00:00:01 → 00:00:05 สวัสดีค่ะคุณกำลังอยู่กับอ่านให้ฟังบชี
00:00:05 → 00:00:07 เสียงอ่านหนังสือประจำวัน
00:00:08 → 00:00:13 นี้ยิ่งหิวยิ่งสุขภาพดีย้อนกลับสู่วัย 20
00:00:13 → 00:00:16 ด้วยการปล่อยให้ท้องหิวมากกว่าอิ่มเขียน
00:00:16 → 00:00:22 โดยนายแพทย์โยชิโนรินงมะแปลโดยพิมพ์รัก
00:00:22 → 00:00:26 สุขสวัสดิ์บทที่ 3 การกินอาหารวันละมื้อ
00:00:26 → 00:00:32 ทำให้ร่างกายเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
00:00:32 → 00:00:35 ขั้นตอนใน 1 วันของการกินอาหารวันละมื้อ
00:00:35 → 00:00:38 เอาล่ะมาเริ่มกินอาหารวันละมื้อกันจริงๆ
00:00:38 → 00:00:41 ดีกว่าครับตอนนี้คุณคงจะรู้สึกกังวลหลาย
00:00:41 → 00:00:45 อย่างเช่นอาจจะทนหิวไม่ไหวอาจจะรู้สึก
00:00:45 → 00:00:48 ทรมานที่ต้องระงับความอยากอาหารอาจจะรู้
00:00:48 → 00:00:52 สึกไม่ดีและอื่นๆถ้าเกิดความกังวลเช่น
00:00:52 → 00:00:56 นั้นก็คงทำไปได้ไม่เกิน 1 วันแน่ๆดังนั้น
00:00:56 → 00:00:59 เพื่อให้คุณสบายใจผมจึงอยากอธิบายในเชง
00:00:59 → 00:01:02 เชิงการแพทย์เกี่ยวกับการเปลี่ยนนแปลงอัน
00:01:02 → 00:01:04 ยอดเยี่ยมที่จะเกิดกับร่างกายของคุณหลัง
00:01:05 → 00:01:05 จาก
00:01:05 → 00:01:09 นี้วันที่ 1 ของการกินอาหารวันละมื้อ
00:01:09 → 00:01:12 เมื่อตื่นนอนตอนเช้าถ้าไม่แน่นท้องและไม่
00:01:12 → 00:01:15 อยากอาหารผมจะเคี้ยวหมากฝรั่งก่อนหรือ
00:01:15 → 00:01:18 ดื่มชาโกะโบที่ไม่มีคาเฟอีนเป็นส่วน
00:01:18 → 00:01:23 ประกอบแต่ห้ามดื่มชาหรือกาแฟเพราะสารอัน
00:01:23 → 00:01:26 คลอยอย่างคาเฟอีนเป็นสารพิษที่มีฤทธิ์
00:01:26 → 00:01:29 กระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติก
00:01:29 → 00:01:32 ถ้าได้รับสารนี้ตอนหิวจะทำให้รู้สึกคลื่น
00:01:32 → 00:01:36 ไส้อาเจียนและหน้ามืดตาลผู้หญิงหลายคนที่
00:01:36 → 00:01:39 เป็นลมบนรถไฟในชั่วโมงเร่งด่วนตอนเช้า
00:01:39 → 00:01:42 ส่วนใหญ่เป็นเพราะได้รับคาเฟอีนแล้วเกิด
00:01:42 → 00:01:46 ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเฉียบพลันถ้ารู้สึก
00:01:46 → 00:01:49 หิวจนทนไม่ไหวจะกินคุกกี้หรือน้ำผลไม้ก็
00:01:49 → 00:01:53 ได้แค่นั้นไม่ถือว่าเป็นอาหารผมไม่ได้
00:01:53 → 00:01:56 เคร่งขนาดนั้นหรอกครับส่วนอาหารกลางวัน
00:01:56 → 00:01:59 นั้นอยากกินเพราะความเคยชินจะกินตอนท้อง
00:01:59 → 00:02:02 ้องร้องจ๊อกก็ได้แต่ไม่มีเหตุผลที่ต้องไป
00:02:02 → 00:02:05 รงอาหารกับทุกคนเพราะถึงเวลาพักเที่ยงตอน
00:02:06 → 00:02:09 พักเที่ยงจะใช้เวลาฟังเพลงอ่านหนังสือ
00:02:09 → 00:02:12 หรือเขียนบล็อกก็ได้ถ้ากินอาหารกลางวัน
00:02:12 → 00:02:15 มากเกินไปจะรู้สึกง่วงนอนเพราะระดับน้ำ
00:02:15 → 00:02:18 ตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้นความจริงแล้วในตอน
00:02:18 → 00:02:21 นั้นจะเรียกว่าภาวะน้ำตาลเป็นพิษก็ได้
00:02:21 → 00:02:24 เพราะน้ำตาลจะรวมตัวกับโปรตีนในเลือดแล้ว
00:02:24 → 00:02:27 ทำลายเซลล์ภายในเส้นเลือดทำให้เกิดภาวะ
00:02:27 → 00:02:30 ผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัว
00:02:30 → 00:02:33 ยิ่งถ้าดื่มกาแฟเข้มๆหลายแก้วหรือสูบ
00:02:33 → 00:02:36 บุหรี่เพื่อคลายความง่วงก็จะยิ่งเร่งให้
00:02:36 → 00:02:39 เกิดภาวะผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัวเร็วขึ้น
00:02:39 → 00:02:42 ซึ่งจะนำคุณไปเผชิญกับความเสี่ยงของไผ่
00:02:42 → 00:02:47 ร้ายแรง 4 อย่าง The deadly qu ดังนั้น
00:02:47 → 00:02:50 ถ้าไม่อยากรู้สึกง่วงนอนก็ให้อดอาหารกลาง
00:02:50 → 00:02:55 วันดีกว่าครับพอถึงเวลา 15:00 นจะรู้สึก
00:02:55 → 00:02:58 เหงาปากถ้ามีขนมของฝากอย่างคุกกี้
00:02:58 → 00:03:00 ช็อกโกแลต
00:03:00 → 00:03:04 ขนมเซมเบ้อยู่ในห้องพักก็จะเผลอไปหยิบแต่
00:03:04 → 00:03:07 ขอให้คิดดูนะครับขนมเหล่านั้นเป็นของฝาก
00:03:07 → 00:03:10 ที่ทำมาจากแป้งและน้ำตาลโดยใส่วัตถุกัน
00:03:10 → 00:03:14 เสียแล้วบรรจุหีบห่อเอาไว้หวงขายเป็นเวลา
00:03:14 → 00:03:18 นานอยู่ตามร้านในสนามบินและสถานีรถไฟ
00:03:18 → 00:03:21 เพราะสามารถเก็บเอาไว้โดยไม่เสียเป็นของ
00:03:21 → 00:03:24 ที่จะกินเมื่อไหร่ก็ได้ไม่จำเป็นต้องกิน
00:03:24 → 00:03:28 ตอนนี้ขอให้ถามตัวเองอีกครั้งนะครับคุณจะ
00:03:28 → 00:03:32 ซื้อคุกกี้ฮอ 1,200 เยนให้ตัวเองกินหรือ
00:03:32 → 00:03:35 เปล่าจะซื้อขนมเซมเบ้และขนม
