00:00:29 → 00:00:31 สวัสดีครับครับสวัสดีครับเพื่อนๆทุกท่าน
00:00:31 → 00:00:35 ครับวันนี้นะครับเราจะมาไลฟ์นะมาคุยกัน
00:00:35 → 00:00:38 ต่อนะหลังจากที่ใครเคยได้ฟังคลิปแรกไป
00:00:38 → 00:00:42 แล้วบ้างคลิปแรกที่ผมเคยพูดเอาไว้นะครับ
00:00:42 → 00:00:45 เมื่อสักประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนนะว่าต้น
00:00:45 → 00:00:48 เหตุของความเจ็บป่วยทั้งหมดน่ะเกิดจาก
00:00:48 → 00:00:54 อะไรนะครับไหนใครที่ได้มาฟังนะ FC จาก
00:00:54 → 00:00:56 ปากเก็ดด้วยขอบคุณนะครับใครได้ฟังคลิป
00:00:56 → 00:01:04 นั้นบ้างครับเดี๋ยวผมดูย้อนนิดนึงนะ
00:01:04 → 00:01:06 คลิปวันนั้นเราพูดว่าสาเหตุที่แท้จริงของ
00:01:07 → 00:01:10 โลคเรื้อรังทั้งหมดนะครับนะสาเหตุที่แท้
00:01:10 → 00:01:12 จริงของโรคเรื้อรังทั้งหมดเนี่ยเกิดจาก 5
00:01:12 → 00:01:15 ปัจจัย 5 ปัจจัยอ่ะเดี๋ยวเราลองมาย้อนกัน
00:01:15 → 00:01:19 นิดนึงต้องเท้าความก่อนว่าทำไมเราจึงมา
00:01:19 → 00:01:21 พูดเรื่องโลคเลื้อรังในวันนี้นะครับจะบอก
00:01:21 → 00:01:24 ทุกท่านอย่างนี้นะว่าสัปดาห์นี้นะครับคือ
00:01:24 → 00:01:26 ตั้งแต่วันเนี้ยวันที่
00:01:26 → 00:01:31 18 ถึงวันที่ 24 นะครับ 18 ถึง 24 เนี่ย
00:01:31 → 00:01:35 เป็นสัปดาห์แห่งเวชศาสตร์วิถีชีวิตนะเป็น
00:01:35 → 00:01:37 สัปดาห์แห่งเวชศาสตร์วิถีชีวิตก็คือว่าผม
00:01:37 → 00:01:40 เชื่อว่าทุกคนน่ะจะยังไม่ค่อยรู้จักว่า
00:01:40 → 00:01:42 เออมันคืออะไรสัปดาห์วิทยาศาสตร์ิธีชีวิต
00:01:42 → 00:01:44 คืออะไรอะไรอย่างงี้มันอาจจะไม่รู้จักกัน
00:01:44 → 00:01:47 นะแต่เพียงแต่ว่าต่อไปเนี้ยบอกได้เลยว่า
00:01:47 → 00:01:51 คำๆเนี้ยทุกท่านจะได้ยินมากขึ้นเรื่อยๆ
00:01:51 → 00:01:54 เหตุผลก็เพราะว่าตอนเยการแพทย์เรากำลัง
00:01:54 → 00:01:57 หลงทางไปรักษาโรคอ่าโรคเรื้อรังกันนะครับ
00:01:57 → 00:01:59 ก็คือพูดว่าหลงทางก็ไม่ได้หรอกเพียงแต่
00:01:59 → 00:02:02 ว่าอาจจะไปมุ่งเน้นนะที่การรักษาโรคเรื้อ
00:02:02 → 00:02:06 รังมากนะแล้วการป้องกันเนี่ยมันน้อยเกิน
00:02:06 → 00:02:09 ไปนะครับในปัจจุบันเนี่ยเรากำลังจะเน้นไป
00:02:09 → 00:02:11 ที่การป้องกันให้มากขึ้นนะครับเพราะ
00:02:11 → 00:02:13 ฉะนั้นการป้องกันโรคเรื้อรังคืออะไรล่ะก็
00:02:13 → 00:02:15 คือการปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การปรับ
00:02:15 → 00:02:17 เปลี่ยนวิถีชีวิตของพวกเรานั่นเองนะครับ
00:02:17 → 00:02:20 ซึ่งนะเอ่อมันมีอยู่ 6 อย่าง 6 เรื่องนะ
00:02:20 → 00:02:23 อาดูปูพื้นด้วยสาตวิถีชีวิตนิดนึงมีอยู่ 6
00:02:23 → 00:02:26 6 แง่มุมหลักๆนะครับเพื่อนๆต้องทำตามให้
00:02:26 → 00:02:28 ได้ 6 อย่างนี้แล้วเดี๋ยวในวันนี้เราจะ
00:02:28 → 00:02:30 พูดเน้นไปที่เรื่องของเบาหวานนะเพราะ
00:02:30 → 00:02:33 ฉะนั้นใครที่เป็นเบาหวานฝากแชร์ให้เค้า
00:02:33 → 00:02:35 ด้วยนะครับนะเราจะเอาหลักมาตรฐานของการ
00:02:35 → 00:02:39 รักษาโรคเบาหวานที่เน้นเ่อเรื่องที่ไม่
00:02:39 → 00:02:44 ใช้ยาเน้นเรื่องไม่ใช้ยานะมาพูดให้ฟังนะ
00:02:44 → 00:02:48 ครับแล้วก็เอ่อมีทิปนะตอนท้ายด้วยว่าเออ
00:02:48 → 00:02:51 แล้วเราจะทำยังไงนะครับนะมีคนให้เล่า
00:02:51 → 00:02:52 ประสบการณ์ตอนเป็นอินเทิร์นด้วยโอเค
00:02:52 → 00:02:55 เดี๋ยวจะพูดไปเรื่อยๆนะวันนี้จะพูดยาวไป
00:02:55 → 00:02:58 เรื่อยๆนะครับอ่ะสรุปนะวันนี้ 18-24
00:02:58 → 00:03:01 พฤษภาคมเป็นสัปดาห์แห่งเวชศาสตร์วิถี
00:03:01 → 00:03:04 ชีวิตนะครับเป็นห้วงเวลาที่โลกเฉลิมฉลอง
00:03:04 → 00:03:08 การรณรงค์ด้านพฤติกรรมสุขภาพนะการสร้าง
00:03:08 → 00:03:10 การรับรู้ของประชาชนว่าสิ่งที่เราตัดสิน
00:03:11 → 00:03:13 ใจเลือกจะมีผลต่อโรคเรื้อรังอย่างไรนะ
00:03:13 → 00:03:16 ครับใครวันนี้ที่เข้ามาแล้วฝากแชร์ทุก
00:03:16 → 00:03:18 ท่านด้วยนะครับพี่วันเพ็ญสวัสดีครับคุณ
00:03:18 → 00:03:22 บอสมาคุณลิต้าคุณสุดาพรคุณทิพวันคุณยาพร
00:03:22 → 00:03:26 นะครับวันก่อนเท้าความตอนที่ 1 หน่อย
00:03:26 → 00:03:27 เพื่อให้
00:03:27 → 00:03:30 เ่อคลิปนี้ครบถ้วนนะครับตอนที่ 1 เนี่ยผม
00:03:30 → 00:03:33 พูดไปว่ากลไกที่ทำให้คนเนี่ยเกิดโรคเรื้อ
00:03:33 → 00:03:37 รังเป็นพื้นฐานเลยนะคืออะไรผมพูดไป 3
00:03:37 → 00:03:39 เรื่องละเรื่องที่ 1 คือการเปลี่ยนแปลง
00:03:39 → 00:03:42 จุลินทรีย์ในลำไส้เรานะครับก็คือ
00:03:42 → 00:03:45 ไมโครบิตเนี่ยไมโครไบโอมเนี่ยซึ่งพวกเรา
00:03:45 → 00:03:48 เนี่ยตอนนี้เรารู้จักกันหมดแหละมีคนมาทำ
00:03:48 → 00:03:51 การตลาดเกี่ยวกับเรื่องโบติกมากมายนะครับ
00:03:51 → 00:03:54 นะเ่อก็ผมไม่ได้พูดถึงอย่างงั้นเพียงแต่
00:03:54 → 00:03:56 ผมพูดถึงในแง่ของอาหารการกินอย่างไรให้
00:03:56 → 00:03:59 เพิ่มโบติกของเราพรีไบโอติกที่ดีคืออะไร
00:03:59 → 00:04:03 ใครยังไม่ได้ดูต้องย้อนไปดูนะต้องย้อนไป
00:04:03 → 00:04:05 ดูเรื่องกลไกการโกธเกิดโรคเรื้อรังทั้ง
00:04:05 → 00:04:08 หมดเกิดจากสิ่งนี้นะครับในคลิปของเรามี
00:04:08 → 00:04:11 อยู่เรื่องที่ 2 คือสารอนุมูลอิสระและการ
00:04:11 → 00:04:14 อักเสบเรื้อรังในร่างกายเรานะครับที่ทำ
00:04:14 → 00:04:16 ให้เราเี่เกิดโรคหลอดเลือดผมอธิบายไปถึง
00:04:16 → 00:04:21 ไขมันต่างๆ ldl สารออกซิเดชันนะฝุ่นควัน
00:04:21 → 00:04:24 พิษต่างๆที่ทำให้เราเนี่ยเกิดปัญหาขึ้นใน
00:04:24 → 00:04:27 ปัจจุบันนะครับ 3 คือการกระตุ้นระบบ
00:04:27 → 00:04:30 ประสาทอัตโนมัติที่มากเกินไปนะอันนี้ได้
00:04:30 → 00:04:33 เล่าไปแล้ว 3 ตอนนะครับวันนี้จะมาต่อตอน
00:04:33 → 00:04:37 ที่ 4 และที่ 5 ซึ่งตอนที่ 4 เนี่ยมันดัน
00:04:37 → 00:04:39 เป็นเรื่องเบาหวานนะครับตอนที่ 4 เนี่ย
00:04:40 → 00:04:42 คือเรื่องของการเปลี่ยนแปลงการเผาผลาญ
00:04:42 → 00:04:46 ระบบน้ำตาลในร่างกายเราพูดง่ายๆว่าดื้อ
00:04:46 → 00:04:49 อินซูลินนั่นเองพูดง่ายๆแค่นั้นดื้อ
00:04:49 → 00:04:51 อินซูลินนั่นเองปรากฏว่าอย่างนี้นะครับ
00:04:51 → 00:04:54 การดื้ออินซูลินเนี่ยนะครับเป็นพื้นฐาน
00:04:54 → 00:04:59 ของโรคอื่นๆเกือบทั้งหมดเลยนะนะตอนนี้เรา
00:04:59 → 00:05:01 มาพบนว่าโรคหลอดเลือดนะครับโรคหลอดเลือด
00:05:01 → 00:05:05 หัวใจนะที่หัวใจ์ทอทคโรคหลอดเลือดสมองที่
00:05:06 → 00:05:10 เรียกว่าสตกนะครับโรคเหล่าเนี้ยโดยพื้น
00:05:10 → 00:05:12 ฐานแล้วกลายเป็นว่าเราพบว่าไปเกิดจาก
00:05:12 → 00:05:16 กระบวนการดื้อต่ออินซูลินเออเดี๋ยวจะเล่า
00:05:16 → 00:05:19 ให้ฟังว่าทำยังไงอันที่ 2 ครับโรคมะเร็ง
00:05:19 → 00:05:22 ต่างๆโรคมะเร็งก็เกิดจากพื้นฐานเดียวกัน
00:05:22 → 00:05:25 คือโรคดื้ออินซูลินนะครับมันเป็นการระบบ
00:05:25 → 00:05:30 เผาผลาญอาหารนะที่ผิดปกติททั้งนั้นเลยนะ
00:05:30 → 00:05:33 ครับอันที่ 3 ครับเอ่อโรคไตเรื้อรังนี่ก็
00:05:33 → 00:05:35 เป็นส่วนหนึ่งของโรคเรื้อรังนะนะครับ
00:05:35 → 00:05:38 เดี๋ยวจะพูดต่อไปนะครับ 3 ครับก็คือโรค
00:05:39 → 00:05:41 ของพวกที่เขาเรียกว่า neurodegenerative
00:05:41 → 00:05:45 disease ต่างๆเช่นอัลไซเมอร์
00:05:45 → 00:05:48 Parkinson นะพวกเนี้ยเป็นโรคที่พื้นฐาน
00:05:48 → 00:05:52 แล้วปรากฏว่ามันคือโรคเดียวกันฮะโรคไต
00:05:52 → 00:05:54 เรื้อรังก็ด้วยนะเพราะว่าไตเรืดรังเนี่ย
00:05:54 → 00:05:56 มันเกิดจากหลอดเลือดที่ไปที่ไตเนี่ยมี
00:05:56 → 00:05:58 ปัญหาเกิดจากความดันด้วยเกิดจากการดื้อ
00:05:58 → 00:06:02 อินซูลินด้วยเพราะฉะนั้นถ้าเราจะพูดจริงๆ
00:06:02 → 00:06:06 เลยอ่ะว่าต้นตอเนี่ยมันคืออะไรนะครับต้น
00:06:06 → 00:06:09 ตอของโรคทั้งหมดคืออะไรเนี่ยบอกได้เลยนะ
00:06:09 → 00:06:12 มันคือโรคทางเมตาบอลิกหรือ insulin
00:06:12 → 00:06:14 resistance นั่นเองนะครับทีนี้โรค
00:06:14 → 00:06:16 insulin resistance เนี่ยมันอาจจะเป็น
00:06:16 → 00:06:19 ในโรคที่เกี่ยวข้องกับไปทำให้เกิดไขมัน
00:06:19 → 00:06:23 พอกตับตามมาเกิดตับอักเสบตามมานะแล้วก็
00:06:23 → 00:06:26 เกิดอ่าโรคเบาหวานนะอย่างที่พวกเราเนี่ย
00:06:26 → 00:06:29 รู้จักกันนะครับนะเพราะฉะนั้นวันนี้นะใคร
00:06:29 → 00:06:31 ที่เป็นเบาหวานหรือคนที่เป็นโรคหลอดเลือด
00:06:31 → 00:06:35 นะครับไปเจาะฆ่าน้ำตาลปรากฏว่าเอ้ยน้ำตาล
00:06:35 → 00:06:36 เนี่ย
00:06:36 → 00:06:39 เอ่อไม่ยังไม่ได้โดนวินิจฉัยว่าเป็นเบา
00:06:39 → 00:06:42 หวานนะแต่ก็ดูปิ่มๆแล้วอะไรอย่างนี้เป็น
00:06:42 → 00:06:45 ต้นนะต้องมาฟังนะครับแล้วก็ฝากแชร์ฝากกด
00:06:45 → 00:06:47 รีโพสต่างๆไปด้วยนะครับนะเพิ่งเข้าใจคำ
00:06:48 → 00:06:53 ว่ารพสเนี่ยอ่ะอ่ะตั้งหลักกันมาแชมามา
00:06:53 → 00:06:56 แชร์กันไปก่อนนะวันนี้เราเลยจะมามุ่งเน้น
00:06:56 → 00:06:58 ไปที่การรักษาโรคเบาหวานแต่ว่าการรักษา
00:06:58 → 00:07:01 โรคเบาหวานเนี่ย
00:07:01 → 00:07:04 เอ่อโดยส่วนใหญ่อ้าทุกคนอ่ะเอาที่นี้ก่อน
00:07:04 → 00:07:07 ขอขอถามสถิติแบบ Cross section ก่อนใคร
00:07:07 → 00:07:10 เป็นเบาหวานบ้างในที่นี้ใครเป็นเบาหวาน
00:07:10 → 00:07:13 บ้างครับขอบคุณนะครับโอ้เพื่อนผมมาแล้ว
00:07:13 → 00:07:15 the long กวิมาแล้วนะครับ the long
