00:00:00 → 00:00:03 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพ
00:00:03 → 00:00:09 ความรู้สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่
00:00:09 → 00:00:13 สวัสดีค่ะวันนี้เราจะมาชวนคุยเรื่องที่
00:00:13 → 00:00:16 เอ่อใกล้ตัวเรามากๆแล้วก็สำคัญมากในยุค
00:00:16 → 00:00:19 นี้เลยนะคะคือเรื่องของ Power Movement
00:00:19 → 00:00:22 หรือพลังของการเคลื่อนไหวค่ะข้อมูลที่เรา
00:00:22 → 00:00:25 จะมาเจาะลึกกันวันนี้มาจากผู้เชี่ยวชาญ
00:00:25 → 00:00:27 เลยค่ะว่าด้วยเรื่องความสัมพันธ์ระหว่าง
00:00:27 → 00:00:31 การเคลื่อนไหวสุขภาพกายแล้วก็สมองของเรา
00:00:31 → 00:00:34 เป้าหมายก็คืออยากชวนทำความเข้าใจกันค่ะ
00:00:34 → 00:00:37 ว่าทำไมแค่การขยับตัวธรรมดาๆดาเนี่ยมัน
00:00:37 → 00:00:40 ถึงสำคัญขนาดนั้นแล้วไอ้ไลฟ์สไตล์ที่เรา
00:00:40 → 00:00:43 แบบนั่งๆนอนๆกันเยอะๆเนี่ยมันส่งผลกับเรา
00:00:43 → 00:00:46 ยังไงบ้างมาลองดูกันค่ะปฏิเสธไม่ได้เลยนะ
00:00:46 → 00:00:49 คะว่าชีวิตยุคนี้เราเอ่อนิ่งขึ้นเยอะจริง
00:00:49 → 00:00:52 ๆเนาะทั้งนั่งทำงานหน้าคอมหรือแม้แต่เด็ก
00:00:52 → 00:00:54 ๆเองก็ตามเดี๋ยวนี้เรียนพิเศษกันจนแบบแทบ
00:00:54 → 00:00:56 ไม่ได้ขยับตัวเลยสิ่งเหล่านี้มันกำลัง
00:00:56 → 00:00:59 สร้างปัญหาอะไรให้เราบ้างคะโอ้โหโหผล
00:00:59 → 00:01:02 กระทบมันมีตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้ใหญ่
00:01:02 → 00:01:05 เลยครับคือปัญหาที่เราอาจจะคุ้นๆกันอย่าง
00:01:05 → 00:01:08 Office Syนromeอันนั้นก็เรื่องหนึ่งนะ
00:01:08 → 00:01:11 ครับแต่ที่น่ากังวลกว่านั้นคือเราเริ่ม
00:01:11 → 00:01:14 เจอโรคอย่างเบาหวานในเด็กที่อายุยังไม่
00:01:14 → 00:01:18 ถึง 10 ขวบเลยด้วยซ้ำครับโห 10 ขวบเองหรอ
00:01:18 → 00:01:22 คะครับใช่ครับสาเหตุหลักๆเลยก็คือร่างกาย
00:01:22 → 00:01:25 กับสมองเราเนี่ยเหมือนมันเริ่มจะลืมวิธี
00:01:25 → 00:01:28 การเคลื่อนไหลที่มันควรจะเป็นไปแล้วพอมัน
00:01:28 → 00:01:31 เป็นแบบนั้นเอ่อประสิทธิภาพของระบบต่างๆ
00:01:31 → 00:01:34 ในร่างกายมันก็ดรอปลงลดลงไปหมดเลยครับมัน
00:01:34 → 00:01:38 กระทบทุกอย่างจริงๆน่าตกใจเหมือนกันนะคะ
00:01:38 → 00:01:41 ที่เห็นผลกระทบมันเร็วขนาดนั้นในเด็กเอ่อ
00:01:41 → 00:01:43 แล้วจุดเริ่มต้นง่ายๆเลยที่จะกลับมา
