ตับอักเสบเกิดจากสาเหตุใดบ้าง

[PODCAST] Food Choice | EP.17 - อาหารบำรุงตับ

จากช่อง : Mahidol Channel มหิดล แชนแนล


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:03 [เสียงดนตรี]

00:00:0300:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.

00:00:0600:00:08 Listen for a better life.

00:00:0800:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า

00:00:1100:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel

00:00:1400:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล

00:00:1600:00:22 [เสียงดนตรี]

00:00:2200:00:24 วันนี้คุณกินอะไร

00:00:2400:00:29 อาหารที่คุณกินจะส่งผลดี ส่งผลเสีย กับสุขภาพของคุณอย่างไร

00:00:2900:00:31 วันนี้หมอจะชวนทุกคนมาพูดคุย

00:00:3100:00:35 เกี่ยวกับรูปแบบของการกินอาหาร ที่ปลอดภัยกับสุขภาพของเรา

00:00:3500:00:40 กับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋

00:00:4000:00:42 แพทย์หญิงดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร

00:00:4200:00:46 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

00:00:4600:00:49 [เสียงดนตรี]

00:00:4900:00:52 วันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องของ อาหารบํารุงตับ

00:00:5300:00:55 ได้ยินกันมาบ่อยเลยใช่ไหมคะ อาหารบํารุงตับ

00:00:5500:00:57 หลาย ๆ คนก็กินยาเยอะ

00:00:5700:01:00 หลาย ๆ คนก็กลัว อาจจะเคยมีปัญหาสุขภาพ

00:01:0000:01:02 หรือไปตรวจร่างกายแล้วเจอว่า

00:01:0200:01:05 ตับอักเสบบ้างล่ะ ไขมันพอกตับบ้างล่ะ

00:01:0500:01:08 เอ๊ะ มันจะมีวิธีไหนไหม ที่จะทำให้ตับฉันดีขึ้น

00:01:0800:01:10 มีการขายคอร์ส มีการทำโน่นนี่นั่น

00:01:1100:01:13 ที่บอกว่าอันนี้เป็นอาหารบํารุงตับ หรือวิตามินบำรุงตับ

00:01:1400:01:16 มันดีจริงหรือเปล่า มันช่วยได้หรือเปล่า

00:01:1600:01:20 วันนี้เราจะมาคุยกันค่ะ ในเรื่องของอาหารบํารุงตับ

00:01:2000:01:21 ตับนะคะ หลายคนก็รู้จักเนอะ

00:01:2100:01:24 ถ้าไม่รู้จัก เราก็คงเคยกินกันเนอะ

00:01:2400:01:25 ตับมีหน้าที่อะไรในร่างกาย

00:01:2500:01:27 ตับมีความสำคัญมาก ๆ เลย

00:01:2700:01:30 อาหารที่เรากินเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต

00:01:3000:01:31 โปรตีน หรือไขมัน

00:01:3100:01:35 ทุกอย่างจะต้องมีการจัดการที่ตับ

00:01:3500:01:37 ตับจะเป็นเหมือนโรงงานขนาดใหญ่เลย

00:01:3700:01:41 อาหารเข้ามาปุ๊บ แล้วตับจะเป็นคนที่จะเอามาใช้

00:01:4100:01:44 เอามาใช้ไปเป็นพลังงาน เอามาเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาล

00:01:4400:01:46 เอามาเปลี่ยนไปเป็นไขมัน

00:01:4600:01:48 หรือว่าจะเปลี่ยนให้เป็นโปรตีน

00:01:4800:01:51 แล้วถ้าเกิดเกินจากนั้น เขาก็จะจัดสรรให้เอาไปเก็บ

00:01:5100:01:53 เพราะฉะนั้นการทำงานของตับ

00:01:5300:01:54 อันที่หนึ่ง ในเรื่องของอาหาร

00:01:5400:01:57 เขาจะมาจัดการกับอาหารเกือบทุกชนิดเลย

00:01:5700:02:00 รวมถึงวิตามิน แล้วก็แร่ธาตุบางอย่างด้วย

00:02:0000:02:05 อันที่สอง ตับมีหน้าที่คือ จัดการกับของเสียหรือสารพิษ

00:02:0500:02:09 เวลาที่เรากินอาหาร กินยา หรือกินอะไรเข้าไป แล้วมันมีของเสีย มีสารพิษเกิดขึ้นนี่

00:02:0900:02:12 สิ่งที่เกิดขึ้น ตับจะมีหน้าที่ทำให้สารพิษอันนั้น

00:02:1200:02:14 มันหมดสภาพหรือหมดฤทธิ์ไป

00:02:1400:02:17 ยาบางตัวกินเข้ามา อาจจะยังไม่ออกฤทธิ์

00:02:1700:02:19 มาผ่านตับ แล้วทำให้มันออกฤทธิ์

00:02:1900:02:23 ยาบางตัวออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว ตับมีหน้าที่ทำให้มันหมดฤทธิ์

00:02:2300:02:25 เพื่อจะให้มันหมดสภาพ

00:02:2500:02:27 แล้วไม่เกิดอันตรายกับร่างกาย แล้วเอาไปทิ้ง

00:02:2700:02:32 เพราะฉะนั้นหน้าที่ของตับนี่ คอยจัดการกับ เรื่องของสารพิษที่อยู่ในร่างกายด้วย

00:02:3200:02:38 นอกจากนี้ ตับยังมีหน้าที่คอยเสริมสร้างระบบ เรื่องของภูมิคุ้มกันในร่างกายด้วย

00:02:3800:02:39 เพราะฉะนั้น ถ้าตับไม่ดี

00:02:3900:02:44 สิ่งที่ตามมาก็คือ คน ๆ นั้นจะมีเรื่องของการติดเชื้อง่ายขึ้น

00:02:4400:02:48 อันถัดมา ตับมีหน้าที่จัดการกับน้ำดี

00:02:4800:02:50 เขาสร้างน้ำดีได้นะคะ

00:02:5000:02:55 ช่วยในร่างกายในเรื่องของการจัดการกับ วิตามินบางอย่าง โดยเฉพาะวิตามินดี

00:02:5500:02:56 ถ้าเกิดวิตามินดีเข้ามาปุ๊บ

00:02:5600:02:58 ตับจะมีหน้าที่เปลี่ยนวิตามินดี

00:02:5800:03:00 แล้วก็จะไปเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่งที่ไต

00:03:0000:03:03 เพื่อจะให้วิตามินดีอันนั้น ได้ออกฤทธิ์เต็มที่นะคะ

00:03:0300:03:06 จะเห็นว่าตับมีหน้าที่สำคัญมากมายในร่างกาย

00:03:0700:03:10 แล้วหลาย ๆ อย่างของตับคือ เขาทำได้คนเดียว

00:03:1000:03:11 ไม่มีตัวแทนเลย

00:03:1100:03:14 เพราะฉะนั้นนี่ เรามีตับอยู่แค่อันเดียวนะคะ

00:03:1400:03:16 รักษาตับนี้เอาไว้

00:03:1600:03:18 เพราะว่าถ้าเราใช้มันไปเยอะ ๆ

00:03:1800:03:21 เราใส่สารพิษเข้าไปเยอะ ๆ หรือเราไปทำร้ายตับเราเยอะ ๆ

00:03:2100:03:24 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ในอนาคต ตับเราก็จะแย่ลงไปเรื่อย ๆ

00:03:2500:03:26 แล้วเราไม่มีเปลี่ยนนะคะ

00:03:2600:03:28 ถ้าสมมุติมันพังไปมาก ๆ

00:03:2800:03:29 อย่างเดียวที่เราทำได้ก็คือ

00:03:2900:03:33 เราจะต้องรอให้มีการปลูกถ่ายอวัยวะ หรือว่าเปลี่ยนตับนั่นเองค่ะ

00:03:3300:03:36 ทีนี้ถ้าสมมติว่าเราฟังมาแล้วว่า ตับมีความสำคัญนะคะ

00:03:3700:03:42 แล้วตับนี่ มันใช้ไป หรือว่ามันทำงานไป แล้วมันพังไปเรื่อย ๆ หรือเปล่า

00:03:4200:03:45 ไม่เลย ในร่างกายเรามีการซ่อมแซมนะคะ

00:03:4500:03:47 ลองนึกภาพนะคะ เวลาที่เราเป็นแผลเห็นไหมคะ

00:03:4700:03:52 ร่างกายเราก็จะมีการซ่อมแซม มีแผล แล้วก็มีการซ่อม แล้วแผลก็หาย

00:03:5200:03:53 ตับเราก็เช่นกันค่ะ

00:03:5300:03:56 ร่างกายก็จะมีการซ่อมแซมอยู่ตลอดเวลานะคะ

00:03:5700:03:59 แต่แน่นอนค่ะ เมื่ออายุเรามากขึ้น

00:03:5900:04:04 คุณสมบัติในเรื่องของการซ่อมนี่ มันจะน้อยกว่า ซ่อมสร้างจะน้อย

00:04:0400:04:06 ถ้าเรายังคงถูกทำลายต่อเนื่อง

00:04:0600:04:09 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ การทำงานในภาพรวมของตับ

00:04:0900:04:12 ก็จะลดลงไปตามอายุได้เช่นกัน

00:04:1200:04:15 หลาย ๆ คนก็จะมีแพคเกจตรวจสุขภาพใช่ไหมคะ

00:04:1500:04:18 อาจจะซื้อแพคเกจตรวจสุขภาพตอนลดราคาก็ตาม

00:04:1800:04:20 หรือว่าที่ทำงานให้ตรวจสุขภาพก็ตาม

00:04:2000:04:22 เสร็จแล้วนี่ ผลตรวจสุขภาพจะกลับมา

00:04:2200:04:25 หลายคนเวลาที่ไปตรวจสุขภาพ ไม่ได้เจอคุณหมอ

00:04:2500:04:27 แต่จะมีผลตรวจสุขภาพกลับมา แล้วก็บอกว่า

00:04:2700:04:30 มีไขมันพอกตับบ้างล่ะ ตับอักเสบบ้างล่ะ หลายคนก็ตื่นเต้นตกใจ

00:04:3100:04:33 แล้วในนั้นก็จะเขียนว่า ให้ไปพบคุณหมอใกล้ ๆ

00:04:3300:04:34 อันที่หนึ่งก่อน

00:04:3400:04:37 เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีไขมันพอกตับ

00:04:3700:04:40 ส่วนใหญ่การที่จะรู้ว่ามีไขมันพอกตับนี่

00:04:4000:04:42 มันมักจะต้องตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวด์

00:04:4200:04:45 อันนี้เป็นการตรวจอย่างง่าย ไม่แพงนะคะ

00:04:4500:04:47 แล้วก็สามารถรู้ผลได้นะคะ

00:04:4700:04:52 โดยทั่วไปเขาก็จะดูว่า ตอนนี้มันมีลักษณะ ที่สงสัยว่าจะเป็นไขมันพอกตับ

00:04:5200:04:53 เขาก็จะบอกมา

00:04:5300:04:56 อันที่สองค่ะ จะพูดว่ามีตับอักเสบ

00:04:5600:04:59 เวลาที่จะพูดว่ามีตับอักเสบนี่ ส่วนใหญ่จะโดนเจาะเลือด

00:04:5900:05:03 ถ้าเจาะเลือดเสร็จปุ๊บนี่ จะมีค่าการอักเสบของตับที่สูงขึ้น

00:05:0400:05:06 เขาก็จะบอกว่าตอนนี้มีตับอักเสบนะ

00:05:0600:05:10 ทีนี้ถามว่าแล้วมันต่างกันอย่างไร มันจะรู้ได้อย่างไร มันจะอันตรายไหม

00:05:1100:05:14 หลักการมีแค่นี้นะคะ อันแรกก็คือว่าในเซลล์ตับนี่

00:05:1400:05:18 ให้เรามองภาพว่า เซลล์ 1 เซลล์นี่มันเหมือนถุง ซึ่งปิดสนิท

00:05:1800:05:21 สารที่อยู่ข้างในถุงนี่ มีน้ำอยู่นี่

00:05:2100:05:23 อันนี้ก็คือเอนไซม์ที่อยู่ในตับ

00:05:2300:05:26 ถ้าสมมุติว่า ถุงมันแตกหรือถุงมันรั่ว

00:05:2600:05:30 สารที่มันอยู่ข้างในนี่ มันก็จะรั่วออกมาจากนอกเซลล์ตับนึกออกไหมคะ

00:05:3000:05:32 แล้วมันก็จะปนอยู่ในเลือด

00:05:3200:05:33 เวลาเราเจาะเลือดปั๊บ

00:05:3300:05:39 เราเห็นสารตัวนี้มันสูงขึ้น เราก็บอกว่า ต้องมีปัญหากับเซลล์ตับแน่ ๆ แล้ว

00:05:3900:05:42 อันนี้คุณหมอจะพูดคำว่า ตับอักเสบ

00:05:4200:05:46 ทีนี้ถ้าเกิดว่ามันมีการบาดเจ็บ หรือมีอะไรเกิดขึ้นกับเซลล์ตับ

00:05:4600:05:48 ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด

00:05:4800:05:50 เราก็เรียกว่าตับอักเสบ

00:05:5000:05:51 ยกตัวอย่างเช่น

00:05:5100:05:53 กินเหล้าเยอะ ๆ เห็นไหมคะ

00:05:5300:05:55 ก็จะมีสารพิษเข้ามา ตับจัดการไม่ได้

00:05:5500:05:57 ตอนนี้ตับได้รับการบาดเจ็บ

00:05:5700:06:00 เพราะว่าได้รับตัวแอลกอฮอล์เยอะขึ้นใช่ไหมคะ

00:06:0000:06:01 อันนี้ก็จะทำให้เกิดตับอักเสบ

00:06:0100:06:04 คนไข้กินยาบางอย่างมากเกินไป

00:06:0400:06:06 หรือยาตัวนี้มันทำอันตรายกับตับ

00:06:0600:06:09 ยาตัวนี้มันจะไปออกฤทธิ์ที่ตับ

00:06:0900:06:11 ก็จะทำให้ตับอักเสบได้

00:06:1100:06:15 หรือมีการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นโควิด ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสใด ๆ