00:07:15 → 00:07:18 กิสอหมออ่านนะครับสวัสดีครับคุณพระสรวัต
00:07:18 → 00:07:21 สวัสดีนะครับใครเป็นเบาหวานบ้างใครเป็น
00:07:21 → 00:07:25 เบาหวานบ้างอ้าเป็นใครเป็นบ้างเป็นเนี่ย
00:07:25 → 00:07:27 ใช่มั้แฟนเป็นเป็น
00:07:27 → 00:07:30 โอ้โหแสดงว่าเบาหวานเนี่ยมันคือมันคือ
00:07:30 → 00:07:33 ปัญหาจริงๆนะมันคือปัญหาจริงๆใช่
00:07:33 → 00:07:37 มั้ยอือ้าแชร์ให้เค้าดูด้วยคนที่เป็นเบา
00:07:37 → 00:07:41 หวานนะครับเดี๋ยวขออนุญาตเอาในสไลด์นี้
00:07:41 → 00:07:50 ขึ้นก่อนตอนระหว่างนี้ให้แชร์
00:07:50 → 00:07:54 ไปวันนี้เราจะไลฟ์ค่อนข้างยาวนิด
00:07:54 → 00:07:59 นึงอ่าเวลาที่เราไปเจาะเลือดเบาหวานเอา
00:08:00 → 00:08:02 นิยามก่อนนะเบาหวานแบบปัจจุบันเนี่ยนะ
00:08:02 → 00:08:05 ครับเราจะไปเจาะเลือดเราจะอดข้าวอดน้ำถูก
00:08:05 → 00:08:08 มยอดข้าวอดน้ำแล้วเราก็ไปเจาะเลือดนะ
00:08:08 → 00:08:10 ประมาณสัก 8 ชมแล้วไปเจาะเลือดปรากฏว่า
00:08:10 → 00:08:13 คุณหมอบอกว่าถ้าน้ำตาลในเลือดนเฝ้าระวัง
00:08:13 → 00:08:16 เฝ้าระวังนี้เดี๋ยวมีพูดต่อนะคนที่ไม่
00:08:16 → 00:08:17 อยากเป็นก็ต้องฟัง
00:08:17 → 00:08:22 นะไปเจาะเลือดเนี่ยถ้าไม่เกิน 126 ถ้าไม่
00:08:22 → 00:08:25 เกิน 126 เขาจะบอกว่าเออคุณยังไม่เป็นเบา
00:08:25 → 00:08:28 หวานนะแต่ถ้าเขาบอกว่าถ้าคุณเกิน 100
00:08:28 → 00:08:30 เมื่อไหร่ 100 - 120 6 เนี่ยเค้าเรียก
00:08:30 → 00:08:33 ว่า PR diabetes PR diabetes ก็คือ
00:08:33 → 00:08:35 เป็นลักษณะที่เ้าเรียกว่าอ่ากำลังจะเป็น
00:08:35 → 00:08:38 บาหวานอันนี้น่ากลัวละแต่ต่ำกว่านั้นลงมา
00:08:38 → 00:08:41 เนี่ยเอาจริงๆนะก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่เป็น
00:08:41 → 00:08:43 นะก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่เป็น
00:08:43 → 00:08:47 นะนะครับเหตุผลเพราะว่าไอ้ความที่มัน
00:08:47 → 00:08:50 อินซูลินเราเนี่ยนะครับมันพยายามปรับตัว
00:08:50 → 00:08:53 นะครับเพื่อที่จะให้ปริมาณเหมาะสมในการ
00:08:53 → 00:08:56 ควบคุมระดับน้ำตาลให้ได้นะครับอย่างเช่น
00:08:56 → 00:08:58 หมอสมมุตินะสมมุติสมมุติคนเนี่ยไปเจาะ
00:08:59 → 00:09:02 เลือดมาน้ำตาล 100 เท่ากันนะอย่างเช่นหมอ
00:09:02 → 00:09:05 ก็เจาะได้ 100 คุณหมออั๋นไปเจาะก็ได้ 100
00:09:05 → 00:09:08 เหมือนกันไม่ได้แปลว่าเราทั้ง 2 คนปลอด
00:09:08 → 00:09:11 ภัยเหมือนกันนะเหตุผลเพราะว่าระดับน้ำตาล
00:09:11 → 00:09:13 เลือดที่ 100 เท่ากันเราอาจจะใช้ระดับของ
00:09:13 → 00:09:16 อินซูลินที่แตกต่างกันก็ได้ถูกมั้ยอ่าผม
00:09:16 → 00:09:18 อาจจะใช้อินซูลิน 20 ในขณะที่หมออั๋นใช้
00:09:18 → 00:09:21 แค่ 5 อย่างเงี้ยแปลว่าอะไรฮะแปลว่าผม
00:09:21 → 00:09:24 เนี่ยเริ่มมีความดื้อดื้อแล้วต่ออินซูลิน
00:09:24 → 00:09:26 นะครับดื้อต่ออินซูลินแล้วนะเพราะฉะนั้น
00:09:26 → 00:09:28 ไอ้้สิ่งเหล่าเนี้ยมันเป็นสิ่งที่เราจะ
00:09:28 → 00:09:30 ต้องในอนาคตเนี่ยมันอาจจะมีเครื่องไม้
00:09:30 → 00:09:33 เครื่องมือมาตรวจเพิ่มเติมต่อไปนะครับแต่
00:09:33 → 00:09:36 ในปัจจุบันเนี่ยเอาละตามนิยามเขาก็คือ 126
00:09:36 → 00:09:38 ใครเกิน 100 ก็เสี่ยงเบาหวานใครที่เสี่ยง
00:09:38 → 00:09:42 เบาหวานวันนี้ฟังแล้วก็ต้องปฏิบัติตามที่
00:09:42 → 00:09:46 ผมจะพูดถึงต่อไปนี้ด้วยนะโอเคเรื่องยาเรา
00:09:46 → 00:09:50 ปล่อยให้คุณหมอไปนะไม่ต้องไปสนใจนะครับ
00:09:50 → 00:09:52 เรื่องร่างกายเราเราดูแลเองอ่ะเดี๋ยวพูด
00:09:52 → 00:09:56 นิยามอีกนิดเดียวเอ่อทีนี้มันมีตัวน้ำตาล
00:09:56 → 00:09:59 สะสมอีกตัวนึงใช่่มั้ยอ่าอันนั้นคือเราไป
00:09:59 → 00:10:02 เจาะน้ำตาลน้ำตาลทั่วไปถูกมั้ยครับแต่มัน
00:10:02 → 00:10:05 มีตัวนึงซึ่งเราเรียกว่าน้ำตาลสะสมผมว่า
00:10:05 → 00:10:07 หลายคนเนี่ยอาจ
00:10:07 → 00:10:11 จะอาจจะเค้าเรียกเดี๋ยวนะขออภัยนะเดี๋ยว
00:10:11 → 00:10:14 ปิดขอปิดอันนี้ก่อนนิด
00:10:14 → 00:10:17 นึงอันนี้เสียงดีขึ้นมั้ยใน tiktok เสียง
00:10:17 → 00:10:19 ดีขึ้นมั้ยครับผมไม่แน่ใจว่าเมื่อกี้
00:10:19 → 00:10:22 เสียงมันไปเข้าช่องทางไหนหรือว่าเหมือน
00:10:22 → 00:10:24 เดิมไหนไหนองบอกหน่อยซิเหมือนเดิม
00:10:24 → 00:10:28 มั้ยดีโอเคดีนะครับที่ผ่านมาก็ดีถูกมั้ย
00:10:28 → 00:10:31 โอเคขอบคุณครับทีนี้มันมีคำคำนึงครับน้ำ
00:10:31 → 00:10:34 ตาลสะสมครับน้ำตาลสะสมเนี่ยมันเค้าเรียก
00:10:34 → 00:10:39 ภาษาหมอว่าฮีโมโกลบิน a1c นะฮีโมโกบิน a1c
00:10:39 → 00:10:42 a1c นะครับน้ำตาลสะสมตัวเนี้ยนะครับ
00:10:42 → 00:10:46 เอ่อมันคือน้ำตาลที่เราหลอกหมอไม่ได้เอา
00:10:46 → 00:10:48 ง่ายๆงี้คือน้ำตาลที่เราหลอกหมอไม่ได้บาง
00:10:48 → 00:10:52 คนนะพอเรากำลังจะไปเจาะเลือดใช่มั้ยเราก็
00:10:52 → 00:10:55 จะรู้สึกว่าเฮ้ยน่ากลัวจังเราก็จะไปอด
00:10:55 → 00:10:58 ข้าวก่อนเรากลัวหมอดุแล้วก็อดข้าวก่อนพอ
00:10:58 → 00:11:01 อดข้าวเสร็จเราก็จะไปเจาะเลือดหวังว่าหมอ
00:11:01 → 00:11:03 เนี่ยจะไม่รู้นะเพราะว่าน้ำตาลในเลือด
00:11:03 → 00:11:05 เวลาคนอดข้าวเนี่ยยังไงก็ตามอ่ะมันก็ต้อง
00:11:05 → 00:11:08 ต่ำกว่าที่ควรจะเป็นหน่อยนึงแหละนะปรากฏ
00:11:08 → 00:11:11 ว่าหมอเขาแอบเจาะตัวนี้ฮะ a1c หรือน้ำตาล
00:11:11 → 00:11:14 สะสมในเลือดหลอกไม่ได้นะน้ำตาลสะสมใน
00:11:14 → 00:11:17 เลือดนี่มันย้อนกลับไป 3 เดือนนะ 3 เดือน
00:11:17 → 00:11:19 เลยว่า 3 เดือนที่ผ่านมาเนี่ยพฤติกรรมเรา
00:11:19 → 00:11:21 เป็นอย่างไรนะครับนะในคนปกตินะถ้าไปเจาะ
00:11:21 → 00:11:25 ค่าน้ำตาลสะสมควรจะน้อยกว่า 5.7 โอเคมยนะ
00:11:25 → 00:11:28 ใครรู้จัก a1c บ้างน่ายกมือมาบอกหน่อยใคร
00:11:28 → 00:11:31 รู้จัก a1c บอกค่า a1c ของตัวเองด้วยก็
00:11:31 → 00:11:35 ได้นะครับ a1c ของคนปกติจะต้องน้อยกว่า
00:11:35 → 00:11:39 5.7 นะครับมีคนถามว่า fbs คืออะไร fbs
00:11:39 → 00:11:41 คือน้ำตาลขณะอดอาหารนะพี่เจอกเคเรียก
00:11:41 → 00:11:43 fasting bl Sugar นะครับอันนี้แหละที่
00:11:43 → 00:11:46 เมื่อกี้พูดนะครับ a1c คือน้ำตาลสะสมนะ
00:11:46 → 00:11:49 น้ำตาลสะสมนะต้องน้อยกว่า 5.7 คนที่เป็น
00:11:49 → 00:11:52 เบาหวานเขาจะมากกว่า 6.5 ขึ้นไปนะเพราะ
00:11:52 → 00:11:55 ฉะนั้นในช่วงกึ่งๆก็คือ 5.7 - 6.4
00:11:55 → 00:12:00 เนี่ยช่วงเนี้ยก็คือช่วงที่กึ่งจะเป็นเบา
00:12:00 → 00:12:02 หวานเริ่มมีคาวะดื้ออินซูลินละซึ่งคนที่
00:12:02 → 00:12:04 ดื้ออินซูลินเนี่ยแปลว่าถ้าคุณไม่ทำอะไร
00:12:04 → 00:12:08 นะอีกไม่กี่เดือนกี่ปีเนี่ยคุณจะเป็นเบา
00:12:08 → 00:12:10 หวานโอเคมยเ 7 นี่เป็นเบาหวานแล้วนะครับ
00:12:10 → 00:12:13 6.5 เนี่ยวินิจฉัยเบาหวานได้แล้วนะครับ
00:12:13 → 00:12:17 นะเพราะฉะนั้นนะเอาเราเรา Alert เลยแล้ว
00:12:17 → 00:12:20 กัน Alert เลยตั้งแต่ต้นใครที่น้ำตาลใน
00:12:20 → 00:12:25 เลือดเปริ่มๆร้อยใครที่ปิ่มๆ 100 นะใคร
00:12:25 → 00:12:31 ที่น้ำตาลสะสมปิ่มๆ 5.7 อันเนี้ย Alert
00:12:31 → 00:12:35 ไว้เลยว่าน่ากลัวแล้วโอเคมยส่วนคนที่เกิน
00:12:35 → 00:12:39 นี้ต้องแบบ Alert อย่างหนักคือคือคุณเป็น
00:12:39 → 00:12:42 แน่แล้วโอเคมยคุณเป็นแน่แล้วนะเอาอย่าง
00:12:42 → 00:12:45 งี้นะเอาล่ะเพราะฉะนั้นเรื่องยาอันนี้
00:12:45 → 00:12:48 นิยามให้ให้วินิจฉัยเป็นก่อนเรื่องยานะ
00:12:48 → 00:12:50 เราไปหาหมอเบาหวานแล้วก็จะได้ยาอะไรล่ะ
00:12:51 → 00:12:54 เฟินเฟินเนี่ยเป็นยาตัวแรกเลยที่หมอชอบ
00:12:54 → 00:12:55 หยิบมา
00:12:55 → 00:12:58 ใช้ตัวแรกเลยนะครับเหตุผลเพราะอะไรเพราะ
00:12:58 → 00:13:01 เมมินเนี่ยเป็นยาที่ลดเบาหวานน้ำตาลได้ดี
00:13:01 → 00:13:04 นะครับและเป็นยาที่ใช้ในการบางคนบอกว่า
00:13:05 → 00:13:07 ยืดอายุไขได้ด้วยนะนอกจากนั้นแล้วเนี่ย
00:13:07 → 00:13:10 เมดฟามินผลข้างเคียงต่ำโอกาสที่จะไปเกิด
00:13:10 → 00:13:13 อ่าที่เขาเรียกว่าน้ำตาลต่ำที่เกิดจากการ
00:13:13 → 00:13:15 ใช้เมดฟินเนี่ยโอกาสมันน้อยมากนะครับ
00:13:15 → 00:13:18 เพราะฉะนั้นเนี่ยเฟินจะเป็นยาตัวแรกๆที่
00:13:18 → 00:13:22 หมอเเลือกมาใช้นะครับถัดมาเนี่ยนะหมอเจะ
00:13:22 → 00:13:25 ใช้ตัวที่เค้าเรียกว่ากลุ่มฟนิยูเรียนะ
00:13:25 → 00:13:28 จริงๆใจผมอ่ะผมไม่ค่อยชอบโดยส่วนตัวนะ
00:13:28 → 00:13:30 เพราะฉะนั้นผมอ่ะไม่ค่อยได้ใช้นะเพราะ
00:13:30 → 00:13:32 เพราะว่าเดี๋ยวนี้มันมียากลุ่มอื่นๆที่ดี
00:13:32 → 00:13:35 กว่านี้เยอะเลยนะครับดีกว่านี้เยอะเลยนะ
00:13:35 → 00:13:38 เช่นเ่อยาที่บล็อกระดับน้ำตาลอ่าไม่ให้
00:13:38 → 00:13:41 ดูดซึมกลับจากร่างกายนะพวกนี้น้ำตาลก็จะ
00:13:41 → 00:13:44 ไปข้างในฉีพวกนี้เเรียก sglt2 inhibitor
00:13:44 → 00:13:47 นะครับเป็นยากลุ่มใหม่ๆนะยากลุ่มที่ไปทำ
00:13:47 → 00:13:51 ให้ฮอร์โมนนะเอ่อฮอร์โมนเนี่ยมันไม่ไม่
00:13:52 → 00:13:55 เก็บน้ำตาลมากขึ้นนะพวก GL P1 DD p4
00:13:55 → 00:13:57 อะไรอย่างเงี้ยมันมียาเบาหวานกลุ่มใหม่ๆ
00:13:57 → 00:14:00 เพียบเลยนะครับนะเพียบเลยเพราะฉะนั้นเอ่อ
00:14:00 → 00:14:04 ใจผมอ่ะไอ้ตัวพวกฟูเนี่ยผมใช้น้อยลงไป
00:14:04 → 00:14:07 เยอะๆอ่ะอันนี้ไม่เป็นไรเรายกหน้าที่นี้
