00:00:00 → 00:00:02 เมื่อไม่นานมานี้นะครับองค์การอนามัยโลก
00:00:02 → 00:00:04 หรือว่า w h o เนี่ยออกมาเตือนว่าใคร
00:00:04 → 00:00:08 ที่กำลังพยายามจะลดน้ำหนักหรือว่าลดไขมัน
00:00:08 → 00:00:10 แล้วก็พยายามจะลดความเสี่ยงในการที่เป็น
00:00:10 → 00:00:13 โรคอ้วนโรคเบาหวานโรคความดันเนี่ยควรจะ
00:00:13 → 00:00:16 หลีกเลี่ยงการกิน sweeteners หรือว่าสาร
00:00:16 → 00:00:19 ให้ความหวานที่ไม่ใช่น้ำตาลนะฮะพอครูหรือ
00:00:19 → 00:00:20 ว่าองค์การอนามัยโลกประกาศออกมาแบบนั้น
00:00:20 → 00:00:24 เนี่ยก็เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะ
00:00:24 → 00:00:26 มากเลยแบ่งคนออกเป็น 2 ฝ่ายครับเอ้อส่วน
00:00:26 → 00:00:28 หนึ่งก็เห็นด้วยนะครับเพราะว่าเอ๊มันก็ดู
00:00:28 → 00:00:32 มีความเสี่ยงต่อสุขภาพระยะยาวนะแต่ในขณะ
00:00:32 → 00:00:34 ที่อีกกลุ่มนึงเนี่ยก็ออกมาเถียงว่าเฮ้ย
00:00:34 → 00:00:37 รู้สึกว่าฮูเนี่ยเปรมหรือว่าใส่ร้ายกับ
00:00:37 → 00:00:39 ไอ้เจ้าชีวิตเทนเนอร์เนี่ยมากจนเกินไป
00:00:39 → 00:00:41 จริงๆเนี่ยมันสามารถจะกินได้แล้วก็มันยัง
00:00:41 → 00:00:43 ปลอดภัยด้วยนะครับความจริงมันเป็นยังไง
00:00:43 → 00:00:46 วันนี้ผมฆ่าตัวสมบูรณ์แล้วก็ท็อปทูโทนนะ
00:00:46 → 00:00:49 ครับจะมาขยายความแล้วก็เล่าถึง
00:00:49 → 00:00:51 สวีทเทรนเนอร์ครับแล้วก็ดูซิว่าเราควรจะ
00:00:51 → 00:00:55 ยังกินอยู่ต่อหรือเปล่าครับรู้สึก
00:00:55 → 00:01:00 อายุเป็นหนึ่ง for you
00:01:00 → 00:01:03 port Cast สุขภาพที่ใช้วิทยาศาสตร์ไข
00:01:03 → 00:01:07 ปัญหาตั้งแต่หัวจดเท้า
00:01:07 → 00:01:09 เมื่อประมาณกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
00:01:09 → 00:01:11 เนี่ยครับครูเนี่ยออกมาเป็น guid Dance
00:01:11 → 00:01:14 เลยหรือว่าคำแนะนำเลยนะครับว่าใครก็ตามนะ
00:01:15 → 00:01:18 ครับที่กำลังจะลดน้ำหนักลด Fat เนี่ยควร
00:01:18 → 00:01:21 จะหลีกเลี่ยงการกิน sweether นะครับ List
00:01:21 → 00:01:23 มาเลยนะมีตัวอะไรบ้างนะครับเขาบอกว่ามีผม
00:01:23 → 00:01:25 ยกตัวอย่างแล้วกันเนาะคุณเลยบอกว่าเอ้ย
00:01:25 → 00:01:28 สิ่งที่ไม่ควรกินเลยแต่มีอะเฟรมเคนะครับ
00:01:28 → 00:01:32 หรือว่าเฟรมโปรตาเซียมมี Factory มี
00:01:32 → 00:01:35 Subaru มีหรือว่าหญ้าหวานนะครับเชื่อว่า
00:01:35 → 00:01:38 หลายๆคนน่าจะกินอยู่เนาะครูก็บอกว่าเฮ้ย
00:01:38 → 00:01:40 ไม่ต้องกินเลยเพราะว่าครูเนี่ยทำงานวิจัย
00:01:40 → 00:01:43 นะครับเรียกว่า Meta analysis ก็คือเอา
00:01:43 → 00:01:46 งานวิจัยหลายๆงานวิจัยเลยจำนวนเยอะๆนะ
00:01:46 → 00:01:50 ครับมาทำการวิเคราะห์ทางสถิติดูซิว่าคน
00:01:50 → 00:01:52 ที่กินไอ้สารให้ความหวานที่ไม่ใช่น้ำตาล
00:01:52 → 00:01:56 เหล่าเนี้ยเขาสามารถที่จะลดน้ำหนักลด Fat
00:01:56 → 00:01:59 ได้ไหมในระยะยาวนะครับเขาบอกว่ามันลดไม่
00:01:59 → 00:02:01 ได้เพราะฉะนั้นทางที่ดีเนี่ยเลี่ยงดีกว่า
00:02:01 → 00:02:04 เลี่ยงที่จะไปกินน้ำตาลตามธรรมชาติเช่น
00:02:04 → 00:02:06 น้ำตาลที่อยู่ในผลไม้นะครับเพราะว่านอก
00:02:06 → 00:02:09 จากจะได้น้ำตาลที่ดีแล้วยังได้ไฟเบอร์
00:02:09 → 00:02:11 ด้วยหรือทางที่ดีนะครับควรจะเลี่ยงการกิน
00:02:11 → 00:02:14 น้ำตาลไปเลยนะครับถ้าเกิดว่าเราอยากจะดู
00:02:14 → 00:02:16 แลสุขภาพของเราแล้วก็ลดความเสี่ยงที่จะ
00:02:16 → 00:02:19 เป็นโรคอ้วนโรคความดันโรคเบาหวานต่างๆนะ
00:02:19 → 00:02:21 ครับเพราะครูเขาประกาศออกมาแบบนี้นะครับ
00:02:21 → 00:02:23 หลายคนก็สับสนแล้วก็ตีความกันไปต่างๆนานา
00:02:23 → 00:02:26 นะครับเชื่อว่าคนจำนวนไม่น้อยเนี่ยพอเห็น
00:02:26 → 00:02:28 กายด้านนั้นก็จะเข้าใจว่า
00:02:28 → 00:02:32 อันตรายกับร่างกายของเรานะครับจนมีนัก
