00:00:00 → 00:00:03 เราคุยกันมาค่อนข้างที่จะเกือบๆทุกปีนะ
00:00:03 → 00:00:07 คุณหมอนะเกี่ยวกับโรคเบาหวานเอ่อแต่ก็แต่
00:00:07 → 00:00:10 ก็จำเป็นจะต้องคุยเพราะว่าเอ่อจากหน้า
00:00:10 → 00:00:13 ข่าวรวมถึงการเอ่อประชาสัมพันธ์ของหน่วย
00:00:13 → 00:00:15 งานทางการแพทย์ต่างๆก็เป็นประจำทุกปีต้อง
00:00:15 → 00:00:18 รณรงคเกี่ยวกับเรื่องนี้อยากให้อาจารย์
00:00:18 → 00:00:21 ช่วยอัพเดตสถานการณ์ปัจจุบันของผู้ป่วย
00:00:21 → 00:00:24 เบาหวานของประเทศไทยให้คุณผู้ฟังได้รับ
00:00:24 → 00:00:27 ทราบซะหน่อยครับว่าสถานการณ์ปัจจุบัน
00:00:27 → 00:00:29 เนี่ยมันน่าห่วงหรือว่ามีตัวเลขเป็นยังไง
00:00:29 → 00:00:32 บ้างครับอาจารย์ครับครับคือคือเราลอง
00:00:32 → 00:00:35 ประมาณการนะครับถ้าเราเดินมากันสัก 10 คน
00:00:35 → 00:00:38 เนี่ยจะเจอประมาณสัก 1 คนละนะครับแล้ว
00:00:38 → 00:00:41 ปัจจุบันเนี่ยเราเจอเบาหวานในคนอายุน้อย
00:00:41 → 00:00:44 ลงแต่ก่อนเราอาจจะเจอ 40 ปีขึ้นเดี๋ยวนี้
00:00:44 → 00:00:47 เรามีเ็กอ้วนมากขึ้นบางที 20 ปีก็เริ่ม
00:00:47 → 00:00:50 เป็นเบาหวานก็มีครับนะครับคราวนี้ปัญหา
00:00:50 → 00:00:53 มันก็คือพอเป็นเบาหวานสักระยะนึงก็มาสู่
00:00:53 → 00:00:56 โรคแซกซอนจากโรคเบาหวานซึ่งเป็นทั้งหลอด
00:00:56 → 00:00:59 เลือด็และหลอดเลดใหญ่หลอดเลเล็กก็พวกตา
00:00:59 → 00:01:02 พวกไตนะครับตด้วใจก็เป็นโรคหัวใจโรคกด้วย
00:01:02 → 00:01:04 สมองแล้วก็เป็นแผลที่เท้าแล้วก็ทุกข์กั
00:01:05 → 00:01:08 เท้าครับครับมันนำมาซึ่งโรคอื่นๆตามมาอีก
00:01:08 → 00:01:10 เยอะค่อนข้างเยอะเลยแล้วก็สถานการณ์เริ่ม
00:01:10 → 00:01:16 โอ้ที่ว่าตัวตัวเลขของผู้ป่วยวัยวัยอายุ
00:01:16 → 00:01:20 มีอัตราที่น้อยลงน้อยลงเป็นกันง่ายขึ้น
00:01:20 → 00:01:22 เพราะเพราะหนึก็คือเพราะอาหารการกินหรือ
00:01:22 → 00:01:25 ว่าเรื่องของโภชนาการต่างๆมั้ยครับคุณหมอ
00:01:25 → 00:01:28 ครับปัจจุบันเนี่ยเราพบว่าเรามีเด็กอ้วน
00:01:28 → 00:01:31 มากขึ้นนะครับอืแต่ในในอดีตเนี่ยเราไม่
00:01:31 → 00:01:33 ค่อยมีเด็กอ้วนเยอะเท่านี้คราวนี้อาหาร
00:01:33 → 00:01:36 การกินเราเปลี่ยนเป็นแบบวิฒนาการแบบทาง
00:01:36 → 00:01:39 ตะวันตกมากขึ้นครับนะครับจะมีทั้งเครื่อง
00:01:39 → 00:01:43 ดื่มน้ำอัดลมปริมาณแก้วใหญ่ๆกาแฟแก้วใหญ่
00:01:43 → 00:01:46 ๆซึ่งมีปริมาณน้ำตาลและแคลอรี่สูงรวมถึง
00:01:46 → 00:01:49 แม้แต่อย่างแฮมเบอร์เกอร์เราก็จะเป็นแต่
00:01:49 → 00:01:51 ก่อนจะเป็นชิ้นเล็กก็ชิ้นใหญ่ขึ้นทุกที
00:01:51 → 00:01:55 ทุกทีรวมทั้งมีอาหารบุฟเฟอร์ซึ่งอาจจะทาน
00:01:55 → 00:01:57 กันค่อนข้างจะมากอะนะครับตอนนี้เรา
00:01:58 → 00:02:01 เปลี่ยนเปลี่ยนจากเคยเคกินอาหารไทยที่มี
00:02:01 → 00:02:04 ผักน้ำพริกอะไรเยอะขึ้นก็มาเป็นอาหารทาง
00:02:04 → 00:02:06 ด้านตะวันตกแล้วก็กิวกประจำวันแล้วก็ออก
00:02:06 → 00:02:09 กำลังกายกันร้อยลมนะครับก็จะไปใช้กับสื่อ
00:02:09 → 00:02:13 มือถือแลเล่นเกมกันมากขึ้นค่ะอืเออแต่เรา
00:02:13 → 00:02:16 ก็เห็นเด็กกินน้ำพรงน้ำพริกนี่น้อยลงจริง
00:02:16 → 00:02:19 ๆนะไม่แทบจะไม่เห็นเลยล่ะค่ะสำหรับเอ่อ
00:02:19 → 00:02:22 ถ้าวัยอายุน้อยๆจะแบบว่ากินผักจิ้มน้ำ
00:02:22 → 00:02:26 พริกกินเอ่อไข่ต้มจิ้มน้ำพริกอันนี้น้อย
00:02:26 → 00:02:31 แต่ถ้าเป็นเอ่อพิซซ่าเบอรเกอร์ฟต่างๆ
00:02:31 → 00:02:34 เนี่ยเด็กก็ค่อนข้างชอบแล้วก็มันฝรั่งทอด
00:02:34 → 00:02:36 อย่างเงี้ยแต่ว่าอันนี้เราพูดกันถึง
00:02:36 → 00:02:40 เรื่องพฤติกรรมการบริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
00:02:40 → 00:02:44 นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นยคะที่ทำให้คน
00:02:44 → 00:02:47 เป็นเบาหวานได้แล้วก็เอ่อการเป็นเบาหวาน
00:02:47 → 00:02:50 เนี่ยส่วนใหญ่เนี่ยถ้าโดยถ้าไม่ไม่เกี่ยว
00:02:50 → 00:02:53 ข้องกับพฤติกรรมเนี่ยเอ่อน่าน่าจะเป็นจาก
00:02:53 → 00:02:55 สาเหตุอะไรได้บ้าง
00:02:55 → 00:02:59 คะคือจะมี 2 ส่วนก็คือพฤติกรรมกับกรพันธ์
00:02:59 → 00:03:03 นะครับแต่ว่าเราว่าปัจจัยพฤติกรรมเป็น
00:03:03 → 00:03:07 ปัจจัยหลักในในช่วงในช่วงหลังนะครับตัว
00:03:07 → 00:03:10 อย่างชาวทางด้านตะวันตกอะนะครับครับคน
00:03:10 → 00:03:13 อเมริกันเองเนี่ยเราดูหนังหนังฝรั่งหนัง
00:03:13 → 00:03:16 ทหารอเมริกันในอดีตเเพอฮาร์เบอร์นี่พระ
00:03:16 → 00:03:20 เอกหนุ่มแข็งแรงด้วยอ้วนนะฮะแต่ปัจจุบัน
00:03:20 → 00:03:23 เนี่ยตอนนี้คนอเมริกันเองเก็มาด้วยอ้วนลง
00:03:23 → 00:03:27 พุงเจิสัก 1 ใน 3 ไปแล้วเพราะว่าเารการ
00:03:27 → 00:03:30 ทานอาหารเนี่ยเราเปลี่ยนแปลงไปเลยอย่าง
00:03:30 → 00:03:34 มากเลยนะครับรวมถึงกิจวันในร่างกายในแต่
00:03:34 → 00:03:37 ละวันของเราซึ่งตนี้เป็นปัจจัยหลักเราพบ
00:03:37 → 00:03:40 ว่าเราหวังเพิ่มขึ้นตามปริมาณคนอ้วนที่
00:03:40 → 00:03:43 เพิ่มมากขึ้นครับซึ่งเอ่อการที่อ้วนมาก
00:03:43 → 00:03:47 ขึ้นเนี่ยทำให้การตอบสนองโซลินก็ลดลงการ
00:03:47 → 00:03:50 ทำงานของอินซูลินน้อยลงแล้วเกิดบาวาง่าย
00:03:50 → 00:03:55 ขึ้นครับอืมันจะเป็นในเรื่องของตัวตัวเ่อ
00:03:55 → 00:03:58 ความอ้วนความอ้วนนะครับที่จะเป็นปัจจัย
00:03:58 → 00:04:01 สำคัญำคัญเลยเออขอย้อนกลับไปที่ที่
00:04:01 → 00:04:05 อาจารย์บอกว่าเอ่อเด็กเด็กไทยอ้วนอ้วน
00:04:05 → 00:04:09 อ้วนพบว่าอ้วนมากขึ้นอ้วนเร็วขึ้นอ้วนไว
00:04:09 → 00:04:12 ขึ้นอย่างเงี้ยฮะมันมีมันมีอัตราการวัดม
00:04:12 → 00:04:14 ครับว่ามันมันยังไงมันถึงบอกว่าบ่งบอก
00:04:14 → 00:04:18 แล้วว่าอ้วนนะอาจารย์คือก็จะมีดัชนีมวล
00:04:18 → 00:04:21 กายอยู่นะครับที่เป็นเป็นผู้ใหญ่ทั่วไปก็
00:04:21 → 00:04:25 จะมีดัชนีมวลกายว่าเราก็จะดูว่าจากน้ำ
00:04:25 → 00:04:29 หนักอ่านด้วยส่วนน้ำหนักเป็นกิโลกรัมนะ
00:04:29 → 00:04:32 ส่วนูเป็นเมตยกกำลัง 2 นะครับถ้าเราคำนวณ
00:04:32 → 00:04:35 แล้วเนี่ยมากกว่า 23 ขึ้นไปเก็ถือว่าเรา
00:04:35 → 00:04:38 เริ่มมีน้ำหนักเกินหรือว่าเริ่มอ้วนแล้ว
00:04:38 → 00:04:43 ครับอือครับอือค่ะึ่งซึ่งซึ่งอาตาของใน
00:04:43 → 00:04:46 เพศหญิงรุ่นใหม่เเราเจอหน้าเป็นหงมากคือ
00:04:46 → 00:04:49 เกือบ 40 กว่าเปแต่จะเริ่มมีน้ำหนักที่
00:04:49 → 00:04:53 เกินจะมีมลที่เกินซึ่งึในเดเราไม่ไม่เยอะ
00:04:53 → 00:04:56 ขนาดนี้ซึ่งถ้าเกิดเราไปดูโดยโๆโดยทั่วไป
00:04:56 → 00:05:00 นะฮะเราจะเห็นว่าในในในใชุ้จบันเราก็จะ
00:05:00 → 00:05:05 เห็นคนที่มีค่อนข้างท้วมมากขึ้นครับอืก็
00:05:05 → 00:05:08 ก็ก็ด้วยอย่างที่อาจารย์บอกมาก็คือทั้ง
00:05:08 → 00:05:10 เรื่องของการกินทั้งเรื่องของกรพันธ์เป็น
00:05:10 → 00:05:13 เป็นหลักเป็นสาเหตุหลักๆเลยแล้วก็ไม่ใช่
00:05:13 → 00:05:16 เฉพาะประเทศไทยแนวโน้มของทั่วโลกก็ก็เป็น
00:05:16 → 00:05:19 อย่างนั้นโอ้โหอย่างงี้ก็ถือถึงมันจึงถึง
00:05:19 → 00:05:23 มันจึงถึงนำมาซึ่งวันที่ทั่วโลกเขาคุยกัน
00:05:23 → 00:05:26 ว่าต้องมีวันวันรณรงค์เรื่องเกี่ยวกับเบา
00:05:26 → 00:05:30 หวานโลกซะะใช่มั้ยอาจารย์ที่ที่ผมผม
00:05:30 → 00:05:32 เปรียบโรคเบาหวานเนี่เหมือนกับเปรียบ
00:05:32 → 00:05:36 เหมือนสถานีหัวลำโพงครับหลำโพงคือเราอยาก
00:05:36 → 00:05:39 จะไปเชียงใหม่ไปสงขลาไปแล้วก็ตอนนั้นเรา
00:05:39 → 00:05:42 ก็ไปที่สถานีหัวลำโพงไปสานีเบหวานก็คือ
00:05:42 → 00:05:45 จุดเริ่มต้นของการที่จะไปโรคไทโรคตาโรค
00:05:45 → 00:05:48 หัวใจก็คือสถานีอื่นๆต่อไปก็คือโรคอื่นๆ
00:05:48 → 00:05:51 นั่นแหละโรกอื่นๆซึ่งซึทำให้ค่าใช้จ่าย
00:05:51 → 00:05:54 มันสูงขึ้นรวมถึงเรามีคนที่อายุเยอะขึ้น
00:05:54 → 00:05:57 ซึ่งมีความเจ็บป่วยในโลคเหล่านี้ซึ่งมัน
00:05:57 → 00:06:01 ก็เสียคล้ายแก่ในการรักษาสูงเส้นล้างไโรค
00:06:01 → 00:06:03 หัวใจโรคตายซึ่งขึนตรงนี้ทำให้คุณภาพเขา
00:06:03 → 00:06:06 ไม่ดีด้วยครับแต่เเราสามารถจะป้องกันไม่
