00:00:00 → 00:00:03 ตอนเการแพทย์เราพัฒนาไปมากเลยทำให้คนอายุ
00:00:03 → 00:00:06 ยืนขึ้นยืนขึ้นแต่คนป่วยมากขึ้นนะความดัน
00:00:06 → 00:00:09 เบาหวานหลอเลือดสมองมะเร็งเพิ่มขึ้นทั้ง
00:00:09 → 00:00:12 หมดการป้องกันโรคของมเน Medicine เนี่ย
00:00:12 → 00:00:15 ล้มเล็วโดยมากแล้วเนี่ยการตรวจคัดกรอง
00:00:15 → 00:00:17 มะเร็งเนี่ยเราจะตรวจสิ่งที่เรียกว่า tum
00:00:17 → 00:00:21 มาเกอร์เนาเ้ยดู CA ต่างๆ ca1 25 มะเร็ง
00:00:21 → 00:00:24 รังไข่ ca 153 มะเร็งเต้านมการตรวจค่า
00:00:24 → 00:00:27 เหล่าเนี้ยไม่สามารถป้องกันโรคมะเร็งได้
00:00:27 → 00:00:30 จะกันมะเร็งเต้านมอ่ะผมให้ 5 ข้อในการ
00:00:30 → 00:00:33 ป้องกันข้อที่ 4 เนี่ยเขพบว่าความเสี่ยง
00:00:33 → 00:00:38 เนี้ยคือการโดนรังสีเซเรย์บ่อยเกิน CT
00:00:38 → 00:00:40 สแกนเนี่ยพี่ตั๊กคิดว่าเทียบเท่ากัน XR
00:00:40 → 00:00:42 ปอดกี่ครั้งฮะ
00:00:42 → 00:00:44
00:00:44 → 00:00:48 ้าเหรอจริงึเป่าสาเหตุที่สำคัญที่สุดที่
00:00:48 → 00:00:52 ทำให้เสมันสูงคือความเครียดครับเหรอ
00:00:52 → 00:00:55 ไลโปโปรตีน a เนี่ยเป็นค่าไขมันที่เกิด
00:00:55 → 00:00:59 จากกรมพรความน่ากลัวของไขมันตัวนี้คือ
00:00:59 → 00:01:03 อะไรไขมันตัวนี้เกาะหลอดเลือดเก่งที่สุด
00:01:03 → 00:01:06 ไม่ตอบสนองต่อการคุมอาหารไม่ตอบสนองต่อ
00:01:06 → 00:01:09 การออกกำลังกายไม่ตอบสนองต่อการใช้ยาลด
00:01:09 → 00:01:11 คอเลสเตอรอล
00:01:11 → 00:01:15 อุ้ยนายแพทย์อรรถสิทธิ์ศักดิ์สุธาพรแพทย์
00:01:15 → 00:01:18 ผู้เชี่ยวชาญสาขาการแพทย์บูรณาการเจ้าของ
00:01:18 → 00:01:21 เพศอย่าฝากชีวิตไว้กับหมอเพจที่ให้ความ
00:01:21 → 00:01:25 รู้ด้านการดูแลสุขภาพด้วยตัวเองวันนี้นอก
00:01:25 → 00:01:28 จากจะมาให้ความรู้เรื่องสุขภาพแล้วคุณหมอ
00:01:28 → 00:01:31 ยังมาแนะนำวิธีการเลือกโปรแกรมตรวจสุขภาพ
00:01:31 → 00:01:34 ที่มีมากมายอันไหนตอบโจทย์ตรวจแล้วคุ้ม
00:01:34 → 00:01:40 ค่าไม่เสียเงินฟรีตัก Talk EP นี้มีคำ
00:01:40 → 00:01:43 [เพลง]
00:01:43 → 00:01:47 ตอบหมอฮะการตรวจสุขภาพประจำปีเนี่ยเราควร
00:01:47 → 00:01:50 จะเริ่มต้นตรวจตอนอายุสักเท่าไหร่จริงๆ
00:01:50 → 00:01:52 ตัวเลขมันมีมีอยู่ประมาณ 2 ตัวนะครับอ่า
00:01:52 → 00:01:55 อันแรกก็คือ 25 อีกอันนึงคือ 32 อันนี้
00:01:55 → 00:01:59 คือเรทสุดๆแล้วนะช้าสุดๆแล้วเนี่ยยังไง 32
00:01:59 → 00:02:02 ได้ยินมาว่าแต่บางคนไม่ตรวจเลยการตรวจ
00:02:02 → 00:02:05 สุขภาพดีไม่ดียังไงฮะเบื้องต้นเลยเอ่อพี่
00:02:05 → 00:02:08 ตั๊กคิดว่าการตรวจสุขภาพประจำปีเนี่ยเป้า
00:02:08 → 00:02:11 หมายเพื่ออะไรฮะเพื่อจะได้รู้ไงอ่าว่า
00:02:11 → 00:02:14 เอ้ยเรามีน้ำตาลในเลือดสูงมั้ยเรามีอะไร
00:02:14 → 00:02:16 ที่มีปัญหามีเนื้องอกไอ้ตรงนั้นโผล่ตรง
00:02:16 → 00:02:18 นี้โผล่เราจะได้แก้ไขถูกมั้ยฮะเพื่อจะได้
00:02:18 → 00:02:21 รู้ว่าเราแบบเอ๊ะเป็นโรคอะไรหรออ่าใช่
00:02:21 → 00:02:23 มั้ยอ่าซึ่งจริงๆเป้าหมายจริงๆเนี่ยของ
00:02:23 → 00:02:27 การตรวจสุขภาพประจำปีคือป้องกันโรคผมยก
00:02:27 → 00:02:29 ตัวอย่างก่อนนิดนึงสมมุติว่าเช่นอ่ะคนนึง
00:02:29 → 00:02:31 ไปตตรวจค่าน้ำตาลอ่าสมมุติว่าตรวจน้ำตาล
00:02:31 → 00:02:34 โอ๊ปีนี้ร้นิดๆคุณหมอบอกว่าโอ้ยน้ำตาล
00:02:34 → 00:02:37 เริ่มสูงนะอ่ะไปคุมน้ำตาลหน่อยปีต่อมา
00:02:37 → 00:02:40 ตรวจอ้าเป็น 110 เพิ่มขึ้นนึกออกมยฮะอ่ะ
00:02:40 → 00:02:43 เอ้ยไปคุมเพิ่มเติมอีกหน่อยปีต่อมา 126
00:02:43 → 00:02:46 และอ้อคุณเป็นบาหวานและมามากินยาอันเนี้ย
00:02:46 → 00:02:49 ตรวจเพื่อคัดคนว่าเอ้ยคุณป่วยแล้วหรือยัง
00:02:50 → 00:02:52 ถูกมยกับการตรวจเพื่อป้องกันโรคเนี่ยมัน
00:02:52 → 00:02:55 คนละเรื่องกันนะดูๆมันใกล้เคียงกันถูกมย
00:02:55 → 00:02:58 แต่มันเป็นคนละเรื่องกันออแต่ดูดูมันใกล้
00:02:58 → 00:03:00 ๆกันเลยนะอ่ามันดูกันใกล้ๆได้กันอันนึง
00:03:00 → 00:03:02 เนี่ยคือตรวจเพื่อวินิจฉัยโรคว่าเอ๊ะคุณ
00:03:02 → 00:03:05 ป่วยหรือยังป่วยแล้วอ่ะมามากินยามาถูก
00:03:05 → 00:03:08 มั้ยอ้าวน้ำตาลเกินและคุณเป็นเบาหวานแล้ว
00:03:08 → 00:03:10 นึกออกมั้ยฮะยิ่งกินยาหนักเข้าไปอีกอ่ะ
00:03:10 → 00:03:13 คือจะต้องบอกว่าวันแรกเนี่ยที่เราถูก
00:03:13 → 00:03:16 วินิจฉัยว่าเป็นเบาหวานเนี่ยเซลล์ตับอ่อน
00:03:16 → 00:03:19 ของเราเนี่ยตายไปแล้วครึ่งนึงนะ 50% ตับ
00:03:19 → 00:03:21 อ่อนเนี่ยเป็นอวัยวะที่ช่วยในการควบคุม
00:03:21 → 00:03:24 ระดับน้ำตาลในเลือดนะครับทีเนี้ยเวลาที่
00:03:24 → 00:03:26 แบบวันที่เราถูกวินิจฉัยเบาหวานวันแรก
00:03:26 → 00:03:29 เนี่ยตายไปแล้วตั้งครึ่งนึงทำไมเวลาตายไป
00:03:29 → 00:03:33 10% 20% ทำไมเราไม่จัดการก่อนตั้งแต่
00:03:33 → 00:03:36 ตอนนั้นด้วยวิธีการตรวจนี่แหละฮะตรวคือผม
00:03:36 → 00:03:40 จะบอกว่าการแพทย์แผนปัจจุบันเราเนาะอ่า
00:03:40 → 00:03:43 มเน Medicine เนาะอ่าจริงๆแล้วเนี่ยการ
00:03:43 → 00:03:47 แพทย์เราเนี่ยการป้องกันโรคอ่ะล้มเหลวนะ
00:03:47 → 00:03:50 นึกออกมั้ยฮะตอนเยการแพทย์เราแบบพัฒนาไป
00:03:50 → 00:03:54 มากเลยถูกมยทำให้คนอายุยืนขึ้นยืนขึ้นแต่
00:03:54 → 00:03:57 คนป่วยมากขึ้นนะพี่ตั๊กทุกโรคเลยคือโรค
00:03:57 → 00:04:01 หัวใจโรคจะเป็นความดันเบาหวานมะ็งเพิ่ม
00:04:01 → 00:04:05 ขึ้นทั้งหมมองกำลังจะบอกว่ามันล้มเหลวการ
00:04:05 → 00:04:07 ป้องกันโรคอ่ะของ Modern Medicine เนี่ย
00:04:07 → 00:04:10 ล้มเหลวทำไมมันถึงล้มเหลวมยครับรู้มยครับ
00:04:10 → 00:04:13 พี่ตั๊กเพราะ Modern Medicine เราอ่ะ
00:04:13 → 00:04:15 หมายถึงว่าการแพทย์ที่เราเรียนมาเนี่ย
00:04:15 → 00:04:18 หลักๆเราเรียนอยู่ 2 อย่างค่ะอย่างที่ 1
00:04:18 → 00:04:21 เราเรียนรู้เรื่องการวินิจฉัยโรคว่าเอ๊ะ
00:04:21 → 00:04:23 คนไหนป่วยเป็นอะไรซึ่งมเน Medicine
00:04:23 → 00:04:26 วินิจฉัยเก่งมากถูกมยเรามีเครื่อง x-ray
00:04:26 → 00:04:29 คอมพิวเตอร์นู้นในนั้นเราวินิจฉัยเก่งมาก
00:04:29 → 00:04:32 ถัดมาอย่างที่ 2 เราเรียนว่าพอเป็นโรค
00:04:32 → 00:04:35 แล้วอ่ะเราจะรักษายังไงใช้ยาอะไรผ่าตัด
00:04:35 → 00:04:39 หรือเปล่าเราเรียนอยู่แค่นี้เองสมมุติว่า
00:04:39 → 00:04:42 ผมจบแพทย์มา 6 ปีนะครับเราไม่ได้เรียน
00:04:42 → 00:04:45 เกี่ยวกับการส่งเสริมสุขภาพดูแลสุขภาพเลย
00:04:45 → 00:04:47 เมนหลักที่เราเรียนน่ะเราเรียนเรื่องการ
00:04:47 → 00:04:51 วินิจฉัยโรคแล้วก็รักษาโรคยังไงแก้ยังไง
00:04:51 → 00:04:54 อ่าแม้แม้กระทั่งคุณเรียนเฉพาะทางคุณ
00:04:54 → 00:04:57 เรียนเฉพาะทางหัวใจเรียนโรคปอดเรียนอะไร
00:04:57 → 00:05:00 ก็ตามมันเป็นการเรียนลึกลงไปว่าออจะที่ฉ
00:05:00 → 00:05:03 โรคหัวใจทำยังไงแก้ไขยังไงเพราะฉะนั้นน่ะ
00:05:03 → 00:05:05 ในส่วนความรู้ในเรื่องของการส่งเสริม
00:05:05 → 00:05:09 สุขภาพป้องกันการป่วยเนี่ยไม่ดีมีน้อยเอา
00:05:09 → 00:05:11 อย่างเช่นเอาอย่างตัวผมเองเลยจบแพทย์มา
00:05:11 → 00:05:16 ปั๊บไปใช้ทุนใช่มเราตรวจคนไข้ไปเนี่ยคำ
00:05:16 → 00:05:19 แนะนำที่เราให้กับคนไข้อ่ะโอคอเลสเตอรอล
00:05:19 → 00:05:21 สูงหรอโอ้ยอย่าอย่ากินไข่แดงนะอย่ากิน
00:05:21 → 00:05:24 อาหารทะเลคือความรู้เราอ่ะมันมีแค่เหมือน
00:05:24 → 00:05:27 สุขศึกษาอ่ะนึกออกมั้ยที่เราเรียนมามปลาย
00:05:27 → 00:05:30 แล้วเราก็แนะนำแค่นั้นเมื่อเมื่อซักเดือน
00:05:30 → 00:05:32 ที่แล้วผมโทรถามเพื่อนผมนะถามคนที่เก่งๆ
00:05:32 → 00:05:36 เลยเอ๊ะตอนเราเรียนหมออ่ะเอ๊ะเรามีเรียน
00:05:36 → 00:05:38 เรื่องของแบบการดูแลสุขภาพมั้ยมีเรียนรู้
00:05:38 → 00:05:41 เรื่องของสารอาหารหรือเปล่าหรืออะไรเงี้ย
00:05:41 → 00:05:44 คำตอบคือไม่มีใครนึกออกเลยพี่ตั๊กคือหมาย
00:05:44 → 00:05:47 ถึงว่าหมอไม่ได้เรียนรู้ตรงเนี้ยเพราะ
00:05:47 → 00:05:50 ฉะนั้นเนี่ยถ้าผมพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นนะ
00:05:50 → 00:05:53 ผมแบ่งสุขภาพเนี่ยเหมือนเป็นสุขภาพ 3
00:05:53 → 00:05:55 ระดับระดับที่ 1 คือระดับที่เราสุขภาพดี
00:05:56 → 00:05:58 แข็งแรงระดับที่ 2 เนี่ยคือเป็นระดับที่
00:05:58 → 00:06:01 เราเนี่ยเริ่มเริ่มเสื่อมและร่างกายเรา
00:06:01 → 00:06:03 เริ่มเสื่อมลงเสื่อมลงแต่เรายังไม่ป่วยนะ
00:06:03 → 00:06:06 อ่าระดับที่ 3 คือเราป่วยและเราเป็นเบา
00:06:06 → 00:06:09 หวานเป็นมะเร็งประรต่างๆและหมอทุกวัน
00:06:09 → 00:06:12 เนี้ยเราดูแค่ส่วนที่ 3 เราคือเราไม่ได้
00:06:12 → 00:06:16 โฟกัสมาดูในส่วนที่ 2 กันเลยมันเลยล้ม
00:06:16 → 00:06:18 เหลวไงในการป้องกัน
00:06:18 → 00:06:22 โรคแต่ 20 ปีหลังมาเนี้ยความรู้ส่วนเนี้ย
00:06:22 → 00:06:24 มันมันมันก้าวหน้าขึ้นมากมฮะเหมือนเมื่อ
00:06:24 → 00:06:27 กี้หมอพูดขึ้นมาเรื่องนึงเรื่องการกินไข่
00:06:27 → 00:06:29 เราก็ถูกสอนมาตลอดเลยว่าไม่ให้กินกินไข่
00:06:29 → 00:06:32 เดี๋ยวนี้ทำไมกินได้ล่ะอ้าใช่อาจจะผู้
00:06:32 → 00:06:35 ใหญ่หน่อยก็เอาไข่แดงออกซักหน่อยอ่าๆตกลง
00:06:36 → 00:06:38 เราเลยเราจะเชื่อใครดีเชื่อตอนโน้นหรือ
00:06:38 → 00:06:42 เชื่อตอนนี้โอ้คำถามนี้ก็ดีมากอ่าถามผม
00:06:42 → 00:06:45 เนี่ยผมมองว่าจริงๆแล้วประมาณ 20 กว่าปี
00:06:45 → 00:06:47 มาเนี้ยการแพทย์เราเจริญอยู่แล้วอ่า
00:06:47 → 00:06:49 โมเดิรน Medicine เราเจริญอยู่แล้วนะครับ
00:06:49 → 00:06:53 ทีนี้มันมีศาสตร์การแพทย์อีกฝั่งนึงเนาะ