00:06:1600:06:18 หรือแม้กระทั่งพวกของไวรัสตับอักเสบ

00:06:1800:06:20 พวกนี้ก็จะทำให้ตับอักเสบได้เหมือนกัน

00:06:2000:06:24 จะเห็นว่าเวลาที่เราเจาะเลือด แล้วเจอว่ามีค่าตับอักเสบ

00:06:2400:06:27 อันนี้มันเกิดได้จากหลายสาเหตุมาก ๆ เลย

00:06:2800:06:31 วิธีการหนึ่งเวลาที่คุณหมอเห็น คุณหมอก็จะต้องไปหาสาเหตุก่อนว่า

00:06:3100:06:34 อันนี้มันเกิดจากอะไรได้บ้าง ก็ซักประวัติ

00:06:3400:06:36 กินเหล้าไหม กินยาไหม

00:06:3600:06:40 หรือว่ามันมีอาการอย่างอื่นใดหรือเปล่า ที่จะสนับสนุน

00:06:4000:06:42 แล้วถึงจะมาเป็นข้อสรุปว่า

00:06:4200:06:45 ตับอักเสบอันนี้เกิดจากอะไร

00:06:4500:06:46 อันที่สาม

00:06:4600:06:50 เวลาทำอัลตราซาวด์ บางทีนอกเหนือจาก เราเห็นว่ามีไขมันพอกตับแล้วนี่

00:06:5000:06:55 บางคน ในอัลตราซาวด์อาจจะบอกได้เลย ว่าตอนนี้เรามีตับแข็งแล้วหรือยัง

00:06:5500:06:57 บางทีผลอัลตราซาวด์ออกมาปุ๊บ บอกว่าตับแข็ง

00:06:5700:07:01 คนไข้ตื่นเต้นตกใจ แย่แล้ว ฉันแย่แน่ ๆ แล้ว ฉันจะตายแล้วอะไรอย่างนี้

00:07:0100:07:06 มันจะมีลักษณะหน้าตาบางอย่างของตับ ที่จะทำให้รู้สึกว่า

00:07:0600:07:09 อันนี้มันมีความผิดปกติที่เป็นมานานแล้ว

00:07:0900:07:11 แล้วทำให้เกิดพังผืดเกิดขึ้น

00:07:1200:07:15 อันนี้ก็เลยเรียกว่าเป็นตับแข็งนะคะ

00:07:1500:07:17 ซึ่งอันนี้จะมองเห็นได้จากตัวอัลตราซาวด์

00:07:1700:07:21 ในปัจจุบันนะคะ โรคตับที่ได้ยินบ่อย ๆ หรือว่าเป็นโรคยอดฮิต

00:07:2100:07:23 เริ่มต้นจากไขมันพอกตับก่อน

00:07:2300:07:25 อันนี้บอกเลยว่าไม่มีอาการค่ะ

00:07:2500:07:28 อย่าถามว่ามีอาการอะไร ไม่มีเลย

00:07:2800:07:31 มีข้อสังเกตว่า คนอ้วนมีความเสี่ยงที่จะเกิดไขมันพอกตับ

00:07:3100:07:33 โดยเฉพาะกลุ่มที่อ้วนลงพุง

00:07:3300:07:38 อันที่สองค่ะ ถ้าเกิดอ้วนมากขึ้น หรือไขมันพอกตับมากขึ้น

00:07:3800:07:40 มันก็จะทำให้เกิดเรื่องของตับอักเสบ

00:07:4100:07:44 อันนี้อาจจะยังไม่มีอาการ แต่ตรวจได้จากในเลือด

00:07:4500:07:48 จะเห็นว่ามีค่าการอักเสบของตับสูงขึ้น

00:07:4800:07:51 เวลาที่เราจะบอกว่าเป็นไขมันพอกตับ แล้วทำให้เกิดตับอักเสบนี่

00:07:5100:07:53 มันจะต้องไม่มีสาเหตุอื่นนะคะ

00:07:5300:07:57 เช่น ไม่ได้ดื่มเหล้าเลย ไม่ได้มียาสมุนไพร

00:07:5700:07:58 ไม่ได้มีสารพิษใด ๆ

00:07:5800:08:02 ไม่ได้มียาอะไรที่ทำให้ร่างกายเรา มีเรื่องของการอักเสบเกิดขึ้น

00:08:0200:08:06 ระยะที่สามค่ะ เมื่อการอักเสบเกิดขึ้นซ้ำ ๆ

00:08:0600:08:08 สิ่งที่ตามมาก็จะเป็นพังผืด

00:08:0900:08:11 อันนี้ก็จะเริ่มเป็นตับแข็ง

00:08:1100:08:16 ทีนี้ลองนึกภาพนะคะว่าเซลล์ตับนี่ จากตอนแรกเหมือนตับทั้งก้อนปกติ

00:08:1600:08:19 แต่ถ้ามันมีพังผืดเป็นจุด ๆ หลาย ๆ ที่

00:08:1900:08:22 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ผิวที่ตับ

00:08:2200:08:25 มันก็จะเริ่มไม่เรียบแล้ว จะเริ่มมีความขรุขระแล้ว

00:08:2500:08:27 ตับจะเริ่มเหี่ยวเล็กลงแล้ว

00:08:2700:08:30 อันนี้ค่ะ เวลาที่เราตรวจอัลตราซาวด์ เราถึงจะมองเห็น

00:08:3000:08:32 ถ้าถึงจุดที่มีตับแข็งแล้วนี่

00:08:3300:08:37 โดยทั่วไป ถ้าตับแข็งเป็นมากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ

00:08:3700:08:41 จนกระทั่งการทำงานของตับในภาพรวมลดลง

00:08:4100:08:42 อันนี้จะเริ่มมีอาการแล้ว

00:08:4300:08:47 นอกจากนี้ เวลาที่เป็นพังผืด ถ้ามันเกิดซ้ำ ๆ

00:08:4700:08:48 แล้วมันเป็นต่อเนื่อง

00:08:4800:08:51 มันมีโอกาสที่เซลล์พวกนี้จะเปลี่ยนแปลงไป

00:08:5100:08:53 แล้วกลายไปเป็นมะเร็งได้

00:08:5300:08:57 ประมาณ 10% ของคนไข้ที่ตับแข็ง อาจจะเปลี่ยนไปเป็นมะเร็งตับได้

00:08:5700:09:02 [เสียงดนตรี]

00:09:0200:09:06 สำหรับในกรณีของคนไข้ที่กำลังสงสัยว่า ตัวเองจะเป็นโรคตับ

00:09:0600:09:08 หรือไปตรวจสุขภาพแล้วเจอความผิดปกติ

00:09:0800:09:10 แล้วถามว่า แล้วจะทำอย่างไร

00:09:1000:09:13 ข้อแรกเลยก็คือ เราต้องดูก่อนว่าสาเหตุคืออะไร

00:09:1300:09:17 ถ้าสาเหตุอันนั้นเราแก้ไขได้ เราก็จะไปจัดการ

00:09:1700:09:19 เพราะฉะนั้น คุณหมอจะซักประวัติค่อนข้างเยอะนิดนึง

00:09:1900:09:21 เพื่อจะดูว่ามันมีอะไรหรือเปล่า

00:09:2100:09:25 บางอย่างที่แก้ไขได้ แล้วจัดการไป ที่บอกไปตอนต้น

00:09:2500:09:27 เช่น บางคนถ้าหากว่ายังไม่เคยฉีดวัคซีน

00:09:2700:09:29 ก็อาจจะให้ฉีดวัคซีนใช่ไหมคะ

00:09:2900:09:33 ถ้าเกิดว่ามีปัญหาว่าตอนนี้กินยาเยอะเกินไป

00:09:3300:09:36 หรือว่ายาตัวนี้มันมีปัญหากับตับ ก็จะให้หยุดยา

00:09:3600:09:39 แอลกอฮอล์ก็จะให้หยุดเหล้า อันนี้เป็นต้น

00:09:3900:09:42 ทีนี้ที่เจอบ่อย ๆ เลยก็คือ อ้วน แล้วก็ไขมันพอกตับ

00:09:4200:09:45 ต้องบอกอย่างนี้นะคะ เวลาที่เราจะลดน้ำหนักนี่

00:09:4500:09:49 ในกรณีของไขมันพอกตับนี่ เราขอประมาณสัก 10%

00:09:4900:09:52 แต่ถ้าเกิดว่าตับอักเสบนี่ แค่ประมาณ 5% นี่

00:09:5200:09:55 น้ำหนักลดลง ค่าการอักเสบของตับก็จะลดลงแล้วค่ะ

00:09:5600:09:59 แต่ถ้าจะทำให้ไขมันพอกตับมันลดลงชัดเจนนี่

00:09:5900:10:01 เราต้องขอลดน้ำหนักอย่างน้อย 10%

00:10:0100:10:05 ถ้าในกรณีที่เป็นตับแข็งแล้ว หรือว่ามีพังผืดแล้วนี่

00:10:0500:10:07 มันจะเปลี่ยนได้ไหม ในอดีตเราเชื่อว่ามันเปลี่ยนไม่ได้

00:10:0700:10:13 แต่ปัจจุบัน เราเห็นว่าการลดน้ำหนัก หรือว่าการทำให้ตับเราดีขึ้นนี่

00:10:1300:10:15 พังผืดมันก็อาจจะเปลี่ยน แล้วก็ลดลงได้

00:10:1500:10:18 เพราะฉะนั้น ยังไงนี่ ในทุก ๆ ระยะนี่

00:10:1800:10:22 เราก็ยังแนะนำนะคะ ถ้าสมมุติว่าอ้วน เราก็ยังแนะนำให้ลดน้ำหนัก

00:10:2200:10:25 นอกจากนี้ เรื่องของตัวสูบบุหรี่

00:10:2500:10:28 หลายคนจะบอกว่า สูบบุหรี่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับตับโดยตรง

00:10:2800:10:30 แต่ว่าในแง่ของการสูบบุหรี่

00:10:3000:10:31 สารพิษที่เกิดขึ้นนี่

00:10:3100:10:34 มันจะทำให้เรื่องของเส้นเลือดทำงานได้ไม่ดี

00:10:3400:10:36 เพราะฉะนั้น เส้นเลือดเราแย่อยู่แล้วเนอะ

00:10:3600:10:38 เราก็จะไม่ให้สูบบุหรี่ด้วย

00:10:3800:10:40 อีกอันหนึ่งค่ะ ก็คือเรื่องของน้ำตาล

00:10:4000:10:44 โดยเฉพาะพวกน้ำหวาน หรือว่าเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลอยู่

00:10:4400:10:46 พวกนี้เวลาเรากินเข้าไปปุ๊บนี่

00:10:4600:10:48 พลังงานทั้งหมดมันจะเข้าไปที่ตับ

00:10:4800:10:52 แล้วมันก็จะสะสมง่าย ทำให้เกิดไขมันพอกตับได้อย่างรวดเร็ว

00:10:5200:10:56 เพราะฉะนั้นถ้าเราตัดพวกน้ำหวาน หรือตัดพวกเครื่องดื่มพวกนี้นี่

00:10:5600:10:58 น้ำหนักก็จะลดได้ค่อนข้างดี

00:10:5800:11:00 แล้วทีนี้ในส่วนของอาหารหลาย ๆ อัน

00:11:0000:11:03 ก็อย่างเช่นอาหารพวกที่เป็นพวกของปิ้งย่าง

00:11:0300:11:06 อาหารที่มีการปนเปื้อนเชื้อรานะคะ

00:11:0600:11:07 อาหารปิ้งย่างเกี่ยวอย่างไร

00:11:0700:11:11 อาหารปิ้งย่าง ถ้าสมมุติว่า มันมีพวกของเนื้อที่มันดำ ๆ ไหม้ ๆ

00:11:1100:11:14 พวกนี้มันก็จะมีพวกของไฮโดรคาร์บอน หรือสารก่อมะเร็ง

00:11:1400:11:16 อันนี้เราก็ไม่อยากได้

00:11:1600:11:18 พวกไขมันปริมาณมากหรือไขมันสูง ๆ

00:11:1800:11:21 โดยเฉพาะเป็นกลุ่มของไขมันอิ่มตัว อันนี้เราก็ไม่ชอบ

00:11:2100:11:25 เพราะว่ามันก็จะยิ่งทำให้ มีการทำร้ายตับมากขึ้น

00:11:2500:11:28 การทำให้เกิดไขมันพอกตับเยอะขึ้น

00:11:2800:11:31 เพราะฉะนั้นโดยทั่วไปก็คือ ลดในส่วนของไขมันอิ่มตัว

00:11:3100:11:34 ลดอาหารปิ้งย่าง เพื่อจะช่วยลดเรื่องของไฮโดรคาร์บอน

00:11:3400:11:39 ลดพวกของสารพิษท็อกซินทั้งหลาย พวกถั่วขึ้นราหรืออะไรอย่างนี้

00:11:3900:11:41 ลดอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ใช่ไหมคะ

00:11:4100:11:44 เพื่อจะให้ลดความเสี่ยง ในเรื่องของพยาธิบางชนิด

00:11:4400:11:47 แล้วก็ลดพวกของน้ำตาลโดยเฉพาะพวกน้ำหวาน

00:11:4700:11:51 จะได้ทำให้ไม่มีเรื่องของน้ำตาลไปสะสม หรือไปพอกที่ตับ

00:11:5100:11:54 อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยดึงเอาไขมันที่ตับ ออกไปใช้ได้

