00:00:00 → 00:00:03 สวัสดีครับปัจจุบันนะครับก็มีคนพูดกัน
00:00:03 → 00:00:05 หลากหลายนะครับอยู่ห้องกับเรื่องของการ
00:00:05 → 00:00:08 อักเสบนะฮะว่ามันมีอาหารที่สามารถลดการ
00:00:08 → 00:00:11 อักเสบได้นะครับถ้าเรามีการอักเสบมันเป็น
00:00:11 → 00:00:13 สิ่งที่ไม่ดีเราจะต้องไปหายาแก้อักเสบมา
00:00:13 → 00:00:17 ทานนะครับยาลดอาการต่างๆนะครับรวมทั้งอาจ
00:00:17 → 00:00:20 จะไปปรับเปลี่ยนวิธีการใช้ชีวิตต่างๆนานา
00:00:20 → 00:00:22 นะครับเพื่อที่จะห้ามทำให้การอักเสบมัน
00:00:22 → 00:00:25 หายไปจากร่างกายนะครับจริงๆแล้วการอักเสบ
00:00:25 → 00:00:26 มันคืออะไรนะครับแล้วมันดีหรือมันไม่ดี
00:00:26 → 00:00:29 อย่างไรบ้างนะครับผมก็จะเล่าให้ฟังเลยใน
00:00:29 → 00:00:31 วันนี้นะครับพบกับผมนะครับนายแพทย์
00:00:31 → 00:00:33 ธนินทะนีวรรณนะครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่
00:00:33 → 00:00:35 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกานะครับเชี่ยวชาญโรค
00:00:35 → 00:00:38 ปอดการปลูกถ่ายปอดและวิกฤตบำบัดนะครับผม
00:00:38 → 00:00:41 เชื่อว่าหลายๆคนนะครับคงมองการอักเสบใน
00:00:41 → 00:00:45 แง่ไม่ดีเสมอนะครับเพราะว่ามันเป็นสิ่ง
00:00:45 → 00:00:47 ซึ่งน่าจะก่อปัญหาให้กับร่างกายถูกไหม
00:00:47 → 00:00:50 ครับชื่อมันก็ไม่ค่อยฟังดูไม่ค่อยดีนะ
00:00:50 → 00:00:52 ครับการอักเสบเนี่ยภาษาอังกฤษเราจะเรียก
00:00:52 → 00:00:55 ว่า information นะครับแล้วในการแพทย์
00:00:55 → 00:00:58 เนี่ยนะครับก็จะมีการแพทย์ที่สอนกันมา
00:00:58 → 00:01:01 ตั้งแต่โบราณเลยนะครับว่าการมันจะต้องมี
00:01:01 → 00:01:04 อาการปวดบวมแดงร้อนนะครับนี่คือการอักเสบ
00:01:04 → 00:01:07 โดยทั่วๆไปที่หลายๆคนเข้าใจนะครับมันก็จะ
00:01:07 → 00:01:10 มีภาษาทางการแพทย์นะครับอย่างคำว่าปวดบวม
00:01:10 → 00:01:12 แดงร้อนเนี่ยภาษาทางการแพทย์จริงๆมันก็ตี
00:01:12 → 00:01:16 เป็นภาษากลุ่มภาษาละตินนะครับอย่างปวด
00:01:16 → 00:01:20 เนี่ยมันมาจากคำว่า the low ก็คือปวด
00:01:20 → 00:01:24 จริงๆก็เป็นเป็นคล้ายๆเป็นภาษาสแตนนิสต์
00:01:24 → 00:01:28 เหมือนกันแต่นะครับปวดนะครับบวมทุกโหมด
00:01:28 → 00:01:30 หรือ tooler นั่นเองนะครับคือก้อนบวมนั่น
00:01:30 → 00:01:34 เองนะครับแดง rubble นะครับมันก็แปลว่า
00:01:34 → 00:01:38 แดงนะร้อนอุดมแดงร้อนร้อนนี่แคร์โหลดนะ
00:01:38 → 00:01:40 ครับแครอทคือมันมาจากคำว่าแคลอรี่เหล่า
00:01:40 → 00:01:42 นั้นเองนะครับแคลอรี่คือการเผาผลาญทำให้
00:01:42 → 00:01:43 เกิดความร้อนนะครับนี่ก็คือเป็นสิ่งที่
