00:00:00 → 00:00:04 ขอคำนิยามของโลกนิดนึงค่ะโรคติ๊กเนี่ยค่ะ
00:00:04 → 00:00:06 มันคือโรคเกี่ยวกับอะไรอ่ะคะบางครั้งเรา
00:00:06 → 00:00:15 ก็งงว่าเอ๊ะมันคือโรคอะไรอะไรอย่างนี้ค่ะ
00:00:15 → 00:00:18 บอกมาก็คือว่าเราก็ยังหาคำภาษาไทยที่แปล
00:00:18 → 00:00:21 แบบตรงไปตรงมาไม่ได้นะคะแต่ว่าจริงๆแล้ว
00:00:21 → 00:00:25 ติ๊กเนี่ยมันจะเป็นอาจารย์คล้ายๆกับมีการ
00:00:25 → 00:00:27 เคลื่อนไหวที่
00:00:27 → 00:00:31 เกิดมาแบบผิดปกติอ่ะมันเป็นการเคลื่อนไหว
00:00:31 → 00:00:33 ที่ผิดปกติของกล้ามเนื้อส่วนต่างๆอาจจะ
00:00:33 → 00:00:36 เป็นที่ใบหน้าที่คอที่แขนขาอะไรอย่าง
00:00:36 → 00:00:39 เงี้ยค่ะแล้วอาการนี้เนี่ยมันเป็นอาการ
00:00:39 → 00:00:45 ที่เกิดขึ้นเรื่อยๆซ้ำๆโดยที่จริงๆคนคน
00:00:45 → 00:00:48 ที่เป็นเนี่ยเขาเขารู้ตัวว่าเขาเป็นแล้ว
00:00:48 → 00:00:52 ก็จริงๆแล้วเขาสามารถยับยั้งมันได้เหมือน
00:00:52 → 00:00:56 กันแต่ถ้ายับยั้งไปสักพักนึงแล้วมันก็ยัง
00:00:56 → 00:01:00 ยังอยากทำแล้วมันจะเป็นมากขึ้นเดี๋ยวสัก
00:01:00 → 00:01:03 พักนึงมันก็จะเป็นขึ้นมาเพิ่มขึ้นอะไร
00:01:03 → 00:01:05 อย่างเงี้ยจริงๆมันเรียกว่าเป็นโรคที่
00:01:05 → 00:01:11 สามารถยับยั้งได้แต่ยับยั้งได้นาน
00:01:11 → 00:01:15 มันปรับอยู่ในกลุ่มของโรคคือจริงๆมันเป็น
00:01:15 → 00:01:18 สมัยก่อนเขาก็ว่าเป็นโรคทาง
00:01:18 → 00:01:20 จิตเวชเนาะแต่ว่า
00:01:20 → 00:01:24 ปัจจุบันนี้มันก็จะเป็นโรคทางสมองค่ะเป็น
00:01:24 → 00:01:27 โรคทางระบบประสาทที่มีสารสื่อประสาทอะไร
00:01:27 → 00:01:28 ที่ผิดปกติ
00:01:28 → 00:01:31 แล้วก็ทำให้แบบมีอาการคล้ายๆกับการ
00:01:31 → 00:01:33 เคลื่อนไหวที่มันผิดปกติ
00:01:33 → 00:01:37 เวลาเราหมอให้ให้คำเขาเรียกว่าเวลาแพทย์
00:01:37 → 00:01:40 บอกว่าจะเขียนตามอาการมาว่าอาการกระตุก
00:01:40 → 00:01:42 อะไรอย่างนี้แต่ถ้าเขียนเป็นภาษาไทยมัน
00:01:42 → 00:01:45 ไม่มีก็ต้องเขียนภาษาอังกฤษไปประมาณนี้
00:01:45 → 00:01:51 ค่ะ
00:01:51 → 00:01:54 อาจารย์แต่ทีนี้ค่ะอาจารย์การเคลื่อนไหว
00:01:54 → 00:01:56 ของกล้ามเนื้อค่ะที่มันแบบเกิดการกระตุก
00:01:56 → 00:01:59 มันจะมีอยู่บริเวณตรงไหนคะที่มันเห็นเด่น
00:01:59 → 00:02:02 ชัดแล้วมันเป็นกลุ่มคนวัยไหนที่เขาเป็น
00:02:02 → 00:02:05 แล้วเราต้องรู้แค่ไหนชอบบอกว่าเนี่ยเขม่น
00:02:05 → 00:02:08 ตาขยิบตาอาจจะเป็นเรื่องโชคลาภกว่าไลฟ์ดี
00:02:08 → 00:02:11 อะไรอย่างเงี้ย
00:02:11 → 00:02:14 คือจริงๆแล้วมันเป็นได้ทุกส่วนเลยนะคะบาง
00:02:14 → 00:02:17 คนก็ที่เจอไอ้ก็เดินที่หน้า
00:02:17 → 00:02:21 กระพริบตาบ่อยๆหรือว่ามีการทำจมูกแบบย่น
00:02:21 → 00:02:23 หรือเบะอะไรอย่างเงี้ย
00:02:23 → 00:02:27 ซึ่งพวกนี้เนี่ยมันเป็นอาจารย์ที่ที่เจอ
00:02:27 → 00:02:31 ได้ทุกส่วนบางคนก็มีสะบัดเค้าเรียกอะไรนะ
00:02:31 → 00:02:38 สะบัดไหลเขาเรียกอะไรลักหลับ
00:02:38 → 00:02:41 ซึ่งจริงๆพวกนี้มันก็อาจจะเปลี่ยนเปลี่ยน
00:02:41 → 00:02:44 รูปแบบไปเรื่อยๆอาจจะ
00:02:44 → 00:02:48 ช่วงนึงเป็นขบิกครีมตายช่วงนึงก็เปลี่ยน
00:02:48 → 00:02:49 ไปเป็น
00:02:49 → 00:02:52 ยักไหล่กระตุกแหย่อะไรอย่างเงี้ยมันจะ
00:02:52 → 00:02:54 เปลี่ยนได้ค่ะตามเวลา
00:02:54 → 00:02:57 แล้วก็อายุที่ที่เป็นเนี่ยก็จะเป็นในช่วง
00:02:57 → 00:03:01 เด็กๆซึ่งถ้าเกิดตามคำนิยามแล้วเนี่ยเขา
00:03:01 → 00:03:05 ก็จะต้องถูกวินิจฉัยก่อนก่อนอายุ 18 ปีนะ
00:03:05 → 00:03:09 คะแต่จำคำนิยามแล้วก็ส่วนใหญ่ที่เกิดก็จะ
00:03:09 → 00:03:12 เป็นเด็กที่ช่วงที่จนเริ่มๆเนี่ยน่าจะ
00:03:12 → 00:03:17 ประมาณสัก 4-5 ขวบนะคะแล้วก็จะเจอเยอะๆ
00:03:17 → 00:03:21 อาจจะประมาณสัก 10 ขวบที่จะมาหาหมอขั้น
00:03:21 → 00:03:24 ตอนแรกๆอาจจะดูเฮ้ยไม่ไม่ไม่ดูไม่ออกว่า
00:03:24 → 00:03:26 ไอ้เด็กมันเป็นอะไรแต่ว่าพอหนูไปเรื่อยๆ
