00:00:01 → 00:00:06 โรคนิ่วในถุงน้ำดีจุดจบสายปิ้ง
00:00:06 → 00:00:10 ย่างโรคนิ่วในถุงน้ำดีความเสี่ยงที่มา
00:00:10 → 00:00:13 พร้อมกับไขมันและความ
00:00:13 → 00:00:17 อ้วนลดน้ำหนักถูกวิธีกู้ระบบเพ้าพลานลด
00:00:17 → 00:00:20 ความเสี่ยงโรคนิ่วในถุงน้ำดีติดตามเรื่อง
00:00:20 → 00:00:23 ราวทั้งหมดได้ในรายการ TNN Health วัน
00:00:23 → 00:00:30 นี้
00:00:30 → 00:00:33 สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการ tean
00:00:33 → 00:00:35 and Health ค่ะเข้าถึงทุกสาระสุขภาพ
00:00:36 → 00:00:39 เสริมภูมิคุ้มกันรู้ทันโรคกับ tean แ He
00:00:39 → 00:00:42 และดิฉันหมอดาวแพทย์หญิงฉัดาวจังวังกร
00:00:42 → 00:00:45 แพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อม
00:00:45 → 00:00:47 ที่จะรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณ
00:00:47 → 00:00:56 ผู้ชมมาเข้าถึงสาระสุขภาพดีๆกันค่ะ
00:00:56 → 00:01:04 [เพลง]
00:01:04 → 00:01:07 สำหรับวันนี้นะคะเราจะมารู้จักโรคนิ่วใน
00:01:07 → 00:01:10 ถุงน้ำดีกันหลายคนค่ะอาจจะไม่ได้สนใจว่า
00:01:10 → 00:01:13 โรคนี้มีความเกี่ยวข้องกับตัวเองอย่างไร
00:01:13 → 00:01:15 แต่เชื่อไหคะว่าการที่คุณผู้ชมค่ะมีท้อง
00:01:16 → 00:01:18 อืดท้องเฟ้อนะคะหรือว่าเวลาที่รับประทาน
00:01:18 → 00:01:21 อาหารไขมันแล้วรู้สึกแน่นท้องคุณอาจจะมี
00:01:21 → 00:01:24 เรื่องของโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ไปติดตาม
00:01:24 → 00:01:27 พร้อมๆกันค่ะความเสี่ยงโรคนิ่วในถุงน้ำดี
00:01:27 → 00:01:31 มักจะมาพร้อมกับไขมันและความอ้วนโรคนิ่ว
00:01:31 → 00:01:33 ในถูกน้ำดีเคยพบได้มากในผู้ที่อายุมาก
00:01:33 → 00:01:36 กว่า 40 ปีขึ้นไปแต่ปัจจุบันมีแนวโน้มพบ
00:01:37 → 00:01:39 ได้มากขึ้นตั้งแต่อายุน้อยๆโดยพบในผู้
00:01:39 → 00:01:42 หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่าปัจจัยเสี่ยง
00:01:42 → 00:01:46 สำคัญของโรคนี้เกิดจากความอ้วนและ
00:01:46 → 00:01:48 พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีไขมันและ
00:01:48 → 00:01:51 คอเลสเตอรอลสูงทำให้น้ำดีไม่สามารถช่วย
00:01:51 → 00:01:54 ย่อยอาหารกลุ่มไขมันและคอเลสเตอรอลที่สูง
00:01:54 → 00:01:57 เหล่านี้ได้หมดจึงเกิดการสะสมกลายเป็น
00:01:57 → 00:02:00 นิ่วขึ้นมาได้ดังนั้นพฤติกรรมชอบรับ
00:02:00 → 00:02:03 ประทานอาหารไขมันสูงเป็นประจำโดยเฉพาะของ
00:02:03 → 00:02:07 ทอดของปิ้งย่างเช่นหมูกระทะชาบูอาจส่งผล
00:02:07 → 00:02:10 ให้ความสมดุลของน้ำดีเสียไปเกิดก้อนผลึก
00:02:10 → 00:02:12 ขึ้นในถุงน้ำดีเกิดเป็นนิ่วในถุงน้ำดี
00:02:12 → 00:02:16 ขึ้นได้โรคนิ่วในถุงน้ำดีเป็นโรคในระบบ
00:02:16 → 00:02:19 ทางเดินน้ำดีที่พบได้บ่อยที่สุดโดยลักษณะ
00:02:19 → 00:02:22 นิวมี 3 ประเภทได้แก่นิวจากคอเลสเตอรอล
00:02:23 → 00:02:26 อาจเป็นสีเหลืองขาวเขียวเกิดจากการตก
00:02:26 → 00:02:29 ตะกอนไขมันเนื่องจากคอเลสเตอรอลเพิ่มมาก
00:02:29 → 00:02:32 ขึ้นในถุงน้ำดีนิ่วจากเม็ดสีอาจเป็นสี
00:02:32 → 00:02:36 คล้ำดำเกิดจากความผิดปกติของเลือดโลหิต
00:02:36 → 00:02:40 จางตับแข็งนิ่วโคลนเป็นลักษณะคล้ายโคลน
00:02:40 → 00:02:43 เหนียวหนืดเกิดจากการติดเชื้อใกล้ตับท่อ
00:02:44 → 00:02:47 น้ำดีตับอ่อนแล้วมีพฤติกรรมอะไรบ้างที่ทำ
00:02:47 → 00:02:51 ให้เสี่ยงการเป็นโรคนิ่วในถุงน้ดีคนที่
00:02:51 → 00:02:53 ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันอาหาร
00:02:53 → 00:02:57 คอเลสเตอรอลสูงพฤติกรรมรับประทานอาหาร
00:02:57 → 00:03:01 ประเภทกากใหญ่ไม่เพียงพอกินผักผลไม้น้อย
00:03:01 → 00:03:04 ผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิดเป็นประจำ
00:03:04 → 00:03:06 จะเสี่ยงต่อการมีนิ่้วในถุงน้ำดีเนื่อง
00:03:07 → 00:03:09 จากฮอร์โมนเพชรหญิงที่ได้รับเพิ่มจากยา
00:03:09 → 00:03:11 อาจกระตุ้นการเพิ่มคล้องปริมาณ
00:03:11 → 00:03:14 คอเลสเตอรอลในน้ำดีส่งผลให้เกิดการตก
00:03:14 → 00:03:18 ตะกอนกลายเป็นก้อนนิ่วได้ง่ายการรับ
00:03:18 → 00:03:21 ประทานยาลดไขมันบางชนิดคนที่เร่งลดน้ำ
00:03:21 → 00:03:24 หนักเพราะจะทำให้ตับมีการหลั่งของ
00:03:24 → 00:03:27 คอเลสเตอรอลออกมามากขึ้นส่วนถุงน้ำดีก็จะ
00:03:27 → 00:03:30 บีบตัวน้อยลงดังนั้นจึงมีน้ำดีค้างอยู่ใน
00:03:30 → 00:03:34 ถุงน้ำดีดีมากขึ้นและนานขึ้นมีโอกาสตก
00:03:34 → 00:03:36 ตะกอนจับตัวกันมากขึ้นตามไปด้วยโดย
00:03:36 → 00:03:38 พฤติกรรมเหล่านี้อาจไปเพิ่มปริมาณของ
00:03:38 → 00:03:42 โคเลสเตอรอลหรือบิลี่รูบินในน้ำดีทำให้มี
00:03:42 → 00:03:45 สัดส่วนที่สูงกว่าปกติและปัจจัยบางส่วนก็
00:03:45 → 00:03:48 ทำให้ถุงน้ำดีบีบขับน้ำดีได้น้อยลงทำให้
00:03:48 → 00:03:52 น้ำดีคั่งค้างและจับเป็นผลึกนิ่วใครคือ
00:03:52 → 00:03:55 กลุ่มเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีนอกจาก
00:03:55 → 00:03:57 พฤติกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดนิ่้ว
00:03:57 → 00:04:00 ในถุงน้ำดีแล้วยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆดัง
00:04:00 → 00:04:03 ต่อไปนี้ที่อาจเสี่ยงต่อการมีนิ่วในถุง
00:04:03 → 00:04:06 น้ำดีเพิ่มขึ้นได้เช่นผู้ที่มีน้ำหนักตัว
00:04:06 → 00:04:10 มากผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปหลาย
00:04:10 → 00:04:14 คนอาจสงสัยว่าทำไมนิ่วในถุงน้ำดีพบมากใน
00:04:14 → 00:04:17 ผู้หญิงโดยเฉพาะผู้หญิงวัย 40 ปีนั่นเป็น
00:04:17 → 00:04:20 เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนมีส่วนทำให้
00:04:20 → 00:04:23 คอเลสเตอรอลในน้ำดีสูงขึ้นเพศหญิงมีโอกาส
00:04:23 → 00:04:26 เป็นมากกว่าเพศชายเนื่องจากฮอร์โมน
00:04:26 → 00:04:29 เอสโตรเจนและการตั้งครรภ์มีผลต่อการเพิ่ม
00:04:29 → 00:04:31 ปริมาณโคเลสเตอรอลและลดการเคลื่อนตัวของ
00:04:31 → 00:04:34 ถุงน้ำดีทำให้เป็นนิ่วได้ง่ายขึ้นผู้ป่วย
00:04:35 → 00:04:38 โรคเลือดบางชนิดที่มีการแตกตัวของเมลแดง
00:04:38 → 00:04:42 เร็วกว่าปกติเช่นโรคซีเมียผู้ป่วยโรคเบา
00:04:42 → 00:04:44 หวานเพราะถุงน้ำดีจะมีการบีบตัวน้อยลงใน
00:04:44 → 00:04:48 ผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูงกรพันธ์โดยเฉพาะ
00:04:48 → 00:04:50 ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนิ่ว
00:04:50 → 00:04:54 ในถุงน้ำดีมาก่อนอาการของโรคนิ่วในถุงน้ำ
00:04:54 → 00:04:57 ดีสังเกตได้ดังนี้อาการในช่วงแรกถ้ายัง
00:04:57 → 00:05:01 ไม่รุนแรงมากมักจะเกิดขึ้นเป็นระยะๆะโดย
00:05:01 → 00:05:04 เฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รับประทานอาหาร
00:05:04 → 00:05:07 ที่มีไขมันสูงเข้าไปซึ่งจะไปกระตุ้นให้
00:05:07 → 00:05:10 เกิดอาการบวมตึงในถุงเพราะการคั่งของของ
00:05:10 → 00:05:15 เหลวมีลักษณะอาการที่สังเกตได้ดังนี้ท้อง
00:05:15 → 00:05:18 อืดท้องเฟ้อเหมือนมีลมอยู่ข้างในข้อ
00:05:18 → 00:05:21 สังเกตคือมักจะมีอาการหลังรับประทานอาหาร
00:05:21 → 00:05:24 มันๆหรือช่วงเวลากลางคืนและมักจะเป็นอยู่
00:05:24 → 00:05:28 1-2 ชั่วโมงก็หายและขณะมีอาการผู้ป่วยจะ
00:05:28 → 00:05:31 ยังพอขยับตัวได้แน่นท้องหลังรับประทาน
00:05:31 → 00:05:34 อาหารโดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารที่มีไข
00:05:34 → 00:05:38 มันมากปวดท้องข้างขวาหรือใต้ชายโครงขวา
00:05:38 → 00:05:41 เป็นครั้งเป็นคราวปวดท้องข้างขวาอย่าง
00:05:41 → 00:05:45 รุนแรงและมักจะปวดร้าวไปถึงสะบักด้านขวา
00:05:45 → 00:05:49 ร่วมด้วยมีไข้สูงเฉียบพลันในกรณีที่มีการ
