00:00:00 → 00:00:02 ขอรบกวนค่ะอาจารย์ว่าตกลงแล้วเนี่ยคือ
00:00:02 → 00:00:04 กาแฟเนี่ยค่ะมันช่วยได้จริงมยคะเรื่องของ
00:00:04 → 00:00:06 การเร่นขับถ่ายเนี่ย
00:00:06 → 00:00:13 คะเอ่อตัวกาแฟเองโดยทั่วไปที่เราทานเข้า
00:00:13 → 00:00:16 ไปนะครับก็ตัวกาแฟอย่างที่เราทราบก็จะมี
00:00:16 → 00:00:19 ส่วนประกอบสำคัญก็คือคาเฟอีนนะครับตัว
00:00:19 → 00:00:23 คาเฟอีนเองเนี่ยก็จะมีคุณสมบัติหลายๆ
00:00:23 → 00:00:25 อย่างที่เรารู้อยู่แล้วเช่นเรื่องไป
00:00:25 → 00:00:28 กระตุ้นทำให้เรากระปี้กระเป่ากระตุ้นการ
00:00:28 → 00:00:32 ทำงานของระบบหัวใจนะครับระบบสมองนอกนั้น
00:00:32 → 00:00:36 มันก็ยังจะมีผลต่อระบบไอกระเพาะอาหารเองเ
00:00:36 → 00:00:38 ฮะตัวคาเฟก็ตุ้นการหลั่งกดเพิ่มเติมนะ
00:00:38 → 00:00:43 ครับแล้วก็มีผลต่อถุงน้ำดีด้วยนะฮะมา
00:00:43 → 00:00:46 กระตุ้นกันีบตัวถุงน้ำดีช่วยในการย่อยนอก
00:00:46 → 00:00:49 จากนั้นสตัวของลำไส้เองเนี่ยเราพบว่าการ
00:00:49 → 00:00:52 ทานคาเฟอีนเข้าไปเนี่ยก็สามารถกระตุ้นให้
00:00:52 → 00:00:55 ตัวลำไส้โดยเฉพะยิ่งลำเสื้อยใหญ่นะครับ
00:00:55 → 00:00:58 ซึ่งเป็นตัวที่สำคัญในการขับถ่ายเราเนี่ย
00:00:58 → 00:01:01 มีการบีบตัวเพิ่มขึ้นนะครับทำให้เรารู้
00:01:01 → 00:01:05 สึกอยากถ่ายครับอืซึ่งปฏิกิริยาพวกนี้
00:01:05 → 00:01:08 เนี่ยก็จะเกิดขึ้นค่อนข้างที่จะเร็ว
00:01:08 → 00:01:11 เหมือนกันน่ะทานกาแฟไปนะฮะโดยทั่วไปก็
00:01:11 → 00:01:14 อยู่ประมาณสัก 10-15 นาทีนะครับก็จะรู้
00:01:14 → 00:01:18 สึกอยากถ่ายได้อือก็เป็นส่วนนีส่วนนึงก็
00:01:18 → 00:01:22 เป็นจากคาเฟอีนนะครับครับออค่ะออาจารย์คะ
00:01:22 → 00:01:24 สารเนี่ยค่ะตัวที่ว่าที่มันจะแบบทำให้เรา
00:01:24 → 00:01:27 แบบอยู่ดีๆเราแบบเอ้ยทานไปแล้วแบบขับถ่าย
00:01:27 → 00:01:30 แค่ 10-15 นาทีเองเลยหรอคะอาจารย์มันต้อง
00:01:30 → 00:01:33 มีต้นทุนหรือสะสมของอยู่เดิมมั้ยเพวกาก
00:01:33 → 00:01:35 อาหารหรือว่าอะไรหรือว่าแค่กินแล้วมันก็
00:01:35 → 00:01:38 ถ่ายได้่ามันก็จะเหมือนกับเราทานอาหารทงด
00:01:38 → 00:01:43 ทางแดงบางคนก็จะมีเเรียกว่าเเอ่อภาษาทาง
00:01:43 → 00:01:47 การแพทย์เเรียกว่าวงวงระบบประสาทนะครับนะ
00:01:47 → 00:01:51 ฮะซึ่งมันจะมีการเชื่อมระหว่างตัวกระเพาะ
00:01:51 → 00:01:54 ไปที่ตัวลำไส้นะครับก็จะกระตุ้นให้มีการ
00:01:54 → 00:01:58 ขับถ่ายนะเพราะจริงๆถามว่ากลใจที่ชัดเจน
00:01:58 → 00:02:01 เนี่ยสมัยก่อนเขาบอกว่าตัวคาเฟอีนไป
00:02:01 → 00:02:03 กระตุ้นแต่ช่วงหลังเนี่ยเขาคก็บอกว่าแม้
00:02:04 → 00:02:06 กระทั่งทานกาแฟซึ่งไม่ได้มีคาเฟอีนเป็น
00:02:06 → 00:02:09 พวกดีคาเฟอีนเองก็อาจจะมีผลใกล้เคียงกัน
00:02:09 → 00:02:12 นะครับก็มันจะเป็นคุณสมบัติอันนึงของตัว
00:02:12 → 00:02:16 กาแฟที่ไปกระตุ้นทำให้ระบบประสาทเนี่ยมี
00:02:16 → 00:02:19 ความมีการบีบตัวมากขึ้นนะครับอันที่ 1 นะ
00:02:19 → 00:02:23 ครับครับแล้วก็ส่วนที่บอกว่าถ้าทานนานๆ
00:02:23 → 00:02:25 แล้วเนี่ยนอกจากตัวที่ไปกระตุ้นศาสตร์
00:02:25 → 00:02:29 แล้วเนี่ยมันก็จะมีนะคในกาแฟเนี่จะมีพวก
00:02:29 → 00:02:31 เค้าเรียกคารบไฮเดรตที่เป็นโมเลกุลเล็กๆ
00:02:31 → 00:02:34 นะครับซึ่งพวกเนี้ยมันจะเป็นอาหารที่ดี
00:02:34 → 00:02:37 สำหรับเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในลำไส้ใหญ่
00:02:37 → 00:02:40 นะครับอืถ้าทานเข้าไปเนี่ยมันก็จะทำให้
00:02:40 → 00:02:43 เป็นอาหารของแบคทีเรียตัวดีนะฮะแล้วมันก็
00:02:43 → 00:02:47 ไปย่อยในลำไส้ใหญ่ทำให้มีการเปลี่ยนแปลง
00:02:47 → 00:02:50 ของภาวะเป็นรวดในลำไส้ทำให้มีการขับถ่าย
00:02:50 → 00:02:54 ดีขึ้นในระยะยาวได้ครับอืก็จะมี 2 กลไก
00:02:54 → 00:02:57 ใหญ่ๆนะครับอืครับ 2 กลไกใหญ่ๆนะครับ
00:02:57 → 00:03:00 เพราะฉะนั้นแล้วคือก็เลยจะอยากจะถามคุณ
00:03:00 → 00:03:04 หมอนะครับว่าแล้วช่วงเวลาไหนที่เหมาะกับ
00:03:04 → 00:03:08 การทานกาแฟเพื่อที่จะช่วยทำให้ระบบขับ
00:03:08 → 00:03:10 ถ่ายของเราเนี่ยทำงานได้อย่างมี
00:03:10 → 00:03:13 ประสิทธิภาพมากที่สุดนะครับคุณหมอครับ
00:03:13 → 00:03:16 แล้วโดยทั่วไปเนี่ยเราก็จะขับถ่ายกันช่วง
00:03:16 → 00:03:19 เช้าใช่มั้ยฮะฮะันนี้จริงๆเนี่ยถ้าจะทาน
00:03:20 → 00:03:22 กาแฟและกระตู้นให้ถ่ายก็น่าจะเป็นช่วง
00:03:22 → 00:03:25 เช้านะครับครับอนะแต่คราวนี้ก็ต้องดูนิด
00:03:25 → 00:03:28 นึงว่าโดยมากเราก็จะทานกันหลังอาหารอืแต่
00:03:29 → 00:03:31 ว่าบางท่านก็มีเหมือนกันที่ทานกาแฟแทน
00:03:31 → 00:03:35 อาหารเช้านะครับอ่าก็จะทานช่วงเช้าก็จะ
00:03:35 → 00:03:38 โดยช่วงๆก็ใช้เวลาอย่างที่บอกครับประมาณ
00:03:38 → 00:03:40 10-15 นาทีถึงครึ่งชั่วโมงก็ากจะกระตุ้น
00:03:40 → 00:03:43 ให้มีการขับถ่ายได้ครับค่ะอาจารย์คะทีนี้
00:03:43 → 00:03:46 พุกคนจะสงสัยว่าถ้า 10-15 นาทีเนี่ยค่ะ
00:03:46 → 00:03:49 อาจารย์ต้องเป็นกาแฟสดกาแฟดำหรือว่าแบบ
00:03:49 → 00:03:52 พวกกาแฟใช่หรือว่าแบบกาแฟผสมนมอย่างอื่น
00:03:52 → 00:03:55 ก็ได้ค่ะเพราะบางคนบอกว่าโดยโดยทั่วไป
00:03:55 → 00:03:59 เนี่ยตัวที่เป็นตัวกระตุ้นจริงๆก็คือตัว
00:03:59 → 00:04:02 กาแฟเองนะครับคส่วนว่าถ้าเกิดว่าท่านที่
00:04:02 → 00:04:06 ชอบลักษณะของกาแฟก็แล้วแต่แต่ละท่านจะชอบ
00:04:06 → 00:04:10 ว่าเป็นกาแฟดำหรือจะเป็นกาแฟที่เป็นพวก
00:04:10 → 00:04:14 คาปูชิโน่ที่ผสมครีมหรือจะเป็นกาแฟที่
00:04:14 → 00:04:17 เป็นกาแฟที่แบบเกี่ยวข้องกับมีลักษณะผสม
00:04:17 → 00:04:20 น้ำตาลอะไรอย่างงี้ก็ก็อาจจะพอได้อืแต่
