00:00:45 → 00:00:48 สำหรับกรณีของน้องเจนนิสนั้นที่ดื่มน้ำ
00:00:48 → 00:00:50 มากจนเกินไปเนี่ยสิ่งที่ทำให้เกิดอันตราย
00:00:51 → 00:00:54 ก็คือมันจะไปเจือจางเกลือแร่ในร่างกายนะ
00:00:54 → 00:00:56 ครับเกลือแร่ที่ว่าก็คือโซเดียมนั่นเองนะ
00:00:56 → 00:01:01 ครับโดยจะทำให้เกิดภาวะโซเดียมต่ำในร่าง
00:01:01 → 00:01:03 กายนะครับหรือที่เราเรียกกันภาษาทางการ
00:01:03 → 00:01:05 แพทย์ว่า hypo natriveria นั่นเอง hypop
00:01:06 → 00:01:08 แปลว่าต่ำหรือน้อยนะครับ natremier นะ
00:01:08 → 00:01:11 ครับคือ natrum แปลว่าโซเดียมนะครับมัน
00:01:11 → 00:01:13 เป็นภาษาละตินดังนั้นคนที่เรียนสายวิทย์
00:01:13 → 00:01:16 เนี่ยจะรู้ว่าตัวโซเดียมเนี่ยนะครับเราจะ
00:01:16 → 00:01:19 เขียนแทนด้วยสัญลักษณ์ na นะครับคือ
00:01:19 → 00:01:22 nathem นะครับแล้วก็อีเมียร์เนี่ยคือแปล
00:01:22 → 00:01:24 ว่าในกระแสเลือดในเลือดนั่นเองนะครับก็
00:01:24 → 00:01:27 รวมๆแล้วก็แปลว่ามีภาวะโซเดียมต่ำในเลือด
00:01:27 → 00:01:30 นั่นเองนะครับสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาก็คือ
00:01:30 → 00:01:33 เมื่อเราเกิดโซเดียมต่ำในเลือดเนี่ยเลือด
00:01:33 → 00:01:36 มันจะมีความเจือจางมากนะครับพอเลือดเหล่า
00:01:36 → 00:01:38 นี้ที่มีความเจือจางมากมันไปเจอกับเซลล์
00:01:38 → 00:01:41 ต่างๆนะครับเซลล์เหล่านั้นเนี่ยก็จะดูด
00:01:41 → 00:01:43 เอาน้ำในเลือดเข้าไปเพื่อที่จะทำให้เลือด
00:01:43 → 00:01:46 เรามีความเข้มข้นเทียบเท่ากับความเข้มข้น
00:01:46 → 00:01:49 ของเซลล์นะครับให้มันสมดุลกันนั่นเองนะฮะ
00:01:49 → 00:01:52 แต่ว่าการที่เกิดการดูดน้ำเข้าไปในเซลล์
00:01:52 → 00:01:54 เนี่ยมันก็จะทำให้เซลล์เหล่านั้นบวมนะ
00:01:54 → 00:01:57 ครับและเซลล์ที่บวมที่อันตรายมากๆก็คือ
00:01:57 → 00:02:00 เซลล์ของระบบประสาทนั่นเองนะครับไม่ว่าจะ
00:02:00 → 00:02:02 เป็นเซลล์ในสมองหรือเซลล์ต่างๆของระบบ
00:02:02 → 00:02:05 ประสาทก็ตามนะครับแล้วทีนี้พอเซลล์ระบบ
00:02:05 → 00:02:08 ประสาทบวมเกิดอะไรขึ้นนะครับมันขึ้นอยู่
00:02:08 → 00:02:10 กับว่าเวลาที่เราบวมเนี่ยบวมเร็วแค่ไหน
00:02:10 → 00:02:14 บวมมากแค่ไหนนะครับอ่าแล้วก็การบวมเนี่ย
00:02:15 → 00:02:17 ถ้ามันบวมเร็วปุ๊บแน่นอนปัญหามันก็ต้อง
00:02:17 → 00:02:20 เกิดเยอะขึ้นกว่าการบวมช้าๆจริงไหมครับ
00:02:20 → 00:02:24 ปัญหาอะไรบ้างก็มียกตัวอย่างตั้งแต่มี
00:02:24 → 00:02:27 อาการปวดหัวนะครับคลื่นไส้อาเจียนอ่อน
00:02:27 → 00:02:31 เพลียบางคนก็มีอาการชานะครับบางคนมีอาการ
00:02:31 → 00:02:34 ทางระบบจิตประสาทนะครับเช่นอะไรบ้างเช่น
00:02:34 → 00:02:36 พฤติกรรมอาจจะไม่เหมือนเดิมนะครับอาจจะ
00:02:36 → 00:02:39 แตกต่างไปจากเดิมอ่าอันนี้จะแปลกๆเช่นอ่ะ
00:02:39 → 00:02:42 สมมุติว่าเวลาที่เราดื่มน้ำเนี่ยเราก็ควร
00:02:42 → 00:02:45 จะดื่มจากแก้วดื่มจากหลอดหรือจากขวดอะไร
00:02:45 → 00:02:47 อย่างนี้ใช่ไหมครับในคนที่มีอาการทั้ง
00:02:47 → 00:02:49 ระบบประสาทแล้วมันแปลกๆจริงๆเนี่ยครั้ง
00:02:49 → 00:02:52 เนี่ยครับผมเคยเจอว่าเขาเอาช้อนกินข้าว
00:02:52 → 00:02:55 เนี่ยมาตักน้ำกินนะครับซึ่งมันแปลกมันไม่
00:02:55 → 00:02:57 เหมือนปกตินะครับอย่างนี้เป็นต้นนะแต่ว่า
00:02:57 → 00:03:00 ก็ไม่จำเป็นจะต้องเป็นอย่างนี้ทุกคนนะ
00:03:00 → 00:03:02 ครับคนอื่นๆก็อาจจะมีอาการทั้งระบบจิต
00:03:02 → 00:03:05 ประสาทด้วยเหตุผลอื่นๆด้วยก็ได้นะครับอ่า
00:03:05 → 00:03:09 นี่ก็คือปัญหาของการที่เราดื่มน้ำมากจน
00:03:09 → 00:03:12 เกินไปจนกระทั่งทำให้โซเดียมต่ำในร่างกาย
00:03:12 → 00:03:14 แล้วก็เซลล์ประสาทบวมก็จะมีอาการพวกนี้มา
00:03:14 → 00:03:17 และถ้ามันบวมมากกว่านั้นอีกล่ะเกิดอะไร
00:03:17 → 00:03:19 ขึ้นถ้ามันบวมมากๆเนี่ยสิ่งที่เกิดขึ้นก็
00:03:19 → 00:03:23 คือเราจะชักครับนะเราจะชักแล้วการชักแต่
00:03:23 → 00:03:25 ละครั้งเนี่ยมันทำให้เซลล์ประสาทของสมอง
00:03:25 → 00:03:27 เราเนี่ยมันเสียชีวิตไปด้วยนะครับเซลล์