00:02:32 → 00:02:34 วิชาการกลุ่มนึงหรือว่ากูรูด้านสุขภาพคน
00:02:34 → 00:02:37 ที่ทำงานด้าน nutrition เนี่ยออกมาโต้
00:02:37 → 00:02:39 แย้งเลยนะครับว่าจริงๆแล้วเนี่ยมันมีงาน
00:02:39 → 00:02:42 วิจัยอีกจำนวนไม่น้อยเลยนะครับซึ่งก็ทำมา
00:02:42 → 00:02:45 ระยะเวลานานหลายปีแล้วเนี่ยบอกว่าการใช้
00:02:45 → 00:02:47 ชีวิตเทรนเนอร์เสานี้แทนน้ำตาลนะครับ
00:02:47 → 00:02:50 สามารถที่จะช่วยให้คนจำนวนไม่น้อยนะครับ
00:02:50 → 00:02:53 ลดน้ำหนักแล้วก็แม้กระทั่งคนที่เป็นโรค
00:02:53 → 00:02:55 เบาหวานเนี่ยสามารถที่จะควบคุมดูแลสุขภาพ
00:02:55 → 00:02:58 ร่างกายแล้วก็มีสุขภาพร่างกายที่ดีมาก
00:02:58 → 00:03:00 ยิ่งขึ้นได้นะครับแล้วทีนี้ความจริงมัน
00:03:00 → 00:03:02 เป็นยังไงครับเดี๋ยววันนี้เราจะมาไล่แซ็ก
00:03:02 → 00:03:04 ทีละข้อเลยเนาะเริ่มจากข้อแรกนะครับชีวิต
00:03:04 → 00:03:07 เทรนเนอร์หรือว่าสารให้ความหวานเนี่ย
00:03:07 → 00:03:10 มันไม่ให้แคลอรี่หรือว่ามีแคลอรี่น้อย
00:03:10 → 00:03:13 เนี่ยจริงไม่จริงนะครับคำตอบก็คือจริง
00:03:13 → 00:03:16 ครับต้องบอกว่าศาลให้ความหวานนะครับทุก
00:03:16 → 00:03:19 ชนิดเลยนะครับหลักการของมันเนี่ยที่มัน
00:03:19 → 00:03:22 ถูกพัฒนาถูกสร้างขึ้นมาเนี่ยครับเพื่อที่
00:03:22 → 00:03:25 ว่ามันสามารถที่จะใช้แทนน้ำตาลได้โดยที่
00:03:25 → 00:03:29 ไม่ให้แคลอรี่หรือว่ามีแคลอรี่น้อยมากๆ
00:03:29 → 00:03:31 เลยนะครับอย่างแรกที่ต้องมาทำความเข้าใจ
00:03:31 → 00:03:33 ตรงกันคือน้ำตาลเนี่ยมันให้ความหวานเวลา
00:03:33 → 00:03:35 ที่เราใส่น้ำตาลลงไปในอาหารในเครื่องดื่ม
00:03:35 → 00:03:38 ต่างๆแล้วพอเรากินเข้าไปน้ำตาลไปแตะที่
00:03:38 → 00:03:41 receptor หรือว่าตุ่มรับรสต่อมรับรถที่
00:03:41 → 00:03:43 อยู่ที่ลิ้นเนี่ยครับมันสามารถที่จะ
00:03:43 → 00:03:46 กระตุ้นต่อมรับลิ้นรสหวานได้แล้วก็ส่ง
00:03:46 → 00:03:48 สัญญาณไปบอกจะบอกว่าเอ้ยไอ้สิ่งที่เรากิน
00:03:48 → 00:03:51 มันหวานนะครับการกินน้ำตาลนอกจากเราจะรู้
00:03:51 → 00:03:53 สึกว่ามันหวานแล้วของแถมที่เราได้จากน้ำ
00:03:53 → 00:03:56 ตาลเนี่ยก็คือแคลอรี่หรือว่าพลังงานนะ
00:03:56 → 00:03:59 ครับโดยน้ำตาล 1 กรัมเนี่ยก็จะให้พลังงาน
00:04:00 → 00:04:02 หรือว่าแคลอรี่เนี่ย 4 แคลอรี่ต่อ 1 กรัม
00:04:02 → 00:04:05 นั่นเองในขณะที่ศาลให้ความหวานนะครับ
00:04:05 → 00:04:07 ชีวิตเทนเนอร์ทุกประเภทเนี่ยครับครับทำ
00:04:07 → 00:04:09 งานได้เหมือนน้ำตาลคือเมื่อไหร่ก็ตามที่
00:04:09 → 00:04:12 ศาลให้ความหวานเหล่านี้เนี่ยไปแตะหรือว่า
00:04:12 → 00:04:15 ไปสัมผัสกับตุ่มรับรสที่อยู่บนลิงนะครับ
00:04:15 → 00:04:17 ก็สามารถที่จะกระตุ้นต่อมรับรสหวานแล้วก็
00:04:17 → 00:04:20 ส่งสัญญาณไปบอกสมองได้ว่าเฮ้ยไอ้สิ่งที่
00:04:20 → 00:04:23 เรากินเนี่ยมันหวานเหมือนกับน้ำตาลเลยแต่
00:04:23 → 00:04:26 สิ่งที่แตกต่างจากน้ำตาลก็คือว่าไอ้เจ้า
00:04:26 → 00:04:28 ชีวิตเทนเนอร์เหล่านี้นะครับมันมีแคลอรี่
00:04:28 → 00:04:31 น้อยมากครับเทียบกับน้ำตาลหรือบางตัว
00:04:31 → 00:04:34 เนี่ยครับไม่มีแคลอรี่เลยนะครับยกตัว
00:04:34 → 00:04:36 อย่างนะครับสมมุติว่าเรากินน้ำตาล 1 ช้อน
00:04:36 → 00:04:39 ชานะครับโดยเฉลี่ยแล้วน้ำตาล 1 ช้อนชาจะ
00:04:39 → 00:04:42 ให้แคลอรี่ประมาณ 16 แคลอรี่นะครับแต่ถ้า
00:04:42 → 00:04:44 เกิดว่าเรากิน Sweet Trainer 1 ช้อนชา
00:04:45 → 00:04:47 ปริมาณเท่ากันเนี่ยครับจะได้แคลอรี่เพียง
00:04:47 → 00:04:50 แค่ไม่ถึง 4 แคลอรี่น้อยกว่ากันประมาณ
00:04:50 → 00:04:52 อย่างน้อย 3-4 เท่าเลยนะครับเพราะฉะนั้น
00:04:52 → 00:04:56 แน่นอนการกิน speakers แทนน้ำตาลเรายัง