00:05:49 → 00:05:52 อักเสบของถุงน้ำดีอย่างเฉียบพลันคลื่นไส้
00:05:52 → 00:05:57 อาเจียนตัวเหลืองตาเหลืองปัสสาวะมีสีเข้ม
00:05:57 → 00:06:00 อุจจาระมีสีซีดลงเนื่องจากลำไส้ขาดน้ำดี
00:06:01 → 00:06:03 อย่างไรก็ตามคนที่มีนิ่วในถุงน้ำดีอาจไม่
00:06:03 → 00:06:06 มีอาการแสดงข้างต้นเพราะอาจมีก้อนนิ่วที่
00:06:06 → 00:06:09 เล็กหรือฝังตัวอยู่ลึกในก้นถูกน้ำดีก็
00:06:09 → 00:06:11 เป็นได้ค่ะแต่หากก้อนนิ่วออกมาอุดกั้น
00:06:11 → 00:06:15 บริเวณท่อน้ำดีอาการแสดงจะค่อนข้างชัด
00:06:15 → 00:06:19 เช่นมีอาการปวดท้องเฉียบพลันและรุนแรงปวด
00:06:19 → 00:06:21 ท้องในลักษณะปวดบิดเกร็งโดยแต่ละครั้งจะ
00:06:21 → 00:06:26 มีอาการปวดนานประมาณ 15-30 นาทีหรือนาน
00:06:26 → 00:06:29 กว่า 2-6 ชมงเลยก็ได้แต่อาการปวดท้อง
00:06:29 → 00:06:32 เนื่องจากนิ่วในถุงน้ำดีจะเป็นๆหายๆมัก
00:06:32 → 00:06:35 ไม่ใช่อาการปวดท้องทุกวันจะตรวจพบว่ามี
00:06:35 → 00:06:38 นิ่วก็ต่อเมื่ออัตซาวทั้งนี้ก้อนนิ่วที่
00:06:38 → 00:06:41 ตกตะกอนอาจมีขนาดเล็กเท่าเม็ดทรายหรือ
00:06:41 → 00:06:44 ใหญ่เท่าลูกกอล์ฟจำนวนมีได้ตั้งแต่ 1
00:06:44 → 00:06:47 ก้อนไปจนถึงหลายร้อยก้อนก็ได้หากมีขนาด
00:06:47 → 00:06:50 ใหญ่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดมะเร็งถุง
00:06:50 → 00:06:54 น้ำดีได้ทั้งนี้ค่ะหลายคนอาจจะเคยได้ยิน
00:06:54 → 00:06:58 เสียงข่าวลืมอค่ะว่าการรับประทานชานมไข่
00:06:58 → 00:07:01 มุก 2-3 แก้วต่อวันต่อเนื่องกันจะทำให้
00:07:01 → 00:07:04 เสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีซึ่งตรงนี้
00:07:04 → 00:07:07 ค่ะกระทรวงสาธารณสุขค่ะได้มีข้อความออกมา
00:07:07 → 00:07:11 แถลงโดยที่บอกว่าข้อมูลนี้มีความบิดเบือน
00:07:11 → 00:07:15 ค่ะกรณีที่มีการส่งต่อข้อมูลว่าการรับ
00:07:15 → 00:07:18 ประทานชานมไข่มุกวันละ 2-3 แก้วเป็นระยะ
00:07:18 → 00:07:21 เวลานานทำให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดีนั้นทาง
00:07:21 → 00:07:24 กรมอนามัยกระทรวงสาธารณะสุขได้ตรวจสอบข้อ
00:07:24 → 00:07:28 มูลและชี้แจงว่าชานมไข่มุกและน้ำหวานอาจ
00:07:28 → 00:07:31 ไม่ได้เป็นสายสาเหตโดยตรงเพราะว่าโรคนิ่ว
00:07:31 → 00:07:35 นั้นมาจากหลายสาเหตุซึ่งอาหารและเครื่อง
00:07:35 → 00:07:38 ดื่มจะเป็นส่วนหนึ่งหรือเป็นปัจจัยเสี่ยง
00:07:38 → 00:07:41 ที่อาจทำให้เกิดโรคได้มากขึ้นโดยเฉพาะ
00:07:41 → 00:07:44 อาหารทอดอาหารมันอาหารหวานจำพวกที่มีไข
00:07:44 → 00:07:48 มันสูงซึ่งอาหารจำพวกนี้มีส่วนประกอบที่
00:07:48 → 00:07:52 ทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนโดย
00:07:52 → 00:07:54 คนอ้วนจะมีโอกาสเกิดนิ่วจากคอเลสเตอรอล
00:07:54 → 00:07:57 ได้มากขึ้นเนื่องจากคอเลสเตอรอลเพิ่มมาก
00:07:57 → 00:08:00 ขึ้นในถุงน้ำดีดีแต่การเบียบตัวของถุงน้ำ
00:08:00 → 00:08:03 ดีลดลงและในช่วงนี้ค่ะเราจะไปพูดคุยกับ
00:08:03 → 00:08:06 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการรับมือ
00:08:06 → 00:08:09 โรคนิ่วในถุงน้ำดี
00:08:09 → 00:08:12 กันสวัสดีค่ะอาจารย์ขอเริ่มที่คำถามแรก
00:08:12 → 00:08:13 เลยนะ
00:08:13 → 00:08:19 [เพลง]
00:08:19 → 00:08:23 คะอุบัติการของโรคนิ่วในถุงน้ำดีเป็น
00:08:23 → 00:08:27 อย่างไรคะโรคนิ่วในถุงน้ำดีนะครับผมก็โดย
00:08:27 → 00:08:30 ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยเราจะพบในเอ่อกลุ่มอายุ
00:08:30 → 00:08:34 ช่วงประมาณ 40-60 ปีครับผมแล้วก็อ่าโดย
00:08:34 → 00:08:36 สถิติแล้วเนี่ยเราจะเจอในคนไข้ที่อ่าเป็น
00:08:36 → 00:08:39 เพศหญิงมากกว่าเพศชายครับโดยอัตราส่วน
00:08:39 → 00:08:41 เนี่ยผู้หญิงเนี่ยจะมีความเสี่ยงในการ
00:08:42 → 00:08:44 เป็นโร่งนิ่วในถุงดดีเนี่ยมากกว่าผู้ชาย
00:08:44 → 00:08:47 ประมาณ 1.5 เท่าครับแล้วสาเหตุของโรคนิ่ว
00:08:47 → 00:08:50 ในถุงน้ำดีเกิดจากอะไรได้บ้างโดยส่วนใหญ่
00:08:50 → 00:08:53 แล้วเนี่ยนิ่วที่เราพบกันนะครับจะมีทั้ง
00:08:53 → 00:08:55 หมด 3 ชนิดใหญ่ๆครับชนิดที่เจอมากที่สุด
00:08:55 → 00:08:58 เลยก็คือเป็นนิ้วชนิดที่เป็นคอเลสเตอรอล
00:08:58 → 00:09:00 นะครับผมกลุ่มนี้นี้เราเจอค่อนข้างเยอะ
00:09:00 → 00:09:03 ครับประมาณ 80% ของเคสทั้งหมดเลยนะครับ
00:09:03 → 00:09:06 ส่วนใหญ่แล้วก็คือจะเกี่ยวข้องกับภาวะไข
00:09:06 → 00:09:08 มันในเลือดสูงแล้วก็ภาวะคอเลสเตอรอลใน
00:09:08 → 00:09:11 เลื่อนสูเป็นเป็นส่วนใหญ่เลยครับผมรับ
00:09:11 → 00:09:13 ประทานหมูกระทะค่ะอาจารย์เพิ่มความเสี่ยง
00:09:13 → 00:09:16 ในการเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีใช่หรือไม่คะ
00:09:16 → 00:09:18 เราต้องกลับไปดูที่สาเหตุนะครับเพราะว่า
00:09:18 → 00:09:20 อย่างที่แจ้งไปครับว่าส่วนใหญ่แล้วเนี่ย
00:09:20 → 00:09:22 ตัวนิ่วที่เราเจอเนี่ยเป็นนิ่ว
00:09:22 → 00:09:25 คอเลสเตอรอลเพราะฉะนั้นเนี่ยอ่าสาเหตุ
00:09:25 → 00:09:28 อะไรก็ตามที่ทำให้เกิดภาวะไขมันหรือว่า
00:09:28 → 00:09:30 คอเลสเตอรอลในเลือดขึ้นสูงบ่อยๆหรือว่า
00:09:31 → 00:09:33 เป็นเวลานานเนี่ยก็จะส่งผลทำให้เกิดนิ่ว
00:09:33 → 00:09:35 ได้เพราะฉะนั้นเนี่ยตัวหมูกระทะเองเนี่ย
00:09:35 → 00:09:38 อาจจะไม่ได้เป็นปัจจัยหลักนะครับที่ทำให้
00:09:38 → 00:09:41 ให้เกิดเรื่องของนิ้วได้ทีนี้เราอาจจะ
00:09:41 → 00:09:43 ต้องไปดูเรื่องของส่วนประกอบของอาหารที่
00:09:43 → 00:09:47 เรารับประทานเข้าไปอาหารทุกชนิดที่มีไข
00:09:47 → 00:09:49 มันสูงหรือให้สารอาหารจำพวกคอเลสเตอรอล
00:09:49 → 00:09:51 หรือไขมันสูงเนี่ยก็สามารถกระตุ้นให้เกิด
00:09:51 → 00:09:53 นิ่วได้ครับโดยส่วนใหญ่แล้วก็เกิดจาก
00:09:53 → 00:09:56 พฤติกรรมการกินแล้วก็การบริโภคอาหารเป็น
00:09:56 → 00:09:59 หลักใครคือกลุ่มเสี่ยงของการเป็นโรคนิ่ว
00:09:59 → 00:10:02 ในถุงน้ำดีเราก็ยังเจออีกอ่าในคนไข้ใน
00:10:02 → 00:10:05 กลุ่มที่มีปัญหาเรื่องของภาวะไขมันใน
00:10:05 → 00:10:08 เลือดสูงมีไขมันในเลือดสูงตลอดเวลาส่วน
00:10:08 → 00:10:11 อีกกลุ่มนึงก็คือกลุ่มที่ใช้ยาจำพวก
00:10:11 → 00:10:14 ฮอร์โมนโดยเฉพาะอ่าฮอร์โมนพวกเอสโตรเจนนะ
00:10:14 → 00:10:18 ครับทั้งในกลุ่มที่ใช้ในการคุมกำเนิดแล้ว
00:10:18 → 00:10:20 ก็ใช้เพื่อการรักษาอย่างเช่นรักษารม
00:10:20 → 00:10:22 มะเร็งเตนมส่วนกลุ่มสุดท้ายเนี่ยคือกลุ่ม
00:10:22 → 00:10:26 ที่ 3 เนี่ยก็คือกลุ่มที่พบว่ามันมีการ
00:10:26 → 00:10:29 บีบตัวของถูกนดีลดลงซึ่งเราจะมักจะเจอใน
00:10:29 → 00:10:32 คนไข้ที่ 1 เป็นโรคเบาหวานกลุ่มที่ 2 ก็
00:10:32 → 00:10:36 คือคนไข้ที่มีการถือศีลอดหรือว่ามีการอด
00:10:36 → 00:10:39 อาหารเป็นเวลานานๆครับผมแล้วกลุ่มสุดท้าย
00:10:39 → 00:10:43 เนี่ยก็คือคนไข้ในกลุ่มที่มีการลดน้ำหนัก
00:10:43 → 00:10:46 อย่างรวดเร็วเกินไปรงนิ่วในถุงน้ำดีจะมี
00:10:46 → 00:10:49 อาการอย่างไรบ้างคะตัวอาการของภาวะนิ่วใน
00:10:49 → 00:10:51 ถุงน้ำดีอ่ะครับโดยส่วนใหญ่แล้วเนี่ยมัก
00:10:51 → 00:10:53 จะแสดงอาการเริ่มแร่ด้วยเรื่องของการปวด
00:10:54 → 00:10:56 ท้องเป็นหลักนะครับแต่ว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว
00:10:57 → 00:10:59 เนี่ยอาการเนี่ยจะค่อนข้างจำแนกจากโรกโรค
00:10:59 → 00:11:02 อื่นๆได้ยากโดยเฉพาะโรคกระเพาะนะครับแต่
00:11:02 → 00:11:05 ลักษณะเด่นที่สำคัญเลยของภาวะอ่าปวดท้อง
00:11:05 → 00:11:07 จากนิ่วในถุงน้ำดีที่เราเจอบ่อยๆเนี่ยก็
00:11:07 → 00:11:11 คือคนไข้มักจะมีอาการปวดจุกแน่นท้องโดย
00:11:11 → 00:11:14 เฉพาะบริเวณตรงจุกอ่าตรงใต้ลิ้นปีกนะครับ
00:11:14 → 00:11:17 หรือว่าตรงใต้ชายโคงขวาเป็นหลักอาการ