00:11:5400:11:56 ก็คือการออกกำลังกาย

00:11:5600:12:00 หลายครั้งค่ะ การออกกำลังกาย ต่อให้น้ำหนักไม่ลดลง

00:12:0000:12:02 แต่ไขมันพอกตับก็จะลดลงได้

00:12:0200:12:06 เพราะว่าจะเป็นการดึงเอาไขมันที่อยู่ในตับนี่ ออกมาใช้

00:12:0600:12:09 ฟังดูทั้งหมด บอกห้ามโน่นห้ามนี่มากมาย

00:12:0900:12:12 เอ๊ะ มันมีไหมอาหารหรือวิตามิน ที่ช่วยบำรุงตับ

00:12:1200:12:15 หลักการง่าย ๆ ก่อน อันแรกเลยก็คือ

00:12:1500:12:18 ถ้าเรารู้ว่าตับเราอยู่กับเราได้อย่างยาวนาน

00:12:1800:12:20 ตับของเรามีการซ่อมแซมตัวเองได้

00:12:2100:12:22 หลักการข้อแรกเลยค่ะ

00:12:2200:12:25 ห้ามใส่อะไรที่มันจะไปทำร้ายตับ

00:12:2600:12:29 ในกรณีของยา คุยกับคุณหมอที่ดูแล

00:12:2900:12:32 ว่ายาตัวนี้มันจำเป็นมากไหมนะคะ

00:12:3200:12:33 ถ้ายามันจำเป็น

00:12:3300:12:37 แล้วมีโอกาส ใช้คำนี้นะ มีโอกาส ที่อาจจะทำให้มีปัญหากับตับ

00:12:3700:12:40 สิ่งที่คุณหมอเขาจะทำก็คือ เขาจะติดตามค่ะ

00:12:4000:12:43 มอนิเตอร์หรือว่าเจาะเลือดดูเป็นระยะ

00:12:4300:12:46 ว่าค่าตับเรามีการอักเสบหรือเปล่า มีอะไรหรือเปล่า

00:12:4600:12:50 ในขณะเดียวกัน ถ้ามันจำเป็นต้องใช้ เราก็ต้องไปลดความเสี่ยงอื่น ๆ

00:12:5000:12:52 ที่มันอาจจะทำให้ตับเราแย่ เช่น

00:12:5200:12:54 เราจำเป็นต้องกินยาตัวนี้

00:12:5400:12:56 เพราะว่ารักษาโรคเรา

00:12:5600:12:58 แต่เราก็ไม่ควรจะไปดื่มเหล้า

00:12:5800:13:00 เราก็ไม่ควรจะทำให้เราอ้วน

00:13:0000:13:01 เพื่อที่จะทำให้ตับเราแย่ลงไปอีก

00:13:0100:13:03 อันนี้นึกภาพออกใช่ไหมคะ

00:13:0300:13:06 แล้วทีนี้ในแง่ของอาหารที่จะช่วยนี่

00:13:0600:13:11 โดยหลัก ๆ จะเป็นอาหารกลุ่มที่มี เรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระ

00:13:1100:13:13 เพราะเวลาที่มันมีการบาดเจ็บ

00:13:1300:13:16 หรือเวลาที่มันมีการทำร้ายตับ

00:13:1600:13:18 ตรงนั้นนี่ อนุมูลอิสระมันจะเยอะขึ้น

00:13:1800:13:20 เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะแนะนำก็คือ

00:13:2000:13:22 อาหารที่มันมีวิตามินเกลือแร่เพียงพอ

00:13:2200:13:27 แล้วก็จะเสริมในกลุ่มที่จะเป็นเรื่องของ แอนติออกซิแดนท์หรือสารต้านอนุมูลอิสระ

00:13:2700:13:29 อันแรกเลยก็จะมีคนพูดถึงกาแฟ

00:13:2900:13:33 กาแฟเองนี่ ก็มีรายงานเหมือนกันว่า ช่วยในเรื่องของไขมันพอกตับ

00:13:3400:13:39 แต่เราพูดถึงกาแฟ เราไม่ได้พูดถึงกาแฟใส่นมหรือใส่น้ำตาล

00:13:3900:13:42 เพราะฉะนั้นอันนี้ที่แนะนำคือเป็นกาแฟดำ

00:13:4200:13:44 ไม่ใช่กาแฟที่เติมน้ำตาล

00:13:4400:13:46 เพราะว่ากาแฟที่เติมน้ำตาล

00:13:4600:13:49 หรือว่าเป็นเครื่องดื่มที่ใส่นมข้น หรืออะไรพวกนี้ค่ะ

00:13:4900:13:50 แคลอรีมันจะเยอะ

00:13:5000:13:54 อันนี้จะยิ่งไปทำให้ไขมันพอกตับเป็นมากขึ้น

00:13:5400:13:57 ชากาแฟก็จะมีทั้งกาเฟอีน แล้วก็จะมีแอนติออกซิแดนท์บางตัว

00:13:5700:13:59 เพราะฉะนั้นชากาแฟนี่ไปด้วยกันได้เลย

00:14:0000:14:04 ตัวที่สองก็จะเป็น กลุ่มที่เป็นพืชหรือว่าผักผลไม้ก็แล้วแต่

00:14:0400:14:07 พวกนี้จะมีอะไรบ้าง มีวิตามินเอค่ะ

00:14:0700:14:10 ในคนไข้โรคตับ ต้องบอกว่าวิตามินเอนี่

00:14:1000:14:12 เราจะสะสมและเก็บเอาไว้ที่ตับ

00:14:1200:14:15 ถ้าเมื่อไหร่ตับเราแย่ลง เซลล์ตับเราพัง

00:14:1500:14:18 สิ่งที่เกิดขึ้นคือวิตามินเอเราจะดรอปลงด้วย

00:14:1800:14:22 เพราะฉะนั้นเขาอาจจะให้เรากิน พวกที่มันมีวิตามินเอเยอะขึ้น

00:14:2200:14:25 มีแอนติออกซิแดนท์เยอะขึ้น แคร์รอตอย่างนี้ใช้ได้

00:14:2500:14:28 หรือว่าจะเป็นพวกของบรอกโคลี

00:14:2900:14:31 กะหล่ำปลี องุ่น เมล็ดองุ่นนะคะ

00:14:3100:14:36 พวกนี้จะช่วยในเรื่องของ การให้สารที่มีเรื่องของแอนติออกซิแดนท์

00:14:3600:14:39 แล้วบางตัวจะไปเพิ่มตัวที่เราเรียกว่า กลูตาไธโอน

00:14:3900:14:41 กลูตาไธโอน เมื่อกี๊เราได้ยินแล้ว

00:14:4100:14:45 เอ๊ะ ตัวนี้ทำให้มันผิวขาวใช่ไหม มันดีหรืออะไรอย่างนี้

00:14:4500:14:49 จริง ๆ แล้วตัวนี้ จะเป็นสารตัวหนึ่งที่เราเอาไว้ใช้

00:14:4900:14:53 เวลาที่คนไข้รับประทานยา ที่เราเรียกว่าพาราเซตามอล

00:14:5400:14:55 มากจนเกินขนาด

00:14:5500:14:57 โดยทั่วไปเวลาที่เรากินพาราเซตามอลนี่

00:14:5700:15:00 พาราเซตามอลจะถูกทำลายที่ตับ

00:15:0000:15:02 ถ้าพาราเซตามอล เรากินโดสเยอะเกินไป

00:15:0200:15:04 แล้วตับเราทำลายไม่ทัน

00:15:0400:15:07 สิ่งที่เกิดขึ้น มันก็จะทำให้ตับมีการบาดเจ็บ

00:15:0700:15:09 แล้วถ้ามันเยอะเกินไป

00:15:0900:15:12 หลังจากนั้นนี่ มันอาจจะทำให้เกิด ภาวะที่เราเรียกว่าตับวายได้

00:15:1200:15:15 ในช่วงต้น ถ้ามาเร็ว มาทัน แล้วยามันเยอะนี่

00:15:1500:15:20 เราจะมียาตัวหนึ่งซึ่งจะไปทำให้ ฤทธิ์ของยาพวกนี้มันหมดฤทธิ์

00:15:2000:15:21 แล้วก็ช่วยป้องกันตับนะคะ

00:15:2100:15:23 ก็จะเป็นกลุ่มของกลูตาไธโอน

00:15:2300:15:27 เพราะฉะนั้น เวลาที่เราไปกินอาหาร ที่มันมีพวกของกลูตาไธโอนเยอะขึ้น

00:15:2700:15:31 มันก็อาจจะช่วยซ่อมแซม หรือว่าช่วยบำรุงตับได้เช่นกัน

00:15:3100:15:33 ยกตัวอย่างเช่นกินกะหล่ำปลีพวกนี้

00:15:3300:15:35 หรือว่าอาจจะเป็นพวกของบรอกโคลี

00:15:3500:15:37 บรอกโคลีก็จะมีแอนติออกซิแดนท์ค่อนข้างเยอะ

00:15:3700:15:41 อีกตัวหนึ่งที่มาด้วยกัน เวลาที่เราดูผลไม้ เราจะเห็นตลอดเวลา

00:15:4100:15:42 ก็คือกลุ่มที่เป็นเบอร์รี

00:15:4200:15:45 เบอร์รี นอกจากจะมีพวกของ แอนติออกซิแดนท์แล้วนี่

00:15:4500:15:48 ก็จะมีพวกที่เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ

00:15:4800:15:50 ซึ่งพวกนี้ก็จะช่วยในเรื่องของ เป็นแอนติออกซิแดนท์

00:15:5000:15:53 แล้วก็ช่วยในเรื่องของการทำงานที่ตับ

00:15:5300:15:57 แล้วก็ช่วยในส่วนที่จะ ลดการบาดเจ็บที่ตับได้ด้วย

00:15:5700:16:00 ในส่วนของการเลือก ถ้าเป็นน้ำมัน

00:16:0000:16:05 เมื่อกี้เราบอกแล้วว่า น้ำมันไขมันอิ่มตัว หรือว่าน้ำมันที่มันเป็นไขเป็นก้อนเราไม่ชอบ

00:16:0500:16:09 เราก็มาเลือกน้ำมันที่ไม่อิ่มตัว หรือว่าเป็นกลุ่มของน้ำมันมะกอก

00:16:0900:16:11 ช่วยลดเรื่องของความดื้ออินซูลินนะคะ

00:16:1100:16:14 อันนี้ก็จะช่วยทำให้ตับทำงานได้ดีขึ้น

00:16:1500:16:18 เลือกคาร์โบไฮเดรตที่เป็นพวกของถั่ว ธัญพืช

00:16:1800:16:20 แต่ต้องระวังนิดนึงถ้าจะใช้ถั่ว

00:16:2000:16:22 ควรจะกินถั่วที่ใหม่ ๆ นะคะ

00:16:2200:16:24 อาจจะคั่วหรืออบเอง

00:16:2400:16:29 ที่ไม่ได้เป็นถั่วบดซึ่งเรามองไม่ออกเลย ว่ามันจะมีเชื้อราปนอยู่หรือเปล่า

00:16:2900:16:31 ถ้ามีเชื้อรา ไม่ต้องเสียดาย ทิ้งไปเลย

00:16:3100:16:35 พวกถั่วพวกนี้ควรจะกิน ซื้อมาปริมาณน้อย ๆ แล้วก็อบกินทีละนิดเดียว

00:16:3500:16:40 เพราะว่า ถือว่าเป็นสารที่มีน้ำมันค่อนข้างเยอะ

00:16:4000:16:43 ทิ้งเอาไว้แล้ว มันจะเกิดภาวะหืนได้ค่อนข้างง่าย

00:16:4300:16:46 บางทีเราเก็บถั่วไว้สักพักนึง เราจะรู้สึกว่ามันมีกลิ่นแล้ว มันหืนแล้ว

00:16:4600:16:50 อันนี้ก็คือกรดไขมันที่มีอยู่ในถั่ว ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ

00:16:5000:16:52 อันนี้ถ้าสมมุติว่าจะแก้ไข

00:16:5200:16:54 อันแรกลองไปอบซ้ำดูอีกทีหนึ่งเพื่อไล่อากาศ

00:16:5500:16:56 ถ้ามันช่วยไม่ได้ ก็ทิ้งไปเถอะค่ะ

00:16:5600:16:58 แล้วก็สุดท้ายค่ะ

00:16:5800:16:59 เราจะไปลดการอักเสบได้อย่างไร

00:16:5900:17:05 ก็จะเป็นพวกของโอเมกา 3 ซึ่งมีอยู่ในปลาที่มีน้ำมันเยอะ ๆ

00:17:0500:17:07 ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นปลาทะเลน้ำลึก

00:17:0700:17:10 ปลาน้ำจืดบ้านเราก็ถือว่ามีโอเมกา 3 หรือว่ามี Fish oil

00:17:1000:17:12 เรากินพวกนี้ได้

00:17:1200:17:17 ถามว่าปริมาณที่ควรกิน ก็ประมาณ 1 ฝ่ามือ อาจจะบวกไปอีกสักข้อนิ้วนึง

00:17:1700:17:19 อันนี้เรากินสักประมาณอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

00:17:1900:17:23 อันนี้ก็จะช่วยทำให้เราได้รับ พวกของ Fish oil เพียงพอค่ะ

00:17:2300:17:27 [เสียงดนตรี]

00:17:2800:17:30 อันสุดท้ายที่เราจะคุยกันก็คือ

00:17:3000:17:32 เราจะเห็นโดยภาพรวมในอินเทอร์เน็ต

00:17:3200:17:35 หรือว่าคำบอกกล่าว ไม่ว่าจะส่งต่อมาใน LINE หรืออะไรก็ตาม

00:17:3600:17:37 คำโฆษณาชวนเชื่อบอกว่า

00:17:3700:17:40 วิตามินอันนี้เป็นวิตามินบำรุงตับ ทั้งแบบที่ฉีดและแบบที่กิน

00:17:4000:17:42 เหมือนที่บอกเมื่อสักครู่ค่ะ

00:17:4200:17:45 อันนึงเลยที่อาจจะต้องระวังก็คือ

00:17:4500:17:50 การฉีดวิตามิน มันก็จะทำให้เราได้รับวิตามิน ในปริมาณที่ค่อนข้างสูง

00:17:5000:17:51 ถ้าเราไปดู

00:17:5100:17:54 แล้วเราสามารถที่จะมีความรู้ หรือขอเขาดูได้ว่า

00:17:5400:17:56 วิตามินที่จะฉีดนี้คืออะไรนะคะ

00:17:5600:18:01 ส่วนใหญ่ที่เขาจะผสมให้ก็คือวิตามินซี วิตามินอี ซึ่งอันนี้จะเป็นอะไรคะ

00:18:0100:18:04 มีคุณสมบัติเป็นแอนติออกซิแดนท์ หรือว่าสารต้านอนุมูลอิสระ

00:18:0400:18:05 อาจจะเพิ่มวิตามินบี

00:18:0600:18:11 เพราะว่าวิตามินบีเป็นตัวช่วยที่สำคัญ ในแง่ของการเผาผลาญสารอาหารทั้งหลาย

00:18:1200:18:16 ซึ่งเมื่อกี้บอกไปแล้วว่าตับมีหน้าที่หลัก ในการจัดการเรื่องของสารอาหารใช่ไหมคะ