00:06:53 → 00:06:55 อ่ะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของไลฟ์สไตล์
00:06:55 → 00:06:57 Medicine พี่ตัน่าจะเคยได้ยินเอ่า
00:06:57 → 00:07:00 เวชศาสตร์วิถีชีวิตนะครับเ่อ Anti aging
00:07:00 → 00:07:03 อ่าเวทสาส์ชะลอวัยนะครับเดี๋ยวนี้มันก็จะ
00:07:03 → 00:07:05 มี longevity Medicine อยู่ยังไงที่จะ
00:07:05 → 00:07:08 อายุยืนค่ะตรงเนี้ยมันมีองค์ความรู้
00:07:08 → 00:07:10 ประมาณสักแบบ 20 กว่าปีที่มันอยู่ประมาณ
00:07:10 → 00:07:13 นี้เนาะที่มันคู่เคียนกันมาหมอที่เรียนจบ
00:07:13 → 00:07:15 มาจากมเน Medicine เนี่ยส่วนนึงก็จะไป
00:07:15 → 00:07:18 เรียนรู้ฝั่งนี้ฝั่งเนี้ยมันเน้นเรื่อง
00:07:18 → 00:07:21 ของการป้องกันนึกออกมั้ยฮะการป้องกันโรค
00:07:21 → 00:07:24 นะครับทีเนี้ยเดี๋ยวเยจะเจอว่าเฮ้ยทำไม
00:07:24 → 00:07:27 หมอพูดไม่เหมือนกันเคยเคยมั้ยเฮ้ยเฮ้ยคน
00:07:27 → 00:07:29 นั้นบอกอย่างงี้คนนี้บอกอย่างงี้เฮ้ยทำไม
00:07:29 → 00:07:31 คุณเป็นเป็นหมอด้วยกันคุณพูดไม่เหมือนกัน
00:07:31 → 00:07:33 เพราะว่าหมออ่ะถ้าผมแบ่งคร่าวๆมันแบ่งออก
00:07:33 → 00:07:36 เป็น 2 ฝั่งแบบนี้แหละฝั่งนึงอ่ะพูดจาก
00:07:36 → 00:07:39 การเป็นหมอรักษาโรคนึกออกมั้ยฮะเน้นรักษา
00:07:39 → 00:07:42 โรคเฮ้ยอันเนี้ยไม่อยู่ในไกด์ไลน์นึกออก
00:07:42 → 00:07:44 มั้ยอ่าเพราะว่าการแพทย์โมเดิน Medicine
00:07:44 → 00:07:46 อ่ะทุกอย่างเป็นไกด์ไลน์หมดเลยเฮ้ยเข้ามา
00:07:46 → 00:07:48 น้ำตาลอย่างงี้ทำอย่างงี้ให้อันนี้ก่อน
00:07:48 → 00:07:50 อะไรอย่างเงี้ยนึกออกมั้ยฮะแต่อีกฝั่งนึง
00:07:50 → 00:07:53 อ่ะหมอที่ขยิบไปเรียนไลฟ์สไตล์เม็ดเขยิบ
00:07:53 → 00:07:55 ไปเรียน Anti aging เขยิบไปเรียน
00:07:55 → 00:07:58 longevity เม็ดพวกเนี้ยเขาจะมีความรู้ใน
00:07:58 → 00:08:02 มุมที่เฮ้ยเอยากป้องกันโรคอ่าอยากป้องกัน
00:08:02 → 00:08:04 การเกิดโรคเพราะฉะนั้นน่ะหมอ 2 กลุ่มนี้
00:08:04 → 00:08:07 เลยพูดจากคนละมุมอ้าวแล้วคุณเชื่อมุมไหน
00:08:07 → 00:08:09 อ่ะก็ต้องถามพี่ตั๊กว่าพี่ตั๊กอยากป้อง
00:08:09 → 00:08:12 กันโรคหรือพี่ตั๊กอยากรักษาโรคล่ะถูกมาอ
00:08:12 → 00:08:14 อยากป้องกันอ่าอยากอยากป้องกันเนี่ยหมาย
00:08:14 → 00:08:17 ถึงว่าถ้าเราเลือกฟังเราก็ต้องอ่าเราก็
00:08:17 → 00:08:19 ต้องเลือกฟังจากฝั่งที่เ้าเน้นเรื่องของ
00:08:19 → 00:08:23 ดูแลสุขภาพป้องกันโรคอ่าดูแลซะตั้งแต่ยัง
00:08:23 → 00:08:27 ไม่ป่วยค่ะอ่าผมผมก็จะเน้นฝั่งนี้มากกว่า
00:08:27 → 00:08:30 แต่นี้เรื่องของไอ้โปรแกรมพื้นฐานที่ทุก
00:08:30 → 00:08:33 คนจำเป็นที่จะต้องตรวจนะคะในเรื่องของการ
00:08:33 → 00:08:36 ป้องกันโรคเนี่ยนะฮะมันมีอะไรบ้างอ่ะอัน
00:08:36 → 00:08:39 แรกเอาเรื่องน้ำตาลก่อนก็ได้การตรวจน้ำ
00:08:39 → 00:08:41 ตาลเนี่ยบางคนน่ะทำตัวดีในช่วงตรวจนะ
00:08:41 → 00:08:44 สมมุติคนเป็นเบาหวานบางคนจะหลอกหมอ 2-3
00:08:44 → 00:08:47 วันพี่เจอเยอะมากเลยอ่าเอ่อวันนี้ไม่ไป
00:08:47 → 00:08:49 กินดินเนอร์ด้วยนะเอาทำไมล่ะพรุ่งนี้จะ
00:08:49 → 00:08:53 เช็คร่างกายเยอะมากอ่าจะต้องอดของหวาน
00:08:53 → 00:08:56 อันเนี้ยเเรียกว่าหลอกใช่ๆๆหลอกซึ่งการ
00:08:57 → 00:09:00 การจะไปตรวจสุขภาพเช็คอัพที่ดีอ่ะทำตัว
00:09:00 → 00:09:03 เหมือนเดิมคุณกินยังไงอ่ะขอให้กินอย่าง
00:09:03 → 00:09:06 งั้นคือนเราอยากรู้สภาพที่แท้จริงของเรา
00:09:06 → 00:09:10 ไงนึกออกมั้ยฮะเพราะฉะนั้นน่ะคือจะไปตรวจ
00:09:10 → 00:09:13 ให้ทำตัวเหมือนเดิมปิเพราะฉะนั้นการตรวจ
00:09:13 → 00:09:16 น้ำตาลโดยทั่วไปมักจะหลอกหลอกเราได้บางที
00:09:16 → 00:09:19 กินดีหน่อย 2-3 วันค่าน้ำตาลมันลงนะครับ
00:09:19 → 00:09:22 เพราะฉะนั้นถามว่าตรวจน้ำตาลเนี่ยผมจะแนะ
00:09:22 → 00:09:25 นำว่าถ้าอยากตรวดให้มันดีขึ้นสักหน่อยให้
00:09:25 → 00:09:28 ตรวจเป็นน้ำตาลสะสมอ่าไอ้ไๆ H อะไรวัน
00:09:28 → 00:09:32 อะไรน a บิ A1 เนี่ยเป็นการตรวจน้ำตาล
00:09:32 → 00:09:36 ย้อนหลัง 3 เดือนตัวนี้สำคัญนะสำคัญน้ำ
00:09:36 → 00:09:38 ตาลสะสมเนี่ยหมายความว่าถ้าเกิดคุณจะทำ
00:09:38 → 00:09:41 ให้มันดีขึ้นคุณต้องทำทั้ง 3 เดือนไงถูกม
00:09:41 → 00:09:43 เพราะมันเป็นเพราะมันเป็นค่าเฉลี่ยน้ำตาล
00:09:43 → 00:09:46 ในเลือดตลอด 3 เดือนของเราทำ 3 เดือน 3
00:09:47 → 00:09:49 เดือนคืออะไรสมมุติวันนี้เราเราไปตรวจน้ำ
00:09:49 → 00:09:51 ตาลสะสม 3 เดือนคือย้อนหลังหรือไปยังไงฮ
00:09:51 → 00:09:53 ย้อนหลังย้อนหลัง 3 เดือน 3 เดือนที่ผ่าน
00:09:53 → 00:09:56 มาอใช่อ่ามันเป็นการแบบดูย้อนหลัง 3
00:09:56 → 00:09:59 เดือนว่าที่ผ่านมา 3 เดือนเนี่ยเฉลี่ย
00:09:59 → 00:10:02 แล้วน้ำตาลในเลือดคุณอยู่เท่าไหร่ตัวการ
00:10:02 → 00:10:05 ตรวจฮีโมมิน a1c ไม่จำเป็นต้องอดอาหารเลย
00:10:05 → 00:10:07 เพราะอดไปมันก็เท่านั้นมันเป็นเพียงแค่
00:10:07 → 00:10:11 วันเดียวมันย้อนหลังไปตั้ง 3 เดือนอ๋ออ่า
00:10:11 → 00:10:13 อันเนี้ยได้รู้อย่างงี้ไปแยกตรวจได้มั้
00:10:13 → 00:10:16 ได้ผมว่าค่าใช้จ่ายการตรวจน้ำตาลสะสมมัน
00:10:16 → 00:10:19 ก็มันก็ไม่ได้ไม่ได้เยอะมากนะไม่ได้เยอะ
00:10:19 → 00:10:21 มากซึ่งเราเองเราจะได้รู้ด้วยว่าเอ๊ 3
00:10:21 → 00:10:24 เดือนที่ผ่านมาเนี่ยเอ้ยฉันกินน้ำตาลเยอะ
00:10:24 → 00:10:26 ไปมั้ยกินขนมเยอะไปหรือเปล่าอ่าแล้วก็มา
00:10:26 → 00:10:30 ปรับมาปรับตัวเองนะครับค่าที่ดีคือให้ได้
00:10:30 → 00:10:33 น้อยกว่า 5.5 5.5 พี่ได้ 5.1 อ่า
00:10:33 → 00:10:37 อันเนี้ยดีมากอ่าน้ำตาลสะสมนะใช่อันเนี้ย
00:10:37 → 00:10:39 อันนี้ดีมากอันนี้ก็ถือว่าดีสำหรับในวัย
00:10:39 → 00:10:42 นี้ใช่การต่ำกว่า 5.5 เนี่ยแสดงว่าความ
00:10:42 → 00:10:44 เสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังหลอดเลือดหัว
00:10:44 → 00:10:47 ใจหลอดเลือดสมองเกิดเบาหวานใดๆต่ำกว่าคน
00:10:47 → 00:10:51 ปกติและอันนี้การตรวจเนี่ยเอ่อเรื่องของ
00:10:51 → 00:10:54 การเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานก็คือนี้มั้ย
00:10:54 → 00:10:57 บวาการเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานเนี่ยถ้าเรา
00:10:57 → 00:11:00 อยากจะตรวจเพิ่มไปอีกนิดนึงอ่าจริงๆผมจะ
00:11:00 → 00:11:02 บอกว่าก่อนที่คนเราจะเป็นเบาหวานน่ะเราจะ
00:11:02 → 00:11:05 เกิดภาวะนึงก่อนภาวะนี้เรียกว่าภาวะดื้อ
00:11:05 → 00:11:08 ต่ออินซูลินปกติถ้าเกิดเรากินน้ำตาลหรือ
00:11:08 → 00:11:10 กินขนมเข้าไปเรายังไม่ได้เป็นเบาหวานนะ
00:11:10 → 00:11:12 เรายังไม่ได้เป็นเบาหวานนะครับเวลาเรากิน
00:11:12 → 00:11:15 น้ำตาลเข้าไปสมมุตินะครับน้ำตาลกินเข้าไป
00:11:15 → 00:11:17 ปั๊บดูดซึมเข้าไปในเลือดนะครับพอดูดซึม
00:11:17 → 00:11:19 เข้าไปในเลือดแล้วเนี่ยร่างกายเราเนี่ย
00:11:19 → 00:11:21 เห็นแล้วว่าน้ำตาลในเลือดมันสูงตับอ่อน
00:11:21 → 00:11:24 เราจะสร้างอินซูลินออกมาเพื่อไปคุมระดับ
00:11:24 → 00:11:27 น้ำตาลในเลือดนะครับภาวะีนี้เเรียกว่า
00:11:27 → 00:11:29 ภาวะดื้อต่ออินซูลินเรียกง่ายๆคือ
00:11:29 → 00:11:33 อินซูลินน่ะมันไปลดน้ำตาลได้ไม่ดีและอ่า
00:11:33 → 00:11:35 พอลดได้ไม่ดีเกิดอะไรขึ้นตับอ่อนเราจะ
00:11:35 → 00:11:37 ต้องสร้างอินซูลินเยอะขึ้นอีกเพื่อหวังจะ
00:11:37 → 00:11:40 ไปคุมน้ำตาลในเลือดนะครับเพราะฉะนั้นภาวะ
00:11:40 → 00:11:44 เนี้ยจะเกิดก่อนเป็นเบาหวาน 5-10 ปีโห
00:11:44 → 00:11:47 5-10 ปีใช่เหรอว่ามันมีอาการยังไงถ้าเรา
00:11:47 → 00:11:49 จะรู้เอ้ยตอนนี้มันดื้อหรือไม่ดื้อคอ่า
00:11:49 → 00:11:51 ตอนนี้มันดื้อดื้อดื้อดื้อหรรือไม่ดื้อ
00:11:51 → 00:11:54 เนาะคืออันเนี้ยเป็นคีย์เลยว่าทุกวันเเรา
00:11:54 → 00:11:56 รู้แล้วว่าเราจะมีภาวะนี้ก่อนที่จะเป็น
00:11:56 → 00:12:00 เบาหวานเนี่ย 5-10 ปีแต่พอเราไม่ตรวจไม่
00:12:00 → 00:12:02 รู้อินซูลินเนี่ยเราเลยไม่รู้ไงว่าเราจะ
00:12:02 → 00:12:05 ป้องกันเบาหวานยังไงเรามีภาวะนี้แล้วหรือ
00:12:05 → 00:12:08 ยังนึกออกมั้ยฮะอ่าการที่เรามีอินซูลิน
00:12:08 → 00:12:11 สูงๆโดยมากเนี่ยก็เกิดในคนเกิดในคนนิสัย
00:12:11 → 00:12:14 ไม่ดีนั่นแหละก็คือหิวบ่อยกินเก่ง
00:12:14 → 00:12:16 อินซูลินมันเป็นคำว่าหิวเนี่ยอาจจะกินแต่
00:12:16 → 00:12:21 ขนมกินแต่ขนมแล้วก็แล้วก็ชามุกไข่มุกอูกฮ
00:12:21 → 00:12:23 พวกเนี้ยนะครับแล้วเอ่ออินซูลินเป็น
00:12:23 → 00:12:26 ฮอร์โมนช่วยอ้วนหลักๆแล้วทำไมเขาเปลี่ยน
00:12:26 → 00:12:29 น้ำตาลให้ไปเป็นไขมันเฮ้ยคนบางคนบอกว่า
00:12:29 → 00:12:32 ว่ามีอะไรง่ายๆที่มันไม่ต้องเสียเงินมยนะ
00:12:32 → 00:12:35 ครับดัชนีนึงที่ดีมากๆเลยนะครับเมื่อก่อน
00:12:35 → 00:12:37 เราดูน้ำหนักส่วนสูงถูกมั้ยอ่าเดี๋ยว
00:12:38 → 00:12:40 เนี้ยเค้าเรียกว่าดัชนีที่ดีกว่าแล้วกัน
00:12:40 → 00:12:43 เนาะคือรอบเอวต่อส่วนสูงครับอันนี้ผู้
00:12:43 → 00:12:47 หญิงผู้ชายนะทั้งหมดรอบเอวเป็นเซนติเมต
00:12:47 → 00:12:49 เป็นเซนติเมตอ่ะสมมุติว่าเอหารส่วนสูง
00:12:49 → 00:12:52 เป็นเซมคือสมมุติว่าเช่นเราสูง 160 นะ
00:12:52 → 00:12:56 ครับรอบเอวเราต้องไม่เกิน 80 ซมถ้า 30
00:12:56 → 00:12:59 นิ้วเท่าไหร่ติต่างตีเป็นคูณ 2.5 เท่า
00:12:59 → 00:13:02 ไหร่นะ 75 อ่ะสมมุติว่าเอา 25 ก็ได้ 25
00:13:02 → 00:13:05 25 25 เนี่ยคือน่าจะเป็น 62.5 มั้งใช่
00:13:05 → 00:13:09 มั้ยฮะ 62 อ่านั่นน่ะพี่ประมาณ 60 60