00:01:43 → 00:01:46 แพทย์หลายๆคนก็คงจะเคยเรียนมาในสมัยที่
00:01:46 → 00:01:49 เรียนนะครับแต่เอาจริงๆเนี่ยการอักเสบนะ
00:01:49 → 00:01:53 ครับมันไม่ใช่แค่ปวดบวมแดงร้อนนะครับเรา
00:01:53 → 00:01:54 ไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอย่างก็ได้นะครับ
00:01:54 → 00:01:57 มันก็เกิดขึ้นมาในร่างกายต่างๆก็ได้นะ
00:01:57 → 00:02:00 ครับมันมีสารต่างๆที่อยู่ในร่างร่างกาย
00:02:00 → 00:02:03 ที่เรียกว่าไซโดไคน์ซึ่งมีเป็น 100 ชนิด
00:02:03 → 00:02:04 เลยแล้วแต่ละชนิดก็มีหน้าที่ที่มันไม่
00:02:04 → 00:02:08 เหมือนกันนะครับการอักเสบยกตัวอย่างเช่น
00:02:08 → 00:02:10 อะไรบ้างสิ่งที่เราเห็นกันทั่วๆไปเช่นว่า
00:02:10 → 00:02:12 เราไปกระแทกอะไรมาแล้วตรงบริเวณนั้นมัน
00:02:12 → 00:02:14 บวมขึ้นมานั่นก็คือการอักเสบชนิดหนึ่งนะ
00:02:14 → 00:02:19 ครับถ้าเราไปมีแผลผ่าตัดขึ้นมานะครับการ
00:02:19 → 00:02:21 ที่แผลผ่าตัดของเรามันจะหายได้เนี่ยนะ
00:02:21 → 00:02:23 ครับมันจะต้องใช้การอักเสบครับนะถ้าเรา
00:02:24 → 00:02:25 ไม่มีการอักเสบแผลผ่าตัดเรามันไม่หายนะ
00:02:25 → 00:02:28 ครับอันนั้นก็แปลว่าจริงๆการอักเสบก็มี
00:02:28 → 00:02:32 ข้อดีนะครับบางคนเป็นโรคภูมิต่อต้านตัว
00:02:32 → 00:02:35 เองนะครับเช่นเป็น sle นะครับเป็นโรคหนัง
00:02:35 → 00:02:39 แข็งเป็นอ่าโรค joken Syndrome นะครับ
00:02:39 → 00:02:41 เป็นรูปัสเป็นเอ่อลูมาตอยด์นะครับพวก
00:02:41 → 00:02:44 เนี้ยก็มีการอักเสบขึ้นมาในร่างกายแต่มัน
00:02:45 → 00:02:47 เป็นการอักเสบซึ่งมันมากเกินกว่าที่คุณ
00:02:47 → 00:02:49 ควรจะเป็นนะครับมันก็เลยเกิดปัญหาต่อร่าง
00:02:49 → 00:02:53 กายนะครับหรือบางคนมีการอักเสบของเส้น
00:02:53 → 00:02:56 ประสาทการอักเสบของจอตานะครับพวกนี้มันก็
00:02:56 → 00:02:59 มีสาเหตุที่หลากหลายนะครับแต่ว่าการ
00:02:59 → 00:03:01 อักเสบอักเสบเนี่ยต้องบอกก่อนเลยนะครับ
00:03:01 → 00:03:04 มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียนะครับข้อดีของ
00:03:04 → 00:03:07 มันก็คือ 1 มันทำให้ร่างกายเราซ่อมแซม
00:03:07 → 00:03:09 ส่วนต่างๆของของตัวเองได้นะครับเช่นถ้า
00:03:09 → 00:03:12 ท่านอย่างเมื่อกี้ผมบอกว่าแผลผ่าตัดแผล
00:03:12 → 00:03:14 มันจะหายได้ก็ต้องมีการอักเสบนะครับถ้า
00:03:14 → 00:03:16 ท่านไปหกล้มมาแล้วท่านไม่มีการอักเสบหาย
00:03:16 → 00:03:19 หกล้มท่านก็ไม่หายนะครับถ้าท่านติดเชื้อ
00:03:19 → 00:03:22 อะไรเข้ามาในร่างกายนะครับการที่เกิดการ
00:03:22 → 00:03:24 อักเสบมันก็จะทำให้ร่างกายของท่านสามารถ
