00:00:00 → 00:00:04 7 สาเหตุที่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา
00:00:04 → 00:00:06 ผมมั่นใจเลยว่าต้องมีหลายๆ ท่านเลย
00:00:06 → 00:00:08 ที่ทำไมวันนี้มันรู้สึกเหนื่อยอย่างนี้
00:00:08 → 00:00:10 หรือบางทีทั้งอาทิตย์นี้ทำไมบางทีมันเหนื่อยจัง
00:00:10 → 00:00:13 บางคนก็อาจจะคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องงานรึเปล่า
00:00:13 → 00:00:14 หรือความเครียดรึเปล่า
00:00:14 → 00:00:16 แต่ผมบอกเลยมันมีมากกว่านั้น
00:00:16 → 00:00:18 และมันเป็นสาเหตุที่แก้ไขได้ซะด้วย
00:00:18 → 00:00:22 7 ข้อนี้และวิธีแก้จะทำให้ชีวิตท่านเปลี่ยนไปครับ
00:00:29 → 00:00:31 สวัสดีครับ ผมหมอท๊อปนะครับ
00:00:31 → 00:00:33 และนี่คือ DOCTOR TOP Channel
00:00:33 → 00:00:36 รายการสุขภาพที่ทั้งสนุกและมีสาระครับ
00:00:37 → 00:00:39 วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง
00:00:39 → 00:00:44 7 สาเหตุที่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา
00:00:44 → 00:00:47 ผมมั่นใจว่าต้องมีหลายๆ ท่านเลยที่แบบ
00:00:47 → 00:00:49 ทำไมวันนี้มันรู้สึกเหนื่อยอย่างนี้
00:00:49 → 00:00:52 หรือบางทีทั้งอาทิตย์นี้ทำไมมันเหนื่อยจัง
00:00:52 → 00:00:55 บางคนก็อาจจะคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องงานรึเปล่า
00:00:55 → 00:00:56 หรือความเครียดรึเปล่า
00:00:56 → 00:00:58 แต่ผมบอกเลยมันมีมากกว่านั้น
00:00:58 → 00:01:00 แล้วมันเป็นสาเหตุที่แก้ไขได้ซะด้วยครับ
00:01:01 → 00:01:04 7 ข้อนี้และวิธีแก้จะทำให้ชีวิตท่านเปลี่ยนไปครับ
00:01:05 → 00:01:06 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:01:06 → 00:01:09 กด Subscribe และกดกระดิ่งครับ
00:01:10 → 00:01:14 ก่อนที่เราจะไปเริ่มต้นกันที่ 7 ข้อผมคิดว่า
00:01:14 → 00:01:17 เรื่องสาเหตุของการเหนื่อยตลอดทั้งวัน
00:01:17 → 00:01:19 หรือว่าการเหนื่อยโดยไม่มีสาเหตุ
00:01:19 → 00:01:22 ทุกๆ ท่านน่าจะเคยเจอไม่มากก็น้อย
00:01:22 → 00:01:26 ผมว่าจริงๆ แล้วเราแทบจะไม่ทราบสาเหตุของมันเลย
00:01:26 → 00:01:29 แต่วันนี้จะมาบอกสาเหตุต่างๆ
00:01:29 → 00:01:32 ที่อาจจะทำให้ท่านตกเลยเลยว่ามันจิงหรอ
00:01:32 → 00:01:35 แต่ต้องบอกว่ามันจริงและแก้ไขได้ด้วยครับ
00:01:35 → 00:01:37 มาเริ่มกันที่ข้อแรกครับ
00:01:37 → 00:01:41 ข้อแรกคือ You skip exercises when your try.
00:01:41 → 00:01:42 หมายความว่าไร
00:01:42 → 00:01:46 คือคุณไม่ออกกำลังกายเมื่อคุณรู้สึกเหนื่อย
00:01:47 → 00:01:49 skip exercises when your try.
00:01:49 → 00:01:51 เพราะว่าเราเหนื่อยเราก็ไม่อยากออกกำลังกายใช่ไหมครับ
00:01:51 → 00:01:54 แล้วพอไม่ออกกำลังกายเราก็ไม่สดชื่น
00:01:54 → 00:01:57 เขาเรียกว่ามันเป็นวงจนเหนื่อยไม่ออกกำลังกาย
00:01:57 → 00:01:59 ไม่ออกกำลังกาย ไม่สดชื่น แล้วก็ก็กลับมาเหนื่อยใหม่
00:01:59 → 00:02:01 วนเป็นวงรอบนะครับ รู้สึกไม่สะบาย
00:02:01 → 00:02:05 แล้วบางคนรู้สึกผิด รู้สึกว่าเราไม่รักษาสุขภาพ
00:02:05 → 00:02:08 ก็ยิ่งเครียดยิ่งเหนื่อยเข้าไปใหญ่ครับ
00:02:08 → 00:02:12 มหาวิทยาลัยจอร์เจียหรือ Georgia University วิจัยเลยว่า
00:02:12 → 00:02:16 เมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านได้ออกกำลังกาย 3 วัน/สัปดาห์
00:02:16 → 00:02:20 อย่างน้อย 20-30 นาที จะทำให้ท่าน More energized
00:02:20 → 00:02:23 คือรู้สึกว่ามันกระปรี้กระเปร่า
00:02:23 → 00:02:26 มากกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายอย่างชัดเจน
00:02:26 → 00:02:30 เพราะฉะนั้นอย่าให้ความเหนื่อยมาขวางการออกกำลังกาย
00:02:30 → 00:02:31 และสุขภาพดีของท่านครับ
00:02:32 → 00:02:34 อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน
00:02:34 → 00:02:39 ครั้งละอย่างน้อย 30 นาที จะทำให้ชีวิตของท่านเปลี่ยนไป
00:02:39 → 00:02:41 มาต่อกันที่ข้อที่ 2 ครับ
00:02:41 → 00:02:45 You don't drink enough water. หมายความว่า
00:02:45 → 00:02:48 ท่านดื่มน้ำไม่เพียงพอครับ
00:02:48 → 00:02:49 แค่ดื่มน้ำไม่เพียงพอเนี่ยแหละ
00:02:50 → 00:02:52 ที่จะทำให้ท่านรู้สึกเหนื่อยไปทั้งวันเลยเชื่อไหมครับ
00:02:52 → 00:02:54 ผมบอกเลยว่าไม่เพียงพอขนาดไหน
00:02:54 → 00:02:56 ไม่ใช่ว่าแบบไม่กินน้ำทั้งวันนะครับ
00:02:57 → 00:03:01 เพียงแค่ท่านดื่มน้ำน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ
00:03:01 → 00:03:04 เพียงแค่ 2% มีการวิจัยออกมาเลย
00:03:05 → 00:03:08 กับปริมาณน้ำที่ท่านต้องการ
00:03:09 → 00:03:13 ถ้าให้คิดง่ายๆ ก็เอา 30 ไปคูณน้ำหนักตัว
00:03:13 → 00:03:16 จริงๆ มันประมาณ 32 แต่ไม่ต้องซีเรียสเอา 30 ไปคูณก็ได้
00:03:16 → 00:03:21 ถ้าน้ำหนัก 60x30 ก็ประมาณ 1,800 cc ต่อวัน
00:03:21 → 00:03:24 ถ้าท่านดื่มน้อยกว่านี้ ถ้าท่านซัก 1,600 cc
00:03:24 → 00:03:28 ท่านก็เริ่มไม่กระปรี้กระเปร่าแล้ว แต่ดื่มเกินได้นะครับ
00:03:28 → 00:03:30 แต่อย่าไปเยอะเกินเหตุเกินการ
00:03:30 → 00:03:35 แต่ดื่มน้อยกว่างานงอกทันทีจะเรื่มเหนื่อย
00:03:35 → 00:03:39 เราจะเรียกว่าภาวะขาดน้ำหรือภาวะ Dehydration
00:03:39 → 00:03:44 เพราะว่าการขาดน้ำทำให้เลือดในร่างกายของเราข้นขึ้น
00:03:44 → 00:03:45 เลือดข้นขึ้นแล้วเป็นยังไงครับ
00:03:45 → 00:03:49 มันก็ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายยากไงครับ
00:03:49 → 00:03:50 เขาเรียกว่านำพาออกซิเจนไปเลี้ยง
00:03:50 → 00:03:54 ส่วนที่ร่างกายต้องการไม่ได้โดยเฉพาะสมอง
00:03:54 → 00:03:56 สมองต้องการออกซิเจนมากๆ เลย
00:03:56 → 00:03:58 แล้วเลือดมันไม่พาออกซิเจนไป
00:03:58 → 00:04:00 มันก็มึนตึ้บไปทั้งวันนะครับ
00:04:00 → 00:04:02 เพราะฉะนั้นแล้วดื่มน้ำให้เพียงพอ
00:04:02 → 00:04:05 ไม่ยากจนเกินไปจะทำให้สุขภาพท่านดีนะครับ
00:04:05 → 00:04:07 แถมผิวพรรณยังผ่องใสด้วย
00:04:08 → 00:04:11 โอเคครับ มาต่อกันที่ข้อที่ 3 ครับ
00:04:11 → 00:04:17 ข้อที่ 3 เขาเรียกว่า You aren't consuming enough iron.