00:13:09 → 00:13:14 อะไรประมาณเนี้ย 62 สมมุติว่าเป็นเซม 62
00:13:14 → 00:13:16 แล้วสูง 160 เออันนี้ไม่ถึงอยู่แล้วเห็น
00:13:16 → 00:13:19 มั้ย 62 ตั้งถึงที่เป็นเบาหวานไม่ไม่ถึง
00:13:19 → 00:13:24 0.5 เห็นมั้ยฮะ 62 ตั้งหารด้วย 180 เอา
00:13:24 → 00:13:28 รอบเอวตั้งหารด้วยน้ำความสูงความสูงอ่า
00:13:28 → 00:13:31 เป็นเซนติเมตรทั้งหมดถ้าน้อยกว่า 0.5
00:13:31 → 00:13:33 เนี่ยไม่ได้บอกแค่เรื่องเบาหวานบอกความ
00:13:33 → 00:13:36 เสี่ยงในการเกิดโรคอื่นๆนะครับไม่ว่าจะ
00:13:36 → 00:13:39 เป็นหลอดเลือดหัวใจหลอดเลือดสมองอะไรใดๆ
00:13:39 → 00:13:42 เนี่ยคนที่อ้วนลงพุงอ่ะพุงใหญ่ๆพวกเนี้ย
00:13:42 → 00:13:45 เสี่ยงเสี่ยงเบาหวานเสี่ยงหลอดเลือดหัวใจ
00:13:45 → 00:13:48 เสี่ยงหลอดเลือดสมองอ่าอันนี้เป็นค่านึง
00:13:48 → 00:13:50 ที่วัดง่ายๆถ้าอยากรู้เพิ่มเติมว่าเฮ้ย
00:13:50 → 00:13:52 ฉันมีภาวะนี้หรือยังเพราะว่าคนเนี่ยจะ
00:13:52 → 00:13:55 ต้องมีภาวะเนี้ยภาวะก่อนที่จะเป็นบาหวาน
00:13:55 → 00:13:58 เนี่ยที่ไม่ได้รับการวินิจฉัย 5-10 ปี
00:13:58 → 00:14:01 ก่อนที่จะเป็นเบาหวานอืถ้าเราตรวจเลือด
00:14:01 → 00:14:03 อินซูลินน่ะอินซูลินสูงลอยนำมาแล้วแต่น้ำ
00:14:03 → 00:14:06 ตาลมันยังไม่ขึ้นเพราะว่าร่างกายมันยัง
00:14:06 → 00:14:09 มันยังเอาอยู่ไงคือร่างกายจะพยายามคุมน้ำ
00:14:09 → 00:14:11 ตาลโดยสร้างอินซูลินเยอะขึ้นเพื่อมาคุม
00:14:11 → 00:14:14 เพราะฉะนั้นไอ้ภาวะเนี้ยจะเห็นก่อนที่จะ
00:14:14 → 00:14:17 เกิดเบาหวานและ 5-10 ปีอินซูลินคุณจะสูง
00:14:17 → 00:14:20 ขึ้นก่อนถ้าเกิดคนที่มีโอกาสแล้วเราตรวจ
00:14:20 → 00:14:22 อินซูลินได้ก่อนเฮ้ยเราจะรู้แล้วเฮ้ย
00:14:22 → 00:14:26 อินซูลินเราสูงและอ่าถ้าฉันไม่ทำอะไรเบา
00:14:26 → 00:14:30 หวานมาแน่นอนเบาหวานจ่อจอยู่ปากทางและอ่า
00:14:30 → 00:14:33 มีเวลา 5-10 ปีแล้วโดยเฉพาะเบาหวานเนี่ย
00:14:33 → 00:14:35 ก็จะเป็นกรมพรด้วย
00:14:35 → 00:14:39 เอ่อผมมองว่าเป็นเพียงแค่ส่วนนึงนะครับอ๋
00:14:39 → 00:14:43 มองกับไม่ได้มองว่าจะต้องรับผิดชอบจากพ่อ
00:14:43 → 00:14:46 แม่เป็นไม่ได้จำเป็นใช่่มโดยมากแล้วอ่ะ
00:14:46 → 00:14:49 มันเป็นพฤติกรรมร่วมด้วยเอาอย่างเอาอย่าง
00:14:49 → 00:14:52 ผมเองเนี่ยนะครับเอ่อคุณพ่อผมมีพี่น้อง 6
00:14:53 → 00:14:57 คนคุณแม่มีพี่น้อง 10 คนอ่า 16 คนนี้เป็น
00:14:57 → 00:15:00 ความเดาลหิตสูงทั้งหมดหมดเลยฮะอ้าอย่าง
00:15:00 → 00:15:03 งั้นก็เป็นกรรมพันธ์สิอ่ะผมเองกับน้องสาว
00:15:03 → 00:15:06 ผม 2 คนไม่มีใครเป็นความดันโลหิตสูงเลย
00:15:06 → 00:15:09 ส่วนนึงอ่ะผมว่าอย่าไปโทษกรรมพันธ์ทั้ง
00:15:09 → 00:15:13 หมดอย่าลืมดูพฤติกรรมเราด้วยแต่ว่าโดยมาก
00:15:13 → 00:15:15 แล้วคนอยู่ในครอบครัวเดียวกันน่ะก็มักจะ
00:15:15 → 00:15:18 ทานอาหารหรือมีไลฟ์สไตล์ที่มันเหมือนๆกัน
00:15:18 → 00:15:20 เห็นมั้ยในบางทีในในพ่อแม่ที่อ้วนเนี่ย
00:15:20 → 00:15:22 การกินอาหารมันก็เป็นอาหารที่ทำให้เขา
00:15:22 → 00:15:25 อ้วนแล้วลูกๆก็กินตามถูกมั้ยอ่ามันก็เลย
00:15:25 → 00:15:28 จะเป็นสิ่งที่มันแบบเอ้ยทำให้มันเกิดค่ะ
00:15:28 → 00:15:31 สิ่งนี้อ่ะมาถึงคอเลสเตอรอลเชื่อว่าส่วน
00:15:31 → 00:15:34 มากเวลาเค้าตรวจเนี่ยเตรวจน้ำตาลแล้วตรวจ
00:15:34 → 00:15:37 ไขมันคอเลสเตอรอลตรงนี้เนี่ยถ้าจะตรวจให้
00:15:37 → 00:15:40 ได้ผลต้องตรวจยังไงสมัยก่อนบางทีไม่ต้อง
00:15:40 → 00:15:42 สมัยก่อนน่ะถามพี่น้องกันเนี่ยญาติกันบาง
00:15:42 → 00:15:44 ทีไปตรวจเออคอเลสเตอรอลเท่าไหร่อ่าเขาคก็
00:15:44 → 00:15:47 บอกเกินมาอ้า 230 ก็จะให้ประมาณ 200 ถูก
00:15:47 → 00:15:51 มั้ยฮะ 230 แล้ว H dl ตัวดีเท่าไหร่ตัว
00:15:52 → 00:15:55 ต่ำตัวไม่ดีเท่าไหร่เ้าก็ตอบไม่ได้เพราะ
00:15:55 → 00:15:57 ว่าในโรงพยาบาลที่ตรวจเลือดมาบอกแต่ว่า
00:15:57 → 00:16:02 คอเลสเตอรอลโดยรวมเท่านี้จริงๆยังไงคือ
00:16:02 → 00:16:04 แค่ฟังคำถามพี่ตั๊กเนี่ยรู้แล้วว่าพี่
00:16:04 → 00:16:07 ตั๊กเป็นคนดูรายละเอียดของไขมันแหละซึ่ง
00:16:07 → 00:16:09 คนโดยมากไม่ดูผมว่าอันเนี้ยเป็นอีกข้อนึง
00:16:10 → 00:16:12 นะที่คนน่ะไม่ดูรายละเอียดของตัวเองให้ดี
00:16:12 → 00:16:15 เลยก็ก็ดูคร่าวๆนึกออกออเบอกมีอันนี้สูง
00:16:16 → 00:16:18 อันนี้สูงผมว่าค่าไขมันเนี่ยเป็นเป็นสิ่ง
00:16:18 → 00:16:21 ที่เรากลัวกันมานานและเวลาตรวจไขมันเนี่ย
00:16:21 → 00:16:24 ผมต้องบอกก่อนว่าการตรวจไขมันเนี่ยค่าจะ
00:16:24 → 00:16:27 ออกมามี 4 ค่าด้วยกันนะครับอ่าครับค่านึง
00:16:27 → 00:16:30 คือค่าคอเลสเตอรอลผมแบ่งฝั่งนึงก่อนนะ
00:16:30 → 00:16:32 ฝั่งนี้คือคอเลสเตอรอลโดยรวมนะครับซึ่ง
00:16:32 → 00:16:35 มันจะมีอีก 2 ค่าซึ่งจะอยู่ในคอเลสเตอรอล
00:16:35 → 00:16:37 ก็คือไขมันดีไขมันเลวอ่ากลุ่มเนี้ยคือ
00:16:37 → 00:16:39 กลุ่มคอเลสเตอรอลนะครับกลุ่มคอเลสเตอรอล
00:16:39 → 00:16:43 จะแบ่งเป็นตัวดีกับแบ่งเป็นตัวเลวนะครับ
00:16:43 → 00:16:45 ตัวเลวทำไมมันเลวอ่ะมันก็จะไปเกาะหลอด
00:16:45 → 00:16:48 เลือดเราถูกมยให้หลอดเลือดเราตีบลงตัว D
00:16:48 → 00:16:50 ทำไมเขาเรียกว่าตัว D ล่ะตัว D เนี่ย
00:16:50 → 00:16:53 เหมือนรถเปล่าอ่ะลอยไปในหลอดเลือดแล้ว
00:16:53 → 00:16:55 เนี่ยพอไปเจอตัวตัวเลวเกาะอยู่เนี่ยเขาจะ
00:16:55 → 00:16:57 ไปดูดออกแล้วไปทำลายทิ้งที่ตับออ๋อนึกว่า
00:16:58 → 00:17:04 แยกการทำงานอ่าตัวเลงเหมือนแต่ไอตัวมันทำ
00:17:04 → 00:17:07 ้ายตัวเลอ่าคือเหว่ามันไปหยิบตัวเลวออก
00:17:07 → 00:17:11 อ่าถ้าว่าง่ายๆนะมันไปหยิบตัวเลวออกทีนี้
00:17:11 → 00:17:14 ไขมันอีกค่านึงนะครับคือค่าไขมันไตกีสลย
00:17:14 → 00:17:18 นะครับเป็นค่าที่คนไม่ค่อยไม่ค่อยสนใจ
00:17:18 → 00:17:20 เท่าไหร่นักซึ่งมันสำคัญสำคัญนะครับทุก
00:17:20 → 00:17:23 วันนี้นะทุกวันนี้มันสำคัญมากคอเลสเตอรอล
00:17:23 → 00:17:26 เรากลัวว่ามันจะไปอุดหลอดเลือดไิไปไหน
00:17:26 → 00:17:30 ครับพี่ตัไปไหนอ่ะไิมันไปพอกตับอ่าไอ้โรค
00:17:30 → 00:17:33 ไขมันพอกตับเนี่ยเกิดจากไขมันไตกีสไรที่
00:17:33 → 00:17:37 มันสูงทีนี้คอเลสเตอรอลเนี่ยทุกวันนี้เรา
00:17:37 → 00:17:40 รู้แล้วว่าร่างกายเราสร้างขึ้นเอง 80%
00:17:40 → 00:17:43 เกิดจากอาหารการกินเพียงแค่ 20 อ๋อร่าง
00:17:43 → 00:17:45 กายสร้าง 80 เหรออ่าอ๋อพี่นึกว่าอยู่กับ
00:17:46 → 00:17:48 อาหารล้วนๆอ่ะคนโดยมากอ่ะอุ้ยคอเลสเตอสูง
00:17:48 → 00:17:52 ไปคุมอาหารคุมยังไงก็ไม่ค่อยลดเพราะว่า
00:17:52 → 00:17:54 เพราะว่าทุกวันเนี้เรารู้แล้วว่า 80%
00:17:54 → 00:17:58 ร่างกายเราสร้างขึ้นเองถามว่าเอ้ยข้อมูล
00:17:58 → 00:18:00 นี้มันผิดหรือเปล่านึกออกมั้ยอ่ามีหลัก
00:18:01 → 00:18:03 ฐาน 2 หลักฐานนะครับอ่าที่ยืนยันได้เลยนะ
00:18:03 → 00:18:06 ครับอาหารที่มีคอเลสเตอรอลเนี่ย
00:18:06 → 00:18:08 คอเลสเตอรอลจะมีอยู่ในอาหารจำพวกเนื้อ
00:18:09 → 00:18:12 สัตว์เท่านั้นในผักไม่มีคอเลสเตอรอลนะอ่า
00:18:12 → 00:18:15 อาหารจากพืชไม่มีอยู่ในทุกสิ่งที่มาจาก
00:18:15 → 00:18:17 สัตว์ในนมในเนยในชีสพวกนี้มันมี
00:18:17 → 00:18:21 คอเลสเตอรอลถูกมยอ่าทีนี้เอ่ออาหารใน
00:18:21 → 00:18:23 กลุ่มพืชสมมุติว่าข้าวแป้งน้ำตาลจะทำให้
00:18:23 → 00:18:26 ไตกรีสรายสูงไอ้ไไอค่าไตกรีสรายที่จะไป
00:18:26 → 00:18:28 พอกตับเนี่ยถ้ากินข้าวแป้งน้ำตาลจะทำให้
00:18:28 → 00:18:31 ไตกีสรายสูงโหนี่ต้องแยกให้ดีเลยนะอ่า
00:18:31 → 00:18:34 เพราะฉะนั้นกินกะทิกะทิมาจากมะพร้าว
00:18:34 → 00:18:36 มะพร้าวอมันไปอยู่ทางโน้นเหรอไปอยู่ไตกี
00:18:36 → 00:18:39 สราใช่อ่าไตกรีสรายจะสูงนะครับออ๋ออ้า
00:18:39 → 00:18:44 แล้วถ้ากินเอ่อเนื้อหมูไก่กุ้งมากก็จะไป
00:18:44 → 00:18:48 อยู่ไขมันคอเลสเตอรอลอ่าไขมันเลว LD อ่า
00:18:48 → 00:18:51 ldl อ้าเหรออ่าถามว่าทำไมทุกวันนี้เรา
00:18:51 → 00:18:54 ถึงรู้แล้วว่า 80% ของคอสอไม่ได้มาจาก
00:18:54 → 00:18:57 อาหารการกินมาจากร่างกายเราสร้างขึ้นเอง
00:18:57 → 00:19:00 ร่างกายเราสร้างขึ้นเพราะว่าเไปดูในกลุ่ม
00:19:00 → 00:19:01 คนที่
00:19:01 → 00:19:05 กินคือกลุ่มคนที่กินจากพืชหมดเลยไม่กิน
00:19:05 → 00:19:07 สิ่งที่มาจากเนื้อสัตว์เลยก็คือง่ายๆกิน
00:19:07 → 00:19:10 สิ่งที่มันเป็นแบบซีรคอเลสเตอรอลอ่ะถูกม
00:19:10 → 00:19:13 ไม่กินคอเลสเตอรอลเลยแต่ก็มีคอเลสเตอสูง
00:19:13 → 00:19:16 กันเต็มเลยนึกรเหรอ We เนี่ยเหรอวกเนี่ย
00:19:16 → 00:19:20 นะครับอีกอย่างนึงที่คอนเฟิร์มเลยคือยาลด
00:19:20 → 00:19:24 ไขมันเนี่ยนะครับที่ที่ลดไขมันได้มี
00:19:24 → 00:19:26 ประสิทธิภาพดีที่สุดนะครับคือยาลดไขมันใน
00:19:26 → 00:19:29 กลุ่มสตินแล้วก็ใช้กันเยอะที่สุดสุดด้วย
00:19:29 → 00:19:32 อันอันนี้คือหมอสั่งให้กินยาลดคอสเตอกินา
00:19:32 → 00:19:35 ลดคอรอลออกฤทธิ์ยังไงออกฤทธิ์โดยลดการ
00:19:35 → 00:19:38 สร้างที่ตับยาลดไขมันถ้าแบ่งคร่าวๆแบ่ง
00:19:38 → 00:19:40 เป็น 2 กลุ่มกลุ่มนึงคือลดการสร้างที่ตับ
00:19:40 → 00:19:44 อีกกลุ่มนึงคือลดการดูดซึมคอเลสตอรอลจาก
00:19:44 → 00:19:46 ทางเดินอาหารค่ะถ้าเกิดคิดว่าคอเลสเตอรอล
00:19:46 → 00:19:48 เนี่ยมันมาจากอาหารเนี่ยคุณต้องให้ยา
00:19:48 → 00:19:50 กลุ่มนี้สิถูกมั้ยลดการดูดซึมคอเลสเตอรอล
00:19:50 → 00:19:53 จากทางเดินอาหารแต่กลุ่มเนี้ยกินไปอ่ะลด
00:19:53 → 00:19:57 ได้สัก 10 15% เท่านั้นโอแต่ถ้าอีกกลุ่ม