00:01:43 → 00:01:45 เคลื่อนไหวให้มันทรงพลังอย่างที่เราคุย
00:01:45 → 00:01:49 กันเนี่ยมันคือการเดินใช่มั้คะใช่เลยครับ
00:01:49 → 00:01:52 การเดินนี่แหละครับพื้นฐานที่สุดเลยแต่
00:01:52 → 00:01:55 ประเด็นที่น่าสนใจคือคนส่วนใหญ่เราเดิน
00:01:55 → 00:01:59 กันอยู่ทุกวันนะแต่กลับเดินแบบไม่ครบส่วน
00:01:59 → 00:02:03 นะครับโดยที่ไม่รู้ตัวไม่ครบส่วนยังไงคะ
00:02:03 → 00:02:05 คือการเดินที่มันถูกหลักจริงๆนะครับมัน
00:02:05 → 00:02:07 ต้องใช้กล้ามเนื้อหลายส่วนมากๆทำงาน
00:02:07 → 00:02:12 ประสานกันตั้งแต่คอบารไหล่ลำตัวสะโพกยาว
00:02:12 → 00:02:15 ไปจนถึงเท้าเลยไม่ใช่แค่ขามันก้าวไปข้าง
00:02:15 → 00:02:19 หน้าเฉยๆอ๋อค่ะไม่ใช่แค่ขาอย่างเดียวใช่
00:02:19 → 00:02:22 ครับลองก้มดูส้นรองเท้าของตัวเองก็ได้
00:02:22 → 00:02:26 ครับง่ายๆเลยถ้าเกิดว่ามันสึกไม่เท่ากัน
00:02:26 → 00:02:28 ศึกด้านนอกเยอะกว่าหรือด้านในเยอะกว่า
00:02:28 → 00:02:31 ปกติอันนั้นน่ะอาจจะเป็นสัญญาณแล้วว่าเรา
00:02:31 → 00:02:33 เดินผิดท่าอยู่กล้ามเนื้อบางส่วนมันไม่
00:02:33 → 00:02:36 ได้ถูกเรียกใช้งานน่ะครับอืมแสดงว่าแค่
00:02:36 → 00:02:40 เดินๆไปมันอาจจะไม่พอต้องใส่ใจรายละเอียด
00:02:40 → 00:02:43 พวกนี้ด้วยอย่างบางทีเราเห็นสัญญาณเล็กๆ
00:02:43 → 00:02:46 น้อยๆเช่นเวลาจะลุกจากเก้าอี้เราต้องเอา
00:02:46 → 00:02:49 มือยันพื้นหรือยันเขาช่วยอันนี้มันบอก
00:02:49 → 00:02:51 อะไรเราได้บ้างคะอันนั้นเป็นสัญญาณเตือน
00:02:51 → 00:02:54 ที่ชัดเจนมากเลยครับว่ากล้ามเนื้อแกนกลาง
00:02:54 → 00:02:57 ลำตัวหรือว่ากล้ามเนื้อส่วนที่มันจำเป็น
00:02:57 → 00:03:00 จริงๆสำหรับการเคลื่อนไหวนั้นๆเนี่ยอาจจะ
00:03:00 → 00:03:03 อ่อนแรงไปแล้วหรือบางทีสมองเรามันลืมวิธี
00:03:03 → 00:03:06 สั่งงานกล้ามเนื้อมัดนั้นไปชั่วคราวการ
00:03:06 → 00:03:08 ลุกจากเก้าอี้ง่ายๆโดยไม่ต้องใช้มือช่วย
00:03:08 → 00:03:10 เนี่ยบางทีคนอายุ 40 ก็อาจจะทำไม่ได้แล้ว
00:03:10 → 00:03:13 นะครับจริงเหรอคะครับพอเราเคลื่อนไหวผิดๆ
00:03:13 → 00:03:15 เพี้ยนๆแบบนี้บ่อยๆเข้าเนี่ยมันก็เลี่ยง
00:03:16 → 00:03:18 ไม่ได้เลยที่จะเจออาการปูดเมื่อยตามมา
00:03:18 → 00:03:21 อย่างปวดหลังปวดคอทั้งๆที่อายุอาจจะยัง
00:03:21 → 00:03:24 ไม่ได้เยอะมากอื
00:03:24 → 00:03:27 อืมคือร่างกายเราน่ะพยายามจะหลีกเลี่ยง