00:06:06 → 00:06:09 ให้เขาเกิดโรคเบาหวานในขณะเดียวกันหรือ
00:06:09 → 00:06:11 ว่าถ้าเราเป็นเบาหวานเราสามารถจะลดไม่ให้
00:06:11 → 00:06:14 เกเพราซักซ้อนเนี่ยจะทำให้คุณภาพชีวิตใน
00:06:14 → 00:06:18 ระะยาวเราดีขึ้นมากครับอือ่าอค่ะครับโอ
00:06:18 → 00:06:22 ถ้าเป็นแบบนี้นี่ลักษณะการเอ่อการเป็นเบา
00:06:22 → 00:06:25 หวานเนี่ยคือเราบางบางครั้งอาจารย์ขาเรา
00:06:25 → 00:06:27 รับประทานอาหารเราไปไปเนี่ยเราก็ไม่ได้
00:06:27 → 00:06:30 รู้หรอกว่าร่างกายเราเป็นเาหวานหรือยัง
00:06:30 → 00:06:33 เราจะสังเกตจากอะไรได้บ้างแล้วก็ถ้าใน
00:06:33 → 00:06:37 กรณีที่บุคคลนั้นๆน่ะค่ะไม่ได้ตรวจสุขภาพ
00:06:37 → 00:06:40 ประจำปีอย่างต่อเนื่องเนี่ยเขาควรจะตั้ง
00:06:40 → 00:06:42 ข้อสังเกตกับร่างกายเขายังไงบ้างคะ
00:06:42 → 00:06:46 อาจารย์ครับก็จะมี 2 กลุ่มคือกลุ่มที่ไม่
00:06:46 → 00:06:48 มีอาการนะครับกับกลุมที่ 2 ที่มีอาการ
00:06:48 → 00:06:51 กลุ่มที่มีอาการเนี่ยน้ำตาลเมักจะค่อน
00:06:51 → 00:06:53 ข้างสูงอาการที่เขาจะออกมาเนี่ยก็เนื่อง
00:06:53 → 00:06:56 จากน้ำตาลสูงจะมีน้ำตาลอในปัสสาวะทำให้มี
00:06:56 → 00:06:59 การปัสสาวะบ่อยหิวน้ำบ่อยน้ำหนักลดอ่อน
00:06:59 → 00:07:03 เคลียนะครับหรือว่าบางคนก็การติดเชื้อ
00:07:03 → 00:07:06 ง่ายเช่นอาจจะมีตกขาวได้ง่ายขึ้นครับแล้ว
00:07:06 → 00:07:10 ก็อาจจะเป็นแผลไม่หายรวมถึงพแกซ้อนอ่าที่
00:07:10 → 00:07:13 อาจจะเกิดขึ้นตามมาจะมาด้วยโรคแกซ้อนเลย
00:07:13 → 00:07:17 เช่นโรคเอ่อโรค้วสมองโรคหัวใจนะครับหรือ
00:07:17 → 00:07:19 บางคนก็มีชามือชาเท้าเป็นอาการเตือนนะ
00:07:19 → 00:07:22 ครับคราวนี้ส่วนที่ไม่มีอาการเนี่ยบางที
00:07:22 → 00:07:26 เราก็จะเป็นอ่าก็ควรจะมีการคัดกรองตรวจ
00:07:26 → 00:07:29 สุขภาพตรวจเลือดประจำปีนะครับโดยเฉพาะที่
00:07:29 → 00:07:32 มีครอบครัวเป็นเบาหวานคนอ้วนคนที่มีความ
00:07:32 → 00:07:35 เสี่ยงอื่นๆคนที่มีความดันโลหิตสูงครับนะ
00:07:35 → 00:07:37 ครับหรือว่ามีอาการปิดติดนกาไปแล้วก็ควร
00:07:37 → 00:07:39 ได้การตรวจเช็คดูเพราะว่าเราจะได้รู้ว่า
00:07:39 → 00:07:41 เป็นเบาหวาหรือเปล่าคราวนี้บางคนเนี่ย
00:07:41 → 00:07:43 ตรวจเช็คแล้วยังไม่เป็นเบาหวาแต่เริ่มๆจะ
00:07:43 → 00:07:47 มีอำตา 4 ปกติอันนี้ก็ควรจะใส่ใจเพื่อจะ
00:07:47 → 00:07:50 ได้ป้องกันการเกิดเหวาในอนาคตนะครับยกตัว
00:07:50 → 00:07:52 อย่างเช่นเราไปตรวจแล้วน้ำตาลถ้าเกิน 126
00:07:52 → 00:07:55 เนี่ยอดอาหารแล้วเกิน 126 ขึ้นไปเราจะถือ
00:07:55 → 00:07:57 ว่าเริ่มตั้งแต่ 2 ครั้งนะเราจะถูว่าเ
00:07:57 → 00:08:00 เป็นวะแล้วเิดไปตจรถน้ำตาลเกินตั้งแต่ 100
00:08:00 → 00:08:02 ขึ้นไปถึง 125 เนี่ยเราถือว่าเป็นกลุ่ม
00:08:03 → 00:08:06 เสี่ยงอซึ่งอันนี้บางคนอาจจะกลายเป็นเบา
00:08:06 → 00:08:09 หวาดแล้วหรือว่าบางคนอาจจะกลายเป็นบาวาใน
00:08:09 → 00:08:11 อนาคตซึ่งกลุ่มนี้สามารถปรับเปลี่ยน
00:08:11 → 00:08:13 พฤติกรรมให้ทันเนี่ยก็อาจิกรมาสุปกติก็
00:08:13 → 00:08:15 คือต่ำกว่า 100 ก็จะลดความเสี่ยงของการ
00:08:15 → 00:08:19 เก็บบาวาได้ค่ะอืก็ถ้าถ้าเหมือยคามว่าถ้า
00:08:20 → 00:08:23 ตรวจสุขภาพแล้วรู้รู้ปริมาณเอ่อน้ำตาลใน
00:08:23 → 00:08:27 เลือดที่เราสะสมอยู่ได้รวดเร็วซะก่อนก็จะ
00:08:28 → 00:08:30 ทำให้เรื่องของการรับเตรียมตัวรับมือได้
00:08:30 → 00:08:33 ทันเตรียมปรับปรับเรื่องของอาหารการกิน
00:08:33 → 00:08:37 ได้ได้ทันต้องก็คือเปลี่ยนรักษาได้ทันค่ะ
00:08:37 → 00:08:43 อ๋อครับครับเอ่ออย่างงี้เองถ้าถ้าถ้าพูด
00:08:43 → 00:08:48 กันณเอ่อจากสถานการณ์ที่มันมันเริ่มมีแนว
00:08:48 → 00:08:51 โน้มที่น่ากังวล 1 เดินมา 10 เจอ 1 คน
00:08:51 → 00:08:55 ต้องเป็นแน่ๆอย่างเงี้ยคุณหมอเอ่อมันจะมี
00:08:55 → 00:08:59 วิธีในการเอ่อดูแลรักษาดูแลตัวเองเอาดูแล
00:08:59 → 00:09:01 ตัวเองก่อนแล้วกันรักรักษาเดี๋ยวเราคุย
00:09:01 → 00:09:05 กันพต่อไปดูแลตัวเองอย่างไรกันกันดีครับ
00:09:05 → 00:09:08 ต้องดูแลตัวเองกันอย่างไรดีอาหารการกินใน
00:09:08 → 00:09:11 ปัจจุบันเองก็ค่อนข้างที่จะโอ้โหหลากหลาย
00:09:11 → 00:09:14 แล้วมันก็โอ้โหรสชาติดีทั้งนั้นเลยครับ
00:09:14 → 00:09:17 [เสียงหัวเราะ]
00:09:17 → 00:09:22 อาจารย์ครับคือๆเราก็อยากได้มาทานอาหาร
00:09:22 → 00:09:25 ที่เน้นดูแลเรื่องสุขภาพมากขึ้นน่ะนะครับ
00:09:25 → 00:09:28 คือจริงๆแล้วเนี่ยเค้าบอกว่าอาหารเป็นยา
00:09:28 → 00:09:30 อย่างหนึ่งอือเพราะฉั้นอาหารเป็นยาก็คือ
00:09:30 → 00:09:32 อาหารที่เราทานเข้าไปเนี่ยจะไปต่อสู้กับ
00:09:33 → 00:09:35 โลกก็ได้นะครับหรืออาหารที่เรากินเข้าไป
00:09:35 → 00:09:38 จะส่งเสริมโลกก็ได้นะครับเพราะฉะนั้นโครง
00:09:38 → 00:09:42 การลงที่เขาจัดการก็คือหวานมันเค็มเนี่ย
00:09:42 → 00:09:44 มันเป็นอะไรที่ง่ายเรารู้ว่าอะไรที่หวาน
00:09:44 → 00:09:47 จัมันจัดหรือเข็มกัดเนี่ยก็เรื่องก็จะลด
00:09:47 → 00:09:50 ตาโรคไปได้เยอะหรือว่าอาจจะไปเน้นเรื่อง
00:09:50 → 00:09:53 ของอาหารสุขภาพก็คือเรียกว่า 211 ที่เขา
00:09:53 → 00:09:56 ประชาสัมพันธ์กันก็คือจานข้า 1 จานเรา
00:09:56 → 00:09:59 แบ่งเป็น 4 ส่วนปกติเราควรจะทานผักสัก 2
00:09:59 → 00:10:01 ส่วนนะฮะแล้วก็ 1 ใน 4 เนี่ยก็จะเป็น
00:10:01 → 00:10:04 เพียงข้าวข้าวข้าวถ้าเป็นข้าวกล้องได้ก็
00:10:04 → 00:10:07 ดีนะครับแล้วก็อีก 1 4 เป็นพวกโปรตีนเพ
00:10:07 → 00:10:10 นั้นถ้าเรากินแบบ 211 แล้วก็เครื่องดื่ม
00:10:10 → 00:10:13 จะเป็นน้ำเปล่านมีดกับฟายดำซึ่งไม่มีีไม่
00:10:13 → 00:10:16 มีน้ำตาลมากนะครับแล้วก็จะมีผลไม้ในส่วน
00:10:16 → 00:10:18 ที่ไม่หวาอันนี้ก็จะเป็นอ่าแนวทางการจัด
00:10:18 → 00:10:21 การอาหารสุขภาพโดยทั่วๆไปที่เหมาะสมกับ
00:10:21 → 00:10:25 เรียกว่าอ่าค่อนข้างจะครบครบหมู่แล้วก็
00:10:25 → 00:10:28 ไม่ค่อยเกิดอันตลายกับสุขภาพของเราครับ
00:10:28 → 00:10:31 แล้วก็มีอะไรที่ทำได้ได้ง่ายค่ะอืค่ะคุณ
00:10:31 → 00:10:34 หมอคะอันนี้ขวัญขอความรู้อีกนิดนึงค่ะ
00:10:34 → 00:10:37 กรณีที่เดี๋ยวนี้มันมีเทรนในการที่ควบคุม
00:10:37 → 00:10:40 เวลาการกินพวก intermittent fasting
00:10:40 → 00:10:44 อะไรเงี้ยค่ะบางคนก็ควบคุมอาจจะ 18 6 10
00:10:44 → 00:10:48 เอ่อ 168 หรืออะไรทำนองเนี้ยนะคะการควบ
00:10:48 → 00:10:51 คุมลักษณะแบบเนี้ยในการที่จะควบคุมเวลาใน
00:10:51 → 00:10:54 การกินเนี่ยมันเหมาะสมมยกับการควบคุม
00:10:54 → 00:10:57 ระดับน้ำตาลของผู้ที่จะเป็นเบาหวานหรือ
00:10:57 → 00:11:00 ผู้ที่มีความเสี่ยงคนที่เป็นเบาหวานทำแบบ
00:11:00 → 00:11:04 นี้ได้มั้ยคะอืครับก็ก็เป็นการรักษาเบา
00:11:04 → 00:11:08 หวานวิธีนึงนะคะเพราะว่าการการทำ interm
00:11:08 → 00:11:10 fasting เนี่ยบางทีจะเพะว่ามีบางคนก็
00:11:10 → 00:11:13 สามารถจะลดน้ำหนักแล้วก็สามารถจะลดยา
00:11:13 → 00:11:17 ปริมาณยาที่ใช้ลงได้นะครับแต่ว่าก็อาจจะ
00:11:17 → 00:11:20 ต้องพิจารณาเป็นรายๆเพราะบางรายเนี่ยการ
00:11:20 → 00:11:23 ที่เขาใช้ยาที่อาจจะเรียกว่าค่อนข้างแรง
00:11:24 → 00:11:27 นะครับอาจจะเกิดน้ำตาลตกได้เวลาเไปทำไ
00:11:27 → 00:11:30 เพราะฉะนั้นก็ต้องต้องอยู่ภายใต้การดูแล
00:11:30 → 00:11:33 ในคำแนะนำมีการตรวจน้ำตาลไประยะระยะว่ามี
00:11:33 → 00:11:36 การเก็บน้ำตาลตกหรือเปล่าซึ่งจำเป็นอาจจะ
00:11:36 → 00:11:40 ต้องลดยาลงค่ะอืค่ะครับเอ่ออย่างอย่า
00:11:40 → 00:11:43 อย่างเรื่องของอาหารการกินเอ่อมันมันถึง
00:11:43 → 00:11:46 ขั้นจำเป็นเลยมยครับคุณหมอว่าอุ้ยถ้าไม่
00:11:46 → 00:11:50 อยากเป็นเบาหวานอย่าอย่าเริ่มกินเอ่อของ
00:11:51 → 00:11:54 ที่มันหวานมันเค็มตั้งแต่เอ่อวัยรุ่นเลย
00:11:54 → 00:11:57 นะเดี๋ยวมันจะได้ประคองเรื่องของสุขภาพ
00:11:57 → 00:11:59 ร่างกายไปอย่างนั้นเลยมันมันมันฟิกขนาด
00:11:59 → 00:12:02 นั้นเลยจะดีไหมครับคุณหมอ
00:12:02 → 00:12:07 เ่อคือก็เพราะว่าไอ้ตัวน้ำกานี่ก็เป็น