00:19:57 → 00:19:59 นึงลดการสร้างที่ตับกินไปปุ๊บปุ้งลดได้
00:19:59 → 00:20:02 เลยครึ่งนึงมันต้องให้ให้ถูกทาง้วนะอ่าก็
00:20:02 → 00:20:04 คืออันเนี้ยเป็นสิ่งที่ผมจะบอกว่ามัน
00:20:04 → 00:20:08 คอนเฟิร์มว่าคสอเนี่ยมันไม่ได้มาจากอาหาร
00:20:08 → 00:20:11 คำแนะนำที่บอกว่าเฮ้ยห้ามกินไข่แดงนู่น
00:20:11 → 00:20:14 นี้นั้นเนี่ยอ่ามันก็จะแบบว่าเดี๋ยวนี้
00:20:14 → 00:20:16 น้ำหนักมันน้อยและนึกออกมั้ยอ่าอ้างั้น
00:20:16 → 00:20:19 เราต้องทำไงอ่ะถึงจะให้คอเลสเตอรอลลด
00:20:19 → 00:20:21 สาเหตุที่สำคัญที่สุดที่ทำให้คอเลสเตอรอล
00:20:22 → 00:20:26 มันสูงอ่ะคือความเครียดครับเหรอใช่คือ
00:20:26 → 00:20:30 ความเครียดคือความเครียดครับอปกติพอเวลา
00:20:30 → 00:20:32 เราเครียดเนี่ยเครียดแล้วเนี่ยร่างกายเรา
00:20:32 → 00:20:34 จะสร้างฮอร์โมนขึ้นมาเพื่อซัพพอร์ตความ
00:20:34 → 00:20:37 เครียดแล้วไอ้ฮอร์โมนเหล่าเนี้ยมันใช้
00:20:37 → 00:20:40 คอเลสเตอเป็นสารตั้งต้นพอเครียดปุ๊บร่าง
00:20:40 → 00:20:41 กายอยากสร้างฮอร์โมนเหล่านี้ขึ้นมาเนี่ย
00:20:41 → 00:20:43 ร่างกายก็เลยสร้างคอเลสเตอเยอะขึ้นเพื่อ
00:20:43 → 00:20:46 หวังว่าคอเลสเตอเหล่าเนี้ยมันจะเปลี่ยนไป
00:20:46 → 00:20:49 เป็นฮอร์โมนมาซัพพอร์ตเราแล้วการออกกำลัง
00:20:49 → 00:20:51 กายช่วยมั้ฮะเรื่องคอเลสเตอรอลเนี่ยที่
00:20:51 → 00:20:53 บอกว่านอกจากความเครียดเราเราเราไปแก้
00:20:53 → 00:20:56 ด้วยการออกกำลังกายได้มั้ยคือที่ว่ามันมา
00:20:56 → 00:20:59 จากตัวเองเนี่ยถ้าถ้าในายคนเครียดสมมตใน
00:20:59 → 00:21:00 คนที่เครียดเนาะการออกกำลังกายเนี่ยถ้า
00:21:00 → 00:21:03 ออกกำลังกายเบาๆโอเคแต่ถ้าออกกำลังกาย
00:21:03 → 00:21:05 หนักมากๆเนี่ยมันก็เครียดอีกนะมันเป็นมัน
00:21:05 → 00:21:09 เป็นความเครียดทางกายถูกมาอ่าคือถามว่า
00:21:09 → 00:21:11 จริงๆแล้วเนี่ยในเรื่องในเรื่อง
00:21:11 → 00:21:13 คอเลสเตอรอลเนาะเฮ้ยทำไมเรากลัว
00:21:13 → 00:21:16 คอเลสเตอรอลเรากลัวคอเลสเตอรอลมันจะไปอุด
00:21:17 → 00:21:19 หลอดเลือดถูกมยอุดหลอดเลือดหัวใจอุดหลอด
00:21:19 → 00:21:22 เลือดสมองถูกมาเพราะฉะนั้นเนี่ยในเรื่อง
00:21:22 → 00:21:27 ของคอสอเนี่ยผมแนะนำว่าถ้าเกิดพอมี budget
00:21:27 → 00:21:30 เนออ่ะลองตรวจเพิ่มเติมกันอีกสัก 3 อย่าง
00:21:30 → 00:21:33 ซินะครับอ่าอันอันนี้แนะนำไว้นะครับคอสอ
00:21:33 → 00:21:37 เนี่ยผมต้องบอกว่ามันเป็นเหมือนแบบ Bad
00:21:37 → 00:21:40 Guy อ่ะมานานมากละเป็นเหมือนเหมือเป็น
00:21:40 → 00:21:43 ผู้ร้ายอ่ะในในทางการแพทย์เนี่ยโหเค้าดู
00:21:43 → 00:21:45 ว่าเอ้ยในหลอดเลือดเนี่ยเวลามันตันเนี่ย
00:21:45 → 00:21:48 เฮ้ยมันเป็นคอเลสเตอรอลนี่นานึกออกมั้ย
00:21:48 → 00:21:50 มันเป็นผู้ร้ายมายาวนานเป็น 100 ปีและนะ
00:21:50 → 00:21:54 ครับอแล้วแต่แล้วอะไรเกิดขึ้นทุกวันเนี้ย
00:21:54 → 00:21:57 มียาลถคสอออกมาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆคือยาลถ
00:21:57 → 00:22:02 ซอลเนี่ยเนี่ยเป็นยาที่ติดอันดับต้นๆของ
00:22:02 → 00:22:06 ของยาขายดีอ่ะนึกออกมั้ยฮะเรากินยาแล้วนะ
00:22:06 → 00:22:09 ลดคอสอกันหมดแล้วนะนึกออกมเดี๋ยวเนี้ย
00:22:09 → 00:22:12 ไกด์ไลน์คสออ่ะยิ่งลดยิ่งต่ำนึกออกมั้ย
00:22:12 → 00:22:14 เฮ้ยต้องต่ำเท่านี้ต่ำอีกต่ำอีกนึกออก
00:22:14 → 00:22:17 มั้ยเมื่อก่อนสมัยก่อนนะสมัยแบบ 20 ปีที่
00:22:17 → 00:22:21 แล้วเอ้ย ldl ldl ต่ำกว่า 190 โอเคแล้วะ
00:22:21 → 00:22:23 ค่อยๆเขยิบลงมาเฮ้ยต้องต่ำกว่า 160 ต้อง
00:22:23 → 00:22:26 ต่ำกว่า 130 เดี๋ยวนี้ ldl ต้องต่ำกว่า
00:22:26 → 00:22:30 100 บางทีเนี่ยต่ำกว่า 70 ต่ำกว่า 55 คน
00:22:30 → 00:22:34 ใช้ยาลดคิสตัลเยอะมากลดคิสตัลต่ำลงมาแล้ว
00:22:34 → 00:22:36 นะแต่โรคหลอดเลือดหัวใจหลอดเลือดสมอง
00:22:36 → 00:22:39 เพิ่มขึ้นเรื่อยๆอ่าเพราะอะไรเพราะอะไร
00:22:39 → 00:22:42 ถูกมยเฮ้ยผู้ร้ายผิดตัวหรือเปล่าอ่าผู้
00:22:42 → 00:22:44 ร้ายผิดตัวหรือเปล่าเอ๊เดี๋ยวหมอพอหมอพูด
00:22:44 → 00:22:47 เรื่องนี้ก็เลยคิดเลยว่าแล้วทำไมหมอถึง
00:22:47 → 00:22:50 ให้กินยาไปเรื่อยๆพี่ไม่เคยทันยาลด
00:22:50 → 00:22:53 คอเลสเตอรอลเลยนะอ่าฮะอ่าฮะก็เลยสงสัย
00:22:53 → 00:22:56 อย่างคนใกล้ตัวทานอ้าคนนี้ก็ทานยารถคนนี้
00:22:56 → 00:22:58 ก็ทานยารถความดันบ้างรคนสเพราะว่า
00:22:58 → 00:23:01 ไกด์ไลน์อ่ะมันออกมาแล้วมันกดให้มันต่ำลง
00:23:01 → 00:23:04 เรื่อยๆมันโกหกไงมันไม่ได้ลงจริงอ่ะโห
00:23:04 → 00:23:07 เรื่องลงแบบพี่ตั๊กลองสมมุติว่ากินยาแล้ว
00:23:07 → 00:23:11 ลองตรวจ Before After สิแดีลดลงแต่ทำไม
00:23:11 → 00:23:13 เรายังถึงเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจหลอด
00:23:13 → 00:23:15 เลือดดสมองเยอะขึ้นเรื่อยๆทั้งๆที่ ldl
00:23:15 → 00:23:18 เราคุมแล้วนะยิ่งปีแบบหลังๆมาเนี่ยเราคุม
00:23:18 → 00:23:22 ldl กันต่ำมากนะแต่ยังเกิดอีกอ่าตอนตอน
00:23:22 → 00:23:25 นี้เให้ ldl เท่าไหร่ไบางที่เให้ 140
00:23:25 → 00:23:27 หรือ 120 พี่จำไม่ได้เราเราพูดกันถึงตัว
00:23:27 → 00:23:31 ldl เนาะอ ldl แล้วแต่เกณฑ์หมอเลยผมว่า
00:23:31 → 00:23:34 ถ้ายิ่งเป็นหมอหัวใจหมอสมองเนี่ยนะอู้หู
00:23:34 → 00:23:38 ต่ำเอาเอา 100 นอะไรอย่างเงี้ยเออแบบเเ
00:23:38 → 00:23:41 เอาเเอากันเบอร์นั้นเนอะแต่แต่ทีนี้ผมจะ
00:23:41 → 00:23:44 บอกว่าจริงๆแล้วเนี่ยถ้าเราดูแล้วว่าเฮ้ย
00:23:44 → 00:23:47 ก่อนที่ไขมันมันจะไปอุดหลอดเลือดอ่ะเกิด
00:23:47 → 00:23:49 อะไรก่อนมันมันเหมือนเบาหวานอ่ะก่อนเกิด
00:23:49 → 00:23:53 เบาหวานมันต้องมันมีแนวอะไรมีอินซูลินสูง
00:23:53 → 00:23:56 มันก่อนถูกมั้ยอ่าทีเนี้ยอะไรล่ะที่มันจะ
00:23:56 → 00:23:57 เกิดก่อนที่จะเกิดหลอดเลือดหัวใจและหลอด
00:23:57 → 00:24:01 เลือดสมองอะไรอ่าคือเาเรียกว่าภาวะหลอด
00:24:01 → 00:24:03 เลือดเสื่อมนะครับในในในทางการแพทย์เ
00:24:03 → 00:24:06 เรียกว่า osis ภาวะหลอดเลือดเสื่อมเนี่ย
00:24:06 → 00:24:09 ถ้าไปเสิร์ชดูเขจะเขียนเลยว่าเป็นภาวะที่
00:24:09 → 00:24:14 เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของหลอดเลือดพอ
00:24:14 → 00:24:16 เกิดการอักเสบเรื้อรังของหลอดเลือดแล้ว
00:24:16 → 00:24:18 เนี่ยไขมันมันก็จะเข้ามาค่อยๆพอกค่อยๆ
00:24:18 → 00:24:21 สะสมเพราะฉะนั้นอยากตรวจอะไรที่มันเกิด
00:24:21 → 00:24:23 ก่อนล่ะตรวจการอักเสพสิมันมีการตรวจการ
00:24:23 → 00:24:27 อักเสบของหลอดเลือดรอใช่เราๆเราจะต้องบอก
00:24:27 → 00:24:29 เคว่าไงสมมุติเราจะไปตรวจการอักเสบของ
00:24:29 → 00:24:31 หลอดเลือดก็บอกตรวจการอักเสบของหลอดเลือด
00:24:31 → 00:24:34 พูดไปตรงๆเลยจะตรวจด้วยอะไรด้วยเลือดหรือ
00:24:34 → 00:24:36 ด้วยเจอดเลือดเจาะเลือดนะครับถ้าเลือดค่า
00:24:36 → 00:24:40 มันคือค่า High sensitivity crp ไม่
00:24:40 → 00:24:42 แล้วๆแล้วมันบอกได้ 100% เหรอคะว่าอุ๊ย
00:24:42 → 00:24:45 หลอดเลือดคุณตอนนี้อักเสบแล้วและอ่ะหมาย
00:24:45 → 00:24:47 ถึงว่ามันคือมันเพิ่มความเสี่ยงแน่นอนนะ
00:24:47 → 00:24:50 ครับเอ่อสมาคมโรคหัวใจอเมริกันบอกเลยว่า
00:24:50 → 00:24:53 เอ้ยถ้าเกิดค่าเนี้ยของคุณน่ะน้อยกว่า 1
00:24:53 → 00:24:56 เนี่ยคุณเป็นความเสี่ยงน้อยนะแต่ถ้าเกิน 3
00:24:56 → 00:24:59 เมื่อไหร่เนี่ยถือว่าความเสี่ยงสูงเพราะ
00:24:59 → 00:25:01 ฉะนั้นแทนที่เราจะไปนั่งคุมแต่ค่า
00:25:01 → 00:25:03 คอเลสเตอรอลเราต้องคุมค่าการอักเสบของ
00:25:03 → 00:25:06 หลอดเลือดเราสิอืถูกมเราอะไรมันเกิดก่อน
00:25:06 → 00:25:09 ล่ะอะไรประมาณนี้ทีนี้เอ่อประเด็นที่ 2
00:25:09 → 00:25:14 ที่เขาเห็นเคพบว่าในคนที่มี ldl นะเกิน
00:25:14 → 00:25:16 190 พี่ตั๊กว่าสูงมั้ย ldl นะผมผมไม่ได้
00:25:16 → 00:25:20 พูดถึงคอเลสเตอรอลนะอ่าคนที่มี ldl สูง
00:25:20 → 00:25:22 190 เนี่ยทุกวันนี้โดนจับกินยาทุกคนแหละ
00:25:23 → 00:25:27 แต่เกือบครึ่งนึงไม่เกิดหมายถึงว่าคือ
00:25:27 → 00:25:30 หมายถึงว่าต่อให้ไม่กินยานะอ่าเค้ามันมัน
00:25:30 → 00:25:33 มันมีวิจัยอันนึงที่เอาคนที่มีค่าไขมัน
00:25:33 → 00:25:36 เกิน 190 มาดูนะครับอ่าทีนี้เค้าดูถ้าไ
00:25:36 → 00:25:40 มัน ldl นะ LD ldl เกิน 190 ถือว่าสูง
00:25:40 → 00:25:43 มากเพบว่าคนเกือบครึ่งนึงไม่มี evidence
00:25:43 → 00:25:46 ของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจเลยอือ้าทำไม
00:25:46 → 00:25:49 ล่ะเฮ้ยพอเวลาเศึกษาไปแล้วเนี่ยเพบว่า
00:25:49 → 00:25:52 เฮ้ยคนเนี่ยพอเวลาค่าไขมันมันเท่ากัน
00:25:52 → 00:25:55 สมมุติว่าเช่น 2 กลุ่มนี้ 150 150 เท่า
00:25:56 → 00:25:58 กันเลยนะแต่ความเสี่ยงมันดันไม่เท่ากัน
00:25:58 → 00:26:00 พี่ตั๊กเคยได้ยินเรื่องของไขมันมันมีตัว
00:26:00 → 00:26:02 เล็กตัวใหญ่มย ldl เนี่ยเดี๋ยวนี้มัน
00:26:02 → 00:26:04 สามารถตรวจเป็น ldl particle size คือ
00:26:04 → 00:26:06 หมายถึงว่าดูว่ามันเป็นตัวเล็กหรือเป็น
00:26:06 → 00:26:10 ตัวใหญ่ยิ่งเล็กยิ่งร้ายอันนี้อันนี้ให้
00:26:10 → 00:26:13 จำไว้มันสามารถตรวจได้ว่าเฮ้ย ldl ของฉัน
00:26:13 → 00:26:16 น่ะมันเป็นตัวเล็กหรือเป็นตัวใหญ่ตรวจ ldl
00:26:16 → 00:26:18 อย่างเดียวแล้วดูว่าเป็นตัวเล็กหรือตัว
00:26:18 → 00:26:21 ใหญ่เป็นตัวเล็กหรือตัวใหญ่ไอ้ที่ตอนแรก
00:26:21 → 00:26:25 ผมบอกว่าคนที่ค่า ldl มันเกิน 190 เนี่ย
00:26:25 → 00:26:27 เฮ้ยมันแบบมันครึ่งๆเลยนะครึ่งนึงอ่ะคือ
