00:00:00 → 00:00:03 This Is Thai PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:05 world vi The
00:00:05 → 00:00:08 Voice ปัญหาที่คนจะเจอมีอะไรได้บ้างเช่น
00:00:08 → 00:00:11 ปัญหาความรักปัญหาครอบครัวปัญหาทะเลาะกับ
00:00:11 → 00:00:13 เพื่อนถูกคนที่ไว้ใจหักหลังหรือสูญเสียคน
00:00:13 → 00:00:16 สำคัญในชีวิตถูกข่มขู่คุกคามบางอย่างจาก
00:00:16 → 00:00:18 เหตุการณ์ที่แบบรู้สึกไม่ปลอดภัยมีเสี่ยง
00:00:18 → 00:00:21 ถูกเลิกจ้างตกงานหรือถูกไล่ออกบางคนมี
00:00:21 → 00:00:23 ปัญหาการเงินปัญหาหนี้สินเงินไม่พอใช้นะ
00:00:24 → 00:00:25 ครับแล้วก็มีเรื่องของการทำงานหนักมาก
00:00:25 → 00:00:28 เกินไปเบน Out หมดไฟก็มีหรือบางคนถูก
00:00:28 → 00:00:30 เลื่อนขั้นให้ทำตำแหน่งที่กดดันมากขึ้นก็
00:00:30 → 00:00:33 เลยเกิดภาวะทางอารมณ์บางอย่างอืหรือบางคน
00:00:33 → 00:00:35 ถูกดองหรืออาจจะมีจุดที่แบบเจองานที่ทำ
00:00:35 → 00:00:38 แล้วไม่ชอบพวกนี้คือเรื่องราวที่สามารถทำ
00:00:38 → 00:00:40 ให้เกิดอาการได้หมดเลยทั้งทางร่างกายและ
00:00:40 → 00:00:41 จิต
00:00:41 → 00:00:46 ใจฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัยฟัง
00:00:46 → 00:00:49 รายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพรค่ะ
00:00:49 → 00:00:51 This Is Toy PBS
00:00:51 → 00:00:54 podcast มาติดตามกันค่ะคุณผู้ฟังคะวัน
00:00:54 → 00:00:57 นี้เราจะมาพูดคุยกันถึงเรื่องของการแกะ
00:00:57 → 00:01:00 รอยปัญหาชีวิตผ่านศาสตจิตจิตวิทยาการ
00:01:00 → 00:01:03 ปรึกษาเอออันนี้มันเป็นยังไงนะมาแนว
00:01:03 → 00:01:05 วิชาการเลยวันนี้นะคะเดี๋ยวคุยกับดร
00:01:05 → 00:01:08 สุววุฒิวงษ์ทางสวัสดิ์ค่ะนจิตวิทยาการ
00:01:08 → 00:01:10 ปรึกษาสวัสดีค่ะคุณเอิ้นครับสวัสดีครับ
00:01:10 → 00:01:12 คุณรดีสวัสดีครับคุณผู้ฟังวันนี้มาแนว
00:01:12 → 00:01:14 ศาสตร์จิตวิทยาการปรึกษากันเลยทีเดียวแต่
00:01:14 → 00:01:17 จะพยายามไม่ทฤษฎีมากเดี๋ยวปวดหัวก็ยังคิด
00:01:17 → 00:01:19 อยู่ว่าเอ๊ะวันนี้ต้องเลคเชอร์กันหรือ
00:01:19 → 00:01:22 เปล่านะคะอ่ะเดี๋ยวต้องทำความเข้าใจก่อน
00:01:22 → 00:01:26 เพราะว่ามันมีคำว่าจิตวิทยาการปรึกษากับ
00:01:26 → 00:01:31 คำว่าจิตแพทย์กับจิตวิทยาเฉยๆก็ก็มีคือ
00:01:31 → 00:01:33 คือจริงๆแล้วมันคือศาสตร์อะไรมันอันเดียว
00:01:33 → 00:01:36 กันมั้ยคือครับมันอยู่ในร่มเกี่ยวกับ
00:01:36 → 00:01:38 เรื่องชีวิตเกี่ยวกับสุขภาพจิตนี่ล่ะครับ
00:01:38 → 00:01:40 อือใช้คำนี้ก่อนอ่าพอตั้งคีย์เวิร์ดให้
00:01:40 → 00:01:44 เล็กที่สุดคำว่าจิตวิทยาเฮะอจิตจิตเนี่ย
00:01:44 → 00:01:46 ครับมันคือเรื่องของชีวิตมันคือเรื่องของ
00:01:46 → 00:01:48 การรับรู้หรืออะไรก็ตามที่มันดำรงอยู่
00:01:48 → 00:01:50 เป็นตัวเราอยู่ในการนึกคิดอยู่ในพฤติกรรม
00:01:50 → 00:01:52 อยู่ในสิ่งที่มันขับเคลื่อนอยู่ในชีวิต
00:01:52 → 00:01:54 เราเนาะส่่วนวิทยาคือความรู้อ่ะครับเพราะ
00:01:55 → 00:01:57 งั้นจิตวิทยามันเป็นศาสตร์ที่สโคบเรืื่อง
00:01:57 → 00:01:59 เกี่ยวกับความรู้เกี่ยวกับชีวิตแต่เพีย
00:01:59 → 00:02:01 เพียงแค่ว่าความกว้างของมันเนี่ยมันกว้าง
00:02:01 → 00:02:04 มากอือยู่ที่ว่าจะไปจับจ้องที่พฤติกรรม
00:02:04 → 00:02:07 หรือเปล่าหรือว่าเราจะไปจับจ้องที่กลุ่ม
00:02:07 → 00:02:09 ความคิดคนมีความคิดแบบนี้ได้ยังไงคิดบวก
00:02:09 → 00:02:12 คิดลบตะกี้ย้อนพฤติกรรมเนาะคนทำแบบนี้
00:02:12 → 00:02:15 ทำไมทำไมคนถึงเลือกทำพฤติกรรมแบบนี้ค่ะ
00:02:15 → 00:02:17 หรือถ้าเป็นเรื่องอารมณ์ก็อาจจะสนใจว่า
00:02:17 → 00:02:20 เอ๊ะทำไมคนเราถึงรู้สึกแบบนี้รู้สึก
00:02:20 → 00:02:23 อารมณ์ดีรู้สึกรบกับตัวเองรู้สึกแย่รู้
00:02:24 → 00:02:26 สึกซึมเศร้าพวกเนี้ยมันคือความสงสัยใคร่
00:02:26 → 00:02:28 รู้เกี่ยวกับชีวิตเพราะฉะนั้นศาสตจิต
00:02:28 → 00:02:30 วิทยาเนี่ยครับมันเกิดขึ้นมาจากการตั้งคำ
00:02:30 → 00:02:33 ถามอืต้องบอกว่าจิตวิทยาเนี่ยจริงๆแล้ว
00:02:33 → 00:02:35 มันถูกตั้งมาจากเรื่องปรัชญาก่อนค่ะ
00:02:35 → 00:02:38 ปรัชญาเพราะว่าพอมนุษย์มีการรับรู้เริ่ม
00:02:38 → 00:02:40 มีความสงสัยใคร่รู้กับชีวิตมันก็เริ่ม
00:02:40 → 00:02:42 ตั้งคำถามซึ่งอันนี้มันคือจุดตั้งต้นของ
00:02:42 → 00:02:45 ศาสตร์ปัชญาอืเนาะทีนี้พอตั้งคำถามเสร็จ
00:02:45 → 00:02:48 ปั๊บก็อยากให้การตั้งคำถามเนี้ยมันดูมี
00:02:48 → 00:02:52 ระบบระเบียบมีการจัดหมดหมู่มากขึ้นและมี
00:02:52 → 00:02:54 สิ่งที่สามารถพิสูจน์เอ่อเป็นหลักฐานเชิง
00:02:54 → 00:02:56 วิทยาศาสตร์หรือว่าเป็นการที่แบบเก็บข้อ
00:02:56 → 00:02:58 มูลได้อะไรก็ตามให้มันแบบเป็นหลักเป็นฐาน
00:02:58 → 00:03:01 มากขึ้นค่ะมันก็เลยพัฒนามาสู่การตั้งเป็น
00:03:01 → 00:03:04 ศาสตร์จิตวิทยาขึ้นมาอือเพราะเราอยากรู้
00:03:04 → 00:03:06 เรื่องชีวิตเราอยากเข้าใจชีวิตเราอยาก
00:03:06 → 00:03:09 เข้าใจกลไกความเป็นไปของชีวิตบางทีมันก็
00:03:09 → 00:03:11 เลยเป็นเรื่องของจิตวิทยาซึ่งร่มมันกว้าง
00:03:11 → 00:03:13 มากบางทีมันเป็นเรื่องของสุขภาพจิตก็มี
00:03:13 → 00:03:16 อือบางทีเป็นเรื่องของการตลาดก็มีเอ๊ะเรา
00:03:16 → 00:03:19 จะทำยังไงนะให้แบบคนซื้อสินค้านี้ด้วย
00:03:19 → 00:03:21 ความสนใจหรืออาจจะอยู่กับสินค้านี้เป็น
00:03:21 → 00:03:24 เวลานานค่ะพวกนี้ก็เป็นจิตวิทยาเหมือนกัน
00:03:24 → 00:03:26 หรือแม้กระทั่งเรื่องความรักเรื่องการ
00:03:26 → 00:03:29 ตลาดตะกี้เนาะเรื่องธุรกิจเรื่องความ
