00:00:01 → 00:00:04 [เพลง]
00:00:04 → 00:00:06 You're listening to Sad X channel
00:00:06 → 00:00:07 podcast
00:00:07 → 00:00:11 >> สวัสดีครับและนี่คือรายการพcastสุขภาพดี
00:00:11 → 00:00:14 ชีวิตดีสร้างได้พื้นที่แบ่งปันความรู้
00:00:14 → 00:00:20 สำหรับคนรักสุขภาพทุกท่าน
00:00:20 → 00:00:24 คุณผู้ฟังทุกท่านทราบไหมครับว่าตับของเรา
00:00:24 → 00:00:26 เป็นอวัยวะที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ
00:00:26 → 00:00:29 ร่างกายมันเปรียบเสมือนโรงงานขนาดใหญ่ที่
00:00:29 → 00:00:32 คอยจัดการสารอาหารเกือบทุกชนิดทั้ง
00:00:32 → 00:00:36 คาร์โบไฮเดรตโปรตีนไขมันรวมถึงวิตามินและ
00:00:36 → 00:00:40 แร่ธาตุบางชนิดนอกจากนี้ตับยังทำหน้าที่
00:00:40 → 00:00:43 กำจัดของเสียและสารพิษออกจากร่างกายด้วย
00:00:43 → 00:00:46 การทำให้สารพิษหมดฤทธิ์หรือกระตุ้นยาบาง
00:00:46 → 00:00:51 ชนิดให้ทำงานแล้วจึงขับทิ้งไปที่สำคัญคือ
00:00:51 → 00:00:53 ตับยังเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและสร้าง
00:00:54 → 00:00:56 น้ำดีเพื่อช่วยจัดการกับวิตามินบางชนิด
00:00:57 → 00:00:59 โดยเฉพาะวิตามิน
00:00:59 → 00:01:01 ปัญหาเกี่ยวกับตับที่เรามักได้ยินบ่อยๆ
00:01:01 → 00:01:05 คือไขมันพอกตับซึ่งส่วนใหญ่มักไม่มีอาการ
00:01:05 → 00:01:09 และมักตรวจพบจากการอัลตราซาวด์โดยเฉพาะใน
00:01:09 → 00:01:12 ผู้ที่มีภาวะอ้วนหรืออ้วนลงพุงจะมีความ
00:01:12 → 00:01:16 เสี่ยงสูงนอกจากนี้ยังมีภาวะตับอักเสบที่
00:01:16 → 00:01:19 เกิดจากเซลล์ตับถูกทำลายและที่น่ากังวล
00:01:19 → 00:01:22 ที่สุดคือตับแข็งซึ่งเป็นภาวะที่ตับมีพัง
00:01:22 → 00:01:26 ผืดเกิดขึ้นจากการอักเสบซ้ำๆทำให้ตับมี
00:01:26 → 00:01:29 ผิวขุดขระเหี่ยวเล็กลงซึ่งประมาณ 10% ของ
00:01:29 → 00:01:32 ผู้ป่วยตับแข็งอาจพัฒนาไปเป็นมะเร็งตับ
00:01:32 → 00:01:35 ได้ด้วยครับหากตับเสียหายมากถึงขั้น
00:01:35 → 00:01:38 รุนแรงตับก็เป็นอวัยวะที่ไม่สามารถหาตัว
00:01:38 → 00:01:41 แทนได้และอาจจำเป็นต้องปลูกถ่ายอวัยวะ
00:01:41 → 00:01:45 เท่านั้นแสดงให้เห็นว่าการดูแลตับของเรา
00:01:45 → 00:01:49 ให้ดีมีความสำคัญเพียงใดเรามาดูกันนะครับ
00:01:49 → 00:01:52 ว่า 6 อาหารบำรุงตับที่คุณหมอส่วนใหญ่แนะ
00:01:52 → 00:01:55 นำให้ทานเพื่อให้ตับของคุณแข็งแรงนั้นมี
00:01:56 → 00:01:58 อะไรบ้างเราจะเน้นเน้นกลุ่มอาหารที่มีสาร
00:01:58 → 00:02:01 ต้านอนุมูลอิสระแอนิอกซidanceและมี
00:02:01 → 00:02:06 วิตามินแร่ธาตุที่เพียงพอครับ 1 กาแฟดำ
00:02:06 → 00:02:09 กาแฟดำเป็นเครื่องดื่มที่ช่วยบำรุงตับได้
00:02:09 → 00:02:12 ดีเยี่ยมเพราะมีสารคาเฟอีนและสารต้าน