00:12:07 → 00:12:11 ราายต่อสุขภาพเหมือนกันนะครับาวนี้เเบอก
00:12:11 → 00:12:14 ว่าจะมีการติดหวานแล้วก็อ่าน้ำตาลที่
00:12:14 → 00:12:17 ปริมาณยากมากเกินทำให้เกิดโรคต่างๆตามมาา
00:12:17 → 00:12:20 นี้น้ำตาลที่เขาแนะนำว่าพวกคนผิวโภคไม่
00:12:20 → 00:12:23 เกิน 6 ช้อนต่อวันแต่ในความเป็นจริงเนี่ย
00:12:23 → 00:12:27 การเกโต้ของน้ำตาลคนไทยจะเกินไปเป็น 20
00:12:27 → 00:12:30 ช้อนคืออาจ 2-3 เท่าซึ่งเกนอือฮึปมาตามคำ
00:12:31 → 00:12:34 แนะนำเรากินในปริมาณที่ 6 ช้อต่อวันอัน
00:12:34 → 00:12:37 นี้ก็จะช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคใน
00:12:37 → 00:12:41 อนาคตนะครับอืก็คืออาจจะให้ให้มีความ
00:12:41 → 00:12:45 สมดุลหรือว่าเราก็พยายามรรงเรื่องของหวาน
00:12:45 → 00:12:47 น้อยสังได้เพราะฉะนั้นเราก็จะพยายามดกัน
00:12:47 → 00:12:53 โพกน้ำตลงอค่ะแสดงว่าอ่าครับเชิญพี่หว
00:12:53 → 00:12:57 เอ่ออันนี้เพื่อนบางคนค่ะคุณหมอโอฉันกิน
00:12:57 → 00:12:59 หวานเยอะเดี๋ยวๆฉันกินน้ำเยอะเยอเดี๋ยวไป
00:12:59 → 00:13:01 ล้างไปล้างไปล้างออกมาอ๋อละลายเจือจาง
00:13:01 → 00:13:05 เหรอละลายเจือจางไอ้ความคิดเนี้ยมันมัน
00:13:05 → 00:13:07 ถูกหรือมันผิดคะคุณหมอ
00:13:07 → 00:13:13 อครับก็คือสมมุติในเราเราใส่น้ำตาลไปมี
00:13:13 → 00:13:15 อยู่น้ำตาลอยู่ 6 ช้อนแล้วเราเจียกางลง
00:13:15 → 00:13:17 มันก็มีน้ำตาลในแก้วนั้นอยู่ 6 ช้อนเเรา
00:13:17 → 00:13:22 กินนะครับเหมือนกับว่าเราเราอ่าเราใส่น้ำ
00:13:22 → 00:13:26 ไอย่ากินกันกินเค็มใช่มฮะเรากินเค็มเรา
00:13:26 → 00:13:29 บอกว่าเราก็ใส่น้ำปลาไป 3 ช้อนแต่ว่าเรา
00:13:29 → 00:13:32 เราใส่น้ำเยอะๆเลยแต่เรากินน้ำซุปจนหมดก็
00:13:32 → 00:13:35 น้ำปลาไป 3 ช้อนปริมาณก็ยังอยู่ในนั้นใช่
00:13:35 → 00:13:38 ครับแต่เราถ้าเผิดเรากินใส่น้ำปลาไป 3
00:13:38 → 00:13:41 ช้อนแต่กินแค่ครึ่งนึงแล้วก็จะรับน้ำน้ำ
00:13:41 → 00:13:43 ปลาไปช้อนครึ่งอะไรอย่างเงี้ยค่ะหรือว่า
00:13:43 → 00:13:46 ถ้าเกิดเราจะค่ะจะหวานหวานวานหวานจัดแต่
00:13:46 → 00:13:49 เรากินไปครึ่งแก้วแล้วไม่กินครึ่งแก้วนี่
00:13:49 → 00:13:52 ก็จะได้น้ำตาลลดลงไปครึ่งนึงแต่เเรากิน
00:13:52 → 00:13:55 หวานน้อยลงแต่ปริมาณมันเยอะขึ้นปริมาณน้ำ
00:13:55 → 00:13:57 ตาลมันเท่าเดิมมันก็อาจจะไม่ได้ช่วยอะไร
00:13:57 → 00:14:00 เท่าไหร่ครับอ๋อเหมือนเป็นการปลอบปารมจิต
00:14:00 → 00:14:03 ใจอ่ะบางทีแบบเออเจอจาเจอจังแล้วเจอจัง
00:14:03 → 00:14:07 แล้วจาแล้วไม่หวานแล้วอะไรเงี้ยเหรอตังง
00:14:07 → 00:14:09 ที่เรากินเบคอนแก้วแล้วใช่
00:14:09 → 00:14:14 มั้ยอ๋อเออๆๆออแสดงว่าจริงๆแล้วน่ะเรื่อง
00:14:14 → 00:14:18 ของเรื่องของอาจจะไม่ต้องขั้นขั้นแบบฟิก
00:14:18 → 00:14:21 ตัวเองว่าขนาดว่าอุ้ยฉันจะไม่กินหวานเลย
00:14:21 → 00:14:23 เด็ดขาดแต่แต่ถ้าทำได้มันก็ดีออนะแต่ว่า
00:14:23 → 00:14:26 โดยความเป็นจริงมันอาจจะจะไม่ได้ขนาดนั้น
00:14:26 → 00:14:30 ไม่ไม่งั้นมันจะมันจะฝืนบางบางอย่างของ
00:14:30 → 00:14:32 ร่างกายหรือคามบางอย่างของชีวิตไปแต่
00:14:32 → 00:14:34 เพียงแต่ต้องกินอย่างสมดุลใช่มั้ยคุณหมอ
00:14:34 → 00:14:38 กินให้มันสมดุลหวานก็วันนี้สมมุติกินมื้อ
00:14:38 → 00:14:42 นึงแล้วมื้อต่อไปก็ก็ก็เลี่ยงซะหรือว่าลด
00:14:42 → 00:14:45 ปริมาณลงซะอย่างงั้นก็ก็จะจะได้ครับเพราะ
00:14:45 → 00:14:48 บางบางคนเอาจจะอ้างว่าเรื่องของเอ่อความ
00:14:48 → 00:14:51 สุขของการทานก็อาจะเป็นความสุขอย่างหนึ่ง
00:14:51 → 00:14:55 แต่ว่าเราอาจจะต้องดูว่าอ่าความสุขอัน
00:14:55 → 00:14:59 นั้นไม่ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายเราอื
00:14:59 → 00:15:02 เพราะว่าบางทีความสุขเรียกว่าบางทีอย่าง
00:15:02 → 00:15:06 เช่นอ่าอร่อยปากลำบากไปเราพูดอร่อยปาก
00:15:06 → 00:15:08 ลำบากไปก็คือปากไม่เหมือนลูกรักอะไรก็ตาม
00:15:08 → 00:15:11 แกทุกอย่างแต่ไตที่อยู่เบื้องหลังในแล้ว
00:15:11 → 00:15:14 อื่นๆของเราเนี่ยมันอยู่ข้างในซึ่งมันทำ
00:15:14 → 00:15:19 งานหนักคอยจัดการสิ่งของเสียที่เราเอ่อ
00:15:19 → 00:15:21 กินเข้าไปนะครับแต่ว่าเราไม่เคยสนใจมัน
00:15:21 → 00:15:24 เพราะฉะนั้นบางทีเราจะกินเค็มกินอะไรเปาก
00:15:24 → 00:15:27 มันอร่อยหมดแต่ไตมันทำงานมาแล้วก็สุดท้าย
00:15:27 → 00:15:30 มันเกิดโรคในอนาคตหรือว่าตอ่อนของเราอกิน
00:15:30 → 00:15:32 หวานเกินแต่กับอ่อนต้องคอยหลังสินเพื่อ
00:15:32 → 00:15:35 ควบคุมน้ำตาลให้น้ำตาลมันปกตินะครับ้ามัน
00:15:35 → 00:15:38 ก็เกิดโรคเพราะฉะนั้นความอร่อยอันนึง
00:15:38 → 00:15:40 เนี่ยแต่ว่าทำให้เกิดโรคอย่างหนึ่งเนี่ย
00:15:40 → 00:15:42 เราก็ต้องให้เกิดความสมดุลคืออร่อยแต่ว่า
00:15:43 → 00:15:48 ไม่เกิดโรคเเป็นสิ่งที่ดีครับอือครับรูป
00:15:48 → 00:15:51 แบบอย่างที่พี่พี่ขวัญเ่อชวนคุยมาก่อน
00:15:51 → 00:15:53 หน้านี้รูปแบบการการรับประทานอะไรนะ 16
00:15:53 → 00:15:56 อะไรนะพี่ขวัญเป็น interm fasting เป็น
00:15:56 → 00:16:00 การกินบางเวลาแล้วงดอาหารบางเวลาอย่าง
00:16:00 → 00:16:02 เงี้ยมันเป็นมันอาจจะเป็นหนึ่งวิธีกลเม็ด
00:16:02 → 00:16:05 เคล็ดลับของแต่ละคนมันมันมันมันยังมีวิธี
00:16:05 → 00:16:09 อื่นที่แนะนำแตกแยกจากอันนี้อีกมครับคุณ
00:16:09 → 00:16:12 หมอที่แบบฉันอยากอืมไม่อยากเป็นไม่อยาก
00:16:12 → 00:16:15 เสี่ยงเป็นเบาหวานในชีวิตเลยอ่ะมันมันมัน
00:16:15 → 00:16:17 จะไปในในทิศทางไหนได้อีกมั้ยครับมีทิศทาง
00:16:17 → 00:16:22 อื่นอีกมั้ยฮะครับอ่าคืออย่างการทำ is นะ
00:16:22 → 00:16:24 อีกอันนึงก็คือเราก็คือเราอาจะทานมื้อ
00:16:24 → 00:16:27 เย็นน้อยลงอืมื้อเย็นกว่าใช่เรากินมื้อ
00:16:27 → 00:16:29 เย็นน้อยลงกินมื้อเย็นเร็วขึ้นก็อาจะ่งๆ
00:16:29 → 00:16:32 การทำไอเหมือนกันเพราะจะมีช่วงที่อดอาหาร
00:16:32 → 00:16:36 อยู่นานนะครับถ้ากินมื้อเย็นน้อยหรือเรา
00:16:36 → 00:16:39 ไม่ค่อยกินเมื้อเย็นเนี่ยเมตาบอลิกต่างๆ
00:16:39 → 00:16:42 เกี่ยวกับน้ำตาลไขมันเราก็จะดีขึ้นอนะ
00:16:42 → 00:16:43 ครับส่วนวิธีการกินอย่างอื่นอย่างที่
00:16:43 → 00:16:46 กล่าวไปแล้วว่าวิธีการกิน 211 ที่กินผัก
00:16:46 → 00:16:49 เยอะแล้วก็วิธีการอื่นก็จะเป็นพวกอาหาร
00:16:49 → 00:16:54 เิน Diet ก็จะมีพวกเน้นปลาเน้นมันมะกอก
00:16:54 → 00:16:58 คือเน้นอาหารที่ดีต่อสุขภาพแล้วก็อื่นๆก็
00:16:58 → 00:17:02 การทำโลคะก็คือกินคาเด็ดกินแป้งข้าวน้อย
00:17:02 → 00:17:06 ไปเน้นโปรตีนไปเน้นไขมันอันนี้ก็อีกอัน
00:17:06 → 00:17:08 นึงหรืออีกอันนึงก็คือการจำกัดแคลอรี่ดู
00:17:08 → 00:17:10 แคลอรี่ต่อวันที่เหมาะสมว่าแคลอรี่เราไม่
00:17:10 → 00:17:14 เกินอะไรก็ก็เป็นหลายๆวิธีแล้วแต่แล้วแต่
00:17:14 → 00:17:17 ความความชอบของแต่ละคนเพื่อจะคือสิ่ง
00:17:17 → 00:17:19 สำคัญของการดูแลเรื่องอาหารเนี่ยนะครับ
00:17:19 → 00:17:22 มันก็จะอยู่ว่าอะไรให้เราใช้วิธีนั้นได้
00:17:22 → 00:17:25 นานๆอถ้าวิธีนั้นเป็นวิธีที่เราเหมาะกับ
00:17:25 → 00:17:28 เราเราชอบเราจะทำได้นานก็อาจจะอาจจะดูแล
00:17:29 → 00:17:31 เรสุขภาพได้ดีนะครับแต่้าเกิดว่าวิธีนั้น
00:17:31 → 00:17:34 เป็นวิธีที่เราทำรู้สึกผมมันลำบากมากเลย
00:17:34 → 00:17:36 มันก็อาจจะทำได้เพียงเชวคราวแล้วก็อาจะ
00:17:36 → 00:17:40 กลับไปพฤติกรรมอาหารเดิมใหม่ครับอืค่ะอัน
00:17:40 → 00:17:43 นี้เห็นด้วยกับอาจารย์เลยนะคะโอเพราะว่า
00:17:43 → 00:17:46 เอ่อการควบคุมอาหารเนี่ยถ้าทำได้อย่าง
00:17:46 → 00:17:49 ยั่งยืนอ่ะแล้วทำแล้วมีความสุขอ่ะมันก็จะ
00:17:49 → 00:17:52 กลายเป็นเอ่อพฤติกรรมใหม่ที่เราจะเปลี่ยน
00:17:52 → 00:17:56 แปลงไปอย่างเช่นบางคนน่ะควบคุมโดยการที่
00:17:56 → 00:17:58 กินเฉพาะเนื้อสัตว์อย่างเดียวแล้วเขาก็
00:17:58 → 00:18:01 ไม่มีแปแป้งเลยเพราะว่าเขาไม่ต้องการเอ่อ
00:18:01 → 00:18:04 คาร์โบไฮเดรตจากแป้งหรือพลังงานจากแป้ง