00:03:27 → 00:03:30 ประสาทสมองเราตายไปนะฮะแล้วอย่างที่เรา
00:03:30 → 00:03:33 รู้คือปัจจุบันเนี่ยเรายังไม่มีวิธีที่จะ
00:03:33 → 00:03:35 ทำให้เซลล์สมองเรามันแบ่งตัวได้นะครับดัง
00:03:35 → 00:03:37 นั้นมันเสียแล้วเสียเลยนะครับอันนี้ก็
00:03:37 → 00:03:39 เป็นสิ่งที่เราไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้น
00:03:39 → 00:03:42 ยิ่งเราชักบ่อยเท่าไหร่เนี่ยเซลล์ประสาท
00:03:42 → 00:03:44 สมองของเรามันก็ยิ่งเสียหายไปมากขึ้นเท่า
00:03:44 → 00:03:47 นั้นนะครับนี่ก็คือปัญหาของการที่ดื่มน้ำ
00:03:47 → 00:03:51 มากจนเกินไปนะครับและตรงนี้เราก็คงจะรู้
00:03:51 → 00:03:54 แล้วนะครับว่าเฮ้ยของทุกอย่างบนโลกบน
00:03:54 → 00:03:56 จักรวาลของเราเนี่ยนะครับมันไม่มีอะไรที่
00:03:56 → 00:04:00 ปลอดภัย 100% นะครับอย่างที่เวลาผมตอบคำ
00:04:00 → 00:04:03 ถามในเรื่องของว่าซีนและเรื่องสมุนไพร
00:04:03 → 00:04:06 อาหารเสริมนะครับทุกๆอย่างที่แต่ละคนบอก
00:04:06 → 00:04:09 ว่าเนี่ยใช้กันมาเนิ่นนานตั้งแต่รุ่นปู่
00:04:09 → 00:04:12 รุ่นพ่อแล้วล่ะนะครับไม่เห็นเป็นอะไรเลย
00:04:12 → 00:04:15 ไม่ควรจะมีผลข้างเคียงน้ำนี่ก็เป็นตัว
00:04:15 → 00:04:18 อย่างตัวอย่างหนึ่งที่ใช้กันมาเนิ่นนาน
00:04:18 → 00:04:21 แล้วนะครับตั้งแต่มีสัตว์เกิดขึ้นมาบนโลก
00:04:21 → 00:04:24 นี้ก็ใช้น้ำนะครับแต่มันก็ยังไม่ปลอดภัย
00:04:24 → 00:04:27 เลยเห็นไหมครับมันก็ยังไม่ได้แปลว่าทุกๆ
00:04:27 → 00:04:31 คนจะไม่มีปัญหาจากการดื่มน้ำอ่าดังนั้น
00:04:31 → 00:04:34 ทุกๆอย่างบนโลกนี้นะครับมีทั้งข้อดีข้อ
00:04:34 → 00:04:37 เสียนะไม่มีอะไรที่มีข้อดี 100% เต็มมัน
00:04:37 → 00:04:40 ต้องมีข้อเสียเสมอครับเวลาที่เราจะ
00:04:40 → 00:04:42 พิจารณาเลือกอะไรสักอย่างนี้เราจะต้อง
00:04:42 → 00:04:45 พิจารณาจากข้อดีและข้อเสียถ้าข้อดีมันมาก
00:04:45 → 00:04:48 กว่าแน่นอนว่าเราก็ทำสิ่งนั้นแต่ว่าเราจะ
00:04:48 → 00:04:51 ต้องจำไว้เสมอว่ามันก็มีข้อเสียเช่นกันนะ
00:04:51 → 00:04:54 ครับไม่มีอะไรที่ปลอดภัย 100% เต็มอ่ะที
00:04:54 → 00:04:56 นี้มาถึงในกรณีที่บอกว่าดื่มน้ำเยอะเกิน
00:04:57 → 00:05:00 ไปเออแค่ไหนคือเยอะล่ะจริงไหมครับ
00:05:00 → 00:05:02 เวลาที่เราจะพิจารณาว่าแค่ไหนคือเยอะ
00:05:02 → 00:05:06 เนี่ยนะครับมันไม่มีตัวเลขตายตัวนะครับ
00:05:06 → 00:05:09 เพราะว่ามันมีเหตุผลอย่างอื่นๆที่มีความ
00:05:09 → 00:05:13 เกี่ยวข้องนะครับยกตัวอย่างเช่นเรามีการ
00:05:13 → 00:05:16 เสียเหงื่อเสียน้ำในร่างกายมากกว่าปกติ
00:05:16 → 00:05:18 หรือเปล่านะครับเช่นเรามีท้องเสียนะครับ
00:05:18 → 00:05:20 เราไปวิ่งออกกำลังกายมาเยอะๆเราวิ่ง
00:05:20 → 00:05:23 มาราธอนเราก็เสียเหงื่อเสียน้ำออกจากร่าง
00:05:23 → 00:05:26 กายได้นะครับพวกนี้ก็จำเป็นจะต้องได้รับ
00:05:26 → 00:05:29 น้ำมากกว่าคนทั่วๆไปถึงไหมครับ
00:05:29 → 00:05:32 ประเด็นอื่นๆก็คือประเด็นที่มีปัญหา
00:05:32 → 00:05:34 เกี่ยวข้องกับโซเดียมนะครับเช่นบางคน
00:05:34 → 00:05:38 เนี่ยใช้ยาบางชนิดที่อาจจะทำให้เรามีความ
00:05:38 → 00:05:40 เสี่ยงต่อการเกิดโซเดียมต่ำได้ยกตัวอย่าง
00:05:40 → 00:05:44 เช่นยาทางด้านจิตเวชนะครับยาที่ออกฤทธิ์
00:05:44 → 00:05:47 ต่อระบบประสาทพวกนี้ก็อาจจะทำให้โซเดียม
00:05:47 → 00:05:49 ของเราต่ำง่ายกว่าคนอื่นเขานะครับงั้นพวก
00:05:49 → 00:05:52 นี้ดื่มน้ำเยอะเกินไปก็ยิ่งเกิดปัญหาขึ้น
00:05:52 → 00:05:55 มาได้อ่านะครับหรือบางคนมีโรคประจำตัวบาง
00:05:55 → 00:05:58 อย่างที่ทำให้ฮอร์โมนมันผิดปกติแล้วนำไป
00:05:58 → 00:06:01 สู่ภาวะที่สมเดลมันต่ำง่ายอยู่แล้วนะครับ
00:06:01 → 00:06:04 อ่านี่ก็เกิดขึ้นได้นะฮะหรือ
00:06:04 → 00:06:07 อีกอย่างหนึ่งก็คือเนี่ยพวกยาทุกๆอย่าง
00:06:07 → 00:06:10 ที่เราใช้เนี่ยบางที่มันมีความเกี่ยวข้อง
00:06:10 → 00:06:12 กันดังนั้นทั้งหมดที่พูดมาเนี่ยนะครับมัน
00:06:12 → 00:06:16 มีส่วนที่จะเป็นการบอกว่าเราดื่มน้ำมากจน
