00:00:00 → 00:00:04 สวัสดีครับ ขอต้อนรับเข้าสู่หมออ๊อกบอกเล่า คลิปนี้เป็นคลิปพิเศษนะครับ ผมจะเล่า
00:00:04 → 00:00:10 เรื่องเทคนิคการทำโยเกิร์ตกินเองให้ได้ โปรตีนสูง ไขมันต่ำ แล้วก็มีโปรไบโอติกส์เยอะๆ
00:00:10 → 00:00:16 พอดีผมกำลังจะทำโยเกิร์ตไปให้คุณแม่ครับ ก็เลยอัดเป็นคลิปแชร์ให้ทุกคนได้รับชมกัน
00:00:16 → 00:00:22 ผมใช้วัตถุดิบยี่ห้ออะไร ต้นทุนเท่าไหร่ มันมีรายละเอียดเยอะครับ ผมเลยขอใส่ไว้ใน
00:00:22 → 00:00:28 คอมเมนต์ตามไปดูกันได้นะครับบางคนอยากกิน โยเกิร์ตเพื่อสุขภาพ แต่ว่าพอไปยืนหน้าเชลล์
00:00:28 → 00:00:33 แล้วก็ไม่รู้จะเลือกยี่ห้อไหนดี หรือว่า อยากจะได้โยเกิร์ตแบบสเปคแบบที่เรา
00:00:33 → 00:00:39 ต้องการแต่ก็หาไม่ได้ คลิปนี้จะสบายๆนะ ครับแต่จะได้ความรู้จัดเต็มตามสไตล์หมออ๊อก
00:00:39 → 00:00:45 ใครสาย healthyสายลดไขมันห้ามพลาดนะครับ สำหรับอันนี้เป็นการเล่าจากความรู้แล้ว
00:00:45 → 00:00:52 ก็ประสบการณ์ของผมเองคนดูคลิปผมเก่งหลาย คนเลยแล้วก็ทำอาหารสุขภาพทานเองเยอะแยะ
00:00:52 → 00:00:57 เพราะฉะนั้นถ้าใครมีอะไรเพิ่มเติมหรือว่า อยากจะแชร์ประสบการณ์การทำโยเกิร์ตของ
00:00:57 → 00:01:02 ตัวเอง คอมเมนต์มาได้เลยนะครับ จะได้เป็น ประโยชน์แล้วก็เป็นวิทยาทานให้กับคนอื่นๆ
00:01:02 → 00:01:09 ที่เข้ามาดูด้วย บางคนอาจจะบอกนะครับว่าทำ กินเองทำไม รู้มั้ยครับว่าโยเกิร์ตที่มีขาย
00:01:09 → 00:01:15 หลายยี่ห้อนะครับ บางตัวน้ำตาลสูง บางตัวนะ ครับกรีกสไตล์โยเกิร์ตบางตัวไขมันสูง คือ
00:01:15 → 00:01:21 เค้าต้องใส่เพื่อให้เนื้อมีการแน่น คล้ายๆเป็นกริกโยเกิร์ต หรือว่าบางตัวอาจ
00:01:21 → 00:01:26 จะไม่มีโปรไบโอติกส์ที่มากพอหรือเปล่า เพราะ ฉะนั้นการทำโยเกิร์ตเองนะครับ เราควบคุม
00:01:26 → 00:01:32 ได้ทั้งชนิดของนมเราสามารถเลือกได้ ไม่ว่า จะใช้นมไขมันต่ำหรือว่าจะใช้ไขมันปกติก็ได้
00:01:32 → 00:01:39 หรือถ้าเราชอบพวกนมถั่วเหลืองหรือว่า นมแพะก็ยังได้ แล้วก็อยากได้โปรตีนเราก็
00:01:39 → 00:01:45 เพิ่มได้อยากได้โปรไบโอติกแบบไหนเราก็ใส่ ได้ ที่สำคัญเราทำกินเองก็ไม่จำเป็นต้อง
00:01:45 → 00:01:51 ใส่น้ำตาลแล้วก็ไม่จำเป็นต้องใส่สารที่ ประเภทที่ช่วยเพิ่มความคงตัว ทำเอง