00:03:24 → 00:03:27 ที่จะภูมิคุ้มกันไปต่อต้านตัวเชื้อพวก
00:03:27 → 00:03:28 นั้นได้ถ้าท่านไม่มีการอักเสบในร่างกาย
00:03:28 → 00:03:32 เชื้อมันก็เข้ามาสู่ตัวท่านแล้วท่านก็ไม่
00:03:32 → 00:03:34 รู้ตัวแล้วเชื้อมันก็จะทำให้ท่านเป็นยัง
00:03:34 → 00:03:36 ไงครับเสียชีวิตได้นะครับถ้าท่านไม่มีการ
00:03:36 → 00:03:39 อักเสบในร่างกายดังนั้นมันก็มีประโยชน์นะ
00:03:39 → 00:03:43 ครับอ่าแล้วผมเชื่อว่าหลายๆคนคงไม่รู้ว่า
00:03:43 → 00:03:47 การนอนของเราคือการอักเสบชนิดหนึ่งอ่า
00:03:47 → 00:03:50 เรื่องนี้ไม่น่ามีใครรู้นะครับถ้าท่านไม่
00:03:50 → 00:03:51 ใช่เป็นหมอที่เกี่ยวข้องกับเรื่องการนอน
00:03:51 → 00:03:53 หลับหรือว่าท่านเข้าใจการนอนหลับอย่าง
00:03:54 → 00:03:55 ถ่องแท้แล้วก็ท่านไม่มีทางรู้ทั้งเรื่อง
00:03:55 → 00:03:57 นี้เด็ดขาดนะครับ
00:03:57 → 00:03:59 การนอนหลับของคนเราเนี่ยนะครับ
00:03:59 → 00:04:02 มันเป็นภาษาที่ผมใช้เรียกบ่อยๆก็คือ
00:04:02 → 00:04:04 Healthy information Healthy คือ
00:04:04 → 00:04:07 สุขภาพดี information คือการอักเสบการนอน
00:04:07 → 00:04:09 หลับที่ดีอันนี้ต้องบอกว่าที่ดีนะครับไม่
00:04:09 → 00:04:11 ใช่เป็นพวกที่นอนหลับๆตื่นๆนอนไม่เพียงพอ
00:04:11 → 00:04:13 อดหลับอดนอนมีโรคทางการนอนหลับต่างๆนะ
00:04:13 → 00:04:15 ครับอันนั้นไม่นับนะครับถ้าเป็นการนอน
00:04:15 → 00:04:18 หลับที่ดีหลับได้ 7 ชั่วโมงหลับได้เต็ม
00:04:18 → 00:04:20 อิ่มไม่มีปัญหาอะไรไม่ได้เป็นเพราะเรากิน
00:04:20 → 00:04:23 ยาหรืออะไรพวกนี้นะครับหลับได้ปกติพวกนี้
00:04:23 → 00:04:26 มันจะก่อให้เกิดการอักเสบประเภทหนึ่งซึ่ง
00:04:26 → 00:04:29 มีผลดีต่อร่างกายเรานะครับการอักเสบ
00:04:29 → 00:04:30 ประเภทนั้นคืออะไร
00:04:30 → 00:04:33 ถ้าใครที่ติดตามผมมาตั้งแต่แรกๆเนี่ยจะ
00:04:33 → 00:04:35 เข้าใจว่าระบบคุ้มกันของเราเนี่ยมันมี
00:04:35 → 00:04:38 index Infinity คือภูมิคุ้มกันที่มีมา
00:04:38 → 00:04:40 ตั้งแต่กำเนิดพวกนี้คือภูมิต้องการที่มัน
00:04:40 → 00:04:43 ไม่ค่อยเฉพาะเจาะจงมีตัวอะไรเข้ามาตลาดใน
00:04:43 → 00:04:44 ร่างกายเชื้อโรคเข้ามาหรือสิ่งแปลกปลอม
00:04:45 → 00:04:47 เข้ามามันก็เข้าไปกำจัดนะครับกับภูมิคุ้ม
00:04:47 → 00:04:49 กันแบบที่ 2 คือ adaptive iminity
00:04:49 → 00:04:51 adaptive ก็คือมันสามารถปรับเปลี่ยนรูป
00:04:51 → 00:04:54 แบบการตอบสนองได้ให้มันเก่งขึ้นก็เปลี่ยน
00:04:54 → 00:04:57 เหมือนสไนเปอร์นะครับถ้าเรามีโจรเข้ามา
00:04:57 → 00:04:59 เนี่ยแล้วไอ้สไนเปอร์นี่มันเก่งมากๆนะ
00:04:59 → 00:05:02 ครับมันก็ยิงหัวทุกคนตายหมดเลยนะครับถ้า
