00:00:00 → 00:00:03 [เพลง]
00:00:03 → 00:00:06 โรคตาขี้เกียจเนี่ยจริงๆก็คาดหวังว่าทุกๆ
00:00:06 → 00:00:08 คนคงเคยได้ยินกันมาบ้างละครั้งแรกที่ได้
00:00:08 → 00:00:10 ยินเลยเนี่ยอาจจะมีความรู้สึกมันคืออะไร
00:00:10 → 00:00:13 กันทำไมมันขี้เกียจได้ยังไงก็หลักๆเลย
00:00:13 → 00:00:15 เนี่ยนะครับโรคตาขี้เกียจเนี่ยตาเนี่ยตา
00:00:15 → 00:00:17 ของมนุษย์เราทำหน้าที่ในการมองเห็นถ้า
00:00:17 → 00:00:19 นั้นๆตาของมนุษย์เราไม่สามารถที่จะมอง
00:00:19 → 00:00:20 เห็นได้ดีเนี่ยเราก็จะเรียกว่าตาขี้เกียจ
00:00:20 → 00:00:22 ทีนี้ตาขี้เกียจเองเนี่ยหลักๆแล้วเนี่ย
00:00:22 → 00:00:24 มนุษย์เรามีตาสองข้างถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม
00:00:24 → 00:00:26 การมองเห็นของตาทั้งสองข้างเนี่ยมันเกิด
00:00:26 → 00:00:29 ความไม่สมดุลไม่เท่ากันข้างใดข้างหนึ่ง
00:00:29 → 00:00:31 แย่กว่าอีกข้างหนึ่งเราก็จะเรียกข้างที่
00:00:31 → 00:00:34 มีการมองเห็นแยกกว่าเหล่านั้นว่ามีภาวะตา
00:00:34 → 00:00:35 ขี้เกียจนะครับ
00:00:35 → 00:00:38 [เพลง]
00:00:38 → 00:00:41 จริงๆแล้วสาเหตุของโรคตาขี้เกียจเราก็
00:00:41 → 00:00:43 สามารถแบ่งออกเป็นประเด็นคร่าวๆได้ประมาณ
00:00:43 → 00:00:45 3 อย่างด้วยกันนะครับแบบแรกเลยนะครับก็
00:00:45 → 00:00:48 คือเกิดเนื่องจากว่ามันมีอะไรก็ตามมาบด
00:00:48 → 00:00:51 บังการมองเห็นในตาข้างนั้นนะครับไม่ว่าจะ
00:00:51 → 00:00:53 เป็นในน้องเล็กๆที่มีภาวะหนังตาตกในตา
00:00:53 → 00:00:55 ข้างใดข้างหนึ่งตัวอย่างเช่นมีหนังตาตกใน
00:00:55 → 00:00:58 ตาข้างขวาแสงก็ไม่สามารถวิ่งผ่านหนังตา
00:00:58 → 00:01:00 ที่ตกเข้าไปในลูกตาได้ดังนั้นครั้งนั้นก็
00:01:00 → 00:01:02 จะไม่รับการพัฒนาการอย่างสมบูรณ์สุดท้าย
00:01:02 → 00:01:04 ก็เกิดตาขี้เกียจอันที่ 2 ก็คือเกิด
00:01:04 → 00:01:07 เนื่องจากน้องมีตาเหล่อย่างเช่นในเด็กที่
00:01:07 → 00:01:10 มีตาเหล่ข้างใดข้างหนึ่งเป็นประจำแล้วก็
00:01:10 → 00:01:13 เป็นตาเหล่ชนิดที่เป็นตลอดเวลาตัวอย่าง
00:01:13 → 00:01:15 เช่นมีข้างขวาเนี่ยมีตาเหล่เข้าในหรือ
00:01:15 → 00:01:18 ข้างขวาตาเหล่ออกนอกน้องก็จะไม่สามารถใช้
00:01:18 → 00:01:20 งานข้างนั้นได้เมื่อเทียบกับอีกฝั่งหนึ่ง
00:01:20 → 00:01:22 อันนี้ก็จะเป็นสาเหตุที่ 2 ก็คือเกิดมา
00:01:22 → 00:01:25 จากตาเขหรือตาเหล่ทำให้เกิดภาวะตาขี้
00:01:25 → 00:01:27 เกียจส่วนสาเหตุที่ 3 เป็นประเด็นที่ค่อน
00:01:27 → 00:01:30 ข้างมีความ Challenge นิดนึงคือสาเหตุที่
00:01:30 → 00:01:33 3 เกิดมาจากสายตาสองข้างที่ผิดปกติอยู่
00:01:33 → 00:01:35 ในระดับที่ไม่เท่ากันสาเหตุที่ 3 นี้ไม่
