00:00:06 → 00:00:08 การที่เด็กคนนึงนะครับเติบโตมาในสภาพแวด
00:00:08 → 00:00:12 ล้อมที่มีเสียงดังอยู่รอบตัวแล้วมีแต่
00:00:12 → 00:00:14 สิ่งที่มันรู้สึกอันตรายเช่นแบบเขาอาจจะ
00:00:14 → 00:00:17 ตบตีอาจจะต่อยกันถึงชีวิตอย่างนี้มันเป็น
00:00:17 → 00:00:19 ความน่ากลัวที่ฝังใจเหมือนกันถ้าสร้างบาด
00:00:19 → 00:00:21 แผลที่จดจำในใจบางคนนะครับตอนเติบโตขึ้น
00:00:21 → 00:00:25 ไปนะก็อาจจะมีคล้ายๆภาวะของการกลัวเสียง
00:00:25 → 00:00:29 ดังหรืออาจจะเป็นคนรู้สึกว่าเจ็บตัวไม่
00:00:29 → 00:00:32 กล้าส่งเสียงหรือมีสังคมกับใครเพราะเพราะ
00:00:32 → 00:00:34 รู้สึกไม่ไว้วางใจคนก็มีเพราะว่าพอเติบโต
00:00:34 → 00:00:36 ในบ้านอย่างนี้ครับแล้วกลายเป็นว่าเขาไม่
00:00:36 → 00:00:39 รู้สึกว่ามีใครที่จะทำให้เขารู้สึกวางใจ
00:00:39 → 00:00:40 และอุ่นใจ
00:00:40 → 00:00:41 [เพลง]
00:00:41 → 00:00:45 ฟังทุกเรื่องสุขภาพอัพเดททุกโรคภัยฟังราย
00:00:45 → 00:00:51 การโรงหมอดิฉันสุรีย์พรวงสถิตพรค่ะ
00:00:51 → 00:00:56 สวัสดีค่ะ
00:00:56 → 00:00:59 วันนี้เรามาพบกันเช่นเคยนะคะติดตามสาระ
00:00:59 → 00:01:01 วันนี้เราคุยกันถึงเรื่องของอย่าปล่อย
00:01:01 → 00:01:04 ผ่านความรุนแรงในครอบครัวทำไมต้องเป็นแบบ
00:01:04 → 00:01:07 นั้นนะคะคุยกับดรสุวาวุฒิวงศ์ธารสวัสดิ์
00:01:07 → 00:01:10 ค่ะนะจิตวิทยาการศึกษาค่ะสวัสดีค่ะคุณเอย
00:01:10 → 00:01:13 สวัสดีครับคุณผู้ฟังค่ะวันนี้มาแบบว่า
00:01:13 → 00:01:15 อื้อหือน่าดู
00:01:15 → 00:01:19 ไม่ได้ออกเสียงนานนะคะอย่าปล่อยผ่านความ
00:01:19 → 00:01:21 รุนแรงในครอบครัวเออเป็นหัวข้อที่ดู
00:01:21 → 00:01:24 ซีเรียสมากเลยนะวันนี้นะคะความรุนแรงใน
00:01:24 → 00:01:27 ครอบครัวในมุมมองของคุณเอิ้นณจิตวิทยา
00:01:27 → 00:01:30 ที่อาจจะเคยให้คำแนะนำหรืออะไรมาเนี่ยมี
00:01:30 → 00:01:33 ประมาณยังไงบ้างที่พอจะเล่าได้นะโอเคครับ
00:01:33 → 00:01:35 ความรุนแรงจริงๆมันก็จะมี 2 โหมดหลักๆ
00:01:35 → 00:01:39 เนาะถ้าไม่ใช่ร่างกายก็จิตใจครับซึ่งจริง
00:01:39 → 00:01:41 ๆแล้วต้องบอกว่าต่อให้เป็นร่างกายเนาะก็
00:01:41 → 00:01:43 ยังไม่ได้จิตใจอยู่ดีเพราะมันคือความรู้
00:01:43 → 00:01:45 สึกไม่ปลอดภัยความรู้สึกถูกคุกคามอะไร
00:01:45 → 00:01:46 อย่างเงี้ยฮะถ้าไม่ใช่ความรู้สึกว่าแบบ
00:01:46 → 00:01:49 เรารู้สึกไม่ปลอดภัยถูกคุกคามก็จะมีความ
00:01:49 → 00:01:51 รู้สึกว่ากลัวการถูกทอดทิ้ง
00:01:51 → 00:01:54 ซึ่งบางทีการถูกทอดทิ้งเนี่ยก็เรียกว่า
00:01:54 → 00:01:56 ความรุนแรงอย่างหนึ่งเหมือนกัน
00:01:56 → 00:01:58 ทีนี้เราอาจจะชินกับคำว่ารุนแรงเป็น
00:01:58 → 00:02:00 ลักษณะเหมือนกับต้องตบต้องตีต้องทุกข์
00:02:00 → 00:02:04 ต้องมีการกระแทกอะไรอย่างนี้ครับแต่จริงๆ
00:02:04 → 00:02:06 แล้วนะครับในนิยามของคำว่ารุนแรงเนี่ยมัน
00:02:06 → 00:02:09 คือความเข้มข้นใช้คำว่ามีอะไรบางอย่างที่
00:02:09 → 00:02:13 ส่งผลทางร้ายหรือทางลบแบบเข้มข้นคำนี้อาจ
00:02:13 → 00:02:15 จะตรงมากกว่าคำว่ารุนแรงหรือว่าลึกซึ้ง
00:02:15 → 00:02:17 มากกว่าเขามารุนแรงเพราะงั้นเวลาเราพูด
00:02:17 → 00:02:20 ถึงความรู้สึกกลัวถูกทอดทิ้งกลัวถูกแบบ
00:02:20 → 00:02:24 คล้ายๆไม่รักอะไรหรือถูกส่งไปอยู่กับคน
00:02:24 → 00:02:26 อื่นอะไรก็ตามพวกนี้มันเกิดความเข้มข้น
00:02:26 → 00:02:28 บางอย่างในเชิงลบทางจิตใจได้เหมือนกัน
00:02:28 → 00:02:31 เพราะงั้นอย่างงานที่ผมทำเนี่ยครับในเชิง
00:02:31 → 00:02:34 ธุรกิจเนี่ยเราจะมีโอกาสได้ฟังสิ่งที่
00:02:34 → 00:02:36 เกิดขึ้นอย่างเข้มข้นอย่างเงี้ยใน
00:02:36 → 00:02:38 ประสบการณ์ของคนนั้นไปปรึกษาเหมือนกันบาง
00:02:38 → 00:02:40 ทีในวัยเด็กเขาอย่างเงี้ยฮะเค้าก็จะเล่า
00:02:40 → 00:02:43 ว่าเอ่อเหมือนเขาเติบโตมาพร้อมกับการเห็น
00:02:43 → 00:02:46 ภาพพ่อแม่ที่ตบตีนทุกวัน
00:02:46 → 00:02:49 พอที่ดื่มเหล้าเมาแล้วพอเมาก็จะเตะกระทืบ
00:02:49 → 00:02:53 แม่หรือบีบคอแม่อะไรเงี้ยเนาะอาจจะมาก
00:02:53 → 00:02:56 กว่านั้นนะครับบางทีคนเป็นพ่อก็บีบคอลูก
00:02:56 → 00:03:01 นี่แหละบางวันก็ถือมีจนมาขู่บางบ้านมีการ
00:03:01 → 00:03:04 เสพยาในบ้านบางครั้งไม่ใช่แค่พ่อแม่เนอะ
00:03:04 → 00:03:07 แม้กระทั่งอาจจะเป็นญาติพี่น้องเป็นพี่
00:03:07 → 00:03:08 ของเขาเป็น
00:03:08 → 00:03:12 คุณอาคุณน้าคุณป้าแล้วแต่ในบ้านบางครั้ง
00:03:12 → 00:03:13 พวกนี้ก็จะมีความรุนแรงเกิดขึ้นซึ่งมันก็
00:03:13 → 00:03:15 จะมีเรื่องของการใช้คำพูดรุนแรงเหมือนกัน
00:03:15 → 00:03:18 การที่เด็กคนนึงนะครับเติบโตมาในสภาพแวด
00:03:18 → 00:03:21 ล้อมที่มีเสียงดังอยู่รอบตัวแล้วมีแต่
00:03:21 → 00:03:24 สิ่งที่มันรู้สึกอันตรายเช่นแบบเขาอาจจะ
00:03:24 → 00:03:26 ตบตีอาจจะต่อยกันถึงชีวิตอย่างนี้มันเป็น
00:03:26 → 00:03:29 ความน่ากลัวที่ฝังใจเหมือนกันเราสร้างบาด
00:03:29 → 00:03:31 แผลที่จดจำในใจบางคนนะครับตอนเติบโตขึ้น
00:03:31 → 00:03:32 ไปเนาะ
00:03:32 → 00:03:35 ก็อาจจะมีคล้ายๆภาวะของการกลัวเสียงดัง
00:03:35 → 00:03:39 หรืออาจจะเป็นคนรู้สึกว่าเก็บตัวไม่กล้า
00:03:39 → 00:03:42 ส่งเสียงหรือมีสังคมกับใครเพราะเพราะรู้
00:03:42 → 00:03:44 สึกไม่ไว้วางใจคนก็มีเพราะว่าพอเติบโตใน