00:18:1600:18:19 อีกตัวหนึ่งอาจจะเพิ่ม ในตัวของกลูตาไธโอนเข้าไป

00:18:1900:18:23 หรือว่าใส่อะมิโนแอซิด หรือใส่เพปไทด์บางอย่างเข้าไป

00:18:2300:18:26 อันนี้ก็จะบอกว่า แล้วมาเคลมว่าอันนี้จะช่วยเรื่องตับ

00:18:2700:18:30 อันหนึ่งเลยคือวิตามินเอ ระวังนะคะ

00:18:3000:18:32 ในกรณีของวิตามินเอเองนี่

00:18:3200:18:35 จริง ๆ แล้วในคนไข้โรคตับ วิตามินเออาจจะต่ำ

00:18:3500:18:37 เพราะฉะนั้นเติมวิตามินเอได้

00:18:3700:18:41 แต่ในบางรายที่กินวิตามินเอในโดสที่เยอะ ๆ หรือเมกะโดสนี่นะคะ

00:18:4200:18:45 สิ่งที่เกิดขึ้นเขาเรียกว่า ภาวะเป็นพิษจากวิตามินเอหรือกินมากเกินไป

00:18:4500:18:48 สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือจะทำให้ตับอักเสบได้

00:18:4800:18:50 อาจจะทำให้เกิดพังผืดที่ตับได้

00:18:5000:18:55 เพราะฉะนั้น จริง ๆ แล้วนี่ วิตามินเอในโดสต่ำ ๆ หรือวิตามินเอที่ขาด

00:18:5600:18:58 อันนี้ก็จะเกิดในคนไข้โรคตับได้

00:18:5800:19:00 แต่ว่าวิตามินเอที่เยอะจนเกินไป

00:19:0000:19:02 ก็ทำร้ายตับได้เหมือนกัน

00:19:0200:19:06 เพราะฉะนั้นวิตามินเอจะใช้นี่ อาจจะต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง

00:19:0700:19:09 ถามว่าปริมาณเท่าไหร่ อาจจะตอบยากนิดนึง

00:19:0900:19:12 แต่ว่าในคำแนะนำ เราจะบอกว่าวิตามินเอนี่

00:19:1200:19:15 ควรใช้ไม่เกินประมาณ 5000 IU

00:19:1500:19:18 แต่ถ้าใครที่เจาะเลือดแล้วบอกว่าวิตามินเอต่ำ

00:19:1800:19:20 อันนี้คุณหมอจะสั่งการรักษา คือจะให้มากกว่านั้น

00:19:2000:19:23 เพราะฉะนั้น จริง ๆ ถ้าเป็นคนทั่วไป

00:19:2300:19:27 ไม่ได้แนะนำว่า จะต้องไปเสริมวิตามินเอทีละเยอะ ๆ

00:19:2700:19:28 เพราะอาจจะมีอันตราย

00:19:2800:19:31 ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือคนไข้ที่รักษาสิว

00:19:3100:19:32 ใครเคยรักษาสิวบ้าง

00:19:3200:19:36 ก็จะมียาที่จะให้กินเพื่อรักษาสิว

00:19:3600:19:37 ที่จะทำให้หน้ามันแห้ง ๆ หน่อย

00:19:3700:19:39 กินแล้วปากจะแห้ง ๆ หน่อย

00:19:3900:19:42 กลุ่มนี้จะเป็น…เขาเรียกว่าเป็น อนุพันธ์ของวิตามินเอ

00:19:4200:19:43 กินมากเกินไป

00:19:4300:19:47 บางทีคุณหมอจะต้องตรวจเรื่องของ ระดับค่าตับเป็นระยะ ๆ

00:19:4700:19:50 เพราะว่าตัวนี้อาจจะมีผลกับตับได้

00:19:5000:19:55 ดังนั้น วิตามินเอหรือว่าวิตามินทั่ว ๆ ไป ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัย 100%

00:19:5500:19:59 การกินวิตามินหรือว่าการฉีดวิตามิน ในปริมาณที่มากเกินไป

00:19:5900:20:01 ก็อาจจะเกิดผลเสียได้

00:20:0100:20:05 แล้วอวัยวะที่จะรับผลกระทบในตอนแรก ก็มักจะเป็นตับ

00:20:0500:20:09 เพราะว่าเราใส่อะไรเข้าไป ตับเรามีหน้าที่ทำให้มันหมดฤทธิ์

00:20:0900:20:11 หรือทำให้มันออกฤทธิ์เพิ่มขึ้น

00:20:1100:20:16 นอกเหนือจากกลุ่มวิตามินที่ฉีดหรือกิน ที่เราบอกว่าที่เราจะต้องระวังแล้วนี่

00:20:1600:20:18 มันก็จะมีอีกอันหนึ่งเมื่อกี้เราพูดกัน

00:20:1800:20:21 ก็คือกลุ่มของกลูตาใช่ไหมคะ หลายคนก็จะบอกว่า

00:20:2100:20:23 ถ้าฟังดูแล้วนี่

00:20:2300:20:26 เราไปฉีดกลูตาจะช่วยทำให้ตับเราดีขึ้นไหม

00:20:2600:20:28 ต้องบอกว่าอย่างนี้ค่ะ ในกรณีของกลูตานี่

00:20:2800:20:32 ถ้าตับไม่ได้มีปัญหาอะไร ฉีดไปนี่ เดี๋ยวสักพักมันก็หมดฤทธิ์เนอะ

00:20:3200:20:36 ที่อันตรายมากที่สุดก็คือ เรากลัวภาวะที่เราเรียกว่าแพ้กลูตา

00:20:3600:20:40 มันอาจจะทำให้เกิด Anaphylaxis ที่หายใจไม่ทัน

00:20:4000:20:44 หรือว่าอาจจะทำให้ความดันเลือดตกลง แล้วอาจจะเสียชีวิตได้เลย

00:20:4400:20:46 เพราะฉะนั้น ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่ต้อง

00:20:4600:20:48 ถ้าจะเอาพวกนี้ เอาจากไหน

00:20:4800:20:49 จริง ๆ จากการกินค่ะ

00:20:5000:20:53 นอกเหนือจากเราจะได้สารพวกนี้ ได้แอนติออกซิแดนท์ ได้ไฟเบอร์

00:20:5300:20:58 อันนี้จะช่วยในเรื่องของการทำงานของลำไส้ เรื่องของการทำงานแบคทีเรีย

00:20:5800:21:01 แล้วก็ยังช่วยส่งผลดีกับตับในภาพรวมได้อีก

00:21:0100:21:05 เพราะฉะนั้นเราเปลี่ยนจากของพวกนี้ ที่เราจะต้องจ่ายตังค์แพง ๆ

00:21:0500:21:08 เป็นเรื่องอาหารที่ดี หรือว่าให้ได้รับสารอาหารที่ใกล้เคียงกัน

00:21:0800:21:09 อันนี้น่าจะดีกว่า

00:21:1000:21:13 อันสุดท้ายจะชอบมีคนพูดถึงเรื่องของสมุนไพร

00:21:1300:21:14 ต้องบอกอย่างนี้นะคะ

00:21:1400:21:19 สมุนไพรนี่ โดยทั่วไป เขาใช้หลักการคล้าย ๆ กันเลยก็คือว่า

00:21:1900:21:21 สารออกฤทธิ์ที่อยู่ในสมุนไพรนี่

00:21:2100:21:24 เราไปศึกษาอยู่ในสัตว์ทดลอง หรือว่าอยู่ในหลอดทดลอง

00:21:2400:21:28 แล้วบอกว่ามีคุณสมบัติ ไม่ว่าจะเป็นแอนติออกซิแดนท์

00:21:2800:21:31 หรือว่าจะมีคุณสมบัติในแง่ของการลดการอักเสบ

00:21:3100:21:37 อย่างไรก็ตาม เราไม่รู้โดสที่เหมาะสม ที่แน่ชัดสำหรับการใช้ในคน

00:21:3700:21:39 ข้อมูลอันหนึ่งก็คือว่า

00:21:3900:21:41 สมุนไพรในโดสต่ำ ๆ อาจจะไม่ได้ประโยชน์

00:21:4100:21:44 สมุนไพรในโดสตรงกลางหรือโดสที่เหมาะสม

00:21:4400:21:47 อันนี้จะช่วยลดเรื่องของการอักเสบ ช่วยทำให้ตับดีขึ้น

00:21:4700:21:50 แต่ถ้ามันมากเกินไป อันนี้มันอาจจะทำร้ายตับ

00:21:5000:21:52 คำถามคือ โดสที่เหมาะสมอยู่ตรงไหน

00:21:5200:21:57 อันนี้ค่ะ มันยังไม่มีข้อมูลที่ทำในคน มากสักเท่าไหร่นัก

00:21:5700:22:01 เพราะฉะนั้นยังไม่ได้มีคำแนะนำ ในเรื่องของการใช้สมุนไพร

00:22:0200:22:05 ที่เป็นแคปซูล เป็นเม็ด เพื่อจะช่วยบำรุงรักษาตับ

00:22:0500:22:08 แต่ถ้าเรารู้ว่าสมุนไพรนี้มีสารตัวนี้

00:22:0900:22:12 แล้วเราไปเอามาใช้ในเรื่องของการประกอบอาหาร

00:22:1200:22:14 ใช้ในสัดส่วนที่เรากินตามปกติ

00:22:1400:22:17 อันนี้มันจะไม่เกิดภาวะเป็นพิษแน่นอน

00:22:1700:22:18 แล้วเราก็จะได้รับสารอาหาร

00:22:1800:22:22 หรือว่าได้รับสารตัวที่มันช่วย ในเรื่องของสุขภาพด้วย

00:22:2200:22:25 เพราะฉะนั้นในส่วนของสมุนไพร ถ้ามันมีข้อมูลว่ามันช่วย

00:22:2500:22:31 แนะนำว่า เอามาใช้ในการที่จะเป็นส่วนหนึ่ง ของการประกอบอาหาร อันนี้น่าจะดีกว่า

00:22:3100:22:34 ไม่เพียงแค่นั้น บางทีเวลาที่เขาเอามาใส่แคปซูลให้เรา

00:22:3400:22:36 หลายครั้งหลายทีนี่

00:22:3600:22:40 เราไม่รู้เลยว่ามันจะมีสารปนเปื้อน หรือสารอะไรอย่างอื่นหรือเปล่า

00:22:4000:22:45 แล้วมันจะยิ่งทำให้เรา หรือตับเราทำงานหนักขึ้น

00:22:4500:22:47 เพราะฉะนั้นถ้าสมมุติว่าเราอยากจะเซฟตับ

00:22:4700:22:50 แค่เราไม่ต้องใส่อะไร ที่ทำให้ตับเราทำงานหนักขึ้น

00:22:5000:22:53 แล้วเราก็ไม่ต้องเปลืองเงินด้วย อันนี้น่าจะดีที่สุดค่ะ

00:22:5300:22:56 โดยสรุปนะคะ วันนี้เราคุยกันเรื่องของอาหารบำรุงตับ

00:22:5600:22:58 แต่จริง ๆ แล้วเราก็จะพูดว่า

00:22:5800:23:01 ในส่วนของโรคตับมีอะไรบ้าง เราจะสังเกตได้อย่างไร

00:23:0100:23:06 หลักการวันนี้ที่อยากจะให้ทุกท่านได้ไป ก็คือว่า ตับเรานี่ จริง ๆ มันดีอยู่แล้ว

00:23:0700:23:13 แล้วจะดีที่สุด ถ้าเราไม่พยายามใส่อะไร ที่ไม่จำเป็นให้ตับเราต้องทำงานหนักขึ้น

00:23:1300:23:17 แล้วที่สำคัญ ถ้าสมมุติว่า เราจะอยากได้อาหารอะไรที่จะไปบำรุงตับ

00:23:1700:23:20 เราควรจะเลือกจากที่เป็นอาหาร

00:23:2000:23:25 การที่เราใช้วิตามิน ไม่ว่าจะเสริมด้วยการกิน หรือเสริมด้วยการฉีดมากเกินไป

00:23:2500:23:27 ไม่ได้หมายความว่ามันจะปลอดภัย

00:23:2700:23:31 วิตามินไม่ได้เท่ากับคำว่าปลอดภัย หรือไม่ได้เท่ากับคำว่าไม่เป็นอันตราย

00:23:3100:23:35 อะไรที่มากเกินไป ก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายกับร่างกาย

00:23:3500:23:36 แล้วทุกอย่างที่เราใส่เข้าไป

00:23:3600:23:40 หมายความว่าเรากำลังตั้งใจทำให้ตับเรา ทำงานหนักขึ้น

00:23:4000:23:44 เพราะฉะนั้นถ้าสมมุติว่าทุกท่านกังวล ว่าตอนนี้ฉันกินยาเยอะไปหรือเปล่า

00:23:4400:23:46 ตับฉันมีปัญหาหรือเปล่า

00:23:4600:23:48 ถามตัวเองนิดเดียวว่าเราจำเป็นต้องกินไหม

00:23:4800:23:50 ถ้าเราไม่จำเป็นต้องกิน

00:23:5000:23:53 เราจะไม่ทำให้ตับเราทำงานมากขึ้น

00:23:5300:23:57 แล้วเราก็จะไม่ไปเสียตังค์ ด้วยของที่ไม่จำเป็นค่ะ

00:23:5700:24:01 พบกับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้

00:24:0200:24:04 ทุกวันจันทร์เวลา 18:00 น.

00:24:0400:24:06 ที่ Mahidol Channel Podcast

00:24:0600:24:08 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel

00:24:0800:24:10 YouTube Mahidol Channel

00:24:1000:24:11 Apple Podcasts

00:24:1100:24:12 Spotify

00:24:1200:24:13 Anchor

00:24:1300:24:14 Joox

00:24:1700:24:22 ดำเนินรายการโดยหมอเอ๋ ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร

00:24:2300:24:26 [เสียงดนตรี]

[PODCAST] Food Choice | EP.17 - อาหารบำรุงตับ

จากช่อง : Mahidol Channel มหิดล แชนแนล


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:03 [เสียงดนตรี]

00:00:0300:00:06 You're listening to Mahidol Channel Podcast.

00:00:0600:00:08 Listen for a better life.

