00:00:00 → 00:00:05 [เพลง]
00:00:05 → 00:00:09 สวัสดีครับผมวีระพงษ์ทวีศักดิ์และนี่คือ
00:00:09 → 00:00:11 ศัลยกรรมความสุข
00:00:12 → 00:00:39 [เพลง]
00:00:39 → 00:00:43 คุณผู้ฟังครับในยุคนี้ต้องบอกว่าชีวิตเรา
00:00:43 → 00:00:47 เข้าสู่ช่วงเวลาของการเป็นยุคออนไลน์
00:00:47 → 00:00:50 เกือบจะเต็มตัวแล้วนะครับสมัยนี้เวลาที่
00:00:50 → 00:00:55 ใครจะจับจ่ายใช้สอยจะซื้อของจะสั่งอาหาร
00:00:55 → 00:00:59 เราก็ใช้วิธีการสั่งผ่านออนไลน์ทั้งสิ้น
00:00:59 → 00:01:00 นะครับ
00:01:00 → 00:01:03 เมื่อเร็วๆนี้ผมก็มีประสบการณ์ในการที่จะ
00:01:03 → 00:01:04 ต้อง
00:01:04 → 00:01:08 ส่งของออนไลน์นะครับก็คือมีเพื่อนมีผู้สน
00:01:09 → 00:01:11 ใจเนี่ยก็สั่งซื้อหนังสือมาเราก็ส่งให้
00:01:12 → 00:01:16 ทางออนไลน์นะครับคนที่สนใจก็สั่งเข้ามา
00:01:16 → 00:01:19 แล้วก็มีหน้าที่ส่งออนไลน์ไปให้เขา
00:01:19 → 00:01:24 แต่ปรากฏว่าส่งไปหลายคนก็ได้รับครับแต่
00:01:24 → 00:01:27 ว่ามีเพื่อนอยู่คนนึงครับสั่งซื้อหนังสือ
00:01:27 → 00:01:31 ผ่านไปเป็นอาทิตย์ก็ยังไม่ได้รับเขาก็ส่ง
00:01:31 → 00:01:35 ข้อความมาว่าเอ๊ลืมหรือเปล่าสั่งมายังไม่
00:01:36 → 00:01:39 ได้ส่งให้หรือยังไงนะผมก็เช็คไปเช็คมา
00:01:39 → 00:01:44 สัก 2 วันครับก็รู้เลยครับว่าสาเหตุที่
00:01:44 → 00:01:49 เขายังไม่ได้รับเป็นเพราะว่าจดหมายตีกลับ
00:01:49 → 00:01:53 [เพลง]
00:01:53 → 00:01:56 จริงๆแล้วเขาสั่งหนังสือมาทางออนไลน์ครับ
00:01:56 → 00:02:00 เราก็จัดส่งไปให้เรียบร้อยจัดส่งพร้อมกัน
00:02:00 → 00:02:02 หลายเจ้าเลยนะครับ
00:02:02 → 00:02:05 แล้วก็ทุกคนก็ได้รับหมดก็ไม่มีปัญหาอะไร
00:02:05 → 00:02:07 แต่มีอยู่คนนึงที่ไม่ได้รับเนี่ย
00:02:07 → 00:02:10 ผ่านไปแล้วก็คิดว่าเขาได้รับแล้ว
00:02:10 → 00:02:14 แต่ว่าพอเขารู้สึกว่างานผิดสังเกตเขาก็
00:02:14 → 00:02:15 ส่งข้อความมา
00:02:15 → 00:02:19 เราถึงกลับมาเช็คดูว่าเกิดอะไรขึ้น
00:02:19 → 00:02:22 ผ่านไป 2-3 วันถึงจะรู้นะครับว่ามันมีจด
00:02:22 → 00:02:25 หมายตีกลับครับก็คือ
00:02:25 → 00:02:29 พัสดุหรือจดหมายที่เราส่งไปให้เขาเนี่ยตี
00:02:29 → 00:02:32 กลับมาที่เราครับก็คือว่าเขาไม่ได้รับ
00:02:32 → 00:02:37 เช็คไปเช็คมาก็รู้สาเหตุว่าจริงๆแล้วการ
00:02:37 → 00:02:39 ที่จดหมายจะตีกลับนี้ก็มีหลายสาเหตุนะ
00:02:39 → 00:02:42 ครับสมัยนี้เวลาที่เราส่งของไปเนี่ยถ้ามี
00:02:42 → 00:02:46 การลงทะเบียนแน่นอนว่าจะต้องถึงหรือถ้า
00:02:46 → 00:02:50 ไม่ถึงก็จะต้องมีลงบันทึกไม่มีของหายนะ
00:02:50 → 00:02:51 ครับ
00:02:51 → 00:02:55 แต่ว่ารายนี้เนี่ยส่งไปที่เขาไม่ได้รับ
00:02:55 → 00:02:58 เนี่ยเป็นเพราะว่าเขาบอกบ้านเลขที่มาผิด
00:02:58 → 00:03:03 ไปตัวนึงครับคุณผู้ฟังก็คือพอเช็คไปเราก็
00:03:03 → 00:03:05 ดูว่าที่เรา
00:03:05 → 00:03:08 จ่าหน้าไปเนี่ยถูกต้องตามที่เขาให้ไหม
00:03:08 → 00:03:12 แล้วก็ตรวจสอบกับข้อความหรือข้อมูลที่เขา
00:03:12 → 00:03:15 ส่งมาให้เราว่าให้ส่งไปที่ไหนอะไรเนี่ยนะ
00:03:15 → 00:03:18 ครับพอเราตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยก็พบว่า
00:03:18 → 00:03:23 ทุกอย่างถูกต้องตามที่เขาให้ข้อมูลมาพอ
00:03:23 → 00:03:26 ยืนยันกลับไปถึงพบว่าอ๋อเขาถึงรู้ว่าเขา
00:03:26 → 00:03:29 เนี่ยเป็นคนเขียนที่อยู่บ้านเลขที่ให้เรา
00:03:29 → 00:03:33 ผิดไปตัวเลขหนึ่งของก็เลยไม่ถึงครับพอ
00:03:33 → 00:03:36 จดหมายตีกลับมาแล้วเขาไม่ได้รับเราก็ต้อง
00:03:36 → 00:03:40 ปฏิบัติขอข้อมูลใหม่นะแล้วก็ส่งกลับไป
00:03:40 → 00:03:43 ใหม่รอบนี้ก็ถึง
00:03:43 → 00:03:46 ถึงมือผู้รับตามที่ต้องการเรียบร้อยนะ
00:03:46 → 00:03:49 ครับแต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเนี่ยครับคุณ
00:03:49 → 00:03:51 ผู้ฟังก็ดูเหมือนเป็นเรื่องปกติใช่ไหม