00:06:16 → 00:06:19 เกินไปแล้วมากจนเกินไปของแต่ละคนเนี่ยมัน
00:06:19 → 00:06:23 ไม่เท่ากันนะครับดังนั้นมีถามว่ามีตัวเลข
00:06:23 → 00:06:26 กลมๆไหมพอจะบอกได้ไหมนะครับเอาอย่างนี้
00:06:26 → 00:06:29 แล้วกันคนทั่วๆไปที่ผมเคยทำคลิปด้วยว่า
00:06:29 → 00:06:32 ทำไมคนเราต้องดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรนะครับ
00:06:32 → 00:06:35 ก็ตรงนั้นต้องไปดูเรื่องของวิธีในการ
00:06:35 → 00:06:37 คำนวณซึ่งผมได้บอกไปแล้วนะครับว่าเอ้ยมัน
00:06:37 → 00:06:39 ทำไมถึงต้อง 2 ลิตรนะครับดื่มมากกว่านั้น
00:06:39 → 00:06:43 ได้ไหมได้ครับแต่ว่าถ้ามากคนเกินไปยกตัว
00:06:43 → 00:06:45 อย่างเช่นถ้าเราดื่มแบบ 5-6 ลิตรอย่าง
00:06:45 → 00:06:48 เงี้ยนะครับอันนี้นะครับที่จะอันตรายนะฮะ
00:06:48 → 00:06:51 ถ้าเกิดคนไหนดื่มสัก 3-4 ลิตรนี่ยังพอรับ
00:06:51 → 00:06:53 ได้อยู่ไม่มีปัญหาแต่เมื่อไหร่เริ่มเกิน
00:06:53 → 00:06:55 ตรงนั้นไปแล้วเช่นว่าสัก 5 ลิตร 6 ลิตร
00:06:55 → 00:06:58 อย่างเงี้ย 5 ห่วงแล้วนะครับว่าเราอาจจะ
00:06:58 → 00:07:00 เกิดภาวะโซเดียมต่ำได้ถ้าเกิดว่าอยู่ๆเรา
00:07:00 → 00:07:02 ไม่เคยดื่มน้ำเยอะมาก่อนแล้ววันนี้เราไป
00:07:02 → 00:07:05 เครื่องดื่มเยอะๆเลยนะครับนั่นก็อาจจะทำ
00:07:05 → 00:07:07 ให้เกิดภาวะโซเดียมต่ำขึ้นมาในร่างกาย
00:07:07 → 00:07:11 แล้วก็เกิดภาวะเหมือนกับกรณีของน้อง
00:07:11 → 00:07:14 เจนนิสได้นะครับนอกเหนือจากนี้มันยังขึ้น
00:07:14 → 00:07:17 กับความเร็วของการดื่มนะครับยิ่งเราดื่ม
00:07:17 → 00:07:19 เร็วเท่าไหร่นะครับที่ตัวเลือดของเรา
00:07:19 → 00:07:22 เนี่ยมันก็จะเจือจางเร็วเท่านั้นก็จะทำ
00:07:22 → 00:07:24 ให้สมองของเราแล้วก็เซลล์ประสาทของเรามัน
00:07:24 → 00:07:28 บวมเร็วเท่านั้นด้วยเช่นกันถามว่าดื่มแค่
00:07:28 → 00:07:31 ไหนคือเร็วอันนี้ก็เหมือนเดิมครับมันขึ้น
00:07:31 → 00:07:34 อยู่กับแต่ละคนนะฮะเช่นว่าเราใช้น้ำออกไป
00:07:34 → 00:07:37 มากแค่ไหนถ้าเราวิ่งมาราธอนนะครับเรามี
00:07:37 → 00:07:39 ท้องเสียพวกนี้แน่นอนว่าต้องได้น้ำเข้าไป
00:07:39 → 00:07:42 ค่อนข้างที่จะเร็วหน่อยนะครับแต่ว่าถ้า
00:07:42 → 00:07:44 เราเป็นคนปกติแล้วดื่มน้ำเข้าไปเยอะเลยนะ
00:07:44 → 00:07:46 ครับยกตัวอย่างเช่นดื่มไปริดครึ่งในเวลา
00:07:46 → 00:07:49 สักชั่วโมงนึงเนี่ยอันเนี้ยเยอะละนะฮะ
00:07:49 → 00:07:52 เยอะมากละนะครับมันก็อาจจะทำให้เรามี
00:07:52 → 00:07:55 อาการพวกนี้ขึ้นมาได้นะครับโดยทั่วๆไปเรา
00:07:55 → 00:07:57 แนะนำว่าน้ำเนี่ยไม่ควรจะดื่มรวดเดียวไป
00:07:57 → 00:08:00 ทั้งหมดนะครับเช่นผมบอกว่าที่ผมบอกว่าเออ
00:08:00 → 00:08:02 วันนึงเราควรจะดื่มน้ำสัก 2 ลิตร 2 ลิตร
00:08:02 → 00:08:05 นะไม่ใช่แปลว่าท่านดื่ม 2 ลิตรเข้าไปรวด
00:08:05 → 00:08:07 เดียวหมดนะครับอันนั้นไม่ได้นะครับนั่นก็
00:08:07 → 00:08:10 จะทำให้เกิดภาวะพวกนี้ขึ้นมาได้ดังนั้น
00:08:10 → 00:08:14 สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่สมควรทำนะครับเพราะ
00:08:14 → 00:08:16 ฉะนั้นเรารู้ในแง่ของว่าปริมาณน้ำเมื่อ
00:08:16 → 00:08:19 ไหร่ถึงจะมากเกินไปก็สักประมาณ 5-6 ลิตร
00:08:19 → 00:08:22 ที่ถือว่ามากเกินเกินไปละนะครับแล้วก็
00:08:22 → 00:08:24 เรื่องของการดื่มเร็วสักประมาณฤทธิ์ๆ
00:08:24 → 00:08:26 ครึ่งในชั่วโมงนึงเนี่ยอันนี้ถือว่าเร็ว
00:08:26 → 00:08:29 และนะครับเราอาจจะต้องช้ากว่านั้นหน่อยก็
00:08:29 → 00:08:31 จะมีข้อยกเว้นถ้าท่านเป็นคนที่ออกกำลัง
00:08:31 → 00:08:33 กายเยอะๆเสียเหงื่อไปมากหรือว่ามีท้อง
00:08:33 → 00:08:36 เสียอะไรอย่างนี้อาจจะต้องได้เข้าไปนะ
00:08:36 → 00:08:41 ครับอ่าบางคนก็อาจจะสงสัยไปอีกว่าเออที่
00:08:41 → 00:08:44 เขาบอกว่าเราจะดูว่าเราดื่มน้ำมากเพียงพอ
00:08:44 → 00:08:46 เนี่ยก็ดูจากปัสสาวะแล้วสีที่ว่ามันใส่
00:08:46 → 00:08:48 หรือยังนะครับมันเป็นเหลืองอ่อนหรืออย่าง
00:08:48 → 00:08:51 นะครับอันเนี้ยใช้ได้ในกรณีทั่วๆไปนะครับ