00:03:44 → 00:03:46 บ้านอย่างเงี้ยครับแล้วกลายเป็นว่าเขาไม่
00:03:46 → 00:03:49 รู้สึกว่ามีใครที่จะทำให้เขารู้สึกวางใจ
00:03:49 → 00:03:52 และอุ่นใจเขาก็รู้สึกว่าขอเก็บตัวเงียบๆ
00:03:52 → 00:03:55 ดีกว่าสังคมข้างนอกมันน่ากลัวคนมันน่า
00:03:55 → 00:03:58 กลัวอ่าแต่ถ้าไม่ใช่การเก็บตัวบางคนจะ
00:03:58 → 00:04:00 เป็นลักษณะคล้ายๆซึมซับความก้าวร้าวนั้น
00:04:00 → 00:04:03 มาอาจจะเป็นความเก็บกดอาจจะเป็นอะไรอย่าง
00:04:03 → 00:04:06 นี้ฮะแล้วก็ถึงจุดหนึ่งที่เขามีสังคมมี
00:04:06 → 00:04:08 เพื่อนเจอเพื่อนที่โรงเรียนหรือเติบโต
00:04:08 → 00:04:10 เป็นเพื่อนร่วมงานเขาอาจจะเอาวิธีการ
00:04:10 → 00:04:12 เดียวกันเนี่ยครับที่เขาเห็นจากที่พ่อเขา
00:04:12 → 00:04:15 ใช้แม่เขาใช้อะไรเงี้ยมาใช้กับคนที่ทำงาน
00:04:15 → 00:04:17 หรือ 10 คนที่เป็นเพื่อนเขาก็ได้เพราะ
00:04:17 → 00:04:19 งั้นมันถึงทำให้บางคนมีพฤติกรรมก้าวร้าว
00:04:19 → 00:04:25 ไปชกต่อยคนอื่นหรือไปทำร้ายคนอื่นบาง
00:04:25 → 00:04:26 ครั้งก็เกิดขึ้นจากการเก็บกดพวกนี้เหมือน
00:04:27 → 00:04:31 กันเหมือนแบบโดนหลอกมาตั้งแต่
00:04:31 → 00:04:33 เล่าให้ฟังเนาะบางทีมันเป็นเรื่องของการ
00:04:33 → 00:04:36 กลัวการถูกทอดทิ้งอย่างเงี้ยครับเช่น
00:04:36 → 00:04:38 ครอบครัวไม่อบอุ่นไม่พอเนาะอาจจะบอกว่า
00:04:38 → 00:04:40 ถ้าแกทำไม่ได้แบบนี้เรียนไม่เก่งอย่างนี้
00:04:40 → 00:04:43 เดี๋ยวฉันไม่รักแล้วฉันจะแก่จะส่งแกไป
00:04:43 → 00:05:21 อยู่ที่อื่นเลยพวกเนี้ยฮะ
00:05:21 → 00:05:43 [เพลง]
00:05:45 → 00:05:47 รู้สึกว่า
00:05:47 → 00:05:49 หรือเป็นเพราะว่าเราเราสามารถที่จะเข้า
00:05:49 → 00:05:51 ถึงข้อมูลข่าวสารเหล่านี้มากขึ้นหรือ
00:05:51 → 00:05:55 เปล่าเลยทำให้มันขึ้นเราเต็มไปหมดถูกมั้ย
00:05:55 → 00:05:58 ใช่จริงๆมันไม่ใช่แค่เข้าถึงข่าวสารง่าย
00:05:58 → 00:06:01 นะครับแต่ผมว่าทุกวันนี้โดยระบบเชิงสังคม
00:06:01 → 00:06:04 มันค่อยๆเสื่อมถอยลงไปทุกวันนะครับ
00:06:04 → 00:06:06 อย่างที่เราอาจจะเคยได้ฟังถ้าพูดถึง
00:06:06 → 00:06:08 เรื่องเกี่ยวกับประชากรศาสตร์เนอะเราจะพบ
00:06:08 → 00:06:12 ว่าประชากรกลุ่มชนชั้นกลางที่อาจจะมีฐานะ
00:06:12 → 00:06:14 หรืออาจจะมีการศึกษาสูงขึ้นไปหน่อยเนี่ย
00:06:14 → 00:06:18 ครับจะมีลูกน้อยลงแต่กลายเป็นว่ากลุ่มคน
00:06:18 → 00:06:22 ที่แบบเป็นชนชั้นแรงงานหรือจะเป็นคนที่มี
00:06:22 → 00:06:24 ฐานะอาจจะยากจนเหลืออยู่ในชุมชนอาจพวกนี้
00:06:24 → 00:06:28 ครับการผลิตพยานประชากรอาจจะไม่ได้ลดลง
00:06:28 → 00:06:31 เท่าไหร่เลยนะเพราะคนกลุ่มนี้เขาอาจจะแบบ
00:06:31 → 00:06:33 รู้สึกว่าพออยากมีอะไรรายการนี้กิจกรรม
00:06:33 → 00:06:36 ทางเพศอย่างเงี้ยครับเขาก็มีซึ่งบางครั้ง
00:06:36 → 00:06:38 ก็ไม่ได้คิดเรื่องการป้องกันแต่พอเป็นคน
00:06:39 → 00:06:41 ระดับที่เป็นชนชั้นกลางขึ้นไปหรือมีการ
00:06:41 → 00:06:42 ศึกษาอย่างเงี้ยครับเขาจะมีการคิดที่มัน
00:06:42 → 00:06:45 เยอะขึ้นนิดนึงซับซ้อนว่าโหมีลูกมันจะ
00:06:45 → 00:06:47 ต้องรับผิดชอบเนาะมันจะต้องมีความลำบากใน
00:06:47 → 00:06:50 การเลี้ยงต้องหาเงินต้องเหนื่อยต้องให้
00:06:50 → 00:06:53 ลูกเติบโตมาในสังคมแบบนี้แหละครับเขาอาจ
00:06:53 → 00:06:56 จะรู้สึกว่าเอองั้นอยู่แบบปลอดภัยไว้ก่อน
00:06:56 → 00:06:58 ไม่ต้องมีลูกสบายใจกว่ามันก็เลยทำให้
00:06:58 → 00:07:01 กลุ่มคนที่แบบจะถูกเลี้ยงดูด้วยสังคมที่
00:07:01 → 00:07:03 ดีหรือผู้คนที่มีการศึกษาเนี่ยมันอาจจะ
00:07:03 → 00:07:06 ไม่ได้ส่งมาทีนี้พอเป็นกลุ่มคนที่แบบแม่
00:07:06 → 00:07:08 ค้าอาจจะเป็นชนชั้นแรงงานหรืออาจจะเป็นคน
00:07:08 → 00:07:10 ที่การศึกษากันได้สูงมากเนี่ยครับเพราะ
00:07:10 → 00:07:13 เขาสนใจเรื่องพวกนี้เขาก็จะคล้ายๆอ่ะอยาก
00:07:13 → 00:07:16 มีอะไรก็มีบางทีไม่อยากป้องกันแต่ก็ผลิต
00:07:16 → 00:07:18 ลูกออกมาเยอะแยะมากมายทีนี้มันเลยกลาย
00:07:18 → 00:07:20 เป็นว่าเด็กก็เกิดมันในชุมชนในสภาพแวด
00:07:20 → 00:07:23 ล้อมที่ไม่ได้เหมาะสมต่อการเติบโตเท่า
00:07:23 → 00:07:23 ไหร่
00:07:23 → 00:07:26 มันเลยกลายเป็นว่าเราก็จะได้ยินข่าวนี้
00:07:26 → 00:07:29 ที่เด็กๆอยู่ในแบบสังคมที่ไม่ดีสภาพแวด
00:07:29 → 00:07:32 ล้อมไม่ดีชุมชนแออัดจะเผชิญสิ่งนี้อยู่
00:07:32 → 00:07:36 บ่อยๆมันเลยทำให้เราได้ยินทั้งข่าวถูกไหม
00:07:36 → 00:07:38 ฮะข่าวที่เข้าถึงได้มากขึ้นกับสังคมที่
00:07:39 → 00:07:41 มันก็เสื่อมถอยหนักกว่าเดิมมันก็ยิ่งทำ
00:07:41 → 00:07:43 ให้สิ่งพวกนี้เกิดขึ้นอยู่เต็มไปหมดแล้ว
00:07:43 → 00:07:45 แต่บางคนก็บอกว่าเฮ้ยมันไม่เกี่ยวกันหรอก
00:07:45 → 00:07:48 กับสิ่งที่อยู่มาหรือว่าเพราะว่าบางคนเขา
00:07:48 → 00:07:50 ก็ไม่ได้เขาก็สามารถที่จะทำให้ตัวเองดี
00:07:51 → 00:07:54 ได้ได้ครับบางคนก็สามารถทะลุออกจากคล้ายๆ
00:07:54 → 00:07:57 เขาเรียกว่าสภาพเกิดเดิมของเขาเนาะแต่
00:07:57 → 00:07:58 ต้องบอกว่าจริงๆแล้วตะกี้ถ้าพูดไปอาจจะ
00:07:58 → 00:08:01 ไม่แฟร์เพราะว่าจริงๆแล้วการไอ้คำว่า
00:08:01 → 00:08:03 รุนแรงอ่ะครับมันไม่ได้เกิดขึ้นกับเอ่อ
00:08:03 → 00:08:05 กรมประชากรที่อาจจะการศึกษาไม่สูงเท่า
00:08:05 → 00:08:07 นั้นชนชั้นกลางหรือคนคนที่เป็นระดับฐานะ