00:03:51 → 00:03:55 ครับแต่พอจดหมายส่งไปแล้วเขาไม่ได้รับ
00:03:55 → 00:03:58 แล้วก็ตีกลับมาที่เราเนี่ยมันกับทำให้ผม
00:03:58 → 00:04:02 นึกถึงเรื่องบางเรื่องในชีวิตประจำวันของ
00:04:02 → 00:04:07 เรานะครับผมจริงๆแล้วการที่เราส่งอะไรบาง
00:04:07 → 00:04:11 อย่างไปแล้วเขาไม่ได้รับแล้วมันตีกลับมา
00:04:11 → 00:04:12 หาเราเนี่ย
00:04:12 → 00:04:15 จริงๆแล้วสถานการณ์เช่นนี้เนี่ยมันเกิด
00:04:15 → 00:04:19 ขึ้นบ่อยๆในชีวิตโดยที่เราไม่ได้สังเกต
00:04:19 → 00:04:23 มันไม่ใช่แค่จดหมายตีกลับอย่างเดียวนะ
00:04:23 → 00:04:26 ครับอย่างแรกเลยที่ผมนึกนะครับคุณผู้ฟัง
00:04:26 → 00:04:31 ผมนึกไปถึงคนเราเนี่ยเวลาที่เราขับรถสมัย
00:04:31 → 00:04:36 นี้นะครับมันก็จะมีอาการแบบรถติดปาดหน้า
00:04:36 → 00:04:39 ไปมาอะไรอย่างนี้ใช่ไหมครับแล้วคนที่ขับ
00:04:39 → 00:04:42 รถในถนนเนี่ยไม่ว่าจะเป็นใครนะครับไม่ว่า
00:04:42 → 00:04:45 จะเป็นคนขับแท็กซี่คนขับมอเตอร์ไซค์หรือ
00:04:45 → 00:04:48 ว่าคนขับรถส่วนตัวไม่ว่าใครก็ตามสมัยนี้
00:04:48 → 00:04:53 เนี่ยเวลาที่ขับรถอยู่บนท้องถนนเนี่ยเรา
00:04:53 → 00:04:55 จะตกอยู่ในอาการแบบนี้ค่อนข้างบ่อยนะครับ
00:04:55 → 00:04:59 ก็คือเจอสถานการณ์ที่เราไม่คาดคิดหรือเรา
00:04:59 → 00:05:05 ไม่ชอบเราก็จะโกรธโมโหแล้วก็ตะโกนด่าไปนะ
00:05:05 → 00:05:08 ครับอย่างเช่นถ้าเราขับรถอยู่ดีๆเนี่ยเรา
00:05:08 → 00:05:11 ขับไปมีมอเตอร์ไซค์ปาดหน้ามีแท็กซี่ปาด
00:05:11 → 00:05:14 หน้ามีรถเมล์ปาดหน้าอะไรก็ตามทีเนี่ยนะ
00:05:14 → 00:05:15 ครับ
00:05:15 → 00:05:19 เราก็จะพอเราโมโหปุ๊บเราก็ตะโกนตะโกนด่า
00:05:19 → 00:05:22 ไปเลยนะครับขับรถยังไงนู่นนี่นั่นด้วย
00:05:22 → 00:05:25 อารมณ์โกรธด้วยอะไรอย่างนี้นะฮะผมมีความ
00:05:25 → 00:05:27 รู้สึกว่าสถานการณ์นี้เป็นสถานการณ์แรก
00:05:27 → 00:05:31 ครับคุณผู้ฟังที่มันคล้ายๆกับการที่เรา
00:05:31 → 00:05:35 ส่งจดหมายส่งพัสดุไปเนี่ยแล้วผู้รับเขา
00:05:35 → 00:05:38 ไม่ได้รับมาครับพอผู้รับเขาไม่ได้รับ
00:05:38 → 00:05:43 เสร็จมันก็จะถูกตีกลับมาหาเราครับ
00:05:43 → 00:05:46 แต่กรณีที่จดหมายตีกลับเพราะว่าจ่าหน้า
00:05:46 → 00:05:49 ไม่ชัดเจนหรืออะไรก็ตามทีนี้ก็เป็นเรื่อง
00:05:49 → 00:05:51 ปกติเป็นเรื่องแบบที่เกิดขึ้นใช่ไหมครับ
00:05:51 → 00:05:55 แต่ว่ากรณีของการส่งไม่ได้จดหมายการส่ง
00:05:55 → 00:05:59 มอบอารมณ์โกรธอารมณ์ถึงเขียวอ่ะครับเวลา
00:05:59 → 00:06:02 ที่เราขับรถไปแล้วเราก็โกรธเราฉุนเฉียว
00:06:02 → 00:06:06 เราก็ตะโกนด่าไปเนี่ยก็คือเราส่งเราตั้ง
00:06:06 → 00:06:09 ใจจะส่งมอบคำด่าเนี่ยเราต้องการจะส่งมอบ
00:06:09 → 00:06:15 ไปให้กับคู่กรณีนะซึ่งในความเป็นจริงอัน
00:06:15 → 00:06:18 นี้ไม่ใช่จ่าหน้าไม่ชัดเจนนะครับก็คือเรา
00:06:18 → 00:06:21 ไม่รู้เลยว่าคือเราไม่มีข้อมูลเขาเลยนะ
00:06:21 → 00:06:23 เนื่องจากว่าเขาปาดหน้าเสร็จแล้วแล้วเขา
00:06:24 → 00:06:28 ก็ไปแล้วนะครับเขาคือใครก็ไม่รู้นะครับ
00:06:28 → 00:06:31 แล้วเกิดอะไรขึ้นเราก็ไม่รู้เหมือนกัน
00:06:31 → 00:06:34 บ้านเขาอยู่ไหนเราก็ไม่รู้แล้วเขาจะไปไหน
00:06:34 → 00:06:38 เราก็ไม่รู้ก่อนหน้าที่เขาจะปาดหน้าเรา
00:06:38 → 00:06:41 เกิดอะไรขึ้นเราก็ไม่รู้พูดง่ายๆก็คือว่า
00:06:41 → 00:06:44 เราไม่รู้ว่าอะไรสักอย่างเลยครับแต่ว่า
00:06:44 → 00:06:48 สิ่งที่เราเจอพฤติกรรมของเขาที่เขาทำ
00:06:48 → 00:06:52 เราไม่ชอบเราไม่มันเป็นสถานการณ์มัน
00:06:52 → 00:06:55 พฤติกรรมที่ไม่พึงปรารถนานะครับอย่างเช่น
00:06:55 → 00:06:57 อยู่ดีๆก็เลี้ยวปาดไปมันอาจจะเกิด
00:06:57 → 00:07:01 อุบัติเหตุหรืออะไรก็ได้นะฮะแต่ว่าเราไม่
00:07:01 → 00:07:04 ชอบแบบนั้นเราไม่ชอบแล้วมันทำให้เราตกใจ
00:07:04 → 00:07:08 แล้วก็คุณมัวแล้วก็โกรธนะเพราะเจออย่าง