00:18:04 → 00:18:07 อันเนี้ยสุดท้ายแล้วอ่ะร่างกายมันก็โหย
00:18:07 → 00:18:11 แป้งอืแล้วเวลากลับไปรับประทานแป้งบางคน
00:18:11 → 00:18:13 ถึงขั้นที่แบบเหมือนสติแตกเลยค่ะอาจารย์น
00:18:13 → 00:18:16 ไม่ได้กินมานาเงี้ยอ็ดอร่อยจัดอย่างงี้
00:18:16 → 00:18:19 เหรอทะลุเลยอ่ะแบบยังเหมือนเหมือนที่
00:18:19 → 00:18:21 คล้ายๆกับคนที่บอกว่าลดน้ำหนักแล้วฉัน
00:18:21 → 00:18:24 กลับมาโยโยอย่างเงี้ยอ๋ออย่างงี้เอง
00:18:24 → 00:18:27 อันเนี้ยพฤติกรรมแบบเนี้ยคุณหมอเคยเจอคน
00:18:27 → 00:18:30 ไข้มีลักษณะแบบนี้มคะอือฮึที่ในความเป็น
00:18:30 → 00:18:34 จริงเนี่ยอย่างบางคนไปกินคีโตไดเอดอะไรนะ
00:18:34 → 00:18:37 ฮะคือคาร์โบเดตน้อยมากเกินไปอันนั้นเราก็
00:18:37 → 00:18:39 ไม่ค่อยแนะนำนะครับแต่ว่ายังไงก็อาจะมี
00:18:39 → 00:18:43 บ้างแต่อาจจะไม่ถึงกับเยอะเกินเพราะปัญหา
00:18:43 → 00:18:44 นึงของ
00:18:44 → 00:18:47 เอ่อการรับประทานอาหารในคนไทยก็คือแป้ง
00:18:47 → 00:18:51 ข้าวมักจะเกินอืก็คือคือบางทีอาจจะเป็น
00:18:51 → 00:18:54 เรื่องของสฐานะของคนไทยเมื่อเทียบกับคน
00:18:54 → 00:18:57 ต่างประเทศเช่นคนยุโรปอะไรคนยุโรปก็จะ
00:18:57 → 00:19:00 เป็นหุ่นแข็งแรงมี้าเนื้ออะไแต่คนไทยจะ
00:19:00 → 00:19:04 เน้นอ้วนแล้วก็เตี้อซึ่งซึตรงนี้มันไม่
00:19:04 → 00:19:07 เป็นสิ่งที่เราต้องการสำหรับเอ่อเด็ไทยใน
00:19:07 → 00:19:09 อนาคตนะครับเพราะเด็กไทยในอนาคตก็คนเด็ก
00:19:09 → 00:19:12 ไทยที่สูงเนี่ยเก็จะเริ่มไปพวกทานอาหาร
00:19:12 → 00:19:17 ประเภทนมไข่โปรตีนแต่แป้งข้าวอาจจะไม่ถึง
00:19:17 → 00:19:19 กันเยอะมากเพราะฉนั้นเราก็อยากจะได้เด็ก
00:19:19 → 00:19:22 ที่ตัวสูงแต่ไม่อ้วนอะไรแบบนั้นนะคเพราะ
00:19:22 → 00:19:26 นั้นอาหารก็จะเป็นอะไรที่เราจะจัดให้เ่อ
00:19:26 → 00:19:29 เด็กๆของเราทานนะครับพยายามจะมีรถนมโรง
00:19:29 → 00:19:32 เรียนหรืออื่นๆเพื่อจะสนับสนุนแต่ว่าเอ่อ
00:19:32 → 00:19:35 ในสภาพของคนทั่วไปของคนไทยก็ยังบริโภค
00:19:35 → 00:19:37 แป้งเข้าวเยอะเกินอยู่เพราฉะนั้นเวลาเติม
00:19:38 → 00:19:40 มันจะเติมข้าวเติมข้าวใช่มฮแต่ไม่ค่อยมี
00:19:40 → 00:19:42 โปรตีนให้เติมเท่าไหร่เพราะว่าอาจจะ
00:19:42 → 00:19:45 โปรตีนเราอาจจะมีจำกัดอะไรแล้วอาจจะมี
00:19:45 → 00:19:48 ราคาแพงที่อาจจะเหมาะก็จะเป็นปลาเป็นไก่
00:19:48 → 00:19:53 เป็นไข่ครับพอไปเจอในสภาพของทั่วไปจริงๆ
00:19:53 → 00:19:56 พวกเนี้บางทีถ้าเด็กๆเขจะไปหาซื้อก็ราคา
00:19:56 → 00:19:59 แพงเด็ๆก็จะไม่มีโอกาสได้บริโภคนะแต่้า
00:19:59 → 00:20:02 เผื่อในเอ่อในสังคมหรือครอบครัวที่มีความ
00:20:02 → 00:20:05 พร้อมเจะควรจะจัดโปรตีนเให้เพียงพอเหมือน
00:20:05 → 00:20:08 กันแล้วก็จะลดือมันแงข้าวลดลงครับแต่ก็คง
00:20:08 → 00:20:11 ไม่ใช่ว่าตัดตัดไปเลยนะครับก็ให้เหมาะสม
00:20:11 → 00:20:13 ได้เยอะเกินครับเพราว่าร่างกายก็ยัง
00:20:13 → 00:20:15 ต้องการอาหารให้ครบ 5 หมูนะอาจารย์นะใช่
00:20:15 → 00:20:18 ครับตงๆ 5 หมู่นี่ผมว่าสำคัญมากแล้วหมู่
00:20:18 → 00:20:21 ที่เราขาดไปเยอะก็คือพวกผพวกผักผักอเรา
00:20:21 → 00:20:25 เราคนคนไทยบริโภคผักกันน้อยมากเลยแต่ว่า
00:20:25 → 00:20:28 ในแนักในในอดีตเอย่างเส้นผักบางอย่างเรา
00:20:28 → 00:20:31 อาจจะเป็นเมนูที่อาจจะมีมากขึ้นเช่นเราา
00:20:31 → 00:20:35 จะเน้นกันทานผักสลัดผักน้ำพริกหรือว่าแตง
00:20:35 → 00:20:39 แตงแตงส้มแตงเรียอะไรที่เรามีปริมาณผักใน
00:20:39 → 00:20:42 น้ำแกงเยแงจีผักกาดขาวก็อาจจะช่วยเน้นให้
00:20:42 → 00:20:46 เขามาได้ิพกผักมาขค่ะอืก็ผักก็นั้นจะเป็น
00:20:46 → 00:20:50 ตัวช่วยหลายๆหลายๆอย่างนะทั้งเรื่องของ
00:20:50 → 00:20:52 เอ่อเบาหวันนี่ส่วนหนึ่งแล้วก็เรื่องของ
00:20:52 → 00:20:54 ระบบทางเดินอาหารระบบย่อยต่างๆเรื่องของ
00:20:54 → 00:20:57 วิตามินที่จะได้เติมเข้าไปเอ่อเสริมเสม
00:20:57 → 00:21:00 จากคำคำตอบนี้เลยก็ได้กันนะอาจารย์ครับ
00:21:00 → 00:21:04 เอ่อคุณผู้ฟังถามมาว่าอดหวานแล้วยัง
00:21:04 → 00:21:07 สามารถเป็นเบาหวานได้หรือเปล่าคเออ
00:21:07 → 00:21:11 อาจารย์เป็นได้มั้ยครับคือ
00:21:11 → 00:21:15 เอ่อเบาหวามันมีหลายประเภทนะครับประเภเรา
00:21:15 → 00:21:18 เราจะพยายามพูดถึงเบาหวานส่วนใหญ่ก็คือ
00:21:18 → 00:21:21 เบาหวานที่คนอ้วนนะครับแต่จะมีเบาหวานที่
00:21:21 → 00:21:23 เป็นรุนแรงที่เป็นคนผอมเป็นอายุน้อยที่
00:21:23 → 00:21:26 ต้องฉินสุรินอันนั้นจะจะเป็นเพราะว่าตัว
00:21:26 → 00:21:29 ตับอ่อนเไม่มีสุรินเลยนะก็ต้องต้องต้อง
00:21:29 → 00:21:32 รักษารักษาเต็มที่และเข้มงวดนิดนึงอันนึง
00:21:32 → 00:21:34 ก็คือเบาหวานในคนท้องแล้วอีกอันนึงก็เป็น
00:21:34 → 00:21:37 เบาหวานจากกรมพรบางประเภทานี้เราพูดถึง
00:21:37 → 00:21:39 เบาหวานคนชิ้นที่ 2 ที่เป็นเบาหวานที่
00:21:39 → 00:21:42 เป็นคนอ้วนส่วนใหญ่นะครับถ้าพูดว่าอดหวาน
00:21:42 → 00:21:45 แล้วน้ำตาลก็จะขึ้นมคือน้ำตาลมาจากส่วน
00:21:45 → 00:21:48 ที่เป็นแป้งเป็นคาร์โบไฮเดรตได้เหมือนกัน
00:21:48 → 00:21:51 ก็คือกสามารถจะเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาลครับ
00:21:52 → 00:21:56 อย่างเช่นเราไปทานผลไม้ผลไม้ก็จะมีน้ำตาล
00:21:56 → 00:21:59 จากผลไม้น้ำตาลฟรุกโตสไปทานนมหวานก็อาจะ
00:21:59 → 00:22:02 มีน้ำตาลแลคโตสพวกนี้ก็เป็นชนิดเป็นน้ำ
00:22:02 → 00:22:04 ตาลเหมือนกันนะครับส่วนตัวแป้งอาจจะมันจะ
00:22:04 → 00:22:07 เป็นเป็นน้ำตาลกลูโคสเพนั้นคือบางทีเรา
00:22:07 → 00:22:09 ไม่ได้กินตัวน้ำตาลโดยตรงแต่ในปริมาณ
00:22:09 → 00:22:12 คาร์โบไฮเดรตหรืออาหารประเภทอื่นจะเเป็น
00:22:12 → 00:22:15 น้ำตาลอีกทีนึงอซึ่งถ้าเื่อเรากินเยอะมัน
00:22:15 → 00:22:18 ก็เปลี่ยนแปลงไปได้เยอะเหมือนกันครับอื
00:22:18 → 00:22:21 ค่ะก็ก็แสดงว่าต่อให้ไม่กินแบบอาหารพวก
00:22:21 → 00:22:24 ประเภทอาหารหวานเลยแต่ถ้าเรากินอาหารพวก
00:22:24 → 00:22:26 เอ่ออื่นๆที่เป็นเอ่ออย่างเช่น
00:22:26 → 00:22:29 คาร์โบไฮเดรตแป้งอะไรพวกนี้สุดท้ายมันมัน
00:22:29 → 00:22:32 ร่างกายมันถูกย่อยก็มีน้ำตาลปนออกมาอยู่
00:22:32 → 00:22:35 ด้วยอยู่ดีเอ่อเพราะฉะนั้นก็ต้องควบคุมใน
00:22:35 → 00:22:38 เรื่องของสิ่งที่อาจจะมีน้ำเขาเรียกว่า
00:22:38 → 00:22:40 น้ำตาลแฝงได้มั้ยอาจารย์หรือว่ามันมัน
00:22:40 → 00:22:43 จริงๆมันก็มีอยู่แล้วแต่เพียงแต่ว่ามัน
00:22:43 → 00:22:46 มันต้องผ่านกระบวนการย่อยแล้วก็จะต้องการ
00:22:46 → 00:22:49 กบวนการย่อยแล้วเเป็นนำเิดครับครับอ่าแต่
00:22:49 → 00:22:52 ว่าก็เลือกเขาอาจจะอาจจะเลือกเขาเรียกว่า
00:22:52 → 00:22:54 กินในปริมาณที่เหมาะสมอย่างที่บอกคือมัน
00:22:54 → 00:22:56 มันเรียกไม่ได้ว่าใช่เพราะว่าอันนี้สำคัญ
00:22:57 → 00:22:59 เลยแต่ว่าปัญหาคือคนที่เป็นเบาหวานเนี่ยเ
00:22:59 → 00:23:03 มักจะกินเกินมานานจเรู้สว่าเกินเกินพอพอ
00:23:03 → 00:23:05 เราถามเอเคกินเยอะมั้ยบางทีเบอกกินไม่
00:23:05 → 00:23:08 เยอะไม่ปกติของเนั่นแหละแต่ว่าปกติของเขา
00:23:08 → 00:23:11 เนี่ยมันเก็บสะสมจากน้ำหนักตัว 60 กาย
00:23:11 → 00:23:15 เป็น 70 80 90 100 อะไรซึ่งการการ
00:23:15 → 00:23:18 รักษาเราคือเราต้องพยายามกินให้ขาดแล้ว
00:23:18 → 00:23:21 กลับมาสู่น้ำหนักตัวที่เหมาะสมอย่างเช่น
00:23:21 → 00:23:24 น้ำหนักตัวควรจะเป็น 60 ตอนนี้ 80 ถ้าเลด
00:23:24 → 00:23:28 จาก 80 มา 60 ได้นะคะก็จุบันแล้วพบว่าถ้า
00:23:28 → 00:23:30 เกิดคนอ้วนที่เป็นเบาหวานเนี่ยถ้าลดน้ำ
00:23:30 → 00:23:34 หนักได้ประมาณ 10 ถ 15% หรือประมาณ 10-15
00:23:34 → 00:23:37 กลเนี่ยจะมีเบาหวานเรียว่ายสงบจากเบาหวาน
00:23:37 → 00:23:41 ก็คือเบาหวานจากที่เคใช้ใช้ยาเยอะๆอาจจะ
00:23:41 → 00:23:43 กลับมาไม่ต้องใช้ยาเลยเยกลับมาควบคุม
00:23:43 → 00:23:46 อาหารได้อือย่างเดียวแต่ว่าปัญหาอยู่ที่
00:23:46 → 00:23:50 ว่าเอ่อคนคนั้นเมีความตั้งใจจริงในการปับ