00:14:07 → 00:14:09 ให้หมอเข้าไปนะครับเรายกหน้าที่นี้ให้หมอ
00:14:09 → 00:14:12 เข้าไปนะครับเดี๋ยวขอจดตรงนี้นิดนึงมีคน
00:14:12 → 00:14:15 พูดน่าสนใจเดี๋ยวซึ่งต้องต้องไม่ลืมพูด
00:14:15 → 00:14:17 โอเค
00:14:17 → 00:14:21 นะเอาล่ะทีนี้เอาเป็นว่าเราจะทำอย่างไร
00:14:21 → 00:14:24 เมื่อ
00:14:24 → 00:14:27 เอิ่มเมื่อเราจะรักษาด้วยพฤติกรรมเพราะ
00:14:27 → 00:14:29 ว่าสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์ที่เกี่ยวข้อง
00:14:29 → 00:14:31 กับพฤติกรรมใช่มั้ยเป็นสัปดาห์แห่งไสล
00:14:31 → 00:14:33 Medicine เพราะฉะนั้นเราจะรักษาเบาหวาน
00:14:33 → 00:14:38 โดยไม่ใช้ยาตามมาตรฐานไทยด้วยนะอันนี้ล่า
00:14:38 → 00:14:39 สุดนะพุธศักราช
00:14:39 → 00:14:42 2566 นะครับนะการรักษาเบาหวานโดยไม่ใช้
00:14:42 → 00:14:45 ยาประกอบไปด้วยข้อที่ 1 ครับทุกท่านครับ
00:14:46 → 00:14:48 เตรียมกระดาษปากกามาจดได้แล้วนะครับข้อ
00:14:48 → 00:14:51 ที่ 1 ครับอาหารครับเห็นมยเข้าสู่
00:14:51 → 00:14:55 ไลฟ์สไตล์เลยคืออาหารนะโดยอาหารที่กิน
00:14:55 → 00:14:59 เนี่ยควรจะเป็นอาหารที่มีกากใหญ่สูงเช่น
00:14:59 → 00:15:04 ผักผลไม้ที่ไม่หวานธัญพืชไม่ขัดสีโอเคมย
00:15:04 → 00:15:08 อ้าจดไว้นะควบคุมอาหารนะครับเน้นอาหารที่
00:15:08 → 00:15:13 มีกากใยสูงผักผลไม้ธัญพืชไม่ขัดสีนะครับ 2
00:15:13 → 00:15:17 ครับให้กินพวกคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนนะเช่น
00:15:17 → 00:15:21 ข้าวกล้องข้าวโอ๊ตธัญพืชที่ไม่ขัดสีนะเรา
00:15:21 → 00:15:24 ไม่เอาเอาข้าวที่ไปขัดสีนะในคนที่เป็นเบา
00:15:24 → 00:15:28 หวานนะถ้าเราใช้แหมมีคนบอกว่าใช้สูตร is
00:15:28 → 00:15:30 ของหมอน้ำตาล 200 เหลือ 100 แล้วยอด
00:15:30 → 00:15:35 เยี่ยมมากครับตบมือให้นะครับอ่ะกิน
00:15:35 → 00:15:38 คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนนะเชิงซ้อนเข้าใจคำ
00:15:38 → 00:15:41 ว่าเชิงซ้อนคือย่อยยากเอาง่ายๆเชิงซ้อน
00:15:41 → 00:15:44 คือย่อยยากกินแล้วต้องผ่านหลายกระบวนการ
00:15:44 → 00:15:46 ในการย่อยถ้าเรากินขนมปังก็กินอย่าไปกิน
00:15:46 → 00:15:50 ขนมปังขาวกินขนมปังโฮวเป็นต้นนะครับนะ
00:15:50 → 00:15:54 โอเคนะข้อที่ 3 ครับกินอาหารที่มีโปรตีน
00:15:54 → 00:15:58 ต่ำนะโปรตีนโปรตีนไม่ได้ต่ำอ่าคือต่ำกว่า
00:15:58 → 00:16:01 ปกตินิดหน่อยแต่ต้องพอเพียงนะนะขออภัยผม
00:16:01 → 00:16:04 พูดผิดโปรตีนที่มีไขมันต่ำเอาพพูดไขมัน
00:16:04 → 00:16:07 ก่อนไขมันต่ำโปรตีนที่มีไขมันต่ำเช่นอก
00:16:07 → 00:16:11 ไก่เป็นต้นปลาถั่วนะครับกินอาหารที่
00:16:11 → 00:16:13 โปรตีนที่มีไขมันต่ำเออนะเพราะโปรตีน
00:16:13 → 00:16:15 เนี่ยต่ำไม่ได้นะโปรตีนควรจะอยู่ในปริมาณ
00:16:15 → 00:16:19 ที่เหมาะสมนะครับนะคือสรุปก็คือพวกอาหาร
00:16:19 → 00:16:22 ที่มันติดมันแทรกอยู่ในนั้นน่ะอย่าไปกิน
00:16:22 → 00:16:25 มากนะให้กินที่มันรีนๆหน่อยเข้าใจมั้ยนะ
00:16:25 → 00:16:27 อันที่ 4 ครับเกี่ยวกับห้องอาหารคือน้ำ
00:16:28 → 00:16:33 ตาลน้อยๆหวานน้อยๆนะเกลือน้อยๆนะพวก
00:16:33 → 00:16:36 โซเดียมน้อยๆหน่อยนะครับแล้วก็การดื่มน้ำ
00:16:36 → 00:16:40 ให้เพียงพอนะอันนี้ก็คือลักษณะของอาหารนะ
00:16:40 → 00:16:42 ครับมีการศึกษาเพียบเลยนะที่บอกว่าการกิน
00:16:42 → 00:16:46 อาหารที่เป็น low แคลอรี่นะครับอาหาร low
00:16:46 → 00:16:50 แคลอรี่ก็คือเา้ามีงานวิจัยฮะว่าถ้าเราคน
00:16:50 → 00:16:53 ที่เป็นเบาหวานนะไปกินอาหารที่แคลอรี่ต่ำ
00:16:53 → 00:17:01 ติดต่อกันต่ำเท่าไหร่รู้มย 800 แคลอรี่
00:17:01 → 00:17:05 800 แคลอรี่ต่อวันโน้อยมากนะ 800 แคหิว
00:17:05 → 00:17:08 เลยเอาว่าหิวเลยแหละนะเราก็ต้องไปดูสูตร
00:17:08 → 00:17:11 อาหารนะอะไรอที่เป็นเป็นแคลอรี่ต่ำๆบ้าง
00:17:11 → 00:17:14 ก็เอามากินปรากฏว่าอย่างนี้ครับกินไป
00:17:14 → 00:17:17 เรื่อยๆเบาหวานหายนะครับเพราฉะนั้นเบา
00:17:17 → 00:17:20 หวานเนี่ยเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิตแน่ๆนะ
00:17:20 → 00:17:23 แค่คุมอาหารเนี่ยนะให้แคลอรี่ต่ำๆเนี่ย
00:17:23 → 00:17:25 เบาหวานก็หายแล้วนะครับแต่แน่นอนนะคนมัน
00:17:25 → 00:17:27 จะไปกิน 800 แควต่อไปเรื่อยๆเนี่ยมันก็
00:17:27 → 00:17:29 ไม่ได้ร่างกายมันก็ปรับถูกมั้ยเพราะ
00:17:29 → 00:17:31 ฉะนั้นเนี่ยหมอแนะนำว่าเราค่อยๆปรับนะ
00:17:31 → 00:17:34 ครับมันมีสูตรอาหารที่ที่เป็นสำหรับอาหาร
00:17:34 → 00:17:38 เป็นเป็นผงเลยนะนะเคเรียกว่าเป็นอ่าอาหาร
00:17:38 → 00:17:40 ทดแทนนะครับพวกเในการรักษาเบาหวานเนี่ย
00:17:40 → 00:17:42 สามารถจะทำให้คนที่เป็นเบาหวานเนี่ยหาย
00:17:43 → 00:17:45 ได้เลยนะครับนะอาสรุปเรื่องการควบคุม
00:17:45 → 00:17:48 อาหารมีมีประเด็นมากๆเลยนะครับเหตุผล
00:17:48 → 00:17:51 เพราะว่าเบาหวานเกี่ยวข้องกับการใช้ชีวิต
00:17:51 → 00:17:54 โดยเฉพาะการกินนะครับผมทวนเรื่องนี้นิด
00:17:54 → 00:17:59 นึงนะการกินอาหารที่มีกากใยสูงนะครับผัก
00:17:59 → 00:18:03 ผลไม้เน้นไปที่ผักผลไม้ธัญพืชไม่ขัดสี
00:18:03 → 00:18:06 คาร์โบไฮเดรตเชิงช้อนอาหารโปรตีนที่มีไข
00:18:06 → 00:18:09 มันแทรกต่ำๆไขมันอิ่มตัวน้อยๆหน่อยไขมัน
00:18:09 → 00:18:12 อิ่มตัวคือพวกไขมันสัตว์นะครับไขมันทราน
00:18:12 → 00:18:15 น้อยๆหน่อยน้ำตาลเกลือโซเดียมต่ำๆหน่อย
00:18:15 → 00:18:17 แล้วดื่มน้ำให้เพียงพอนะครับนี่คือเรื่อง
00:18:17 → 00:18:20 ของอาหารผมมักจะแนะนำคนไข้ในเรื่องของ
00:18:20 → 00:18:22 อาหารอีก 2
00:18:22 → 00:18:25 ประเด็นประเด็นที่ 1 คือ If นะประเด็นที่
00:18:25 → 00:18:29 1 คือ If ทุกคนรู้จัก If หรือยังอ่าไหน
00:18:29 → 00:18:34 ใครรู้จัก If บ้างใครรู้จัก If บ้างชาย
00:18:34 → 00:18:37 เย็นหวานน้อยอย่าไปกินเยอะเลยชายเย็นหมัน
00:18:37 → 00:18:41 น้ยคือคือถ้าไม่เป็นประวาทเอาเอานานๆที
00:18:41 → 00:18:43 น่ะแหมคนเราจะบอกไม่ให้กินเลยอะไรก็ไม่
00:18:43 → 00:18:46 ได้ถูกมยก็ก็กลิ่นตำความอยากมี cheating
00:18:46 → 00:18:51 day บ้างอ่าไทำอยู่ If ทำอยู่ประจำอ๋อ
00:18:51 → 00:18:54 ยอดเยี่ยมมากนะน้ำ 2 ลิตรพอครับใช้ได้
00:18:54 → 00:18:57 ครับ If เนี่ยเยาะมาจากคำว่า intermittent
00:18:57 → 00:19:00 fasting intermittent คือเป็นช่วงๆ่
00:19:00 → 00:19:03 fasting คือการหยุดอาหารคือการอดนะ
00:19:03 → 00:19:05 fasting ที่แปลว่าเร็วๆเนี่ยนะมันแปลว่า
00:19:05 → 00:19:08 หยุดอาหารด้วยนะครับมันแปลว่าหยุดด้วยนะ
00:19:08 → 00:19:11 ก็คือเราทำง่ายๆก็คือทำเป็นช่วงเวลาจริงๆ
00:19:11 → 00:19:16 If มีหลายรูปแบบนะ If มีหลายรูปแบบนะแต่
00:19:16 → 00:19:19 ว่าแบบยอดนิยมเนี่ยเขาเรียกว่า 168 อัน
00:19:19 → 00:19:22 นี้มันทำง่ายที่สุดยอดนิยมที่สุดนะครับลด
00:19:22 → 00:19:25 น้ำตาลได้จริงลดน้ำหนักได้จริงนะครับ 168
00:19:25 → 00:19:30 แปลว่าอะไรฮะไหนใครตอบถูก 168 16/8 แปล
00:19:30 → 00:19:32 ว่าอะไร
00:19:32 → 00:19:37 ฮะ 16/8 แปลว่าอะไรฮะกิน 16.8 ไม่ใช่
00:19:37 → 00:19:44 นะไม่ใช่นะกินได้ 8 ชมกินช่วง 8 ชมอ่า
00:19:44 → 00:19:46 หยุด 16 อ่ะ 18 6 ก็เยี่ยมเลยก็เก่งมาก
00:19:46 → 00:19:50 อ่ะกิน 8 นะกิน 8 หยุด 16 นะไม่ใช่กิน 16
00:19:50 → 00:19:52 หยุด 8 นะ
00:19:52 → 00:19:56 เเคอ่ะกิน 8 หยุด 16 ช่วงที่หยุดช่วงที่
00:19:56 → 00:20:00 หยุดเนี่ยสำคัญคนน่ะมจะเข้าใจผิดพอช่วง
00:20:00 → 00:20:04 ที่หยุดปั๊บเนี่ยเค้าโอเคลเคไม่กินข้าวเค
00:20:04 → 00:20:06 ไปกินไอ้นั่นได้มั้ยขนมหวานถั่วเขียวต้ม
00:20:06 → 00:20:09 ได้มั้ยไม่ได้นะเค้าเรียกฟ้า
00:20:10 → 00:20:15 แตกไม่ได้นะไม่ได้นะอ่ะเอาง่ายๆเอาง่ายๆ
00:20:15 → 00:20:17 อย่างชุดเช่นว่าเราหยุดเราหยุดอาหารเย็น
00:20:17 → 00:20:20 เรากินอาหารเย็นให้เสร็จ 6:00 นโอเคมย
00:20:20 → 00:20:24 อาหารเย็น 6:00 นช็อกโกแลต 85% ก็ไม่ได้
00:20:24 → 00:20:26 นะครับช่วงฟาไม่ได้นะพี่ชุนะ 18:00 น
00:20:26 → 00:20:28 เนี่ยเราจะกินข้าวเช้าได้ตอน 22:00 นเอ้ย
00:20:28 → 00:20:33 ไม่ใช่ตอน 10:00 นโอเคมั้ยนั่นน่ะ 168
00:20:33 → 00:20:37 เอาง่ายๆอย่างนี้กาแฟดำได้อะไรก็ได้ที่
00:20:37 → 00:20:39 ไม่ใส่น้ำตาลและไม่ใส่สารทดแทนความหวาน
00:20:39 → 00:20:43 แทนน้ำตาลด้วยสารทดแทนความหวานแทนน้ำตาล
00:20:43 → 00:20:45 ก็ไม่เอานะน้ำเปล่ากาแฟชาได้แต่ถ้าไปกิน
00:20:45 → 00:20:48 ตอนดึกเดี๋ยวไม่หลับอีกนะโอเคนะเพราะ
00:20:48 → 00:20:52 ฉะนั้น If เนี่ยช่วยเรื่องเบาหวานได้และ
00:20:52 → 00:20:56 ในการทำ If เนี่ยมันคุมแควไปในตัวเพราะ
00:20:56 → 00:20:58 ว่ามันไม่มีทางหรอกกินวันละ 2,000 แคว
00:20:58 → 00:21:01 มื้อเดียว 2 มื้อเนี่ยมันทำได้ยากโอเคมย
00:21:01 → 00:21:05 ยกเว้นไปกินทุเรียนนะโอเคกินน้ำได้นะครับ
00:21:05 → 00:21:07 ในช่วงที่เราทำ fasting แล้วกินน้ำได้นะ
00:21:07 → 00:21:10 โอเคนะนี่คือ If อันนี้เป็นทริกที่ 1 ที่
00:21:10 → 00:21:12 ต้องบอกเลยนะว่าเออมันจะช่วยเราในเรื่อง
00:21:12 → 00:21:16 ของการอาหารการกินได้ดีอันที่ 2 ครับอัน
00:21:16 → 00:21:19 ที่ 2 ผมมักจะแนะนำเหมือนแ่อย่างงี้เดิน
00:21:19 → 00:21:22 ครับเดินอคุณิติมาแล้วสวัสดีครับเดินนะ