00:08:51 → 00:08:53 ถ้าเราดื่มน้ำเสร็จปุ๊บปัสสาวะเราเนี่ย
00:08:53 → 00:08:55 มันเหลืองใสนะครับอันนี้ถือว่าโอเคนะครับ
00:08:55 → 00:08:59 แต่ว่าถ้ามันใสไปเลยเนี่ยอันนี้ไม่โอเค
00:08:59 → 00:09:02 แล้วมันเริ่มจะมากเกินไปแล้วนะครับอย่าง
00:09:02 → 00:09:05 ไรก็ตามการที่เราดูปัสสาวะเนี่ยไม่สามารถ
00:09:05 → 00:09:08 ใช้ได้ในทุกกรณีกรณีไหนบ้างที่ใช้ไม่ได้
00:09:08 → 00:09:12 ตรงนี้สำคัญนะครับตรงนี้สำคัญ
00:09:12 → 00:09:15 กรณีที่ท่านมีโรคประจำตัวต่างๆถ้าท่าน
00:09:15 → 00:09:19 จำเป็นจะต้องทานยาขับปัสสาวะเช่นมีโรคไต
00:09:19 → 00:09:22 นะครับมีโรคหัวใจวายที่ต้องทานยากับ
00:09:22 → 00:09:25 ปัสสาวะหรือมีความดันสูงที่รับประทานยา
00:09:25 → 00:09:27 กลุ่มที่ขับปัสสาวะอยู่เป็นต้นนะครับหรือ
00:09:27 → 00:09:31 คนที่มีโรคตับที่จะต้องรับประทานยากับ
00:09:31 → 00:09:34 ปัสสาวะร่วมด้วยกลุ่มพวกนี้แหละครับดูจาก
00:09:34 → 00:09:37 การที่ปัสสาวะใสไม่ได้เพราะว่าปัสสาวะที่
00:09:37 → 00:09:41 ใสนั้นมันถูกบังคับให้หลั่งปัสสาวะออกมา
00:09:41 → 00:09:45 ด้วยยาที่รับประทานอยู่ไงครับอ่ะดังนั้น
00:09:45 → 00:09:47 ในกลุ่มพวกนี้ที่มีโอกาสจะเกิดน้ำเกินใน
00:09:48 → 00:09:52 ร่างกายได้วิธีในการดูนะครับว่าน้ำที่เรา
00:09:52 → 00:09:55 ดื่มเข้าไปเนี่ยเพียงพอหรือยังนะครับข้อ
00:09:55 → 00:09:58 แรกก็คือการปรึกษาหมอที่รักษาอยู่ว่าเออ
00:09:58 → 00:10:01 ของเราควรจะดื่มได้เท่าไหร่นะส่วนมากพวก
00:10:01 → 00:10:03 นี้ก็อาจจะเหลือแค่ว่าเออเราดื่มได้สัก
00:10:03 → 00:10:04 ประมาณลิตรครึ่งต่อวันเท่านั้นเองนะครับ
00:10:04 → 00:10:08 โดยจะต้องรวมปริมาณน้ำที่มีอยู่ในอาหาร
00:10:08 → 00:10:10 ด้วยนะครับไม่ใช่ว่า 1 ลิตรเครื่องเนี่ย
00:10:10 → 00:10:13 เป็นน้ำดื่มล้วนๆแต่ว่ามันจะรวมไปถึง
00:10:13 → 00:10:16 อาหารเช่นในผักก็มีน้ำอยู่ในน้ำแกงอ่ะมี
00:10:16 → 00:10:19 น้ำถูกไหมครับในเนื้อปลาเนื้ออะไรพวกนี้
00:10:19 → 00:10:21 ในนั้นก็มีหนามอยู่แล้วดังนั้นตรงนั้นจะ
00:10:21 → 00:10:24 ต้องรวมไปด้วยนะครับก็จะมีคำถามต่อเหมือน
00:10:24 → 00:10:27 กันครับว่าเออแล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าเรา
00:10:27 → 00:10:30 ดื่มน้ำเยอะเกินไปแล้วในกรณีของโรคพวกนี้
00:10:30 → 00:10:33 นะครับวิธีก็คือการชั่งน้ำหนักทุกวันนะ
00:10:33 → 00:10:37 ครับชั่งน้ำหนักทุกวันถ้าเราเริ่มเจอว่า
00:10:37 → 00:10:39 น้ำหนักตัวเราเพิ่มขึ้นวันละ 1 กิโลกรัม
00:10:39 → 00:10:42 ขึ้นไปแล้วล่ะก็อันนั้นน่ะแปลว่าเราได้
00:10:42 → 00:10:45 น้ำเกินมาในร่างกายแล้วครับ
00:10:45 → 00:10:48 เช่นวันนี้หนัก 55 พรุ่งนี้ 56 วันต่อไป
00:10:48 → 00:10:51 57 ต่อไป 58 อันนี้ต้องระวังมากๆแล้ว
00:10:51 → 00:10:53 เพราะว่าถ้าปล่อยไว้สักพักนึงเนี่ยนะครับ
00:10:53 → 00:10:56 น้ำจะท่วมในร่างกายและท่านก็จะเป็นน้ำ
00:10:56 → 00:10:59 ท่วมปอดหัวใจวายไตวายหนักขึ้นแล้วก็จะ
00:10:59 → 00:11:02 ต้องไปรับสารและรักษาโดยเร่งด่วนนะครับ
00:11:02 → 00:11:06 ฉะนั้นนี่คือในกรณีที่คนไม่สามารถที่จะดู
00:11:06 → 00:11:09 จากปริมาณปัสสาวะที่ออกมาแล้วก็ 4 ของ
00:11:09 → 00:11:11 ปัสสาวะที่ออกมาได้นะครับในกรณีโรคพวกนี้
00:11:11 → 00:11:13 อย่าใช้นะครับมันไม่ได้ผลแล้วมันอาจจะ
00:11:13 → 00:11:17 อันตรายด้วยซ้ำไปนะครับอ่ะคนที่มีโรคตับ
00:11:17 → 00:11:20 จนกระทั่งมีตาเหลืองตัวเหลืองเป็นดีซ่าน
00:11:20 → 00:11:22 แล้วอันนั้นก็จะดูที่ปัสสาวะไม่ได้อีก
00:11:22 → 00:11:24 เหมือนกันนะครับเพราะว่าแน่นอนว่าถ้าเรา
00:11:24 → 00:11:27 มีดีซ่าเนี่ยดีซ่ามันถูกขับออกมาทาง
00:11:27 → 00:11:30 ปัสสาวะมันก็จะทำให้ปัสสาวะของเราเข้ม
00:11:30 → 00:11:33 ขึ้นนะครับเราจะไปดื่มน้ำจนกระทั่งให้มัน
00:11:33 → 00:11:35 จางเลยก็ไม่ได้นะครับเพราะว่านั่นก็จะทำ
00:11:35 → 00:11:38 ให้ร่างกายของเรามีน้ำมากจนเกินไปแล้วก็
00:11:38 → 00:11:42 เกิดปัญหานั่นแหละครับอ่าถูกไหมครับ
00:11:42 → 00:11:45 ทีนี้มีคนบอกว่าเวลาไปหาหมอเนี่ยหมอก็ให้
