00:00:00 → 00:00:03 วิธีการเอาตัวรอดนะครับข้อ 1 ครับคุณพ่อ
00:00:03 → 00:00:05 คุณแม่หรือญาตินะครับจะต้องทราบว่าเวลา
00:00:06 → 00:00:08 เกิดโรคอัมภาตเนี่ยประมาณกี่โมงหรือถ้า
00:00:09 → 00:00:12 บอกได้ถึงเวลากี่โมงกี่นาทีเนี่ยจะดีมาก
00:00:12 → 00:00:15 วิธีการที่เราจะนับเวลาได้นะครับเดี๋ยว
00:00:15 → 00:00:17 วันนี้คุณหมอทานุจะสอนให้ฟังนะครับเนาะ
00:00:17 → 00:00:19 อันที่ 1 ถ้าเกิดเหตุกี่โมงคือตอนนั้นเลย
00:00:19 → 00:00:22 ครับอย่างเช่นคุณพ่อคุณแม่เดินไปตลาดแล้ว
00:00:22 → 00:00:24 ก็พบว่าระหว่างจับจ่ายซื้อสินค้าอยู่ล้ม
00:00:24 → 00:00:27 ลงทันทีอ่ามีอาการปากเบี้ยวอ่อนแรงครึ่ง
00:00:27 → 00:00:30 ซี่ณเวลาที่ล้มลงนั่นแหละครับคือเรียกว่า
00:00:30 → 00:00:32 เวลาเกิดเรื่องหรือเวลาเกิดเหตุถ้าเป็น
00:00:32 → 00:00:35 อีกแบบนึงหรืออย่างที่ 2 นะครับเวลาเกิด
00:00:35 → 00:00:38 เหตุอาจจะไม่มีใครทราบเช่นทุกๆเวลาตอน
00:00:38 → 00:00:41 7:30 นนะครับคุณแม่ต้องลงมาทานข้าวกับ
00:00:41 → 00:00:45 ครอบครัวก่อนลูกๆจะไปทำงานวันนี้ 7:30 น
00:00:45 → 00:00:48 คุณแม่ยังไม่ลงมาทานข้าวด้วยลูกๆ 7:40
00:00:48 → 00:00:51 ขึ้นไปดูบนห้องพบว่าคุณแม่นอนอยู่เฉยๆ
00:00:51 → 00:00:54 อ่อนแรงซีกขวาอยู่แล้วก็ไม่พูดอันนี้ก็
00:00:54 → 00:00:56 ไม่รู้แล้วว่าเวลาเกิดเหตุจะเกิดตอนกี่
00:00:56 → 00:01:00 โมงในทางการแพทย์เราก็จะนับเวลาที่ปกติ
00:01:00 → 00:01:02 ครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่ครับเวลาที่เห็น
00:01:02 → 00:01:04 เขาปกติครั้งสุดท้ายคือเมื่อไหร่คือเวลา
00:01:04 → 00:01:07 เกิดเหตุแต่ในความเป็นจริงแล้วคนส่วนมาก
00:01:07 → 00:01:10 แล้วก็จะเอาเวลาเกิดเหตุคือก่อนนอนเช่น
00:01:10 → 00:01:13 นอน 22:00 นแล้วก็ไปพบคุณแม่นอนเฉยๆตอน
00:01:13 → 00:01:17 740 นั่นแปลว่าเวลาเกิดเหตุไม่ใช่ 740
00:01:17 → 00:01:19 ครับเป็นประมาณตอน 22:00 นที่เข้านอนแต่
00:01:19 → 00:01:22 ถ้าเกิดญาติๆให้ความสำคัญอีกนิดนึงช่วย
00:01:22 → 00:01:24 คุณหมอครับคุณหมอก็พยายามอยากรู้ว่า
00:01:24 → 00:01:27 ระหว่าง 22 นจนถึง 740 นั้นน่ะมีอะไรเกิด
00:01:27 → 00:01:30 ขึ้นบ้างเพื่อจะบอกได้ว่าจริงจริงๆแล้ว
