00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:04 world vi The
00:00:04 → 00:00:09 Voice โรคแพนิคเนี่ยมันเป็นโรควิตกกังวล
00:00:09 → 00:00:12 อย่างนึงที่พบได้บ่อยอาการแพนิคเนี่ยทำ
00:00:12 → 00:00:14 ให้ระบบประสาทอัตโนมัติของเราเนี่ยมันทำ
00:00:14 → 00:00:19 งานผิดปกติมากจนเกินไปใจสั่นเต้นเร็วบาง
00:00:19 → 00:00:22 คนรู้สึกเหมือนจะขาดใจอ่ะเหมือนเป็นโรค
00:00:22 → 00:00:26 หัวใจแน่นหน้าอกหายใจไม่ออกแบบอึดอัดหาย
00:00:26 → 00:00:30 ใจไม่คล่องหรือบางคนหายใจหอบหอบเป็นไ
00:00:30 → 00:00:32 ventilation Syndrome จนมือจีบเป็น
00:00:32 → 00:00:35 อาการที่อยู่ดีๆแล้วก็เกิดอ่ะอาจจะมีสิ่ง
00:00:35 → 00:00:38 กระตุ้นหรือไม่มีก็ได้คนที่เป็นเนี่ยจะ
00:00:38 → 00:00:41 รู้สึกแบบทุกข์ทรมานรู้สึกเหมือนจะขาดใจ
00:00:41 → 00:00:43 รู้สึกเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้รู้สึก
00:00:43 → 00:00:45 เหมือนจะ
00:00:45 → 00:00:49 ตายฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟัง
00:00:49 → 00:00:53 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:53 → 00:00:56 This Is tha PBS podcast เอาล่ะค่ะ
00:00:56 → 00:00:59 คุณผู้ฟังคะวันนี้เราจะมาพูดคุยกันอีก
00:00:59 → 00:01:02 เรื่องนึงนะคะอาการแพนนิคนะคะโรคฮิตของ
00:01:02 → 00:01:05 ชาวออฟฟิศหึทำไมต้องเป็นชาวออฟฟิศอย่าง
00:01:05 → 00:01:07 เดียวคนอื่นเป็นแพนิคได้มั้ยแพนิคคืออะไร
00:01:07 → 00:01:10 ก่อนนะคะเดี๋ยวมาทำความเข้าใจกับพันตำรวจ
00:01:10 → 00:01:12 เอกหญิงแพทย์หญิงอัญชุลีธีระวงศ์ไพศาล
00:01:12 → 00:01:15 จิตแพทย์นายแพทย์สบ 5 โรงพยาบาลตำรวจค่ะ
00:01:15 → 00:01:17 สวัสดีค่ะคุณหมอคะค่ะสวัสดีค่ะคุณลีแล้ว
00:01:18 → 00:01:21 ก็สวัสดีคุณผู้ฟังทุกท่านด้วยค่ะค่ะอ่ะมา
00:01:21 → 00:01:25 ทำความเข้าใจกับอาการแพนิคก่อนนะคะแพนิค
00:01:25 → 00:01:26 กับ
00:01:26 → 00:01:29 เอ่อความวิตกกังวลหรืออะไรพวกเนี้ยมันอัน
00:01:29 → 00:01:32 เดียวกันมั้ยคะคะใช่ค่ะก็คือโรคแพนิค
00:01:32 → 00:01:36 เนี่ยคือถ้าแปลเป็นภาษาไทยแนิแปลว่าตื่น
00:01:36 → 00:01:40 ตระหนกเนาะค่ะโรคแพนิคเนี่ยมันเป็นโรค
00:01:40 → 00:01:43 วิตกกังวลอย่างนึงซึ่งโรควิตกกังวลเนี่ย
00:01:43 → 00:01:46 มันก็มีหลายชนิดนะคะไม่ว่าจะเป็น General
00:01:46 → 00:01:50 Life anxiety disorder เป็นวิตกกังวล
00:01:50 → 00:01:53 หรือว่าเป็นแพนิคหรือว่าเป็นแบบ Social
00:01:53 → 00:01:57 fobia กลัวการเข้าสังคมคือมันมีหลายชนิด
00:01:57 → 00:02:00 หลายประเภทแต่ว่าแพนิคเนี่ยก็เป็นภาวะ
00:02:00 → 00:02:04 วิตกกังวลชนิดนึงที่พบได้บ่อยค่ะค่ะเออ
00:02:04 → 00:02:07 ซึ่งอาการนี้มันจะเป็นยังไงคะแบบอย่างบาง
00:02:07 → 00:02:09 คนแบบถ้าตัวเองเนี่ยบางทีก็มีแพนิคเหมือน
00:02:09 → 00:02:11 กันไม่รู้เรียกแพนิคได้หรือเปล่านะมันจะ
00:02:11 → 00:02:14 แบบตื่นเต้นโดยแบบแบบเอ้าทำไมตื่นเต้นงง
00:02:14 → 00:02:16 หรือว่าแบบเหงื่อออกที่มือหรืออะไรอย่า
00:02:16 → 00:02:19 เงี้ยอันนี้แพนิคมั้ยคะใช่ค่ะคืออาการ
00:02:19 → 00:02:22 แพนิคเนี่ยต้องบอกว่ามันเป็นภาวะวิตก
00:02:22 → 00:02:25 กังวลอย่างนึงที่มันทำให้ระบบประสาท
00:02:25 → 00:02:29 อัตโนมัติของเราเนี่ยมันทำงานผิดปกติค่ะ
00:02:29 → 00:02:33 ทำงานแบบมากจนเกินไปเช่นแล้วก็มันมีหลาย
00:02:33 → 00:02:37 ระบบมากเลยนะคะไม่ว่าจะเป็นแบบใจสั่นเต้น
00:02:37 → 00:02:40 เร็วบางคนรู้สึกเหมือนจะขาดใจอ่ะเหมือน
00:02:40 → 00:02:44 เป็นโรคหัวใจบางคนแบบแน่นหน้าอกแบบเงี้ย
00:02:44 → 00:02:48 ค่ะไปที่ระบบหายใจบางคนแบบหายใจไม่ออกแบบ
00:02:48 → 00:02:52 อึดอัดหายใจไม่คล่องหรือบางคนหายใจหอบหอบ
00:02:52 → 00:02:54 เป็นไฮเปอร์ ventilation ซินโดรมจนนมือ
00:02:54 → 00:02:57 จีบอย่างเงี้ยค่ะก็มีมันเกร็งเหรอเหใช่
00:02:57 → 00:03:00 คือหายใจหอบบ่อยๆๆๆสักพักพักนึงอ่ะมือมัน
00:03:00 → 00:03:04 จีบเนาะแล้วก็บางคนก็แบบมีเหมือนแบบหวิวๆ
00:03:04 → 00:03:08 วิงเวียนปวดหัวเหมือนจะเป็นลมค่ะเออบางคน
00:03:08 → 00:03:12 รู้สึกเหมือนแบบเซๆโคครงเคงหรือบางคนไป
00:03:12 → 00:03:15 ที่ระบบขับถ่ายอย่างเงี้ยค่ะบางคนรู้สึก
00:03:15 → 00:03:19 ปวดท้องมวนท้องเออบัตเตอร์ฟลายเหมือนมี
00:03:19 → 00:03:22 ผีเสื้ออยู่ในสตมอยู่ในท้องอะไรแบบเงี้ย
00:03:22 → 00:03:26 ค่ะอ๋อมันก็จะมีความวิตกคือแต่ละคนอาจจะ
00:03:26 → 00:03:29 มีความวิตกแตกต่างกันไปมากน้อยบางคนก็ไม่
00:03:29 → 00:03:32 วิตกเลยดูแบบเป็นอุยชิวกับสถานการณ์ที่
00:03:32 → 00:03:36 แบบโหทำไมเ้าแบบนิ่งเฉยได้มันต้องฝึกมั้ย