00:04:17 → 00:04:18 หมายความว่าไรครับ
00:04:18 → 00:04:24 ท่านทานอาหารที่มีองค์ประกอบของธาตุเหล็กไม่เพียงพอ
00:04:24 → 00:04:25 เมื่อทานอาหารที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ
00:04:25 → 00:04:29 จะเกิดภาวะ Iron deficiency ก็คือภาวะขาดเหล็ก
00:04:29 → 00:04:33 ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะโรคโลหิตจางจากการขาดเหล็กนั่นเอง
00:04:33 → 00:04:36 โลกหิตจางจะทำให้เรารู้สึกเหนื่อยง่าย
00:04:36 → 00:04:38 บางคนเดินขึ้นบันไดไม่ไหวเลยนะ
00:04:38 → 00:04:41 ปกติเดินได้ 2 ชั้น ตอนนี้เดินชั้นเดียวไม่ไหวแล้ว
00:04:41 → 00:04:44 โฟกัสไม่ได้ ทำงานไม่ได้ เพลียไปหมดทั้งวัน
00:04:44 → 00:04:46 โรคโลหิตจางนี่น่ากลัวนะครับ
00:04:47 → 00:04:48 คือเหนื่อยเพราะอะไรครับ
00:04:48 → 00:04:50 เหนื่อยเพราะร่างกายไม่สามารถนำพาออกซิเจน
00:04:50 → 00:04:53 ไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอครับ
00:04:54 → 00:04:56 เพราะฉะนั้นต้องบอกเลยว่าอันตรายมากๆ
00:04:56 → 00:04:59 สำหรับภาวะการขาดเหล็ก
00:04:59 → 00:05:02 สำหรับภาวะการขาดธาตุเหล็กนั้น
00:05:02 → 00:05:06 จริงๆ แล้วแก้ไม่ยากเลยเพียงท่านรู้จักว่า
00:05:06 → 00:05:08 อาหารอะไรที่มีธาตุเหล็กเหมาะสม
00:05:08 → 00:05:12 แล้วก็สามารถที่จะเติมเต็มธาตุเหล็กในร่างกายท่านได้
00:05:13 → 00:05:17 อาหารที่มีธาตุเหล็กเยอะเลยก็คือเนื้อสัตว์
00:05:17 → 00:05:21 เช่น อกไก่ เนื้อหมู เนื้อวัวที่เป็นเนื้อแดงมีธาตุเหล็กเยอะ
00:05:21 → 00:05:24 สีแดงๆ เหมือนสีเลือดนั่นแหละ มีธาตุเหล็กเยอะ
00:05:24 → 00:05:26 อันที่ 2 ถั่วแดง
00:05:26 → 00:05:28 อันที่ 3 เต้าหู้
00:05:28 → 00:05:30 อันที่ 4 ไข่ แต่ต้องทานไข่แดงด้วย
00:05:30 → 00:05:32 ทานไข่ขาวอย่างเดียวไม่ค่อยได้เหล็ก
00:05:32 → 00:05:34 และอันที่ 5 ผักสีเขียวเข้ม
00:05:34 → 00:05:37 ก็จะมีธาตุเหล็กค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
00:05:37 → 00:05:41 รวมทั้งอาหารที่มีวิตามินซีสูง
00:05:41 → 00:05:44 เช่น ส้มหรือว่าฝรั่ง
00:05:44 → 00:05:46 อาหารพวกกลุ่มมีวิตามินซีสูง
00:05:46 → 00:05:49 พอท่านทานไปจะสามารถทำให้ดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
00:05:49 → 00:05:53 เพราะฉะนั้นถ้าทานคู่กันมันก็จะเรียกว่าดับเบิ้ลดี
00:05:53 → 00:05:57 ดับเบิ้ลสุดยอดก็ลองทานกันดูครับ
00:05:57 → 00:05:59 นี่ก็คือข้อที่ 3 ครับ
00:05:59 → 00:06:05 คือทานธาตุเหล็กน้อยเกินไปทำให้ท่านเหนื่อยทั้งวัน
00:06:05 → 00:06:07 มาต่อกันที่ข้อที่ 4 ครับ
00:06:07 → 00:06:12 ข้อที่ 4 คือ You skip breakfast ไม่ทานอาหารเช้า
00:06:12 → 00:06:16 คือบางคนลดความอ้วนด้วยการไม่ทานเช้าแล้วกัน
00:06:16 → 00:06:19 ไปทานเย็นมื้อเดียวหรือเที่ยงหรือเย็นเลย
00:06:19 → 00:06:21 หรือว่าตื่นสายทานเช้าไม่ทัน
00:06:21 → 00:06:25 ก็ทานตอนเที่ยงเลยแล้วกันถือว่าลดความอ้วนไป
00:06:25 → 00:06:29 ก็ถามว่าน้ำหนักมันก็อาจจะลดแค่ช่วงแรกครับ
00:06:29 → 00:06:30 แต่ต่อไปมันไม่ค่อยลดแล้ว
00:06:30 → 00:06:33 มันมักจะเป็นอย่างนี้เสมอเวลาอดอาหารเป็นมื้อๆ
00:06:33 → 00:06:36 จริงๆ การลดความอ้วนควรลดมื้อละหน่อย
00:06:36 → 00:06:39 จะลดได้ดีกว่านะครับ อันนี้แถมๆ
00:06:40 → 00:06:41 คือก็ต้องบอกว่า
00:06:42 → 00:06:45 อาหารคือพลังงานของร่างกาย
00:06:45 → 00:06:48 อาหารตอนเย็นที่เราทานเข้าไป
00:06:48 → 00:06:50 ตอนนอนเราใช้ไปหมดแล้ว
00:06:50 → 00:06:52 ตื่นเช้ามาร่างกายมันก็แห้งแล้ว
00:06:52 → 00:06:54 มันไม่มีน้ำ มันไม่มีพลังงานแล้วใช่ไหมครับ
00:06:55 → 00:06:58 การทานอาหารเช้าเหมือนเป็นการจุดพลัง
00:06:58 → 00:07:00 จุดประกายไฟให้เรากระปรี้กระเปร่า
00:07:00 → 00:07:03 แต่ก็ต้องบอกว่ามันต้องเป็นอาหารเช้าที่คุณภาพค่อนข้างดี
00:07:03 → 00:07:06 ไม่ใช่ Junk food มันก็ไม่เวิร์ก
