ทำไมการนับแคลอรี่ถึงมีข้อเสีย แม้ว่าจะช่วยลดน้ำหนักได้

ลดน้ำหนัก นับแคลอรียังไง ต้องกินกี่แคล I หมอหนึ่ง Healthy Hero

จากช่อง : หมอหนึ่ง : Healthy Hero


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:02 ลดน้ําหนัก ต้องกินกี่แคล นะครับ

00:00:0200:00:03 นับแคลอรี่ยังไง

00:00:0300:00:07 มีข้อดีข้อเสียอะไรบ้างในการนับแคลอรี่ แล้วไม่นับแคลอรี่ได้ไหม

00:00:0700:00:08 เดี๋ยววันนี้เราจะมาคุยกันนะครับ

00:00:0800:00:10 สวัสดีครับ ผมหมอหนึ่ง healthy hero นะครับ

00:00:1000:00:12 ลดน้ําหนักครั้งสุดท้ายในชีวิต

00:00:1200:00:14 คิดถึง หมอหนึ่ง healthy hero นะครับ

00:00:1400:00:17 คราวนี้ที่เราจะคุยกันวันนี้ก็คือเรื่องของการนับแคลอรี่

00:00:1700:00:21 ใครที่กําลังเริ่มต้นลดน้ําหนักอยู่ หรือว่าเป็นคนที่ลดมาสักพักแล้วนะครับ

00:00:2100:00:26 ก็ลองดูวิธีการนับแคลอรี่ไว้นะครับ ว่าคนอื่น บางคนเขาลดด้วยวิธีนี้กัน

00:00:2600:00:27 มันมีข้อดีข้อเสียยังไงบ้างนะครับ

00:00:2700:00:29 ซึ่งถามว่าหมอหนึ่งใช้ไหม

00:00:2900:00:32 แรก ๆ ตอนที่หมอหนึ่งเริ่มต้นลดน้ําหนัก เคยใช้นะ

00:00:3200:00:34 แต่มันมีข้อเสียอยู่ด้วย

00:00:3400:00:36 เดี๋ยววันนี้หมอหนึ่งจะเล่าให้ฟังเลยว่ามันมีข้อเสียอะไรบ้าง

00:00:3600:00:39 จนทําให้ทุกวันนี้หมอหนึ่งเลิกใช้วิธีการนับแคลอรีไปแล้ว

00:00:3900:00:42 แล้วหมอหนึ่งใช้วิธีอะไร เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังในตอนท้ายนะครับ