00:03:36 → 00:03:39 คะแบบนี้ค่ะคือต้องบอกว่าอาการแพนิคเนี่ย
00:03:39 → 00:03:42 มันจะแบบเป็นอาการที่อยู่ดีๆแล้วก็เกิด
00:03:42 → 00:03:46 อ่ะอือๆเออเกิดขึ้นทันทีทันใดอาจจะมีสิ่ง
00:03:46 → 00:03:50 กระตุ้นหรือไม่มีก็ได้ค่ะแล้วก็พอมันเกิด
00:03:50 → 00:03:53 ขึ้นแล้วเนี่ยคนที่เป็นเนี่ยจะรู้สึกแบบ
00:03:53 → 00:03:56 ทุกข์ทรมานรู้สึกเหมือนจะขัดใจรู้สึก
00:03:56 → 00:03:58 เหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้รู้สึกเหมือน
00:03:58 → 00:04:01 จะตายออือรู้สึกเหมือนแบบจะเป็นบ้าอย่าง
00:04:01 → 00:04:05 งั้นน่ะค่ะเออซึ่งพอเป็นแล้วเนี่ยก็จะรู้
00:04:05 → 00:04:08 สึกแบบกังวลว่ากลัวจะเป็นอีกกลัวเป็นแล้ว
00:04:08 → 00:04:11 จะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้บางคนแบบมันส่งผล
00:04:11 → 00:04:14 กระทบถึงขั้นแบบไม่กล้าขับรถไม่กล้าออก
00:04:14 → 00:04:18 จากบ้านไม่กล้าไปห้างเพราะว่าไปแล้ว
00:04:18 → 00:04:20 เดี๋ยวมีอาการขึ้นมาแบบเหมือนจะตายเหมือน
00:04:20 → 00:04:23 จะแบบช่วยตัวเองไม่ได้แบบเนี้ยค่ะก็เลย
00:04:23 → 00:04:26 ไม่อยากเอาตัวเองไปอยู่สู่สถานการณ์ที่
00:04:26 → 00:04:28 คิดว่ามันจะเกิดอาการแบบนี้ขึ้นมาอีกใช่
00:04:28 → 00:04:31 ค่ะมันเกิดจากอะไรคะมันแบบมันอยู่ๆคนเรา
00:04:32 → 00:04:34 มันจะแพนิคได้เลยได้ยังไงอ่ะมันต้องมี
00:04:34 → 00:04:37 อะไรมาก่อนหน้านี้มั้ยสาของสาเหตุอะไร
00:04:37 → 00:04:41 อย่างเงี้ยคือแพนิคเนี่ยบางทีอยู่ดีๆมัน
00:04:41 → 00:04:43 ก็เป็นไม่ได้มีสาเหตุไม่ได้มีอะไรกระตุ้น
00:04:44 → 00:04:47 เลยมันก็เป็นหรือบางคนอาจจะมีอะไรกระตุ้น
00:04:47 → 00:04:51 เช่นอาจจะหักโหมทำงานหนักเหนื่อยเพลีย
00:04:51 → 00:04:55 หรือว่าบางคนแบบอดข้าวไมากเกินไปน้ำตาลใน
00:04:55 → 00:05:00 เลือดต่ำกระตุ้นให้เกิดแพนิคก็ได้เนาะเออ
00:05:00 → 00:05:04 ใช่ทีนี้เนี่ยอาการแพนิคเนี่ยบางทีพอมัน
00:05:04 → 00:05:08 เกิดขึ้นแล้วเนี่ยคนก็จะยิ่งกังวลแล้วก็
00:05:08 → 00:05:12 ยิ่งกลัวเพราะว่าหลายๆคนเลยจะไปที่ห้อง
00:05:12 → 00:05:15 ฉุกเฉินโรงพยาบาลน่ะด้วยอาการแพนิคนี่
00:05:15 → 00:05:18 แหละแต่คิดว่าตัวเองเป็นโรคหัวใจเสร็จก็
00:05:18 → 00:05:22 จะไปตรวจหัวใจตรวจทุกอย่างปกติหมดเลยแต่
00:05:22 → 00:05:25 คือมันมีอาการจริงๆแล้วก็เป็นอีกนะคะซึ่ง
00:05:25 → 00:05:29 อันนี้เนี่ยเขาคก็จะถ้าหมอหัวใจเตรวจดูละ
00:05:29 → 00:05:32 ปกติทุกอย่างขึ้นไฟฟ้าหัวใจเอโคอะไรปกติ
00:05:32 → 00:05:35 เขาก็จะส่งมาพบจิตแพทย์อ๋ออเพราะว่าถ้า
00:05:35 → 00:05:37 เกิดแบบนี้แสดงว่ามันน่าจะเป็นอย่างอื่น
00:05:37 → 00:05:39 ที่เกี่ยวกับเรื่องของอาการทางจิตอืใช่
00:05:40 → 00:05:42 คือก็ต้องก่อนอื่นหมอก็ขอแสดงความยินดี
00:05:42 → 00:05:45 ด้วยที่หัวใจคุณยังแข็งแรงดีไม่ได้เป็น
00:05:45 → 00:05:48 อะไรแต่อาการที่คุณเป็นเนี่ยเขาเรียกว่า
00:05:48 → 00:05:51 อาการแพนิคเนาะซึ่งมันเกิดจากระบบประสา
00:05:51 → 00:05:55 ประสาทอัตโนมัติที่มันทำงานมากผิดปกตินะ
00:05:55 → 00:05:59 คะสาเหตุเกิดจากอะไรก็ปัจจุบันเราก็ยัง
00:05:59 → 00:06:02 ไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดแต่เราก็พบว่าเอา
00:06:02 → 00:06:06 ที่หลักฐานทางการแพทย์ที่มีนะคะเราก็พบ
00:06:06 → 00:06:09 ว่ามันเกิดจากสารเคมีในสมองที่ไม่สมดุล
00:06:09 → 00:06:12 เหมือนกับโรคซึมเศร้าเลยอือือีกอันนึง
00:06:12 → 00:06:15 เกิดจากพันธุกรรมเพราะว่าพบว่าคนที่แบบ
00:06:15 → 00:06:19 แฝดแฝดไข่ใบเดียวกันน่ะถ้าคนนึงเป็นอีกคน
00:06:19 → 00:06:22 นึงก็มักจะเป็นร่วมด้วยหรือคนที่มีพ่อแม่
00:06:23 → 00:06:25 หรือว่ามีญาติพี่น้องเป็นน่ะก็มีโอกาส
00:06:25 → 00:06:28 เป็นสูงกว่าคนคนที่ไม่มีญาติพี่น้องเป็น
00:06:28 → 00:06:30 แต่หมายถึงว่าเราต้องรู้แน่ๆว่านี่คือ
00:06:30 → 00:06:33 แพนิคจริงๆนะไม่ใช่แบบว่าเออเราก็แค่ตื่น
00:06:33 → 00:06:36 เต้นใช่ใช่ใช่คือมันจะไม่เหมือนกันอย่าง
00:06:36 → 00:06:39 สมมุติว่าเวเวลาที่เราจะขึ้นเวทีเราจะ
00:06:39 → 00:06:42 ประกวดเราจะร้องเพลงหรือเราเราจะพูดหน้า
00:06:42 → 00:06:45 ชั้นบางทีเราก็จะมีแบบเออใจเต้นใจสั่นมือ
00:06:46 → 00:06:48 เหงื่อแตกแบบตื่นเต้นอันนั้นเนี่ยมันก็จะ
00:06:48 → 00:06:51 ตื่นเต้นแบบที่มันพอควบคุมได้อ่ะค่ะเออ
00:06:51 → 00:06:54 มันจะตื่นเต้นแบบระดับที่มันแบบไม่หนัก
00:06:54 → 00:06:58 มากแต่ถ้าแพนิคเนี่ยมันจะแบบพีคมากรู้สึก
00:06:58 → 00:07:01 เหมือนจะตายอ่ะมันมันไม่สามารถทำอะไรหรือ
00:07:01 → 00:07:04 จะอะไรต่อได้ใช่ๆมันแค่ยืนก็จะยืนไม่อยู่
00:07:05 → 00:07:08 ละแล้วแพนิคมันมีตั้งแต่ระดับเบาๆจนระดับ