00:01:51 → 00:01:56 กินเองเนี่ยคุมสุขภาพได้ดีกว่าแน่นอนครับ เรามาเริ่มกันเลยนะครับ เดี๋ยวผมจะทำ
00:01:56 → 00:02:04 โปรไบโอติกส์โยเกิร์ตที่มีโปรตีนสูงไม่มีไขมัน แล้วก็มีรสเปรี้ยวแบบอ่อนถึงปานกลาง
00:02:04 → 00:02:09 แล้วเราก็จะเอาโยเกิร์ตอันเนี้ยมาทำเป็น กรีกโยเกิร์ตต่อด้วย สิ่งที่ผมใช้เนี่ยนะครับ
00:02:09 → 00:02:18 ผมใช้นมพลาสเจอร์ไรซ์ไขมัน0% 830ซีซี คราวนี้เราต้องการโยเกิร์ตที่มีโปรตีนสูงผมก็เลย
00:02:18 → 00:02:25 ใส่ skim milk powder หรือว่านมผงขาด มันเนยไปด้วย ผมใส่ไปทั้งหมด 124 กรัม สูตร
00:02:25 → 00:02:29 เนี่ยจะได้โปรตีนประมาณ 7.5 กรัมต่อ น้ำหนักโยเกิร์ต 100 กรัมซึ่งก็ถือว่าสูง
00:02:29 → 00:02:34 นะครับเมื่อเทียบกับโยเกิร์ตทั่วๆไป พอถึง ตรงนี้หลายคนอาจจะตกใจว่าทำไมหมออ๊อกใส่
00:02:34 → 00:02:40 นมผงขาดมันเนย นมผงขาดมันเนยไม่ได้น่ากลัว นะครับ นมผงขาดมันเนยก็คือนมที่เอาน้ำแล้วก็
00:02:40 → 00:02:46 ไขมันออกแต่ก็ยังมีพวกโปรตีน แคลเซียมแล้ว ก็แร่ธาตุอื่นๆที่มีประโยชน์หลงเหลืออยู่
00:02:46 → 00:02:53 แต่ยกเว้นนะครับ วิตามิน B12 จะลดลงเพราะ ว่ากระบวนการเนี้ยมีการผ่านความร้อนและ
00:02:53 → 00:02:59 ที่สำคัญจะไม่มีวิตามินที่ละลายในไขมัน พวก A D E K หรือว่า DHA จะไม่มีนะครับ คือ
00:02:59 → 00:03:03 ในอดีตอ่ะคนจะกลัวกันมากนะครับ ในแง่ของ การปนเปื้อนเช่นเรื่องของเมลามีนหรือว่า
00:03:03 → 00:03:08 อาจจะกลัวว่าสารอาหารแทบจะไม่เหลือหรือ เปล่า แต่ปัจจุบันตอนนี้ไม่ใช่แล้วนะครับ
00:03:08 → 00:03:14 ถ้าทำกินเองเลือกยี่ห้อที่ดี เลือกประเทศ ต้นกำเนิดที่ปลอดภัยก็โอเคครับ สำหรับการ
00:03:14 → 00:03:20 ใส่นมผงขาดมันเลยเนี่ยอยากแนะนำให้ใช้ใน กรณีที่ใช้นมไขมันต่ำหรือว่าไขมัน 0%
00:03:20 → 00:03:24 เพราะว่าจะทำให้โยเกิร์ตเนี่ยเซ็ตตัวได้ ดีขึ้น ถ้าไม่ใช้เลยเนี่ยโยเกิร์ตจะค่อน
00:03:24 → 00:03:28 ข้างเหลวแล้วก็ค่อนข้างนิ่ม และอีก อย่างก็คือจะช่วยต้านทานความเป็นกรดด่าง
00:03:28 → 00:03:33 หรือว่าเป็นบัฟเฟอร์ หรือว่าชะลอความเป็น กรด หรือพูดง่ายๆก็คือช่วยไม่ให้นมเนี่ย