00:00:0800:00:11 ฟังเพื่อชีวิตที่ดีกว่า

00:00:1100:00:14 และนี่คือรายการพอดแคสต์ของช่อง Mahidol Channel

00:00:1400:00:16 โดย มหาวิทยาลัยมหิดล

00:00:1600:00:22 [เสียงดนตรี]

00:00:2200:00:24 วันนี้คุณกินอะไร

00:00:2400:00:29 อาหารที่คุณกินจะส่งผลดี ส่งผลเสีย กับสุขภาพของคุณอย่างไร

00:00:2900:00:31 วันนี้หมอจะชวนทุกคนมาพูดคุย

00:00:3100:00:35 เกี่ยวกับรูปแบบของการกินอาหาร ที่ปลอดภัยกับสุขภาพของเรา

00:00:3500:00:40 กับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดี เลือกได้ กับหมอเอ๋

00:00:4000:00:42 แพทย์หญิงดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร

00:00:4200:00:46 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

00:00:4600:00:49 [เสียงดนตรี]

00:00:4900:00:52 วันนี้เราจะมาคุยกันในเรื่องของ อาหารบํารุงตับ

00:00:5300:00:55 ได้ยินกันมาบ่อยเลยใช่ไหมคะ อาหารบํารุงตับ

00:00:5500:00:57 หลาย ๆ คนก็กินยาเยอะ

00:00:5700:01:00 หลาย ๆ คนก็กลัว อาจจะเคยมีปัญหาสุขภาพ

00:01:0000:01:02 หรือไปตรวจร่างกายแล้วเจอว่า

00:01:0200:01:05 ตับอักเสบบ้างล่ะ ไขมันพอกตับบ้างล่ะ

00:01:0500:01:08 เอ๊ะ มันจะมีวิธีไหนไหม ที่จะทำให้ตับฉันดีขึ้น

00:01:0800:01:10 มีการขายคอร์ส มีการทำโน่นนี่นั่น

00:01:1100:01:13 ที่บอกว่าอันนี้เป็นอาหารบํารุงตับ หรือวิตามินบำรุงตับ

00:01:1400:01:16 มันดีจริงหรือเปล่า มันช่วยได้หรือเปล่า

00:01:1600:01:20 วันนี้เราจะมาคุยกันค่ะ ในเรื่องของอาหารบํารุงตับ

00:01:2000:01:21 ตับนะคะ หลายคนก็รู้จักเนอะ

00:01:2100:01:24 ถ้าไม่รู้จัก เราก็คงเคยกินกันเนอะ

00:01:2400:01:25 ตับมีหน้าที่อะไรในร่างกาย

00:01:2500:01:27 ตับมีความสำคัญมาก ๆ เลย

00:01:2700:01:30 อาหารที่เรากินเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรต

00:01:3000:01:31 โปรตีน หรือไขมัน

00:01:3100:01:35 ทุกอย่างจะต้องมีการจัดการที่ตับ

00:01:3500:01:37 ตับจะเป็นเหมือนโรงงานขนาดใหญ่เลย

00:01:3700:01:41 อาหารเข้ามาปุ๊บ แล้วตับจะเป็นคนที่จะเอามาใช้

00:01:4100:01:44 เอามาใช้ไปเป็นพลังงาน เอามาเปลี่ยนไปเป็นน้ำตาล

00:01:4400:01:46 เอามาเปลี่ยนไปเป็นไขมัน

00:01:4600:01:48 หรือว่าจะเปลี่ยนให้เป็นโปรตีน

00:01:4800:01:51 แล้วถ้าเกิดเกินจากนั้น เขาก็จะจัดสรรให้เอาไปเก็บ

00:01:5100:01:53 เพราะฉะนั้นการทำงานของตับ

00:01:5300:01:54 อันที่หนึ่ง ในเรื่องของอาหาร

00:01:5400:01:57 เขาจะมาจัดการกับอาหารเกือบทุกชนิดเลย

00:01:5700:02:00 รวมถึงวิตามิน แล้วก็แร่ธาตุบางอย่างด้วย

00:02:0000:02:05 อันที่สอง ตับมีหน้าที่คือ จัดการกับของเสียหรือสารพิษ

00:02:0500:02:09 เวลาที่เรากินอาหาร กินยา หรือกินอะไรเข้าไป แล้วมันมีของเสีย มีสารพิษเกิดขึ้นนี่

00:02:0900:02:12 สิ่งที่เกิดขึ้น ตับจะมีหน้าที่ทำให้สารพิษอันนั้น

00:02:1200:02:14 มันหมดสภาพหรือหมดฤทธิ์ไป

00:02:1400:02:17 ยาบางตัวกินเข้ามา อาจจะยังไม่ออกฤทธิ์

00:02:1700:02:19 มาผ่านตับ แล้วทำให้มันออกฤทธิ์

00:02:1900:02:23 ยาบางตัวออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว ตับมีหน้าที่ทำให้มันหมดฤทธิ์

00:02:2300:02:25 เพื่อจะให้มันหมดสภาพ

00:02:2500:02:27 แล้วไม่เกิดอันตรายกับร่างกาย แล้วเอาไปทิ้ง

00:02:2700:02:32 เพราะฉะนั้นหน้าที่ของตับนี่ คอยจัดการกับ เรื่องของสารพิษที่อยู่ในร่างกายด้วย

00:02:3200:02:38 นอกจากนี้ ตับยังมีหน้าที่คอยเสริมสร้างระบบ เรื่องของภูมิคุ้มกันในร่างกายด้วย

00:02:3800:02:39 เพราะฉะนั้น ถ้าตับไม่ดี

00:02:3900:02:44 สิ่งที่ตามมาก็คือ คน ๆ นั้นจะมีเรื่องของการติดเชื้อง่ายขึ้น

00:02:4400:02:48 อันถัดมา ตับมีหน้าที่จัดการกับน้ำดี

00:02:4800:02:50 เขาสร้างน้ำดีได้นะคะ

00:02:5000:02:55 ช่วยในร่างกายในเรื่องของการจัดการกับ วิตามินบางอย่าง โดยเฉพาะวิตามินดี

00:02:5500:02:56 ถ้าเกิดวิตามินดีเข้ามาปุ๊บ

00:02:5600:02:58 ตับจะมีหน้าที่เปลี่ยนวิตามินดี

00:02:5800:03:00 แล้วก็จะไปเปลี่ยนอีกครั้งหนึ่งที่ไต

00:03:0000:03:03 เพื่อจะให้วิตามินดีอันนั้น ได้ออกฤทธิ์เต็มที่นะคะ

00:03:0300:03:06 จะเห็นว่าตับมีหน้าที่สำคัญมากมายในร่างกาย

00:03:0700:03:10 แล้วหลาย ๆ อย่างของตับคือ เขาทำได้คนเดียว

00:03:1000:03:11 ไม่มีตัวแทนเลย

00:03:1100:03:14 เพราะฉะนั้นนี่ เรามีตับอยู่แค่อันเดียวนะคะ

00:03:1400:03:16 รักษาตับนี้เอาไว้

00:03:1600:03:18 เพราะว่าถ้าเราใช้มันไปเยอะ ๆ

00:03:1800:03:21 เราใส่สารพิษเข้าไปเยอะ ๆ หรือเราไปทำร้ายตับเราเยอะ ๆ

00:03:2100:03:24 สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ในอนาคต ตับเราก็จะแย่ลงไปเรื่อย ๆ

00:03:2500:03:26 แล้วเราไม่มีเปลี่ยนนะคะ

00:03:2600:03:28 ถ้าสมมุติมันพังไปมาก ๆ

00:03:2800:03:29 อย่างเดียวที่เราทำได้ก็คือ

00:03:2900:03:33 เราจะต้องรอให้มีการปลูกถ่ายอวัยวะ หรือว่าเปลี่ยนตับนั่นเองค่ะ

00:03:3300:03:36 ทีนี้ถ้าสมมติว่าเราฟังมาแล้วว่า ตับมีความสำคัญนะคะ

00:03:3700:03:42 แล้วตับนี่ มันใช้ไป หรือว่ามันทำงานไป แล้วมันพังไปเรื่อย ๆ หรือเปล่า

00:03:4200:03:45 ไม่เลย ในร่างกายเรามีการซ่อมแซมนะคะ

00:03:4500:03:47 ลองนึกภาพนะคะ เวลาที่เราเป็นแผลเห็นไหมคะ

00:03:4700:03:52 ร่างกายเราก็จะมีการซ่อมแซม มีแผล แล้วก็มีการซ่อม แล้วแผลก็หาย

00:03:5200:03:53 ตับเราก็เช่นกันค่ะ

00:03:5300:03:56 ร่างกายก็จะมีการซ่อมแซมอยู่ตลอดเวลานะคะ

00:03:5700:03:59 แต่แน่นอนค่ะ เมื่ออายุเรามากขึ้น

00:03:5900:04:04 คุณสมบัติในเรื่องของการซ่อมนี่ มันจะน้อยกว่า ซ่อมสร้างจะน้อย

00:04:0400:04:06 ถ้าเรายังคงถูกทำลายต่อเนื่อง

00:04:0600:04:09 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ การทำงานในภาพรวมของตับ

00:04:0900:04:12 ก็จะลดลงไปตามอายุได้เช่นกัน

00:04:1200:04:15 หลาย ๆ คนก็จะมีแพคเกจตรวจสุขภาพใช่ไหมคะ

00:04:1500:04:18 อาจจะซื้อแพคเกจตรวจสุขภาพตอนลดราคาก็ตาม

00:04:1800:04:20 หรือว่าที่ทำงานให้ตรวจสุขภาพก็ตาม

00:04:2000:04:22 เสร็จแล้วนี่ ผลตรวจสุขภาพจะกลับมา

00:04:2200:04:25 หลายคนเวลาที่ไปตรวจสุขภาพ ไม่ได้เจอคุณหมอ

00:04:2500:04:27 แต่จะมีผลตรวจสุขภาพกลับมา แล้วก็บอกว่า

00:04:2700:04:30 มีไขมันพอกตับบ้างล่ะ ตับอักเสบบ้างล่ะ หลายคนก็ตื่นเต้นตกใจ

00:04:3100:04:33 แล้วในนั้นก็จะเขียนว่า ให้ไปพบคุณหมอใกล้ ๆ

00:04:3300:04:34 อันที่หนึ่งก่อน

00:04:3400:04:37 เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเรามีไขมันพอกตับ

00:04:3700:04:40 ส่วนใหญ่การที่จะรู้ว่ามีไขมันพอกตับนี่

00:04:4000:04:42 มันมักจะต้องตรวจด้วยเครื่องอัลตราซาวด์

00:04:4200:04:45 อันนี้เป็นการตรวจอย่างง่าย ไม่แพงนะคะ

00:04:4500:04:47 แล้วก็สามารถรู้ผลได้นะคะ

00:04:4700:04:52 โดยทั่วไปเขาก็จะดูว่า ตอนนี้มันมีลักษณะ ที่สงสัยว่าจะเป็นไขมันพอกตับ

00:04:5200:04:53 เขาก็จะบอกมา

00:04:5300:04:56 อันที่สองค่ะ จะพูดว่ามีตับอักเสบ

00:04:5600:04:59 เวลาที่จะพูดว่ามีตับอักเสบนี่ ส่วนใหญ่จะโดนเจาะเลือด

00:04:5900:05:03 ถ้าเจาะเลือดเสร็จปุ๊บนี่ จะมีค่าการอักเสบของตับที่สูงขึ้น

00:05:0400:05:06 เขาก็จะบอกว่าตอนนี้มีตับอักเสบนะ

00:05:0600:05:10 ทีนี้ถามว่าแล้วมันต่างกันอย่างไร มันจะรู้ได้อย่างไร มันจะอันตรายไหม

00:05:1100:05:14 หลักการมีแค่นี้นะคะ อันแรกก็คือว่าในเซลล์ตับนี่

00:05:1400:05:18 ให้เรามองภาพว่า เซลล์ 1 เซลล์นี่มันเหมือนถุง ซึ่งปิดสนิท

00:05:1800:05:21 สารที่อยู่ข้างในถุงนี่ มีน้ำอยู่นี่

00:05:2100:05:23 อันนี้ก็คือเอนไซม์ที่อยู่ในตับ

00:05:2300:05:26 ถ้าสมมุติว่า ถุงมันแตกหรือถุงมันรั่ว

00:05:2600:05:30 สารที่มันอยู่ข้างในนี่ มันก็จะรั่วออกมาจากนอกเซลล์ตับนึกออกไหมคะ

00:05:3000:05:32 แล้วมันก็จะปนอยู่ในเลือด

00:05:3200:05:33 เวลาเราเจาะเลือดปั๊บ

00:05:3300:05:39 เราเห็นสารตัวนี้มันสูงขึ้น เราก็บอกว่า ต้องมีปัญหากับเซลล์ตับแน่ ๆ แล้ว

00:05:3900:05:42 อันนี้คุณหมอจะพูดคำว่า ตับอักเสบ

00:05:4200:05:46 ทีนี้ถ้าเกิดว่ามันมีการบาดเจ็บ หรือมีอะไรเกิดขึ้นกับเซลล์ตับ

00:05:4600:05:48 ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด

00:05:4800:05:50 เราก็เรียกว่าตับอักเสบ

00:05:5000:05:51 ยกตัวอย่างเช่น

00:05:5100:05:53 กินเหล้าเยอะ ๆ เห็นไหมคะ

00:05:5300:05:55 ก็จะมีสารพิษเข้ามา ตับจัดการไม่ได้

00:05:5500:05:57 ตอนนี้ตับได้รับการบาดเจ็บ

00:05:5700:06:00 เพราะว่าได้รับตัวแอลกอฮอล์เยอะขึ้นใช่ไหมคะ

00:06:0000:06:01 อันนี้ก็จะทำให้เกิดตับอักเสบ

00:06:0100:06:04 คนไข้กินยาบางอย่างมากเกินไป

00:06:0400:06:06 หรือยาตัวนี้มันทำอันตรายกับตับ

00:06:0600:06:09 ยาตัวนี้มันจะไปออกฤทธิ์ที่ตับ

00:06:0900:06:11 ก็จะทำให้ตับอักเสบได้

00:06:1100:06:15 หรือมีการติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นโควิด ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัสใด ๆ