00:08:07 → 00:08:10 สูงเนี่ยก็มีเหมือนกันเพราะบางครั้งมัน
00:08:10 → 00:08:12 เป็นเรื่องของคล้ายๆความคาดหวังผมเคยเจอ
00:08:12 → 00:08:14 บางบ้านที่แบบเอ่อตระกูลแบบมีเงินเลยนะ
00:08:14 → 00:08:17 อะไรเงี้ยครับแต่ว่าเหมือนกับเอ่อคนที่
00:08:17 → 00:08:20 เป็นบุพการีอย่างเงี้ยเป็นพ่อเป็นแม่จะมี
00:08:20 → 00:08:23 ความคาดหวังในเชิงสังคมค่อนข้างสูงในเชิง
00:08:23 → 00:08:26 สังคมอยากให้ลูกต้องโดดเด่นไม่แพ้ลูกคน
00:08:26 → 00:08:29 อื่นในกลุ่มสังคมของเขาเกิดการเปรียบ
00:08:29 → 00:08:32 เทียบขึ้นมาได้ทีนี้พอลูกทำไม่ได้สิ่งที่
00:08:32 → 00:08:34 เกิดขึ้นคืออะไรตบหน้า
00:08:34 → 00:08:37 ตบหน้าหรือทำโทษอย่างนี้ครับนี่คือสิ่ง
00:08:37 → 00:08:39 ที่เกิดขึ้นจริงหมายความว่าบางครั้งพ่อ
00:08:39 → 00:08:42 แม่ก็แค่สร้างลูกออกมาเพื่อเป็นวัตถุชิ้น
00:08:42 → 00:08:45 หนึ่งหรือเป็นสมบัติชิ้นหนึ่งที่เพื่อตอบ
00:08:45 → 00:08:49 สนองเขาเรียกว่าความอะไรนะความหน้าตาทาง
00:08:49 → 00:08:51 สังคมความสำเร็จบางอย่างในเชิงวัตถุของ
00:08:51 → 00:08:54 เขาเหมือนกันแต่เขาไม่ได้มีความพร้อมที่
00:08:54 → 00:08:57 จะคล้ายๆให้ความรักกับมนุษย์คนหนึ่งจริงๆ
00:08:57 → 00:08:59 แต่เขามีเพียงแค่เพราะว่าอะไรสักอย่าง
00:09:00 → 00:09:01 เหตุผลที่เป็นเชิงวัตถุเชิงความสำเร็จ
00:09:01 → 00:09:04 อย่างเงี้ยครับก็มีเหมือนกันอ้าวแล้วทำไม
00:09:04 → 00:09:07 พ่อแม่ไม่ทำให้แบบว่าอ๋อคือตัวเองอาจจะสำ
00:09:07 → 00:09:10 ประสบความสำเร็จมาแล้วแล้วก็เลยมีความคาด
00:09:10 → 00:09:11 หวังซึ่งต้องบอกว่า
00:09:11 → 00:09:14 มีอะไรอย่างเงี้ยฮะมันอาจจะไม่ใช่เรื่อง
00:09:14 → 00:09:17 ยากหรอกจริงมั้ยถ้าเราว่ากันตามเรื่อง
00:09:17 → 00:09:18 ชีวภาพทั่วๆไปอ่ะครับการมีลูกการมี
00:09:18 → 00:09:20 เพศสัมพันธ์แล้วท้องขึ้นมาเนี่ยมันอาจจะ
00:09:20 → 00:09:23 ไม่ใช่เรื่องยากแต่การที่คนคนหนึ่งจะมี
00:09:23 → 00:09:25 ความพร้อมที่จะเป็นพ่อคนแม่คนในการดูแลคน
00:09:25 → 00:09:28 นี้ครับมันจำเป็นต้องผ่านกระบวนการขัด
00:09:28 → 00:09:32 เกลาทางจิตใจพอสมควรซึ่งซึ่งมันอาจจะหมาย
00:09:32 → 00:09:34 ถึงเนื้อแท้เขาดีอยู่แล้วก็ได้ถ้าเขา
00:09:34 → 00:09:36 เนื้อแท้เขาดีเขาขัดเกลามันดีอยู่แล้วเขา
00:09:36 → 00:09:38 สามารถเปลี่ยนเป็นพ่อคนแม่คนที่ดีได้แต่
00:09:38 → 00:09:40 สำหรับบางคนนะครับอาจจะเติบโตมาแบบไม่ได้
00:09:40 → 00:09:44 ไม่ได้รับความรักไม่ได้ความอบอุ่นอยู่กับ
00:09:44 → 00:09:45 แต่วัตถุอยู่กับการแข่งขันมาตลอดชีวิต
00:09:45 → 00:09:48 อย่างนี้ครับเขาอาจจะไม่ได้คลุกคลีอยู่
00:09:48 → 00:09:50 กับเรื่องความอ่อนโยนหรือว่าการที่แบบมอบ
00:09:50 → 00:09:52 ความรักให้กันเพราะฉะนั้นการที่เขาเติบโต
00:09:52 → 00:09:54 มากับสิ่งนี้แล้วเขามีลูกนะครับในขณะที่
00:09:54 → 00:09:57 จิตใจเขาไม่ได้พร้อมจะรักใครอ่ะครับมันก็
00:09:57 → 00:09:59 ไม่แปลกที่เด็กจะได้รับสิ่งนี้จากเขา
00:09:59 → 00:10:02 อ่าฟังดูแล้วบางอย่างมันก็ไม่ได้ซับซ้อน
00:10:02 → 00:10:04 แต่บางอย่างมันก็อาจจะมีเรื่องซับซ้อน
00:10:04 → 00:10:06 อยู่ในนั้นใช่หรือบางอย่างจะเป็นอย่างนี้
00:10:06 → 00:10:09 ก็ได้ครับก็คือว่าเอ่อพ่อแม่อาจจะอยู่ใน
00:10:09 → 00:10:12 วัยที่ทำงานหนักมากและสนแต่งานอาจจะ
00:10:12 → 00:10:15 เครียดแล้วก็ทิ้งลูกให้อยู่โดดเดี่ยว
00:10:15 → 00:10:17 พวกนี้ก็เป็นความรุนแรงนึงที่เกิดขึ้นใน
00:10:17 → 00:10:19 จิตใจเขาได้เหมือนกันกว้างเนาะเรื่องสโคป
00:10:19 → 00:10:22 เรื่องมันจะกว้างพอสมควรนะมันๆแต่มันมัน
00:10:22 → 00:10:24 ก็คือความรุนแรงอ่ะแล้วมันก็เกิดขึ้นจริง
00:10:24 → 00:10:28 ในสังคมไทยด้วยนะเออแล้วมันๆเยอะขึ้นจน
00:10:28 → 00:10:31 บางทีรู้สึกว่าเฮ้ยเขาทำกันได้ขนาดนี้เลย
00:10:31 → 00:10:34 หรออ่าใช่ครับผมเคยเจอในเคสหลายๆเคสที่
00:10:34 → 00:10:37 เป็นคนทำงานนอกบ้านเนาะแล้วก็มีความ
00:10:37 → 00:10:38 เครียดอย่างเงี้ยครับพอมีความเครียดเสร็จ
00:10:39 → 00:10:41 ปั๊บบางครั้งมันระบายกับลูกลงกับลูกก็มี
00:10:41 → 00:10:45 ผมเคยเจอเคสนึงที่เคยเคยพบมาเนอะเหมือน
00:10:45 → 00:10:49 กับคุณพ่อที่เป็นหัวหน้าครอบครัวเติบโตมา
00:10:49 → 00:10:51 ในชุมชนแออัดเลย
00:10:51 → 00:10:55 แล้วตัวเขาเป็นคนใฝ่ดีเนาะเพราะฝ่ายดี
00:10:55 → 00:10:57 เนี่ยเขาก็ขยันทำงานขยันสร้างธุรกิจจน
00:10:57 → 00:11:00 กระทั่งเรียกว่าตำแหน่งหน้าที่การงานเติบ
00:11:00 → 00:11:04 โตเนาะแต่ในความฝ่ายดีนั้นเขามีความมี
00:11:04 → 00:11:07 ความโกรธแค้นบางอย่างในชีวิตอยู่เหมือน
00:11:07 → 00:11:10 กันที่ว่าเขาต้องดิ้นรนเองทุกอย่างโดยที่
00:11:10 → 00:11:12 ไม่ได้รับการ support จากครอบครัวเพราะ
00:11:12 → 00:11:14 งั้นการศึกษาทุกอย่างเขาเรียนเองส่งตัว
00:11:14 → 00:11:17 เองเรียนจนถึงขั้นสูงทีนี้เขามีปมอย่าง
00:11:17 → 00:11:20 หนึ่งในใจเขาบอกว่าถ้าวันนึงฉันมีลูกเอง
00:11:20 → 00:11:23 นะฉันจะไม่ให้ลูกต้องมาเจอสภาพเดียวกับ
00:11:23 → 00:11:25 ที่ฉันเคยเป็นก็คือไม่มีการศึกษาแล้วต้อง
00:11:25 → 00:11:28 ดิ้นรนเองเขาจะส่งลูกให้สูงที่สุดเท่าที่
00:11:28 → 00:11:30 เขาจะส่งได้สิ่งที่เขาทำคือนะครับส่งลูก