00:11:17 → 00:11:19 เนี่ยมักจะกำเริบหลังจากที่ทานอาหารโดย
00:11:19 → 00:11:23 เฉพาะอาหารมันๆหรือว่ามื้อใหญ่ๆนะครับผม
00:11:23 → 00:11:25 แล้วก็อาการเนี้ยมักจะคงอยู่นานเป็น
00:11:25 → 00:11:29 ชั่วโมงเลยจนกว่าจะอาการถึงจะค่อยๆดีขึ้น
00:11:29 → 00:11:32 นะครับแล้วจะวินิจฉัยโรคนิ่วในถุงน้ำดี
00:11:32 → 00:11:35 ได้อย่างไรบ้างคะการวินิจฉัยภาวะนิ่วใน
00:11:35 → 00:11:38 ถุงน้ำดีอ่ะครับเราก็จะเริ่มต้นจากอาการ
00:11:38 → 00:11:41 เป็นหลักนะครับผมอาการที่สงสัยว่าน่าจะมี
00:11:41 → 00:11:43 ปัญหาเรื่องกับนิ่วในถุงดาบีแล้วทำให้
00:11:43 → 00:11:46 เกิดภาวะแทรกซ้อนเนี่ย 1 ก็คืออาการปวด
00:11:46 → 00:11:49 จุกแน่นท้องตรงบริเวณลิ้นปี่หรือว่าตงตรง
00:11:49 → 00:11:52 ใต้ชายโครงขวานะครับอาการเป็นหลังจากทาน
00:11:52 → 00:11:55 อาหารแล้วก็คงอยู่เป็นหลักชั่วโมงขึ้นไป
00:11:55 → 00:11:58 อ่ะครับผมซึ่งลักษณะแบบเนี้ยเป็นลักษณะ
00:11:58 → 00:12:01 ที่บงบอกบอกว่าเป็นอาการปวดจากนิ่วในถุง
00:12:01 → 00:12:03 น้ำดีซึ่งจะต้องแยกออกจากโรคกระเพาะหรือ
00:12:03 → 00:12:06 ว่าโรคกดไหลย้อนนะครับผมถ้าเมื่อไหร่ก็
00:12:06 → 00:12:10 ตามที่ผู้ป่วยนะครับมีอาการอย่างที่ที่
00:12:10 → 00:12:14 กล่าวมาครับให้อ่าปรึกษาแพทย์นะครับผมว่า
00:12:14 → 00:12:16 สงสัยว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับนิ่ว
00:12:16 → 00:12:18 ในถุงด้ำดีหรือเปล่าส่วนเรื่องของการ
00:12:18 → 00:12:21 วินิจฉัยเนี่ยก็จะอาจจะมีการตรวจเพิ่ม
00:12:21 → 00:12:24 เติมพิเศษด้วยการทำอัตสาวหรือว่าทำ xray
00:12:24 → 00:12:27 พวก CT สแกนหรือว่า MRI สแกนอย่างนี้ได้
00:12:27 → 00:12:30 เหมือนกันครับแต่ณปัจจุบันันเนี่ยเอ่อตัว
00:12:30 → 00:12:33 การตรวจที่สามารถช่วยวินิจฉัยเรื่องของ
00:12:33 → 00:12:35 นิ่้วในถุมน้ำดีได้ค่อนข้างดีเลยคือการทำ
00:12:35 → 00:12:38 อัลตร้าซาวช่องท้องอาจารย์คะเมื่อเป็นโรค
00:12:38 → 00:12:41 นิ่วในถุงน้ำดีทำไมถึงเป็นปัจจัยเสี่ยงทำ
00:12:41 → 00:12:44 ให้เกิดมะเร็งในถุงน้ำดีได้คะตัวมะเร็ง
00:12:44 → 00:12:48 ถุงน้ำดีอ่ะครับผมเป็นโรคที่เราเจอได้
00:12:48 → 00:12:51 ค่อนข้างน้อยแต่ว่าเป็นโรคที่รุนแรงโดย
00:12:51 → 00:12:53 ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยเมื่อไหร่ก็ตามที่คนไข้
00:12:54 → 00:12:55 เนี่ยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งถุง
00:12:55 → 00:12:58 น้ำดีเนี่ยมักจะมีอาการค่อนข้างรุนแรง
00:12:58 → 00:13:01 แล้วก็เข้าสู่ระยะท้ายๆแล้วนะครับส่วน
00:13:01 → 00:13:03 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้คนไข้ที่มีเรื่องของ
00:13:03 → 00:13:06 นิ่วในถุงน้ำดีแล้วมีความเสี่ยงในการเป็น
00:13:06 → 00:13:08 มะเร็งถุงน้ำดีมากขึ้นเนี่ย 1 เนื่องจาก
00:13:08 → 00:13:11 ตัวนิ่วในถุงน้ำดีเนี้ยอาจจะมีปัญหา
00:13:12 → 00:13:14 เรื่องของการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ
00:13:14 → 00:13:17 บริเวณทางเดินน้ำดีอาจจะทำให้เกิดถุงน้ำ
00:13:17 → 00:13:19 ดีอักเสบก็ได้นะครับท่อน้ำดีอักเสบหรือ
00:13:19 → 00:13:22 ว่าบริเวณตับอ่อนอักเสบได้เหมือนกันซึ่ง
00:13:22 → 00:13:24 การที่มีการอักเสบบริเวณดังกล่าวอยู่
00:13:24 → 00:13:27 เรื่อยๆอ่าบ่อยๆครับก็จะเป็นปัจจัยนึงที่
00:13:28 → 00:13:30 กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์และ
00:13:30 → 00:13:32 กลายเป็นเซลล์มะเร็งได้อยากให้อาจารย์
00:13:32 → 00:13:35 อธิบายว่าโรคนิ่วในถุงน้ำดีค่ะรักษาได้
00:13:35 → 00:13:38 อย่างไรบ้างคะการรักษานิ้วในถุงน้ำดีนะ
00:13:38 → 00:13:41 ครับนะปัจจุบันเนี่ยเราก็จะมีอ่า 3 วิธี
00:13:41 → 00:13:44 หลักๆนะครับนะ 1 วิธีที่เป็นมาตรฐานที่
00:13:44 → 00:13:47 สุดเลยก็คือการผัดตัดเอาถุงน้มดีออกพร้อม
00:13:47 → 00:13:50 กับนิ่วนะครับการที่เราตัดถุงน้มดีออกไป
00:13:51 → 00:13:53 แล้วเนี่ยในช่วงแรกเนี่ยก็อาจจะทำให้อ่า
00:13:53 → 00:13:55 ปริมาณน้ำดีที่ลงมาย่อยอาหารเนี่ยค่อน
00:13:55 → 00:13:59 ข้างช้าอาจจะทำให้ย่อยยากในช่วงระยะเวลา
00:13:59 → 00:14:02 แต่พอผ่านไปสักประมาณ 2-3 เดือนเนี่ยร่าง
00:14:02 → 00:14:04 กายก็จะเริ่มปรับตัวมากขึ้นทำให้สามารถ
00:14:04 → 00:14:08 ย่อยอาหารอ่าจำพวกไขมันหรือคอเลสเตอรอล
00:14:08 → 00:14:11 เนี่ยได้ดีขึ้นตัวนิ้วในถุงน้ำดีอ่ะครับ
00:14:11 → 00:14:15 ก็อ่าถ้าลักษณะภายนอกลักษณะของสีเนี่ยก็
00:14:15 → 00:14:18 คือจะแปรผันกับชนิดของนิ่วเลยโดยส่วนใหญ่
00:14:18 → 00:14:20 แล้วเนี่ยนิ่วในถุงน้ำดีที่เป็นชนิด
00:14:20 → 00:14:23 คอเลสเตอรอลเนี่ยมักจะมีสีเหลืองแล้วก็
00:14:24 → 00:14:27 ออกไปทางสีนวลๆมากกว่าครับแต่ว่าถ้าเป็น
00:14:27 → 00:14:30 นิ่วในกลุ่มที่เป็นนิ่วชนิดเม็ดสีที่เกิด
00:14:30 → 00:14:33 จากภาวะที่มีบรี่รูบินหรือค่าเหลืองใน
00:14:33 → 00:14:36 เลือดสูงเนี่ยมักจะเป็นสีคล้ำหรือว่าสีดำ
00:14:36 → 00:14:39 ได้นะครับหรือว่าถ้านิ่วเป็นนิ่วชนิดโคลน
00:14:39 → 00:14:42 เนี่ยก็อาจจะเป็นทั้งนิ่วที่เป็นน้ำโคลน
00:14:42 → 00:14:45 สีดำหรือว่าสีน้ำตาลได้เหมือนกันส่วนขนาด
00:14:45 → 00:14:48 ของนิวเนี่ยอ่าสามารถเป็นได้ตั้งแต่เป็น
00:14:48 → 00:14:51 เม็ดเล็กๆเหมือนเม็ดสไตลหรือว่าขนาดใหญ่
00:14:51 → 00:14:54 ขนาดถึง 2-3 ซมได้เหมือนกันและถ้าเป็นโรค
00:14:55 → 00:14:57 นิ่วในถุงน้ำดีจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร
00:14:58 → 00:15:00 และห้ามกินอาหารอะไรค่ะหลังจากที่เรา
00:15:00 → 00:15:04 รักษาเรื่องของอ่านิ่วในถุง้ำดีไปแล้วอ่ะ
00:15:04 → 00:15:06 ครับด้วยวิธีการผ่าตัดเนี่ยก็แนะนำว่า 1
00:15:06 → 00:15:09 ก็คือทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วนนะ
00:15:09 → 00:15:12 ครับแล้วก็ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอเพื่อ
00:15:13 → 00:15:16 ป้องกันอ่าตัวโรคแทรกซ้อนอื่นๆอย่างเช่น
00:15:16 → 00:15:19 ภาวะไขมันได้เลือดสูงโรคอ้วนโรคหัวใจพวก
00:15:19 → 00:15:22 เนี้ยครับแนะนำว่าให้ตรวจติดตามกับแพทย์
00:15:22 → 00:15:25 ที่รักษาอย่างต่อเนื่องหรือว่าตรวจสุขภาพ
00:15:25 → 00:15:28 อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งอยากให้อาจารย์ฝาก
00:15:28 → 00:15:31 ถึงการป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดีค่ะวิธี
00:15:32 → 00:15:34 การป้องกันที่เราแนะนำครับ 1 ก็คือเรื่อง
00:15:34 → 00:15:38 ของการบริโภคอาหารเป็นหลักนะครับนะพยายาม
00:15:38 → 00:15:40 ทานอาหารให้หลากหลายให้ได้สารอาหารครบ
00:15:40 → 00:15:43 ถ้วนนะครับแล้วก็หลีกเลี่ยงการบริโภค
00:15:43 → 00:15:45 อาหารจำพวกไขมันหรือว่ามีคอเลสเตอรอลสูง
00:15:45 → 00:15:48 ติดต่อกันเป็นเวลานานเพื่อป้องกันไม่ให้
00:15:48 → 00:15:51 เกิดภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง 2 ก็คือ
00:15:51 → 00:15:54 พยายามออกกำลังกายให้สม่ำเสมอเพื่อลดการ
00:15:54 → 00:15:58 สะสมไขมันในร่างกาย 3 ควรตรวจสุขภาพอย่าง
00:15:58 → 00:16:02 สม่ำเสมอหรือว่าตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1
00:16:02 → 00:16:04 ครั้งขอบพระคุณอาจารย์ที่มาให้ความรู้
00:16:04 → 00:16:07 ความเข้าใจในเรื่องของนิ้วในถุงน้ำดีค่ะ
00:16:07 → 00:16:10 และในช่วงนี้นะคะเราจะมารู้กันว่ากู้ระบบ
00:16:10 → 00:16:14 เผาผลาญลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีเพื่อที่จะ
00:16:14 → 00:16:17 ป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดีทำอย่างไรติดตาม
00:16:17 → 00:16:20 ชมพร้อมๆกันค่ะอย่างที่กล่าวไปแล้วในช่วง