00:07:06 → 00:07:09 อาหารเช้าที่แนะนำก็จะเป็นอาหารที่เรียกว่า
00:07:09 → 00:07:12 Cograin lean protein healthy fat
00:07:12 → 00:07:15 Cograin ก็คือพวกธัญพืชต่างๆ
00:07:15 → 00:07:19 Lean protein โปรตีนชั้นดี เช่น อกไก่ ปลา ไข่
00:07:19 → 00:07:22 โยเกิร์ตหรือถั่วก็ได้
00:07:22 → 00:07:26 Healthy fat น้ำมันมะกอกหรือกลุ่มถั่วแอลมอน
00:07:26 → 00:07:29 ถั่วต่างๆ ก็จะมี Fat ชั้นดีเยอะนะครับ
00:07:29 → 00:07:32 นี่ก็คือ Cograin lean protein healthy food
00:07:32 → 00:07:34 อย่ากระโดดข้ามอาหารเช้า
00:07:34 → 00:07:36 เพราะมันคือพลังของท่านทั้งวันนะครับ
00:07:37 → 00:07:38 มาต่อกันที่ข้อที่ 5
00:07:38 → 00:07:41 You leave on junk food. คือชีวิตท่าน
00:07:41 → 00:07:44 ดำรงชีพด้วยอาหารขยะ อันนี้ปัญหาเยอะมาก
00:07:45 → 00:07:45 เพราะไรครับ
00:07:45 → 00:07:49 Junk food เป็นอาหารที่มีน้ำตาลสูงมาก
00:07:49 → 00:07:51 และมันเป็นน้ำตาลที่ไม่ค่อยดีเลย
00:07:51 → 00:07:55 อาหารที่มีน้ำตาลไม่ค่อยดีชนิดนี้จะทำให้ร่างกายของเรา
00:07:55 → 00:07:58 พอทานเข้าไปน้ำตาลจะพุ่งขึ้นสูงปี๊ดเลย
00:07:58 → 00:08:00 ในร่างกายของเรานะครับ
00:08:00 → 00:08:02 ตอนแรกเราจะอารมณ์ดีรู้สึกดีมากเลย
00:08:02 → 00:08:05 แต่สักพักเดียวหรือแป๊บเดียวน้ำตาลที่ขึ้นสูง
00:08:05 → 00:08:09 จะตกลงมาแฟ้บเหมือนตกหุบเขาเลย
00:08:09 → 00:08:11 ซึ่งอาการแบบนี้ไม่ค่อยดีนะครับ
00:08:11 → 00:08:13 อาการแบบนี้ก็คือเรื่องของน้ำตาลในร่างกาย
00:08:13 → 00:08:16 ที่ขึ้นเร็วลงเร็วก็คือสวิงมากๆ
00:08:16 → 00:08:19 จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียเหนื่อยง่ายไปทั้งวัน
00:08:19 → 00:08:22 แถมยังทำให้หงุดหงิดด้วยครับ
00:08:22 → 00:08:26 แทนที่จะรู้สึกดีกับการกินน้ำตาลทำให้หงุดหงิดซะมากกว่า
00:08:26 → 00:08:30 เพราะฉะนั้นการเลือกอาหารที่ดีจึงแก้ไขปัญหาข้อนี้ได้
00:08:30 → 00:08:33 อาหารที่ดีก็คือคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยช้า
00:08:33 → 00:08:37 หรือว่าอาหารที่เวลาย่อยแล้วทำให้น้ำตาลในเลือด
00:08:37 → 00:08:38 ไม่ขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว
00:08:38 → 00:08:41 แต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ทีละนิดๆ แล้วค้างอยู่แบบนั้น
00:08:41 → 00:08:46 ระดับน้ำตาลในร่างกายก็จะค้างคงที่อยู๋ในระดับหนึ่ง
00:08:46 → 00:08:50 ซึ่งแบบนี้ทำให้ท่านอิ่มนาน ไม่หงุดหงิด
00:08:50 → 00:08:52 แล้วก็มีพลังงานใช้ไปทั้งวัน
00:08:52 → 00:08:57 อาหารพวกนี้มีอะไรบ้าง เช่น ข้าวไม่ขัดสี ธัญพืชต่างๆ
00:08:57 → 00:09:01 โปรตีนกลุ่มอกไก่ ปลา พวกนี้อาหารดีๆ ทั้งนั้น
00:09:01 → 00:09:05 ทำให้ท่านแข็งแรงอารมณ์ดีแล้วก็มีแรงตลอดทั้งวัน
00:09:05 → 00:09:07 และนี่ก็คือข้อที่ 5 ครับ
00:09:07 → 00:09:10 ท่านกิน Junk food ตลอดเวลา
00:09:10 → 00:09:12 มาต่อกันที่ข้อที่ 6 ครับ
00:09:13 → 00:09:16 ข้อที่ 6 เขาเรียกว่า You have trouble playing knows.
00:09:16 → 00:09:20 คือ ถ้ามีปัญหากับคำพูดว่า "ไม่"
00:09:20 → 00:09:23 คือท่านเป็นแบบ Mr./Mrs.Yes
00:09:23 → 00:09:25 คือได้ครับได้ค่ะ ได้ครับได้ค่ะ
00:09:25 → 00:09:27 เมื่อเราได้ครับได้ค่ะตลอดก็คือ
00:09:27 → 00:09:31 เราแบกความหวังความต้องการของคนอื่นตลอดเวลา
00:09:31 → 00:09:35 เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้นมันเหมือนแบบโลกทั้งใบมันทับเราอยู่
00:09:35 → 00:09:37 ก็ทำให้เรารู้สึกหมดแรงตลอดเวลา
00:09:37 → 00:09:40 เพราะฉะนั้นการเลือกที่จะ Say No
00:09:40 → 00:09:43 ในสิ่งที่ไม่จำเป็นกับชีวิตผมว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องฝึก
00:09:43 → 00:09:46 และเป็นสิ่งที่ดีครับ และนี่คือข้อที่ 6
00:09:47 → 00:09:49 มาต่อกันที่ข้อที่ 7 ครับ
00:09:50 → 00:09:53 ข้อที่ 7 ก็คือ You stay up late on weekend.