00:07:08 → 00:07:10 นั้นเราไม่ชอบเราก็เลยจะส่งมอบความรู้สึก
00:07:10 → 00:07:13 ที่เราไม่ชอบเนี่ยไปให้เขาครับความรู้สึก
00:07:13 → 00:07:17 ขุ่นมัวความรู้สึกโกรธเนี่ยเราก็จะส่งไป
00:07:17 → 00:07:20 ให้เขานะครับเหมือนกับส่งพัสดุไปให้เขา
00:07:20 → 00:07:22 แหละแต่ว่า
00:07:22 → 00:07:26 จ่าหน้าไม่มีเลยครับไม่มีเลยเพราะฉะนั้น
00:07:26 → 00:07:30 แล้วพอเขาปาดหน้าเราเราโกรธเราเครียดเรา
00:07:30 → 00:07:31 โมโห
00:07:31 → 00:07:35 แล้วเขาก็ไปแล้วครับแล้วเราก็ส่งมอบไอ้
00:07:35 → 00:07:38 ที่เราต้องการจะส่งมอบไปให้เขาเนี่ยเขา
00:07:38 → 00:07:41 ไม่ได้รับแน่นอนเพราะว่าเขาไปแล้ว
00:07:41 → 00:07:44 แล้วสิ่งนั้นที่เราจะส่งมอบให้เขาเนี่ย
00:07:44 → 00:07:48 ความเกลียดความโกรธความโมโหทั้งหลายเนี่ย
00:07:48 → 00:07:52 มันก็ตีกลับมาหาเราทันทีโดยที่ไม่ต้องลง
00:07:52 → 00:07:54 ทะเบียนเลยครับคุณผู้ฟัง
00:07:54 → 00:07:58 เดี๋ยวนั้นเลยครับส่งไปปุ๊บตีกลับมาปั๊บ
00:07:58 → 00:08:00 ทันทีเลยครับ
00:08:00 → 00:08:05 ก็คือผลคืออะไรครับความโกรธความโมโห
00:08:06 → 00:08:09 ความขุ่นมัวทั้งหลายเนี่ยตีกลับย้อนกลับ
00:08:09 → 00:08:14 มาหาเราแล้วมันไม่ได้ไปไหนเลยครับมันอยู่
00:08:14 → 00:08:16 กับเรานี่แหละนะแล้วถ้าเกิดว่าเราขับรถ
00:08:16 → 00:08:19 อยู่แล้วเราไม่ได้ขับคนเดียวครับคุณผู้
00:08:19 → 00:08:20 ฟัง
00:08:20 → 00:08:22 ถ้ามีใครสักคนนึงเพื่อนเราญาติเรานั่ง
00:08:22 → 00:08:26 อยู่ข้างๆด้วยคนที่ปาดหน้าไม่ได้รับแต่คน
00:08:26 → 00:08:29 ที่ได้รับคือตัวเรา 1 แล้วนะแล้วก็คนที่
00:08:29 → 00:08:32 นั่งข้างๆเรานี่แหละ 2 นะครับยิ่งถ้าเกิด
00:08:32 → 00:08:35 ในรถมีผู้โดยสารคนอื่นด้วยก็รับกันไปหมด
00:08:35 → 00:08:37 เลยนะในรถคันนั้นนะ
00:08:37 → 00:08:40 รับความขุ่นมัวรับความโกรธรับความอารมณ์
00:08:40 → 00:08:43 เสียรับความร้อนของอารมณ์
00:08:43 → 00:08:45 ไปเต็มๆเลยครับ
00:08:45 → 00:08:46 คุณผู้ฟังครับ
00:08:46 → 00:08:50 จากจดหมายที่เราส่งไปแล้วไม่ถึงมือผู้รับ
00:08:51 → 00:08:53 แล้วมันตีกลับมาเนี่ยมันทำให้เราเกิดแง่
00:08:54 → 00:08:57 คิดนี้เราก็เลยแน่ใจว่าเอ๊ะถ้าอย่างนั้น
00:08:57 → 00:09:00 เนี่ยเราจะทำยังไงดี
00:09:00 → 00:09:04 ผมคิดว่าอันดับแรกเลยก็คือถ้าเราตระหนัก
00:09:04 → 00:09:08 ว่าสถานการณ์เช่นนี้เนี่ยอารมณ์ขุ่นมัว
00:09:08 → 00:09:11 อารมณ์โกรธจากสิ่งที่เราเจอแล้วเราไม่ชอบ
00:09:11 → 00:09:12 เนี่ย
00:09:12 → 00:09:16 ถ้าเรารู้นะครับว่าส่งไปก็ไม่ถึงมือผู้
00:09:16 → 00:09:18 รับ
00:09:18 → 00:09:22 แล้วก็นอกจากไม่ถึงมือแล้วก็จะตีกลับมาหา
00:09:22 → 00:09:25 เรานะครับสิ่งนั้นก็จะทวีคูณในตัวเรา
00:09:25 → 00:09:27 เนี่ยคุกกลุ่มอยู่ในตัวเราเนี่ยร้อนรุ่ม
00:09:27 → 00:09:29 อยู่ในตัวเราเนี่ยนะครับ
00:09:29 → 00:09:33 ถ้าเรารู้อย่างนี้เนี่ยผมคิดว่าถ้าเรา
00:09:33 → 00:09:37 เลือกได้เราจะจัดการยังไงกับมันครับอ่า
00:09:37 → 00:09:43 จดหมายเนี่ยถ้าเป็นจดหมายสมัยสมัยอดีตนะ
00:09:43 → 00:09:45 ฮะที่ต้องเขียนจดหมายส่งจดหมายอะไรอย่าง
00:09:45 → 00:09:47 นี้นะครับถ้าเราเขียนแล้วเราไม่อยากส่ง
00:09:48 → 00:09:51 เราก็ขยับลงขยับไปใช่ไหมครับหรือถ้าเกิด
00:09:51 → 00:09:54 ว่าเราส่งไปแล้วไม่ถึงมือถ้ามันสำคัญเรา
00:09:54 → 00:09:57 ก็ส่งใหม่แต่ถ้าไม่สำคัญเราก็ขยำทิ้งขยะ
00:09:57 → 00:10:00 ไปเนี่ยถ้าเป็นสมัยนี้นะครับคุณผู้ฟัง
00:10:00 → 00:10:04 เขียนอีเมลถ้าเราเขียนข้อความขึ้นมาแล้ว
00:10:04 → 00:10:06 เราส่งทางอีเมลไป
00:10:06 → 00:10:09 เขาจะได้รับหรือไม่ได้รับก็แล้วแต่นะหรือ
00:10:09 → 00:10:11 ถ้าเกิดเขาไม่ได้รับมันก็ไม่ต้องตีกลับ
00:10:11 → 00:10:13 มันก็ไม่ไปไหนมันก็อยู่ที่เราใช่ไหมฮะแต่
00:10:13 → 00:10:15 ถ้าเราจะ
00:10:15 → 00:10:17 จัดการกับมันทางเลือกก็คือ