00:11:30 → 00:11:33 เรียนอินเตอร์ซึ่งการเรียนอินเตอร์ไม่ผิด
00:11:33 → 00:11:35 นะไม่ผิดนะค่าใช้จ่ายสูงค่าใช้จ่ายสูง
00:11:35 → 00:11:38 แล้วที่สำคัญคือมี 2 คน
00:11:38 → 00:11:41 คือเข้าใจความรู้สึกเขาว่าอยากจะให้ลูก
00:11:41 → 00:11:43 อยู่ในสังคมที่ดีด้วยนะแล้วก็มีโอกาสทาง
00:11:43 → 00:11:46 ชีวิตของเขาอ่ะได้มีทางเลือกมากขึ้นไม่
00:11:46 → 00:11:48 ได้เหมือนเขาที่แบบทางเลือกน้อยเลยต้องทำ
00:11:48 → 00:11:51 แบบนี้แล้วดิ้นรนหนักเพื่อให้มาถึงวันนี้
00:11:51 → 00:11:55 พยายามจะส่งลูก 2 คนให้สูงมากๆนะครับนั่น
00:11:55 → 00:11:57 หมายความว่าตัวเขาต้องถีบตัวเองให้ทำงาน
00:11:57 → 00:12:00 หนักขึ้นเพื่อให้มีรายได้เพียงพอจะครอบ
00:12:00 → 00:12:03 คลุมการใช้จ่ายตรงนี้โอ้โหเนาะแล้วก็ตัว
00:12:03 → 00:12:05 เขาอ่ะครับบอกภรรยาว่าให้ลาออกจากงาน
00:12:05 → 00:12:08 เพื่อมันดูแลกดูแลลูกอย่างเดียวพอเขาทำ
00:12:08 → 00:12:09 งานคนเดียวเลยทีนี้ใช่ทำงานคนเดียวหนัก
00:12:09 → 00:12:11 ขึ้นกว่าเดิมเลยนะเพราะว่าเขารู้สึกว่า
00:12:11 → 00:12:13 อยากให้แบบลูกอยู่ใกล้ชิดแม่แล้วมีคนคอย
00:12:13 → 00:12:16 กำกับดูแลให้ลูกแบบเขาเรียกว่าใช้ชีวิต
00:12:16 → 00:12:18 อย่างถูกต้องอ่ะไม่อยากให้ปล่อยโดดเดี่ยว
00:12:18 → 00:12:20 เหมือนที่เขาเติบโตมาเพราะงั้นก็เลยให้
00:12:20 → 00:12:22 ภรรยาเขาลาออกมาดูแลลูกแล้วก็เข้าใจใน
00:12:22 → 00:12:25 เหตุผลของเขาได้ส่วนใหญ่แต่สิ่งที่เป็น
00:12:25 → 00:12:28 ปัญหาคือว่าพอเขาทำงานหนักมากปั้บเขาเก็บ
00:12:28 → 00:12:30 ความเครียดบางอย่างหรือความเหนื่อยล้าบาง
00:12:30 → 00:12:33 อย่างจากที่ทำงานมาที่บ้านแล้วพอยิ่ง
00:12:33 → 00:12:35 เหนื่อยล้ามากเนาะเขาจะรู้สึกว่าฉัน
00:12:35 → 00:12:38 อุตส่าห์อุทิศตัวหาเงินมาขนาดนี้เพื่อให้
00:12:38 → 00:12:41 พวกเธอได้อยู่สุขสบายและได้เรียนแต่ทำไม
00:12:41 → 00:12:43 ผลการเรียนเป็นอย่างนี้ล่ะอ่าเป็นไงครับ
00:12:43 → 00:12:45 ก็
00:12:45 → 00:12:49 ก็เกิดความรู้สึกขุ่นเคืองในใจแล้วลูกลูก
00:12:49 → 00:12:51 ก็โดนผลกระทบจากการที่คุณพ่อคนนี้เครียด
00:12:51 → 00:12:53 จากการหาเงินเนาะแล้วก็มา attack ว่า
00:12:53 → 00:12:56 เนี่ยฉันเหมือนกับคล้ายๆลงทุนขนาดนี้จ่าย
00:12:56 → 00:12:58 เงินขนาดนี้ทำไมผลการเรียนไม่คุ้มค่า
00:12:58 → 00:13:01 เสร็จหันไปโทษภรรยาด้วยเธอเลี้ยงลูกยังไง
00:13:01 → 00:13:05 ทำไมถึงปล่อยให้ลูกใหญ่โตกว่านี้
00:13:05 → 00:13:07 อาจจะแบบว่า
00:13:07 → 00:13:10 ดีแล้วแหละดีแล้วแหละแต่
00:13:10 → 00:13:15 อาจจะแค่ยังไม่ได้ดีเท่าความรู้สึกของคน
00:13:15 → 00:13:17 นั้นก็เลยกลายเป็นว่าความรุนแรงก็เกิด
00:13:17 → 00:13:20 ขึ้นโดยที่อาจจะไม่ได้แบบมาจากความที่เขา
00:13:20 → 00:13:22 ต้องการจะรุนแรงนะแต่บางครั้งมันเกิดขึ้น
00:13:22 → 00:13:25 จากความเหนื่อยล้าจากความคาดหวังที่เขาไป
00:13:25 → 00:13:27 ทำงานหาเงินมาเนาะทีนี้ต้องบอกว่าโดยพื้น
00:13:27 → 00:13:29 ฐานนะครับคนเราเนี่ยเวลาเหนื่อยล้านะครับ
00:13:30 → 00:13:33 มันประคองจิตใจได้ไม่ดีหรอกเหมือนเวลาคน
00:13:33 → 00:13:34 หิวอ่ะ
00:13:34 → 00:13:38 โมโหหิวไม่ได้หิวหรือคนง่วงนอนก็จะง่วง
00:13:38 → 00:13:42 นี่ถูกปลุกก็จะโกรธได้ง่วงอะไรเพราะงั้น
00:13:42 → 00:13:44 คนที่อยู่ในสภาพร่างกายที่ไม่ได้สมบูรณ์
00:13:44 → 00:13:46 หรือมันเหนื่อยล้าเนี่ยการควบคุมอารมณ์
00:13:46 → 00:13:48 มันยากอยู่แล้วทีนี้ว่าเขาเจอความกดดัน
00:13:48 → 00:13:50 ที่เป็นความเหนื่อยล้าเนาะแล้วก็เป็นความ
00:13:50 → 00:13:52 กดดันจากตัวการงานหรือตัวสังคมการงานอยู่
00:13:52 → 00:13:54 ทั้งวันเงี้ยฮะ
00:13:54 → 00:13:57 มันไม่มีทางหรอกที่เขาจะกลับบ้านไปด้วย
00:13:57 → 00:13:58 อารมณ์เย็น
00:13:58 → 00:14:01 มันต้องกลับไปด้วยความร้อนเสมอแหละแล้ว
00:14:01 → 00:14:02 มันก็กลายเป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นใน
00:14:02 → 00:14:07 บ้านด้วยการใช้ภาษาที่ด่าทอตัดพ้อหรือ
00:14:07 → 00:14:08 อะไรก็ตามว่าถ้าเรียนอย่างนี้จะไม่ส่ง
00:14:08 → 00:14:09 เรียนอย่างเงี้ยฮะ
00:14:09 → 00:14:12 มันก็เลยกลายเป็นว่าแม้กระทั่งตัวเขากับ
00:14:12 → 00:14:15 ลูกก็แย่ลงตัวเขากับภรรยาก็แย่ลงนี่ก็
00:14:15 → 00:14:17 เป็นภาพหนึ่งที่เกิดขึ้นในบ้านได้เหมือน
00:14:17 → 00:14:18 กันครับ
00:14:18 → 00:14:22 คือบางอย่างมันจากปัจจัยเล็กๆบางอย่างก็
00:14:22 → 00:14:25 นำไปสู่ปัญหาที่ชิ้นใหญ่ได้ด้วยความไม่
00:14:25 → 00:14:28 ตั้งใจหรอกคือเที่ยวที่ฟังมาทุกคนมีเหตุ
00:14:28 → 00:14:32 ผลของตัวเองหมดเลยนะในการที่จะก่อเกิดให้
00:14:32 → 00:14:34 มันมีเหตุความรุนแรงในครอบครัวแต่มันเป็น
00:14:34 → 00:14:36 เหตุผลของตัวเองหรือเปล่าอย่างเดียวป่ะ
00:14:36 → 00:14:38 ที่ฉันต้องการจะกระทำ
00:14:38 → 00:14:41 มันอาจจะเมื่อกี้เนี่ยแบบว่าเฮ้ยฉันทำงาน
00:14:41 → 00:14:44 หนักมากเพื่อเธอนะมันเป็นเหตุผลของเขาใช่
00:14:44 → 00:14:47 ไหมฮะแต่ท้ายสุดแล้วแบบมันก็มันก็ยังไม่
00:14:48 → 00:14:50 ถูกจัดวางได้ดีอยู่ดีครับมันเหมือนกับผม
00:14:50 → 00:14:53 มองว่าสุดท้ายเคสเนี่ยก็เลยมีโอกาสได้คุย
00:14:53 → 00:14:55 กันแล้วบอกเขาว่าจริงๆการจะส่งลูกเรียน
