00:00:00 → 00:00:03 ใครกำลังเจอภาวะแบบนี้อยู่ครับเครียดมาก
00:00:03 → 00:00:05 เพราะว่าการทำงานก็ต้องก้าวหน้าพ่อแม่ก็
00:00:05 → 00:00:08 ต้องเลี้ยงลูกก็ต้องดูแลต้องแบกรับทั้ง
00:00:08 → 00:00:10 ค่าใช้จ่ายแล้วก็ความรู้สึกนะครับ
00:00:10 → 00:00:12 Sandwich Generation หรือว่าคนตรงกลาง
00:00:12 → 00:00:15 ตรงนี้ต้องทำยังไงในการแบกรับปัญหาาน
00:00:15 → 00:00:18 ชีวิตไม่ให้ชีวิตพังนี่คือหัวข้อที่เราจะ
00:00:18 → 00:00:22 คุยกันในบุพการีที่เคารพในวันนี้นะ
00:00:22 → 00:00:25 ครับปัญหาสุขภาพจิตของคนที่อยู่ในกลุ่ม
00:00:25 → 00:00:28 Sandwich Generation ที่จะต้องเจอนี่มี
00:00:28 → 00:00:31 อะไรบ้างครับ
00:00:31 → 00:00:33 ผมกลับมาบ้านแล้วเนี่ยเหนื่อยเต็มที่เลย
00:00:33 → 00:00:36 มาจากข้างนอกนะกลับมาก็เห็นลูกแบบโอ้ยัง
00:00:36 → 00:00:40 ไม่ยังนั่งเล่นเกมอยู่นะครับในขณะที่พ่อ
00:00:40 → 00:00:42 แม่เราบอกแล้วว่าเ้าอย่าออกไปตรงนี้
00:00:42 → 00:00:44 เดี๋ยวจะล้มเดี๋ยวจะป่วยเ้ายังออกไปอีก
00:00:44 → 00:00:46 เนี่ยงฮะมันคุณทำยังไงครับคุณหถ้าไม่ใช่ไ
00:00:47 → 00:00:50 Message จะเกิดอะไรขึ้นครับอือเนี่ยวันๆ
00:00:50 → 00:00:54 ไม่ทำอะไรเลยเล่นแต่เกม
00:00:54 → 00:00:58 ครับการสื่อสารโดยใช้อารมณ์ที่น้อยลงการ
00:00:58 → 00:01:01 สื่อสารโดยใช้เหตุและตรงนี้น่าจะเป็น
00:01:01 → 00:01:04 หนึ่งกลไกที่ดีที่ทำให้ครอบครัวเรามีความ
00:01:04 → 00:01:07 สุข
00:01:07 → 00:01:15 [เพลง]
00:01:15 → 00:01:18 มากบุพการีที่เคารพคู่มือการดูแลพ่อแม่
00:01:18 → 00:01:21 ของคนเจนลูกถ้าชอบเนื้อหาแบบนี้ก็อย่าลืม
00:01:21 → 00:01:24 กด Subscribe ไว้ด้วยนะครับผมเชื่อว่าคุณ
00:01:24 → 00:01:26 ผู้ชมคุณผู้ฟังเคยคงงจะเคยได้ยินคำว่า
00:01:26 → 00:01:29 แนวช Generation นะครับหเราจะเรียกง่ายๆ
00:01:29 → 00:01:31 ก็คือวัยตรงกลางนั่นเองนะครับก็คือคนที่
00:01:31 → 00:01:34 ต้องมีภาระหน้าที่ในการดูแลลูกๆหรือว่า
00:01:34 → 00:01:36 หลานๆนะครับในขณะเดียวกันก็ต้องมีหน้าที่
00:01:36 → 00:01:38 ในการดูแลคุณพ่อคุณแม่หรือว่าผู้สูงวัยใน
00:01:38 → 00:01:40 บ้านเช่นเดียวกันนะครับแต่ในขณะเดียวกัน
00:01:40 → 00:01:43 อีกเช่นกันนะครับก็คือต้องดูแลสุขภาพกาย
00:01:43 → 00:01:45 สุขภาพใจของตัวเองด้วยเพราะว่าตัวเองก็
00:01:46 → 00:01:49 ยังคงมีอยากจะประสบความสำเร็จนะครับอยาก
00:01:49 → 00:01:52 จะมีหน้าที่การงานที่เติบโตนะครับจะเห็น
00:01:52 → 00:01:54 นะครับว่ารู้สึกว่าจะสึกรอบด้านเหมือนกัน
00:01:54 → 00:01:56 นะครับเพราะฉะนั้น Sandwich Generation
00:01:56 → 00:01:58 หรือว่าคนตรงกลางนี่แหะครับต้องแบกภาระ
00:01:58 → 00:02:00 หนักบางทีก็จะต้องเผชิญกับกับความเครียด
00:02:00 → 00:02:03 นะครับและความเครียดก็อาจจะพัฒนาไปสู่
00:02:03 → 00:02:05 อาการต่างๆเช่นโรคซึมเศร้าอะไรแบบนี้นะ
00:02:05 → 00:02:07 ครับเพราะฉะนั้นผมเลยคิดว่าเรื่องนี้เป็น
00:02:07 → 00:02:10 เรื่องสำคัญนะครับถ้าหากว่าใครที่กำลัง
00:02:10 → 00:02:13 อยู่ในฐานะสถานะแบบนี้นะครับผมคิดว่าอยาก
00:02:13 → 00:02:15 จะให้ลองฟังบุพการีที่เคารพใน EP นี้ดูนะ
00:02:16 → 00:02:18 ครับน่าจะเป็นประโยชน์มากๆวันนี้เราคุย
00:02:18 → 00:02:21 กับจิตแพทย์นะครับวันนี้เราคุยกับคุณหมอ
00:02:21 → 00:02:24 ทิติพันธุ์ธานีทตนะครับผู้อำนวยการโรง
00:02:24 → 00:02:26 พยาบาลสวนสลานลมนะครับสวัสดีครับคุณหมอ
00:02:26 → 00:02:29 เอกครับครับสวัสดีครับสวัสดีครับผมเรียก
00:02:29 → 00:02:31 ว่าเป็นคุณหมอเอกเอนะครับคุณเอกเป็น
00:02:31 → 00:02:33 จิตแพทย์ครับครับผมครับสวนจราลมนี่อยู่
00:02:33 → 00:02:35 ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีครับสุราษฎร์ธานี
00:02:35 → 00:02:37 นะครับถ้าเวลาเราพูดถึง Sandwich
00:02:37 → 00:02:39 Generation อยากให้คุณหมอลงรายละเอียด
00:02:39 → 00:02:41 นิดนึงครับว่า Sandwich Generation
00:02:41 → 00:02:44 กลุ่มเนี้ยเป็นใครนะฮะอายุประมาณเท่าไหร่
00:02:44 → 00:02:46 และมีชีวิตแบบไหน
00:02:46 → 00:02:48 [เพลง]
00:02:48 → 00:02:52 ครับเอ่อจริงๆคำว่า Sand Generation นะ
00:02:52 → 00:02:54 ครับมันเป็นศัพท์ที่ไม่ใช่ศัพท์วิชาการ
00:02:54 → 00:02:58 โดยเฉพาะจะเป็นศัพท์ที่ทางสังคมเขาใช้ใน
00:02:58 → 00:03:01 การคล้ายๆเป็นศัพ์แสลงกึ่งกึ่งแสลงของ
00:03:01 → 00:03:04 สังคมในการเรียกกลุ่มคนที่มีบทบาทหน้าที่
00:03:04 → 00:03:07 ที่ก้ำกึ่งแล้วก็อยู่ตรงกลางซึ่งส่วนใหญ่
00:03:07 → 00:03:11 แล้วจะเป็นวัยกลางคนขึ้นไปซึ่งมีบทบาท
00:03:11 → 00:03:14 หน้าที่แล้วมีภาระที่จำเป็นที่จะต้องดูแล
00:03:14 → 00:03:18 ทั้งตัวเองรวมถึงดูแลรุ่นลูกแล้วก็
00:03:18 → 00:03:21 บุพการีของเราซึ่งก็คือรุ่นคุณพ่อคุณแม่
00:03:21 → 00:03:25 ด้วยซึ่งเป็นเป็นบทบาทที่ค่อนข้างที่จะ
00:03:25 → 00:03:28 ท้าทายมากในประรวจปัจจุบันที่มีการ
00:03:28 → 00:03:30 เปลี่ยนแปลงแล้วก็มีความเสี่ยงด้านต่างๆ
00:03:30 → 00:03:32 ทางด้านสังคมและเศรษฐกิจอยู่ในปัจจุบัน
00:03:32 → 00:03:35 นี้ครับครับครับเมื่อกี้คุณหมอเอกใช้คำ
00:03:35 → 00:03:37 ว่าวัยกลางคนนี่อายุช่วงวัยนี้ประมาณเท่า
00:03:37 → 00:03:41 ไหร่ครับจริงๆตอนนี้สมมุติผมอายุ 42 ปี
00:03:41 → 00:03:43 เมื่อก่อน 42 เนี่ยในสังคมไทยเราเราจะ
00:03:43 → 00:03:46 เรียกเป็นลุงละครับนะครับแต่ในปัจจุบัน
00:03:46 → 00:03:49 เนี่ยวัยกลางคนในตัวเลขปัจจุบันก็ยังเป็น
00:03:49 → 00:03:52 ตัวเลขปกติครับก็คืออยู่ที่ประมาณ 40
00:03:52 → 00:03:55 ขึ้นไปเราเราเรียกว่าเป็นเป็นวัยกลางคนละ
00:03:55 → 00:03:58 40 ถึงช่วง 60 เป็นช่วงของวัยกลางคนตาม
00:03:58 → 00:04:02 ตามหลักทฤษฎจิตวยานะครับซึ่งเราก็จะมี
00:04:02 → 00:04:08 เอ่อมีพัฒนาการแล้วก็มีภารกิจทางพัฒนาการ
00:04:08 → 00:04:11 ของกลุ่มช่วงวัยนี้ค่อนข้างเฉพาะคำว่า
00:04:11 → 00:04:13 พัฒนาการเนี่ยจริงๆแล้วพอพูดเรื่อง
00:04:13 → 00:04:15 พัฒนาการหลายคนคิดถึงเฉพาะวัยเด็กแต่จริง
00:04:15 → 00:04:18 ๆไม่ใช่ครับตามทฤษฎีของนักจิตวิทยาหลายคน
00:04:18 → 00:04:21 เราก็พูดถึงพัฒนาการจนถึงวัยสูงอายุเลย
00:04:21 → 00:04:23 เพราะฉะนั้นวัยกลางคนที่เรากำลังกล่าวถึง
00:04:23 → 00:04:25 เนี่ยก็มีพัฒนาการที่เราจำเป็นจะต้องทำ
00:04:25 → 00:04:28 ให้ได้ด้วยเช่นเดียวกันซึ่งพัฒนาการตรง
00:04:28 → 00:04:30 นั้นก็คือการประสบความสำเร็จ
