุณหภูมินะครับก็อาจจะดูแค่เอ่อตัวความ
00:04:17 → 00:04:21 ดันโลหิตแล้วก็ชีพจรอือันนี้ก็คือถ้าเกิด
00:04:22 → 00:04:24 ว่าเป็นความดันโลหิตแบบปกติเวลาที่เราไป
00:04:24 → 00:04:26 วัดความดันเนี่ยต้องอยู่ที่เท่าไหร่อ่ะคะ
00:04:26 → 00:04:29 เอ่อค่าตัวเลขเนี้ยจะเป็นตัวเลขเฉลี่ยไม่
00:04:29 → 00:04:31 ได้หมายความว่าคนที่ต่ำกว่านี้หรือสสูง
00:04:31 → 00:04:34 กว่าเนี้ยเราจะบอกว่าผิดปกติเลยคงจะต้อง
00:04:34 → 00:04:36 ดูรวมๆหลายอย่างแต่ว่าถ้าเป็นผู้ใหญ่แล้ว
00:04:36 → 00:04:40 เนี่ยนะครับตัวบนเอ่อเอ่อความดันโลหิต
00:04:40 → 00:04:42 เนี่ยมันจะมี 2 ค่าเราจะเรียกว่าตัวบนกับ
00:04:43 → 00:04:46 ตัวล่างนะครับอ่าค่ะตัวบนเนี่ยเป็นค่าของ
00:04:46 → 00:04:50 การวัดความดันโลหิตขณะที่หัวใจบีบตัวตัว
00:04:50 → 00:04:53 ล่างก็คือการวัดความดันโลหิตขณะที่หัวใจ
00:04:54 → 00:04:57 คลายตัวนะครับตัวบนเนี่ยจะต้องอยู่ในช่วง
00:04:58 → 00:05:02 เอ่อ 90 ถึงไม่เกิน 140 หมายความว่าต้อง
00:05:02 → 00:05:06 น้อยกว่า 140 ลงมาถ้า 140 เมื่อไหร่เราก็
00:05:06 → 00:05:10 จะเรียกว่าความดันสูงส่วนตัวล่างนะครับก็
00:05:10 → 00:05:13 คืออยู่ในช่วง 60 ถึงไม่เกิน 90 เพราะ
00:05:13 → 00:05:16 ฉะนั้นถ้าตัวล่างแตก 90 เราก็จะบอกว่า
00:05:16 → 00:05:18 ความดันสูงทีนี้เราจะบอกว่าความดันสูงก็
00:05:18 → 00:05:22 คือตัวใดตัวนึงถึงตัวล่างถึง 90 หรือตัว
00:05:22 → 00:05:27 บนถึง 140 หรือจะทั้งคู่เนี่ยก็ได้อค่ะอื
00:05:27 → 00:05:29 อย่างที่เคยเคยวัดความดันค่ะคุณหมอแบบบาง
00:05:29 → 00:05:32 ทีเราอาจจะเอ่อตื่นเต้นหรือเปล่าหรือว่า
00:05:32 → 00:05:35 เดินมากว่าจะเดินมาถึงหรืออะไรอย่าเงี้ย
00:05:35 → 00:05:37 นะคะมันเลยทำให้ความดันมันหัวใจเต้นแรง
00:05:37 → 00:05:40 ด้วยความดันมันเลยขึ้นสูงแล้วอ่าพี่
00:05:41 → 00:05:43 พยาบาลเขาก็จะให้เรานั่งพักสักครู่นึง
00:05:43 → 00:05:46 แล้วค่อยไปตรวจใหม่อันนี้คือมันมันมันจะ
00:05:46 → 00:05:50 เป็นค่าอะไรที่เราต้องให้ให้นิ่งก่อนคือ
00:05:50 → 00:05:52 ถ้าเกิดค่าแรกขึ้นมาแบบเนี้ยสูงขึ้นเลย
00:05:52 → 00:05:55 มันไม่ได้หมายความว่าเอ่อเกิดจากปัจจัย
00:05:55 → 00:05:57 ของเลือดความดันเลือดเราสูงเป็นโรคอะไร
00:05:57 → 00:06:00 ขนาดนั้นใช่มั้ยคะเพราะว่าเอ่อเอ่อแรงดัน
00:06:00 → 00:06:02 เนี่ยมันก็จะขึ้นกับปัจจัยเรื่องของความ
00:06:02 → 00:06:06 ตื่นเต้นตกใจเรื่องของความ Active เพราะ
00:06:06 → 00:06:08 ฉะนั้นถ้าสมมุติว่าเราไปวิ่งนะครับหรือ
00:06:08 → 00:06:11 เราวิ่งมาเพื่อที่จะให้ได้คิวหรือทันคิว
00:06:11 → 00:06:13 ในการที่จะเข้ารับการตรวจอันนี้มันอาจจะ
00:06:13 → 00:06:16 ทำให้ความดันแล้วก็ชีพจรเราเนี่ยสูงกว่า
00:06:16 → 00:06:20 ปกติแต่โดยส่วนใหญ่ถ้าเราปกติดีไม่ว่าเรา
00:06:20 → 00:06:22 จะวิ่งหรือเราจะทำอะไรก็แล้วแต่เนี่ยความ
00:06:22 → 00:06:26 ดันที่ขึ้นมันก็มักจะไม่ค่อยเกินค่าปกติ
00:06:26 → 00:06:28 เท่าไหร่เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าสมมุติว่า
00:06:28 → 00:06:31 เอ่อเราวัดครั้งแรกแล้วมันมีตัวใดตัวนึง
00:06:31 → 00:06:33 มันแตะ 140 อะไรอย่างเงี้ยแล้วเราคิดว่า
00:06:33 → 00:06:35 มันเป็นเพราะว่าเรารีบมาอะไรเงี้ยครับถ้า
00:06:36 → 00:06:38 นั่งพักสักแป๊บนึงส่วนใหญ่มันมักจะลงแต่
00:06:38 → 00:06:41 ถ้าสมมุติว่าเป็นกลุ่มคนที่เอ่อมีโรคความ
00:06:41 → 00:06:44 ดันสูงจริงๆเนี่ยถึงแม้ว่าตอนนั้นเนี่ยจะ
00:06:44 → 00:06:46 วิ่งมาแต่ว่าความดันที่วัดครั้งแรกเลย
00:06:46 → 00:06:48 เนี่ยมันไม่ได้เลยมานิดหน่อยแต่ว่ามันเลย
00:06:48 → 00:06:52 ไปมากๆเลยเช่น 180 190 ซึ่งต่อให้คนที่
00:06:52 → 00:06:56 เอ่อเอ่อวิ่งออกกำลังกายหรือว่าออกกำลัง
00:06:56 → 00:06:58 กายหนักๆเนี่ยส่วนใหญ่มันก็จะขึ้นแต่มัน
00:06:58 → 00:07:00 ก็จะไม่ขึ้นไปถึงแบบนั้นนะครับเพราะ
00:07:00 → 00:07:03 ฉะนั้นเอ่อเราก็จะดูหลายๆอย่างรวมกันถ้า
00:07:03 → 00:07:07 สมมุติว่าดูแล้วออกแรงก็ไม่น่าจะเยอะมาก
00:07:07 → 00:07:09 วิ่งก็แบบวิ่งมานิดเดียวอะไรอย่างเงี้ยฮ
00:07:09 → 00:07:12 บางคนบอกเอ่ะนั่งวัดซ้ำแล้วมันก็ไม่ลง
00:07:12 → 00:07:14 อะไรอย่าเงี้ยอันนี้เราก็จะถือว่าน่าจะมี
00:07:14 → 00:07:17 ปัญหาเรื่องของการควบคุมความดันจริงๆ
00:07:17 → 00:07:20 เพราะว่าร่างกายมันจะมีกลไกในการปรับให้
00:07:20 → 00:07:23 แรงดันเนี่ยมันค่อนข้างจะคงที่เสมอถ้าคน
00:07:23 → 00:07:25 นั้นปกติดีครับโอ้โหอันนี้เป็นตัววัด
00:07:25 → 00:07:28 อันดับต้นๆเลยถ้าเกิดมันเกินมาเยอะนี่เอา
00:07:28 → 00:07:31 ล่ะเริ่มต้องเอะใจละเริ่มต้องแบบว่าตรวจ
00:07:31 → 00:07:34 สุขภาพและทีนี้มันมีสาเหตุหรือปัจจัย
00:07:34 → 00:07:36 เสี่ยงอะไรมั้ยคะคุณหมอในการที่แบบเราจะ
00:07:36 → 00:07:39 ก้าวมาสู่กับความดันโลหิตสูงเป็นโรคขึ้น