00:03:26 → 00:03:30 มันก็จะมีเห็นเห็นชัดขึ้น
00:03:30 → 00:03:34 ประมาณนี้แล้วก็เอ่อจริงๆนอกจากเรื่องการ
00:03:34 → 00:03:37 กระตุกของกล้ามเนื้อยังมีอีกอันนึงที่
00:03:37 → 00:03:40 เรียกว่าโกโก้ติดก็คือเอ่อมีอาการออก
00:03:40 → 00:03:44 เสียงก็ได้นะคะออกเสียงเช่นหรือว่าออก
00:03:44 → 00:03:47 เสียงแบบในคออะไรอย่างเงี้ยก็เป็นอาการ
00:03:47 → 00:03:51 ติ๊กได้เหมือนกันค่ะหืมค่ะแต่ทีนี้พอ
00:03:51 → 00:03:53 อาจารย์บอกว่าอาการติ๊กเนี่ยบางคนบางคน
00:03:53 → 00:03:56 อาจจะฟังแล้วอย่างเงี้ยใครหยกก็เข้าใจว่า
00:03:56 → 00:03:59 โอเคขยิบนี่อะไรอย่างเงี้ยค่ะแต่ทีนี้หยก
00:03:59 → 00:04:01 สงสัยนิดนึงค่ะอาจารย์กว่าจะชี้ชัดเป็น
00:04:01 → 00:04:03 โรคเพราะบางคนน่ะถ้าบางครั้งอ่ะเราไม่รู้
00:04:03 → 00:04:06 เราอาจจะนึกว่าเออน้องแค่เมตตาน้องแค่
00:04:06 → 00:04:08 ยุ่งจมูกหรืออะไรอย่างเงี้ยค่ะมันต้องแบบ
00:04:08 → 00:04:11 อ่าทุกอย่างรวมกันหรือว่าอย่างใดอย่าง
00:04:11 → 00:04:13 หนึ่งเป็นเวลานานแค่ไหนถึงจะสันนิษฐานว่า
00:04:13 → 00:04:15 เป็นโรคอ่ะคะอาจารย์
00:04:15 → 00:04:21 คือเวลาคนเด็กๆพวกนี้ที่มาเนี่ยเขาก็
00:04:21 → 00:04:24 เอ่อพ่อแม่ก็อาจจะคิดว่าเอ๊ะเด็กมันทำตา
00:04:24 → 00:04:26 เป็นภูมิแพ้หรือเปล่าเป็นคนโชคดีตายเยอะๆ
00:04:26 → 00:04:29 ช่วงแรกหรือว่าถูจมูกเราจมูกอะไรเงี้ย
00:04:29 → 00:04:32 ซึ่งตอนแรกมันจะมีตัวกระตุ้นก็ได้ว่า
00:04:32 → 00:04:35 เริ่มต้นจากอาจารย์บางอย่างแล้วทำให้มัน
00:04:35 → 00:04:38 มีอาจารย์ต่อเนื่องแล้วอาการเริ่มต้นมัน
00:04:39 → 00:04:41 หายไปแล้วมันก็ยังเป็นอยู่นั่นแหละไม่ยอม
00:04:41 → 00:04:43 หายเนี่ยส่วนใหญ่พ่อแม่จะมาตอนที่มันเป็น
00:04:43 → 00:04:47 ค่อนข้างยาวนานนะช่วงแรกช่วงแรกจะมาด้วย
00:04:47 → 00:04:50 เหมือนกับเอ้แม่บอกคันตาหรือเปล่าไม่เคย
00:04:50 → 00:04:53 หยิบมาตลอดเวลาอะไรอย่างเงี้ยค่ะแล้วแบบ
00:04:53 → 00:04:56 สังเกตไปเอ๊ะตาก็ไม่เห็นมีแดงไม่มีอะไรก็
00:04:56 → 00:04:59 เริ่มมาหาหมอก็จะหมอก็ต้องซักประวัติที่
00:04:59 → 00:05:02 มันเป็นตัวกระตุ้นก่อนเหมือนกันแล้วก็ถ้า
00:05:02 → 00:05:04 ไม่เจออะไรแล้วก็อาการดูแบบ
00:05:04 → 00:05:07 เกิดการพวกนี้เนี่ยอย่างเนื้อก็คือว่า
00:05:07 → 00:05:11 เวลาเป็นๆเนี่ยเวลาเราพูดคุยกับเขาเพลินๆ
00:05:11 → 00:05:13 เนี่ยมันหายเว้ย
00:05:14 → 00:05:19 มันจะถูกมันจะถูกเพราะว่ามันจะถูกอ่ะ
00:05:19 → 00:05:23 หันเหฝันเห็นความสนใจเขาก็จะเป็นน้อยลง
00:05:23 → 00:05:27 ได้ค่ะ
00:05:27 → 00:05:31 แล้วก็ต้องสังเกตอาการเขาพอสมควร
00:05:31 → 00:05:34 แล้วก็อีกอันหนึ่งคือก็
00:05:34 → 00:05:37 มันจะไม่ค่อยเหมือนกับโรคที่เป็นโรคทาง
00:05:37 → 00:05:40 แบบสมองเช่นโรคลมชักอะไร
00:05:40 → 00:05:43 ลักษณะไม่เหมือนกันเพราะว่าถ้าเป็นชักมัน
00:05:43 → 00:05:46 จะมีอาการแบบเดิมตลอดแต่ว่ามันเปลี่ยนท่า
00:05:46 → 00:05:48 ไปได้ด้วย
00:05:48 → 00:05:52 เพราะฉะนั้นจริงๆแล้วมันก็มีหลักการในการ
00:05:52 → 00:05:55 วินิจฉัยอยู่เหมือนกันในการที่จะดูว่า
00:05:55 → 00:05:58 เป็นโรคนี้หรือว่าเป็นโรคอื่นค่ะ
00:05:58 → 00:06:02 เพราะว่าเปลี่ยนไปเรื่อยทั้งกระพริบ
00:06:02 → 00:06:06 ยักคิ้วแล้วอย่างนี้เนาะแล้วอย่างนี้คุณ
00:06:06 → 00:06:10 คือคุณพ่อคุณแม่จะช่วยสังเกตได้ยังไงอ่ะ
00:06:10 → 00:06:13 คะเพราะว่าคือส่วนใหญ่ก็จะเป็นในในเด็ก
00:06:13 → 00:06:15 ใช่ไหมคะคุณหมอ
00:06:15 → 00:06:19 เราจะช่วยสังเกตแบบมันต้องผิดปกตินานขนาด
00:06:19 → 00:06:22 ไหนอะไรอย่างนี้แต่ส่วนใหญ่ที่เห็นน่ะก็
00:06:22 → 00:06:26 จะเห็นเด็กๆชอบกระพริบตากระพริบตาบ่อยๆ
00:06:26 → 00:06:29 อาจจะมียักคิ้วบ้างอะไรอย่างเงี้ยคุณหมอ
00:06:29 → 00:06:35 มันต้องติดต่อกันนานไหมคะ
00:06:35 → 00:06:38 ส่วนใหญ่พ่อแม่ท่านสังเกตก็จะเห็นเลยพวก