00:21:23 → 00:21:27 ครับเดินหลังกินข้าว 10 นาทีครับโหเทคนิค
00:21:27 → 00:21:29 นี้นี่ยอดนิยมแน่นอนแล้วอยากให้ทุกคนบอก
00:21:29 → 00:21:33 คนอื่นด้วยอยากให้บอกทุกคนเลยเดินครับกิน
00:21:33 → 00:21:37 ข้าวเช้าเสร็จเดินออกจากที่นั่งอยู่นั 5
00:21:37 → 00:21:39 นาที 5 นาทีพอครับแล้วเดินกลับมาอีก 5
00:21:39 → 00:21:42 นาทีครับได้ 10 แล้วเห็นมั้ยเดินไปเดิน
00:21:42 → 00:21:44 กลับได้ 10 แล้วนะครับ
00:21:44 → 00:21:49 นะกลางวันเอาอีกเย็นเอาอีกนะถ้าทำได้ 3
00:21:49 → 00:21:52 วัน 3 มื้อวันนึงเรากินสมมุติเรากิน 3
00:21:52 → 00:21:53 มื้อใช่่มั้ยกิน 10:00 นกิน 14:00 นกิน
00:21:53 → 00:21:56 17:00 นอ่ะสมมุตินะเราเดินครั้งละ 10
00:21:56 → 00:22:01 นาทีได้ 30 นาทีเบาหวานคุมง่ายมากถามว่า
00:22:01 → 00:22:04 ทำไมเดินแล้วถึงคุมเบาหวานได้เวลาที่เรา
00:22:04 → 00:22:08 เดินเนี่ยนะครับกล้ามเนื้อเราอ่ะมันจะเอา
00:22:08 → 00:22:11 น้ำตาลไปใช้ครับน้ำตาลที่เรากินเมื่อกี้
00:22:11 → 00:22:13 เนี่ยมันจะถูกใช้ก่อนเพราะฉะนั้นเนี่ยมัน
00:22:13 → 00:22:16 ดีมากเลยนะกับคนที่เป็นเบาหวานนะสรุปนะ
00:22:16 → 00:22:20 เพิ่มทริกให้นะจากจากแผนอ่ามาตรฐานในการ
00:22:20 → 00:22:23 รักษาเบาหวานเรื่องอาหารนะเพิ่มทริกเข้า
00:22:23 → 00:22:26 ไปว่า If ช่วยได้เพิ่มทริกเข้าไปว่าเดิน
00:22:26 → 00:22:30 หลังอาหารนี่ช่วยได้นะครับอ้าครับอันที่ 2
00:22:30 → 00:22:34 ครับออกกำลังกายครับออกกำลังกายนะคนที่
00:22:34 → 00:22:38 เป็นเบาหวานพบว่าการออกกำลังกายอย่างสม่ำ
00:22:38 → 00:22:42 เสมอวันละ 30 นาที 5 วันต่อสัปดาห์สามารถ
00:22:42 → 00:22:45 ที่จะทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลได้ดีขึ้น
00:22:45 → 00:22:48 มากๆนะครับแน่น้องเจี๋ยมาบอกเดินหลังกิน
00:22:48 → 00:22:50 ข้าวทุกมื้อ 15 นาทียอดเยี่ยมครับยอด
00:22:50 → 00:22:52 เยี่ยมมากหญ้า
00:22:52 → 00:22:55 หวานหญ้าหวานเนี่ยตอนเยยังมันยังไม่มีงาน
00:22:55 → 00:22:58 วิจัยว่าไม่ดีไม่ได้บอกว่ามันไม่ดีนะแต่
00:22:58 → 00:23:00 มันยังไม่มีงานวิจัยว่ามันไม่ดีก็เลยไม่
00:23:00 → 00:23:03 รู้ว่ามันดีหรือมันไม่ดีแต่โอเคแหละมัน
00:23:03 → 00:23:06 ไม่มีแควนะเอาประมาณนี้นะโอเคเอากำลังกาย
00:23:06 → 00:23:10 นะครับ 30 นาทีนะครับ activity นะ
00:23:10 → 00:23:12 physical activity นะครับแล้วก็เลือก
00:23:12 → 00:23:15 กิจกรรมที่เหมาะสมกับร่างกายนะแต่ละคนอาจ
00:23:15 → 00:23:18 จะไม่เหมือนกันนะเดินบางคนเดินนะถ้าอายุ
00:23:18 → 00:23:21 มากอาจจะใช้การเดินเดินเดินเร็ววิ่งว่าย
00:23:21 → 00:23:25 น้ำปั่นจักรยานเป็นต้นโอเคนะหรอทั้งกล้วย
00:23:25 → 00:23:27 ก็ลักษณะเดียวกับหญ้าหวานคือมันยังไม่มี
00:23:27 → 00:23:32 วิจัยว่าไม่ดีนะครับโอเคอันที่ 3 ครับ
00:23:32 → 00:23:34 แบ่งเวลาออกกำลังกายเป็นช่วงสั้นๆช่วยได้
00:23:34 → 00:23:37 นะอย่างที่บอกไปเมื่อกี้นะแบ่งเราไม่ได้
00:23:37 → 00:23:39 จำเป็นต้องหาเวลาครึ่งชั่วโมงมาออกกำลัง
00:23:39 → 00:23:42 กายเราอาจจะออกกำลังกาย 10 นาที 10 นาที
00:23:42 → 00:23:44 10 นาทีก็ได้ทำเป็นช่วงสั้นๆได้ผลเหมือน
00:23:44 → 00:23:48 กันได้ผลเหมือนกันนะครับอันที่ 4 ครับออก
00:23:48 → 00:23:51 กำลังกายแบบสร้างกล้ามเนื้อด้วยเพราะอะไร
00:23:51 → 00:23:53 เพราะถ้าเรามีกล้ามเนื้อนะเราจะเผาผาน้ำ
00:23:53 → 00:23:56 ตาลได้เยอะอ่าถ้ายิ่งเรามีกล้ามเนื้อเรา
00:23:56 → 00:23:58 จะเผาผาน้ำตาลได้เยอะนะครับเพราะฉะนั้น
00:23:58 → 00:24:01 การที่เราไปออกกำลังกายแบบอ่า resistance
00:24:01 → 00:24:05 Exercise resistance Exercise นะวิด
00:24:05 → 00:24:10 พื้นยกถุงยกน้ำนะขวดน้ำอย่างงี้ยกไปยกมา
00:24:10 → 00:24:14 นะดันพื้นนะทำแพลงนะทำ squ อะไรอย่าง
00:24:14 → 00:24:17 เนี้ยช่วยได้โดยเฉพาะถ้า squat นะถ้า
00:24:17 → 00:24:19 squat เนี่ยมันเป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ของ
00:24:19 → 00:24:21 ร่างกายนะกล้ามเนื้อมัดใหญ่คือกล้ามเนื้อ
00:24:21 → 00:24:24 ต้นขาเนี่ยเวลาที่เราฝึกก้ามเมัดใหญ่มัน
00:24:24 → 00:24:26 จะใช้น้ำตาลได้ดีขึ้นนะครับนะอันนี้คือ
00:24:26 → 00:24:28 เรื่องที่ 2 คือเรื่องของการออกกำลังกาย
00:24:29 → 00:24:31 นะครับทำให้เบาหวานท่านดีได้นะวันนี้ฟัง
00:24:31 → 00:24:36 จบหายเบาหวานเลยแต่ละคนทำจบแล้วต้องไปทำ
00:24:36 → 00:24:39 ด้วยนะอ้าครับเรื่องที่ 3
00:24:39 → 00:24:43 ครับลดน้ำำหนักตัวลงใครที่เป็นเบาหวาน
00:24:43 → 00:24:48 แล้วลดน้ำหนักตัวลงนะพบว่าพบว่าน้ำตาลดี
00:24:48 → 00:24:51 ขึ้นทันทีนะเบาหวานชนิดที่ 2 นะต้องบอก
00:24:51 → 00:24:54 เบาหวานชนิดที่ 2 นะลดน้ำหนักตัวลงให้ได้
00:24:54 → 00:24:57 สัก 5-10 per นะครับการควบคุมน้ำตาลจะดี
00:24:57 → 00:25:00 ขึ้นมากเช่นถ้าหนัก 100 เนี่ยลดถ 90
00:25:00 → 00:25:03 เนี่ยน้ำตาลเนี่ยเอฟเฟคแล้วนะท่านจะลดยา
00:25:03 → 00:25:06 ทันทีเลยนะได้ลดยาแน่นะครับสังเกตดูนะคน
00:25:06 → 00:25:08 ที่มี insulin resistance คนที่เป็นเบา
00:25:08 → 00:25:12 หวานเนี่ยมักจะมีน้ำตาลอ่ามักจะตัวอ้วน
00:25:12 → 00:25:14 มักจะนะไม่ได้ 100% แต่มักจะสังเกตดูได้
00:25:15 → 00:25:19 เพราะฉะนั้นนะลดน้ำหนักตัวลงลดน้ำตาลลง
00:25:19 → 00:25:23 ได้นะครับนะโอเคนะลดน้ำหนักตัวลงสัก -10%
00:25:23 → 00:25:26 นะครับการลดน้ำหนักจะทำให้ระดับน้ำตาล
00:25:26 → 00:25:30 เลือดดีขึ้นด้วยความดันเลือดจะดีขึ้นด้วย
00:25:30 → 00:25:33 ไขมันในเลือดก็จะดีขึ้นด้วยนะครับอุ๊ย
00:25:33 → 00:25:36 สวัสดีครับคุณครูมาคุณครูคุณครูผมมาคุณ
00:25:36 → 00:25:39 ครูภกากองครับสวัสดีครับ
00:25:39 → 00:25:43 อ้อคุณภกากองครับสวัสดีครับอ่าการเลิกสูบ
00:25:44 → 00:25:46 บุหรี่อันที่ 4 นะครับเลิกสูบบุหรี่นะ
00:25:46 → 00:25:49 ครับใครที่สูบบุหรี่อยู่ให้เลิกสูบบุหรี่
00:25:49 → 00:25:54 ซะนะเลิกสูบบุหรี่การสูบบุหรี่ทำให้เบา
00:25:54 → 00:25:57 หวานเกิดโรคแทรกซ้อนมากขึ้นมหาศาลเพราะ
00:25:57 → 00:26:00 ฉะนั้นเลิ่กสูบบุหรี่ซะการสูบบุหรี่นอก
00:26:00 → 00:26:02 จากทำให้น้ำตาลคุมไม่ได้แล้วยังทำให้เกิด
00:26:02 → 00:26:05 ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจโรคหลอดเลือดและโรค
00:26:05 → 00:26:08 มะเร็งเพิ่มขึ้นเพราะฉะนั้นทุกคนต้องเลิก
00:26:08 → 00:26:12 เลิกสูบบุหรี่นะครับนะข้อที่ 5 ครับจัด
00:26:12 → 00:26:15 การความเครียดโอ้โหอันนี้เรื่องความ
00:26:15 → 00:26:18 เครียดนี่ยากเหมือนกันเนาะพวกเราเนี่ย
00:26:18 → 00:26:21 ความเครียดคืออะไรรู้มยความเครียดของเรา
00:26:21 → 00:26:23 เนี่ยเกิดจากความคิดของเราวันนี้สรุปให้
00:26:23 → 00:26:26 ฟังเลยนะความเครียดเกิดจากความคิดของเรา
00:26:26 → 00:26:29 เองและเรามีความคิดของเราเองตลอดเวลา
00:26:29 → 00:26:31 เพราะฉะนั้นความเครียดมันจะเกิดขึ้นตลอด
00:26:31 → 00:26:33 เวลานะครับมันไม่ได้อย่างใจอยากเราตลอด
00:26:33 → 00:26:34 เวลาเพราะฉะนั้นวิธีหนึ่งที่จะหยุดความ
00:26:34 → 00:26:37 เครียดได้นะถ้าตามพระอาจารย์เรามี 2 วิธี
00:26:37 → 00:26:43 ใช้สติ 1 ใช้ปัญญา 1 วิธีใช้สติคืออะไรสู
00:26:43 → 00:26:52 ลมหายใจ
00:26:52 → 00:26:57 เข้าเนี่ยแค่เสบายแล้วฮะนี่คือผมทำแค่ 2
00:26:57 → 00:27:02 ทีเองนะยังสบายเลยตามลมหายใจเข้าไป
00:27:02 → 00:27:07 ครับเอาสติไปอยู่กับลมหายใจนะทำแค่เนี้ย
00:27:07 → 00:27:12 สบายแล้วลองทำดูก็ได้ทำแค่นี้ปั๊บความ
00:27:12 → 00:27:15 เครียดลดลงเหตุผลเพราะอะไรฮะโอ 15 แชร์
00:27:15 → 00:27:17 ขอบคุณนะครับเหตุผลเพราะอะไรฮะทำไมความ
00:27:17 → 00:27:21 เครียดถึงลดลงการที่เราสูดหายใจลึกๆเข้า
00:27:21 → 00:27:24 ออกข้าออกจิตใจเราอ่ะมันจะไปโฟกัสอยู่ที่
00:27:24 → 00:27:27 ลมหายใจนะพอเราโฟกัสที่ลมหายใจความคิดมัน
00:27:28 → 00:27:30 จะมันจะน้อยลงพอความคิดน้อยลงความเครียด
00:27:30 → 00:27:32 น้อยลงระบบประสาทที่เป็นระบบประสาท
00:27:32 → 00:27:35 อัตโนมัติที่เขาเรียกว่าพา syic จะทำงาน
00:27:35 → 00:27:40 มากขึ้นจะทำงานมากขึ้นาติจะทำงานลดลงพอทำ
00:27:40 → 00:27:42 งานอย่างนี้หลอดเลือดเราจะขยายตัวออก
00:27:42 → 00:27:45 กล้ามเนื้อเราจะผ่อนคลายนะครับกล้ามเนื้อ
00:27:45 → 00:27:47 ผ่อนคลายหลอดเลือดขยายตัวคนที่มีแนวโน้ม
00:27:47 → 00:27:51 จะหลอดเลือดตีทำแบบนี้หลอดเลือดก็ก็จะก็
00:27:51 → 00:27:54 จะขยายทันทีนะครับอโอ้มีคนมาฟังครั้งแรก
00:27:54 → 00:27:57 ขอบคุณนะครับฝากแชร์ด้วยนะ
00:27:57 → 00:28:00 ครับต้อนรับคนใหม่ด้วยนะเพราะฉะนั้นการ
00:28:00 → 00:28:01 ที่เราคายเครียดด้วยลมหายใจเนี่ยเป็นการ
00:28:01 → 00:28:06 ใช้สตินะครับทำให้ความเครียดลดลงได้แน่ๆ
00:28:06 → 00:28:09 จริงๆนะครับนี่คือวิธีที่ 1 วิธีที่ 2
00:28:09 → 00:28:12 คือใช้ปัญญานะพระอาจารย์เราจะสอนใช้ปัญญา
00:28:12 → 00:28:14 ปัญญาก็คืออะไรปัญญาก็คือบอกว่าทุกสิ่ง
00:28:14 → 00:28:16 ที่เกิดขึ้นมาแล้วมันเป็นไปตามธรรมชาติ
00:28:16 → 00:28:20 ของสรรพสิ่งนะนะเป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา
00:28:20 → 00:28:22 แน่นอนอะไรที่เราควบคุมไม่ได้ไม่ต้องไป