00:06:1600:06:18 หรือแม้กระทั่งพวกของไวรัสตับอักเสบ

00:06:1800:06:20 พวกนี้ก็จะทำให้ตับอักเสบได้เหมือนกัน

00:06:2000:06:24 จะเห็นว่าเวลาที่เราเจาะเลือด แล้วเจอว่ามีค่าตับอักเสบ

00:06:2400:06:27 อันนี้มันเกิดได้จากหลายสาเหตุมาก ๆ เลย

00:06:2800:06:31 วิธีการหนึ่งเวลาที่คุณหมอเห็น คุณหมอก็จะต้องไปหาสาเหตุก่อนว่า

00:06:3100:06:34 อันนี้มันเกิดจากอะไรได้บ้าง ก็ซักประวัติ

00:06:3400:06:36 กินเหล้าไหม กินยาไหม

00:06:3600:06:40 หรือว่ามันมีอาการอย่างอื่นใดหรือเปล่า ที่จะสนับสนุน

00:06:4000:06:42 แล้วถึงจะมาเป็นข้อสรุปว่า

00:06:4200:06:45 ตับอักเสบอันนี้เกิดจากอะไร

00:06:4500:06:46 อันที่สาม

00:06:4600:06:50 เวลาทำอัลตราซาวด์ บางทีนอกเหนือจาก เราเห็นว่ามีไขมันพอกตับแล้วนี่

00:06:5000:06:55 บางคน ในอัลตราซาวด์อาจจะบอกได้เลย ว่าตอนนี้เรามีตับแข็งแล้วหรือยัง

00:06:5500:06:57 บางทีผลอัลตราซาวด์ออกมาปุ๊บ บอกว่าตับแข็ง

00:06:5700:07:01 คนไข้ตื่นเต้นตกใจ แย่แล้ว ฉันแย่แน่ ๆ แล้ว ฉันจะตายแล้วอะไรอย่างนี้

00:07:0100:07:06 มันจะมีลักษณะหน้าตาบางอย่างของตับ ที่จะทำให้รู้สึกว่า

00:07:0600:07:09 อันนี้มันมีความผิดปกติที่เป็นมานานแล้ว

00:07:0900:07:11 แล้วทำให้เกิดพังผืดเกิดขึ้น

00:07:1200:07:15 อันนี้ก็เลยเรียกว่าเป็นตับแข็งนะคะ

00:07:1500:07:17 ซึ่งอันนี้จะมองเห็นได้จากตัวอัลตราซาวด์

00:07:1700:07:21 ในปัจจุบันนะคะ โรคตับที่ได้ยินบ่อย ๆ หรือว่าเป็นโรคยอดฮิต

00:07:2100:07:23 เริ่มต้นจากไขมันพอกตับก่อน

00:07:2300:07:25 อันนี้บอกเลยว่าไม่มีอาการค่ะ

00:07:2500:07:28 อย่าถามว่ามีอาการอะไร ไม่มีเลย

00:07:2800:07:31 มีข้อสังเกตว่า คนอ้วนมีความเสี่ยงที่จะเกิดไขมันพอกตับ

00:07:3100:07:33 โดยเฉพาะกลุ่มที่อ้วนลงพุง

00:07:3300:07:38 อันที่สองค่ะ ถ้าเกิดอ้วนมากขึ้น หรือไขมันพอกตับมากขึ้น

00:07:3800:07:40 มันก็จะทำให้เกิดเรื่องของตับอักเสบ

00:07:4100:07:44 อันนี้อาจจะยังไม่มีอาการ แต่ตรวจได้จากในเลือด

00:07:4500:07:48 จะเห็นว่ามีค่าการอักเสบของตับสูงขึ้น

00:07:4800:07:51 เวลาที่เราจะบอกว่าเป็นไขมันพอกตับ แล้วทำให้เกิดตับอักเสบนี่

00:07:5100:07:53 มันจะต้องไม่มีสาเหตุอื่นนะคะ

00:07:5300:07:57 เช่น ไม่ได้ดื่มเหล้าเลย ไม่ได้มียาสมุนไพร

00:07:5700:07:58 ไม่ได้มีสารพิษใด ๆ

00:07:5800:08:02 ไม่ได้มียาอะไรที่ทำให้ร่างกายเรา มีเรื่องของการอักเสบเกิดขึ้น

00:08:0200:08:06 ระยะที่สามค่ะ เมื่อการอักเสบเกิดขึ้นซ้ำ ๆ

00:08:0600:08:08 สิ่งที่ตามมาก็จะเป็นพังผืด

00:08:0900:08:11 อันนี้ก็จะเริ่มเป็นตับแข็ง

00:08:1100:08:16 ทีนี้ลองนึกภาพนะคะว่าเซลล์ตับนี่ จากตอนแรกเหมือนตับทั้งก้อนปกติ

00:08:1600:08:19 แต่ถ้ามันมีพังผืดเป็นจุด ๆ หลาย ๆ ที่

00:08:1900:08:22 สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ผิวที่ตับ

00:08:2200:08:25 มันก็จะเริ่มไม่เรียบแล้ว จะเริ่มมีความขรุขระแล้ว

00:08:2500:08:27 ตับจะเริ่มเหี่ยวเล็กลงแล้ว

00:08:2700:08:30 อันนี้ค่ะ เวลาที่เราตรวจอัลตราซาวด์ เราถึงจะมองเห็น

00:08:3000:08:32 ถ้าถึงจุดที่มีตับแข็งแล้วนี่

00:08:3300:08:37 โดยทั่วไป ถ้าตับแข็งเป็นมากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ

00:08:3700:08:41 จนกระทั่งการทำงานของตับในภาพรวมลดลง

00:08:4100:08:42 อันนี้จะเริ่มมีอาการแล้ว

00:08:4300:08:47 นอกจากนี้ เวลาที่เป็นพังผืด ถ้ามันเกิดซ้ำ ๆ

00:08:4700:08:48 แล้วมันเป็นต่อเนื่อง

00:08:4800:08:51 มันมีโอกาสที่เซลล์พวกนี้จะเปลี่ยนแปลงไป

00:08:5100:08:53 แล้วกลายไปเป็นมะเร็งได้

00:08:5300:08:57 ประมาณ 10% ของคนไข้ที่ตับแข็ง อาจจะเปลี่ยนไปเป็นมะเร็งตับได้

00:08:5700:09:02 [เสียงดนตรี]

00:09:0200:09:06 สำหรับในกรณีของคนไข้ที่กำลังสงสัยว่า ตัวเองจะเป็นโรคตับ

00:09:0600:09:08 หรือไปตรวจสุขภาพแล้วเจอความผิดปกติ

00:09:0800:09:10 แล้วถามว่า แล้วจะทำอย่างไร

00:09:1000:09:13 ข้อแรกเลยก็คือ เราต้องดูก่อนว่าสาเหตุคืออะไร

00:09:1300:09:17 ถ้าสาเหตุอันนั้นเราแก้ไขได้ เราก็จะไปจัดการ

00:09:1700:09:19 เพราะฉะนั้น คุณหมอจะซักประวัติค่อนข้างเยอะนิดนึง

00:09:1900:09:21 เพื่อจะดูว่ามันมีอะไรหรือเปล่า

00:09:2100:09:25 บางอย่างที่แก้ไขได้ แล้วจัดการไป ที่บอกไปตอนต้น

00:09:2500:09:27 เช่น บางคนถ้าหากว่ายังไม่เคยฉีดวัคซีน

00:09:2700:09:29 ก็อาจจะให้ฉีดวัคซีนใช่ไหมคะ

00:09:2900:09:33 ถ้าเกิดว่ามีปัญหาว่าตอนนี้กินยาเยอะเกินไป

00:09:3300:09:36 หรือว่ายาตัวนี้มันมีปัญหากับตับ ก็จะให้หยุดยา

00:09:3600:09:39 แอลกอฮอล์ก็จะให้หยุดเหล้า อันนี้เป็นต้น

00:09:3900:09:42 ทีนี้ที่เจอบ่อย ๆ เลยก็คือ อ้วน แล้วก็ไขมันพอกตับ

00:09:4200:09:45 ต้องบอกอย่างนี้นะคะ เวลาที่เราจะลดน้ำหนักนี่

00:09:4500:09:49 ในกรณีของไขมันพอกตับนี่ เราขอประมาณสัก 10%

00:09:4900:09:52 แต่ถ้าเกิดว่าตับอักเสบนี่ แค่ประมาณ 5% นี่

00:09:5200:09:55 น้ำหนักลดลง ค่าการอักเสบของตับก็จะลดลงแล้วค่ะ

00:09:5600:09:59 แต่ถ้าจะทำให้ไขมันพอกตับมันลดลงชัดเจนนี่

00:09:5900:10:01 เราต้องขอลดน้ำหนักอย่างน้อย 10%

00:10:0100:10:05 ถ้าในกรณีที่เป็นตับแข็งแล้ว หรือว่ามีพังผืดแล้วนี่

00:10:0500:10:07 มันจะเปลี่ยนได้ไหม ในอดีตเราเชื่อว่ามันเปลี่ยนไม่ได้

00:10:0700:10:13 แต่ปัจจุบัน เราเห็นว่าการลดน้ำหนัก หรือว่าการทำให้ตับเราดีขึ้นนี่

00:10:1300:10:15 พังผืดมันก็อาจจะเปลี่ยน แล้วก็ลดลงได้

00:10:1500:10:18 เพราะฉะนั้น ยังไงนี่ ในทุก ๆ ระยะนี่

00:10:1800:10:22 เราก็ยังแนะนำนะคะ ถ้าสมมุติว่าอ้วน เราก็ยังแนะนำให้ลดน้ำหนัก

00:10:2200:10:25 นอกจากนี้ เรื่องของตัวสูบบุหรี่

00:10:2500:10:28 หลายคนจะบอกว่า สูบบุหรี่ก็ไม่ได้เกี่ยวกับตับโดยตรง

00:10:2800:10:30 แต่ว่าในแง่ของการสูบบุหรี่

00:10:3000:10:31 สารพิษที่เกิดขึ้นนี่

00:10:3100:10:34 มันจะทำให้เรื่องของเส้นเลือดทำงานได้ไม่ดี

00:10:3400:10:36 เพราะฉะนั้น เส้นเลือดเราแย่อยู่แล้วเนอะ

00:10:3600:10:38 เราก็จะไม่ให้สูบบุหรี่ด้วย

00:10:3800:10:40 อีกอันหนึ่งค่ะ ก็คือเรื่องของน้ำตาล

00:10:4000:10:44 โดยเฉพาะพวกน้ำหวาน หรือว่าเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลอยู่

00:10:4400:10:46 พวกนี้เวลาเรากินเข้าไปปุ๊บนี่

00:10:4600:10:48 พลังงานทั้งหมดมันจะเข้าไปที่ตับ

00:10:4800:10:52 แล้วมันก็จะสะสมง่าย ทำให้เกิดไขมันพอกตับได้อย่างรวดเร็ว

00:10:5200:10:56 เพราะฉะนั้นถ้าเราตัดพวกน้ำหวาน หรือตัดพวกเครื่องดื่มพวกนี้นี่

00:10:5600:10:58 น้ำหนักก็จะลดได้ค่อนข้างดี

00:10:5800:11:00 แล้วทีนี้ในส่วนของอาหารหลาย ๆ อัน

00:11:0000:11:03 ก็อย่างเช่นอาหารพวกที่เป็นพวกของปิ้งย่าง

00:11:0300:11:06 อาหารที่มีการปนเปื้อนเชื้อรานะคะ

00:11:0600:11:07 อาหารปิ้งย่างเกี่ยวอย่างไร

00:11:0700:11:11 อาหารปิ้งย่าง ถ้าสมมุติว่า มันมีพวกของเนื้อที่มันดำ ๆ ไหม้ ๆ

00:11:1100:11:14 พวกนี้มันก็จะมีพวกของไฮโดรคาร์บอน หรือสารก่อมะเร็ง

00:11:1400:11:16 อันนี้เราก็ไม่อยากได้

00:11:1600:11:18 พวกไขมันปริมาณมากหรือไขมันสูง ๆ

00:11:1800:11:21 โดยเฉพาะเป็นกลุ่มของไขมันอิ่มตัว อันนี้เราก็ไม่ชอบ

00:11:2100:11:25 เพราะว่ามันก็จะยิ่งทำให้ มีการทำร้ายตับมากขึ้น

00:11:2500:11:28 การทำให้เกิดไขมันพอกตับเยอะขึ้น

00:11:2800:11:31 เพราะฉะนั้นโดยทั่วไปก็คือ ลดในส่วนของไขมันอิ่มตัว

00:11:3100:11:34 ลดอาหารปิ้งย่าง เพื่อจะช่วยลดเรื่องของไฮโดรคาร์บอน

00:11:3400:11:39 ลดพวกของสารพิษท็อกซินทั้งหลาย พวกถั่วขึ้นราหรืออะไรอย่างนี้

00:11:3900:11:41 ลดอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ ใช่ไหมคะ