00:02:12 → 00:02:15 อนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบในตับและลด
00:02:15 → 00:02:18 ความเสียหายของเซลล์ตับมีงานวิจัยจำนวน
00:02:18 → 00:02:22 มากที่ยืนยันว่าคนที่ดื่มกาแฟดำวันละ 3-4
00:02:22 → 00:02:25 แก้วมีความเสี่ยงเป็นโรคตับแข็งและมะเร็ง
00:02:25 → 00:02:29 ตับน้อยกว่าคนที่ไม่ดื่มสารสำคัญในกาแฟ
00:02:29 → 00:02:33 อย่างกรดคลอโรจนิคลอโรจนิคaซidยังช่วยลด
00:02:33 → 00:02:36 การสะสมไขมันในตับและปรับสมดุลน้ำตาลใน
00:02:36 → 00:02:39 เลือดนอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มระดับสาร
00:02:39 → 00:02:42 กลูต้าไทโอนซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
00:02:42 → 00:02:45 ที่สำคัญในตับช่วยให้ตับทำงานได้อย่างมี
00:02:45 → 00:02:49 ประสิทธิภาพมากขึ้นแต่ต้องเป็นกาแฟดำแท้ๆ
00:02:49 → 00:02:52 ไม่เติมน้ำตาลหรือครีมเทียมเพราะน้ำตาลจะ
00:02:52 → 00:02:55 ทำให้ตับทำงานหนักขึ้นส่วนครีมเทียมมักมี
00:02:55 → 00:02:58 ไขมันทรานซที่อันตรายต่อตับควรเลือกกาแฟ
00:02:58 → 00:03:01 ที่คั่วแบบอ่อนถึงปานกลางเพราะการคั่ว
00:03:01 → 00:03:04 แค้มเกินไปอาจทำให้เกิดสารก่อมะเร็งบาง
00:03:04 → 00:03:08 ชนิดได้ข้อแนะนำคือควรดื่มกาแฟในตอนเช้า
00:03:08 → 00:03:11 หรือก่อน 15:00 น.เพื่อไม่ให้รบกวนการนอน
00:03:11 → 00:03:14 หลับและสำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวเช่นโรค
00:03:14 → 00:03:17 หัวใจหรือความดันสูงควรปรึกษาแพทย์ก่อน
00:03:17 → 00:03:22 เพราะคาเฟอีนอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ 2
00:03:22 → 00:03:27 ผักและผลไม้ผักใบเขียวเข้มเช่นคะน้าผัก
00:03:27 → 00:03:30 โขมและผักตระกูลกะหล่ำอย่างบร็อกโคลี่
00:03:30 → 00:03:33 กะหล่ำปลีมีสารพิเศษที่ช่วยกระตุ้นการทำ
00:03:33 → 00:03:36 งานของเอนไซม์ในตับให้มีประสิทธิภาพมาก
00:03:36 → 00:03:40 ขึ้นทำให้ตับสามารถกำจัดสารพิษและของเสีย
00:03:40 → 00:03:43 ออกจากร่างกายได้ดีขึ้นโดยเฉพาะสาร
00:03:43 → 00:03:46 ซัลโฟราเฟนที่พบมากในบร็อกโคลี่ช่วยต้าน
00:03:46 → 00:03:50 การอักเสบและปกป้องตับจากความเสียหาย
00:03:50 → 00:03:54 ผลไม้สีสันสดใสเช่นแครอทฟักทองและมะเขือ
00:03:54 → 00:03:57 เทศก็มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่ช่วยซ่อม
00:03:58 → 00:04:01 แซมเซลล์ตับที่เสียหายจากการทำงานหนักการ
00:04:01 → 00:04:05 กินผักผลไม้หลายๆสีจะได้ประโยชน์ครบถ้วน
00:04:05 → 00:04:08 เพราะแต่ละสีมีสารอาหารต่างกันเช่นสาร
00:04:08 → 00:04:11 แอนทโทซายานินในมะเขือม่วงและบลูเบอร์รี่