00:23:50 → 00:23:53 เด้วยการเต็มที่จนลดน้ำหนักได้ประมาณ 10
00:23:53 → 00:23:57 - 15% หรรือเปล่าหรือเปล่าแต่ว่าวิธี
00:23:57 → 00:24:00 การมันขึ้นอยู่กับความพร้อมความตั้งใจนะ
00:24:00 → 00:24:03 คะแต่ว่ามันมีกระบวนการการที่จะทำให้โรค
00:24:03 → 00:24:07 ดีขึ้นอยู่ค่ะอือ๋อถ้าเป็นแบบนี้นี่ถ้า
00:24:07 → 00:24:11 เอ่อมีผู้ป่วยเข้าไปหาคุณหมอเนี่ยแนวทาง
00:24:11 → 00:24:14 แรกที่คุณหมอจะแนะนำผู้ป่วยส่วนใหญ่เนี่ย
00:24:14 → 00:24:17 จะเป็นในลักษณะของการควบคุมน้ำหนักหรือ
00:24:17 → 00:24:20 ว่าเอ่อออกกำลังกายก่อนก่อนที่จะให้ทารับ
00:24:20 → 00:24:23 ประทานยาหรือวิธีการรักษาแบบอื่นๆหรือ
00:24:23 → 00:24:26 เปล่าคะหรือว่าต้องมีวิธีการรักษา
00:24:26 → 00:24:29 วินิจฉัยอย่างไรคะคุณหมอคะคือคือการรักษา
00:24:29 → 00:24:31 โรคเบาหวานเสิ่งสำคัญที่สุดคือคนไข้ต้อง
00:24:31 → 00:24:34 รู้จักโรคเบาหวานว่าเป็นยังไงก่อนครับ
00:24:34 → 00:24:37 ครับคือคือเราเรากำลังจะพูดถึงการรักษา
00:24:37 → 00:24:39 เนี่ยแต่เขาไม่รู้จักเอโรคประวาดเนี่ยน้ำ
00:24:39 → 00:24:42 ตาลเควรจะเท่าไหร่น้ำตาลสะสมเท่าไหร่แล้ว
00:24:42 → 00:24:46 ถ้าเกิดเอ่าเจัดการไม่ดีในอนาคตสิ่งที่
00:24:46 → 00:24:49 เกิดขึ้นกับเาอะไราใน 5 ปี 10 ปีอืแต่ว่า
00:24:49 → 00:24:51 ถ้าเกิดเจัดการโรคได้ดีเนี่ยโรคแรกซ้อน
00:24:51 → 00:24:54 เหล่านี้อาจจะไม่เกิดเลยหรือแม้แต่เอาจจะ
00:24:54 → 00:24:56 กลับมาสู่สงบหรือว่าไม่ต้องไม่ต้องมาใช้
00:24:56 → 00:24:59 ยาก็ได้นะครับคนี้การที่เราจะเลือกใช้ยา
00:24:59 → 00:25:02 หรือไม่ใช้ยาในเบื้องต้นนะครับคือแน่นอน
00:25:02 → 00:25:05 อาหารออกกำลังเนี่ยเราต้องถือว่าเป็นการ
00:25:05 → 00:25:09 รักษาหลักในผู้เป็นเบาหวานนะฮะก็คือเป็น
00:25:09 → 00:25:12 เบาหวานจะขอขอไม่ดูแลเรื่องอาหารการกิน
00:25:12 → 00:25:16 ไม่ออกกำลังแต่ว่าจะใช้ยาอย่างเดียวอานี้
00:25:16 → 00:25:19 พอถ้าเกิดจะใช้ยาอย่างเดียวปัญหาก็คือเรา
00:25:19 → 00:25:22 รักษาที่ปลายเหตุอืรักษาที่ปลายเหตุคือ
00:25:22 → 00:25:25 ต้นเหตุเรื่องอาหารการกินเรื่องของการไม่
00:25:25 → 00:25:27 ออกกำลังเรื่องของความอ้วนไม่ได้ถูกจัด
00:25:27 → 00:25:31 การเลยเรามาาเหุก็คือการให้ยาีนี้พอรักษา
00:25:31 → 00:25:34 ที่ปายเหตุเนี่ยสิ่งที่เราเจอก็คือยาที่
00:25:34 → 00:25:38 ใช้อยู่มันก็เพิ่มขึ้นทุกทีทุกทีทุกทีโจ 1
00:25:38 → 00:25:40 อย่างเป็น 2 อย่าง 3 อย่าง 4 อย่างจะเป็น
00:25:40 → 00:25:43 ีอินซูรินเพราะต้นเหตุมันไม่ได้จัดการแต่
00:25:43 → 00:25:46 ขณะเดียวกันเนี่ยการรักษาที่ต้นเหตุเนี่ย
00:25:46 → 00:25:49 มันทำให้ปลายเหตุเราจัดการได้ง่ายคือคน
00:25:49 → 00:25:51 ที่จะเคยไม่เคยควบคุมอาหารกมาปรับเปลี่ยน
00:25:51 → 00:25:54 พบคการการควบคุมอาหารการกินที่เหมากับลก
00:25:54 → 00:25:57 จากยาที่เคยีชรีก็มาลดยาจาก 3 อย่าง 2
00:25:57 → 00:25:59 อย่าง 1 อย่างเพราะะนั้นเนี่ยเวลาที่เรา
00:25:59 → 00:26:02 ใช้ยากับคนไข้เบาบานก็จะเจอคนไข้อยู่ 3
00:26:02 → 00:26:05 ประเภทนะครับครับประเภทที่ 1 คือประเภท
00:26:05 → 00:26:07 ที่กินยาแล้วก็ใช้ยาเพิ่มขึ้นทุกทีทุกที
00:26:07 → 00:26:10 จนฉยาประเภทที่ 2 คือใช้ยาเท่าเดิมเลยก็
00:26:10 → 00:26:12 ควบคุมได้ดีตลอดไม่เห็นต้องเพิ่มต้องลด
00:26:12 → 00:26:15 อะไรนะครับประเภทที่ 3 ก็คือได้ลดยาไป
00:26:15 → 00:26:19 เรื่อยๆประเภทที่ 1 เ้าเราไปดูก็คือเพรา
00:26:19 → 00:26:22 เคยควบคุมได้ดีพอถึงจุดนึงเรียกว่าชลใจออ
00:26:22 → 00:26:25 เห็นน้ำตาลไม่ขึ้นอ่ะเดี๋ยวไปกินด้วยกิน
00:26:25 → 00:26:27 น้ำตาลขึ้นมาใหม่น้ำตาลขึ้นมาหมอก็จัดการ
00:26:27 → 00:26:31 ปรับาให้ให้คุณเพราะว่ายาเดิมคุณไม่อยู่
00:26:31 → 00:26:34 แล้วเทวกับการกินในปัจจุบันอืพอพอเพิ่ม
00:26:34 → 00:26:36 ปรับยาเพิ่มเสร็จก็ควบคุมได้ดีสักพักนึง
00:26:36 → 00:26:39 ชะล่าใจใหม่เพราะฉะนั้นก็คือจะเกิดเหตุ
00:26:39 → 00:26:42 การณ์แบบนี้เรื่อยๆจนกระทปักยาเพิ่มขึ้น
00:26:42 → 00:26:45 ไปทุกทีทุกทีแต่คุณที่ 2 เเเรียกว่ากาด
00:26:45 → 00:26:49 อย่าตกถเกควบคุมดีกินยาเท่าเดิมก็ควบคุม
00:26:49 → 00:26:52 ได้ดีต่อนไม่มีช่วงที่ชลใจแล้วก็ดูแลตัว
00:26:52 → 00:26:55 เองได้ต่อเนืก็ยาที่จะต้องหมอจะต้องสั่ง
00:26:55 → 00:26:57 เพิ่มก็ไม่ต้องเพิ่มเท่าไหร่อืสุที่ 3
00:26:57 → 00:27:00 คือตั้งใจเต็มที่เลยเหมือนกับโอหเตั้งใจ
00:27:00 → 00:27:03 จะให้เกิดระยะสงบจากกวาตั้งใจรน้ำหนัก
00:27:03 → 00:27:06 10-15 กลแต่ก่อนไม่เคยออกกำลังเข้า
00:27:06 → 00:27:09 ฟิตเนสเวลาชั่วโมงอแล้วก็กินอาหารแป้ง
00:27:10 → 00:27:12 น้อยข้าวน้อยมากเลยเพิ่มโปรตีนของหวานไม่
00:27:12 → 00:27:16 แตะเลยจเที่เขาเคยใช้ยาเยอะก็ลดลงลดลงอื
00:27:16 → 00:27:19 เพราะฉะนั้นอ่าเราจะเป็นแบบที่ 1 ก็ได้
00:27:19 → 00:27:22 แบบที่ 2 ก็แบบที่ 3 ก็ได้เพียงแต่ว่าหมอ
00:27:23 → 00:27:26 หมอก็คือผู้รักษาปลายเหตุแต่ต้นเหตุจะ
00:27:26 → 00:27:29 ขึ้นอยู่กับตัวคนไข้เองแต่ว่านั้นก็ขึ้น
00:27:29 → 00:27:32 อยู่ยกับความตระหนักความอ่าความพร้อมแล้ว
00:27:32 → 00:27:36 ก็อ่ายลาในการปรับเปลี่ยนของเขาว่าเาเชรา
00:27:36 → 00:27:38 มากน้อยแค่ไหนครับบางคนทำได้เร็วบางคนก็
00:27:38 → 00:27:42 ทำได้ชาครับอืมก็ขึ้นอยู่แต่ละบุคคลด้วย
00:27:42 → 00:27:46 เนาะไม่ใช่ว่าทุกคนสูตรนี้แล้วก็จะทำทำ
00:27:46 → 00:27:49 ได้แบบเป๊ะเหมือนกับคนนั้นเลยก็ไม่ใช่รูป
00:27:49 → 00:27:52 แบบการใช้ชีวิตของของแต่ละคนต่างกันวิถี
00:27:52 → 00:27:54 เอ่อการดำเนินชีวิตต่างกันก็อาจจะปรับให้
00:27:54 → 00:27:57 เหมาะสมกับตัวเองเอ่อมันก็จะจะง่ายขึ้น
00:27:57 → 00:27:59 มันก็ทำง่ายขึ้นมีกำลังใจในการการดูแลตัว
00:27:59 → 00:28:02 เองมากขึ้นนะคุณหมอนะครับคือจริงๆแล้ว
00:28:02 → 00:28:04 เนี่ยโรคพวกนี้เป็นโรคเรื้อรังอ่ะนะครับ
00:28:05 → 00:28:07 เวลามาพบแพทย์ก็อาจจะ 2 เดือน 3 เดือนก็
00:28:07 → 00:28:11 มาเจอพกแพ่ทีตรวจน้ำตาลคุยกับหมอสัก 5
00:28:11 → 00:28:13 นาที 10 นาทีอย่างมากก็อาจจะ 15 นาทีเจอ
00:28:13 → 00:28:16 นักกำหนดอาหารบ้างแต่ว่าตลอด 3 เดือนของ
00:28:16 → 00:28:20 คนไข้ที่กลับบ้านไปเนี่ยเอยู่กับตัวเอง
00:28:20 → 00:28:22 อยู่กับครอบครัวอยู่กับเพื่อนอยู่กับ
00:28:22 → 00:28:24 สังคมของเขาอยู่เพราะฉะนั้นเนี่ยคนที่จะ
00:28:24 → 00:28:27 จัดการในช่วง 3 เดือนที่ไม่ได้เจอหมอได้
00:28:27 → 00:28:31 ดีสึคือแตัวคนไข้อืโดยมีครอบครัวมีส่วน
00:28:31 → 00:28:34 สนับสนุนอ่าใช่นะครับแล้วก็เพื่อนก็เข้า
00:28:34 → 00:28:38 ใจว่าเอเป็นยังไงให้คอยให้กำลังใจเงี้ย
00:28:38 → 00:28:42 ครับโดยก็ียโดยก็ใช้หลัก 3 สระนะคะ 3 สระ
00:28:42 → 00:28:46 ก็คือ 1 คือสกัด 2 สะกด 3 สกิสกัดก็คือ
00:28:46 → 00:28:49 เวลาเราเห็นของที่ไม่ควรจะซื้อก็เดินเล่ง
00:28:49 → 00:28:52 ไปดีกว่าสกัดอย่าไปซื้อเข้าบ้านถ้าเรา
00:28:52 → 00:28:55 ซื้อทุเรียนซื้ออะไรเข้ามาบ้านเดียกินไม่
00:28:55 → 00:28:58 ได้อยู่ก็คือเราเราตอนเราเจอเนี่ยเราเดิน
00:28:58 → 00:29:01 ผ่านไปง่ายกว่าฮะก็คือสกัดไว้้ก็เอเจอผัก
00:29:01 → 00:29:03 เอเดี๋ยวซื้อผักเข้ามาบ้านเดี๋ยวเราก็ได้
00:29:03 → 00:29:06 กินผักสลัดผักน้ำพริกเออแล้วเจอปลาเยว
00:29:06 → 00:29:08 ซื้อปลาเข้ามาเดี๋ยวก็กินปลาเพนั้นบอกว่า
00:29:08 → 00:29:11 ตอนตอนที่เราไปเลือกซื้อเนี่ยก็มีความ
00:29:11 → 00:29:14 สำคัญอันที่ 2 ก็คือสะกดสะกดเนี่ยก็คือ
00:29:14 → 00:29:17 เราต้องดูประกฏจิตใจตัวเองแล้วก็ต้องฝึก
00:29:17 → 00:29:20 สติในการกินน่ะนะคะสึกในการกินว่าตอนนี้
00:29:20 → 00:29:24 มันหิวมจะกินเท่าไหร่ดีกินเวลาไหนกินเท่า
00:29:24 → 00:29:28 กินอย่างไรอะไรอย่างเงี้นะคะแล้วก็จะสกิด
00:29:28 → 00:29:31 กันก็คือที่บ้านคนไหนเป็นเบาหวานก็สะกิด
00:29:31 → 00:29:34 กันหน่อยเอ้อันนี้กินหวานนะกินเยอะไปแล้ว