00:03:35 → 00:03:38 อเทั้งกล่องให้ตัวเองหรือเปล่าจะซื้อ
00:03:38 → 00:03:42 ช็อกโกแลตสอดไส้ถั่วแมเมียทั้งกล่องเพื่อ
00:03:42 → 00:03:45 ความเพลิดเพลินของตัวเองหรือเปล่าถึงแม้
00:03:45 → 00:03:47 บางครั้งจะซื้อช็อกโกแลตและขนมขบเคี้ยว
00:03:48 → 00:03:51 ห่อละ 1,000 - 2,000 เยนที่ขายในร้าน
00:03:51 → 00:03:54 สะดวกซื้อแต่ก็คงไม่คิดที่จะเสียเงินมาก
00:03:54 → 00:03:58 มายเพื่อซื้อของแบบนั้นพูดง่ายๆก็คือตาม
00:03:58 → 00:04:02 ธรรมดาแล้วขนมที่เป็นของฝักนั้นไม่ใช่ของ
00:04:02 → 00:04:05 ที่คุณอยากกินจนต้องควักเงินซื้อแต่พอกิน
00:04:05 → 00:04:08 ของเหล่านั้นจนอ้วนแล้วกลับต้องเสียเงิน
00:04:08 → 00:04:11 ไปสถาบันความงามหรือสปอร์ตคลับเพื่อลดน้ำ
00:04:11 → 00:04:15 หนักให้พร้อมช่างสิ้นเปลืองเสีย
00:04:15 → 00:04:19 จริงผมอยากจะพูดว่าถึงจะเห็นขนมเหล่านั้น
00:04:19 → 00:04:22 แต่ก็ไม่คิดหันกลับไปมองอีกแต่ในความเป็น
00:04:22 → 00:04:25 จริงแล้วผมยังคงอยากรู้ว่ารสชาติของมันจะ
00:04:25 → 00:04:29 เป็นอย่างไรก็เลยลองหยิบใส่ปากซะหน่อยพอ
00:04:29 → 00:04:33 เคี้ยวไป 2-3 คำก็จะคิดว่าโธ่รสชาติแบบ
00:04:33 → 00:04:37 นี้น่ะเหรอไม่เห็นอร่อยตรงไหนเลยหัวไชโป๊
00:04:37 → 00:04:40 ยังอร่อยกว่าอีกแล้วแอบคายใส่ถังขยะเพราะ
00:04:40 → 00:04:43 ไม่มีประโยชน์ที่จะกินของแบบนั้นซึ่งทำ
00:04:43 → 00:04:48 ให้แก่และอ้วนผมเรียกวิธีนี้ว่าการชิมขนม
00:04:48 → 00:04:52 เมื่อพูดถึงการชิมจะรู้กันดีว่าใช้กับวาย
00:04:52 → 00:04:55 เพราะถ้าดื่มวายหลายชนิดจริงๆจังๆจะทำให้
00:04:55 → 00:05:00 เมาจนไม่รู้รสชาติพวกซอมที่คอปลให้คำแนะ
00:05:00 → 00:05:02 นำเรื่องวายจึงประเมินรสชาติและกลิ่นด้วย
00:05:02 → 00:05:07 การอมไว้ในปากกลั้วคอแล้วบ้วนทิ้งผมรู้
00:05:07 → 00:05:10 สึกขอบคุณอาหารจากธรรมชาติอย่างผักและปลา
00:05:10 → 00:05:14 ตามฤดูกาลเพราะถ้าไม่กินเลยทันทีจะเน่า
00:05:14 → 00:05:17 บูดและเสียซะก่อนส่วนขนมที่ใส่วัตถุกัน
00:05:17 → 00:05:20 เสียเพื่อให้เก็บได้นานๆไม่มีค่าพอให้เอา
00:05:20 → 00:05:24 ใส่ท้องหรอกครับเอาล่ะในที่สุดก็ตกเย็น
00:05:24 → 00:05:28 แล้วท้องของคุณร้องจ๊อกๆหรือยังครับเอ๊
00:05:28 → 00:05:31 ยังไม่ร้องเหรอครับถ้าเช่นนั้นไม่ต้องกิน
00:05:31 → 00:05:34 อาหารเย็นก็ได้ถ้าผมเล่าเรื่องต่อไปนี้ก็
00:05:34 → 00:05:38 คงเดาอายุของผมได้ช่วงหลังสงครามถึงแม้
00:05:38 → 00:05:41 ท้องจะร้องก็ไม่มีอะไรกินถ้าจะพูดถึงของ
00:05:42 → 00:05:45 ที่กินได้ล่ะก็ทั้งเถามันฝรั่งหรือหัว
00:05:45 → 00:05:48 พันธุมันฝรั่งซึ่งไม่ใช่ของกินทั้งคู่
00:05:48 → 00:05:52 ล้วนเป็นของกินได้ทั้งนั้นตอนผมเป็นเด็ก
00:05:52 → 00:05:55 อาหารไม่ใช่ของอร่อยนักหรอกครับแต่เป็น
00:05:55 → 00:05:58 ของที่เอาใส่ท้องเพื่อประทังชีวิตดังนั้น
00:05:58 → 00:06:01 ท้องจึงร้องจ๊จ๊เป็นประจำในช่วง
00:06:01 → 00:06:05 ประวัติศาสตร์ 170,000 ปีของมนุษยชาติที่
00:06:05 → 00:06:09 ผ่านมานั้นอาการท้องร้องจ๊อกๆเช่นนี้ก็
00:06:09 → 00:06:12 เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่านั่นล่ะ
00:06:12 → 00:06:17 ครับความลับและประสิทธิภาพของท้องร้องถ้า
00:06:17 → 00:06:20 เช่นนั้นตรงนี้ผมจะขออธิบายว่าทำไมหิว
00:06:20 → 00:06:23 แล้วท้องจึงร้องจ๊อกรวมถึงความลับและ
00:06:23 → 00:06:28 ประสิทธิภาพของมัน 1 ปฏิกิริยาตอบสนองแรก
00:06:28 → 00:06:30 สุดเมื่อเริ่มกินอาหารวันละมื้อคือ
00:06:31 → 00:06:35 ฮอร์โมนมตินทราบมครับว่าทำไมจึงรู้สึก
00:06:35 → 00:06:37 คลื่นไส้อาเจียนตอนแพ้ท้องระหว่างตั้ง
00:06:37 → 00:06:41 ครรภ์ปากมีหน้าที่รับทุกอย่างเข้ามาใน
00:06:41 → 00:06:44 ร่างกายโดยถือว่าเป็นสารอาหารถึงจะบูด
00:06:44 → 00:06:47 เสียนิดหน่อยหรือมีรสขมก็จะกลืนของที่กิน
00:06:47 → 00:06:51 ได้ทุกอย่างลงไปในกรณีปกตินั่นเป็นเรื่อง
00:06:51 → 00:06:55 ดีแต่ในระหว่างตั้งขันจะมีทารกคนสำคัญ
00:06:55 → 00:06:58 อยู่ในท้องเนื่องจากทารกไม่มีภูมิคุ้มกัน
00:06:58 → 00:07:01 ถ้ารับสารพิษเข้าไปก็จะเกิดปัญหาใหญ่
00:07:01 → 00:07:04 อย่างการเสียชีวิตในครรภ์หรือเกิดมาไม่
00:07:04 → 00:07:07 สมบูรณ์ดังนั้นในระหว่างตั้งครรภ์ร่างกาย
00:07:07 → 00:07:11 จึงตอบสนองต่อศัตรูภายนอกอย่างสารพิษและ
00:07:11 → 00:07:14 เชืโรคมากเกินความจำเป็นแค่ข้าวหรือปลา
00:07:14 → 00:07:17 เหม็นคาวนิดหน่อยก็จะรู้สึกคลื่นไส้