00:04:20 → 00:04:23 ถ้าตัวที่กาแฟที่น่าจะออกได้ดีที่สุดน่า
00:04:23 → 00:04:27 จะเป็นกาแฟดำมากกว่าครับออกาแฟดำก็อันนี้
00:04:27 → 00:04:30 เดี๋ยวขอแชร์ประสบการณ์นิดนึงว่าผมเนี่ย
00:04:30 → 00:04:32 ตื่นขึ้นมาทำกาแฟทุกเช้าครับคุณหมอครับ
00:04:32 → 00:04:35 มันเป็นอย่างที่คุณหมอว่าจริงๆครับคือพอ
00:04:35 → 00:04:38 ทานไปปั๊บก็คือผมจะอาศัยกินตอนท้องว่าง
00:04:38 → 00:04:42 เลยตื่นมาปั๊บซัดกาแฟก่อนเลยใช้เวลาไม่
00:04:42 → 00:04:46 เกิน 20 นาทีระบบการทำงานเริ่มเริ่มติด
00:04:46 → 00:04:48 เครื่องครับคุณหมอครับมันเป็นอย่างงั้น
00:04:48 → 00:04:53 จริงๆฮะคุณหมอฮะอแล้วถ้าก็ก็ครับผมก็
00:04:53 → 00:04:57 อย่างที่อย่างที่เราเราจะเห็นว่ามันจริงๆ
00:04:57 → 00:04:59 มันจะออกเรเร็วเนื่องจากว่ามันไม่ได้มัน
00:04:59 → 00:05:01 มันจะกระตุ้นเรื่องระบบประสาทพวกนี้เนี่ย
00:05:01 → 00:05:04 การทำงานก็จะเร็วครับแต่สิ่งที่จะเน้นนิด
00:05:04 → 00:05:08 นึงก็คือว่าแต่ละคนเนี่ยความไวต่อกาแฟนี่
00:05:08 → 00:05:11 จะไม่เท่ากันนะครับฮะบางคนทานแล้วอาจจะ
00:05:11 → 00:05:14 รู้สึกอยากถ่ายแต่ว่าบางคนทานก็ไม่ถ่ายก็
00:05:14 → 00:05:17 มีนะครับอะนั้นก็ไม่ได้ว่าทุกท่านจะจะ
00:05:17 → 00:05:19 เหมือนกันนะครับจะไม่เหมือนกันทีเดียว
00:05:19 → 00:05:22 ครับอ๋อคือบางคนก็ถ่ายบางคนก็ไม่ถ่าย
00:05:22 → 00:05:25 เงี้ยเหรอคะอาจารย์อ่าใช่ครับขึ้นกับ
00:05:25 → 00:05:27 ลักษณะของปลายประสาทความไหวของแต่ละคน
00:05:27 → 00:05:30 ด้วยเหมือนกันครับออทนี้แล้วการึพุบว่า
00:05:30 → 00:05:32 ประมาณสัก 1 ใน 3 เนี่ยกินแล้วจะถ่ายมาก
00:05:32 → 00:05:36 ขึ้นอืที่เหลือเนี่ยคือกินแล้วก็ก็อาจจะ
00:05:36 → 00:05:39 ไม่ค่อยช่วยเท่าไหร่เหมือนกันอ๋อก็มีแค่ 1
00:05:39 → 00:05:42 ใน 3 นะคะโที่นี้มีความรู้สึกว่าเอ๊ะเรา
00:05:42 → 00:05:44 ควรทดลองมยอะไรอย่างเงี้ยสำหรับคนที่แบบ
00:05:44 → 00:05:47 ถ่ายแล้วบอกว่าเป็นสิ่งที่เราสามารถจะทด
00:05:47 → 00:05:50 ลองได้ออย่าอย่าของคุณอ่านเงี้ยก็คือโชค
00:05:50 → 00:05:54 ดีกินแล้วถายอ๋ออนั้นคนั้นโชคดีแต่ว่าเออ
00:05:55 → 00:05:58 แต่บางคนกินแล้วอาจจะแบบเอ๊ะทำไมเบอกกิน
00:05:58 → 00:06:01 กาแฟแล้วมันช่วยของเรากินแล้วก็เฉยๆก็มี
00:06:01 → 00:06:04 นะครับก็ก็ขึ้นจากแต่ละบุคคลด้วยเหมือน
00:06:04 → 00:06:07 กันครับอออาจารย์คะบางครั้งคิดในใจว่าเ่อ
00:06:07 → 00:06:10 ชากาแฟเมีคาเฟอีนใช่มั้ยคะแล้วถ้ากินทำไม
00:06:10 → 00:06:13 ทำไมชาเนี่ยทานเท่าไหร่ก็ท้องผูกไม่ถ่าย
00:06:13 → 00:06:16 แล้วทำไมกาแฟถึงถ่ายเออบางคนก็จะแบบสงสัย
00:06:16 → 00:06:18 ว่าอ้ามันก็หมวดเดียวกันนี่นามันก็น่าจะ
00:06:18 → 00:06:20 ได้นะเอมันก็มีพวกขานคาเฟอีนเหมือนกันใช่
00:06:20 → 00:06:23 มั้ยมันไม่ใกล้กันเลยใช่มั้ยคะกาแฟกับชา
00:06:23 → 00:06:28 เนี่ยค่ะอ๋อก็คือมันตัวชากับกาแฟใช่มั้ย
00:06:28 → 00:06:32 ครับค่ะครับอ๋อคือตัวชามันจะมีสารผสมบาง
00:06:32 → 00:06:35 อย่างซึ่งกาแฟไม่มีอ่ะครับซึ่งสารผสมพวก
00:06:35 → 00:06:39 นั้นเนี่ยบางทีมันทำให้ไปทำให้ไปดูดซับ
00:06:39 → 00:06:42 เรื่องของเกี่ยวข้องกับพวกน้ำพวกอะไรพวก
00:06:42 → 00:06:45 เยเกือแร่ทำให้การถ่ายเราอาจจะไม่ไม่ได้
00:06:45 → 00:06:49 ถ่ายเหมือนกาแฟพวกเจะมีสารบางตัวนะฮะอ่า
00:06:49 → 00:06:51 แทมินพวกอะไรพวกนี้ซึ่งซึ่งพวกนี้เนี่ย
00:06:51 → 00:06:54 มันก็จะทำให้คุณสมบัติเรื่องของการถ่าย
00:06:54 → 00:06:57 มันก็เลยไม่เหมือนกันทีเดียวนะครับอืงั้น
00:06:57 → 00:07:00 นั้นบางคนบอกว่าทานชาแล้วอาจจะมีการถ่าย
00:07:00 → 00:07:02 ถ่ายแบบถ่าแข็งเพิ่มขึ้นหน่อยอะไรอย่า
00:07:02 → 00:07:03 เงี้ยก็
00:07:03 → 00:07:08 จะอ๋องั้นสายชาก็ตกไปเลยนะอคอกาแฟเท่า
00:07:08 → 00:07:10 นั้นที่จะช่วยถ่ายเอช่วยถ่ายได้ใช่ๆคุณ
00:07:11 → 00:07:13 หมอครับการที่จะกินเพื่อที่เราอยากจะให้
00:07:13 → 00:07:17 ระบบขับถ่ายของเราดีเนี่ยการกินช่วงท้อง
00:07:17 → 00:07:20 ว่างหรือว่ากินหลังอาหารเนี่ยมันมันมีผล
00:07:20 → 00:07:23 กับการทำงานของระบบขับถ่ายกันมากน้อยขนาด
00:07:23 → 00:07:27 ไหนครับคุณหมอฮะเอ่อจริงๆแล้วเนื่องจาก
00:07:27 → 00:07:31 ว่ากลไกการออกิของมันเนี่ยอย่างที่บอก
00:07:31 → 00:07:34 ครับว่ามันไปกระตุ้นระบบประสาทจริงๆเนี่ย
00:07:34 → 00:07:38 ก็ถ้าเรากินช่วงหลังอาหารเนี่ยก็จริงๆ
00:07:38 → 00:07:40 อาหารที่เรากินช่วงเช้าเนี่ยมันก็เป็นตัว
00:07:40 → 00:07:43 ที่ไปกระตุ้นเรื่องของระบบกับ่ายอยู่แล้ว
00:07:43 → 00:07:45 ด้วยส่วนครับอือันนี้ถ้าเกิดว่ากินร่วม
00:07:45 → 00:07:49 กับกาแฟก็อาจจะกระตุ้นมากขึ้นได้แต่ว่า
00:07:49 → 00:07:53 มันก็บางทีเราทานอาหารแล้วทานกาแฟต้อง
00:07:53 → 00:07:55 เว้นช่วงนิดนึงประมาณสักครึ่งชั่วโมงอะไร
00:07:55 → 00:07:57 อย่าเงี้ยมันขึ้นกับว่าความสะดวกของเรา
00:07:57 → 00:08:00 แล้วว่าเวลาของเราเนี่ยมันมีมากน้อยแค่
00:08:00 → 00:08:05 ไหนเช่นตอนเช้าบางท่านก็เอ่อเวลาต้องไปทำ
00:08:05 → 00:08:09 งานอะไรเงี้ยมันก็จะมีเราก็ไม่อยากที่จะ
00:08:09 → 00:08:11 ใช้เวลาตรงนั้นเยอะอะไรเงี้ยครับยกเว้น
00:08:11 → 00:08:14 ว่าบางท่านสะดวกไปถ่ายที่ทำงานเนี่ยก็แนะ
00:08:14 → 00:08:16 นำทานอาหารเช้าที่บ้านทานกาแฟที่ทำงาน
00:08:16 → 00:08:19 แล้วก็ไปถ่ายก็โอเคถ้าเราสามารถที่จะปรับ
00:08:19 → 00:08:23 เวลาตรงนได้ครับอืตอนนี้รถติดมากกลัวไป
00:08:23 → 00:08:26 ถ่ายกลางทางเคะอ่าก็จะบางคนอย่างที่อย่าง
00:08:26 → 00:08:28 ที่บอกครับว่าบางท่านทานแล้วมันก็รู้สึก