00:04:11 → 00:04:14 ช่วยลดการอักเสบในตับส่วนไลโคปีนในมะเขือ
00:04:14 → 00:04:18 เทศก็ช่วยปกป้องตับจากความเสียหายได้นอก
00:04:18 → 00:04:22 จากนี้ใยอาหารในผักผลไม้ยังช่วยลดไขมัน
00:04:22 → 00:04:25 และน้ำตาลในเลือดทำให้ตับทำงานเบาลงควร
00:04:26 → 00:04:29 เน้นกินผักผลไม้สดวันละ 5-7 ส่วนส่วนละ
00:04:29 → 00:04:32 ประมาณ 1 กรัมมือและเลือกแบบออร์แกนิค
00:04:32 → 00:04:35 เมื่อทำได้เพื่อลดสารเคมีกำจัดศัตรูพืช
00:04:35 → 00:04:39 ที่อาจตกค้างและเป็นอันตรายต่อตับ
00:04:39 → 00:04:42 3 เบอร์รี่ชนิดต่างๆเบอร์รี่ทุกชนิดดี
00:04:42 → 00:04:44 ต่อตับโดยเฉพาะบลูเบอร์รี่และ
00:04:45 → 00:04:47 สตrawเบอร์รี่ที่มีสารแอนโทไซยานินและ
00:04:47 → 00:04:51 โพลีฟีนอลสูงซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
00:04:51 → 00:04:54 ที่มีพลังพิเศษในการลดการอักเสบและปกป้อง
00:04:54 → 00:04:57 ไม่ให้ตับถูกทำลายจากอนุมูลอิสระมีการ
00:04:57 → 00:05:00 ศึกษาพบว่าการกินบลูเบอร์รี่เป็นประจำ
00:05:00 → 00:05:04 ช่วยลดไขมันสะสมในตับและลดความเสี่ยงของ
00:05:04 → 00:05:08 ภาวะไขมันพอกตับได้ดีนอกจากนี้เบอร์รี่
00:05:08 → 00:05:10 ยังมีไฟเบอร์สูงที่ช่วยควบคุมระดับน้ำตาล
00:05:11 → 00:05:13 ในเลือดทำให้ตับไม่ต้องทำงานหนักในการจัด
00:05:14 → 00:05:16 การกับน้ำตาลส่วนเกินและยังช่วยให้ระบบ
00:05:16 → 00:05:19 ย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้นควรเลือกเบอร์รี่
00:05:19 → 00:05:23 สดแทนแบบอบแห้งเพราะมีน้ำตาลน้อยกว่าและ
00:05:23 → 00:05:26 ยังคงสารอาหารไว้ครบถ้วนสามารถนำไปปั่น
00:05:26 → 00:05:29 เป็นสมูทตี้หรือโรยบนโยเกิร์ตเป็นอาหาร
00:05:29 → 00:05:31 เช้าได้ง่ายๆแต่ต้องระมัดระวังเรื่องการ
00:05:31 → 00:05:34 ล้างให้สะอาดก่อนกินเพราะเบอร์รี่มักมี
00:05:34 → 00:05:37 สารเคมีตกค้างสูงสามารถแช่แในน้ำผสม
00:05:37 → 00:05:40 เบกิ้งโซดาประมาณ 5 นาทีแล้วล้างออกด้วย
00:05:40 → 00:05:45 น้ำสะอาดก่อนนำไปใช้ 4. น้ำมันมะกอกน้ำ
00:05:45 → 00:05:48 มันมะกอกชนิด extra เวอร์จinถือเป็นไขมัน
00:05:48 → 00:05:51 ดีเยี่ยมที่ช่วยบำรุงตับได้ดีเพราะมีสาร
00:05:51 → 00:05:54 โพลีฟีนอลสูงซึ่งมีคุณสมบัติในการลดการ
00:05:54 → 00:05:58 อักเสบและปกป้องเซลล์ตับไม่ให้ถูกทำลาย
00:05:58 → 00:06:00 การใช้น้ำมันมะกอกแทนน้ำมันพืชทั่วไปใน
00:06:00 → 00:06:04 การปรุงอาหารจะช่วยลดไขมันสะสมในตับและทำ
00:06:04 → 00:06:07 ให้ตับทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
00:06:07 → 00:06:10 มีงานวิจัยที่ชี้ว่าการกินน้ำมันมะกอก
00:06:10 → 00:06:13 ช่วยลดความเสี่ยงของโรคไขมันพอกตับที่ไม่