00:07:17 → 00:07:20 อาเจียนเพื่อปกป้องทารกในครรภ์กระเพาะ
00:07:20 → 00:07:23 อาหารกับลำไส้ของคุณในยามปกติมักจะเรียก
00:07:23 → 00:07:27 ร้องความสนใจว่าหิวแล้วเอาข้าวมาให้กิน
00:07:27 → 00:07:31 เดี๋ยวนี้ถ้าอาหารยังไม่ตกถึงท้องก็จะส่ง
00:07:31 → 00:07:33 สัญญาณบอกให้คุณรู้ว่า
00:07:33 → 00:07:36 หิวตรงปากทางเข้าของลำไส้เล็กในสัตว์
00:07:36 → 00:07:39 เลี้ยงลูกด้วยนมทุกชนิดจะมีเซ็นเซอร์
00:07:39 → 00:07:42 เตรียมรอรับของกินอยู่ถ้าไม่มีอาหารไหลลง
00:07:42 → 00:07:46 มาเสียทีลำไส้เล็กก็จะรีบหลั่งฮอร์โมน
00:07:46 → 00:07:49 สำหรับย่อยอาหารที่มีชื่อเรียกว่ามตินออก
00:07:50 → 00:07:53 มาฮอร์โมนนี้จะทำให้กระเพาะอาหารบีบตัว
00:07:53 → 00:07:56 เพื่อส่งของกินที่อาจตกค้างอยู่ในกระเพาะ
00:07:56 → 00:08:00 อาหารเข้าไปในลำไส้เล็กเรียกว่าการบีบตัว
00:08:00 → 00:08:03 เมื่อหิวและเป็นตัวการที่แท้จริงของอาการ
00:08:03 → 00:08:08 ท้องร้องจ๊อกๆ 2 การปรากฏตัวของเกลิน
00:08:08 → 00:08:13 ฮอร์โมนหิวโซถึงแม้โมติจะบีบกระเพาะอาหาร
00:08:13 → 00:08:16 แต่ถ้าไม่มีของกินไหลลงมาเลยต่อไปร่างกาย
00:08:16 → 00:08:20 จะทำอย่างไรล่ะใช่ล่ะครับก็จะทำให้เรากิน
00:08:20 → 00:08:23 อาหารไงดังนั้นเมื่อกระเพาะอาหารรู้ตัว
00:08:23 → 00:08:26 แล้วว่าหิวก็จะหลั่งฮอร์โมนที่มีชื่อ
00:08:26 → 00:08:30 เรียกว่าเกลินออกมารากศัพท์ของเกรลินมา
00:08:30 → 00:08:34 จากภาษาอังกฤษว่า ow หมายถึงการเจริญเติบ
00:08:34 → 00:08:38 โตเกลินจะถูกหลั่งออกมาจากเยื่อบุกระเพาะ
00:08:38 → 00:08:41 อาหารซึ่งถูกกระตุ้นเพราะความหิวโดยจะออก
00:08:41 → 00:08:45 ฤทธิ์ที่สมองส่วนไฮโปทาลามัสทำให้เกิด
00:08:45 → 00:08:48 ความอยากอาหารขณะเดียวกันก็จะออกฤทธิ์ที่
00:08:48 → 00:08:52 ต่อมใต้สมองทำให้หลังโกรสฮอร์โมนออกมา
00:08:52 → 00:08:55 โกรสฮอร์โมนเรียกอีกชื่อหนึ่งว่าฮอร์โมน
00:08:55 → 00:08:58 ที่ทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวนั่นหมายความว่า
00:08:58 → 00:09:01 ตอนที่ท้องกำลังร้องจ๊อกๆเพราะหิวคุณจะ
00:09:01 → 00:09:04 ค่อยๆมีเสน่ห์ขึ้นจากฮอร์โมนที่ทำให้กลับ
00:09:04 → 00:09:08 เป็นหนุ่มสาวถึงท้องจะร้องก็อย่าเพิ่งรีบ
00:09:08 → 00:09:10 กินอาหารนะครับมาลองเพลิดเพลินกับ
00:09:10 → 00:09:13 ประสิทธิภาพกับการกลับเป็นหนุ่มสาวที่ได้
00:09:13 → 00:09:17 จากโรสฮอร์โมนกันสักครู่หนึ่งก่อน
00:09:17 → 00:09:22 เถอะ 3 ยีนในร่างกายจะเริ่มฟื้นฟูตอนที่
00:09:22 → 00:09:25 ท้องกำลังร้องจ๊อกนั้นความสามารถในการ
00:09:25 → 00:09:27 อยู่รอดอันยอดเยี่ยมกำลังพลุ่งพล่านขึ้น
00:09:28 → 00:09:32 มานั่นก็คือคือยีนเซอร์ทูอินที่มีสมยาว่า
00:09:32 → 00:09:35 ยีนต่ออายุไขหรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่ายีน
00:09:35 → 00:09:39 ที่ทำให้อายุยืนจากการทดลองกับสัตว์ทุก
00:09:39 → 00:09:43 ชนิดพบว่าเมื่อลดปริมาณอาหารลง 40% จะทำ
00:09:43 → 00:09:46 ให้อายุยืนขึ้น 1.5 เท่าดังที่กล่าวไป
00:09:46 → 00:09:49 แล้วก่อนหน้านี้ทว่ายีนนี้จะแสดง
00:09:49 → 00:09:52 ประสิทธิภาพก็ต่อเมื่อมีเงื่อนไขบาง
00:09:52 → 00:09:56 ประการนั่นคือความหิวตราบใดที่ท้องไม่
00:09:56 → 00:09:59 ร้องจ๊อกเพราะหิวยีนนี้ก็จะไม่ทำงานดัง
00:09:59 → 00:10:02 นั้นการกินอาหารทั้งที่ยังไม่หิวจึงหมาย
00:10:02 → 00:10:06 ถึงการมีของดีอยู่กับตัวแต่ไม่ใช้ให้เป็น
00:10:06 → 00:10:09 ประโยชน์มาทำให้ท้องรอกจ๊อกด้วยการกิน
00:10:10 → 00:10:12 อาหารวันละมื้อกันดีกว่าแล้วยีนเซอร์
00:10:12 → 00:10:15 ทูอินนี้จะช่วยสแกนยีนในร่างกายอย่างรวด
00:10:15 → 00:10:19 เร็วพร้อมทั้งค่อยๆฟื้นฟูส่วนที่เสียหาย
00:10:19 → 00:10:23 กล่าวกันว่าความแก่ชราและโรคมะเร็งก็มี
00:10:23 → 00:10:26 สาเหตุมาจากความผิดปกติของยีนดังนั้นเรา
00:10:26 → 00:10:29 สามารถทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวและป้องกัน
00:10:29 → 00:10:33 โรคมะเร็งได้ด้วยการกินอาหารวันละ
00:10:33 → 00:10:39 มื้อ 4 ฮอร์โมนมหัศจรรย์จะเผาผลาญไขมัน
00:10:39 → 00:10:42 ถ้าหิวแล้วไม่มีอาหารตกถึงท้องร่างกายจะ
00:10:42 → 00:10:46 ตอบสนองอย่างไรล่ะใช่แล้วครับร่างกายจะนำ
00:10:46 → 00:10:48 ไขมันที่สะสมไว้ในช่องท้องมาเปลี่ยนเป็น
00:10:49 → 00:10:52 สารอาหารเดิมทีไขมันในช่องท้องเป็นเชื้อ
00:10:52 → 00:10:55 เพลิงสำหรับใช้ในกรณีฉุกเฉินซึ่งเก็บสะสม
00:10:55 → 00:10:59 เอาไว้สำหรับการจำศีลในฤดูหนาวนดาดนั้น