00:08:28 → 00:08:31 อยาก่าใช่มั้ยฮะอือ่าแต่บางท่านก็อาจจะ
00:08:31 → 00:08:34 อาจจะอาจจะไม่มีตเียตรงนี้ก็ได้เพราะว่า
00:08:34 → 00:08:36 ขึ้นอยู่แต่ละท่านแต่ถ้าเกิดว่าถ้าสะดวก
00:08:36 → 00:08:38 เรามีเวลาเนี่ยตรงนั้นมีปัญหาครับสามารถ
00:08:39 → 00:08:42 ที่จะปรับได้ครับอือาจารย์คะแล้วเที่เขา
00:08:42 → 00:08:44 บอกว่าเนี่ยหนูเห็นดูแบบผู้รู้ทาง YouTube
00:08:44 → 00:08:48 เนี่ยสารพัก็บอกว่าตื่นมานะต้องต้องดื่ม
00:08:48 → 00:08:51 น้ำก่อนเลยนะแบบเอ่อซักอะไรนะ
00:08:51 → 00:08:55 230 230 cc เออ ML มิลลิลิตรหรืออะไร
00:08:55 → 00:08:58 เนี่ยค่ะอาจารย์เพื่อได้ทานแล้วก็แบบว่า
00:08:58 → 00:09:01 จะได้แบบช่วยขับถ่ามันเอออันนี้อันนี้ถ้า
00:09:01 → 00:09:04 ถ้าในกรณีคนที่ไม่ไม่ทานกาแฟไม่ไม่ไม่
00:09:04 → 00:09:07 สามารถที่จะโอโหเอากาแฟเข้าสู่ร่างกายได้
00:09:07 → 00:09:10 มันก็จะมีหลากหลายวิชาความรู้เหลือเกินใน
00:09:10 → 00:09:12 โลกโซเชียลอย่างที่พี่หยกบอกก็คือบรรดา
00:09:12 → 00:09:16 กูรูทั้งหลายเออบอกกันหลากหลายวิธีเลยอัน
00:09:16 → 00:09:18 นี้มันช่วยมั้คะอาจารย์คือให้น้ำเป็นตัว
00:09:18 → 00:09:20 กระตุ้นตื่นมาปุ๊บกินน้ำเลยอะไรอย่าง
00:09:20 → 00:09:25 เงี้ยค่ะก็จริงๆบางคนก็บอกว่าการามน้ำ
00:09:25 → 00:09:27 อุ่นเนี่ยก็สามารถที่กระตุ้นให้มีลำไส้
00:09:27 → 00:09:31 บีบตัวได้เหมือนกันอืแล้วก็การที่เราทาน
00:09:31 → 00:09:34 น้ำโดยมากเราก็จะเขาจะแนะนำให้ทานเยอะนิด
00:09:34 → 00:09:38 นึงอืสุเลขเอาจจะเป็นฤทธิ์นะครับขึ้นไปก็
00:09:38 → 00:09:41 อาจจะทำให้ตัวน้ำเนี่ยมันลงใลำไส้แล้วมัน
00:09:41 → 00:09:43 ก็กระตุ้นให้มีการบีบตัวของลำไส้ได้
00:09:43 → 00:09:46 เหมือนกันอเพียงแต่ว่าการทานน้ำปริมาณมาก
00:09:46 → 00:09:50 ก็ต้องระวังนิดนึงเพราะว่าเอ่อในในบาง
00:09:50 → 00:09:54 ท่านที่มีปัญหาเรื่องเช่นโรคหัวใจโรคความ
00:09:54 → 00:09:57 ดันโรคไตอะไรพวกนี้ครับถ้าเราทานมากเกิน
00:09:57 → 00:10:00 ไปก็อาจจะเกิดอันตรายได้เพราฉะนั้นเราก็
00:10:00 → 00:10:02 ไม่แนะนำให้ทานมากทานก็นานเป็นนักอุ่นดี
00:10:02 → 00:10:06 กว่าสักแก้ว 2 แก้วน่าจะน่าจะปลอดภัยกว่า
00:10:06 → 00:10:08 แล้วก็สามารถกระตุ้นให้มีการขับ่ายได้
00:10:08 → 00:10:10 เหมือนกันครับออเนี่ยค่ะแต่ว่าบางคนทาน
00:10:10 → 00:10:13 เป็นฤทธิ์นี่บางทีก็บางคนก็ไม่ไหวเหมือน
00:10:13 → 00:10:16 กันนะครับใชครับเป็นฤทธิ์นี่คงจะฉีเยอะ
00:10:16 → 00:10:19 เลยนะค่ะเพราะว่าแก้วนึงเยประมาณ 250
00:10:19 → 00:10:22 ซีซีอ่ะครับผม 250 ซีซราะนั้นถ้าเกิดเรา
00:10:22 → 00:10:25 ทานสัก 2 แก้วอะไรอย่าเงี้ย 500 ซีซีก็พอ
00:10:25 → 00:10:28 ไวแต่บางคนบางท่านบอกดื่มน้ำไปเลยลิตร 2
00:10:28 → 00:10:32 ลิตรซึ่งในการปฏิบัติบางทีเราก็จะลำบาก
00:10:32 → 00:10:35 นิดนึงว่าเพะคนธรรมดาบางทีทาน 2 ิตที
00:10:35 → 00:10:39 เดียวก็ไม่ไหวอยู่แล้วอืถ้าเกิดว่าท่าน
00:10:39 → 00:10:43 ท่านที่อายุสูงอายุนิดนึงมีโรคหัวใจมีโรค
00:10:43 → 00:10:47 ไตอะไรพวกเนี้ยก็จะลำบากอืค่ะมันจะมีอีก
00:10:47 → 00:10:50 หน 1 ข้อมูลครับผมนอกจากทานน้ำเปล่าแล้ว
00:10:50 → 00:10:52 มันก็จะมีอ่ะเป็นน้ำเปล่าเหมือนกันแต่ว่า
00:10:52 → 00:10:55 ให้บีบมะนาวลงไปสัก 1 ซีกตรงนี้เนี่ยมัน
00:10:55 → 00:10:59 จะช่วยเรื่องของการขับถ่ายได้มากน้อยขนาด
00:10:59 → 00:11:03 ไหนฮคุณหมอฮะน้ำเปล่าผสมบีบมะนาวลงไป่ะฮะ
00:11:03 → 00:11:08 อเอ่อจริงๆมะนาวก็จะเป็นตัวเป็นกดนะเป็น
00:11:08 → 00:11:11 คล้ายๆกดอืกดตัวนี้เนี่ยจริงๆก็มีอาจจะ
00:11:11 → 00:11:14 เป็นไปได้ว่าการให้บีบมะนาวเข้าไปก็
00:11:14 → 00:11:17 เหมือนกับเรากินมีลักษณะของกดเข้าไปใน
00:11:17 → 00:11:20 กระเพาะไปกระตุ้นให้ลำไส้มันมีการบีบตัว
00:11:20 → 00:11:22 ก็อาจจะทำได้เหมือนกันนะครับแต่ว่าจริงๆ
00:11:22 → 00:11:26 ก็ถ้ามะนาวก็ไม่แนะนำให้มันเปรี้ยวมาก
00:11:26 → 00:11:28 เกินไปเพราะว่ามันก็มีผลระคายกระเปาะได้
00:11:28 → 00:11:31 เหมือนกันตอนนี้ไม่ไม่มีก็สามารถที่จะใช้
00:11:31 → 00:11:33 ได้เพราะว่าหลักหลักการของการถ่ายช่วง
00:11:34 → 00:11:36 เช้าที่เราถ่ายกันเนี่ยครับมันไม่ใช่ว่า
00:11:36 → 00:11:40 กินเข้าไปแล้วมันลงไปลำไส้กระตุ้นลำไส้
00:11:40 → 00:11:44 โดยตรงแต่ว่ามันจะเป็นแากผ่านเเรียกผ่าน
00:11:44 → 00:11:47 วงจรประสาอือฮะกระตุ้นเวลากินเข้าไปเนี่ย
00:11:47 → 00:11:50 ที่กระเพาะอาหารแล้วกระตุ้นให้ลำไส้เรา
00:11:50 → 00:11:53 ถ่ายนะครับซึ่งอะไรก็ตามที่กินเข้าไปแล้ว
00:11:53 → 00:11:55 สามารถกระตุ้นตรงนี้ได้เนี่ยก็สามารถที่
00:11:55 → 00:11:58 จะทำให้เรารู้สึกอยากถ่ายได้เหมือนกับบาง
00:11:58 → 00:12:02 ครั้งทั้งเราทานอาหารอาหารเข้าไปแล้วตอน
00:12:02 → 00:12:05 เช้าเงี้ยบางท่านก็จะรู้สึกอยากจะเข้า
00:12:05 → 00:12:08 ห้องน้ำนะครับซึ่งเป็นระบับบางท่านนะครับ
00:12:08 → 00:12:10 บางท่านอาจจะไม่เป็นหรือเป็นนิดหน่อยอะไร
00:12:10 → 00:12:13 ครับอค่ะครับก็จะก้กายกันหลักการก็คือ
00:12:13 → 00:12:17 เหมือนกันอืค่ะมะนาวแพงค่ะอาจารย์กล้าบีบ
00:12:17 → 00:12:22 เยอะแต่ก็อาจจะแบบนาวแบบเอาแบบอะไรอ่ะ
00:12:22 → 00:12:23 มะนาว
00:12:23 → 00:12:26 แบบไม่ต้องใส่เยอะก็ได้ครับอ่าเอาเอาแบบ
00:12:26 → 00:12:30 พอดีๆๆให้พอมีเปรี้ยวปล่มๆมนิดนึงอ่าใช่
00:12:30 → 00:12:32 ชาตินิดนึงบางทีมันทำให้เราแบบอื่มน้ำ
00:12:32 → 00:12:34 เปล่ารู้สึกมันจะเออไม่ค่อยนั่นเท่าไหร่
00:12:34 → 00:12:37 ก็เติมมะนาวสักนิดนึงก็ได้ครับเพื่อให้