00:09:53 → 00:09:54 อารมณ์อย่างนี้ครับ
00:09:54 → 00:09:59 คือนอนดึกในวันเสาร์ตื่นสายในวันอาทิตย์
00:09:59 → 00:10:03 นอนไม่หลับในคืนวันอาทิตย์แล้วก็ชีวิตแน่ในวันจันทร์
00:10:03 → 00:10:05 มันคลาสสิคมากเลยนะครับ
00:10:05 → 00:10:08 นอนดึกคืนวันเสาร์เพราะว่าปาร์ตี้ใช่ไหมครับ
00:10:08 → 00:10:12 พอเช้าวันอาทิตย์ตื่นเที่ยงบ่ายโมงใช่ไหมครับ
00:10:12 → 00:10:14 แล้วหลังจากนั้นเย็นวันอาทิตย์นอนไม่หลับ
00:10:14 → 00:10:15 นอนมาทั้งวันแล้วไง
00:10:16 → 00:10:18 ตอนเช้าวันจันทร์ไม่อยากไปทำงาน
00:10:18 → 00:10:21 คือปกติก็ไม่อยากอยู่แล้วก็ยิ่งไม่อยากหนักเข้าไปอีก
00:10:21 → 00:10:26 เพราะฉะนั้นท่านก็จะรู้สึกเหนื่อยหรือว่าไม่มีแรง
00:10:26 → 00:10:28 ไม่อยากไปอารมณ์ประมาณนั้น
00:10:28 → 00:10:30 เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วผมบอกเลยว่า
00:10:30 → 00:10:35 การนอนที่ดีแล้วนั้นมันไม่ควรแบ่งเป็นวันธรรมดากับวันหยุด
00:10:35 → 00:10:38 การนอนที่ดีก็คือทุกวันต้องเหมือนกัน
00:10:38 → 00:10:41 จันทร์ถึงอาทิตย์ท่านเข้านอนกี่โมง
00:10:41 → 00:10:42 ท่านก็ตื่นเวลาเดิม
00:10:43 → 00:10:46 โดยปกติผมแนะนำให้นอน 4 ทุ่ม ตื่นตี 5 หรือ 6 โมงเช้า
00:10:46 → 00:10:49 มันจะเป็นเวลาที่ค่อนข้างดีมากๆ เลย
00:10:49 → 00:10:52 เพราะว่าถ้าท่านนอนได้ 4 ทุ่ม แล้วท่านตื่น 6 โมงเช้า
00:10:52 → 00:10:55 อันดับแรกคือท่านนอนได้ 8 ชั่วโมง คือสุดยอด
00:10:55 → 00:10:57 อันที่ 2 คือ 4 ทุ่ม ถึงตี 2
00:10:57 → 00:10:59 เป็นช่วงที่โกรทฮอร์โมนหลั่งดีที่สุด
00:10:59 → 00:11:02 แล้วทำให้ร่างกายเราแข็งแรงชีวิตสดชื่นแจ่มใส
00:11:02 → 00:11:03 Everything good. ดีมากๆ
00:11:04 → 00:11:05 เพอร์เฟคมากๆ เอางี้แล้วกัน
00:11:05 → 00:11:07 เพราะฉะนั้น 4 ทุ่ม ถึง 6 โมงเช้า
00:11:07 → 00:11:09 ผมบอกเลยว่ามันเป็นแบบ Golden time
00:11:09 → 00:11:11 Golden time เวลาทองนะครับ
00:11:11 → 00:11:13 คือบางท่านบอกว่ามันไม่มีเวลามันเป็นไปไม่ได้
00:11:13 → 00:11:17 ผมบอกเลยว่าเมื่อไหร่ก็ตามถ้าท่านเห็นชีวิตท่านสำคัญที่สุด
00:11:17 → 00:11:20 สุขภาพท่านสำคัญที่สุด มันจะมีเวลาเสมอแหละครับ
00:11:20 → 00:11:22 เพียงแต่ว่าถ้าท่านเห็นว่ามันสำคัญไม่พอ
00:11:22 → 00:11:23 เหมือนจะไม่มีเวลานั่นเองครับ
00:11:25 → 00:11:27 นี่ก็คือ 7 ข้อทั้งหมดที่เป็นสาเหตุ
00:11:27 → 00:11:30 ที่ทำให้ท่านรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา
00:11:30 → 00:11:34 ผมขออนุณาตทบทวนทั้ง 7 ข้อ เผื่อท่านจะลืมนะครับ
00:11:34 → 00:11:38 ข้อแรกคือ You skip exercises when your try.
00:11:38 → 00:11:41 คือ ท่านไม่ออกกำลังกายเมื่อท่านเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้ว
00:11:41 → 00:11:44 มันก็ยิ่งเป็นวงจร เหนื่อยไม่ออกกำลังกาย
00:11:44 → 00:11:46 ไม่ออกกำลังกาย ไม่สดชื่นแล้วก็เหนื่อย
00:11:46 → 00:11:47 แล้วก็วนอยู่อย่างนี้ไปตลอดเวลา
00:11:47 → 00:11:50 ก็ทำให้ร่างกายแย่และเหนื่อยตลอดเวลา
00:11:50 → 00:11:55 ข้อ 2 ท่านดื่มน้ำไม่เพียงพอ
00:11:55 → 00:11:59 ข้อ 3 ท่านทานธาติเหล็กไม่เพียงพอ
00:11:59 → 00:12:04 ก็ทำให้เม็ดเลือดไม่แข็งแรงพาออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่ได้
00:12:04 → 00:12:06 ท่านก็รู้สึกอ่อนเพลียไปหมดนะครับ
00:12:06 → 00:12:09 ข้อ 4 ท่านไม่ทานอาหารเช้า
00:12:09 → 00:12:12 กระโดดข้ามอาหารเช้าเพราะหลายๆ เหตุผล
00:12:12 → 00:12:16 เมื่อท่านไม่มีพลังงานที่ใส่เข้าไปในตอนเช้า
00:12:16 → 00:12:18 มันก็ไม่มีพลังงานที่จะใช้ออกมา
00:12:18 → 00:12:20 มันตรงไปตรงมามากเลยที่จะทำให้ทั้งวันของท่าน
00:12:20 → 00:12:24 มันรู้สึกดาวน์หรือว่ารู้สึกไม่มีแรงนั่นเอง
00:12:24 → 00:12:28 ข้อที่ 5 ท่านทานแต่อาหาร Junk food
00:12:28 → 00:12:33 การทาน Junk food ทำให้น้ำตาลในร่างกายขึ้นลงเร็ว
00:12:33 → 00:12:35 เขาเรียกสวิง
00:12:35 → 00:12:38 การสวิงของน้ำตาลจะยิ่งทำให้เราเหนื่อยง่าย
00:12:38 → 00:12:40 เราหงุดหงิดง่าย เราอ่อนเพลียนะครับ
00:12:40 → 00:12:45 แล้วก็มีอัตราเสี่ยงในการทั้งเป็นโรคหัวใจและโรคเบาหวาน
00:12:45 → 00:12:48 เพราะฉะนั้นการเลือกทานอาหารที่ถูกต้อง
00:12:48 → 00:12:51 การเลือกทานอาหารในกลุ่มข้าวไม่ขัดสี
00:12:51 → 00:12:54 ธัญพืชต่างๆ โปรตีนชั้นดีพวกนี้จะไม่ทำให้น้ำตาลสวิง
00:12:54 → 00:13:02 แต่ถ้าไปเลือกเค้กหวานๆ หรือจะต้องเป็นไอศกรีมที่แบบ
00:13:02 → 00:13:07 หวานมันกลมกล่อมอย่างนี้น้ำตาลขึ้นปื้ดลงปื้ด
00:13:07 → 00:13:11 อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำให้เราเหนื่อยง่ายไปทั้งวัน
00:13:11 → 00:13:15 แล้วข้อที่ 6 ท่านมีปัญหาในการตอบคำว่า "ไม่"
00:13:15 → 00:13:19 หรือไม่เคยปฏิเสธใครเป็น Mr./Mrs.Yes
00:13:19 → 00:13:22 ก็ทำให้เราแบกโลกทั้งใบของคนอื่นไว้
00:13:22 → 00:13:25 มันก็เหนื่อยไปทั้งวันก็ไม่ไหวเหมือนกัน
00:13:25 → 00:13:30 และข้อที่ 7 ข้อสุดท้าย ท่านตื่นสายในวันหยุด
00:13:30 → 00:13:33 คือบางท่านก็บอกวันหยุดก็อยากจะตื่นสาย
00:13:33 → 00:13:35 อยากจะรู้สึกว่าปล่อยร่างกายของเรา
00:13:35 → 00:13:38 คืนวันศุกร์หรือคืนวันเสาร์ก็อยากจะเต็มที่กับชีวิต
00:13:39 → 00:13:42 คือถามว่ามันก็ดี มันก็ทำให้ท่าคลายเครียดได้
00:13:42 → 00:13:45 แต่ว่าสำหรับสุขภาพมันไม่ดีเท่าไหร่ไง
00:13:45 → 00:13:50 เพราะฉะนั้นแล้วถ้าจะให้แนะนำก็นอนให้ตรงเวลาทุกวัน
00:13:50 → 00:13:51 แล้วก็ตื่นให้ตรงเวลาทุกวัน
00:13:51 → 00:13:53 แล้วสุขภาพที่ดีก็จะอยู่กับท่านตลอดไปนะครับ
00:13:53 → 00:13:56 ก็ขอให้ทุกๆ คนมีความสุข
00:13:56 → 00:13:58 สุขภาพแข็งแรงทุกๆ คนเลยนะครับ
00:13:58 → 00:14:00 แล้วก็ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:14:00 → 00:14:02 กด Subscribe และกดกระดิ่งนะครับ
00:14:02 → 00:14:04 ขอบคุณครับ สวัสดีครับ