00:03:33 → 00:03:40 เปรี้ยวมากเกินไป สำหรับอันนี้ผมจะอุ่นจน ได้อุณหภูมิประมาณ 85-90 เซลเซียส แล้วก็จะ
00:03:40 → 00:03:46 อุ่น 15 นาที ถึงตรงนี้ผมอยากจะเล่าเรื่อง การอุ่นนิดนึงนะครับ จะเห็นว่าโยเกิร์ต
00:03:46 → 00:03:50 เนี่ยจะมีทั้งแบบอุ่นแบบนี้ แบบที่ 2 ก็ คืออุ่นให้ได้แบบว่าพอให้แบคทีเรียตัว
00:03:50 → 00:03:55 หลักทำงานได้ และแบบที่ 3 ก็คือไม่อุ่นเลย เทผสมกับโยเกิร์ตหัวเชื้อเลย แต่ละแบบ
00:03:55 → 00:04:01 มีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน อย่างที่ กำลังทำอยู่ตอนนี้นะครับ อุ่นไปถึง 85 องศา
00:04:01 → 00:04:06 เซลเซียส ข้อดีก็คือวิธีการเป็นวิธีการฆ่า เชื้อที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจจะอยู่ใน
00:04:06 → 00:04:12 นมหรือว่าโดยเฉพาะถ้าสมมุติว่าใช้นมสดๆ จากเต้า หรือว่าฆ่าเชื้อที่อาจจะอยู่ใน
00:04:12 → 00:04:16 ภาชนะและอีกอย่างนึงก็คือที่อุณหภูมินี้นะ ครับ จะทำให้โปรตีนมีการเปลี่ยนสภาพครับ
00:04:16 → 00:04:24 คือโปรตีนในนมจะแบ่งออกเป็น 2 แบบก็คือ เวย์โปรตีนกับเคซีน เวย์จะมีประมาณ 20% กับ
00:04:24 → 00:04:30 เคซีนจะมีประมาณประมาณ 80% การอุ่นแบบนี้ จะทำให้เวย์โปรตีนมีการคลายตัวออกแล้วก็ไป
00:04:30 → 00:04:36 จับกับโปรตีนเคซีนและอีกอย่างนึงก็คือการ อุ่นแบบนี้จะทำให้โปรตีนเคซีนเนี่ยมีการ
00:04:36 → 00:04:42 เปลี่ยนรูปร่างบางส่วน ทั้งหมดที่ว่าเนี่ย นะครับจะมีผลที่จะทำให้โยเกิร์ตเนี่ยมี
00:04:42 → 00:04:46 ความเป็นเนื้อมากขึ้นแล้วก็โอกาสแยงเป็น น้ำเนี่ยน้อยลง
00:04:46 → 00:04:52 เพราะฉะนั้นวิธีการอุ่นแบบเนี้ยผมอยากจะ แนะนำให้สำหรับคนที่ต้องการโยเกิร์ตที่มี
00:04:52 → 00:04:57 การเซตตัวที่ดีหรือว่า ถ้าใช้นมที่มีไขมัน ต่ำหรือว่าไขมัน 0% อย่างกรณีแบบนี้เนี่ย
00:04:57 → 00:05:03 ก็ควรใช้เพื่อไม่ให้โยเกิร์ตเนี่ยมีความ เหลวเกินไปและที่สำคัญนะครับถ้าจะทำกรีก
00:05:03 → 00:05:08 โยเกิร์ต ควรใช้วิธีนี้เพราะว่ากรีก โยเกิร์ตจะเป็นการสเตนหรือว่าเป็นการ
00:05:08 → 00:05:13 กรองเอาน้ำออก วิธีนี้เก็บเวย์โปรตีนไว้ได้ มากๆทีเดียว ซึ่งถ้าเราไม่อุ่นจนถึง
00:05:13 → 00:05:18 อุณหภูมิแบบนี้นะครับก็จะทำให้เวย์โปรตีน เนี่ยที่ละลายอยู่ในน้ำเกือบ 100% เนี่ย