00:12:37 → 00:12:40 รชาติที่สุเนี่ยค่ะมีคุณผู้ฟังแชร์มาบอก
00:12:40 → 00:12:43 ว่าเข้าใจผิดมาตลอดเลยว่าแบบทานกาแฟแล้ว
00:12:43 → 00:12:46 ท้องผูกอ๋อทานได้นะวังจากอาจารย์เนี่ยค่ะ
00:12:46 → 00:12:49 อ่าก็จะก็จะช่วยได้แล้วปริมาณปริมาณที่
00:12:49 → 00:12:52 เราควรจะทานเพื่อให้มันช่วยเรื่องของระบบ
00:12:52 → 00:12:55 ขับถ่ายเนี่ยฮะคุณหมอฮะมันควรจะต้องกิน
00:12:55 → 00:12:58 กันกี่มากน้อยขนาดไหนครับเจ้าเจ้ากาแฟ
00:12:58 → 00:13:00 เนี่ยฮะ
00:13:00 → 00:13:04 ก็โดยมากก็สัก 1-2 แก้วก็พอครับโดยมากให้
00:13:04 → 00:13:06 ทานเยอะกว่านั้นเพราะ 1 แก้วมันก็มี
00:13:06 → 00:13:09 คาเฟอีนประมาณนัก 100 มิลิกรัมได้ครับอื
00:13:09 → 00:13:12 ค่ะเพโดยทั่วไปเราก็แนะนำวันนึงก็กาแฟไม่
00:13:12 → 00:13:16 คนเน 4 แก้วครับก็ก็ตอนเช้าเดินมากโดย
00:13:16 → 00:13:18 ทั่วไปทางทางปฏิบัติแล้วก็ทานแก้วเดียว
00:13:18 → 00:13:22 ครับทานไม่ทานเยอะถึง 2 แก้วก็ได้ครับ
00:13:22 → 00:13:24 ขึึ้นอยู่กาแฟที่เราทานด้วยว่าเป็นกาแฟ
00:13:24 → 00:13:27 แบบไหนครับนะอเพราะว่าถ้าเกิดเป็นพวก
00:13:27 → 00:13:31 คาปูชิโน่ทาน 2 แก้วเราคงเสลเราก็อิ่มเลย
00:13:31 → 00:13:33 ครับเพราะว่ามันใส่น้ำต่านใส่หลายๆอย่าง
00:13:33 → 00:13:37 ใชใช่ค่ะอ๋อแ่ซัก 1-2 แก้วเออขืนเต็ม
00:13:37 → 00:13:40 ลิมิต 4 แก้วนี่หนูหยกคิดว่าไม่น่าจะหลับ
00:13:40 → 00:13:43 กันคอือใช่ก็มันจะมีเพราะว่าเ้าบอกว่าถ้า
00:13:43 → 00:13:47 มันทานคือกาแฟเนี่ยมีข้อดีก็จริงนะครับ
00:13:47 → 00:13:50 แต่ถ้าเราามมากเกินไปก็มีข้อเสียได้
00:13:50 → 00:13:53 เหมือนกันครับอ๋อนี่ค่ะพูดถึงข้อเสียของ
00:13:53 → 00:13:56 กาแฟคาเฟอีนมาเลยค่ะพอดีมีคุณผู้ฟังทาง
00:13:56 → 00:13:58 บ้านถามมาพอดีนะเถามมาว่าอย่างไรครับพี่
00:13:58 → 00:14:01 หยกครับถามว่าถ้าทานคาเฟอีนเนี่ยค่ะจาก
00:14:01 → 00:14:05 กาแฟมากๆหน้าตาจะแก่มั้ยคะอาจารย์อะไรนะ
00:14:05 → 00:14:10 ทานไปมากๆหน้าจะแก่มั้ยคะอ๋อหน้าตาจริงๆ
00:14:10 → 00:14:13 ผลต่อหน้าตาเ้าไม่ค่อยมีเขียนนะครับแต่
00:14:13 → 00:14:15 ว่ามันจะมีผลต่อพวกหนึ่งก็คือการทำงานของ
00:14:15 → 00:14:19 หัวใจอ่ะครับอืมันจะทำให้ใจสั่นได้บางคน
00:14:19 → 00:14:22 ก็จะมีผลต่อเรื่องของนบางคนถ้ามีโรคบาง
00:14:22 → 00:14:25 อย่างกระตุ้นให้มีอาการโรคได้เช่นยกตัว
00:14:25 → 00:14:27 อย่างที่เราเจอบ่อยๆคือเรื่องของกดไหล
00:14:27 → 00:14:30 ย้อนนะฮะอครับออตัวกาแฟเองเนี่ยมันจะมีผล
00:14:30 → 00:14:33 ต่อกล้มเนื้อหูรูดบริเวณที่กั้นระหว่าง
00:14:33 → 00:14:37 หลอดอาหารกับเพาะอาหารนะครับมันก็ทำให้
00:14:37 → 00:14:40 แล้วก็อันที่ 2 กาแฟเองเนี่ยกระตุ้นให้มี
00:14:40 → 00:14:42 การหลังกดเพิ่มขึ้นนะครับเพราะฉะนั้นคน
00:14:42 → 00:14:45 ที่เป็นเรื่องของกดไหลย้อนหรือว่ามีโรค
00:14:45 → 00:14:47 กระเพาะร่วมด้วยก็ต้องมีความระมัดระวังนะ
00:14:47 → 00:14:51 ฮะออเอ่ออีกอีกประเด็นนึงก็คือว่ากาแฟ
00:14:51 → 00:14:53 เนี่ยมันกระตุ้นให้มีการบีบรัตัวของถุง
00:14:53 → 00:14:56 น้ำดีมากครับบางท่านก็แนะนำว่าถ้าเป็นโรค
00:14:56 → 00:14:59 นิ่วอยู่นะนิ่วในถุงน้ำดีก็อย่าทานกาแฟ
00:14:59 → 00:15:01 เยอะเพราะว่าบางทีไม่ทำให้มันาจะเป็น
00:15:01 → 00:15:05 ปัจจัยสิ่งนั้นไปเกิดถึงไม่บิงเได้อ๋อค่ะ
00:15:05 → 00:15:08 อาจารย์คะอย่างงี้ถ้าสมกับคนที่แบบมีแผล
00:15:08 → 00:15:11 ในกระเพาะอาหารหรือว่าอะไรก็ไม่ควรทานเลย
00:15:11 → 00:15:15 มันเป็นก็จริงๆก็ถ้าถ้าถ้าทานก็ทันใน
00:15:15 → 00:15:18 ปริมาณที่ไม่มากเช่นวันลแก้วพอได้อ่ะครับ
00:15:18 → 00:15:20 อืครับเพราะว่าตัวมันเองเนี่ยมีหลักฐาน
00:15:20 → 00:15:23 ทางการแพทย์ว่ามันกระตุ้นให้มีการหลังกด
00:15:23 → 00:15:26 เพิ่มขึ้นนะครับแต่ว่าหลักฐานว่าทำให้
00:15:26 → 00:15:29 เกิดแผลในโดยตรงจากกาแฟนี่ยังไม่มีนะครับ
00:15:29 → 00:15:32 ออแต่ว่าตัวที่ทำให้มันเกิดอาการแน่ๆคือ
00:15:32 → 00:15:35 ทำให้กดไหลย้อนกำเริบได้ครับงั้นคนที่
00:15:35 → 00:15:37 เป็นกดไหลย้อนคุณเหลียกเลี่ยงกาแฟครับเออ
00:15:37 → 00:15:41 ทรมานนะคะกดไลย้อนเนี่ยเคยเป็นกว่าจะหาย
00:15:41 → 00:15:46 นี่เป็นปีอืออือาการการที่ทากาแฟมากเกิน
00:15:46 → 00:15:48 ไปมันก็จะช่วยเรื่องมันจะทำให้ร่างกายของ
00:15:48 → 00:15:51 เราเนี่ยสูญเสียน้ำมากขึ้นจริงมั้ยฮะคุณ
00:15:51 → 00:15:56 หมอฮะอ่อก็จริงๆก็เ็ดหมัดใจนึงที่เราพูด
00:15:56 → 00:15:59 ถึงบ่อยๆก็คือกาแฟเนี่ยมันกระตุ้นให้การ
00:15:59 → 00:16:03 ดูดน้ำกับที่ไตของเราลดลงนะฮะอเราก็ทำให้
00:16:03 → 00:16:05 ปัสสาวะมากขึ้นครับเป็นจริงอย่างที่ที่
00:16:05 → 00:16:08 บอกนะเพราะฉะนั้นถ้าเกิดทานกาแฟมากๆเนี่ย
00:16:08 → 00:16:11 เแนะนำให้ดื่มน้ำตามไปด้วยเพื่อว่าลดการ
00:16:11 → 00:16:15 สูญเสียพวกน้ำแล้วก็อีกอันนึงก็คือว่า
00:16:15 → 00:16:17 กาแฟถ้าทานมากๆเนี่ยมันจะมีการสูญเสียพวก
00:16:17 → 00:16:21 แคลเซียมออกไปอุอ่าใช่กระดูกอ่าจะทำให้
00:16:21 → 00:16:23 เกิดเรื่องของพวกกระดูกบางได้ครับก็เป็น
00:16:23 → 00:16:26 ปัจจัยที่เราต้องระวัง้าทานกาแฟมากเกินไป
00:16:26 → 00:16:30 ออือ๋อเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ให้มี
00:16:30 → 00:16:33 เสี่ยงต่อการโรคกระดูกพุนอย่างงี้คุณหมอ
00:16:33 → 00:16:35 ฮะอใช่ครับถูกต้องครับเพราะฉะนั้นถ้าเกิด
00:16:35 → 00:16:38 ามมากเกินไปสมมุติเรามีมวลกระดูกที่ต่ำ
00:16:38 → 00:16:40 อยู่แล้วอะไรอย่าเงี้ยครับหรือว่าอ่ามี
00:16:40 → 00:16:43 ปัญหาเรื่องกระดูกพุนอยู่แล้วก็กาแฟก็