00:04:56 → 00:04:59 ได้รับความหวานเหมือนกันแต่ได้รับแคลอรี่
00:04:59 → 00:05:02 น้อยลงกว่ากันแน่นอนครับเป็นเรื่องที่ถูก
00:05:02 → 00:05:04 ต้องเพราะฉะนั้นคนที่เป็นเบาหวานที่
00:05:04 → 00:05:07 พยายามจะควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดนะครับ
00:05:07 → 00:05:10 รวมไปถึงคนที่พยายามที่จะลดน้ำหนักควบคุม
00:05:10 → 00:05:13 Fat ภายในร่างกายหรือว่าอยากจะลดความ
00:05:13 → 00:05:15 อ้วนลดความเสี่ยงในการที่จะเป็นโรคความ
00:05:15 → 00:05:19 ดันโรคเบาหวานนะครับหรือว่าโรคอ้วนเนี่ย
00:05:19 → 00:05:23 ก็จึงมีคำแนะนำว่าเฮ้ยลองลดการกินน้ำตาล
00:05:23 → 00:05:27 แล้วก็มากินพวก sweeteners แทนไหมเพราะ
00:05:27 → 00:05:30 ว่าคุณยังได้สัมผัสถึงความหวานความอร่อย
00:05:30 → 00:05:32 ของอาหารหรือว่าเครื่องดื่มที่คุณกินใน
00:05:32 → 00:05:36 ขณะที่ได้รับแคลอรี่ลดลงนะครับก็เป็นหลัก
00:05:36 → 00:05:38 การที่ถูกต้องนั่นเองครับคำถามที่ 2 ครับ
00:05:38 → 00:05:40 แล้วไอ้เจ้าชีวิตเทนเนอร์หรือศาลให้ความ
00:05:40 → 00:05:43 หวานเนี่ยมันปลอดภัยกับร่างกายไหมในระยะ
00:05:43 → 00:05:46 ยาวนะครับคำตอบก็คือครับงานวิจัยเนี่ย
00:05:46 → 00:05:51 ครับมีผลสรุปออกมาทั้งบวกและลบนะครับแต่
00:05:51 → 00:05:53 ส่วนใหญ่นะครับบอกว่า sweeteners เนี่ย
00:05:53 → 00:05:56 กินแล้วปลอดภัยกับร่างกายในระยะยาวก็คือ
00:05:56 → 00:05:59 บวกมากกว่าลบนั่นเองนะครับและในขณะเดียว
00:05:59 → 00:06:01 กันนะครับไกลแดนซ์ของ Who หรือว่าองค์การ
00:06:01 → 00:06:04 อนามัยโลกเนี่ยก็ไม่ได้บอกชัดเจนจริงๆไม่
00:06:04 → 00:06:06 ได้ระบุด้วยซ้ำนะครับว่า sweettender
00:06:06 → 00:06:06 เนี่ย
00:06:06 → 00:06:09 อันตรายนะครับเพราะว่าไอ้รายงานนี้เป็น
00:06:09 → 00:06:11 แค่การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ว่ากินเข้าไป
00:06:11 → 00:06:13 แล้วมันช่วยลดน้ำหนักหรือว่าลด Fat ได้
00:06:13 → 00:06:15 ไหมแต่ไม่ได้เป็นการวิเคราะห์ทุกที่ตัว
00:06:15 → 00:06:18 สารเคมีโดยตรงว่าสารเคมีเนี่ยมันอันตราย
00:06:18 → 00:06:20 หรือเปล่าเพราะฉะนั้นเนี่ยรับรองได้ว่า
00:06:21 → 00:06:24 โดยทั่วๆไปนะครับ sweether ที่มีขายตาม
00:06:24 → 00:06:26 ท้องตลาดและก็ได้รับการรับรองจากหน่วยงาน
00:06:26 → 00:06:28 ดูแลด้านความปลอดภัยเรื่องอาหารถ้าเกิด
00:06:28 → 00:06:31 ว่ามันสามารถที่จะขายในประเทศของเราผ่าน
00:06:31 → 00:06:33 การรับรองแล้วเนี่ยก็ไว้ใจได้แล้วก็เชื่อ
00:06:33 → 00:06:36 ใจได้ว่ากินเข้าไปแล้วมันจะปลอดภัยนะครับ
00:06:36 → 00:06:38 หลายๆครั้งเนี่ยมีคนสงสัยว่าชีวิต
00:06:38 → 00:06:40 เทนเนอร์เนี่ยทำให้เราเป็นมะเร็งหรือ
00:06:40 → 00:06:42 เปล่านะครับจริงๆก็ต้องบอกว่างานวิจัยณ
00:06:42 → 00:06:45 วันนี้ก็ยังไม่ conclusive นะครับว่ามัน
00:06:45 → 00:06:48 ส่งผลให้เป็นมะเร็งในระยะยาวหรือเปล่านะ
00:06:48 → 00:06:50 ครับยังไม่มี Event แบบนั้นเพราะฉะนั้น
00:06:50 → 00:06:53 เราก็ต้อง Keep ข้อมูลศึกษากันต่อไปนะ
00:06:53 → 00:06:55 ครับแม้กระทั่งหน่วยงานที่ดูแลท่านมะเร็ง
00:06:55 → 00:06:58 ของระดับโลกระดับนานาชาติเนี่ยก็ยังระบุ
00:06:58 → 00:07:01 เลยนะครับว่าสวิตเทนเนอร์ไม่ได้ทำให้เกิด
00:07:01 → 00:07:04 โรคมะเร็งนะครับคำถามที่ 3 นะครับคือพวก
00:07:04 → 00:07:06 สวิตเทนเนอร์เนี่ยกินเข้าไปแล้วเนี่ยมัน
00:07:06 → 00:07:10 ทำให้เป็นโรคอ้วนโรคความดันโรคเบาหวานใน
00:07:10 → 00:07:13 ระยะยาวไหมคำตอบก็เหมือนกันครับยัง in
00:07:13 → 00:07:15 conclusive นะครับคือยังไม่มีอีเว้นท์
00:07:15 → 00:07:18 ที่แน่ชัดนะครับว่าการกินไอ้เจ้าชีวิต
00:07:18 → 00:07:21 โทเนอร์ระยะยาวเนี่ยมันส่งผลเสียแต่แน่