00:07:39 → 00:07:41 มาเลยแล้วมันเป็นภัยเงียบที่มันเกิดอะไร
00:07:41 → 00:07:43 ขึ้นกับเราก็ได้โดยเฉพาะแบบเ่อเรื่องของ
00:07:43 → 00:07:45 ชีวิตของเราอะไรอย่างเงี้ยค่ะเอ่ออย่าง
00:07:45 → 00:07:49 แรกเลยที่ทุกคนมีโอกาสแน่ๆนะครับก็คือ
00:07:49 → 00:07:52 ความเสื่อมของตัวเอ่อหลอดเลือดเองซึ่งแน่
00:07:52 → 00:07:55 นอนว่าพออายุมากขึ้นเนี่ยความเสื่อมมันก็
00:07:55 → 00:07:57 จะมาตามเพราะฉะนั้นต่อให้เราไม่มีโรคอะไร
00:07:57 → 00:08:00 เลยพออายุเริ่มมากขึ้นจริงๆเราก็ควรจะ
00:08:00 → 00:08:03 ต้องตรวจสุขภาพประจำปีหรืออย่างน้อยๆก็
00:08:03 → 00:08:05 ควรจะได้วัดความดันเนี่ยอยู่เรื่อยๆเพราะ
00:08:05 → 00:08:08 ว่าถ้าสมมุติว่าเราเจอแล้วเราควบคุมเร็ว
00:08:08 → 00:08:10 ปัญหาหรือความเสียหายที่เกิดขึ้นจากความ
00:08:10 → 00:08:13 ดันเนี่ยมันก็จะน้อยลงอันที่ 2 ก็คือภาวะ
00:08:13 → 00:08:16 อ้วนหรือน้ำหนักเกินนะครับหลายคนก็จะรู้
00:08:16 → 00:08:19 สึกว่าเอ๊ะอ้วนเนี่ยมันอ้วนที่ฉันหรือว่า
00:08:19 → 00:08:20 มันอ้วนที่คุณอะไรอย่างเงี้ยแต่ว่าจริงๆ
00:08:20 → 00:08:24 อันเนี้ยมันอาจจะมันอาจจะไม่ใช่แน่นอนเรา
00:08:24 → 00:08:27 ภูมิใจในรูปร่างของเราได้เราอาจจะดูอวบ
00:08:27 → 00:08:30 อัดหน่อยแต่ว่าถ้าเราอวดอวบอัดแบบสุขภาพ
00:08:31 → 00:08:33 ดีมันก็จะไม่มีปัญหาอะไรแต่ถ้าสมมุติว่า
00:08:33 → 00:08:36 ความอ้วนนั้นหรือความอวบอัดนั้นทำให้มี
00:08:36 → 00:08:38 ปัญหาเรื่องของความดันสูงด้วยอันนี้ก็จะ
00:08:38 → 00:08:41 ได้รับคำแนะนำว่าควรต้องลดน้ำหนักหน่อย
00:08:41 → 00:08:44 ซึ่งเวลาที่หมอเราบอกกับคนไข้ที่เ่อให้ลด
00:08:44 → 00:08:46 น้ำหนักเมื่อก่อนเราอาจจะไม่ต้องคิดอะไร
00:08:46 → 00:08:49 มากใช่มั้ยครับเป็นเรื่องปกติมากๆแต่
00:08:49 → 00:08:52 ปัจจุบันเราก็ต้องบอกว่าอืโอเคเรารู้ว่า
00:08:52 → 00:08:55 คุณอาจจะชอบที่มีรูปร่างอย่างนี้แต่ว่า
00:08:55 → 00:08:57 เนื่องจากว่าตอนนี้มันมีปัญหาเรื่องของ
00:08:57 → 00:09:00 ความดันสูงด้วยเพราะฉะนั้นการลดน้ำ 1 กก
00:09:00 → 00:09:02 เนี่ยมันสามารถที่จะทำให้ความดันเนี่ยมัน
00:09:02 → 00:09:06 ลดลงได้ 5-10 มลมตลอดเลยเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:09:06 → 00:09:08 เอ่อถ้าบางคนเริ่มเป็นแล้วะแต่ว่ายังไม่
00:09:08 → 00:09:11 สูงมากเนี่ยเราก็จะมาแนะนำให้ปฏิบัติตัว
00:09:11 → 00:09:13 ก่อนอย่างแรกเลยก็คือต้องลดน้ำหนักนะครับ
00:09:13 → 00:09:17 อันถัดไปก็คือมักจะมากับเบาหวานไขมันใน
00:09:17 → 00:09:19 เลือดสูงเพราะว่าเบาหวานกับตัวไขมันเนี่ย
00:09:19 → 00:09:22 อ่ารวมถึงบุหรี่ด้วยมันจะมีผลต่อผนังหลอด
00:09:22 → 00:09:25 เลือดซึ่งแน่นอนว่าถ้าสมมุติว่าพันเอ่อ
00:09:25 → 00:09:28 เบาหวานที่น้ำตาลคลุมไม่ดีมากๆไขมันใน
00:09:28 → 00:09:31 เลือดสูงมากๆคนที่สูบบุหรี่มากๆผนังหลอด
00:09:31 → 00:09:32 เลือดก็จะไม่ยืดหยุดแล้วก็ไม่แข็งแรง
00:09:32 → 00:09:35 เหมือนคนทั่วๆไปเพราะฉะนั้นถ้าสมมุติว่า
00:09:35 → 00:09:38 มีพวกเนี้ยมันก็จะทำให้ผนังหลอดเลือด
00:09:38 → 00:09:41 เนี่ยนอกจากไม่แข็งแรงแล้วบางคนมีเ่อผม
00:09:41 → 00:09:43 ใช้คำเหมือนกับที่จินตนาการตอนแรกเรื่อง
00:09:43 → 00:09:46 ของหลอดเลือดว่าเอ่อใช้นานๆนเ่าเหมือนสาย
00:09:46 → 00:09:49 ยางนะครับใช้นานๆมันจะมีตะกันไปเกาะที่
00:09:49 → 00:09:51 ผนังอันเนี้ยก็เหมือนกันในกลุ่มที่เป็น
00:09:51 → 00:09:53 เ่อหลอดเลือดถ้าสมมุติว่ามีเบาหวานมีความ
00:09:53 → 00:09:56 ดันมีไขมันมีการสูบบุหรี่มันก็จะทำให้
00:09:56 → 00:09:59 ผนังหลอดเลือดหนาตัวขึ้นเรื่อยๆอืหาตัว
00:09:59 → 00:10:02 ขึ้นหมายความว่าทางเดินมันก็แคบลงมันก็จะ
00:10:02 → 00:10:04 เหมือนเวลาที่สปลายสายยางถ้าสมมติว่าเรา
00:10:04 → 00:10:07 ปล่อยให้น้ำไหลเปล่าๆเนี่ยมันก็จะไหลเบาๆ
00:10:07 → 00:10:09 แต่ถ้าสมมุติว่าเราไปบีบตรงปลายสายยางให้
00:10:09 → 00:10:12 มันแคบลงเนี่ยแรงดันมันก็จะเพิ่มสูงขึ้น
00:10:12 → 00:10:13 หลอดเลือดก็จะเป็นอนั้นเหมือนกันเพราะ
00:10:14 → 00:10:16 ฉะนั้นกลุ่มเนี้ยความดันก็จะเพิ่มสูงขึ้น
00:10:16 → 00:10:19 ที่เหลือก็อาจจะโอเคไม่ได้เจอบ่อยมากมาก
00:10:20 → 00:10:22 นักนะฮก็อาจจะมากับโรคอื่นๆเช่นโรค
00:10:22 → 00:10:25 ไทรรอยด์เป็นพิษไทรรอยด์สูงหรือกลุ่มโรค
00:10:25 → 00:10:28 ที่เป็นเนื้องอกที่บริเวณต่อมหมวกไตหรือ
00:10:28 → 00:10:30 หลอดเลือดที่ไตผิดปกติซึ่งอันนี้อาจจะไม่
00:10:30 → 00:10:32 ได้เจอบ่อยแต่โดยส่วนใหญ่ก็คือเรื่องของ
00:10:32 → 00:10:35 น้ำหนักเบาหวานขายันในเลือดสูงเรื่องของ
00:10:35 → 00:10:38 บุหรี่ครับอค่ะมันก็มาเป็นแพ็คเกจเหมือน
00:10:38 → 00:10:41 เดิมนะคะมาแบบบางอย่างเราแค่เป็นอย่าง
00:10:41 → 00:10:43 เดียวแต่ว่าอย่างอื่นมันตามมาได้ด้วย
00:10:43 → 00:10:44 เหมือนกันอันนี้ก็อันค่อนข้างที่จะต้อง