00:11:4100:11:44 เพื่อจะให้ลดความเสี่ยง ในเรื่องของพยาธิบางชนิด

00:11:4400:11:47 แล้วก็ลดพวกของน้ำตาลโดยเฉพาะพวกน้ำหวาน

00:11:4700:11:51 จะได้ทำให้ไม่มีเรื่องของน้ำตาลไปสะสม หรือไปพอกที่ตับ

00:11:5100:11:54 อีกวิธีหนึ่งที่จะช่วยดึงเอาไขมันที่ตับ ออกไปใช้ได้

00:11:5400:11:56 ก็คือการออกกำลังกาย

00:11:5600:12:00 หลายครั้งค่ะ การออกกำลังกาย ต่อให้น้ำหนักไม่ลดลง

00:12:0000:12:02 แต่ไขมันพอกตับก็จะลดลงได้

00:12:0200:12:06 เพราะว่าจะเป็นการดึงเอาไขมันที่อยู่ในตับนี่ ออกมาใช้

00:12:0600:12:09 ฟังดูทั้งหมด บอกห้ามโน่นห้ามนี่มากมาย

00:12:0900:12:12 เอ๊ะ มันมีไหมอาหารหรือวิตามิน ที่ช่วยบำรุงตับ

00:12:1200:12:15 หลักการง่าย ๆ ก่อน อันแรกเลยก็คือ

00:12:1500:12:18 ถ้าเรารู้ว่าตับเราอยู่กับเราได้อย่างยาวนาน

00:12:1800:12:20 ตับของเรามีการซ่อมแซมตัวเองได้

00:12:2100:12:22 หลักการข้อแรกเลยค่ะ

00:12:2200:12:25 ห้ามใส่อะไรที่มันจะไปทำร้ายตับ

00:12:2600:12:29 ในกรณีของยา คุยกับคุณหมอที่ดูแล

00:12:2900:12:32 ว่ายาตัวนี้มันจำเป็นมากไหมนะคะ

00:12:3200:12:33 ถ้ายามันจำเป็น

00:12:3300:12:37 แล้วมีโอกาส ใช้คำนี้นะ มีโอกาส ที่อาจจะทำให้มีปัญหากับตับ

00:12:3700:12:40 สิ่งที่คุณหมอเขาจะทำก็คือ เขาจะติดตามค่ะ

00:12:4000:12:43 มอนิเตอร์หรือว่าเจาะเลือดดูเป็นระยะ

00:12:4300:12:46 ว่าค่าตับเรามีการอักเสบหรือเปล่า มีอะไรหรือเปล่า

00:12:4600:12:50 ในขณะเดียวกัน ถ้ามันจำเป็นต้องใช้ เราก็ต้องไปลดความเสี่ยงอื่น ๆ

00:12:5000:12:52 ที่มันอาจจะทำให้ตับเราแย่ เช่น

00:12:5200:12:54 เราจำเป็นต้องกินยาตัวนี้

00:12:5400:12:56 เพราะว่ารักษาโรคเรา

00:12:5600:12:58 แต่เราก็ไม่ควรจะไปดื่มเหล้า

00:12:5800:13:00 เราก็ไม่ควรจะทำให้เราอ้วน

00:13:0000:13:01 เพื่อที่จะทำให้ตับเราแย่ลงไปอีก

00:13:0100:13:03 อันนี้นึกภาพออกใช่ไหมคะ

00:13:0300:13:06 แล้วทีนี้ในแง่ของอาหารที่จะช่วยนี่

00:13:0600:13:11 โดยหลัก ๆ จะเป็นอาหารกลุ่มที่มี เรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระ

00:13:1100:13:13 เพราะเวลาที่มันมีการบาดเจ็บ

00:13:1300:13:16 หรือเวลาที่มันมีการทำร้ายตับ

00:13:1600:13:18 ตรงนั้นนี่ อนุมูลอิสระมันจะเยอะขึ้น

00:13:1800:13:20 เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะแนะนำก็คือ

00:13:2000:13:22 อาหารที่มันมีวิตามินเกลือแร่เพียงพอ

00:13:2200:13:27 แล้วก็จะเสริมในกลุ่มที่จะเป็นเรื่องของ แอนติออกซิแดนท์หรือสารต้านอนุมูลอิสระ

00:13:2700:13:29 อันแรกเลยก็จะมีคนพูดถึงกาแฟ

00:13:2900:13:33 กาแฟเองนี่ ก็มีรายงานเหมือนกันว่า ช่วยในเรื่องของไขมันพอกตับ

00:13:3400:13:39 แต่เราพูดถึงกาแฟ เราไม่ได้พูดถึงกาแฟใส่นมหรือใส่น้ำตาล

00:13:3900:13:42 เพราะฉะนั้นอันนี้ที่แนะนำคือเป็นกาแฟดำ

00:13:4200:13:44 ไม่ใช่กาแฟที่เติมน้ำตาล

00:13:4400:13:46 เพราะว่ากาแฟที่เติมน้ำตาล

00:13:4600:13:49 หรือว่าเป็นเครื่องดื่มที่ใส่นมข้น หรืออะไรพวกนี้ค่ะ

00:13:4900:13:50 แคลอรีมันจะเยอะ

00:13:5000:13:54 อันนี้จะยิ่งไปทำให้ไขมันพอกตับเป็นมากขึ้น

00:13:5400:13:57 ชากาแฟก็จะมีทั้งกาเฟอีน แล้วก็จะมีแอนติออกซิแดนท์บางตัว

00:13:5700:13:59 เพราะฉะนั้นชากาแฟนี่ไปด้วยกันได้เลย

00:14:0000:14:04 ตัวที่สองก็จะเป็น กลุ่มที่เป็นพืชหรือว่าผักผลไม้ก็แล้วแต่

00:14:0400:14:07 พวกนี้จะมีอะไรบ้าง มีวิตามินเอค่ะ

00:14:0700:14:10 ในคนไข้โรคตับ ต้องบอกว่าวิตามินเอนี่

00:14:1000:14:12 เราจะสะสมและเก็บเอาไว้ที่ตับ

00:14:1200:14:15 ถ้าเมื่อไหร่ตับเราแย่ลง เซลล์ตับเราพัง

00:14:1500:14:18 สิ่งที่เกิดขึ้นคือวิตามินเอเราจะดรอปลงด้วย

00:14:1800:14:22 เพราะฉะนั้นเขาอาจจะให้เรากิน พวกที่มันมีวิตามินเอเยอะขึ้น

00:14:2200:14:25 มีแอนติออกซิแดนท์เยอะขึ้น แคร์รอตอย่างนี้ใช้ได้

00:14:2500:14:28 หรือว่าจะเป็นพวกของบรอกโคลี

00:14:2900:14:31 กะหล่ำปลี องุ่น เมล็ดองุ่นนะคะ

00:14:3100:14:36 พวกนี้จะช่วยในเรื่องของ การให้สารที่มีเรื่องของแอนติออกซิแดนท์

00:14:3600:14:39 แล้วบางตัวจะไปเพิ่มตัวที่เราเรียกว่า กลูตาไธโอน

00:14:3900:14:41 กลูตาไธโอน เมื่อกี๊เราได้ยินแล้ว

00:14:4100:14:45 เอ๊ะ ตัวนี้ทำให้มันผิวขาวใช่ไหม มันดีหรืออะไรอย่างนี้

00:14:4500:14:49 จริง ๆ แล้วตัวนี้ จะเป็นสารตัวหนึ่งที่เราเอาไว้ใช้

00:14:4900:14:53 เวลาที่คนไข้รับประทานยา ที่เราเรียกว่าพาราเซตามอล

00:14:5400:14:55 มากจนเกินขนาด

00:14:5500:14:57 โดยทั่วไปเวลาที่เรากินพาราเซตามอลนี่

00:14:5700:15:00 พาราเซตามอลจะถูกทำลายที่ตับ

00:15:0000:15:02 ถ้าพาราเซตามอล เรากินโดสเยอะเกินไป

00:15:0200:15:04 แล้วตับเราทำลายไม่ทัน

00:15:0400:15:07 สิ่งที่เกิดขึ้น มันก็จะทำให้ตับมีการบาดเจ็บ

00:15:0700:15:09 แล้วถ้ามันเยอะเกินไป

00:15:0900:15:12 หลังจากนั้นนี่ มันอาจจะทำให้เกิด ภาวะที่เราเรียกว่าตับวายได้

00:15:1200:15:15 ในช่วงต้น ถ้ามาเร็ว มาทัน แล้วยามันเยอะนี่

00:15:1500:15:20 เราจะมียาตัวหนึ่งซึ่งจะไปทำให้ ฤทธิ์ของยาพวกนี้มันหมดฤทธิ์

00:15:2000:15:21 แล้วก็ช่วยป้องกันตับนะคะ

00:15:2100:15:23 ก็จะเป็นกลุ่มของกลูตาไธโอน

00:15:2300:15:27 เพราะฉะนั้น เวลาที่เราไปกินอาหาร ที่มันมีพวกของกลูตาไธโอนเยอะขึ้น

00:15:2700:15:31 มันก็อาจจะช่วยซ่อมแซม หรือว่าช่วยบำรุงตับได้เช่นกัน

00:15:3100:15:33 ยกตัวอย่างเช่นกินกะหล่ำปลีพวกนี้

00:15:3300:15:35 หรือว่าอาจจะเป็นพวกของบรอกโคลี

00:15:3500:15:37 บรอกโคลีก็จะมีแอนติออกซิแดนท์ค่อนข้างเยอะ

00:15:3700:15:41 อีกตัวหนึ่งที่มาด้วยกัน เวลาที่เราดูผลไม้ เราจะเห็นตลอดเวลา

00:15:4100:15:42 ก็คือกลุ่มที่เป็นเบอร์รี

00:15:4200:15:45 เบอร์รี นอกจากจะมีพวกของ แอนติออกซิแดนท์แล้วนี่

00:15:4500:15:48 ก็จะมีพวกที่เป็นอนุพันธ์ของวิตามินเอ

00:15:4800:15:50 ซึ่งพวกนี้ก็จะช่วยในเรื่องของ เป็นแอนติออกซิแดนท์

00:15:5000:15:53 แล้วก็ช่วยในเรื่องของการทำงานที่ตับ

00:15:5300:15:57 แล้วก็ช่วยในส่วนที่จะ ลดการบาดเจ็บที่ตับได้ด้วย

00:15:5700:16:00 ในส่วนของการเลือก ถ้าเป็นน้ำมัน

00:16:0000:16:05 เมื่อกี้เราบอกแล้วว่า น้ำมันไขมันอิ่มตัว หรือว่าน้ำมันที่มันเป็นไขเป็นก้อนเราไม่ชอบ

00:16:0500:16:09 เราก็มาเลือกน้ำมันที่ไม่อิ่มตัว หรือว่าเป็นกลุ่มของน้ำมันมะกอก

00:16:0900:16:11 ช่วยลดเรื่องของความดื้ออินซูลินนะคะ

00:16:1100:16:14 อันนี้ก็จะช่วยทำให้ตับทำงานได้ดีขึ้น

00:16:1500:16:18 เลือกคาร์โบไฮเดรตที่เป็นพวกของถั่ว ธัญพืช

00:16:1800:16:20 แต่ต้องระวังนิดนึงถ้าจะใช้ถั่ว

00:16:2000:16:22 ควรจะกินถั่วที่ใหม่ ๆ นะคะ

00:16:2200:16:24 อาจจะคั่วหรืออบเอง

00:16:2400:16:29 ที่ไม่ได้เป็นถั่วบดซึ่งเรามองไม่ออกเลย ว่ามันจะมีเชื้อราปนอยู่หรือเปล่า

00:16:2900:16:31 ถ้ามีเชื้อรา ไม่ต้องเสียดาย ทิ้งไปเลย

00:16:3100:16:35 พวกถั่วพวกนี้ควรจะกิน ซื้อมาปริมาณน้อย ๆ แล้วก็อบกินทีละนิดเดียว

00:16:3500:16:40 เพราะว่า ถือว่าเป็นสารที่มีน้ำมันค่อนข้างเยอะ

00:16:4000:16:43 ทิ้งเอาไว้แล้ว มันจะเกิดภาวะหืนได้ค่อนข้างง่าย

00:16:4300:16:46 บางทีเราเก็บถั่วไว้สักพักนึง เราจะรู้สึกว่ามันมีกลิ่นแล้ว มันหืนแล้ว

00:16:4600:16:50 อันนี้ก็คือกรดไขมันที่มีอยู่ในถั่ว ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนในอากาศ

00:16:5000:16:52 อันนี้ถ้าสมมุติว่าจะแก้ไข

00:16:5200:16:54 อันแรกลองไปอบซ้ำดูอีกทีหนึ่งเพื่อไล่อากาศ

00:16:5500:16:56 ถ้ามันช่วยไม่ได้ ก็ทิ้งไปเถอะค่ะ

00:16:5600:16:58 แล้วก็สุดท้ายค่ะ

00:16:5800:16:59 เราจะไปลดการอักเสบได้อย่างไร

00:16:5900:17:05 ก็จะเป็นพวกของโอเมกา 3 ซึ่งมีอยู่ในปลาที่มีน้ำมันเยอะ ๆ

00:17:0500:17:07 ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นปลาทะเลน้ำลึก

00:17:0700:17:10 ปลาน้ำจืดบ้านเราก็ถือว่ามีโอเมกา 3 หรือว่ามี Fish oil

00:17:1000:17:12 เรากินพวกนี้ได้

00:17:1200:17:17 ถามว่าปริมาณที่ควรกิน ก็ประมาณ 1 ฝ่ามือ อาจจะบวกไปอีกสักข้อนิ้วนึง

00:17:1700:17:19 อันนี้เรากินสักประมาณอาทิตย์ละ 2 ครั้ง

00:17:1900:17:23 อันนี้ก็จะช่วยทำให้เราได้รับ พวกของ Fish oil เพียงพอค่ะ

00:17:2300:17:27 [เสียงดนตรี]

00:17:2800:17:30 อันสุดท้ายที่เราจะคุยกันก็คือ

00:17:3000:17:32 เราจะเห็นโดยภาพรวมในอินเทอร์เน็ต

00:17:3200:17:35 หรือว่าคำบอกกล่าว ไม่ว่าจะส่งต่อมาใน LINE หรืออะไรก็ตาม

00:17:3600:17:37 คำโฆษณาชวนเชื่อบอกว่า

00:17:3700:17:40 วิตามินอันนี้เป็นวิตามินบำรุงตับ ทั้งแบบที่ฉีดและแบบที่กิน

00:17:4000:17:42 เหมือนที่บอกเมื่อสักครู่ค่ะ

00:17:4200:17:45 อันนึงเลยที่อาจจะต้องระวังก็คือ

00:17:4500:17:50 การฉีดวิตามิน มันก็จะทำให้เราได้รับวิตามิน ในปริมาณที่ค่อนข้างสูง

00:17:5000:17:51 ถ้าเราไปดู

00:17:5100:17:54 แล้วเราสามารถที่จะมีความรู้ หรือขอเขาดูได้ว่า

00:17:5400:17:56 วิตามินที่จะฉีดนี้คืออะไรนะคะ

00:17:5600:18:01 ส่วนใหญ่ที่เขาจะผสมให้ก็คือวิตามินซี วิตามินอี ซึ่งอันนี้จะเป็นอะไรคะ

00:18:0100:18:04 มีคุณสมบัติเป็นแอนติออกซิแดนท์ หรือว่าสารต้านอนุมูลอิสระ

00:18:0400:18:05 อาจจะเพิ่มวิตามินบี

00:18:0600:18:11 เพราะว่าวิตามินบีเป็นตัวช่วยที่สำคัญ ในแง่ของการเผาผลาญสารอาหารทั้งหลาย

00:18:1200:18:16 ซึ่งเมื่อกี้บอกไปแล้วว่าตับมีหน้าที่หลัก ในการจัดการเรื่องของสารอาหารใช่ไหมคะ