00:04:30 → 00:04:33 ในเรื่องของการคงสัมพันธภาพที่ดีไว้และ
00:04:33 → 00:04:36 การคงความสำเร็จในการที่จะประสบความ
00:04:36 → 00:04:39 สำเร็จเรื่องของการทำงานครับรวมถึงด้าน
00:04:39 → 00:04:41 ที่ 3 ครับซึ่งเรามองข้ามกันอยู่เสมอก็
00:04:41 → 00:04:44 คือ basic Self care คือการดูแลตนเอง
00:04:44 → 00:04:47 ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีครับจริงๆแล้วเรา
00:04:47 → 00:04:50 ต้องมีการบรรลุวัตถุประสงค์ของการ Balance
00:04:50 → 00:04:52 หรือว่าโงสมดุลของทั้ง 3 ด้านนี้ไว้ให้
00:04:52 → 00:04:55 ได้เรียบร้อยครับเพื่อที่จะส่งมอบสิ่งดีๆ
00:04:55 → 00:04:58 จากตัวเองไปสู่คนรุ่นต่อไปซึ่งตรงเนี้ย
00:04:58 → 00:05:00 เป็นความท้าทายอย่างมากครับภใตสภาวะ
00:05:00 → 00:05:02 เศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันครับอ่าแล้ว
00:05:02 → 00:05:05 ปัญหาด้านสุขภาพจิตของคนที่อยู่ในกลุ่ม
00:05:05 → 00:05:08 Sandwich Generation ที่จะต้องเจอนี่มี
00:05:08 → 00:05:11 อะไรบ้างครับเอ่อพอพอพอเรามองชีวิตเขาแบบ
00:05:11 → 00:05:14 รอบด้านนะครับเมีบทบาทความรับผิดชอบค่อน
00:05:14 → 00:05:17 ข้างมากเพราะฉะนั้น background หรือว่า
00:05:17 → 00:05:20 พื้นฐานของการความทักษะต่างๆในการจัดการ
00:05:20 → 00:05:23 ชีวิตเนี่ยเป็นเรื่องที่สำคัญอือถ้าเกิด
00:05:23 → 00:05:25 ว่าบุคคลนั้นเนี่ยมีการหล่อหลอมแล้วะมี
00:05:25 → 00:05:28 พัฒนาการบางอย่างมาได้ดีแล้วสามารถจัดการ
00:05:28 → 00:05:30 แล้วก็รับมือกับสถานการณ์ต่างๆในชีวิตได้
00:05:30 → 00:05:32 ดีเนี่ยตรงนั้นถือว่าว่าเป็นว่าเป็นต้น
00:05:32 → 00:05:35 ทุนที่ดีสำหรับพวกเขาในการที่จะก้าวข้าม
00:05:35 → 00:05:38 ผ่านอุปสรรคหรือว่าข้อจำกัดต่างๆที่ถาโถม
00:05:38 → 00:05:41 เข้ามาในชีวิตตรงนั้นได้แต่ในทางตรงกัน
00:05:41 → 00:05:43 ข้ามบางครั้งเนี่ยเราก็ต้องยอมรับว่าเรา
00:05:43 → 00:05:46 ไม่สามารถแข็งแรงได้ตลอดเวลาอ่าใช่นะฮะ
00:05:46 → 00:05:48 บางครั้งที่อุปสรรคมันบังเอิญโชคไม่ดี
00:05:48 → 00:05:51 เข้ามาพร้อมๆกันหรือว่าช่วงนั้นเป็นช่วง
00:05:51 → 00:05:54 ที่เราอาจจะเหนื่อยล้าจากหลายๆอย่างก็อาจ
00:05:54 → 00:05:56 จะทำให้เราไม่สามารถก้าวข้ามอุปสรรคบาง
00:05:57 → 00:05:59 อย่างไปได้ก็เลยทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต
00:05:59 → 00:06:02 เชภาวะเครียดภาวะวิตกกังวลหรือภาวะซึม
00:06:02 → 00:06:05 เศร้าที่อาจจะเกิดขึ้นได้เป็นช่วงๆได้นะ
00:06:05 → 00:06:07 ครับซึ่งส่วนใหญ่แล้วเนี่ยมันก็จะเกิดจาก
00:06:07 → 00:06:11 ความเหนื่อยล้าหรือภาระงานที่เพิ่มมาก
00:06:11 → 00:06:14 ขึ้นจากอาชีพของเราเองร่วมกับปัญหา
00:06:14 → 00:06:17 สัมพันธภาพกับบุคคลอื่นไม่ว่าจะเป็นภายใน
00:06:17 → 00:06:20 ครอบครัวเองหรือสัมพันธภาพกับที่ทำงาน
00:06:20 → 00:06:22 ครับอันนี้คือรูปแบบของปัญหาที่สำคัญที่
00:06:22 → 00:06:25 เราเจอในกลุ่มใบทำงานบ่อยๆครับออครับแสดง
00:06:25 → 00:06:29 ว่ากลุ่มนี้รับทั้งศึกในแลรับทั้งศึกนอก
00:06:29 → 00:06:31 ก็คือึอยู่ข้างนอกนี่ก็คือว่าอยู่ในเกณฑ์
00:06:31 → 00:06:34 ที่ต้องประสบความสำเร็จและสมันมันมีความ
00:06:34 → 00:06:37 คาดหวังของตัวเองและของสังคมอยู่ครับช่วง
00:06:37 → 00:06:40 40 ถึงช่วง 60 เป็นช่วงที่ถ้าผมใช้คำที่
00:06:40 → 00:06:43 ให้เห็นภาพง่ายๆเลยคือเป็นช่วงที่ไขวคว้า
00:06:43 → 00:06:46 หาความสำเร็จในชีวิตครับถูกมั้ยฮะเพราะ
00:06:46 → 00:06:49 ว่าจุดที่เราตัดกันที่สังคมที่เราจะให้
00:06:49 → 00:06:52 เกษณอายุราชการมันคือ 60 ครับเพราะฉะนั้น
00:06:52 → 00:06:56 ช่วง 40 45 50 55 ช่วงนั้นเป็นช่วงที่
00:06:56 → 00:06:58 เราคาดหวังกับตัวเราเองว่าเราน่าจะถึงจุด
00:06:58 → 00:07:01 ที่เกือบจะถึงจุดที่เป็นพีคของของการทำ
00:07:01 → 00:07:03 งานแล้วล่ะหรืออะไรอย่างเงี้ยเพราะฉะนั้น
00:07:03 → 00:07:05 ความคาดหวังเนี่ยมันจะเป็นส่วนหนึงที่
00:07:05 → 00:07:07 สร้างแรงกดดันให้กับเราโดยที่เราไม่รู้
00:07:07 → 00:07:10 ตัวครับมันเหมือนกับอ่ากำลังจะขึ้นสู่ยอด
00:07:10 → 00:07:12 พีระมิดซึ่งคนที่จะขึ้นสู่ยอดพีระมิด
00:07:12 → 00:07:14 เนี่ยก็มีจำนวนน้อยตัวเองก็ต้องมีความ
00:07:14 → 00:07:16 เครียดว่าจะถูกคัดเลือกอัตราการแข่งขัน
00:07:16 → 00:07:18 สูงอัตราการแข่งขันมันก็สูงขึ้นอันนี้ก็
00:07:18 → 00:07:20 เป็นความเครียดที่ต้องเจออาจจะรู้ตัวหรือ
00:07:20 → 00:07:22 ไม่รู้ตัวก็ได้อ่าใช่อุประเด็นนี้น่าสนใจ
00:07:22 → 00:07:24 ครับคุณหมอว่าอาจจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็
00:07:24 → 00:07:26 ได้ใช่มั้ยครับเช่นบางคนถามว่าเครียด
00:07:26 → 00:07:27 เปล่าบอกไม่เครียดไม่เครียดอะไรอย่างเงี้
00:07:28 → 00:07:30 นะฮะแต่ในขณะเดียวกันอันนี้นี้เราพูดถึง
00:07:30 → 00:07:34 ศึกนอกแต่พอศึกในพอกลับมาบ้านเจอทั้งข้าง
00:07:34 → 00:07:36 ล่างเจอทั้งข้างบนคุณห่อยกตัวอย่างให้ฟัง
00:07:36 → 00:07:38 หน่อยครับจะเจออะไรบ้างครับคนกลุ่มนี้
00:07:38 → 00:07:41 อย่างนี้ครับก็คือจริงๆแล้วเนี่ยผมถือว่า
00:07:41 → 00:07:44 ตัวเองอยู่ในคนกลุ่มนั้นด้วยแล้วกันเรา
00:07:44 → 00:07:47 อ่ะเป็นคนกลุ่มตรงกลางเราเป็นคนกลุ่มตรง
00:07:47 → 00:07:50 กลางที่จริงๆแล้วเราถือว่าเราโชคดีที่เรา
00:07:50 → 00:07:53 ได้สามารถที่จะอยู่ในยุคที่เห็น
00:07:53 → 00:07:56 ประสบการณ์ของคนรุ่นผู้ใหญ่ของเราด้วย
00:07:56 → 00:07:59 แล้วก็ได้เรียนรู้เทคโนโลยีแล้วก็สังคม
00:07:59 → 00:08:02 ที่เปลี่ยนไปในรุ่นลูกของเราด้วยเพราะ
00:08:02 → 00:08:04 ฉะนั้นผมมองว่าตรงนี้เป็นโอกาสและเป็นต้น
00:08:04 → 00:08:08 ทุนที่สำคัญสำหรับพวกเราในการที่เรามีมี
00:08:08 → 00:08:12 โอกาสที่เราจะทำความเข้าใจทั้ง 2
00:08:12 → 00:08:15 Generation ที่อยู่บนและล่างครับได้มาก
00:08:15 → 00:08:17 กว่า Generation อื่นๆสิ่งที่เจอคืออย่าง
00:08:17 → 00:08:20 นี้ครับเอ่อต้องทำความเข้าใจก่อนว่าเพราะ
00:08:20 → 00:08:23 อะไรสังคมถึงมีทฤษฎีของการแบ่งคนเป็น
00:08:23 → 00:08:25 Generation เพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าพูดถึง
00:08:25 → 00:08:28 บุพการีของเราพ่อแม่ของเราที่บ้านตอนนี้
00:08:28 → 00:08:32 ก็ถ้าอายุเกินหรือว่าแตะๆอยู่ที่ 60 ขึ้น
00:08:32 → 00:08:34 ไปตรงเนี้ยก็ส่วนใหญ่ก็จะเป็น Generation