00:10:45 → 00:10:46 ห่วงเหมือนกันนะคะอันตรายเหมือนกันแล้ว
00:10:46 → 00:10:49 อย่างถ้าเกิดว่าคนที่ไม่ได้สูบบุหรี่ล่ะ
00:10:49 → 00:10:51 คะคุณหมอแต่ว่าได้รับควันบุหรี่มือ 2 มือ
00:10:51 → 00:10:53 3 เนี่ยมันมีความเสี่ยงกับเอ่อความดัน
00:10:53 → 00:10:56 โลหิตสูงแบบนี้ด้วยเหมือนกันมั้ยคะไม่แตก
00:10:56 → 00:11:00 ต่างกันเพียงแต่ว่าเอ่อปริมาณของเอ่อ
00:11:00 → 00:11:03 บุหรี่ที่ได้รับเนี่ยมือสองอาจจะได้รับ
00:11:03 → 00:11:05 น้อยกว่าแต่ว่าคำว่าน้อยกว่าหรือมากกว่า
00:11:05 → 00:11:08 มันไม่ใช่แค่ปริมาณอย่างเดียวเพราะบางคน
00:11:08 → 00:11:11 อาจจะไวกับสิ่งที่อยู่ในบุหรี่เนี่ยก็ได้
00:11:11 → 00:11:15 โดยเฉพาะในคนอายุน้อยเช่นเอ่อเด็กๆที่
00:11:15 → 00:11:17 อยู่ในครอบครัวที่มีผู้ใหญ่สูบบุหรี่หรือ
00:11:17 → 00:11:20 คนสูงวัยที่มีปัญหาเรื่องของหลอดเลือด
00:11:20 → 00:11:22 อยู่แล้วก็ได้รับบุหรี่มือสองเพราะฉะนั้น
00:11:22 → 00:11:25 เนี่ยเอ่อก็อาจจะต้องฝากไปถึงคุณผู้ฟัง
00:11:25 → 00:11:29 ที่เอ่อตัวเองสูบหรือว่าในบ้านมีคนสูบ
00:11:29 → 00:11:31 อะไรอย่างเงี้ถ้าสมมติว่าเราอยากจะสเอ่อ
00:11:31 → 00:11:33 มีสุขภาพดีไม่ใช่เฉพาะเรื่องของตัวโรค
00:11:33 → 00:11:36 หลอดเลือดอย่างเดียวแต่โรคอื่นๆที่มากับ
00:11:36 → 00:11:38 บุหรี่อันเนี้ยอาจจะต้องขอความร่วมมืออ
00:11:38 → 00:11:41 ซึ่งหลายหๆครอบครัวเนี่ยสมมุติว่าโอเคไป
00:11:41 → 00:11:43 สูบนอกบ้านใช่มั้ยครับเสร็จแล้วก็เอ่อ
00:11:43 → 00:11:45 เข้ามาเล่นกับลูกอะไรอย่างเงี้ยแต่ว่า
00:11:45 → 00:11:48 จริงๆอ่ะบุหรี่ที่มันยังอยู่ในลมหายใจ
00:11:48 → 00:11:50 เนี่ยมันก็จะยังมีปริมาณมากเพียงพอที่จะ
00:11:50 → 00:11:53 ทำให้เกิดปัญหาเล็กๆน้อยๆกับสุขภาพของ
00:11:53 → 00:11:55 เด็กลูกหลานตัวเล็กๆอะไรอย่าเงี้ในบ้าน
00:11:55 → 00:11:57 ได้เหมือนกันอค่ะเพราะฉะนั้นก็ต้องต้อง
00:11:57 → 00:11:59 ฝากเอาไว้ด้วยเหมือนกันเพราะว่าคือบางคน
00:11:59 → 00:12:02 อาจจะบอกว่าเอ้ยก็ฉันสูบเธอไม่ได้สูบไม่
00:12:02 → 00:12:03 เป็นไรหรอกหรืออะไรอย่างเงี้ยนะมันได้มัน
00:12:03 → 00:12:07 ก็แค่น้อยกว่าไม่มากนิดหน่อยแค่นั้นเอง
00:12:07 → 00:12:11 ใช่มั้ยคะแล้วในการเป็นความดันโลหิสูงอ่ะ
00:12:11 → 00:12:13 ค่ะนอกจากที่จะมีเรื่องของเบาหวานความดัน
00:12:13 → 00:12:17 อ่ามีผลต่อหัวใจเลยมันยังมีผลกับอวัยวะ
00:12:17 → 00:12:19 หรือว่าในเส้นมันน่าจะเส้นเลือดโดยตรง
00:12:19 → 00:12:22 เนาะคุณหมอเนาะมันมีผลอะไรยังไงอีกมั้ยคะ
00:12:22 → 00:12:25 ก็เป็นเส้นเลือดใหญ่ที่น่ากลัวแล้วก็เจอ
00:12:25 → 00:12:29 เยอะมากที่สุดนะครับเป็นสาเหตุของอัตรา
00:12:29 → 00:12:33 เสียชีวิตในประเทศไทยเ่อ 1 ใน 5 อันดับ
00:12:33 → 00:12:35 เลยก็คือเรื่องของหลอดเลือดหัวใจแล้วก็
00:12:35 → 00:12:38 หลอดเลือดสมองตัวหลอดเลือดหัวใจเนี่ยก็
00:12:38 → 00:12:41 คืออย่างที่บอกถ้าสมมุติว่าแรงดันที่มัน
00:12:41 → 00:12:44 เอ่อสูงขึ้นเรื่อยๆเนี่ยแน่นอนว่าอ่าหลอด
00:12:44 → 00:12:46 เลือดมันก็จะต้องพยายามปกป้องตัวเองไม่
00:12:46 → 00:12:48 ให้เกิดการฉีดขาดเพราะฉะนั้นมันก็จะ
00:12:48 → 00:12:50 พยายามปรับตัวเพื่อให้หนาตัวเนี่ยมากขึ้น
00:12:50 → 00:12:54 นะครับเพื่อที่จะเ่อรองรับแรงดันที่กระทำ
00:12:54 → 00:12:57 กับผนังหลอดเลือดทีนี้ถ้าสมมุติว่ามันหนา
00:12:57 → 00:13:01 ตัวขึ้นมากๆเนี่ยมันก็จะทำให้ช่องภายใน
00:13:01 → 00:13:04 เนี่ยมันแคบลงแคบลงเรื่อยๆเพราะฉะนั้น
00:13:04 → 00:13:07 เมื่อมันแคบลงมากจนมันเกิดการตีบนะครับ
00:13:07 → 00:13:10 หรือเวลาที่มันแคบเรานึกถึงถนนที่กำลัง
00:13:10 → 00:13:13 ก่อสร้างอยู่แล้วรถไปเป็นจำนวนมากมันก็จะ
00:13:13 → 00:13:16 เกิดการรดติดก็เเกิดการชะลอทีนี้ในเลือด
00:13:16 → 00:13:19 มันก็จะมีตัวเม็ดเลือดแดงหรือเกล็ดเลือด
00:13:19 → 00:13:21 เนี่ยมันวิ่งบางทีมันมาชนกันอย่างเงี้ย
00:13:21 → 00:13:24 ครับมันก็จะเกิดการเกาะกลุ่มกันแล้วก็ทำ
00:13:24 → 00:13:27 ให้ทางแคบเนี่ยอุดตันก็เราก็เลยมีทั้งคำ
00:13:27 → 00:13:30 ว่าคำว่าตีบแล้วก็มีทั้งคำว่าตัน
00:13:30 → 00:13:33 ซึซึ่งถ้าเกิดที่หใจก็เกิดเส้นเลือดหใจตี
00:13:33 → 00:13:36 หืออันก็จะเป็นกล้ามเนื้อหัวใจตายบางคนก็
00:13:36 → 00:13:40 คือเสียชีวิตณที่ตรงนั้นเลยที่เกิดเรื่อง
00:13:40 → 00:13:42 หรือบางคนอาจจะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกไป
00:13:42 → 00:13:45 โรงพยาบาลได้ทันได้สวนหัวใจได้ฉีดยาละลาย
00:13:45 → 00:13:47 ลิ่มเลือดอะไรอย่าเงี้อันนี้สำหรับโรคหัว
00:13:47 → 00:13:49 ใจแต่สำหรับหลอดเลือดสมองเนี่ยก็มีเหมือน
00:13:49 → 00:13:52 กันก็คือแรงดันที่สูงขึ้นก็จะทำให้ผนัง
00:13:52 → 00:13:54 ของหลอดเลือดเนี่ยหนาตัวขึ้นเหมือนกันก็
00:13:54 → 00:13:57 เกิดตีบหรืออุดตันได้แต่ที่สมองเนี่ย
00:13:57 → 00:13:59 เนื่องจากว่าเลือดมันต้องไปเลี้ยงอ่ะใน