00:28:22 → 00:28:26 เครียดกับเขาเช่นฝนตกฟ้าร้องนะแดดออกอะไร
00:28:26 → 00:28:28 อย่างเงี้ยควบคุมไม่ได้จิตใจคนอื่นเราก็
00:28:28 → 00:28:31 ควบคุมไม่ได้นะเพราะฉะนั้นเนี่ย้าเรายอม
00:28:31 → 00:28:33 รับเไปตามความเป็นจริงนะครับเาจะเป็น
00:28:34 → 00:28:36 อย่างนี้น่ะเหตุผลของเขาคเป็นอย่างนี้ก็
00:28:36 → 00:28:38 เรื่องของเค้านะเเเป็นอย่างงี้ไม่เไม่
00:28:38 → 00:28:40 เป็นไปอย่างใจเราหรอกเพราฉะนั้นเราอย่าไป
00:28:40 → 00:28:43 อยากให้ใครเป็นอะไรอย่างใจเราความเครียด
00:28:43 → 00:28:46 เราก็ลดลงอันนี้คือการใช้ปัญญานะครับนะ
00:28:46 → 00:28:50 เวลาเราไปเจอคนที่ไม่ถูกใจเคพูดมาไม่ถูก
00:28:50 → 00:28:53 ใจเราเราก็โอ้เขาคก็เป็นของเาอย่างนี้
00:28:53 → 00:28:55 เนาะเอ่อแต่เขาก็เป็นเพื่อนเกิดแก่เจ็บ
00:28:55 → 00:29:00 ตายกับเรานะนะนะอ่าเา้าก็น่าสงสารเหมือน
00:29:00 → 00:29:02 กันนะบางทีมองไปในตาเค้าเนี่ยเราก็รู้สึก
00:29:02 → 00:29:04 สงสารนะแม้ศัตรูเราเองนะแม้แต่เป็นศัตรู
00:29:04 → 00:29:08 เรานะเรายังมองแโอ้เขาก็เกิดแก่เจ็บตาย
00:29:08 → 00:29:10 เนาะเขาคก็มีทุกข์เหมือนกับเรานี่แหละ
00:29:10 → 00:29:13 อะไรอย่างนี้เป็นต้นนะครับก็เนี่ยเป็น
00:29:13 → 00:29:15 วิธีหนึ่งเลยในการที่จะลดความเครียดลงได้
00:29:15 → 00:29:19 ลดความโกรธนะมันกลายเป็นความเมตตาไปหมดนะ
00:29:19 → 00:29:21 มันจะกลายเป็นความเมตตาไปหมดจริงๆเวลาที่
00:29:21 → 00:29:25 ผมไปเจอปัญหาอะไรก็ตามนะเจอคนที่ไม่ถูกใจ
00:29:25 → 00:29:28 แล้วมักจะทำอย่างงี้จริงๆนะเวลาเรามอง
00:29:28 → 00:29:31 เข้าไปลึกๆเนี่ยมันกลายเป็นว่าเรากลาย
00:29:31 → 00:29:34 เป็นว่าสงสารเด้วยซ้ำไปนะว่าเออเค้ามี
00:29:34 → 00:29:37 ความมีความหลงเนาะมีความทุกข์เนาะเหตุที่
00:29:37 → 00:29:39 เขาคแสดงออกอย่างนี้เขอาจจะมีความทุกข์ใจ
00:29:39 → 00:29:41 อยู่อะไรบางอย่างอยู่ความเมตตามันก็เกิด
00:29:41 → 00:29:45 ขึ้นเราก็ไม่จองเวรไม่จองเวรเค้าไม่มีเวร
00:29:45 → 00:29:48 มีภัยกันนะไม่อยากมีความพยาบาทเบียดเบียน
00:29:48 → 00:29:52 ไม่อยากที่จะไปทำร้ายร่างกายเค้าใจมันก็
00:29:52 → 00:29:55 อยากให้เขาคมีความสุขขึ้นมาพอความเมตตา
00:29:55 → 00:30:01 มันเกิดขึ้นถามว่าใจเราดีหรือใจจเดีอ่ะ
00:30:01 → 00:30:03 ถามจริงๆเหอะเวลาที่ใจเราเป็นเมตตาเนี่ย
00:30:04 → 00:30:06 ใจเราดีหรือใจเขา
00:30:06 → 00:30:11 ดีบอกได้เลยใจเราอ่ะดีถูกมยใจเราสบายขึ้น
00:30:11 → 00:30:14 ทันทีเลยนะใจเราสบายขึ้นเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:30:14 → 00:30:16 แหละมันคือวิธีความดับความเครียดลงแล้วทำ
00:30:16 → 00:30:19 ให้เราเี่มีความสุขมากขึ้นนะครับนะเพราะ
00:30:19 → 00:30:23 ฉะนั้นเพื่อนๆเชื่อไว้มีคนหลายคนนะพูด
00:30:23 → 00:30:26 เรื่องนี้เยอะหน่อยแล้วกันมีคนหลายคนนะ
00:30:26 → 00:30:31 ถามผมว่าทำไมหมอดูมีความสุขอืมทำไมหมอดู
00:30:32 → 00:30:34 มีความสุขมีน้องคนนึงมาดูงานเก็ถามว่า
00:30:34 → 00:30:37 อุ๊ยทำไมพี่ดูคนไข้วันนึงรอยเป็นร้อยๆคน
00:30:37 → 00:30:42 เนี่ยด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มด้วยเอ่อใจที่
00:30:42 → 00:30:46 มีความสุขเน็ดเหนื่อยยากคนไข้ที่เข้ามา
00:30:46 → 00:30:50 แต่ละคนเข้ามาบึ้งๆแต่ออกไปยิ้มนั่นคือ
00:30:51 → 00:30:52 หลักการของผมบอกได้เลยนั่นคือหลักการของ
00:30:53 → 00:30:55 ผมคนที่มีความทุกข์เข้ามาเจอผมออกไปต้อง
00:30:55 → 00:30:58 ยิ้มได้ออกไปต้องยิ้มได้นั่นคือหลักการ
00:30:58 → 00:31:00 เลยผมผมรู้สึกงี้เสมอแม้จะมีเวลาคุยกัน
00:31:00 → 00:31:04 ช่วงสั้นๆก็ตามนะเจะต้องมีความสุขกลับไปเ
00:31:04 → 00:31:06 จะต้องมีความหวังเจะต้องมีอะไรที่ดีขึ้น
00:31:06 → 00:31:11 กลับไปนะถามว่าหลักของหมอคืออะไรเเจะถาม
00:31:11 → 00:31:14 ว่าหลักของหมอคืออะไรบอกได้เลยนะผมไม่รู้
00:31:14 → 00:31:17 จะพูดคำว่าอะไรนะแต่มันคือความเมตตาครับ
00:31:17 → 00:31:23 มันคือความเมตตาจริงๆเลยเมตตามี 4 ลักษณะ
00:31:23 → 00:31:28 เมตตามี 4 ลักษณะอเวลอัพยาปัชฌา
00:31:28 → 00:31:31 อีคาสุขีอัตตานังปะริหะรันตุแล้วพวกเรา
00:31:31 → 00:31:34 ท่องกันได้ทุกวันถูกป่ะแล้วเราจะเอ้ยเรา
00:31:34 → 00:31:37 แผลเมตตาแต่ผมกำลังจะบอกทุกท่านนะว่าการ
00:31:37 → 00:31:41 แผ่เมตตาด้วยปากแบบเนี้ยไม่มีประโยชน์อ
00:31:41 → 00:31:44 เราเข้าไปห้องพระเอาเวลาโอตัวอพยาปชาหตุ
00:31:44 → 00:31:48 อนิคาโตไม่มีประโยชน์การแผ่เมตตาคือการ
00:31:48 → 00:31:52 ที่เราเจอใครแล้วเราแสดงสิ่ง 4 อย่างเออก
00:31:52 → 00:31:55 ไปให้เขานั่นแหละคือความเมตตาที่แท้จริง
00:31:55 → 00:31:56 เข้าใจ
00:31:56 → 00:31:59 มยถ้าเราเจอเคแล้วเราไม่ก่อเวรให้เคนั่น
00:31:59 → 00:32:02 แหละเมตตาครับเค้าเกลียดเราเราลองซื้อขนม
00:32:02 → 00:32:03 ไให้เค้า
00:32:03 → 00:32:06 สิความเมตตานั่นแหละคือการแผ่เมตตาเพราะ
00:32:06 → 00:32:09 ความเมตตาที่แผ่ออกไปให้เขาเรับรู้ได้นะเ
00:32:09 → 00:32:13 จะเริ่มมีความเปลี่ยนไปกับเราทันทีเลยทัน
00:32:13 → 00:32:16 ทีเลยครับนะนั่นแหละเอาเวลาไม่ก่อเวรเค
00:32:16 → 00:32:18 พูดไม่ดีกับเราเราอาจจะนิ่งๆซะแล้วเราอาจ
00:32:18 → 00:32:19 จะถ้าเราขอโทษได้เราก็ขอโทษไปเลยไม่เป็น
00:32:19 → 00:32:23 ไรนะครับผมอ่าถ้าทำถ้าผมสิ่งที่ผมแสดงออก
00:32:23 → 00:32:25 ไปแล้วคุณไม่พอใจผมก็ขออภัยด้วยแล้วกันนะ
00:32:25 → 00:32:27 ครับอะไรผมจะระวังมากกว่านี้อะไรอย่าง
00:32:27 → 00:32:30 เงี้ยนี่คือการไม่เก่อเวรแล้วเราก็ไม่
00:32:30 → 00:32:33 พยาบาทเราไม่เ่อเวรเราไม่พยาบาทถามว่าใจ
00:32:33 → 00:32:38 เราดีดีดีมยอุใจเราสบายนะใจเราจะสบายถูก
00:32:38 → 00:32:42 มยอัพยาปจฉาอีคาก็คือไม่ทำร้ายกันทั้ง
00:32:42 → 00:32:45 ร่างกายและจิตใจเราไม่ทำร้ายเขานะร่างกาย
00:32:45 → 00:32:48 ก็ไม่ทำร้ายจิตใจก็ไม่ทำร้ายใครจะพูดอะไร
00:32:48 → 00:32:50 ก็พูดไปมีคนมาคอมเมนต์ว่าผมเยอะแยะไปผม
00:32:50 → 00:32:52 ไม่เคยต้อตอบสังเกตดูได้เลยผมไม่เคย
00:32:52 → 00:32:56 คอมเมนต์โตอบเลยตามสบายนั่นคือความแผ่
00:32:56 → 00:33:00 เมตตานะโหบางคนไม่ได้นะคอมเมนต์มาตอบกลับ
00:33:00 → 00:33:03 แรงตอบกลับแรงๆนะเห็นบางคนโอ้โหเห็นแล้ว
00:33:03 → 00:33:07 ก็อืจริงๆถ้าเรามีความเมตตาน่ะใจเรามัน
00:33:07 → 00:33:11 สบายเองนะ 3 ข้อลักษณะเนี้ยแล้วมันจะทำ
00:33:11 → 00:33:15 ให้เกิดสุขีอัตตานังปะริหะรันตุคือความ
00:33:15 → 00:33:18 ปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขใช่มั้ยมีความ
00:33:18 → 00:33:21 ปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขพอความปรารถนา
00:33:21 → 00:33:24 ให้ผู้อื่นมีความสุขเนี่ยโหเราสบายและเรา
00:33:24 → 00:33:27 สบายและใจเราสบายทั้งวันพูดตรงๆเลยนะ
00:33:27 → 00:33:30 เพราะฉะนั้นเพื่อนๆครับทุกคนครับลองเอา
00:33:30 → 00:33:35 หลักการนี้ไปใช้อย่าแผ่เมตตาในห้องพระ
00:33:35 → 00:33:40 อย่าแผ่เมตตาก่อนนอนบนบนหมอนเราแผ่เมตตา
00:33:40 → 00:33:44 นะเวลาที่เราเจอคนเราแผ่เมตตาเวลาที่เรา
00:33:44 → 00:33:50 เจอคนนะเจอใครแผ่เมตตาโอเคมยทุกคนทำได้
00:33:51 → 00:33:54 มั้ยแล้วผมเชื่อว่าพวกเราเนี่ยสร้างตอน
00:33:54 → 00:33:56 นี้คนฟังผมอยู่ประมาณเกือบ 2,000 คนทุก
00:33:56 → 00:33:59 ช่องทางตอนนี้เกือ 2,000 คนนะ
00:33:59 → 00:34:03 ครับเราร่วมมือกันมั้ยเราร่วมมือกันแผล
00:34:03 → 00:34:06 เมตตามตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปได้มั้ยอ่ะ
00:34:06 → 00:34:10 ลองใครได้กด 1 มากด 1 พอถ้าใครร่วมมือได้
00:34:10 → 00:34:13 พี่ชุมาละ
00:34:13 → 00:34:16 อ่ะกด 1 มากดได้
00:34:16 → 00:34:19 มาผมรับประกันได้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการ
00:34:19 → 00:34:24 ทำเพื่อตัวเองครับไม่ได้ทำให้คนอื่นนะไม่
00:34:24 → 00:34:26 ได้ทำให้คนอื่นนะเราจะคิดว่าเราแผ่เมตตา
00:34:26 → 00:34:29 โอได้กได้มาแต่เต็มเลยยุเยี่ยมยอดแล้วทุก
00:34:29 → 00:34:32 คนที่กด 1 นี่แหละจะเป็นคนที่มีความ
00:34:32 → 00:34:36 สุขไม่ต้องไม่ต้องกลัวว่าคนอื่นจะอะไรยัง
00:34:36 → 00:34:39 ไงเลยผมบอกได้เลยคนที่กด 1 มาแล้วเนี่ย
00:34:39 → 00:34:40 คุณจะมีความ
00:34:40 → 00:34:46 สุขจะมีความสุขจริงๆเชื่อผมนะต่อไปการแผ่
00:34:46 → 00:34:48 เมตตาไม่ใช่เพียงการ
00:34:48 → 00:34:53 ท่องไม่ใช่เพียงการท่องนะแต่จะเป็นการแผ่
00:34:53 → 00:34:56 เมตตา 4 ลักษณะต่อคนทุกคนที่เราไปเจอลอง
00:34:56 → 00:34:59 ดูวันนี้ก็แหละแล้วดูซิว่าเย็นนี้เราจะมี
00:34:59 → 00:35:05 ความสุขมยอ่ะโอเคนะอยแค่สวดมนต์นะเจอคน
00:35:05 → 00:35:08 ไม่มีเวรกับเค้าเคจะว่าอะไรไม่เป็นไรไม่
00:35:08 → 00:35:11 เป็นไรทั้งนั้นโอเคมั้ยถ้าเค้าไม่ชอบเรา
00:35:11 → 00:35:15 เอาของให้เค้าถ้าเไม่ชอบเราเอาของให้เค้า
00:35:15 → 00:35:17 แล้วเจะเฮ้ยวันนี้เหมาะวันนี้แปลกเว้ย
00:35:17 → 00:35:20 อะไรอย่างเงี้ยอุ้ยวันนี้เราพอดีไปซื้อ
00:35:20 → 00:35:22 ขนมร้านนี้มาอร่อยจังเลยคุณลองไปชิมดูนะ
00:35:22 → 00:35:26 ความเมตตาเกิดขึ้นรับรองเปลี่ยนเลยผมบอก
00:35:26 → 00:35:30 ได้เลยอัพยาประชาอนีคาสุขีอัตตานังปริหตุ