00:14:55 → 00:14:58 สูงก็ไม่ผิดนะแต่เพียงแค่ว่าทุกอย่างที่
00:14:58 → 00:15:00 เราเลือกจะทำอ่ะครับมันมีสิ่งแลกเปลี่ยน
00:15:00 → 00:15:03 เสมออ้าประเด็นคือคุณอาจจะรู้สึกได้แค่
00:15:03 → 00:15:05 แก้ปุ่มชีวิตตัวเองนะที่รู้สึกว่าชีวิต
00:15:05 → 00:15:08 ฉันเคยขาดงั้นฉันจะส่งรูปโอเคคุณได้แก้ปม
00:15:09 → 00:15:11 ส่วนตัวในใจคุณแต่สิ่งที่คุณต้องไม่ลืม
00:15:11 → 00:15:14 คือว่าโลกต้องการสิ่งนี้หรือเปล่าเคยถาม
00:15:14 → 00:15:16 หรือเปล่าเออและอย่างที่ 2 คือ
00:15:17 → 00:15:20 คุณอาจจะเชื่อว่าสิ่งที่คุณทำมันดีแต่ผล
00:15:20 → 00:15:22 ลัพธ์ที่เกิดขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างคน
00:15:22 → 00:15:24 กับโลกมันดีหรือเปล่าล่ะถามนิดนึงคุณ
00:15:24 → 00:15:27 เอิ้นว่าทำไมเคสนี้เขาถึงแบบในที่สุดแบบ
00:15:27 → 00:15:32 ว่ามันเกิดอะไรขึ้นถึงต้องมาหาดูปมว่ามัน
00:15:32 → 00:15:34 จากอะไรแล้วเพื่อที่จะเขาจะต้องการแค่แก้
00:15:34 → 00:15:38 ไขใช่ป่ะเพราะเขารู้สึกว่าแบบลูกเขาเริ่ม
00:15:38 → 00:15:40 เริ่มมีพฤติกรรมแบบเอาใจออกห่างครอบครัว
00:15:40 → 00:15:44 เริ่มไปคบเพื่อนไม่ดีเริ่มแบบเรียกว่าต่อ
00:15:44 → 00:15:46 ต้านพ่อแม่อะไรอย่างนี้ครับเริ่มไปสูบ
00:15:46 → 00:15:49 บุหรี่เริ่มมีพฤติกรรมแย่อะไรซึ่งก่อน
00:15:49 → 00:15:52 หน้านี้ไม่ได้ไม่ได้เป็นแบบนี้มาปกติดี
00:15:52 → 00:15:54 ปกติสุขดีตอนที่ยังไม่ได้ถึงขั้นเรียน
00:15:54 → 00:15:57 อินเตอร์ใช่ครับ
00:15:57 → 00:15:59 ผมคิดว่าด้วยความที่ลูกเข้าจังหวะวัยรุ่น
00:15:59 → 00:16:03 พอดีอ่ะผสมผสานกันเพราะว่าพอเข้าวัยรุ่น
00:16:03 → 00:16:05 ปั๊บมันก็จะรู้สึกว่าเป็นวัยที่เราสนใจ
00:16:05 → 00:16:08 เพื่อนมากกว่าอยากตามเพื่อนทีนี้พอพ่อแม่
00:16:08 → 00:16:10 ครับบ้านไม่ใช่ที่ปลอดภัยของเขาหรือไม่
00:16:10 → 00:16:13 ใช่ที่ที่เขาจะอุ่นใจเขาจะเริ่มหาที่อุ่น
00:16:13 → 00:16:15 ใจอื่นข้างนอกถ้าเขารู้สึกไม่ถูกพ่อแม่
00:16:15 → 00:16:17 ยอมรับเขาจะหายอมการยอมรับอย่างอื่นจาก
00:16:17 → 00:16:19 ข้างนอกบ้านซึ่งวัยรุ่นเนี่ยเป็นวัยที่ดี
00:16:19 → 00:16:22 กับจังหวะนี้พอดีเลยว่าต่อให้ที่บ้านจะ
00:16:22 → 00:16:24 ยอมรับเราประมาณเท่าไหร่ก็ตามนะครับโดย
00:16:24 → 00:16:26 ส่วนใหญ่วัยรุ่นวัยเนี้ยมัธยมต้นมัธยม
00:16:26 → 00:16:29 ปลายมหาลัยเงี้ยฮะเราจะเริ่มสนใจว่าแล้ว
00:16:29 → 00:16:32 นอกบ้านล่ะเราถูกยอมรับจากใครบ้างเพราะ
00:16:32 → 00:16:34 งั้นไม่แปลกที่ว่าช่วงนั้นจะเป็นช่วงโห
00:16:34 → 00:16:36 เรียกว่าชีวิตครอบครัวเขาจังหวะพอดีเลย
00:16:36 → 00:16:39 ใช่ก็เลยต้องย้อนกลับมาดูว่าเราไปพลาดตรง
00:16:39 → 00:16:42 ไหนเงี้ยฮะเพื่อทำให้คล้ายๆสภาพครอบครัว
00:16:42 → 00:16:45 เนี่ยมันยังพอกลับมาแก้ไขซ่อมแซมให้ดี
00:16:45 → 00:16:46 ขึ้นได้
00:16:46 → 00:16:48 อันนี้เคสนี้มันยังไม่ได้ถึงขนาดว่า
00:16:48 → 00:16:51 รุนแรงการทำร้ายร่างกายแต่ว่ามันเป็น
00:16:51 → 00:16:53 เรื่องของการใช้คำพูดมันก็มากระทบทางใจ
00:16:53 → 00:16:57 แล้วถ้าอย่างเหมือนมีแบบการที่กระทบทางใจ
00:16:57 → 00:17:01 แบบนี้สิ่งที่เราควรจะทำได้อ่ะมันจะต้อง
00:17:01 → 00:17:04 แก้ไขยังไงคือเชื่อว่าหลายคนน่ะที่เป็น
00:17:04 → 00:17:07 และบางทีเรารู้สึกว่าเป็นโดยไม่รู้ตัวแบบ
00:17:07 → 00:17:10 ไม่ได้คิดว่าเผลอพูดหรืออะไรไปแล้วทำร้าย
00:17:10 → 00:17:12 จิตใจใครไปเราไม่ได้ตั้งใจก็มีอย่างเงี้ย
00:17:12 → 00:17:14 ถ้าอย่างนี้จะแก้ไขยังไงได้บ้างไหมอะไร
00:17:14 → 00:17:16 พวกนี้จริงๆสุดท้ายก็คือถ้าเรารู้ทันว่า
00:17:16 → 00:17:19 เราทำอะไรไปบางอย่างเนาะอือให้เราถามตัว
00:17:19 → 00:17:21 เองก่อนเถอะว่าคนที่เราเผลอทำร้ายไปเนี่ย
00:17:21 → 00:17:25 เขามีความสัมพันธ์กับเราไหมถ้าสำคัญเนาะ
00:17:25 → 00:17:28 ถ้าสำคัญเราควรปฏิบัติกับเขาว่าเขาสำคัญ
00:17:28 → 00:17:29 น่ะ
00:17:29 → 00:17:31 อืมเพราะบางทีการพูดการรุนแรงอะไรก็ตาม
00:17:31 → 00:17:33 มันเกิดขึ้นจากการที่เราเห็นว่าเราสำคัญ
00:17:33 → 00:17:34 กว่าเขา
00:17:34 → 00:17:37 เราถึงจะพูดสิ่งนี้ในสิ่งที่เราต้องการใน
00:17:37 → 00:17:40 สิ่งที่เราไม่ชอบใจไม่ว่าเค้าจะรู้สึกชอบ
00:17:40 → 00:17:42 หรือไม่ชอบแต่เราจะพูด
00:17:42 → 00:17:45 เราจะมองแค่มุมที่เราจะทำก็เลยต้องมอง
00:17:45 → 00:17:47 กลับกันว่าเขาสำคัญกับเราไหมใช่ถ้าเขา
00:17:47 → 00:17:50 สำคัญและเขาไม่ไม่ควรจะโดนสิ่งนี้เลยแล้ว
00:17:50 → 00:17:52 ถ้าเรารู้ทันอย่างเงี้ยครับเราควรจะให้
00:17:52 → 00:17:54 ใช้มีโอกาสได้ฟังหรือได้ขอโทษหรือได้อะไร
00:17:54 → 00:17:58 ก็แล้วแต่เพราะว่าจริงๆแล้วคนคนที่ถูก
00:17:58 → 00:17:59 กระทำเนี่ยครับถ้าเขายังมีความรักต่อเรา
00:17:59 → 00:18:02 นะเขาจะช้ำใจแต่ว่าเขาจะมีจุดของการให้
00:18:02 → 00:18:06 อภัยได้แต่ถ้าเกิดสมมุติเขาอยู่กับเราจน
00:18:06 → 00:18:08 กระทั่งเขารู้สึกว่าสิ้นหวังกับเราไปแล้ว
00:18:08 → 00:18:10 วันหนึ่งเขาจะตัดศรัทธาจากเราทิ้งไปเลย
00:18:10 → 00:18:13 และเห็นว่าเราไม่ใช่คนที่ควรอยู่ในชีวิต
00:18:13 → 00:18:16 ของเขาจุดนั้นคือสายไปแล้ว
00:18:16 → 00:18:18 ก็อย่างงั้น
00:18:18 → 00:18:22 มันไม่ได้เป็นอะไรที่ยากในการที่จะพูดขอ