00:07:08 → 00:07:12 แบบหนักๆอ่ะอ๋อมันไต่ระดับได้ใช่บางทีแบบ
00:07:12 → 00:07:15 แล้วมันจะขึ้นมาอยู่มันจะมีพีคอยู่ช่วง
00:07:15 → 00:07:18 นึงประมาณ 5-10 นาทีแรกหลังจากนั้นมันจะ
00:07:18 → 00:07:22 ก็แบเบาลงแผ่วลงแต่โดยมากแล้วเนี่ยมันจะ
00:07:22 → 00:07:26 หายไปประมาณ 15-30 นาทีนนถ้าเป็นแพนิคนะ
00:07:26 → 00:07:30 นนเออบางคนเป็นแค่ 5 นาทีส่วนใหญ่แล้วมัน
00:07:30 → 00:07:33 จะเป็นแบบสักระยะนึงอ่ะแต่คืออีคนเป็นน่ะ
00:07:33 → 00:07:35 เป็นแค่นาทีเดียวมันจะรู้สึกเหมือนเป็น
00:07:35 → 00:07:37 ชั่วโมงอ่ะเออมันไม่ไหวแล้วอ่ะใช่มันไม่
00:07:37 → 00:07:41 ไหวมันจะขาดใจมันจะตายี้หายใจไม่ได้ใช่
00:07:41 → 00:07:44 มันทรมานนะเพราะฉะนั้นน่ะถ้าใครเป็นนะคะ
00:07:44 → 00:07:48 มาหาหมอเลยค่ะอจหาหมออีกแล้วจริงๆมาหาหมอ
00:07:48 → 00:07:51 เนี่ยให้ยาแป๊บเดียวเนี่ยหายเลยเอ้ยดี
00:07:51 → 00:07:54 ขึ้นทันทีโอโหอาการเป็นตั้งหลายนาทีอยู่ๆ
00:07:54 → 00:07:58 แค่ไปหาหมอกินยาแค่มาหาหมอแค่แบบยอมรับ
00:07:58 → 00:08:04 ว่าเออเรามีอาการเราไม่สบายจริงๆอเราแบบ
00:08:04 → 00:08:06 คือมันเป็นการการทำงานของระบบประสาท
00:08:06 → 00:08:10 อัตโนมัติอ่ะแค่มันตรวจมาแล้วคือลิ้นหัว
00:08:10 → 00:08:13 ใจมันไม่ได้รั่วแบบกล้ามเนื้อหัวใจมันไม่
00:08:13 → 00:08:16 ได้ตายเฉยๆแต่ว่ามันทำงานผิดปกติอย่าง
00:08:16 → 00:08:20 เงี้ยมาหาหมอเลยค่ะกินยาปึ๊บหายปั๊บแล้ว
00:08:20 → 00:08:22 จะมียาฉุกเฉินให้พกด้วยเป็นเมื่อไหร่
00:08:22 → 00:08:25 เนี่ยกินเลยอาฮะกินปึ๊บเนี่ยประมาณ 5
00:08:26 → 00:08:29 นาที 10 นาทีหายเลยแล้วก็ให้พกยาฉุกเฉิน
00:08:29 → 00:08:33 ไว้ด้วยเวลาพกมันจะไม่เป็นอืสบายใจไงแบบ
00:08:33 → 00:08:37 ว่าเหมือนมียันต์ขอให้ยันต์กันแพนิคไว้้
00:08:37 → 00:08:39 ละเอ้ยเพิ่งรู้แล้วเนี่ยคือด้วยความที่
00:08:39 → 00:08:41 แบบอ่าจริงๆเราก็ไม่เคยมาคิดถึงเรื่องของ
00:08:41 → 00:08:45 การแพนิคอะไรขนาดนี้เหมือนกันนะว่ามียงมี
00:08:45 → 00:08:49 ยาแต่ว่าอันเนี้ยคือคนเรามันจะแพนิคกับ
00:08:49 → 00:08:52 อะไรได้บ้างคะคุณหมออยากพยายามจะหาเหตุหร
00:08:52 → 00:08:54 หรือว่ามันก็แล้วแต่คนไม่สามารถบอกได้บาง
00:08:54 → 00:08:59 คนอาจจะสถานการณ์คับขันหรือว่าแพนิคกับคน
00:08:59 → 00:09:02 เยอะๆมากๆจนทำให้รู้สึกแบบอึดอัดหรือแม้
00:09:02 → 00:09:04 กระทั่งการกลัวความสูงนี้แพนิคได้มั้คะ
00:09:04 → 00:09:08 ได้ค่ะคือแพนิคเนี่ยบางทีอยู่ดีๆมันก็
00:09:08 → 00:09:11 เป็นนะคือไม่มีอะไรกระตุ้นก็เป็นแต่มันจะ
00:09:11 → 00:09:15 มีบางอย่างแบบมันเป็นสิ่งกระตุ้นให้เป็น
00:09:15 → 00:09:18 เช่นคนที่กลัวที่แคบแบบเนี้ยค่ะอ่าอันนี้
00:09:18 → 00:09:21 เจอบ่อยนะขึ้นเครื่องบินมันที่แคบขึ้น
00:09:21 → 00:09:24 ลิฟต์แล้วก็ที่แคบขึ้นมาอยู่ๆก็มีอาการ
00:09:24 → 00:09:28 แพนิคขึ้นมาพีกเลยอนะคะบางคนน่ะเครื่อง
00:09:28 → 00:09:30 บินจะออกแล้วเป็นแพนขึ้นมาถึงขั้นแบบ
00:09:30 → 00:09:33 เครื่องบินต้องจอดเลยนะเครื่องบินต้องจอด
00:09:33 → 00:09:36 แล้วก็เรียกรถพยาบาลแล้วก็เอาตัวไปรักษา
00:09:36 → 00:09:39 เลยนะอ๋อเออเจอเหมือนกันเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:09:40 → 00:09:43 แอร hostage หรือว่าลูกเรือเนี่ยเขาก็จะ
00:09:43 → 00:09:46 ได้รับการสอนมาเรื่องเออถ้าคนไข้มีอาการ
00:09:46 → 00:09:49 แพนิคแบบเนี้ยให้แนจยังไงจัดการยังไงเออ
00:09:49 → 00:09:54 คำดาวนั่งพักถ้าไม่ไหวก็อ่าหาหมออาการมัน
00:09:54 → 00:09:55 เป็นยังไงคะคุณหมอเผื่อว่าถ้าเกิดเราไป
00:09:56 → 00:09:58 เจอคนรอบข้างหรืออะไรเงี้ยเผื่อเราแบอ่ะ
00:09:58 → 00:10:01 ฟังการแล้ววันนี้เราจะเผื่อจะได้ช่วยกัน
00:10:01 → 00:10:03 ได้หรือแม้กระทั่งตัวเราเองเป็นเราจะต้อง
00:10:03 → 00:10:06 คดาวตัวเองหรือทำยังไงในเบื้องต้นได้บ้าง
00:10:06 → 00:10:09 ค่ะก็ถ้าเกิดว่าเราเอาที่ตัวเราก่อนเนาะ
00:10:09 → 00:10:11 ถ้าสมมุติว่าเราเป็นเนี่ยเราแบบเริ่มมี
00:10:12 → 00:10:15 แบบปี๊ดขึ้นมาแบบใจสั่นหัวใจเต้นเร็วแบบ
00:10:15 → 00:10:18 เยค่ะจริงๆแล้วอ่ะมันจะมีสัญญาณเตือนเบาๆ
00:10:19 → 00:10:21 ก่อนก่อนที่มันจะไปพลิกหนักอ่ะเออถ้าเรา
00:10:21 → 00:10:24 มีสติรู้เรารู้ใช่มั้ยเราก็คำดาตัวเอง
00:10:24 → 00:10:27 นั่งพักซะถ้าเราไม่ชอบที่แคบเราก็ออกมา
00:10:27 → 00:10:30 ที่โล่งใช่มั้ต้องรู้ก่อนว่าตัวเองเอ่อ
00:10:30 → 00:10:33 เกิดอาการแพนิคกับสถานการณ์แบบไหนใช่มั้ย
00:10:33 → 00:10:37 ใช่ก็คือให้หาที่แบบนั่งโล่งๆโป่งๆสบาย
00:10:37 → 00:10:40 บายแบบเออหาที่นั่งที่อะไรที่มันมั่นคง
