ทำไมแตงโมไม่ควรแช่ตู้เย็นเป็นเวลานาน

4 อาหารไม่ควรแช่ตู้เย็น | คลิป MU [by Mahidol]

จากช่อง : Mahidol Channel มหิดล แชนแนล


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:02 แม้ว่าการเก็บอาหารในตู้เย็น จะเป็นการถนอมอาหารได้

00:00:0300:00:05 แต่ไม่ได้หมายความว่า อาหารทุกชนิดจะสามารถแช่ตู้เย็นได้

00:00:0600:00:08 เพราะความเย็นจะทำให้คุณภาพอาหารเสื่อมลง

00:00:0800:00:10 และอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ค่ะ

00:00:1000:00:19 [เสียงดนตรี]

00:00:1900:00:22 อาหารชนิดแรกที่ไม่ควรเข้าตู้เย็นคือ แตงโม

00:00:2200:00:24 เพราะแตงโมเป็นผลไม้ที่มีน้ำเยอะ

00:00:2400:00:28 โมเลกุลของน้ำเมื่อโดนความเย็น ก็จะมีความหนาแน่นมากขึ้น

00:00:2800:00:32 ทำให้เนื้อแตงโมมีอาการฉ่ำน้ำ ชุ่มน้ำ รสชาติแย่ลง

00:00:3200:00:35 ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เป็นอาการสะท้านหนาว (Chilling Injury)

00:00:3600:00:39 ของการที่นำผลไม้ไปแช่ในอุณหภูมิที่ต่ำเกินไป

00:00:3900:00:43 สำหรับแตงโม อาการสะท้านหนาว จะเกิดขึ้นที่อุณหภูมิที่่ต่ำกว่า 7°C

00:00:4300:00:45 นอกจากนี้ยังมีการศึกษาวิจัย

00:00:4500:00:48 การเก็บแตงโมที่อุณหภูมิต่างกัน 3 อุณหภูมิ

00:00:4800:00:53 คือที่ 5°C 13°C และ 21°C เป็นระยะเวลา 14 วัน

00:00:5300:00:54 ซึ่งผลที่ออกมาพบว่า

00:00:5400:00:58 สารพฤกษเคมีกลุ่มแคโรทีนอยด์ ทั้งไลโคบีน และเบตาแคโรทีน

00:00:5800:01:02 ที่อุณหภูมิ 21°C หรือใกล้กับอุณหภูมิห้อง มีปริมาณที่เพิ่มขึ้น

00:01:0200:01:06 โดยไลโคปีน มีปริมาณเพิ่มขึ้น 11-40%

00:01:0600:01:10 ซึ่งไลโคปีนจะมีประโยชน์ในการต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคมะเร็งได้

00:01:1000:01:14 และตัวเบตาแคโรทีน มีปริมาณเพิ่มขึ้น 50-139%

00:01:1400:01:18 ซึ่งเบตาแคโรทีนมีประโยชน์ในการ เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

00:01:1800:01:20 ต้านอนุมูลอิสระและดูแลหลอดเลือดของเรา

00:01:2000:01:21 แต่ในทางตรงกันข้าม

00:01:2100:01:25 ในอุณหภูมิที่ต่ำที่สุดในการเก็บรักษาคือ 5°C

00:01:2500:01:27 จะมีปริมาณสารพฤกษเคมีที่ลดลง

00:01:2700:01:29 ข้อแนะนำในการเก็บแตงโม

00:01:2900:01:31 ก็สามารถเก็บได้ที่อุณหภูมิห้อง

00:01:3100:01:34 แต่ถ้าเกิดเราอยากรับประทาน แตงโมที่มีเนื้อสัมผัสที่เย็น

00:01:3400:01:38 เราก็สามารถนำไปแช่ตู้เย็นได้ ในระยะเวลาสั้น ๆ 2-3 ชั่วโมง

00:01:3800:01:41 ก็จะทำให้รสชาติไม่เปลี่ยนแปลง และเนื้อสัมผัสไม่เปลี่ยนแปลง

00:01:4100:01:45 [เสียงดนตรี]

00:01:4500:01:48 อาหารชนิดต่อไปที่ไม่ควรแช่ตู้เย็นคือ กล้วย

00:01:4800:01:50 ในที่นี้จะพูดถึงกล้วยดิบ

00:01:5000:01:54 กล้วยถือว่าเป็นอาหารที่ไวต่อการ เกิดอาการสะท้านหนาว

00:01:5400:01:56 โดยที่เปลือกกล้วยจะเปลี่ยนเป็นสีดำ

00:01:5600:01:59 เมื่อเราเก็บที่อุณหภูมิต่ำกว่า 8°C

00:01:5900:02:02 นอกจากนี้ อุณหภูมิที่เย็นยังไปยับยั้ง กระบวนการสุกของกล้วย

00:02:0200:02:06 เพราะว่าอุณหภูมิที่เย็น จะไปยับยั้งการผลิตก๊าซเอทิลีน

00:02:0600:02:08 ซึ่งทำให้การสุกของกล้วยไม่สมบูรณ์

00:02:0800:02:12 ซึ่งการรับประทานกล้วยที่ดิบ จะทำให้มีตัวของสารเทนนินในปริมาณที่สูง