00:01:30 → 00:01:32 มันเกิดเหตุช่วงกี่โมงถ้าเกิดคุณลูกๆ
00:01:32 → 00:01:35 พยายามจำเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นอาจ
00:01:35 → 00:01:37 จะทราบก็ได้ว่าเวลาเกิดเหตุนั้นไม่ใช่
00:01:37 → 00:01:39 22:00 นครับเพราะ 22:00 นั่นคือคุณแม่
00:01:39 → 00:01:42 เข้านอนเช่นสมมุติว่าลูกๆได้ยินเสียงคุณ
00:01:42 → 00:01:45 แม่อาบน้ำตอน 18:00 นเพียงแต่ไม่เห็นตัว
00:01:45 → 00:01:48 คุณแม่อาบเฉยๆแต่ว่าได้ยินเสียงคุณแม่อาบ
00:01:48 → 00:01:52 น้ำตอน 6:00 นแล้วก็ชุดเสื้อผ้าที่คุณแม่
00:01:52 → 00:01:54 เปลี่ยนตอนที่เกิดเหตุนั้นมันเป็นชุดชุด
00:01:54 → 00:01:56 ใหม่แล้วไม่ใช่ชุดนอนที่ใส่เมื่อคืนนั่น
00:01:56 → 00:02:00 ก็แปลว่าเวลาเกิดเหตุอาจจะประมาณ 6 เช
00:02:00 → 00:02:03 ครับดังนั้นเวลามาถึงโรงพยาบาลก็ขอให้
00:02:03 → 00:02:06 ช่วยแจ้งคุณหมอนิดนึงว่าคิดว่าเวลาเกิด
00:02:06 → 00:02:08 เหตุครั้งสุดท้ายที่คุณแม่ปกติเนี่ยก็คือ
00:02:08 → 00:02:11 18:00 นเพราะได้ยินเสียงคุณแม่อาบน้ำได้
00:02:11 → 00:02:13 อยู่ครับแลหลังจากที่คุณพ่อคุณแม่มาถึง
00:02:13 → 00:02:15 โรงพยาบาลแล้วนะครับคุณหมอก็จะคำนวณระยะ
00:02:15 → 00:02:18 เวลาครับที่ญาตๆได้บอกคุณหมอให้ทราบว่า
00:02:18 → 00:02:20 เกิดเหตุตอนกี่โมงเหมือนที่เราพูดไปเมื่อ
00:02:20 → 00:02:23 กี้แล้วก็จะคำนวณว่าถึงจุดที่เราจะฉีดยา
00:02:23 → 00:02:26 บางตัวให้เนี่ยถึงที่ 270 นาทีหรือยัง
00:02:26 → 00:02:29 หรือ 4 ชมึถ้ามันไม่เกิน 270 นาทีและทุก
00:02:29 → 00:02:31 อย่างหัวเลือดทุกอย่างพร้อมหมดแล้วและไม่
00:02:31 → 00:02:34 มีข้อห้ามของการฉีดยาเราก็จะฉีดยาละลาย
00:02:34 → 00:02:37 ลิ้มเลือดครับซึ่งยาตัวนี้เนี่ยเป็นยาที่
00:02:37 → 00:02:39 ค่อนข้างดีมากนะครับถ้ามาตามเกณฑ์ที่
00:02:39 → 00:02:42 กำหนดและไม่มีข้อห้ามเราก็ฉีดยาลลิ้ม
00:02:42 → 00:02:44 เลือดให้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคอัมพาทันที
00:02:44 → 00:02:47 แบบหลอดเลือดสมองตีหลังจากฉีดยาตัวนี้
00:02:47 → 00:02:50 แล้วเนี่ย 50% ของคนไข้เนี่ยก็จะมีอาการ
00:02:50 → 00:02:53 ดีขึ้นนะครับดังตัวอย่างนี้นะครับผู้หญิง