00:03:29 → 00:03:31 สัมพันธ์พ่อแม่ลูกความสัมพันธ์กับเพื่อน
00:03:31 → 00:03:34 จิตวิทยาทางการศึกษาทำไงให้คนเกิดการ
00:03:34 → 00:03:37 เรียนรู้ที่ดีหรือว่าจดจำได้เก่งอะไร
00:03:37 → 00:03:39 เงี้ยครับหรือเราจะพัฒนายังไงให้คนมีแรง
00:03:39 → 00:03:42 จูงใจในการพัฒนาตัวเองโอ้เนี่ยร่มมัน
00:03:42 → 00:03:44 กว้างขวางมากแล้วอย่างคำว่า
00:03:44 → 00:03:47 พฤติกรรมศาสตร์ครับก็อยู่ในจิตวิทยาป่ะ
00:03:47 → 00:03:49 อยู่อยู่ในร่มของจิตวิทยาด้วยมีความ
00:03:49 → 00:03:51 เกี่ยวข้องกันเพราะพฤติกรรมศาสตร์นะครับ
00:03:51 → 00:03:54 คนเราไม่ได้แสดงพฤติกรรมขึ้นมารอยๆแต่
00:03:54 → 00:03:56 พฤติกรรมหลายๆอย่างครับจะเกิดขึ้นมาจากมี
00:03:56 → 00:03:59 มูลเหตุด้านหลังเสมออือว่าทำไมเถึงทำสิ่ง
00:03:59 → 00:04:01 นี้ก็คือสามารถที่จะบอกได้ก็เหมือนกับแบบ
00:04:01 → 00:04:05 ว่าเวลาที่เราสังเกตอ่าบุคคลว่าถ้าเกิด
00:04:05 → 00:04:08 พูดแล้วทำท่าอย่างงี้มันคือความมั่นใจไม่
00:04:08 → 00:04:10 มั่นใจหรืออะไรอย่างงี้ใช่มั้ยใช่มันจะ
00:04:10 → 00:04:12 ไม่เหมือนกสมมุติเรานั่งแล้วเราจามอฮะ
00:04:12 → 00:04:14 แล้วเราสัแล้วเราก็ตั้งคำถามว่าทำไมคนถึง
00:04:14 → 00:04:16 จามมันมีมูลเหตุทางจิตใจหรือเปล่ามันอาจ
00:04:16 → 00:04:18 จะไม่เกี่ยวมันอาจจะไม่ไม่ได้เกี่ยวกับ
00:04:18 → 00:04:21 จิตใจอะไมันเกี่ยวกับแค่ว่าร่างกายเรามี
00:04:21 → 00:04:24 กลไกที่ที่มันเหมือนพยายามจะอะไรนะปรับ
00:04:24 → 00:04:26 ตัวปรับสมดุลหรือต้องขับบางอย่างออกไปจาก
00:04:26 → 00:04:28 ร่างกายก็เลยเกิดอาการจามพวกนี้
00:04:28 → 00:04:31 แพทยศาสตร์อาจจะอธิบายได้ถูกต้องกว่าออ
00:04:31 → 00:04:34 เพราะั้นก็คนละแบบกันอืใช่ครับใช่แต่จิต
00:04:34 → 00:04:36 วิทยามันเป็นเรื่องของกลไกที่เกิดขึ้นใน
00:04:36 → 00:04:39 จิตใจในวิธีคิดในการรับรู้ในอารมณ์ความ
00:04:39 → 00:04:42 รู้สึกหรือทัศนคติหรือเป็นภูมิหลังชีวิต
00:04:42 → 00:04:44 แล้วแต่ที่เป็นสิ่งที่ประกอบขึ้นมาให้
00:04:45 → 00:04:47 เป็นเราอย่างเงี้ยครับอืก็มันก็จะมีหลายๆ
00:04:47 → 00:04:50 ศาสตร์อยู่ในร่มคำว่าจิตวิทยาเป็นบ้าน
00:04:50 → 00:04:52 หลังใหญ่ใช่บ้านหลังใหญ่แล้วก็มีบ้านหลัง
00:04:52 → 00:04:54 เล็กๆใช่อยู่ในนั้นในพื้นที่เดียวกันครับ
00:04:55 → 00:04:58 อยู่ที่ว่าจะเน้นตรงไหนเน้นตรงไหนอรือขอบ
00:04:58 → 00:05:01 เขตจะไปสนใจตรงไหนเป็นพิเศษอย่างเงี้ย
00:05:01 → 00:05:04 ครับอือฮึทีนี้ในในอย่างของคุณเอิ้นเนี่ย
00:05:04 → 00:05:06 เป็นนักจิตวิทยาการปรึกษานะคะก็ให้คำ
00:05:06 → 00:05:10 ปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องของปัญหาของคนอ่า
00:05:10 → 00:05:14 ใช่ครับชีวิตจะเจออะไรมาก็แล้วแต่ก็มาแกะ
00:05:14 → 00:05:17 ปมแก้ปมกันอยู่ตรงกับนจิตวิทยาการปรึกษา
00:05:17 → 00:05:20 ใชใช่ครับซึ่งมันจะต่างกับจิตแพทย์ใช่
00:05:20 → 00:05:22 มั้ยจิตแพทย์อ่าเออเนาะงั้นงั้นจะได้เล่า
00:05:22 → 00:05:25 ให้ฟังเนาะจิตแพทเราต้องรวมเอ่อศาสตร์
00:05:25 → 00:05:28 เชิงหมอดูไปด้วยหมอดูยังเรายังไม่รวมตรง
00:05:28 → 00:05:30 นี้ไม่รไม่รวมนะคนละแบบเออันนั้น
00:05:30 → 00:05:33 โหราศาสตร์โหราศาสตร์ไสยศาสตร์ว่าไปครับ
00:05:33 → 00:05:36 ผมคนละแบบกันคนละแบบกันอือฮึครับแต่ถ้า
00:05:36 → 00:05:38 เป็นจิตแพทย์เนี่ยฮะคือมันจะมาทาง
00:05:38 → 00:05:41 แพทยศาสตร์ก็คืออ่ะสมมุติเราพูดว่าเส้น
00:05:41 → 00:05:43 ทางกว่าจะเป็นจิตแพทย์ได้ต้องเป็นยังไง
00:05:43 → 00:05:46 ก่อนก็คือว่าพอจบม 6 สายวิทยหรือว่าทุก
00:05:46 → 00:05:48 วันนี้ถ้าเกิดระบบการศึกษามันเอ่อเปิดให้
00:05:48 → 00:05:50 คนสายอื่นมาเรียนได้ด้วยอะไรก็ตามเนาะก็
00:05:50 → 00:05:53 คือต้องเข้าคณะแพทย์คณะแพทยศาสตร์อือฮะ
00:05:53 → 00:05:55 ซึ่งแพทยศาสตร์เนี่ยจะเป็นศาสตร์ที่
00:05:55 → 00:05:57 อธิบายเรื่องเกี่ยวกับการประกอบกันของ
00:05:57 → 00:06:00 ร่างกายของเราอ่าว่าเอ้กล้ามเนื้อระบบ
00:06:00 → 00:06:03 ประสาทสมงสมองเส้นเอ็นอะไรก็ตามพวกเนี้ย
00:06:03 → 00:06:06 มันประกอบขึ้นมาเป็นเราด้วยวัดด้วยด้วย
00:06:06 → 00:06:08 องค์ประกอบอะไรบ้างร่างกายเราประกอบด้วย
00:06:08 → 00:06:11 กายวิพากษ์ยังไงบ้างอวัยวะต่างๆอย่าง
00:06:11 → 00:06:14 เงี้ยครับแล้วก็จะมีคอนเซปของเรื่องคนที่
00:06:14 → 00:06:18 สุขภาพแข็งแรงดีปกติดีกับคนที่เจ็บป่วยอื
00:06:18 → 00:06:19 อืเพราะงั้นการรู้เรื่องร่างกายที่เป็น
00:06:19 → 00:06:21 Normal เนี่ยครับมันก็จะต้องมีการแบ่ง
00:06:21 → 00:06:24 แยกว่าเอนี้คือ Normal ปกติอันนี้คือไม่
00:06:24 → 00:06:27 ได้ปกติมีความผิดปกติไปนะครับทีนี้พอเกิด
00:06:27 → 00:06:30 ความผิดปกติขึ้นเราจะรู้ได้ไงว่าผิดปกติ
00:06:30 → 00:06:33 ค่ะมันก็ต้องวินิจฉัยตามอาการว่าเฮ้ยไอ้
00:06:33 → 00:06:36 ฟังก์ชันการทำงานของกล้ามเนื้อตรงนี้แปลก
00:06:36 → 00:06:39 ๆแฮะกระดูกตรงนี้ไม่ควรมีลักษณะแบบนี้อื
00:06:39 → 00:06:42 หัวใจไม่ควรเต้นแบบนี้อะไรเงี้ยฮะหรือเรา
00:06:42 → 00:06:46 ไม่ควรมีหน้าซีดหน้าเขียวหน้าเหลืองอืพวก
00:06:46 → 00:06:47 เมันคือข้อบ่งชี้ว่ามันมีอะไรบางอย่างไม่
00:06:48 → 00:06:50 ปกติซึ่งในเชิงทางการแพทย์ที่เรียนมาด้าน
00:06:50 → 00:06:53 นี้คุณหมอทั้งหลายเนี่ยเขาคก็จะมีความรู้
00:06:53 → 00:06:55 พื้นฐานตรงนี้อยู่แล้วใช่ครับซึ่งการ
00:06:55 → 00:06:57 รักษามันก็จะเป็นการทำความเข้าใจเรื่อง
00:06:57 → 00:07:00 กายภาพเนาะแล้วแล้วก็อาจะมีการแทรกแซง
00:07:00 → 00:07:03 เรื่องการใช้ยาอันนี้ก็เป็นเภสัชศาสตร์ละ