00:11:45 → 00:11:46 น้ำเกลือ
00:11:46 → 00:11:49 ให้น้ำเกลือเข้าไปก็เนี่ยเห็นบางคนให้ไป
00:11:49 → 00:11:51 ทั้งขวดเลยขวดนึงนี้ก็ลิตรนึงถูกมั้ยครับ
00:11:51 → 00:11:54 รีบ 1 นี่ให้แบบอุ๊ยแป๊บเดียวชั่วโมงหมด
00:11:54 → 00:11:56 เลยเมื่อกี้หมอบอกว่าเฮ้ยอย่าให้น้ำเข้า
00:11:56 → 00:11:59 ไปเร็วๆนะใน 1 ชั่วโมงนะครับ 1 ชั่วโมง 1
00:11:59 → 00:12:01 ลิตรหรือฤทธิ์ช่วงที่มันเยอะเกินไปละนี่
00:12:01 → 00:12:04 เขาให้ไปบางทีเฮ้ย 10-20 นาทีหมดทั้งขวด
00:12:04 → 00:12:07 เลยเฮ้ยอย่างนี้อันตรายเนี่ยไม่ใช่ครับ
00:12:07 → 00:12:09 เราต้องเข้าใจอย่างงี้ก่อนนะครับว่าสิ่ง
00:12:09 → 00:12:13 ที่ทำให้เซลล์สมองของเราบวมหรือเซลล์
00:12:13 → 00:12:15 ประสาทบวมเนี่ยไม่ใช่น้ำอย่างเดียวนะครับ
00:12:15 → 00:12:20 ปัญหามันอยู่ตรงที่มันอยู่ตรงโซเดียมนะ
00:12:20 → 00:12:23 ครับความเข้มข้นของโซเดียมที่มันเจือจาง
00:12:23 → 00:12:26 มากๆถ้ามันเจือจางมากปุ๊บอ่าอันนี้มี
00:12:26 → 00:12:27 ปัญหา
00:12:27 → 00:12:31 การให้น้ำเกลือน้ำเกลือมันมีน้ำบวกเกลือ
00:12:31 → 00:12:33 ถูกไหมครับเกลือที่ว่าก็คือเกลือ
00:12:33 → 00:12:36 โซเดียมคลอไรด์นั่นเองดังนั้นการที่เรา
00:12:36 → 00:12:39 ให้น้ำเกลือก็คือมีทั้งน้ำและเกลือเข้าไป
00:12:39 → 00:12:42 มันมักจะไม่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงความ
00:12:42 → 00:12:44 เข้มข้นของเกลือในเลือดของเราดังนั้นภาวะ
00:12:44 → 00:12:47 นี้ก็จะไม่เกิดขึ้นยกเว้นแต่ในคนที่มี
00:12:47 → 00:12:50 ปัญหาทางด้านเกลือแร่ต่างๆของร่างกายซึ่ง
00:12:50 → 00:12:52 ตรงนั้นเนี่ยหมอก็จะพิจารณาเองว่าจะต้อง
00:12:52 → 00:12:55 ให้สารน้ำชนิดไหนมีเกลือปริมาณเท่าไหร่
00:12:55 → 00:12:58 ให้เร็วแค่ไหนนะครับและตรงนี้ไม่จำเป็นจะ
00:12:58 → 00:13:01 ต้องกังวลแต่อย่างใดนะครับ
00:13:01 → 00:13:03 แล้วพอเราพูดไปถึงตรงนี้ผมก็อยากจะแนะนำ
00:13:03 → 00:13:07 จริงๆต้องบอกอย่างนี้ครับว่าน้ำเนี่ยนะ
00:13:07 → 00:13:11 ครับมันก็มีพิษมันก็มีพิษเหมือนกันถ้าเรา
00:13:11 → 00:13:12 ใช้ไม่ถูกวิธีอย่างที่เมื่อกี้บอกไปกิน
00:13:12 → 00:13:15 เยอะเกินไปกินเร็วเกินไปนะครับพวกนี้ก็มี
00:13:15 → 00:13:17 เหมือนกันแล้วในทางการแพทย์มันมีคำคำ
00:13:17 → 00:13:21 หนึ่งเรียกว่า water intoxication นะ
00:13:21 → 00:13:23 ครับ warrer ก็คือน้ำ intoxication เป็น
00:13:23 → 00:13:26 แปลว่าผิดแปลว่าเมาเช่นว่าเออถ้าสมมุติ
00:13:27 → 00:13:28 ว่าคนนึงเมาเหล้าแล้วบอกว่า introxcate
00:13:28 → 00:13:30 นะอะไรอย่างเงี้ยเหมาเหล้าเมายาก็เห็น
00:13:30 → 00:13:33 topscape นี่เมาน้ำด้วยนะครับ Water
00:13:33 → 00:13:36 toxication นะครับคืออะไรมันก็คือไอ้
00:13:36 → 00:13:39 ภาวะโซเดียมต่ำนี่แหละครับนะที่เกิดขึ้น
00:13:39 → 00:13:42 ในร่างกายแล้วก็จริงๆเป็นที่พูดถึงกัน
00:13:42 → 00:13:45 ค่อนข้างบ่อยในเอ่อแวดวงของศูนย์สิริกิต
00:13:45 → 00:13:47 แพทย์นะครับเพราะว่าเขาจะมียาเร่งคลอดตัว
00:13:47 → 00:13:49 นึงชื่อว่าออกซิโทซินนะครับตัวนี้เนี่ย
00:13:49 → 00:13:52 ถ้าให้เร็วเกินไปเนี่ยบางครั้งจะทำให้
00:13:52 → 00:13:54 เกิดภาวะนี้ขึ้นมาได้ก็คือภาวะ Water
00:13:54 → 00:13:56 Rent topication ได้นะครับก็เป็นสิ่ง
00:13:56 → 00:13:59 ที่หมอทางด้านศูนย์จิตรีเวทย์เขาจะมีการ
00:13:59 → 00:14:01 ตรวจติดตามเป็นระยะระยะไม่ไม่ให้มันเกิด
00:14:01 → 00:14:04 ภาวะนี้ขึ้นมานะครับนั่นก็คือเป็นสิ่งที่
00:14:04 → 00:14:06 ผมอยากจะบอกว่าเฮ้ยขนาดน้ำมันก็ยังมีพิษ
00:14:06 → 00:14:11 เลยนะฮะทีนี้น้ำเนี่ยมันมีอะไรอย่างอื่น
00:14:11 → 00:14:14 ที่เราต้องรู้อีกในการกินในการดื่มนะครับ
00:14:14 → 00:14:15 ประเด็นแรก
00:14:15 → 00:14:18 ถ้าคนที่ต้องการดื่มน้ำเยอะจริงๆเนี่ย
00:14:18 → 00:14:20 เช่นบอกว่าโอเคฉันรู้สึกว่าการดื่มน้ำ
00:14:20 → 00:14:23 เยอะๆเนี่ยมันทำให้ผิวชุ่มชื้นเปล่งปลั่ง
00:14:23 → 00:14:26 นะครับก็อยากจะดื่มน้ำเยอะอยากดื่ม 3