00:06:38 → 00:06:39 อาการพวกนี้
00:06:39 → 00:06:42 จะกังวลมากด้วยซ้ำแล้วจะมาหาหมอค่อนข้าง
00:06:42 → 00:06:45 เร็วคือมันมีภาวะพวกเนี้ยมีบางคนก็เป็น
00:06:45 → 00:06:49 แค่แบบชั่วคราวแล้วก็หายไปก็มีนะคะแต่ว่า
00:06:49 → 00:06:54 บางคนถ้าสมมุติเป็นยาวนานแบบให้เป็นปี
00:06:54 → 00:06:56 อะไรอย่างเงี้ยก็ถือว่าแบบยาวเกินก็จะ
00:06:56 → 00:07:00 เป็นพวกเขาเรียกว่าเป็นติ๊กแบบเรื้อรังละ
00:07:00 → 00:07:04 พวกนี้ก็จะเป็นกลุ่มที่คงจะต้องหาวิธีการ
00:07:04 → 00:07:08 รักษาหรือว่าดูดูแลเขาเพิ่มเติมอะไรเงี้ย
00:07:08 → 00:07:12 ไม่ให้มันมากขึ้นทีนี้ในกลุ่มที่เป็นเค้า
00:07:12 → 00:07:14 เรียกว่ากลุ่มไม่เทาอ่ะกลุ่มที่เป็นพวก
00:07:14 → 00:07:16 ขาวบางทีมันก็ขายแค่เงินเดือน 2 เดือนก็
00:07:16 → 00:07:20 หายไปเองคือพ่อแม่ไม่ได้สังเกตผมว่าไม่
00:07:20 → 00:07:24 ได้พาไปหาหมอมันก็หายเอง
00:07:24 → 00:07:27 แต่ทีนี้อาจารย์บางคนอาจจะคิดว่าเอ๊ะเด็ก
00:07:27 → 00:07:29 ทำอย่างนี้เหมือนเด็กเล่นหูเล่นตาน่ารัก
00:07:29 → 00:07:33 จังเลยเด็กดูแบบฉลาดเออรู้จักแบบถีบตารู้
00:07:33 → 00:07:36 จักนู่นนี่แต่ว่ามันชัดใช่ไหมคะว่าถ้ามัน
00:07:36 → 00:07:38 แบบบ่อยๆบ่อยๆอันนี้ไม่น่าจะใช่แล้วใช่
00:07:38 → 00:07:42 มั้ยคะมันจะพ่อแม่ใส่ได้เลยใช่ไหมคะใช่
00:07:42 → 00:07:44 คุณพ่อคุณแม่จะเห็นแล้วแบบว่าเฮ้ยลูกเป็น
00:07:44 → 00:07:47 อะไรหรือเปล่าคือพี่ก็กลัวเนี่ยก็จะกลัว
00:07:47 → 00:07:50 เป็นร่มนี่แหละอันตรายเช่นพวกฉากอย่างนี้
00:07:50 → 00:07:52 เนาะที่เราต้องเลือกก็คือว่าถ้าเป็นโรคลม
00:07:52 → 00:07:55 ชักเนี่ยเราก็ต้องรักษาถ้ามันเป็นเยอะ
00:07:55 → 00:07:58 เป็นแบบเนี่ยให้เห็นว่ามันมีอาการกระตุกๆ
00:07:58 → 00:08:02 ๆเงี้ยมันก็ต้องรักษาแต่ว่าส่วนใหญ่โรค
00:08:02 → 00:08:06 ติ๊กเนี่ยไม่รักษามันหายได้แล้วก็เอ่อมัน
00:08:06 → 00:08:09 ก็ไม่ได้เป็นอันตรายมากเหมือนกับโลกสมอง
00:08:09 → 00:08:13 คืออันตรายอื่นๆนะคะแล้วก็ไม่ได้ไม่ได้
00:08:13 → 00:08:17 ถึงแม้ว่าจะมาหาหมอไม่เร็วมากก็ไม่ไม่
00:08:17 → 00:08:20 เดือดร้อนมากนะคะนี่เดี๋ยวพ่อแม่คงไม่
00:08:20 → 00:08:22 ค่อยได้
00:08:22 → 00:08:26 มันดูแบบขัดตาดูขัดบุคลิกภาพ
00:08:26 → 00:08:29 ประมาณนั้นเนี่ยกำลังจะถามคุณหมอเลยอ่ะ
00:08:29 → 00:08:33 ว่าคือนอกจากมันเสียบุคลิกแล้วอะไรอย่าง
00:08:33 → 00:08:38 เงี้ยมันมันเทคโนโลยีผลด้านอื่นๆอีกไหม
00:08:38 → 00:08:40 อะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:08:40 → 00:08:43 คือถ้าเป็นเด็กเล็กๆเนี่ยตัวเด็กเองไม่
00:08:43 → 00:08:46 รู้สึกหรอกว่าตัวเองแบบเป็นยังไงแต่พ่อ
00:08:46 → 00:08:50 แม่เนี่ยจะชอบไปบอกว่าลูกอย่าทำอะไร
00:08:50 → 00:08:53 เนี่ยมันยิ่งไป
00:08:53 → 00:08:56 กระตุ้นให้เด็กแบบเขาอาจจะรู้สึกว่าเขาก็
00:08:56 → 00:08:58 ไม่อยากทำนะ
00:08:58 → 00:09:02 พยายามอดกลั้นไว้แล้วไปสักพักหนึ่งอาการ
00:09:02 → 00:09:08 มันจะออกมาเยอะมาก
00:09:08 → 00:09:12 จริงๆแล้วเนี่ยจะบอกทำมาหาหมอแล้วหมอบอก
00:09:12 → 00:09:15 ว่าเป็นไปเนี่ยสิ่งหนึ่งที่หมอจะบอกพ่อ
00:09:15 → 00:09:18 แม่เลยบอกว่าพ่อแม่ต้องไม่ไปพูดถึงอาการ
00:09:18 → 00:09:21 ที่เขาเป็นแต่ถ้าเห็นเค้าอาการเยอะอ่ะให้
00:09:21 → 00:09:24 ฉันเห็นความสนใจก็ทำอย่างอื่น
00:09:24 → 00:09:26 เพราะมันสามารถด้วยซ้ำให้อาจารย์มันน้อย
00:09:27 → 00:09:28 ลงได้
00:09:28 → 00:09:33 ชวนคุยชวนเล่นอย่างอื่น
00:09:33 → 00:09:36 แล้วเขาจะลืมแล้วก็หายไปหากิจกรรมให้ทำ
00:09:36 → 00:09:40 งี้ใช่ไหมคะคุณหมอ
00:09:40 → 00:09:42 เด็ก
00:09:42 → 00:09:45 หรอ
00:09:45 → 00:09:49 พวกนี้มันจะทำให้แบบมีปัญหาทางการที่เขา
00:09:49 → 00:09:51 อยู่ในสังคม
00:09:51 → 00:09:55 อายแล้วก็อาจจะมีปัญหากับคนอื่นหน้าแบบ