00:26:27 → 00:26:30 มันไม่เป็นอีกครึ่งนึงเนี่ยมันเป็นไอ้
00:26:30 → 00:26:33 ครึ่งที่มันไม่เป็นเนี่ยมันเป็นตัวอ้วนๆ
00:26:33 → 00:26:35 ไม่เป็นไรแต่ไอไอครึ่งที่มันเป็นเนี่ยคือ
00:26:35 → 00:26:38 มันเป็นตัวเล็กๆยิ่งเล็กยิ่งเกาะหลอด
00:26:38 → 00:26:41 เลือดเก่งยิ่งเล็กยิ่งโดนจับทำลายออกได้
00:26:41 → 00:26:44 ยากแล้ว้าไม่ได้ตรวจว่ามันเป็นตัวเล็กตัว
00:26:44 → 00:26:46 ใหญ่ทำยังไงล่ะการตรวจพวกนี้มันจะตรวจ
00:26:46 → 00:26:49 เป็นค่าที่เรียกว่า a b อ่าถ้าไม่ได้
00:26:49 → 00:26:53 ตรวจทำยังไงเราดูได้นะอ่าทุกวันนี้มันมี
00:26:53 → 00:26:56 เ่อองค์ความรู้ที่มันมาซัพพอร์ตว่าคุณดู
00:26:56 → 00:26:59 อย่างงนี้สิก็เวลาเราจะดูว่าไขมันเรามัน
00:26:59 → 00:27:01 เป็นตัวเล็กหรือเป็นตัวใหญ่เนี่ยให้เรา
00:27:01 → 00:27:04 เอาค่าไขมันไตรกีสไลตั้งนะครับแล้วหาร
00:27:04 → 00:27:08 ด้วย hdl ต่ำกว่า 2 เท่าแนวโน้มเป็นตัว
00:27:08 → 00:27:12 ใหญ่ไม่ค่อยเกาะแต่พวกเกินนะ 3 เท่านี่
00:27:12 → 00:27:15 เริ่มก้ำกึ่ง 45 เท่านี่ตัวเล็กแน่นอนยก
00:27:15 → 00:27:17 ตัวอย่างเช่นสมมุติว่าไกราเรา 200 สมมุติ
00:27:17 → 00:27:22 นะ 200 ค่าไขมันดีหรือ hdl เรา 50 200
00:27:22 → 00:27:27 ตั้งหาร 50 ได้ 4 ถูกมยอ่า 4 เนี่ยไขมัน
00:27:27 → 00:27:30 เรา ldl เราเป็นตัวเล็กแน่นอนยิ่งเล็ก
00:27:30 → 00:27:33 ยิ่งร้ายถูกมยิ่งเล็กยิ่งร้ายอ่าค่าที่จะ
00:27:33 → 00:27:35 ดีคืออย่างน้อยต้องต่ำกว่า 2 ต้องต่ำกว่า
00:27:35 → 00:27:39 2 เพราะฉะนั้นเช่นถ้าเกิดเราไจีเรา 100
00:27:39 → 00:27:43 ถูกมยฮะหารด้วย hdl สมมติว่า 50 100 าร
00:27:43 → 00:27:45 50 ได้ 2 ถูกมยอ่าอันเนี้ยแนวโน้มเราอ่ะ
00:27:45 → 00:27:47 มันเป็นตัวใหญ่ๆไม่ค่อยเกาะหลอดเลือดอ๋อเ
00:27:47 → 00:27:50 ดูแนวโน้มจากอันนี้ต้องต่ำกว่า 2 อ่า
00:27:50 → 00:27:52 เดี๋ยวนี้แบบพอวิจัยใหม่ออกมาเรื่อยๆยิ่ง
00:27:52 → 00:27:56 กดให้ต่ำ Perfect สุดต่ำกว่า 1.5 พอเวลา
00:27:56 → 00:27:59 ต่ำแบบเนี้ยแนวโน้มอ่ะ LD มาเป็นตัวอ้วนๆ
00:27:59 → 00:28:02 ไม่ค่อยเกาะหลอดเลือดอ๋อไอ้พวกตัวเล็กๆ
00:28:02 → 00:28:05 เนี่ยมันจะเกาะเก่งมุดแทรกหลอดเลือดเก่ง
00:28:05 → 00:28:07 พอแทรกเก่งก็ยิ่งทำให้หลอดเลือดมันยิ่ง
00:28:07 → 00:28:11 ยิ่งอักเสบเพิ่มขึ้นยิ่งอักเสบยิ่งเกาะ
00:28:11 → 00:28:13 อีกอย่างนึงเนี่ยคือในเรื่องของค่าไขมัน
00:28:13 → 00:28:17 เนาะอ่าเวลาเราดูเนี่ยเอ่อเรามักดูกันแต่
00:28:17 → 00:28:19 ว่าเอ๊ะระดับไขมันเราเป็นเท่าไหร่แต่อีก
00:28:19 → 00:28:22 อย่างนึงเนี่ยคือการประเมินว่ามันมีความ
00:28:22 → 00:28:24 เสี่ยงเยอะมั้ยที่ไขมันเหล่านี้มันจะไป
00:28:24 → 00:28:28 อุดหลอดเลือดมันมีแอปในการคำนวณนะครับอ่า
00:28:28 → 00:28:31 แอปเนี้ยคืออ่าให้เราเสิรชก็ได้
00:28:31 → 00:28:34 ascvd นะครับแคลคูเลเตอร์เนี่ยมันจะมีมา
00:28:34 → 00:28:37 และมันก็จะให้เราใส่ค่าไขมันเราเป็นผู้
00:28:37 → 00:28:40 หญิงผู้ชายอายุเท่าไหร่สูบบุหรี่มยเป็น
00:28:40 → 00:28:42 ความดันหรือเปล่าเบาหวานเป็นมยกรอก
00:28:42 → 00:28:45 ประวัติพวกนี้เข้าไปแล้วมันจะคำนวณออกมา
00:28:45 → 00:28:48 อืถ้าเกิน 7.5 เนี่ยถ้าถ้าค่าที่ได้ออกมา
00:28:48 → 00:28:51 นะเกิน 7.5 เนี่ยถือว่าสูงเยอะและมีแนว
00:28:51 → 00:28:54 โน้มคุณควรกินยารสคือต้องต่ำกว่า 7.5
00:28:54 → 00:28:56 อย่างน้อยต้องต่ำกว่า 7.5 ลงมาต่ำยิ่งต่ำ
00:28:56 → 00:28:58 ยิ่งดีอ่ะต่ำแสดงว่าอันเนี้ยมันบอกว่า
00:28:58 → 00:29:01 ความเสี่ยงในการที่คุณจะเกิดโรคหลอดเลือด
00:29:01 → 00:29:04 หัวใจใน 10 ปีนี้เป็นยังไงนะครับถ้าเกิน
00:29:04 → 00:29:08 7.5% ถือว่าสูงนะครับพวกเนี้ยเป็นแอปที่
00:29:08 → 00:29:11 เราเข้าไปกรอกกันได้เลยอืโอนี่วิธีการ
00:29:11 → 00:29:14 ตรวจมันลึกไปเรื่อยๆนะอ่าแทนที่มันจะตรวจ
00:29:14 → 00:29:17 แค่ตัวสุขภาพประจำปีมันมีลึกกว่านั้นบาง
00:29:17 → 00:29:20 ทีใครไม่อยากจ่ายเงินทีเยอะๆก็อ้านานๆก็
00:29:20 → 00:29:23 เอาซะหน่อยอ้าไปตรวจอะไรน้ำตาลอะไรเงี้ย
00:29:23 → 00:29:26 นะเแยกไปตรวจทีละนิดทีละหน่อยได้ใช่มั้ฮะ
00:29:26 → 00:29:28 อย่างเงี้ยไขมันผมมอกว่าอ่ะอันที่ 1 เรา
00:29:28 → 00:29:30 ตรวจเรื่องของการอักเสบของหงอดเลือดถูกมย
00:29:30 → 00:29:33 เพราะมันจะเกิดก่อนที่ไขมันมันจะเกาะอัน
00:29:33 → 00:29:36 ที่ 2 ดูซิว่า ldl ของเราที่มันสูงเนี่ย
00:29:36 → 00:29:38 มันเป็นตัวเล็กหรือมันเป็นตัวใหญ่ถูกมย
00:29:38 → 00:29:41 ยิ่งเล็กยิ่งร้ายอ่ายิ่งเล็กยิ่งร้ายอัน
00:29:42 → 00:29:45 ที่ 3 อันเนี้ยผมมองว่าไม่ต้องตรวจทุกปี
00:29:45 → 00:29:48 แต่อย่างน้อยเนี่ยตรวจสักครั้งนึงในชีวิต
00:29:48 → 00:29:51 นะครับค่าไขมันนี้คือค่าไขมันที่เรียกว่า
00:29:51 → 00:29:54 ไลโปโปรตีน a นะครับเอ๊ะทำไมต้องตรวจตัว
00:29:54 → 00:29:58 เนี้ยไลโปโปรตีน a ไลโปโปรตีน a เนี่ย
00:29:58 → 00:30:02 เอ่อเป็นค่าไขมันที่เกิดจากกรมพรหมายความ
00:30:02 → 00:30:05 ว่าถ้าเราตรวจแล้วสูงพ่อแม่เราสูงแน่นอน
00:30:05 → 00:30:07 นะครับหรือสมมุติว่าเช่นอย่างพ่อแม่ตรวจ
00:30:07 → 00:30:10 แล้วสูงลูกคุณต้องมีคนสูงแน่นอนความน่า
00:30:10 → 00:30:13 กลัวของไขมันตัวนี้คืออะไรนะครับไขมันตัว
00:30:13 → 00:30:17 นี้เกาะหลอดเลือดเก่งที่สุดนะครับไม่ตอบ
00:30:17 → 00:30:19 สนองต่อการคุมอาหารไม่ตอบสนองต่อการออก
00:30:19 → 00:30:22 กำลังกายไม่ตอบสนองต่อการใช้ยาลด
00:30:22 → 00:30:24 คอเลสเตอรอลหมายความว่าคุณกินยาก็ไม่ลง
00:30:24 → 00:30:29 ไม่ลงแล้วการมีค่าไขมันตัวนี้สนะครับมัน
00:30:29 → 00:30:32 สัมพันธ์กับการเกิดแบบ Stroke เกิดหลอด
00:30:33 → 00:30:36 เลือดหัวใจที่อายุอย่างน้อยไลโปอะไรนะคะ
00:30:36 → 00:30:39 ไลโปโปรตีน a ไลโปโปรตีน a ซึ่งขอไปตรวจ
00:30:39 → 00:30:41 ตรงนี้ได้เหมือนกันใช่ก็คือตรวจแล้วมัน
00:30:41 → 00:30:43 ไม่เปลี่ยนเพราะฉะนั้นชีวิตเนี้ยตรวจสัก
00:30:43 → 00:30:47 รอบนึงพอแล้วอเพราะว่าเรารู้และว่าเรามี
00:30:47 → 00:30:50 ความเสี่ยงตรงนี้เพราะฉะนั้นเราจะต้องสก
00:30:50 → 00:30:53 ในการคุมโดยมากแล้วพอเวลาคนตรวจ
00:30:53 → 00:30:56 ไลโปโปรตีน a มาสูงปั๊บผมมักส่งตรวจหลอด
00:30:56 → 00:30:59 เลือดเลยส่งดลเลือคือเราไป x-ray
00:30:59 → 00:31:03 คอมพิวเตอร์หัวใจเนดูว่าเอ๊ะข้างในอ่ะมัน
00:31:03 → 00:31:05 ตีบมันตันมั้ยนึกออกมั้ยอ่าเขาเรียกว่า
00:31:05 → 00:31:08 การทำ cium score coronary cium
00:31:08 → 00:31:12 scoring ดูเลยว่ามันตีบตันมยอืพี่ตั๊ก
00:31:12 → 00:31:14 อาจจะเคยได้ยินเรื่องของการไปวิ่งสายพาน
00:31:14 → 00:31:17 ถูกมั้ยฮะวิ่งสายพานเนี่ยต้องติดประมาณ
00:31:17 → 00:31:21 70% กว่าจะรู้แต่ถ้าเราทำแคลเซียมสกอ
00:31:21 → 00:31:25 เนี่ย 20% ก็รู้และอ๋อเห็นมั้มันมันมันไว
00:31:25 → 00:31:28 ขึ้นสมมุติว่าถ้าเกิดเราตรวจสมมุตินะปีปี
00:31:28 → 00:31:33 นี้ค่ามาและ 50 ปีต่อไปตรวจ 100 นปีถัดไป
00:31:33 → 00:31:37 300 คุณได้ทำบรูนแน่นอนถูกมอันเนี้ยมัน
00:31:37 → 00:31:41 predict ได้เลยอ่านะครับแต่ว่าทั้งนี้
00:31:41 → 00:31:44 ทั้งนั้นกลับไปที่รากฐานไปคุมไตกีต่อ hdl
00:31:44 → 00:31:46 ให้ดีสำคัญใช่
00:31:46 → 00:31:50 มั้ยเพราะงั้นถ้าถ้าเาบอกว่าไตกิลต่ำงั้น
00:31:50 → 00:31:54 หมายความเราอาจจะปลอดภัยจากหลอดเลือดอ่า
00:31:54 → 00:31:56 ดีกว่าคือมันไม่ค่อยเกาะอ๋อมันไม่ค่อย
00:31:57 → 00:32:00 เกาะอืเห็นมโหเดี๋ยวนี้มันมีอะไรเยอะแยะ
00:32:00 → 00:32:03 ไปหมดนะฮะเดี๋ยวนี้มีกระทั่งคัดกรองมะร็ง
00:32:03 → 00:32:06 ใชอ่าโดยโดยทั่วไปเท่าที่พี่เห็นเจะกรอง
00:32:06 → 00:32:09 ประมาณ 3-4 ตัวมะเร็งลำไส้มะเร็งอะไรนะคะ
00:32:09 → 00:32:12 อย่างเงี้ยแต่เดี๋ยวนี้ลึกไปมากกว่านั้น
00:32:12 → 00:32:16 อีกคือเลือกคัดกรองมะเร็งแบบ 560 ตัว
00:32:16 → 00:32:20 อันเนี้ยดีมั้ยบางคนก็ว่าไม่เวิร์คย้อนไป
00:32:20 → 00:32:23 ถึงแบบเบสิคการตรวจสุขภาพมะเร็งก่อนโดย
00:32:23 → 00:32:25 มากแล้วเนี่ยเอ่อการตรวจคัดกรองมะเร็ง
00:32:25 → 00:32:27 เนี่ยเราจะตรวจสิ่งที่เรียกว่า tum
00:32:27 → 00:32:30 มาเกอร์เนาะดู CA ต่างๆ CA 125 มะเร็ง
00:32:30 → 00:32:34 รังไข่ CA 153 มะเร็งเต้านม ca 199
00:32:34 → 00:32:36 มะเร็งตับอ่อนอะไรเงี้ยเก็ดูพวกเนี้ย CA
00:32:36 → 00:32:41 ดูลำไส้จะต้องบอกว่าการตรวจค่าเหล่าเนี้ย
00:32:41 → 00:32:44 ไม่สามารถป้องกันโรคมะเร็งได้อ่าแต่คน
00:32:44 → 00:32:48 ตรวจกันทุกปีนะงอ่าแต่คนตรวจกันทุกปีถาม
00:32:48 → 00:32:51 ว่าทำไมบางทีเนี่ยเวลาเราตรวจแล้วถ้าค่า
00:32:51 → 00:32:55 มันไม่สูงนะครับก็ไม่ไม่สามารถฟันธงได้
00:32:55 → 00:32:58 ว่าเราไม่มีมะเร็งนั้นๆนะครับหรือหรือใน
00:32:58 → 00:33:01 บางคนถ้าค่ามันสูงนะครับบางทีก็อาจจะไม่
00:33:01 → 00:33:05 ได้เกิดจากมะเร็งก็ได้สมมุติว่าบางคนเอ่อ
00:33:05 → 00:33:08 มี ca 125 ซึ่งแนวโน้มคือบอกเรื่องของ
00:33:08 → 00:33:11 มะเร็งรังไข่สมมติบางคนสูงแต่บางทีเนี่ย
00:33:11 → 00:33:13 มันพบว่ามันเกิดจากการอักเสบที่อยู่ใน
00:33:13 → 00:33:16 ช่องท้องก็มีพอเวลาดูแลตัวเองดีลดการ
00:33:16 → 00:33:19 อักเสบในช่องท้องพวกเนี้ยค่ามันก็กลับมา
00:33:19 → 00:33:23 ลดลงได้นะครับอ๋งั้นก็ไม่ได้บอกเป๊ะซักค
00:33:23 → 00:33:26 ทีเดียวใช่ทีนี้ไอ้ค่าพวกเนี้ยจริงๆแล้ว
00:33:26 → 00:33:29 จุดประสงค์จริงๆแล้วเนี่ยมันเอามาไว้ใช้