00:10:40 → 00:10:43 เนาะไม่ใช่ว่าแบบกำลังอยู่บนต้นไม้อยู่
00:10:44 → 00:10:46 เดี๋ยวก็จะตกลงมาได้คือต้องหาที่ปลอดภัย
00:10:46 → 00:10:49 เซฟตี้ให้ตัวเองอ่ะแล้วนั่งพักสักพักนึง
00:10:49 → 00:10:54 แล้วก็หายใจเข้าหายใจออกช้าๆเนาะอืเออ
00:10:54 → 00:10:56 แล้วก็คาดาวตัวเองว่าเออไม่เป็นไรเดี๋ยว
00:10:56 → 00:11:00 มันก็หายมันเป็นแค่อาการแพนิคคือพอเรารู้
00:11:00 → 00:11:04 จักเข้าใจอย่างคนไข้มาหาหมอเนี่ยหมอก็จะ
00:11:04 → 00:11:06 สอนให้รู้จักเข้าใจร่างกายตัวเองรู้จัก
00:11:06 → 00:11:10 เข้าใจอาการแพนิคแล้วก็ดูแลตัวเองแล้วก็
00:11:10 → 00:11:13 ต้องหลีกเลี่ยงปัจจัยที่มันกระตุ้นที่ทำ
00:11:13 → 00:11:16 ให้เกิดแพนิคเนาะเช่นนอนน้อยพักผ่อนน้อย
00:11:16 → 00:11:19 ร่างกายเหนื่อยเพลียอันเนี้ยกระตุ้นให้
00:11:19 → 00:11:22 เป็นแพนิคง่ายกินข้าวไม่เป็นเวลาน้ำตาลใน
00:11:22 → 00:11:26 เลือดต่ำน้ำตาลในเลือดต่ำรู้สึกหวิวๆๆ
00:11:26 → 00:11:28 ปึ๊บเนี่ยกระตุ้นเป็นแพนิคเลยบางทีเหมือน
00:11:28 → 00:11:31 แบบสมองมันไปจำแล้วไงว่าอาการแบบเนี้ย
00:11:31 → 00:11:34 เป็นแพนิคพอมันกระตุ้นไม่ได้กินข้าวน้ำ
00:11:34 → 00:11:36 ตาลในเลือดต่ำหวิวๆปุ๊บมันปั่นระบบประสาท
00:11:36 → 00:11:39 อตมัติขึ้นพลีกไปเป็นแพนิคเต็มรูปแบบก็มี
00:11:39 → 00:11:42 เหมือนกันแล้วก็อีกอย่างนึงต้องออกกำลัง
00:11:42 → 00:11:45 กายให้ร่างกายแข็งแรงเพราะว่าถ้าร่างกาย
00:11:45 → 00:11:47 เราอ่อนแอไม่แข็งแรงใช่มยแค่เดินขึ้น
00:11:47 → 00:11:50 บันไดอย่างเงี้ยเหนื่อยหอบปึ๊บบางทีมัน
00:11:50 → 00:11:54 ปั่นขึ้นแพนิคขึ้นมาทันทีเลยนะยเออเพราะ
00:11:54 → 00:11:57 ฉะนั้นเนี่ยต้องแบบเป็นแพนิคเนี่ยเราต้อง
00:11:57 → 00:12:00 ดูแลตัวเองแล้วต้องมาใส่เเราต้องนอนให้พอ
00:12:00 → 00:12:03 เราต้องไม่เครียดเราต้องแบบเออกินข้าวให้
00:12:03 → 00:12:06 เป็นเวลานะเราต้องออกกำลังกายให้แข็งแรง
00:12:06 → 00:12:10 เออร่างกายมันก็จะมีแบบความแข็งแรงทนทาน
00:12:10 → 00:12:13 มันก็จะไม่อ่อนไหวง่ายค่ะที่พูดมานี่เป็น
00:12:13 → 00:12:18 ทุกข้อเลยค่ะไม่ได้ทำอะไรสักนะคะแต่บางคน
00:12:18 → 00:12:21 แบบอย่างสมมุติเราอาจจะไม่มียีนไม่มี
00:12:21 → 00:12:24 พันธุกรรมที่เป็นแพนิคไงถึงเราจะนอนน้อย
00:12:24 → 00:12:28 หรืออะไรยังไงมันก็ไม่เป็นไงอืเออแสดงว่า
00:12:28 → 00:12:32 อ่ะต้องกลับไปถามละที่บ้านมีใครมีใครเป็น
00:12:32 → 00:12:34 แพนนิคหรรือเปล่าแต่คุณพ่อคุณแม่ไม่ได้
00:12:34 → 00:12:36 อยู่ให้ถามแล้วนะคะแต่ว่าบางทีบาง
00:12:36 → 00:12:39 สถานการณ์เงี้ยไม่รู้อ่ะมันมันมีความก้ำ
00:12:39 → 00:12:42 กึ่งอ่ะค่ะคุณหมอว่าเฮ้ยฉันตื่นเต้นฉัน
00:12:42 → 00:12:45 ตื่นเต้นฉันไม่ได้แพนิคอ่ะบอกตัวเองแบบ
00:12:45 → 00:12:48 นี้เราก็ไม่รู้บางทีเนี่ยนี่คือแพนิคหรือ
00:12:48 → 00:12:50 เปล่าเพราะว่าบางทีเนี่ยการที่ต้องไปยืน
00:12:50 → 00:12:53 พูดอยู่ข้างหน้าเอ่อคนเดียวไอ้ตอนที่ยัง
00:12:53 → 00:12:58 ไม่ยังไม่สถานการณ์จริงอ่ะเราก็ยังชิล
00:12:58 → 00:13:00 สบายๆไม่มีอาการอะไรเลยค่ะไม่มีอาการตื่น
00:13:00 → 00:13:02 เต้นอะไรเลยแต่พอถึงเวลาที่ต้องทำงานจริง
00:13:02 → 00:13:06 ๆปุ๊บอยู่ข้างหน้าปึ๊บเนี่ยเฮ้ยหัวใจมัน
00:13:06 → 00:13:09 รัวเป็นกรองเลยค่ะปุๆๆๆๆเหมือนแบบว่าเออ
00:13:09 → 00:13:11 ถ้าช็อกได้คงช็อกไปแล้วอ่ะอารมณ์ั้น
00:13:11 → 00:13:15 นาฬิกาก็แบบว่าขึ้นมาเลยค่ะว่าหัวใจคุณ
00:13:15 → 00:13:17 เต้นแรงถึงขั้นเตือนแล้วอ่ะแต่ว่าเราก็
00:13:18 → 00:13:20 ยังแบบเสียงพูดมันก็อาจจะสั่นบ้างอะไร
00:13:20 → 00:13:22 ตื่นเต้นไปบ้างอะไรเงี้ยแต่ว่าเดี๋ยวสัก
00:13:22 → 00:13:24 พักนึงหัวใจมันก็ยังเต้นอยู่แรงอยู่นะคะ
00:13:24 → 00:13:26 แต่สักพักนึงเราก็จะคุมตัวเองได้แล้ว
00:13:26 → 00:13:28 เพราะเรารู้แล้วว่าเฮ้ยมันมีอาการะเรา
00:13:28 → 00:13:32 ต้องต้องคุมและคุมสติตัวเองหรือคุมให้เ่อ
00:13:32 → 00:13:36 ตัวเองอ่ะไม่ไม่แสดงอะไรออกมาที่แบบว่าดู
00:13:36 → 00:13:38 ว่าตื่นเต้นเลยไม่รู้ว่าตกลงอันเนี้ย
00:13:38 → 00:13:41 แพนิคหรือว่ามันตื่นเต้นคืออันนี้ก็เป็น
00:13:41 → 00:13:43 อาการตื่นเต้นเนาะแต่ว่าถ้าเราตื่นเต้น
00:13:43 → 00:13:47 มากๆมันก็จะนำไปสู่อาการแพนิคมันต้องคั่น
00:13:47 → 00:13:50 ขนาดไหนอ่ะคั่นตื่นเต้นขนาดไหนที่แบบอก็
00:13:50 → 00:13:53 คือคุณรีอ่ะตื่นเต้นใช่มั้ยคะที่มันมีแบบ
00:13:53 → 00:13:57 ใจหัวใจเต้นเร็วเหงื่อแตกใช่มั้ยคะเออ
00:13:57 → 00:14:01 อันเนี้ยคือตื่นเต้นอืแล้วก็เริ่มเป็นถ้า
00:14:01 → 00:14:04 เรียกว่าเริ่มมีอาการแบบเบาๆอยู่แต่ทีนี้