00:07:03 → 00:07:06 นะครับในการใช้ยาเข้ามาแทรกแซงกลไกบาง
00:07:06 → 00:07:08 อย่างในร่างกายเช่นปวดหัวตัวร้อน
00:07:08 → 00:07:11 พาราเซตามอลเข้ามาปึ๊บหายเลยอย่างเงี้ย
00:07:11 → 00:07:13 ครับพวกนี้คือการแทรกแซงกายภาพเนาะหรือ
00:07:13 → 00:07:16 เป็นการผ่าตัดก็แล้วแต่ทีนี้พอจบหมอ 6 ปี
00:07:16 → 00:07:19 เนาะจะมีการต่อเฉพาะทางอีกนะครับซึ่ง
00:07:19 → 00:07:21 จิตเวชศาสตร์เนี่ยเป็นเฉพาะทางแขนงนึงใน
00:07:21 → 00:07:25 แพทยศาสตร์อ๋อแตกแขนงออกมาแล้วแต่เลือก
00:07:25 → 00:07:28 ว่าคนๆนั้นจะเลือกเรียนอะไรใช่ๆครับมัน
00:07:28 → 00:07:31 ถึงทำให้เราเวลาไปโรงพยาบาลจะเห็นว่าแผนก
00:07:31 → 00:07:35 หูคอจมูกอแผนกกระดูกแผนกจิตเวชแผนกโรคหัว
00:07:35 → 00:07:38 ใจสัญกรรมอะไรเงี้ยครับก็เฉพาะทางไปเฉพาะ
00:07:38 → 00:07:41 ทางจิตเวชศาสตร์เป็นเฉพาะทางอันนึอืที่
00:07:41 → 00:07:43 ที่ยังมีความร้อยเรียงกับเรื่องร่างกาย
00:07:43 → 00:07:44 อยู่เนาะเพราะแพทยศาสตร์เกี่ยวข้องกับ
00:07:44 → 00:07:47 ร่างกายหมดแต่ว่าจิตเวจิตเวชศาสตร์เนี่ย
00:07:47 → 00:07:49 ครับจะพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับความเจ็บป่วย
00:07:49 → 00:07:52 ที่ปรากฏขึ้นเกี่ยวกับจิตใจการรับรู้วิธี
00:07:52 → 00:07:55 คิดบางอย่างที่แบบไม่ได้ปกติค่ะและแน่นอน
00:07:55 → 00:07:57 มันทำให้เสียศักยภาพในการใช้ชีวิตหรือการ
00:07:57 → 00:08:00 ประคองให้ชีวิตปกติสุดุกมันทำให้ทำไม่ได้
00:08:00 → 00:08:04 อเพราะมีการสูญเสียศักยภาพอหรือเอ่อเค้า
00:08:04 → 00:08:06 เรียกว่าการทำงานที่ถูกต้องบางอย่างของ
00:08:06 → 00:08:08 ร่างกายซึ่งมันก็จะมีความเกี่ยวข้องเช่น
00:08:08 → 00:08:12 แบบสารเคมีในสมองสารสื่อประสาทยกตัวอย่าง
00:08:12 → 00:08:14 ให้ใกล้ใกล้ตัวสาวๆที่สุดเลยประจำเดือน
00:08:14 → 00:08:17 เออฮเวลาประจำเดือนใกล้จะมาเนี่ยบางคนบาง
00:08:17 → 00:08:20 คนคือจะเป็นหนักมากเช่นแบบคิดลบน้อยใจ
00:08:21 → 00:08:25 ง่ายคิดละเอียดอ่อนหรือวิตกกังวลหนักโทษ
00:08:25 → 00:08:28 ตัวเองหนักๆโรคโลมืดมนไปหมดอะไรเงี้ยครับ
00:08:28 → 00:08:31 อืแล้วแต่คนไม่ค่อยเป็นแนั้นไม่ค่อเนาแต่
00:08:31 → 00:08:34 บางคนจะเป็นหนักมากอืออันนี้ต้องบอกว่า
00:08:34 → 00:08:36 สาวๆแต่ละคนไม่เหมือนกันใช่อ่าตรงเนี้ย
00:08:36 → 00:08:38 มันเป็นตัวอย่างนึงที่ใกล้ตัวที่สุดเลย
00:08:38 → 00:08:40 ของจิตเวชศาสตร์อันนี้เอาชีวิตจริงมามา
00:08:40 → 00:08:43 คุยด้วยใช่มั้ยชีวิตจริงซึ่งแน่นอนมัน
00:08:43 → 00:08:46 เป็นเรื่องของเรียกว่ามันเกี่ยวข้องกับสา
00:08:46 → 00:08:48 จิตเวทแต่มันไม่ได้เป็นอาการที่แบบโอโห
00:08:48 → 00:08:50 รุนแรงจัดระดับที่ว่าแบบเอ้ยอันนี้เสี่ยง
00:08:50 → 00:08:52 อันตรายเสี่ยงต่อชีวิตอืคือคือมันจะมี
00:08:52 → 00:08:55 ระดับที่แบบแค่หงุดหงิดเหวี่ยงวีนน้อยใจ
00:08:55 → 00:08:57 แต่มันจะมีบางคนเหมือนกันนะที่แบบฮอร์โมน
00:08:57 → 00:08:59 มันแรงระดับที่ว่ารู้สึกอยากจบชีวิตจริงๆ
00:08:59 → 00:09:03 โอเอออันนี้มันก็แล้วแต่ระดับความเข้มข้น
00:09:03 → 00:09:05 หรือถ้าเอาแบบเอ่อยุคสมัยนี้ที่เห็นเยอะ
00:09:05 → 00:09:08 เช่นอ่าติดยาเสพติดเสพกัญชาแล้วหลอนคลุ้ม
00:09:08 → 00:09:10 คลั่งค่ะพวกนี้ก็เป็นจิตวิทยาศาสตร์
00:09:10 → 00:09:12 เหมือนกันที่บอกว่าเมื่อการรับสารเสพติด
00:09:12 → 00:09:15 เข้าไปบางอย่างปึ๊บมันทำให้สมองเราเกิด
00:09:15 → 00:09:17 กลไกบางอย่างที่มันผิดเพี้ยนไปแล้วบางที
00:09:17 → 00:09:20 มันเป็นเรื่องของการขาดยาอะไรเงี้ยฮะเป็น
00:09:20 → 00:09:23 ต้นพวกนี้ก็เป็นอ่าเเรียกว่าสามาถปรากฏ
00:09:23 → 00:09:25 เป็นโรคทางจิตเวทเช่นแบบเห็นภาพหลอนคุ้ม
00:09:25 → 00:09:29 คลั่งหูแว่วอืได้เหมือนกันหรือบางคนเป็น
00:09:29 → 00:09:31 เรื่องของภาวะสมองเสื่อมที่ทำให้การควบ
00:09:31 → 00:09:34 คุมอารมณ์เปลี่ยนไปหรือเริ่มเริ่มีความ
00:09:34 → 00:09:36 ทรงจำที่แบบไม่ถูกต้องละเริ่มเห็นภาพหล่อ
00:09:36 → 00:09:39 เริ่มอะไรบางทีพวกนี้ก็เกี่ยวกับสมองบาง
00:09:39 → 00:09:41 ทีเกี่ยวข้องกับเนื้องอกก็มีระบบประสาท
00:09:41 → 00:09:43 บางอย่างที่เสียไปสมองที่พังไปหรือรับยา
00:09:43 → 00:09:45 เสพติดก็มีเพราะงั้นเวลาเราได้ยินเรื่อง
00:09:45 → 00:09:47 โรคซึมเศร้าอ่ะครับก็จะมีเรื่องของการพูด
00:09:47 → 00:09:50 ถึงว่าเฮ้ยมันเป็นเรื่องของเซโรโทนินมัน
00:09:50 → 00:09:53 เป็นเรื่องของเอ่ออะไรก็ตามที่เป็นสารใน
00:09:53 → 00:09:56 ระบบประสาทอืซึมเศร้าไบโพล่าหูแว่วประสาท
00:09:56 → 00:09:59 หล้อนอะไรก็ตามพวกเนี้ยมันเป็นชื่อที่
00:09:59 → 00:10:02 อยู่ในหมวดร่มของจิตเวชศาสตร์ค่ะซึ่งก็มี
00:10:02 → 00:10:05 อยู่จริงครับอมีมีอยู่จริงแต่ไม่ใช่ทุกคน
00:10:05 → 00:10:07 จะเป็นอย่างงั้นค่ะเนาะบางอย่างสามารถ
00:10:07 → 00:10:11 อธิบายได้ด้วยกลไกทางทางร่างกายแต่จริงๆ
00:10:11 → 00:10:13 แล้วต้องบอกว่าทางจิตเวชศาสตร์เนี่ยครับ
00:10:13 → 00:10:15 ก็ไม่ได้ละเลยเรื่องจิตใจนะแต่เพียงแค่
00:10:15 → 00:10:17 ว่าด้วยขอบเขตที่ผมเล่า่ะครับคุณหมอเติบ
00:10:17 → 00:10:19 โตมาจากสายร่างกายจิตเวชศาสตร์ก็ยังพูด
00:10:19 → 00:10:22 ถึงร่างกายอมันก็มีความชำนาญเฉพาะที่คุณ
00:10:22 → 00:10:24 หมอจะดูเรื่องร่างกายค่อนข้างเยอะอหรือ
00:10:24 → 00:10:27 การใช้ยาคุณหมอจะได้เรียนเรื่องจิตบำบัติ
00:10:27 → 00:10:29 ด้วยจิตวิทยาด้วยแต่เพียงแค่เรียกว่าโดย
00:10:29 → 00:10:31 เทนนิอย่างเงี้ยครับโดการฝึกฝนเนี่ย
00:10:31 → 00:10:33 ชั่วโมงบินอาจจะไม่ได้เยอะเท่าฝั่งร่าง