00:14:00 → 00:14:02 ปริมาณที่สูงมากพอสมควรเพราะว่ามันจะต้อง
00:14:02 → 00:14:04 สั่งการร่างกายทุกส่วนใช่มั้ยครับเพราะ
00:14:04 → 00:14:06 ฉะนั้นนอกจากตีบอุตันแล้วก็จะมีเส้นเลือด
00:14:06 → 00:14:10 สมองแตกเนี่ยได้เหมือนกันซึ่งเราก็เจอ
00:14:10 → 00:14:14 อยู่เรื่อยๆเลยนะครับเ่อมีทั้งคนดังมี
00:14:14 → 00:14:17 ทั้งข้าราชการมีคนในแวดวงสังคมที่เสีย
00:14:17 → 00:14:19 ชีวิตด้วยปัญหาเรื่องของเส้นเลือดในสมอง
00:14:19 → 00:14:22 แตกเนี่ยก็มีเหมือนกันซึ่งอันเนี้ยมันจะ
00:14:22 → 00:14:25 ใช้อธิบายคำว่าไทยเงียบได้ดีมากๆเลยเพราะ
00:14:25 → 00:14:28 บางคนเอ่อโอเคอาจจะไม่ได้ตรวจสุขภาพอยู่ๆ
00:14:28 → 00:14:30 วันนึงก็เกิดเรื่องเลยหรือบางคนตรวจ
00:14:30 → 00:14:32 สุขภาพอยู่เจอความดันแต่ว่าตอนนั้นเนี่ย
00:14:32 → 00:14:35 ยังไม่ได้ไปเข้าสู่กระบวนการรักษาพอมาอีก
00:14:35 → 00:14:37 วันนึงก็เกิดเรื่องเลยอะไรอย่างเงี้ย
00:14:37 → 00:14:39 เพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเราจะบอกว่าอ้อไม่
00:14:39 → 00:14:42 เป็นไรหรอกเดี๋ยวให้มันมีปัญหาก่อนแล้ว
00:14:42 → 00:14:44 ค่อยไปรักษาอย่างเงี้ยต้องบอกว่าความดัน
00:14:45 → 00:14:47 สูงเนี่ยอย่างที่บอกว่าเอ่อกว่าที่หลอด
00:14:47 → 00:14:50 เลือดที่เอ่อเกิดเรื่องเนี่ยมันจะหนาตัว
00:14:50 → 00:14:52 หนาตัวจนตีบเนี่ยมันต้องใช้เวลานานเพราะ
00:14:52 → 00:14:55 ฉะนั้นถ้าสมมติว่าเราเริ่มดูแลหรือรักษา
00:14:55 → 00:14:57 ตั้งแต่ต้นที่เราเริ่มรู้ว่ามันเริ่มสูง
00:14:57 → 00:15:00 หรือดูแลตั้งแต่แต่ตอนที่เป็นหนุ่มเป็น
00:15:00 → 00:15:02 สาวเลยเนี่ยป้องกันก่อนที่มันจะเกิดเนี่ย
00:15:02 → 00:15:05 มันน่าจะดีกว่าที่เราจะไปดูแลตอนที่เอ่อ
00:15:05 → 00:15:07 ความดันมันมันเริ่มสูงแล้วเพราะว่าหลอด
00:15:07 → 00:15:10 เลือดมันคงเสียหายไปสักระยะนึงแล้วนะฮะ
00:15:10 → 00:15:13 อันนี้คืออวัยวะใหญ่ๆแต่จริงๆก็มีอวัยวะ
00:15:13 → 00:15:16 เล็กๆเส้นไตความดันสูงมากๆก็ไตเสื่อมไต
00:15:16 → 00:15:19 วายที่หลอดเลือดที่ตาก็จะมีปัญหาเรื่อง
00:15:19 → 00:15:23 ของการมองเห็นหรือตรงส่วนปลายมือปลายเท้า
00:15:23 → 00:15:25 เนี่ยก็มีเหมมีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของ
00:15:25 → 00:15:27 ตัวหลอดเลือดเนี่ยเหมือนกันเพียงแต่ว่า
00:15:27 → 00:15:29 ปัญหาเล็กๆมันอาจจะสู้หลอดเลือดหัวใจกับ
00:15:29 → 00:15:32 หลอดเลือดสมองหรือโรคไตเนี่ยไม่พครับอโอห
00:15:32 → 00:15:34 คุณหมอแล้วมันไม่มีอะไรบอกหรอคะอย่างถ้า
00:15:34 → 00:15:36 บางคนที่ไม่ได้ตรวจสุขภาพเป็นประจำอย่าง
00:15:36 → 00:15:38 เงี้ยเชื่อว่าน่าจะมีอยู่แหละเยอะด้วยอนะ
00:15:38 → 00:15:40 คะแล้วไม่ได้ตรวจสุขภาพเลยเงี้ยมันไม่มี
00:15:40 → 00:15:43 อะไรบ่งบอกได้เลยอ่ะคะว่าเฮ้ยมีความ
00:15:43 → 00:15:46 เสี่ยงแล้วนะเ่อเช่นอาจจะเส้นเลือดในสมอง
00:15:46 → 00:15:48 แตกได้นะหรืออะไรเงี้ยมันมีอาการอะไรนำ
00:15:48 → 00:15:51 ให้เราได้เอะใจก่อนบ้างมั้ยคะจริงๆแทบไม่
00:15:51 → 00:15:54 มีเลยนะครับเอ่อส่วนใหญ่เวลาที่ผมคุยกับ
00:15:54 → 00:15:57 คนไข้ผมก็ไม่ชอบใช้คำว่าภัยเงียบเพราะว่า
00:15:57 → 00:15:59 ผมรู้สึกว่าภัยเงียบมันก็ยังดูดูไม่ค่อย
00:15:59 → 00:16:01 น่ากลัวเท่าไหร่ผมจะชอบใช้คำว่ามันเหมือน
00:16:01 → 00:16:04 ระเบิดเวลาซึ่งระเบิดเวลาเนี่ยตอนที่มัน
00:16:04 → 00:16:07 ยังไม่ระเบิดทุกอย่างปกติเลยนะครับแต่
00:16:07 → 00:16:09 เมื่อไหร่ก็ตามที่มันระเบิดแล้วเนี่ยเรา
00:16:09 → 00:16:13 ไม่สามารถที่จะย้อนกลับไปแก้ไขหรือทำอะไร
00:16:13 → 00:16:16 ได้เลยเพราะฉะนั้นโดยส่วนใหญ่ถ้าอายุ 35
00:16:16 → 00:16:18 40 ขึ้นไปเนี่ยอันเนี้ยก็จะต้องตรวจ
00:16:18 → 00:16:20 สุขภาพประจำปีแนะนำว่าต้องตรวจซึ่ง
00:16:20 → 00:16:23 ปัจจุบันเนี่ยคนไทยทุกคนสามารถที่จะใช้
00:16:23 → 00:16:25 สิทธิ์ไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ัดเ่าประกัน
00:16:25 → 00:16:27 สุขภาพถ้วนหน้าหรือบัดทองประกันสังคม
00:16:27 → 00:16:30 สิทธิ์ข้าราชการหรือแม้แต่ไปซื้อแพ็คเกจ
00:16:30 → 00:16:33 ของโรงพยาบาลเอกชนเนี่ยควรจะต้องซื้อตรวจ
00:16:33 → 00:16:35 ปีละ 1 ครั้งนะครับหรืออ่าโอเคอย่างน้อยๆ
00:16:35 → 00:16:39 เราแวไปที่สถานพยาบาลของรัฐอ่ะซึ่งส่วน
00:16:39 → 00:16:41 ใหญ่เนี่ยสถานพยาบาลของรัฐไม่ได้เสีย
00:16:41 → 00:16:43 ตังค์เรื่องของวัดความดันอยู่แล้วเราพา
00:16:43 → 00:16:46 คุณพ่อพาคุณแม่ไปหาหมอเราก็อ่ะวัดของเรา
00:16:46 → 00:16:49 ด้วยอย่างเงี้ยก็ได้นะครับเพราะว่าใน
00:16:49 → 00:16:53 ครอบครัวที่เอ่อมีคุณพ่อคุณแม่นะครับหรือ
00:16:53 → 00:16:56 ญาติเป็นความดันสูงรวมกับแพคเกจอื่นๆเบา
00:16:56 → 00:16:59 หวาความดันไขมันเนี่ยในครอบครัวก็มีมี
00:16:59 → 00:17:01 โอกาสเพราะว่าส่วนนึงมันเป็นพันธุกรรก็