00:00:00 → 00:00:04 7 สาเหตุที่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา
00:00:04 → 00:00:06 ผมมั่นใจเลยว่าต้องมีหลายๆ ท่านเลย
00:00:06 → 00:00:08 ที่ทำไมวันนี้มันรู้สึกเหนื่อยอย่างนี้
00:00:08 → 00:00:10 หรือบางทีทั้งอาทิตย์นี้ทำไมบางทีมันเหนื่อยจัง
00:00:10 → 00:00:13 บางคนก็อาจจะคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องงานรึเปล่า
00:00:13 → 00:00:14 หรือความเครียดรึเปล่า
00:00:14 → 00:00:16 แต่ผมบอกเลยมันมีมากกว่านั้น
00:00:16 → 00:00:18 และมันเป็นสาเหตุที่แก้ไขได้ซะด้วย
00:00:18 → 00:00:22 7 ข้อนี้และวิธีแก้จะทำให้ชีวิตท่านเปลี่ยนไปครับ
00:00:29 → 00:00:31 สวัสดีครับ ผมหมอท๊อปนะครับ
00:00:31 → 00:00:33 และนี่คือ DOCTOR TOP Channel
00:00:33 → 00:00:36 รายการสุขภาพที่ทั้งสนุกและมีสาระครับ
00:00:37 → 00:00:39 วันนี้เราจะมาคุยกันเรื่อง
00:00:39 → 00:00:44 7 สาเหตุที่ทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา
00:00:44 → 00:00:47 ผมมั่นใจว่าต้องมีหลายๆ ท่านเลยที่แบบ
00:00:47 → 00:00:49 ทำไมวันนี้มันรู้สึกเหนื่อยอย่างนี้
00:00:49 → 00:00:52 หรือบางทีทั้งอาทิตย์นี้ทำไมมันเหนื่อยจัง
00:00:52 → 00:00:55 บางคนก็อาจจะคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องงานรึเปล่า
00:00:55 → 00:00:56 หรือความเครียดรึเปล่า
00:00:56 → 00:00:58 แต่ผมบอกเลยมันมีมากกว่านั้น
00:00:58 → 00:01:00 แล้วมันเป็นสาเหตุที่แก้ไขได้ซะด้วยครับ
00:01:01 → 00:01:04 7 ข้อนี้และวิธีแก้จะทำให้ชีวิตท่านเปลี่ยนไปครับ
00:01:05 → 00:01:06 ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:01:06 → 00:01:09 กด Subscribe และกดกระดิ่งครับ
00:01:10 → 00:01:14 ก่อนที่เราจะไปเริ่มต้นกันที่ 7 ข้อผมคิดว่า
00:01:14 → 00:01:17 เรื่องสาเหตุของการเหนื่อยตลอดทั้งวัน
00:01:17 → 00:01:19 หรือว่าการเหนื่อยโดยไม่มีสาเหตุ
00:01:19 → 00:01:22 ทุกๆ ท่านน่าจะเคยเจอไม่มากก็น้อย
00:01:22 → 00:01:26 ผมว่าจริงๆ แล้วเราแทบจะไม่ทราบสาเหตุของมันเลย
00:01:26 → 00:01:29 แต่วันนี้จะมาบอกสาเหตุต่างๆ
00:01:29 → 00:01:32 ที่อาจจะทำให้ท่านตกเลยเลยว่ามันจิงหรอ
00:01:32 → 00:01:35 แต่ต้องบอกว่ามันจริงและแก้ไขได้ด้วยครับ
00:01:35 → 00:01:37 มาเริ่มกันที่ข้อแรกครับ
00:01:37 → 00:01:41 ข้อแรกคือ You skip exercises when your try.
00:01:41 → 00:01:42 หมายความว่าไร
00:01:42 → 00:01:46 คือคุณไม่ออกกำลังกายเมื่อคุณรู้สึกเหนื่อย
00:01:47 → 00:01:49 skip exercises when your try.
00:01:49 → 00:01:51 เพราะว่าเราเหนื่อยเราก็ไม่อยากออกกำลังกายใช่ไหมครับ
00:01:51 → 00:01:54 แล้วพอไม่ออกกำลังกายเราก็ไม่สดชื่น
00:01:54 → 00:01:57 เขาเรียกว่ามันเป็นวงจนเหนื่อยไม่ออกกำลังกาย
00:01:57 → 00:01:59 ไม่ออกกำลังกาย ไม่สดชื่น แล้วก็ก็กลับมาเหนื่อยใหม่
00:01:59 → 00:02:01 วนเป็นวงรอบนะครับ รู้สึกไม่สะบาย
00:02:01 → 00:02:05 แล้วบางคนรู้สึกผิด รู้สึกว่าเราไม่รักษาสุขภาพ
00:02:05 → 00:02:08 ก็ยิ่งเครียดยิ่งเหนื่อยเข้าไปใหญ่ครับ
00:02:08 → 00:02:12 มหาวิทยาลัยจอร์เจียหรือ Georgia University วิจัยเลยว่า
00:02:12 → 00:02:16 เมื่อไหร่ก็ตามที่ท่านได้ออกกำลังกาย 3 วัน/สัปดาห์
00:02:16 → 00:02:20 อย่างน้อย 20-30 นาที จะทำให้ท่าน More energized
00:02:20 → 00:02:23 คือรู้สึกว่ามันกระปรี้กระเปร่า
00:02:23 → 00:02:26 มากกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายอย่างชัดเจน
00:02:26 → 00:02:30 เพราะฉะนั้นอย่าให้ความเหนื่อยมาขวางการออกกำลังกาย
00:02:30 → 00:02:31 และสุขภาพดีของท่านครับ
00:02:32 → 00:02:34 อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 วัน
00:02:34 → 00:02:39 ครั้งละอย่างน้อย 30 นาที จะทำให้ชีวิตของท่านเปลี่ยนไป
00:02:39 → 00:02:41 มาต่อกันที่ข้อที่ 2 ครับ
00:02:41 → 00:02:45 You don't drink enough water. หมายความว่า
00:02:45 → 00:02:48 ท่านดื่มน้ำไม่เพียงพอครับ
00:02:48 → 00:02:49 แค่ดื่มน้ำไม่เพียงพอเนี่ยแหละ
00:02:50 → 00:02:52 ที่จะทำให้ท่านรู้สึกเหนื่อยไปทั้งวันเลยเชื่อไหมครับ
00:02:52 → 00:02:54 ผมบอกเลยว่าไม่เพียงพอขนาดไหน
00:02:54 → 00:02:56 ไม่ใช่ว่าแบบไม่กินน้ำทั้งวันนะครับ
00:02:57 → 00:03:01 เพียงแค่ท่านดื่มน้ำน้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ
00:03:01 → 00:03:04 เพียงแค่ 2% มีการวิจัยออกมาเลย
00:03:05 → 00:03:08 กับปริมาณน้ำที่ท่านต้องการ
00:03:09 → 00:03:13 ถ้าให้คิดง่ายๆ ก็เอา 30 ไปคูณน้ำหนักตัว
00:03:13 → 00:03:16 จริงๆ มันประมาณ 32 แต่ไม่ต้องซีเรียสเอา 30 ไปคูณก็ได้
00:03:16 → 00:03:21 ถ้าน้ำหนัก 60x30 ก็ประมาณ 1,800 cc ต่อวัน
00:03:21 → 00:03:24 ถ้าท่านดื่มน้อยกว่านี้ ถ้าท่านซัก 1,600 cc
00:03:24 → 00:03:28 ท่านก็เริ่มไม่กระปรี้กระเปร่าแล้ว แต่ดื่มเกินได้นะครับ
00:03:28 → 00:03:30 แต่อย่าไปเยอะเกินเหตุเกินการ
00:03:30 → 00:03:35 แต่ดื่มน้อยกว่างานงอกทันทีจะเรื่มเหนื่อย
00:03:35 → 00:03:39 เราจะเรียกว่าภาวะขาดน้ำหรือภาวะ Dehydration
00:03:39 → 00:03:44 เพราะว่าการขาดน้ำทำให้เลือดในร่างกายของเราข้นขึ้น
00:03:44 → 00:03:45 เลือดข้นขึ้นแล้วเป็นยังไงครับ
00:03:45 → 00:03:49 มันก็ไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายยากไงครับ
00:03:49 → 00:03:50 เขาเรียกว่านำพาออกซิเจนไปเลี้ยง
00:03:50 → 00:03:54 ส่วนที่ร่างกายต้องการไม่ได้โดยเฉพาะสมอง
00:03:54 → 00:03:56 สมองต้องการออกซิเจนมากๆ เลย
00:03:56 → 00:03:58 แล้วเลือดมันไม่พาออกซิเจนไป
00:03:58 → 00:04:00 มันก็มึนตึ้บไปทั้งวันนะครับ
00:04:00 → 00:04:02 เพราะฉะนั้นแล้วดื่มน้ำให้เพียงพอ
00:04:02 → 00:04:05 ไม่ยากจนเกินไปจะทำให้สุขภาพท่านดีนะครับ
00:04:05 → 00:04:07 แถมผิวพรรณยังผ่องใสด้วย
00:04:08 → 00:04:11 โอเคครับ มาต่อกันที่ข้อที่ 3 ครับ
00:04:11 → 00:04:17 ข้อที่ 3 เขาเรียกว่า You aren't consuming enough iron.