00:00:4200:00:44 คราวนี้มาดูกันก่อนนะครับ อันแรกนะ

00:00:4400:00:47 การลดน้ําหนักด้วยการนับแคลอรี่ มันคืออะไรก่อน

00:00:4700:00:50 คําว่าแคลอรี่ ( Calories ) มันเป็นหน่วยของพลังงานนะครับ

00:00:5000:00:53 คือของที่เรากินเข้าไปในชีวิตประจําวัน มันจะมีอยู่ 2 อย่าง

00:00:5300:00:56 มีสารอาหารอยู่ 2 ชนิด คือ สารอาหารที่ให้พลังงาน

00:00:5600:00:57 กับสารอาหารที่ไม่ได้ให้พลังงาน

00:00:5700:01:01 สารอาหารที่ให้พลังงาน จะมีอยู่ 3 อย่างด้วยกัน

00:01:0100:01:05 คือกลุ่ม คาร์โบไฮเดรต โปรตีน แล้วก็ไขมัน

00:01:0500:01:07 คาร์โบไฮเดรต เช่น อะไรบ้างนะครับ

00:01:0700:01:10 คาร์โบไฮเดรตก็คือพวกแป้ง ข้าว เส้น ขนมปังนะครับ

00:01:1000:01:15 พวกผักหัว ข้าวโพด เผือก มัน ฟักทอง พวกนม

00:01:1500:01:17 น้ําตาลต่าง ๆ พวกนี้เป็นกลุ่มคาร์โบไฮเดรต

00:01:1700:01:20 อันถัดมาก็คือกลุ่มที่เป็นโปรตีน

00:01:2000:01:25 โปรตีนก็คือพวก เนื้อสัตว์ นม ไข่ ถั่ว เวย์โปรตีน ก็ใช่นะครับ

00:01:2500:01:27 แล้วพวกเต้าหู้ทั้งหลาย พวกนี้เป็นกลุ่มโปรตีน

00:01:2700:01:30 แล้วก็อันสุดท้าย ก็คือพวก กลุ่มไขมัน ก็คือไขมันกับน้ํามัน

00:01:3000:01:34 พวกนี้คือกลุ่มที่ให้พลังงาน แต่ให้มากน้อยต่างกันนะครับ

00:01:3400:01:35 เดี๋ยวจะอธิบายให้ฟังต่อไป

00:01:3500:01:37 กับอีกกลุ่มหนึ่งก็คือกลุ่มที่ไม่ได้ให้พลังงาน

00:01:3700:01:42 แต่สําคัญเหมือนกัน ก็คือ พวกกลุ่มที่เป็น วิตามิน เกลือแร่ แล้วก็น้ํา

00:01:4200:01:44 ถ้าภาษาของวิทยาศาสตร์

00:01:4400:01:46 เขาจะเรียกกลุ่มหนึ่งว่าเป็น Macronutrients นะครับ

00:01:4600:01:47 Macro แปลว่า ใหญ่

00:01:4700:01:48 ก็คือพวกที่ให้พลังงาน

00:01:4800:01:51 แล้วก็พวก Micronutrients คือกลุ่มเล็ก ๆ ที่ไม่ได้ให้พลังงาน

00:01:5100:01:54 แต่จําเป็น ก็คือ พวกวิตามิน เกลือแร่ น้ํา

00:01:5400:01:55 แต่จําศัพท์ไม่ได้ช่างมันนะครับ

00:01:5500:01:57 ให้เราแบ่งแยกให้ได้ก่อนว่า

00:01:5700:02:00 มันเป็นที่มาของเรื่องของพลังงานนะ เรื่องแคลอรี่

00:02:0000:02:03 คราวนี้ 3 อันที่เราต้องดู ก็คือ เรื่องโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน ถูกไหม

00:02:0300:02:07 ตอนนี้เข้าใจแล้วนะว่า แคลอรี่ มันคือ การนับสารอาหารที่ให้พลังงาน

00:02:0700:02:09 คราวนี้ แล้วมันนับยังไงนะครับ นับแคลอรี่

00:02:0900:02:12 สารอาหาร 3 อย่างนี้ มันให้พลังงานไม่เท่ากัน

00:02:1200:02:17 โปรตีน 1 กรัม จะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่

00:02:1700:02:20 คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม จะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่

00:02:2000:02:24 แต่ไขมัน 1 กรัม จะให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี่

00:02:2400:02:29 พอรู้แบบนี้นะครับ บางทีคนที่เขาลดน้ําหนักด้วยการนับแคลอรี่

00:02:2900:02:33 เขาก็ต้องมาดูแล้วว่า อาหาร 1 จาน มีข้าวเท่าไร

00:02:3300:02:35 มีน้ํามันกี่ช้อน

00:02:3500:02:38 มีโปรตีน เนื้อสัตว์ กี่กรัมนะครับ

00:02:3800:02:40 จะได้เอามาคํานวณเป็นแคลอรีได้ว่า

00:02:4000:02:42 วันนี้ มื้อนี้ เราทานไปกี่แคลอรี่แล้ว

00:02:4200:02:46 หรือบางคนที่กินอาหารที่มาจากร้านสะดวกซื้อ

00:02:4600:02:47 ที่มีฉลากโภชนาการมาแล้ว

00:02:4700:02:49 เขาก็จะมีบอกมาว่ามีแคลอรีเท่าไหร่ถูกไหม

00:02:4900:02:52 แล้วเขาก็เอาทั้งหมดในหนึ่งวันที่ทานมารวมกัน

00:02:5200:02:54 แล้วก็ดูว่าเราได้พลังงานเข้าไปเท่าไหร่นะครับ

00:02:5400:02:56 คราวนี้ พอเราพูดแบบนี้

00:02:5600:02:59 เลยเป็นที่มาของการลดน้ําหนักในช่วงประมาณ 30-40 ปีที่แล้ว

00:02:5900:03:01 เพราะว่าอะไร เพราะว่า ย้อนใหม่นะ

00:03:0100:03:03 โปรตีน 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี

00:03:0300:03:06 คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่

00:03:0600:03:08 แต่ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงานถึง 9 กิโลแคลอรี่