00:17:01 → 00:17:03 จริงแต่ว่าอีกส่วนหนึครอบครัวเดียวกันก็
00:17:03 → 00:17:08 มักจะมีวิถีชีวิตอในการอ่ากินอยู่หลับ
00:17:08 → 00:17:11 หรือนอนเนี่ยไม่แตกต่างกันเพราะฉะนั้นถ้า
00:17:11 → 00:17:14 บ้านนี้กินเค็มทั้งบ้านนะครับโดยที่เรา
00:17:14 → 00:17:16 ไม่ได้รู้สึกว่ามันเค็มเลยแต่บ้านเรา
00:17:16 → 00:17:17 เนี่ยเรารู้สึกมันอร่อยเนี่ยก็เสี่ยงกับ
00:17:18 → 00:17:20 เรื่องของความดันถ้าบ้านเราเป็นบ้านที่
00:17:20 → 00:17:23 กินเก่งคุณแม่กินข้าวไม่หมดคุณแม่จะรู้
00:17:23 → 00:17:26 สึกว่าแม่ทำกับข้าวไม่อร่อยเหรออะไรเงี้ย
00:17:26 → 00:17:28 แล้วก็น้ำหนักก็จะเยอะทั้งบ้านเงี้ยเพราะ
00:17:28 → 00:17:30 ฉะนั้นน้องนอกจากพันธุกรรมแล้ววิถีการใช้
00:17:30 → 00:17:32 ชีวิตก็จะเป็นปัจจัยที่ทำให้คนที่อยู่ใน
00:17:32 → 00:17:35 บ้านเดียวกันมีโอกาสที่จะเป็นโรคในกลุ่ม
00:17:35 → 00:17:37 เดียวกันได้เพราะฉะนั้นถ้าพาคุณพ่อคุณแม่
00:17:37 → 00:17:39 ไปหาหมอเราวัดด้วยอะไรอย่างเงี้ยค่ะมัน
00:17:39 → 00:17:41 มันเลยกลายเป็นว่าเป็นทั้งพันธุกรรมแล้ว
00:17:41 → 00:17:45 ก็เป็นพฤติกรรมด้วยใช่มั้ยคะ 2 คำนี้เลย
00:17:45 → 00:17:47 ที่เราใช้ชีวิตกันมาบางทีแล้วก็ไม่ได้ไม่
00:17:47 → 00:17:50 ได้เอะใจแล้วก็ไม่คิดว่ามันจะนำไปสู่เ่อ
00:17:50 → 00:17:53 ของความเสี่ยงเป็นมนุษตยูที่อาจจะเกิด
00:17:53 → 00:17:55 ขึ้นเป็นระเบิดเวลาที่เกิดขึ้นเมื่อไหร่
00:17:55 → 00:17:57 ก็ได้ถ้าอย่างงี้พอสมมุติว่าเอาแหละไป
00:17:57 → 00:18:00 ตรวจวัความดันเออคุณหมอคะมันเกินจริงๆ
00:18:00 → 00:18:02 แหละมันไม่ใช่แค่ว่าเราตื่นเต้นหรือว่า
00:18:02 → 00:18:04 เดินมาหรือว่าอะไรอย่างเงี้ยแต่มันสูง
00:18:04 → 00:18:07 จริงๆตรงเนี้ยเราจะต้องเดินไปหาหมอเลยใช่
00:18:08 → 00:18:11 มั้ยคะขอตรวจแบบใช่ครับเอ่อตรวจแบบจริง
00:18:11 → 00:18:15 จังแล้วก็พอเราจะพอเราเริ่มเจอว่าความดัน
00:18:15 → 00:18:17 สูงเนี่ยเราก็จะต้องดูว่าเอ๊ะแล้วแพ็คเกจ
00:18:17 → 00:18:20 อื่นๆมันมาครบหรือยังซึ่งก็จะต้องมีการ
00:18:20 → 00:18:23 ตรวจเช็คเบาหวานนะครับตรวจเช็คไขมันนะ
00:18:23 → 00:18:26 ครับตรวจเช็คค่าการทำงานของไตนะครับซึ่ง
00:18:26 → 00:18:28 ถ้าสมมุติว่ามีก็จะต้องรักษาควบคู่กันไป
00:18:28 → 00:18:31 ด้วยแต่ถ้าสมมติว่ายังไม่มีเป็นความดัน
00:18:31 → 00:18:33 สูงอย่างเดียวคุณหมอเขาก็จะมาประเมินว่า
00:18:33 → 00:18:35 จริงๆแล้วเนี่ยตอนเจำเป็นต้องกินยาหรือ
00:18:35 → 00:18:39 ยังอหรือดูแล้วโอเคไปลดน้ำหนักก่อนได้ไป
00:18:39 → 00:18:43 ลดความเค็มหรือลดเกลือโซเดียมในของใน
00:18:43 → 00:18:47 อาหารลงก่อนแล้วก็ติดตามดูถ้าสลดลงได้
00:18:47 → 00:18:50 เนี้ยเป็นโรคแต่อาจจะไม่ต้องกินยาก็ได้นะ
00:18:50 → 00:18:52 ครับอืเพราะว่าเคยได้ยินเหมือนกันค่ะคุณ
00:18:52 → 00:18:54 หมอว่าถ้าเป็นความดันแล้วได้กินยาตลอด
00:18:54 → 00:18:58 ชีวิตแน่นอนอะไรแบบนี้เพราะว่าคนส่วนใหญ่
00:18:58 → 00:19:01 จะกลัวครับกลัวกลัวกับการที่จะต้องกินยา
00:19:01 → 00:19:05 แล้วก็จะคิดว่ายาเป็นเคมีแต่ก็จะไปซื้อ
00:19:05 → 00:19:07 ผลิตภัณฑ์ต่างๆซึ่งปัจจุบันเนี่ยเรา
00:19:07 → 00:19:10 สามารถที่จะเข้าถึงสื่อได้ง่ายแล้วก็มีคน
00:19:10 → 00:19:12 ขายของเยอะมากๆเก็จะบอกว่าอันนี้ผลิตจาก
00:19:13 → 00:19:16 ธรรมชาติล้วนๆไม่มีเคมีนะไม่ต้องกลัวนะ
00:19:16 → 00:19:19 แล้วก็จะมีความเชื่อผิดๆว่าถ้ากินยาที่
00:19:19 → 00:19:22 โรงพยาบาลนานๆแล้วก็จะทำให้สุดท้ายไตวาย
00:19:22 → 00:19:24 แต่จริงๆอย่างที่ผมเรียนตอนต้นว่าไตวาย
00:19:25 → 00:19:27 มันเกิดจากความดันอยู่แล้วแต่ถ้าสมมุติ
00:19:27 → 00:19:29 ว่าเราไม่รักษาเนี่ยมันจะยิ่งทำให้โอกาส
00:19:29 → 00:19:32 ไตวายเนี่ยมันสูงขึ้นเพราะฉะนั้นเอ่อนอก
00:19:32 → 00:19:35 จากเอ่อคุยกันเรื่องวิธีการรักษาแผน
00:19:35 → 00:19:38 ปัจจุบันแล้วก็ถ้าพอมีเวลาก็จะต้องคุยกับ
00:19:38 → 00:19:40 คนไข้ให้รู้ด้วยว่าเพราะหลายคนจะรู้สึก
00:19:40 → 00:19:42 ว่าอย่างที่ผมบอกอ่ะกลัวยาโรงพยาบาลแต่
00:19:42 → 00:19:45 ว่าไปซื้อยาสมุนไพรอะไรไม่รู้กินเต็มไป
00:19:45 → 00:19:47 หมดเลยอะไรอย่าเงี้ยซึ่งพวกนั้นอันตราย
00:19:47 → 00:19:49 มากครับอือฮึอันนี้ก็คือแล้วก็ยิ่งถ้า
00:19:49 → 00:19:51 เกิดว่ามีใครมาแนะนำอย่างเงี้ยค่ะสมมุติ
00:19:51 → 00:19:54 ว่าเอ่อเา้าเป็นแล้วเกินยาเอ้ยตัวนี้ดีมา
00:19:54 → 00:19:56 แบ่งปันอย่างงี้ได้มั้ยคะไม่ได้นะครับ
00:19:56 → 00:19:59 เพราะว่าอ่าเราต้องจำสุภาษิตไให้ขึ้นใจ
00:19:59 → 00:20:03 เลยคือลงเนื้อชอบลงยายาที่ดีคนอื่นอาจจะ
00:20:03 → 00:20:05 เป็นพิษกับเราก็ได้นะครับเพราะฉะนั้น
00:20:05 → 00:20:08 เนี่ยถ้าสมมุติว่าคิดว่าใครมีและใครเป็น
00:20:08 → 00:20:11 หรือสงสัยว่าตัวเองจะเป็นเข้าสู่กระบวน
00:20:11 → 00:20:13 การรักษาแล้วคุณหมอเก็จะรู้ว่ามีปัจจัย