00:01:36 → 00:01:38 มีภาวะหนังตาตกไม่มีอะไรมาบดบังการมอง
00:01:38 → 00:01:41 เห็นในตาข้างนั้นไม่มีตาเหล่ให้สังเกตแต่
00:01:41 → 00:01:43 ว่าน้องเขามีสายตาผิดปกติข้างใดข้างหนึ่ง
00:01:43 → 00:01:45 มากกว่าอีกข้างนึงตัวอย่างเช่นถ้าในตา
00:01:45 → 00:01:48 ข้างขวามีสายตาสั้นมากกว่า 400 หรือ 500
00:01:48 → 00:01:51 ขึ้นไปแต่อีกตายข้างนึงปกติดีเด็กก็ยัง
00:01:51 → 00:01:53 ดำรงชีวิตได้ตามปกติเพราะว่าน้องเขาลืมตา
00:01:53 → 00:01:56 2 ข้างพอๆกันในกลุ่มโลกพวกเนี้ยอาจจะมา
00:01:56 → 00:01:59 ตรวจเจอโดยการบังเอิญตัวอย่างเช่นมีการ
00:01:59 → 00:02:02 ตรวจสุขภาพเด็กที่โรงเรียนหรือพ่อแม่เล่น
00:02:02 → 00:02:04 ทำการปิดตาทีละข้างและปรากฏว่าน้องเห็น
00:02:04 → 00:02:07 ไม่ดีในข้างใดข้างหนึ่งถึงจะมาพบแพทย์นะ
00:02:07 → 00:02:10 ครับดังนั้นก็จะแบ่งเป็นหลักๆคร่าวๆอยู่ 3
00:02:10 → 00:02:11 สาเหตุนะครับ
00:02:11 → 00:02:14 [เพลง]
00:02:14 → 00:02:17 จากสาเหตุที่กล่าวมาก็คือสาเหตุข้อที่ 1
00:02:17 → 00:02:19 นะครับว่ามีอะไรมาบดบังกันมองเห็นแล้วก็
00:02:19 → 00:02:22 สาเหตุข้อที่ 2 ก็คือเป็นเรื่องของตาเข
00:02:22 → 00:02:24 อันนี้สังเกตได้ง่ายๆนะครับตัวอย่างเช่น
00:02:24 → 00:02:26 ถ้าสมมุติน้องมีหนังตาตกหรือน้องมีปานแดง
00:02:26 → 00:02:29 ที่ตาข้างใดข้างหนึ่งจนกระทั่งมันห้อยลง
00:02:29 → 00:02:32 มาปิดรูม่านตานะครับหรือน้องเป็นภาวะกุ้ง
00:02:32 → 00:02:34 ยิงที่ก้อนใหญ่มากลงมาบดบังตาข้างใดข้าง
00:02:34 → 00:02:37 หนึ่งอันนี้ก็จะชวนให้สังเกตได้แล้วอัน
00:02:37 → 00:02:38 ที่ 2 ถ้าเป็นตาเหล่อันนี้ตรงไปตรงมานะ
00:02:38 → 00:02:40 ถ้าเป็นตาเก๋ตาเหล่เนี่ยพ่อแม่ก็จะเกิด
00:02:40 → 00:02:43 ความกังวลแล้วว่าลูกตัวเองน่าจะมีความผิด
00:02:43 → 00:02:46 ปกติเกิดขึ้นยกเว้นในกรณีที่ตาเหล่นะฮะมี
00:02:46 → 00:02:49 ปริมาณเล็กๆคำว่าตาเหล่เล็กๆก็คือถ้าดู
00:02:49 → 00:02:51 เผินๆเนี่ยอาจจะเหมือนไม่เลทแต่พอมาตรวจ
00:02:51 → 00:02:53 โดยละเอียดเนี่ยพวกเนี้ยจะมีตาเหล่อันนี้
00:02:53 → 00:02:55 อาจจะสังเกตค่อนข้างยากประเด็นที่ยากที่
00:02:55 → 00:02:58 สุดก็คือข้อ 3 อย่างที่กล่าวไปเพราะว่าตา
00:02:58 → 00:03:01 น้องตรงดีไม่ที่มีหนังตาตกวิ่งเล่นดูทีวี
00:03:01 → 00:03:04 ไปโรงเรียนได้ตามปกติเลยเพราะฉะนั้นข้อ 3
00:03:04 → 00:03:07 เนี่ยจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างสังเกตได้ค่อน
00:03:07 → 00:03:09 ข้างยากเพราะฉะนั้นเราก็เลยมีการแนะนำว่า
00:03:09 → 00:03:12 จริงๆแล้วเด็กทุกคนควรจะได้รับการประเมิน
00:03:12 → 00:03:14 การมองเห็นหรือตรวจสุขภาพตาในช่วงที่เด็ก