00:16:20 → 00:16:23 ต้นรายการนะคะว่าไขมันส่วนเกินทำให้เกิด
00:16:23 → 00:16:25 ความเสี่ยงรกนิ่วในถุงน้ำดีเร็วกว่าที่
00:16:26 → 00:16:29 คิดโดยโรงพยาบาลพญาไทยได้ให้ข้อมูลไว้ดัง
00:16:29 → 00:16:33 ต่อไปนี้ไขมันส่วนเกินเป็นตัวการกระตุ้น
00:16:33 → 00:16:35 ให้เกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้เร็วขึ้น
00:16:35 → 00:16:38 สาเหตุจากพฤติกรรมการรับประทานที่เมื่อ
00:16:38 → 00:16:41 ร่างกายได้รับไขมันเข้าไปในปริมาณที่สูง
00:16:41 → 00:16:44 ขณะที่ตับซึ่งทำหน้าที่ผลิตน้ำดีออกมา
00:16:44 → 00:16:47 สลายไขมันได้ไม่เพียงพอทำให้ไขมันส่วน
00:16:47 → 00:16:49 หนึ่งที่ย่อยสลายไม่ทันนั้นต้องตกตะกอน
00:16:49 → 00:16:53 อยู่ภายในถุงน้ำดีจนจับตัวเป็นก้อนนิ่ตาม
00:16:53 → 00:16:56 มารวมถึงภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกินมาตรฐาน
00:16:56 → 00:16:59 ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคนิ่วในถุง
00:16:59 → 00:17:02 น้ำดีเพราะมีระดับคอเลสเตอรอลที่สูงโดย
00:17:02 → 00:17:05 วิธีการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีและกู้ระบบ
00:17:05 → 00:17:09 เพาพลานให้ดีทำได้ดังต่อไปนี้ค่ะการลดน้ำ
00:17:09 → 00:17:12 หนักอย่างถูกวิธีนอกจากจะช่วยปรับรักษา
00:17:12 → 00:17:16 ระบบการเผาผลานแล้วยังช่วยป้องกันโรคนิ่ว
00:17:16 → 00:17:19 ในถุงน้ำดีได้สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำ
00:17:19 → 00:17:22 หนักควรหลีกเลียกพฤติกรรมดังต่อไปนี้
00:17:22 → 00:17:26 พฤติกรรมการอดมื้อกินมื้อพฤติกรรมการ
00:17:26 → 00:17:29 เลือกรับประทานเฉพาะผักและผลไม้รวมไปถึง
00:17:29 → 00:17:32 พฤติกรรมที่งดการรับประทานคาร์โบไฮเดรต
00:17:32 → 00:17:37 และไขมันทั้งนี้เพื่อป้องกันระบบเผาผลาญ
00:17:37 → 00:17:39 พังนั่นเป็นเพราะว่าเมื่อรับประทานอาหาร
00:17:39 → 00:17:43 ปริมาณน้อยๆหรือรับประทานแต่ผักระบบย่อย
00:17:43 → 00:17:45 อาหารของเราจะเคยชินกับการย่อยอาหารกลุ่ม
00:17:45 → 00:17:48 นี้ในปริมาณเท่านี้และร่างกายก็จะปรับให้
00:17:48 → 00:17:51 ระบบการเาพล้านทำงานน้อยลงแต่เมื่อไหร่
00:17:51 → 00:17:54 ที่เรากลับมารับประทานอาหารกลุ่ม
00:17:54 → 00:17:57 คาร์โบไฮเดรตไขมันเพิ่มปริมาณของอาหาร
00:17:57 → 00:18:00 หรือหันมารับประทานทานอาหารมื้อเย็นจะ
00:18:00 → 00:18:02 กลายเป็นว่าน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นอย่างรวด
00:18:02 → 00:18:05 เร็วเพราะระบบเผาพลานไม่ตอบสนองและมักจะ
00:18:05 → 00:18:09 กลับมาลดน้ำหนักได้ยากขึ้นอีกนั่นเอง
00:18:09 → 00:18:12 สำหรับวิธีการปรับการรับประทานอาหารเพื่อ
00:18:12 → 00:18:16 การลดน้ำหนักที่ถูกต้องต้องทำดังนี้ควบ
00:18:16 → 00:18:19 คุมแคลอรีที่รับประทานในแต่ละวันโดยให้
00:18:19 → 00:18:23 ค่อยๆลดลงจากเดิมไม่เกิน 500 กลแคลอรี
00:18:23 → 00:18:25 เมื่อลดน้ำหนักได้สักระยะหนึ่งแล้วจึง
00:18:26 → 00:18:29 ค่อยลดจำนวนแคลอรีลงอีกเล็กน้อยอย่าเร่ง
00:18:29 → 00:18:32 ลดจำนวนแคลอรีมากเกินไปเพราะเมื่อร่างกาย
00:18:32 → 00:18:35 เคยได้รับแคลอรีต่อวันมากแล้วจู่ๆปริมาณ
00:18:35 → 00:18:39 แคลอรีลดลงอย่างรวดเร็วร่างกายจะเกิดการ
00:18:39 → 00:18:42 กักตุนไขมันไว้ใช้ในช่วงเวลาที่ได้รับ
00:18:42 → 00:18:45 พลังงานน้อยเกินไปมากๆนั่นเองให้ความ
00:18:45 → 00:18:48 สำคัญกับการรับประทานโปรตีนเพราะโปรตีน
00:18:48 → 00:18:51 นั้นมีส่วนสำคัญในการทำงานของระบบเผาผลาญ
00:18:51 → 00:18:54 ร่างกายจึงจำเป็นต้องได้รับโปรตีนเพียง
00:18:54 → 00:18:57 แต่ต้องเลือกเป็นโปรตีนที่มีไขมันต่ำเช่น
00:18:57 → 00:19:01 อกไก่เตาฮูถั่วหรืออาหารทะเลโดยรับประทาน
00:19:01 → 00:19:04 ในปริมาณที่เหมาะสมคือผู้หญิงควรได้รับ
00:19:04 → 00:19:08 โปรตีนประมาณ 46 กรัมต่อวันและผู้ชาย
00:19:08 → 00:19:12 ประมาณ 56 กรัมต่อวันสำหรับการคำนวณว่า
00:19:12 → 00:19:15 ปริมาณโปรตีนที่เราควรได้รับต่อวันเป็น
00:19:15 → 00:19:18 อย่างไรนั้นทำได้ง่ายๆดังนี้ค่ะแยกเป็น
00:19:18 → 00:19:21 เพศก่อนถ้าเป็นคุณผู้หญิงนะคะให้เอาส่วน
00:19:21 → 00:19:25 สูงที่เป็นเซนติเมตลบด้วย 110 ในขณะที่
00:19:25 → 00:19:27 ถ้าเป็นคุณผู้ชายค่ะให้เอาส่วนสูงที่เป็น
00:19:27 → 00:19:30 เซนติเมตลบด้วยด้วย 100 เช่นถ้าเป็นคุณ
00:19:30 → 00:19:35 ผู้หญิงนะคะสูง 160 ซมค่ะให้ - 110 =
00:19:35 → 00:19:38 50 นั่นหมายถึง 50 เนี่ยควรจะเป็นน้ำ
00:19:38 → 00:19:42 หนักที่เขาควรจะมีนะคะก็คือ 50 กกนั่นเอง
00:19:42 → 00:19:45 และโปรตีนที่ควรได้รับก็คือ 50 กรัมต่อ
00:19:45 → 00:19:49 วันในขณะที่คุณผู้ชายค่ะเช่นถ้าสูง 180
00:19:49 → 00:19:53 ซมค่ะให้-บ 100 ก็จะเป็น 80 กกนั่นหมาย
00:19:53 → 00:19:57 ถึงเา้าควรจะหนักแค่นี้ก็คือ 80 กกค่ะและ
00:19:57 → 00:19:59 โปรตีนที่ควรจะได้รับเฉลียเแล้วก็คือ 80
00:19:59 → 00:20:03 กรัมต่อวันนั่นเองค่ะเลี่ยงการรับประทาน
00:20:03 → 00:20:06 อาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตประเภทขัดสีเช่น
00:20:06 → 00:20:08 ขนมปังขาวข้าวขาวหรือเค้กเพราะ
00:20:08 → 00:20:11 คาร์โบไฮเดรตที่ถูกย่อยเป็นโมเลกุลเล็กๆ
00:20:11 → 00:20:14 จะกลายเป็นน้ำตาลหรือที่เราเรียกกันว่า
00:20:14 → 00:20:17 กลูโคสจะมีส่วนที่ถูกดุดซึมเข้าสู่กระแส
00:20:17 → 00:20:20 เลือดเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานตามอวัยวะ
00:20:20 → 00:20:23 ส่วนต่างๆและบางส่วนถูกเก็บเอาไว้ในตับ
00:20:23 → 00:20:26 และกล้ามเนื้อก่อนที่ตับจะเปลี่ยนน้ำตาล
00:20:26 → 00:20:29 นั้นให้เป็นไขมันเพื่อเก็บไว้เป็นพลังงาน
00:20:29 → 00:20:32 สำรองซึ่งหากเราไม่ได้ใช้ก็จะเกิดเป็นไข
00:20:32 → 00:20:35 มันสะสมและทำให้อ้วนได้นั่นเองรับประทาน
00:20:35 → 00:20:38 อาหารเช้าอย่าให้ขาดเพราะการรับประทาน
00:20:38 → 00:20:40 อาหารเช้าจะช่วยให้อัตราการเผาพลาญพลัง
00:20:40 → 00:20:43 งานของร่างกายเพิ่มขึ้นตลอดทั้งวันแต่
00:20:43 → 00:20:45 ทั้งนี้ควรเลือกรับประทานอาหารเช้าที่
00:20:45 → 00:20:47 เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนอุดมไปด้วย
00:20:47 → 00:20:50 โปรตีนสูงและไขมันต่ำไม่ใช่แค่การเลือก
00:20:50 → 00:20:53 รับประทานอาหารที่ถูกต้องเหมาะสมแต่การ
00:20:53 → 00:20:56 ออกกำลังกายก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยแก้ปัญหา
00:20:56 → 00:20:59 ไขมันส่วนเกินได้ที่สำสำคัญการลดน้ำหนัก
00:20:59 → 00:21:02 ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงนิ่้วในถุงน้ำดี
00:21:02 → 00:21:05 แต่ยังลดโอกาสเสี่ยงโรคได้อีกมากมายด้วย
00:21:05 → 00:21:09 เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับสาระสุขภาพดีๆ
00:21:09 → 00:21:12 ที่ t&n นำมาฝากคุณผู้ชมในวันนี้หวังเป็น
00:21:12 → 00:21:14 อย่างยิ่งว่าคุณผู้ชมจะสามารถนำสาระ
00:21:14 → 00:21:17 สุขภาพดีๆที่ได้ไปดูแลตัวเองและครอบครัว
00:21:17 → 00:21:20 ให้แข็งแรงกันท้วนหน้านะคะและขอบคุณคุณ
00:21:20 → 00:21:23 ผู้ชมค่ะที่ติดตามรับชมรายการ TE and
00:21:23 → 00:21:25 Health เป็นประจำค่ะอย่าลืมติดตามรับชม
00:21:25 → 00:21:27 รายการ TE and Health นะคะเวลาดีค่ะทุก
00:21:28 → 00:21:32 วันเสาร 15:00 น- 15:30 นที่นี่ TNN ช่อง
00:21:32 → 00:21:35 16 และที่สำคัญนะคะกดไลค์กดแชร์กด
00:21:35 → 00:21:37 Subscribe กดกระดิ่งติดตามเป็นกำลังใจ
00:21:37 → 00:21:40 ให้ TNN Health ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ค่ะ
00:21:40 → 00:21:42 ไม่ว่าจะเป็น YouTube tiktok Facebook
00:21:42 → 00:21:44 Instagram และ LINE official เพื่อที่