00:35:30 → 00:35:33 ลองดูครับแล้วดูสิว่าชีวิตเราจะบวกขึ้น
00:35:33 → 00:35:37 มั้ยผมใช้วิธีนี้มาชั่ว
00:35:37 → 00:35:41 ชีวิตบอกได้เลยมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองนะ
00:35:41 → 00:35:44 โอเคนะอ้าพูดเรื่องนี้ไปยาวเลย
00:35:44 → 00:35:48 ว่ะโอเคอ่ะอันนี้คือวิธีการจัดการความ
00:35:48 → 00:35:51 เครียดโอเคมยนี่คือวิธีการจัดการความ
00:35:51 → 00:35:56 เครียดนะครับเอาล่ะข้อที่ 6 ครับข้อที่ 6
00:35:56 → 00:36:00 นอนให้พอครับนอนให้พอนอนให้พอคือ 7-9 ชม
00:36:00 → 00:36:04 นะเราต้องนอน 7-9 ชมนะต่อวันนะครับนอนให้
00:36:04 → 00:36:07 พอก็อย่าไปเครียดเนี่ยทำอย่างที่ผมบอกนี่
00:36:07 → 00:36:10 แหละรับรองได้หลับสบายนะครับและตรวจ
00:36:10 → 00:36:13 สุขภาพบ้างนะเ้าวันนี้ครับเราสรุปแล้วนะ
00:36:13 → 00:36:18 ครับการรักษาเบาหวานให้หายโดยพฤติกรรมโดย
00:36:18 → 00:36:23 ไม่ใช้ยาข้อที่ 1 อาหารสำคัญที่สุดเลย
00:36:23 → 00:36:27 อาหารข้อที่ 2 ออกกำลังกายข้อที่ 3 ลดน้ำ
00:36:27 → 00:36:28 หนักลง
00:36:28 → 00:36:31 ข้อที่ 4 เลิกสูบบุหรี่ข้อที่ 5 จัดการ
00:36:31 → 00:36:34 ความเครียดข้อที่ 6 นอนให้พอข้อที่ 7
00:36:34 → 00:36:39 ตรวจสุขภาพร่างกายเป็นประจำนะครับก็ทำตาม
00:36:39 → 00:36:43 นี้แหละนะเบาหวานควบคุมได้แน่ๆและผมเชื่อ
00:36:43 → 00:36:48 ว่าหลายๆคนจะอ่าไม่ต้องใช้ยาต่อไปเบาหวาน
00:36:48 → 00:36:50 หายได้ diabetic remission เเรียกว่าโรค
00:36:50 → 00:36:53 สงบได้นะครับดับโรคเบาหวานนะอ้าวันนี้ใคร
00:36:53 → 00:36:55 อยากให้คุยเรื่องอะไร
00:36:55 → 00:37:01 อีกจบแล้วรับเนื้อหาโดยโดยโดยรวมนะแต่อ่า
00:37:01 → 00:37:04 เพื่อนๆอยู่กันเกือบ 2,000 คนวันนี้ 1000
00:37:04 → 00:37:08 1,800 1,800 กว่าคน 1,900 คนนะครับตอน
00:37:08 → 00:37:12 นี้นะใครมีคำถามมาถามมาคนที่ทานยาไปแล้ว
00:37:12 → 00:37:17 ก็โอเคถูกต้องก็ทานยาต่อไปนะครับอ่าอีก
00:37:17 → 00:37:19 ครั้งค่ะคุณหมอเมื่อกี้คืออะไร
00:37:19 → 00:37:25 คะอยากให้ตัดคลิปลงทันทีลงทีโอเคคุยธรรมะ
00:37:25 → 00:37:29 อ้าธรรมะ
00:37:30 → 00:37:33 อืมคือธรรมะเนี่ยนะครับประเดี๋ยวพวกเรา
00:37:33 → 00:37:37 จะอยากให้เริ่มต้นวันนี้แหละนะวันนี้
00:37:37 → 00:37:39 เนี่ยเบอกว่าแล้วยิ่งสัปดาห์เนี่ยเป็น
00:37:40 → 00:37:43 สัปดาห์อวิทยาศาสตร์พิถีชีวิตโอเคถูกมั้ย
00:37:43 → 00:37:44 อ่ะส่วนมนต์บทไหนเดี๋ยวเล่าให้ฟัง
00:37:44 → 00:37:47 วิทยศาสตร์วิถิชีวิตนะ 18-24 นะพวกเราจำ
00:37:47 → 00:37:50 ไว้นะวันนี้ 2,000 คนนี้รู้จักสัปดาห์
00:37:50 → 00:37:52 วิทยาศาสตร์วิถิชีวิตนะทุกคนจะต้องไป
00:37:52 → 00:37:54 ปฏิบัติตัวเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นไม่
00:37:54 → 00:37:56 เจ็บไม่ป่วยโอเค
00:37:56 → 00:38:01 มั้ยอันที่ 2 สัปดาห์นี้สำคัญกว่านั้นอีก
00:38:01 → 00:38:05 โอ้มีรุ่นนารุ่น sii 107 จากโคราชว้าว
00:38:05 → 00:38:08 สวัสดีครับน้องหมอรัชรสแดีใจที่มาฟังนะ
00:38:09 → 00:38:14 ครับอยู่โคราชเหรอโคราชเมืองย่าโมแวดี
00:38:14 → 00:38:15 จริงๆ
00:38:15 → 00:38:19 อ่ะอันที่ 2 เมื่อกี้พูดอะไรอันที่ 2
00:38:19 → 00:38:21 เป็นสัปดาห์ที่สำคัญกว่านั้นอีกคือเป็น
00:38:21 → 00:38:26 สัปดาห์วิสาขบูชาถูกมั้ยวิสาขบูชาพวกเรา
00:38:26 → 00:38:29 นะตอนนี้นะเราไม่รู้จะเอาวันอะไรเป็นหลัก
00:38:29 → 00:38:31 ในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ในการเริ่มต้นทำ
00:38:31 → 00:38:34 คุณงามความดีในการหยุดบุหรี่ในการดื่ม
00:38:34 → 00:38:38 เหล้าในการออกกำลังกายนะครับเรายึดวัน
00:38:38 → 00:38:42 วิสาขบูชาเลยครับนรู้สึกกับวันพุธใช่มั้ย
00:38:42 → 00:38:44 วันสาขบูชา
00:38:44 → 00:38:47 นะเริ่มเลยนะครับทุก
00:38:47 → 00:38:51 คนตั้งเป้าตั้งหลักนะว่าสัปดาห์วันวิสาขา
00:38:51 → 00:38:54 บูชาเริ่มวันนี้เลยแล้วก็ได้แหละนะเราจะ
00:38:54 → 00:38:57 เป็นคนที่ดีขึ้นอย่างน้อยที่สุดต้องเป็น
00:38:57 → 00:39:00 คนคนที่มีความเมตตาต่อผู้อื่นมากขึ้นนะ
00:39:00 → 00:39:02 นี้เป็นหลักการนะ
00:39:03 → 00:39:06 ที่ที่ผมพิสูจน์ด้วยชีวิตนะต้องบอกว่า
00:39:06 → 00:39:10 พิสูจน์มาด้วยชีวิตนะมีคนถามคำถามผม
00:39:10 → 00:39:12 เกี่ยวกับเรื่องเรื่องอย่างนี้หลายคน
00:39:12 → 00:39:15 อย่างมีน้องคนนึงก็ถามเป็นหมอด้วยเป็นคุณ
00:39:16 → 00:39:19 หมอที่ที่เก่งมากเลยเขาก็ถามคถามผมที่น่า
00:39:19 → 00:39:21 สนใจนะซึ่งเอาจริงๆผมเองก็ไม่เคยรู้มา
00:39:21 → 00:39:26 ก่อนนะเถามถามผมว่าเวลาที่ผมไปพูดในที่
00:39:26 → 00:39:30 ชุมชนเป็นเค้าเรียก Public speaker
00:39:30 → 00:39:34 เนี่ยทำยังไงให้พูดได้ดีพูดได้เก่งทำยัง
00:39:34 → 00:39:36 ไงให้พูดได้ดีได้เก่งรู้มั้ยเวลาไปพูดใน
00:39:36 → 00:39:38 ที่ชุมชน
00:39:38 → 00:39:41 อ่าลองเดาิอ่ะเวลาที่เราจะต้องไปพูดในที่
00:39:41 → 00:39:44 ชุมชนทุกคนปกติมันจะต้องเกิดความอะไรฮะ
00:39:44 → 00:39:49 เกิดความประมาทใช่มั้ยมือสั่นตัวสั่นมือ
00:39:49 → 00:39:52 สั่นตัวสั่นใช่มั้ย
00:39:52 → 00:39:55 อ่ะเราเพื่อนๆลองทายซิผมพูดยังไงผมคิดยัง
00:39:56 → 00:39:57 ไงเวลาผมไปพูดในที่ชุมชน
00:39:57 → 00:40:02 ทำไมผมผมพูดแล้วผมเฉยๆเลย
00:40:02 → 00:40:05 นะถูกต้องเมตตาให้ความรู้พูดจากความจริง
00:40:05 → 00:40:08 ใช่มันใช่ทั้งนั้นเลยนะน่ะผมพูดด้วยความ
00:40:08 → 00:40:14 เมตตานะและและผมพูดด้วยความรู้สึกว่าคน
00:40:14 → 00:40:15 ทุกคนเป็นเพื่อน
00:40:15 → 00:40:19 ผมจริงๆนะผมพูดเพราะว่าผมรู้สึกว่าคนที่
00:40:19 → 00:40:23 ฟังเนี่ยเป็นเพื่อนผมเออลองคิดดูสิเวลาไป
00:40:23 → 00:40:26 พูดลองทำอย่างที่ผมผมทำดูก็ได้ผมจะรู้สึก
00:40:26 → 00:40:28 ว่าผมเป็นเพื่อนกับเขาเเป็นเพื่อนกับผม
00:40:28 → 00:40:31 แล้วผมคุยกับเพื่อนผมต้องประมาเรื่องอะไร
00:40:31 → 00:40:35 ถูกมยนี่แหละคือเมตตาไงมิตรเมตตามันคือคำ
00:40:35 → 00:40:38 เดียวกันมิตรไมตรีเมตตามันกลายเป็นคำคำ
00:40:38 → 00:40:41 เดียวกันหมดเลยเพราะฉะนั้นเวลาที่ผมไปไป
00:40:41 → 00:40:44 พูดอะไรก็ตามเนี่ยผมจะมองคนฟังอ่ะกี่คนก็
00:40:44 → 00:40:47 แล้วแต่แหละ 100 200 คน 300 คนผมรู้สึก
00:40:47 → 00:40:49 ผมรู้สึกจริงๆว่าเขาคือเพื่อนเราอย่าง
00:40:49 → 00:40:52 น้อยๆเคือเพื่อนที่เกิดแก่เจ็บตายด้วยกัน
00:40:52 → 00:40:55 กับเรานั่งกันอยู่ในห้องนั้นน่ะไม่ว่าคุณ
00:40:55 → 00:40:59 จะเป็นไหนใหญ่ขนาดไหนนะอธิบดีรองอธิบดี
00:40:59 → 00:41:03 ผู้อำนวยการผู้ทรงคุณวุฒิผมพูดตรงๆนะผม
00:41:03 → 00:41:07 ไม่สนเลยนะเหตุผลเพราะอะไรรู้มั้ยครับอีก
00:41:07 → 00:41:09 50 ปีไม่เหลือสัก
00:41:09 → 00:41:14 คนจริงมั้ยอีก 50 ปีนะในห้องนั้นน่ะไม่
00:41:14 → 00:41:18 เหลือใครสักคนแล้วทำไมจะต้องไปเกร่งกลัว
00:41:19 → 00:41:23 อะไรกันมันไม่จริงเลยนะอำนาจวาสนายศา
00:41:23 → 00:41:24 บรรดาศักดิ์
00:41:24 → 00:41:28 เนี่ย 50 ปีต่อไปในห้องนั้นไม่เหลือใคร
00:41:28 → 00:41:31 สักคนเลยแม้แต่คนพูด
00:41:31 → 00:41:36 ด้วยจริงมั้ยเพราะฉะนั้นนะครับเวลาไปพูด
00:41:36 → 00:41:39 เราก็พูดอย่างนี้แหละพูดแบบเมตตาใครจะฟัง
00:41:39 → 00:41:42 ก็ฟังไม่ฟังแล้วก็ไม่ว่าอะไรนะแล้วก็
00:41:42 → 00:41:44 ปรารถนาดีกับเขาเพราะเพราะลักษณะของความ
00:41:44 → 00:41:46 เมตตามันคือความเป็นมิตรมันก็จะปรารถนาดี
00:41:46 → 00:41:49 กับเขานี่คือหลักการของ Public speaker
00:41:49 → 00:41:52 เลยนะผมไม่เคยเรียนผมไม่เคยอ่านหนังสือ
00:41:52 → 00:41:55 เลยว่าการพูดจะต้องยังไงยังไงแต่ผมพอน้อง
00:41:55 → 00:41:58 ถามผมถึงได้ได้ประมูลว่าเอโอจริงๆแล้ว
00:41:58 → 00:42:01 เนี่ยทำไมผมถึงไม่ประมาเวลาผมไปพูดในที่
00:42:01 → 00:42:04 ชุมชนบอกว่าอ๋อเหตุผลมันคือเรื่องเดิม
00:42:04 → 00:42:08 ครับมันคือเรื่องเมตตาจริงๆอืมันคือ
00:42:08 → 00:42:10 เรื่องเมตตาจริงๆนะซึ่งมันเป็นหลักอไม่
00:42:10 → 00:42:13 ว่าผมเจอคนไก้เจอใครมันก็คือนัน่ะพอเรา
00:42:13 → 00:42:16 เมตตาแล้วมันจะไม่มีคนสูงคนต่ำครับมันจะ
00:42:16 → 00:42:18 ไม่มีคนสูงคนต่ำมันจะไม่เพียบเปรียบเทียบ
00:42:18 → 00:42:21 เฮ้ยเขาคเป็นอธิบดีนะคือแน่นอนว่าเราต้อง
00:42:21 → 00:42:24 ให้เกียรติเขาเพราะว่าเขาเป็นคนที่ควรจะ
00:42:24 → 00:42:27 ได้รับเกียรตินะมั้ยล่ะนะอาจจะคนที่ได้
00:42:27 → 00:42:30 รับเกียรติเนี่ยมันจะมีอยู่ 3 ลักษณะนะคน
00:42:30 → 00:42:33 ที่ได้รับเกียรติเนี่ยมันจะมี 3 ลักษณะ 1
00:42:33 → 00:42:36 คือวัยนะถ้าเแก่กเราเคควรได้รับเกียรติ
00:42:36 → 00:42:40 จากเราถูกมยอันนี้ไวนะเอ่อจะไปพูดใน
00:42:40 → 00:42:42 ลักษณะที่ว่าเราเป็นเด็กเป็นเล็กแล้วไป
00:42:42 → 00:42:44 พูดเป็นเพื่อนกับผู้ใหญ่เลยมันก็อาจจะไม่
00:42:44 → 00:42:46 ไม่ถูกต้องเพราะว่าคนเควรจะได้รับเกียรติ
00:42:46 → 00:42:49 นั้นเพราะเไวสูงกว่าถูกมครับเราก็อาจจะ
00:42:49 → 00:42:51 ต้องมีความเคารพแต่ในจิตใจเราอ่ะเรารู้
00:42:51 → 00:42:54 สึกกับเขาว่าเขาเนี่ยคือมิตรมิตรของเรา
00:42:54 → 00:42:58 เอาอย่างงี้แล้วกัน 2 ครับคือคุณวุฒินะฮะ
00:42:58 → 00:43:01 ใครที่มีคุณต่อเราหรือต่อประเทศชาติหรือ