00:10:33 → 00:10:36 กายค่ะแต่พมาฝั่งผมเงี้ยครับเราจะมองว่า
00:10:36 → 00:10:38 ในในฝั่งผมจะค่อนข้างให้น้ำหนักว่ามนุษย์
00:10:38 → 00:10:42 ทุกคนน่ะมันมีความพร้อมจะเข้าใจชีวิตแหละ
00:10:42 → 00:10:45 แต่พอจัดการชีวิตไม่ได้เหมือนขาดความเข้า
00:10:45 → 00:10:48 ใจทักษะในการอยู่ในชีวิตบางอย่างอือฮึพอ
00:10:48 → 00:10:50 วางตัวไม่ถูกมันจะเกิดความรู้สึกแบบไม่มี
00:10:50 → 00:10:53 ความสุขค่ะรู้สึกเศร้ารู้สึกแบบไม่มีความ
00:10:53 → 00:10:55 หวังรู้สึกโกรธรู้สึกอะไรก็แล้วแต่พวก
00:10:55 → 00:10:57 เนี้ยครับทุกอย่างมีคำอธิบายเบื้องหลัง
00:10:57 → 00:11:00 หมดเลยแต่ถ้าเราสสามารถทำให้คนคนึงสามารถ
00:11:00 → 00:11:03 อ่านกระดานชีวิตเขาขาดได้ว่าเากำลังเจอ
00:11:03 → 00:11:05 กับอะไรเขารู้เท่าทันตัวเองเารู้เท่าทัน
00:11:05 → 00:11:07 ว่าอะไรคือตัวกระตุ้นที่ทำให้เขาเป็นแบบ
00:11:07 → 00:11:09 นี้แล้วเขาเข้าใจว่าสถานการณ์ข้างนอก
00:11:09 → 00:11:11 กำลังเกิดอะไรขึ้นบ้างแล้วเขาจะหลบเลี่ยง
00:11:11 → 00:11:14 หรืออยู่กับมันยังไงบางทีการปรับวิธีคิด
00:11:14 → 00:11:16 ได้การหาจุดที่อยู่กับตัวเองแล้วสบายใจ
00:11:16 → 00:11:19 ได้นั่นแหละคือจุดที่ทำให้คนเรียกว่ากลับ
00:11:19 → 00:11:22 มามีความสุขกับชีวิตเมื่อมีความสุขกับ
00:11:22 → 00:11:23 ชีวิตได้ก็จะไม่ได้ไปเข้าใกล้เรื่อง
00:11:24 → 00:11:27 จิตเวชศาสตร์เพราะบางทีคนเราพอแบบหมักหมม
00:11:27 → 00:11:29 ความทุกข์ไว้มากๆอ่ะครับค่ะเราจะได้ยินคำ
00:11:29 → 00:11:31 ว่าตรอมใจเคยได้ยินเนาะไอ้ตอมใจเนี่ยผม
00:11:32 → 00:11:34 มักจะใช้คำว่ามันมันเหมือนคล้ายๆซึมเศร้า
00:11:34 → 00:11:37 แบบนึงตอมใจคือการที่รู้สึกซึมเศร้าผิด
00:11:37 → 00:11:39 หวังกับชีวิตเจอสิ่งที่ไม่ชอบอยากได้แล้ว
00:11:39 → 00:11:41 ไม่ได้หรือพลัดพรากจากสิ่งที่เรารักบาง
00:11:41 → 00:11:44 อย่างเนี่ยครับทีนี้ถ้าเกิดเราสามารถกลับ
00:11:44 → 00:11:48 มายืนหยัดกลับมาอ่านกระดานนี้ให้ขาดจัด
00:11:48 → 00:11:49 ชีวิตให้เหมาะกับตัวเองหลีกเลี่ยงสิ่งที่
00:11:50 → 00:11:52 กระตุ้นเราและพาตัวเองเข้าหาสิ่งที่ทำให้
00:11:52 → 00:11:54 ชีวิตมีความสุขตรงเนี้ยจะทำให้เราสามารถ
00:11:54 → 00:11:56 ใช้ชีวิตแบบมีสุขภาพจิตที่ดีได้อืมันก็
00:11:56 → 00:11:58 เลยเป็นมุมมองที่แตกต่างกันตรงที่ว่าฝั่ง
00:11:58 → 00:12:03 ผมผมจะมองว่าเอ่อบริบททางจิตใจบริบททาง
00:12:03 → 00:12:06 ชีวิตมีผลต่อความสุขในชีวิตค่ะแต่ถ้าเป็น
00:12:06 → 00:12:08 ฝั่งจิตเวชศาสตร์เนี่ยมันจะเป็นเรื่องของ
00:12:08 → 00:12:10 ทางร่างกายที่เฮ้ยมันคงไม่ใช่แค่เรื่อง
00:12:10 → 00:12:13 จิตใจะมันคงมีการสูญเสียศักยภาพในการทำ
00:12:13 → 00:12:15 งานของร่างกายบางอย่างค่ะถึงทำให้เกิด
00:12:15 → 00:12:17 ปรากฏการณ์พวกนี้ขึ้นมาซึ่งก็ต้องใช้ยา
00:12:17 → 00:12:21 ซึ่งบางทีคนที่มาหาเราเนี่ยเอ่อแรกเริ่ม
00:12:21 → 00:12:24 เดิมทีเราก็แค่มาต้องดูแลในเรื่องของจิต
00:12:24 → 00:12:27 ใจหรือให้คำตอบหรืออะไรเงี้ยแต่ท้ายที่
00:12:27 → 00:12:29 สุดแล้วบางทีเ้าจำเป็นอาจจะจะต้องไปใน
00:12:29 → 00:12:33 เชิงของจิตแพทย์ด้วยซ้ำแล้วก็อันนี้ก็
00:12:33 → 00:12:35 ต้องรีเฟอร์ต่อหรือหรือก็แล้วแต่ใช่่หรือ
00:12:35 → 00:12:36 อจะทำงานร่วมกันก็มีเพราะบางคนก็ต้องใช้
00:12:36 → 00:12:39 ยาควบคู่ไปกับการทำจิตบำบัดหรือการปรึกษา
00:12:39 → 00:12:42 เนี่ยครับอค่ะซึ่งมันก็เป็นศาสตร์ที่
00:12:42 → 00:12:46 เอ่ออาจจะคนละทางในในบางมุมแต่ทำงานด้วย
00:12:46 → 00:12:49 ด้วยกันได้เราถึงเรียกว่าสหวิชาชีพอ่ะ
00:12:49 → 00:12:51 ครับเพราะว่าชีวิตคนเรามันจะประกอบด้วย
00:12:51 → 00:12:53 ร่างกายจิตใจแล้วก็สิ่งแวดล้อมที่เราเจอ
00:12:53 → 00:12:56 ค่ะคนเราชีวิตจะดีหรือไม่ดีมันจะขึ้นกับ
00:12:56 → 00:13:00 แกนหลัก 3 ขาเนี้ยร่างกายดีจิตใจดีสังคม
00:13:00 → 00:13:03 สภาพแวดล้อมดีอันเนี้ยชีวิตก็จะดีอ๋อ
00:13:03 → 00:13:05 เพราะฉะนั้นก็ถึงมีว่าเวลามีอะไรก็จะแบบ
00:13:05 → 00:13:09 มีสหวิชาชีพอะไรๆสาขามาพูดคุยกันด้วย
00:13:09 → 00:13:11 เพราะว่าถ้าใช้ศาสตร์ใดศาสตร์หนึ่งอาจจะ
00:13:11 → 00:13:14 ไม่ได้ครอบคลุมได้ทั้งหมดหรือตอบตอบคำถาม
00:13:14 → 00:13:16 ตอบโจทย์ได้ทั้งหมดใช่ครับอืแต่ก็ไม่ถึง
00:13:16 → 00:13:20 ขนาดว่าฉันจะต้องมานั่งเอ่อที่เตียงนอน
00:13:20 → 00:13:24 แล้วก็มีลูกตุ้มแกว่งไปแกว่งมามองตามอัน
00:13:24 → 00:13:26 นั้นอันนั้นอาจจะเป็นเทคนิคสายพวกจิตเอ่อ
00:13:26 → 00:13:28 อะไรนะจิตวิเคราะห์หรืออาจจะเป็นพวกสาย
00:13:28 → 00:13:31 สกดจิตบำบัดอะไรอย่าเงี้ยฮะอ๋อก็มีอีกใช่
00:13:31 → 00:13:33 ซึ่งซึผมอาจจะไม่ได้ไปศึกษาทางนั้นเพราะ
00:13:33 → 00:13:35 ว่าทางทางสั่งผมที่เป็นจิตวิทยาการปรึกษา
00:13:35 → 00:13:37 เนี่ยครับจะเน้นกระบวนการพูดคุยเพื่อทำ
00:13:37 → 00:13:40 ให้คนเกิดการรู้เท่าทันหรือเกิดสติรู้ทัน
00:13:40 → 00:13:42 ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองบ้างคอืมันจะ
00:13:42 → 00:13:44 เป็นการนั่งคุยตรงหน้าไม่ต้องไม่ต้องนอน
00:13:44 → 00:13:47 กับเก้า E ฟนั่งคุยกันปกตินี่เลยครับนั่ง
00:13:47 → 00:13:50 คุยก็ก็เป็นเป็นแนวทางที่เราก็ไม่ต้องไป
00:13:50 → 00:13:52 เน้นเรื่องของแบบว่าจะต้องมีอะไรแล้วปึ๊บ
00:13:52 → 00:13:55 จิตแพทย์อย่างเดียวอ่าบางทีเราอาจจะไม่
00:13:55 → 00:13:58 ได้ถึงขั้นนั้นแค่แค่ว่ามีอะไรอยู่ในใจ
00:13:58 → 00:14:01 ครับก็สามารถเข้าหานักจีปึกษาได้อือันนี้
00:14:01 → 00:14:03 คือเวลาเราทำเนี่ยเราต้องมาวิเคราะห์อะไร
00:14:03 → 00:14:07 บ้างในในคนๆนึงอได้ครับทีนี้ตัวอย่างเนาะ