00:08:34 → 00:08:37 ที่เราเรียกว่าเป็น Baby boomer อ่าอ่า
00:08:37 → 00:08:40 หรือไม่ก็เป็น Gen X ต้นๆในขณะที่พวกเรา
00:08:40 → 00:08:43 เองซึ่งเป็น Sandwich Generation เนี่ย
00:08:43 → 00:08:46 เราก็จะเป็น Gen X ปลปลายหรือ Gen Y
00:08:46 → 00:08:50 ต้นๆแล้วก็กลุ่มลูกๆเราก็จะกลายเป็นกลุ่ม
00:08:50 → 00:08:54 ของ Gen Z หรือว่า Gen ALA ซึ่งเกิด
00:08:54 → 00:08:56 ขึ้นเพราะอะไรเราถึงแบ่งอย่างนี้ครับ
00:08:56 → 00:08:59 เพราะว่าเราปฏิเสธไม่ได้ครับว่าสังคมและ
00:08:59 → 00:09:02 และบริบทอื่นๆที่ห้อมล้อมเนี่ยมันเป็น
00:09:02 → 00:09:05 ปัจจัยนึงและเป็นปัจจัยหลักด้วยที่จะหล่อ
00:09:05 → 00:09:08 หลอมวิธีคิดและวิธีเชื่ออที่มีต่อการใช้
00:09:08 → 00:09:13 ชีวิตบนโลกใบนี้ต่อไปครับภาษาที่ใช้วิธี
00:09:13 → 00:09:17 คิดวิธีเชื่อตรงนี้เนี่ยซึ่งแต่ละ
00:09:17 → 00:09:19 Generation เติบโตมาไม่เหมือนกันน่ะเลย
00:09:19 → 00:09:24 ทำให้วิธีคิดตรงนี้วัฒนธรรมอือความเชื่อ
00:09:24 → 00:09:28 ครับสังคมหรือค่านิยมต่างๆเนี่ยมันเกิด
00:09:28 → 00:09:31 ความเหลื่อมล้ำและแตกต่างกันอืครับเพราะ
00:09:31 → 00:09:33 ฉะนั้น 3 Generation ที่ผมกล่าวในบ้าน
00:09:33 → 00:09:35 สมมุติว่าบ้านเรามีทั้งหมด 3 Generation
00:09:36 → 00:09:39 เนี่ย 3 Generation นี้เนี่ยเราจะคิดใน
00:09:39 → 00:09:41 เชิงรายละเอียดของหลายๆอย่างที่ไม่เหมือน
00:09:41 → 00:09:44 กันเลยครับอืๆอันนี้คือความท้าทายและข้อ
00:09:44 → 00:09:48 จำกัดที่อาจจะก่อให้เกิดความเสี่ยงของการ
00:09:48 → 00:09:51 cracking หรือการแตกแยกหรือความไม่เข้า
00:09:51 → 00:09:54 ใจกันในวิธีคิดทั้งๆที่เรายังปรารถนาดี
00:09:54 → 00:09:58 ต่อกันอยู่อืรวมถึงรูปแบบของการสื่อสาร
00:09:58 → 00:10:01 ที่เปลี่ยนแปลงไปก็อาจจะเป็นปัจจัยที่ทำ
00:10:01 → 00:10:03 ให้เป็นปัจจัยหน่วงให้สัมพันธภาพในบ้าน
00:10:03 → 00:10:06 ของเราเนี่ยมันไม่ราบรื่นเหมือนกับที่ควร
00:10:06 → 00:10:10 จะเป็นครับผมขอบอกถึงจุดอ่อนของคนไทยเรา
00:10:10 → 00:10:13 นิดนึงก่อนคนไทยเราเนี่ยจะมีวิธีการสื่อ
00:10:13 → 00:10:17 สารที่ค่อนข้างที่จะมีรูปแบบเฉพาะอืคือ
00:10:17 → 00:10:21 เราจะไม่เก่งเรื่องการสื่อสารเชิงบวกแต่
00:10:21 → 00:10:24 เราจะเก่งในการสื่อสารในลักษณะของการแสดง
00:10:24 → 00:10:28 ความห่วงใยผ่านวิธีการที่ใช้วิธีการแนะนำ
00:10:28 → 00:10:32 หรือการตำหนิซะมากกว่าซึ่งตรงเนี้กลาย
00:10:32 → 00:10:35 เป็นจากการวิจัยหลายๆอย่างออกมาว่าจริงๆ
00:10:35 → 00:10:38 แล้วรูปแบบของการสื่อสารที่ไม่ได้ตรงไป
00:10:38 → 00:10:43 ตรงมาทำให้ Generation ต่างๆเนี่ยเขารับ
00:10:43 → 00:10:45 รู้ความห่วงใยหรือความปรารถนาดีต่อกันน่ะ
00:10:45 → 00:10:49 ได้น้อยลงออ่าครับซึ่งกลายเป็นว่าพอเป็น
00:10:49 → 00:10:53 Generation ของของตรงกลางใช่มยตรงกลาง
00:10:53 → 00:10:56 ตรงเนี้ยครับส่วนใหญ่แล้วเราจะกลายเป็น
00:10:56 → 00:10:58 Generation x หรือไม่ก็เป็น Generation
00:10:58 → 00:10:59 y
00:10:59 → 00:11:04 ซึ่งเราจะให้ความสำคัญกับวิธีการที่จะทำ
00:11:04 → 00:11:07 ให้เกิดความสำเร็จและกระบวนการที่ถูกต้อง
00:11:07 → 00:11:10 ครับก็เลยทำให้ตรงเนี้ยอาจจะเป็นข้อจำกัด
00:11:10 → 00:11:13 ในการที่พอเราเลือกวิธีการสื่อสารว่า
00:11:13 → 00:11:16 กระบวนการมันไม่ตรงใจเราแต่จริงๆแล้วอ่ะ
00:11:16 → 00:11:18 Generation อื่นๆน่ะเขาอาจจะสร้างผล
00:11:18 → 00:11:21 ลัพธ์เดียวกันกับที่เราต้องการก็ได้เพียง
00:11:21 → 00:11:23 แต่ว่ากระบวนการมันไม่ได้ตรงไปตรงมากับ
00:11:23 → 00:11:26 สิ่งที่เราต้องการหรือในใจเรามันก็เลยทำ
00:11:26 → 00:11:28 ให้เกิดข้อขัดแย้งตรงนี้ขึ้นได้ครับเพราะ
00:11:28 → 00:11:31 ฉะนั้นหลายๆอย่างอย่างที่อาจารย์ถามมาก็
00:11:31 → 00:11:33 อย่างเช่นว่าบางครั้งเนี่ย
00:11:33 → 00:11:38 เอ่อสมมุติว่าเราคาดหวังว่าให้ลูกเรียน
00:11:38 → 00:11:41 ได้ดีอาจต้องมานั่งคุยกันครับว่าคำว่า
00:11:41 → 00:11:43 เรียนได้ดีอ่ะนิยามของคำว่าเรียนได้ดีคือ
00:11:44 → 00:11:48 อะไรอืๆแล้วก็น้องๆเขาวางแผนยังไงกับการ
00:11:48 → 00:11:51 ที่จะได้ผลลัพธ์ตรงนั้นมาซึ่งผลลัพธ์ตรง
00:11:51 → 00:11:52 นั้นเนี่ยมันอาจจะไม่ตรงใจคุณพ่อคุณแม่
00:11:52 → 00:11:57 ครับแต่เขามีกระบวนการอื่นที่สามารถคงผล
00:11:57 → 00:12:00 ลัพธ์นั้นได้โดยวิธีการของเเาเองเพรางั้น
00:12:00 → 00:12:02 คุณพ่อคุณแม่อาจต้องพยายามทำความเข้าใจ
00:12:02 → 00:12:04 แล้วก็เปิดใจในการยอมรับตรงนั้นแล้วก็
00:12:05 → 00:12:07 สร้างข้อตกลงร่วมกันอันนี้หมายถึงว่าถ้า
00:12:07 → 00:12:10 เจนตรงกลางมองไปที่รุ่นเด็กนะครับในขณะ
00:12:11 → 00:12:13 ที่กับผู้ใหญ่ก็เช่นเดียวกันกับผู้ใหญ่พอ
00:12:13 → 00:12:16 มองไปปุ๊บเนี่ยเจนของเี้ boomer เนี่ยเขา
00:12:16 → 00:12:18 จะเน้นเรื่องความสำเร็จแล้วก็อยู่ในกล่อง
00:12:18 → 00:12:21 สี่เหลี่ยมมากกว่า Generation x และ geny
00:12:21 → 00:12:24 อีกอครับเพราะฉะนั้นเราเราโชคดีตรงที่ว่า
00:12:24 → 00:12:28 เราสามารถทำความเข้าใจเได้ในบางส่วนแต่
00:12:28 → 00:12:30 ประเด็นก็คือจะใช้วิธีการสื่อสารของเรา
00:12:30 → 00:12:33 ยังไงในการเป็นโซ่ข้อกลางในการที่ช่วยใน
00:12:33 → 00:12:37 การรอมชอมให้เกิดความเข้าใจแล้วก็ทำให้
00:12:37 → 00:12:40 ผู้ใหญ่เนี่ยสามารถที่จะสะท้อนเห็นภาพของ
00:12:40 → 00:12:42 สิ่งแวดล้อมทางสังคมที่เปลี่ยนแปลงไปใน
00:12:42 → 00:12:45 ปัจจุบันแล้วเราก็เป็นโซ่ข้อกลางที่มี
00:12:45 → 00:12:48 ประสิทธิภาพในการที่จะเชื่อมต่อหรือว่า
00:12:48 → 00:12:51 ส่งต่อความปรารถนาดีระหว่างผู้ใหญ่กับ
00:12:51 → 00:12:55 เด็กที่ทั้ง 2 ฝ่ายมีความปรารถนาดีต่อกัน
00:12:55 → 00:12:59 น่ะอผ่านภาษาที่เข้าใจได้ง่ายจากโข้อกลาง
00:12:59 → 00:13:02 อย่างพวกเรานี้ได้มากขึ้นบ่อยครั้งที่
00:13:02 → 00:13:04 ความเป็น Generation ของเราเนี่ยเราแบก
00:13:04 → 00:13:07 รับทุกอย่างไว้ที่ตัวเราเองออครับเพราะ
00:13:07 → 00:13:09 ว่าอันเนี้ยมันเป็น signature ของ
00:13:09 → 00:13:14 generation X เลยครับออครับคือเราชอบ
00:13:14 → 00:13:17 ติดความคุ้นชินกับ sense of control
00:13:17 → 00:13:20 คืออะไรที่เราสามารถควบคุมได้เราถือว่า
00:13:20 → 00:13:23 เราสบายใจกับมันออ๋อเพราะฉะนั้นเราก็จะ
00:13:23 → 00:13:27 พยายามที่จะมองทุกอย่างอยู่ในอยู่ในโซน