00:10:17 → 00:10:19 ถ้าเราเก็บไว้ก็เปลืองพื้นที่ใน
00:10:19 → 00:10:24 คอมพิวเตอร์ใช่ไหมนานๆทีก็ต้องมีการทิ้ง
00:10:24 → 00:10:27 ขยะนะ delete ทิ้งลงถังขยะทิ้งลงถังขยะ
00:10:27 → 00:10:29 delete เสร็จแล้วมันก็ลงถังขยะแล้วมัน
00:10:30 → 00:10:32 ยังอยู่ในเครื่องไหมก็ยังอยู่นะครับเขา
00:10:32 → 00:10:35 ต้องมีกระบวนการในการเข้าไปล้างถังขยะ
00:10:35 → 00:10:38 ซึ่งคอมพิวเตอร์เนี่ยเขาจะมีโปรแกรมล้าง
00:10:38 → 00:10:39 แบบอัตโนมัติ
00:10:39 → 00:10:42 30 วันเขาจะล้างทีไอ้ที่จะ delete ทั้ง
00:10:42 → 00:10:45 หมดเนี่ยมันจะยังไม่หายไปเลยนะครับเรา
00:10:45 → 00:10:48 สามารถกู้คืนกลับมาได้แต่ภายใน 30 วันเขา
00:10:48 → 00:10:51 จะลบทิ้งแบบถาวร
00:10:51 → 00:10:55 คุณผู้ฟังเห็นไหมครับว่าในกระบวนการของ
00:10:55 → 00:10:59 การส่งข้อมูลไม่ว่าจะเป็นแบบอนาล็อกการ
00:10:59 → 00:11:02 เขียนจดหมายหรือในคอมพิวเตอร์เนี่ยมันมี
00:11:02 → 00:11:07 กระบวนการของการทำความสะอาดของการลบทิ้ง
00:11:07 → 00:11:12 แล้วก็กระบวนการของการลบถังขยะทิ้ง
00:11:12 → 00:11:16 เพราะฉะนั้นในกรณีที่ในชีวิตประจำวันครับ
00:11:16 → 00:11:20 คุณผู้ฟังถ้าเราจะต้อง
00:11:20 → 00:11:24 เจอสถานการณ์ที่เราไม่ชอบที่เราไม่พึงพอ
00:11:24 → 00:11:29 ใจที่ทำให้เราขุ่นมัวที่ทำให้เราโกรธแล้ว
00:11:29 → 00:11:33 ถ้าเรารู้นะครับว่าสิ่งแบบนี้เนี่ยถ้าเรา
00:11:33 → 00:11:37 ส่งออกไปแล้วมันไม่ถึงไม่ถึงมือผู้รับอ่ะ
00:11:37 → 00:11:41 ไม่ถึงคนนั้นคนที่เราต้องการปรารถนาที่จะ
00:11:41 → 00:11:44 ส่งมอบความโกรธนี้ไปเนี่ยถ้าเรารู้ไม่ถึง
00:11:44 → 00:11:47 เขาและมันอยู่กับเราเนี่ยหรือมันอยู่กับ
00:11:47 → 00:11:50 คนรอบข้างเราเนี่ยถ้าเรารู้ว่าเป็นอย่าง
00:11:50 → 00:11:56 นั้นและถ้าเราเลือกได้เราจะจัดการกับมัน
00:11:56 → 00:11:59 หรือไม่หรือเราจะปล่อยให้มันคาราคาซัง
00:11:59 → 00:12:03 อยู่อย่างนั้นรกสมองรกอารมณ์ลบความรู้สึก
00:12:03 → 00:12:06 เราอยู่อย่างนั้นเราต้องเป็นคนเลือกเองนะ
00:12:06 → 00:12:09 ครับถ้าเราเลือกได้เราจะจัดการกับมันไหม
00:12:09 → 00:12:13 เราจะจัดการด้วยการ delete ทิ้งแล้วก็วน
00:12:13 → 00:12:16 กันในการจัดการ delete ทิ้งเนี่ยจริงๆถ้า
00:12:16 → 00:12:19 มันมีระบบการจัดการเหมือนคอมพิวเตอร์ก็ดี
00:12:19 → 00:12:21 นะครับแต่ว่ามนุษย์เราก็ไม่ใช่
00:12:21 → 00:12:25 คอมพิวเตอร์นะเราต้องบริหารจัดการด้วยตัว
00:12:25 → 00:12:29 เราเองเพียงแต่ว่าผมคิดว่ากุญแจสำคัญอยู่
00:12:29 → 00:12:30 ตรงนี้ครับคือ
00:12:30 → 00:12:32 ถ้าเราเลือกได้
00:12:32 → 00:12:37 เรายังจะส่งมอบสิ่งนี้ออกไปไหมเพราะว่า
00:12:37 → 00:12:40 มันไม่ถึงเขาและมันจะตีกลับมา
00:12:40 → 00:12:45 ถ้าเราเลือกได้เราจะจัดการกับมันยังไงเรา
00:12:45 → 00:12:48 จะลบมันทิ้งตั้งแต่ต้นเลยไหมหรือว่าเราจะ
00:12:48 → 00:12:51 ปล่อยให้มันคาราคาซังทั้งหมดนี้อยู่ที่
00:12:51 → 00:12:56 เรานะครับถ้าเราเลือกได้เราจะจัดการกับ
00:12:56 → 00:12:59 มันหรือไม่และเราจะจัดการอย่างไรคือ
00:12:59 → 00:13:02 ระหว่างครับจดหมายตีกลับอันนี้เป็นเรื่อง
00:13:02 → 00:13:04 ของจดหมายนะครับแล้วก็เป็นเรื่องของสิ่ง
00:13:04 → 00:13:07 ที่เราเจอในชีวิตที่เราส่งอะไรออกไปแล้ว
00:13:07 → 00:13:10 มันไม่ไปถึงไหนครับมันย้อนกลับมาหาเรา
00:13:10 → 00:13:14 เดี๋ยวช่วงนี้เราจะพักฟังเพลงสักครู่นะ
00:13:14 → 00:13:18 ครับแล้วกรณีคล้ายๆของจดหมายตีกลับเนี่ย
00:13:18 → 00:13:22 มันยังมีแง่มุมไหนอีกบ้างในชีวิตของเรานะ
00:13:22 → 00:13:25 ครับเดี๋ยวเราพักสักครู่แล้วมาพบกันใน
00:13:25 → 00:13:30 ช่วงหน้าครับ
00:13:30 → 00:13:42 [เพลง]
00:13:42 → 00:13:43 [ปรบมือ]
00:13:43 → 00:14:33 [เพลง]
00:14:33 → 00:14:39
00:14:39 → 00:15:03 [เพลง]
00:15:03 → 00:15:34