00:10:59 → 00:11:01 ตราบใดที่ไม่มีเรื่องฉุกเฉินก็จะไม่เกิด
00:11:02 → 00:11:05 การเผาผลันถึงแม้จะออกกำลังกายหนักแค่ไหน
00:11:06 → 00:11:09 แต่สิ่งที่จะถูกเผาผลาญไปก่อนมากที่สุดก็
00:11:09 → 00:11:11 คือน้ำตาลในกล้ามเนื้อที่เรียกว่า
00:11:11 → 00:11:15 ไกลโคเจนด้วยเหตุนี้หลังเล่นกีฬาจึงเกิด
00:11:15 → 00:11:18 ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำทำให้หิวจนต้องกิน
00:11:18 → 00:11:22 อาหารร่างกายจะหลั่งอินซูลินออกมาแต่ยัง
00:11:22 → 00:11:25 คงเก็บสะสมไขมันในช่องท้องเอาไว้แล้วก็จะ
00:11:25 → 00:11:27 ติดอยู่ในวงจรอ้วนลง
00:11:27 → 00:11:31 พุงถ้ากินอาหารวันละมื้อไม่ว่าอย่างไรเรา
00:11:31 → 00:11:35 ก็ต้องหิวไขมันในช่องท้องจะถูกเผาผลาหน้า
00:11:35 → 00:11:38 ท้องจะแบนราบอย่างไม่ต้องสงสัยเลยครับ
00:11:38 → 00:11:41 ยิ่งไปกว่านั้นฮอร์โมนมหัศจรรย์จะถูก
00:11:41 → 00:11:44 หลั่งออกมาจากเนื้อเยื่อไขมัน
00:11:44 → 00:11:48 ิสทิชูนั่นก็คือ
00:11:49 → 00:11:52 อิคิก่อนหน้านี้ผมอธิบายไปแล้วว่าตอนเผา
00:11:52 → 00:11:56 ผลาญไขมันจะมีสารชนิดหนึ่งออกมาสารดัง
00:11:56 → 00:11:59 กล่าวจะทำให้เซลล์แอนโดทีเรียลของเส้น
00:11:59 → 00:12:02 เลือดได้รับความเสียหายและเกิดภาวะผนัง
00:12:02 → 00:12:04 หลอดเลือดแดงแข็ง
00:12:04 → 00:12:08 ตัวทว่าเมื่อประตูบานหนึ่งปิดมักจะมีอีก
00:12:08 → 00:12:11 บานหนึ่งเปิดเราจึงทราบว่ามีฮอร์โมนที่
00:12:11 → 00:12:14 ออกมาจากเนื้อเยื่อไขมันซึ่งช่วยป้องกัน
00:12:14 → 00:12:17 ภาวะผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัวและทำความ
00:12:17 → 00:12:21 สะอาดภายในเส้นเลือดนั่นก็คือ
00:12:21 → 00:12:24 อินกิถึงแม้ฮอร์โมนนี้จะพยายามมากเท่า
00:12:24 → 00:12:27 ไหร่แต่ถ้าคุณกินจนไขมันในช่องท้องเพิ่ม
00:12:27 → 00:12:31 ขึ้นเรื่อยๆมันก็จะเลิกพยายามแล้วบอกว่า
00:12:31 → 00:12:35 ถึงจะทำงานมากกว่านี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา
00:12:35 → 00:12:38 ดังนั้นคนอ้วนจึงอ้วนเอาอ้วนเอาเพราะอิพ
00:12:38 → 00:12:42 เนกิไม่ค่อยทำงานแต่ถ้าคุณผอมลงจากการกิน
00:12:42 → 00:12:46 อาหารวันละมื้อิพนทินก็จะกระฉับกระเฉง
00:12:46 → 00:12:49 ขึ้นเรื่อยๆและช่วยทำความสะอาดเส้นเลือด
00:12:49 → 00:12:52 ในร่างกายให้คุณกลับเป็นหนุ่ม
00:12:52 → 00:12:57 สาวฮอร์โมนผอมจะออกมาตอนกินอาหาร 1
00:12:57 → 00:13:00 มื้อถึงแม้จะจะเผาผลาญไขมันในช่องท้องแต่
00:13:00 → 00:13:03 ถ้าสารอาหารไม่เพียงพอจะทำอย่างไรครับใช่
00:13:04 → 00:13:07 แล้วทุกคนก็จะต้องกินอาหารใช่มั้ยครับแต่
00:13:07 → 00:13:10 ถ้ากินมากเกินไปจะเป็นอย่างไรล่ะเราก็จะ
00:13:10 → 00:13:13 อิ่มจนขยับตัวไม่ได้น่ะสิดังนั้นเมื่อ
00:13:13 → 00:13:16 อิ่มแล้วเราจึงต้องมีกลไกระงับความอยาก
00:13:16 → 00:13:18 อาหารนั่นก็คือ
00:13:18 → 00:13:21 เลปตินเลปตินเป็นฮอร์โมนที่ถูกหลั่งออกมา
00:13:21 → 00:13:24 จากเนื้อเยื่อไขมันหลังจากกินอาหารเข้าไป
00:13:24 → 00:13:28 ประมาณ 20-30 นาทีเพื่อบอกให้สมองรู้ว่า
00:13:28 → 00:13:32 อิ่มแล้วมันจึงถูกเรียกว่าฮอร์โมนอิ่มและ
00:13:32 → 00:13:34 เนื่องจากมันจะระงับความอยากอาหารเพื่อ
00:13:34 → 00:13:38 ไม่ให้กินมากเกินไปบางครั้งก็เลยถูกเรียก
00:13:38 → 00:13:42 ว่าฮอร์โมนผอมด้วยเช่นกันพออิ่มแล้วเล็บ
00:13:42 → 00:13:45 ตินจะถูกหลั่งออกมามากเพื่อช่วยระงับความ
00:13:45 → 00:13:48 อยากอาหารแต่ถ้าอ้วนมานานแล้วเส้นประสาท
00:13:48 → 00:13:51 จะเป็นอัมพาตทำให้ประสิทธิภาพในการระงับ
00:13:51 → 00:13:54 ความอยากอาหารแย่ลงพอเริ่มไดเอตปริมาณ
00:13:55 → 00:13:58 เล็บตินที่หลั่งออกมาก็จะลดลงจนระงับความ
00:13:58 → 00:14:01 อยากอาหารได้น้อยลงเรื่อยๆนี่คือสาเหตุ
00:14:01 → 00:14:03 ที่ทำให้ลดน้ำหนักไม่
00:14:03 → 00:14:06 สำเร็จเพื่อไม่ให้เป็นเช่นนั้นเรามากิน
00:14:06 → 00:14:09 อาหารวันละมื้อจนเป็นกิจวัตรเพื่อให้เล็บ
00:14:09 → 00:14:13 ตินมีปริมาณปกติและร่างกายกลับมารับความ
00:14:13 → 00:14:16 รู้สึกได้ไวกันดีกว่าหลังจากนั้นเมื่อกิน
00:14:16 → 00:14:19 เพียงเล็กน้อยเล็บตินก็จะทำงานระงับความ
00:14:19 → 00:14:22 อยากอาหารทำให้สามารถกินอาหารวันละมื้อ
00:14:22 → 00:14:25 ติดต่อกันได้อย่างสบายๆแล้วเมื่อน้ำหนัก
00:14:25 → 00:14:29 ตัวลดวบลงคุณก็คงจะเพลิดเพลินกับการกิน
00:14:29 → 00:14:32 อาหารวันละมื้อเป็นอย่างมากถ้าถามว่าทำไม