00:21:44 → 00:21:47 จะเข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกัน
00:21:47 → 00:21:50 รู้ทันโรคไปด้วยกันสำหรับวันนี้นะคะหมอ
00:21:50 → 00:21:52 ดาวและทีมงาน TNN Health ต้องขอตัวลาคุณ
00:21:53 → 00:21:56 ผู้ชมไปก่อนสวัสดีค่ะ
00:21:56 → 00:21:58 [เพลง]
00:21:58 → 00:22:00 เ
00:22:00 → 00:22:23 [เพลง]
00:00:01 → 00:00:06 โรคนิ่วในถุงน้ำดีจุดจบสายปิ้ง
00:00:06 → 00:00:10 ย่างโรคนิ่วในถุงน้ำดีความเสี่ยงที่มา
00:00:10 → 00:00:13 พร้อมกับไขมันและความ
00:00:13 → 00:00:17 อ้วนลดน้ำหนักถูกวิธีกู้ระบบเพ้าพลานลด
00:00:17 → 00:00:20 ความเสี่ยงโรคนิ่วในถุงน้ำดีติดตามเรื่อง
00:00:20 → 00:00:23 ราวทั้งหมดได้ในรายการ TNN Health วัน
00:00:23 → 00:00:30 นี้
00:00:30 → 00:00:33 สวัสดีค่ะขอต้อนรับเข้าสู่รายการ tean
00:00:33 → 00:00:35 and Health ค่ะเข้าถึงทุกสาระสุขภาพ
00:00:36 → 00:00:39 เสริมภูมิคุ้มกันรู้ทันโรคกับ tean แ He
00:00:39 → 00:00:42 และดิฉันหมอดาวแพทย์หญิงฉัดาวจังวังกร
00:00:42 → 00:00:45 แพทย์เฉพาะทางสาขาเวชศาสตร์ครอบครัวพร้อม
00:00:45 → 00:00:47 ที่จะรับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการพาคุณ
00:00:47 → 00:00:56 ผู้ชมมาเข้าถึงสาระสุขภาพดีๆกันค่ะ
00:00:56 → 00:01:04 [เพลง]
00:01:04 → 00:01:07 สำหรับวันนี้นะคะเราจะมารู้จักโรคนิ่วใน
00:01:07 → 00:01:10 ถุงน้ำดีกันหลายคนค่ะอาจจะไม่ได้สนใจว่า
00:01:10 → 00:01:13 โรคนี้มีความเกี่ยวข้องกับตัวเองอย่างไร
00:01:13 → 00:01:15 แต่เชื่อไหคะว่าการที่คุณผู้ชมค่ะมีท้อง
00:01:16 → 00:01:18 อืดท้องเฟ้อนะคะหรือว่าเวลาที่รับประทาน
00:01:18 → 00:01:21 อาหารไขมันแล้วรู้สึกแน่นท้องคุณอาจจะมี
00:01:21 → 00:01:24 เรื่องของโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้ไปติดตาม
00:01:24 → 00:01:27 พร้อมๆกันค่ะความเสี่ยงโรคนิ่วในถุงน้ำดี
00:01:27 → 00:01:31 มักจะมาพร้อมกับไขมันและความอ้วนโรคนิ่ว
00:01:31 → 00:01:33 ในถูกน้ำดีเคยพบได้มากในผู้ที่อายุมาก
00:01:33 → 00:01:36 กว่า 40 ปีขึ้นไปแต่ปัจจุบันมีแนวโน้มพบ
00:01:37 → 00:01:39 ได้มากขึ้นตั้งแต่อายุน้อยๆโดยพบในผู้
00:01:39 → 00:01:42 หญิงมากกว่าผู้ชายถึง 2 เท่าปัจจัยเสี่ยง
00:01:42 → 00:01:46 สำคัญของโรคนี้เกิดจากความอ้วนและ
00:01:46 → 00:01:48 พฤติกรรมการรับประทานอาหารที่มีไขมันและ
00:01:48 → 00:01:51 คอเลสเตอรอลสูงทำให้น้ำดีไม่สามารถช่วย
00:01:51 → 00:01:54 ย่อยอาหารกลุ่มไขมันและคอเลสเตอรอลที่สูง
00:01:54 → 00:01:57 เหล่านี้ได้หมดจึงเกิดการสะสมกลายเป็น
00:01:57 → 00:02:00 นิ่วขึ้นมาได้ดังนั้นพฤติกรรมชอบรับ
00:02:00 → 00:02:03 ประทานอาหารไขมันสูงเป็นประจำโดยเฉพาะของ
00:02:03 → 00:02:07 ทอดของปิ้งย่างเช่นหมูกระทะชาบูอาจส่งผล
00:02:07 → 00:02:10 ให้ความสมดุลของน้ำดีเสียไปเกิดก้อนผลึก
00:02:10 → 00:02:12 ขึ้นในถุงน้ำดีเกิดเป็นนิ่วในถุงน้ำดี
00:02:12 → 00:02:16 ขึ้นได้โรคนิ่วในถุงน้ำดีเป็นโรคในระบบ
00:02:16 → 00:02:19 ทางเดินน้ำดีที่พบได้บ่อยที่สุดโดยลักษณะ
00:02:19 → 00:02:22 นิวมี 3 ประเภทได้แก่นิวจากคอเลสเตอรอล
00:02:23 → 00:02:26 อาจเป็นสีเหลืองขาวเขียวเกิดจากการตก
00:02:26 → 00:02:29 ตะกอนไขมันเนื่องจากคอเลสเตอรอลเพิ่มมาก
00:02:29 → 00:02:32 ขึ้นในถุงน้ำดีนิ่วจากเม็ดสีอาจเป็นสี
00:02:32 → 00:02:36 คล้ำดำเกิดจากความผิดปกติของเลือดโลหิต
00:02:36 → 00:02:40 จางตับแข็งนิ่วโคลนเป็นลักษณะคล้ายโคลน
00:02:40 → 00:02:43 เหนียวหนืดเกิดจากการติดเชื้อใกล้ตับท่อ
00:02:44 → 00:02:47 น้ำดีตับอ่อนแล้วมีพฤติกรรมอะไรบ้างที่ทำ
00:02:47 → 00:02:51 ให้เสี่ยงการเป็นโรคนิ่วในถุงน้ดีคนที่
00:02:51 → 00:02:53 ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันอาหาร
00:02:53 → 00:02:57 คอเลสเตอรอลสูงพฤติกรรมรับประทานอาหาร
00:02:57 → 00:03:01 ประเภทกากใหญ่ไม่เพียงพอกินผักผลไม้น้อย
00:03:01 → 00:03:04 ผู้หญิงที่รับประทานยาคุมกำเนิดเป็นประจำ
00:03:04 → 00:03:06 จะเสี่ยงต่อการมีนิ่้วในถุงน้ำดีเนื่อง
00:03:07 → 00:03:09 จากฮอร์โมนเพชรหญิงที่ได้รับเพิ่มจากยา
00:03:09 → 00:03:11 อาจกระตุ้นการเพิ่มคล้องปริมาณ
00:03:11 → 00:03:14 คอเลสเตอรอลในน้ำดีส่งผลให้เกิดการตก
00:03:14 → 00:03:18 ตะกอนกลายเป็นก้อนนิ่วได้ง่ายการรับ
00:03:18 → 00:03:21 ประทานยาลดไขมันบางชนิดคนที่เร่งลดน้ำ
00:03:21 → 00:03:24 หนักเพราะจะทำให้ตับมีการหลั่งของ
00:03:24 → 00:03:27 คอเลสเตอรอลออกมามากขึ้นส่วนถุงน้ำดีก็จะ
00:03:27 → 00:03:30 บีบตัวน้อยลงดังนั้นจึงมีน้ำดีค้างอยู่ใน
00:03:30 → 00:03:34 ถุงน้ำดีดีมากขึ้นและนานขึ้นมีโอกาสตก
00:03:34 → 00:03:36 ตะกอนจับตัวกันมากขึ้นตามไปด้วยโดย
00:03:36 → 00:03:38 พฤติกรรมเหล่านี้อาจไปเพิ่มปริมาณของ
00:03:38 → 00:03:42 โคเลสเตอรอลหรือบิลี่รูบินในน้ำดีทำให้มี
00:03:42 → 00:03:45 สัดส่วนที่สูงกว่าปกติและปัจจัยบางส่วนก็
00:03:45 → 00:03:48 ทำให้ถุงน้ำดีบีบขับน้ำดีได้น้อยลงทำให้
00:03:48 → 00:03:52 น้ำดีคั่งค้างและจับเป็นผลึกนิ่วใครคือ
00:03:52 → 00:03:55 กลุ่มเสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีนอกจาก
00:03:55 → 00:03:57 พฤติกรรมที่เพิ่มความเสี่ยงให้เกิดนิ่้ว
00:03:57 → 00:04:00 ในถุงน้ำดีแล้วยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆดัง
00:04:00 → 00:04:03 ต่อไปนี้ที่อาจเสี่ยงต่อการมีนิ่วในถุง
00:04:03 → 00:04:06 น้ำดีเพิ่มขึ้นได้เช่นผู้ที่มีน้ำหนักตัว
00:04:06 → 00:04:10 มากผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไปหลาย
00:04:10 → 00:04:14 คนอาจสงสัยว่าทำไมนิ่วในถุงน้ำดีพบมากใน
00:04:14 → 00:04:17 ผู้หญิงโดยเฉพาะผู้หญิงวัย 40 ปีนั่นเป็น
00:04:17 → 00:04:20 เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนมีส่วนทำให้
00:04:20 → 00:04:23 คอเลสเตอรอลในน้ำดีสูงขึ้นเพศหญิงมีโอกาส
00:04:23 → 00:04:26 เป็นมากกว่าเพศชายเนื่องจากฮอร์โมน
00:04:26 → 00:04:29 เอสโตรเจนและการตั้งครรภ์มีผลต่อการเพิ่ม
00:04:29 → 00:04:31 ปริมาณโคเลสเตอรอลและลดการเคลื่อนตัวของ
00:04:31 → 00:04:34 ถุงน้ำดีทำให้เป็นนิ่วได้ง่ายขึ้นผู้ป่วย
00:04:35 → 00:04:38 โรคเลือดบางชนิดที่มีการแตกตัวของเมลแดง
00:04:38 → 00:04:42 เร็วกว่าปกติเช่นโรคซีเมียผู้ป่วยโรคเบา
00:04:42 → 00:04:44 หวานเพราะถุงน้ำดีจะมีการบีบตัวน้อยลงใน
00:04:44 → 00:04:48 ผู้ที่มีน้ำตาลในเลือดสูงกรพันธ์โดยเฉพาะ
00:04:48 → 00:04:50 ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนิ่ว
00:04:50 → 00:04:54 ในถุงน้ำดีมาก่อนอาการของโรคนิ่วในถุงน้ำ
00:04:54 → 00:04:57 ดีสังเกตได้ดังนี้อาการในช่วงแรกถ้ายัง
00:04:57 → 00:05:01 ไม่รุนแรงมากมักจะเกิดขึ้นเป็นระยะๆะโดย
00:05:01 → 00:05:04 เฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รับประทานอาหาร
00:05:04 → 00:05:07 ที่มีไขมันสูงเข้าไปซึ่งจะไปกระตุ้นให้
00:05:07 → 00:05:10 เกิดอาการบวมตึงในถุงเพราะการคั่งของของ
00:05:10 → 00:05:15 เหลวมีลักษณะอาการที่สังเกตได้ดังนี้ท้อง
00:05:15 → 00:05:18 อืดท้องเฟ้อเหมือนมีลมอยู่ข้างในข้อ
00:05:18 → 00:05:21 สังเกตคือมักจะมีอาการหลังรับประทานอาหาร
00:05:21 → 00:05:24 มันๆหรือช่วงเวลากลางคืนและมักจะเป็นอยู่
00:05:24 → 00:05:28 1-2 ชั่วโมงก็หายและขณะมีอาการผู้ป่วยจะ
00:05:28 → 00:05:31 ยังพอขยับตัวได้แน่นท้องหลังรับประทาน
00:05:31 → 00:05:34 อาหารโดยเฉพาะหลังรับประทานอาหารที่มีไข
00:05:34 → 00:05:38 มันมากปวดท้องข้างขวาหรือใต้ชายโครงขวา
00:05:38 → 00:05:41 เป็นครั้งเป็นคราวปวดท้องข้างขวาอย่าง
00:05:41 → 00:05:45 รุนแรงและมักจะปวดร้าวไปถึงสะบักด้านขวา