00:16:43 → 00:16:46 เป็นสิ่งหญิ่งที่เราอาจะต้องพยายามทานปรย
00:16:46 → 00:16:49 มาที่เหมาะสมหรือว่าไม่ทานบ่อยจนเกินไป
00:16:49 → 00:16:52 อ้าแล้วถ้าถ้ามีความเสี่ยงอย่างงี้ถ้า
00:16:52 → 00:16:55 อย่างงั้นกลุ่มคนที่กินลาเต้เนี่ยงก็ไม่
00:16:55 → 00:16:57 มีความเสี่ยงใช่มั้ยครับเพราะได้กาแฟด้วย
00:16:57 → 00:16:58 ได้นมเข้าไปด้วยครับคุณหมอฮะในนมมี
00:16:59 → 00:17:02 แคลเซียมครับออคือนมในกาแฟต้องเข้าใจว่า
00:17:02 → 00:17:05 มันเป็นนมที่ไม่ได้มีแคลเซียมอะไรมากใช่
00:17:05 → 00:17:08 ปริมาณนมที่เราทานแค่นั้นเนี่ยมันไม่พอนะ
00:17:08 → 00:17:12 ฮะเพราะแอ่าใช่มันเป็นแค่มันเป็นแค่
00:17:12 → 00:17:15 เครื่องเครื่องปรุงรสนะครับนะให้เรารู้
00:17:15 → 00:17:19 สึกว่ากาแฟเนี่ยมันอร่อยแต่ถมันทำกินเข้า
00:17:19 → 00:17:22 ไปเนี่ยเพราขนาดนมธรรมดาที่เราทานเนี่ย
00:17:22 → 00:17:25 เราเียมยังไม่พอเลยฮะเห็นว่าเรามีันนม
00:17:25 → 00:17:29 ซึ่งเป็นไงฮะมีการเติมแคลเซียมเข้าไปไแ
00:17:29 → 00:17:31 ใช่มฮะเพราะฉะนั้นนมที่เราทานทั่วไป 1
00:17:31 → 00:17:34 ปริมาณก็ไม่ได้เยอะอันที่ 2 เป็นนมซึ่ง
00:17:34 → 00:17:37 แคลเซียมก็ไม่ได้สูงมากนะครับอะนั้นคงไม่
00:17:37 → 00:17:40 จะทุคงเสบไค่อยได้ช่วยนประจนี้เท่าไหร่นะ
00:17:40 → 00:17:44 ฮะออ๋อจะมาสีธนนชัยแบบนี้ไม่ได้อ๋อนมใน
00:17:44 → 00:17:47 กาแฟที่ปรุงแต่งเข้าไปไม่ว่าจะเป็นปรุง
00:17:47 → 00:17:50 แต่งนิดเดียวครับอเพื่แวเสี้งครับอ๋อ
00:17:50 → 00:17:53 ลาเต้คาปูชิโนเตี้อะไรงี้ไม่ได้เลยไม่
00:17:53 → 00:17:58 เพลงพอแน่นอนใช่ครับผมออเพราะว่าครับผม
00:17:58 → 00:18:00 คือบางคนก็จะแบบว่าเอ๊ะมันก็เป็นนมเหมือน
00:18:00 → 00:18:02 กันนี่นาอะไรอย่างเงี้ยค่ะแต่ว่าจริงๆแต่
00:18:03 → 00:18:06 ว่าโดยๆๆปฏิบัติอย่างที่เราทราบนะว่านม
00:18:06 → 00:18:09 เพมีเวลาเราจะทานนมให้มันได้แคลเซียมเยอะ
00:18:09 → 00:18:11 ๆมันต้องทานปริมาณปริมาณมากอันที่ 2 อาจ
00:18:11 → 00:18:16 จะเนมที่เา้าเป็นนมที่มีการเติมแคลเซียม
00:18:16 → 00:18:18 เข้าไปเป็นพิเศษเพื่อว่าให้ปริมาณ
00:18:18 → 00:18:21 แคลเซียมเพียงพอความร่างกายของเราครับอื
00:18:21 → 00:18:26 นะคะก็ถ้าใครแบบมีโรคกระดูกพรนหรือว่ามี
00:18:26 → 00:18:29 ภาวะเสี่ยงกระดูกพุนกระดูกบางอยู่แล้วก็
00:18:29 → 00:18:32 อย่าอย่าทันคือไม่เรียก็อาจจะทานปริมาณ
00:18:32 → 00:18:35 ที่เหมาะสมนะครับแล้วก็อย่างที่เแนะนำกัน
00:18:35 → 00:18:38 ก็คือเวลาทานกาแฟแล้วก็ให้ดื่มน้ำตามออก็
00:18:38 → 00:18:41 เพิ่มไปนิดนึงเพราะว่าบางทีกาแฟทำให้มี
00:18:41 → 00:18:44 การสูญเสียน้ำเพิ่มขึ้นฉี่บ่อยอ่ะครับออ
00:18:44 → 00:18:48 ใช่สครับผมส่วนใหญ่บางส่วนใหญ่ค่ะรอบรอบ
00:18:48 → 00:18:51 ข้างแวดล้อมอ่ะส่วนใหญ่แบบว่าอ้าวทานกาแฟ
00:18:51 → 00:18:54 แล้วมันก็ไม่ต้องทานน้ำแล้วสิโหไม่ได้เลย
00:18:54 → 00:18:56 ออไม่ใช่ฮะเพราะว่ามันทำให้น้ำมันขทำให้
00:18:56 → 00:19:00 ไทมันขับขี่ออกมาเยอะครับใช่สเราก็ต้อง
00:19:00 → 00:19:02 ทานน้ำเพิ่มไปด้วยเพรานั้นบางทีจะทานกาแฟ
00:19:02 → 00:19:04 แล้วก็แนะนำให้ดื่มน้ำตามสักแก้ว 2 แก้ว
00:19:04 → 00:19:07 ก็ได้ก็ดีครับค่อยๆดื่มเพิ่มค่ะเพราะว่า
00:19:07 → 00:19:10 อย่างบางคนเนี่ยเนื่องจากข้าวของมันแพง
00:19:10 → 00:19:13 อาจจะทานข้าวแล้วแบบมีกาแฟทานไปเลยก็เลย
00:19:13 → 00:19:15 บอกว่างั้นไม่ทานน้ำเปล่าละกันเพราะว่ามี
00:19:15 → 00:19:19 กาแฟแล้วโอก็ก็ก็แนะนำว่าควรจะต้องตาร่วม
00:19:19 → 00:19:21 ด้วยครับใช่อืออันนี้ไม่ได้นะไม่ได้ไม่
00:19:22 → 00:19:25 ได้ไม่ได้นะฮะโอคุณหมอครับถ้าบางคนเนี่ย
00:19:25 → 00:19:28 ก็คืออ่ะฟังคุณหมอแล้วก็คืออยากอยากจะ
00:19:28 → 00:19:30 อยากจะไปลลองทานกาแฟเพื่อที่จะช่วย
00:19:30 → 00:19:33 กระตุ้นเรื่องของระบบขับถ่ายแต่ว่าบางคน
00:19:33 → 00:19:37 มันมีอาการพอได้เอากาแฟเข้าสู่ร่างกายและ
00:19:37 → 00:19:42 มันมีอาการปวดหัวปวดศีรษะวิงเวียนไปหมด
00:19:42 → 00:19:44 เนี่ยอาการเหล่านี้เนี่ยมันมันเกิดขึ้น
00:19:44 → 00:19:48 ได้เป็นเพราะอะไรครับคุณหมอฮะมันเป็น
00:19:48 → 00:19:51 อาการแพ้คาเฟอีนมั้แพ้กาแฟมั้ยฮะคุณหมอฮะ
00:19:51 → 00:19:55 ก็อาจจะเป็นผลผลของตัวคาเฟอีนเองด้วยนะ
00:19:55 → 00:19:59 ครับที่มันจะมีผลได้อือฮ 2 ก็เป็นผล
00:19:59 → 00:20:01 เนื่องจากอาจจะมีสารบางอย่างซึ่งการปรุง
00:20:01 → 00:20:05 เอ่อกาแฟของแต่ละที่ก็จะมีกระบวนการในการ
00:20:05 → 00:20:09 ผลิตที่แตกต่างกันนะครับอือาจะมีผลได้อัน
00:20:09 → 00:20:12 ที่ 3 ก็คือไอ้ตัวความเข้มข้นของคาเฟอีน
00:20:12 → 00:20:15 ก็มีความสำคัญนะครับอืถ้าเกิดว่าทานที่
00:20:15 → 00:20:17 มันเราไม่เคยทานมาก่อนอย่าเงี้ยบาคนจะมี
00:20:17 → 00:20:20 อาการหมื่นศีสะมีอาการเรื่องของแบบซึ้น
00:20:20 → 00:20:23 ไส้อะไรได้เหมือนกันนะครับอย่างที่บอกว่า
00:20:23 → 00:20:26 ตัวคาเฟอีนเองเนี่ยอันนึงที่มีผลก็คือไป
00:20:26 → 00:20:29 กระตุ้นให้กระเพาะเรามีการลังคเพิ่มขึ้น
00:20:29 → 00:20:31 อืๆซึ่งผลตรงนี้เองก็อาจจะเป็นตัวนึงที่
00:20:31 → 00:20:34 กระตุ้นให้เรามีอาการคลื่นไส้ผิพอบได้
00:20:34 → 00:20:37 ครับค่ะออือก็ต้องไปดูว่าเอ๊ะเรามีโรคถ้า
00:20:37 → 00:20:40 เรากินแล้วมันมีอาการเงี้ยจะต้องไปดูเช็ค
00:20:40 → 00:20:42 นิดนึงว่าเรามีปัญหาเรื่องกระเพาะอะไร
00:20:42 → 00:20:44 อยู่ก่อนหรือเปล่าหรือกดไรย้อนอย่างที่
00:20:44 → 00:20:47 บอกเกี้อือาจารย์คะเงี้ยค่ะพอเราเราเห็น
00:20:47 → 00:20:50 แล้วมันคนวัยทำงานไม่มีปัญหาแต่สำหรับ