00:05:18 → 00:05:23 ถูกกรองทิ้งไปหมดเลยน่าเสียดายครับ
00:05:24 → 00:05:29 สำหรับวิธีที่ 2 ที่พูดถึงก็คือการอุ่น ขึ้นมาสักประมาณพอให้แบคทีเรีย 2 ตัวหลัก
00:05:29 → 00:05:38 ทำงานได้คือ 40-45 องศา แบคทีเรีย 2 ตัวหลัก ก็คือ L. Bulgaricus กับ Strep. Thermophilus
00:05:38 → 00:05:42 ใครที่ยังไม่คุ้นชื่อแบคทีเรีย 2 ตัวนี้ ลองไปดูคลิปโยเกิร์ตก่อนหน้าที่ผมทำได้นะ
00:05:42 → 00:05:49 ครับ จะได้รู้จักแบคทีเรีย 2 ตัวนี้มากขึ้น เอาล่ะครับตอนนี้เราก็มีวิธีสังเกตว่า
00:05:49 → 00:05:55 อุ่นได้ที่หรือยัง บางคนเขาจะแนะนำให้ลอง สังเกตที่ขอบหม้อนะครับว่าจะมีฟองแต่ว่า
00:05:55 → 00:05:59 ในความเป็นจริงอย่างที่เห็นนะครับ ฟองฟอด แบบเนี้ยสังเกตยากมากๆเพราะฉะนั้นผมแนะนำ
00:05:59 → 00:06:03 ว่าถ้าจะอุ่นแบบนี้เนี่ยให้ใช้ เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิจะดีที่สุด และ
00:06:03 → 00:06:10 การอุ่นแบบนี้ต้องคนตลอดเวลานะครับแล้วก็ อย่าให้ร้อนเกินไป แล้วก็ระวังนมไหม้
00:06:10 → 00:06:15 ถึงตอนนี้ครบกำหนดเวลา 15 นาทีแล้วนะครับ ผมก็จะแบ่งนมมาส่วนนึงแล้วก็จะรอให้นมที่
00:06:15 → 00:06:22 แบ่งมาเนี่ยอุณหภูมิลดลงหน่อยเพื่อที่จะ ใส่โยเกิร์ตหัวเชื้อเข้าไป
00:06:27 → 00:06:33 โยเกิร์ตหัวเชื้อที่ผมใช้เนี่ยก็จะเป็น โยเกิร์ตของออสเตรเลีย เป็นกรีกโยเกิร์ต
00:06:33 → 00:06:38 Non Fat ผมใส่ 2 ช็อนโต๊ะ
00:06:42 → 00:06:48 เสร็จแล้วผมก็จะปั่นให้เข้ากัน จริงๆไม่ ต้องใช้อุปกรณ์ปั่นแบบนี้ก็ได้แต่ว่าควร
00:06:48 → 00:06:52 จะตีหรือว่าบี้บดให้โยเกิร์ตที่เราใส่ เนี่ยละลายได้หมดเพื่อให้ได้มี
00:06:52 → 00:06:58 ประสิทธิภาพที่ดีในการสร้างเนื้อแล้วก็ กระจายโปรไบโอติกส์
00:06:58 → 00:07:04 พออุณหภูมิลดลงมาปุ๊บผมก็ใส่โยเกิร์ตต้น แบบเข้าไป ตรงนี้ต้องระวังนะครับอย่าใส่
00:07:04 → 00:07:09 โยเกิร์ตตอนที่อุณหภูมิในหม้อยังสูงอยู่ เพราะจะทำให้แบคทีเรียตายหมด อันนี้ผมเท
00:07:09 → 00:07:18 ใส่กระติกเรียบร้อย อุณหภูมิตอนนี้อยู่ที่ 42 องศาครับ สำหรับเซตนี้ผมจะบ่ม 18 ชมแล้ว