00:33:29 → 00:33:32 เพื่อติดตามการรักษามะเร็งเช่นสมมุติว่า
00:33:32 → 00:33:35 เราเป็นมะเร็งดังไข่แล้ว ca 125 เราสูง
00:33:35 → 00:33:37 เค้ารักษาไปปุ๊บเค้าติดตามดูว่าเอ้ย ca125
00:33:37 → 00:33:40 คุณลดลงมั้ยลดลงก็แสดงว่ารักษาแล้วโอเค
00:33:40 → 00:33:43 การตรวจมะเร็งเนี่ยผมมองว่าด้วยความที่
00:33:43 → 00:33:45 มันมีหลายอวัยวะถามว่ามันจะมีการตรวจที่
00:33:46 → 00:33:48 มันแบบโหครอบจักรวาลหรือเปล่าเนี่ยค่อน
00:33:48 → 00:33:52 ข้างยากถ้าถ้าถามผมนะค่อนข้างยากแต่ทีนี้
00:33:52 → 00:33:55 ขอการตรวจง่ายๆก่อนนึกออกมั้ยฮะการตรวจ
00:33:55 → 00:33:58 ง่ายๆเนี่ยที่ผมแนะนำที่เสียเงินไม่มาก
00:33:58 → 00:34:01 เนาะคนเป็นมะเร็งเนี่ยโดยมากแล้วจะมีค่า
00:34:01 → 00:34:05 อยู่ 3 ค่าที่มักจะสูงอันที่ 1 นะครับคือ
00:34:05 → 00:34:09 ค่า ldh ldh คืออะไรเนาะเราเคยได้ยินว่า
00:34:09 → 00:34:12 มะเร็งเนี่ยมันกินน้ำตาลเก่งถูกมั้ยเคย
00:34:12 → 00:34:14 เคยได้ยินมั้ยฮะเซลล์มะเร็งชอบกินน้ำตาล
00:34:14 → 00:34:17 กระบวนการในการแบบจัดการกับน้ำตาลของ
00:34:17 → 00:34:20 มะเร็งเนี่ยมันจะใช้เอนไซม์ตัวนี้ ldh อ
00:34:20 → 00:34:22 อ่าเพราะฉะนั้นเนี่ยถ้าเกิดร่างกายเรามัน
00:34:22 → 00:34:25 มี ldh สูงขึ้นน่ะนึกออกมั้ยฮะมันก็บ่ง
00:34:25 → 00:34:28 บอกว่าโดยมากคนเป็นมะเร็งมักจะมี ldh สูง
00:34:28 → 00:34:33 อันที่ 2 คือเิิเิิคือธาตุเหล็กมะเร็งชอบ
00:34:33 → 00:34:35 ธาตุเหล็กนะครับเซลล์มะเร็งเนี่ยมันต้อง
00:34:35 → 00:34:37 เอาธาตุเหล็กมามันเหมือนมันเป็นโฟตในการ
00:34:37 → 00:34:40 แบ่งตัวของเซลล์มะเร็งนะครับเพราะฉะนั้น
00:34:40 → 00:34:43 เนี่ยคนเป็นมะเร็งก็มักจะมีเฟินสูงนะครับ
00:34:43 → 00:34:47 ธาตุเหล็กเหรอใช่ซีรัมเินนะครับออเพราะ
00:34:47 → 00:34:50 ว่ามะเร็งมันต้องใช้ตัวเนี้ยในการแบ่งตัว
00:34:50 → 00:34:53 ในการสร้างหลอดเลือดเพื่อเพื่อขยายตัวนะ
00:34:53 → 00:34:55 ครับอ่าเขามักจะมีตัวนี้นะครับอันที่ 3
00:34:56 → 00:34:56 คือ
00:34:56 → 00:35:00 ไนนจนเป็นค่าการแข็งตัวของเลือดแต่เราพบ
00:35:00 → 00:35:02 ว่าเวลาคนเป็นมะเร็งมันจะมีค่าการอักเสบ
00:35:02 → 00:35:04 ที่มันสูงพอการอักเสบมันสูงขึ้นปั๊บมัน
00:35:04 → 00:35:07 กระตุ้นการสร้างไฟบริโนเจนให้มันมากขึ้น
00:35:07 → 00:35:10 เพราะฉะนั้นน่ะลองตรวจ 3 ตัวนี้ก็ได้มา
00:35:10 → 00:35:12 โดยมากแล้วถ้ามีมะเร็งอ่ะมันมักจะสูงแต่
00:35:12 → 00:35:16 ส่วนมากถ้าร้ายๆเนี่ยพี่กลับมองว่าน้ำตาล
00:35:16 → 00:35:20 พี่เคยลองทำนะอันนี้อันนี้แชร์ให้ฟังงด
00:35:20 → 00:35:23 ขนมหรือของหวานทั้งหมด 1 ปีเต็มๆฮะ 1 ปี
00:35:24 → 00:35:26 เลยนะว้าวไม่กินเลยไม่กินเลยถ้าอยากกินก็
00:35:26 → 00:35:30 แค่นี้ซึ่งมันก็น้อยมากอ่าปรากฏว่าไม่ว่า
00:35:30 → 00:35:32 พี่จะทำอะไรก็ตามไม่มีการอักเสบไม่มีการ
00:35:32 → 00:35:35 ปวดเมื่อยไม่มีการอะไรบางทีสามีพี่ก็ถาม
00:35:35 → 00:35:37 ว่าคุณเล่นกอล์ฟคุณไม่เคยเมื่อหมบไม่เคย
00:35:37 → 00:35:40 เมื่อยไม่เคยปวดไม่เคยอะไรเลยแต่ลองเอา
00:35:40 → 00:35:44 ลองเค้าเรียกอะไรลองท้าทายดู 3 เดือน
00:35:44 → 00:35:48 เนี่ยเรากินขนมกับมีอาการเมื่อยอ่าบางที
00:35:48 → 00:35:51 เมื่อยบ้างอะไรเอ๊ะทำไมปวดตรงโน้นตรงนี้
00:35:51 → 00:35:54 เอาล่ะนี่ไงผลของน้ำตาลอ่าพี่ว่าน้ำตาล
00:35:54 → 00:35:57 ร้ายสุดหมอมองว่าอย่างงั้นมั้ยแล้วถามว่า
00:35:58 → 00:36:00 ตัวร้ายๆเหรอฮะอ่าตัวร้ายๆในเรื่องสุขภาพ
00:36:00 → 00:36:04 ผมให้ 3 ตัวอือันที่ 1 น้ำตาลอ่าอันนี้ผม
00:36:04 → 00:36:07 ไม่ได้เรียงลำดับนะแต่ 3 ตัวเเลวแน่นอนนะ
00:36:07 → 00:36:12 ครับอ่าอันที่ 1 น้ำตาลอันที่ 2 น้ำมัน
00:36:12 → 00:36:15 น้ำมันน้ำมันเนี่ยกินยิ่งน้อยยิ่งดีน้ำ
00:36:15 → 00:36:18 มันเนี่ยโอ้โหยิ่งเราไปกินแบบเอ่อน้ำมัน
00:36:18 → 00:36:20 ถั่วเหลืองน้ำมันอะไรอย่างเงี้ยนนะอ่าพวก
00:36:20 → 00:36:23 เนี้ยมันมีกรดไขมันโอเมก้า 6 เยอะกระตุ้น
00:36:23 → 00:36:27 การอักเสบเช่นกันน้ำตาลน้ำมันอาหารแปรรูป
00:36:27 → 00:36:31 3 ตัวเนี้ยเลวแน่นอนได้ใช่อยากสุขภาพดี
00:36:31 → 00:36:33 ลด 3 อย่างเนี้ยให้ได้มากที่สุดค่ะแต่ใน
00:36:34 → 00:36:37 กรณีที่บางทีเนี่ยเราหลีกเลี่ยงไม่ได้
00:36:37 → 00:36:39 เดี๋ยวนี้ในยุคปัจจุบันเรากินอาหารข้าง
00:36:39 → 00:36:42 นอกกันโอ้โหพี่เชื่อว่าเ้าจัดใส่เต็มที่
00:36:42 → 00:36:46 ต้องทำอาหารกินเองอ่ะก็จะดีกับสุขภาพมากๆ
00:36:46 → 00:36:49 ดีกว่าเนดีกว่านะฮะผมเองเนี่ยผมจะลิมิต
00:36:49 → 00:36:51 การกินอาหารนอกบ้านไว้ว่าสมมุติว่าถ้ากิน
00:36:51 → 00:36:54 เนี่ยก็คือแบบไม่เกิน 1 มื้อต่อวันต่อวัน
00:36:54 → 00:36:56 สมมุติว่าแบบโอหจะไม่กินนอกบ้านแบบทีนึง
00:36:56 → 00:36:58 แบบ 3 มื้อ
00:36:58 → 00:37:00 จะทำเองบ้าใช่มันกินของในบ้านมันมันโอเค
00:37:00 → 00:37:02 กว่าอยู่แล้วค่ะย้อนกลับมาเรื่องมะเร็ง
00:37:02 → 00:37:04 อีกนิดนึงอยากรู้ตรงนี้เมื่อกี้หมอบอกว่า
00:37:04 → 00:37:08 เออมันการตรวจเลือดอาจจะไม่ได้ผลสักเท่า
00:37:08 → 00:37:10 ไหร่แต่มีการตรวจมะเร็งแบบไหนที่มัน
00:37:10 → 00:37:13 เวิร์คสุดแล้วมันโอเคอ่ะการตรวจมะเร็ง
00:37:13 → 00:37:15 เนี่ยผมว่าที่พี่ตั๊กพูดถึงว่าตรวจทีนึง
00:37:15 → 00:37:17 450 รายการเนาะอ่ามันเป็นการตรวจที่
00:37:17 → 00:37:20 เรียกว่าการตรวจ Apple 10 กับ TK tl1
00:37:20 → 00:37:24 ถามผมว่าดีไมผมว่าก็ดีคือหมายถึงว่าการ
00:37:24 → 00:37:26 ตรวจ 2 ตัวเนี้ยใช้เงินประมาณซักหมื่น
00:37:26 → 00:37:29 กว่าบาทประมาณนี้เนาะแล้วมันตรวจได้เยอะ
00:37:29 → 00:37:32 ไงคือผมมว่าความไวกับเงินที่เสียไปอ่ะผม
00:37:32 → 00:37:36 ว่ามันมันโอเคถามว่าการตรวจเกับ tkt l1
00:37:36 → 00:37:38 คืออะไรเนาะมันเป็นการตรวจเซลล์ที่มันไม่
00:37:38 → 00:37:41 ยอมตายนึกออกมั้ยมันควรจะต้องตายและนึก
00:37:41 → 00:37:43 ออกมั้ยแต่มันไม่ยอมตายอันนี้มันเป็น
00:37:43 → 00:37:45 ลักษณะของมะเร็งไงนะครับอีกอย่างนึงคือ
00:37:45 → 00:37:49 มันเป็นการดูการใช้น้ำตาลที่ผิดปกติเพราะ
00:37:49 → 00:37:51 เซลล์มะเร็งมันมีการใช้น้ำตาลที่มันผิด
00:37:51 → 00:37:54 ปกติมันดู 2 อันนี้ตรวจอันเนี้ยมันจะ
00:37:54 → 00:37:57 screening ได้ว่าเอ้ยน่าจะมีมะเร็งหรรือ
00:37:57 → 00:38:00 เปล่าถ้าดูแล้วพบว่าเฮ้ยมีอ่าค่ามันจะ
00:38:00 → 00:38:04 เกินถ้าผลรวมมันเกิน 260 แนวโน้มคือมี
00:38:04 → 00:38:07 มะเร็งพอค่าเกินปั๊บเนี่ยแต่เราไม่รู้นะ
00:38:07 → 00:38:09 ว่าอยู่ที่ไหนนึกออกมั้ยฮะแต่รู้ว่ามี
00:38:09 → 00:38:12 มะเร็งแน่นอนอ่าถ้าเกิดค่านี้เกินเสร็จ
00:38:12 → 00:38:14 ปั๊บเราจะส่งทำสิ่งที่เรียกว่าเพช CT
00:38:14 → 00:38:17 สแกนเพช CT สแกนคืออะไรเพช CT สแกนเนี่ย
00:38:17 → 00:38:22 เราจะฉีดน้ำตาลที่ติดรังสีเข้าไปมะเร็ง
00:38:22 → 00:38:25 มันชอบกินน้ำตาลไงถูกมั้ยแล้วเค้าก็จะ CT
00:38:25 → 00:38:28 สแกนมาว่าเอ้ยไอ้น้ำตาลที่เราฉีดเข้าไป
00:38:28 → 00:38:31 มันไปอยู่ตรงไหนนึกออกมั้ยอ้าโอ้โหไปกอง
00:38:32 → 00:38:34 อยู่ตรงนี้โหรังไข่แน่เลยคือไอ้การตรวจ
00:38:34 → 00:38:37 Apple 10 tkt 1 เนี่ยมันจะดูได้ว่ามี
00:38:37 → 00:38:41 มะเร็งแต่ไม่แต่ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหนอ่า
00:38:41 → 00:38:44 เพราะฉะนั้นก็ต้องไปสแกนไปสแกนทั้งตัวนะ
00:38:44 → 00:38:47 ครับอืแต่ทีนี้ผมมองว่าไอ้สิ่งเหล่าเนี้ย
00:38:47 → 00:38:49 มันมาใช้ป้องกันมะเร็งแบบยากอ่ะเพราะว่า
00:38:50 → 00:38:52 ค่าใช้จ่ายมันสูงไงถูกมคนคนดยทั่วไปจะ
00:38:52 → 00:38:54 เข้าถึงได้ยังไงคนทั่วไปก็อาจจะเข้าไม่
00:38:54 → 00:38:57 ถึงหลักๆแล้วหรอผมมองว่าดูว่ามะเร็งอะไร
00:38:58 → 00:39:00 เจอเยอะในผู้หญิงมะเร็งอะไรเยอะสุดฮะน่า
00:39:00 → 00:39:03 จะเป็นเต้านมรังไข่เต้านมอ่าเต้านมเนี่ย
00:39:03 → 00:39:05 สูงที่สุดนะครับมะเร็งเต้านมแล้วมะเร็ง
00:39:05 → 00:39:10 รองลงมาของผู้หญิงหรอปอดปอดอ่าผู้ผู้ชาย
00:39:10 → 00:39:13 สูงสุดก็ปอดย้อนกลับไปหมอคิดว่ามะเร็งที่
00:39:13 → 00:39:16 ตอนนี้มันเกิดเยอะขึ้นถ้าปอดมันอาจจะเป็น
00:39:16 → 00:39:20 ที่อากาศหรือเปล่าอาฮะอ่าแล้วเอ่ออาหาร
00:39:20 → 00:39:23 หรือเปล่าเพราะว่าตอนนี้คนเป็นมะเร็งเยอะ
00:39:23 → 00:39:26 มากมะเร็งในผู้หญิงใช่มมะเร็งเต้านมเยอะ
00:39:27 → 00:39:31 สุดจะกันมะเร็งเต้านมอ่ะทำยังไงดีผมให้ 5
00:39:31 → 00:39:34 ข้อนะครับ 5 ข้อในการป้องกันมะเร็งเต้านม
00:39:34 → 00:39:37 เนาะอันที่ 1 มาจากกรรมพันธ์เนาะอันนี้
00:39:37 → 00:39:39 เราก็จะรู้แล้วว่ากรรมพันธ์มีส่วนส่วนนึง
00:39:39 → 00:39:43 เนาะซึ่งเราทำอะไรไม่ได้ถูกมั้ยคนผิวขาว
00:39:43 → 00:39:46 พวกฝรั่งอ่ะเขาเกิดเยอะกว่าเราเอเชียเรา
00:39:46 → 00:39:49 ก็โชคดีตรงเมีแต้มต่อข้อนึงนะครับอันที่ 2
00:39:49 → 00:39:53 คืออ้วนอ่าอ้วนอ๋ออ้วนจะเป็นอ้วนจะยิ่ง
00:39:53 → 00:39:55 เสี่ยงเยอะอ่ะเห็นมั้ยพี่ตั๊กแบบเนี้ย
00:39:55 → 00:39:58 ความเสี่ยงก็จะน้อยลงลดลงอ่าจะลดลงเพราะ
00:39:58 → 00:40:00 ฉะนั้นน่ะเราคุมความเสี่ยงที่เราทำได้
00:40:00 → 00:40:02 อย่าอ้วนอนึกออกมั้ยถ้าไม่อยากเป็นบริง
00:40:02 → 00:40:06 เต้านมอย่าอ้วนนะครับอันที่ 3 แอลกอฮอล์
00:40:06 → 00:40:08 นะครับอืแอลกอฮอล์เพิ่มความเสี่ยงการเกิด
00:40:08 → 00:40:11 มะเร็งเต้านมนะครับถ้าเราไม่อ้วนเราไม่