00:04:17 → 00:04:18 หมายความว่าไรครับ
00:04:18 → 00:04:24 ท่านทานอาหารที่มีองค์ประกอบของธาตุเหล็กไม่เพียงพอ
00:04:24 → 00:04:25 เมื่อทานอาหารที่มีธาตุเหล็กไม่เพียงพอ
00:04:25 → 00:04:29 จะเกิดภาวะ Iron deficiency ก็คือภาวะขาดเหล็ก
00:04:29 → 00:04:33 ซึ่งจะทำให้เกิดภาวะโรคโลหิตจางจากการขาดเหล็กนั่นเอง
00:04:33 → 00:04:36 โลกหิตจางจะทำให้เรารู้สึกเหนื่อยง่าย
00:04:36 → 00:04:38 บางคนเดินขึ้นบันไดไม่ไหวเลยนะ
00:04:38 → 00:04:41 ปกติเดินได้ 2 ชั้น ตอนนี้เดินชั้นเดียวไม่ไหวแล้ว
00:04:41 → 00:04:44 โฟกัสไม่ได้ ทำงานไม่ได้ เพลียไปหมดทั้งวัน
00:04:44 → 00:04:46 โรคโลหิตจางนี่น่ากลัวนะครับ
00:04:47 → 00:04:48 คือเหนื่อยเพราะอะไรครับ
00:04:48 → 00:04:50 เหนื่อยเพราะร่างกายไม่สามารถนำพาออกซิเจน
00:04:50 → 00:04:53 ไปเลี้ยงสมองได้เพียงพอครับ
00:04:54 → 00:04:56 เพราะฉะนั้นต้องบอกเลยว่าอันตรายมากๆ
00:04:56 → 00:04:59 สำหรับภาวะการขาดเหล็ก
00:04:59 → 00:05:02 สำหรับภาวะการขาดธาตุเหล็กนั้น
00:05:02 → 00:05:06 จริงๆ แล้วแก้ไม่ยากเลยเพียงท่านรู้จักว่า
00:05:06 → 00:05:08 อาหารอะไรที่มีธาตุเหล็กเหมาะสม
00:05:08 → 00:05:12 แล้วก็สามารถที่จะเติมเต็มธาตุเหล็กในร่างกายท่านได้
00:05:13 → 00:05:17 อาหารที่มีธาตุเหล็กเยอะเลยก็คือเนื้อสัตว์
00:05:17 → 00:05:21 เช่น อกไก่ เนื้อหมู เนื้อวัวที่เป็นเนื้อแดงมีธาตุเหล็กเยอะ
00:05:21 → 00:05:24 สีแดงๆ เหมือนสีเลือดนั่นแหละ มีธาตุเหล็กเยอะ
00:05:24 → 00:05:26 อันที่ 2 ถั่วแดง
00:05:26 → 00:05:28 อันที่ 3 เต้าหู้
00:05:28 → 00:05:30 อันที่ 4 ไข่ แต่ต้องทานไข่แดงด้วย
00:05:30 → 00:05:32 ทานไข่ขาวอย่างเดียวไม่ค่อยได้เหล็ก
00:05:32 → 00:05:34 และอันที่ 5 ผักสีเขียวเข้ม
00:05:34 → 00:05:37 ก็จะมีธาตุเหล็กค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว
00:05:37 → 00:05:41 รวมทั้งอาหารที่มีวิตามินซีสูง
00:05:41 → 00:05:44 เช่น ส้มหรือว่าฝรั่ง
00:05:44 → 00:05:46 อาหารพวกกลุ่มมีวิตามินซีสูง
00:05:46 → 00:05:49 พอท่านทานไปจะสามารถทำให้ดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น
00:05:49 → 00:05:53 เพราะฉะนั้นถ้าทานคู่กันมันก็จะเรียกว่าดับเบิ้ลดี
00:05:53 → 00:05:57 ดับเบิ้ลสุดยอดก็ลองทานกันดูครับ
00:05:57 → 00:05:59 นี่ก็คือข้อที่ 3 ครับ
00:05:59 → 00:06:05 คือทานธาตุเหล็กน้อยเกินไปทำให้ท่านเหนื่อยทั้งวัน
00:06:05 → 00:06:07 มาต่อกันที่ข้อที่ 4 ครับ
00:06:07 → 00:06:12 ข้อที่ 4 คือ You skip breakfast ไม่ทานอาหารเช้า
00:06:12 → 00:06:16 คือบางคนลดความอ้วนด้วยการไม่ทานเช้าแล้วกัน
00:06:16 → 00:06:19 ไปทานเย็นมื้อเดียวหรือเที่ยงหรือเย็นเลย
00:06:19 → 00:06:21 หรือว่าตื่นสายทานเช้าไม่ทัน
00:06:21 → 00:06:25 ก็ทานตอนเที่ยงเลยแล้วกันถือว่าลดความอ้วนไป
00:06:25 → 00:06:29 ก็ถามว่าน้ำหนักมันก็อาจจะลดแค่ช่วงแรกครับ
00:06:29 → 00:06:30 แต่ต่อไปมันไม่ค่อยลดแล้ว
00:06:30 → 00:06:33 มันมักจะเป็นอย่างนี้เสมอเวลาอดอาหารเป็นมื้อๆ
00:06:33 → 00:06:36 จริงๆ การลดความอ้วนควรลดมื้อละหน่อย
00:06:36 → 00:06:39 จะลดได้ดีกว่านะครับ อันนี้แถมๆ
00:06:40 → 00:06:41 คือก็ต้องบอกว่า
00:06:42 → 00:06:45 อาหารคือพลังงานของร่างกาย
00:06:45 → 00:06:48 อาหารตอนเย็นที่เราทานเข้าไป
00:06:48 → 00:06:50 ตอนนอนเราใช้ไปหมดแล้ว
00:06:50 → 00:06:52 ตื่นเช้ามาร่างกายมันก็แห้งแล้ว
00:06:52 → 00:06:54 มันไม่มีน้ำ มันไม่มีพลังงานแล้วใช่ไหมครับ
00:06:55 → 00:06:58 การทานอาหารเช้าเหมือนเป็นการจุดพลัง
00:06:58 → 00:07:00 จุดประกายไฟให้เรากระปรี้กระเปร่า
00:07:00 → 00:07:03 แต่ก็ต้องบอกว่ามันต้องเป็นอาหารเช้าที่คุณภาพค่อนข้างดี
00:07:03 → 00:07:06 ไม่ใช่ Junk food มันก็ไม่เวิร์ก