00:06:13 → 00:06:16 ได้เกิดจากแอลกอฮอล์ได้ครับควรใช้น้ำมัน
00:06:16 → 00:06:19 มะกอกปรุงอาหารด้วยความร้อนไม่สูงเกินไป
00:06:19 → 00:06:22 เช่นใช้ผัดหรือทำน้ำสลัดแทนการทอดที่ใช้
00:06:22 → 00:06:25 อุณหภูมิสูงเพราะความร้อนสูงจะทำลายสาร
00:06:25 → 00:06:28 อาหารสำคัญและคุณสมบัติที่เป็นประโยชน์
00:06:28 → 00:06:31 ของน้ำมันไปได้ควรเก็บน้ำมันมะกอกในขวดสี
00:06:31 → 00:06:34 เข้มแล้ววางในที่เย็นเพื่อรักษาคุณภาพ
00:06:34 → 00:06:38 ปริมาณที่แนะนำคือวันละ 1-2 ช้อนโต๊ะไม่
00:06:38 → 00:06:41 ควรกินมากเกินไปเพราะยังคงให้แคลอรี่สูง
00:06:41 → 00:06:46 แม้จะเป็นไขมันดีก็ตาม 5 ถั่วและธัญพืช
00:06:46 → 00:06:50 ไม่ขัดสีถั่วต่างๆเช่นอัลมอนวอนัและ
00:06:50 → 00:06:53 ธัญพืชอย่างข้าวกล้องข้าวโอ๊ตมีไฟเบอร์
00:06:53 → 00:06:56 สูงที่ช่วยลดการดูดซึมไขมันและน้ำตาลเข้า
00:06:56 → 00:06:59 สู่ตับทำให้ตับไม่ต้องทำงานหนักในการจัด
00:06:59 → 00:07:03 การกับสารอาหารเหล่านี้นอกจากนี้ถั่วยัง
00:07:03 → 00:07:05 อุดมไปด้วยวิตามินอีซึ่งเป็นสารต้าน
00:07:05 → 00:07:08 อนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ตับจากความ
00:07:08 → 00:07:11 เสียหายและช่วยลดความเสี่ยงของโรคไขมัน
00:07:11 → 00:07:15 พอกตับได้ในวอนมีกรดไขมันโอเมก้า 3 และ
00:07:15 → 00:07:18 กรดอะมิโนอาจินีนที่ช่วยล้างพิษจาก
00:07:18 → 00:07:21 แอมโมเนียในตับได้อีกด้วยควรเน้นกินถั่ว
00:07:21 → 00:07:24 วันละ 1 กำมือและเลือกแบบไม่ปรุงรสเพื่อ
00:07:24 → 00:07:27 หลีกเลี่ยงเกลือและน้ำตาลสวนเกินสำหรับ
00:07:27 → 00:07:30 ธัญพืชควรเลือกแบบไม่ขัดสีเพราะยังคงสาร
00:07:30 → 00:07:33 อาหารและใยอาหารไว้ครบถ้วนควรระวังเรื่อง
00:07:33 → 00:07:36 การเก็บรักษาถั่วให้ดีในภาชนะปิดสนิทใน
00:07:36 → 00:07:39 ตู้เย็นเพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นหืนซึ่งเป็น
00:07:39 → 00:07:43 สัญญาณว่าถั่วเริ่มมีสารพิษที่ทำลายตับ 6
00:07:43 → 00:07:47 ปลาที่มีน้ำมันโอเมก้า 3 ปลาทะเลน้ำลึก
00:07:47 → 00:07:51 เช่นแซลมอนทูและซาีนมีกรดไขมันโอเมก้า 3
00:07:51 → 00:07:54 สูงซึ่งเป็นไขมันดีที่มีคุณสมบัติโดดเด่น
00:07:54 → 00:07:58 ในการลดการอักเสบในตับและช่วยปกป้องภาวะ
00:07:58 → 00:08:01 ไขมันพอกตับการกินปลาอบหรือนึ่งสัปดาห์ละ
00:08:01 → 00:08:04 2-3 ครั้งจะช่วยบำรุงตับได้อย่างมี
00:08:04 → 00:08:07 ประสิทธิภาพนอกจากนี้ยังมีงานวิจัยที่ชี้
00:08:07 → 00:08:11 ว่าโอเมก้า 3 ช่วยลดระดับไขมันไตรกลิสไร
00:08:11 → 00:08:13 ในเลือดซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรค
00:08:13 → 00:08:17 ด้วยควรเลือกปลาขนาดเล็กเพราะมีสารปลอด