00:14:04 → 00:14:08 พอดีว่าคุณรีแบบผ่อนคลายตัวเองรีแลกผ่อน
00:14:08 → 00:14:11 คลายแล้วก็ไปต่อได้ไงเออ Continue ได้มัน
00:14:11 → 00:14:14 ก็เลยเบรคอยู่ตรงนั้นแต่ว่าถ้าเราแบบควบ
00:14:14 → 00:14:17 คุมไม่ได้ถ้าเราแบบกังวลไปเรื่อยๆอย่าง
00:14:17 → 00:14:20 เงี้ยมันก็จะแบบเป็นมากมันก็พีคไปสู่
00:14:20 → 00:14:24 อาการแพนิคได้เหมือนกันออืมันก็อาจจะนำไป
00:14:24 → 00:14:27 สู่แต่อันนี้ยังยังดีว่าควบคุมได้ใน
00:14:27 → 00:14:30 สถานการณ์ตรงนั้นแต่เกิดเจอสถานการณ์หนัก
00:14:30 → 00:14:32 ๆใหญ่ๆขึ้นมานี่มันบางทีก็ไม่รู้เหมือน
00:14:32 → 00:14:35 กันเนาะอาจจะแพนิคหนักกว่าเดิมใชซึ่งคน
00:14:35 → 00:14:39 มักจะเป็นแพนิคหลายคนเลยเวลาขับรถหะขับรถ
00:14:39 → 00:14:43 ขึ้นเครื่องบินเดินทางหรือบางคนแบบไปหา
00:14:43 → 00:14:46 หมอฟันอย่างเงี้ยหรือบางคนไปทำผมอย่าง
00:14:46 → 00:14:49 เงี้ยไปสะผมร้านทำผมกระตุ้นแพนิคขึ้นมา
00:14:49 → 00:14:53 อะไรอย่างเงี้ยเออจะแบบเบหลายคนแล้วก็
00:14:53 → 00:14:56 แพนิคเนี่ยปี 2566 เนี่ยเขาสำรวจคนไทย
00:14:56 → 00:14:59 เนี่ยเพราะว่าเป็นแพนิคสูงถึง 400
00:14:59 → 00:15:02 150,000 คนนะที่มีอาการแพนิคอ่ะเออทำไม
00:15:02 → 00:15:05 อ่ะคือแบบกำลังสงสัยอยู่แม้กระทั่งการขับ
00:15:05 → 00:15:08 รถแพนิคยังไงอ่ะคะก็คือขับขับรถอยู่มันมี
00:15:08 → 00:15:11 แบบอาการใจสั่น
00:15:11 → 00:15:15 แบบใจสั่นหายใจไม่ออกแบบทำอะไรไม่ถูกแบบ
00:15:15 → 00:15:18 เนี้ยค่ะคือต้องรีบจอดรถข้างทางเลยเป็น
00:15:18 → 00:15:21 เพราะว่าเคยขับรถประสบอุบัติเหตุมาก่อน
00:15:21 → 00:15:24 หรือเคยเจออะไรมามยอ่ะไม่ๆบางคนคือไม่เคย
00:15:24 → 00:15:27 อุบัติเหตุไม่เคยอะไรเลยแต่คือแบบอยู่ๆก็
00:15:27 → 00:15:30 เป็นแพนิคขึ้นมาเฮ้ยใช่เอาแน่เอานอนไม่
00:15:30 → 00:15:33 ได้ขนาดนั้นเลยเหรอคะขนาดนั้นเลยค่ะก็จะ
00:15:33 → 00:15:37 บอกว่าแพนิคเนี่ยมันเป็นโรคความผิดปกติ
00:15:37 → 00:15:40 การทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติอย่างนึง
00:15:40 → 00:15:44 ซึ่งสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการมาปรึกษา
00:15:44 → 00:15:47 หมอมาพบจิตแพทย์นะคะแล้วก็ใครที่มีอาการ
00:15:47 → 00:15:51 หนักๆเนี่ยก็จำเป็นต้องกินยาก็กินยาแค่
00:15:51 → 00:15:54 ช่วงระยะนึงเพื่อควบคุมระบบประสาท
00:15:54 → 00:15:58 อัตโนมัติเราเนี่ยไม่ให้มันแบบหวั่นไหว
00:15:58 → 00:15:59 แบบโดน
00:16:00 → 00:16:05 กระต้นหมบคก็ให้มันสงบลงพอดีขึ้นหมอก็จะ
00:16:05 → 00:16:08 ค่อยๆลดยาแล้วก็หยุดยาให้แล้วก็จะสอนวิธี
00:16:08 → 00:16:12 ดูแลสุขภาพแล้วก็เวลาที่มีอาการเนี่ยก็
00:16:12 → 00:16:14 ไม่ต้องกลัวไม่ต้องตกใจนะแล้วถ้ามัน
00:16:14 → 00:16:17 กำเริบบ่อยๆก็กลับมาหาหมอใหม่ได้ก็มากิน
00:16:17 → 00:16:21 ยาใหม่ได้ค่ะแต่พอหายก็หยุดยาเป็นอย่าง
00:16:21 → 00:16:25 เงี้ยก็คืออย่าไปซีเรียสกับมันรู้จักมัน
00:16:25 → 00:16:27 แล้วก็พอเรารู้จักเราก็จะรู้สึกว่าเออเรา
00:16:27 → 00:16:30 ควบคุมมันได้เราจัดการมันได้เราเอามัน
00:16:30 → 00:16:33 อยู่แล้วก็ไม่ต้องไปห้ามตัวเองว่าเฮ้ยมึง
00:16:33 → 00:16:36 ต้องไม่เป็นนะต้องหายนะอย่าเป็นอีกนะคือ
00:16:36 → 00:16:39 ไม่ต้องไปห้ามยิ่งห้ามมันจะเกิดความ
00:16:39 → 00:16:42 เครียดมันจะยิ่งเป็นยิ่งกระตุ้นอืเออ
00:16:42 → 00:16:45 เพราะฉะนั้นก็อยู่กับปัจจุบันชิวๆไปอ่ะ
00:16:45 → 00:16:50 ถ้าเป็นก็เออนั่งพักมาอะไรไปเยมันก็หาย
00:16:50 → 00:16:53 มันก็จะเป็นอยู่แป๊บเดียวมันก็จะหายไปค่ะ
00:16:53 → 00:16:56 แล้วที่ที่โรงพยาบาลเนี่ยเชื่อมั้ยคะตาม
00:16:56 → 00:16:59 ฟิตเนสเนี่ยตามฟิตเนสออกกำลังกายกันอยู่
00:16:59 → 00:17:01 เนี่ยก็เนี่ยเรียกแอมบูแลนซ์เพราะว่าเป็น
00:17:01 → 00:17:05 แพนิคกันเ่ะเยอะเหมือนกันนะหอใช่เป็นแบบ
00:17:05 → 00:17:09 ออกกำลังกายอยู่ฟิตเนสแล้วก็ใจสั่นใจเต้น
00:17:09 → 00:17:11 เร็วเหมือนจะขาดใจเหมือนเป็นโรคหัวใจอ่ะ
00:17:11 → 00:17:14 แล้วก็มาที่ห้องฉุกเฉินน่ะกันเยอะเลยแต่
00:17:14 → 00:17:18 พอตรวจแล้วเออก็ปกติสรุปก็เป็นแพนิคเนาะ
00:17:18 → 00:17:21 อ๋อเพรามันมันตอนนั้นมันหัวใจมันเต้นแรงะ
00:17:21 → 00:17:23 เร็วมันก็เลยคิดว่าเออฉันเป็นโรคหัวใจแน่
00:17:23 → 00:17:25 นอนใช่เพราะฉะนั้นน่ะถ้าเป็นน่ะไม่ต้อง
00:17:25 → 00:17:30 กลัวกันมาพบจิตแพทย์นะค่ะเออมาเลยมา
00:17:30 → 00:17:34 ปรึกษาเลยหายเ๋นี้เราก็จะมีแบบมีข่าวดารา
00:17:34 → 00:17:36 ที่เขาออกมายอมรับว่าเขาเป็นแพนิคหลายคน
00:17:36 → 00:17:40 เนาะเออหมอก็รู้สึกขอบคุณเขานะจะได้แบบ