00:14:07 → 00:14:09 เวลาใครสักคนเดินเข้ามาหานักจิตวิทยา
00:14:09 → 00:14:11 อย่างเงี้ยครับอสิ่งที่เราสามารถเห็นได้
00:14:11 → 00:14:14 ตั้งแต่แรกเลยคืออาจจะเห็นอาการเก่อนเช่น
00:14:14 → 00:14:17 มันจะมีอาการฝั่งทางร่างกายกับฝั่งจิตใจ
00:14:17 → 00:14:19 อันนี้แล้วแต่เราอาจจะเห็นหรือไม่เห็นก็
00:14:19 → 00:14:20 ได้หรืออาจจะเป็นคนที่เขามาหาเราเเล่าให้
00:14:21 → 00:14:23 ฟังก็ได้เช่นเขาคอาจจะบอกว่าตอนนี้เมี
00:14:23 → 00:14:26 ปัญหานอนไม่หลับนอนไม่หลับมาสัปดาห์กว่าะ
00:14:26 → 00:14:27 ค่ะอะไรอย่าเงี้ยครับหรือบางคนอาจจะบอก
00:14:27 → 00:14:31 ว่าช่วงนี้รู้สึกกินเยอะกินจุหรือไม่ค่อย
00:14:31 → 00:14:34 อยากอาหารหรือบางทีก็อ่อนเพลียปวดหัวล้ำ
00:14:34 → 00:14:36 ไส้ไม่ดีเลยหัวใจเต้นเร็วเหมือนจะเป็น
00:14:36 → 00:14:39 แพนนิคเออหรือบางคนช่วงนี้แบบจู่ๆที่เคย
00:14:39 → 00:14:43 หยุดบุหรี่ได้ก็กลับไปสูบใหม่คือคือถ้า
00:14:43 → 00:14:46 ใครมาถามแบบนี้เมีอาการแบบนี้น่าจะบอกถ้า
00:14:47 → 00:14:50 เป็นพี่อาจจะบอกว่าหาหมอดีกว่ามยคะครับ
00:14:50 → 00:14:53 ใช่ซึ่งมีอาการทางกายพวกนี้เนาะแล้วก็มี
00:14:53 → 00:14:56 ฝั่งจิตใจฝั่งจิตใจเช่นแบบว่าไม่อยากเข้า
00:14:56 → 00:14:58 สังคมช่วงนี้เหมือนกับเราอยากเก็บตัวไม่
00:14:58 → 00:15:00 อยากยยุ่งกับใครอือๆหรือช่วงนี้โฟกัสกับ
00:15:00 → 00:15:03 งานกับการเรียนไม่ได้เลยไม่มีสมาธิหรือ
00:15:03 → 00:15:06 ช่วงนี้แบบรู้สึกอะไรก็โกรธปี๊ดง่ายไปหมด
00:15:06 → 00:15:09 อือความอดทนต่ำลงเก็บตัวซึมเศร้าไม่อยาก
00:15:09 → 00:15:12 ทำอะไรหรือบางทีช่วงนี้ทำไมรู้สึกหนี
00:15:12 → 00:15:14 ปัญหาไม่ค่อยมีความสุขรู้สึกไม่อยากอยู่
00:15:14 → 00:15:16 บนโลกอะไรเงี้ยครับค่ะอ่าพวกเนี้ยมันคือ
00:15:16 → 00:15:18 กลุ่มอาการที่เราสามารถเห็นได้ตั้งแต่ผิว
00:15:18 → 00:15:21 เผินเลยตั้งแต่ที่เขาเล่าตั้งแต่ที่เขา
00:15:21 → 00:15:24 แสดงออกมาจากสีหน้าอืหรือที่เขารายงานให้
00:15:24 → 00:15:26 ฟังว่าเค้านอนไม่หลับแล้วแต่ค่ะทีเนี้ย
00:15:26 → 00:15:30 ถ้าเราไปโฟกัสกับอาการพวกนี้ลองนึกภาพ
00:15:30 → 00:15:32 เช่นอ่ะสมมุติช่วงนี้นอนไม่หลับถ้าเราแนะ
00:15:32 → 00:15:35 นำแบบโพล่งๆตรงไปตรงมากับคำว่านอนไม่หลับ
00:15:35 → 00:15:38 เราจะพูดว่าออกกำลังกายมยเผื่อเหนื่อย
00:15:38 → 00:15:42 แล้วนอนได้ดีขึ้นหรืออะไรดีนั่งสมาธิมั้ย
00:15:42 → 00:15:45 ค่ะเผื่อแบบนั่งๆแล้วง่วงหลับอ่านหนังสือ
00:15:45 → 00:15:48 ก่อนนอนมั้ยจะได้หลับง่ายขึ้นหรืออย่านอน
00:15:48 → 00:15:52 หลับเมลาโทนินอืเนี่ยคือการโฟกัสไปที่ตัว
00:15:52 → 00:15:55 การนอนถ้านอนได้ก็จบใช่มั้ยล่ะแต่ไม่ได้
00:15:55 → 00:15:59 ดูที่ต้นทางว่าตกลงทำไมถึงนอนไม่หลับใช่
00:15:59 → 00:16:01 หรือถ้าสมมุติอาการทางจิตใจว่าช่วงนี้ไม่
00:16:01 → 00:16:03 อยากเข้าสังคมแล้วเราก็บอกว่าเฮ้ยเราอาจ
00:16:03 → 00:16:06 จะต้องแบบฝืนตัวเองเข้าสังคมบ้างนะเนี่ย
00:16:06 → 00:16:08 มันคือการแบบแก้แบบที่ผิวเผินไปที่ตัว
00:16:08 → 00:16:11 อาการค่ะซึ่งมันทำให้เราไม่ได้เข้าใจว่า
00:16:11 → 00:16:13 สิ่งที่ลึกกว่านั้นคืออะไรเพราะงั้นผมอจะ
00:16:13 → 00:16:15 ฟังเบื้องต้นก่อนว่าออโอเคเค้ามีอาการแบบ
00:16:15 → 00:16:18 นี้นะนะครับให้เทียบเป็นอย่างงี้เหมือน
00:16:18 → 00:16:20 น้ำ่ะครับถ้าเป็นอุณหภูมิห้องมันจะไม่ใช่
00:16:20 → 00:16:24 100 องศาแต่การที่น้ำ 100 องศาแสดงว่ามี
00:16:24 → 00:16:26 บางสิ่งที่ไปกระตุ้นหรือไปต้มเป็นเชื้อ
00:16:26 → 00:16:27 เพลิงที่ทำให้น้ำเนี้ยร้อนเกินกว่า
00:16:27 → 00:16:29 อุณหภูมิ
00:16:29 → 00:16:32 มีเหตุมีผลมีเหตุต้องมีเหตุมันก็เลยเป็น
00:16:32 → 00:16:34 จุดที่ต้องสัมภาษณ์ต่อว่าเกิดอะไรขึ้น
00:16:34 → 00:16:37 ครับช่วงนี้เออแล้วมันเกิดขึ้นตั้งแต่
00:16:37 → 00:16:39 เมื่อไหร่มีเหตุการณ์อะไรในชีวิตที่ทำให้
00:16:39 → 00:16:41 สิ่งเนี้ยค่อยๆปรากฏขึ้นมาเป็นอาการพวก
00:16:41 → 00:16:45 เนี้ยคเหมือนว่าเราต้องทำให้เขาเป็นการ
00:16:45 → 00:16:48 สะท้อนสิ่งที่ผ่านมาให้เราได้เห็นหรือตัว
00:16:48 → 00:16:51 เขาก็ต้องย้อนกลับไปนั่งทำแมชีนย้อนกลับ
00:16:51 → 00:16:54 ไปใชใช่ครับว่านี่มีอะไรบ้างที่ทำให้เกิด
00:16:54 → 00:16:56 เหตุในปัจใช่มันมีคำอธิบายหมดในเชิง
00:16:56 → 00:16:59 จิตวิทยาอ๋อครับเหมือนเหมือนตีแก๊สนอนไม่
00:16:59 → 00:17:01 หลับคือถ้าเป็นถ้าเป็นทางร่างกายเราจะ
00:17:01 → 00:17:04 สัมภาษณ์ไม่เจอเรื่องมันจะเป็นการนอนไม่
00:17:04 → 00:17:06 หลับแบบชีวิตก็ปกติดีงานก็เรียบร้อยแฟนก็
00:17:06 → 00:17:09 ดีครอบครัวก็โอเคทุกอย่างราบรื่นออืแต่หา
00:17:09 → 00:17:12 ประเด็นการนอนไม่หลับไม่เจอเลยค่ะไอ้พวก
00:17:12 → 00:17:15 นี้เราอาจจะสงสัยเรื่องทางร่างกายได้แต่
00:17:15 → 00:17:18 ถ้าเกิดสมมุติฟังแล้วแบบพบว่าอ๋อเจอแบบ
00:17:18 → 00:17:20 ตอนนี้แฟนนอกใจเลยทำให้นอนไม่หลับอ๋ออ่า
00:17:21 → 00:17:23 นี่ไงมีเรื่องะเออมันมีคำอธิบายทางจิตใจ
00:17:24 → 00:17:26 ครับว่ามีตัวสถานการณ์ทำไมถึงนอนไม่หลับ
00:17:26 → 00:17:29 หรือพรุ่งนี้ต้องซนงานช่วงนี้ได้รับ
00:17:29 → 00:17:32 โปรเจคใหม่มาแล้วมันยากรู้สึกเหมือนหัว
00:17:32 → 00:17:33 ต้องคิดตลอดเพราะว่าถ้าไม่คิดมันเหมือน
00:17:34 → 00:17:36 กับจะรู้สึกว่ามันเสียเวลาที่จะทำให้งาน
00:17:36 → 00:17:38 นี้มันดีอหรือกลัวแบบคล้ายๆผลงานออกมาไม่
00:17:38 → 00:17:41 ดีค่ะอะไรเงี้ยครับพวกเนี้เป็นตัวอย่าง