00:14:32 → 00:14:35 การเรียนที่โรงเรียนจึงไม่สนุกเพราะมี
00:14:35 → 00:14:37 บ่อยครั้งที่ได้ผลลัพธ์ไม่สอดคล้องกับ
00:14:37 → 00:14:40 ความพยายามไม่เพียงเท่านั้นถึงแม้จะ
00:14:40 → 00:14:44 พยายามทำการบ้านมาตลอดทั้งคืนบางครั้งก็
00:14:44 → 00:14:48 ยังโดนดุเพราะสัปหงกในเวลาเรียนแต่การ
00:14:48 → 00:14:51 ไดเอดนั้นไม่เหมือนกับเรื่องเรียนมันเป็น
00:14:51 → 00:14:54 เรื่องที่ตรงไปตรงมาครับถ้าไม่กินก็จะผอม
00:14:54 → 00:14:57 ลงอย่างแน่นอนวันที่ 3 หลังจากเริ่มกิน
00:14:57 → 00:15:00 อาหารวันละมดมื้อขอให้ลองชั่งน้ำหนักดูนะ
00:15:00 → 00:15:05 ครับน้ำหนักของคุณจะต้องลดลง 1-2 กกม
00:15:05 → 00:15:08 อย่างแน่นอนไม่เพียงเท่านั้นชั้นไขมัน
00:15:08 → 00:15:11 ส่วนเกินรอบเอวก็จะบางลงด้วยเมื่อคุณ
00:15:11 → 00:15:14 ตระหนักว่าความพยายามได้รับผลตอบแทนกลับ
00:15:14 → 00:15:18 มาหลังจากเริ่มไดเอดได้เพียง 3 วันคุณก็
00:15:18 → 00:15:21 น่าจะหลงเสน่ห์การดำเนินชีวิตแบบนี้ไปเลย
00:15:21 → 00:15:25 ล่ะครับถว่าคุณยังไม่ทราบถึงความสุดยอด
00:15:25 → 00:15:28 ที่แท้จริงของการกินอาหารวันละมื้อหลัง
00:15:28 → 00:15:32 จากนี้ผมจะขอเล่าให้
00:15:32 → 00:15:37 ฟังผลที่ได้ไม่ใช่แค่น้ำหนักลดวบลงเท่า
00:15:38 → 00:15:41 นั้นก่อนอื่นมาลองดมเท้าของคุณตอนสัปดาห์
00:15:42 → 00:15:44 แรกหลังจากเริ่มกินอาหารวันละมื้อกันดี
00:15:44 → 00:15:48 กว่าครับถ้าคุณเคยอ้วนลงพุงจนถึงตอนนี้
00:15:48 → 00:15:51 ย่อมมีกลิ่นตัวรุนแรงมากทีเดียวแต่หลัง
00:15:51 → 00:15:53 จากเริ่มกินอาหารวันละมื้อเพียงสัปดาห์
00:15:53 → 00:15:58 เดียวกลิ่นตัวของคุณก็แทบจะหายไปสาเหตุ
00:15:58 → 00:16:01 ของกลิ่นตัวเกิดจากต่อมไขมันจะว่าไปแล้ว
00:16:01 → 00:16:04 ก็คือเหงื่อปนน้ำมันนั่นเองบริเวณใต้
00:16:04 → 00:16:07 รักแร้และฝ่าเท้าจะมีเหงื่อปนน้ำมันค่อน
00:16:07 → 00:16:10 ข้างง่ายแม้เหงื่อเพียงอย่างเดียวไม่ทำ
00:16:10 → 00:16:12 ให้มีกลิ่นแต่ถ้ามีเชื้อแบคทีเรียที่
00:16:12 → 00:16:17 เรียกว่าินีแบคทีเรียและสแตฟิโลค็อกคัส
00:16:17 → 00:16:21 ขยายพันธุ์อยู่ตรงบริเวณดังกล่าวก็จะทำ
00:16:21 → 00:16:24 ให้เกิดกลิ่นไม่พึงปรารถนาขึ้น
00:16:24 → 00:16:27 มาเมื่อเริ่มกินอาหารวันละมื้อเราจะหิว
00:16:27 → 00:16:31 และคอสในเลือดจะเริ่มลดลงคอเลสเตอรอลเป็น
00:16:31 → 00:16:34 สารตั้งต้นของฮอร์โมนเพศโดยเฉพาะอย่าง
00:16:34 → 00:16:38 ยิ่งมันจะคอยเพิ่มปริมาณฮอร์โมนเพศชายที่
00:16:38 → 00:16:41 เรียกว่าแอนโดรเจนซึ่งจะหลั่งออกมาจาก
00:16:41 → 00:16:44 ต่อมหมวกไตแอนโดรเจนถูกเรียกอีกชื่อหนึ่ง
00:16:44 → 00:16:49 ว่าฮอร์โมนต่อสู้และถอยหนีโดยจะหลั่งออก
00:16:49 → 00:16:52 มาเมื่อเกิดความเครียดเช่นตอนต่อสู้หรือ
00:16:52 → 00:16:55 ถอยหนีและมีหน้าที่เพิ่มปริมาณน้ำมันบน
00:16:55 → 00:16:59 ผิวหนังดังนั้นเมื่อเกิดความเครียดน้ำมัน
00:16:59 → 00:17:02 บนผิวหนังจึงเพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุทำให้
00:17:02 → 00:17:05 เกิดสิวกลิ่นตัวรังแคและผม
00:17:05 → 00:17:09 ร่วงถ้าตัวการอย่างคอเลสเตอรอลลดลงกลิ่น
00:17:09 → 00:17:12 ตัวและสิวก็ย่อมหายไปการกินอาหารวันละ
00:17:13 → 00:17:15 มื้อไม่เพียงทำให้ผอมเท่านั้นแต่ยังช่วย
00:17:15 → 00:17:19 ทำให้ผิวสวยและกลิ่นตัวหายไปด้วยยิ่งไป
00:17:19 → 00:17:21 กว่านั้นถ้าแอนโดรเจนลดลงจากการกินอาหาร
00:17:21 → 00:17:25 วันละมื้อโอกาสที่จะเป็นโรคมะเร็งที่เป็น
00:17:25 → 00:17:28 ผลจากฮอร์โมนเพศอย่างมะเร็งเต้านมและและ
00:17:28 → 00:17:30 มะเร็งต่อมลูกหมากก็จะลด
00:17:30 → 00:17:34 ลงนอกจากนี้เนื่องจากแอนโดรเจนเป็น
00:17:34 → 00:17:38 ฮอร์โมนเพศชายจึงทำให้ผิวดำคล้ำและมีขนดก
00:17:38 → 00:17:41 ในผู้หญิงจะทำให้ผิวหมองคล้ำเป็นฝ้าและมี
00:17:41 → 00:17:46 ขนอ่อนดกหนาส่วนในผู้ชายจะทำให้ผมบังแต่
00:17:46 → 00:17:49 เดี๋ยวก่อนนะครับไหนบอกว่าแอนโดรเจนเป็น
00:17:49 → 00:17:53 ฮอร์โมนเพศชายที่ทำให้ขนดกไงดังนั้นคงมี
00:17:53 → 00:17:56 คนคิดว่าถ้าแอนโดรเจนลดลงจะไม่ทำให้ผม
00:17:56 → 00:18:00 ยิ่งบางลงเหรอฮอร์โมนเพศชายเป็นฮอร์โมนขน
00:18:00 → 00:18:03 ดกอย่างไม่ต้องสงสัยเห็นได้จากสัตว์เลย
00:18:03 → 00:18:07 ครับสิงโตตัวผู้จะมีแผงคอเพราะฤทธิ์ของ
00:18:07 → 00:18:10 ฮอร์โมนเพศชายแต่ถ้าแผงคอขึ้นบนใบหน้า
00:18:11 → 00:18:13 ด้วยก็จะมองข้างหน้าไม่