00:13:27 → 00:13:30 หรืออยู่ใน area ที่เราควบคุมได้เสมอแล้ว
00:13:30 → 00:13:34 เราก็เลยมีจุดอ่อนในการที่จะผ่อนถ่ายความ
00:13:34 → 00:13:37 รับผิดชอบบางอย่างของเราอ่ะออกไปให้กับคน
00:13:37 → 00:13:41 อื่นๆได้รับรู้หรือร่วมกันรับผิดชอบ
00:13:41 → 00:13:43 ครอบครัวของเราในบทบาทที่เราเป็นครอบครัว
00:13:43 → 00:13:47 หรือเป็นยูนิเดียวกันครับยกตัวอย่างเช่น
00:13:47 → 00:13:52 หลายบ้านเลือกที่จะไม่เล่าหรือถ่ายทอด
00:13:52 → 00:13:56 สถานะทางเศรษฐกิจที่อที่กำลังมีปัญหาอยู่
00:13:56 → 00:13:59 ของครอบครัวให้กับรุ่นเเชอื่นๆอื่นฟัง
00:13:59 → 00:14:02 เพราะมองว่าเป็นความรับผิดชอบของเเชเราอ
00:14:02 → 00:14:05 ออซึ่งจริงๆแล้วมันก็เลยทำให้เเรชอื่น
00:14:05 → 00:14:07 เนี่ยเขาไม่ได้มีส่วนร่วมแล้วเขาก็ไม่ได้
00:14:08 → 00:14:10 รับรู้ในสถานการณ์ที่เป็นปัญหาของบ้าน
00:14:10 → 00:14:13 ครับแล้วกลายเป็นว่าแทนที่จริงๆเราจะก้าว
00:14:13 → 00:14:16 ไปด้วยกันครับลูกๆรับรู้ว่าจริงๆแล้วตอน
00:14:16 → 00:14:19 เนี้ยเศรษฐกิจมันไม่ค่อยดีนะบ้านเราต้อง
00:14:19 → 00:14:21 รัดเข็มขัดกันอย่างนู้นอย่างนี้อย่างงั้น
00:14:21 → 00:14:23 เราเลือกที่จะไม่เล่าเพราะเรามองว่ามัน
00:14:23 → 00:14:25 เป็นหน้าที่ของเราหน้าที่ของเราอันเนี้ย
00:14:25 → 00:14:27 การแบกรับความรับผิดชอบทั้งหมดโดยการไม่
00:14:27 → 00:14:30 ได้แบ่งปันความรับผิดชอบไปสู่บุคคลที่มี
00:14:31 → 00:14:33 ส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดเลยทำให้เกิดความ
00:14:33 → 00:14:37 ไม่เข้าใจกันอ่าแล้วก็เลยทำให้เกิดข้อขัด
00:14:37 → 00:14:40 แย้งก็เลยทำให้เกิดเป็นภาระด้านจิตใจที่
00:14:40 → 00:14:43 เกิดขึ้นเราต้องมานั่งแก้ไขข้อขัดแย้งกัน
00:14:43 → 00:14:45 ต่อไปอครับมันเป็นคุณลักษณะของคนเจนี้เลย
00:14:45 → 00:14:48 ใช่มั้ยออที่จะที่จะเค้าเรียกเดี๋ยวฮะ
00:14:48 → 00:14:50 เป็นเป็น The แบกหน่อยๆใช่มยพร้อมที่จะ
00:14:50 → 00:14:53 แบกรับบับออผมยกตัวอย่างง่ายๆอย่างช่วง
00:14:53 → 00:14:56 นี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีบางคนอาจจะแบบว่าถูก
00:14:56 → 00:15:00 ให้ออกจากงานหรือถูกลดเงินเดือนหรือหรือ
00:15:00 → 00:15:01 อาจจะผิดหวังมาจากที่ทำงานแต่ว่าสิ่ง
00:15:01 → 00:15:04 เหล่านี้เขาจะไม่กลับมาเล่าให้ลูกหรือมา
00:15:04 → 00:15:06 เล่าให้พ่อแม่ฟังหลายคนจะเป็นอย่างงั้น
00:15:06 → 00:15:10 ครับพอเป็นแบบนี้ครับแน่นอนว่ามันก็ต้อง
00:15:10 → 00:15:13 เกิดอาการเครียดใช่ไหมมครับถ้าผมผมกำลัง
00:15:13 → 00:15:16 เผชิญแบบนี้อยู่นะฮะผมควรจะสังเกตว่ามัน
00:15:16 → 00:15:18 มีสัญญาณอะไรครับที่กำลังจะบอกว่านี่ฉัน
00:15:18 → 00:15:21 กำลังเผชิญกับภาวะความเครียดแล้ว
00:15:21 → 00:15:23 [เพลง]
00:15:23 → 00:15:26 นะคือจริงๆสัญญาณความเครียดที่เกิดขึ้นมา
00:15:26 → 00:15:28 เนี่ยพอถึงจุดๆนึงเนี่ยมันจะส่งสัญญาณไป
00:15:28 → 00:15:31 ทางชีวภาพให้ร่างกายเรารับรู้ก่อนครับ
00:15:31 → 00:15:34 ครับเช่นคุณภาพการนอนที่มันเปลี่ยนแปลงไป
00:15:34 → 00:15:38 อเราอาจจะนอนได้ไม่ดีเหมือนเดิมต้องใช้
00:15:38 → 00:15:41 เวลาในการการล้มตัวลงนอนแล้วกว่าจะเข้า
00:15:41 → 00:15:44 สู่การนอนหลับที่มีคุณภาพอาจจะช้าลงครับ
00:15:44 → 00:15:47 หรือเราอาจจะตื่นบ่อยขึ้นหรือตื่นง่าย
00:15:47 → 00:15:50 ขึ้นมีเสียงกมีเสียงหรือมีเสียงกระตุ้น
00:15:50 → 00:15:53 เล็กน้อยก็ตื่นแล้วหรือตื่นเช้าขึ้นเราก็
00:15:53 → 00:15:56 ไม่สามารถจะนอนหลับต่อได้พวกนี้คือรูปแบบ
00:15:56 → 00:16:00 ของการนอนที่ที่ผิดไปอ่าอันนี้คือสัญญาณ
00:16:00 → 00:16:03 เบื้องต้นครับสัญญาณที่มาเป็นลำดับ 2 ที่
00:16:03 → 00:16:06 ไล่ไล่ๆกันมาเลยก็คือมีอาการปวดเรื้อรัง
00:16:06 → 00:16:09 เกิดขึ้นปวดเรื้อรังใช่ไม่ว่าจะเป็นอาการ
00:16:09 → 00:16:13 ปวดศีรษะหรือว่ามีอาการเกร็งของของกล้าม
00:16:13 → 00:16:15 เนื้อที่มากขึ้นเลยทำให้มีอาการปวดตาม
00:16:15 → 00:16:18 ส่วนต่างๆของอย่างเวดคอบ่าไหลอะไรพวกนี้
00:16:18 → 00:16:20 ใช่มั้ฮใช่ครับซึ่งบางครั้งเราก็เผลอไป
00:16:20 → 00:16:24 สับสนกับการเป็นออฟิ Syndrome ของเราซึ่ง
00:16:24 → 00:16:26 จริงๆแล้วมันอาจจะเป็นสัญญาณนึงที่อาจจะ
00:16:26 → 00:16:28 เป็น Office syndrome ด้วยก็ได้หรืออาจ
00:16:28 → 00:16:30 เป็นสัญญาณของความตึงตัวของกล้ามเนื้อที่
00:16:30 → 00:16:33 เกิดขึ้นจากความเครียดที่เราซ่อนเร้นอยู่
00:16:33 → 00:16:35 ภายในโดยที่เราไม่รู้ตัวก็ได้ครับอ้อ
00:16:35 → 00:16:38 สัญญาณที่มาเป็นลำดับต่อๆมานะครับเช่น
00:16:38 → 00:16:40 เรื่องของเสถียรภาพทางอารมณ์จะเปลี่ยน
00:16:40 → 00:16:43 แปลงไปเมื่อก่อนอาจจะทนบางอย่างได้มาก
00:16:43 → 00:16:46 กว่านี้ตอนนี้ก็อาจจะหงุดหงิดง่ายขึ้นอาจ
00:16:46 → 00:16:48 จะหงุดหงิดกับเรื่องที่เมื่อก่อนเคยอดทน
00:16:48 → 00:16:52 ได้อ่านะครับหรือว่าสมาธิความจำในการ
00:16:52 → 00:16:55 โฟกัสสิ่งต่างๆเนี่ยบกพร่องไปทำงานผิด
00:16:55 → 00:16:59 พลาดง่ายขึ้นหรือเหมือนกับอบางคนเริ่ม
00:16:59 → 00:17:01 สงสัยว่าตัวเองเป็นอัลไซเมอร์หรือเป็น
00:17:01 → 00:17:04 ความจำเสื่อมทั้งๆที่จริงๆตรงนี้ต้องต้อง
00:17:04 → 00:17:07 แยกออกจากกันครับอือปัญหาความจำที่เกิด
00:17:07 → 00:17:10 ขึ้นส่วนใหญ่แล้วอ่ะ 70% ของคนที่อายุยัง
00:17:10 → 00:17:13 ไม่ถึง 65 ครับส่วนใหญ่เกิดจากภาวะเครียด
00:17:13 → 00:17:16 หรือภาวะซึมเศร้าที่ซ่อนเร้นอยู่ออมันเลย
00:17:16 → 00:17:18 ทำให้เราไม่สามารถที่จะจดจ่ออยู่กับสิ่ง
00:17:18 → 00:17:21 ที่เรากำลังโฟกัสกันอยู่ตอนนั้นได้เพราะ
00:17:21 → 00:17:23 ฉะนั้นข้อมูลพวกนั้นไม่ได้เข้าสู่สมองเรา
00:17:23 → 00:17:25 ครับการที่เราจำไม่ได้ไม่ได้แปลว่าเนื้อ
00:17:26 → 00:17:29 สมองเรามีปัญหาครับแต่มันเกิดจากเราไม่
00:17:29 → 00:17:31 ได้โฟกัสกับข้อมูลนั้นและข้อมูลนั้นน่ะ
00:17:31 → 00:17:34 ไม่ได้แม้กระทั่งผ่านเข้าไปในสมองเรามัน
00:17:34 → 00:17:36 ก็เลยไม่สามารถที่จะเรียกคืนข้อมูลนั้น
00:17:36 → 00:17:39 กลับมาได้ครับนะครับอันนี้คือสัญญาณที่จะ
00:17:39 → 00:17:43 เจอเป็นเป็นอีก 2 ลำดับรองลงมาเพราะ
00:17:43 → 00:17:46 ฉะนั้น 4 ข้อที่คุณหมอเอกให้นี่เราสามารถ
00:17:46 → 00:17:48 เอามาเป็นเครื่องในการสังเกตตัวเราเองได้
00:17:48 → 00:17:50 เลยใช่มั้ฮะครับเป็นสัญญาณต้นๆสัญญาณต้น