00:15:34 → 00:15:45 [เพลง]
00:15:45 → 00:16:01
00:16:01 → 00:16:03 [เพลง]
00:16:03 → 00:16:05 [ปรบมือ]
00:16:05 → 00:16:11 [เพลง]
00:16:11 → 00:16:22
00:16:22 → 00:16:22 [เพลง]
00:16:22 → 00:16:28 อ้ายไม่ตรงนี้
00:16:28 → 00:16:32 [เพลง]
00:16:32 → 00:16:35 คุณผู้ฟังครับศัลยกรรมความสุขในวันนี้ก็
00:16:35 → 00:16:37 ว่าด้วยเรื่องของจดหมายตีกลับนะครับ
00:16:37 → 00:16:41 จดหมายตีกลับก็คือจดหมายที่เราไปส่งแล้ว
00:16:41 → 00:16:44 ไม่ถึงมือผู้รับมันก็ตีกลับมาหาเราแต่ว่า
00:16:44 → 00:16:47 มันเชื่อมโยงมาให้ผมนึกถึงเรื่องของ
00:16:47 → 00:16:50 อารมณ์ความรู้สึกที่เราไม่ชอบไม่พึง
00:16:50 → 00:16:54 ปรารถนาที่มันขุ่นมัวนะครับแล้วเราก็ไป
00:16:54 → 00:16:55 เจอสถานการณ์บางอย่างที่เราอยู่ในอารมณ์
00:16:55 → 00:16:58 แบบนั้นเราก็เลยส่งมอบความรู้สึกโกรธความ
00:16:58 → 00:17:02 รู้สึกแค้นหรืออะไรก็ตามทีเนี่ยส่งไปแต่
00:17:02 → 00:17:05 มันไม่ไปไหนครับ
00:17:05 → 00:17:08 ผมก็บอกว่า
00:17:08 → 00:17:11 มันขึ้นอยู่กับเราครับว่า
00:17:11 → 00:17:15 ถ้าเราเลือกได้เราจะจัดการกับมันอย่างไร
00:17:15 → 00:17:17 แต่ตอนนี้ครับคุณผู้ฟังศัลยกรรมความสุข
00:17:17 → 00:17:21 เนี่ยแนวคิดของรายการก็คือว่าผมก็จะหา
00:17:21 → 00:17:24 เรื่องราวมาแบ่งปันเพื่อที่จะทำให้เรามี
00:17:24 → 00:17:28 แง่คิดมุมมองต่างๆเพื่อที่จะทำให้เรามี
00:17:28 → 00:17:30 ชีวิตที่มีความสุขมากขึ้นแล้วก็มีความ
00:17:30 → 00:17:34 ทุกข์น้อยลงนะครับในวันนี้เนี่ยเกี่ยวกับ
00:17:34 → 00:17:36 เรื่องของจดหมายตีกลับเนี่ยผมยังนึกถึง
00:17:36 → 00:17:39 อีกสถานการณ์สถานการณ์หนึ่งครับคุณผู้ฟัง
00:17:39 → 00:17:42 ในชีวิตของเราเนี่ยผมเชื่อว่าคุณผู้ฟัง
00:17:42 → 00:17:43 หลายครั้งนะครับ
00:17:43 → 00:17:45 อาจจะไปเจอ
00:17:45 → 00:17:50 สถานการณ์เกี่ยวกับคนบางคนหรือใครบางคน
00:17:50 → 00:17:52 ที่เราเจอในชีวิตเนี่ยเขาอาจจะแสดง
00:17:52 → 00:17:56 พฤติกรรมไม่ว่าอาจจะเป็นในชีวิตหรือในที่
00:17:56 → 00:17:59 ทำงานในโรงเรียนในสถาบันในองค์กรที่เรา
00:17:59 → 00:18:02 อยู่หรือว่าในสังคมที่เราอยู่เนี่ยนะครับ
00:18:02 → 00:18:05 อาจจะมีคนบางคนที่เรารู้จักที่เราเจอบ่อย
00:18:05 → 00:18:09 ๆอะไรอย่างนี้แต่ว่าบางทีเขาอาจจะมีความ
00:18:09 → 00:18:14 ปรารถนาไม่ดีไม่ได้มีความปรารถนาดีกับเรา
00:18:14 → 00:18:18 พูดง่ายๆแล้วก็เขาอาจจะพูดบางอย่างหรือ
00:18:18 → 00:18:21 อาจจะแสดงพฤติกรรมบางอย่างหรืออาจจะทำ
00:18:21 → 00:18:24 อะไรบางอย่างที่ทำให้เราแบบ
00:18:24 → 00:18:27 พอเราเห็นเพราะเราได้ยินสิ่งที่เขาพูดถึง
00:18:27 → 00:18:28 เราสมมุตินะครับ
00:18:28 → 00:18:31 มันทำให้เราแบบ
00:18:31 → 00:18:35 ร้อนแล้วก็เป็นฝืนเป็นไฟโปรดขึ้นมาทันที
00:18:35 → 00:18:38 เลยแล้วเราก็ไม่รู้จะทำยังไงกับเขานี่
00:18:38 → 00:18:40 โกรธมากอะไรอย่างนี้นะฮะ
00:18:40 → 00:18:44 ว่ากรณีอย่างนี้เนี่ยหมายความว่าผมมีความ
00:18:44 → 00:18:47 รู้สึกว่าหลายครั้งคนที่อยู่รอบตัวเรา
00:18:47 → 00:18:51 เนี่ยเวลาที่เขาแสดงพฤติกรรมอะไรกับเรา
00:18:51 → 00:18:55 หรือพูดอะไรถึงเราเนี่ยเป้าหมายเขาเนี่ย
00:18:55 → 00:18:58 เขาต้องการพูดสิ่งนั้นก็เพื่อให้เราเป็น
00:18:58 → 00:19:00 แบบนี้นี่แหละ
00:19:00 → 00:19:04 ก็คือพูดเพื่อให้เรารู้สึกไม่ดี
00:19:04 → 00:19:07 พูดเพื่อให้เรารู้สึกโกรธ
00:19:07 → 00:19:10 พูดเพื่อให้เรารู้สึกไม่พอใจ
00:19:10 → 00:19:14 แล้วเขามีความตั้งใจที่จะส่งมอบสิ่งนั้น
00:19:14 → 00:19:16 มาให้เราครับ
00:19:16 → 00:19:19 พอเราได้ยินคุณฝรั่งเคยไหมครับเวลาที่เรา
00:19:19 → 00:19:24 ได้ยินใครบางคนพูดถึงเราพูดง่ายๆว่านินทา
00:19:24 → 00:19:27 นั่นแหละนะฮะนินทาเรากับคนอื่นนะแล้ว
00:19:27 → 00:19:30 เรื่องนั้นเนี่ยมันมาถึงหูเรา