00:18:13 → 00:18:17 เห็นทำให้สังเกตเห็นศัตรูได้ยากดังนั้น
00:18:17 → 00:18:22 รากผมบนหน้าผากจึงมีเอนไซม Convert ซึ่ง
00:18:22 → 00:18:25 จะเปลี่ยนฮอร์โมนเพศชายเป็นฮอร์โมนผมบาง
00:18:25 → 00:18:30 นี่เป็นวิวัฒนาการของสัตว์ครับ
00:18:30 → 00:18:32 สาเหตุที่เครียดและผมร่วงเป็นเพราะความ
00:18:32 → 00:18:36 เครียดทำให้แอนโดรเจนมีปริมาณมากขึ้นจาก
00:18:36 → 00:18:39 นั้นเอนไซม cones ก็จะเปลี่ยนให้เป็น
00:18:39 → 00:18:42 ฮอร์โมนผมบังซึ่งหมายความว่าหากผู้ชายมี
00:18:43 → 00:18:46 แอนโดรเจนมากเกินไปไม่ได้หมายความว่าผมจะ
00:18:46 → 00:18:50 ดกหนาขึ้นแต่กลับจะทำให้ผมบางลงต่างหาก
00:18:50 → 00:18:53 ดังนั้นการกินอาหารวันละมื้อจะช่วยป้อง
00:18:53 → 00:18:57 กันศีรษะล้านก่อนวัยอันกวนอีกด้วยถ้าคน
00:18:57 → 00:18:59 ที่คิดว่าการกินอาหารวันละมื้อช่วยในการ
00:18:59 → 00:19:03 ไดเอดเพียงอย่างเดียวได้ยินแล้วคงจะตกใจ
00:19:03 → 00:19:06 ว่าวิธีการดังกล่าวยังมีประสิทธิภาพในการ
00:19:06 → 00:19:09 ทำให้กลับเป็นหนุ่มสาวต้านมะเร็งและระงับ
00:19:09 → 00:19:13 กลิ่นตัวด้วยถ้าเช่นนั้นผมจะถือโอกาสขณะ
00:19:13 → 00:19:17 คุณกำลังตกใจอธิบายประสิทธิภาพที่สุดยอด
00:19:17 → 00:19:20 มากขึ้นอีกนั่นคือประสิทธิภาพในการทำให้
00:19:20 → 00:19:23 สมองกลับเป็นหนุ่ม
00:19:23 → 00:19:26 สาวคุณอาจทราบแล้วว่าสมองจะหยุดเจริญเติบ
00:19:26 → 00:19:30 โตในช่วงวัยเด็กหลังจากนั้นก็จะสูญเสีย
00:19:30 → 00:19:33 เซลล์สมองไปพร้อมกับอายุที่เพิ่มขึ้น
00:19:33 → 00:19:36 เมื่ออายุมากขึ้นและเริ่มหลงลืมง่ายเราก็
00:19:36 → 00:19:39 จะรู้สึกกลัวว่าอาจกำลังเข้าใกล้โรคสมอง
00:19:39 → 00:19:43 เสื่อมทีละ้าแต่ในปัจจุบันได้รับการ
00:19:43 → 00:19:45 พิสูจน์แล้วว่าเซลล์สมองซึ่งไม่น่าจะ
00:19:45 → 00:19:48 สร้างขึ้นใหม่ได้กลับถูกสร้างขึ้นใหม่ได้
00:19:48 → 00:19:52 ด้วยเงื่อนไขบางประการเงื่อนไขดังกล่าวก็
00:19:52 → 00:19:55 ยังคงเป็นความอดอยากและความเหน็บหนาวอยู่
00:19:55 → 00:19:56 นั่น
00:19:56 → 00:19:59 เองในอดีตมันมนุษย์เกือบจะสูญพันธ์ไปหลาย
00:19:59 → 00:20:03 ครั้งแล้วทว่าผู้ที่ทนต่อความอดอยากและ
00:20:03 → 00:20:06 ความเหน็บหนาวก็อยู่รอดมาได้มนุษย์กลุ่ม
00:20:06 → 00:20:09 ดังกล่าวสามารถทำได้แม้แต่การสร้างเซลล์
00:20:09 → 00:20:13 สมองขึ้นใหม่ซึ่งเรื่องนี้เคยถูกมองว่า
00:20:13 → 00:20:16 ไม่มีทางเป็นไปได้เพราะฮิปโปแคมปัสจะช่วย
00:20:16 → 00:20:21 ทำหน้าที่เต็มกำลังเพื่อฟื้นฟูสมองจะว่า
00:20:21 → 00:20:23 ไปแล้วการกินอาหารวันละมื้อก็มีความ
00:20:23 → 00:20:27 สามารถที่ไร้ขอบเขตเช่นนี้ล่ะ
00:20:27 → 00:20:29 ครับ
00:20:29 → 00:20:32 บทที่ 4 มากินอาหารวันละมื้อให้เป็น
00:20:32 → 00:20:34 กิจวัตรกันดี
00:20:34 → 00:20:39 กว่ากินแล้วเข้านอนกันเลยดีกว่าพอจะเห็น
00:20:39 → 00:20:42 การดำเนินชีวิตด้วยการกินอาหารวันละมื้อ
00:20:42 → 00:20:46 ในแบบของคุณแล้วหรือยังครับในหนังสือเล่ม
00:20:46 → 00:20:48 นี้ผมจะขอเติมเต็มกิจวัตรดังกล่าวให้
00:20:48 → 00:20:52 สมบูรณ์ยิ่งขึ้นเพื่อให้คุณมีสุขภาพดีและ
00:20:52 → 00:20:55 กลับเป็นหนุ่มสาวอย่างแท้จริงอันดับแรก
00:20:55 → 00:20:59 คือนอนแต่หัวค่ำและตื่นแต่เช้าตรู่โดย
00:20:59 → 00:21:01 ปกติเมื่อเสร็จงานที่โรงพยาบาลประมาณ
00:21:01 → 00:21:05 18:00 นถ้าไม่มีธุระอะไรผมก็จะตรงกลับ
00:21:05 → 00:21:08 บ้านแล้วอาบน้ำก่อนเป็นอันดับแรกหลังจาก
00:21:08 → 00:21:10 นั้นเมื่อกินอาหารเย็นเสร็จก็จะรู้สึก
00:21:11 → 00:21:14 ง่วงนอนขึ้นมาเองตามธรรมชาติพอเข้านอนก็
00:21:14 → 00:21:17 จะลอยหลับไปภายใน 3
00:21:17 → 00:21:20 วินาทีร่างกายเราถูกจัดสรรมาให้นอนหลับ
00:21:20 → 00:21:24 ได้ดีที่สุดหลังกินข้าวเสร็จการนอนในช่วง
00:21:24 → 00:21:26 เวลาดังกล่าวเป็นทางลัดที่ดีที่สุดของการ
00:21:26 → 00:21:30 หลับสนิทเพราะการกินแล้วนอนเป็นจังหวะของ
00:21:30 → 00:21:33 ธรรมชาติที่ทำให้มีสุขภาพดีอย่างยิ่งยวด
00:21:33 → 00:21:37 ซึ่งไม่ต่างจากสัตว์ชนิดอื่นๆถ้าพลาดช่วง
00:21:37 → 00:21:40 เวลานี้ไปแล้วพอเลยเที่ยงคืนไปก็จะนอนไม่
00:21:40 → 00:21:43 ค่อยหลับเมื่อเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับว่า
00:21:43 → 00:21:47 พลาดนาทีทองที่สำคัญที่สุดต่อการมีสุขภาพ
00:21:47 → 00:21:50 ดีและการกลับเป็นหนุ่มสาวซึ่งผมจะกล่าว
00:21:50 → 00:21:52 ถึงหลังจาก