00:17:50 → 00:17:53 เบื้องต้นว่าเราอาจจะกำลังเครียดอยู่ครับ
00:17:53 → 00:17:57 แล้วถ้า 4 สัญญาณนี้นะครับอ่าคนที่กำลัง
00:17:57 → 00:18:01 เผชิญอยู่มองมองข้ามไปไม่รู้คิดว่าเอ๊นอน
00:18:01 → 00:18:03 ไม่หลับมันอาจจะเกิดอะไรบางอย่างมั้งอะไร
00:18:03 → 00:18:05 เงี้ยฮะหรือว่าปวดเมื่อยตามตัวก็คิดว่า
00:18:05 → 00:18:07 เป็น Office syndrome มั้งหรือว่าหรือ
00:18:07 → 00:18:09 ถ้าลืมก็อาจจะคิดว่าเอาน่ะหลงลืมเล็กๆ
00:18:09 → 00:18:11 น้อยๆไม่คิดว่ามันเป็นสัญญาณเตือนเรื่อง
00:18:11 → 00:18:13 ความเครียดแล้วไม่ได้ไปจัดการดูแลมันมัน
00:18:13 → 00:18:16 จะพัฒนาไปเป็นอะไรต่อไปครับลองคิดดูว่า
00:18:16 → 00:18:18 สมมุติว่าเราเราใช้งานอะไรสักอย่างไป
00:18:18 → 00:18:21 เรื่อยๆแล้วคุณภาพของการพักผ่อนหรือการ
00:18:21 → 00:18:24 พักใช้สิ่งนั้นมันพร่องไปโอกาสที่จะเกิด
00:18:24 → 00:18:28 ความเสื่อมหรือความเสียหายของอุปกรณ์สิ่ง
00:18:28 → 00:18:30 ต่างๆเหลนั้นมันก็จะมีเพิ่มมากขึ้นเพราะ
00:18:30 → 00:18:32 ฉะนั้นทางทางชีวภาพก็เช่นเดียวกันครับ
00:18:32 → 00:18:35 เมื่อมีความเครียดสะสมมากๆมันจะถึงจุดๆ
00:18:35 → 00:18:38 นึงที่เรียกว่ามีโรคหรือภาวะต่างๆเกิด
00:18:38 → 00:18:40 ขึ้นซึ่งส่วนใหญ่แล้วเราก็ที่เราพบบ่อย
00:18:40 → 00:18:43 เลยจริงๆก็คือเป็นโรคเครียดหรือว่าเป็น
00:18:43 → 00:18:46 โรคซึมเศร้าที่เราอาจจะคุ้นหูกันมากขึ้น
00:18:46 → 00:18:48 แล้วในปัจจุบันนะครับการเป็นโรคตรงนั้น
00:18:48 → 00:18:51 หมายถึงอะไรหมายถึงว่ามันเกิดร่องรอยของ
00:18:51 → 00:18:54 การเปลี่ยนแปลงทางชีวภาพบางอย่างอือที่ทำ
00:18:54 → 00:18:57 ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของของสารเคมีใน
00:18:57 → 00:19:01 สมองบางอย่างออแล้วทำให้มันไม่สามารถดีด
00:19:01 → 00:19:03 กลับได้ด้วยตัวเองแล้วครับนั่นคือเหตุผล
00:19:04 → 00:19:07 ที่ว่าหลายคนเนี่ยไม่สามารถที่จะจัดการ
00:19:07 → 00:19:10 ความเครียดได้ดีเท่าเดิมเมื่อก่อนความ
00:19:10 → 00:19:12 เครียดขนาดนี้สามารถจัดการได้ได้ง่ายกว่า
00:19:12 → 00:19:15 นี้เมื่อก่อนความรู้สึกเศร้าความรู้สึก
00:19:15 → 00:19:17 ไม่มีความสุขเราสามารถที่จะจัดการให้มัน
00:19:17 → 00:19:20 สลายหายไปได้ตอนนี้กลายเป็นว่าเราไม่
00:19:20 → 00:19:23 สามารถจัดการได้ดีเหมือนเดิมแล้วมันก็เลย
00:19:23 → 00:19:26 กลายเป็นคิดลบต่อตัวเองว่าเอ้ยทำไมเราจัด
00:19:26 → 00:19:29 การไม่ได้เราอาจจะไม่ดีพอออหรือเราอาจจะ
00:19:29 → 00:19:31 ไม่ได้เก่งพอที่เราจะจัดการมันได้มันเลย
00:19:31 → 00:19:35 กลายเป็นการโทษตนเองซึ่งกลายเป็นวงจรที่
00:19:35 → 00:19:38 ทำให้เราคิดลบต่อตัวเองมากขึ้นแล้วก็คิด
00:19:38 → 00:19:41 ลบต่ออนาคตคิดลบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
00:19:41 → 00:19:44 กลายเป็นภาวะซึมเศร้าและโรคซึมเศร้าต่อมา
00:19:44 → 00:19:48 ได้ครับุนี้จากจากสัญญาณเตือนเล็กๆที่
00:19:48 → 00:19:50 เมื่อกี้ 4 ข้อนั่นถ้าหากว่าไม่รู้ตัว
00:19:50 → 00:19:53 หรือไม่ไม่หาทางแก้ไขมันสามารถพัฒนาต่อ
00:19:53 → 00:19:56 กลายเป็นโรคซึมเศร้าได้เลยนะครับใช่ครับอ
00:19:56 → 00:19:59 แล้วเราถามถึงคนรอบๆตัวบ้างถ้าหากว่าตัว
00:19:59 → 00:20:01 แซนวิช Generation นี่เริ่มมีภาวะอะไรแบบ
00:20:01 → 00:20:03 นี้ฮะมันจะเริ่มส่งผลต่อคนรอบๆตัวยังไง
00:20:04 → 00:20:06 บ้างครับแซนวิช Generation เรามีความ
00:20:06 → 00:20:08 เครียดมากขึ้นมันจะมีผลกระทบด้านลบที่
00:20:09 → 00:20:11 เกิดขึ้นต่อหน่วยอื่นๆโดยอัตโนมัติอยู่
00:20:11 → 00:20:15 แล้วอเช่นโอกาสที่คุณพ่อคุณแม่จะระเบิด
00:20:15 → 00:20:19 อารมณ์ใส่ลูกหรือว่าใส่ใส่คุณปู่คุณย่าก็
00:20:19 → 00:20:23 จะมีมากขึ้นหรือว่าเอ่ออาจจะมีความบก
00:20:23 → 00:20:26 พร่องในการดูแลเช่นคุณพ่อคุณแม่ก็จะลืม
00:20:26 → 00:20:29 กิจวัตรประจำวันบางอย่างที่ที่ที่ควรจะทำ
00:20:29 → 00:20:32 ก็อาจจะหลงลืมไปแล้วทำให้เกิดการละเหรือ
00:20:32 → 00:20:35 มองข้ามในบางเรื่องไปก็ทำให้เกิดเกิดหลาย
00:20:35 → 00:20:38 ๆอย่างที่เป็นปัญหาเกิดมาตามมาในบ้านได้
00:20:38 → 00:20:42 นะครับอืครับซึ่งแน่นอนว่าพอ Sand
00:20:42 → 00:20:44 Generation มีปัญหาก็จะส่งผลกระทบต่อคน
00:20:44 → 00:20:46 อื่นๆในครอบครัวอย่างที่คุณหมอบอกก็เป็น
00:20:46 → 00:20:49 หน่วยย่อยนะฮะมันก็จะกระทบกันไปทั่วครับ
00:20:49 → 00:20:51 นะครับเราเอาคำถามนี้ไปถามอยู่ในเพจ
00:20:51 → 00:20:53 มนุษย์ต่างวัยเหมือนกันครับแล้วก็มีคน
00:20:53 → 00:20:56 แสดงความคิดเห็นเข้ามานะครับเราถามว่าลูก
00:20:56 → 00:20:58 ก็ต้องเลี้ยงพ่อแม่ก็ต้องดูแลเจอแบบนี้
00:20:58 → 00:21:00 นี้คนตรงกลางจัดการชีวิตกันยังไงนะครับก็
00:21:00 → 00:21:03 มีคนมาแสดงความคิดเห็นนะครับคุณหมอมีคน
00:21:03 → 00:21:05 นึงบอกว่าเคยผ่านตรงนั้นมาแล้วพ่อแม่ก็
00:21:05 → 00:21:09 ต้องเลี้ยงต้องส่งน้องเรียนมีลูกต้องดูแล
00:21:09 → 00:21:11 ส่วนสามียังเจ้าชู้อีกนะฮะมีปัญหา
00:21:11 → 00:21:13 ครอบครัวบอกก็สะบักสะบอมทุกวันนะครับแต่
00:21:13 → 00:21:16 ก็พยายามที่จะโอบกอดตัวเองทุกวันเช่นกัน
00:21:16 → 00:21:20 ว่าเธอเก่งเธอจะผ่านไปได้ทุกอย่างจะไม่
00:21:20 → 00:21:23 สุญเปล่าเพราะการได้เห็นคนที่เธอรักกิน
00:21:23 → 00:21:27 อิ่มนอนหลับมีความสุขก็คือความสุขของเธอ
00:21:27 → 00:21:29 มิใช่หรือนะครับฉันผ่านชีวิตช่วงนั้นมา
00:21:29 → 00:21:31 ได้อย่างไรนี่คือคำถามของตัวเองเหมือนกัน
00:21:31 → 00:21:34 โอนี่เขาเขาก็พยายามจะจะเยียวยาตัวเองนะ
00:21:34 → 00:21:38 ครับฮะกรณีแบบนี้ถ้าสมมุติว่าการเยียวยา
00:21:38 → 00:21:41 มันผ่านไปได้มันก็โอเคแต่ถ้าสมมุติว่าการ
00:21:41 → 00:21:44 เยียวยามันเหมือนกับว่ามันสะกดจิตบอกตัว
00:21:44 → 00:21:45 เองอ่ะฮะว่าเป็นอย่างงี้อย่างงี้แต่ว่าใน
00:21:45 → 00:21:47 ความเป็นจริงข้างในลึกๆมันก็รับไม่ได้
00:21:48 → 00:21:49 แสดงว่าพวกนี้มันก็จะเป็นความเครียดที่
00:21:49 → 00:21:51 มันจะสะสมขึ้นเรื่อยๆือเปล่าครับคุณหมอ
00:21:51 → 00:21:53 เอกครับผมอันดับแรกต้องขอชื่นชมนะครับ
00:21:53 → 00:21:56 เพราะว่าหลายคนก็ผ่านผ่านวิกฤตการณ์เหล่า
00:21:56 → 00:21:58 นั้นมาได้ด้วยดีนะครับแล้วด้วยวิีที่ถูก
00:21:58 → 00:22:03 ต้องด้วยนะครับแต่สิ่งที่กำลังจะจะแลก
00:22:03 → 00:22:05 เปลี่ยนกับพวกเรากันต่อไปก็คือจริงๆแล้ว