00:03:27 → 00:03:29 ความเจ็บปวดอยู่แล้วล่ะครับแต่ความเจ็บ
00:03:29 → 00:03:31 ปวดเองเนี่ยมันก็เป็นเหมือนสัญญาณเตือน
00:03:31 → 00:03:35 ไผ่ที่ดีนะถ้าเรามีความรู้มีความเข้าใจ
00:03:35 → 00:03:38 ที่ถูกต้องเราก็จะหาทางแก้ไขได้ครับ
00:03:38 → 00:03:40 เหมือนร่างกายพยายามส่งสัญญาณแต่เราอาจจะ
00:03:40 → 00:03:45 แปรสันผิดไปหรือมองข้ามไปอืมพอพูดถึงการ
00:03:45 → 00:03:48 เคลื่อนไหวที่ถูกต้องนอกจากเดินแล้วถ้า
00:03:48 → 00:03:51 เราอยากจะพัฒนาไปอีกขั้นให้มันซับซ้อน
00:03:51 → 00:03:54 ขึ้นอย่างเช่นการวิ่งหลักการสำคัญมันคือ
00:03:54 → 00:03:58 อะไรคะครับการเปลี่ยนรูปแบบการเคลื่อนไหว
00:03:58 → 00:04:01 อย่างเช่นจากเดินไปเป็นวิ่งหรือการเพิ่ม
00:04:01 → 00:04:03 ความท้าทายอื่นๆเข้าไปเนี่ยหัวใจสำคัญมัน
00:04:03 → 00:04:08 คือการปรับเรื่องมุมความเร็วแล้วก็แรงที่
00:04:08 → 00:04:10 ร่างกายเราใช้ครับพอเรามีการปรับเปลี่ยน
00:04:10 → 00:04:13 พวกนี้มันก็จะไปกระตุ้นให้เราได้ใช้กล้าม
00:04:13 → 00:04:16 เนื้อมัดที่มันหลากหลายมากขึ้นซึ่งก็จะนำ
00:04:16 → 00:04:18 ไปสู่การพัฒนาความแข็งแรงที่มี
00:04:18 → 00:04:21 ประสิทธิภาพที่เขาเรียกว่าหลักน้อยได้มาก
00:04:21 → 00:04:25 ครับน้อยได้มากอ๋ออันนี้หมายถึงว่าเน้น
00:04:25 → 00:04:28 คุณภาพไม่จำเป็นต้องเน้นปริมาณหรือความ
00:04:28 → 00:04:30 หนักอย่างเดียวใช่มั้ยคะถูกต้องเลยครับ
00:04:31 → 00:04:33 ไม่จำเป็นต้องไปแบบยกน้ำหนักเยอะๆหรือออก
00:04:33 → 00:04:37 กำลังกายหนักหน่วงเสมอไปแต่เราเน้นการ
00:04:37 → 00:04:39 เคลื่อนไหวให้มันถูกมุมใช้กล้ามเนื้อให้
00:04:40 → 00:04:42 มันถูกมัดเหมือนเราใช้คานงัดให้ถูกจุด
00:04:42 → 00:04:45 นั่นแหละครับออกแรงน้อยลงแต่ได้ผลเยอะ
00:04:45 → 00:04:49 เน้นความแม่นยำในการสั่งการร่างกายอืม
00:04:49 → 00:04:52 เข้าใจง่ายเลยค่ะแค่ปรับมุมการเคลื่อนไหว
00:04:52 → 00:04:54 ให้มันถูกต้องกล้ามเหนือก็พัฒนาได้ดีขึ้น
00:04:54 → 00:04:57 มากแล้วครับค่ะพอพูดถึงการใช้กล้ามเนื้อ
00:04:57 → 00:05:01 ให้ถูกมัดการสั่งการร่างกายให้แม่นยำการ
00:05:01 → 00:05:03 เตรียมความพร้อมของร่างกายก็น่าจะสำคัญ
00:05:03 → 00:05:05 ไม่แพ้กันเลยนะคะแล้วเรื่องอาหารการกิน
00:05:06 → 00:05:08 ล่ะคะมีบทบาทแค่ไงในเรื่อง Power
00:05:08 → 00:05:11 Movement นี้โอ้อันนี้สำคัญที่สุดเลย
00:05:11 → 00:05:14 ครับผมเปรียบอาหารเหมือนเป็นซอฟต์แวร์