00:02:1200:02:14 และมีแป้งที่เอนไซม์ไม่สามารถย่อยได้

00:02:1500:02:17 ส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกได้

00:02:1800:02:20 ข้อแนะนำในการเก็บรักษากล้วย

00:02:2000:02:22 คือเก็บที่อุณหภูมิห้องและพ้นแสงแดด

00:02:2200:02:25 ซึ่งระยะเวลาในการที่เก็บรักษา ตั้งแต่กล้วยดิบจนถึงสุก

00:02:2500:02:27 จะมีระยะเวลาประมาณ 7-10 วัน

00:02:2800:02:31 [เสียงดนตรี]

00:02:3100:02:35 ต่อไปคือ หอมหัวใหญ่และกระเทียม ที่ไม่ควรแชตู้เย็น

00:02:3500:02:38 เพราะความเย็นจะทำให้หอมหัวใหญ่และกระเทียม เน่าเสียได้ง่าย

00:02:3800:02:40 เนื่องจากความชื้นในตู้เย็นทำให้เกิดเชื้อรา

00:02:4000:02:45 ซึ่งเชื้อราที่เกิดขึ้น อาจจะผลิตสารพิษ ที่จะเป็นอันตรายต่อเซลล์ ต่อตับ

00:02:4500:02:46 และอาจจะเป็นสารก่อมะเร็งได้

00:02:4600:02:50 นอกจากนี้ ความเย็นยังทำลาย เนื้อสัมผัสของหอมหัวใหญ่

00:02:5000:02:53 ทำให้เนื้อสัมผัสเหี่ยว นิ่ม ไม่กรอบ ไม่น่ารับประทานค่ะ

00:02:5400:02:56 ข้อแนะนำในการเก็บรักษา

00:02:5600:02:58 กระเทียม ไม่ควรเก็บแบบแยกกลีบ

00:02:5800:03:02 และหอมหัวใหญ่ก็เก็บในรูปแบบเดิม คือเก็บในที่แห้ง ไม่มีความชื้น

00:03:0200:03:03 อากาศถ่ายเทสะดวก

00:03:0300:03:07 โดยระยะเวลาในการเก็บรักษา ก็จะได้นานถึง 1-2 เดือนเลย

00:03:0700:03:11 [เสียงดนตรี]

00:03:1100:03:14 อาหารชนิดสุดท้ายที่ไม่ควรแช่ตู้เย็นคือ อาหารกระป๋อง

00:03:1400:03:15 ซึ่งอาหารกระป๋องในที่นี้หมายถึง

00:03:1500:03:18 อาหารกระป๋องที่เป็นอาหารคาว รวมถึงผลไม้ด้วย

00:03:1800:03:21 สาเหตุที่ไม่ควรนำอาหารกระป๋อง เข้าไปแช่ตู้เย็น

00:03:2100:03:23 เพราะความชื้นและออกซิเจนเมื่อเปิดกระป๋อง

00:03:2300:03:25 จะเป็นปัจจัยทำให้เกิดการกัดกร่อน

00:03:2500:03:28 และการเกิดสนิมของตัวกระป๋อง เข้ามาในตัวอาหารได้

00:03:2800:03:30 เมื่อเรารับประทานโลหะหนัก

00:03:3000:03:33 ที่เกิดจากการปนเปื้อนจากการกัดกร่อน ของกระป๋องลงมาในอาหาร

00:03:3300:03:35 จะทำให้เกิดพิษต่อเซลล์ของเรา พิษต่อตับ

00:03:3500:03:38 และอาจจะเป็นสารก่อมะเร็งตามมาได้ค่ะ

00:03:3800:03:40 ข้อแนะนำในการเก็บรักษาอาหารกระป๋อง

00:03:4000:03:44 เนื่องจากอาหารกระป๋องถูกออกแบบมา เพื่อสามารถเก็บที่อุณหภูมิห้องได้

00:03:4400:03:46 ดังนั้น ถ้าเกิดจะรับประทานอาหารกระป๋อง

00:03:4600:03:49 ควรจะเทใส่ภาชนะต่างหาก แล้วก็แช่ในตู้เย็น

00:03:4900:03:52 [เสียงดนตรี]

00:03:5200:03:55 หรือในกรณีที่เราอยากรับประทาน ผลไม้กระป๋องแบบเย็น ๆ

00:03:5500:03:59 เราสามารถนำผลไม้กระป๋อง แบบไม่เปิดกระป๋องแช่ตู้เย็นได้ทั้งกระป๋อง

00:03:5900:04:00 เป็นระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง

00:04:0000:04:03 ซึ่งตรงนี้เราก็จะไม่ได้รับ ในเรื่องปัจจัยของออกซิเจน

00:04:0300:04:06 ที่เกิดจากการเปิดกระป๋อง ทำให้เกิดการกัดกร่อนภายในกระป๋องได้

00:04:0600:04:12 [เสียงดนตรี]