00:08:17 → 00:08:20 สะสมน้อยกว่าปลาขนาดใหญ่และควรหลีกเลี่ยง
00:08:20 → 00:08:23 การทอดปลาเพราะความร้อนสูงจะทำลายโอเมก้า
00:08:23 → 00:08:26 3 และยังเพิ่มไขมันไม่ดีเข้าไปอีกด้วย
00:08:27 → 00:08:30 สำหรับคนที่ไม่กินปลาสามารถกินเมล็ดแฟลก
00:08:30 → 00:08:32 หรือเมล็ดเจียร์แทนได้เพราะมีโอเมก้า 3
00:08:32 → 00:08:35 จากพืชเช่นกันแต่ร่างกายนำไปใช้ได้น้อย
00:08:35 → 00:08:39 กว่าจากปลาคุณพี่ฟังครับตับของเราเป็น
00:08:39 → 00:08:42 อวัยวะมหัศจรรย์ที่มีความสามารถในการซ่อม
00:08:42 → 00:08:45 แซมตัวเองได้อยู่ตลอดเวลาและจะทำงานได้ดี
00:08:45 → 00:08:48 ที่สุดก็ต่อเมื่อเราไม่เพิ่มภาระที่ไม่
00:08:48 → 00:08:52 จำเป็นให้กับมันครับดังนั้นการดูแลตับที่
00:08:52 → 00:08:54 ดีที่สุดจึงอยู่ที่การปรับเปลี่ยน
00:08:54 → 00:08:57 พฤติกรรมการกินและใช้ชีวิตประจำวันเลือก
00:08:57 → 00:09:01 ทานอาหารที่มีประโยชน์ลดละเลิกสิ่งที่จะ
00:09:01 → 00:09:03 ทำร้ายตับไม่จำเป็นต้องเสียเงินไปกับ
00:09:03 → 00:09:06 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือวิตามินบำรุงตับ
00:09:06 → 00:09:09 ที่ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์สนับสนุน
00:09:09 → 00:09:12 และอาจเป็นอันตรายต่อตับในระยะยาวหากคุณ
00:09:12 → 00:09:15 มีข้อสงสัยเกี่ยวกับสุขภาพตับหรือมีอาการ
00:09:15 → 00:09:18 ผิดปกติใดๆควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
00:09:18 → 00:09:22 เสมอครับผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อมูลใน
00:09:22 → 00:09:24 วันนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นแรงบันดาลใจ
00:09:24 → 00:09:27 ให้ทุกท่านหันมาใส่ใจเรื่องอาหารการกิน
00:09:27 → 00:09:30 มากยิ่งขึ้นเพื่อสุขภาพที่ดีและชีวิตที่
00:09:30 → 00:09:34 มีคุณภาพนะครับก่อนจะปิดรายการในวันนี้ขอ
00:09:34 → 00:09:38 เรียนให้คุณผู้ฟังทราบว่าเนื้อหาในพcสนี้
00:09:38 → 00:09:40 จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลและความรู้ทั่วไป
00:09:40 → 00:09:43 เท่านั้นและหากมีข้อสงสัยหรือปัญหาด้าน
00:09:44 → 00:09:46 สุขภาพควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญทาง
00:09:46 → 00:09:50 การแพทย์ทุกครั้งนะครับหากคุณชื่นชอบพcส
00:09:50 → 00:09:53 นี้อย่าลืมกดติดตามและแชร์ให้เพื่อนๆหรือ
00:09:53 → 00:09:56 คนในครอบครัวที่คุณรักนะครับเพราะการแบ่ง
00:09:56 → 00:09:59 ปันความรู้เป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างยิ่ง
00:09:59 → 00:10:02 ขอบคุณที่รับฟังแล้วพบกันใหม่ในตอนหน้า
00:10:02 → 00:10:06 สวัสดีครับ