00:43:01 → 00:43:05 ต่อใครๆก็ตามคนๆนั้นควรได้รับเกียรติคนๆ
00:43:05 → 00:43:09 นั้นน่ะควรจะได้รับเกียรติถูกมั้ยครับอัน
00:43:09 → 00:43:12 ที่ 3 ครับคือชาติวุฒิครับชาติวุฒิเนี่ย
00:43:12 → 00:43:16 ควรได้รับเกียรติครับนะทำไมคนบางคนจึง
00:43:16 → 00:43:20 เกิดมาในชาติที่สูงส่งมากการได้รับ
00:43:20 → 00:43:22 เกียรติไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องไปพี่
00:43:22 → 00:43:25 น้อพี่เทาอะไรไม่ใช่นะเพียงแต่ผมเชื่อว่า
00:43:25 → 00:43:29 เาควรได้รับเกียรตินั้นอย่างเช่นเชื้อพระ
00:43:29 → 00:43:32 วงศ์อย่างนี้เป็นต้นท่านควรได้รับเกียรติ
00:43:32 → 00:43:35 ครับเราไม่ได้ว่าควรเฮ้ยเสมอภาคหมอบอกผม
00:43:35 → 00:43:38 ไม่ได้ไม่ได้คิดอย่างงั้นเลยคนที่เขาเกิด
00:43:38 → 00:43:41 มามีชาติที่สูงเนี่ยมันเป็นเพราะว่าคุณ
00:43:41 → 00:43:45 งามความดีที่เขาได้ทำมาแล้วเนี่ยเส่งผล
00:43:45 → 00:43:49 ให้ชาตินี้ครับเค้าจึงมีอำนาจมีบารมีมี
00:43:49 → 00:43:53 อะไรที่พวกเราไม่มีครับนะเพราะฉะนั้น
00:43:53 → 00:43:56 เนี่ยอย่าไปอิจฉาเค้าอย่าไปดึงอย่าไปดึง
00:43:56 → 00:44:01 ฟ้าต่ำไม่ใช่ไม่ใช่ฟ้าไม่ต่ำนะเหตุผลเเขา
00:44:01 → 00:44:05 สูงอยู่แล้วโดยชาติวุฒิครับเกิดมาก็เป็น
00:44:05 → 00:44:09 เจ้าชายเป็นองค์ชายนะพระพุทธเจ้าเกิดมา
00:44:09 → 00:44:13 เป็นโอ้โหเป็นองค์ชายสิทธัตถะอย่าเงี้ยนะ
00:44:13 → 00:44:17 แล้วจะไปบอกเฮ้ยคนเท่ากันหมอบอกไม่ใช่นะ
00:44:17 → 00:44:19 อย่าอย่าไปเข้าใจอย่างงั้นนะซึ่งสิ่ง
00:44:19 → 00:44:23 เหล่าเนี้ยบางคนเนี่ยอ่าไม่เข้าใจนะบางคน
00:44:23 → 00:44:25 ไม่เข้าใจก็จะบอกโอ้ยคนมันเกิดมาเท่ากัน
00:44:25 → 00:44:28 มันจะไปเท่ากันได้ไงคนทำคุณงามความดีมา
00:44:28 → 00:44:31 ไม่เท่ากันมันจะไปเท่ากันได้ยังไงถูกมย
00:44:31 → 00:44:34 นี่แหละเขาเรียกว่ายุติธรรมที่มันเท่าคือ
00:44:34 → 00:44:38 มันเท่าอะไรรู้มั้มันเท่าที่กฎแห่งกรรมฮะ
00:44:38 → 00:44:40 คือกรรมเนี่ยมันเท่าแล้วคือตัวเองทำน้อย
00:44:40 → 00:44:44 ไงมันจึงเกิดมาได้น้อยกว่าเขาเข้าใจมยตัว
00:44:44 → 00:44:47 เองทำน้อยมันก็เลยมาน้อยกว่าเขาแล้วทีนี้
00:44:47 → 00:44:50 ไปบอกว่าพอมารับผลน้อยกว่าเขาแล้วจะไป
00:44:50 → 00:44:53 เท่าคนทำมาใหญ่ๆโๆเงี้ยแล้วบอกคน 2 คนนี้
00:44:53 → 00:44:55 เท่ากันหอบอกไม่เท่าหรอกมันไม่เท่าที่ผล
00:44:55 → 00:44:59 แล้วนะแต่มันยุทำที่เหตุเพราะฉะนั้นอยาก
00:44:59 → 00:45:01 ได้เหตุอย่างเขาคอยากได้ผลอย่างเคทำให้
00:45:01 → 00:45:04 เท่าเคถ้าอยากได้ผลอย่างเาทำให้เท่าเค
00:45:04 → 00:45:08 เหตุมันมากแล้วเดือผลมากเองนะให้ทำแบบนี้
00:45:08 → 00:45:12 ให้ทำแบบนี้เข้าใจมั้ยแล้วมันจะเท่ากันนะ
00:45:12 → 00:45:16 ครับเกิดมาแล้วนี่มันเป็นผลนะมันไม่ใช่
00:45:16 → 00:45:21 ต้นเหตุนะแต่บไปน้อยใจนะผมเองเนี่ยเกิดมา
00:45:21 → 00:45:26 ในตระกูลตระกูลชนชั้นกลางนะไม่ได้มีความ
00:45:26 → 00:45:30 หมายใครเกิดมาก็เป็นเด็กบ้านนอกนะเราทำ
00:45:30 → 00:45:32 เองทั้งนั้นล่ะครับทำไมวันนี้คนมารู้จัก
00:45:32 → 00:45:35 เราทำไมวันนี้คนเห็นว่าเรามีประโยชน์ทำไม
00:45:35 → 00:45:38 วันนี้เนี่ยเพื่อนๆมารักผมมาเข้าใจโอ้มา
00:45:38 → 00:45:41 ชอบจังเลยใช่มยเพราะอะไรเพราะเราทำเหตุนะ
00:45:42 → 00:45:46 แล้วถามว่าอนาคตกลัวมยไม่กลัวแล้วนะผมทำ
00:45:46 → 00:45:49 เหตุมาแบบจนเราทุกอย่างเนี่ยเราเราทำเหตุ
00:45:49 → 00:45:51 มาจนเราไม่กลัวข้างหน้าแล้วนะครับเพราะ
00:45:52 → 00:45:55 ฉะนั้นเนี่ยนะให้ให้ปฏิบัติอย่างนี้เริ่ม
00:45:55 → 00:45:58 วันนี้แหละเริ่มไม่มีวันไหนดีเท่าวันนี้
00:45:58 → 00:46:00 แล้ววันนี้นี่สุดยอดแล้วสัปดาห์วิสาขบูชา
00:46:00 → 00:46:05 ด้วยนะครับนะเพราะฉะนั้นทุกคนวันนี้ก็คง
00:46:06 → 00:46:09 จะประมาณนี้นะพูดไป 46 นาทีวันนี้ถือว่า
00:46:09 → 00:46:13 เป็นตอนที่ 2 ของเรื่องแเหตุให้คนเจ็บ
00:46:13 → 00:46:16 ป่วยนะแต่เราไปเน้นเรื่องเบาหวานสรุปว่า
00:46:16 → 00:46:17 วันนี้เราเน้นเรื่องเบาหวานการปฏิบัติ
00:46:17 → 00:46:20 ร่างกายและเราไปเน้นเรื่องเบาหวานในแง่
00:46:20 → 00:46:23 ของการควบคุมความเครียดเราจึงเกิดมาเรา
00:46:23 → 00:46:25 จึงเราจึงเล่าเรื่องที่ผ่านมาเป็นเรื่อง
00:46:25 → 00:46:28 ของธรรมะหน่อยเหตุผลเพราะว่าธรรมะนี่แหละ
00:46:28 → 00:46:31 คือสิ่งที่ทำให้เราคลายเครียดคลายกังวลลง
00:46:31 → 00:46:34 ได้นะครับใครอยากฟังรีรันก็ไปฟังช่องฟ้า
00:46:34 → 00:46:38 ช่องแดงก็ได้นะเพราะว่าในใน tiktok เอง
00:46:38 → 00:46:41 เนี่ยมันเป็นสดเท่านั้นถูกมยมันเป็นสด
00:46:41 → 00:46:44 เท่านั้นนะใครอยากฟังก็ลองไปดูช่องแดงของ
00:46:44 → 00:46:47 ผมก็ได้ช่องแดงช่องแดงมีอยู่นะครับช่อง
00:46:47 → 00:46:50 แดงนี่จะจะบันทึกเอาไว้ตลอดช่องฟ้าก็มีนะ
00:46:50 → 00:46:55 ครับอุ้ย The ลีวิสมาอุ้ยว่างมั้ยเดี๋ยว
00:46:55 → 00:46:59 ส่งคำเชิญไปมาขอสัก 15 นาทีได้มั้ฮะหมอ
00:46:59 → 00:47:01 อั๋นแนะนำตัวนิดนึงได้มยเพื่อนๆอยากให้จบ
00:47:01 → 00:47:03 ยังอ่ะใครอยากให้
00:47:03 → 00:47:07 จบใครอยากให้จบถ้าใครยังไม่อยากให้จบ
00:47:07 → 00:47:10 พิมพ์พิมพ์้ามาใครยังไม่อยากให้จบพิมพ์ 9
00:47:10 → 00:47:13 มาใครยังไม่อยากให้จบพิมพ์ 9 มาเดี๋ยวดู 9
00:47:13 → 00:47:18 ถ้า 9 เยอะแล้วเดี๋ยวจะชวนหมออั๋นมาไลฟ์
00:47:18 → 00:47:21 หน่อยโอย 9 เพียบเลย
00:47:21 → 00:47:25 อ่ะโอเคอ่ะเดี๋ยวต่ออีกสัก 10 10 นาที 15
00:47:25 → 00:47:28 นาทีนะอยากฟังสักเพลงเหรอ
00:47:28 → 00:47:32 เดี๋ยวเดี๋ยวฟังสักเพลงนะเดี๋ยวนะเดี๋ยว
00:47:32 → 00:47:36 นะโอย้าเพียบเลยอ่ะคนเราก็ว่างๆกันเหมือน
00:47:36 → 00:47:40 กันเนอะอุ๊ย 9 เพียบจริงๆนะเนี่ย
00:47:40 → 00:47:42 โอห
00:47:42 → 00:47:46 โอ้โหสาธุๆครับ
00:47:46 → 00:47:50 อ่ะเดี๋ยวมีเซอร์ไพรสมีเซอร์ไพรสมีแขกรับ
00:47:50 → 00:47:53 เชิญมาจะรีบไปไหนครับ
00:47:53 → 00:47:55 หมอวเออ
00:47:55 → 00:48:01 อ่าเอ่อช่องแดงคืออะไรมีคนคือพูดไม่ได้
00:48:01 → 00:48:04 เดี๋ยวเขาเดี๋ยวพวกนี้มันจับพอมันจับแล้ว
00:48:04 → 00:48:09 มันจะตัดคนออกนะอ่ะทุกคนครับฝากหน่อยได้
00:48:09 → 00:48:15 มยถ้าชอบใจนะฝากกดไลค์กดแชร์กดรพสกดอะไร
00:48:15 → 00:48:18 ได้อีกอ่ะกดบันทึก
00:48:18 → 00:48:22 เหรอให้หน่อยทุกช่องทางเพราะว่าคือจริงๆ
00:48:22 → 00:48:27 อ่ะพูดทีนึงก็อยากจะให้ให้มันกระจายไปได้
00:48:27 → 00:48:29 มากๆนะครับแล้วพวก
00:48:29 → 00:48:32 เนี้ยมีคนบอกแล้วนะช่องแดงคืออะไรนะช่อง
00:48:32 → 00:48:37 แดงคืออะไรช่องแดงคืออะไรโอเคอ้าหมออ่าน
00:48:37 → 00:48:40 มาอ่ะแต่ในในในใน tiktok จะไม่เห็นนะแต่
00:48:40 → 00:48:43 ได้ยินแต่เสียงนะโอเคนะอ่ะในช่องแดงก็จะ
00:48:43 → 00:48:47 เห็นสวัสดีครับอั๋นครับสวัสดีครับผมครับ
00:48:47 → 00:48:49 โอ้โหเดี๋ยวพูดเดี๋ยวๆๆขอเพิ่มเสียงก่อน
00:48:49 → 00:48:53 อ่ะอั๋นเป็นไงกำลังจะรอไลฟ์ตอนเช้าอะไรเ
00:48:53 → 00:48:56 แต่พอเห็น Channel ด V ไลฟนี้เรารอฟัง
00:48:56 → 00:48:57 ก่อน
00:48:57 → 00:49:00 หลักทำดีๆก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยไลฟ์ต่ออ่า
00:49:00 → 00:49:03 อ่ะทุกคนครับใครไม่รู้จักหมออั๋นบ้างหมอ
00:49:03 → 00:49:06 อั๋นเนี่ยคือคือในในช่อง tiktok เนี่ยมัน
00:49:06 → 00:49:09 เอาขึ้นไม่ได้หรืออัขึ้นได้มั้ยขึ้นได้
00:49:09 → 00:49:12 แต่เดี๋วเสียงมันจะเข้าเดี๋ยวมันจะเป็น
00:49:12 → 00:49:15 ดียไม่เป็นไรอไม่เป็นไรนะคือหมออั๋นเนี่ย
00:49:15 → 00:49:17 ก็คือเพื่อนผมเป็นเพื่อนผมนะชื่อคุณหมอ
00:49:17 → 00:49:21 นรินธรสุรสิทธิ์
00:49:21 → 00:49:24 เรียนมาด้วยกันเลยศิริราชเรียนมาด้วยกัน
00:49:24 → 00:49:26 เลยตั้งแต่ปี 1 เลยนะครับก็เป็นเพื่อนกัน
00:49:26 → 00:49:29 แล้วก็จบไปแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงานนะครับ
00:49:29 → 00:49:31 จนจนตอนเยคุณหมออั๋นเนี่ยเค้าเเป็นเหมือน
00:49:31 → 00:49:35 กับเป็นแพทย์ที่มีความชำนาญในเรื่องของ
00:49:35 → 00:49:39 longevity อ longevity ก็คือทำยังไงให้
00:49:39 → 00:49:41 ชีวิตเรายืนยาวและมีความสุขประมาณนั้นน่ะ
00:49:41 → 00:49:45 เาก็เลยตั้งชีวิตที่ดีอ่าอ่าคนไม่ต้อง
00:49:45 → 00:49:48 เจ็บต้องป่วยก็มาหาได้ครับคนเจ็บป่วยก็มา
00:49:48 → 00:49:51 หาให้ให้เลิกกินยาได้เเรกใช่ๆเก็เลยชื่อ
00:49:52 → 00:49:54 the long GIS the long GIS นะครับ
00:49:54 → 00:49:57 ใครที่ใครที่ดูอยู่ก็ไปตามก็ได้มีทุกช่อง
00:49:57 → 00:49:58 ทางเหมือนกันนะครับแต่เราจะไม่พูดชื่อ
00:49:58 → 00:50:00 ช่องแดงช่องฟ้านะเหตุผลเพราะว่าพอพูดไป
00:50:01 → 00:50:03 ปั๊บเนี่ย tiktok ปิดทั้นการมองเห็นใช่
00:50:03 → 00:50:06 ทันทีเลยอ่ะโอเโอเคครับอามีอะไรมาแชร์
00:50:06 → 00:50:08 บ้างวันนี้ไม่ได้นัดกันนะเนี่ยอไม่ได้นัด
00:50:09 → 00:50:13 กันเห็นคุยเรื่องว่าไอ้จะรดเบาหวานได้อ่า
00:50:13 → 00:50:15 อันนี้เป็นเป็นเทรนดเลยที่กำลังมาเลยว่า
00:50:15 → 00:50:18 เบาหวานมันเยอะขึ้นเรื่อยๆราะนั้นที่เรา
00:50:18 → 00:50:21 ฟังข้อมูลด้วยกันเนี่ยคือคนไทยเรามีเป็น