00:20:50 → 00:20:53 เด็กๆล่ะคะอาจารย์ที่แบบอ่ายังเด็กเล็กๆ
00:20:53 → 00:20:56 อยู่อย่างเช่นแบบยังไม่ 15 16 เงี้ยค่ะ
00:20:56 → 00:20:58 สมควรทานกาแฟได้หรือยังแบบเพื่อช่วยขขับ
00:20:58 → 00:21:00 ถ่ายค่ะอาจารย์หรือว่าเขาควรจะไปเลี่ยง
00:21:00 → 00:21:03 อย่างอื่นก่อนก่อนที่เขาจะมากินกาเฟอืคือ
00:21:03 → 00:21:08 จริงๆถามว่ากาแฟเนี่ยในเด็กๆเนี่ยก็คือ
00:21:08 → 00:21:12 ว่าสมัยก่อนเราก็จะไม่ค่อยอยากให้เด็กทาน
00:21:12 → 00:21:15 เพราะว่ามีคาเฟอีนปัญหาของคาเฟอีนอันนึง
00:21:15 → 00:21:18 เนี่ยก็คือ 1 ก็คือเรื่องของผลชั่งเคียง
00:21:18 → 00:21:21 อย่างที่บอกไปนะครับอันที่ 2 คือทานแล้ว
00:21:21 → 00:21:27 มันคือติดฮะติดอือสังเกตครับเราทานกีนเรา
00:21:27 → 00:21:30 ทานกาแฟเราไม่ทานเราบางทีเราก็จะรู้สึก
00:21:30 → 00:21:34 ่วงเหาหานอนไม่มีแรงทำงานอะไอนั้นเราก็
00:21:34 → 00:21:36 เลยไม่ค่อยอยากให้เด็กทานเพราะมันจริงๆก็
00:21:36 → 00:21:39 มันก็มีการติดได้อ่ะครับนะเพราฉะนั้น
00:21:40 → 00:21:42 เนี่ยถ้าเกิดว่าเด็กเามีปัญหาเรื่องขำ
00:21:42 → 00:21:46 ถ่ายท้องูก็น่าจะปึกเอ่อไปปรับเรื่อง
00:21:46 → 00:21:49 พฤติกรรมเรื่องของการทานอาหารการออกกำลัง
00:21:49 → 00:21:53 กายครับอาหารที่มีกากใยมากขึ้นแล้วก็ดื่ม
00:21:53 → 00:21:57 น้ำมากขึ้นแล้วก็พักผอนให้เพียงพอออก
00:21:57 → 00:22:00 กำลังกายนจะดีกว่าการที่จะให้เข้ามาทาน
00:22:00 → 00:22:04 คาเฟอีนนะครับอืการออกคาเฟอีนเนี่ยเราคิด
00:22:04 → 00:22:06 ว่าผลพอยได้ของมันคือช่วยกันับ่ายแต่ว่า
00:22:06 → 00:22:09 เราเราเห็นว่าโดยทั่วไปเราเราเราเราไม่
00:22:09 → 00:22:12 ใช่จุดประสงค์หลักของเราทางแฟอีนเพสับ
00:22:12 → 00:22:16 ถ่ายใช่มั้ยฮะทางแฟอีนการกาแฟเพื่ออันที่
00:22:16 → 00:22:19 1 ก็คืออาจจะช่วยในเรื่องของการช่วยใน
00:22:19 → 00:22:21 การให้เรามีความกระปี้
00:22:21 → 00:22:24 กระเป๋านะฮะหรือว่าเกี่ยวช่วยเกี่ยวข้อง
00:22:24 → 00:22:29 กับเรื่องของเรื่องของสมาคมการการเข้า
00:22:29 → 00:22:31 สังคมใช่ค่ะกินกาแฟเพื่อเข้าสังคมใช่ค่ะ
00:22:31 → 00:22:35 เราบอกว่าขับข่าเป็นเป็นข้อต้องการหลัก
00:22:35 → 00:22:38 ของการทานคาเฟอีนนะครับนะนี้เราก็บางที
00:22:38 → 00:22:40 เราก็ทาึงจะเป็นอย่างงั้นมากกว่านะครับอ
00:22:40 → 00:22:44 อือ๋อนะฮะก็จะเป็นอย่างงี้คือถ้าถ้าอย่าง
00:22:44 → 00:22:46 งั้นแล้วเนี่ยอยากให้คุณหมอช่วยแนะนำนิด
00:22:46 → 00:22:48 นึงสำหรับใครที่อยาก
00:22:48 → 00:22:52 จะใช้กาแฟในการที่จะช่วยเรื่องของบำรุง
00:22:52 → 00:22:55 การขับถ่ายเราควรจะต้องเริ่มต้นยังไงกิน
00:22:55 → 00:22:58 อะไรแบบไหนยังไงดีครับเผื่อว่าเพะรู้ว่า
00:22:58 → 00:23:00 ไม่ใช่เรื่องหลักอ่ะค่ะอาจารย์แต่ว่าผล
00:23:00 → 00:23:03 ข้างข้างเคียงเราหวังเราหวังแค่ความข้าง
00:23:03 → 00:23:05 เคียงอย่างที่ที่อาจารย์ได้แนะนำไปนะค่ะ
00:23:05 → 00:23:09 ก็เลยจะถามว่าแบบว่าเอ๊ะมันควรจะเป็น
00:23:09 → 00:23:11 เริ่มเมื่อไหร่ดีช่วงเวลไหนสำหรับบางคน
00:23:11 → 00:23:13 คุณผู้ฟังบางคนเมื่อกี้ถามมาว่าเอ๊ะยัง
00:23:13 → 00:23:16 ไม่ได้ฟังตอนต้นอะไรงี้ใช่ๆๆๆฮะคือควรจะ
00:23:17 → 00:23:19 ต้องทานตอนท้องว่างกินกันมากน้อยอ่ายังไง
00:23:19 → 00:23:25 ประมาณนี้ฮะคุณหมอฮะแก็จริงๆตัวคาเฟอีน
00:23:25 → 00:23:28 เองนะครับถ้าจะทานให้ช่วยในการขับส่ายก็
00:23:28 → 00:23:31 คงเป็นช่วงเช้ามากกว่าครับอันนี้ก็อย่าง
00:23:31 → 00:23:33 ที่บอกนะครับว่าขึ้นกับ
00:23:33 → 00:23:39 ว่าช่วงเช้าเราเนี่ยทานอาหารเช้าด้วยไหม
00:23:39 → 00:23:42 ถ้าทานอาหารเช้าด้วยก็โดยมากเราก็แนะนำ
00:23:42 → 00:23:45 อาจจะเป็นหลังอาหารเช้าก็จะดีกว่าอืแต่
00:23:45 → 00:23:47 ถ้าไม่ทานอาหารเช้าเราก็สามารถที่จะทาน
00:23:47 → 00:23:51 กาแฟได้อยู่แล้วครับก็ทานกาแฟก็แนะนำถ้า
00:23:51 → 00:23:53 เป็นไปได้นะครับถ้าไม่ทานอาหารเนี่ยทาน
00:23:53 → 00:23:57 กาแฟก็อาจจะต้องอาจจะแนะนำให้ทานอ่าจะ
00:23:57 → 00:23:59 เป็นขนมปังเป็นอะไรร่วมด้วยอะไรอย่าง
00:23:59 → 00:24:01 เงี้ยนะครับนะฮะเพราะกาแฟอย่างเดียวเนี่ย
00:24:02 → 00:24:05 มันคงไม่พออืมโดยทั่วไปเราก็ทานถ้าเป็น
00:24:05 → 00:24:07 กาแฟก็ประมาณ 1 แก้วอย่างเต็มที่ก็ 2
00:24:07 → 00:24:11 แก้วแล้วก็ครับผมก็ถ้าเป็นกาแฟก็แนะนำถ้า
00:24:11 → 00:24:15 เป็นไปได้ก็จะเป็นกาแฟดำฮะออจะหรือเป็น
00:24:15 → 00:24:19 กาแฟที่แบบว่าใส่น้ำตาลนิดหน่อยได้ก็แนะ
00:24:19 → 00:24:22 นำหลีกเลี่ยงพวกครีมพวกอะไรพวกเยครับ
00:24:22 → 00:24:25 เพราะว่ามันก็จะทำให้อ่ามีผลต่อการย่อย
00:24:25 → 00:24:29 เรื่องของการอาจจะมีอาการอแน่นท้องได้นะ
00:24:29 → 00:24:33 ครับนะฮะแล้วก็หลังทานกาแฟเนี่ยก็โดยมาก
00:24:33 → 00:24:37 ก็ประมาณอย่างที่บอกไปนะครับประมาณ 15 20
00:24:37 → 00:24:40 นาทีหรือครึ่งชั่วโมงนะครับก็จะเปือบถ่าย
00:24:40 → 00:24:43 อืแล้วก็ที่จะเน้นันนึงก็คือว่าไม่ใช่ทุก
00:24:43 → 00:24:46 ท่านที่จะมีเ่อจะมีผลตรงนี้นะครับบางท่าน
00:24:46 → 00:24:49 ก็กินกาแฟก็ไม่ถ่ายก็มีเหมือนกันก็ต้อง
00:24:49 → 00:24:52 ว่าเราอสน้องเป็นยังไงใช่ๆอืแล้วก็อีกอัน
00:24:52 → 00:24:54 นึงก็คือว่าอย่างที่บอกกาแฟเนี่ยทำให้เรา
00:24:54 → 00:24:58 มีศูงเสียนน้ำได้ก็อาสื่นาตานิดนึงก็จะ
00:24:58 → 00:25:02 สักแก้วนึงอย่างน้อยก็จะดีครับอือ่าแล้ว
00:25:02 → 00:25:04 ก็เราต้องดูนิดนึงว่าเรามีโรคบางอย่างที่
00:25:04 → 00:25:08 เราแบบสแฟเนี่ยอาจจะมีผลได้มั้ยฮะโรคที่