00:17:40 → 00:17:43 เออเป็นเหมือนวิทยาทานนะเหมือนให้คนไข้
00:17:44 → 00:17:47 แบบรู้จักโรคนี้มากขึ้นแล้วก็พาตัวเองมา
00:17:47 → 00:17:50 รักษาซึ่งคนไข้หลายคนน่ะมาหาหมอเสร็จมัก
00:17:50 → 00:17:54 จะบอกว่ารู้งี้มาหาหมอนานแล้วเป็นมาเป็น
00:17:54 → 00:17:57 ปีแล้วเนี่ยเออกินยาอยู่ไม่กี่วันก็หายละ
00:17:57 → 00:18:00 เออเอจริงๆก็ไม่ได้คาดคิดว่าจะแบบว่าอ้า
00:18:00 → 00:18:04 กินมันไม่ได้เหมือนโรคในในในภาวะของสภาวะ
00:18:04 → 00:18:06 จิตของเราอย่างอื่นไงที่แบบว่ามันต้องใช้
00:18:06 → 00:18:09 ระยะเวลาในการรักษากินยานานอันนี้คือแบบ
00:18:09 → 00:18:13 เอ้ยกินยามียาแบบฉุกเฉินให้ด้วยอ้าเผื่อ
00:18:13 → 00:18:15 เกิดสถานการณ์ฉุกเฉินขึ้นมาที่เราต้องไป
00:18:15 → 00:18:18 เจอกินยาแค่นี้ปึ๊บอ่ะดีขึ้นเลยอืถูกต้อง
00:18:18 → 00:18:21 ค่ะมาหาหมอเลยค่ะดูเหมือนไม่น่ากลัวเลย
00:18:21 → 00:18:24 ไม่น่ากลัวมันเป็นลูกโรคแบบจิ๊บๆอ่ะเป็น
00:18:24 → 00:18:28 โรคแบบอนุบาลมากเาเออคนไข้มาเนี่ยถ้าเป็น
00:18:28 → 00:18:31 แพนิกเนี่ยหมอแบบเออคุยแต่เราก็ต้องสอน
00:18:31 → 00:18:33 วิธีจัดการกับความเครียดวิธีดูแลตัวเอง
00:18:33 → 00:18:36 ด้วยเนาะเพื่อป้องกันไม่ให้แบบมันกระตุ้น
00:18:36 → 00:18:40 ให้เกิดแพนิคแบบเนี้ยค่ะแล้วก็กินยาก็กิน
00:18:40 → 00:18:43 ยาให้เป็นหายแล้วก็หยุดอ๋ออืก็ใช้ชีวิต
00:18:43 → 00:18:46 ตามปกติลั้นลาได้เป็นขึ้นมาอีกก็ค่อยมา
00:18:46 → 00:18:48 ใหม่ใช่ค่ะก็ไม่ได้แบบว่าต้องกินยาต่อ
00:18:49 → 00:18:51 เนื่องไปตลอดชีวิตไม่ๆไม่ได้ขนาดนั้นแต่
00:18:51 → 00:18:53 ก็ไม่ได้บอกว่าหายไปตลอดชีวิตอยู่ที่เรา
00:18:53 → 00:18:56 ควบคุมได้มั้ยอย่างเงี้ยเหรอก็บางคนก็
00:18:56 → 00:18:58 เป็นอยู่ครั้งเดียวแล้วไม่เป็นอีกเลยก็มี
00:18:58 → 00:19:02 นะคะแต่บางคนก็อาจจะเป็นอีกแต่ก็จะมีบาง
00:19:02 → 00:19:05 กลุ่มเช่นอย่างแบบพวกยกตัวอย่างเช่นพวก
00:19:05 → 00:19:07 แบบไม่ชอบที่แคบไม่ชอบการขึ้นเครื่องบิน
00:19:07 → 00:19:12 อ่าเออมีคนไข้จำนวนนึงนะคะเขาจะแบบเวลา
00:19:12 → 00:19:15 ปกติก็ใช้ชีวิตปกติอ่ะไปขึ้นเครื่องบิน
00:19:15 → 00:19:18 ปึ๊บเอาแล้วเนี่ยเออก็จะเออหมอก็จะให้ยา
00:19:18 → 00:19:22 ไปก็สอนวิธีใช้อ่ะเตรียมยาพกยาไปนะอ่า
00:19:22 → 00:19:25 ก่อนขึ้นเครื่องเนี่ยเอออ่ะเริ่มกินยาแต่
00:19:25 → 00:19:28 อย่าเดินทางคนเดียวนะหาคนไปด้วยก็ดีอ๋อ
00:19:28 → 00:19:32 อย่างงี้ถ้าเกิดว่ากลัวในการขึ้นเครื่อง
00:19:32 → 00:19:34 บินหรือว่าในที่แคบอ่ะเขาก็บอกว่าเฮ้ย
00:19:34 → 00:19:37 หน้ำยอกต้องเอาน้ำบ่งก็เอาให้ชิ้นเอาให้
00:19:37 → 00:19:42 เกิดแบบจากแรกๆค่อยๆแบบว่าขยับให้มันความ
00:19:42 → 00:19:44 กลัวตรงนี้มันน้อยลงเงี้ยใช้วิธีนี้ได้ม
00:19:45 → 00:19:47 อ่ะได้ค่ะมันก็จะมีวิธีฝึกเหมือนกัน
00:19:48 → 00:19:50 cognitive Behavior therapy วิธีแบบ
00:19:50 → 00:19:53 exposure therapy เขาคก็จะมีวิธีแบบ
00:19:54 → 00:19:57 บำบัดเป็นจิตบำบัดอย่างนึงเขาจะให้ตั้ง
00:19:57 → 00:20:00 แต่จินตนาการเลยอว่าคุณแบบเข้าไปอยู่ใน
00:20:00 → 00:20:04 เครื่องบินเครื่องบินกำลังแอร์สกำลังมา
00:20:04 → 00:20:07 อธิบายเครื่องบินกำลังจะออกที่มันแคบรู้
00:20:07 → 00:20:10 สึกนี่นู่นนั่นแล้วก็ให้รู้สึกแบบรีแลก
00:20:10 → 00:20:14 ผ่อนคลายตัวเองจนแบบเออรีแลกผ่อนคลายแล้ว
00:20:14 → 00:20:19 ก็หายตรงนั้นก็มีแต่บางคนแบบคือความแพนิค
00:20:19 → 00:20:22 มันรุนแรงมากอ่ะแล้วทรมานมากบางทีเราก็
00:20:22 → 00:20:25 ให้ยาไปช่วยค่ะอืถ้าอย่างงั้นแสดงว่าถ้า
00:20:25 → 00:20:27 เกิดคนที่เป็นแพนิคแล้วมีมีรับยงรับยา
00:20:27 → 00:20:29 หรืออะไรอย่างเงี้ยแล้วก็รู้ว่าอ่ะตัวเอง
00:20:29 → 00:20:31 ไม่ชอบขึ้นเครื่องบินกลัวการขึ้นเครื่อง
00:20:31 → 00:20:35 บินมากๆหรือในที่แคบแล้วอาจจะบอกคนข้างๆ
00:20:35 → 00:20:37 เราไว้หน่อยก็ได้เนาะว่าแบบเอ้ยถ้าเกิด
00:20:37 → 00:20:39 เข้าไปตรงนี้หรือไปอยู่ในอย่างงี้แล้วมัน
00:20:39 → 00:20:42 มีอาการแบบเนี้ยแล้วพอดีมียาอยู่ยังไงก็
00:20:42 → 00:20:46 ช่วยหยิบยหยิบยาให้ให้ทานให้ให้กินให้
00:20:46 → 00:20:48 อะไรอย่างเงี้ยได้มยก็คือหมอจะสอนคนไข้
00:20:49 → 00:20:51 ให้ดูแลตัวเองเลยค่ะอ๋อเออคุณไม่ต้องไปรบ
00:20:51 → 00:20:54 กวนคนอื่นนอกจากแบบมันจะหนักจริงๆไม่ไหว
00:20:54 → 00:20:58 จริงๆเออก็คือแบบอ่ะไปถึงก็ต้องดูว่าว่า
00:20:58 → 00:21:01 ความรุนแรงมันขนาดไหนแล้วก็ต้องแบบคนไข้
00:21:01 → 00:21:04 ต้องมีสติรู้บางคนตั้งแต่แบบเหยียบแผ่น
00:21:04 → 00:21:07 ดินสนามบินเอาละคุณเริ่มเป็นละอย่างเงี้ย
00:21:07 → 00:21:11 ให้กินยาให้เริ่มกินยาไว้ก่อนบางคนให้กิน