00:05:45 → 00:05:49 ร่วมด้วยมีไข้สูงเฉียบพลันในกรณีที่มีการ
00:05:49 → 00:05:52 อักเสบของถุงน้ำดีอย่างเฉียบพลันคลื่นไส้
00:05:52 → 00:05:57 อาเจียนตัวเหลืองตาเหลืองปัสสาวะมีสีเข้ม
00:05:57 → 00:06:00 อุจจาระมีสีซีดลงเนื่องจากลำไส้ขาดน้ำดี
00:06:01 → 00:06:03 อย่างไรก็ตามคนที่มีนิ่วในถุงน้ำดีอาจไม่
00:06:03 → 00:06:06 มีอาการแสดงข้างต้นเพราะอาจมีก้อนนิ่วที่
00:06:06 → 00:06:09 เล็กหรือฝังตัวอยู่ลึกในก้นถูกน้ำดีก็
00:06:09 → 00:06:11 เป็นได้ค่ะแต่หากก้อนนิ่วออกมาอุดกั้น
00:06:11 → 00:06:15 บริเวณท่อน้ำดีอาการแสดงจะค่อนข้างชัด
00:06:15 → 00:06:19 เช่นมีอาการปวดท้องเฉียบพลันและรุนแรงปวด
00:06:19 → 00:06:21 ท้องในลักษณะปวดบิดเกร็งโดยแต่ละครั้งจะ
00:06:21 → 00:06:26 มีอาการปวดนานประมาณ 15-30 นาทีหรือนาน
00:06:26 → 00:06:29 กว่า 2-6 ชมงเลยก็ได้แต่อาการปวดท้อง
00:06:29 → 00:06:32 เนื่องจากนิ่วในถุงน้ำดีจะเป็นๆหายๆมัก
00:06:32 → 00:06:35 ไม่ใช่อาการปวดท้องทุกวันจะตรวจพบว่ามี
00:06:35 → 00:06:38 นิ่วก็ต่อเมื่ออัตซาวทั้งนี้ก้อนนิ่วที่
00:06:38 → 00:06:41 ตกตะกอนอาจมีขนาดเล็กเท่าเม็ดทรายหรือ
00:06:41 → 00:06:44 ใหญ่เท่าลูกกอล์ฟจำนวนมีได้ตั้งแต่ 1
00:06:44 → 00:06:47 ก้อนไปจนถึงหลายร้อยก้อนก็ได้หากมีขนาด
00:06:47 → 00:06:50 ใหญ่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดมะเร็งถุง
00:06:50 → 00:06:54 น้ำดีได้ทั้งนี้ค่ะหลายคนอาจจะเคยได้ยิน
00:06:54 → 00:06:58 เสียงข่าวลืมอค่ะว่าการรับประทานชานมไข่
00:06:58 → 00:07:01 มุก 2-3 แก้วต่อวันต่อเนื่องกันจะทำให้
00:07:01 → 00:07:04 เสี่ยงเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีซึ่งตรงนี้
00:07:04 → 00:07:07 ค่ะกระทรวงสาธารณสุขค่ะได้มีข้อความออกมา
00:07:07 → 00:07:11 แถลงโดยที่บอกว่าข้อมูลนี้มีความบิดเบือน
00:07:11 → 00:07:15 ค่ะกรณีที่มีการส่งต่อข้อมูลว่าการรับ
00:07:15 → 00:07:18 ประทานชานมไข่มุกวันละ 2-3 แก้วเป็นระยะ
00:07:18 → 00:07:21 เวลานานทำให้เป็นนิ่วในถุงน้ำดีนั้นทาง
00:07:21 → 00:07:24 กรมอนามัยกระทรวงสาธารณะสุขได้ตรวจสอบข้อ
00:07:24 → 00:07:28 มูลและชี้แจงว่าชานมไข่มุกและน้ำหวานอาจ
00:07:28 → 00:07:31 ไม่ได้เป็นสายสาเหตโดยตรงเพราะว่าโรคนิ่ว
00:07:31 → 00:07:35 นั้นมาจากหลายสาเหตุซึ่งอาหารและเครื่อง
00:07:35 → 00:07:38 ดื่มจะเป็นส่วนหนึ่งหรือเป็นปัจจัยเสี่ยง
00:07:38 → 00:07:41 ที่อาจทำให้เกิดโรคได้มากขึ้นโดยเฉพาะ
00:07:41 → 00:07:44 อาหารทอดอาหารมันอาหารหวานจำพวกที่มีไข
00:07:44 → 00:07:48 มันสูงซึ่งอาหารจำพวกนี้มีส่วนประกอบที่
00:07:48 → 00:07:52 ทำให้เกิดภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วนโดย
00:07:52 → 00:07:54 คนอ้วนจะมีโอกาสเกิดนิ่วจากคอเลสเตอรอล
00:07:54 → 00:07:57 ได้มากขึ้นเนื่องจากคอเลสเตอรอลเพิ่มมาก
00:07:57 → 00:08:00 ขึ้นในถุงน้ำดีดีแต่การเบียบตัวของถุงน้ำ
00:08:00 → 00:08:03 ดีลดลงและในช่วงนี้ค่ะเราจะไปพูดคุยกับ
00:08:03 → 00:08:06 แพทย์ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องของการรับมือ
00:08:06 → 00:08:09 โรคนิ่วในถุงน้ำดี
00:08:09 → 00:08:12 กันสวัสดีค่ะอาจารย์ขอเริ่มที่คำถามแรก
00:08:12 → 00:08:13 เลยนะ
00:08:13 → 00:08:19 [เพลง]
00:08:19 → 00:08:23 คะอุบัติการของโรคนิ่วในถุงน้ำดีเป็น
00:08:23 → 00:08:27 อย่างไรคะโรคนิ่วในถุงน้ำดีนะครับผมก็โดย
00:08:27 → 00:08:30 ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยเราจะพบในเอ่อกลุ่มอายุ
00:08:30 → 00:08:34 ช่วงประมาณ 40-60 ปีครับผมแล้วก็อ่าโดย
00:08:34 → 00:08:36 สถิติแล้วเนี่ยเราจะเจอในคนไข้ที่อ่าเป็น
00:08:36 → 00:08:39 เพศหญิงมากกว่าเพศชายครับโดยอัตราส่วน
00:08:39 → 00:08:41 เนี่ยผู้หญิงเนี่ยจะมีความเสี่ยงในการ
00:08:42 → 00:08:44 เป็นโร่งนิ่วในถุงดดีเนี่ยมากกว่าผู้ชาย
00:08:44 → 00:08:47 ประมาณ 1.5 เท่าครับแล้วสาเหตุของโรคนิ่ว
00:08:47 → 00:08:50 ในถุงน้ำดีเกิดจากอะไรได้บ้างโดยส่วนใหญ่
00:08:50 → 00:08:53 แล้วเนี่ยนิ่วที่เราพบกันนะครับจะมีทั้ง
00:08:53 → 00:08:55 หมด 3 ชนิดใหญ่ๆครับชนิดที่เจอมากที่สุด
00:08:55 → 00:08:58 เลยก็คือเป็นนิ้วชนิดที่เป็นคอเลสเตอรอล
00:08:58 → 00:09:00 นะครับผมกลุ่มนี้นี้เราเจอค่อนข้างเยอะ
00:09:00 → 00:09:03 ครับประมาณ 80% ของเคสทั้งหมดเลยนะครับ
00:09:03 → 00:09:06 ส่วนใหญ่แล้วก็คือจะเกี่ยวข้องกับภาวะไข
00:09:06 → 00:09:08 มันในเลือดสูงแล้วก็ภาวะคอเลสเตอรอลใน
00:09:08 → 00:09:11 เลื่อนสูเป็นเป็นส่วนใหญ่เลยครับผมรับ
00:09:11 → 00:09:13 ประทานหมูกระทะค่ะอาจารย์เพิ่มความเสี่ยง
00:09:13 → 00:09:16 ในการเป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีใช่หรือไม่คะ
00:09:16 → 00:09:18 เราต้องกลับไปดูที่สาเหตุนะครับเพราะว่า
00:09:18 → 00:09:20 อย่างที่แจ้งไปครับว่าส่วนใหญ่แล้วเนี่ย
00:09:20 → 00:09:22 ตัวนิ่วที่เราเจอเนี่ยเป็นนิ่ว
00:09:22 → 00:09:25 คอเลสเตอรอลเพราะฉะนั้นเนี่ยอ่าสาเหตุ
00:09:25 → 00:09:28 อะไรก็ตามที่ทำให้เกิดภาวะไขมันหรือว่า
00:09:28 → 00:09:30 คอเลสเตอรอลในเลือดขึ้นสูงบ่อยๆหรือว่า
00:09:31 → 00:09:33 เป็นเวลานานเนี่ยก็จะส่งผลทำให้เกิดนิ่ว
00:09:33 → 00:09:35 ได้เพราะฉะนั้นเนี่ยตัวหมูกระทะเองเนี่ย
00:09:35 → 00:09:38 อาจจะไม่ได้เป็นปัจจัยหลักนะครับที่ทำให้
00:09:38 → 00:09:41 ให้เกิดเรื่องของนิ้วได้ทีนี้เราอาจจะ
00:09:41 → 00:09:43 ต้องไปดูเรื่องของส่วนประกอบของอาหารที่
00:09:43 → 00:09:47 เรารับประทานเข้าไปอาหารทุกชนิดที่มีไข
00:09:47 → 00:09:49 มันสูงหรือให้สารอาหารจำพวกคอเลสเตอรอล
00:09:49 → 00:09:51 หรือไขมันสูงเนี่ยก็สามารถกระตุ้นให้เกิด
00:09:51 → 00:09:53 นิ่วได้ครับโดยส่วนใหญ่แล้วก็เกิดจาก
00:09:53 → 00:09:56 พฤติกรรมการกินแล้วก็การบริโภคอาหารเป็น
00:09:56 → 00:09:59 หลักใครคือกลุ่มเสี่ยงของการเป็นโรคนิ่ว
00:09:59 → 00:10:02 ในถุงน้ำดีเราก็ยังเจออีกอ่าในคนไข้ใน
00:10:02 → 00:10:05 กลุ่มที่มีปัญหาเรื่องของภาวะไขมันใน
00:10:05 → 00:10:08 เลือดสูงมีไขมันในเลือดสูงตลอดเวลาส่วน
00:10:08 → 00:10:11 อีกกลุ่มนึงก็คือกลุ่มที่ใช้ยาจำพวก
00:10:11 → 00:10:14 ฮอร์โมนโดยเฉพาะอ่าฮอร์โมนพวกเอสโตรเจนนะ
00:10:14 → 00:10:18 ครับทั้งในกลุ่มที่ใช้ในการคุมกำเนิดแล้ว
00:10:18 → 00:10:20 ก็ใช้เพื่อการรักษาอย่างเช่นรักษารม
00:10:20 → 00:10:22 มะเร็งเตนมส่วนกลุ่มสุดท้ายเนี่ยคือกลุ่ม
00:10:22 → 00:10:26 ที่ 3 เนี่ยก็คือกลุ่มที่พบว่ามันมีการ
00:10:26 → 00:10:29 บีบตัวของถูกนดีลดลงซึ่งเราจะมักจะเจอใน
00:10:29 → 00:10:32 คนไข้ที่ 1 เป็นโรคเบาหวานกลุ่มที่ 2 ก็
00:10:32 → 00:10:36 คือคนไข้ที่มีการถือศีลอดหรือว่ามีการอด
00:10:36 → 00:10:39 อาหารเป็นเวลานานๆครับผมแล้วกลุ่มสุดท้าย
00:10:39 → 00:10:43 เนี่ยก็คือคนไข้ในกลุ่มที่มีการลดน้ำหนัก
00:10:43 → 00:10:46 อย่างรวดเร็วเกินไปรงนิ่วในถุงน้ำดีจะมี
00:10:46 → 00:10:49 อาการอย่างไรบ้างคะตัวอาการของภาวะนิ่วใน
00:10:49 → 00:10:51 ถุงน้ำดีอ่ะครับโดยส่วนใหญ่แล้วเนี่ยมัก
00:10:51 → 00:10:53 จะแสดงอาการเริ่มแร่ด้วยเรื่องของการปวด
00:10:54 → 00:10:56 ท้องเป็นหลักนะครับแต่ว่าโดยส่วนใหญ่แล้ว
00:10:57 → 00:10:59 เนี่ยอาการเนี่ยจะค่อนข้างจำแนกจากโรกโรค
00:10:59 → 00:11:02 อื่นๆได้ยากโดยเฉพาะโรคกระเพาะนะครับแต่
00:11:02 → 00:11:05 ลักษณะเด่นที่สำคัญเลยของภาวะอ่าปวดท้อง
00:11:05 → 00:11:07 จากนิ่วในถุงน้ำดีที่เราเจอบ่อยๆเนี่ยก็
00:11:07 → 00:11:11 คือคนไข้มักจะมีอาการปวดจุกแน่นท้องโดย
00:11:11 → 00:11:14 เฉพาะบริเวณตรงจุกอ่าตรงใต้ลิ้นปีกนะครับ