00:07:21 → 00:07:23 นอนงานวิจัยก็ยังต้องทำต่อๆไปนะครับเหตุ
00:07:23 → 00:07:26 ผลคืออะไรนะครับคือสารที่ให้ความหวาน
00:07:26 → 00:07:28 เหล่านี้นะครับพอเรากินเข้าไปแล้วเนี่ย
00:07:28 → 00:07:32 มันไม่ได้ไปเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดเพราะ
00:07:32 → 00:07:34 ระดับน้ำตาลในเลือดมันไม่ได้สูงขึ้นเนี่ย
00:07:34 → 00:07:36 นะครับน้ำตาลในเลือดเนี่ยมันก็ไม่ได้สะสม
00:07:36 → 00:07:39 เข้าไปในร่างกายซึ่งเป็นบ่อเกิดของโรค
00:07:39 → 00:07:42 อ้วนโรคความดันตามมานะครับรวมไปถึงว่าพอ
00:07:42 → 00:07:44 ระดับน้ำตาลในเลือดไม่ได้สูงขึ้นนะครับ
00:07:44 → 00:07:46 ระดับอินซูลินเนี่ยมันก็จะไม่ได้พุ่ง
00:07:46 → 00:07:47 ปรี๊ดพุ่งปรี๊ดเหมือนเวลาที่เรากินน้ำตาล
00:07:47 → 00:07:50 เข้าไปเยอะๆในน้ำหวานนะครับกินน้ำตาล
00:07:50 → 00:07:52 เขียวๆเข้าไปเนี่ยนะเพราะฉะนั้นโอกาสที่
00:07:52 → 00:07:55 จะทำให้เกิดภาวะอินซูลินอินเซนทีฟแล้วก็
00:07:55 → 00:07:58 ทำให้เกิดโรคเบาหวานตามมาเนี่ยมันก็ไม่
00:07:58 → 00:08:00 ได้เยอะขนาดนั้นนะครับแล้วสวิตเทรนเนอร์
00:08:00 → 00:08:02 หลายๆตัวพอกินเข้าไปแล้วเนี่ยร่างกาย
00:08:02 → 00:08:05 process ไม่ได้ด้วยซ้ำคือมันเพียงแต่แค่
00:08:05 → 00:08:08 แบบเอ้ยอยู่ที่ไปทริคเกอร์สมองว่าอ๋อเรา
00:08:08 → 00:08:11 รู้สึกหวานแต่ว่าพอกินเข้าไปถูกดูดซึม
00:08:11 → 00:08:13 เข้าไปในกระแสเลือดปุ๊บตัวโครงสร้างของ
00:08:13 → 00:08:15 มันเนี่ยก็ยังอยู่ในสภาพนั้นครับไม่ได้
00:08:15 → 00:08:17 ถูกย่อยไม่ได้ถูกแม้แต่บอไรซ์อะไรเลยนะ
00:08:17 → 00:08:19 ครับสุดท้ายเนี่ยมันก็ถูกกำจัดออกไปทาง
00:08:19 → 00:08:22 ปัสสาวะนะครับก็คือไม่ได้ทำอันตรายกับ
00:08:22 → 00:08:24 ร่างกายของเราแต่อย่างใดครับคำถามต่อมา
00:08:24 → 00:08:26 ครับวันนี้หลายคนเนี่ยอาจจะเคยได้ยินมานะ
00:08:26 → 00:08:29 ครับว่าศาลให้ความหวานเนี่ยมันไปกระตุ้น
00:08:29 → 00:08:32 แล้วทำให้เรารู้สึกอยากอาหารแล้วก็ทำให้
00:08:32 → 00:08:34 เรากินอาหารนู่นนี่นั่นเพิ่มขึ้นจริงหรือ
00:08:34 → 00:08:38 เปล่านะครับจริงๆเนี่ยอ่าถ้าถามความเห็น
00:08:38 → 00:08:40 ผมแล้วจากข้อมูลที่ได้มานะครับผมอยากจะ
00:08:40 → 00:08:44 ตอบว่ามีส่วนแต่ไม่ทั้งหมดนะครับจริงๆ
00:08:44 → 00:08:47 สิ่งที่คำอธิบายที่น่าจะถูกต้องมากกว่า
00:08:47 → 00:08:52 คือเวลาที่เรากินของหวาน in General โดย
00:08:52 → 00:08:54 ทั่วๆไปเนาะเราก็จะรู้สึกสดชื่นถูกไหมถาม
00:08:54 → 00:08:57 ว่าทำไมเรารู้สึกสดชื่นเวลาที่มีโมเลกุล
00:08:57 → 00:09:01 ที่มันสามารถจะไปกระตุ้นต่อมรับรถบนลิ้น
00:09:01 → 00:09:02 เราให้ส่งสัญญาณไปออกสมองว่าเรารู้สึก
00:09:02 → 00:09:05 หวาดเนี่ยนะครับไซส์เอฟเฟคจากนั้นเนี่ย
00:09:05 → 00:09:08 คือร่างกายของเราเนี่ยมันจะฮอร์โมนโดโบีน
00:09:08 → 00:09:10 ออกมาครับซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ค่อนข้าง
00:09:10 → 00:09:12 Positive ฮอร์โมนแห่งความสุขทำให้เราจอย
00:09:12 → 00:09:16 ทำให้เราฟินทำให้เราเสพติดการที่เราจะกิน
00:09:16 → 00:09:19 อาหารชนิดนั้นนะครับพอรู้สึกว่ากินแล้ว
00:09:19 → 00:09:22 มันรู้สึกดีจังเลยนะครับเพราะฉะนั้นอาหาร
00:09:22 → 00:09:24 หรือว่าเครื่องดื่มอะไรก็ตามที่มี
00:09:24 → 00:09:27 sweetener แน่นอนมันไปกระตุ้นสมองได้ว่า
00:09:27 → 00:09:31 มันหวานเนาะสมองก็หลั่งฮอร์โมนโดมินเช่น
00:09:31 → 00:09:34 กันนะครับและที่สำคัญเนี่ยไอ้เจ้าสั่งให้
00:09:34 → 00:09:37 ความหวานเหล่านี้นะมันให้ความหวานได้มาก
00:09:37 → 00:09:40 กว่าน้ำตาลปกติเนี่ยหลายเท่ามากๆนะครับ
00:09:40 → 00:09:42 บางตัวเนี่ยเป็นหลักหลายร้อยเท่าเลยนะฮะ
00:09:42 → 00:09:45 ดูพอมีเนี่ยก็หลั่งเยอะเป็นธรรมดานะครับ