00:14:26 → 00:14:28 ลิตร 4 ลิตรอย่างนี้อันนั้นถ้าท่านดื่ม
00:14:28 → 00:14:30 เป็นประจำเนี่ยไม่ค่อยมีปัญหาอะไรเท่า
00:14:30 → 00:14:32 ไหร่ถ้าท่านเป็นคนที่ร่างกายสมบูรณ์แข็ง
00:14:32 → 00:14:34 แรงไม่ได้มีโรคประจำตัวไม่ได้กินยาอะไร
00:14:34 → 00:14:37 แปลกๆอยู่นะครับแต่ถ้าท่านมีโรคประจำตัว
00:14:37 → 00:14:40 อันนั้นควรจะปรึกษาแพทย์ก่อนนะครับแล้ว
00:14:40 → 00:14:42 น้ำเนี่ยเวลาที่เราดื่มเข้าไปเราจะมีคำๆ
00:14:42 → 00:14:45 หนึ่งเรียกว่า Free Water นะครับ Free
00:14:45 → 00:14:47 Water นั่นก็คือเป็นน้ำที่เป็นน้ำเปล่า
00:14:47 → 00:14:50 เลยนะโดยที่ไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลยนะครับ
00:14:50 → 00:14:53 อ่าไม่มีอะไรอยู่ในนั้นเลยการที่ดื่มน้ำ
00:14:53 → 00:14:55 เปล่าๆเนี่ย Free Water ตรงนี้เข้าไป
00:14:55 → 00:14:57 เรื่อยๆเนี่ยนะครับถ้าเยอะเกินไปนะครับ
00:14:57 → 00:15:00 หรือเร็วเกินไปก็จะเกิดภาวะโซเดียมต่ำ
00:15:00 → 00:15:02 อย่างนี้เกิดขึ้นมาได้นะครับแล้วมันมี
00:15:02 → 00:15:05 วิธีอะไรในการป้องกันไหมมีครับเราจะต้อง
00:15:05 → 00:15:08 ลด fill Order ลงนะครับแต่ไปกินน้ำอย่าง
00:15:08 → 00:15:11 อื่นน้ำอย่างอื่นน้ำอะไรบ้างเช่นน้ำที่
00:15:11 → 00:15:14 มันมีโซเดียมเป็นส่วนประกอบน้ำผลไม้มี
00:15:14 → 00:15:18 โซเดียมไหมมีครับน้ำน้ำเกลือแร่ต่างๆที่
00:15:18 → 00:15:19 มีโซเดียมอยู่ในนั้นก็มีเหมือนกันนะครับ
00:15:19 → 00:15:23 พวกนี้เนี่ยจะเราจะเรียกว่ามันเป็นน้ำที่
00:15:23 → 00:15:25 มีโซเดียมประกอบไม่ใช่ Free Water นะ
00:15:25 → 00:15:27 ครับดังนั้นเนี่ย
00:15:27 → 00:15:29 เออบางคนก็ถามมาว่าอย่างนั้นกินน้ำ
00:15:29 → 00:15:31 วิตามินเยอะๆดีไหมท่านก็ต้องไปดูนะครับ
00:15:31 → 00:15:34 ว่าในน้ำที่มีวิตามินพวกนี้เนี่ยมันมี
00:15:34 → 00:15:36 โซเดียมปริมาณเท่าไหร่ถ้าโซเดียมมันเยอะ
00:15:36 → 00:15:40 มากๆนะครับอันนี้มันดีไหมไม่ได้เป็นไม่
00:15:40 → 00:15:43 ได้ดีเสมอไปนะครับเพราะว่าอะไรส่วนใหญ่
00:15:43 → 00:15:46 แล้วน้ำที่มันมีอยู่เนี่ยไม่ว่าจะเป็นน้ำ
00:15:46 → 00:15:48 อะไรก็แล้วแต่เนี่ยมันมีปริมาณโซเดียมที่
00:15:48 → 00:15:50 แตกต่างกันไปอันแน่นอนน้ำเปล่าเนี่ย
00:15:50 → 00:15:54 โซเดียมเป็น 0 ถูกไหมครับแต่น้ำพวกชนิด
00:15:54 → 00:15:56 ต่างๆเนี่ยท่านต้องไปดูบางอันมีโซเดียม
00:15:56 → 00:15:58 200 มิลลิกรัมบางอันก็มีมากกว่านั้นแล้ว
00:15:58 → 00:16:01 แต่นะครับถ้ายิ่งยิ่งเค็มมากเท่าไหร่
00:16:01 → 00:16:03 เนี่ยปริมาณโซเดียมก็ยิ่งสูงนะครับ
00:16:03 → 00:16:06 และถ้าปริมาณมันต่ำล่ะเกิดอะไรขึ้นถ้าเรา
00:16:06 → 00:16:09 ดื่มเข้าไปเยอะๆในในโซเดียมปรับถ้ามัน
00:16:09 → 00:16:11 เป็นปริมาณโซนที่ๆต่ำกว่าในเลือดของเรา
00:16:11 → 00:16:14 มันก็จะทำให้เลือดของเรามีโซเดียมแบบเจือ
00:16:14 → 00:16:15 จางมากขึ้นก็จะยิ่งต่ำ
00:16:15 → 00:16:18 ยิ่งต่ำก็ยิ่งเกิดปัญหาดังนั้นเนี่ยที่ผม
00:16:18 → 00:16:20 เห็นน้องเจนนิสเขาบอกว่าเออเราจะดื่มน้ำ
00:16:20 → 00:16:23 ก็อาจจะต้องไปดื่มน้ำเช่นชนิดที่มันมี
00:16:23 → 00:16:27 วิตามินปนนะหรือว่าเป็นอ่าเป็นตัววิตามิน
00:16:27 → 00:16:29 เสริมอีกตัวนึงพวกนี้ก็ต้องไปดูเหมือนกัน
00:16:29 → 00:16:31 นะครับว่าปริมาณโซเดียมมันเยอะแค่ไหน
00:16:31 → 00:16:33 เพราะว่าการดื่มน้ำพวกนั้นเยอะจนเกินไป
00:16:33 → 00:16:35 เดี๋ยวมันก็อาจจะเกิดปัญหาแบบนี้ขึ้นมา
00:16:35 → 00:16:38 ได้อีกเหมือนกันเพราะว่าของที่อยู่ในนั้น
00:16:38 → 00:16:40 เนี่ยมันเจือจางก่อนในเลือดเรามันก็จะ
00:16:40 → 00:16:42 ยิ่งทำให้เลือดเราเจือจางลงไปอีกก็ยิ่ง
00:16:42 → 00:16:44 เกิดปัญหาได้แต่แน่นอนว่ามันดื่มได้มาก
00:16:44 → 00:16:46 กว่าน้ำเปล่าๆที่ไม่มีโซเดียมนั่นเองนะ
00:16:46 → 00:16:50 ครับอย่างไรก็ตามถ้าเราฟังไปถึงตรงนี้เรา
00:16:50 → 00:16:52 คงรู้สึกว่าเฮ้ยอย่างงั้นเราไปดื่มน้ำที่
00:16:52 → 00:16:55 มีโซเดียมเยอะดีไหมคำตอบคือไม่ดีครับไม่