00:21:52 → 00:21:57 นี้นอกจากนี้ผู้คนมากมายมักพูดว่ากินข้าว
00:21:57 → 00:22:00 แล้วนอนเลยไม่ดีต่อร่างกายหรือนอนเลยหลัง
00:22:00 → 00:22:04 กินข้าวจะไม่อ้วนเหรอแต่ไม่ต้องกังวลครับ
00:22:04 → 00:22:07 เพราะโกรสฮอร์โมนจะหลั่งออกมามากขณะนอน
00:22:07 → 00:22:11 หลับในช่วงนาทีทองและช่วยเผาผลาญไขมันใน
00:22:11 → 00:22:15 ช่องท้องสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาสุขภาพ
00:22:15 → 00:22:18 และกลับเป็นหนุ่มสาวซึ่งผมอยากแนะนำทุกคน
00:22:18 → 00:22:22 มี 3 อย่างด้วยกันได้แก่ความหิวคุณค่าทาง
00:22:22 → 00:22:26 โภชนาการครบถ้วนและการนอนหลับอย่างที่ผม
00:22:26 → 00:22:29 กล่าวมาแล้วจนถึงตอนนี้ว่ายีนที่ช่วยให้
00:22:29 → 00:22:33 รอดชีวิตหรือทำให้อายุยืนในตัวมนุษย์จะทำ
00:22:33 → 00:22:36 งานเวลาหิวส่วนประโยชน์ของคุณค่าทาง
00:22:36 → 00:22:40 โภชนาการครบถ้วนคือการกินทั้งชิ้นผมคิด
00:22:40 → 00:22:44 ว่าคุณก็คงเข้าใจแล้วในส่วนนี้ผมจะขอพูด
00:22:44 → 00:22:47 เกี่ยวกับกลไกของการนอนหลับซึ่งนอกจากจะ
00:22:47 → 00:22:50 ช่วยทำให้มีสุขภาพดีแล้วยังทำให้กลับเป็น
00:22:50 → 00:22:51 หนุ่มสาวอีก
00:22:51 → 00:22:55 ด้วยนาทีทองเพื่อกลับเป็นหนุ่ม
00:22:55 → 00:22:58 สาวเมื่อประมาณ 20 ปีก่อนประเทศสหรัฐ
00:22:59 → 00:23:01 อเมริกาซึ่งเป็นประเทศที่ก้าวหน้าใน
00:23:01 → 00:23:05 เรื่องการชะลอวัยค้นพบว่าโกรทฮอร์โมนเป็น
00:23:05 → 00:23:08 สารที่ช่วยให้อ่อนเยาวจึงเกิดกระแสฉีด
00:23:08 → 00:23:11 โกรสฮอร์โมนในหมู่คนที่หวังจะกลับเป็น
00:23:11 → 00:23:14 หนุ่มสาวแต่ทราบไหครับว่าไม่ต้องเสียเงิน
00:23:14 → 00:23:17 แพงๆฉีดเข้าไปร่างกายเราก็สร้างโรส
00:23:17 → 00:23:21 ฮอร์โมนออกมาเองเท่าไหร่ก็ได้โกสฮอร์โมน
00:23:21 → 00:23:24 จะถูกหลัออกมาในระหว่างนอนหลับแต่ถ้าถาม
00:23:24 → 00:23:27 ว่าจะนอนตอนไหนก็ได้หรือก็ไม่ใช่อย่าง
00:23:27 → 00:23:30 นั้นครับครับเพราะนาทีทองที่ฮอร์โมนนี้จะ
00:23:30 → 00:23:34 หลั่งออกมาคือตั้งแต่ 22:00 นจนถึง 2:00
00:23:34 → 00:23:38 นผมคิดว่าทุกคนทราบแล้วว่าการนอนหลับมี 2
00:23:39 → 00:23:41 ช่วงคือการนอนหลับช่วง
00:23:41 → 00:23:45 rem และการนอนหลับช่วง non
00:23:45 → 00:23:50 R ถ้าลองดูตาของเด็กทารกขณะนอนหลับใน
00:23:50 → 00:23:54 ช่วงเช้ามืดจะเห็นว่าลูกตากรอกไปมาอยู่
00:23:54 → 00:23:58 ใต้เปลือกตาที่ปิดอยู่เราเรียกว่า rapid
00:23:58 → 00:23:59 Eye
00:23:59 → 00:24:02 movement เมื่อนำอักษรตัวหน้าของแต่ละคำ
00:24:02 → 00:24:05 มารมกันจะเรียกว่า
00:24:05 → 00:24:10 R หรือเรมในช่วงนั้นสมองกำลังตื่นอยู่ใน
00:24:10 → 00:24:14 ช่วงเร็มเราจะฝันและพลิกตัวทุกๆ 30 นาที
00:24:14 → 00:24:18 หรือ 1 ช่วโมงส่งผลให้ร่างกายเหนื่อยล้า
00:24:18 → 00:24:21 เนื่องจากสมองทำงานเกือบทุกส่วนจึงกล่าว
00:24:21 → 00:24:24 ได้ว่าโดยพื้นฐานแล้วช่วงเร็มเป็นการนอน
00:24:24 → 00:24:28 หลับที่ไม่ค่อยจำเป็นการนอนหลับมากเกินไป
00:24:28 → 00:24:31 ในช่วงเร็มกลับจะทำให้ร่างกายเมื่อย
00:24:31 → 00:24:35 ล้าในอีกส่วนหนึ่งเราเรียกภาวะที่สมอง
00:24:35 → 00:24:38 กำลังพักผ่อนอย่างแท้จริงว่าการนอนหลับ
00:24:38 → 00:24:42 ช่วงนอนเร็มการนอนหลับของเด็กส่วนใหญ่จะ
00:24:42 → 00:24:46 เป็นช่วงนอนเร็มในระหว่างนั้นรสฮอร์โมนจะ
00:24:46 → 00:24:50 หลั่งออกมามากดังนั้นเด็กจึงตัวสูงเอาสูง
00:24:50 → 00:24:53 เอาเหมือนที่พูดกันว่าเด็กที่นอนมากจะโต
00:24:53 → 00:24:57 ไวเมื่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่การนอนหลับช่วง
00:24:57 → 00:24:58 นั้น
00:24:58 → 00:25:01 จะลดลงเรื่อยๆแต่ถึงอย่างนั้นการนอนหลับ
00:25:02 → 00:25:05 ช่วงเร็มและนอนเรมก็จะเกิดสลับกันทุกๆ 1
00:25:05 → 00:25:09 ช่วโมงโดยเฉพาะตอนที่เพิ่งหลับเวตั้งแต่
00:25:09 → 00:25:12 เวลา 22 นจนถึง 2:00 นส่วนใหญ่จะเป็นการ
00:25:12 → 00:25:16 นอนหลับช่วงนันเร็มแล้วพอค่อยๆเข้าสู่
00:25:16 → 00:25:20 ช่วงเช้ามืดทีละนิดการนอนหลับช่วงเร็มจะ
00:25:20 → 00:25:23 เพิ่มระดับขึ้นในตอนเด็กช่วงเวลาส่วนใหญ่
00:25:23 → 00:25:27 ของการนอนหลับจะเป็นช่วงนอนเร็มเพื่อการ
00:25:28 → 00:25:31 เจริญเติบโตแต่ในผู้ใหญ่จะไม่ค่อยมีช่วง
00:25:31 → 00:25:35 นอนเร็มดังนั้นการนอนหลับช่วงนอนเรมซึ่ง
00:25:35 → 00:25:38 จะเกิดขึ้นตอนที่เพิ่งหลับจึงสำคัญมาก
00:25:38 → 00:25:42 เป็นช่วงเวลาอันมีค่าที่ห้ามใครรบ