00:22:05 → 00:22:07 ทุกครั้งที่เกิดปัญหาขึ้นน่ะครับมันจะมี
00:22:07 → 00:22:10 วิธีการจัดการอยู่ 2 แนวทางครับซึ่งจริงๆ
00:22:10 → 00:22:13 2 แนวทางนี้มันต้องจัดการไปพร้อมๆกันคือ
00:22:13 → 00:22:16 1 คือการดูแลตัวเองอืมครับ 1 คือดูแลตัว
00:22:16 → 00:22:20 เองเวลาเวลาเราเผชิญกับปัญหาเนี่ยผลกระทบ
00:22:20 → 00:22:22 ที่ปัญหามีต่อเราในฐานะมนุษย์คนหนึ่งอ่ะ
00:22:22 → 00:22:25 มันมีอยู่แล้วมีปัญหากระทบต่ออารมณ์
00:22:25 → 00:22:27 พฤติกรรมความคิดของเราเราจัดการใจตัวเอง
00:22:27 → 00:22:29 จัดการตัวเองตัวเองให้ได้นี่คืออันที่ 1
00:22:29 → 00:22:34 ครับอันดับที่ 2 คือการจัดการปัญหาครับ
00:22:34 → 00:22:36 คือเราคงไม่มาให้น้ำหนักกับอันใดอันหนึ่ง
00:22:36 → 00:22:40 จนมองข้ามอีกอันนึงไปบางคนยึมานั่งดูแล
00:22:40 → 00:22:42 ตัวเองอย่างเดียวแต่ไม่ได้จัดดการปัญหา
00:22:42 → 00:22:44 เลยเพราะฉะนั้นปัญหานั้นไม่ได้รับการแก้
00:22:44 → 00:22:47 ไขงั้นมันก็จะวนเวียนสร้างปัญหาให้กับเรา
00:22:47 → 00:22:51 อยู่ซ้ำไปซ้ำมาอเพรางั้นต้องทำไปพร้อมๆ
00:22:51 → 00:22:54 กันครับดูแลตัวเองด้วยจัดการใจตัวเองให้
00:22:54 → 00:22:57 ได้ด้วยแล้วก็จัดการปัญหาด้วยเพราะฉะนั้น
00:22:57 → 00:23:01 ส่วนใหญ่แล้วคือสิ่งนึงที่ผมมองว่าเป็น
00:23:01 → 00:23:05 กลยุทธ์นึงที่ช่วยพวกเราในวัยแซนวิชได้ดี
00:23:05 → 00:23:09 ที่สุดเลยก็คือบริหารจัดการเวลาให้ดีครับ
00:23:09 → 00:23:13 อืมนะฮะ 24 ชมงของเราเนี่ยเราลองมาคลี่
00:23:13 → 00:23:17 ออกดูครับทุกคนมีเวลา 24 ชมงเท่ากันฮะเรา
00:23:17 → 00:23:20 มีสิ่งที่ต้องทำมากน้อยไม่เหมือนกันบริบท
00:23:20 → 00:23:24 ของชีวิตเราแต่ละคนแลแต่แลละแต่และแต่ใน
00:23:24 → 00:23:26 แต่ละช่วงเวลาก็ไม่เหมือนกันอเพราะงั้น
00:23:26 → 00:23:28 ช่วงเวลานี้เราอาจต้องให้ความสำำคัญกับ
00:23:28 → 00:23:31 สิ่งนี้ช่วงเวลานึงอาจต้องให้ความสำคัญ
00:23:31 → 00:23:34 กับอีกสิ่งนึงมากกว่าอย่างเงี้ยครับจัด
00:23:34 → 00:23:36 ลำดับความสำคัญของแต่ละสิ่งและบริหารจัด
00:23:36 → 00:23:39 การเวลาให้ได้อย่าลืมเื่อเวลาสำหรับการดู
00:23:39 → 00:23:43 แลตนเองด้วยออ๋อเพราะเราไม่สามารถจะส่ง
00:23:43 → 00:23:45 มอบสิ่งใดให้กับคนอื่นได้ถ้าเรายังไม่
00:23:45 → 00:23:48 สามารถเติมเต็มสิ่งนั้นได้มากเพียงพออื
00:23:48 → 00:23:50 ครับคุณไม่สามารถจะส่งมอบความสุขจากตัว
00:23:50 → 00:23:52 เองไปสู่คนรอบข้างได้ถ้าคุณยังเติมความ
00:23:52 → 00:23:56 สุขให้กับตัวเองเได้ออครับผมจะเห็นนะฮะ
00:23:56 → 00:23:59 ว่าคนที่อยู่ในช่วงวัยประมาณเนี้แซนวิช
00:23:59 → 00:24:01 อย่างเงี้ยฮะก็คือบางทีเนี่ยมีเหตุการณ์
00:24:01 → 00:24:04 อะไรอย่างเงี้ยแล้วมักจะโทษตัวเองเช่น
00:24:04 → 00:24:09 เนี่ยเดี๋ยวดูแลลูกก็ไม่ดีลูกก็ไม่ดีพอ
00:24:09 → 00:24:12 มันเกิดจากธรรมชาติที่เมื่อเมื่อสักครู่
00:24:12 → 00:24:14 เรากล่าวกันไปว่า Generation x the
00:24:14 → 00:24:16 Generation W บางครั้งเนี่ยเรามองว่า
00:24:16 → 00:24:19 ทุกอย่างมันอยู่ในการควบคุมของเราเพราะ
00:24:19 → 00:24:21 ฉะนั้นถ้าผลลัพธ์มันออกมาไม่ดีมันเท่ากับ
00:24:21 → 00:24:25 เราไม่ดีพอซึ่งจริงๆแล้วในทางในทางความ
00:24:25 → 00:24:28 คิดตรงนั้นคือหลุมพรางทางความคิดแบบนึ่ง
00:24:28 → 00:24:31 เราไม่สามารถใช้เครื่องหมายเท่ากับได้กับ
00:24:31 → 00:24:34 แต่ละผลลัพธ์ในชีวิตอืผลลัพธ์ในชีวิตแต่
00:24:34 → 00:24:38 ละอย่างนะครับมันจะซ่อนมาด้วยผลของปัจจัย
00:24:38 → 00:24:40 ที่เรามองไม่เห็นหรือควบคุมไม่ได้อยู่
00:24:40 → 00:24:44 ด้วยเสมอเพราะฉะนั้นให้เผื่อเผื่อความผิด
00:24:44 → 00:24:46 พลาดที่อาจจะเกิดขึ้นจากปัจจัยที่เราควบ
00:24:46 → 00:24:50 คุมไม่ได้อยู่ด้วยจะทำให้เรามีความผ่อน
00:24:50 → 00:24:52 คลายในการใช้ชีวิตได้มากขึ้นครับอครับ
00:24:52 → 00:24:54 เหมือนเหมือนว่าไม่ตึงจนเกินไปอย่างงั้น
00:24:54 → 00:24:57 ใช่มั้ครับถูกต้องครับให้เผื่อใจสำหรับ
00:24:57 → 00:25:00 ปัจจัยที่เราควบคุมไม่ได้อยู่ด้วยสอื
00:25:00 → 00:25:03 เผื่อเผื่อใจไปสำหรับปัจจัยที่เราควบคุม
00:25:03 → 00:25:05 ไม่ได้ออครับเพราะว่าบางทีเราก็ไม่สามารถ
00:25:06 → 00:25:09 ไปควบคุมเช่นอยากให้ลูกเก่งอย่างเงี้ยเรา
00:25:09 → 00:25:11 ก็ไม่สามารถไปควบคุมให้ให้ลูกเราเก่งใน
00:25:11 → 00:25:14 แบบที่เราอยากเป็นได้แล้วก็หลายหลายอย่าง
00:25:14 → 00:25:17 อยากให้อยากให้ Generation x หรือ
00:25:17 → 00:25:19 Generation Y ซึ่งเป็นไวแนวช Generation
00:25:19 → 00:25:23 น่ะฮะให้โฟกัสที่ผลลัพธ์มากกว่ากระบวนการ
00:25:23 → 00:25:25 ที่ตรงใจเราเช่นผลการเรียนของลูกอย่าง
00:25:26 → 00:25:29 เงี้ยอ่าชวนมาคุยกันเลยครับอ่าตั้งความ
00:25:29 → 00:25:33 คาดหวังไว้ที่เกรดเท่าไหร่อืๆสมมุติอ่า
00:25:33 → 00:25:36 คุยกันแล้วอยู่ที่ 3.5 สำหรับเทอมนี้ครับ
00:25:36 → 00:25:39 อ่าเพราะฉะนั้นเป็นบทบาทของลูกครับเค้า
00:25:39 → 00:25:42 ต้องทำอะไรบ้างลูกอยากให้พ่อหรือแม่ทำ
00:25:42 → 00:25:45 อะไรบ้างครับคุยกันให้ชัดเจนเลยครับแล้ว
00:25:45 → 00:25:49 ที่เหลือแบ่งบทบาทกันชัดเจนฮะเราจะได้ไม่
00:25:49 → 00:25:53 ต้องไปแบกรับส่วนที่ไม่ใช่ส่วนของเราอืๆ
00:25:53 → 00:25:56 แล้วก็เราสามารถที่จะให้โอกาสลูกในการ
00:25:56 → 00:25:58 เรียนรู้ในการรับผิดชอบส่วนของเขาด้วย
00:25:58 → 00:26:01 ครับเช่นเดียวกันครับกับการดูแลพ่อแม่เรา
00:26:01 → 00:26:03 อือะไรที่เป็นส่วนที่เราสามารถที่จะผ่อน
00:26:03 → 00:26:06 ทายหรือเป็นข้อตกลงที่เราให้พ่อแม่มีส่วน
00:26:06 → 00:26:10 ในการช่วยดูแลครอบครัวเราไปด้วยกันได้
00:26:10 → 00:26:13 ครอบครัวไม่ใช่บทบาทหรือหน้าที่หรือภาระ
00:26:13 → 00:26:16 ของแซนวิช generation แค่เจนเดียวครับ
00:26:16 → 00:26:20 ครอบครัวต้องก้าวไปด้วยกันอพร้อมกับทุกคน
00:26:20 → 00:26:22 ที่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างเต็มที่และ
00:26:22 → 00:26:25 เหมาะสมครับอืเหมือนผมยกตัวอย่างง่ายๆ
00:26:25 → 00:26:27 เหมือนแบบอย่าเที่ยวเอาอะไรมาถือไว้คน
00:26:27 → 00:26:29 เดียวหมดใช่มั้ยฮะเราแบ่งกันถือบ้างให้
00:26:29 → 00:26:32 ลูกถือบ้างให้พ่อแม่ถือบ้างงี้ใช่มั้ยฮะบ
00:26:32 → 00:26:34 ให้รับทราบบอกให้รับทราบสถานการณ์ด้วยกัน
00:26:35 → 00:26:37 เรากำลังเผชิญอะไรด้วยกันอยู่ตอนนี้ครับ
00:26:37 → 00:26:40 หลายคนไม่กล้าแม้จะกระทั่งบอกสถานการณ์