00:05:02 → 00:05:04 เรามีสไนเปอร์ที่เก่งสุดยอดเยอะๆเนี่ยนะ
00:05:04 → 00:05:06 ครับมันก็จะสามารถกำจัดเชื้อโรคพวกนี้ได้
00:05:06 → 00:05:09 อย่างแม่นยำโดยที่ไม่ก่อให้เกิดปัญหาต่อ
00:05:09 → 00:05:10 ร่างกายนะครับ
00:05:10 → 00:05:12 image Unity เนื่องจากว่ามันไม่เลือก
00:05:12 → 00:05:14 หน้าอะไรมันก็ทำลายไปทั่วแล้วก็ทำให้เกิด
00:05:15 → 00:05:17 การอักเสบโดยไม่จำเป็นขึ้นกับร่างกายนะ
00:05:17 → 00:05:21 ครับแต่ถ้าเราพัฒนาตัว adaptive inunity
00:05:21 → 00:05:23 ดีๆแล้วเนี่ยร่างกายจะไม่ค่อยมีปัญหาครับ
00:05:23 → 00:05:25 จะจัดการทุกอย่างได้อย่างเงียบเชียบเรียบ
00:05:25 → 00:05:27 ร้อยนะครับแล้วการนอนหลับเนี่ยมันเป็นการ
00:05:27 → 00:05:29 ส่งเสริม adaptive Infinity ให้มันมาก
00:05:29 → 00:05:32 ขึ้นนะครับฮอร์โมนต่างๆที่ออกมาเนี่ยมัน
00:05:32 → 00:05:34 จะไปส่งเสริมทำให้ adaptivity ทำงานได้ดี
00:05:34 → 00:05:37 ขึ้นเซลล์ต่างๆนะครับในร่างกายเนี่ยมันจะ
00:05:37 → 00:05:39 มีเซลล์กลุ่มที่เป็นที่เซลล์นะครับที่
00:05:39 → 00:05:41 เซลล์ก็คือเป็นเซลล์ซึ่งเป็นภูมิคุ้มกัน
00:05:41 → 00:05:43 ชนิดหนึ่งมันจะวิ่งกลับเข้าไปในต่อมน้ำ
00:05:43 → 00:05:46 เหลืองนะครับแล้วก็เซลล์ซึ่งมันมีหน้าที่
00:05:46 → 00:05:48 ไปตรวจจับสิ่งแปลกปลอมเนี่ยเราจะเรียกว่า
00:05:48 → 00:05:50 แอนติเจนพรีเซ็นเตอร์เซลล์นะครับเซลล์พวก
00:05:50 → 00:05:53 นี้ก็จะไปเจอเอ๊ะเจอสิ่งแปลกปลอมแต่ว่า
00:05:53 → 00:05:55 การที่ร่างกายจะทำให้เกิดการตอบสนองแบบ
00:05:55 → 00:05:57 adaptive Infinity ได้มันจะต้องให้
00:05:57 → 00:05:59 เซลล์ 2 เต็มมาเจอกันให้ได้ซะก่อน
00:05:59 → 00:06:02 แล้วมันเจอกันตรงไหนครับในต่อมน้ำเหลือง
00:06:02 → 00:06:05 นี่แหละครับนะที่เซลล์โอเควิ่งมาเจออยู่
00:06:05 → 00:06:07 ต่อมเหลืองแล้วนะครับแอนติเจน
00:06:07 → 00:06:08 พรีเซนต์เซลล์เจอของแปลกปลอมวิ่งเข้ามา
00:06:08 → 00:06:10 ที่ต่อมเหลืองมาเจอกันคุยกันบอกว่าเฮ้ย
00:06:10 → 00:06:14 มันมีของแปลกปลอมขึ้นมานะรีบจัดการซะไอ้
00:06:14 → 00:06:15 ที่เซลล์ตรงนี้มันก็จะรู้แล้วมีของแปลก
00:06:15 → 00:06:18 ปลอมเข้ามามันจะเริ่มเพิ่มจำนวนของตัวเอง
00:06:18 → 00:06:21 ขึ้นมาแล้วก็เตรียมตัวกำจัดสิ่งแปลกปลอม
00:06:21 → 00:06:23 พวกนั้นและไอ้เนี่ยมันจะเกิดขึ้นตอนที่
00:06:23 → 00:06:26 เราหลับดีที่สุดนะครับถ้าเราไม่หลับมัน
00:06:26 → 00:06:28 ไม่เกิดขึ้นครับถ้าการนอนหลับมีปัญหาก็มี
00:06:28 → 00:06:32 ปัญหานะครับนี่คือกระบวนการอักเสบชนิด