00:05:14 → 00:05:16 หรือเป็นระบบปฏิบัติการของร่างกายเราเลย
00:05:16 → 00:05:20 นะขนาดนั้นเลยหรอคะครับเพราะว่าสมองเรา
00:05:20 → 00:05:23 เนี่ยที่เป็นเหมือนศูนย์บัญชาการหลักซึ่ง
00:05:23 → 00:05:25 จริงๆแล้วมันก็คือก้อนไขมันก้อนหนึ่ง
00:05:25 → 00:05:28 เนี่ยนะครับถ้ามันไม่ได้รับสารอาหารที่
00:05:28 → 00:05:31 เหมาะสมหรือสารอาหารที่ดีพอการส่งสัญญาณ
00:05:32 → 00:05:34 สั่งการไปยังกล้ามเนื้อต่างๆมันก็จะรวนไป
00:05:34 → 00:05:37 ด้วยพวกฮอร์โมนที่เป็นตัวสื่อสารสำคัญใน
00:05:37 → 00:05:40 ร่างกายมันก็จะทำงานได้ไม่เต็ม
00:05:40 → 00:05:43 ประสิทธิภาพเท่าที่ควรครับอืมแล้วที่เรา
00:05:43 → 00:05:47 บอกว่าควรกินมากขึ้นนี่มันคือในแง่ไหนคะ
00:05:47 → 00:05:50 ต้องกินเยอะขึ้นหรือว่ายังไงอ๋อไม่ใช่
00:05:50 → 00:05:53 ปริมาณครับแต่หมายถึงต้องกินให้ถูกประเภท
00:05:53 → 00:05:56 คือเน้นสารอาหารที่มันจำเป็นจริงๆต่อสมอง
00:05:56 → 00:05:59 และระบบประสาทอย่างพวกไขมันดีโปรตีน
00:06:00 → 00:06:03 คุณภาพดีครับค่ะแล้วก็ต้องกินให้ถูกเวลา
00:06:03 → 00:06:06 ด้วยเพื่อไปส่งเสริมสิ่งที่เรียกว่า
00:06:06 → 00:06:09 plasticity หรือความยืดหยุ่นการปรับตัว
00:06:09 → 00:06:12 ของสมองและระบบประสาทครับ plasticity
00:06:12 → 00:06:15 ครับพูดง่ายๆก็คือสารอาหารดีๆเนี่ยมันจะ
00:06:16 → 00:06:18 ช่วยให้สมองแล้วก็ระบบประสาทของเราปรับ
00:06:18 → 00:06:21 ตัวเรียนรู้แล้วก็ซ่องแสมตัวเองได้ดีขึ้น
00:06:21 → 00:06:24 พอมันทำงานได้ดีขึ้นการสั่งการเคลื่อนไหว
00:06:24 → 00:06:27 มันก็จะแม่นยำมีประสิทธิภาพตามไปด้วยครับ
00:06:27 → 00:06:31 อ๋อเข้าใจแล้วค่ะงั้นพอเราเอาทุกอย่างมา
00:06:31 → 00:06:34 รวมกันทั้งการเคลื่อนไหวที่ถูกต้องเหมาะ
00:06:34 → 00:06:37 สมกับเรื่องโภชนาการที่ดีผลลัพธ์สุดท้าย
00:06:37 → 00:06:40 ที่เราคาดหวังได้คืออะไรคะคืออย่างี้ครับ
00:06:40 → 00:06:43 การกินดีนอนพอเนี่ยมันทำให้ร่างกายแข็ง
00:06:43 → 00:06:46 แรงอันเนี้ยเราอาจจะถือว่าเท่าทุนนะครับ
00:06:46 → 00:06:49 ค่ะเท่าทุนแต่ถ้าเราอยากได้กำไรชีวิตหรือ
00:06:49 → 00:06:51 อยากจะเป็นเวอร์ชั่นที่ดีที่สุดของตัวเอง
00:06:51 → 00:06:53 จริงๆเนี่ยเราต้องเพิ่มเรื่องการเคลื่อน
00:06:53 → 00:06:56 ไหวที่ถูกต้องแม่นยำเข้าไปด้วยเหมือนมี