00:19:30 → 00:19:33 พอเราได้ยินปุ๊บโอ้โหเราโกรธแล้วเป็น
00:19:33 → 00:19:35 เดือนเป็นแค้นมากเลยเนี่ย
00:19:35 → 00:19:40 ครับว่าเวลาที่เขาตั้งใจที่จะพูดถึงเราใน
00:19:40 → 00:19:41 แง่ไม่ดีเนี่ย
00:19:42 → 00:19:45 นั่นคือเป้าหมายเขาเลยครับเขาต้องการให้
00:19:45 → 00:19:50 เรารู้สึกโกรธแล้วก็แค้นแล้วก็โมโหแล้วก็
00:19:50 → 00:19:54 ขุ่นมัวเวลาที่เราได้ยินว่าเขาพูดแบบนั้น
00:19:54 → 00:19:58 อันนี้คือสิ่งที่เขาต้องการจะส่งมอบให้
00:19:58 → 00:20:02 เรานะครับต้องการจะส่งมอบความโกรธความ
00:20:02 → 00:20:05 ร้อนรุ่มหรือข้างในอารมณ์เราเนี่ยนะฮะขุด
00:20:05 → 00:20:09 มัวอันนั้นคือเขาต้องการส่งมอบสิ่งนั้นมา
00:20:09 → 00:20:12 ให้เราครับแต่คุณผู้ฟังลองจินตนาการดูสิ
00:20:12 → 00:20:16 ครับว่าถ้านั่นคือเป้าหมายครับว่าเขา
00:20:16 → 00:20:19 ต้องการที่จะส่งมอบสิ่งนี้มาให้เรา
00:20:19 → 00:20:23 จะเกิดอะไรขึ้นครับถ้าเวลาที่เราได้ยิน
00:20:23 → 00:20:29 แล้วแล้วเราก็รู้ว่าเขาพูดแบบนั้นเพราะ
00:20:30 → 00:20:34 ต้องการให้เราโกรธให้เรารู้สึกขุ่นมัวอัน
00:20:34 → 00:20:39 นั้นคือเรารู้แต่ถ้าพอเราได้ยินแต่ว่าเรา
00:20:39 → 00:20:43 กลับไม่รู้สึกขุ่นมัวครับจะเป็นอะไรครับ
00:20:43 → 00:20:45 จะเกิดอะไรขึ้น
00:20:45 → 00:20:48 เขาต้องการส่งมอบความขุ่นมัวความโกรธมา
00:20:48 → 00:20:52 ให้เราแต่ถ้าเราได้ยินแล้วเราไม่รู้สึก
00:20:52 → 00:20:56 โกรธนะครับแล้วเราก็ไม่ขุ่นมัวด้วยเราก็
00:20:56 → 00:21:00 ยังเฉยๆได้เนี่ยแล้วเราก็มาคิดพิจารณา
00:21:00 → 00:21:04 สิ่งที่เขาพูดนะแทนที่จะได้ยินปั๊บเราก็
00:21:04 → 00:21:07 มีความรู้สึกอะไรบางอย่างเลย
00:21:07 → 00:21:11 แต่ว่าเรากลับไม่รู้สึกอะไรนะ
00:21:11 → 00:21:14 คุณภาษาอังกฤษว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิด
00:21:15 → 00:21:16 อะไรขึ้นครับ
00:21:16 → 00:21:21 ถ้าเขารู้นะครับว่าพอเราได้ยินแล้วเราก็
00:21:21 → 00:21:26 ไม่ได้รู้สึกโกรธแค้นขุ่นมัวหรือไม่พอใจ
00:21:26 → 00:21:27 อะไรเลย
00:21:27 → 00:21:32 นั่นหมายความว่าคนที่จะมีความรู้สึกโกรธ
00:21:32 → 00:21:35 ร้อนเป็นเดือดเป็นแค้นเป็นปืนเป็นฝืนเป็น
00:21:35 → 00:21:38 ไฟเนี่ยมันจะกลายเป็นตัวเขาเองเลยนะครับ
00:21:38 → 00:21:42 นั่นหมายความว่าเขาส่งมอบมาแล้วเราไม่รับ
00:21:42 → 00:21:46 มันก็จะเป็นการความรู้สึกที่เขาส่งมอบมัน
00:21:46 → 00:21:48 จะตีกลับไปหาเขาเองครับคุณผู้ฟัง
00:21:48 → 00:21:54 แต่ประเด็นก็คือว่าแล้วเราจะทำอย่างไร
00:21:54 → 00:21:57 อันนี้สำคัญกว่าครับ
00:21:57 → 00:22:01 ความถ้าเราเอาความเข้าใจของจดหมายตีกลับ
00:22:01 → 00:22:05 มาใช้กับสถานการณ์เช่นนี้คนที่ปรารถนาไม่
00:22:06 → 00:22:09 ดีหรือคิดร้ายกับเราแล้วต้องการจะส่งมอบ
00:22:09 → 00:22:13 ความขุ่นมัวให้เราและเขาก็ส่งมา
00:22:13 → 00:22:16 อาจจะโดยตรงก็ได้อาจจะพูดกับเราตรงๆก็ได้
00:22:16 → 00:22:19 หรือพูดลับหลังก็ได้นินทาก็ได้เพื่อให้
00:22:19 → 00:22:23 ต้องการให้คำนั้นเรื่องนั้นมาถึงเราเนี่ย
00:22:23 → 00:22:26 แต่ถ้าเราได้ยินแล้วเราไม่ขุ่นมัวไปตาม
00:22:27 → 00:22:31 เขาเนี่ยเขาจะได้รับความขุ่นมัวแล้วก็
00:22:31 → 00:22:31 ความ
00:22:31 → 00:22:35 เดือดเนื้อร้อนใจนั้นเอาไว้เองครับอัน
00:22:36 → 00:22:38 นั้นคือข้อเท็จจริงแต่ว่า
00:22:38 → 00:22:43 เคล็ดลับครับแล้วเราทำยังไงถึงจะไม่ขุ่น
00:22:43 → 00:22:47 มัวหรือว่ายังคงนิ่งแล้วก็สดใสอยู่ได้
00:22:47 → 00:22:50 ทั้งๆที่มีคน
00:22:50 → 00:22:55 มาพูดถึงเล่าในแง่ที่ไม่ดีครับ
00:22:55 → 00:22:58 ผมอยากจะแบ่งปันเคล็ดลับเล็กๆน้อยๆนะครับ
00:22:58 → 00:23:01 ซึ่งอาจจะใช้ได้ไม่ใช่ทุกกรณีนะครับแต่
00:23:01 → 00:23:04 นี่เป็นประสบการณ์ตรงจริงๆนะที่ผมผมมี
00:23:04 → 00:23:08 แล้วผมก็รู้สึกว่ามันมันใช้ได้ผลมากและ