00:06:32 → 00:06:35 หนึ่งของร่างกายนะครับแล้วถ้าท่านไม่เกิด
00:06:35 → 00:06:38 การหลับที่ดีแล้วล่ะก็สิ่งที่เกิดขึ้นก็
00:06:38 → 00:06:40 จะตรงกันข้ามนะครับท่านจะไม่มีการคุยกัน
00:06:40 → 00:06:42 ของไอ้พวกเนี้ยนะครับก็จะเกิดปัญหาขึ้นมา
00:06:42 → 00:06:46 มันก็กำกำจัดพวกของที่เสียๆต่างๆในร่าง
00:06:46 → 00:06:47 กายท่านไม่ค่อยดีการติดเชื้อก็จะเป็นได้
00:06:48 → 00:06:50 ง่ายขึ้นนะครับเป็นเราก็หายากขึ้นแล้วที่
00:06:50 → 00:06:54 สำคัญนี่เลยครับถ้าการอักเสบพวกเนี้ยมัน
00:06:54 → 00:06:57 จะมีหลายแบบนะครับแบบที่ท่านอนหลับปกติ
00:06:57 → 00:08:59 แล้วมันดีนะครับมันก็จะเป็นเขาเรียกว่า
00:08:59 → 00:09:01 ให้เลือกหน้าหรอกครับว่าการอักเสบที่มัน
00:09:01 → 00:09:04 จะไปต้านนั้นเป็นการอักเสบที่ดีหรือไม่ดี
00:09:04 → 00:09:08 นะครับเรากินยาแก้อักเสบเรากินยากดภูมิ
00:09:08 → 00:09:11 มันไปต้านการอักเสบกลุ่มที่มันดีแล้วมัน
00:09:11 → 00:09:13 ไม่ดีพร้อมกันนั่นแหละครับมันไม่เลือก
00:09:13 → 00:09:17 หน้านะครับนั่นคือมันหานั่นคือปัญหาของ
00:09:17 → 00:09:20 การรักษาในปัจจุบันนะครับนั่นหมายความว่า
00:09:20 → 00:09:23 ท่านซึ่งมีโรคบางอย่างซึ่งเกี่ยวข้องกัน
00:09:23 → 00:09:25 ทางการอักเสบแล้วหมอเขารักษาเนี่ยเขาจะ
00:09:25 → 00:09:27 ต้องพยายามหาสาเหตุให้เจอก่อนเพื่อไป
00:09:27 → 00:09:30 รักษาตรงนั้นส่วนยาที่ลดการอักเสบนั้นที่
00:09:30 → 00:09:33 กินเข้าไปเนี่ยอาจจะเพื่อบรรเทาอาการของ
00:09:33 → 00:09:36 ท่านเท่านั้นเองนะครับแต่ว่ากินช่วงสั้นๆ
00:09:36 → 00:09:37 ท่านไม่ได้กินตลอดไปนะครับเพราะว่ากิน
00:09:37 → 00:09:40 ตลอดไปแน่นอนว่ามันไปกดการอักเสบที่ดีของ
00:09:40 → 00:09:43 ร่างกายท่านก็จะเกิดปัญหาขึ้นมาได้นะครับ
00:09:43 → 00:09:47 นะนี่คือสิ่งที่เราต้องคิดทีนี้คนที่แข็ง
00:09:47 → 00:09:50 แรงดีอยู่แล้วล่ะเช่นท่านก็เป็นคนปกติไม่
00:09:50 → 00:09:52 ได้มีโรคประจำตัวอะไรแล้วท่านก็ไปฟังมา
00:09:52 → 00:09:56 ว่าเอ๊ะมันมีสารมีมีอาหารต้านการอักเสบนะ
00:09:56 → 00:09:59 ครับมีเอ่อวิตามินต้านการอักเสบมีสาร
00:09:59 → 00:10:01 อาหารบางชนิดต้านการอักเสบได้ท่านจะกิน
00:10:01 → 00:10:04 delivery ไม่ดีนะครับตรงนี้ผมต้องบอกไว้
00:10:04 → 00:10:07 ก่อนว่าข้อมูลของสิ่งเหล่านี้เนี่ยมันไม่
00:10:07 → 00:10:10 ค่อยเยอะนะครับมันมีบ้างแหละครับแต่ว่า
00:10:10 → 00:10:13 มันไม่ค่อยเยอะขนาดนั้นนะฮะแล้วเราก็จะ
00:10:13 → 00:10:15 ต้องมาดูว่ากินเข้าไปแล้วมันไปช่วยอะไร
00:10:15 → 00:10:16 ขนาดนั้นจริงหรือเปล่าเพราะว่าอย่างที่