00:16:55 → 00:16:59 ดีนะอย่างที่ผมเคยเล่าโซเดียมเนี่ยถ้าเรา
00:16:59 → 00:17:01 ดื่มมากจนเกินไปเราได้เข้าไปในร่างกายเรา
00:17:01 → 00:17:04 มากจนเกินไปสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือมันจะดูด
00:17:04 → 00:17:05 น้ำไว้ในร่างกายเราแล้วก็รั่วออกไปตามที่
00:17:05 → 00:17:09 ต่างๆเช่นทำให้แขนขาบวมคนที่มีโรคนั้น
00:17:09 → 00:17:11 เกิดในร่างกายง่ายๆยกตัวอย่างเช่นคนโรค
00:17:11 → 00:17:14 ความดันสูงนะครับโรคหัวใจวายโรคไตโรคตับ
00:17:14 → 00:17:15 พวกเนี้ยก็จะ
00:17:15 → 00:17:18 น้ำท่วมร่างกายได้เร็วขึ้นนะครับอาการก็
00:17:18 → 00:17:20 กำเริบได้คนที่มีความเดาแรงสูงก็จะคุมไม่
00:17:20 → 00:17:23 ได้ความเดาเลยสูงสูงมันก็จะยิ่งสูงเข้าไป
00:17:23 → 00:17:25 ใหญ่ดังนั้นเนี่ยตรงนี้เราจะต้องระวังให้
00:17:25 → 00:17:28 ดีนะครับปริมาณเกลือโซเดียมที่แนะนำต่อ
00:17:28 → 00:17:31 วันเนี่ยก็อยู่ที่ประมาณซักเอ่อ 2 กรัมนะ
00:17:31 → 00:17:33 ครับโดยทั่วๆไปก็ไม่อยากจะให้เกินนี้แต่
00:17:33 → 00:17:35 ว่าปัญหาคืออาหารทั่วๆไปที่เราไปกินนอก
00:17:35 → 00:17:37 บ้านเราเนี่ยมันก็มีเกลือโซเดียมสูงอยู่
00:17:37 → 00:18:41 แล้วตั้งแต่แรกนะครับอ่านั่นคือปัญหา
00:18:41 → 00:18:43 แต่ว่าก็ต้องระวังให้ดีเพราะว่าการทำ
00:18:43 → 00:18:45 intermittle fasting แบบนั้นนานเลยนะ
00:18:45 → 00:18:47 ครับมันก็ก่อให้เกิดปัญหาต่างๆซึ่งเดี๋ยว
00:18:47 → 00:18:50 ถ้าสนใจมากๆผมก็จะเล่าให้ฟังเลยว่า
00:18:50 → 00:18:52 intermittent fasting พวกนี้หรือเป็น
00:18:52 → 00:18:56 อาหารที่กินเฉพาะเช่นคีโตหรือกิน Cardio
00:18:56 → 00:18:58 Diet กินน่ะเนื้อเนี่ยมันมีข้อเสียอะไร
00:18:58 → 00:19:00 บ้างเพราะว่าหลายๆคนเห็นแต่ข้อดีว่าตอน
00:19:00 → 00:19:03 ช่วงทำใหม่ๆน้ำหนักมันลดเบาหวานมันคุมได้
00:19:03 → 00:19:07 ไขมันมันต่ำลงทุกๆอย่างดีหมดแต่ว่าระยะ
00:19:07 → 00:19:09 ยาวแล้วมีปัญหาเยอะมากนะครับเพราะว่ามัน
00:19:09 → 00:19:11 ไม่ใช่ของที่ร่างกายเราต้องการมันไม่
00:19:11 → 00:19:14 สมดุลนั่นเองนะครับอ่ะอันนี้เราออกนอก
00:19:14 → 00:19:16 เรื่องของน้ำไปนิดนึงนะครับเราก็กลับมา
00:19:16 → 00:19:20 เรื่องของน้ำใหม่นะฮะแล้วน้ำเราควรจะกิน
00:19:20 → 00:19:22 ยังไงประมาณ 2 ลิตรอย่างที่บอกไปนะครับ
00:19:22 → 00:19:26 อย่ากินรวดเร็วนะครับคือลิดๆครึ่งต่อ
00:19:26 → 00:19:28 ชั่วโมงเนี่ยอย่าไปกินขนาดนั้นมันจะยิ่ง
00:19:28 → 00:19:31 มีปัญหานะครับถ้าเรากินมากเกินไปกินเกิน 6
00:19:31 → 00:19:33 ลิตรต่อวันอันนี้อาจจะมีปัญหาได้นะครับ
00:19:33 → 00:19:37 ถ้าคนที่มีการเสียเงินเยอะนะครับการท้อง
00:19:37 → 00:19:39 เสียมากๆพวกนี้เราดื่มน้ำเข้าไปได้แต่ว่า
00:19:39 → 00:19:41 เราต้องดื่มเกลือแร่เข้าไปด้วยในกรณีแบบ
00:19:41 → 00:19:43 นั้นเพราะไม่ฉะนั้นเนี่ยน้ำที่เราได้เข้า
00:19:43 → 00:19:45 ไปมันยิ่งไปเจือจางเลือดเราเข้าไปใหญ่นะ
00:19:45 → 00:19:48 ครับก็ยิ่งมีปัญหานะครับด้วยซ้ำไปคนที่มี
00:19:48 → 00:19:51 โรคประจำตัวอ่าเราอาจจะต้องปรึกษาแพทย์
00:19:51 → 00:19:54 ก่อนนะครับการที่ดูปัสสาวะว่าใสหรือไม่ใส
00:19:54 → 00:19:56 เป็นตัวแทนของการที่ดื่มน้ำเพียงพอหรือ
00:19:56 → 00:19:59 เปล่าตรงนี้ใช้ได้ในกรณีคนทั่วไปนะครับ
00:19:59 → 00:20:01 ที่ไม่มีโรคประจำตัวอะไรแต่อย่างใดนะครับ
00:20:01 → 00:20:03 ถ้ามีโรคประจำตัวอาจจะใช้ไม่ได้แล้วนะ
00:20:03 → 00:20:06 ครับคนที่ดื่มที่ใช้ยาขับปัสสาวะไอ้พวก
00:20:06 → 00:20:08 นี้ใช้ไม่ได้หมดนะครับเพราะว่ามันมันอาจ
00:20:08 → 00:20:12 จะผิดพลาดได้นะครับตรงนี้สิ่งสำคัญการ
00:20:12 → 00:20:16 ดื่มน้ำนะฮะถ้าเราบางคนบอกว่าดื่มน้ำเยอะ
00:20:16 → 00:20:19 แล้วจะดีก็ต้องระวังอีกอย่างนึงก็คือการ
00:20:19 → 00:20:22 ที่ท่านบอกว่าเอ้ยไปดื่มน้ำผลไม้เยอะๆอ่า
00:20:22 → 00:20:24 ดื่มน้ำผักเยอะๆดื่มน้ำหวานเยอะๆดื่มน้ำ
00:20:24 → 00:20:26 วิตามินเยอะๆไอ้ของพวกเนี้ยบางครั้งมันมี