00:20:13 → 00:20:15 เสี่ยงอะไรบ้างเพราะว่าถ้ามีปัจจัยเสี่ยง
00:20:15 → 00:20:17 กันันที่ 1 ยาตัวเนี้ยก็อาจจะเหมาะกับเขา
00:20:17 → 00:20:22 มากกว่าหรือบางคนมีปัญหาเอ่อว่าเอ่อดูน้ำ
00:20:22 → 00:20:25 หนักเริ่มเยอะบางทีก็อาจจะยังไม่ต้องกิน
00:20:25 → 00:20:27 ยาก็ได้อาจจะแค่แบบกลับน้ำหนักลงมาอะไร
00:20:27 → 00:20:30 เงี้ยฉะเนี่ยเอไปรักษาดีกว่าถ้าสมมุติว่า
00:20:30 → 00:20:33 บางคนบอกว่าเออกินยาที่โรงพยาบาลแล้วมี
00:20:33 → 00:20:35 ปัญหามีผลข้างเคียงทนไม่ได้อยากบอกว่ายา
00:20:35 → 00:20:38 ความดันเรามีเยอะมากนะครับแล้วก็เอ่อ
00:20:38 → 00:20:40 เกือบจะทั้งหมดเนี่ยสามารถใช้สิทธิ์การ
00:20:40 → 00:20:42 รักษาได้หมดเลยเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าสมมติ
00:20:43 → 00:20:45 ว่าตัวที่ 1 ใช้แล้วก็มีปัญหาซึ่งหมอไม่
00:20:45 → 00:20:49 รู้หรอกว่าแต่ละคนเนี่ยใช้แล้วจะทนกับผล
00:20:49 → 00:20:51 ข้างเคียงอันนี้ได้มยผลข้างเคียงนี้จะ
00:20:51 → 00:20:53 เหมาะกับคนนี้หรือไม่เหมาะกับคนเนี้ยจน
00:20:53 → 00:20:56 กว่าจะใช้ถ้าเกิดปัญหาเราก็แค่เปลี่ยนไป
00:20:56 → 00:20:59 ใช้ตัวอื่นเท่านั้นเองขอแค่ให้ยังอยู่ใน
00:20:59 → 00:21:02 กระบวนการรักษาไม่หายไปไหนครับค่ะแต่ว่า
00:21:02 → 00:21:04 หลายคนก็มักจะชอบหยุดยาเองนะคะพอความดัน
00:21:04 → 00:21:08 เริ่มดีขึ้นก็หยุดเลยดีกว่าก็ไม่เป็นไร
00:21:08 → 00:21:10 แล้วนี่อะไรอย่างเงี้ยค่ะเจอเยอะครับถาม
00:21:10 → 00:21:13 ว่าเอ๊คุณลุงเป็นโรคความดันหรือเปล่าคุณ
00:21:13 → 00:21:15 ลุงบอกว่าอ๋อไม่ได้เป็นครับความดันดีมาก
00:21:15 → 00:21:17 แต่ว่าหมอให้กินยาอยู่คือเมื่อไหร่ก็ตาม
00:21:18 → 00:21:20 ที่ยังกินยาอยู่แล้วความดันดีอันเนี้ยแปล
00:21:20 → 00:21:22 ว่าเป็นโรคนะเป็นโรคความดันอยู่ซึ่งมี
00:21:23 → 00:21:25 ความจำเป็นต้องกินยาแลความดันที่ดีเนี่ย
00:21:25 → 00:21:28 ดีเพราะว่ายาเนี่ยมันช่วยกดให้ความดันลด
00:21:28 → 00:21:30 ลงเมื่อไหร่ก็ตามที่เราลดหรือเราหยุดยา
00:21:30 → 00:21:32 ไอ้ที่กดไว้แล้วมันดีเนี่ยมันก็จะเด้ง
00:21:32 → 00:21:35 ขึ้นไปซึ่งเวลาที่เกิดปัญหามักจะเกิดจาก
00:21:35 → 00:21:37 การเปลี่ยนแปลงความดันเร็วๆก็คือเช่นนี่
00:21:37 → 00:21:40 แหละกินยาอยู่ๆแล้วก็วันนึงหยุดกินหรือ
00:21:40 → 00:21:42 ลืมกินอะไรอย่าเงี้ยครับหรืออยู่ๆก็เลิก
00:21:42 → 00:21:44 กินเฉยๆเอาดื้อๆเพราะว่าไปเจออะไรอย่าง
00:21:45 → 00:21:47 อื่นอย่าเงี้ยความดันที่เคยคุมได้ดีอยู่ๆ
00:21:47 → 00:21:49 มันก็พุ่งปี๊ดขึ้นไปอะไรเงี้ครับก็จะทำ
00:21:49 → 00:21:52 ให้เลือดที่เ่อมีปัญหาจากความดันมาเนี่ย
00:21:52 → 00:21:54 เดิมที่ไม่เกิดเรื่องเพราะว่ามันคุมความ
00:21:55 → 00:21:57 ดันได้ดีแต่ว่าวันนี้ความดันสูงก็เซาะ
00:21:57 → 00:22:00 ผนังหลอดเลก็เกิดกันอาได้เลยค่ะหรือว่า
00:22:00 → 00:22:02 ถ้าเกิดว่าลืมกินยาไปสักมื้อนึงนี้
00:22:02 → 00:22:04 ดับเบิ้ลเลยได้มยคะ 2 เม็ดหรืออะไรมาก
00:22:04 → 00:22:08 กว่าเดิมเลยให้กินทันทีที่นึกได้นะครับ
00:22:08 → 00:22:11 สมมุติว่ายาต้องกินตอนเช้าใช่มั้ยครับไป
00:22:11 → 00:22:13 นึกได้ตอนเที่ยงหรือนึกได้ตอนเย็นเนี้ยก็
00:22:13 → 00:22:15 กินตอนเช้าตอนเย็นที่นึกได้เลยแล้ววัน
00:22:15 → 00:22:18 รุ่งขึ้นก็กินตามปกติการกินเบิ้ลแน่นอน
00:22:18 → 00:22:21 มันคือยาลดความดันเพราะฉะนั้นการกินเบิ้ล
00:22:21 → 00:22:23 มันก็จะทำให้ความดันเนี่ยมันลดลงมากกว่า
00:22:23 → 00:22:26 ที่เราต้องการซึ่งอย่างที่บอกว่าความดัน
00:22:26 → 00:22:28 มันต้องอยู่ในประมาณเท่านี้นะถ้าต่ำไปอื
00:22:28 → 00:22:31 มันก็เลี้ยงสต่างๆไม่เพราะฉะนั้นกนการกิน
00:22:31 → 00:22:34 เบิลก็อาจจะทำให้เสี่ยงกับการเกิดความดัน
00:22:34 → 00:22:37 ต่ำความดันตกนะครับหรือเป็นลมหน้ามืดอะไร
00:22:37 → 00:22:39 อย่าเงี้ยก็ได้ครับโอหเพราะฉะนั้นคือทำ
00:22:39 → 00:22:41 ตามที่คุณหมอบอกเลยค่ะคุณผู้ฟังไม่ต้องไป
00:22:41 → 00:22:44 หยุดยาเองหรือไปกินดับเบิ้ลแบบเออฉันลืม
00:22:44 → 00:22:47 กินอ่ะนึกขึ้นได้แล้วกินเพิ่มคูณเข้าไป 2
00:22:47 → 00:22:49 เท่าแบบนั้นไม่ควรนะคะถ้าอย่างงั้นเนี่ย
00:22:49 → 00:22:51 ค่ะคุณหมอถ้าเกิดสมมุติว่าไม่ได้อยากจะ
00:22:51 → 00:22:53 กินยาไม่ได้อยากจะต้องแบบอะไรอย่างเงี้ย
00:22:53 → 00:22:56 เราต้องมีข้อปฏิบัติก่อนที่จะนำไปสู่การ
00:22:56 → 00:22:58 เป็นโรคความดันโหิตสูงมต้องดูแลตัวเองยัง
00:22:58 → 00:23:01 ไงหรือคนที่เป็นความจันโลหิตสูงแล้วก็
00:23:01 → 00:23:03 ต้องดูแลตัวเองยังไงบ้างคะถ้าเราสามารถดู
00:23:03 → 00:23:06 แลตัวเองได้ตั้งแต่เด็กนะครับไม่ว่าจะ
00:23:06 → 00:23:09 อายุเท่าไหร่ก็ตามเด็กประถมเด็กมัธยมที่
00:23:09 → 00:23:11 พอจะเริ่มรู้จักแล้วก็เข้าใจเรื่องของการ
00:23:11 → 00:23:14 ดูแลสุขภาพหรือผู้ใหญ่ทั่วๆไปที่ยังไม่