00:10:16 → 00:10:19 บอกคือการอักเสบมีทั้งดีและไม่ดีถ้าท่าน
00:10:19 → 00:10:21 กินเข้าไปแล้วมันบังเอิญไปต้านการอักเสบ
00:10:21 → 00:10:23 ที่มันดีด้วยล่ะอย่างเช่นมันเข้าไปต้าน
00:10:23 → 00:10:26 เหมือนยามันไม่เลือกหน้านะครับก็ท่านอาจ
00:10:26 → 00:10:28 จะขาดการอักเสบที่ดีไปก็ได้นั่นคือปัญหา
00:10:28 → 00:10:31 นะครับแล้วการอักเสบ
00:10:31 → 00:10:34 บางอย่างมันต้องเกิดขึ้นเช่นการออกกำลัง
00:10:34 → 00:10:36 กายเป็นการอักเสบชนิดหนึ่งมันสร้างให้
00:10:36 → 00:10:37 เกิดการอักเสบในร่างกายแต่มันเป็นการ
00:10:37 → 00:10:39 อักเสบที่ดีทำให้ร่างกายเราเสริมสร้าง
00:10:39 → 00:10:44 สุขภาพต่างๆให้แข็งแรงขึ้นนะครับการทานยา
00:10:44 → 00:10:46 บางอย่างที่เขาไปต้านสารอักเสบเนี่ยบางคน
00:10:46 → 00:10:49 การออกกำลังกายก็จะทำให้ร่างกายมันไม่ดี
00:10:49 → 00:10:52 ขึ้นนั่นก็คือปัญหานะครับส่วนสารอาหารบาง
00:10:52 → 00:10:55 คนอาจจะบอกว่าถ้าไปกินพวกเนื้อแดงนะครับ
00:10:55 → 00:10:57 มันจะก่อให้เกิดการอักเสบในร่างกายอันนี้
00:10:57 → 00:11:00 จริงนะครับอันนี้จริงนะฮะจะมีการอักเสบใน
00:11:00 → 00:11:03 ร่างกายได้นะครับแต่ว่าปริมาณการอักเสบ
00:11:03 → 00:11:05 ที่เกิดจากเนื้อแดงนั้นมันไม่ได้มากจน
00:11:05 → 00:11:08 กระทั่งสามารถทำให้เกิดปัญหาต่างๆที่ท่าน
00:11:08 → 00:11:11 ฟังจากเน็ตฟังจากโฆษณาฟังจากคนอื่นๆบอก
00:11:11 → 00:11:14 ต่อกันมาหรอกครับนะมันไม่ขนาดนั้นนะฮะ
00:11:14 → 00:11:18 อย่างไรก็ตามในเมื่อเรื่องเกี่ยวข้องกับ
00:11:18 → 00:11:20 อาหารนั้นบอกว่าอย่างนั้นเราไม่ต้องกิน
00:11:21 → 00:11:23 เนื้อแดงเลยหรือว่าเราผมบอกว่าเนื้อเนี่ย
00:11:23 → 00:11:25 มันก็กินได้มันไม่ได้ประเด็นอยู่ที่ตรง
00:11:25 → 00:11:27 นั้นนะครับประเด็นมันอยู่ที่ว่าคนเรา
00:11:27 → 00:11:29 เนี่ยควรจะกินอาหารให้มันหลากหลายให้มัน
00:11:29 → 00:11:31 ครบหมู่อย่างนี้จะดีที่สุดนะครับกินให้
00:11:31 → 00:11:33 ทางสายกลางไม่ใช่ว่าเป็นหนักทางใดทาง
00:11:33 → 00:11:37 หนึ่งม้วนคนที่บอกว่าเออห้ามไปกินผักเลย
00:11:37 → 00:11:39 ให้กินแต่เนื้อเดี๋ยวพุงจะลดเดี๋ยวแข็ง
00:11:39 → 00:11:42 แรงขึ้นไม่ใช่หรอกครับนะร่างกายคนเรา
00:11:42 → 00:11:45 เนี่ยมันสร้างมาให้กินทุกอย่างสมดุลกันนะ
00:11:45 → 00:11:48 ครับคือแน่นอนสัตว์บางชนิดก็กินแต่เนื้อ
00:11:48 → 00:11:50 เพราะว่าร่างกายเขาสร้างมาเป็นแบบนั้นนะ
00:11:50 → 00:11:53 ครับเป็นเป็น Carnival นะครับกินแต่เนื้อ
00:11:53 → 00:11:55 เลยบางคนก็เป็น Herb evoid คือกินแบบพืช
00:11:55 → 00:11:57 นะครับแต่คนเราเนี่ยจริงๆมันก้ำกึ่งนะ