00:23:08 → 00:23:12 มันมีประโยชน์กับเรามากคือมีคนที่พูดถึง
00:23:12 → 00:23:17 เราในเชิงที่ไม่ดีครับเมื่อหลายปีก่อนผม
00:23:17 → 00:23:21 เคยไปทำงานเป็นจิตอาสานะครับแล้วก็ไปทำ
00:23:21 → 00:23:23 กิจกรรมในเรือนจำ
00:23:23 → 00:23:26 เวลาที่เราเข้าไปในเรือนจำเนี่ยผมไปทำ
00:23:26 → 00:23:29 กิจกรรมเรื่องเกี่ยวกับดนตรีบำบัดใช้
00:23:29 → 00:23:31 ดนตรีเป็นสื่อในการพัฒนาผู้ต้องขังนะครับ
00:23:31 → 00:23:35 เป็นโครงการระยะยาวเข้าไปนานมากเป็นปีๆ
00:23:35 → 00:23:38 เลยนะครับแต่ว่าลักษณะโครงการนี้เป็น
00:23:38 → 00:23:40 ลักษณะที่เป็นงานของจิตอาสานะครับก็คือ
00:23:40 → 00:23:43 เขาไม่ได้จ้างเราครับ
00:23:43 → 00:23:45 เขาไม่ได้จ้างเราเสร็จแล้วเวลาที่เราไป
00:23:45 → 00:23:48 เนี่ยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในระหว่างการ
00:23:48 → 00:23:52 ดำเนินโครงการก็คือว่าเราต้องออกตังค์เอง
00:23:52 → 00:23:56 ครับอย่างเช่นค่าน้ำมันขับรถไปกับเนี่ย
00:23:56 → 00:23:59 เราไม่ได้เราไม่มีรายได้อะไรอยู่แล้วนะ
00:23:59 → 00:24:01 ครับแล้วค่าใช้จ่ายเราก็ต้องออกเอง
00:24:01 → 00:24:04 กิจกรรมนั้นถ้าต้องใช้อุปกรณ์อะไรเราก็
00:24:04 → 00:24:07 ต้องเราก็ต้องซื้อเองเราก็ต้องหามาเองนะ
00:24:07 → 00:24:10 ครับอันนี้เป็นงานจิตอาสาที่เข้าไปทำ
00:24:10 → 00:24:12 หลังจากนั้นเนี่ยครับคุณผู้ฟังหลวงพ่อทำ
00:24:12 → 00:24:14 ไปได้สักระยะหนึ่งเนี่ยโครงการนั้นในช่วง
00:24:15 → 00:24:18 นั้นก็เป็นเป็นที่รับรู้ของสื่อนะฮะมี
00:24:18 → 00:24:21 ทั้งรายการทีวีมีทั้ง
00:24:21 → 00:24:24 นิตยสารหนังสือพิมพ์นี่ก็ขออนุญาตเข้าไป
00:24:24 → 00:24:27 สัมภาษณ์เข้าไปสัมภาษณ์ตอนทำกิจกรรมเข้า
00:24:27 → 00:24:29 ไปสัมภาษณ์ผู้ต้องขังว่าได้เรียนแล้วเกิด
00:24:29 → 00:24:31 อะไรขึ้นอะไรอย่างเงี้ยหลายรายการเนี่ย
00:24:31 → 00:24:36 รายการทีวีหลายรายการก็ยกกล้องยกกองถ่าย
00:24:36 → 00:24:40 ยกทีมงานเข้าไปบันทึกรายการในเรือนจำก็มี
00:24:40 → 00:24:46 นะครับหรือบางรายการเนี่ยขออนุญาตเชิญนำ
00:24:46 → 00:24:49 ตัวผู้ต้องขังออกจากเรือนจำเป็นกรณีพิเศษ
00:24:49 → 00:24:53 เพื่อมาบันทึกรายการทีวีข้างนอกก็มีนะ
00:24:53 → 00:24:56 ครับก็ต้องขออนุญาตจากกรมจากกรมราชทัณฑ์
00:24:56 → 00:24:59 จากกระทรวงยุติธรรมอะไรเนี่ยนะครับก็ทำ
00:24:59 → 00:25:01 เรื่องกันไปแต่ว่าหลังจากที่ทำไปสักระยะ
00:25:01 → 00:25:06 หนึ่งครับคุณผู้ฟังมีเสียงพูดให้ได้ยิน
00:25:06 → 00:25:09 ครับมาถึงผมว่ามีเจ้าหน้าที่เรือนจำก็บอก
00:25:09 → 00:25:13 ว่าเป็นไปไม่ได้หรอกที่การทำกิจกรรมแบบ
00:25:13 → 00:25:16 นี้เนี่ยผมซึ่งเป็นจิตอาสาเนี่ยไม่ได้
00:25:16 → 00:25:18 ประโยชน์อะไรหรือไม่ได้มีรายได้อะไร
00:25:18 → 00:25:21 เขาไม่เชื่อเขาบอกเป็นไปไม่ได้ครับ
00:25:21 → 00:25:24 แล้วก็บอกว่ามันต้องมีวิธีหาประโยชน์นะ
00:25:24 → 00:25:26 คือเขาไม่เชื่อ
00:25:26 → 00:25:28 เพราะผมได้ยินอย่างนี้เนี่ยคุณผู้ฟัง
00:25:28 → 00:25:29 เชื่อไหมครับว่า
00:25:29 → 00:25:32 ผมไม่ได้รู้สึกโกรธหรือว่าไม่ได้รู้สึก
00:25:32 → 00:25:35 เกลียดหรือว่าไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรกับ
00:25:35 → 00:25:39 เขาเลยนะครับเพราะว่าผมก็คิดว่าสำหรับคน
00:25:39 → 00:25:43 ทั่วไปการที่เขาไม่เข้าใจว่าเป็นไปได้ยัง
00:25:43 → 00:25:46 ไงที่ใครบางคนจะทำอะไรแบบนี้โดยที่ไม่มี
00:25:46 → 00:25:49 รายได้แล้วต้องออกทางเองเป็นไปไม่ได้นะ
00:25:49 → 00:25:52 คือการที่เขาไม่เข้าใจแบบนี้เนี่ยผมก็
00:25:52 → 00:25:55 เชื่อว่าก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้นะเพราะ
00:25:55 → 00:25:59 ว่ามันก็ยากจริงๆนะถ้าจะมีใครทำแบบนั้น
00:25:59 → 00:26:01 เพราะเราคิดอย่างนั้นปุ๊บเราก็เลยไม่ได้
00:26:01 → 00:26:04 รู้สึกโกรธหรืออะไรเขาเลยก็ไม่เป็นไรเขา