00:07:06 → 00:07:09 อาหารเช้าที่แนะนำก็จะเป็นอาหารที่เรียกว่า
00:07:09 → 00:07:12 Cograin lean protein healthy fat
00:07:12 → 00:07:15 Cograin ก็คือพวกธัญพืชต่างๆ
00:07:15 → 00:07:19 Lean protein โปรตีนชั้นดี เช่น อกไก่ ปลา ไข่
00:07:19 → 00:07:22 โยเกิร์ตหรือถั่วก็ได้
00:07:22 → 00:07:26 Healthy fat น้ำมันมะกอกหรือกลุ่มถั่วแอลมอน
00:07:26 → 00:07:29 ถั่วต่างๆ ก็จะมี Fat ชั้นดีเยอะนะครับ
00:07:29 → 00:07:32 นี่ก็คือ Cograin lean protein healthy food
00:07:32 → 00:07:34 อย่ากระโดดข้ามอาหารเช้า
00:07:34 → 00:07:36 เพราะมันคือพลังของท่านทั้งวันนะครับ
00:07:37 → 00:07:38 มาต่อกันที่ข้อที่ 5
00:07:38 → 00:07:41 You leave on junk food. คือชีวิตท่าน
00:07:41 → 00:07:44 ดำรงชีพด้วยอาหารขยะ อันนี้ปัญหาเยอะมาก
00:07:45 → 00:07:45 เพราะไรครับ
00:07:45 → 00:07:49 Junk food เป็นอาหารที่มีน้ำตาลสูงมาก
00:07:49 → 00:07:51 และมันเป็นน้ำตาลที่ไม่ค่อยดีเลย
00:07:51 → 00:07:55 อาหารที่มีน้ำตาลไม่ค่อยดีชนิดนี้จะทำให้ร่างกายของเรา
00:07:55 → 00:07:58 พอทานเข้าไปน้ำตาลจะพุ่งขึ้นสูงปี๊ดเลย
00:07:58 → 00:08:00 ในร่างกายของเรานะครับ
00:08:00 → 00:08:02 ตอนแรกเราจะอารมณ์ดีรู้สึกดีมากเลย
00:08:02 → 00:08:05 แต่สักพักเดียวหรือแป๊บเดียวน้ำตาลที่ขึ้นสูง
00:08:05 → 00:08:09 จะตกลงมาแฟ้บเหมือนตกหุบเขาเลย
00:08:09 → 00:08:11 ซึ่งอาการแบบนี้ไม่ค่อยดีนะครับ
00:08:11 → 00:08:13 อาการแบบนี้ก็คือเรื่องของน้ำตาลในร่างกาย
00:08:13 → 00:08:16 ที่ขึ้นเร็วลงเร็วก็คือสวิงมากๆ
00:08:16 → 00:08:19 จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียเหนื่อยง่ายไปทั้งวัน
00:08:19 → 00:08:22 แถมยังทำให้หงุดหงิดด้วยครับ
00:08:22 → 00:08:26 แทนที่จะรู้สึกดีกับการกินน้ำตาลทำให้หงุดหงิดซะมากกว่า
00:08:26 → 00:08:30 เพราะฉะนั้นการเลือกอาหารที่ดีจึงแก้ไขปัญหาข้อนี้ได้
00:08:30 → 00:08:33 อาหารที่ดีก็คือคาร์โบไฮเดรตที่ย่อยช้า
00:08:33 → 00:08:37 หรือว่าอาหารที่เวลาย่อยแล้วทำให้น้ำตาลในเลือด
00:08:37 → 00:08:38 ไม่ขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว
00:08:38 → 00:08:41 แต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ทีละนิดๆ แล้วค้างอยู่แบบนั้น
00:08:41 → 00:08:46 ระดับน้ำตาลในร่างกายก็จะค้างคงที่อยู๋ในระดับหนึ่ง
00:08:46 → 00:08:50 ซึ่งแบบนี้ทำให้ท่านอิ่มนาน ไม่หงุดหงิด
00:08:50 → 00:08:52 แล้วก็มีพลังงานใช้ไปทั้งวัน
00:08:52 → 00:08:57 อาหารพวกนี้มีอะไรบ้าง เช่น ข้าวไม่ขัดสี ธัญพืชต่างๆ
00:08:57 → 00:09:01 โปรตีนกลุ่มอกไก่ ปลา พวกนี้อาหารดีๆ ทั้งนั้น
00:09:01 → 00:09:05 ทำให้ท่านแข็งแรงอารมณ์ดีแล้วก็มีแรงตลอดทั้งวัน
00:09:05 → 00:09:07 และนี่ก็คือข้อที่ 5 ครับ
00:09:07 → 00:09:10 ท่านกิน Junk food ตลอดเวลา
00:09:10 → 00:09:12 มาต่อกันที่ข้อที่ 6 ครับ
00:09:13 → 00:09:16 ข้อที่ 6 เขาเรียกว่า You have trouble playing knows.
00:09:16 → 00:09:20 คือ ถ้ามีปัญหากับคำพูดว่า "ไม่"
00:09:20 → 00:09:23 คือท่านเป็นแบบ Mr./Mrs.Yes
00:09:23 → 00:09:25 คือได้ครับได้ค่ะ ได้ครับได้ค่ะ
00:09:25 → 00:09:27 เมื่อเราได้ครับได้ค่ะตลอดก็คือ
00:09:27 → 00:09:31 เราแบกความหวังความต้องการของคนอื่นตลอดเวลา
00:09:31 → 00:09:35 เมื่อสิ่งนั้นเกิดขึ้นมันเหมือนแบบโลกทั้งใบมันทับเราอยู่
00:09:35 → 00:09:37 ก็ทำให้เรารู้สึกหมดแรงตลอดเวลา
00:09:37 → 00:09:40 เพราะฉะนั้นการเลือกที่จะ Say No
00:09:40 → 00:09:43 ในสิ่งที่ไม่จำเป็นกับชีวิตผมว่ามันเป็นสิ่งที่ต้องฝึก
00:09:43 → 00:09:46 และเป็นสิ่งที่ดีครับ และนี่คือข้อที่ 6
00:09:47 → 00:09:49 มาต่อกันที่ข้อที่ 7 ครับ
00:09:50 → 00:09:53 ข้อที่ 7 ก็คือ You stay up late on weekend.