00:11:57 → 00:12:00 ครับบางคนก็บอกว่าจริงๆคนเราเป็น
00:12:00 → 00:12:02 เฮอร์บีวอร์คือกินไอ้พวกพืชพวกนี้ดีขึ้น
00:12:02 → 00:12:05 นะครับแต่แน่นอนคนเราจริงๆปนกันน่าจะ
00:12:05 → 00:12:07 เรียกว่าออมนิเวอร์ดมากกว่าคือต้องกินทุก
00:12:07 → 00:12:09 อย่างให้มันสมดุลกันมันถึงจะมีประโยชน์นะ
00:12:09 → 00:12:11 ครับกินทางใดทางหนึ่งหนักมากเกินไปก็มี
00:12:11 → 00:12:14 ปัญหาทั้งนั้นแหละครับในคนเรานะครับดัง
00:12:14 → 00:12:17 นั้นเรื่องของการใช้อาหารเพื่อต้านการ
00:12:17 → 00:12:21 อักเสบนะครับส่วนตัวของผมนะครับผมคิดว่า 1
00:12:21 → 00:12:23 ข้อมูลมันมีน้อยนะครับแต่ว่ามันอาจเกิด
00:12:23 → 00:12:24 การอักเสบจริงๆถ้าท่านกินอาหารที่เป็น
00:12:24 → 00:12:27 เนื้อแดงเข้าไปเยอะๆนะครับดังนั้นเนื้อ
00:12:27 → 00:12:29 แดงเนี่ยมันยังมีประโยชน์ในแง่ของโปรตีน
00:12:29 → 00:12:31 ต่างๆซึ่งสูงแล้วก็วิตามินบางชนิดซึ่งมัน
00:12:31 → 00:12:34 มีมากกว่าไอ้เนื้ออย่างอื่นนะครับก็กิน
00:12:34 → 00:12:36 ได้นะครับแต่ว่าไม่ใช่กินแต่เนื้ออย่าง
00:12:36 → 00:12:38 เดียวนะครับท่านก็จะต้องเฉลี่ยไปกินอย่าง
00:12:38 → 00:12:39 อื่นด้วยนะครับเพื่อที่จะได้ประโยชน์ของ
00:12:39 → 00:12:42 อย่างอื่นมากขึ้นนะฮะแล้วถ้าท่านกินอย่าง
00:12:42 → 00:12:44 อื่นอย่างเดียวได้ไหมนะครับอ่ะท่านไม่กิน
00:12:44 → 00:12:46 อ่าปลาอย่างเดียวบางคนก็อาจจะบอกว่าปลาก็
00:12:46 → 00:12:49 มีสารบางอย่างที่ตกค้างในทะเลแล้วปลามัน
00:12:49 → 00:12:52 กินเข้าไปแล้วคนก็มากินนั่นก็อาจจะเจอ
00:12:52 → 00:12:54 ปัญหาได้นะครับท่านกินอาหารเสริมบางอย่าง
00:12:54 → 00:12:56 ที่มันมาจากธรรมชาติได้ไหมท่านได้แต่
00:12:56 → 00:12:59 ธรรมชาติมาจากไหนแล้วครับ
00:12:59 → 00:13:02 ธรรมชาติเนี่ยคืออะไรครับเช่นท่านสารสกัด
00:13:02 → 00:13:04 จากพืชและท่านจะรู้ได้ไงว่าพืชมันไม่ได้
00:13:04 → 00:13:07 ดูดอะไรแปลกๆออกมาจากดินนะครับปลาสารสกัด
00:13:07 → 00:13:09 จากปลาน้ำมันปลาเออท่านจะไปรู้ได้ยังไง
00:13:09 → 00:13:11 ว่ามันไม่เอาปรอทเอาแคดเมียมอะไรมาจาก
00:13:11 → 00:13:14 ทะเลอันนี้ก็บอกไม่ได้เหมือนกันนะครับคือ
00:13:14 → 00:13:17 เจ้าต้องไปดูด้วยนะครับว่าเขาสกัดมายังไง
00:13:17 → 00:13:19 แล้วสกัดแล้วที่สำคัญคือแน่นอนว่าคนสกัด
00:13:19 → 00:13:22 เขาก็ต้องบอกว่าของเขาดีมีวิธีในการสกัด
00:13:22 → 00:13:24 แบบพิเศษอ่าสกัดเย็นทำอย่างงดอย่างนี้มี
00:13:24 → 00:13:26 กรรมวิธีที่เลิศหรูนะครับแต่ว่าท่านต้อง
00:13:26 → 00:13:29 ไปดูสิครับว่ามีหน่วยงานที่เป็นหน่วยงาน