00:09:55 → 00:09:58 ถูกล้ออะไรประมาณเนี้ยจริงๆแล้วก็สำคัญก็
00:09:58 → 00:10:01 คือต้องเข้าใจเขานิดนึงแล้วก็อย่าไป
00:10:01 → 00:10:04 กระตุ้นการบอกว่าอยากทำหรือว่าไปล้อเลียน
00:10:04 → 00:10:05 อะไรอย่างเงี้ย
00:10:05 → 00:10:08 คุณพ่อคุณแม่ฟังไว้นี่ก็
00:10:08 → 00:10:11 ก็ต้องฉุกคิดเลยนะเพราะว่าเคยได้ยิน
00:10:11 → 00:10:14 เหมือนกันที่เวลาแบบเห็นเด็กอย่างเงี้ย
00:10:14 → 00:10:18 ผิดผิดปกติแบบนี้แบบอย่างเขาเรียกอะไรนะ
00:10:18 → 00:10:21 กระพริบตาบ่อยๆยักไหล่อ่ะเคยได้ยินพ่อแม่
00:10:21 → 00:10:24 บางคนแบบทำทำไมอะไรอย่างนี้บางทีเขาไม่
00:10:24 → 00:10:28 รู้ใช่เขาเขาไม่รู้ว่าเป็นโรคเขาคิดว่า
00:10:28 → 00:10:31 แบบเฮ้ยทำแบบนี้มันเสียบุคลิกทำทำไมหยุด
00:10:31 → 00:10:33 เดี๋ยวนี้อะไรอย่างเงี้ยเคยได้ยินเหมือน
00:10:33 → 00:10:36 กันนะคุณหมอมันยิ่งไปกระตุ้นกระตุ้น
00:10:36 → 00:10:40 กระตุ้นเด็กอะเนาะ
00:10:40 → 00:10:45 แถมจะบอกว่าคือลูกไก่ยิ่งๆหนักเลยคราวนี้
00:10:45 → 00:10:49 แต่ทีเนี้ยการจะยับยั้งเพื่อนที่โรงเรียน
00:10:49 → 00:10:52 เนี่ยโอ้โหคุณหมอยากเหมือนกันเนาะแบบเด็ก
00:10:52 → 00:10:55 ไปบางทีแบบเด็กวัย 10 ขวบ 11 ขวบอ่ะกำลัง
00:10:55 → 00:10:59 รอกันเลยอ่ะใช่ค่ะ
00:10:59 → 00:11:03 ที่ที่เมื่อกี้ถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับ
00:11:03 → 00:11:05 เด็กจะมีอะไรบางครั้งก็คือว่าเสียงบุคลิก
00:11:05 → 00:11:07 แล้วก็แบบโดนเพื่อนล้อแล้วก็ตัวมีปัญหา
00:11:07 → 00:11:11 สังคมคือปัญหาเขากับสังคมคือแบบบางคนก็
00:11:11 → 00:11:13 อาจจะกลายเป็นแบบเด็กไม่อยากไปโรงเรียน
00:11:13 → 00:11:16 อยากเจออยู่บ้านก็ถูกเพื่อนเราอะไรประมาณ
00:11:16 → 00:11:18 นี้ค่ะ
00:11:18 → 00:11:20 อาจารย์คะแต่ว่าที่อาจารย์บอกว่าหายเอง
00:11:20 → 00:11:22 ได้เนี่ยคือหายละหายถาวรไหมคะถ้าเราแบบ
00:11:22 → 00:11:26 เดนความสนใจน้องหรือว่าอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:11:26 → 00:11:29 หรือว่าเราต้องมีอย่างอื่นร่วมด้วยการ
00:11:29 → 00:11:30 ปรับบุคลิกอะไรอย่างนี้ค่ะ
00:11:30 → 00:11:35 คือจริงๆแล้วมันมีหลายชนิดนะคะชนิดแรกก็
00:11:35 → 00:11:37 คือแบบว่าเป็นแบบชั่วคราวก็คือเป็นชั่ว
00:11:37 → 00:11:41 คราวแล้วก็หายไปประมาณสักปีนึงก็หายคือ
00:11:41 → 00:11:44 ก่อนปีนึงเขาถือว่าเป็นชั่วคราวเนาะแต่
00:11:44 → 00:11:46 ถ้าเป็นนานเกิน 1 ปีเนี่ยเขาถือว่าเป็น
00:11:46 → 00:11:51 แบบเรื้อรังแบบแล้วก็เวลาที่เราให้ให้การ
00:11:51 → 00:11:55 หมายถึงว่าถ้าเกิดเราได้รับการวินิจฉัย
00:11:55 → 00:11:58 แล้วว่าเป็นเป็นโรคเราก็จะประเมินว่าความ
00:11:58 → 00:12:01 รุนแรงของโรคเนี่ยมันขนาดไหนเพราะฉะนั้น
00:12:01 → 00:12:05 จริงๆแล้วจริงๆแล้วเราก็ไม่ได้ให้ยาทุกคน
00:12:05 → 00:12:09 บางคนเนี่ยเราก็สามารถที่จะควบคุมสิ่งแวด
00:12:09 → 00:12:12 ล้อมแล้วก็คุยกับพ่อแม่ว่าอย่างนี้เรา
00:12:12 → 00:12:15 อย่าไปกระตุ้นเค้าเราลองปรับพฤติกรรมนะ
00:12:15 → 00:12:19 เช่นให้เขาอย่าแบบนั่งเล่นในโทรศัพท์แล้ว
00:12:19 → 00:12:23 ก็แบบเวลาเค้านั่งๆเค้าก็จะมองแต่กล้าม
00:12:23 → 00:12:26 เนื้อไม่ได้ออกกำลังกายก็คือการให้เขาออก
00:12:26 → 00:12:30 ไปออกกำลังกายทำอะไรที่แบบเป็นการก็จะทำ
00:12:30 → 00:12:31 ให้
00:12:31 → 00:12:35 ไม่เคร่งเครียดอ่ะความเครียดมันจะทำให้
00:12:35 → 00:12:37 อากาศได้มากขึ้น
00:12:37 → 00:12:40 พวกนี้ก็จะเป็นการปรับพฤติกรรมตัดสิ่งแวด
00:12:40 → 00:12:43 ล้อมเสร็จแล้วเนี่ยถ้าเกิดว่าเราดูแล้ว
00:12:43 → 00:12:47 มันไม่ไหวเป็นเยอะมากการรักษาก็คือการให้
00:12:47 → 00:12:52 ยาให้ยาเพื่อจะลดอาการแต่ว่าโดยบางคนก็ดี
00:12:52 → 00:12:55 ก็คือรถแล้วก็อาการหายไปเลยก็มีแต่ว่า
00:12:55 → 00:12:59 ส่วนหนึ่งมันจะยังมีอยู่เล็กๆแต่ว่าเราจะ