00:29:34 → 00:29:37 แค่นี้พอแต่เวลาสะกิดเนี่ยเ่อคนที่เป็น
00:29:38 → 00:29:40 เบาหวานต้องเข้าใจนะคะว่าเอ่อคนใน
00:29:40 → 00:29:42 ครอบครัวที่สะกิดเนี่ยสะกิดเพราะความรัก
00:29:42 → 00:29:45 อ่าเพราฉะนั้นถ้าสะกิดแล้วอย่าไปโกรธเนะ
00:29:45 → 00:29:49 คะสะกิดแล้วก็ต้องเออดีใจว่าคนในบ้านเรัก
00:29:49 → 00:29:51 เราก็เผื่อว่าไม่สะกิดนะเออกินๆเข้าไปนาน
00:29:51 → 00:29:55 ๆกินพีนนี่เดี๋ยวอันนี้ก็คืออันนี้สุขภาพ
00:29:55 → 00:29:59 คนคนที่เป็นเบาบานจะแย่ทบอกว่าเวลาสะกิด
00:29:59 → 00:30:01 กันเนี่ยต้องต้องต้องเห็นใจเข้าใจว่าโห
00:30:01 → 00:30:04 เค้ารักเรามากเลยมาสะกิดเรานั้วอะไรแบบ
00:30:04 → 00:30:05 นั้นน่ะครับ
00:30:05 → 00:30:10 อืมเอ่อสกัดสะกดสะกิดอันเนี้ยเ่อ 3 สอ
00:30:10 → 00:30:13 เนี่ยเ่อหลายๆคนท่องไว้ได้เลยนะครับเพราะ
00:30:13 → 00:30:17 ว่ามันน่าจะเป็นเกราะป้องกันนึงที่ทำให้
00:30:17 → 00:30:20 เอ่อเรื่องของโรคเบาหวานเนี่ยมันมันมันดี
00:30:20 → 00:30:23 ขึ้นหรือว่ามันห่างไกลจากตัวเราขึ้นไปอีก
00:30:23 → 00:30:26 นะครับเอ่ออย่างว่านะบ้านเราพูดถึงเมื่อ
00:30:26 → 00:30:29 กี้เรื่องของอาหารการกินอย่างที่อาจารย์
00:30:29 → 00:30:32 บอกเมื่อสักครู่ 3 3 สเนี่ยบ้านเราผลไม้
00:30:32 → 00:30:34 มันโอ้โหมันเยอะมันหลากหลายแล้วมันแต่ละ
00:30:35 → 00:30:38 หวแต่ละแล้วแล้วบางบางอย่างมันก็มีฤทธิ์
00:30:38 → 00:30:41 ทางเรื่องของน้ำตาลที่ค่อนข้างสูงด้วยนะ
00:30:41 → 00:30:45 หลายๆคนก็หลงมันก็มีก็มีหลงนะหลงเชื่อว่า
00:30:45 → 00:30:47 เอ้ยการกินผลไม้เดี๋ยวไม่เป็นหรอกมันเป็น
00:30:47 → 00:30:50 น้ำตาลธรรมชาติเดี๋ยวมันก็ร่างกายก็จัด
00:30:50 → 00:30:53 การของเขาเองได้อันเนี้ยยังมีคนหลงอยู่
00:30:53 → 00:30:57 มั้ยฮะปัจจุบันนี้อาจารย์ครับคือคือเวลาื
00:30:57 → 00:31:01 ืผลไม้นะครับมันคือมันจะมีเรียกว่าปริมาณ
00:31:01 → 00:31:05 สัดส่วนของผลไม้ต่อต่อต่อืที่เราควรจะทาน
00:31:05 → 00:31:09 ได้เหมาะสมอย่างเช่นเราจะทานส้มสักลูกนึง
00:31:09 → 00:31:12 ส้มนนึงพลังลเล็กอย่างเดียวนะส้มลูกนึง
00:31:12 → 00:31:15 กล้วยลูกเล็กสักลูกนึงอ่าฝรั่งสักลูกนึง
00:31:15 → 00:31:18 อเติ้ลครึ่งลูกลูกนึงนะครับแก้วมังกรสัก
00:31:18 → 00:31:21 ครึ่งลูกอะไรอย่าเงี้ยแล้วก็ถ้าเกิดเป็น
00:31:21 → 00:31:25 พวกชมพู่ก็สัก 2 ลูกนะครับน้องก็สัก 4
00:31:25 → 00:31:30 ลูกแงโมก็ก็ 6-8 คำอะไรอย่าเงี้นะครับแต่
00:31:30 → 00:31:32 ว่าผลไม้บางอย่างเวลาเราซื้อเสร็จเนี่ย
00:31:32 → 00:31:36 เราจะกินเกินเราซื้อองุ่นเป็นเป็นโลมันจะ
00:31:36 → 00:31:40 กินเกินเป็น 10 ล่ะมันจะเกินซึ่งๆึเราจะ
00:31:40 → 00:31:42 ทำให้เราควบคุมการกินได้ยากแต่ถ้าเกิดเรา
00:31:42 → 00:31:45 ทราบปริมาณสัสวนที่กินเเนี่ยแต่เรากินกิน
00:31:45 → 00:31:50 ไม่เกินก็จะดีอืก็คือจริงๆแล้วก็เอ่อ
00:31:50 → 00:31:52 ผลไม้มันมีน้ำตาลอยู่ในตัวเองอยู่แล้ว
00:31:52 → 00:31:55 เพราะฉะนั้นมัระวังระวังอีกนิดนึงอมันมี
00:31:55 → 00:31:58 ประโยชน์ก็จริงอนะแต่ว่ามันก็มีมีมี
00:31:58 → 00:32:01 เรื่องของน้ำตาลที่อาจจะผู้ผู้ที่ป่วย
00:32:01 → 00:32:03 เป็นเบาหวานเองก็ตามหรือว่ามีความเสี่ยง
00:32:03 → 00:32:06 เองก็ตามก็อาจจะเอ่อเวทน้ำหนักให้มันลดลง
00:32:06 → 00:32:10 มาหน่อยในการกินผลไม้ใช่มอาจารยออันสิ่ง
00:32:10 → 00:32:12 ที่เราอยากจะให้นจะเป็นพวกผักอ่ะคพวกพวก
00:32:12 → 00:32:16 ผักไม่ค่อยมีน้ำตาลและคดกต่ำแล้วก็อาจจะ
00:32:16 → 00:32:19 ช่วยในการลดการดุซืมน้ำตาลด้วยครับเพรา
00:32:19 → 00:32:21 บางคนทีู่หักก่อนแล้วเนี่ยกินข้าวทีหลัง
00:32:21 → 00:32:24 น้ำตาลอจะขึ้นหน่อยกว่าด้วยครับครับค่ะ
00:32:24 → 00:32:28 อันนี้ค่อนข้างเห็นด้วยเลยค่ะว่าบางที
00:32:28 → 00:32:31 เนี่ยอ่าอย่างคนในครอบครัวแล้วกันค่ะ
00:32:31 → 00:32:34 อาจารย์เคยเป็นเบาหวานแล้วก็อยู่ในภาวะ
00:32:34 → 00:32:38 เบาหวานสงบแล้วแต่พอถึงฤดูกาลผลไม้ก็จะ
00:32:38 → 00:32:41 รู้สึกแบบอันนั้นซะหน่อยสิอันนี้ซะหน่อย
00:32:41 → 00:32:43 สิจนสุด
00:32:43 → 00:32:47 ท้ายล่าสุดคือล่าสุดคือคนคุณแม่ะกันคือ
00:32:47 → 00:32:52 ตรวจระดับน้ำตาลสะสมในร่างกายจากเดิมที่
00:32:52 → 00:32:56 เคยอยู่ประมาณ 5.6 อ่ะกนตอนที่ภาวะเบา
00:32:56 → 00:32:59 หวานสงบแล้วค่ะอาจารย์ล่าสุดคือเมื่อช่วง
00:32:59 → 00:33:01 เดือนที่ผ่านมาเนี่ยได้ไปอยู่ที่ระดับที่
00:33:01 → 00:33:06 7 อคือแบบคุณหมอก็เลยต้องสั่งมาที่อ่า
00:33:06 → 00:33:09 คุณป้าคะกลับไปควบคุมการกินอาหารให้ดี
00:33:09 → 00:33:11 เหมือนเดิมนะอะไรอย่างเงี้ยก็ยังไม่ต้อง
00:33:11 → 00:33:15 ถูกสั่งยาใหม่อันเนี้ยก็คือเป็นเความเคย
00:33:15 → 00:33:18 คุมได้แล้วเนาะพะเคยคุมได้แล้วเหมือนเคย
00:33:18 → 00:33:21 คุมได้แล้วแล้วก็พอเจอผลไม้ที่ถูกใจ
00:33:21 → 00:33:25 อันเนี้ยก็เผลอไผไปแล้วก็คืออันนี้ขอความ
00:33:25 → 00:33:27 รู้นิดนึงค่ะคุณหมอเหมือนกับว่าบ้านหลายๆ
00:33:27 → 00:33:31 บ้านที่มีเอ่อญาติหรือว่ามีผู้ป่วยเบา
00:33:31 → 00:33:34 หวานอยู่ที่บ้านเนี่ยเอ่อมีความจำเป็นมาก
00:33:34 → 00:33:36 น้อยแค่ไหนที่จะต้องมีเครื่องตรวจระดับ
00:33:36 → 00:33:40 น้ำตาลที่ตวจตรวจจากปลายนิ้วอ่ะค่ะอครับ
00:33:40 → 00:33:44 ครับคือ 1 ถ้าเฉีสุริเนี่ยก็ควรจะมีที่
00:33:44 → 00:33:47 ตรวจเพว่าจะได้ดูว่าน้ำตาลสูงไปหรือต่ำไป
00:33:47 → 00:33:51 นะครับส่วนถ้าเกิดเป็นยากินแต่ว่าถ้าเกิด
00:33:51 → 00:33:54 เขาเป็นบาหวาใหม่ๆถ้าต้องถ้าเอยากรู้โรค
00:33:54 → 00:33:57 บาหวัของเาเองนี่ก็สามารถตรวจได้นะคค่ะก็
00:33:57 → 00:34:01 ถ้าเผื่อมีที่ตรวจเองเนี่ยโอกาสจะเข้าวง
00:34:01 → 00:34:04 สูเบาหวาดหสงบจะสูงกว่าเพราะเรู้ว่าเกิน
00:34:04 → 00:34:07 อะไรน้ำตาลก็จะดีรู้สึว่ากินอะไหรน้ำตาลเ
00:34:07 → 00:34:09 ขึ้นแล้วก็ไปปรับเปลี่ยนอาหารที่เหมาะกับ
00:34:09 → 00:34:12 ตัวตัวของเขาเองนะครับเพราะฉะนั้นถ้าเ
00:34:12 → 00:34:14 อยากทำบหวานหรือากสกบหรืออยากควบคุมดีมาก
00:34:14 → 00:34:17 สิที่ฉสรินอยู่ก็ควรจะมีนะครับหรือว่าน้ำ
00:34:17 → 00:34:21 ตาลมันแก่งมากควบคุมได้ก็มีนะครับคราวนี้
00:34:21 → 00:34:23 การตรวจตรงนี้เนี่ยมันมีทั้งตรวจก่อน
00:34:23 → 00:34:26 อาหารกับตรวจหลังอาหารครับครับถ้าเราตรวจ
00:34:26 → 00:34:28 ก่อนอาหารแล้วน้ำตาลมันขึ้นเนี่ยปัญหาคือ
00:34:28 → 00:34:31 คือก่อนอาหารน้ำตาลคนติเสมมุติกลุ่มที่
00:34:31 → 00:34:34 ที่อ่าแบบว่าดีมากเลยนะครับอาจจะเป็นน้ำ
00:34:34 → 00:34:37 ตาลก่ออาหาร 80 ถึง 110 นี่ก็ถือว่าดีมาก
00:34:37 → 00:34:41 ถ้าไม่เก 130 ก็ถือว่าพอใช้ได้นะครับพวก
00:34:41 → 00:34:44 นี้สะสมจะน้ำตาลสะสมมักจะไม่ค่อยเกิน 7
00:34:44 → 00:34:46 เท่าไรแต่ถ้าเกิดเกินไปอย่าง 140 150
00:34:46 → 00:34:49 เนี่ยแเราไปดูนะโ้ทำไมน้ำตาลตอนเช้ามัน
00:34:49 → 00:34:52 ขึ้นส่วนใหญ่คนที่น้ำตาลตอนเช้าขึ้นมักจะ
00:34:52 → 00:34:55 กินมื้อดึกอืกินมื้อเย็นอยู่เพราะฉะนั้น
00:34:55 → 00:34:58 ้าเว่าบางคนบอกไปกินเลืน้ตวันนี้กลายเป็น
00:34:58 → 00:35:01 150 ะตอนั้นวิธีการที่จะลดคือเราต้องรู้
00:35:01 → 00:35:04 ว่าน้ำตาลไม่เกิน 130 ถ้าเกิดเกินนี่เรา
00:35:04 → 00:35:07 อาจจะลดมื้อเย็นมื้อดึกลงอย่างเช่นทที่
00:35:07 → 00:35:10 เคยกิน 20:00 นก็อาจจะมาเหลือ 17 นอย่า
00:35:10 → 00:35:13 เงี้ยค่ะหรือเคยกินปริมาณเยอะก็อาจะแป้ง
00:35:13 → 00:35:17 ข้าวน้อยลงมาเป็นพวกอ่าสลัดพวกน้ำพริก
00:35:17 → 00:35:20 อะไรแทนอันนี้น้ำตาลตอนเช้าก็จะดีขึ้น
00:35:20 → 00:35:22 เพราะฉะนั้นเต้องรู้ค่าน้ำตาลด้วยส่วนถ้า
00:35:22 → 00:35:25 เกิดไปตรวจหลังอาหารนะครับหลังอาหาร
00:35:25 → 00:35:28 ประมาณชั่วโมงนึง 2 ชั่วโมงเนี่ยปกติปิ
00:35:28 → 00:35:30 ยังไม่เกิน 140 ครับแต่ถ้าเกิดว่าไม่เกิน
00:35:30 → 00:35:33 140 นี่จะดีมากถ้าไม่เกิน 180 อาจจะพอ
00:35:33 → 00:35:36 ไหวสะสมจะไม่ค่อยเกิน 7 นะครับแต่เกิน 180