00:25:08 → 00:25:11 สำคัญก็คือ 1 ผลยอนครับ 2 โรคกระเพาะ
00:25:11 → 00:25:14 เนี่ยมีผลอยู่บ้างอืรางั้นก็คือเรื่องของ
00:25:14 → 00:25:17 กระดูกพุนนะครับกาแฟก็จะทำให้โรคนี้เป็น
00:25:17 → 00:25:21 มากขึ้นได้ก็ต้องระวังครับผมโอคุณหมอครับ
00:25:21 → 00:25:24 แล้วถ้าถ้าเรื่องของระบบขับถ่ายเราดี
00:25:25 → 00:25:28 เนี่ยมันมันจะทำให้ร่างกายของเราเนี่ย
00:25:28 → 00:25:30 เนี่ยดีกว่าการที่ขับถ่ายไม่เป็นประจำ
00:25:31 → 00:25:33 เนี่ยยังไงได้บ้างฮะคุณหมอ
00:25:33 → 00:25:38 ฮะโดยทั่วไปร่างกายของคนเรานะครับก็ต้อง
00:25:38 → 00:25:41 มีการขับถ่ายทุกวันนะฮะหรืออย่างน้อย 2-3
00:25:41 → 00:25:43 วันต้องถ่ายทีนึงก็คืออาทิตย์นึงถ่าย
00:25:44 → 00:25:47 ประมาณ 3 ครั้งเป็นอย่างน้อยอืการขับถ่าย
00:25:47 → 00:25:50 เนี่ยก็เป็นการที่ร่างกายกำจัดนะครับสิ่ง
00:25:50 → 00:25:54 แกอ่าสิ่งที่เรียกว่าสิ่งที่เหลือจากการ
00:25:54 → 00:25:58 ย่อยอาหารแล้วก็ไม่ได้ใช้ประโยชน์ออกไปนะ
00:25:58 → 00:26:02 ครับนะเพื่อรับเรื่องของอาหารแล้วก็กัก
00:26:02 → 00:26:05 อาหารใหม่เข้ามานะครับอืเพราะนั้นถ้าเกิด
00:26:05 → 00:26:07 เราไม่ขับถ่ายเนี่ยอันที่ 1 ก็ถ้ามีสาร
00:26:07 → 00:26:10 พิษมีอะไรอยู่เนี่ยมันก็จะถูกดูดซึมเข้า
00:26:10 → 00:26:13 ไปในร่างกายได้นะครับอันที่ 2 ก็คือจะมี
00:26:13 → 00:26:15 ปัญหาเรื่องว่าเราไม่สามารถที่จะรับ
00:26:15 → 00:26:19 ประทานอาหารเพิ่มเติมจากที่เราปกติทานได้
00:26:19 → 00:26:23 ก็ทานไม่ได้เพราะท้องก็จะอืดก็จะแน่นอื
00:26:23 → 00:26:25 อันที่ 3 คือถ้าเกิดว่าเป็นมากๆพวกนี้
00:26:25 → 00:26:27 เนี่ยถ้าไม่ถ่ายเรื้อรังพวกนี้มีรำไส้
00:26:27 → 00:26:30 อุตันได้เลยเพราะว่าบางทีบางบางท่านเนี่ย
00:26:30 → 00:26:34 ท่านอุระบ่อยๆเช่นไปอยู่ข้างนอกไม่ชอบ
00:26:34 → 00:26:37 ห้องน้ำอะไรอย่างเงี้ยนะครับก็กั้นไว้
00:26:37 → 00:26:39 อย่างเงี้ยหรือว่าบางท่านงานยุ่งอ่ะครับ
00:26:39 → 00:26:43 นะต้องทำงานตลอดไม่อยากลุกไปเข้าห้องน้ำ
00:26:43 → 00:26:46 เลยก็มีนะครับเพนานๆเข้าเนี่ยก็จะทำให้
00:26:46 → 00:26:49 เราเสียนิสัยคราวนี้ก็คือการรำไส้เราก็จะ
00:26:49 → 00:26:52 ไม่ยอมถ่ายแต่ถ้าเกิดเราไม่ถ่ายเนี่ยก็จะ
00:26:52 → 00:26:55 มีข้อเสียงที่บอกก็คือมันจะมีพวกโอกาส
00:26:55 → 00:26:59 เสียงที่มีพวกสารพิษตก้างได้มีนำไส้อุตัน
00:26:59 → 00:27:01 ได้แล้วก็เราก็จะมีเรื่องของปัญหาเรื่อง
00:27:02 → 00:27:04 ของการรับประทานอาหารแล้วก็แน่นอึดอัดไม่
00:27:04 → 00:27:07 สบายท้องแล้วก็ทำให้เรารู้สึกว่าร่างกาย
00:27:07 → 00:27:10 เราเนี่ยก็จะมีความอย่าเบื่ออาหารแล้วก็
00:27:10 → 00:27:14 ทำให้มีโรคต่างๆแทกกอนได้ครับอือันนี้ก็
00:27:14 → 00:27:17 คือข้อดีของการขับถ่ายที่ที่ดีนะเพราคุณ
00:27:17 → 00:27:19 ทุกไปก็คงต้องขับถ่ายทุกวันไม่ว่าจะเป็น
00:27:19 → 00:27:23 เรื่องของปัสสาวะนะครับการขอิสระอะไร
00:27:24 → 00:27:26 เงี้ยครับนะฮะก็เป็นเป็นเป็นเคเรียกเป็น
00:27:27 → 00:27:28 กิจวัตรที่
00:27:29 → 00:27:31 ร่างกายเราจะต้องมีเพื่อว่าสามารถที่จะ
00:27:31 → 00:27:35 ดำรงเรื่องของผลุลของร่างกายของเราครับ
00:27:35 → 00:27:37 ความความเป็นปกตินั่นเองของร่างกายคือ
00:27:37 → 00:27:40 ต้องมีการขับถ่ายถ้าเราไม่ถ่ายเราจะปี
00:27:40 → 00:27:44 เสียกินไม่ถ่ายเลยไม่ได้นะคะแต่ว่าก็ถ้า
00:27:44 → 00:27:46 หวังผลข้างเคียนก็จะเป็นอย่างที่อาจารย์
00:27:46 → 00:27:49 บอกไว้ว่าไม่ได้ให้กาแฟเป็นตัวหลักแต่
00:27:49 → 00:27:52 กาแฟเป็นตัวอาจจะเป็นตัวเสริมที่จะช่วย
00:27:52 → 00:27:54 ให้อาจจะคล่องแต่ว่ามีแค่ 1 ใน 3 เท่า
00:27:54 → 00:27:56 นั้นที่บางคนจะถ่ายเพราะว่ามีคุณผู้ฟัง
00:27:56 → 00:27:58 เหมือนกันค่ะอาจารย์ก็ฟังแบบอาจารย์ก็เออ
00:27:58 → 00:28:01 ๆได้ความรู้แต่บางคนก็บอกว่าลองทานแล้ว
00:28:01 → 00:28:03 ไม่เห็นถ่ายเลยใช่ก็อย่างที่อาจารย์บอกก็
00:28:03 → 00:28:08 คืออาารว่าการการการตอบสนองเนี่ยไม่ใช่
00:28:08 → 00:28:12 ว่าทุกท่านทานแล้วมันจะจะแบบดีจะถ่ายทุก
00:28:12 → 00:28:15 คนนะฮะครับก็ต้องดูว่าเราลองดูก็ได้ครับ
00:28:15 → 00:28:18 นะลองทานกาแฟตอนเช้าดูซิักครึ่งชั่วโมง
00:28:18 → 00:28:21 ถ่ายมถ้าถ่ายโอ้ใช้ได้เเราแบบว่าเราอยาก
00:28:21 → 00:28:25 จะถ่ายตอนเช้าเราก็ทานดเราทานแล้วมันไม่
00:28:25 → 00:28:27 ถ่ายเนี่ยนี้ก็ต้องบอกเลยว่าผลตรงเนี้ย
00:28:27 → 00:28:31 มันมันก็จะไม่ช่วยแต่ว่าโอเคแว่าเราจะทาน
00:28:31 → 00:28:34 เพื่อว่าเช่นให้มันแบบตื่นตัวกระปี้
00:28:34 → 00:28:37 กระเป่าทำงานนั่นก็จะเป็นมันก็จะเป็นอีก
00:28:37 → 00:28:39 อีกจุดประสงค์หนึงที่เราทานกาแฟครับซึ่ง
00:28:39 → 00:28:42 แต่ว่าเราทานกาแฟเนี่ยเราทานเพื่อจุด
00:28:42 → 00:28:45 ประสงค์อะไรครับส่วนเรื่องการขับ่ายเนี่ย
00:28:45 → 00:28:47 เท่าที่ดูมันก็อาจจะเป็นผลพลอยได้อัน
00:28:47 → 00:28:50 หนึ่งซึ่งอจะได้ประโยชน์ในบางท่านนะครับ
00:28:51 → 00:28:54 ครับมีคุณผู้ฟังถามมาอย่างงี้ฮะคุณหมอฮะ
00:28:54 → 00:28:57 เอ่อท่านนี้โอโหผมไม่แน่ใจว่ามันมีความ
00:28:57 → 00:29:00 ผิดปกติหรือว่าเป็นปกติของคนทั่วไปหรือ
00:29:00 → 00:29:03 เปล่าเ้าบอกว่าถ่ายวันละ 2-3 ครั้งทุกวัน
00:29:03 → 00:29:07 เลยแบบเนี้ยปกติมั้ยฮะคุณหมอฮะคนเรามันจะ
00:29:07 → 00:29:11 มีโอกาสถ่ายได้ 2-3 ครั้งต่อวันเลยมยถ้า
00:29:11 → 00:29:14 ถ้าไม่นับเรื่องของการเป็นมีอาการท้อง
00:29:14 → 00:29:15 เสียอะไรแบบนี้ฮะคุณหมอ
00:29:15 → 00:29:21 ฮะคือโดยปกติคนเราเนี่ยการขับถ่ายเนี่ยก็