00:09:45 → 00:09:46 มันทำให้เรารู้สึกว่าการกินเครื่องดื่ม
00:09:46 → 00:09:48 เนี่ยที่มันมีไอ้เจ้าชีวิตให้เลือกผสม
00:09:48 → 00:09:51 อยู่กินแล้วมันรู้สึกดีจังเลยรู้สึกฟิน
00:09:51 → 00:09:54 จังเลยทำให้เราอยากจะกินสิ่งๆนั้นอีกนะ
00:09:54 → 00:09:57 ครับมันก็เลยทำให้คนตีความแล้วรู้สึกว่า
00:09:57 → 00:10:00 เออการกินพวกนี้มันทำด้วยเจริญอาหารแต่
00:10:00 → 00:10:02 จริงๆแล้วมันก็ไม่ขนาดนั้นมันแค่แบบเอ้ย
00:10:03 → 00:10:07 การกินรสหวานทำให้สมองเรารู้สึก Fresh
00:10:07 → 00:10:09 รู้สึกฟินรู้สึกสดชื่นและทำให้เราอยากกิน
00:10:09 → 00:10:12 อีกนั่นเองนะและทำให้บางครั้งเนี่ยก็ไป
00:10:12 → 00:10:14 เบรมว่าโอ๊ยการกินไอ้พวกสวีทเทรนเนอร์
00:10:14 → 00:10:17 เยอะๆเนี่ยมันทำให้สุดท้ายเรากินอาหาร
00:10:17 → 00:10:20 เยอะขึ้นมันทำให้เราอ้วนซึ่งจริงๆเนี่ย
00:10:20 → 00:10:22 ครับเป็นหนึ่งในกับดักแล้วก็เป็นหลุมพลาง
00:10:22 → 00:10:23 ของคนที่อยากจะใช้ชีวิตเทรนเนอร์นะครับ
00:10:23 → 00:10:26 คือตัวสวีทเทรนเนอร์เองนะคะแคลอรี่มันต่ำ
00:10:26 → 00:10:29 หรือบางตัวเนี่ย Zero คือมันไม่ทำให้เรา
00:10:29 → 00:10:32 อ้วนแต่อย่าลืมไปว่าพอมันไปผสมอยู่ใน
00:10:32 → 00:10:34 อาหารหรือเครื่องดื่มเนี่ยอาหารและ
00:10:34 → 00:10:35 เครื่องดื่มมันมีส่วนประกอบอื่นๆอยู่ด้วย
00:10:36 → 00:10:39 ที่มันอาจจะมีแคลอรี่อยู่สูงนะครับพอเรา
00:10:39 → 00:10:42 กินเข้าไปแล้วเราเผลอว่าเฮ้ยมันเราใช้เรา
00:10:42 → 00:10:44 ไม่ได้ใช้น้ำตาลเพราะฉะนั้นแคลไม่เยอะ
00:10:44 → 00:10:46 หรอกแล้วก็เผลอกินอาหารไปเยอะๆโดยลืมไป
00:10:46 → 00:10:48 ว่าเฮ้ยส่วนอื่นๆไม่ว่าจะเป็นแป้งล่ะ
00:10:48 → 00:10:51 โปรตีนล่ะไขมันล่ะที่เป็นส่วนประกอบอื่นๆ
00:10:51 → 00:10:54 เนี่ยมันให้แคลอรี่เยอะนะครับแล้วถ้าเรา
00:10:54 → 00:10:56 กินอาหารออกไปเยอะสุดท้ายเราตัดน้ำตาลออก
00:10:56 → 00:10:58 ไปได้แต่เราดันไปได้แคลอรี่จากส่วนอื่น
00:10:58 → 00:11:00 เพิ่มเข้ามาก็สามารถทำให้เราอ้วนได้เช่น
00:11:00 → 00:11:03 กันไม่ใช่มาจากการที่เรากิน sweether โดย
00:11:03 → 00:11:05 ตรงครับและคำถามสุดท้ายจริงๆตอบไปแล้วนะ
00:11:05 → 00:11:08 ครับแต่ขออีกครั้งคือถ้าเกิดถามว่าศาลให้
00:11:08 → 00:11:11 ความหวานเนี่ยมันไม่มีผลต่อบลัช Sugar
00:11:11 → 00:11:14 Level แล้วก็อินซูลิน shoot คนเบาหวาน
00:11:14 → 00:11:17 กินได้จริงไหมต้องบอกว่าคนเบาหวานกินได้
00:11:17 → 00:11:19 ครับต้องเลือกกิน Sweet Trainer ที่เป็น
00:11:19 → 00:11:22 zerocal เลยนะครับก็จะยิ่งดีนะครับอย่าง
00:11:22 → 00:11:25 ที่บอกไปว่า switcheners บางตัวนะครับคือ
00:11:25 → 00:11:28 มันแค่ไปกระตุ้นให้สมองรู้สึกหวานแต่พอ
00:11:28 → 00:11:29 มันถูกดูดซึมเข้าไปกระแสเลือดแล้วเนี่ย
00:11:29 → 00:11:31 ร่างกายเอาไปใช้อะไรไม่ได้ครับสุดท้ายก็
00:11:31 → 00:11:35 ถูกกำจัดออกไปมันไม่ได้สะสมเหมือนกับน้ำ
00:11:35 → 00:11:37 ตาลนะครับแล้วก็เทิร์นเป็น Fat แล้วก็
00:11:37 → 00:11:39 สามารถทำให้เกิดโรคความดันแล้วก็ไป
00:11:39 → 00:11:41 กระตุ้นอินซูลินได้สารพวกนี้ไม่สามารถที่
00:11:41 → 00:11:44 จะกระตุ้นอินซูลินเลเวลในร่างกายของเรา
00:11:45 → 00:11:47 ได้ครับเพราะฉะนั้นผมเคลียร์แฟ้บไปแล้วนะ
00:11:47 → 00:11:49 ครับที่เกี่ยวข้องกับชีวิตเทรนเนอร์ที่
00:11:49 → 00:11:52 หลายๆคนอาจจะสงสัยทีนี้คำถามต่อมาคือแล้ว
00:11:52 → 00:11:56 เราจะกินหวานยังไงดีให้ดีกับสุขภาพของเรา
00:11:56 → 00:11:58 นะครับมีคำแนะนำยังไงบ้างนะครับอ่ามาสรุป
00:11:58 → 00:12:01 ให้ฟังแล้วกันนะครับอย่างแรกผมเข้าใจว่า
00:12:01 → 00:12:03 คนไทยเนี่ยส่วนใหญ่ค่อนข้างติดหวานเนาะคน