00:17:41 → 00:17:43 เหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความเครียดถ้ามี
00:17:43 → 00:17:46 เหตุการณ์มีตัวเรื่องเราจะรู้เลยว่า
00:17:46 → 00:17:48 อันเนี้ยอยู่ในขอบเขตงานของจิตวิทยาที่
00:17:48 → 00:17:53 สามารถช่วยเขาได้อืนะครับเพราะงั้นเรามา
00:17:53 → 00:17:55 ดูชั้นที่ 2 แล้วเหมือนที่ผมย้ำว่าถ้าเรา
00:17:55 → 00:17:59 พลาดตั้งแต่ชั้นที่ 1 ไปแนะนำตามอาการ
00:17:59 → 00:18:02 มันก็จะไม่ลงลึกว่าปัญหาในชีวิตคืออะไร
00:18:02 → 00:18:04 ค่ะเราก็เลยต้องลงมาในระดับชั้นที่ 2 ก็
00:18:04 → 00:18:07 คือตัวเรื่องพอเราฟังตัวเรื่องปั๊บเราจะ
00:18:07 → 00:18:10 มีการสัมภาษณ์ต่อว่าเออโอเคเรื่องคนรัก
00:18:10 → 00:18:13 เนาะมันอาจจะมีการถามต่อว่าแบบเอ๊ะไปรู้
00:18:13 → 00:18:16 จักกันยังไงแล้วเรามีแผนเป้าหมายอะไรกับ
00:18:16 → 00:18:18 คนนี้มั้ยถึงทำให้เราแบบคล้ายๆยึดติดกับ
00:18:18 → 00:18:21 คนนี้มากเป็นต้นอือไปแกะตรงนั้นอีกใช่อัน
00:18:21 → 00:18:23 นั้นจะเป็นชั้นที่ 3 เดี๋ยวผมเล่าต่อที
00:18:23 → 00:18:25 เนี้ยปัญหาที่ควรจะเจอมีอะไรได้บ้างเช่น
00:18:25 → 00:18:28 ปัญหาความรักปัญหาครอบครัวนะครับอาจจะ
00:18:28 → 00:18:30 เป็นเรื่องลูกเป็นเรื่องพ่อแม่ญาติพี่
00:18:30 → 00:18:33 น้องแล้วแต่อือปัญหาทะเลาะกับเพื่อนถูกคน
00:18:33 → 00:18:36 ที่ไว้ใจหักหลังหรือสูญเสียคนสำคัญใน
00:18:36 → 00:18:39 ชีวิตนะครับถูกข่มขู่คุกคามบางอย่างจาก
00:18:39 → 00:18:41 เหตุการณ์ที่แบบรู้สึกไม่ปลอดภัยค่ะมี
00:18:41 → 00:18:44 เสี่ยงถูกเลิกจ้างตกงานหรือถูกไล่ออกบาง
00:18:45 → 00:18:47 คนมีปัญหาการเงินปัญหาหนี้สินเงินไม่พอ
00:18:47 → 00:18:50 ใช้นะครับปัญหากับเพื่อนร่วมงานกับหัว
00:18:50 → 00:18:54 หน้านะมีแบบถูกกลั่นแกล้งหรือเจอเหตุ
00:18:54 → 00:18:56 การณ์ที่ทำให้ผิดหวังบ่อยๆนะครับแล้วก็มี
00:18:56 → 00:18:58 เรื่องของการทำงานหนักมากเกินไปไปเบิร์น
00:18:58 → 00:19:01 Out หมดไฟก็มีนะครับเบิร์น Out หมดไฟบาง
00:19:01 → 00:19:03 ทีก็ทำให้ซึมเซ้าได้เหมือนกันเนาะค่ะหรือ
00:19:03 → 00:19:05 อยู่ในสภาพแวดล้อมการทำงานที่ไม่ค่อยดี
00:19:05 → 00:19:07 หรือบางคนถูกเลื่อนขั้นถูกเลื่อนขั้นให้
00:19:07 → 00:19:10 ทำตำแหน่งที่กดดันมากขึ้นก็เลยเกิดภาวะ
00:19:10 → 00:19:13 ทางอารมณ์บางอย่างอืหรือบางคนถูกดองไม่
00:19:14 → 00:19:17 ได้เลื่อนขั้นครับปหาทังกูเออหรืออาจจะมี
00:19:17 → 00:19:20 จุดที่แบบเจองานที่ทำแล้วไม่ชอบอย่าง
00:19:20 → 00:19:23 เงี้ยครับเบื่อหรือว่าอาจจะทำงานผิดพลาด
00:19:23 → 00:19:25 ถูกเอาเปรียบบ้างนะครับหรือว่าอาจะเป็น
00:19:25 → 00:19:27 ปัญหาเรื่องของสุขภาพของตัวเองและคนใน
00:19:27 → 00:19:30 ครอบครัวพวกเนี้คือเรื่องราวที่สามารถทำ
00:19:30 → 00:19:32 ให้เกิดอาการตกแยะได้หมดเลยทั้งทางร่าง
00:19:32 → 00:19:35 กายและจิตใจอืถูกมั้ยครับค่ะทีนี้หลังจาก
00:19:35 → 00:19:37 ที่เราเข้าใจตัวเรื่องแล้วมันจะมีมิติที่
00:19:37 → 00:19:40 ลึกไปกว่านั้นอีกคือมิติทางจิตวิทยาซึ่ง
00:19:40 → 00:19:42 ตรงเนี้ยเป็นพารทที่สายจิตวิทยาการปรึกษา
00:19:42 → 00:19:47 จะจะชี้เป้าที่แท้จริงได้ว่ากลไกนี้มัน
00:19:47 → 00:19:50 เกิดขึ้นจากตัวอะไรเป็นตัวหลักเช่นอ
00:19:50 → 00:19:51 สมมุติตะกี้เราพูดเรื่องเกี่ยวกับปัญหา
00:19:51 → 00:19:55 ความรักถูกมั้ยครับปัญหาความรักคนรัก
00:19:55 → 00:19:58 สามารถทำให้คนซึมเศร้านอนไม่หลับจากทำ
00:19:58 → 00:20:01 ร้ายตัวเองอะไรก็ตามได้หมดเลยนั่นคือชั้น
00:20:01 → 00:20:03 บนสุดและลงมาเป็นเรื่องความรักชั้นที่ลึก
00:20:03 → 00:20:06 กว่านั้นนะครับอาจจะหมายถึงความรู้สึก
00:20:06 → 00:20:09 กลัวการโดดเดี่ยวก็ได้อืลึกลงไปอีกลึกลง
00:20:09 → 00:20:12 ไปอีกข้อมันไม่ใช่แค่ตัวเรื่องและค่ะแต่
00:20:12 → 00:20:14 มันคือมิติหรือกลไกบางอย่างในจิตใจเราอ่ะ
00:20:14 → 00:20:17 ที่มีความรู้สึกหวาดกลัวการจะโดดเดี่ยว
00:20:17 → 00:20:19 บางทีคนๆนั้นอาจจะเกิดมาในครอบครัวที่
00:20:19 → 00:20:22 หย่าล้างกันก็ได้แล้วรู้สึกว่าเาเติบโตมา
00:20:22 → 00:20:25 แบบไม่มีใครแล้วบังเอิญคาแรคเตอร์เขคอ่ะ
00:20:25 → 00:20:26 ครับเป็นคนที่รู้สึกว่าต้องยึดเหนียวใคร
00:20:26 → 00:20:29 บางคนเป็นที่พึ่งอือืทีนี้พอไม่มีใครให้
00:20:29 → 00:20:32 ยึดเหนี่ยวแล้วถ้าเกิดมองไวรอบๆทุกคนมี
00:20:32 → 00:20:34 ครอบครัวทุกคนมีที่ยึดเหนี่ยวค่ะตัวเขา
00:20:34 → 00:20:36 เป็นคนเดียวที่ไม่มีที่ยึดเหนี่ยวเขาอาจ
00:20:36 → 00:20:38 จะมีความหวาดกลัวว่าแล้วทั้งชีวิตเขาจะหา
00:20:38 → 00:20:41 ใครเป็นที่พึ่งได้บ้างล่ะไอ้ความกลัวการ
00:20:41 → 00:20:43 โดดเดี่ยวตรงเนี้ครับจะทำให้เขามีความคาด
00:20:43 → 00:20:46 หวังสูงมากมากหรือมีความแสวงหาโหยหามากๆ
00:20:46 → 00:20:48 กับการจะต้องมีคู่ครองหรือมีเพื่อนคู่คิด
00:20:48 → 00:20:51 สักคนนึงที่จะไม่ทอทิ้งเขาอืแต่ถ้าเกิด
00:20:51 → 00:20:53 ความสัมพันธ์มันเริ่มไม่แน่นอนมันเริ่ม
00:20:53 → 00:20:57 แบบมีจุดที่แบบอาจจะต้องแยกทางกันไอ้ความ
00:20:57 → 00:20:59 กลัวความดดเดี่ยวเนี่ยมันจะวาร์ปเข้ามาใน
00:20:59 → 00:21:01 หัวใจเลยแล้วมันจะรู้สึกว่าเราไม่พร้อม
00:21:01 → 00:21:04 ค่ะพอเราไม่พร้อมมันก็จะเกิดความซึมเศร้า
00:21:04 → 00:21:07 เกิดความต่อรองเกิดความโกรธอะไรก็ตามแล้ว
00:21:07 → 00:21:10 ก็แบบพยายามสู้ไม่ยอมปล่อยมือถูกมั้ยครับ
00:21:10 → 00:21:12 ไอ้พวกนี้อาจจะเป็นจุดที่อาจจะทำให้แบบ
00:21:12 → 00:21:15 ปัญหาทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะงั้นบางทีอ่ะ