00:29:21 → 00:29:25 มีได้ตั้งแต่ 2-3 ครั้งต่อวันถึง 2-3
00:29:25 → 00:29:28 ครั้งต่อสัปดาห์ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติอ๋อ
00:29:28 → 00:29:31 แต่ว่าลักษณะที่เราต้องดูก็คือ 1 ลักษณะ
00:29:31 → 00:29:34 ที่เราเป็นอย่างเงี้ยมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก
00:29:35 → 00:29:38 ตั้งแต่นานหรือยังนะครับอนะถ้าปกติเรา
00:29:38 → 00:29:40 ถ่ายวันละครั้งแล้วอยู่ๆเรามาถ่ายวันละ
00:29:40 → 00:29:44 2-3 ครั้งเนี่ยคือผิดปกติออออันที่ 2
00:29:44 → 00:29:46 ของลักษณะอุจจาระที่ออกมาเป็นยังไงนะครับ
00:29:47 → 00:29:50 อืถ้าเกิดว่าถ่ายบ่อยจริงแต่อุจจาระเราก็
00:29:50 → 00:29:53 มีลักษณะนิ่มสีดีไม่มีเลือดไม่มีมูกบน
00:29:53 → 00:29:56 อะไรพวกเนี้ยมันก็ไม่ได้มีอะไรก็เป็นปกติ
00:29:56 → 00:29:59 ของเราได้อืแต่สมมิเราถ่ายออกมาเป็นน้ำ
00:29:59 → 00:30:02 เหลวเลยนะครับมีกลิ่น
00:30:02 → 00:30:06 คาวเลือดบนนะครับถ่ายไม่สุดอะไพวกเนี้ย
00:30:06 → 00:30:08 ต้องระวังว่ามันมีโรคของลำไส้อะไรเกิด
00:30:08 → 00:30:11 ขึ้นมาอยู่ข้างในหรือเปล่าที่ทำให้เรามี
00:30:11 → 00:30:13 ปัญหาพวกนี้ก็ควรจะมาพกแพร่เพื่อตรวจ
00:30:13 → 00:30:16 เพิ่มตืมนะครับค่ะครับงั้นก็ขึ้นอยู่กับ
00:30:16 → 00:30:19 ว่าอันที่ 1 เรามีปัจจัยเตือนเลยมยฮะจะ
00:30:19 → 00:30:22 อุจจาระเป็นยังไงแล้วก็สุขพันนิสัยของเรา
00:30:22 → 00:30:24 ตั้งแต่เดิมเนี่ยเป็นอย่างงนี้อยู่แล้ว
00:30:24 → 00:30:27 มั้ยอ่าอ่าเพราต้องดูประกอบกันหลายๆอย่าง
00:30:27 → 00:30:29 ครับพี่พี่คนนี้เฉลยเรียบร้อยแล้วว่าถ่าย
00:30:29 → 00:30:32 เป็นปกติเป็นแบบลักษณะแบบนี้มีเพื่อนแบบ
00:30:32 → 00:30:34 นี้เหมือนกันค่ะจากในกลุ่มเพื่อนของพวก
00:30:34 → 00:30:37 หยกจะเรียกว่าแหมไส้ตรงเป็นนกเลยนะแปบ
00:30:37 → 00:30:39 เดีวแปบเดีวก็ถ่ายแป๊บเดีก็ถ่ายเรียกว่า
00:30:39 → 00:30:43 เป็นลำไส้นะฮะลำไส้ไวหรือลำไส้แปบุโอแต่
00:30:43 → 00:30:46 มองว่าวาสนาดีนะคะไม่ต้องเก็บอะไรเยอะมาก
00:30:46 → 00:30:50 อือก็ก็บางคนก็รู้สึกว่าถ้าเกิดว่าถ่าย
00:30:50 → 00:30:52 2-3 ครั้งวันไหนถ่ายเหลือครั้งเดียวเขจะ
00:30:52 → 00:30:55 รู้สึกว่าไม่สบายท้องเพราะมันจะอืดอ๋ออัน
00:30:55 → 00:30:58 นี้ก็แล้วแต่บุคคลด้วยเนาะแล้วแต่สุใช่
00:30:58 → 00:31:00 ครับผมผมมีข้อสงสัยนิดนึงครับเมื่อกี้ที่
00:31:00 → 00:31:03 คุณหมอพูดว่าให้เราสังเกตสิ่งที่เราขับ
00:31:03 → 00:31:06 ถ่ายออกมาไอ้สีดีที่ว่ามันต้องสีอะไร
00:31:06 → 00:31:10 ประมาณไหนบ้างฮคุณหมอฮะก็โดยปกติอุจาระ
00:31:10 → 00:31:13 ของเรานี่ก็จะสีมันจะเป็นสีเหลืองเป็น
00:31:13 → 00:31:17 ก้อนนิ่มนะครับนะฮะเื่องสีเหลืองก็คือ
00:31:17 → 00:31:20 เป็นสีที่มีการขับถายน้ำดีจัดจับลงมานะฮะ
00:31:20 → 00:31:23 ถ้าเกิดอุจระเรามีความผปกติก็จะมีได้หลาย
00:31:23 → 00:31:29 อย่างเช่น 1 เนื้อเหลวกว่าปกตินะครับนี้
00:31:29 → 00:31:31 อาจจะโดนพวกสารพิดกินอะไรไม่สะอาดมาติด
00:31:31 → 00:31:35 เชื้ออันที่ 2 อุจจาระซีดถ้าอุจจารซีด
00:31:35 → 00:31:37 เนี่ยต้องระวังว่าจะมีปัญหาเกี่ยวข้องกับ
00:31:38 → 00:31:40 เรื่องของการย่อยหรือเรื่องของทางเรือน
00:31:40 → 00:31:44 น้ำดีผิดปกติได้นะครับ้าสีซีขาวเลยสีเทา
00:31:44 → 00:31:48 นะครับนะฮะสี 3 อุจระเป็นมันนะครับบางคน
00:31:48 → 00:31:50 ถ่ายออกมาเนี่ยจะมีมันลอยออกมาเห็นแล้ว
00:31:50 → 00:31:53 ทำไมอุถ่ายมีมันอ่าก็จะมีปัญหาเรื่องการ
00:31:53 → 00:31:56 ย่อยไขมันไม่ดีซึ่งโรคพวกนี้ก็จะเป็นโรค
00:31:56 → 00:31:58 ของลำสร้อยเล็กก็ได้
00:31:58 → 00:32:03 โรของอนะฮะอือันที่ 4 ก็คือถ่ายเป็นมูก
00:32:04 → 00:32:06 เลือดถ้าถ่ายเป็นมูกเลือดเนี่ยต้องระวัง
00:32:06 → 00:32:08 เรื่องการอักเสบติดเชื้อหรือที่เรากลัว
00:32:08 → 00:32:10 กันก็คือโรคของเรื่องของเรื่องของโรค
00:32:10 → 00:32:13 มะเร็งนะฮะตงนี้ก็เป็นสิ่งที่เราต้องต้อง
00:32:13 → 00:32:15 ระวังนะครับอ๋ออันนี้เป็นข้อสังเกตนะ
00:32:15 → 00:32:17 เดี๋ยวเรื่องนี้เนี่ยเดี๋ยวเราเก็บไว้
00:32:17 → 00:32:20 เดี๋ยวอาจจะต้องรบกวนคุณหมอในในโอกาสถัด
00:32:20 → 00:32:23 ไปนะฮะมามาพูดกันถึงเรื่องของสีของ
00:32:23 → 00:32:28 อุจจาระกันอ่านะคะครับผมได้ครับนี้แบบแ
00:32:28 → 00:32:30 แบบว่าได้รับความรู้จากอาจารย์ครบ้วนแล้ว
00:32:30 → 00:32:32 ก็มีคุณผู้ฟังแชร์มาหลากหลายส่วนใหญ่บอก
00:32:32 → 00:32:35 แล้วค่ะได้ผลบางคนก็บอกว่าไม่ได้ผลบางคน
00:32:35 → 00:32:38 ก็เออเอวันนี้ก็ได้ได้ความรู้นะที่เรียน
00:32:38 → 00:32:42 ให้ทราบนะครับว่าเราเราเราการได้ผลเนี่ย
00:32:42 → 00:32:45 จริงๆถ้าจการศึกษาเนี่ยก็ประมาณ 30 -50%
00:32:45 → 00:32:48 นะครับไม่ได้ไม่ได้ว่าทุกท่านกินแล้วจะ
00:32:48 → 00:32:52 ถ่ายปวดถ่ายทุกคนนะครับอ่าค่ะอืนะฮะโอห
00:32:52 → 00:32:54 วันนี้ต้องขอบพระคุณอาจารย์อย่างมากเลยนะ
00:32:54 → 00:32:56 คะอาจารยครับที่ให้ความรู้กับเรานะครับ
00:32:56 → 00:32:59 เรื่องกาแฟไม่ใช่เรื่องเล็กจริงๆนะขอบพระ
00:32:59 → 00:33:02 คุณคุณหมอมากๆนะครับคุณหมอครับครับผมครับ
00:33:02 → 00:33:05 กราบขอบพระคุณครับสวัสดีครับคุณหมอครับ
00:33:05 → 00:33:09 ขอบพระคุณค่ะอาจารย์สวัสดีค่ะอ่านะคะที่
00:33:09 → 00:33:13 จบไปที่พูดคุยนะคะก็อาจารย์สยามมาบ่อยนะ
00:33:13 → 00:33:15 ช่วยศาตราจารย์พิเศษนายแพทย์สยามนะคะ
00:33:15 → 00:33:18 สิรินธรปัญญานะคะหัวหน้างานนะคะโรคทาง
00:33:18 → 00:33:20 เดินอาหารกลุ่มงานยุธศาสตร์โรงพยาบาล
00:33:20 → 00:33:23 ราชวิถีค่ะ