00:12:59 → 00:13:02 คือครอบครัวก็จะเริ่มแบบปรับตัวเองได้
00:13:02 → 00:13:06 แล้วก็เด็กก็อาจจะรู้สึกดีขึ้นที่แบบอยู่
00:13:06 → 00:13:09 ในสังคมได้อะไรประมาณนี้เพราะฉะนั้นจริงๆ
00:13:09 → 00:13:12 พวกนี้เราก็เราก็ต้องประเมินความรุนแรง
00:13:12 → 00:13:17 กับหาว่ามันมีผลกระทบขนาดไหนแล้วก็ยาที่
00:13:17 → 00:13:20 ใช้ก็จะเป็นยากลุ่มที่สามารถที่มันก็จะไป
00:13:20 → 00:13:23 เกี่ยวข้องกับอาจารย์สื่อประสาทในสมอง
00:13:23 → 00:13:28 หรือทำให้เด็กอิสระที่สมดุลได้ขึ้นแต่ว่า
00:13:28 → 00:13:31 ยาที่ช่วยมันก็มีผลข้างเคียงจริงๆเราก็
00:13:31 → 00:13:34 ต้องใช้ยาที่พอดี
00:13:34 → 00:13:45 ดีขึ้นแต่ว่าไม่ได้มีผลข้างเคียงเยอะ
00:13:45 → 00:13:49 คือจริงๆในคนไข้บางคนที่เป็นแบบเป็นกลุ่ม
00:13:49 → 00:13:51 ที่เป็นชั่วคราวเนี่ยบางทีท่านก็เป็นน้อย
00:13:51 → 00:13:54 ๆไม่ได้รักษาให้ยาเขาหายเองเนี่ยเราก็ไม่
00:13:54 → 00:13:58 ต้องให้ยาเลยบางคนก็ให้ยาไปเพราะเขาเป็น
00:13:58 → 00:14:01 เยอะเป็นเยอะเขาต้องการดีขึ้นเราก็จะ
00:14:01 → 00:14:04 พยายามลดลงจริงๆเราก็อาจจะให้ประมาณสัก 3
00:14:04 → 00:14:08 เดือนแล้วดีขึ้นแล้ว
00:14:08 → 00:14:11 เราลดยาลงแล้วอาการไม่กลับมาเนี่ยเราก็
00:14:11 → 00:14:15 สามารถติดยาได้แต่ว่าตอนที่ลดเวลาลงไป
00:14:15 → 00:14:17 แล้วบางคนกลับมาใหม่ก็ต้องเพิ่มอยากไป
00:14:17 → 00:14:19 เพื่อให้คุมอาการของเขา
00:14:19 → 00:14:24 แล้วก็เมนเทนไปอยู่จนกว่าจะแบบมั่นใจและ
00:14:24 → 00:14:26 เออตอนนี้มันหายไปนานแล้วลองรถใหม่อะไร
00:14:26 → 00:14:30 อย่างเงี้ยซึ่งจริงๆโดยธรรมชาติของโลกนี้
00:14:30 → 00:14:33 นะคะเพราะอายุสักเข้าวัยรุ่นอาการมันเป็น
00:14:33 → 00:14:36 ความรุนแรงมันจะลดลงจะรุนแรงเยอะก็จะอยู่
00:14:36 → 00:14:43 ช่วงประมาณซักเด็กๆอ่ะประมาณซัก 5-10 ขวบ
00:14:43 → 00:14:47 เข้าวัยรุ่นแล้วมันจะดูน้อยลงจริงๆแล้วพอ
00:14:47 → 00:14:50 หมอก็มีรักษาคนไข้ที่เป็นวัยรุ่นเขาก็
00:14:50 → 00:14:52 เริ่มแบบ
00:14:52 → 00:14:55 เด็กๆเนาะเพราะเป็นวัยรุ่นแล้วเขาดีขึ้น
00:14:55 → 00:14:59 ก็บอกว่าหนูก็ลองดูซิว่าถ้าหนูขึ้นเวที
00:14:59 → 00:15:03 ตื่นเต้นก็ก็กินยา
00:15:03 → 00:15:07 ปรับตัวเองได้ซึ่งเขาก็สามารถอยู่อยู่ได้
00:15:07 → 00:15:10 แล้วก็พวกนี้บางทีเวลาเป็นก็เป็นไปจนถึง
00:15:10 → 00:15:13 ผู้ใหญ่ค่ะแล้วก็ผู้ใหญ่ก็ก็อาการน้อยไม่
00:15:13 → 00:15:17 ค่อยถ้าไม่สังเกตอาจจะไม่เห็นประมาณนี้
00:15:17 → 00:15:20 ก็ไม่ต้องใช้ยาก็มีบางคนก็ใช้ยาเป็นครั้ง
00:15:20 → 00:15:21 คราว
00:15:21 → 00:15:29 นี้นะคะอาจารย์
00:15:29 → 00:15:33 โรคที่เกิดร่วมกันได้บ้างมันเป็นโรคคล้าย
00:15:33 → 00:15:37 ๆเป็นเป็นโรคเป็นพวงพวงมาเป็นพวง
00:15:37 → 00:15:41 ร่วมกันเช่นเป็นกลุ่มสมาชิกสั้นหรือว่า
00:15:41 → 00:15:43 เป็นกลุ่ม
00:15:43 → 00:15:49 เขาเรียกอะไรอ่ะ
00:15:49 → 00:15:52 หรือว่าพวกที่มีอีกอันนี้ก็คือภาวะของซึม
00:15:52 → 00:15:54 เศร้าว่ามีนะ
00:15:54 → 00:16:00 สิ่งที่แบบมาร่วมกัน 3-4 โรคก็ถ้าเกิดคน
00:16:00 → 00:16:04 ไข้คนไข้มาแล้วมีมีโรคกลุ่มนี้เราก็จะ
00:16:04 → 00:16:08 พยายามที่จะต้องดูแลไปด้วยกันว่าปัญหา
00:16:08 → 00:16:10 แล้วมันมีอย่างอื่นด้วยหรือเปล่าถ้ามี
00:16:10 → 00:16:14 ด้วยเราต้องรักษาไปด้วยค่ะ
00:16:14 → 00:16:17 อาจารย์สอบถามมาแบบนี้ค่ะอาจารย์บอกว่า
00:16:17 → 00:16:20 ตอนนี้ค่ะรู้สึกฟังฟังจากที่อาจารย์พูด
00:16:20 → 00:16:22 แล้วเนี่ยค่ะก็รู้สึกว่าข้าวกับที่
00:16:22 → 00:16:24 อาจารย์อธิบายหรือเปล่าเลยอยากสอบถามแบบ
00:16:24 → 00:16:28 นี้ค่ะว่ารุ่นน้องอ่ะค่ะขณะนี้อายุ 70
00:16:28 → 00:16:32 คนนี้นะคะป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเมื่อตอน
00:16:32 → 00:16:35 อายุ 65 แล้วก็มักมีอาการกระพริบตาต่อมา
00:16:35 → 00:16:37 ก็จะแบบ