00:07:18 → 00:07:24 เดี๋ยวเสร็จแล้วมาเปิดดูกันนะครับ ระหว่าง รอนี้เรามาต่อกันแบบที่ 3 เลยนะครับ เรามา
00:07:24 → 00:07:30 ต่อกันวิธีที่ 3 นะครับ แบบที่ 3 ก็คือแบบ ไม่อุ่นนมเลย ก็คือเทนมผสมโยเกิร์ตหัว
00:07:30 → 00:07:35 เชื้อเลย ข้อดีของวิธีนี้คือง่ายแล้วก็ สะดวกสุดๆเลยครับแล้วก็วิธีนี้จะได้โยเกิร์ต
00:07:35 → 00:07:39 ที่เปรี้ยวน้อยกว่าวิธีอื่นๆเพราะว่า แบคทีเรียตัวหลัก 2 ตัวที่ใช้ในการสร้าง
00:07:39 → 00:07:44 โยเกิร์ตเนี่ย ตามที่พูดไปแล้วนะครับทำงาน ได้ไม่ดีที่อุณหภูมิต่ำกว่า 40 เซลเซียส ทำ
00:07:44 → 00:07:50 ให้เนื้อที่ได้เนี่ยไม่ค่อยจะเซ็ต ก็คือจะ เหลวหน่อย เพราะฉะนั้นก็แล้วแต่ชอบเลยครับ
00:07:50 → 00:07:56 ถ้าสมมุติว่าไม่ได้กังวลเรื่องเนื้อและ อยากได้โปรไบโอติกส์เป็นหลักก็ใช้วิธีนี้ได้เลย
00:07:56 → 00:08:00 แต่อย่างที่บอกนะครับวิธีเนี้ยรวมถึงวิธี ที่ 2 ด้วยเนี่ยไม่อยากแนะนำให้เอาไปทำ
00:08:00 → 00:08:05 เป็นกรีกโยเกิร์ตเพราะว่าเราจะสูญเสียเวย์ โปรตีนไปเยอะหรือว่าแทบทั้งหมดเลย ตอนนี้
00:08:05 → 00:08:11 ครบ 18 ชมแล้วนะครับ เดี๋ยวเรามาเก็บ โยเกิร์ตกัน ตอนนี้วัดได้ประมาณ 36 เซลเซียส
00:08:11 → 00:08:18 ครับซึ่งก็โอเคสำหรับกระติกเก็บโยเกิร์ต ผมรู้ว่าประมาณ 5 ชมเขาจะลดลง 2
00:08:18 → 00:08:24 องศาตอนหมักผมเริ่มที่ 42 เพราะฉะนั้น 5 ชมก็เหลือ 40 ก็เป็นเวลาที่ดีในการสร้าง
00:08:24 → 00:08:30 เนื้อโยเกิร์ต แล้วหลังจากนั้นจนกระทั่ง ถึง 18 ชมก็ลดตั้งแต่ 40 ลงมาจนถึงตอนนี้
00:08:30 → 00:08:36 36 ก็น่าจะเป็นเวลาที่ดีสำหรับในการ เจริญเติบโตของโปรไบโอติกส์แล้วก็มีการสร้าง
00:08:36 → 00:08:42 เนื้อเพิ่มอีกนิดหน่อย เดี๋ยวเรามาดูเนื้อ กันว่าเป็นยังไงบ้าง จะเห็นว่าโยเกิร์ตนี่
00:08:42 → 00:08:48 ขนาดใส่โปรตีนเพิ่มเข้าไปตั้งเยอะแล้วนะ ครับก็ยังมีความเหลวระดับนี้อยู่ เพราะว่า
00:08:48 → 00:08:54 ครั้งนี้เนี่ยใช้นมปราศจากไขมัน ถ้าใช้นม Whole milk(ไขมันปกติ)เนี่ยโยเกิร์ตน่าจะแข็งกว่านี้เยอะ
00:08:54 → 00:09:01 เลยนะครับ เดี๋ยวผมจะเก็บแล้วก็แช่เย็น ก่อนอย่างน้อย 6 ชมแล้วค่อยเอามาสเตน ต่อมา
00:09:01 → 00:09:07 ผมจะสเตนโยเกิร์ตที่เก็บไว้นะครับ เราเก็บ โยเกิร์ตไว้แล้วอย่างน้อย 6 ชมเดี๋ยวผมจะ