00:03:0800:03:09 เขาเลยนึกว่า เฮ้ย

00:03:0900:03:14 ถ้าเป็นแบบนี้แสดงว่าเจ้าไขมันมันให้พลังงานเนี้ยเยอะที่สุด

00:03:1400:03:16 มันน่าจะเป็นสาเหตุที่ทําให้คนเราอ้วนหรือเปล่า

00:03:1600:03:17 เพราะอะไร เพราะว่า

00:03:1700:03:22 การที่คนเราอ้วนเนี่ย มันเกิดจากการที่เรากินเข้าไป

00:03:2200:03:24 พลังงานที่เรากินเข้าไป มันมากกว่าที่เราใช้ออกมา

00:03:2400:03:28 คราวนี้พลังงานที่เรากินเข้าไป แล้วมันเหลือ มันใช้ไม่หมด

00:03:2800:03:30 มันก็เลยเอาไปสะสมเป็นไขมัน

00:03:3000:03:32 อันนี้คือความคิดในเมื่อ 30-40 ปีที่แล้ว

00:03:3200:03:35 เพราะฉะนั้น 30-40 ปีที่แล้ว เวลาเราเดินเข้าร้านสะดวกซื้อ

00:03:3500:03:36 เราจะรู้เลยนะครับว่า

00:03:3600:03:38 เขาจะติดฉลากโภชนาการ แล้วก็บอกว่า

00:03:3800:03:40 อันนี้ Low Fat นมอันนี้ Low Fat

00:03:4000:03:42 อาหารอันนี้ไม่มีไขมัน

00:03:4200:03:43 เพราะว่าความเชื่อในสมัยก่อนคือ

00:03:4300:03:47 ไขมันยิ่งเยอะ แคลอรี่ยิ่งเยอะ ยิ่งทําให้อ้วน

00:03:4700:03:51 แต่ในความเป็นจริง สมัยนี้เรารู้แล้วว่า มันไม่ใช่แบบนั้น ถูกไหม

00:03:5100:03:54 มีคนที่กินไขมันเยอะ ๆ แล้วผอม ก็มี เช่น

00:03:5400:03:55 การกินคีโต Ketogenic Diet

00:03:5500:03:58 หนึ่งเคยพูดเรื่อง ketogenic diet ไว้ในช่อง

00:03:5800:04:00 ใครที่สนใจก็ลองไปหาดูได้

00:04:0000:04:01 แต่หมอหนึ่งไม่ได้ลดแบบคีโตนะครับ

00:04:0100:04:05 แต่ทุกคนควรจะเข้าใจว่า วิธีแต่ละแบบมันมีข้อดีข้อเสียยังไง

00:04:0500:04:07 เพื่อที่จะได้เอามาปรับใช้กับชีวิตประจําวันของเรา

00:04:0700:04:10 เพราะต้องบอกเลยว่า คนไทยเป็นคนที่ใช้ชีวิต

00:04:1000:04:11 มีอาหารให้กินหลากหลายแบบมาก ๆ

00:04:1100:04:12 ถ้าคุณมีความรู้เยอะ

00:04:1200:04:15 จะทําให้คุณใช้ชีวิตแล้วมีความสุขกับการลดน้ําหนัก

00:04:1500:04:19 เพราะฉะนั้น 30-40 ปีก่อน เขาก็เลยพยายามลดไขมันลงเยอะ ๆ

00:04:1900:04:21 เพื่อที่จะได้แคลอรีน้อย ๆ

00:04:2100:04:24 คราวนี้แล้วคนที่นับแคลอรี่เขาผอมไหม ผอมนะครับ

00:04:2400:04:26 ก็มีคนผอมจากการนับแคลอรี่