00:21:15 → 00:21:18 ครับไอ้ความโดดเดี่ยวตรงเนี้ยถ้าเราเข้า
00:21:18 → 00:21:20 ใจดีพอแล้วทำให้เค้าที่เป็นเจ้าของเรื่อง
00:21:20 → 00:21:23 เนี่ยได้เห็นว่าอ๋อฉันมีมิติตรงนี้หรอวะ
00:21:23 → 00:21:25 ความกลัวการโดดเดี่ยวของฉันเนี่ยมันกำลัง
00:21:25 → 00:21:27 สร้างปัญหาให้ฉันไปเลือกคบคนที่ไม่ใช่
00:21:27 → 00:21:30 ขึ้นมาอืเพราะการเลือกคบคนนะครับไม่ได้
00:21:30 → 00:21:32 หมายความว่าเราจะเลือกคบถูกคนเสมอไปอ่ะ
00:21:32 → 00:21:34 ค่ะบางทีมันคบผิดคนอ่าก็เป็นไปได้คบผิดคน
00:21:35 → 00:21:38 ชีวิตพังเราไปยึดติดกับสถานภาพสมรสแต่เรา
00:21:38 → 00:21:41 ไม่ได้ให้น้ำหนักกับคุณภาพสมรสซึ่งคุณภาพ
00:21:41 → 00:21:43 สมรสบางทีเกิดขึ้นจากเราคนเดียวไม่ได้แต่
00:21:43 → 00:21:45 ต้องเกิดขึ้นจากคู่และพาร์ทเนอร์ชีวิตที่
00:21:45 → 00:21:48 ดีค่ะถ้าเขาเข้าใจตรงนี้ดีพอเขาอาจจะ
00:21:48 → 00:21:51 เริ่มที่จะปล่อยวางกับความสัมพันธ์ไปแล้ว
00:21:51 → 00:21:54 กลายเป็นว่าจากเดิมที่กลัวโดดเดี่ยวเนี่ย
00:21:54 → 00:21:57 จะกลายพลิกเป็นความเด็ดเดี่ยวขึ้นมาอืโดด
00:21:57 → 00:21:59 เดี่ยวเป็นเด็ดเด็ดเดยวโอ้โหมันต่างกัน
00:21:59 → 00:22:02 เลยโดยชอ่าตัวฉันคนเดียวแต่ณตอนนี้ฉันขอ
00:22:02 → 00:22:04 ยืนหยัดด้วยตัวฉันเองแต่โดดเดี่ยวมันจะ
00:22:04 → 00:22:07 อ้างว้างแต่เด็ดเดี่ยวคือใช่แหละฉันไม่มี
00:22:07 → 00:22:09 ใครแต่ณตอนนี้ฉันมีตัวเองเป็นที่พึ่งอื
00:22:09 → 00:22:12 และฉันสามารถเฝ้ารอที่จะเจอคนที่ดีกว่า
00:22:12 → 00:22:14 นี้ได้หรือมันหรือแม้กระทั่งการอยู่ได้
00:22:14 → 00:22:16 โดยที่ไม่ต้องมีใครก็ได้ได้หมดเลยได้หมด
00:22:16 → 00:22:19 เลยเนี่ยนี่คือการพลิกพลิกในมุมของ
00:22:19 → 00:22:21 จิตวิทยาค่ะบางทีมันไม่ใช่แค่เรื่องโด
00:22:21 → 00:22:23 เดี่ยวเนาเป็นเรื่องของแบบการผิดหวังซ้ำๆ
00:22:23 → 00:22:25 แล้วก็ยิ่งคอนเฟิร์มว่าเราไม่ดีบางทีตรง
00:22:25 → 00:22:28 นี้ก็ต้องหาจุดแก้เหมือนกันว่าจะทำไงนะ
00:22:28 → 00:22:30 ให้เราหยุดกลไกของการที่คิดว่าตัวเองไม่
00:22:30 → 00:22:32 ดีอย่างเงี้ยครับหรือความคิดเปรียบเทียบ
00:22:32 → 00:22:36 ความอิจฉาริษยาความแบบติดติดกับดักใน
00:22:36 → 00:22:40 เรื่องกตัญญูอกตัญญูอือะไรเงี้ยฮะหรือบาง
00:22:40 → 00:22:42 ทีเป็นเรื่องของการสปอยหรือช่วยคนอื่นโดย
00:22:42 → 00:22:44 ที่เราไม่ได้ทันได้ประมาณตัวค่ะหรือเอา
00:22:45 → 00:22:47 ติดกับดักเรื่องค่านิยมเนี่ยฮพวกเมันเป็น
00:22:47 → 00:22:49 มิติที่แบบโอ้โหอยู่ในชีวิตเราเต็มไปหมด
00:22:49 → 00:22:52 เลยฮะแต่ถ้าเรารู้ไม่เท่าทันมันก็จะกลาย
00:22:52 → 00:22:54 เป็นว่าพวกเนี้ยมันก็จะสร้างกลไกปัญหาให้
00:22:54 → 00:22:57 เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกไปเรื่อยๆเป็น
00:22:58 → 00:23:00 เหมือนรากอ่ะครับรากของต้นไม้้ที่มันมี 1
00:23:00 → 00:23:03 รากแต่เมื่อโตขึ้นไปปั๊บมันแตกกิ่งก้าน
00:23:03 → 00:23:06 เป็นได้หลายก้านแล้วก็มีใบไม้ได้หลายใบ
00:23:06 → 00:23:07 ไอ้ตรงข้างบนนั่นแหละคือตัวเนื้อเรื่อง
00:23:07 → 00:23:09 ของปัญหาชีวิตที่มันสามารถเกิดขึ้นหลายๆ
00:23:09 → 00:23:12 อย่างค่ะแต่ว่าพอลงมาที่ข้างล่างครับบาง
00:23:12 → 00:23:14 ทีปัญหาการกลัวการโดดเดียวเนี่ยสามารถแตก
00:23:14 → 00:23:17 เป็นเรื่องความรักแตกเป็นเรื่องครอบครัว
00:23:17 → 00:23:20 แตกเป็นเรื่องเพื่อนเป็นเรื่องงานไม่กล้า
00:23:20 → 00:23:23 ทำอะไรคนเดียวได้หมดเลยครับอืก็เหมือนกับ
00:23:23 → 00:23:28 ว่าเรามาหาทางแก้ปมที่อยู่ลึกๆจริงๆแล้ว
00:23:28 → 00:23:30 ว่ามันคืออะไรไม่ใช่แค่ปัญหาปลายทางที่
00:23:30 → 00:23:33 แก้แก้ตรงนั้นมันจบมันง่ายใช่ใช่ครับแต่
00:23:33 → 00:23:35 มันก็จะเกิดขึ้นอยู่เรื่อยๆก็จะเกิดขึ้น
00:23:35 → 00:23:37 อีกเพราะมันไม่ได้ถูกแก้จริงๆใช่ครับสุก
00:23:38 → 00:23:40 ไว้อยู่ใต้พรหมเหมือนเดิมใช่ครับอเพราะ
00:23:40 → 00:23:42 งั้นตรงนี้ศาสตรจิตวิยาการปรึกษาเลยค่อน
00:23:42 → 00:23:45 ข้างมองมองในรายละเอียดของชีวิตคนน่ะว่า
00:23:45 → 00:23:47 เฮ้ยมันมีมิติที่ลึกกว่านั้นนะค่ะและถ้า
00:23:47 → 00:23:49 สิ่งนี้ไม่ถูกมองเห็นไม่ถูกดึงขึ้นมาให้
00:23:49 → 00:23:52 เห็นว่าแบบมันมีสิ่งนี้อยู่เราก็จะแก้ไม่
00:23:52 → 00:23:55 ได้มันจะเป็นเหมือนเหมือนอะไรดีเหมือน
00:23:55 → 00:23:58 เซลล์ร้ายอเหมือนเป็นเชื้อเโรคบางอย่าง
00:23:58 → 00:24:00 ที่อยู่ในตัวเราแล้วมันกลายเป็นว่ามันก่อ
00:24:00 → 00:24:02 ให้เกิดโรคความเจ็บป่วยขึ้นเรื่อยๆอย่าง
00:24:02 → 00:24:04 เงี้ยครับถ้าเราแก้ตรงนี้ตรงจุดปัญหาก็จะ
00:24:04 → 00:24:07 แก้ไปทั้งยวงเหมือนการตัดตัดรากอ่ะตัดราก
00:24:07 → 00:24:10 ถอนโคนชั่วทั้งต้นล้มหมดแล้วเราก็ปลูกต้น
00:24:10 → 00:24:12 ไม้ที่ดีขึ้นมาแทนเงี้ยฮเพราะฉะนั้นก็
00:24:12 → 00:24:15 อนุมานได้ในเบื้องต้นเลยว่าจริงๆแล้วการ
00:24:15 → 00:24:18 มาหานักจิตวิทยาการปรึกษาเนี่ยคือไม่ได้
00:24:18 → 00:24:20 คุณไม่ได้บ้าคุณไม่ได้แบบหรืออะไรอย่าง
00:24:20 → 00:24:24 เงี้คุณแค่มาพูดคุยพูดคุยอ่าเพื่อเข้าใจ
00:24:24 → 00:24:26 ตัวเองให้ลึกขึ้นกว่าเดิมใช่เอ่าว่าแบบ
00:24:26 → 00:24:28 มันเกิดอะไรขึ้นกัน
00:24:28 → 00:24:32 ใช่หาจุดที่มันเป็นปมครับอย่างที่บอกอยู่
00:24:32 → 00:24:34 เรื่อยๆว่าเราต้องมาค่อยๆแก้บางทีอาจบาง
00:24:34 → 00:24:38 คน 1 คนมาทีเดียวเฮ้ยมันมีหลายปมนี่นาใช่
00:24:38 → 00:24:40 ครับมันสะสมมากี่ปีไม่รู้อ่ะไม่รู้อ่ะเออ
00:24:41 → 00:24:42 แต่จริงๆมันกลายเป็นเรื่องมันมีเรื่อง
00:24:42 → 00:24:44 ใหญ่อยู่เรื่องนึงแหละแต่มันอุ๊ยปมเยอะ