00:18:22 → 00:18:24 โทษแต่บางที
00:18:24 → 00:18:27 อัตราเราเนี่ยที่บอกว่าจะต้องเสียหน้าไม่
00:18:27 → 00:18:30 ได้ฉันจะต้องถูกอะไรพวกนี้มันเลยทำให้ตัว
00:18:30 → 00:18:34 เองสำคัญผิดที่สำคัญให้ความสำคัญผิดที่
00:18:34 → 00:18:37 ดันไปให้ความสำคัญกับหน้าตาหรือว่าอัตรา
00:18:37 → 00:18:39 หรืออีโก้ตัวเองมากไปจนกระทั่งสุดท้าย
00:18:39 → 00:18:42 รักษาคนสำคัญใกล้ตัวไม่ได้
00:18:42 → 00:18:45 ยิ่งคำพูดเนี่ยมันเชือดเฉือนใจบางทีเรา
00:18:45 → 00:18:48 อาจจะรู้ว่าเราไม่เห็นได้พูดแรงอะไรเลย
00:18:48 → 00:18:50 แต่ปรากฏว่าคนฟังอ่ะบาดเจ็บไปเรียบร้อย
00:18:50 → 00:18:52 แล้ว
00:18:52 → 00:18:55 แบบมันจะมีคนชอบพูดว่าฉันเป็นคนพูดตรง
00:18:55 → 00:18:58 เฮ้ยมันมีเส้นบางๆครับ
00:18:58 → 00:19:02 ฉันเป็นคนตรงไปตรงมาพูดอย่างนี้ฉันเป็นคน
00:19:02 → 00:19:04 พูดอย่างนี้ใช่ไหม
00:19:04 → 00:19:08 กลายเป็นกลายเป็นมั่นใจไปอีกอย่างนี้ผิด
00:19:08 → 00:19:09 ทางไปนิดนึง
00:19:09 → 00:19:12 แต่ว่าเคสที่รุนแรงแบบคล้ายๆถูกล่วง
00:19:12 → 00:19:14 ละเมิดทางเพศก็มีผมก็ได้ยินเคสอย่างนี้มา
00:19:15 → 00:19:17 เหมือนกันนะครับแต่ว่าด้วยเนื้องานผม
00:19:17 → 00:19:19 เนี่ยจะไม่ได้เข้าไปสัมผัสหน้างานแบบ
00:19:19 → 00:19:21 สังคมสงเคราะห์หรือว่าสิทธิมนุษยชนขนาด
00:19:21 → 00:19:23 นั้นเพราะว่างานผมเนี่ยจะเป็นลักษณะว่าคน
00:19:23 → 00:19:26 ที่มาปรึกษาเนี่ยครับเขาจะเล่าถึงอดีตที่
00:19:26 → 00:19:29 เขาเจอมามันๆแก้ปมอ่ะใช่แล้วแล้วตัวเขา
00:19:29 → 00:19:32 รู้สึกว่าปัจจุบันเขาหาทางไปต่อไม่ถูกแต่
00:19:32 → 00:19:35 ว่าเรื่องในอดีตของเขาอ่ะมีผลต่อใจเขาใน
00:19:35 → 00:19:37 ปัจจุบันออกมาแสดงว่าคนที่จะคุยอย่างนี้
00:19:37 → 00:19:40 ได้มันต้องเค้าต้องรู้ในตัวเขาว่า
00:19:40 → 00:19:43 มันเป็นเพราะอะไรส่งผลมาถึงตอนนี้แล้วมัน
00:19:43 → 00:19:46 ก็เลยทำให้มันเกิดขึ้นมันไม่เห็นปัจจุบัน
00:19:46 → 00:19:47 เขาอาจจะใช้ชีวิตไม่ถูกเลยเพราะว่าแบบ
00:19:47 → 00:19:49 ต้องทำยังไงอ่ะอะไรอย่างเงี้ยครับแต่เขา
00:19:49 → 00:19:51 รู้เลยว่าสิ่งที่เขาเป็นทุกวันนี้เหมือน
00:19:51 → 00:19:53 ที่ตะกี้เล่าให้ฟังว่าถ้าเด็กเอ่อมี
00:19:53 → 00:19:56 ประสบการณ์คล้ายๆถูกกระทำรุนแรงบางอย่าง
00:19:56 → 00:19:57 จากวัยเด็ก
00:19:57 → 00:19:59 เขาอาจจะคล้ายๆสร้าง character ของการ
00:19:59 → 00:20:01 หวาดกลัวคาแรคเตอร์ของการเก็บตัว
00:20:01 → 00:20:04 คาแรคเตอร์ของความก้าวร้าวหรือว่ามองคน
00:20:04 → 00:20:07 อื่นลบอย่างนี้ครับซึ่งสิ่งพวกนี้ติดตัว
00:20:07 → 00:20:09 เข้าไปจนถึงตอนโตครับเขาก็เอาไปใช้คนอื่น
00:20:09 → 00:20:13 ต่อไม่ไว้ใจคนอื่นระแวงคนอื่นก้าวร้าวใส่
00:20:13 → 00:20:16 คนอื่นหรือเก็บตัวเองไม่ผูกพันกับใครแต่
00:20:16 → 00:20:19 ตัวเองก็รู้สึกว่าชีวิตต้องไปต่อมันไปไม่
00:20:19 → 00:20:21 ได้เพราะว่าใจมันฝืนอยู่อย่างนี้ครับ
00:20:21 → 00:20:25 ดูอย่างนี้แล้วเหมือนกับว่าน่าจะไม่มี
00:20:25 → 00:20:26 ความสุขเนาะ
00:20:26 → 00:20:29 เพราะงั้นมันเลยกลายเป็นว่าเราก็เลยต้อง
00:20:29 → 00:20:31 ชวนให้เขาเห็นความเชื่อมโยงของตัวเขากับ
00:20:31 → 00:20:34 อดีตสักนิดนึงก่อนแล้วเราจะต้องพาเขากลับ
00:20:34 → 00:20:37 เข้ามามีสติอ่ะครับมีสติอยู่กับปัจจุบัน
00:20:37 → 00:20:40 ว่าอดีตที่ผ่านมาใช่แหละเป็นเรื่องที่แบบ
00:20:40 → 00:20:42 มันน่าเศร้าอาจจะเป็นเรื่องที่เจ็บปวดแต่
00:20:42 → 00:20:45 ว่าการที่เรายังคงเอาความเคยชินจากความ
00:20:45 → 00:20:47 รู้สึกปัจจุบันเอ้ยในอดีตนั้นนะครับมาใช้
00:20:47 → 00:20:49 กับปัจจุบันมันทำให้ทุกวันนี้เราหาความ
00:20:49 → 00:20:52 สุขไม่เจอเพราะฉะนั้นถ้าเราอยากหาความสุข
00:20:52 → 00:20:54 ให้เจอครับบางครั้งเราจำเป็นที่จะต้องวาง
00:20:54 → 00:20:57 เรื่องอดีตไว้สักหน่อยเพื่อที่จะมา
00:20:57 → 00:21:00 พิจารณาว่าแล้วปัจจุบันเนี่ยเราทำอะไรได้
00:21:00 → 00:21:03 บ้างนะเพื่อให้เราตื่นมาทุกวันรู้สึกชอบ
00:21:03 → 00:21:04 ชีวิตตัวเองนะครับ
00:21:04 → 00:21:08 ถึงยากอ่ะยากๆๆแต่สุดท้ายทุกคนนะครับควร
00:21:08 → 00:21:10 มีโอกาสได้พูดถึงความเจ็บปวดของตัวเองใน
00:21:10 → 00:21:13 อดีตเพื่อเพื่อถอดเป็นประสบการณ์หรือบท
00:21:13 → 00:21:17 เรียนบางอย่างก็ต้องบอกว่ามีหลายๆเคสที่
00:21:17 → 00:21:19 พอเจอเหตุการณ์รุนแรงอย่างนี้ครับเขาจะ
00:21:19 → 00:21:21 เป็นคนที่เก็บเรื่องนั้นไว้ในใจแล้วไม่
00:21:21 → 00:21:24 เล่าให้ใครฟังทีนี้มันเลยกลายเป็นว่าโดย
00:21:24 → 00:21:27 กระบวนการทางจิตใจครับการที่ประสบแต่ไม่
00:21:27 → 00:21:29 พูดบางทีมันเป็นเหมือนตะกอนบางอย่างที่
00:21:29 → 00:21:32 มันอยู่ในจิตของเราแล้วสะสมใช่ครับแล้ว
00:21:32 → 00:21:35 มันอาจจะคล้ายๆแสดงอาการอะไรบางอย่างออก
00:21:35 → 00:21:37 มาโดยที่เราไม่รู้ตัวเพราะฉะนั้นหลายๆคน
00:21:37 → 00:21:40 นะครับมันถึงมีคำพูดว่าบางทีแค่ได้พูดก็
00:21:40 → 00:21:42 สบายใจแล้วเราเคยได้ยินไหมไม่ต้องมาเจอ
00:21:42 → 00:21:44 เหตุการณ์รุนแรงก็ได้แค่แบบเจอความทุกข์
00:21:44 → 00:21:46 เจอเรื่องอะไรเงี้ยฮะแค่รู้สึกว่ามีคนรับ
00:21:46 → 00:21:50 ฟังมีคนที่เอ่ออยู่กับเขาในการที่เขาจะ