00:23:15 → 00:23:17 เคยเกิดเรื่องอะไรเลยเนี่ยนะครับถ้าเรา
00:23:17 → 00:23:20 กินดีกินดีในที่นี้หมายความว่าไม่ใช่กิน
00:23:20 → 00:23:23 มากจนเกินไปก็คือกินในปริมาณที่พอหมาะกิน
00:23:23 → 00:23:26 ไม่ทำให้น้ำหนักมากเกินไปแล้วก็เลือกชนิด
00:23:26 → 00:23:29 อาหารที่กินนะครับอ่าถ้าเป็นไปได้เรายัง
00:23:30 → 00:23:32 ไม่ได้เป็นแหละแต่ว่าถ้าเราป้องกันไว้กก็
00:23:32 → 00:23:35 คือกินที่มีโซเดียมน้อยซึ่งปัจจุบันรัฐนะ
00:23:35 → 00:23:38 ครับโรงพยาบาลเองหรือแม้แต่หน่วยงานที่ดู
00:23:38 → 00:23:41 แลเรื่องของการสร้างสุขภาวะเช่นสสสเนี่ย
00:23:41 → 00:23:46 เขาก็จะมีการรณรงค์ให้เอ่อลดโซเดียมซึ่ง
00:23:46 → 00:23:48 ไม่ใช่แค่ลดความเค็มนะครับเพราะว่าความ
00:23:49 → 00:23:51 เค็มคือความนัวเพราะฉะนั้นบ้านไหนชอบ
00:23:51 → 00:23:54 อาหารรสแบบนัวๆเนี่ยเขาก็จะไม่ได้รู้สึก
00:23:54 → 00:23:56 ว่ามันเค็มแต่ว่าจริงๆปริมาณโซเดียมมันก็
00:23:56 → 00:23:58 สูงถ้าลดโซเดียมได้อเนี้ยมันก็จะช่วยลด
00:23:58 → 00:24:02 โอกาสที่จะเป็นความดันเอ่อถ้าเรากินดีนะ
00:24:02 → 00:24:04 ครับออกกำลังกายดีการออกกำลังกายมันก็จะ
00:24:04 → 00:24:07 เพิ่มเอ่อการไหลเวียนเพิ่มการสูบฉีดเพราะ
00:24:07 → 00:24:10 ฉะนั้นเลือดมันก็ไม่จำเป็นหัวใจไม่มันก็
00:24:10 → 00:24:12 ไม่จำเป็นที่จะต้องบีบตัวแบบแรงมากๆเพื่อ
00:24:12 → 00:24:14 ที่หวังว่าเลือดมันจะไปถึงเพราะว่าหัวใจ
00:24:14 → 00:24:16 มันแข็งแรงหลอดเลือดมันแข็งแรงบีบนิด
00:24:16 → 00:24:19 เดียวมันก็ไปได้เพราะฉะนั้นความดำมันก็จะ
00:24:19 → 00:24:22 ไม่สูงแล้วก็การออกกำลังกายสม่ำเสมอมันก็
00:24:22 → 00:24:24 จะทำให้หลอดเลือดเนี่ยมันยังมีความยืด
00:24:24 → 00:24:27 หยุ่นนะครับแล้วก็อวัยวะทุกส่วนก็จะยังคง
00:24:27 → 00:24:29 แข็งแรงเพราะฉะนั้นมันไม่จำเป็นที่จะต้อง
00:24:29 → 00:24:32 แบบบีบกันแบบเอ่อตะบี้ตะบันเพราะฉะนั้นก็
00:24:32 → 00:24:35 จะทำให้สามารถที่จะทำให้อวัยวะต่างๆเนี่ย
00:24:35 → 00:24:39 ทำงานได้ยืนยาวขึ้นนะครับแล้วก็นอนดีนะ
00:24:39 → 00:24:41 ครับหลายคนรู้สึกว่าโอ้ตอนนี้อายุน้อย
00:24:41 → 00:24:43 เร่งทำงานดีกว่าอย่าเพิ่งนอนเยอะแต่ว่า
00:24:43 → 00:24:46 จริงๆเนี่ยถ้านอนไม่พอมันก็ทำให้เสี่ยง
00:24:46 → 00:24:50 ต่อการเป็นเอ่อความดันสูงได้นะครับจะเห็น
00:24:50 → 00:24:53 ว่าคนที่อดนอนมากๆหรือคนที่เอ่อมีปัญหา
00:24:53 → 00:24:55 เรื่องของนอนกรนหรือมีปัญหาเรื่องของหยุด
00:24:55 → 00:24:57 หายใจในการนอนเนี่ยกลุ่มนี้ก็จะเป็นกลุ่ม
00:24:57 → 00:25:00 ที่ดันก็จะค่อนข้างสูงเพราะฉะนั้นกินดี
00:25:00 → 00:25:03 ออกกำลังกายดีนอนดีอนี้ต้องทำเรื่องของ
00:25:03 → 00:25:06 อารมณ์นะครับคนที่อารมณ์พุ่งปี๊ดพุ่งปี๊ด
00:25:06 → 00:25:08 ขึ้นๆลงๆเนี้ยก็จะมีปัญหาเรื่องของความ
00:25:08 → 00:25:11 ดันเนี่ยได้เหมือนกันเพราะฉะนั้นคนที่มี
00:25:11 → 00:25:14 อารมณ์สงบนิ่งนะครับก็จะทำให้เอ่อมีโอกาส
00:25:14 → 00:25:17 ในการควบคุมความดันได้ดีกว่าแล้วก็เมื่อ
00:25:17 → 00:25:20 ไหร่ก็ตามที่เ่อเราเริ่มอายุมากขึ้น 35
00:25:20 → 00:25:23 ปีขึ้นไปสำหรับคนที่ครอบครัวมีโรคประจำ
00:25:23 → 00:25:25 ตัวกลุ่มนี้เยอะหรือ 40 สำหรับคนที่
00:25:25 → 00:25:28 ครอบครัวไม่มีอันนี้ก็ควรจะตรวจสุสุขภาพ
00:25:28 → 00:25:32 เป็นประจำทุกๆปีนะครับเอ่อเราอาจจะรู้สึก
00:25:32 → 00:25:35 ว่าเอ่อมันมันเสียเวลาแต่ว่าจริงๆแล้ว
00:25:35 → 00:25:38 เนี่ยการไปลงพยาบาลหรือไปสถานพยาบาลใน
00:25:38 → 00:25:41 กลุ่มเพื่อคัดครองเบื้องต้นเนี่ยจริงๆ
00:25:41 → 00:25:44 ต่างจังหวัดไปที่รพสตหรือโรงพยาบาลส่ง
00:25:44 → 00:25:47 เสริมสุขภาพตำบลหรือสถานีอนามัยได้ซึ่ง
00:25:47 → 00:25:49 คิวมันจะไม่เหมือนโรงพยาบาลที่เขาไปเพราะ
00:25:49 → 00:25:51 ว่ามันมีโรคแล้วอะไรอย่าเงี้ยนะครับก็ไป
00:25:51 → 00:25:55 วัดคันนะครับแล้วก็ถ้าเริ่มเจอความดันสูง
00:25:55 → 00:25:57 อ่าเราพักหน่อยหรือเราไปวัดซ้ำเรื่อยๆ
00:25:57 → 00:25:59 เนี่ยได้ซึ่งเจ้าหน้าที่เยินดีแล้วก็เต็ม
00:25:59 → 00:26:01 ใจมากเพราะว่าเขมีหน้าที่ในการที่จะป้อง
00:26:01 → 00:26:04 กันเป็นหลักแล้วก็คัดกรองกลุ่มคนที่เริ่ม
00:26:04 → 00:26:07 จะมีปัญหาเพราะว่าการรักษาและก็ดูแลคน
00:26:07 → 00:26:09 กลุ่มเนี้ยมันง่ายกว่าการที่จะไปรักษาคน
00:26:09 → 00:26:12 ที่เกิดเรื่องหรือเกิดปัญหาแล้วนะครับ
00:26:12 → 00:26:14 แล้วก็อย่าคิดว่าเดี๋ยวเกิดเรื่องแล้ว
00:26:14 → 00:26:16 ค่อยดูแลเพราะว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ระเบิด
00:26:16 → 00:26:18 มันระเบิดแล้วเราไม่สามารถที่จะเก็บกู้
00:26:18 → 00:26:21 หรือประกอบทุกอย่างให้มันกลับไปเป็นก่อน
00:26:21 → 00:26:24 หน้านี้ได้เลยครับค่ะอฟังวันนี้แล้วนะคะ
00:26:24 → 00:26:26 เชื่อว่าคุณผู้ฟังหลายท่านก็จะได้ตระหนัก