00:24:44 → 00:24:46 แยะเลยก็ต้องค่อยๆค่อยๆใช่ครับใช่แล้วเรา
00:24:46 → 00:24:48 ก็ต้องปรับทัศนคติเพราะว่าบางทีชีวิตที่
00:24:49 → 00:24:51 ไม่ค่อยดีอาจจะเกิดขึ้นมาจากทัศนคติบาง
00:24:51 → 00:24:53 อย่างก็ได้หรือกาดการขาดความเข้าใจบาง
00:24:53 → 00:24:55 อย่างเพราะงั้นการมาหาน้าจิตวิยการปรึกษา
00:24:55 → 00:24:57 เนี่ยจะไม่ใช่แค่เห็นปมนะแต่จะหมายถึงการ
00:24:57 → 00:25:00 ที่ที่เราจะต้องปลูกฝังวิธีคิดแบบใหม่อื
00:25:00 → 00:25:01 หรือวิธีการมองแบบใหม่ที่ทำให้เา้ารู้
00:25:01 → 00:25:03 เท่าทันชีวิตแลก็มองเห็นวิธีการที่เขาจะ
00:25:03 → 00:25:05 ปลงชีวิตให้มีความสุขมากขึ้นด้วยเงี้ย
00:25:05 → 00:25:09 ครับค่ะเหมือนกับแบบว่าอันนี้พอดีมีหามา
00:25:09 → 00:25:12 บอกว่าเหมือนกับว่านักจิตวิทยาการปรึกษา
00:25:12 → 00:25:14 เนี่ยน่าจะเป็นเหมือนกับเป็นการหยุด
00:25:14 → 00:25:17 กระบวนความคิดที่ไม่เหมาะสมครับแล้วก็ทำ
00:25:17 → 00:25:20 ให้เราเพ่งพิจารณาความเข้าใจปัญหาด้วยสติ
00:25:20 → 00:25:23 ปัญญาที่ชัดเจนอืแล้วก็มองเห็นปัญหาเอ้ย
00:25:23 → 00:25:25 มองเห็นแนวทางในการแก้ปัญหาของตัวเองได้
00:25:25 → 00:25:28 ใช่ครับอืมก็มันซึ่งมันก็เอาไปใช้กับตัว
00:25:28 → 00:25:32 เองในในหลายๆเรื่องได้ถ้าเรารู้พื้นฐาน
00:25:32 → 00:25:36 ที่แทู้ครับเอาจะช่วยทุกคนครับอ่าโอเค
00:25:36 → 00:25:39 ขอบคุณค่ะคุณเอิ้นสสัสดีค่ะหมดเวลาแล้ว
00:25:39 → 00:25:41 ค่ะคุณผู้ฟังพบกันใหม่ครั้งหน้ากับรายการ
00:25:41 → 00:25:43 โรงหมอทางไทย PBS podcast ค่ะวันนี้ลาไป
00:25:43 → 00:25:47 ก่อนนะคะสวัสดีค่ะ This Is Toy PBS
00:25:47 → 00:25:50 podcast Dead Inside เป็นภาวะที่เกิด
00:25:50 → 00:25:53 ขึ้นได้กับทุกคนคนที่มีภาวะนี้แสดงออกใน
00:25:53 → 00:25:55 รูปแบบใดได้บ้างผู้ช่วยศาสตราจารย์ดรจันท
00:25:55 → 00:25:58 วิภาดิลกสัมพันธ์ผู้เชชทางด้านความ
00:25:58 → 00:26:01 สัมพันธ์และครอบครัวมาเล่าให้ฟังครับภาวะ
00:26:01 → 00:26:04 Dead Inside แปลตรงตัวเลยก็คือตายข้าง
00:26:04 → 00:26:07 ในเอ๊ะมันเป็นยังไงเคยมั้คะที่บเรามีความ
00:26:07 → 00:26:10 รู้สึกที่อธิบายไม่ได้อ่ะเช่นทั้งสับสน
00:26:10 → 00:26:13 ทั้งโศกเศร้าทั้งเฉื่อยชาไม่มีความ
00:26:13 → 00:26:17 ต้องการอะไรเลยไม่มีความปรารถนาอะไรเลย
00:26:17 → 00:26:20 รู้สึกไม่มีความยินดีที่จะทำอะไรให้เสร็จ
00:26:20 → 00:26:24 ทำไปอย่างงั้นน่ะนะฮะบางครั้งก็ต้องยอมทำ
00:26:24 → 00:26:27 ในสิ่งที่เราไม่ภูมิใจไม่เห็นด้วยหรือทำ
00:26:27 → 00:26:29 อะไรที่เราไม่ชอบอ่ะแต่เพื่อให้มันมี
00:26:29 → 00:26:32 ชีวิตรอดไปวันๆน่ะมันมีความรู้สึกว่ามัน
00:26:32 → 00:26:36 ไม่มีพลังหรือความต้องการอะไรเลยเพราะ
00:26:36 → 00:26:39 ฉะนั้นถ้าจะให้คำนิยามนะคะมันไม่สามารถจะ
00:26:39 → 00:26:42 นิยามได้ตรงๆแต่ว่าอยากจะบอกว่ามันเป็น
00:26:42 → 00:26:45 สภาวะอารมณ์ที่รู้สึกว่างเปล่านะฮะรู้สึก
00:26:45 → 00:26:49 ว่าข้างในเนี่ยมันมันรู้สึกทุกข์ใจเฉื่อย
00:26:49 → 00:26:54 ชาพลังงานมันหายไปนะคะไม่มีความปรารถนา
00:26:54 → 00:26:56 หรือความต้องการที่ภาษาอังกฤษเค้าเรียกแช
00:26:56 → 00:27:00 น่ะนะคะแล้วก็ไม่รู้ว่าจะไปทางไหนนะรู้
00:27:00 → 00:27:03 ไม่รู้ว่ามันจะจุดจบยังไงทำอะไรไปวันๆนะ
00:27:03 → 00:27:05 คะไม่รู้ร้อนรู้หนาวกับเหตุการณ์ที่ผ่าน
00:27:05 → 00:27:08 มาทชีวิตเลยแต่ไม่ใช่ปล่อยวางนะคะคนละ
00:27:08 → 00:27:11 เรื่องนะคะแล้วก็เหมือนกับว่าทำงานหรือทำ
00:27:11 → 00:27:16 อะไรก็ปัดๆไปนะฮะไม่ไม่ได้สนใจหรือเพิก
00:27:16 → 00:27:20 เฉยนะคะซึ่งตรงเนี้ยเราเอ่อจะบอกว่าไงมัน
00:27:20 → 00:27:23 แปลว่าความรู้สึกตายข้างในอ่ะเหมือนในใน
00:27:23 → 00:27:26 ตัวตนเราเนี่ยนะฮะว่างเปล่าด้านชากับทุก
00:27:26 → 00:27:30 อย่างเลยอยทำจุดหมายในชีวิตนะฮะตรงเนี้ย
00:27:30 → 00:27:32 มันที่มันน่าเป็นห่วงก็คือถ้าอาการอย่าง
00:27:32 → 00:27:34 เงี้ยนะคะความรู้สึกกลุ่มเนี้ยมันเป็นไป
00:27:34 → 00:27:39 นานๆเกินไปเนี่ยมันจะนำไปสู่เรื่องของการ
00:27:39 → 00:27:42 deess หรือการซึมเศร้าได้ถ้าเรามองทาง
00:27:42 → 00:27:44 ด้านร่างกายเมื่อกี้เรามองทางด้านความรู้
00:27:44 → 00:27:47 สึกนะคะทางด้านร่างกายเนี่ยเอ่อเราจะเห็น
00:27:47 → 00:27:49 ว่าร่างกายเนี่ยของคนที่ Dead Inside
00:27:49 → 00:27:53 เนี่ยจะยังปกติอยู่ค่ะอ้านะฮะปกติอยู่
00:27:53 → 00:27:57 เดินได้กินได้แต่มันไร้วิญญาณน่ะเหมือนคน
00:27:57 → 00:28:00 เหมือนคนตายเใช้คำว่าอะไรอ่ะเหมือนตาย
00:28:00 → 00:28:03 ทั้งที่ยังมีลมหายใจนะจิตวิญญาณหรือความ
00:28:03 → 00:28:05 รู้สึกอ่ะมันตายไปแล้วอ่ะแต่ร่างกายมัน
00:28:05 → 00:28:08 ยังทำงานอยู่อ่ะจริงๆแล้วภาวะเนี้ยมันอาจ
00:28:08 → 00:28:11 จะเกิดขึ้นกับใครก็ได้แต่บางคนเนี่ยมันมา
00:28:11 → 00:28:14 แล้วมันก็ผ่านไปนึกออกมั้ยคะก็เชียร์อัพ
00:28:14 → 00:28:17 ตัวเองขึ้นมาใหม่ได้แต่ว่าบางคนเนี่ยอยู่
00:28:17 → 00:28:20 สั้นบางคนอยู่ยาวระยะมันไม่เหมือนกันหรือ
00:28:20 → 00:28:24 บางคนเเป็นแบบเรื้อรัง
00:28:24 → 00:28:30 เลย This Is Toy PBS podcast
00:28:30 → 00:28:33 ติดตามรายการทางเว็บไซต์และแพลชของ Thai
00:28:33 → 00:28:36 pdas podcast spotify soundcloud
00:28:36 → 00:28:39 Google podcast Apple podcast และ
00:28:39 → 00:28:42 YouTube Channel Thai PBS podcast
00:28:42 → 00:28:45 tha PBS podcast View the world
00:28:46 → 00:28:47 via The
00:28:47 → 00:28:56 [เพลง]
00:28:56 → 00:29:00 Voice L