00:13:29 → 00:13:32 กลางหรือเปล่าว่ามาดูเรื่องสารปนเปื้อนใน
00:13:32 → 00:13:36 สิ่งที่เขาเอามาทำเป็นอาหารเสริมมาทำเป็น
00:13:36 → 00:13:40 วิตามินนะครับอ่าแล้วมันมีมีให้ใบ
00:13:40 → 00:13:42 ประกาศนียบัตรหรือเปล่าประกาศศักยะบัตร
00:13:42 → 00:13:43 นั้นให้เมื่อไหร่ให้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
00:13:43 → 00:13:46 หรือให้เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมันก็แตกต่าง
00:13:46 → 00:13:48 กันนะครับนั่นคือเป็นสิ่งที่เราจะต้อง
00:13:48 → 00:13:50 มาคิดเพราะว่าของพวกนี้มันไม่มีการควบคุม
00:13:51 → 00:13:52 เหมือนยาอย่างที่ผมเล่าไปหลายๆครั้งนั้น
00:13:52 → 00:13:56 เนี่ยมันก็ไม่มีการควบคุมที่ดีสิ่งที่
00:13:56 → 00:13:58 ท่านได้เข้ามานั้นอาจจะมีอะไรปนเปื้อนเอา
00:13:58 → 00:14:01 ปนเปื้อนก็ได้นะครับดังนั้นเรื่องของ
00:14:01 → 00:14:03 อาหารเรื่องของวิตามินอะไรพวกนี้ท่านจะ
00:14:03 → 00:14:05 กินก็ได้นะครับผมว่ากินให้สมบูรณ์จะดีที่
00:14:05 → 00:14:07 สุดแล้วก็อย่าไปเชื่อเยอะเท่าไหร่นะครับ
00:14:07 → 00:14:10 โดยสรุปแล้วการอักเสบนะครับมีทั้งดีและ
00:14:10 → 00:14:14 ไม่ดีนะครับอ่าการไปกินยาหรือไปหาอะไรมา
00:14:14 → 00:14:16 ต้านการอักเสบเนี่ยมันไม่ได้ดีเสมอไปนะ
00:14:16 → 00:14:19 ครับแล้วการอักเสบนี้ถ้าท่านไม่มีการ
00:14:19 → 00:14:21 อักเสบในร่างกายเลยมันเป็นสิ่งที่ไม่ดี
00:14:21 → 00:14:23 แน่ๆนะครับมันจะเกิดปัญหาขึ้นมากับร่าง
00:14:23 → 00:14:26 กายของท่านเองนะครับวันนี้ก็จะมาเล่าให้
00:14:26 → 00:14:28 ฟังเพียงเท่านี้นะครับส่วนรายละเอียด
00:14:28 → 00:14:30 เบื้องลึกของการอักเสบมันยังมีอยู่ค่อน
00:14:30 → 00:14:33 ข้างที่จะเยอะมากๆนะครับถ้าใครสงสัย
00:14:33 → 00:14:35 เรื่องไหนก็แนะนำว่าถามมาเป็นเรื่องๆดี
00:14:35 → 00:14:38 กว่าเพราะว่าถ้าเล่าให้ฟังหมดทุกอย่างมัน
00:14:38 → 00:14:40 มันไม่ได้แน่ๆนะครับอย่างเช่นเอ่อ
00:14:40 → 00:14:43 ศาลต่อศาลที่ทำให้เกิดการอักเสบอย่าง
00:14:43 → 00:14:45 ไซโตไคต่างๆเนี่ยมีเป็นร้อยชนิดขึ้นอยู่
00:14:45 → 00:14:47 กับว่าท่านกำลังพูดถึงชนิดไหนอยู่นะครับ
00:14:47 → 00:14:50 เช่นอ่าที่เจอบ่อยๆในการเกิดการอักเสบ
00:14:50 → 00:14:53 เช่น in the ruken 1d เอ่อ One Beta
00:14:53 → 00:14:55 interial Six toile Exclusive Factor
00:14:55 → 00:14:57 อะไรพวกเนี้ยเป็นต้นนะครับคือการทำให้
00:14:57 → 00:15:00 เกิดการอักเสบถ้าท่านสงสัยตัวไหนก็ลองถาม
00:15:00 → 00:15:01 มาดูแล้วกันนะครับวันนี้เท่านี้นะครับ
00:15:01 → 00:15:05 ขอบคุณมากครับสวัสดีครับ