00:04:2600:04:28 ซึ่งหลักการจริง ๆ มันง่ายนิดเดียวเลยคือ

00:04:2800:04:30 พลังงานที่กินต้องน้อยกว่าพลังงานที่ใช้

00:04:3000:04:32 แต่ความยากคืออะไร

00:04:3200:04:33 ความยากอยู่ตรงนี้นะครับ

00:04:3300:04:35 ข้อเสียของการนับแคลอรี่คือ

00:04:3500:04:37 เราไม่สามารถนับได้ทุกมื้อ

00:04:3700:04:39 หมอหนึ่งเคยลองพยายามนับแล้วนะ

00:04:3900:04:41 ว่าวันนี้ เรากินข้าวกะเพราไข่ดาวอ่ะ

00:04:4100:04:45 ข้าวเนี่ย ประมาณคาร์โบไฮเดรตกี่กรัม โปรตีนกี่กรัม ใช้น้ํามันกี่ช้อน

00:04:4500:04:49 เริ่มทําไปได้แค่วันนึง เริ่มรู้สึกว่า ทําไมมันค่อนข้างเครียดจังเลย

00:04:4900:04:52 เพราะว่าเราต้องมานั่งนับ แล้วก็บวกลบคูณหารตลอดเวลา

00:04:5200:04:55 หรือเมื่อไหร่ก็ตามที่เรากินมื้อไหนที่เราไม่รู้ว่า

00:04:5500:04:57 มันคํานวณแล้วมันได้แคลอรี่เท่าไร

00:04:5700:04:59 เราจะเริ่มงงแล้วว่า เราจะบวกยังไงถูกไหม

00:04:5900:05:01 ใครที่เคยนับแคลอรี่อาจจะเคยเข้าใจแบบนี้เหมือนกันนะครับ

00:05:0100:05:04 ว่ามันค่อนข้างยากในเรื่องตรงนี้เนอะ

00:05:0400:05:05 และในส่วนของการใช้พลังงาน

00:05:0500:05:08 เราบอกว่า กินต้องน้อยกว่าใช้ เราถึงจะผอมถูกไหม

00:05:0800:05:10 ใช้พลังงานบางทีมันก็คํานวณยากว่าระหว่างวัน

00:05:1000:05:12 เราใช้พลังงานไปเท่าไร เพราะอะไร

00:05:1200:05:16 เพราะว่า แต่ละคน แม้จะน้ําหนักเท่ากัน อายุเท่ากัน

00:05:1600:05:17 แต่กิจวัตรประจําวันไม่เหมือนกัน

00:05:1700:05:19 มันก็ไม่สามารถที่จะบอกได้ว่า

00:05:1900:05:20 เราใช้พลังงานไปเท่าไหร่

00:05:2000:05:23 เพราะฉะนั้น ทั้งหมดนี้ มันเป็นค่าประมาณหมดเลยนะครับ

00:05:2300:05:26 โดยที่เขามีการทดลองในห้องปฏิบัติการ

00:05:2600:05:29 เขาบอกว่า การที่เราจะน้ําหนักลดได้ 1 กิโล

00:05:2900:05:32 จะต้องมีพลังงานที่เรากิน น้อยกว่าที่เราใช้

00:05:3200:05:35 รวมแล้วในแต่ละวัน เอามาบวกลบคูณหารกัน

00:05:3500:05:38 ทั้งหมด 7700 กิโลแคลอรี ถึงจะลดน้ําหนักได้ 1 กิโล

00:05:3800:05:43 หมายความว่า ถ้าวันนี้เรา กินน้อยกว่าใช้ ได้ 500 กิโลแคลอรีนะครับ