00:26:26 → 00:26:29 ถึงสิ่งที่อาจจะเกิดเกิดขึ้นกับเราเมื่อ
00:26:29 → 00:26:31 ไหร่ก็ได้ลูกระเบิดลูกนี้มันเกิดขึ้นได้
00:26:31 → 00:26:33 แล้วมันไม่มีสัญญาณเตือนด้วยนะคะพอเกิด
00:26:33 → 00:26:35 ขึ้นมาแล้วเนี่ยมันไม่คุ้มกับความเสี่ยง
00:26:35 → 00:26:38 ที่มันผลกระทบที่มันได้รับแน่นอนนะคะ
00:26:38 → 00:26:40 เพราะฉะนั้นอย่างดีที่สุดเอออย่างน้อยที่
00:26:40 → 00:26:44 สุดเลยคือการไปตรวจสุขภาพร่างกายนะคะแค่
00:26:44 → 00:26:46 ปีละครั้งเท่านั้นเองเดี๋ยวนี้แพ็คเกจมัน
00:26:46 → 00:26:48 ก็ไม่แพงแล้วนะคะคุณหมอแบบแต่ละที่นะคะก็
00:26:49 → 00:26:52 ลองดูนะคะฟังแบบนี้รถกลิ่นเค็มหนักยิ่ง
00:26:52 → 00:26:54 กว่าเดิมค่ะนะคะความเค็มก็ไม่ได้ช่วยให้
00:26:54 → 00:26:57 เอ่อเรียกว่าสุขภาพของเราจะดีด้วยนะอย่า
00:26:57 → 00:27:00 ลืมพฤติกรรมคง่ายๆในการที่คุณหมอแนะนำไป
00:27:00 → 00:27:04 แล้วนะคะเอ่ออาหารการกินการนอนความเครียด
00:27:04 → 00:27:07 หรือต่างๆเหล่าเนี้ยเป็นสิ่งที่เบสิคมาก
00:27:07 → 00:27:09 แต่ว่ารู้ว่าหลายครั้งอาจจะทำยากแต่ต้อง
00:27:09 → 00:27:11 ลองทำเพื่อสุขภาพที่ดีนะคะวันนี้ขอบคุณ
00:27:11 → 00:27:13 คุณหมอชมพิวัฒน์ค่ะที่มาร่วมพูดคุยในราย
00:27:13 → 00:27:16 การของเราด้วยนะคะขอบคุณค่ะคุณหมอขายินดี
00:27:16 → 00:27:18 ครับขอให้ทุกท่านมีสุภาพแข็งแรงนะครับค่ะ
00:27:18 → 00:27:20 สวัสดีค่ะเอาล่ะค่ะคุณผู้ฟังหมดเวลาแล้ว
00:27:20 → 00:27:22 นะคะกับรายการโรงหมอทาง Thai PBS
00:27:23 → 00:27:26 podcast นะคะวันนี้ลาไปก่อนค่ะสวัสดีค่ะ
00:27:26 → 00:27:28 This Is Thai PBS podcast ปัญหาอก
00:27:29 → 00:27:31 บุ๋มเรื่องหนักใจของผู้หญิงเกิดขึ้นได้
00:27:31 → 00:27:33 อย่างไรรักษาด้วยวิธีการใดผู้ช่วย
00:27:33 → 00:27:36 ศาสตราจารย์นายแพทย์ศีระเลาหทัยแพทย์ผู้
00:27:36 → 00:27:38 เชี่ยวชาญศัลยกรรมปราสาททรงอกโรงพยาบาล
00:27:38 → 00:27:42 วชิรพยาบาลมาบอกให้รู้ครับเราเคยสังเกต
00:27:42 → 00:27:45 ตัวเองมยเวลาเราอาบน้ำเนี่ยเราอยู่บนหน้า
00:27:45 → 00:27:48 กระจกแล้วรู้สึกเอ๊ะทำไมฉันรู้สึกอกฉัน
00:27:48 → 00:27:52 มันมันเบี้ยวอ่าเบี้ยวเบี้ยวเบี้ยวอย่าง
00:27:52 → 00:27:55 เช่นเอ๊ะทำไมข้างนึงมันปูดมอีกข้างนึง
00:27:55 → 00:27:57 หรือบางคนเนี่ยมันมันมันบุ๋มลึกกับคนอื่น
00:27:57 → 00:27:59 มันเหมือนเพื่อนน่ะเพื่อนมันก็จะเป็น
00:27:59 → 00:28:02 เหมือนกับเป็นตรงๆถูกมั้ยครับเหมือนกับ
00:28:02 → 00:28:05 เป็นอ่าสี่เหลี่ยมก็เหมือนกับหน้าอกคนเรา
00:28:05 → 00:28:08 อ่ะอยู่สี่เหลี่ยมทำไมของชันมันเหมือนกับ
00:28:08 → 00:28:12 เป็นเหมือนมีเป็นเป็นสามเหลี่ยมอ่ะมัน
00:28:12 → 00:28:14 บุ๋มเข้าไปข้างในมันบุมมันเห็นชัดเลยว่า
00:28:14 → 00:28:16 มันหใช่มันเห็นชัดเลยมันเห็นชัดเลยอุ้ย
00:28:16 → 00:28:18 เดี๋ยวต้องไปหาเทียบกับคนอื่นดูนะครับ
00:28:18 → 00:28:21 แล้วเเรารู้สึกแบบเอาง่ายๆสุดเลยที่เจอค
00:28:21 → 00:28:25 ไข้บ่อยก็คือไปว่ายน้ำกับเพื่อนค่ะออเรา
00:28:25 → 00:28:28 ใส่ชุดว่ายน้ำไงแล้วก็มองเพื่อนเอ๊ะทำไม
00:28:28 → 00:28:31 อกชั้นไม่เหมือนกับอกอกเพื่อนเราเลยเจะบ
00:28:31 → 00:28:34 ผู้ชายอค่ะอ๋อผู้ชายจะชัดกว่าอ่าชัดกว่า
00:28:34 → 00:28:37 แล้วก็แบบเอ๊ะเรามีปัญหาหรือเปล่าฉะนั้น
00:28:38 → 00:28:40 ต้องเบอกก่อนเลยว่าจริงๆโรคอุมเนี่ยไม่
00:28:40 → 00:28:43 ใช่ไม่ใช่ตัวโลกค่ะมันเป็นแค่ความผิดปกติ
00:28:43 → 00:28:45 ของการเจริญเติบโตของตัวกระดูกซิกโครงตรง
00:28:46 → 00:28:50 เนื้อเยื่ออ่อนนะครับอือซึ่งไม่มีผลต่อ
00:28:50 → 00:28:53 ชีวิตประจำวันถ้าเป็นเนี่ยก็แนะนำเข้ามา
00:28:53 → 00:28:56 ตรวจดูเพื่อดูสาเหตุอื่นร่วมโดยว่าว่ามี
00:28:56 → 00:28:59 โรคอื่นร่วมด้วยหรือเป่าจริงๆคนนส่วนมาก
00:28:59 → 00:29:00 จะคิดอย่างนั้นแต่ว่าเมื่อใก็ตามที่
00:29:00 → 00:29:03 กระดูกเนี่ยมันบุมลงไปปุ๊บเนี่ยมันจะไปกด
00:29:03 → 00:29:07 เบียดหัวใจนิดนึงแลหัวใจก็จะทำการหลบอ่ะ
00:29:07 → 00:29:10 มันมีอะไรทิ่มลงฉันหลบหน่อยอ๋อเบี่ยงเตัว
00:29:10 → 00:29:12 เบี่ยงตัวอ่าเบี่ยงตัวไปด้านซ้ายซักนิด
00:29:12 → 00:29:15 นึงแล้วก็มันก็จะไปเบียดเนื้อที่ปอดแต่
00:29:15 → 00:29:18 ว่าไอ้เบียดเนื้อที่ปอดมันเบียดนิดเดียว
00:29:18 → 00:29:21 ค่ะขอๆพื้นที่นิดนึงเออขอขอชั้นหลบไปนิด
00:29:21 → 00:29:25 นึงน่ะเหมือนๆแหมเสามาขอหลบเสาหน่อยอ่าพอ
00:29:25 → 00:29:27 หลบเสาขึ้นมานิดนึงจริงๆเนื้อที่ปอนเค่อน
00:29:27 → 00:29:28 ข้างใหญ่มาก
00:29:28 → 00:29:31 นะครับฉะนั้นการที่เราโดนศูนย์เสียที่ปอม
00:29:31 → 00:29:34 นิดนึงอ่ะไม่ส่งผลอะไรทั้ง
00:29:34 → 00:29:38 นั้น This Is Thai PBS
00:29:38 → 00:29:41 podcast ติดตามรายการของ Thai PBS
00:29:41 → 00:29:43 podcast ได้ทางเว็บไซต์
00:29:43 → 00:29:57 www.thaipbs.or.th
00:29:58 → 00:30:01 แ