00:40:11 → 00:40:14 ดื่มเราเป็นคนเอเชียโหเราได้ไป 3 ข้อแล้ว
00:40:14 → 00:40:17 นะถูกมั้เราได้ไป 3 ข้อแล้วข้อที่ 4
00:40:17 → 00:40:19 เนี่ยต้องพูดดีๆเพราะมันเป็นเรื่อง
00:40:19 → 00:40:23 sensitive มากๆคือเพบว่าความเสี่ยงเนี้ย
00:40:23 → 00:40:27 คือการโดนรังสี xray
00:40:27 → 00:40:31 บ่อยเกินอ่าบ่อยเกินโดนยังไงอหมอ xray
00:40:31 → 00:40:34 บ่อยๆเ xray ปอสมมุตินะเรา xray ปอ xray
00:40:34 → 00:40:38 ปอเนี่ยมันไม่ได้มีรังสีเยอะมากแต่สมมุติ
00:40:38 → 00:40:41 ว่าเรา CT สแกนสมมุตินะการทำ CT สแกนการ
00:40:41 → 00:40:44 ทำ CT สแกนมันถึงไม่ควรทำบ่อยๆ CT สแกน
00:40:44 → 00:40:46 เนี่ยพี่ตั๊กคิดว่าเทียบเท่ากัน XR ปอกี่
00:40:46 → 00:40:50 ครั้งฮะ 3 500
00:40:50 → 00:40:54 ้าเหรอจริงึเอ๋อหมอกำลังจะบอกว่า C CT
00:40:54 → 00:40:57 สแกนบ่อยๆมันไปเจอรังสี
00:40:57 → 00:41:01 เจอรังสีรวมถึงแมมโมแกรม
00:41:01 → 00:41:04 เห็นมั้ยมันอันเนี้ยโหพูดอันเนี้ยพี่พี่
00:41:04 → 00:41:08 มักจะหนีพูดหอู้หูพี่หนีพี่ไปทำ
00:41:08 → 00:41:11 อัลตร้าซาวได้มะพี่หนีพี่เย็นพี่เย็นพี่
00:41:11 → 00:41:14 เจ็บพี่เทับพี่เป็นกล้วยปิ้งเลยเพิ่ง
00:41:14 → 00:41:17 เพิ่งเจอคนแบบนี้อ่าคือหมายถึงว่าผมอแอบ
00:41:17 → 00:41:19 เชียร์เอออันนี้อันนี้หมอบอกมัน sensitive
00:41:19 → 00:41:22 ใช่มัน sensitive แต่ผมอแอบเชียร์เชียร์
00:41:22 → 00:41:25 แบบนี้แหละนึกออกมั้ยฮะคืองี้คือการโดน
00:41:25 → 00:41:28 รังสีเหล่านี้เนาะอ่ามันมันเป็นความ
00:41:28 → 00:41:31 เสี่ยงนึงของมะรึงเต้านมยิ่งถ้าเราโดน
00:41:31 → 00:41:34 เยอะเกินไปโปรโตคอลในเรื่องของการตรวจ
00:41:34 → 00:41:37 แมมโมแกรมแล้วกันเนบางทีก็จะเริ่มตั้งแต่
00:41:37 → 00:41:40 40 นึกออกมยอ่าบางทีก็จะเริ่ม 50 แบบ
00:41:40 → 00:41:42 ไกด์ไลน์มันมันต่างกันเพราะฉะนั้นตรง
00:41:42 → 00:41:45 เนี้ยมันเป็นเรื่อง sensitive ทีนี้ผมเอา
00:41:45 → 00:41:47 ACP ไกด์ไลน์แล้วะกันนะครับเป็นไกด์ไลน์
00:41:47 → 00:41:49 ที่เขาให้ตรวจตั้งแต่
00:41:49 → 00:41:52 50-75 ค่ะคือคือคือเราไม่ตรวจเร็วเพื่อ
00:41:52 → 00:41:54 ให้เราจะจะ expose ต่อรังสีเนี่ยน้อยลง
00:41:54 → 00:41:58 นึกออกมั้ยฮะอ่าแล้วก็ 2 ปีทีนึงนะไม่ได้
00:41:58 → 00:42:01 ทำทุกปีอ๋อนึกออกมแต่อัตซาวก็ว่าไปงั้น
00:42:01 → 00:42:04 การอัตซาวจะทำทุก 3 เดือนไม่ว่ากันงั้น
00:42:04 → 00:42:06 การที่เราคลำเองนี่ใช้ได้เหมือนกันต้อง
00:42:06 → 00:42:08 ตอบว่าไม่แม่นนะครับต้องตอบว่าไม่แม่น
00:42:08 → 00:42:10 เพราะฉโอย่างงั้นเมมโมแกรมที่เราคิดว่า
00:42:10 → 00:42:13 มันดีที่สุดแล้วก็ก็ก็ยังไม่ไม่ไม่ๆแต่
00:42:13 → 00:42:16 แมมโมแกรมมันแม่นครับผมแมมโมแกรมดูได้ดี
00:42:16 → 00:42:18 กว่าอัลตร้าซาวแน่นอนบางทีเนี่ยสมมุติว่า
00:42:18 → 00:42:21 เวลาเราเราไปหาหมอเนี่ยแล้วบอกหมอว่าไม่
00:42:21 → 00:42:24 เอาจะเอาต้าซาว์เนี่ยหมอมักไม่ค่อยให้โดน
00:42:24 → 00:42:27 จับทำแกรมทั้งนั้นแหละถ้าเราแกรมแบบบ่อย
00:42:27 → 00:42:30 มันก็ไม่ดีไงหมอก็เลย 2 ปีหนนึงใช่อ่ะ 2
00:42:30 → 00:42:33 ปีหนนึงหรือบางทีเนี่ยคนในครอบครัวผมผมจะ
00:42:33 → 00:42:36 แบบอ 3 ปีหนนึงอะไรอย่างเงี้ยก็คือเหมือน
00:42:36 → 00:42:38 ให้มันห่างขึ้นเพราะว่ามันเพิ่มความ
00:42:38 → 00:42:42 เสี่ยงตรงนี้อค่ะซึ่งจริงๆแล้วมันมีวิจัย
00:42:42 → 00:42:46 ในเดนมาร์กสวีเดนเนาะที่พบว่าการที่เรา
00:42:46 → 00:42:50 โดนรังสีเนี่ยบ่อยๆเนี่ยเพิ่มความเสี่ยง
00:42:50 → 00:42:52 ของการเกิดหลอดเลือดหัวใจด้วยนะอ๋อเหรอ
00:42:52 → 00:42:56 อ่าเคติดตามคนประมาณ 2,200 คนเนาะอ่า
00:42:56 → 00:42:59 2,200 คนเนี่ยแบ่งกลุ่มเนาะกลุ่มนึงคือ
00:42:59 → 00:43:02 EXP รังสีเยอะค่ะเนี่ยทำแมมโมแกรมเยอะทำ
00:43:02 → 00:43:05 CT ทำอีกกลุ่มนึงคือไม่โดนไม่ทำพบว่าไอ้
00:43:05 → 00:43:08 กลุ่มเนี้ยหลอดเลือดหัวใจมันมีปัญหามาก
00:43:08 → 00:43:10 กว่าอีกกลุ่มนึงแต่ว่าสมมุติว่ากลับกัน
00:43:11 → 00:43:13 ถ้าเราจะทำอัตซาวคือเดี๋ยวเนี้ยเวลาเราทำ
00:43:14 → 00:43:16 แมมโมแกรมปั๊บนะเจอก้อนปุ๊บบางทีหมอตาม
00:43:16 → 00:43:19 ภายใน 6 เดือนนะนึกออกมั้ยแทนที่จะทำปีละ
00:43:19 → 00:43:22 หนปีนึงโดนไป 2 หนและอ่าเพราะฉะนั้นเนี่ย
00:43:22 → 00:43:25 การตามที่ดีคือผมมองว่าผมแนะนำให้คนไข้
00:43:25 → 00:43:27 ตามด้วยอัลตร้าซาวติดๆกันก็ได้สมมุติว่า
00:43:27 → 00:43:30 อ่ะคุณแมมโมแกรมแล้วคุณเจอและมีก้อน
00:43:30 → 00:43:32 ประมาณนี้คุณจะซาวทุกเดือนหรือทุก 3
00:43:33 → 00:43:35 เดือนก็ได้ว่าเอ้ยถ้าก้อนมันยังเล็กอยู่
00:43:35 → 00:43:37 แล้วมันยังคงเท่านั้นนึกออกมั้ยความ
00:43:37 → 00:43:39 เสี่ยงมันก็น้อยไงคือคือมันไม่เป็นหรอก
00:43:39 → 00:43:41 ถ้ามะเร็งมันจะแบบมันจะโตเร็วถูกมากเพราะ
00:43:41 → 00:43:44 ฉะนั้นเราใช้อัลตราซาวในการติดตามผมขอ
00:43:44 → 00:43:47 แทรกเรื่องของมะเร็งเต้านมอีกข้อนึงนะ
00:43:47 → 00:43:50 ครับเมื่อกี้มี 4 4 ข้อแล้วอ่าอ่าใช่ๆไป
00:43:50 → 00:43:54 อันนึงข้อที่ 5 คือสาเหตุของมะเร็งในผู้
00:43:54 → 00:43:58 หญิงคือฮอร์โมนเอสโตรเจนนะครับอืในผู้
00:43:58 → 00:44:01 หญิงเราจะมีฮอร์โมนฮอร์โมนเพศนะหลักๆมี
00:44:01 → 00:44:03 อยู่ 2 ตัวคือเอสโตรเจนกับโปรเจสเตอโรน
00:44:03 → 00:44:07 ค่ะเอสโตรเจนเนี่ยเป็นตัวกระตุ้นต่ำเพศ
00:44:07 → 00:44:09 กระตุ้นเต่านมกระตุ้นรังไข่กระตุ้นมดลูก
00:44:09 → 00:44:12 โปรเจสเตอโรนเป็นตัวเบรกเป็นตัวเบรก
00:44:12 → 00:44:14 เอสโตรเจนเพราะฉะนั้นสาเหตุนึงคือคุณมี
00:44:14 → 00:44:18 เอสโตรเจนเยอะมีโปรเจสเตอโรนน้อยอ่า
00:44:18 → 00:44:20 อันเนี้ยเป็นความเสี่ยงนึงของมะเร็งเต้า
00:44:20 → 00:44:23 นมสิ่งที่ผมจะบอกคือสมมุติว่าไอ้ความ
00:44:23 → 00:44:26 เสี่ยงเมื่อกี้เรารู้และอ่ะ 3 ข้อเราได้
00:44:26 → 00:44:29 และถูกมั้ยเราไม่ค่อยโดนรังสีได้และข้อ
00:44:29 → 00:44:31 สุดท้ายถ้าจะตรวจให้มันเพิ่มขึ้นหน่อยคุณ
00:44:31 → 00:44:34 ตรวจดูซิว่า Balance estrogen จสนคุณดี
00:44:34 → 00:44:36 หรือเปล่านึกออกมั้ยฮะถ้าเกิดเอสโตรเจน
00:44:36 → 00:44:39 คุณเยอะตรวจฮอร์โมนไงตรวจเอสโตรเจนตรวจ
00:44:39 → 00:44:41 โปรเจสเตอโรนถ้าเกิดเอสโตรเจนคุณเด่นมากๆ
00:44:41 → 00:44:43 เลยโปรเจสเตอโรนไม่ค่อยมีโปรเจสเตอโรน
00:44:43 → 00:44:46 เป็นฮอร์โมนที่ป้องกันการเกิดมะเร็งนะอ่า
00:44:46 → 00:44:49 แล้วทีนี้ไอ้โปรเจสเตอโรนเนี่ยการสร้าง
00:44:49 → 00:44:52 ของร่างกายเนี่ยเหมือนสายพานการผลิตอ่ะ
00:44:52 → 00:44:54 เป็นสายพานเดียวกับฮอร์โมนความเครียดหมาย
00:44:54 → 00:44:57 ความว่าคุณเครียดปั๊บร่างกายมันสร้างข้อ
00:44:57 → 00:44:59 มูลความเครียดมันสร้างโปรเจสเตอโรนได้
00:44:59 → 00:45:02 น้อยลงอ๋ออ่าถูกมเพราะฉะนั้นความเครียด
00:45:02 → 00:45:05 สัมพันธ์กับมะเร็งโดยตงโดยตรงนะความ
00:45:05 → 00:45:09 เครียดไปลดภูมิคุ้มกันผมขออย่างนึงคือ
00:45:09 → 00:45:12 เวลาเราดูค่าเลือดนะมีค่าเลือดนึงง้ายๆ
00:45:12 → 00:45:14 เราจะตรวจเรื่องของความสมบูรณ์เม็ดเลือด
00:45:14 → 00:45:16 แดงถูกมั้ยแล้วเราดูเม็ดเลือดขาวอีกสิ่ง
00:45:16 → 00:45:19 นึงที่ผมอยากให้สังเกตนะครับคือเม็ดเลือด
00:45:19 → 00:45:22 ขาวในกลุ่มลิมโฟไซต์ยาต่ำเม็ดเลดขาวมันจะ
00:45:23 → 00:45:25 มีอยู่ประมาณ 5 กลุ่มนะครับเวลาเราตรวจมา
00:45:25 → 00:45:27 เนาะกลุ่มลิมโฟไซต์เนี่ยเป็นกลุ่มที่คอย
00:45:27 → 00:45:30 ฆ่ามะเร็งอย่าต่ำอันเนี้ยมีในทุกคนผมจะ
00:45:31 → 00:45:33 บอกว่าคนเราทุกคนน่ะมีเซลล์มะเร็งเกิด
00:45:33 → 00:45:37 ขึ้นทุกวันใช่แต่ภูมิคุ้มกันเรามันฆ่าหมด
00:45:37 → 00:45:40 ไงสมมุติว่าเช่นมีเซลล์สร้างขึ้นมา 100
00:45:40 → 00:45:42 ภูมิคุ้มกันเราฆ่าได้ 300 เราจะไม่มีวัน
00:45:42 → 00:45:45 เป็นมะเร็งนะครับแต่พอเวลาเราอายุเยอะ
00:45:45 → 00:45:48 ขึ้นเครียดก็เครียดภูมิต่ำลงเซลล์ผิดปกติ
00:45:48 → 00:45:50 ก็มีมากขึ้นสมมุติว่าเซลล์มะเร็งสร้าง 300
00:45:50 → 00:45:53 ฆ่าได้100รเดียวมะเร็งมาแน่นอนเพราะ
00:45:53 → 00:45:55 ฉะนั้นเซลล์ระบบภูมิปุมกันแรกที่ไปฆ่า
00:45:55 → 00:45:58 เซลล์มะเร็งคือ n n k เซลเคยได้ยินมั้ย
00:45:58 → 00:45:59 พี่ตั๊กเคยได้ยิน NK Cell มั้ย Natural
00:45:59 → 00:46:02 Killer Cell NK Cell เป็นส่วนหนึ่ง
00:46:02 → 00:46:05 ของลิมโฟไซต์คนที่ลิมโฟไซต์ต่ำไปตรวจ NK
00:46:05 → 00:46:09 เซลล์ต่ำทุกคนอืเพราะฉะนั้นเนี่ยดูแลเม็ด
00:46:09 → 00:46:12 เลือดขาวกลุ่มนี้ให้ดีให้ดีมันเรื่องการ
00:46:12 → 00:46:16 ตรวจอันนี้ดีกว่าค่าตับค่าไตอ่าจำเป็นมย
00:46:16 → 00:46:19 จำเป็นมั้ยจำเป็นผมจะบอกว่าเวลาที่เรา
00:46:19 → 00:46:23 เป็นเรื่องของตับไตเนี่ยนะครับเรามักไม่
00:46:23 → 00:46:29 มีอาการนะบางคนบอกอุ๊ยต้องรอปวดหลังก่อน
00:46:29 → 00:46:33 อ๋อผมว่าถึงว่าว่าไม่ได้บางีบางนไวระยะ
00:46:33 → 00:46:36 สุด้ายแล้วต้องล้างไม่มีอาการเลยถามว่าดู
00:46:36 → 00:46:40 เมื่อไหร่ดูเมื่อไหร่ค่ะผมแนะนำว่าดูก่อน
00:46:40 → 00:46:42 ที่คุณจะกินยาและดูหลังกินยาไปแล้ว 3
00:46:42 → 00:46:47 เดือนยาใดๆก็ได้ที่คุณจะเริ่มกินถูกมหมาย
00:46:47 → 00:46:49 ถึงว่าสมมติว่าคุณอ่ะโดนสั่งยาลด
00:46:49 → 00:46:53 คอเลสเตอรอลเจาะดูตับไตหน่อยนึกออกมกินไป
00:46:54 → 00:46:56 แล้ว 3 เดือนเจาะดูค่าตับค่าไตหน่อย
00:46:56 → 00:47:00 สาเหตุอันดับ 1 ที่ทำให้เกิดไตวายคืออะไร