00:21:50 → 00:21:52 เผชิญหน้ากับเรื่องเนี้ยเขาบอกว่าบางที
00:21:52 → 00:21:55 แค่นั้นก็สบายใจแล้วโอ๊ยแต่ว่าคนที่รับ
00:21:55 → 00:21:58 ฟังอย่างเป็นผู้รับฟังที่ดีอ่ะมันน้อยมาก
00:21:58 → 00:22:01 นะบางคนซ้ำเติมหรือบางคนบอกอย่าไปคิดมาก
00:22:01 → 00:22:04 คิดและคิดน้อยโอ้โหหนักกว่าเดิม
00:22:04 → 00:22:06 เพราะงั้นตรงนี้มันเลยเป็นเรื่องละเอียด
00:22:06 → 00:22:09 อ่อนนะครับว่าเวลาเราต้องรับฟังเนาะผู้คน
00:22:09 → 00:22:12 ที่ผ่านประสบการณ์ของความรุนแรงพวกนี้เรา
00:22:12 → 00:22:14 จำเป็นมากๆที่จะต้องฟังเขาด้วยความที่ใจ
00:22:14 → 00:22:17 เราแบบจะไม่ต้องเขาเรียกกันนะไม่ต้องเค้น
00:22:17 → 00:22:19 หรือไม่ต้องให้ตัวเองพูดอะไรทั้งนั้นแหละ
00:22:19 → 00:22:22 แค่รับรู้รับฟังเขาอย่างเข้าใจก็พอโดยให้
00:22:22 → 00:22:25 เขารู้สึกว่าปลอดภัยที่ได้เล่าอะไรฟัง
00:22:25 → 00:22:28 แล้วก็ไม่ต้องบอกต่ออย่างไม่ต้องบอกต่อ
00:22:28 → 00:22:30 ความรักด้วยเพราะว่าบางทีบางคนไม่ได้อยาก
00:22:30 → 00:22:31 ให้ใครรู้เลย
00:22:32 → 00:22:35 มันก็เลยทำให้งานผมจะมีโอกาสได้ฟังเยอะ
00:22:35 → 00:22:37 เพราะเขาบอกว่าเรื่องพวกนี้เขาไม่สามารถ
00:22:37 → 00:22:40 เล่าให้ใครฟังได้เลยเขาไม่รู้ว่าใครไว้ใจ
00:22:40 → 00:22:42 ได้บ้างและไม่รู้ว่ารู้ไปแล้วจะเป็น
00:22:42 → 00:22:45 ประโยชน์อะไรแต่แน่นอนอย่างที่เขาบอกเนาะ
00:22:45 → 00:22:46 เขาบอกว่าเขารู้สึกเรื่องนี้เขาอยากพูด
00:22:46 → 00:22:49 แต่ว่าไม่รู้จะพูดกับใครมันเลยกลายเป็น
00:22:49 → 00:22:52 ว่ามาตกอยู่ที่ภารกิจผมและหลายๆคนก็มาคุย
00:22:52 → 00:22:54 เพราะว่าเขาบอกว่าเรื่องนี้ในชีวิตไม่มี
00:22:54 → 00:22:56 ใครรู้เลยมีผมรู้คนเดียวอ่าผู้คุมความลับ
00:22:56 → 00:22:59 แล้ว 1 อะไรอย่างนั้นแต่ว่าในการรู้ความ
00:22:59 → 00:23:00 ลับของเขาอ่ะครับเราไม่ได้มีเจตนาจะแบบ
00:23:00 → 00:23:04 เฮ้ยเอามาคุยสนุกหรือไปเล่าต่อไม่ใช่แต่
00:23:04 → 00:23:07 เราเพื่อให้เขาเรียกว่าได้ตกผลึกกับชีวิต
00:23:07 → 00:23:10 มั้งเรียบเรียงชีวิตซะใหม่แล้วก็เพื่อที่
00:23:10 → 00:23:12 จะตั้งหลักกับปัจจุบันว่าแล้วเราจะใช้
00:23:12 → 00:23:14 ประสบการณ์รุนแรงตรงนั้นน่ะมาเป็นครูสอน
00:23:14 → 00:23:18 อะไรเราได้บ้างไหมหรือมีอะไรที่เราจะ
00:23:18 → 00:23:20 ระลึกขึ้นได้ว่าสุดท้ายพวกนั้นน่ะมันเป็น
00:23:20 → 00:23:23 เรื่องเลวร้ายก็ใช่แต่เราไม่ควรลากให้มัน
00:23:23 → 00:23:26 มีชีวิตกับเราต่อในปัจจุบันแล้วก็มันจะ
00:23:26 → 00:23:27 สร้างชีวิตของเราในปัจจุบันไปข้างหน้าดี
00:23:27 → 00:23:30 กว่าใช่ๆข้อนี้เห็นด้วยสำคัญมากเลยนะคะ
00:23:30 → 00:23:33 เพราะว่าปมในอดีตโอเคทุกคนมีอยู่แล้วแหละ
00:23:33 → 00:23:36 มากน้อยปมใหญ่ปมเล็กหรือว่าแบบโอ้โหปมนี่
00:23:36 → 00:23:39 เรียงแถวมาเลยในขณะนี้แต่ว่าท้ายสุดแล้ว
00:23:39 → 00:23:42 เนี่ยเราไม่ควรให้มันๆมาเป็นสิ่งที่ทำให้
00:23:42 → 00:23:45 ปัจจุบันเราเดินต่อไปไม่ได้ถูกต้องเลย
00:23:45 → 00:23:48 ความสุขเล็กๆน้อยๆเราควรที่จะมีด้วยซ้ำนะ
00:23:48 → 00:23:50 ไม่ได้แบบโอ้โหอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมดเลย
00:23:51 → 00:23:54 สุดท้ายหาความสุขในตัวเองไม่เจอแล้วก็ทำ
00:23:54 → 00:23:56 ให้ชีวิตมันแย่ไปกว่าเดิมเพราะแล้วเราก็
00:23:56 → 00:23:58 จะมองกลับไปว่านั่นไงเป็นเพราะว่าสมัย
00:23:58 → 00:24:01 เด็กเนี่ยเจอคือบางอย่างมันอาจจะเป็นสิ่ง
00:24:01 → 00:24:04 ที่รู้สึกว่าเราเขาเรียกอะไรเหมือนจะโทษ
00:24:04 → 00:24:07 สิ่งที่เกิดอ่ะแต่บางทีสิ่งที่เกิดเนี่ย
00:24:07 → 00:24:10 มันจะเป็นบทเรียนที่ดีถ้ามาให้เรารู้สึก
00:24:10 → 00:24:13 ว่าเอ้ยเราไม่ควรเป็นแบบนั้นก็ได้นะใช่
00:24:13 → 00:24:17 แต่มันยากเอาเข้าใจจริงๆคนที่ค่อยๆเติบโต
00:24:17 → 00:24:19 กันตามอายุเนาะตามประสบการณ์บางคนก็ผ่าน
00:24:19 → 00:24:21 ได้ดีขึ้นบางคนก็ยังไม่ผ่านแต่มันว่าเอา
00:24:21 → 00:24:22 ใจช่วยทุกๆคนเนาะที่เป็นผู้ฟังนะครับ
00:24:22 → 00:24:26 เพราะฉะนั้นความรุนแรงในครอบครัว
00:24:26 → 00:24:30 เราไม่ควรจะปล่อยผ่านที่ฟังแล้วค่ะนะจะ
00:24:30 → 00:24:33 เป็นปัญหาที่รุนแรงมากน้อยใหญ่แค่ไหน
00:24:33 → 00:24:36 เนี่ยอย่างน้อยถ้าเรามีใครสักคนหนึ่งนะคะ
00:24:36 → 00:24:39 อาจจะมาคลี่คลายปมของเราหรือรับฟังปัญหา
00:24:39 → 00:24:42 ของเราเนี่ยบางทีเราอาจจะก้าวข้ามผ่านตรง
00:24:42 → 00:24:45 จุดนั้นไปได้ได้อย่างดีก็ได้นะคะแต่มัน
00:24:45 → 00:24:47 อาจจะต้องใช้ระยะเวลาทั้งตัวเราก็ต้อง
00:24:47 → 00:24:49 ระมัดระวังและสังคมต้องช่วยกันดูแล
00:24:49 → 00:24:51 สอดส่องครับมีอะไรที่รุนแรงในครอบครัวที่
00:24:51 → 00:24:52 อาจจะเป็นเพื่อนบ้านกันหรืออะไรอย่าง
00:24:52 → 00:24:55 เงี้ยเออแจ้งเจ้าหน้าที่ก็ได้นะคะแต่ว่า
00:24:55 → 00:24:57 อันนั้นก็ต้องเป็นเป็นเหตุที่เกิดขึ้น
00:24:57 → 00:25:00 จริงๆนะไม่ว่าจะเป็นแบบว่ามันอาจจะ
00:25:00 → 00:25:02 อันตรายถึงแก่ชีวิตได้หรือเหตุการณ์อะไร
00:25:02 → 00:25:06 ต่างๆช่วยกันหน่อยละกันนะคะเออๆๆบอกแล้ว
00:25:06 → 00:25:07 ว่าเรื่องนี้วันนี้มันก็เป็นเรื่องเครียด
00:25:07 → 00:25:10 เนาะแสดงว่ามีคนที่มีปัญหาเรื่องพวกเนี้ย