00:26:40 → 00:26:42 ที่แท้จริงว่าตอนนี้ครอบครัวเราเราต้อง
00:26:42 → 00:26:47 เจอปัญหาอะไรบ้างออครับมันก็เลยทำให้กลไก
00:26:47 → 00:26:50 ของการแก้ไขปัญหาเนี่ยมันถูกกดดันแล้วก็
00:26:50 → 00:26:54 ถูกแบกรับด้วยคนคนเดียวครับครับจริงๆแล้ว
00:26:54 → 00:26:56 อ่ะผมเชื่อว่าคนในบ้านที่เรารักและ
00:26:56 → 00:26:59 ปรารถนาดีต่อกันน่ะเราพร้อมที่จะช่วย
00:26:59 → 00:27:01 เหลือกันไปทั้งครอบครัวเพื่อให้บ้านเรา
00:27:01 → 00:27:04 ผ่านวิกฤตการใดๆไปได้ด้วยกันได้ด้วยดี
00:27:04 → 00:27:07 ครับอืครับพอพูดมาถึงประเด็นนี้เผื่อคน
00:27:07 → 00:27:10 ที่เป็นแนวช Generation กำลังฟังอยู่ด้วย
00:27:10 → 00:27:13 นะครับแต่ว่าพอเขาฟังเสร็จเขาอาจจะบอกว่า
00:27:13 → 00:27:16 แหมเราอยากจะให้พ่อแม่เราฟังด้วยเหมือน
00:27:16 → 00:27:17 กันหรือบางทีให้ลูกฟังด้วยเหมือนกันนะ
00:27:17 → 00:27:21 ครับกรณีนี้คุณหมอมีคำแนะนำมครับว่าถ้า
00:27:21 → 00:27:24 บ้านไหนมีมีครอบครัวแบบ 3 เจนแบบเนี้ยคุณ
00:27:24 → 00:27:26 พ่อคุณแม่ซึ่งอยู่เป็นเจนข้างบนเนี่ยเขา
00:27:26 → 00:27:29 ควรทำอย่างไรเพื่อที่จะดูแลใจ Sandwich
00:27:29 → 00:27:32 Generation ตรงกลางคนตรงกลางด้วยในขณะ
00:27:32 → 00:27:34 เดียวกันคนกลุ่มลูกนี่เควรจะทำอะไรอย่าง
00:27:34 → 00:27:38 ไรที่จะช่วยดูแลคนตรงกลางด้วยครับอืจริงๆ
00:27:38 → 00:27:42 ตรงนี้เนี่ยคือคือถ้าพื้นฐานมาจากความ
00:27:42 → 00:27:45 ห่วงใยใส่ใจกันและกันนะครับครับแล้วเรา
00:27:45 → 00:27:48 สามารถที่จะเลือกวิธีการสื่อสารที่ดีกัน
00:27:48 → 00:27:52 ได้ออันเนี้ยน่าจะเป็นกลไกหลักที่จะทำให้
00:27:52 → 00:27:55 บ้านของเราเนี่ยมีความเข้าใจกันและกันได้
00:27:55 → 00:27:58 ง่ายขึ้นอืเพราะฉะนั้นกลไกหลักตรงเนี้ยผม
00:27:58 → 00:28:01 มองว่าเรื่องของความห่วงหาอาทรความห่วงใย
00:28:01 → 00:28:04 ความเอาใจใส่กันและกันเนี่ยทุกบ้านมีกัน
00:28:04 → 00:28:07 อยู่แล้วครับแต่ตอนเนี้ยที่สังคมไทยติด
00:28:07 → 00:28:09 กันอยู่จริงๆเลยก็คือรูปแบบของการสื่อสาร
00:28:09 → 00:28:12 อ่าใช่การสื่อสารของแต่ละ
00:28:12 → 00:28:15 Generation เรามีรูปแบบและธรรมชาติของ
00:28:15 → 00:28:19 การสื่อสารที่ที่ไม่เหมือนกันอแล้วะบ่อย
00:28:19 → 00:28:22 ครั้งที่รูปแบบที่ไม่เหมือนกันนั้นน่ะมัน
00:28:22 → 00:28:25 ไม่ตรงใจกันและกันใช่แล้วมันก็เลยทำให้
00:28:25 → 00:28:29 มันบดบังความปรารถนาดีและการส่งต่อถ่าย
00:28:29 → 00:28:32 ทอดความรักความห่วงใยของเราอ่ะถูกเบี่ยง
00:28:32 → 00:28:35 ประเด็นไปเป็นประเด็นอื่นซะใช่ๆครับเพราะ
00:28:35 → 00:28:38 ฉะนั้นถ้าเกิดว่าเรามีเวทีในการที่เราใน
00:28:38 → 00:28:40 ฐานะที่เป็น Sand Generation เป็นโซ่ข้อ
00:28:40 → 00:28:45 กลางอเราสร้างโอกาสของการสื่อสารเชิงบวก
00:28:45 → 00:28:48 ในบ้านที่มากขึ้นครับครับการสื่อสารโดย
00:28:48 → 00:28:51 ใช้อารมณ์ที่น้อยลงการสื่อสารโดยใช้เหตุ
00:28:51 → 00:28:56 และผลเน้นผลลัพธ์ที่มีร่วมกันของครอบครัว
00:28:56 → 00:28:58 ให้ชัดเจนมากขึ้นตรงนี้น่าจะเป็นหนึ่ง
00:28:58 → 00:29:01 กลไกที่ดีที่ทำให้ครอบครัวเรามีความสุข
00:29:01 → 00:29:04 มากยิ่งขึ้นครับครับคุณหมอพอแนะนำวิธีการ
00:29:04 → 00:29:09 สื่อสารที่ดีได้มครับเอาอาจจะอาจจะสั้นๆ
00:29:09 → 00:29:11 นิดนึงก็ได้ครับผมยกตัวอย่างนะครับเช่น
00:29:11 → 00:29:13 สมมุติผมเป็นแนวช Generation นะเป็นคนต
00:29:13 → 00:29:15 กลางผมกลับมาบ้านแล้วเนี่ยเหนื่อยเต็มที่
00:29:15 → 00:29:18 เลยมาจากข้างนอกนะกลับมาก็เห็นลูกแบบโอ้
00:29:18 → 00:29:21 ยังไม่ยังนั่งเล่นเกมอยู่นะครับในขณะที่
00:29:21 → 00:29:24 พ่อแม่เราบอกแล้วว่าเ้าอย่าออกไปตรงนี้
00:29:24 → 00:29:26 เดี๋ยวจะล้มเดี๋ยวจะป่วยเ้ายังออกไปอีก
00:29:26 → 00:29:28 เนี่ยงฮะพอเราพอเรากลับมามันก็จะเต็มไป
00:29:28 → 00:29:30 ด้วยความเครียดใช่่มั้ยฮะถ้าเจอสถานการณ์
00:29:30 → 00:29:32 แบบนี้ถ้าคุณหมอบอกว่าเอ๊ะเราลองหาวิธี
00:29:32 → 00:29:35 การสื่อสารที่ดีมันมันมันควรทำยังไงครับ
00:29:35 → 00:29:37 คุณหมอจริงๆเรามีทางเลือกของวิธีการสื่อ
00:29:37 → 00:29:39 สารที่ดีเยอะมากเลยนะครับแต่จริงๆแล้ว
00:29:39 → 00:29:42 สำหรับสังคมไทยอ่ะสิ่งที่เรามองข้ามกันไป
00:29:42 → 00:29:45 เป็นเรื่องง่ายมากเลยครับคือ I Message
00:29:45 → 00:29:48 i i Message I Message อ๋อ I ครับ
00:29:48 → 00:29:52 ให้ขึ้นต้นประโยคด้วยเราก่อนครับเพราะ
00:29:52 → 00:29:55 บ่อยครั้งที่เราเลือกใช้รูปประโยคแบบอื่น
00:29:55 → 00:29:58 แล้วมันเป็นรูปประโยคของการที่มีในนัยยะ
00:29:58 → 00:30:02 ของการสื่อสารทางลบและการตำหนิมากขึ้นอ
00:30:02 → 00:30:06 ครับเช่นสมมุติว่าเรากลับมาอ่าแล้วเรา
00:30:06 → 00:30:09 เห็นลูกกำลังเล่นเกมอยู่ครับ
00:30:09 → 00:30:12 อ่าวันนี้แม่เหนื่อยมากเลยแม่อยากให้ลูก
00:30:13 → 00:30:16 มาช่วยแม่ทำกับข้าวให้คุณตาคุณยายกิน
00:30:16 → 00:30:20 หน่อยได้มั้ยออ่าครับแม่อยากให้ลูกมาช่วย
00:30:20 → 00:30:24 อืมครับอันนี้ก็ชันและอ่าเป็นไ Message
00:30:24 → 00:30:27 แล้วให้ขึ้นต้นประโยคด้วยด้วยประธานก็คือ
00:30:27 → 00:30:31 ตัวเราเราอยากให้เค้ามาช่วยครับถ้าไม่ใช่
00:30:31 → 00:30:35 ไ Message จะเกิดอะไรขึ้นครับอือเนี่ยวัน
00:30:35 → 00:30:38 ๆไม่ทำอะไรเลยเล่นแต่เกมครับอย่างพอเรา
00:30:38 → 00:30:41 ใช้ไ Message นี่มันส่วนหนึ่งมันก็จะทำ
00:30:41 → 00:30:43 ให้คู่สนทนากับเราเมีความเห็นอกเห็นใจเรา
00:30:44 → 00:30:45 มากขึ้นด้วยหรือเปล่าครับถูกต้องครับแล้ว
00:30:45 → 00:30:47 ถ้าสมมุติกับคุณพ่อคุณแม่ล่ะครับก็บอกได้
00:30:47 → 00:30:50 ใช่มั้ยฮะก็เช่นเดียวกันครับนะครับว่าลูก
00:30:50 → 00:30:53 วันนี้ลูกเหนื่อยนะทำงานเครียดยังไงบ้าง
00:30:53 → 00:30:56 เจออะไรบ้างอยากจะให้เค้าทำอยากจะให้เค้า
00:30:56 → 00:30:58 ดูแลตัวเองอย่างไรอะไรงี้ใช่มั้ยครับใช่
00:30:58 → 00:31:00 ครับออครับคือแทนที่จะเริ่มต้นตำหนิให้
00:31:00 → 00:31:03 เริ่มต้นจากจากตัวเราเองก่อนครับครับอัน
00:31:03 → 00:31:05 นี้อันนี้ก็เป็นวิธีการง่ายๆที่ที่อาจจะ
00:31:05 → 00:31:09 เอาไปทดลองใช้ดูใช่ครับใช่มครับครับลองทด
00:31:09 → 00:31:12 ลองกันวันนี้เลยก็ได้นะครับครับแล้วถ้าใน
00:31:12 → 00:31:15 กรณีนี้ล่ะครับคุณหมอว่าพอเผชิญปัญหาแล้ว
00:31:15 → 00:31:20 เนี่ยบางคนหาทางออกไม่ได้นะครับเ่อบางคน