00:03:14 → 00:03:17 อายุน้อยๆประมาณ 3 หรือ 4 ปีเนี่ยน้องๆจะ
00:03:17 → 00:03:19 มีความสามารถในการร่วมมือในการตรวจกับเรา
00:03:19 → 00:03:22 ได้มากขึ้นมากขึ้นก็สามารถทำให้เราตรวจ
00:03:22 → 00:03:24 ค้นหาภาวะการมองเห็นที่ผิดปกติหรือภาวะ
00:03:24 → 00:03:27 ที่เป็นต้นเหตุของภาวะตาขี้เกียจได้ครับ
00:03:27 → 00:03:30 [เพลง]
00:03:30 → 00:03:33 ขึ้นอยู่กับสาเหตุเช่นเดียวกันเราก็ต้อง
00:03:33 → 00:03:35 กลับไปแก้สาเหตุนั้นอย่างเหมาะสมนะครับ
00:03:35 → 00:03:38 ถ้าหากว่ามีอะไรมาบังนะครับก็จงทำให้การ
00:03:38 → 00:03:41 บังนั้นหายไปอย่างเช่นถ้าบังมากหนังตาตก
00:03:41 → 00:03:44 บางมากก็ต้องผ่าตัดหนังตาขึ้นนะครับมี
00:03:44 → 00:03:47 ก้อนกุ้งยิงมาบังมากก้อนกุ้งยิงไม่ยุบก็
00:03:47 → 00:03:49 จะต้องทำการเจาะกุ้งยิงหรือถ้าน้องที่
00:03:49 → 00:03:51 เป็นตาเขนะครับก็อาจจะต้องตรวจสายตาก่อน
00:03:51 → 00:03:53 ว่ามีสายตาผิดปกติร่วมด้วยเป็นสาเหตุของ
00:03:53 → 00:03:56 การเขียนหรือเปล่าถ้าสายตาผิดปกติเหล่า
00:03:56 → 00:03:59 นั้นไม่มีหรือมีในปริมาณน้อยก็จะเป็นการ
00:03:59 → 00:04:02 ผ่าตาค้างที่เขให้ตรงเพื่อต้องการให้น้อง
00:04:02 → 00:04:05 เนี่ยใช้งาน 2 ตาพร้อมๆกันได้แล้วก็ใน
00:04:05 → 00:04:08 น้องที่มีเรื่องของภาวะสายตาผิดปกติต้อง
00:04:08 → 00:04:10 ทำการตรวจสายตาวัดแว่นสั่งประกอบแว่น
00:04:10 → 00:04:12 อย่างเหมาะสมแล้วก็ที่สำคัญคือต้องตรวจ
00:04:12 → 00:04:15 ติดตามการพัฒนาการของตาข้างที่ขี้เกียจ
00:04:15 → 00:04:18 ว่าจะดีขึ้นหรือยังนะครับ
00:04:18 → 00:04:21 [เพลง]
00:04:21 → 00:04:24 สามารถกลับมาได้ครับแต่ว่าในเด็กเนี่ยมี
00:04:24 → 00:04:27 ประเด็นที่อยากจะฝากก็คือเขาเรียกว่า Time
00:04:27 → 00:04:29 sensitive ในเด็กเองเนี่ยก็มักจะโดนได้
00:04:29 → 00:04:31 รับการแนะนำเสมอว่าเด็กไม่ใช่ผู้ใหญ่ที่
00:04:31 → 00:04:34 มีขนาดย่อไซส์เด็กยังคงมีพัฒนาการต่อ
00:04:34 → 00:04:37 เนื่องไปเรื่อยๆซึ่งการพัฒนาการในเด็ก
00:04:37 → 00:04:39 จำกัดในเรื่องของเวลาดังนั้นยิ่งเรารู้
00:04:39 → 00:04:43 เร็วเท่าไหร่เรามีเวลาในการรักษามากการ
00:04:43 → 00:04:46 ตอบสนองต่อการรักษาค่อนข้างดีเมื่อเทียบ
00:04:46 → 00:04:49 กับในกลุ่มที่เลยเวลาอันสำคัญไปแล้วการ
00:04:49 → 00:04:52 รักษาอาจจะไม่ได้ผลอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว
00:04:52 → 00:04:54 ก็การรักษาเมื่อมันไม่ได้ผลอย่างที่คนจะ
00:04:54 → 00:04:58 เป็นเนี่ยมันส่งผลกระทบระยะยาวสำหรับการ
00:04:58 → 00:05:01 มองเห็นในเด็กคนนั้นๆ
00:05:01 → 00:05:08 [เพลง]