00:12:03 → 00:12:05 ไทยเป็นคนที่กินกินหวานพอสมควรเพราะ
00:12:06 → 00:12:09 ฉะนั้นอาหารในหลายๆภาพโดยเฉพาะภาคกลาง
00:12:09 → 00:12:11 อาหารในกรุงเทพเนี่ยค่อนข้างจะติดหวานที
00:12:11 → 00:12:13 เดียวเลยนะครับข้อแรก
00:12:13 → 00:12:18 ต้องเข้าใจตรงกันว่าน้ำตาลเนี่ยครับเป็น
00:12:18 → 00:12:21 จะเรียกว่าอะไรดีน้ำตาลเนี่ยส่วนตัวก็มอง
00:12:21 → 00:12:25 ว่าเป็นบ่อเกิดของโรคไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน
00:12:25 → 00:12:29 โรคความดันโรคเบาหวานโรคหัวใจน้ำตาลเนี่ย
00:12:29 → 00:12:31 เปลี่ยนได้เป็นตัวร้ายเลยเนาะเพราะว่าแม้
00:12:31 → 00:12:34 ว่ามันจะให้ความหวานแต่ว่ามันทำให้เกิด
00:12:34 → 00:12:36 โรคต่างๆตามมาถ้าเรากินเยอะมากเกินไปเกิน
00:12:36 → 00:12:39 ความจำเป็นของร่างกายนะครับแต่อย่าสับสน
00:12:39 → 00:12:42 นะร่างกายของเรายังไงต้องการคาร์โบไฮเดรต
00:12:42 → 00:12:44 ซึ่งน้ำตาลเนี่ยเป็นส่วนหนึ่งของ
00:12:44 → 00:12:46 คาร์โบไฮเดรตแล้วก็เพราะว่าสุดท้ายแล้ว
00:12:46 → 00:12:48 คาร์โบไฮเดรตเนี่ยกินเข้าไปมันจะย่อยให้
00:12:48 → 00:12:50 เป็นโมเลกุลที่เล็กที่สุดก็คือน้ำตาลซึ่ง
00:12:50 → 00:12:53 เป็นเหมือนกับน้ำมันที่ทุกอวัยวะในร่าง
00:12:53 → 00:12:55 กายเนี่ยต้องใช้เพื่อทำงานเป็นปกตินะครับ
00:12:55 → 00:12:58 แต่เราสามารถที่จะเลือกกินคาร์โบไฮเดรต
00:12:58 → 00:13:02 ที่มัน Healthy กว่าการกินน้ำตาลเพียวๆ
00:13:02 → 00:13:04 ได้นะครับก็คือการกินคาร์โบไฮเดรตเชิง
00:13:04 → 00:13:07 ซ้อนนะครับพวกแป้งมันใช้เวลาในการย่อย
00:13:07 → 00:13:10 เนี่ยนานหน่อยนะครับเพราะว่าการกินอาหาร
00:13:10 → 00:13:12 ประเภทพวกนี้นะครับกินเข้าไปแล้วเนี่ยมัน
00:13:12 → 00:13:15 ใช้เวลาการย่อยนานดูดซึมช้าระดับน้ำตาลใน
00:13:15 → 00:13:17 เลือดเนี่ยมันก็จะไม่พุ่งปรี๊ดเทียบกับ
00:13:17 → 00:13:20 การกินพวกเครื่องดื่มหวานๆที่แบบอุ๊ยมี
00:13:20 → 00:13:22 น้ำตาลเยอะๆไงครับชานมน้ำตาลหวาน 100%
00:13:22 → 00:13:25 หรือว่าหวานกว่าปกติเนี่ยกินปุ๊บระดับน้ำ
00:13:25 → 00:13:28 ตาลนี้เราก็จะชู๊ดขึ้นไปเลยนะครับซึ่งพอ
00:13:28 → 00:13:30 ในระดับน้ำตาลคือพุ่งปรี๊ดเนี่ยสิ่งที่
00:13:30 → 00:13:32 ตามมาคืออินซูลินก็พุ่งตามเพื่อที่จะ
00:13:32 → 00:13:34 Balance แล้วก็ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
00:13:34 → 00:13:36 นะครับดีที่สุดคือการกินคาร์บอเนตเชิง
00:13:36 → 00:13:39 ซ้อนให้น้ำตาลในเลือดค่อยๆเพิ่มไต่ระดับ
00:13:39 → 00:13:43 ไปนะครับแล้วก็พยายามลดน้ำตาลให้มากที่
00:13:43 → 00:13:47 สุดก็จะดีครับข้อที่ 2 ครับโอเคเราอยากลด
00:13:47 → 00:13:50 น้ำตาลเนาะแต่เราก็อยากกินอาหารอร่อยอยาก
00:13:50 → 00:13:53 กินเครื่องดื่มอร่อยเพราะฉะนั้นถามว่ากิน
00:13:53 → 00:13:55 switcher ได้ไหมกินได้ครับเพราะว่าชีวิต
00:13:55 → 00:13:58 เทนเนอร์เนี่ยมันทำให้อาหารมันมีความหวาน
00:13:58 → 00:14:01 ขึ้นมาเนาะแต่เราก็ควรจะเลือกชีวิต
00:14:01 → 00:14:04 เทรนเนอร์ที่เป็น zerocal ก็จะดีที่สุด
00:14:04 → 00:14:06 แล้วก็ควรจะเลือก
00:14:06 → 00:14:08 ที่ทำมาจากธรรมชาติก็จะเป็น Option ที่ดี
00:14:08 → 00:14:11 นะครับคือต้องบอกว่าชีวิตเทเนอร์มีหลาย
00:14:11 → 00:14:14 แบบคือทั้งมาจากธรรมชาติหรือว่ามาจากการ
00:14:14 → 00:14:16 สังเคราะห์ซึ่งจริงๆแล้วทั้ง 2 แบบเนี่ย
00:14:16 → 00:14:20 ก็มีการศึกษามาเยอะนะว่ามีความปลอดภัยกับ
00:14:20 → 00:14:24 ร่างกายนะครับแต่ว่าคือแต่ละคนต้องลองดู
00:14:24 → 00:14:26 ครับไม่ใช่ว่าชีวิตโทเนอร์ทุกตัวเหมาะกับ
00:14:26 → 00:14:29 ทุกคนนะแม้กระทั่ง switter ที่มาจาก
00:14:29 → 00:14:32 ธรรมชาติบางตัวที่มาจากการหมักนะครับบาง