00:26:04 → 00:26:07 จะพูดอะไรก็เรื่องของเขาก็ในเมื่อเราไม่
00:26:07 → 00:26:10 ได้เป็นเราก็ไม่ได้เป็นผมก็คิดง่ายๆแค่
00:26:10 → 00:26:13 นี้นะครับคืออันดับแรกก็คือพอเราได้ยิน
00:26:13 → 00:26:16 เนี่ยเราไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรแต่เราก็ไม่
00:26:16 → 00:26:19 ได้รู้สึกว่าวางได้ง่ายๆเพียงแต่ว่าหลัง
00:26:19 → 00:26:22 จากที่เรามาประมวลสิ่งที่เขาคิดนะครับ
00:26:22 → 00:26:24 สิ่งที่เขาพูดเนี่ย
00:26:24 → 00:26:28 พอเรามาประมวลแล้วเนี่ยเราถึงจะทำใจหรือ
00:26:28 → 00:26:31 ว่าทำให้ใจเราสบายได้ง่ายขึ้น
00:26:31 → 00:26:34 ประมวลว่าอ๋อสิ่งที่เขาที่เขาไม่เชื่อ
00:26:34 → 00:26:35 เนี่ย
00:26:35 → 00:26:40 มันก็มันก็ไม่น่าเชื่อจริงๆเพราะว่าก็คง
00:26:40 → 00:26:43 เป็นการยากที่ใครจะทำอะไรแบบนี้
00:26:43 → 00:26:45 แสดงว่าสิ่งที่เขาบอกว่าเขาไม่เชื่อมันก็
00:26:45 → 00:26:48 เป็นเรื่องที่เชื่อยากจริงๆ
00:26:48 → 00:26:51 เพราะพอเราคิดอย่างนั้นปุ๊บแล้วเราก็คิด
00:26:51 → 00:26:54 ว่าการที่เขาไม่เข้าใจเราก็เป็นเรื่อง
00:26:54 → 00:26:57 ปกติที่เขาจะไม่เข้าใจเรา
00:26:57 → 00:27:00 แล้วก็ไม่ต้องโกรธอะไรเขาแล้วก็เข้าใจเขา
00:27:00 → 00:27:03 พอเราคิดได้อย่างนี้ครับคุณผู้ฟังเราก็
00:27:03 → 00:27:06 วางสิ่งนั้นลงได้ง่ายๆเลยครับ
00:27:06 → 00:27:07 แต่ว่า
00:27:07 → 00:27:11 หลังจากนั้นพอเขาพูดอย่างนั้นแล้วเราไม่
00:27:11 → 00:27:14 ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจหรือว่าเป็น
00:27:14 → 00:27:17 ทุกข์อะไรหรือว่าโกรธอะไรเราไม่รู้สึก
00:27:17 → 00:27:20 อะไรเลยเนี่ยผมก็ไม่รู้เหมือนกันนะครับ
00:27:20 → 00:27:22 ว่าการที่เขาไปพูดลับหลังแบบนั้นแล้วเขา
00:27:22 → 00:27:25 เขามีความปรารถนาอะไรหรือเขาประสงค์อะไร
00:27:25 → 00:27:28 แต่พอเราก็ยังสบายดีอยู่เนี่ยผมก็ไม่ได้
00:27:28 → 00:27:31 ตามต่อนะครับว่าหลังจากนั้นเขาเป็นยังไง
00:27:31 → 00:27:33 หรือเขารู้สึกยังไง
00:27:33 → 00:27:37 เพียงแต่ว่าในแง่ของเราผมก็คิดว่าเราก็คง
00:27:37 → 00:27:40 ทำสิ่งที่เราคิดว่าเราทำถูกต้องต่อไปก็
00:27:40 → 00:27:42 เท่านั้น
00:27:42 → 00:27:44 เพราะฉะนั้นคุณผู้ฟังครับอันนี้ก็เป็น
00:27:44 → 00:27:47 เคล็ดลับอย่างง่ายๆในมุมของผมนะครับที่
00:27:47 → 00:27:49 อยากจะแบ่งปันในวันนี้ว่า
00:27:49 → 00:27:52 จดหมายตีกลับถ้าเราส่งจดหมายแล้วเข้าไม่
00:27:52 → 00:27:55 ได้รับจดหมายนั้นจะตีกลับมาหาเราซึ่งเป็น
00:27:55 → 00:27:57 ผู้ส่งครับ
00:27:57 → 00:28:00 อารมณ์ความรู้สึกก็เหมือนกันครับ
00:28:00 → 00:28:03 อารมณ์ความรู้สึกที่เราโกรธคุณมัวถ้าเรา
00:28:03 → 00:28:06 ส่งไปหาคนอื่นแล้วเขาไม่รับสิ่งนั้นจะถูก
00:28:06 → 00:28:09 ตีกลับมาหาเราครับ
00:28:09 → 00:28:13 และเช่นเดียวกันครับถ้ามีใครส่งมอบอารมณ์
00:28:13 → 00:28:17 ความรู้สึกที่ไม่ดีมาหาเราและถ้าเราไม่
00:28:17 → 00:28:21 รับเราก็ไม่ขุ่นมัวนะครับและสิ่งนั้นก็จะ
00:28:21 → 00:28:26 ถูกตีกลับไปหาเขาเช่นกันครับจดหมายตีกลับ
00:28:26 → 00:28:28 ทั้งในชีวิตของการสนับสนุนหมายและในชีวิต
00:28:28 → 00:28:31 จริงนะครับคุณผู้ฟังประเด็นสำคัญอยู่ตรง
00:28:31 → 00:28:34 นี้ครับว่าเรารู้ตัวหรือไม่และถ้าเรา
00:28:34 → 00:28:38 เลือกได้เราจะจัดการยังไงกับมันเรามี
00:28:38 → 00:28:40 สิทธิ์เลือกครับเพราะฉะนั้นคุณระหว่าง
00:28:40 → 00:28:43 ครับศัลยกรรมความสุขในวันนี้ผมวีระพงษ์
00:28:43 → 00:28:45 ทวีศักดิ์ก็ต้องขอลาไปก่อนนะครับขอบพระ
00:28:45 → 00:28:48 คุณผู้ฟังทุกท่านสำหรับการติดตามรับฟัง
00:28:48 → 00:28:51 สวัสดีครับ
00:28:51 → 00:28:54 ตามรายการทางเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นของ
00:28:54 → 00:29:09 ไทย PES
00:29:09 → 00:29:14 [เพลง]