00:47:00 → 00:47:04 ครับพี่ตัคือกินยาคือกินยาโดยมากคนไปหลวง
00:47:04 → 00:47:08 ว่าบ้างยาอะไรก็ตามที่มันทำร้ายไตอ่ะมัน
00:47:08 → 00:47:11 มีหลายตัวมากเลยนึกออกมั้ยฮะวิตามิน
00:47:11 → 00:47:15 เกี่ยวมั้ยสิ่งที่จะทำร้ายตับไตได้คือยา
00:47:15 → 00:47:19 กับสมุนไพรสมุนไพรเปรียบเหมือนยาทาง
00:47:19 → 00:47:22 ธรรมชาติแต่ว่าไอ้พวกแบบวิตามินซีวิตามิน
00:47:22 → 00:47:25 อะไรพวกพวกเนี้ยอ่าโดยมากไม่ไม่ไม่ค่อย
00:47:25 → 00:47:27 เป็นไรถ้าเรากินในขนาที่มันโอเคนะขนาด
00:47:27 → 00:47:31 ปกติที่เขากินกันนะครับทีนี้คนน่ะชอบคิด
00:47:31 → 00:47:34 ว่าเอ้ยกินเค็มไตวายไม่ใช่เลยสาเหตุ
00:47:34 → 00:47:38 อันดับ 1 ของการไตไวคืออย่าาครับออผมให้
00:47:38 → 00:47:42 แบบนี้เดินไปห้องล้างไตไปถามพยาบาลก็ได้
00:47:42 → 00:47:44 ที่อยู่ห้องล้างไตหรือถามคนในห้องล้างไต
00:47:44 → 00:47:47 อ่ะถามเลยว่ามีสักคนมยที่แบบว่าอุ๊ยมา
00:47:47 → 00:47:51 ล้างไตแล้วไม่ได้กินยาอะไรเลยไม่เจอเจอ
00:47:51 → 00:47:54 แต่กินยาแบบกินยาเยอะๆที่บ้านพี่มีคนอ่า
00:47:54 → 00:47:57 กินยาเยอะๆฟไปอาทิตย์ละ 3 กินยาเยอะมั้ย
00:47:57 → 00:48:02 ฮะโอ้คุณแม่พี่ฟอกไที่ 3 วันนะเบาหวาน
00:48:02 → 00:48:05 ความดันทุกข์เป็นทุกอย่างทินมาตั้งแต่
00:48:05 → 00:48:08 อายุเกือบ 50 ตอนนี้ย 80 กว่าเพราะฉะนั้น
00:48:08 → 00:48:11 แกก็รับไปเต็มๆเพราะงั้นคนที่จะไตมีปัญหา
00:48:11 → 00:48:14 คือคนที่กินยาเยอะๆอันดับ 1 เลยสาเหตุ
00:48:15 → 00:48:17 อันดับ 1 เฮคือกินยาเยอะแต่ยายาเหล่านี้
00:48:17 → 00:48:21 ก็เป็นยาที่หมอสั่งทั้งนั้นอ่ะอ่ะคืองี้
00:48:21 → 00:48:25 ถ้าเกิดเราเอาฉลากฟลยามาดูนะกลางออกมา
00:48:25 → 00:48:27 เนี่ยเราจะเห็นโอ้โหผลข้างเคียงเยอะมาก
00:48:27 → 00:48:30 เลยนะครับผลข้างเคียงพวกนี้จะเจอต่อเมื่อ
00:48:30 → 00:48:33 เรากินในขนาดสูงอันที่ 1 นะคือกินในขนาด
00:48:33 → 00:48:37 สูง 2 คือกินยาหลายตัวร่วมกันผลข้างเคียง
00:48:37 → 00:48:39 มันจะเยอะขึ้นเรื่อยๆตัวเลขคือสมมุติว่า
00:48:39 → 00:48:42 ถ้าเรากิน 2 ตัวผลข้างเคียงจะเพิ่มขึ้น
00:48:42 → 00:48:45 ประมาณสัก 13% ถ้าเรากิน 5 ตัวผลข้าง
00:48:45 → 00:48:47 เคียงจะเพิ่มขึ้น
00:48:47 → 00:48:50 58% ถ้าเรากิน 7 ตัวขึ้นไปผลข้างเคียง
00:48:50 → 00:48:53 เพิ่มขึ้น 82% คือยารักษาเหล่านี้ทั้ง
00:48:53 → 00:48:56 นั้นมันเกี่ยวกับยาลดความดันยาลดอะไรต่าง
00:48:56 → 00:48:59 ๆมั้ยถ้ามันจะมีผลกับไตเนี่ยถามเื่อกคน
00:48:59 → 00:49:02 อื่นด้วยว่าเค้ากินยาอะไรนะยาลดความดันยา
00:49:02 → 00:49:05 ลดคอเลสเตอรอลพวกนี้เกี่ยวมั้ยมี 2
00:49:05 → 00:49:08 ประเด็นประเด็นที่ 1 เวลาที่เรากินยาหลาย
00:49:08 → 00:49:11 ตัวตับและไตเหน้าที่มันคือขับสิ่งแปลก
00:49:11 → 00:49:14 ปลอมออกไปถูกมั้ยยาเป็นสิ่งแปลกปลอมของ
00:49:14 → 00:49:17 ร่างกายนะฮะมันก็ต้องขับออกพอเวลากินหลาย
00:49:17 → 00:49:19 ตัวเกิดอะไรขึ้นมันขับออกไม่ทันการเป็น
00:49:19 → 00:49:21 พิษหรือผลข้างเคียงยิ่งมีมากขึ้นอย่างที่
00:49:21 → 00:49:25 2 อายุเยอะคนที่อายุเยอะๆประสิทธิภาพการ
00:49:25 → 00:49:28 ขับของตับไเมันแย่ลงเพราะฉะนั้นเราพบว่า
00:49:28 → 00:49:31 ในคนสูงอายุเอ่อผลข้างเคียงมันเป็น
00:49:31 → 00:49:34 ดับเบิลของคนอายุน้อยใช่แต่ทุกวันเนี้ย
00:49:35 → 00:49:38 หมอเราแบ่งกันเป็นส่วนๆไงเป็นปึ๊บออไปหา
00:49:38 → 00:49:41 หมอหัวใจจ่ายยามาเท่านี้อ่ะสัก 3 ตัวเ้ย
00:49:41 → 00:49:43 พอไปหาไตจ่ายมาอีกเท่านี้ตัวไปหาหมอ
00:49:43 → 00:49:46 กระดูกจ่ายมาอีกเท่านี้ตัวถูกมยามันเลย
00:49:46 → 00:49:49 เยอะพี่ไม่แปลกใจเลยเพราะแม่พี่กินเป็น
00:49:49 → 00:49:51 กรรมเลยพี่สงสารแกบางทีกินนะปรากฏต้องไป
00:49:51 → 00:49:54 รักษาตรงนี้อีกเค้าเรียกอะไรนะหลอดลมแก
00:49:55 → 00:49:57 กินจนแกแอนตี้แกไม่ยอมแกกินแล้วแกไม่กิน
00:49:57 → 00:50:00 น้ำตรงนี้เป็นแผลเพราะยาเป็น 10
00:50:00 → 00:50:03 เม็ดไม่แปลกใจเลยว่าต้องมารักษาฟอกไต
00:50:03 → 00:50:05 เนี่ยซึ่งซึ่งยากหมายถึงว่าเรื่องนี้นะ
00:50:05 → 00:50:08 เพราะว่าหมอแต่ละคนน่ะเค้าก็เกรงใจกันเอง
00:50:08 → 00:50:11 ใครจะไปอยากอ้าวอย่างไม่ถกหมายถึงว่าอยู่
00:50:11 → 00:50:14 ดีๆเจะเอ้ยยาตัวนี้ไม่ต้องกินแล้วไปออฟ
00:50:14 → 00:50:16 ของหมอคนอื่นอย่างเงี้ยโดยมากเคก็ไม่ค่อย
00:50:16 → 00:50:18 ทำกันแล้วแล้วแล้วต่างต่างประเทศเป็นงี้
00:50:18 → 00:50:22 มั้ยเป็นอ๋อต่างประเทศก็เป็นคือทุกคนจะ
00:50:22 → 00:50:24 ห่วงแต่ส่วนของตัวเองเฮ้ยไม่ได้ฉันเป็น
00:50:24 → 00:50:27 หมอหัวใจถูกมั้ยหัวใจ
00:50:27 → 00:50:30 คือหัวใจต้องดีคุณห้ามเกิดถูกก็จ่ายยาไป
00:50:30 → 00:50:34 เพื่อป้องกันถูกมแต่ไม่สนตับไตเลยถูกมา
00:50:34 → 00:50:37 หมอไตก็ต้องดูไปตามเรื่องตามรางี้ย้อน
00:50:37 → 00:50:39 กลับไปก็คือต้องดูแลรักษาสุขภาพของเรา
00:50:39 → 00:50:42 เพื่อจะได้ไม่เป็นเหล่านี้อ่าเรื่องที่
00:50:42 → 00:50:45 หลายคนมักจะเข้าใจผิดเกี่ยวกับการตรวจ
00:50:45 → 00:50:48 สุขภาพประจำปีมีมฮะที่คนเข้าใจผิดแล้วหมอ
00:50:48 → 00:50:52 อยากจะบอกอะไรเพื่อจะแก้ไขความเข้าใจผิด
00:50:52 → 00:50:55 เหล่านั้นไม่รู้คือไม่เป็นคือหมายถึงว่า
00:50:55 → 00:50:58 เอ้ยบางคนกูกลัวไม่กล้าตรวจโอ้คนรู้จัก
00:50:58 → 00:51:00 กันมีหลายคนอายุตงเยอะแล้วบอกโอ๊ยไม่เอา
00:51:00 → 00:51:04 ไม่เดี๋ยวนั่นแต่พอเจอปุ๊บมันมันมันเรท
00:51:04 → 00:51:07 มันทูทไปแล้วะอ่าผมมองว่าการตรวจสุขภาพ
00:51:07 → 00:51:10 ประจำปีอ่ะมันช่วยเป้าหมายหลักคือเพื่อ
00:51:10 → 00:51:14 ป้องกันโรคนะครับความรู้สุขภาพมันมีเยอะ
00:51:14 → 00:51:17 สมมุติว่าโอโหคนนี้พูดอย่างลองทำดูแล้ว
00:51:17 → 00:51:20 อะไรล่ะที่มันจะเป็นดัชนีชี้วัดถูกมยเรา
00:51:20 → 00:51:22 ก็เอาการตรวจสุขภาพนี่แหละเป็นดัชนีชี้
00:51:22 → 00:51:25 วัดสมมุติว่าเอ้ยเราทำตัวแบบนี้เฮ้ยเรา
00:51:25 → 00:51:28 กินแบบนี้เฮ้ยเรากินแพนเบสดูซิว่าเฮ้ยค่า
00:51:28 → 00:51:30 ไขมันค่าน้ำตาลฉันดีมยนึกออกมั้เฮ้ยเรา
00:51:30 → 00:51:33 กินคีโตถูกมั้ยฮะอ่าเราลองวัดดูซิว่าค่า
00:51:33 → 00:51:36 เหล่าเนี้ยฉันดีขึ้นหรือเปล่าป้องกันพวก
00:51:36 → 00:51:39 บุหรี่กับ PM อาหารอะไรกินแล้วป้องกันรู้
00:51:39 → 00:51:43 มฮะอะไรฮะพวกบล็อกโคลี่ดอกกะหล่ำพวกเนี้ย
00:51:44 → 00:51:47 ในช่วง PM ต้องกินพวกเนี้ยให้กินเยอะๆ
00:51:47 → 00:51:51 เยอะๆมันมีการทดลองในในอเมริกานะครับเอา
00:51:51 → 00:51:54 คนที่ติดบุหรี่เลยแบ่งเป็น 2 กลุ่มนะครับ
00:51:54 → 00:51:57 กลุ่มนึงเนี่ยให้กินบรอกโคลี่วันละก้าน
00:51:57 → 00:51:59 นึงนะครับกินวันละก้านเดียวนะอ่ากเดียว
00:51:59 → 00:52:03 นิดๆอกินวันละก้านเดียวนะครับกินไปเนี่ยเ
00:52:03 → 00:52:07 พบว่าใน 10 วันนะครับไอ้ DNA ที่มันจะแบบ
00:52:07 → 00:52:11 เพี้ยนไปอ่ะมันลดลง 41% นะครับอ่าเพราะ
00:52:11 → 00:52:14 ฉะนั้นน่ะในช่วงที่แบบสมมุติว่าเราไปเจอ
00:52:14 → 00:52:17 คนแบบสูบบุหรี่เยอะๆช่วงนั้นก็ต้องกิน
00:52:17 → 00:52:20 บรอกโคลี่เยอะๆแต่คนโดยมากกินบรอกโคลี่
00:52:20 → 00:52:22 ผิดวิธีถ้าถ้ากินบล็อกเคอรี่พี่ตั๊กจะกิน
00:52:22 → 00:52:27 ยังไงนึ่งต้มนึ่งต้มถูกมั้ยอ่าสที่มีอยู่
00:52:27 → 00:52:29 ในพวกบล็อกโคลี่ดอกกะหล่ำเนี่ยที่ช่วย
00:52:29 → 00:52:32 เรื่องของช่วยเคลียร์สารพิษจากบุหรี่และ
00:52:32 → 00:52:35 จาก PM 2.5 ออกไปเนี่ยมันคือสาร
00:52:35 → 00:52:38 ซัลโฟราเฟนซึ่งไอ้สารนี้เนี่ยนะมันจะต้อง
00:52:38 → 00:52:41 มีเอนไซม์มาสร้างมันแต่ถ้ามันโดนความร้อน
00:52:41 → 00:52:45 เอนไซม์มันหายไปอ้าก็จำไม่ได้สารนี้แล้ว
00:52:46 → 00:52:48 จะกินยังไงอ่าถามว่าการทำให้ไอ้ตัว
00:52:48 → 00:52:51 เอนไซม์นี้มันออกทำยังไงมันต้องหั่นบอกี่
00:52:51 → 00:52:54 หั่นแล้วทิ้งไว้อย่างน้อย 40 นาทีจะหั่น
00:52:54 → 00:52:56 ข้ามคืนก็ได้เอนไซม์มันยังอยู่อยู่แล้ว
00:52:57 → 00:52:59 มันก็จะสร้างสารฟราฟแล้วเราต้องเอาไปทำ
00:52:59 → 00:53:01 อะไรแล้วแล้วเราเอาไปทำอะไรก็ได้เพราะสาร
00:53:01 → 00:53:05 มันออกแล้วถ้าเราแบบว่าโอ้โหหั่นหันๆๆๆ
00:53:05 → 00:53:08 แล้วปรุงเลยเอาไปนึ่งเลยเอาไปผัดเลยเนี่ย
00:53:08 → 00:53:11 สารมันไม่ออกอ๋อจะหั่นยังไงก็ได้อย่าง
00:53:11 → 00:53:13 น้อยต้องเกิน 40 นาทีเกิน 40 นาทีอ่าเกิน
00:53:13 → 00:53:16 40 นาทีมันถึงจะมีสารนี้ออกมาช่วยเรา
00:53:16 → 00:53:19 เพราะฉะนั้นในช่วงแบบ PM ใช่มกิน
00:53:19 → 00:53:22 บล็อกเคอรี่กินให้ถูกวิธีหั่นก่อนทิ้งไว้
00:53:22 → 00:53:25 40 นาทีแล้วค่อยไปนึ่งไปต้มไปผัดไปอะไร
00:53:25 → 00:53:29 ก็ตามนอทำทีหลังพี่ตั๊กต้องขอขอบพระคุณ
00:53:29 → 00:53:32 ทุกท่านนะคะที่รับชมรายการตั๊กททางช่องไ
00:53:32 → 00:53:35 doot นะคะดูรายการจบแล้วชอบอะไรไม่ชอบ
00:53:35 → 00:53:38 อะไรอยากให้คอมเมนต์กันเข้ามาเยอะๆ
00:53:38 → 00:53:40 คอมเมนต์บอกกันเข้ามาหน่อยนะคะเพราะว่า
00:53:40 → 00:53:44 ทุกคำติชมของทุกท่านนั้นมีคุณค่าสำหรับ
00:53:44 → 00:53:47 พวกเราเราทุกคนพร้อมจะอยู่เป็นกำลังใจ
00:53:47 → 00:53:50 อยู่เคียงข้างในเรื่องของสุขภาพร่างกาย
00:53:50 → 00:53:54 เป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะคะอย่าลืมนะคะรอ
00:53:54 → 00:53:57 ฟังอยากให้คอมเมนต์กันเข้ามาเยอะเยอะๆติด
00:53:57 → 00:54:00 ชมกันเข้ามาเลยค่ะ
00:54:00 → 00:54:03 [เพลง]