00:18:1600:18:19 อีกตัวหนึ่งอาจจะเพิ่ม ในตัวของกลูตาไธโอนเข้าไป

00:18:1900:18:23 หรือว่าใส่อะมิโนแอซิด หรือใส่เพปไทด์บางอย่างเข้าไป

00:18:2300:18:26 อันนี้ก็จะบอกว่า แล้วมาเคลมว่าอันนี้จะช่วยเรื่องตับ

00:18:2700:18:30 อันหนึ่งเลยคือวิตามินเอ ระวังนะคะ

00:18:3000:18:32 ในกรณีของวิตามินเอเองนี่

00:18:3200:18:35 จริง ๆ แล้วในคนไข้โรคตับ วิตามินเออาจจะต่ำ

00:18:3500:18:37 เพราะฉะนั้นเติมวิตามินเอได้

00:18:3700:18:41 แต่ในบางรายที่กินวิตามินเอในโดสที่เยอะ ๆ หรือเมกะโดสนี่นะคะ

00:18:4200:18:45 สิ่งที่เกิดขึ้นเขาเรียกว่า ภาวะเป็นพิษจากวิตามินเอหรือกินมากเกินไป

00:18:4500:18:48 สิ่งที่จะเกิดขึ้นก็คือจะทำให้ตับอักเสบได้

00:18:4800:18:50 อาจจะทำให้เกิดพังผืดที่ตับได้

00:18:5000:18:55 เพราะฉะนั้น จริง ๆ แล้วนี่ วิตามินเอในโดสต่ำ ๆ หรือวิตามินเอที่ขาด

00:18:5600:18:58 อันนี้ก็จะเกิดในคนไข้โรคตับได้

00:18:5800:19:00 แต่ว่าวิตามินเอที่เยอะจนเกินไป

00:19:0000:19:02 ก็ทำร้ายตับได้เหมือนกัน

00:19:0200:19:06 เพราะฉะนั้นวิตามินเอจะใช้นี่ อาจจะต้องใช้ด้วยความระมัดระวัง

00:19:0700:19:09 ถามว่าปริมาณเท่าไหร่ อาจจะตอบยากนิดนึง

00:19:0900:19:12 แต่ว่าในคำแนะนำ เราจะบอกว่าวิตามินเอนี่

00:19:1200:19:15 ควรใช้ไม่เกินประมาณ 5000 IU

00:19:1500:19:18 แต่ถ้าใครที่เจาะเลือดแล้วบอกว่าวิตามินเอต่ำ

00:19:1800:19:20 อันนี้คุณหมอจะสั่งการรักษา คือจะให้มากกว่านั้น

00:19:2000:19:23 เพราะฉะนั้น จริง ๆ ถ้าเป็นคนทั่วไป

00:19:2300:19:27 ไม่ได้แนะนำว่า จะต้องไปเสริมวิตามินเอทีละเยอะ ๆ

00:19:2700:19:28 เพราะอาจจะมีอันตราย

00:19:2800:19:31 ตัวอย่างที่ชัดเจนก็คือคนไข้ที่รักษาสิว

00:19:3100:19:32 ใครเคยรักษาสิวบ้าง

00:19:3200:19:36 ก็จะมียาที่จะให้กินเพื่อรักษาสิว

00:19:3600:19:37 ที่จะทำให้หน้ามันแห้ง ๆ หน่อย

00:19:3700:19:39 กินแล้วปากจะแห้ง ๆ หน่อย

00:19:3900:19:42 กลุ่มนี้จะเป็น…เขาเรียกว่าเป็น อนุพันธ์ของวิตามินเอ

00:19:4200:19:43 กินมากเกินไป

00:19:4300:19:47 บางทีคุณหมอจะต้องตรวจเรื่องของ ระดับค่าตับเป็นระยะ ๆ

00:19:4700:19:50 เพราะว่าตัวนี้อาจจะมีผลกับตับได้

00:19:5000:19:55 ดังนั้น วิตามินเอหรือว่าวิตามินทั่ว ๆ ไป ไม่ได้หมายความว่าปลอดภัย 100%

00:19:5500:19:59 การกินวิตามินหรือว่าการฉีดวิตามิน ในปริมาณที่มากเกินไป

00:19:5900:20:01 ก็อาจจะเกิดผลเสียได้

00:20:0100:20:05 แล้วอวัยวะที่จะรับผลกระทบในตอนแรก ก็มักจะเป็นตับ

00:20:0500:20:09 เพราะว่าเราใส่อะไรเข้าไป ตับเรามีหน้าที่ทำให้มันหมดฤทธิ์

00:20:0900:20:11 หรือทำให้มันออกฤทธิ์เพิ่มขึ้น

00:20:1100:20:16 นอกเหนือจากกลุ่มวิตามินที่ฉีดหรือกิน ที่เราบอกว่าที่เราจะต้องระวังแล้วนี่

00:20:1600:20:18 มันก็จะมีอีกอันหนึ่งเมื่อกี้เราพูดกัน

00:20:1800:20:21 ก็คือกลุ่มของกลูตาใช่ไหมคะ หลายคนก็จะบอกว่า

00:20:2100:20:23 ถ้าฟังดูแล้วนี่

00:20:2300:20:26 เราไปฉีดกลูตาจะช่วยทำให้ตับเราดีขึ้นไหม

00:20:2600:20:28 ต้องบอกว่าอย่างนี้ค่ะ ในกรณีของกลูตานี่

00:20:2800:20:32 ถ้าตับไม่ได้มีปัญหาอะไร ฉีดไปนี่ เดี๋ยวสักพักมันก็หมดฤทธิ์เนอะ

00:20:3200:20:36 ที่อันตรายมากที่สุดก็คือ เรากลัวภาวะที่เราเรียกว่าแพ้กลูตา

00:20:3600:20:40 มันอาจจะทำให้เกิด Anaphylaxis ที่หายใจไม่ทัน

00:20:4000:20:44 หรือว่าอาจจะทำให้ความดันเลือดตกลง แล้วอาจจะเสียชีวิตได้เลย

00:20:4400:20:46 เพราะฉะนั้น ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่ต้อง

00:20:4600:20:48 ถ้าจะเอาพวกนี้ เอาจากไหน

00:20:4800:20:49 จริง ๆ จากการกินค่ะ

00:20:5000:20:53 นอกเหนือจากเราจะได้สารพวกนี้ ได้แอนติออกซิแดนท์ ได้ไฟเบอร์

00:20:5300:20:58 อันนี้จะช่วยในเรื่องของการทำงานของลำไส้ เรื่องของการทำงานแบคทีเรีย

00:20:5800:21:01 แล้วก็ยังช่วยส่งผลดีกับตับในภาพรวมได้อีก

00:21:0100:21:05 เพราะฉะนั้นเราเปลี่ยนจากของพวกนี้ ที่เราจะต้องจ่ายตังค์แพง ๆ

00:21:0500:21:08 เป็นเรื่องอาหารที่ดี หรือว่าให้ได้รับสารอาหารที่ใกล้เคียงกัน

00:21:0800:21:09 อันนี้น่าจะดีกว่า

00:21:1000:21:13 อันสุดท้ายจะชอบมีคนพูดถึงเรื่องของสมุนไพร

00:21:1300:21:14 ต้องบอกอย่างนี้นะคะ

00:21:1400:21:19 สมุนไพรนี่ โดยทั่วไป เขาใช้หลักการคล้าย ๆ กันเลยก็คือว่า

00:21:1900:21:21 สารออกฤทธิ์ที่อยู่ในสมุนไพรนี่

00:21:2100:21:24 เราไปศึกษาอยู่ในสัตว์ทดลอง หรือว่าอยู่ในหลอดทดลอง

00:21:2400:21:28 แล้วบอกว่ามีคุณสมบัติ ไม่ว่าจะเป็นแอนติออกซิแดนท์

00:21:2800:21:31 หรือว่าจะมีคุณสมบัติในแง่ของการลดการอักเสบ

00:21:3100:21:37 อย่างไรก็ตาม เราไม่รู้โดสที่เหมาะสม ที่แน่ชัดสำหรับการใช้ในคน

00:21:3700:21:39 ข้อมูลอันหนึ่งก็คือว่า

00:21:3900:21:41 สมุนไพรในโดสต่ำ ๆ อาจจะไม่ได้ประโยชน์

00:21:4100:21:44 สมุนไพรในโดสตรงกลางหรือโดสที่เหมาะสม

00:21:4400:21:47 อันนี้จะช่วยลดเรื่องของการอักเสบ ช่วยทำให้ตับดีขึ้น

00:21:4700:21:50 แต่ถ้ามันมากเกินไป อันนี้มันอาจจะทำร้ายตับ

00:21:5000:21:52 คำถามคือ โดสที่เหมาะสมอยู่ตรงไหน

00:21:5200:21:57 อันนี้ค่ะ มันยังไม่มีข้อมูลที่ทำในคน มากสักเท่าไหร่นัก

00:21:5700:22:01 เพราะฉะนั้นยังไม่ได้มีคำแนะนำ ในเรื่องของการใช้สมุนไพร

00:22:0200:22:05 ที่เป็นแคปซูล เป็นเม็ด เพื่อจะช่วยบำรุงรักษาตับ

00:22:0500:22:08 แต่ถ้าเรารู้ว่าสมุนไพรนี้มีสารตัวนี้

00:22:0900:22:12 แล้วเราไปเอามาใช้ในเรื่องของการประกอบอาหาร

00:22:1200:22:14 ใช้ในสัดส่วนที่เรากินตามปกติ

00:22:1400:22:17 อันนี้มันจะไม่เกิดภาวะเป็นพิษแน่นอน

00:22:1700:22:18 แล้วเราก็จะได้รับสารอาหาร

00:22:1800:22:22 หรือว่าได้รับสารตัวที่มันช่วย ในเรื่องของสุขภาพด้วย

00:22:2200:22:25 เพราะฉะนั้นในส่วนของสมุนไพร ถ้ามันมีข้อมูลว่ามันช่วย

00:22:2500:22:31 แนะนำว่า เอามาใช้ในการที่จะเป็นส่วนหนึ่ง ของการประกอบอาหาร อันนี้น่าจะดีกว่า

00:22:3100:22:34 ไม่เพียงแค่นั้น บางทีเวลาที่เขาเอามาใส่แคปซูลให้เรา

00:22:3400:22:36 หลายครั้งหลายทีนี่

00:22:3600:22:40 เราไม่รู้เลยว่ามันจะมีสารปนเปื้อน หรือสารอะไรอย่างอื่นหรือเปล่า

00:22:4000:22:45 แล้วมันจะยิ่งทำให้เรา หรือตับเราทำงานหนักขึ้น

00:22:4500:22:47 เพราะฉะนั้นถ้าสมมุติว่าเราอยากจะเซฟตับ

00:22:4700:22:50 แค่เราไม่ต้องใส่อะไร ที่ทำให้ตับเราทำงานหนักขึ้น

00:22:5000:22:53 แล้วเราก็ไม่ต้องเปลืองเงินด้วย อันนี้น่าจะดีที่สุดค่ะ

00:22:5300:22:56 โดยสรุปนะคะ วันนี้เราคุยกันเรื่องของอาหารบำรุงตับ

00:22:5600:22:58 แต่จริง ๆ แล้วเราก็จะพูดว่า

00:22:5800:23:01 ในส่วนของโรคตับมีอะไรบ้าง เราจะสังเกตได้อย่างไร

00:23:0100:23:06 หลักการวันนี้ที่อยากจะให้ทุกท่านได้ไป ก็คือว่า ตับเรานี่ จริง ๆ มันดีอยู่แล้ว

00:23:0700:23:13 แล้วจะดีที่สุด ถ้าเราไม่พยายามใส่อะไร ที่ไม่จำเป็นให้ตับเราต้องทำงานหนักขึ้น

00:23:1300:23:17 แล้วที่สำคัญ ถ้าสมมุติว่า เราจะอยากได้อาหารอะไรที่จะไปบำรุงตับ

00:23:1700:23:20 เราควรจะเลือกจากที่เป็นอาหาร

00:23:2000:23:25 การที่เราใช้วิตามิน ไม่ว่าจะเสริมด้วยการกิน หรือเสริมด้วยการฉีดมากเกินไป

00:23:2500:23:27 ไม่ได้หมายความว่ามันจะปลอดภัย

00:23:2700:23:31 วิตามินไม่ได้เท่ากับคำว่าปลอดภัย หรือไม่ได้เท่ากับคำว่าไม่เป็นอันตราย

00:23:3100:23:35 อะไรที่มากเกินไป ก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายกับร่างกาย

00:23:3500:23:36 แล้วทุกอย่างที่เราใส่เข้าไป

00:23:3600:23:40 หมายความว่าเรากำลังตั้งใจทำให้ตับเรา ทำงานหนักขึ้น

00:23:4000:23:44 เพราะฉะนั้นถ้าสมมุติว่าทุกท่านกังวล ว่าตอนนี้ฉันกินยาเยอะไปหรือเปล่า

00:23:4400:23:46 ตับฉันมีปัญหาหรือเปล่า

00:23:4600:23:48 ถามตัวเองนิดเดียวว่าเราจำเป็นต้องกินไหม

00:23:4800:23:50 ถ้าเราไม่จำเป็นต้องกิน

00:23:5000:23:53 เราจะไม่ทำให้ตับเราทำงานมากขึ้น

00:23:5300:23:57 แล้วเราก็จะไม่ไปเสียตังค์ ด้วยของที่ไม่จำเป็นค่ะ

00:23:5700:24:01 พบกับรายการ Food Choice กินดี สุขภาพดีเลือกได้

00:24:0200:24:04 ทุกวันจันทร์เวลา 18:00 น.

00:24:0400:24:06 ที่ Mahidol Channel Podcast

00:24:0600:24:08 ผ่านช่องทาง Facebook Mahidol Channel

00:24:0800:24:10 YouTube Mahidol Channel

00:24:1000:24:11 Apple Podcasts

00:24:1100:24:12 Spotify

00:24:1200:24:13 Anchor

00:24:1300:24:14 Joox

00:24:1700:24:22 ดำเนินรายการโดยหมอเอ๋ ผศ.พญ.ดรุณีวัลย์ วโรดมวิจิตร

00:24:2300:24:26 [เสียงดนตรี]