00:11:14 → 00:11:17 หรือว่าตรงใต้ชายโคงขวาเป็นหลักอาการ
00:11:17 → 00:11:19 เนี่ยมักจะกำเริบหลังจากที่ทานอาหารโดย
00:11:19 → 00:11:23 เฉพาะอาหารมันๆหรือว่ามื้อใหญ่ๆนะครับผม
00:11:23 → 00:11:25 แล้วก็อาการเนี้ยมักจะคงอยู่นานเป็น
00:11:25 → 00:11:29 ชั่วโมงเลยจนกว่าจะอาการถึงจะค่อยๆดีขึ้น
00:11:29 → 00:11:32 นะครับแล้วจะวินิจฉัยโรคนิ่วในถุงน้ำดี
00:11:32 → 00:11:35 ได้อย่างไรบ้างคะการวินิจฉัยภาวะนิ่วใน
00:11:35 → 00:11:38 ถุงน้ำดีอ่ะครับเราก็จะเริ่มต้นจากอาการ
00:11:38 → 00:11:41 เป็นหลักนะครับผมอาการที่สงสัยว่าน่าจะมี
00:11:41 → 00:11:43 ปัญหาเรื่องกับนิ่วในถุงดาบีแล้วทำให้
00:11:43 → 00:11:46 เกิดภาวะแทรกซ้อนเนี่ย 1 ก็คืออาการปวด
00:11:46 → 00:11:49 จุกแน่นท้องตรงบริเวณลิ้นปี่หรือว่าตงตรง
00:11:49 → 00:11:52 ใต้ชายโครงขวานะครับอาการเป็นหลังจากทาน
00:11:52 → 00:11:55 อาหารแล้วก็คงอยู่เป็นหลักชั่วโมงขึ้นไป
00:11:55 → 00:11:58 อ่ะครับผมซึ่งลักษณะแบบเนี้ยเป็นลักษณะ
00:11:58 → 00:12:01 ที่บงบอกบอกว่าเป็นอาการปวดจากนิ่วในถุง
00:12:01 → 00:12:03 น้ำดีซึ่งจะต้องแยกออกจากโรคกระเพาะหรือ
00:12:03 → 00:12:06 ว่าโรคกดไหลย้อนนะครับผมถ้าเมื่อไหร่ก็
00:12:06 → 00:12:10 ตามที่ผู้ป่วยนะครับมีอาการอย่างที่ที่
00:12:10 → 00:12:14 กล่าวมาครับให้อ่าปรึกษาแพทย์นะครับผมว่า
00:12:14 → 00:12:16 สงสัยว่าอาจจะมีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับนิ่ว
00:12:16 → 00:12:18 ในถุงด้ำดีหรือเปล่าส่วนเรื่องของการ
00:12:18 → 00:12:21 วินิจฉัยเนี่ยก็จะอาจจะมีการตรวจเพิ่ม
00:12:21 → 00:12:24 เติมพิเศษด้วยการทำอัตสาวหรือว่าทำ xray
00:12:24 → 00:12:27 พวก CT สแกนหรือว่า MRI สแกนอย่างนี้ได้
00:12:27 → 00:12:30 เหมือนกันครับแต่ณปัจจุบันันเนี่ยเอ่อตัว
00:12:30 → 00:12:33 การตรวจที่สามารถช่วยวินิจฉัยเรื่องของ
00:12:33 → 00:12:35 นิ่้วในถุมน้ำดีได้ค่อนข้างดีเลยคือการทำ
00:12:35 → 00:12:38 อัลตร้าซาวช่องท้องอาจารย์คะเมื่อเป็นโรค
00:12:38 → 00:12:41 นิ่วในถุงน้ำดีทำไมถึงเป็นปัจจัยเสี่ยงทำ
00:12:41 → 00:12:44 ให้เกิดมะเร็งในถุงน้ำดีได้คะตัวมะเร็ง
00:12:44 → 00:12:48 ถุงน้ำดีอ่ะครับผมเป็นโรคที่เราเจอได้
00:12:48 → 00:12:51 ค่อนข้างน้อยแต่ว่าเป็นโรคที่รุนแรงโดย
00:12:51 → 00:12:53 ส่วนใหญ่แล้วเนี่ยเมื่อไหร่ก็ตามที่คนไข้
00:12:54 → 00:12:55 เนี่ยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งถุง
00:12:55 → 00:12:58 น้ำดีเนี่ยมักจะมีอาการค่อนข้างรุนแรง
00:12:58 → 00:13:01 แล้วก็เข้าสู่ระยะท้ายๆแล้วนะครับส่วน
00:13:01 → 00:13:03 ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้คนไข้ที่มีเรื่องของ
00:13:03 → 00:13:06 นิ่วในถุงน้ำดีแล้วมีความเสี่ยงในการเป็น
00:13:06 → 00:13:08 มะเร็งถุงน้ำดีมากขึ้นเนี่ย 1 เนื่องจาก
00:13:08 → 00:13:11 ตัวนิ่วในถุงน้ำดีเนี้ยอาจจะมีปัญหา
00:13:12 → 00:13:14 เรื่องของการกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ
00:13:14 → 00:13:17 บริเวณทางเดินน้ำดีอาจจะทำให้เกิดถุงน้ำ
00:13:17 → 00:13:19 ดีอักเสบก็ได้นะครับท่อน้ำดีอักเสบหรือ
00:13:19 → 00:13:22 ว่าบริเวณตับอ่อนอักเสบได้เหมือนกันซึ่ง
00:13:22 → 00:13:24 การที่มีการอักเสบบริเวณดังกล่าวอยู่
00:13:24 → 00:13:27 เรื่อยๆอ่าบ่อยๆครับก็จะเป็นปัจจัยนึงที่
00:13:28 → 00:13:30 กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเซลล์และ
00:13:30 → 00:13:32 กลายเป็นเซลล์มะเร็งได้อยากให้อาจารย์
00:13:32 → 00:13:35 อธิบายว่าโรคนิ่วในถุงน้ำดีค่ะรักษาได้
00:13:35 → 00:13:38 อย่างไรบ้างคะการรักษานิ้วในถุงน้ำดีนะ
00:13:38 → 00:13:41 ครับนะปัจจุบันเนี่ยเราก็จะมีอ่า 3 วิธี
00:13:41 → 00:13:44 หลักๆนะครับนะ 1 วิธีที่เป็นมาตรฐานที่
00:13:44 → 00:13:47 สุดเลยก็คือการผัดตัดเอาถุงน้มดีออกพร้อม
00:13:47 → 00:13:50 กับนิ่วนะครับการที่เราตัดถุงน้มดีออกไป
00:13:51 → 00:13:53 แล้วเนี่ยในช่วงแรกเนี่ยก็อาจจะทำให้อ่า
00:13:53 → 00:13:55 ปริมาณน้ำดีที่ลงมาย่อยอาหารเนี่ยค่อน
00:13:55 → 00:13:59 ข้างช้าอาจจะทำให้ย่อยยากในช่วงระยะเวลา
00:13:59 → 00:14:02 แต่พอผ่านไปสักประมาณ 2-3 เดือนเนี่ยร่าง
00:14:02 → 00:14:04 กายก็จะเริ่มปรับตัวมากขึ้นทำให้สามารถ
00:14:04 → 00:14:08 ย่อยอาหารอ่าจำพวกไขมันหรือคอเลสเตอรอล
00:14:08 → 00:14:11 เนี่ยได้ดีขึ้นตัวนิ้วในถุงน้ำดีอ่ะครับ
00:14:11 → 00:14:15 ก็อ่าถ้าลักษณะภายนอกลักษณะของสีเนี่ยก็
00:14:15 → 00:14:18 คือจะแปรผันกับชนิดของนิ่วเลยโดยส่วนใหญ่
00:14:18 → 00:14:20 แล้วเนี่ยนิ่วในถุงน้ำดีที่เป็นชนิด
00:14:20 → 00:14:23 คอเลสเตอรอลเนี่ยมักจะมีสีเหลืองแล้วก็
00:14:24 → 00:14:27 ออกไปทางสีนวลๆมากกว่าครับแต่ว่าถ้าเป็น
00:14:27 → 00:14:30 นิ่วในกลุ่มที่เป็นนิ่วชนิดเม็ดสีที่เกิด
00:14:30 → 00:14:33 จากภาวะที่มีบรี่รูบินหรือค่าเหลืองใน
00:14:33 → 00:14:36 เลือดสูงเนี่ยมักจะเป็นสีคล้ำหรือว่าสีดำ
00:14:36 → 00:14:39 ได้นะครับหรือว่าถ้านิ่วเป็นนิ่วชนิดโคลน
00:14:39 → 00:14:42 เนี่ยก็อาจจะเป็นทั้งนิ่วที่เป็นน้ำโคลน
00:14:42 → 00:14:45 สีดำหรือว่าสีน้ำตาลได้เหมือนกันส่วนขนาด
00:14:45 → 00:14:48 ของนิวเนี่ยอ่าสามารถเป็นได้ตั้งแต่เป็น
00:14:48 → 00:14:51 เม็ดเล็กๆเหมือนเม็ดสไตลหรือว่าขนาดใหญ่
00:14:51 → 00:14:54 ขนาดถึง 2-3 ซมได้เหมือนกันและถ้าเป็นโรค
00:14:55 → 00:14:57 นิ่วในถุงน้ำดีจะต้องดูแลตัวเองอย่างไร
00:14:58 → 00:15:00 และห้ามกินอาหารอะไรค่ะหลังจากที่เรา
00:15:00 → 00:15:04 รักษาเรื่องของอ่านิ่วในถุง้ำดีไปแล้วอ่ะ
00:15:04 → 00:15:06 ครับด้วยวิธีการผ่าตัดเนี่ยก็แนะนำว่า 1
00:15:06 → 00:15:09 ก็คือทานอาหารให้ได้สารอาหารครบถ้วนนะ
00:15:09 → 00:15:12 ครับแล้วก็ออกกำลังกายให้สม่ำเสมอเพื่อ
00:15:13 → 00:15:16 ป้องกันอ่าตัวโรคแทรกซ้อนอื่นๆอย่างเช่น
00:15:16 → 00:15:19 ภาวะไขมันได้เลือดสูงโรคอ้วนโรคหัวใจพวก
00:15:19 → 00:15:22 เนี้ยครับแนะนำว่าให้ตรวจติดตามกับแพทย์
00:15:22 → 00:15:25 ที่รักษาอย่างต่อเนื่องหรือว่าตรวจสุขภาพ
00:15:25 → 00:15:28 อย่างน้อยปีละ 1 ครั้งอยากให้อาจารย์ฝาก
00:15:28 → 00:15:31 ถึงการป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดีค่ะวิธี
00:15:32 → 00:15:34 การป้องกันที่เราแนะนำครับ 1 ก็คือเรื่อง
00:15:34 → 00:15:38 ของการบริโภคอาหารเป็นหลักนะครับนะพยายาม
00:15:38 → 00:15:40 ทานอาหารให้หลากหลายให้ได้สารอาหารครบ
00:15:40 → 00:15:43 ถ้วนนะครับแล้วก็หลีกเลี่ยงการบริโภค
00:15:43 → 00:15:45 อาหารจำพวกไขมันหรือว่ามีคอเลสเตอรอลสูง
00:15:45 → 00:15:48 ติดต่อกันเป็นเวลานานเพื่อป้องกันไม่ให้
00:15:48 → 00:15:51 เกิดภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง 2 ก็คือ
00:15:51 → 00:15:54 พยายามออกกำลังกายให้สม่ำเสมอเพื่อลดการ
00:15:54 → 00:15:58 สะสมไขมันในร่างกาย 3 ควรตรวจสุขภาพอย่าง
00:15:58 → 00:16:02 สม่ำเสมอหรือว่าตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละ 1
00:16:02 → 00:16:04 ครั้งขอบพระคุณอาจารย์ที่มาให้ความรู้
00:16:04 → 00:16:07 ความเข้าใจในเรื่องของนิ้วในถุงน้ำดีค่ะ
00:16:07 → 00:16:10 และในช่วงนี้นะคะเราจะมารู้กันว่ากู้ระบบ
00:16:10 → 00:16:14 เผาผลาญลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีเพื่อที่จะ
00:16:14 → 00:16:17 ป้องกันโรคนิ่วในถุงน้ำดีทำอย่างไรติดตาม
00:16:17 → 00:16:20 ชมพร้อมๆกันค่ะอย่างที่กล่าวไปแล้วในช่วง
00:16:20 → 00:16:23 ต้นรายการนะคะว่าไขมันส่วนเกินทำให้เกิด
00:16:23 → 00:16:25 ความเสี่ยงรกนิ่วในถุงน้ำดีเร็วกว่าที่