00:25:10 → 00:25:13 ที่เป็นปมแล้วก็เกิดความรุนแรงในครอบครัว
00:25:13 → 00:25:16 ด้วยทั้งทางวาจาทั้งการลงมือหรืออะไรพวก
00:25:16 → 00:25:19 เนี้ยมันมีเยอะจริงๆเนาะ
00:25:19 → 00:25:22 ผมว่ามันมีมากกว่าที่เรารู้ซะอีกในตาม
00:25:22 → 00:25:23 ข่าวอ่ะครับมีมากกว่านั้นอีกที่ซ่อนอยู่
00:25:23 → 00:25:26 อ่าใช่เพราะฉะนั้นอย่าให้มันปมมันเป็นปม
00:25:26 → 00:25:27 ปัญหาของระดับ
00:25:27 → 00:25:31 สังคมเราขนาดนั้นเลยช่วยๆกันเล็กๆน้อยๆนะ
00:25:31 → 00:25:35 คะอ่ะคุยกันเพลินๆแป๊บๆนะคะในเรื่องนี้นะ
00:25:35 → 00:25:37 คะเราก็หวังว่าจะ
00:25:37 → 00:25:41 เสพข่าวความรุนแรงของที่เกิดขึ้นใน
00:25:41 → 00:25:43 ครอบครัวที่เป็นพื้นฐานของสังคมที่สำคัญ
00:25:43 → 00:25:47 ที่สุดเนี่ยน้อยลงไปในอนาคตหวังว่าเป็น
00:25:47 → 00:25:50 เช่นนั้นก็ฝากสิ่งนี้ไว้กับคุณเอิ้นที่จะ
00:25:50 → 00:25:53 ต้องเป็นผู้ที่ให้คำปรึกษาต่อไปในอนาคตจะ
00:25:53 → 00:25:55 ช่วยกันครับวันนี้หมดเวลาแล้วค่ะคุณผู้
00:25:55 → 00:25:57 ฟังค่ะต้องขอบคุณคุณเอิ้นด้วยนะคะที่มา
00:25:57 → 00:26:00 ร่วมพูดคุยในรายการค่ะขอบคุณค่ะสวัสดีค่ะ
00:26:00 → 00:26:02 หมดเวลาแล้วนะคะคุณผู้ฟังพบกันใหม่ครั้ง
00:26:02 → 00:26:05 หน้ากับรายการโรงหมอทางไทยพีบีเอสผ่อน
00:26:05 → 00:26:08 คลายค่ะวันนี้ลาไปก่อนนะคะขอบคุณที่ติด
00:26:08 → 00:26:10 ตามรับฟังสวัสดีค่ะ
00:26:10 → 00:26:12 [เพลง]
00:26:12 → 00:26:15 ทำไมน้ำหล่อลื่นจึงมีความสำคัญในขณะมี
00:26:15 → 00:26:17 เพศสัมพันธ์และผู้ชายมีน้ำหล่อลื่นเหมือน
00:26:17 → 00:26:20 ผู้หญิงหรือไม่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรจัน
00:26:20 → 00:26:22 วิภาดิลกสำพันธ์ผู้เชี่ยวชาญด้านความ
00:26:22 → 00:26:24 สัมพันธ์และครอบครัวมาเล่าให้ฟังครับ
00:26:24 → 00:26:28 ผู้ชายที่หล่อลื่นอยู่ทุกวันนี้ส่วนใหญ่
00:26:28 → 00:26:31 เขาจะใช้น้ำยาหล่อลื่นที่มีขายอยู่ตาม
00:26:31 → 00:26:36 ท้องตลาดใช้ชโลมบน condoms เนาะใช่ใส่ถุง
00:26:36 → 00:26:39 ยางอนามัยก่อนแล้วก็หล่อลื่นนะคะเพื่อที่
00:26:39 → 00:26:41 จะช่วยในกรณีที่ผู้หญิงเพิ่งมี
00:26:41 → 00:26:44 เพศสัมพันธ์ครั้งแรกหรือว่าผู้หญิงที่มี
00:26:44 → 00:26:47 ลักษณะของช่องคลอดแห้งแบบนี้นะคะหรือว่า
00:26:47 → 00:26:50 ผู้หญิงที่มีลักษณะของช่องคลอดที่ภาษา
00:26:50 → 00:26:53 แพทย์เขาจะเรียกว่าคับนะคะขับแน่นอะไร
00:26:53 → 00:26:56 อย่างนี้ค่ะก็จะช่วยยืดขยายได้การมี
00:26:56 → 00:26:58 เซ็กส์กันแบบปกติระหว่างชายหญิงเนี่ยนะคะ
00:26:58 → 00:27:01 ก็จะต้องมีการสอดใส่องชาติเข้าไปในช่อง
00:27:01 → 00:27:04 คลอดผู้หญิงซึ่งธรรมชาติเนี่ยเขาสร้าง
00:27:04 → 00:27:07 ช่องคลอดผู้หญิงมาเนี่ยสามารถยืดขยายได้
00:27:07 → 00:27:09 ถึงขนาดที่เรียกว่าจักรๆองคชาติธรรมดา
00:27:09 → 00:27:12 เนี่ยนะฮะจนกระทั่งถึงขนาดของศีรษะเด็ก
00:27:12 → 00:27:16 กับโผล่ออกมาได้ในการคลอดถูกไหมคะเพราะ
00:27:16 → 00:27:19 ว่าธรรมชาติเขาสร้างมาอย่างนั้นนะฮะแต่
00:27:19 → 00:27:22 ทีเนี้ยในในการมีเซ็กส์ปกติเนี่ยมันจะมี
00:27:22 → 00:27:24 ต่อมค่ะที่เราเรียกว่าต่อมขับน้ำเมือกของ
00:27:24 → 00:27:26 ผู้หญิงเนี่ยนะคะพอเริ่มมีอารมณ์เพศมี
00:27:27 → 00:27:29 อะไรต่างๆเนี่ยช่องคลอดมันก็จะค่อยๆยืด
00:27:29 → 00:27:33 ขยายออกนะคะแล้วก็มีน้ำหลั่งออกมาซึ่งน้ำ
00:27:33 → 00:27:35 นี่แหละที่เขาเรียกกันว่าน้ำหล่อลื่นนะคะ
00:27:35 → 00:27:39 โดยธรรมชาติอยู่แล้วนะคะทีนี้ไอ้ที่เรา
00:27:39 → 00:27:41 เรียกกันว่าน้ำหล่อลื่นน้อยเนี่ยนะฮะมัน
00:27:41 → 00:27:43 ก็ถือว่าเป็นทางการแพทย์เขาเรียกว่าภาวะ
00:27:43 → 00:27:47 ที่ช่องคลอดแห้งนะฮะหรือว่าน้าน้ำหล่อ
00:27:47 → 00:27:48 ลื่นในช่องคลอดเนี่ยน้อยเกินไปเนี่ยนะคะ
00:27:48 → 00:27:53 มันเกิดจากอะไรได้บ้างสาเหตุหลักๆมักจะ
00:27:53 → 00:27:55 เกิดขึ้นภายในช่องคลอดเนี่ยมันมีการหลั่ง
00:27:55 → 00:27:58 น้ำตัวนี้น้อยลงนะฮะแล้วก็ทำให้เยื่อบุ
00:27:58 → 00:28:01 ช่องคลอดแห้งความชุ่มชื่นตรงนี้มันก็น้อย
00:28:01 → 00:28:03 ลงเพราะฉะนั้นก็เลยทำให้เกิดการเจ็บปวดใน
00:28:03 → 00:28:07 ขณะมีเพศสัมพันธ์ได้นะคะซึ่งถ้าไม่ได้มาก
00:28:07 → 00:28:10 มายนักก็แก้ไขง่ายๆโดยการที่เราใช้พวก
00:28:10 → 00:28:13 เควาเยลลี่อะไรพวกนี้ช่วยหล่อลื่นหรือผู้
00:28:13 → 00:28:15 ชายสวมถุงยางอนามัยแล้วหล่อลื่นด้วยด้วย
00:28:15 → 00:28:18 ky พวกนี้นะคะก็จะทำให้ผู้หญิงดีขึ้นกับ
00:28:18 → 00:28:21 ในเรื่องของการปรับในเรื่องของลีลาอารมณ์
00:28:21 → 00:28:24 รักคือผู้หญิงเราเนี่ยยิ่งเกิดอารมณ์น้ำ
00:28:24 → 00:28:27 หล่อลื่นมันจะยิ่งออกนะคะแต่ถ้าไม่ไม่
00:28:27 → 00:28:29 เตรียมผู้หญิงเลยคือไม่ได้หล่อหลอมอารมณ์
00:28:29 → 00:28:33 เธอเลยแล้วมาถึงก็จะเอาเลยนะคะอันนี้จะ
00:28:33 → 00:28:36 เจ็บปวดมาก
00:28:36 → 00:28:41 This Is Choice PBS
00:28:41 → 00:28:44 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่น
00:28:44 → 00:28:46 ของไทยพีแดช็อต
00:28:46 → 00:28:50 spotify Sound Google podcast Apple
00:28:50 → 00:28:53 podcast และ YouTube Channel Thai PBS
00:28:53 → 00:28:54 ผ่อน
00:28:54 → 00:28:59 ค่ะ beautiful
00:28:59 → 00:29:04 [เพลง]