00:09:07 → 00:09:12 เอามาผ่านผ้ากรองไนลอน ผมชอบผ้ากรองไนลอนมากกว่าผ้าขาวบางเพราะว่าผ้ากรอง
00:09:12 → 00:09:19 ไนลอนไม่เก็บฝุ่นแล้วก็ทำความสะอาดง่ายกว่า ทนทานกว่าด้วย
00:09:26 → 00:09:31 สำหรับตรงนี้เดี๋ยวผมจะทิ้งไว้อย่างน้อยๆ ก็สักประมาณ 6 ชม.นะครับ แล้วแต่เราอาจจะ
00:09:31 → 00:09:37 จริงๆจะ 4 ชม.ก็ได้ 6 ชม.หรือว่า 12 ชม.แล้วแต่ยิ่งสเตนนานเท่าไหร่ก็จะได้
00:09:37 → 00:09:44 โยเกิร์ตที่แข็งแล้วก็แห้งขึ้นเท่านั้น ผม สเตนโยเกิร์ต 12 ชม.แล้วนะครับเดี๋ยวเรามา
00:09:44 → 00:09:49 เก็บโยเกิร์ตกัน โยเกิร์ตที่ได้ก็จะเป็น ลักษณะของกรีกโยเกิร์ต โยเกิร์ตนี้จะมี
00:09:49 → 00:09:55 ความข้นเหนียวกว่าเดิมพอสมควรเลยนะครับ ตัวโยเกิร์ตอันนี้ผมลองวัดค่าความเป็นกรด
00:09:55 → 00:10:02 แล้วนะครับได้พีเอชอยู่ที่ประมาณ 4.5 ก็ คือไม่ได้มีความเป็นกรดมากเกินไป จริงๆสูตร
00:10:02 → 00:10:07 นี้ของเราโปรตีนก็สูงมากอยู่แล้วนะครับ การที่เรามาสเตนอย่างนี้โปรตีนก็ยิ่ง
00:10:07 → 00:10:10 สูงเข้าไปอีก
00:10:15 → 00:10:20 อันนี้ก็จะเป็นน้ำที่ได้จากการสเตน ซึ่งน้ำ อันนี้จริงๆกินได้นะครับแล้วก็มีประโยชน์
00:10:20 → 00:10:26 อยู่ด้วยเพราะว่าจะมีเวย์โปรตีนอยู่ แล้วก็ จะมีน้ำตาลแลคโตสแล้วก็มีกรดแลคติก การที่
00:10:26 → 00:10:32 กรีกโยเกิร์ตที่ได้มีความข้นกว่าลักษณะนี้ ก็เลยทำให้เค้ามีโปรตีนต่อหน่วยที่สูง
00:10:32 → 00:10:39 กว่าโยเกิร์ตทั่วๆไป แล้วก็น้ำตาลต่ำกว่า เพราะว่าน้ำตาลส่วนนึงก็หลุดเข้าไปในน้ำ
00:10:39 → 00:10:44 นี้แล้ว ความเปรี้ยวจะเบาบางกว่าโยเกิร์ต ทั่วไปเพราะว่ากรดแลคติกส่วนนึงก็หลุดเข้า
00:10:44 → 00:10:50 มาในน้ำนี้เหมือนกัน ครับผมขอจบคลิปนี้ตรงนี้เลยนะครับ ขอบคุณ
00:10:50 → 00:10:55 ที่รับชม และผมอยากให้ทุกท่านได้แชร์ ประสบการณ์ของตัวเองนะครับ ว่าใครที่มี
00:10:55 → 00:11:01 ประสบการณ์เคยทำโยเกิร์ตแล้วก็เป็นยังไง ทำแล้วมีปัญหาไหมหรือว่าแบบไหนที่จะได้แบบ
00:11:01 → 00:11:06 ที่ดีที่สุดที่ตัวเองชอบก็แชร์กันมานะครับ ขอบคุณที่รับชมมาถึงตอนนี้ พบกันใหม่
00:11:06 → 00:11:11 คลิปต่อไปนะครับ สวัสดีครับ