00:16:26 → 00:16:29 คิดโดยโรงพยาบาลพญาไทยได้ให้ข้อมูลไว้ดัง
00:16:29 → 00:16:33 ต่อไปนี้ไขมันส่วนเกินเป็นตัวการกระตุ้น
00:16:33 → 00:16:35 ให้เกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดีได้เร็วขึ้น
00:16:35 → 00:16:38 สาเหตุจากพฤติกรรมการรับประทานที่เมื่อ
00:16:38 → 00:16:41 ร่างกายได้รับไขมันเข้าไปในปริมาณที่สูง
00:16:41 → 00:16:44 ขณะที่ตับซึ่งทำหน้าที่ผลิตน้ำดีออกมา
00:16:44 → 00:16:47 สลายไขมันได้ไม่เพียงพอทำให้ไขมันส่วน
00:16:47 → 00:16:49 หนึ่งที่ย่อยสลายไม่ทันนั้นต้องตกตะกอน
00:16:49 → 00:16:53 อยู่ภายในถุงน้ำดีจนจับตัวเป็นก้อนนิ่ตาม
00:16:53 → 00:16:56 มารวมถึงภาวะอ้วนหรือน้ำหนักเกินมาตรฐาน
00:16:56 → 00:16:59 ยิ่งเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคนิ่วในถุง
00:16:59 → 00:17:02 น้ำดีเพราะมีระดับคอเลสเตอรอลที่สูงโดย
00:17:02 → 00:17:05 วิธีการลดน้ำหนักอย่างถูกวิธีและกู้ระบบ
00:17:05 → 00:17:09 เพาพลานให้ดีทำได้ดังต่อไปนี้ค่ะการลดน้ำ
00:17:09 → 00:17:12 หนักอย่างถูกวิธีนอกจากจะช่วยปรับรักษา
00:17:12 → 00:17:16 ระบบการเผาผลานแล้วยังช่วยป้องกันโรคนิ่ว
00:17:16 → 00:17:19 ในถุงน้ำดีได้สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำ
00:17:19 → 00:17:22 หนักควรหลีกเลียกพฤติกรรมดังต่อไปนี้
00:17:22 → 00:17:26 พฤติกรรมการอดมื้อกินมื้อพฤติกรรมการ
00:17:26 → 00:17:29 เลือกรับประทานเฉพาะผักและผลไม้รวมไปถึง
00:17:29 → 00:17:32 พฤติกรรมที่งดการรับประทานคาร์โบไฮเดรต
00:17:32 → 00:17:37 และไขมันทั้งนี้เพื่อป้องกันระบบเผาผลาญ
00:17:37 → 00:17:39 พังนั่นเป็นเพราะว่าเมื่อรับประทานอาหาร
00:17:39 → 00:17:43 ปริมาณน้อยๆหรือรับประทานแต่ผักระบบย่อย
00:17:43 → 00:17:45 อาหารของเราจะเคยชินกับการย่อยอาหารกลุ่ม
00:17:45 → 00:17:48 นี้ในปริมาณเท่านี้และร่างกายก็จะปรับให้
00:17:48 → 00:17:51 ระบบการเาพล้านทำงานน้อยลงแต่เมื่อไหร่
00:17:51 → 00:17:54 ที่เรากลับมารับประทานอาหารกลุ่ม
00:17:54 → 00:17:57 คาร์โบไฮเดรตไขมันเพิ่มปริมาณของอาหาร
00:17:57 → 00:18:00 หรือหันมารับประทานทานอาหารมื้อเย็นจะ
00:18:00 → 00:18:02 กลายเป็นว่าน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นอย่างรวด
00:18:02 → 00:18:05 เร็วเพราะระบบเผาพลานไม่ตอบสนองและมักจะ
00:18:05 → 00:18:09 กลับมาลดน้ำหนักได้ยากขึ้นอีกนั่นเอง
00:18:09 → 00:18:12 สำหรับวิธีการปรับการรับประทานอาหารเพื่อ
00:18:12 → 00:18:16 การลดน้ำหนักที่ถูกต้องต้องทำดังนี้ควบ
00:18:16 → 00:18:19 คุมแคลอรีที่รับประทานในแต่ละวันโดยให้
00:18:19 → 00:18:23 ค่อยๆลดลงจากเดิมไม่เกิน 500 กลแคลอรี
00:18:23 → 00:18:25 เมื่อลดน้ำหนักได้สักระยะหนึ่งแล้วจึง
00:18:26 → 00:18:29 ค่อยลดจำนวนแคลอรีลงอีกเล็กน้อยอย่าเร่ง
00:18:29 → 00:18:32 ลดจำนวนแคลอรีมากเกินไปเพราะเมื่อร่างกาย
00:18:32 → 00:18:35 เคยได้รับแคลอรีต่อวันมากแล้วจู่ๆปริมาณ
00:18:35 → 00:18:39 แคลอรีลดลงอย่างรวดเร็วร่างกายจะเกิดการ
00:18:39 → 00:18:42 กักตุนไขมันไว้ใช้ในช่วงเวลาที่ได้รับ
00:18:42 → 00:18:45 พลังงานน้อยเกินไปมากๆนั่นเองให้ความ
00:18:45 → 00:18:48 สำคัญกับการรับประทานโปรตีนเพราะโปรตีน
00:18:48 → 00:18:51 นั้นมีส่วนสำคัญในการทำงานของระบบเผาผลาญ
00:18:51 → 00:18:54 ร่างกายจึงจำเป็นต้องได้รับโปรตีนเพียง
00:18:54 → 00:18:57 แต่ต้องเลือกเป็นโปรตีนที่มีไขมันต่ำเช่น
00:18:57 → 00:19:01 อกไก่เตาฮูถั่วหรืออาหารทะเลโดยรับประทาน
00:19:01 → 00:19:04 ในปริมาณที่เหมาะสมคือผู้หญิงควรได้รับ
00:19:04 → 00:19:08 โปรตีนประมาณ 46 กรัมต่อวันและผู้ชาย
00:19:08 → 00:19:12 ประมาณ 56 กรัมต่อวันสำหรับการคำนวณว่า
00:19:12 → 00:19:15 ปริมาณโปรตีนที่เราควรได้รับต่อวันเป็น
00:19:15 → 00:19:18 อย่างไรนั้นทำได้ง่ายๆดังนี้ค่ะแยกเป็น
00:19:18 → 00:19:21 เพศก่อนถ้าเป็นคุณผู้หญิงนะคะให้เอาส่วน
00:19:21 → 00:19:25 สูงที่เป็นเซนติเมตลบด้วย 110 ในขณะที่
00:19:25 → 00:19:27 ถ้าเป็นคุณผู้ชายค่ะให้เอาส่วนสูงที่เป็น
00:19:27 → 00:19:30 เซนติเมตลบด้วยด้วย 100 เช่นถ้าเป็นคุณ
00:19:30 → 00:19:35 ผู้หญิงนะคะสูง 160 ซมค่ะให้ - 110 =
00:19:35 → 00:19:38 50 นั่นหมายถึง 50 เนี่ยควรจะเป็นน้ำ
00:19:38 → 00:19:42 หนักที่เขาควรจะมีนะคะก็คือ 50 กกนั่นเอง
00:19:42 → 00:19:45 และโปรตีนที่ควรได้รับก็คือ 50 กรัมต่อ
00:19:45 → 00:19:49 วันในขณะที่คุณผู้ชายค่ะเช่นถ้าสูง 180
00:19:49 → 00:19:53 ซมค่ะให้-บ 100 ก็จะเป็น 80 กกนั่นหมาย
00:19:53 → 00:19:57 ถึงเา้าควรจะหนักแค่นี้ก็คือ 80 กกค่ะและ
00:19:57 → 00:19:59 โปรตีนที่ควรจะได้รับเฉลียเแล้วก็คือ 80
00:19:59 → 00:20:03 กรัมต่อวันนั่นเองค่ะเลี่ยงการรับประทาน
00:20:03 → 00:20:06 อาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตประเภทขัดสีเช่น
00:20:06 → 00:20:08 ขนมปังขาวข้าวขาวหรือเค้กเพราะ
00:20:08 → 00:20:11 คาร์โบไฮเดรตที่ถูกย่อยเป็นโมเลกุลเล็กๆ
00:20:11 → 00:20:14 จะกลายเป็นน้ำตาลหรือที่เราเรียกกันว่า
00:20:14 → 00:20:17 กลูโคสจะมีส่วนที่ถูกดุดซึมเข้าสู่กระแส
00:20:17 → 00:20:20 เลือดเพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานตามอวัยวะ
00:20:20 → 00:20:23 ส่วนต่างๆและบางส่วนถูกเก็บเอาไว้ในตับ
00:20:23 → 00:20:26 และกล้ามเนื้อก่อนที่ตับจะเปลี่ยนน้ำตาล
00:20:26 → 00:20:29 นั้นให้เป็นไขมันเพื่อเก็บไว้เป็นพลังงาน
00:20:29 → 00:20:32 สำรองซึ่งหากเราไม่ได้ใช้ก็จะเกิดเป็นไข
00:20:32 → 00:20:35 มันสะสมและทำให้อ้วนได้นั่นเองรับประทาน
00:20:35 → 00:20:38 อาหารเช้าอย่าให้ขาดเพราะการรับประทาน
00:20:38 → 00:20:40 อาหารเช้าจะช่วยให้อัตราการเผาพลาญพลัง
00:20:40 → 00:20:43 งานของร่างกายเพิ่มขึ้นตลอดทั้งวันแต่
00:20:43 → 00:20:45 ทั้งนี้ควรเลือกรับประทานอาหารเช้าที่
00:20:45 → 00:20:47 เป็นคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนอุดมไปด้วย
00:20:47 → 00:20:50 โปรตีนสูงและไขมันต่ำไม่ใช่แค่การเลือก
00:20:50 → 00:20:53 รับประทานอาหารที่ถูกต้องเหมาะสมแต่การ
00:20:53 → 00:20:56 ออกกำลังกายก็เป็นอีกวิธีที่ช่วยแก้ปัญหา
00:20:56 → 00:20:59 ไขมันส่วนเกินได้ที่สำสำคัญการลดน้ำหนัก
00:20:59 → 00:21:02 ไม่เพียงช่วยลดความเสี่ยงนิ่้วในถุงน้ำดี
00:21:02 → 00:21:05 แต่ยังลดโอกาสเสี่ยงโรคได้อีกมากมายด้วย
00:21:05 → 00:21:09 เป็นอย่างไรกันบ้างคะสำหรับสาระสุขภาพดีๆ
00:21:09 → 00:21:12 ที่ t&n นำมาฝากคุณผู้ชมในวันนี้หวังเป็น
00:21:12 → 00:21:14 อย่างยิ่งว่าคุณผู้ชมจะสามารถนำสาระ
00:21:14 → 00:21:17 สุขภาพดีๆที่ได้ไปดูแลตัวเองและครอบครัว
00:21:17 → 00:21:20 ให้แข็งแรงกันท้วนหน้านะคะและขอบคุณคุณ
00:21:20 → 00:21:23 ผู้ชมค่ะที่ติดตามรับชมรายการ TE and
00:21:23 → 00:21:25 Health เป็นประจำค่ะอย่าลืมติดตามรับชม
00:21:25 → 00:21:27 รายการ TE and Health นะคะเวลาดีค่ะทุก
00:21:28 → 00:21:32 วันเสาร 15:00 น- 15:30 นที่นี่ TNN ช่อง
00:21:32 → 00:21:35 16 และที่สำคัญนะคะกดไลค์กดแชร์กด
00:21:35 → 00:21:37 Subscribe กดกระดิ่งติดตามเป็นกำลังใจ
00:21:37 → 00:21:40 ให้ TNN Health ทุกแพลตฟอร์มออนไลน์ค่ะ
00:21:40 → 00:21:42 ไม่ว่าจะเป็น YouTube tiktok Facebook
00:21:42 → 00:21:44 Instagram และ LINE official เพื่อที่
00:21:44 → 00:21:47 จะเข้าถึงทุกสาระสุขภาพเสริมภูมิคุ้มกัน
00:21:47 → 00:21:50 รู้ทันโรคไปด้วยกันสำหรับวันนี้นะคะหมอ
00:21:50 → 00:21:52 ดาวและทีมงาน TNN Health ต้องขอตัวลาคุณ
00:21:53 → 00:21:56 ผู้ชมไปก่อนสวัสดีค่ะ
00:21:56 → 00:21:58 [เพลง]
00:21:58 → 00:22:00 เ
00:22:00 → 00:22:23 [เพลง]