00:35:36 → 00:35:40 เวิธีการลดน้ำตาลหลังอาหารก็คือ 1 คือ
00:35:40 → 00:35:43 ปริมาณถ้าเรากินข้าว 2 ทับพีหรือทับพีนึง
00:35:43 → 00:35:46 เนี่ยน้ำตาลก็ลดลงะอือันที่ 2 ก็คือชนิด
00:35:46 → 00:35:49 ถ้าเราเปลี่ยนจากข้าวข้าวข้าวขาวเป็นข้าว
00:35:49 → 00:35:51 กล้องนี่น้ำตาลก็จะลดลงเพราะข้าวกล้องน
00:35:51 → 00:35:53 น้ำตาลหอาหารจะขึ้นน้อยกว่าแต่ข้าวเหนียว
00:35:53 → 00:35:55 จะขึ้นเยอะสุดนะครับเพราะฉะนั้นข้าว
00:35:55 → 00:35:58 เหนียวเนี่ยเจคนอีสานกินข้าวเหนียวแล้ว
00:35:58 → 00:36:00 น้ำตาลคุมไม่ค่อยได้เท่าไหร่นะครับอันที่
00:36:00 → 00:36:04 3 ก็คือเราก็พยายามกินผักก่อนครับการกิน
00:36:04 → 00:36:06 ผักก่อนก็จะช่วยดูดซึมได้ที่ 4 ก็กิน
00:36:06 → 00:36:08 เสร็จแล้วก็ไปเดินย่อยอาหาระหน่อยมี
00:36:08 → 00:36:11 กิจกรรมนะครับเพราะนั้นถ้าเกิดก็ตรวจเหล
00:36:11 → 00:36:14 เกินก็ 1 ปริมาณ 2 ชนิด 3 เพิ่มผักันที่ 4
00:36:14 → 00:36:17 ก็ออกกำลังก็จะแล้วลองเช็คดูอีกทีว่าเรา
00:36:17 → 00:36:20 เราจัดการปรับเียนอย่างนี้แล้วน้ำตาลดี
00:36:20 → 00:36:22 ขึ้นแล้วหรือยังนะครับอีกอันนึงคือบางที
00:36:22 → 00:36:25 คุณหมอก็ตรวจตัวน้ำตาลสะสมน้ำตาลสะสม
00:36:25 → 00:36:28 อย่างเเรียกว่าเป็นฮีบินวซเนี่ยเจะเป็น
00:36:28 → 00:36:30 การประเมินน้ำตาลในช่วง 3 เดือนนะครับ
00:36:30 → 00:36:35 เอ่อปกติ 3 เดือนเนี่ย้าเบื่อควบคุมดีมาก
00:36:35 → 00:36:37 ใกล้เคียงคนปิดก็คือไม่เกิน 6.5 นะครับ
00:36:37 → 00:36:40 แต่ถือว่าถ้าไม่เกิน 7 ก็คือพอใช้ได้โรค
00:36:40 → 00:36:44 ซซอาจะไม่เยอะมากแต่คราวนี้ปัญหาคือถ้า 7
00:36:44 → 00:36:46 มาเป็น 8 เนี่ยเพิ่มขึ้น 1 เนี่ยโรคแทรก
00:36:46 → 00:36:49 ซ้อนจะเพิ่มประมาณ 20% ใน 5 ปีอืแต่คนนึง
00:36:49 → 00:36:52 คุมน้ำตาลสะสมอยู่ที่ 8 เผ่านไปเรื่อยๆ 5
00:36:52 → 00:36:55 ปีเนี่ยอาจจะเริ่มมีโรคแทรกซ้อนเมื่อเทบ
00:36:55 → 00:36:58 กับคนที่ 7 อยู่ประมาณ 20% แต่ 8 ไป
00:36:58 → 00:37:02 ก็เพิ่ม 20% 40% 9 ก็เพิ่ม 20% 60%
00:37:02 → 00:37:05 เพราะฉะนั้นบางคนที่น้ำตาลที่สะสมเขสูง
00:37:05 → 00:37:09 เนี่ยเาก็จะเกิดลูกแทกซอนาคตในอีกสัก 5
00:37:09 → 00:37:12 ปีก็จะยิ่งเยอะขึ้นแต่ถ้าเกิดแต่ว่าบางคน
00:37:12 → 00:37:14 ต้องเข้าใจนิดนึงสาสมไม่ใช่สะสมไปเรื่อยๆ
00:37:14 → 00:37:17 นะครับน้ำตาสะสมจะเปลี่ยนแปลงทุก 3 เดือน
00:37:17 → 00:37:20 หมายคามว่าแต่ 3 เดือนหน้าเนี่เขาทำตัวดี
00:37:20 → 00:37:23 อาหารการกินดีมากเลยสะสมก็จะเป็นของใหม่
00:37:23 → 00:37:26 ไม่เกี่ยวกับของกรรแล้วออนะคะเพราะฉะนั้น
00:37:26 → 00:37:29 เพราะฉะนั้นบอกว่าถ้าเกิดเราเราดูแล้วเออ
00:37:29 → 00:37:32 ถ้าเกิดมันเริ่มเกินเราก็เริ่มมาเริ่มมา
00:37:32 → 00:37:34 ปรับเปลี่ยนแล้วดูว่ามันได้ตามเกณฑ์หรือ
00:37:34 → 00:37:36 ยังแล้วไปดูว่าปัญหามันปิดขัดอยู่ตรงไหน
00:37:36 → 00:37:40 เราแก้ไขได้ยังไงนะครับแล้วสะสมเราอยู่
00:37:40 → 00:37:42 สัก 6 เนี่ยจริงถ้าทานยาอยู่บางทีหมอก็
00:37:42 → 00:37:46 อาจจะเริ่มลดยานลงเพื่อว่าเพื่อว่าอาจจะ
00:37:46 → 00:37:49 อาจจะมีแนวโน้มจะเข้าสู่รัได้ก็คือพยายาม
00:37:49 → 00:37:53 สะสมไม่เกิน 6.5 โดยที่ไม่ได้ทยกันอืค่ะอ
00:37:53 → 00:37:57 อๆๆนะคขอถอบสอบถามเพิ่มเติมเลยเพคุณผู้
00:37:57 → 00:37:57 ฟัง
00:37:57 → 00:38:01 สอบถามมาพอดีครับคุณหมอครับเอ่อถ้าคลุม
00:38:01 → 00:38:05 น้ำตาลต่ำกว่า 125 นานแค่ไหนจึงจะถือว่า
00:38:06 → 00:38:09 หายจากเบาหวานคแล้วก็สะน้ำตาลสะสมตอนเมัน
00:38:09 → 00:38:15 ต่ำกว่า 6 ด้วยฮะเอ่อคือน้ำตาลคนอ่อปกติ
00:38:15 → 00:38:19 นะครับคือคือปกติเราจะไม่ไม่เกินไม่เกิน
00:38:19 → 00:38:23 100 นะครับถ้าเกิดเราไม่เกิน 100 ก็จะ
00:38:23 → 00:38:25 เรียกว่าปกติแต่ถ้าเกิด 110 ก็อาจจะในบาง
00:38:25 → 00:38:28 ในบางแห่งนะครับก็อาจจะถือปดได้ถ้าเกิด
00:38:28 → 00:38:32 น้ำตาลตอนเช้าต่ำกว่าสัก 110 ส่งต่ำกว่า 6
00:38:32 → 00:38:36 ก็น่าจะลดยาลงได้นะครับคราวนี้ในกลุ่มที่
00:38:36 → 00:38:39 บางคนเขจะดูเอ๊ะทำไมตอนเช้ามันเกินก็ต้อง
00:38:39 → 00:38:41 ไปลองจัดการเรื่องมื้อเย็นมื้อตดูให้มัน
00:38:41 → 00:38:43 เร็วขึ้นนิดนึงหรือปริมาณให้ลดลงนิดนึง
00:38:43 → 00:38:46 อาจจะเข้าสู่ระยะสงบได้ได้ง่ายขึ้นในกรณี
00:38:46 → 00:38:50 ที่น้ำตาลก่อนอาหารสูงครับอืถ้าอย่างอย่า
00:38:50 → 00:38:52 กรณีต่ำกว่า
00:38:52 → 00:38:55 125 แแปลว่ามันมันเบาหวำไม่ได้หายไป
00:38:55 → 00:38:57 เพียงแต่เราต้องควบคุมในเรื่องของปริมาณ
00:38:57 → 00:39:00 น้ำตาลที่ที่จะรับประทานเข้าไปในร่างกาย
00:39:00 → 00:39:03 เพื่อไม่ให้ตัวเลขตัวเลขกลับมาสูงค่าอีก
00:39:03 → 00:39:06 ใช่มฮะครับคือนี้ต้องเข้าใจอย่างนึงนะ
00:39:06 → 00:39:09 ครับคำว่าเราไปตอนนั้นเหมอก็จะคุยกันว่า
00:39:09 → 00:39:12 เราจะใช้คำว่าหายจากเบาหวานหรือเบาหวาน
00:39:12 → 00:39:16 แล้วจะสงบดีบางคนก็บอกเออใช้หายจากเบา
00:39:16 → 00:39:18 หวานดีกว่าเหมือนกับแรงกระตุ้นจูงใจเยอะ
00:39:18 → 00:39:21 ว่าเออเราจะหายจเบาหวานแล้วนะครับแต่พอ
00:39:21 → 00:39:25 คุยกันเนี่ยหมอส่วนใหญ่เคเออใช้คำว่าระยะ
00:39:25 → 00:39:27 สงบจากเบาหวานดีกว่าเพราะว่าจะได้ให้คน
00:39:27 → 00:39:30 ให้เได้ตระหนักว่าที่ว่าแล้วจะสงบนี่หมาย
00:39:30 → 00:39:33 ความว่ามันกลับมาเป็นใหม่ได้อจะได้เข้าใจ
00:39:33 → 00:39:36 มันกลับมาใหม่ะนั้นบอกว่ามันสงบก็แล้ว
00:39:36 → 00:39:38 เพราะว่าเราควบคุมต้นเหตุมันอยู่แล้ว
00:39:38 → 00:39:40 เผื่อต้นเหตุมันกลับมาใหม่มันก็มาใหม่ตาม
00:39:40 → 00:39:43 ปกติอ๋อนะครับเพรานั้นไม่ใช่ว่าหายแล้ว
00:39:43 → 00:39:46 หายเลยนะหายแล้วก็ต้องมาตรวจเช็คเป็นระยะ
00:39:46 → 00:39:48 ๆะว่ามันกลับมาใหม่หรือเปล่าครับเพียงแต่
00:39:48 → 00:39:52 ว่าเราอาจจะเอ่อคุมคุมเรื่องอาหารการกิน
00:39:52 → 00:39:55 ได้ดีแล้วเบาหวานลดลงไปเรื่อยๆลดลงไป
00:39:55 → 00:39:57 เรื่อยๆก็ก็ดีคือมันดีต่อสุขภาพของเรา
00:39:57 → 00:39:59 นั่นแหละเพียงแต่ว่าถ้าเราเผลอเมื่อไหร่
00:39:59 → 00:40:03 นั่นแหละเขาสามารถกลับมาอีกได้
00:40:03 → 00:40:04 เสมอ
00:40:04 → 00:40:08 เออนะครับโอ้โหก็ก็เป็นคำถามจากคุณผู้ฟัง
00:40:08 → 00:40:11 ที่ที่ฝากมาแล้วก็เอ่อคุณผู้ฟังหลายท่าน
00:40:11 → 00:40:14 ขอบคุณคุณอาจารย์มากเลยฮะที่ที่ที่ตอบคำ
00:40:14 → 00:40:17 ถามได้ชัดเจนมากๆแล้วก็หลายๆคนนี่เอ่อคือ
00:40:17 → 00:40:21 เข้าใจโรคเบาหวานมากขึ้นขอบอกว่านี่มีมี
00:40:21 → 00:40:23 เอออันนี้เป็นคำถามยอดฮิตเหมือนกันครับ
00:40:23 → 00:40:25 อาจารย์ฮะเอ่อตอนวัยรุ่นกินได้ทุกอย่าง
00:40:25 → 00:40:29 เลยกินได้เยอะด้วยไม่ไม่ไม่ไม่อ้วนด้วย
00:40:29 → 00:40:33 ไม่เบาหวานก็ยังไม่ถามหาด้วยมันเป็นเพราะ
00:40:33 → 00:40:38 อะไรฮะเราออกกำลังกายมากกว่าวัยทำงานหรือ
00:40:38 → 00:40:41 มันเรื่องของอาหารการกินที่อาจจะไม่ได้
00:40:41 → 00:40:44 เกี่ยวข้องกับเรื่องของน้ำตาลมากกว่าที่
00:40:44 → 00:40:47 เราเข้าสู่เอ่อสถานการณ์ของการเป็นเบา
00:40:47 → 00:40:50 หวานอาจารย์ฮะขึ้นอยู่กับการกินการใช้่ะ
00:40:50 → 00:40:54 นะครับอเพราะว่าในในในวัยรุ่นวัยทำงานเก็
00:40:54 → 00:40:56 คือการการใช้พลังงานก็อาจจะเยอะกินดู
00:40:57 → 00:40:59 เหมือการกินเยอะการกินแใช้ก็ใช้เยอะด้วย
00:40:59 → 00:41:04 ขณะที่อต่างๆเราก็ยังพอพอทำงานทดแทนใหอื
00:41:04 → 00:41:07 เราก็ยังเหนื่อยไหวทำได้อยู่จนจมันทำไม่
00:41:07 → 00:41:10 ไหวมันก็เกิดโรคอ่ะครับเพียแต่ว่ามันจะทำ
00:41:10 → 00:41:13 ไม่ไหวเหมือนกับเราทำงานนะคะถ้าเกิดเรา
00:41:13 → 00:41:16 เอางานเยอะเกินมันก็ไม่ไหวอืแต่เราถามว่า
00:41:16 → 00:41:19 เราทนทนทำได้มั้ยทนทำได้ยังยังยังยังไม่
00:41:19 → 00:41:22 ออกอะไรอย่าเงี้ยแต่พอพอถึงจุดนึงมันไม่
00:41:22 → 00:41:25 ไหวก็คือไม่ไหวเพราะฉะนั้นก็จะถึงจุดนก็
00:41:25 → 00:41:27 จะแสดงออกมาเพราะฉะนั้นบอกว่าแต่งานเรา