00:06:56 → 00:06:59 เคสตัวอย่างของผู้เข้ารับการฝึกท่านนึง
00:06:59 → 00:07:02 อายุ 63 ปีแล้วนะครับเขาสามารถกลับมาวิ่ง
00:07:02 → 00:07:05 ได้ดีขึ้นมากแล้วก็ลดอาการปวดเรื้อรังที่
00:07:05 → 00:07:07 เคยเป็นมานานได้แค่กลับมาปรับเรื่องการ
00:07:07 → 00:07:10 เคลื่อนไหวพื้นฐานง่ายๆให้มันถูกต้องควบ
00:07:10 → 00:07:13 คู่ไปกับการดูแลโภชนาการที่ดีโอ้โหดีจัง
00:07:13 → 00:07:16 เลยค่ะครับสิ่งนี้แหละครับมันจะช่วยปลด
00:07:16 → 00:07:19 ล็อคศักยภาพร่างกายทำให้เราเคลื่อนไหวได้
00:07:19 → 00:07:21 คล่องแคล่วขึ้นเยอะเลยลดอาการปวดเมื่อย
00:07:21 → 00:07:24 ต่างที่น่ารำคาญแล้วก็เพิ่มคุณภาพชีวิต
00:07:24 → 00:07:27 โดยรวมได้อย่างชัดเจนเลยครับไม่ว่าเราจะ
00:07:27 → 00:07:29 อายุเท่าไหร่ก็ตามซังดูดีมากเลยค่ะสิ่ง
00:07:29 → 00:07:32 ที่เราคุยกันวันเนี้ยมันชี้ให้เห็นชัดเจน
00:07:32 → 00:07:35 เลยนะคะว่าการกลับมาใส่ใจเรื่องพื้นฐาน
00:07:35 → 00:07:38 จริงๆอย่างการเดินการเคลื่อนไหวในชีวิต
00:07:38 → 00:07:40 ประจำวันของเราเนี่ยให้มันถูกต้องมัน
00:07:40 → 00:07:43 สำคัญแค่ไหนรวมไปถึงผลกระทบที่เราอาจจะ
00:07:44 → 00:07:47 มองข้างไปจากไลฟ์สไตล์ที่มันเหนื่อยนิ่ง
00:07:47 → 00:07:49 แล้วก็บทบาทที่แบบขาดไม่ได้เลยจริงๆของ
00:07:49 → 00:07:51 อาหารในฐานะที่เป็นเหมือนทั้งเชื้อเพลิง
00:07:51 → 00:07:53 แล้วก็เป็นซอฟต์แวร์ให้กับระบบสั่งการของ
00:07:54 → 00:07:57 ร่างกายเราเลยนะคะใช่ครับก็อยากจะฝากข้อ
00:07:57 → 00:08:00 คิดทิ้งท้ายไว้นิดนึงนะครับลองใช้เวลาสัก
00:08:00 → 00:08:03 นิดสังเกตการเคลื่อนไหวเล็กๆน้อยๆของตัว
00:08:03 → 00:08:05 เองในแต่ละวันดูครับไม่ว่าจะเป็นตอนที่
00:08:05 → 00:08:10 เราลุกนั่งยืนเดินหรือแม้แต่ตอนหยิบของ
00:08:10 → 00:08:12 ลองถามตัวเองดูว่าท่าทางเหล่านั้นมัน
00:08:12 → 00:08:15 กำลังสะท้อนความรู้ที่ร่างกายเราอาจจะหลง
00:08:15 → 00:08:18 ลืมไปหรือเปล่าแล้วมันมีศักยภาพอะไรที่
00:08:18 → 00:08:20 มันซ่อนอยู่อีกบ้างที่เรายังไม่ได้ดึงมัน
00:08:20 → 00:08:21 ออกมา
00:08:21 → 00:08:25 อืน่าคิดตามเลยค่ะครับการหันมาทำความเข้า
00:08:25 → 00:08:27 ใจร่างกายตัวเองให้ลึกซึ้งมากขึ้นเนี่ย
00:08:27 → 00:08:30 บางทีมันอาจจะเป็นการเดินทางที่น่าทึ่ง
00:08:30 → 00:08:32 กว่าที่เราคิดไว้เยอะเลยนะ
00:08:32 → 00:08:34 เย
00:08:34 → 00:08:45 [เพลง]