00:16:37 → 00:16:41 ยุบๆๆที่แบบมุมปากเงี้ยค่ะเหมือนบ่นพึมพำ
00:16:41 → 00:16:44 ตลอดเวลามันก็เสียบุคลิกภาพเนี่ยค่ะใช่
00:16:44 → 00:16:46 โรคเดียวกับที่อาจารย์กำลังอธิบายไหมและ
00:16:46 → 00:16:50 ต้องแก้ไขยังไงคะอายุเท่าไหร่แล้วนะคะตอน
00:16:50 → 00:16:52 นี้ 70 ค่ะแต่ว่าเริ่มมีอาการตั้งแต่ตอน
00:16:52 → 00:16:56 อายุ 65 เพราะว่าป่วยเป็นซึมเศร้า
00:16:56 → 00:17:00 คือจริงๆแล้วถ้าเป็นโรคซิกซ์เขาจะ
00:17:00 → 00:17:02 วินิจฉัยเมื่ออายุน้อยกว่าเรื่องวินิจฉัย
00:17:02 → 00:17:06 เนี่ยต้องอายุน้อยกว่า 18 ปี
00:17:06 → 00:17:10 มาตั้งแต่เด็กๆแล้วเพิ่งมาแล้วพอตอนอายุ
00:17:10 → 00:17:13 เยอะแล้วก็เป็นมากขึ้นเมืองกาญมากขึ้นก็
00:17:13 → 00:17:17 อาจจะเป็นโรคนี้ได้แล้วเป็นจนถึงโตเนอะ
00:17:17 → 00:17:19 แต่ถ้าสมมุติเพิ่งมาเป็นตอนอายุ 65 เนี่ย
00:17:19 → 00:17:23 สงสัยต้องไม่คิดถึงโรคกลุ่มเขาเรียก
00:17:23 → 00:17:25 เคลื่อนไหวผิดปกติมากกว่า
00:17:25 → 00:17:28 [เพลง]
00:17:28 → 00:17:31 เพราะมันมีโรคของความเสื่อมของสมองที่ทำ
00:17:31 → 00:17:34 ให้การเคลื่อนไหวผิดปกติได้เช่นพวก
00:17:34 → 00:17:38 ภาคินสันหรือว่าพวกโรคการเขาเรียกกล้าม
00:17:38 → 00:17:40 เนื้อผิดปกติเวลาเดินหรือว่าอะไรอย่างนี้
00:17:40 → 00:17:44 เคลื่อนไหวช้าหรือเคลื่อนไหวกระตุกอะไรก็
00:17:44 → 00:17:48 มีนะคะมีหลายโรคค่ะของผู้ใหญ่ของคนแก่
00:17:48 → 00:17:53 [เพลง]
00:17:53 → 00:17:55 สงสัยว่าอย่างที่อาจารย์บอกว่าถ้าเบี่ยง
00:17:55 → 00:17:57 เบนความสนใจของน้องๆหนูหนูหรือว่าอะไร
00:17:57 → 00:18:00 อย่างเงี้ยเขาก็จะหายใช่ไหมคะถ้าแบบ
00:18:00 → 00:18:04 เบี่ยงไปทางเล่นเกมจะหายไหมคะอาจารย์หรือ
00:18:04 → 00:18:07 ไปทางไหนนะคะเหมือนแบบว่างั้นก็เล่นเกม
00:18:07 → 00:18:10 แทนที่แบบใช้การพูดคุยหรือทำให้เขาเพลิด
00:18:10 → 00:18:12 เพลินไปเองสมมุติถ้าเขาเพลิดเพลินเฉพาะ
00:18:12 → 00:18:14 กับเกมอย่างเงี้ยมันจะยิ่งเป็นหนักไหม
00:18:14 → 00:18:18 เพลิดเพลินเกินไปหรอคะใช่ค่ะ
00:18:18 → 00:18:22 จริงๆแล้วการเล่นเกมที่เล่นแต่เล่นเกม
00:18:22 → 00:18:26 เฉพาะเล่นเกมโทรศัพท์เนี่ยมันมีปัญหาเยอะ
00:18:26 → 00:18:30 เลยนะคะเด็กอ่ะก็คือเขาเนี่ยเขาจะมีอาการ
00:18:30 → 00:18:35 ทางร่างกายเยอะเพราะเขาสนใจแบบที่คิดที่
00:18:35 → 00:18:38 เกมอ่ะที่แบบคือมันเหมือนกับเขามีสมาธินะ
00:18:38 → 00:18:40 แต่เขาไม่มีสมาธิ
00:18:40 → 00:18:43 แล้วมันจะทำให้กล้ามเนื้อเขาแบบเดี๋ยวก็
00:18:43 → 00:18:46 กระตุกไปกระตุกมาได้เห็นเห็นชัดมากขึ้น
00:18:46 → 00:18:49 แหละแต่ถ้าเขาไปเล่นกีฬาออกแรงเยอะๆอ่ะ
00:18:49 → 00:18:52 เค้าจะมันจะมอบไม่ค่อยเห็นนะคะมันจะน้อย
00:18:52 → 00:18:57 ลงคือมันจะเป็นการออกออกกำลังออกกำลังกาย
00:18:57 → 00:19:00 แบบใช้ตามองเกมแล้วก็เล่นเกมอย่างเงี้ย
00:19:00 → 00:19:03 มักจำเป็นความเครียดมากกว่าแล้วทำให้
00:19:03 → 00:19:07 กระตุ้นมากขึ้นแล้วคนไข้กลุ่มนี้หมอจะบอก
00:19:07 → 00:19:08 ว่าอย่าเล่นเกม
00:19:08 → 00:19:11 ให้ไปออกกำลังกายให้ไปเล่นกีฬาบ้างดีกว่า
00:19:11 → 00:19:16 นะคะ
00:19:16 → 00:19:18 เกมจะไม่ได้ช่วยให้คุณเปลี่ยนพฤติกรรม
00:19:18 → 00:19:22 เพลิดเพลินยิ่งเป็นหนักอันนี้นะคะไม่เห็น
00:19:22 → 00:19:27 เขาเรียกว่าทำให้เกิดความเครียด
00:19:27 → 00:19:31 ทำอะไรที่เพลิดเพลินออกกำลังกายร้องเพลง
00:19:31 → 00:19:34 อะไรหรือว่าทำอะไรที่เป็นประจำที่มีการ
00:19:34 → 00:19:39 แบบกิจกรรมโรงงานใช้พลังงานมากกว่านิ้ว 2
00:19:39 → 00:19:41 นิ้ว
00:19:41 → 00:19:47 คือถ้าสมมติค่ะคุณหมอคะอย่างกรณีอ่ามี
00:19:47 → 00:19:50 เด็กๆอ่ะเนอะถ้าแบบเป็นในลักษณะที่คุณหมอ
00:19:50 → 00:19:54 บอกกับพี่ตาหรือว่ายักคิ้วไหลอะไรประมาณ
00:19:54 → 00:19:57 นี้ถ้าเราพยายามที่จะทำแบบคุณหมอบอกว่า