00:41:27 → 00:41:31 งานสบายงานมีความสุขทำไปเรื่อยๆนี้ก็มัน
00:41:31 → 00:41:34 ก็ไม่โหลดของเราพอพอก็ทำได้นานมากกว่านะ
00:41:34 → 00:41:38 ครับก็ต่างๆเราก็ทำงานได้มากกว่าค่ะอือ่า
00:41:38 → 00:41:44 ๆนะฮะก็ถือว่าเป็นหนึ่งสถานการณ์หนึ่งโรค
00:41:44 → 00:41:48 ที่ยังไงก็แล้วแต่ตอนนี้ก็คือเราก็ต้อง
00:41:48 → 00:41:51 ใส่ใจในเรื่องของกเอ่อการดูแลเรื่องของ
00:41:51 → 00:41:53 อาหารการกินเป็นหลักเลยนะเท่าที่เท่าที่
00:41:53 → 00:41:56 เท่าที่ฟังมาคืออาหารการกินเนี่ยน่าจะ
00:41:56 → 00:41:59 เป็นปัจจัยสำสำคัญมากๆเลยเอ่อสำหรับโรค
00:41:59 → 00:42:02 นี้อีอันนึงอีกอันนึงคือการออกกำลังนะออก
00:42:02 → 00:42:04 กำลังเนี่ยเป็นยาพิเศษแต่ว่าเราเป็นยา
00:42:04 → 00:42:06 พิเศษที่เราใช้กันน้อยมากเลยอืเพราะว่า
00:42:06 → 00:42:08 เราถามว่าออกกำลังกายส้านเนื้อเราดีมั้ย
00:42:08 → 00:42:13 กระดูกเราแข็งแรงหัวใจเต้นดีปอดแข็งแรงดี
00:42:13 → 00:42:16 สภาพจิตใจดีนอนหลับสบายมันไม่ไม่มียาอะไร
00:42:16 → 00:42:19 ที่รักษาได้สารพัดโรคเหมือนการออกกำลัง
00:42:19 → 00:42:22 กายแต่เป็นยาพิเศษที่มันถูกวางไว้ที่เรา
00:42:22 → 00:42:25 ยังไม่ใช้มันเต็มที่ซึ่งถ้าเกิดคนไข้เบา
00:42:25 → 00:42:28 หวานที่ต้องการจะให้เสสงบใช้ตัวออกกำลัง
00:42:28 → 00:42:30 กายด้วยในคนที่น้ำหนักตัวเยอะเนี่ยจะเป็น
00:42:30 → 00:42:33 ตัวเสมทำให้เข้าสู่ระยะสงบได้ง่ายขึ้นอ
00:42:33 → 00:42:35 อย่างที่อาจารย์บอกเลยว่าถ้ารถไป 10-15
00:42:35 → 00:42:38 กลใช่มั้ยสำหรับคนที่อ้วนมากๆช่วยได้เยอะ
00:42:38 → 00:42:41 เลยใช่มั้ยฮะหายไปได้ประมาณประมาณ 50% นะ
00:42:41 → 00:42:45 ฮะประมาณ 50% คเข้าสู่เสงบได้โดยเฉพาะคน
00:42:45 → 00:42:48 ที่เป็นบาหวานมาไม่นานอือออาจารย์คะขอ
00:42:48 → 00:42:50 ความรู้เพิ่มอีกนิดนึงค่ะในลักษณะของการ
00:42:50 → 00:42:54 ออกกำลังกายเนี่ยเป็นคาริโอหรือเท
00:42:54 → 00:42:57 Training จะเหมาะสมมากกว่ากันกับการกับ
00:42:57 → 00:43:00 ผู้ป่วยเบาหวานนะคะคือของผู้ป่วยเบาหวาน
00:43:00 → 00:43:03 จะแนะนำให้ทำทั้ง 2 แบบร่วมกันอคือนอกจาก
00:43:03 → 00:43:06 หัวใจดีแล้วต้องตั้ต้องมีความแข็งแรงด้วย
00:43:06 → 00:43:09 เพรานั้นก็อาจจะสลับกันบางวันนะครับหรือ
00:43:09 → 00:43:14 จะทำเซตที่มีทั้งคาริโอกับตัว res เพิ่ม
00:43:14 → 00:43:16 เพิ่มเพิ่มเทเร่องของเพิ่มเรื่องของความ
00:43:16 → 00:43:19 แข็งแรงด้วยนะครับอีกอันนึงก็คือในคนสูง
00:43:19 → 00:43:23 วัยก็าจะฝึกเรื่องของการทรงตัวการการบาน
00:43:23 → 00:43:25 การทรงตัวเพราะว่าการออกกำลังกายเพื่อการ
00:43:25 → 00:43:28 ทรงตัวเนี่ยจะช่วยลดการการหกโล้มกระดูก
00:43:28 → 00:43:30 หักในคนสูงวัยด้วยเพราะฉะนั้นเราก็จริงๆ
00:43:30 → 00:43:32 เราก็อยากได้ทั้งหัวใจทั้งกล้ามเนื้อแล้ว
00:43:32 → 00:43:37 ก็การองตัวอือก็แต่ออกกำลังกายอื่นๆก็
00:43:37 → 00:43:39 สามารถทำประกอบกันได้ด้วยใช่มยสำหรับคน
00:43:39 → 00:43:42 ที่พร้อมร่างกายแข็งแรง
00:43:42 → 00:43:46 อยู่อ่าได้ค่ะอ่าฮะก็ก็คืออย่าอย่าก็คือ
00:43:46 → 00:43:50 อันนี้ต้องตามอ่าสภาพร่างกายของแต่ละคน
00:43:50 → 00:43:53 เพราะว่าสภาพร่างกายแต่คนบางทีมีโรคร่วม
00:43:53 → 00:43:55 หรือมีอะไรก็ต้องไปดูว่าหัวใจเ้าไหวมได้
00:43:55 → 00:43:58 แค่ไหนยังไงครับออาจารย์ครับเราเราเรา
00:43:58 → 00:44:01 พยายามรณรงค์เรื่องของโรคเบาหวานมามาล
00:44:01 → 00:44:04 หลายต่อหลายปีมันมันมันมีสุไม่ไม่ใช่สูสิ
00:44:04 → 00:44:08 มันมีมันมีเป้าหมายมั้ฮะว่าประเทศไทยจะจะ
00:44:08 → 00:44:12 ตั้งเป้าว่าจะพิชิตเบาหวานให้ได้ในระยะ
00:44:12 → 00:44:15 เท่าไหร่แล้วมันมันจะมีวิธีการนำไปสู่หน
00:44:15 → 00:44:18 ทางในการพิชิตเบาหวานของประเทศไทยได้ได้
00:44:18 → 00:44:21 อย่างไรฮะอาจารย์คที่ผ่านมาเป็น 10 ปี
00:44:21 → 00:44:24 เอ่ออัตราเบาหวานเราเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนะฮ
00:44:24 → 00:44:27 ตั้งแต่ 6.9 ตลังเป็นสัก 10 กว่าเปล่ะ
00:44:27 → 00:44:29 ครับซึ่งึถาม
00:44:30 → 00:44:34 ว่าสิ่งสำคัญของของปัญหาบ้านเราเนี่ยคือ
00:44:34 → 00:44:38 การป้องกันโลกอืการป้องกันโลกคือๆเราจะ
00:44:38 → 00:44:41 เห็นคุณพ่อคุณแม่คุณปู่คุณย่าเป็นเบาหวาน
00:44:41 → 00:44:44 ก็ส่งต่อมรดกโลกเบาหวานให้ลูกต่ออครับบอก
00:44:44 → 00:44:48 ว่าเอ่อเจคนไข้บอกเออลูกๆเดี๋ยวนี้คุณคุณ
00:44:48 → 00:44:51 รับมรดกคุณพ่อคุณแม่เป็นโรคเบาหวานแล้วนะ
00:44:51 → 00:44:54 ลูกลูกก็บอกไม่อยากได้มรดกคุณพ่อคุณแม่
00:44:54 → 00:44:57 โลกเบหวานอนะครับหรือว่าบางคนไม่ได้เป็น
00:44:57 → 00:44:59 โรคเบาหวานแต่มาตรวจเจอโรคเบาหวานเอ๊ฉัน
00:44:59 → 00:45:02 ไม่มีครอบครัวเป็นเบาหวานเลยนี่อ่าเดี๋ยว
00:45:02 → 00:45:04 นี้คุณจะเป็นคนแรกของครอบครัวแล้วไปสู่
00:45:04 → 00:45:08 เบาหวานในรุ่นต่อไปอืนั้นบอกว่าจริงๆแล้ว
00:45:08 → 00:45:10 เนี่ยเราส่งต่อโรคเบาหวานโดยอาหารการกิน
00:45:10 → 00:45:13 ที่มันแย่ลงไปทุกทีทุกทีแต่ว่ามีอยู่
00:45:13 → 00:45:16 ครอบครัวนึงนะเราเจอคุณยายคนนึงเนี่ยเขา
00:45:16 → 00:45:19 เป็นเบาหวานเควบคุมน้ำตาลไม่ค่อยดีบอกให้
00:45:19 → 00:45:22 ไปทานข้าวกล้องทานผักเนี่ยคุณยายเทานกัน
00:45:22 → 00:45:24 ไม่ได้บอกว่าเวลากินข้าวกล้องก็ต้องหุง 2
00:45:24 → 00:45:28 หม้อคนอื่นเไม่กินใช่มไปเจอวันนึงเนี่ย
00:45:28 → 00:45:30 คุณยายน้ำตาลดีละเอ๊ะทำไมน้ำตาลคุณยายดี
00:45:30 → 00:45:32 ล่ะตอนนี้ลูกหลานเขมากินข้าวกล้องพร้อม
00:45:32 → 00:45:36 ยายๆไม่มีข้ออ้างออว่าครอบครัวเเนี่ยเเ
00:45:36 → 00:45:39 สนับสนุนให้กินอาหารสุขภาพเพื่อให้คนแขบา
00:45:39 → 00:45:43 หวานดูแลดยเองดีๆขณะที่คนคนคนนึงเเป็นเบา
00:45:43 → 00:45:45 หวานเนี่ยคุณพ่อเเป็นเบาหวานแต่เขาก็
00:45:45 → 00:45:47 เริ่มเอาข้าวกล้องมาหัดให้ลูกหลานลูกลูก
00:45:47 → 00:45:51 หลานทานลูกหลานทานกินข้าวกล้องกินผักเก็
00:45:51 → 00:45:53 ก็ไม่เป็นเบาหวานต่อเพราะฉะนั้นบอกว่า
00:45:53 → 00:45:56 อาหารการกินที่จะทานของไส้เบาหวานเนี่ย
00:45:56 → 00:45:59 มันมีส่วนช่วยในการป้องกันโรคเบาบาดใน
00:45:59 → 00:46:02 ครอบครัวคนอื่นด้วยขณะเดียวกันคนอื่นใน
00:46:02 → 00:46:05 ครอบครัวกลับมากินอาหารสุขภาพเนี่ก็มี
00:46:05 → 00:46:08 ส่วนช่วยส่งเสริมให้คนไข้เบาหวานควบคุม
00:46:08 → 00:46:10 ตัวเองได้ดีมากขึ้นค่ะอือ๋อก็ปัจจัยแวด
00:46:10 → 00:46:13 ล้อมใกล้ตัวนี่สำคัญที่สุดเลยต้องช่วยกัน
00:46:13 → 00:46:16 คือใช่ครับคือถ้าเผิดเราจัดการสิ่งแวด
00:46:16 → 00:46:18 ล้อมที่อยู่ใกล้ตัวเกี่ยวกับการอหารการ
00:46:19 → 00:46:21 กินเราได้แล้วตรงนี้เนี่ยเราจะได้ทานของ
00:46:21 → 00:46:23 ที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้นแต่ถ้า
00:46:23 → 00:46:28 สิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่มันมันก็ชวนกินมี
00:46:28 → 00:46:30 เดี๋ยวเค้กมาอีกแล้วล่ะเดี๋ยวน้ำหวานน้ำ
00:46:31 → 00:46:33 ดื่มมายอีกที่มันไม่ค่อยดีกับเรามากขึ้น
00:46:33 → 00:46:37 นะครับครับค่ะเอ่านะฮะขอบคุณอาจารย์มาก
00:46:37 → 00:46:40 เลยครับที่มาให้ความรู้ในวันนี้แล้วก็เ่อ
00:46:40 → 00:46:43 หวังว่าเราจะเป็นอีกหนึ่ง 1 กระบอกเสียง
00:46:43 → 00:46:46 นะที่ทำให้ทุกคนตระหนักในเรื่องของโรคเบา
00:46:46 → 00:46:49 หวานแล้วก็พยายามช่วยกันลดปัจจัยและอัตรา
00:46:49 → 00:46:52 ผู้ป่วยโรคเบาหวานของไทยเราให้ลดลงนะครับ
00:46:52 → 00:46:55 อาจารย์ครับครับขอบพระคุณมากเลยครับ
00:46:55 → 00:46:58 อาจารย์ครับครับสวัสดีสวัสดีครับสวัสดี
00:46:58 → 00:47:00 ครับสวัสดีค่ะศาสตราจารย์คลินิกนายแพทย์
00:47:00 → 00:47:04 วีรศักดิ์สรินนภากรนะครับนายแพทย์ทรง
00:47:04 → 00:47:07 คุณวุฒิหัวหน้างานโรคต่อมไร้ท่อกลุ่มงาน
00:47:07 → 00:47:09 อายุรศาสตร์โรงพยาบาลราชวิถีกรมการแพทย์
00:47:09 → 00:47:12 นะครับ