00:02:53 → 00:02:56 คนนี้นะครับมาถึงโรงพยาบาลหลังจากที่ญาติ
00:02:56 → 00:02:59 นำสงว่ามีอาการอ่อนแรงแขนขาซีกทรายครับ
00:02:59 → 00:03:01 เป็นเป็นเพียงแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้นหลัง
00:03:01 → 00:03:04 จากมาถึงโรงพยาบาลคุณหมอได้ทำการเซเรย์
00:03:04 → 00:03:06 คอมพิวเตอร์สมองนะครับแล้วก็เจาะเลือดนะ
00:03:06 → 00:03:09 ครับแล้วพบว่าผู้หญิงท่านนี้เป็นโรคเส้น
00:03:09 → 00:03:12 เลือดสมองตีบนะครับแล้วก็คุณหมอดูเวลาและ
00:03:12 → 00:03:15 ถึงเวลาที่จะต้องให้ยาละลายมเลือดได้เลย
00:03:15 → 00:03:18 ไม่มีข้อห้ามหลังจากนั้น 1 ช่วโมงครับ
00:03:18 → 00:03:20 หลังจากได้ยาละลายลิมเลือดไปนะครับก็พบ
00:03:20 → 00:03:23 ว่าผู้ป่วยรายนี้นะครับ 1 ชั่วโมงเท่า
00:03:23 → 00:03:26 นั้นแขนขาข้างซ้ายยกขึ้นทันทีนะครับเนาะ 1
00:03:26 → 00:03:28 ช่วโมงหลังฉีดยาโดยที่ไม่มีภาวะแทรกซ้อน
00:03:28 → 00:03:31 ใดๆเกิดขึ้นดังนั้นเนี่ยถ้าคุณพ่อคุณแม่
00:03:31 → 00:03:34 มีอาการสัญญาณเตือนตามที่ได้เคยพูดไปแล้ว
00:03:35 → 00:03:38 และมาเร็วมาถึงโรงพยาบาลภายใน 4 ชมง่ง
00:03:38 → 00:03:41 หรือ 270 นาทีและอาการเข้าได้ดไม่มีข้อ
00:03:41 → 00:03:44 ห้ามยาลายลิ่มเลือดนั้นมีข้อดีคือหลังจาก
00:03:44 → 00:03:47 ฉีดไปแล้ว 50% ครับมีโอกาสดีขึ้นนะครับ
00:03:47 → 00:03:51 50% คนไข้ที่เหลืออีก 20 -30% ก็จะดี
00:03:51 → 00:03:53 ขึ้นเรื่อยๆภายใน 3 เดือนหลังจากนั้นนะ
00:03:54 → 00:03:57 ครับและหลังจากฉีดยาลเลือดไปแล้วเนี่ยใน
00:03:57 → 00:04:00 บางส่วนก็มีโอกาสที่จะเกิดภาวะแสอนได้อาจ
00:04:00 → 00:04:03 จะมีเลือดออกตามอวัยวะต่างๆได้ประมาณ 6%
00:04:03 → 00:04:06 ดังนั้นข้อคิดที่จะฝากเอาไว้ในวันนี้คือ 1
00:04:06 → 00:04:09 นะครับการนับระยะเวลาที่ถูกต้องของการไป
00:04:09 → 00:04:12 โลคอัมภา 2 ถ้ามาเร็วภายในเวลาที่กำหนดก็
00:04:12 → 00:04:15 จะได้รับการฉีดยาละลายลิ้มเลือดครับให้
00:04:15 → 00:04:18 เห็นว่าคลิปนี้มีประโยชน์โปรดกดไลค์กด
00:04:18 → 00:04:21 แชร์กดติดตามเพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่น
00:04:21 → 00:04:26 เพจอาจารย์นายแพทย์ฐานุหมอสมอง