00:31:20 → 00:31:22 ที่อยู่ใน Generation เยพอบอกว่าหาทางออก
00:31:23 → 00:31:26 ไม่ได้ต้องไปปรึกษาจิตแพทย์หรือบางทีต้อง
00:31:26 → 00:31:28 ไปเข้ารับการปรึกษาเนี่ย
00:31:28 → 00:31:31 ความคิดของเขาต่อการอะไรนะขอความช่วย
00:31:31 → 00:31:33 เหลือกับจิตแพทย์นี่เขาอาจจะยังไม่ไม่
00:31:33 → 00:31:35 เหมือนอาจจะต้องบอกว่าไม่เหมือนคนรุ่น
00:31:35 → 00:31:37 ใหม่ๆเพราะคนรุ่นใหม่ๆนี่รู้สึกเครียดก็
00:31:37 → 00:31:39 ไม่ไม่รู้สึกเขินอายที่ต้องไปหาจิตแพทย์
00:31:39 → 00:31:42 แต่คนรุ่นนี้พอบอกว่าไปปรึกษานักจิตสิเเข
00:31:42 → 00:31:44 จะตีความหมายอีกอย่างนึงละคุณหมอมีคำแนะ
00:31:44 → 00:31:46 นำยังไงครับเรื่องนี้ผมมองว่าอย่างงี้
00:31:46 → 00:31:50 ครับก็คือคือการตีตราบางอย่างเนี่ยมัน
00:31:50 → 00:31:52 เกิดขึ้นในใจของเราอยู่แล้วครับเพราะ
00:31:52 → 00:31:54 ฉะนั้นอาจจะต้องใช้เวลาเยอะหน่อยหรือว่า
00:31:54 → 00:31:57 อาจจะไม่มีประโยชน์ในการที่จะไปให้ความ
00:31:57 → 00:32:00 สำคัญกับการลดการตีตราตรงนั้นไปแต่อย่าง
00:32:00 → 00:32:02 น้อยให้ทำความเข้าใจว่าจริงๆแล้วทางเลือก
00:32:02 → 00:32:06 ในการแก้ไขหรือช่วยดูแลจิตใจของพวกเรา
00:32:06 → 00:32:08 เนี่ยในปัจจุบันเนี่ยเรามีทางเลือกทาง
00:32:08 → 00:32:13 สังคมเยอะมากอืๆนะครับอย่างเช่นการใช้
00:32:13 → 00:32:17 หลักของศาสนาก็ยังสามารถช่วยได้ในหลายๆ
00:32:17 → 00:32:21 หลายๆกรณีนะครับหรือในช่องทางศาสนานี่คือ
00:32:21 → 00:32:23 หมายถึงว่าการนั่งสมาธิหรืออะไรอย่างี้
00:32:23 → 00:32:25 ครับหรือว่ายังไงฮะใช่ครับมันมันมีหลาย
00:32:25 → 00:32:28 หลายตัวเลืกมากซึ่งอาจจะเหมาะสมกับบุคน
00:32:28 → 00:32:30 หรือว่าแต่ละช่วงเวลาที่ไม่เหมือนกันฮบาง
00:32:30 → 00:32:33 ช่วงเนี่ยบางครั้งเนี่ยแค่แค่ฟังธรรมะ
00:32:33 → 00:32:37 ก่อนนอนอาจจะไปเจอประโยคดีๆบางประโยคครับ
00:32:37 → 00:32:40 ที่อยู่ในคำที่พระท่านสอนอือ่าก็อาจจะ
00:32:40 → 00:32:43 ช่วยให้เราสามารถหลุดออกจากกับดักทางความ
00:32:43 → 00:32:46 คิดบางอย่างที่เรามีณช่วงนั้นก็ได้ครับนะ
00:32:46 → 00:32:49 ครับหรือจริงๆการออกกำลังกายการพักผ่อน
00:32:49 → 00:32:52 ที่เพียงพอการหากิจกรรมผ่อนคลายที่เหมาะ
00:32:52 → 00:32:56 สมกับเราหรือช่องทางการช่วยเหลือทางสังคม
00:32:56 → 00:32:58 ต่างๆนะครับตอนนี้นี้เนี่ยเทคโนโลยีมันมา
00:32:58 → 00:33:01 ได้ไกลแล้วอืๆนะครับแอปพลิเคชันหลายอย่าง
00:33:02 → 00:33:04 ก็สามารถที่จะช่วยเราในการดูแลจิตใจตัว
00:33:04 → 00:33:07 เราเองได้นะครับไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม
00:33:07 → 00:33:10 ต่างๆในการที่ช่วยในการ
00:33:10 → 00:33:13 Education ให้ความรู้หรือ Entertainment
00:33:13 → 00:33:19 เรานะครับรวมถึงแพลตฟอร์มที่ถูกสร้างขึ้น
00:33:19 → 00:33:21 มาเพื่อที่จะช่วยเหลือด้านจิตใจเราโดยตรง
00:33:21 → 00:33:25 เลยก็มีมากมายนะครับเช่นของกรมสุขภาพจิต
00:33:25 → 00:33:27 เราก็จะมี mental Health Check In อื
00:33:27 → 00:33:31 แคชในการที่จะวัดใจของเราได้ทุกวันนะครับ
00:33:31 → 00:33:34 ว่าเรามีภาวะเครียดมีภาวะซึมเศร้าหรือ
00:33:34 → 00:33:37 ภาวะหมดไฟหรือมีความเข้มแข็งมีความยืด
00:33:37 → 00:33:41 หยุดของจิตใจอยู่ในระดับสูงแค่ไหนนะครับ
00:33:41 → 00:33:44 หรือแม้กระทั่งหลายๆแอปพลิเคชันหลายๆ
00:33:44 → 00:33:47 แพลตฟอร์มที่กำลังถูกสร้างขึ้นมาอย่างต่อ
00:33:47 → 00:33:49 เนื่องอยู่เรื่อยๆนะครับเช่นแอปพลิเคชัน
00:33:49 → 00:33:53 DM นะครับก็จะเป็นแชทบอร์ดที่สามารถที่
00:33:53 → 00:33:57 จะทำให้เราสามารถที่จะเลือกที่จะพูดคุยโย
00:33:57 → 00:34:00 โดยเราพัฒนาผ่านระบบของ artificial
00:34:00 → 00:34:03 intelligence ในการที่เลือกจิตแพทย์หรือ
00:34:03 → 00:34:07 เลือกคู่สนทนาของเราว่าจะเป็นเพศชายหรือ
00:34:07 → 00:34:10 เพศหญิงเป็นอายุขนาดไหนเพื่อความสะดวกใจ
00:34:10 → 00:34:14 ในการพูดคุยครับอ่าแล้วก็ AI ตรงเนี้ยก็
00:34:14 → 00:34:16 จะมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องครับในการที่
00:34:16 → 00:34:19 จะสามารถที่จะสื่อสารแล้วก็ช่วยเป็นช่อง
00:34:19 → 00:34:22 ทางหนึงในการผ่อนคลายให้กับเราได้อนะครับ
00:34:22 → 00:34:25 ในขณะที่ช่องทางอื่นๆที่เป็นช่องทางที่
00:34:25 → 00:34:27 เรามีมานานแล้วเราก็ยังพัฒนากันอย่างต่อ
00:34:27 → 00:34:30 เนื่องนะครับเช่น 1323 สายด่วนสุขภาพจิต
00:34:30 → 00:34:33 นะครับสามารถที่จะโทรฟรีได้ตลอด 24 ชมนะ
00:34:33 → 00:34:36 ครับแต่เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องของคู่สาย
00:34:36 → 00:34:39 อาจต้องใช้เวลาในการรอคอยบ้านนิดหน่อย
00:34:39 → 00:34:41 ครับๆคือคุณหมอเอกกำลังจะบอกว่าถ้าไม่ไหว
00:34:41 → 00:34:44 เรามีตัวช่วยถ้าไม่ไหวมีตัวช่วยตัวช่วยฮะ
00:34:44 → 00:34:47 คืออย่าอย่านิ่งนอนใจแล้วก็อย่าปฏิเสธตัว
00:34:47 → 00:34:52 ช่วยออเพราะครับเพราะเราต้องทำความเข้าใจ
00:34:52 → 00:34:55 ก่อนว่าเราไม่สามารถทำตัวเองให้แข็งแรง
00:34:55 → 00:34:58 ได้ตลอดเววลาเอจริงขนาดสุขภาพการเราเรา
00:34:58 → 00:34:59 ยังไม่สามารถแข็งแรงได้เท่ากันทุกวันเลย
00:34:59 → 00:35:03 ครับใช่ๆครับบางช่วงก็ต้องมีอ่อนแอ์บ้าง
00:35:03 → 00:35:05 ครับอะไรอย่างเงี้นะครับถ้าอ่อนแอแล้วคิด
00:35:05 → 00:35:09 ว่าอ่าแก้ไขเองไม่ได้ก็ต้องการตัวช่วย
00:35:09 → 00:35:10 ครับผมว่า EP นี้น่าจะเป็นประโยชน์นะครับ
00:35:10 → 00:35:13 โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้เบอกเศรษฐกิจ
00:35:13 → 00:35:16 อะไรก็ไม่ดีนะครับสังคมอู้เผชิญกับความ
00:35:16 → 00:35:18 เปลี่ยนแปลงอะไรเยอะแยะโดยเฉะคนที่อยู่ใน
00:35:18 → 00:35:20 วัยประมาณนี้ฮะบางทต้องแบกความรับผิดชอบ
00:35:20 → 00:35:22 ไว้ค่อนข้างเยอะก็แน่นอนว่าจะเครียดนะ
00:35:22 → 00:35:24 ครับเพราะฉะนั้นลองฟัง EP นี้น่าจะเป็น
00:35:24 → 00:35:26 ประโยชน์มากๆนะครับสำหรับการเอาไปลองทบ
00:35:26 → 00:35:28 ทวนหรือแม้กระทั่งเป็นการป้องกันด้วยนะ
00:35:28 → 00:35:30 ครับขอบคุณคุณหมอเอกนะครับขอบคุณครับ
00:35:30 → 00:35:33 ขอบคุณมากครับสวัสดีครับขอบคุณ
00:35:33 → 00:35:37 [เพลง]
00:35:37 → 00:35:41 ครับบุพการีที่เคารพคู่มือการดูแลพ่อแม่
00:35:41 → 00:35:43 ของคนเจนลูกถ้าชอบเนื้อหาแบบนี้ก็อย่าลืม
00:35:44 → 00:35:48 กด Subscribe ไว้้ด้วยนะครับ