00:20:26 → 00:20:30 อะไรอยู่ในนั้นครับน้ำตาลนะฮะถ้าท่านดื่ม
00:20:30 → 00:20:32 ของพวกนั้นเยอะๆก็บอกว่าอุ้ยดื่มน้ำผลไม้
00:20:33 → 00:20:35 มันเป็นน้ำสุขภาพนะมันเป็นผลไม้มีกากใย
00:20:35 → 00:20:38 ที่ดีต่อร่างกายไม่ว่าจะเป็นน้ำผลไม้แบบ
00:20:39 → 00:20:41 โคเพลส hotpress อะไร Place เท่าไหร่แหละ
00:20:41 → 00:20:44 ครับหรือว่าโอ้โหคั้นสดสุดยอดยังไงมันมี
00:20:44 → 00:20:47 น้ำตาลเยอะทั้งนั้นล่ะครับนะดังนั้นควรจะ
00:20:47 → 00:20:49 ดื่มแต่พอประมาณเพราะฉะนั้นท่านก็จะมีโรค
00:20:49 → 00:20:52 เบาหวานโรค ncd ไขมันต่างๆไตรกลีเซอไรด์
00:20:52 → 00:20:55 สูงน้ำหนักก็ไม่ลงอะไรอย่างนี้เป็นต้นก็
00:20:55 → 00:20:57 จะต้องระวังไอน้ำพวกนี้ให้ดีเหมือนกันนะ
00:20:57 → 00:20:59 ครับไม่ใช่น้ำผลไม้ทุกอย่างแล้วมันจะดีนะ
00:20:59 → 00:21:02 ครับดื่มพอประมาณเท่านั้นเองการที่ดื่ม
00:21:02 → 00:21:06 น้ำเยอะๆบางคนก็อาจท้องอืดนะครับอ่าอาหาร
00:21:06 → 00:21:08 มันก็จะไม่ย่อยถ้าเราดื่มเยอะเกินไปแต่
00:21:08 → 00:21:10 โดยทั่วๆไปเราก็แนะนำว่าถ้าคนไหนที่
00:21:10 → 00:21:12 ต้องการลดน้ำหนักลดความอยากอาหารเนี่ยก็
00:21:12 → 00:21:15 ดื่มน้ำก่อนอาหารแล้วกันนะครับดื่มไปสัก
00:21:15 → 00:21:17 แก้วนึงเต็มๆเลยก่อนอาหารอันเนี้ยอาจจะพอ
00:21:17 → 00:21:19 ช่วยทำให้ท่านทานอาหารได้ลดลงอ่ะก็จะเป็น
00:21:19 → 00:21:22 การช่วยคุมน้ำหนักไปด้วยนะครับนะแต่ว่า
00:21:22 → 00:21:25 บางคนบอกว่าถ้าทานน้ำเย็นเข้าไปมันก็อาจ
00:21:25 → 00:21:27 จะทำให้ปวดท้องท้องไม่ย่อยอันนี้ก็มีส่วน
00:21:27 → 00:21:29 จริงเหมือนกันนะครับถ้าท่านทานเป็นน้ำ
00:21:29 → 00:21:32 อุ่นๆเข้าไปได้ก็ดีนะครับส่วนชากาแฟพวก
00:21:32 → 00:21:34 นี้ทานได้ไหมก็ก็ได้นะครับอย่าไปทานเยอะ
00:21:34 → 00:21:37 เกินไปเพราะว่ากาแฟเนี่ยมันมีฤทธิ์ขับ
00:21:37 → 00:21:39 ปัสสาวะก็ยิ่งทำให้เราปัสสาวะเยอะขึ้นบาง
00:21:39 → 00:21:42 คนก็ถ่ายท้องมากขึ้นนะครับบางคนเยอะๆปุ๊บ
00:21:42 → 00:21:44 อ้าวคาเฟอีนเกินในร่างกายนอนไม่หลับอีก
00:21:44 → 00:21:47 ฝันเยอะฝันอะไรเงี้ยเราก็มีปัญหาได้นะ
00:21:47 → 00:21:51 ครับถ้าเป็นน้ำ RO อะไรน้ำแร่น้ำอะไรพวก
00:21:51 → 00:21:53 นี้ก็ดื่มแต่พอประมาณแล้วกันนะครับคือน้ำ
00:21:53 → 00:21:55 ทุกๆอย่างเนี่ยมีประโยชน์หมดนะครับแต่ว่า
00:21:55 → 00:21:58 แน่นอนทุกๆอย่างอยู่บนความสำรวจอย่างมาก
00:21:58 → 00:22:02 ไปอย่าน้อยไปนะครับเพราะฉะนั้นโดยสรุปของ
00:22:02 → 00:22:04 กรณีของน้องเจนนิสเนี่ยที่บอกว่าเออดื่ม
00:22:04 → 00:22:07 น้ำมากจนเกินไปผมคิดว่าเขาไม่น่าจะมีโรค
00:22:07 → 00:22:10 ประจำตัวอะไรเท่าที่เท่าที่อ่านๆดูนะครับ
00:22:10 → 00:22:12 ไม่น่าจะมีโรคอย่างที่ผมว่าไปนะก่อนอาจจะ
00:22:12 → 00:22:14 เกิดจากการที่เวลาพักผ่อนน้อยมากๆนะครับ
00:22:14 → 00:22:16 ระบบประสาทมันก็ร้ายอยู่แล้วถ้าเราดื่ม
00:22:16 → 00:22:19 น้ำจนกระทั่งโซเดียมมันต่ำมากเกินไปเนี่ย
00:22:19 → 00:22:21 มันก็จะเกิดอาการทั้งหมดขึ้นมานะครับวิธี
00:22:21 → 00:22:24 แก้ก็คือว่าเราอย่าไปดื่มน้ำเยอะขนาดนั้น
00:22:24 → 00:22:27 ถ้าเราจะดื่มน้ำก็ก็แนะนำว่าเป็นน้ำที่มี
00:22:27 → 00:22:30 อย่างอื่นปนนะครับมีอย่างอื่นปนบ้างนะ
00:22:30 → 00:22:33 ครับอ่าแต่ก็ไม่ใช่ดื่มได้เยอะซะเต็มที่
00:22:33 → 00:22:36 ซะทีเดียวนะครับแล้วก็อย่าดื่มเร็วจนเกิน
00:22:36 → 00:22:40 ไปนะครับในชั่วโมงนึงก็ถ้าเกินลิตรลิตร
00:22:40 → 00:22:41 ครึ่งเนี่ยแล้วต่อเนื่องกันหลายๆชั่วโมง
00:22:42 → 00:22:43 อันนี้ไม่ได้นะครับเพราะว่ามันจะเยอะเกิน
00:22:43 → 00:22:46 ไปนะครับโดยทั่วๆไปเราก็เคยแนะนำว่าเออ
00:22:46 → 00:22:48 น้ำวันละ 8 แก้วเนี่ยอันนี้ก็พอใช้ได้
00:22:48 → 00:22:50 เหมือนกัน 2 ลิตรก็เฉลี่ยทั้งวันอันนี้ก็
00:22:50 → 00:22:53 พอใช้ได้เหมือนกันนะครับโอเควันนี้ก็มา
00:22:53 → 00:22:55 เล่าให้ฟังเพียงเท่านี้นะครับใครมีอะไร
00:22:55 → 00:22:56 สงสัยก็สอบถามมาได้นะครับขอบคุณมากครับ
00:22:56 → 00:22:59 สวัสดีครับ