00:05:4300:05:47 14 วัน 7000 กิโลแคลอรี ก็น้ําหนักจะลงประมาณ 1 กิโล

00:05:4700:05:48 อันนี้คือความเชื่อในสมัยก่อนเนอะ

00:05:4800:05:52 แต่ถามว่า ในปัจจุบัน ยังจําเป็นต้องทําแบบนี้อยู่ไหม

00:05:5200:05:53 หมอหนึ่งบอกเลยว่า ไม่จําเป็น

00:05:5300:05:56 เพราะว่าทุกคนลองนึกภาพดูนะครับว่า

00:05:5600:06:00 สมมุติว่า หมอหนึ่งให้คน 3 คนมานับแคลอรี่เหมือนกันหมดเลยนะ

00:06:0000:06:03 คนที่ 1 นะครับ กินคาร์โบไฮเดรต เยอะหน่อย

00:06:0300:06:06 1000 กิโลแคลอรี่ มาจากคาร์โบไฮเดรตหมดเลย

00:06:0600:06:08 คือกินแต่ข้าว กินแต่แป้ง กินแต่น้ําตาล

00:06:0800:06:11 คนที่ 2 กินโปรตีนอย่างเดียวเลย 1000 กิโลแคลอรี่

00:06:1100:06:14 คนที่ 3 กินไขมันอย่างเดียวเลย 1000 กิโลแคลอรี

00:06:1400:06:16 3 คนนี้ ได้พลังงานเท่ากันก็จริงนะ

00:06:1600:06:18 แต่ร่างกายมองว่าไม่เหมือนกัน

00:06:1800:06:19 เพราะอะไรรู้ไหม

00:06:1900:06:21 เพราะว่าร่างกายของเราไม่ใช่เครื่องคิดเลขนะครับ

00:06:2100:06:23 ถ้ามองในมุมการแพทย์นะ มันไม่ใช่เครื่องคิดเลข

00:06:2300:06:27 การที่เรากินสารอาหาร 3 ชนิดนี้ เข้าไปในร่างกาย

00:06:2700:06:30 ร่างกายไม่ได้เอามันไปเผาผลาญเสร็จปั๊บแล้วบอกว่า

00:06:3000:06:32 อะไรเข้ามาก่อน ฉันเผาผลาญอันนั้นก่อน ไม่ใช่นะ

00:06:3200:06:35 ร่างกายของเรา จะใช้พลังงานจากน้ําตาลกับแป้งเป็นหลัก

00:06:3500:06:40 เพราะฉะนั้น เมื่อไหร่ก็ตามที่คนกลุ่มแรกกินน้ําตาลกับแป้งเข้าไปเยอะ ๆ

00:06:4000:06:42 แล้วกินโปรตีนกับไขมันน้อย ๆ

00:06:4200:06:44 ร่างกายจะเอาอันนี้ มาใช้เป็นพลังงานหลัก

00:06:4400:06:46 แล้วเมื่อไหร่ก็ตามที่มันใช้ไม่หมด

00:06:4600:06:49 ซึ่งคนส่วนใหญ่ที่อ้วน ก็มักจะเกิดจากการที่ใช้น้ําตาลกับแป้งไม่หมดเนี่ยแหละ

00:06:4900:06:51 มันก็จะไปสะสมเป็นไขมัน

00:06:5100:06:55 ส่วนกลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ 3 ที่เขากิน 1000 กิโลแคลอรี่เหมือนกันนะ

00:06:5500:06:56 แต่กินแป้งน้อยนะครับ

00:06:5600:07:00 มันจะไม่ค่อยไปกระตุ้นฮอร์โมนที่สะสมไขมันเท่าไร

00:07:0000:07:02 เพราะฉะนั้นในปัจจุบันเราเลยเริ่มมองถึง

00:07:0200:07:06 การกระตุ้นฮอร์โมนในร่างกายจากอาหารที่แตกต่างกันนะครับ

00:07:0600:07:08 ถ้าให้สรุปง่าย ๆ นะครับ

00:07:0800:07:09 ระบบพลังงานในร่างกายของเรามันจะมี 2 ระบบ

00:07:0900:07:11 คือใช้น้ําตาลกับแป้งเป็นหลัก

00:07:1100:07:12 แล้วก็ใช้ไขมันเป็นพลังงานหลัก

00:07:1200:07:16 ส่วนโปรตีนให้พลังงานได้ก็จริง แต่ถ้าไม่จําเป็นร่างกายจะไม่ใช้

00:07:1600:07:18 นอกจากว่าคุณอดอาหาร

00:07:1800:07:20 มันถึงจะสลายกล้ามเนื้อ เอาโปรตีนมาใช้เป็นพลังงาน

00:07:2000:07:24 เพราะโปรตีนทําหน้าที่ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย

00:07:2400:07:26 ถ้าไม่จําเป็น มันเอาไปซ่อมแซมดีกว่า

00:07:2600:07:27 มันไม่เอามาใช้เป็นพลังงาน โอเคไหม

00:07:2700:07:30 มันเอาไปสะสมเป็นกล้ามเนื้อ น่าจะดีกว่านะครับ

00:07:3000:07:32 เพราะฉะนั้นนะครับ รู้แบบนี้แล้วนะครับ

00:07:3200:07:34 ใครที่กําลังเริ่มต้นลดน้ําหนัก ไม่ต้องกังวลแล้วนะว่า

00:07:3400:07:36 ของมันของทอดกินไม่ได้หรือเปล่านะครับ

00:07:3600:07:37 กินได้

00:07:3700:07:39 แต่สิ่งที่ ถ้าอยากจะเริ่มต้นลดน้ําหนัก

00:07:3900:07:41 แล้วหมอหนึ่งอยากให้เริ่มทําก่อนเลยก็คือ

00:07:4100:07:44 งดพวกเครื่องดื่มกับขนมที่มีน้ําตาล

00:07:4400:07:45 เพราะว่าเรารู้แล้วถูกไหมว่า

00:07:4500:07:49 อาหารแต่ละชนิดมันส่งผลกับฮอร์โมนในร่างกายเราไม่เหมือนกัน

00:07:4900:07:51 แล้วอาหารที่กระตุ้นให้เกิดการสะสมไขมันได้ง่ายที่สุด

00:07:5100:07:54 คืออาหารจําพวก คาร์โบไฮเดรต หรือน้ําตาลกับแป้ง

00:07:5400:07:56 โดยเฉพาะพวกแป้งสีขาวนะครับ

00:07:5600:07:59 เพราะพวกแป้งสีขาว มันถูกขัดเอาพวกใยอาหารออกไปแล้ว

00:07:5900:08:03 เลยทําให้ร่างกายเราดูดซึมน้ําตาลได้ค่อนข้างเร็วนะครับ

00:08:0300:08:05 แล้วสุดท้ายน้ําตาลที่เข้าไปในร่างกายแล้วใช้ไม่หมด

00:08:0500:08:07 ก็เลยเอาไปสะสมเป็นไขมัน เพื่อไม่ให้เราเป็นเบาหวาน

00:08:0700:08:10 เพราะถ้าน้ําตาลเราลอยอยู่ในกระแสเลือดเยอะ ๆ

00:08:1000:08:11 คุณจะเป็นเบาหวาน ถูกไหม

00:08:1100:08:14 ร่างกายก็เลยจําเป็นที่จะต้องเอาไปเก็บสะสมเป็นไขมัน

00:08:1400:08:15 เราก็เลยอ้วนแทนนั่นเองนะครับ

00:08:1500:08:18 และถ้าอยากรู้ว่าตอนนี้ เทรนการลดน้ําหนักคืออะไร

00:08:1800:08:21 คุณเข้าร้านสะดวกซื้อเลย คุณจะเห็นเลยว่าสมัยนี้

00:08:2100:08:24 พวกอาหารที่เป็น Low Fat แทบจะไม่มีเลยนะครับ

00:08:2400:08:27 แต่จะกลายเป็นอาหารที่ zero sugar

00:08:2700:08:29 หรือเขาจะแปะไว้เลยว่า ไม่เติมน้ําตาลทราย

00:08:2900:08:31 เพราะว่า เทรนสุขภาพมันเปลี่ยนไป

00:08:3100:08:35 ตามสิ่งที่เราค้นพบในแต่ละยุคสมัยนะครับ

00:08:3500:08:38 เพราะฉะนั้นลองเอาเทคนิคของหมอหนึ่งไปปรับทําดูนะครับ

00:08:3800:08:39 แค่ 7 วัน พุงยุบเลยนะครับ

00:08:3900:08:42 ก็จะเริ่มเห็นผล โดยที่คุณไม่ต้องนับแคลอรี่เลยนะครับ