00:50:21 → 00:50:24 คนเป็นเบาหวานเนี่ย 6 ล้านคนใช่ๆๆแล้วก็
00:50:24 → 00:50:27 คนที่เป็นเบาหวานแต่ไม่รู้ตัวตัวว่าเป็น
00:50:27 → 00:50:29 เบาหวานเนี่ย 2 ล้านคนอือ่าซึ่งอันเนี้ย
00:50:30 → 00:50:33 สำคัญมากเลยที่ว่าเราต้องมาจัดการแล้วก็
00:50:33 → 00:50:38 ดูแลตรงนี้ให้ดีนะใช่ๆแล้วก็เหมือนที่ที่
00:50:38 → 00:50:43 นุกพูดเมื่อกี้ว่าถ้าเราใช้ 6 ข้อเนี้ยนะ
00:50:43 → 00:50:46 ฮะมันสามารถทำให้เบาหวานกลับมาได้เลยนะ
00:50:46 → 00:50:50 เป็นเหมือนปกติเลยนะซึ่งไม่ต้องเสียตังค์
00:50:50 → 00:50:54 ด้วยใช่สามารถแบบแค่ปรับวิธีคิดปรับวิธี
00:50:54 → 00:50:56 กินของตัวเองปรับวิธีใช้ชีวิตของตัวเอง
00:50:56 → 00:51:00 มันก็กลับมาได้อย่าเงี้ยก็เป็นอันนี้แบบ
00:51:00 → 00:51:03 นึงแต่พอดีเนี่ยเดี๋ยวกำลังจะไลฟ์ต่อ
00:51:03 → 00:51:08 กำลังจะไลฟ์ต่อเรื่องเรื่องว่าเวลาคนใน
00:51:08 → 00:51:10 ครอบครัวเราอยากให้คนในครอบครัวแข็งแรง
00:51:10 → 00:51:13 ขึ้นน่ะแล้วเราก็ใช้วิธีการ Approach ที่
00:51:13 → 00:51:16 ผิดคือทำให้เค้ารู้สึกว่าเหมือนเราไปบ่น
00:51:16 → 00:51:20 เค้าอย่างเงี้ยเออเก็จะไม่ยอมเปลี่นสักที
00:51:20 → 00:51:23 สำคัญจริงซึ่งเจอมาหลายครอบครัวเลยคือบาง
00:51:23 → 00:51:25 ทีเค้าบ่นจนเไม่รู้จะบ่นยังไงแล้วเก็เลย
00:51:25 → 00:51:27 มาให้หมอบ่นแทนอะไรเงี้ยแต่ว่าหมอจะไม่
00:51:27 → 00:51:31 ใช้วิธีบ่นหมอจะใช้วิธีที่เรียกว่าเอ่อ
00:51:31 → 00:51:34 motivation Interview อืๆนะคือการ
00:51:34 → 00:51:37 เหมือนกับมาพูดคุยกันมาชื่นชมมาหาจุดว่า
00:51:37 → 00:51:40 เาพร้อมจะเปลี่ยนหรือยังแล้วก็มาเหมือน
00:51:40 → 00:51:43 กับให้อชในทางเลือกว่าเออเขาคถึงเวลาที่
00:51:43 → 00:51:45 เขาจะมีความสำคัญที่จะต้องแปบเปลี่ยน
00:51:45 → 00:51:48 พฤติกรรมแล้วมีอะไรให้ดูหน้าหมอนให้ดู
00:51:49 → 00:51:50 หน้า
00:51:50 → 00:51:53 หมอนครับก็เนี่ยเดี๋ยวเดี๋ยวจะคุยเรื่อง
00:51:53 → 00:51:55 นี้กันเพราะว่าไอ้เรื่องของวิธีการสื่อ
00:51:55 → 00:51:57 สารกันระหว่างคนในครอบครัวเนี่ยสำคัญ
00:51:57 → 00:51:59 เพราะว่าเหมือนเรื่องเดียวกับที่นุ๊กบอก
00:51:59 → 00:52:04 เลยอ่ะเราเราเมตตานะคือเจตนาเราหวังดีใช่
00:52:04 → 00:52:07 มั้แต่ว่าพอเวลาเราไปคุยอ่ะเราดันเอาโกรธ
00:52:07 → 00:52:10 เอาเอาดันเอาความหงุดหงิดเอาความขัดใจไป
00:52:10 → 00:52:12 คุยกันในครอบครัวอย่างเงี้ยจริงไอ้ความ
00:52:12 → 00:52:14 เจตนาดีของเรามันก็เลยกลายเป็นเรื่องที่
00:52:14 → 00:52:18 แบบไม่ดีไปเลยอะไรเงี้ยอืฉะนั้นเราก็เลย
00:52:18 → 00:52:22 ปรับใหม่แล้วมาปรับโดยการที่มาหาวิธีว่า
00:52:22 → 00:52:25 เอ้ยเราจะสื่อสารกันในครอบครัวยังไงด้วย
00:52:25 → 00:52:27 motivation อ The วิวซึ่งจริงๆมันก็คือ
00:52:27 → 00:52:30 ด้วยเมตตานั่นแหละใช่มั้ยมาเข้าอกเข้าใจ
00:52:30 → 00:52:35 กันเห็นอใจกันเอ่ามองหาข้อดีของเขาแล้วก็
00:52:35 → 00:52:38 สามารถชื่นชมเขาได้ว่าไอ้สิ่งนี้เทำตรง
00:52:38 → 00:52:41 เนี้ยดีแล้วอ่าแล้วก็มาทำพูดให้เขาค
00:52:41 → 00:52:43 ตระหนักว่าไอ้พฤติกรรมที่เขาทำไม่ดีตอน
00:52:43 → 00:52:47 เนี้ยมันจะส่งผลอะไรบางคนก็บอกว่าอ่ะ
00:52:47 → 00:52:50 เนี่ยเป็นห่วงลูกมั้ยถ้าเรายังสูบบุหรี่
00:52:50 → 00:52:53 อยู่แล้วลูกเราจะเป็นยังไงอ่าหรือว่าบาง
00:52:54 → 00:52:54 คน
00:52:54 → 00:52:59 ก็ไม่อยากเป็นภาระให้ลูกหลานตอนแก่ๆอเอ
00:52:59 → 00:53:01 คุณอยากเป็นภาภาระให้ลูกหลานตอนแก่ๆหรอ
00:53:01 → 00:53:04 ถ้าคุณต้องติดเตียงอย่างเงี้ยเอ่อพอพูด
00:53:04 → 00:53:06 อะไรแบบเนี้ยเาก็จะเริ่มตระหนักแล้วว่า
00:53:06 → 00:53:11 เออเคต้องทำด้วยตัวเองะนะแต่ถ้าเราใช้คำ
00:53:11 → 00:53:14 วิธีการแบบโอ๊ยทำไมกินอย่างงี้ทำไมสูบบุ
00:53:14 → 00:53:17 อยู่นั่นแหละเดี๋ยวก็ตายกันพอดีอะไรเงี้ย
00:53:17 → 00:53:19 มันก็แบบคือยิ่งขึ้นอย่างงี้มันไม่ได้
00:53:19 → 00:53:21 ช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้นไม่ได้ช่วยให้เขา
00:53:21 → 00:53:25 มีความแบบตระหนักรู้ว่าเฮ้ยอันเนี้ยเเ
00:53:25 → 00:53:27 กำลังสร้างปัญหาให้ทั้งตัวเองแล้วก็คนรอบ
00:53:27 → 00:53:30 ข้างอย่างเงี้ยคือบางทีคนบางคนอาจจะไม่
00:53:30 → 00:53:33 รักตัวเองก็ได้นะฉันเป็นมะเร็งก็เรื่อง
00:53:33 → 00:53:35 ของฉันอะไรเงี้ยเออแต่ว่าพอบอกว่าเอ้ย
00:53:35 → 00:53:37 เดี๋ยวลูกหลานลำบากเดี๋ยวคนในครอบครัว
00:53:37 → 00:53:39 ลำบากเนี่ยเขาจะเริ่มฉุกคิดขึ้นมาว่าเอ้ย
00:53:39 → 00:53:42 เขาไม่อยากเป็นภาระให้ใครฉะนั้นเนี่ยเรา
00:53:42 → 00:53:46 ก็ต้องค่อยๆให้ข้อมูลตั้งคำถามที่ทำให้
00:53:46 → 00:53:51 เขคฉุกคิดได้พอเขาฉุกคิดได้ปึ๊บเราก็ช่วย
00:53:51 → 00:53:54 หาอชให้เขาเลือกว่าเอ้ยถ้าคุณอยากจะ
00:53:54 → 00:53:56 เปลี่ยนเนี่ยมันมีอชแบบนี้ 1 2 3 4 5
00:53:56 → 00:53:59 นะแบบนี้นะเเราเราก็วางแผนกันว่าเอ้ยงั้น
00:53:59 → 00:54:02 เดี๋ยวเราเริ่มทำแบบนี้ดีมั้ยอ่าเดี๋ยว
00:54:02 → 00:54:05 วันวิสาขบูชาเรามาเลิกเล่ากันมั้ยออ่า
00:54:05 → 00:54:07 แล้วเราลองเลเลิกกันไปยาวๆอย่างเงี้ยหา
00:54:07 → 00:54:10 วันดีขึ้นสักวันนึงก็ได้ภายในอาทิตย์ 2
00:54:10 → 00:54:13 อาทิตย์แล้วเราก็เริ่มจัดการที่สร้างการ
00:54:13 → 00:54:15 เปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมเราแล้วก็พอเคทำ
00:54:15 → 00:54:18 ได้เราก็ชื่นชมเ้าแบบเนี้ยอ่าอันนี้คือ
00:54:18 → 00:54:21 แบบอยากจะให้ในครอบครัวเนี่ยที่เราเมื่อ
00:54:21 → 00:54:24 กี้กด 1 เพื่อจะตั้งเมตตากันทุกคนเนี่ยก็
00:54:24 → 00:54:26 เมตตากับคนในครอบครัวเราเองก่อน
00:54:27 → 00:54:29 แล้วก็อย่าลืมเมตตากับใจตัวเองด้วยโดยที่
00:54:29 → 00:54:32 ไม่เอาความโกรธความหงุดหงิดความขัดใจน้อย
00:54:32 → 00:54:33 เนื้อต่ำใจ
00:54:33 → 00:54:37 อิชิยะมาเข้ามาไว้ในใจตัวเองอย่างเงี้ย
00:54:37 → 00:54:41 อ่าโอเคโหขอบคุณมากเลยมาตอกย้ำนะใครที่
00:54:41 → 00:54:45 เมื่อกี้กด 1 ไว้นะเมื่อกี้ผมจำชื่อไว้
00:54:45 → 00:54:48 หมดทุกคนแล้วนะต่อไปเนี่ยเราเจอใครเรา
00:54:48 → 00:54:50 ต้องมีเมตตาไม่ว่าจะคนอื่นหรือคนใน
00:54:50 → 00:54:53 ครอบครัวเราหรือญาติที่เราป่วยเราเมตตา
00:54:53 → 00:54:55 กับเขาแต่บางทีเราใช้โทรศัพท์นำไปจริงๆ
00:54:55 → 00:54:56 อย่าที่อย่างที่หมออันพูดพูดนั่นแหละ
00:54:56 → 00:54:59 เพราะฉะนั้นเราต้องเมตตาแล้วเสร็จแล้วเรา
00:54:59 → 00:55:03 จะมีความสุขเองจริงๆนะครับอือืแล้วก็อีก
00:55:03 → 00:55:07 อันนึงก็คือถ้าเราอยากจะให้เค้าสุขภาพดี
00:55:07 → 00:55:09 อยากให้เค้ามีพฤติกรรมที่ดีเนี่ยเราต้อง
00:55:09 → 00:55:12 ทำเป็นตัวอย่างให้เค้าเห็นก่อนอือ่าถ้า
00:55:12 → 00:55:14 เราแบบให้้คุณต้องดูแลสุขภาพนะแต่เรายัง
00:55:14 → 00:55:16 นั่งดูทีวีอยู่ทั้งวันไม่ไปเดินออกกำลัง
00:55:16 → 00:55:20 กายเงยเราก็เปลี่ยนมาเอ้ยวันนี้อยากไปชวน
00:55:20 → 00:55:23 ไปเดินสวนสาธารณะไปด้วยกันมั้ยอะไรอย่าง
00:55:23 → 00:55:26 เงี้ยมันก็ค่อยๆชวนกันไปอ่ะวันนี้นี้อยาก
00:55:26 → 00:55:28 จะมีเมนูใหม่ๆที่เป็นเมนูสุขภาพเข้ามา
00:55:28 → 00:55:32 บ้างอ่าอยากจะเพิ่มเอ่อแกงส้มแกงเรียงแกง
00:55:32 → 00:55:34 จืดอ่าน้ำพริกผักลวกอะไรพวกเนี้ยเอ่อพวก
00:55:34 → 00:55:37 นี้มันก็จะเป็นสิ่งที่มันเหมือนกับค่อยๆ
00:55:37 → 00:55:40 เริ่มทีละนิดทีละนิดไม่ให้เขารู้ก็ได้อ่า
00:55:40 → 00:55:42 อืครับ
00:55:42 → 00:55:46 ผมโอเคขอบคุณมากๆครับอั๋นครับผมยังไงก็
00:55:46 → 00:55:49 ตามใครที่โหฟังแล้วแบบยังติดลมอยู่นะติด
00:55:49 → 00:55:53 ลมอยู่ตามไปช่องนี้เลยฮะ the long กีว
00:55:53 → 00:55:56 the long กีวอ่า the long ีวนะตามไปฟ
00:55:56 → 00:56:00 ฟังได้เลยฮะนะเอ่อลองชีวิตนี่เขียน l o
00:56:00 → 00:56:06 n g e v i s ตามไปฟังหมออันต่อได้
00:56:06 → 00:56:08 เลยครับตามไปฟังเลยนะเดี๋ยวเดี๋ยวจะไลฟ์
00:56:08 → 00:56:11 เลยใช่มั้ยเนี่ยเดี๋ยวจบตรงนี้ก็ต่อเลย
00:56:11 → 00:56:14 สักครโอเคต่อเลยักครึ่งชั่วโมงนะงั้นงั้น
00:56:14 → 00:56:17 ทุกท่านครับวันนี้ผมต้องขอลาไปก่อนเพราะ
00:56:17 → 00:56:20 ว่ามีธุระใครอยากดูที่ผมพูดไปทั้งหมด
00:56:20 → 00:56:23 ประมาณชั่วโมงนึง 2,000 คนนะเมื่อกี้ดู
00:56:23 → 00:56:26 กัน 2,000 คนนะย้อนกลับไปดูได้ช่องแดง
00:56:26 → 00:56:28 ช่องฟ้าได้นะครับช่องแดงคืออะไรลองไปดูนะ
00:56:28 → 00:56:32 เแล้วก็ใน tiktok เนี่ยมันเป็นไลฟ์สดมัน
00:56:32 → 00:56:34 เป็นไลฟ์สดเพราะฉะนั้นเนี่ยเดี๋ยวอาจจะมี
00:56:34 → 00:56:36 การตัดต่อมาลงแต่อาจจะลงภายหลังนะครับนะ
00:56:37 → 00:56:38 แล้วเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีนึงเพราะว่า
00:56:38 → 00:56:41 ต้องตัดเป็น 5 คลิปอ่ะเนี่ย 6 คลิปอ่ะ
00:56:41 → 00:56:44 แล้วก็ตอนนี้ใครติดหลมอยู่ไปดูที่ช่อง the
00:56:44 → 00:56:47 long กวทุกช่องทางนะทุกช่องทางถูถูกมย
00:56:47 → 00:56:52 ทุกแดงฟ้าออกออกเนาะโอเคโอเคครับผมวันนี้
00:56:52 → 00:56:55 ผมกับหมออั๋นลาไปก่อนนะครับครับได้ครับ
00:56:55 → 00:56:57 สวัสดีครับทุกท่านแข็งแรงและมีความสุข
00:56:57 → 00:57:04 ครับอย่าลืมตั้งเมตตานะครับสสาธุ