00:21:11 → 00:21:14 ยาตั้งแต่ออกจากบ้านละเดินทางไปสนามบิน
00:21:14 → 00:21:17 บางคนแบบเออเช็คอินอะไรเสร็จอ่ะค่อยกินยา
00:21:17 → 00:21:20 นะอก่อนขึ้นเครื่องบางคนอาจจะใช่บางคนอาจ
00:21:20 → 00:21:24 จะแบบเออนั่งรออยู่หน้าเกดอ่ะกินยานะแล้ว
00:21:24 → 00:21:27 ก็จะมียาเตรียมยาให้เขาก็จะเตรียมยา
00:21:27 → 00:21:31 เตรียมน้ำไว้เลยคพร้อมดูแลตัวเองได้รก
00:21:31 → 00:21:34 ผ่อนคลายไปอืฟังแบบนี้มันเหมือนมีสเต็ปใน
00:21:34 → 00:21:37 ความกลัวแพนิคของแต่ละคนแบบว่าบางคนอาจจะ
00:21:37 → 00:21:41 น้อยอาบางคนอาจจะมากบางคนน่ะมากมากๆๆมากๆ
00:21:41 → 00:21:45 ใช่ค่ะเออบางคนที่เป็นมากจัดๆอ่ะเขาก็จะ
00:21:45 → 00:21:47 เสียโอกาสในชีวิตหลายอย่างเช่นบางคนไม่
00:21:47 → 00:21:50 กล้าขึ้นเครื่องบินอือบางคนแบบไม่กล้า
00:21:50 → 00:21:54 เดินทางไปต่างประเทศบางคนแบบเออแม้แต่แบบ
00:21:54 → 00:21:57 ได้งานดีๆยังไม่เอาเลยอ่ะเพราะว่าฉันไม่
00:21:57 → 00:22:00 อยากขึ้นเครื่องบินอืเอออันนี้ว่าไม่ได้
00:22:00 → 00:22:02 นะคุณผู้ฟังเพราะว่าบางทีบางอาการเราอาจ
00:22:02 → 00:22:04 จะมองเนี่ยฟังอยู่แล้วแบบเออมันก็ไม่ได้
00:22:04 → 00:22:06 น่ากลัวมากแต่บางสำหรับบางคนที่เค้าเป็น
00:22:06 → 00:22:10 จริงๆอ่ะมันไม่ได้ไม่ได้ง่ายสำหรับเขาเลย
00:22:10 → 00:22:13 ในการที่จะแบบเอ่อฉันต้องเผชิญกับ
00:22:13 → 00:22:16 สถานการณ์บางอย่างที่ตัวเองแบบโดนกระตุ้น
00:22:16 → 00:22:19 ให้เกิดอาการแพนิคขึ้นมาแล้วมันแบบว่าแย่
00:22:19 → 00:22:22 ๆถึงขั้นหายใจไม่ออกอ่ะมัน
00:22:22 → 00:22:26 โหพร้อมจะช็อกไงไม่รู้เลยเนาะเออแล้วทำไม
00:22:26 → 00:22:28 ถึงกลายเป็นว่ามันเป็นโรคฮิตของชาวออฟฟิศ
00:22:28 → 00:22:30 เพราะว่าความเครียดนอนน้อยไม่ค่อยได้ออก
00:22:30 → 00:22:34 กำลังกายถูกบีบคั้นงานที่เร่งรีบอะไร
00:22:35 → 00:22:37 อย่างงี้ด้วยเปล่าคะใช่ค่ะก็หลายๆอย่าง
00:22:37 → 00:22:40 หลายๆปัจจัยกระตุ้นเนาะอือก็ทำให้เกิด
00:22:40 → 00:22:44 อาการคือหนุ่มสาวออฟฟิศเดี๋ยวเนี้ยก็มี
00:22:44 → 00:22:47 ความเครียดเยอะแล้วก็ไม่ค่อยได้ออกกำลัง
00:22:47 → 00:22:51 กายคืองานก็จะเนี่ยนั่งๆกันแล้วก็เป็น
00:22:51 → 00:22:55 ออฟฟิรมกันเยอะใช่แล้วก็ไม่ได้แบบมีเวลา
00:22:55 → 00:23:00 ไปรีแลกผ่อนคลายถ้าเอาศาสตรแพทย์แผนจีนนะ
00:23:00 → 00:23:03 เหมือนแบบร่างกายมันเสียสมดุลหยินหยาอ่ะ
00:23:03 → 00:23:05 คือมนุษย์มันต้องออกไปข้างนอกแบบเท้ามัน
00:23:05 → 00:23:09 ต้องสัมผัสพื้นหญ้าพื้นดินปล่อยประจุใน
00:23:09 → 00:23:13 ร่างกายออกไปรักษาสมดุลหยินหยางอะไรพอ
00:23:13 → 00:23:15 อยู่ในออฟฟิศเนี่ยมันไม่ได้ไปไหนเออมัน
00:23:15 → 00:23:17 สี่เหลี่ยมอะไรอย่างี้เนาะอยู่มันตใช่หาย
00:23:17 → 00:23:19 ใจจก็เนี่ยหายใจแอร์วนไปเวียนมากันอยู่
00:23:19 → 00:23:23 อะไเออไม่ได้ธรรมชาติเลยใช่มันก็เลยเนี่ย
00:23:23 → 00:23:25 ร่างกายเสียสมดุลก็เกิดเป็นความเครียดโดย
00:23:25 → 00:23:28 ไม่รู้ตัวอ๋อบางคนอาจจะไม่คิดว่าตัวเ
00:23:28 → 00:23:30 เครียดด้วยซ้ำไปใช่มเพราะไม่ได้แสดงอาการ
00:23:31 → 00:23:33 แต่ว่าต้องเอาตัวเองออกมาสู่ความเป็น
00:23:33 → 00:23:37 ธรรมชาติบ้างใช่หาเวลาให้ตัวเองพักบ้าง
00:23:37 → 00:23:40 อย่าทำแต่งาน work Life work Balance
00:23:40 → 00:23:46 มันไม่มีจริงๆไม่เห็นมีเลยมันมีแต่ว่าคือ
00:23:46 → 00:23:49 อะไรที่เราไม่ให้ความสำคัญน่ะเราจะไม่ให้
00:23:49 → 00:23:52 เวลามันใช่มั้ยคะยกตัวอย่างเช่นเราอ่ะมี
00:23:52 → 00:23:55 มีเวลาทำงานเพราะว่ามันสำคัญไงเราอยากได้
00:23:55 → 00:23:58 เงินใช่มั้ยคะแต่เราไม่ได้มองว่าการออกกำ
00:23:58 → 00:24:01 กลังกายการไปรีกการไปพักผ่อนเนี่ยมัน
00:24:01 → 00:24:04 สำคัญเราก็เลยไม่ได้ให้เวลากับมันอลองเรา
00:24:04 → 00:24:08 เห็นความสำคัญสิเหมือนกินน่ะเรากินข้าวมย
00:24:08 → 00:24:10 เรากินข้าวทุกวันมั้ยอฮะใชเออเพราะเรา
00:24:10 → 00:24:13 เห็นว่ามันสำคัญมันจำเป็นไงเออแต่ว่าเรา
00:24:13 → 00:24:16 ไม่ออกกำลังกายเราก็คิดว่ามันไม่จำเป็นไง
00:24:16 → 00:24:18 เพราะเราก็อยู่ได้ไงออไม่เป็นไรเดี๋ยว
00:24:18 → 00:24:20 พรุ่งนี้ละกันใช่ร่างกายมันก็ไม่ได้แบบ
00:24:20 → 00:24:23 อุ๊ยหิวกันออกกำลังกายจังเลยเธอต้องออกไป
00:24:23 → 00:24:26 เดี๋ยวนี้ไม่งั้นแบบจะเป็นลมแล้วนะมันไม่
00:24:26 → 00:24:29 มีไงอเออเพราะฉะนั้นเราก็ต้องแบบให้เวลา
00:24:29 → 00:24:32 ตัวเองแล้วต้องดูแลตัวเองเนาเออรีกบ้างนะ
00:24:32 → 00:24:35 คะจะได้ไม่ต้องแบบว่าแม้กระทั่งอาการคน
00:24:35 → 00:24:38 ที่เป็นแพนิกอยู่ก็ต้องรีกอ่าผ่อนคลายตัว