00:14:32 → 00:14:35 คนกินเข้าไปอาจจะรู้สึกท้องป่องหรือว่ามี
00:14:35 → 00:14:36 แก๊สในกระเพาะก็ได้นะครับหลายคนอาจจะอยาก
00:14:36 → 00:14:39 รู้ว่าเอ้ยบอกหน่อยได้ไหมว่าชีวิตเธอได้
00:14:39 → 00:14:40 ตัวไหนที่กินได้แล้วปลอดภัยอันนี้จริงๆผม
00:14:40 → 00:14:43 ลิสต์มาให้ด้วยขอขอดูโพยนิดนึงนะครับตัว
00:14:43 → 00:14:45 แรกเลยนะครับคือสตีเวียคือหญ้าหวานน่าจะ
00:14:45 → 00:14:48 คุ้นชินกันอยู่แล้วนะครับคือหญ้าหวาน
00:14:48 → 00:14:51 เนี่ยมันเป็นพืชเนาะแล้วมันสามารถที่จะ
00:14:51 → 00:14:53 เอาพืชตัวนี้ไปสกัดออกมาเป็นโมเลกุลตัว
00:14:53 → 00:14:56 นึงนะครับซึ่งสตีเวิลด์ไกรโคไซด์ซึ่งไอ้
00:14:56 → 00:14:59 ตัวนี้นะครับมันอ่าให้ความหวานมากกว่าน้ำ
00:14:59 → 00:15:02 ตาลถึง 300-400 เท่ากินเข้าไปเนี่ยปลอด
00:15:02 → 00:15:04 ภัยนะครับมีการศึกษามาเยอะแล้วว่าระยะยาว
00:15:04 → 00:15:06 ไอ้เจ้า
00:15:06 → 00:15:09 ตัวนี้ปลอดภัยไม่ให้พลังงานด้วยนะครับ
00:15:09 → 00:15:11 เพราะว่า zerocal กินแล้วฟันไม่ผุด้วยนะ
00:15:11 → 00:15:13 ครับไม่มีผลกับน้ำตาลในเลือดเพราะฉะนั้น
00:15:13 → 00:15:16 คนที่เป็นเบาหวานเนี่ยกินได้แบบสบายใจตัว
00:15:16 → 00:15:18 ที่ 2 นะครับเป็นสวิทเทรนเนอร์ที่มาจาก
00:15:18 → 00:15:20 ธรรมชาติเหมือนกันนะครับชื่อว่าอิริไทย
00:15:20 → 00:15:23 ท่อนะครับเป็น switter กลุ่ม polio นะ
00:15:23 → 00:15:24 ครับที่ให้พลังงานต่ำที่สุดก็คือ 1
00:15:24 → 00:15:27 กรัมเนี่ยให้ประมาณ 0.2 แคลอรี่ต่อกรัมนะ
00:15:27 → 00:15:31 ครับแล้วก็เป็นตัวที่น้ำอัดลมยี่ห้อที่
00:15:31 → 00:15:34 เราคุ้นเคยกินกันบ่อยๆเนี่ยใช้ด้วยนะครับ
00:15:34 → 00:15:37 เข้าไปผสมนะครับตัวนี้ก็คล้ายๆกับหญ้า
00:15:37 → 00:15:39 หวานนะครับก็คือว่ากินเข้าไปแล้วเนี่ยไม่
00:15:39 → 00:15:42 มีรองเทอมเอฟเฟคนะครับไม่ฟันไม่ผุด้วยไม่
00:15:42 → 00:15:43 ไปกระตุ้นอะไรหรอกน้ำตาลในเลือดคนที่เป็น
00:15:43 → 00:15:46 เบาหวานเนี่ยกินได้นะครับเล่านิดนึงแล้ว
00:15:46 → 00:15:47 กัน electrol เนี่ยมันทำมาจากข้าวโพดนะ
00:15:48 → 00:15:50 ครับคือเขาเอาข้าวโพดเนี่ยมาแปลงสภาพให้
00:15:50 → 00:15:52 กลายเป็นแป้งข้าวโพดที่เป็น Food Grade
00:15:52 → 00:15:54 ก่อนหลังจากนั้นเนี่ยเขาก็เอาไปสกัดจนออก
00:15:54 → 00:15:56 มาเป็นสวิทช์เทนเนอร์ตัวนี้นะครับก็คือ
00:15:56 → 00:15:59 กินละรับรองว่าปลอดภัยนั่นเองนะครับตัว
00:15:59 → 00:16:01 ที่ 3 นะครับเป็นกลุ่มเดียวกันกับกลุ่ม
00:16:01 → 00:16:04 อิเล็กทรอนต์นะครับชื่อว่า multitle แค่
00:16:04 → 00:16:06 เปลี่ยนตัวการหมักนั่นเองนะครับมานะครับ
00:16:06 → 00:16:10 ก็หลักการเดียวกันนะครับก็คือเอาตัว malt
00:16:10 → 00:16:12 เนี่ยสกัดมาเป็นแป้งแล้วก็เอาไปให้ยีสต์
00:16:12 → 00:16:16 ในการหมักแล้วก็เอาไปเพียวริฟายจนเกิดมา
00:16:16 → 00:16:18 เป็น sweetanner ตัวนี้นะครับก็คือกินได้
00:16:18 → 00:16:20 ปลอดภัยเช่นกันนะครับตัวต่อมาเป็นอีกตัว
00:16:20 → 00:16:22 นึงที่มาจากธรรมชาติชื่อว่าอินดูลินนะ
00:16:22 → 00:16:25 ครับอินดูลินเนี่ยมีเยอะในพวกกระเทียมหอม
00:16:25 → 00:16:28 ใหญ่กล้วยหอมแก่นตะวันนะครับเขาก็มาสกัด
00:16:28 → 00:16:31 แล้วก็ถือว่าจะเป็น pbratic ตัวนึงด้วยนะ
00:16:31 → 00:16:33 ครับคือกินเข้าไปแล้วเนี่ยเหมือนกันไม่
00:16:33 → 00:16:37 ให้พลังงานนะครับอ่าไม่กระตุ้นอินซูลิน
00:16:37 → 00:16:39 แล้วก็ไปกระทบกับระดับน้ำตาลในเลือดคนที่
00:16:39 → 00:16:41 เป็นเบาหวานกินได้ครับ 4 ตัวแรกมาจาก
00:16:41 → 00:16:44 ธรรมชาตินะครับและตัวที่เราต่อไปเป็นการ
00:16:44 → 00:16:46 สังเคราะห์แต่ก็ต้องบอกว่าถึงแม้จะ
00:16:46 → 00:16:48 สังเคราะห์ขึ้นมาเนี่ยนะครับก็มีความปลอด