00:19:57 → 00:20:00 เออพยายามเบี่ยงเบนความสนใจหากิจกรรมให้
00:20:00 → 00:20:01 ทำ
00:20:01 → 00:20:05 แล้วถ้าสมมุติว่าเขายังไม่หายคือก็จะต้อง
00:20:05 → 00:20:09 รีบไปพบคุณหมอเลยใช่ไหมคะคือให้ให้ลองทำ
00:20:09 → 00:20:11 แบบนี้ก่อนไหมคะหรือว่าพอเราเห็นแล้วอาจ
00:20:11 → 00:20:14 จะแบบไปหาคุณหมอเลย
00:20:14 → 00:20:18 มันก็อยู่ที่ว่าถ้าเราสงสัยว่าเขาเป็นโรค
00:20:18 → 00:20:21 อื่นหรือเปล่าคือตอนแรกเราอาจไม่ได้เนาะ
00:20:21 → 00:20:24 คนส่วนนึงเนี่ยเด็กบางคนก็แบบมีอาการแปลก
00:20:24 → 00:20:28 มากแล้วก็เอ่อไม่มั่นใจก็ต้องไม่ให้หมอ
00:20:28 → 00:20:30 แบบนี้หรือเปล่า
00:20:30 → 00:20:34 แต่ถ้าสมมุติเขาเป็นแค่กระพริบตาเล็กๆ
00:20:34 → 00:20:39 ตา 2-3 วันแล้วก็หายไปก็คงไม่ต้องทำอะไร
00:20:39 → 00:20:43 คือจริงๆมันก็คือถ้ามันเป็นอยู่ยาวนานที่
00:20:43 → 00:20:47 คุณพ่อคุณแม่ไม่สบายใจว่ามันให้โรคนี้
00:20:47 → 00:20:50 หรือเปล่าอ่ะก็ควรจะมาให้แพทย์วินิจฉัย
00:20:50 → 00:20:52 ก่อนนะคะว่า
00:20:52 → 00:20:54 อันที่เรากังวลก็คือเขาเป็นพวกคมชัดหรือ
00:20:54 → 00:20:57 เปล่าเพราะมีโรคลมชักบางอย่างที่มาด้วยมา
00:20:57 → 00:21:02 กระพริบๆๆก็มีตาบอก
00:21:02 → 00:21:05 พวกนั้นเด็กจะไม่ค่อยรู้ตัวเท่าไหร่
00:21:05 → 00:21:09 คุณหมอค่ะมีคุณผู้ฟังสอบถามเข้ามาเหมือน
00:21:09 → 00:21:12 กันค่ะเขาค่อนข้างที่จะสงสัยค่ะเขาบอกว่า
00:21:12 → 00:21:16 กล้ามเนื้อกระตุกยังไงครับผมก็เคยกระตุก
00:21:16 → 00:21:22 ที่หางคิ้วแล้วก็เอ่อหนังตาขวาก็ตกมันน่า
00:21:22 → 00:21:24 กลัวหมายถึงว่ามันมันมีอะไรน่ากลัวมาก
00:21:24 → 00:21:27 กว่านี้ไหมคะ
00:21:27 → 00:21:30 เอ่อคือจริงๆแล้วถ้าเป็นกล้ามเนื้อกระตุก
00:21:30 → 00:21:33 ที่เขาเรียกว่าเราควบคุมไม่ได้แบบนั้นน่ะ
00:21:33 → 00:21:38 มันคงเรียกว่าเป็นกล้ามเนื้อกระตุกเอง
00:21:38 → 00:21:41 ที่ปวดตาตาเขาเลยนะ
00:21:41 → 00:21:44 ตาขวากระตุกหางคิ้วกระตุก
00:21:44 → 00:21:49 ๆเขาเรียกอะไรอ่ะเดี๋ยวนะที่มัน
00:21:49 → 00:21:50 [เพลง]
00:21:50 → 00:21:52 เหม็น
00:21:53 → 00:21:56 ตามมันจะมันพริ้วๆของมันเอง
00:21:56 → 00:21:58 ตอนนั้นมันเป็นจากการที่กล้ามเนื้อมันทำ
00:21:58 → 00:22:02 งานเองพวกนี้เนี่ยส่วนใหญ่มันจะอาจบาง
00:22:02 → 00:22:04 ครั้งมันเป็นแต่กล้ามเนื้อตรงบริเวณนั้น
00:22:04 → 00:22:07 มันล้าในการมีการกระตุกของมันเองอย่าง
00:22:07 → 00:22:10 นั้นน่ะมันจะไม่ใช่อาการติ๊กเนี่ยจะเป็น
00:22:10 → 00:22:15 การที่เขาสามารถทำให้ทำการนั้นได้ด้วยคือ
00:22:15 → 00:22:17 เขาสามารถเคลื่อนไหวด้วยตัวเขาเองโดยที่
00:22:17 → 00:22:18 มันไม่ใช่แบบ
00:22:18 → 00:22:22 ไม่ใช่มันเกิดขึ้นมากล้ามเนื้อมันพลิ้ว
00:22:22 → 00:22:26 เองเนี่ยมันพลิ้วไม่ใช่ติ๊กถ้าแบบการ์ด
00:22:26 → 00:22:28 เขม่นอย่างนี้ไม่ใช่อันนี้เป็นตาเขมรเป็น
00:22:28 → 00:22:30 คนละอย่างกัน
00:22:30 → 00:22:36 ของคุณผู้ฟังน่าจะเข้าข่ายตาเขม่นอื้อหือ
00:22:36 → 00:22:37 ภาษาไทย
00:22:37 → 00:22:39 [เพลง]
00:22:39 → 00:22:43 เห็นเพื่อนเหมือนกันค่ะที่เหมือนชอบยักษ์
00:22:43 → 00:22:47 คิ้วอ่ะคุณหมอคือเอ่อจะแบบทุก 10 นาทีเรา
00:22:47 → 00:22:50 จะสังเกตเห็นว่าเขาจะแบบเหมือนยักคิ้วยัก
00:22:50 → 00:22:53 คิ้วพูดไปยักคิ้วไปอันนี้คือมันควบคุมมัน
00:22:53 → 00:22:56 น่าจะเข้าข่ายควบคุมไม่ได้ไม่น่าจะใช้
00:22:56 → 00:22:58 ติ๊ก
00:22:58 → 00:23:01 จริงๆแล้วที่เขาอยากคิ้วอ่ะต้องถามว่าเขา
00:23:01 → 00:23:15 อ่ะไม่อยากอยู่ได้ไหม
00:23:15 → 00:23:17 ก็ได้
00:23:17 → 00:23:18 [เพลง]
00:23:18 → 00:23:22 แล้วอาจารย์นั้นเนี่ยความรู้สึกที่เขา
00:23:22 → 00:23:25 อยากทำมันจะหายไปหลังจากเขาได้ทำอันนี้
00:23:25 → 00:23:28 แล้วเขาก็จะรู้สึกสบายใจนี่คือลักษณะของ
00:23:28 → 00:23:32 ติ๊ก
00:23:32 → 00:23:36 จริงๆมันอยู่ที่ความรู้สึกว่าเขาไม่อยาก