00:24:38 → 00:24:40 เองมันจะได้ไม่เกิดอาการความเครียดใดๆ
00:24:40 → 00:24:44 เกิดขึ้นมานะคะโรคนี้หายได้ไปหาคุณหมอก็
00:24:44 → 00:24:46 ได้ค่ะถ้าเป็นเยอะๆถ้าคิดว่าหรือไม่ไม่
00:24:46 → 00:24:48 แน่ใจว่าตัวเองเป็นหรือเปล่าลองไปคุยไปไป
00:24:48 → 00:24:51 ถามดูว่าเนี่ยมันเป็นอย่างเงี้ยอยู่ใน
00:24:51 → 00:24:53 สถานการณ์แบบเนี้ยมันเป็นอย่างเงี้ทุก
00:24:53 → 00:24:57 ครั้งเลยมันใช่มยอ่าถ้าเกิดใช่ก็ทำการดู
00:24:57 → 00:24:59 แลรักษากันไปแต่ถ้าไม่ใช่อาจจะเป็นอย่าง
00:24:59 → 00:25:01 อื่นอ่ะปรึกษาหมอได้อยู่อยู่ดีแหละใช่
00:25:01 → 00:25:04 มั้ยคะอ่าก็วันนี้ได้เรียนรู้กันไปแล้ว
00:25:04 → 00:25:07 แล้วก็วิธีการที่เราจะได้แบบผ่อนคลายตัว
00:25:07 → 00:25:10 เองนะคะขอบคุณคุณหมอค่ะสวัสดีค่ะสวัสเอา
00:25:10 → 00:25:12 ล่ะค่ะคุณผู้ฟังพบกันใหม่ครั้งหน้ากับราย
00:25:12 → 00:25:15 การโรงหมอทางไทยพเอ่อไทย PBS podcast นะ
00:25:15 → 00:25:19 คะวันนี้ลาไปก่อนสวัสดีค่ะ This Is Thai
00:25:19 → 00:25:21 PBS podcast ระดับความอ้วนของสัตว์
00:25:21 → 00:25:23 เลี้ยงมีทั้งหมด 5 ระดับเราจะรู้ได้อย่าง
00:25:23 → 00:25:26 ไรว่าสัตว์เลี้ยงของเราผอมหรืออ้วนผู้
00:25:26 → 00:25:28 ช่วยศาสตราจารย์นายสตวแพทย์ดรธีรด
00:25:28 → 00:25:31 รุ่งเรืองกิไกลจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
00:25:31 → 00:25:34 มาเล่าให้ฟังครับบางทีบางคนจะบอกว่าอ้วน
00:25:34 → 00:25:36 หรือเปล่าเนี่ยดูที่น้ำหนักบอกไม่ได้เลย
00:25:36 → 00:25:38 ถามว่าเนี่ยสุนัขที่บ้านน้ำหนัก 17 กล
00:25:38 → 00:25:42 อ้วนมยหลายๆคนงงถ้าเป็นพูด 17 กลนี่อ้วน
00:25:42 → 00:25:45 มากอ๋อถ้าเป็นหมาพันธุ์เล็กแต่ถ้าเป็นแบบ
00:25:45 → 00:25:48 เอ่อพันธุ์ด้น Retriever 17 กลนี่โอ้โห
00:25:48 → 00:25:50 เป็นหมาผอมแห้งเลยเพราะฉะนั้นเนี่ยการ
00:25:50 → 00:25:52 อ้วนการอะไรต่างๆจะดูที่น้ำหนักอย่าง
00:25:52 → 00:25:55 เดียวไม่ได้ต้องดูที่สายพันธุ์แล้วก็ดู
00:25:55 → 00:25:58 ที่ต้องใช้คำว่า Body score คือการให้
00:25:58 → 00:26:02 คะแนนของสภาพร่างกายของเขาว่าอ้วนหรือผอม
00:26:02 → 00:26:05 ซึ่งโดยปกติแล้วเนี่ยการดูสภาพร่างกายของ
00:26:05 → 00:26:08 ตัวสุนัขไม่ว่าจะเป็นสุนัขสุกรแมวอะไรก็
00:26:09 → 00:26:11 แล้วแต่เนี่ยเขาจะกำหนดค่ามาตรฐานกัน
00:26:11 → 00:26:15 คร่าวๆจากภาพที่เรามองเห็นเบื้องต้นโดย
00:26:15 → 00:26:17 ทั่วไปแล้วเนี่ยเขาจะแบ่งเป็นคะแนนฮะแบ่ง
00:26:17 → 00:26:20 เป็นคะแนนว่าแบ่งเป็น 1 2 3 4 5
00:26:20 → 00:26:22 เบื้องต้นนี่จะประมาณ 1-5 แต่จริงๆแล้ว
00:26:22 → 00:26:24 อ่ะถ้าวัดแบบละเอียดขึ้นก็จะแบ่งเป็น 9
00:26:24 → 00:26:27 ระดับซึ่งไอ้ตรงนั้นน่ะอาจจะทำให้เป็นการ
00:26:27 → 00:26:30 ยากสำหรับเจ้าของนะครับเบื้องต้นเนี่ยเรา
00:26:30 → 00:26:32 แบ่งเป็น 5 ระดับได้เลยว่าสุนัขของเรา
00:26:32 → 00:26:35 อ้วนหรือเปล่าถ้าคะแนนร่างกายของเขาได้ 1
00:26:35 → 00:26:38 เนี่ยคือเป็นลักษณะที่ผอมค่อนข้างแบบโอโห
00:26:38 → 00:26:41 ผอมเกร็งขาดอาหารและจนกระทั่งถึงระดับ 5
00:26:41 → 00:26:43 ระดับ 5 นี่คืออ้วนระดับที่ 1 เนี่ยเป็น
00:26:43 → 00:26:47 ภาวะของการผอมขาดอาหารเวลามองจากทางด้าน
00:26:47 → 00:26:50 บนเนี่ยเราจะมองเห็นว่าเอวเนี่ยคลอดเลย
00:26:50 → 00:26:54 แล้วก็มองเห็นกระดูกสันหลังแต่ละชิ้นแต่
00:26:54 → 00:26:55 ละชิ้นเนื่องจากไขมันกับกล้ามเนื้อมัน
00:26:55 → 00:26:58 น้อยส่วนในระดับที่ 2 ก็คือเป็นภวะผอด
00:26:58 → 00:27:00 เป็นลักษณะที่น้ำหนักน้อยกว่ามาตรฐานอัน
00:27:01 → 00:27:03 นี้คือ Under average นะครับตรงเนี้ย
00:27:03 → 00:27:05 เวลาที่เรามองลักษณะลำตัวของเขาเนี่ยเรา
00:27:05 → 00:27:08 จะเห็นว่าเห็นกระดูกซี่โครงค่อนข้างชัด
00:27:08 → 00:27:11 แต่ก็ยังพอเห็นมีไขมันกับกล้ามเนื้อคลุม
00:27:11 → 00:27:13 อันที่ 3 คือหุ่นดีใช้คำว่าหุ่นดีหุ่นได้
00:27:13 → 00:27:16 มาตรฐานทีนี้ระดับที่ 4 กับระดับที่ 5
00:27:16 → 00:27:18 เนี่ยก็ถือว่าเป็นภาวะของน้ำหนักเกินหรือ
00:27:18 → 00:27:22 อวทกับอ้วนส่วนระดับที่ 5 คือระดับอ้วน
00:27:22 → 00:27:25 คือโสเลยนะครับโสเลยเนี่ยตรงเนี้ยมองซี่
00:27:25 → 00:27:29 โครงก็ไม่เห็นคลำก็ต้องแบบกดแบบลึกมากๆ
00:27:29 → 00:27:31 ถึงจะเจอถ้าลักษณะนั้นถือว่าผิดปกติถือ
00:27:31 → 00:27:34 ว่าผิดปกติ
00:27:34 → 00:27:39 มาก This Is Thai PBS
00:27:39 → 00:27:42 podcast ติดตามรายการของ Thai PBS
00:27:42 → 00:27:44 podcast ได้ทางเว็บไซต์
00:27:44 → 00:27:58 www.thaipbs.or.th
00:27:58 → 00:28:01 แ