00:16:48 → 00:16:50 ภัยเนาะตัวที่ 1 นะครับคือซูคาโรสครับก็
00:16:50 → 00:16:53 เป็นสวิทช์เทนเนอร์สังเคราะห์ที่ก็ใช้ใน
00:16:53 → 00:16:55 เครื่องดื่มที่ให้ความหวานเหมือนกันนะ
00:16:55 → 00:16:58 ครับอ่าตัวเนี้ยให้ความหวานสูงแบบ 600
00:16:58 → 00:17:01 เท่าของน้ำตาลทรายเลยนะครับแต่ว่าไม่ให้
00:17:01 → 00:17:03 พลังงานเหมือนเดิมไม่กระตุ้นระดับน้ำตาล
00:17:03 → 00:17:07 ในเลือดแล้วก็ไม่ทำให้คนเกิดอินซูลนะครับ
00:17:07 → 00:17:09 คือคนที่เป็นเบาหวานกินได้นะครับแล้วตัว
00:17:09 → 00:17:12 นี้นิยมเอาไปใช้ในการพัฒนาเครื่องดื่ม
00:17:12 → 00:17:14 เพราะว่ามันทนความร้อนนะครับเพราะฉะนั้น
00:17:14 → 00:17:17 process ในการกระบวนการผลิตเนี่ยมันก็
00:17:17 → 00:17:19 ไม่ค่อย sensitive แล้วก็ทำให้ผู้ผลิต
00:17:19 → 00:17:21 เนี่ยสามารถผลิตเป็นเครื่องดื่มบรรจุขวด
00:17:21 → 00:17:24 ได้ง่ายนะครับแม้ว่าซูคาโรสเนี่ย in
00:17:24 → 00:17:25 General นะครับจะปลอดภัยไม่มี long
00:17:25 → 00:17:28 effect นะครับแต่ว่ามันก็จะมีคนที่ผู้
00:17:28 → 00:17:30 ป่วยที่เป็นโรคบางโรคนะครับที่ห้ามรับ
00:17:30 → 00:17:33 ประทานก็คือคนที่เป็นโรคซีรีส์คีโตนูเรีย
00:17:33 → 00:17:35 นะครับยังไงก็คือต้องลองปรึกษาคุณหมอนิด
00:17:35 → 00:17:37 นึงแล้วก็หลีกเลี่ยงตัวนี้นะครับตัวต่อมา
00:17:37 → 00:17:42 ครับคือชื่อว่า assis หรือว่าอะซิเซาเฟรม
00:17:42 → 00:17:44 โพแทสเซียมนะครับคือตัวนี้ก็เป็นอีกตัว
00:17:44 → 00:17:47 นึงที่น้ำอัดลมแล้วก็เครื่องดื่มที่ให้
00:17:47 → 00:17:49 พลังงานไม่ว่าจะเป็นพวกเวย์โปรตีนเนี่ย
00:17:49 → 00:17:51 ครับก็จะนิยมใส่เข้าไปเพราะว่าให้ความ
00:17:51 → 00:17:55 หวานได้เยอะนะครับแล้วก็ตัวเนี้ยจริงๆ
00:17:55 → 00:17:57 แล้วก็มีคนกางขาให้มันปลอดภัยหรือเปล่า
00:17:57 → 00:17:59 แต่จริงๆแล้วนะครับองค์การที่ดูแลเรื่อง
00:18:00 → 00:18:01 ความปลอดภัยด้านอาหารและยาเขาก็มีกำหนด
00:18:01 → 00:18:04 ปริมาณที่เหมาะสมเอาไว้นะครับแล้วก็ตัว
00:18:04 → 00:18:06 product ที่ออกมาตามท้องตลาดเนี่ยเขาใส่
00:18:06 → 00:18:08 ไว้ไม่เกินอยู่แล้วเพราะฉะนั้นไม่ต้อง
00:18:08 → 00:18:10 กังวลนะครับตัวสุดท้ายที่เอามาฝากนะครับ
00:18:10 → 00:18:12 คือ aspirem นะครับถ้าเกิดว่าใครลงพลิก
00:18:12 → 00:18:15 พวกขวดน้ำอัดลมดูเนี่ยบางยี่ห้อนะครับก็
00:18:15 → 00:18:17 จะใส่เหมือนกันนะครับตัวนี้ก็เหมือนกัน
00:18:17 → 00:18:20 ครับคือ in General คือปลอดภัยถ้าเกิด
00:18:20 → 00:18:22 ว่าใช้ในแบรนด์ที่เหมาะสมโดยทั่วไปแล้ว
00:18:22 → 00:18:24 ผู้ผลิตก็ใส่ไม่เยอะครับนิดเดียวไม่เกิน
00:18:24 → 00:18:26 ข้อกำหนดที่องค์การที่ดูแลความปลอดภัย
00:18:27 → 00:18:28 ด้านอาหารและยาเขากำหนดอยู่แล้วเพราะ
00:18:28 → 00:18:31 ฉะนั้นกินได้ก็ค่อนข้างปลอดภัยนะครับแต่
00:18:31 → 00:18:34 ถ้าใครกังวลเนี่ยก็เลือกตัว sweetanner
00:18:34 → 00:18:37 ที่มาจากธรรมชาติก็จะรู้สึกสบายใจมั่นใจ
00:18:37 → 00:18:39 กว่าครับโดยสรุปนะครับ Sweet เทรนเนอร์
00:18:39 → 00:18:42 โดยทั่วไปนะครับสามารถที่จะกินได้นะครับ
00:18:42 → 00:18:45 เพราะว่ามันเป็นสารที่ให้ความหวานแต่ว่า
00:18:45 → 00:18:46 มันไม่ได้ให้พลังงานจริงๆหรือให้พลังงาน
00:18:46 → 00:18:50 ต่ำน้อยมากๆย่อมดีกว่าการกินน้ำตาลแน่นอน
00:18:50 → 00:18:52 นะครับแต่ใครก็ตามที่มีโรคสุ่มเสี่ยงและ
00:18:52 → 00:18:54 กังวลนะครับอย่างเช่นโรคเบาหวานอย่างนี้
00:18:54 → 00:18:56 นะครับสามารถที่จะปรึกษาคุณหมอก่อนได้ให้
00:18:56 → 00:18:59 คุณหมอแนะนำว่า sweetainer ตัวไหนที่
00:18:59 → 00:19:02 เหมาะกับเรานะครับก็จะปลอดภัยแล้วก็ราย
00:19:02 → 00:19:08 การครับ
00:19:08 → 00:19:12 are you for you eat