00:23:36 → 00:23:40 ทำอ่ะเขาไม่อยากทำอ่ะเขาก็หยุดมันได้นี่
00:23:40 → 00:23:45 คือภาวะที่ไม่ใช่โรคที่เกิดจากการกระตุก
00:23:45 → 00:23:47 ของกล้ามเนื้อโดยที่ไม่สามารถบังคับได้
00:23:47 → 00:23:50 อันนั้นมันจะเป็นโรคของการกระตุกของกล้าม
00:23:50 → 00:23:53 เนื้อจริงก็คือตั้งในกระดูกเองหรือว่า
00:23:53 → 00:23:55 เป็นโรคทางสมองที่ทำให้กล้ามเนื้อกระตุก
00:23:55 → 00:23:58 เนื้อก็จะเป็นบอกว่าสิ่งที่ควบคุมไม่ได้
00:23:58 → 00:24:02 แต่ว่าเป็นโรคที่ตัวเองอ่ะควบคุมได้แต่
00:24:03 → 00:24:07 ไม่สามารถแบบกดมันได้นานอ่ะกดมันไม่ได้
00:24:07 → 00:24:10 ทั้งหมดเพราะสักพักนึงเดี๋ยวมันก็จะเพิ่ม
00:24:10 → 00:24:12 ขึ้นมาแล้วพอมันเพิ่มขึ้นมาเขาก็จะรู้สึก
00:24:12 → 00:24:15 ว่าดีขึ้นเป็นความรู้สึกของของเขาเพราะ
00:24:15 → 00:24:18 ฉะนั้นบอกว่าโรคนี้มันจะเป็นกึ่งๆทาง
00:24:18 → 00:24:21 จิตเวชนิดนึงเพราะมันมีความรู้สึกของตัว
00:24:21 → 00:24:26 เขาเองที่อยากทำด้วยประมาณนี้นะครับอ่ะ
00:24:26 → 00:24:30 และอธิบายยากนิดนึงแต่ว่าคนที่เป็นคนที่
00:24:30 → 00:24:35 เป็นจะแบบเข้าใจภาวะ
00:24:35 → 00:24:38 อาจารย์ค่ะมีอันนึงค่ะ
00:24:38 → 00:24:41 คือไม่ทราบว่าแบบจะเกี่ยวกับอาจารย์ไหม
00:24:41 → 00:24:44 อันนี้เลยขออนุญาตลองถามดูก่อนนะคะถามว่า
00:24:44 → 00:24:46 ถ้าเกิดคนเป็น Stroke ไปแล้วอ่ะค่ะ
00:24:46 → 00:24:49 อาจารย์พอเวลานั้นภายหลังที่เกิดแบบสโต๊ค
00:24:49 → 00:24:53 ไปแล้วเท้าชอบกระตุกเวลานอนมีไหมคะคือหนู
00:24:53 → 00:24:55 ก็ไม่รู้ว่าเวลาเขาเป็นแบบยังมีอยู่ไหม
00:24:55 → 00:24:58 แต่ว่าถ้าโลกขาก็ตกตอนนอนน่ะหนูเคยเห็น
00:24:58 → 00:25:02 แต่ว่าถ้าแบบคนเป็นสโต๊คนี่ยังมียังมี
00:25:02 → 00:25:04 อาการหลงเหลืออยู่ไหมคะหนูก็เลยสอบถามเลย
00:25:04 → 00:25:07 หนูก็ไม่ทราบค่ะคือการเป็นโจ๊กไงคือการ
00:25:07 → 00:25:11 ที่สมองเนี่ยขาดเลือดแล้วทำให้กล้ามเนื้อ
00:25:11 → 00:25:15 ของแขนขาดชั่งตรงข้ามเนี่ยไม่มีแรงแล้วก็
00:25:15 → 00:25:19 เวลาที่ปืนกลับมาเนี่ยมันอาจจะไม่ได้กลับ
00:25:19 → 00:25:22 มา 100% คือตัดหรือสมองส่วนที่ควบคุม
00:25:22 → 00:25:25 กล้ามเนื้ออันนั้นจะทำงานไม่ได้ 100%
00:25:25 → 00:25:29 เนอะด้านที่ผิดปกติด้านนั้นน่ะมันจะมีการ
00:25:29 → 00:25:32 กล้าการกระตุกของกล้ามเนื้อเองได้
00:25:32 → 00:25:37 แต่เป็นกระตุกเป็นพักๆได้อันนี้ก็เอ่ออาจ
00:25:37 → 00:25:39 จะเป็นภาวะของกล้ามเนื้อที่มันกระตุกจริง
00:25:39 → 00:25:40 ๆได้
00:25:40 → 00:25:44 อันนี้ก็ต้องระวังนิดนึงว่ามันเป็นภาวะ
00:25:44 → 00:25:48 จากรูปแบบสมองหรือเปล่าเพราะว่าอาการ
00:25:48 → 00:25:51 กระตุกแบบนี้ส่วนใหญ่
00:25:51 → 00:25:55 เจ้าของเองจะไม่สามารถควบคุมมันได้มันจะ
00:25:55 → 00:25:59 เป็นแล้วมันก็มันก็จะอยู่ท่าอยู่ของมันก็
00:25:59 → 00:26:02 หยุดก็หยุดไม่ได้ต้องต้องลองหยุดเองอะไร
00:26:02 → 00:26:06 ประมาณนี้อันนี้เป็นภาวะของการของกระตุก
00:26:06 → 00:26:11 จริงๆไม่ใช่ไม่ใช่ภาวะของติ๊ก
00:26:11 → 00:26:14 ต้องขอขอบพระคุณอาจารย์มากนะคะแบบมาให้
00:26:14 → 00:26:17 ความรู้ในวันนี้นะคะเพราะว่าเรื่องโลกนี้
00:26:17 → 00:26:20 เหมือนบอกตรงๆเป็นโลกใหม่ไม่ค่อยได้ยิน
00:26:20 → 00:26:21 จริงๆค่ะ
00:26:21 → 00:26:24 แล้วรู้สึกว่ายังไม่คุ้นค่ะ
00:26:24 → 00:26:25 [เพลง]
00:26:26 → 00:26:29 แต่ว่าก็เลยแบบว่าเอออยากให้คุณผู้ฟังรู้
00:26:29 → 00:26:31 ว่าเออเนี่ยมันมีโรคแบบนี้เกิดขึ้นนะอะไร
00:26:31 → 00:26:34 อย่างเงี้ยนะคะเอาไว้แบบเป็นการสังเกตดู
00:26:34 → 00:26:37 นะคะน้องๆหนูๆลูกๆหลานๆละกันนะคะวันนี้
00:26:37 → 00:26:40 ต้องขอขอบพระคุณอาจารย์มากๆเลยนะคะ
00:26:40 → 00:26:43 ได้ค่ะขอบคุณค่ะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะสวัสดี
00:26:43 → 00:26:46 ค่ะ