00:25:42 → 00:25:47 กวนทำไมหมีจึงลุกขึ้นได้ทันทีหลังสิ้นสุด
00:25:47 → 00:25:50 การจำศีลผมกล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ว่า
00:25:50 → 00:25:54 สัตว์ที่จำศีลในฤดูหนาวจะใช้เวลาตลอดหน้า
00:25:54 → 00:25:57 หนาวเผาผลาญไขมันในช่องท้องแต่คามความ
00:25:57 → 00:26:00 จริงแล้วสิ่งที่ทำงานก็คือโกรทฮอร์โมน
00:26:00 → 00:26:03 เพราะโกทฮอร์โมนจะเผาผลาญไขมันในช่องท้อง
00:26:03 → 00:26:07 ระหว่างนอนหลับจึงทำให้อุณหภูมิร่างกาย
00:26:07 → 00:26:09 สูงขึ้นช่วยป้องกันร่างกายจากความเหน็บ
00:26:09 → 00:26:13 หนาวสาเหตุที่มนุษย์เหงื่อออกขณะนอนหลับ
00:26:13 → 00:26:17 ก็เป็นเพราะโรสฮอร์โมนนั่นเองโรสฮอร์โมน
00:26:18 → 00:26:20 ไม่ได้มีหน้าที่เพียงเท่านั้นแต่ว่ายังมี
00:26:20 → 00:26:23 ฤทธิ์ในการเสริมสร้างทำให้กล้ามเนื้อแข็ง
00:26:23 → 00:26:27 แรงในขณะนอนหลับอีกด้วยทำไมจึงเป็นเช่น
00:26:27 → 00:26:30 นั้นล่ะขอให้นึกถึงหมีหลังสิ้นสุดการจำ
00:26:30 → 00:26:34 ศีลนะครับช่วงที่หมีนอนอยู่ในถ้ำตลอดฤดู
00:26:34 → 00:26:37 หนาวโดยปกติแล้วกล้ามเนื้อจะอ่อนแอและไม่
00:26:37 → 00:26:41 สามารถลุกขึ้นได้ทันทีถ้าถูกศัตรูจู่โจม
00:26:41 → 00:26:44 ในเวลาแบบนั้นไม่เพียงเอาตัวรอดไม่ได้แต่
00:26:44 → 00:26:48 ยังช่วยลูกๆไม่ได้อีกด้วยดังนั้นโกรส
00:26:48 → 00:26:51 ฮอร์โมนจึงมีฤทธิ์ในการเสริมสร้างสามารถ
00:26:51 → 00:26:54 ทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงในขณะนอนหลับถ้า
00:26:54 → 00:26:57 นอนหลับเพียงพอในช่วงนาทีทองตั้งแต่ 4 2
00:26:57 → 00:27:01 นจนถึง 2:00 นอกจากจะไม่จำเป็นต้องเข้า
00:27:01 → 00:27:04 ฟิตเนสเพื่อออกกำลังกายแล้วยังจะช่วยลด
00:27:04 → 00:27:08 น้ำหนักและทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงอีกด้วย
00:27:08 → 00:27:11 โสฮอร์โมนยังมีฤทธิ์อย่างอื่นอีกนั่นคือ
00:27:11 → 00:27:15 ฤทธิ์ในการทำให้ผิวสวยรังสีอัลตราไวโอเลต
00:27:15 → 00:27:18 จะกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเมลานินซึ่งเป็น
00:27:18 → 00:27:21 สาเหตุของฝ้าและกระแต่โสฮอร์โมนซึ่งหลั่ง
00:27:22 → 00:27:25 ออกมาในขณะนอนหลับจะดูดซึมเมลานินที่สะสม
00:27:25 → 00:27:29 อยู่ในผิวหนังช่วยทำให้ผิวใสเปลงปรั่งดัง
00:27:29 → 00:27:32 ที่กล่าวกันบ่อยๆว่าการนอนหลับพักผ่อนไม่
00:27:32 → 00:27:35 เพียงพอเป็นศัตรูตัวฉกาจของความงามนั่น
00:27:35 → 00:27:39 ล่ะครับยิ่งไปกว่านั้นอีกหนึ่งหน้าที่ของ
00:27:39 → 00:27:43 โกสฮอร์โมนก็คือฤทธิ์ในการสมันแผลซึ่งจะ
00:27:43 → 00:27:46 ช่วยรักษาบาดแผลต่างๆเช่นหลอดลมทางเดิน
00:27:46 → 00:27:50 อาหารเส้นเลือดที่เสียหายจากการละเลย
00:27:50 → 00:27:53 สุขภาพนั่นไม่เพียงช่วยทำให้กลับเป็น
00:27:53 → 00:27:56 หนุ่มสาวแต่ยังช่วยต้านมะเร็งอีกด้วยดัง
00:27:56 → 00:27:59 นั้นไม่จำเป็นเป็นต้องพึ่งอาหารเสริมราคา
00:27:59 → 00:28:03 แพงๆเราควรจะสนใจโกสฮอร์โมนที่ทุกคนต่าง
00:28:03 → 00:28:05 ได้มาโดยไม่ต้องเสียเงินให้มากขึ้นดีกว่า
00:28:05 → 00:28:09 ครับอาจจะดูเซ้าซี้ไปหน่อยนะครับแต่ขอย้ำ
00:28:09 → 00:28:13 อีกครั้งว่าโกรสฮอร์โมนนี้เป็นฮอร์โมนที่
00:28:13 → 00:28:16 มีเวลาจำกัดซึ่งจะหลั่งออกมาเฉพาะเวลา
00:28:16 → 00:28:20 22:00 นจนถึง 2:00 นเท่านั้นนะ
00:28:20 → 00:28:24 ครับกลับมาติดตามรับฟังยิ่งหิวยิ่งสุขภาพ
00:28:24 → 00:28:27 ดีของนายแพทย์โยชิโนรินะงุโมะจากอ่านให้
00:28:27 → 00:28:30 ฟังบ่าชีได้ใหม่ในสัปดาห์หน้าท่านที่
00:28:30 → 00:28:33 ต้องการสั่งซื้อหนังสือทางออนไลน์ชีวาง
00:28:33 → 00:28:36 ช่องทางสั่งซื้อไว้ให้ในคำอธิบายใต้คลิป
00:28:36 → 00:28:40 นะคะและท่านยังติดตามชีในสื่ออื่นๆได้
00:28:40 → 00:28:42 ทั้ง Facebook tiktok และ LINE Open
00:28:42 → 00:28:44 chat เรียนเชิญทุกท่านเข้ามาเป็นเพื่อน
00:28:44 → 00:28:48 กันนะคะขอบพระคุณที่เป็นกำลังใจให้ชีด้วย
00:28:48 → 00:28:51 การกดไลค์กดแชร์พิมพ์คอมเมนต์และท่านยัง
00:28:51 → 00:28:54 สามารถสนับสนุนให้ชีมีรายได้เพื่อทำช่อง
00:28:54 → 00:28:57 ต่อไปด้วยการโอนเข้าบัญชีไทยพาณิชย์หรือ
00:28:57 → 00:29:00 สแกน QR cde ดังรายละเอียดที่ปรากฏบนจอ
00:29:00 → 00:29:04 ขณะนี้ขอบคุณที่เข้ามารับชมรับฟังติดตาม
00:29:04 → 00:29:07 สนับสนุนชีในทุกๆช่องทางกลับมาพบกันใหม่
00:29:07 → 00:29:11 คลิปหน้าสำหรับวันนี้ลาไปก่อนสวัสดี
00:29:11 → 00:29:14 ค่ะ