00:09:53 → 00:09:54 อารมณ์อย่างนี้ครับ
00:09:54 → 00:09:59 คือนอนดึกในวันเสาร์ตื่นสายในวันอาทิตย์
00:09:59 → 00:10:03 นอนไม่หลับในคืนวันอาทิตย์แล้วก็ชีวิตแน่ในวันจันทร์
00:10:03 → 00:10:05 มันคลาสสิคมากเลยนะครับ
00:10:05 → 00:10:08 นอนดึกคืนวันเสาร์เพราะว่าปาร์ตี้ใช่ไหมครับ
00:10:08 → 00:10:12 พอเช้าวันอาทิตย์ตื่นเที่ยงบ่ายโมงใช่ไหมครับ
00:10:12 → 00:10:14 แล้วหลังจากนั้นเย็นวันอาทิตย์นอนไม่หลับ
00:10:14 → 00:10:15 นอนมาทั้งวันแล้วไง
00:10:16 → 00:10:18 ตอนเช้าวันจันทร์ไม่อยากไปทำงาน
00:10:18 → 00:10:21 คือปกติก็ไม่อยากอยู่แล้วก็ยิ่งไม่อยากหนักเข้าไปอีก
00:10:21 → 00:10:26 เพราะฉะนั้นท่านก็จะรู้สึกเหนื่อยหรือว่าไม่มีแรง
00:10:26 → 00:10:28 ไม่อยากไปอารมณ์ประมาณนั้น
00:10:28 → 00:10:30 เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้วผมบอกเลยว่า
00:10:30 → 00:10:35 การนอนที่ดีแล้วนั้นมันไม่ควรแบ่งเป็นวันธรรมดากับวันหยุด
00:10:35 → 00:10:38 การนอนที่ดีก็คือทุกวันต้องเหมือนกัน
00:10:38 → 00:10:41 จันทร์ถึงอาทิตย์ท่านเข้านอนกี่โมง
00:10:41 → 00:10:42 ท่านก็ตื่นเวลาเดิม
00:10:43 → 00:10:46 โดยปกติผมแนะนำให้นอน 4 ทุ่ม ตื่นตี 5 หรือ 6 โมงเช้า
00:10:46 → 00:10:49 มันจะเป็นเวลาที่ค่อนข้างดีมากๆ เลย
00:10:49 → 00:10:52 เพราะว่าถ้าท่านนอนได้ 4 ทุ่ม แล้วท่านตื่น 6 โมงเช้า
00:10:52 → 00:10:55 อันดับแรกคือท่านนอนได้ 8 ชั่วโมง คือสุดยอด
00:10:55 → 00:10:57 อันที่ 2 คือ 4 ทุ่ม ถึงตี 2
00:10:57 → 00:10:59 เป็นช่วงที่โกรทฮอร์โมนหลั่งดีที่สุด
00:10:59 → 00:11:02 แล้วทำให้ร่างกายเราแข็งแรงชีวิตสดชื่นแจ่มใส
00:11:02 → 00:11:03 Everything good. ดีมากๆ
00:11:04 → 00:11:05 เพอร์เฟคมากๆ เอางี้แล้วกัน
00:11:05 → 00:11:07 เพราะฉะนั้น 4 ทุ่ม ถึง 6 โมงเช้า
00:11:07 → 00:11:09 ผมบอกเลยว่ามันเป็นแบบ Golden time
00:11:09 → 00:11:11 Golden time เวลาทองนะครับ
00:11:11 → 00:11:13 คือบางท่านบอกว่ามันไม่มีเวลามันเป็นไปไม่ได้
00:11:13 → 00:11:17 ผมบอกเลยว่าเมื่อไหร่ก็ตามถ้าท่านเห็นชีวิตท่านสำคัญที่สุด
00:11:17 → 00:11:20 สุขภาพท่านสำคัญที่สุด มันจะมีเวลาเสมอแหละครับ
00:11:20 → 00:11:22 เพียงแต่ว่าถ้าท่านเห็นว่ามันสำคัญไม่พอ
00:11:22 → 00:11:23 เหมือนจะไม่มีเวลานั่นเองครับ
00:11:25 → 00:11:27 นี่ก็คือ 7 ข้อทั้งหมดที่เป็นสาเหตุ
00:11:27 → 00:11:30 ที่ทำให้ท่านรู้สึกเหนื่อยตลอดเวลา
00:11:30 → 00:11:34 ผมขออนุณาตทบทวนทั้ง 7 ข้อ เผื่อท่านจะลืมนะครับ
00:11:34 → 00:11:38 ข้อแรกคือ You skip exercises when your try.
00:11:38 → 00:11:41 คือ ท่านไม่ออกกำลังกายเมื่อท่านเริ่มรู้สึกเหนื่อยแล้ว
00:11:41 → 00:11:44 มันก็ยิ่งเป็นวงจร เหนื่อยไม่ออกกำลังกาย
00:11:44 → 00:11:46 ไม่ออกกำลังกาย ไม่สดชื่นแล้วก็เหนื่อย
00:11:46 → 00:11:47 แล้วก็วนอยู่อย่างนี้ไปตลอดเวลา
00:11:47 → 00:11:50 ก็ทำให้ร่างกายแย่และเหนื่อยตลอดเวลา
00:11:50 → 00:11:55 ข้อ 2 ท่านดื่มน้ำไม่เพียงพอ
00:11:55 → 00:11:59 ข้อ 3 ท่านทานธาติเหล็กไม่เพียงพอ
00:11:59 → 00:12:04 ก็ทำให้เม็ดเลือดไม่แข็งแรงพาออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่ได้
00:12:04 → 00:12:06 ท่านก็รู้สึกอ่อนเพลียไปหมดนะครับ
00:12:06 → 00:12:09 ข้อ 4 ท่านไม่ทานอาหารเช้า
00:12:09 → 00:12:12 กระโดดข้ามอาหารเช้าเพราะหลายๆ เหตุผล
00:12:12 → 00:12:16 เมื่อท่านไม่มีพลังงานที่ใส่เข้าไปในตอนเช้า
00:12:16 → 00:12:18 มันก็ไม่มีพลังงานที่จะใช้ออกมา
00:12:18 → 00:12:20 มันตรงไปตรงมามากเลยที่จะทำให้ทั้งวันของท่าน
00:12:20 → 00:12:24 มันรู้สึกดาวน์หรือว่ารู้สึกไม่มีแรงนั่นเอง
00:12:24 → 00:12:28 ข้อที่ 5 ท่านทานแต่อาหาร Junk food
00:12:28 → 00:12:33 การทาน Junk food ทำให้น้ำตาลในร่างกายขึ้นลงเร็ว
00:12:33 → 00:12:35 เขาเรียกสวิง
00:12:35 → 00:12:38 การสวิงของน้ำตาลจะยิ่งทำให้เราเหนื่อยง่าย
00:12:38 → 00:12:40 เราหงุดหงิดง่าย เราอ่อนเพลียนะครับ
00:12:40 → 00:12:45 แล้วก็มีอัตราเสี่ยงในการทั้งเป็นโรคหัวใจและโรคเบาหวาน
00:12:45 → 00:12:48 เพราะฉะนั้นการเลือกทานอาหารที่ถูกต้อง
00:12:48 → 00:12:51 การเลือกทานอาหารในกลุ่มข้าวไม่ขัดสี
00:12:51 → 00:12:54 ธัญพืชต่างๆ โปรตีนชั้นดีพวกนี้จะไม่ทำให้น้ำตาลสวิง
00:12:54 → 00:13:02 แต่ถ้าไปเลือกเค้กหวานๆ หรือจะต้องเป็นไอศกรีมที่แบบ
00:13:02 → 00:13:07 หวานมันกลมกล่อมอย่างนี้น้ำตาลขึ้นปื้ดลงปื้ด
00:13:07 → 00:13:11 อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ทำให้เราเหนื่อยง่ายไปทั้งวัน
00:13:11 → 00:13:15 แล้วข้อที่ 6 ท่านมีปัญหาในการตอบคำว่า "ไม่"
00:13:15 → 00:13:19 หรือไม่เคยปฏิเสธใครเป็น Mr./Mrs.Yes
00:13:19 → 00:13:22 ก็ทำให้เราแบกโลกทั้งใบของคนอื่นไว้
00:13:22 → 00:13:25 มันก็เหนื่อยไปทั้งวันก็ไม่ไหวเหมือนกัน
00:13:25 → 00:13:30 และข้อที่ 7 ข้อสุดท้าย ท่านตื่นสายในวันหยุด
00:13:30 → 00:13:33 คือบางท่านก็บอกวันหยุดก็อยากจะตื่นสาย
00:13:33 → 00:13:35 อยากจะรู้สึกว่าปล่อยร่างกายของเรา
00:13:35 → 00:13:38 คืนวันศุกร์หรือคืนวันเสาร์ก็อยากจะเต็มที่กับชีวิต
00:13:39 → 00:13:42 คือถามว่ามันก็ดี มันก็ทำให้ท่าคลายเครียดได้
00:13:42 → 00:13:45 แต่ว่าสำหรับสุขภาพมันไม่ดีเท่าไหร่ไง
00:13:45 → 00:13:50 เพราะฉะนั้นแล้วถ้าจะให้แนะนำก็นอนให้ตรงเวลาทุกวัน
00:13:50 → 00:13:51 แล้วก็ตื่นให้ตรงเวลาทุกวัน
00:13:51 → 00:13:53 แล้วสุขภาพที่ดีก็จะอยู่กับท่านตลอดไปนะครับ
00:13:53 → 00:13:56 ก็ขอให้ทุกๆ คนมีความสุข
00:13:56 → 00:13:58 สุขภาพแข็งแรงทุกๆ คนเลยนะครับ
00:13:58 → 00:14:00 แล้วก็ก่อนไปอย่าลืมกด Like กด Share
00:14:00 → 00:14:02 กด Subscribe และกดกระดิ่งนะครับ
00:14:02 → 00:14:04 ขอบคุณครับ สวัสดีครับ