00:00:00 → 00:00:00 [เพลง]
00:00:00 → 00:00:04 นี่คือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคุณดาวน์โหลด
00:00:04 → 00:00:09 ได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android
00:00:09 → 00:00:12 สวัสดีค่ะยินดีต้อนรับเข้าสู่ Orchid
00:00:12 → 00:00:15 podcast กับช่วงเวลาของรายการโรคซึม
00:00:15 → 00:00:18 เศร้าที่เราจะพาทุกคนร่วมเดินทางไปในโลก
00:00:18 → 00:00:21 ซึมเศร้าที่อยากจะบอกว่าเจนเคยก้าวผ่าน
00:00:21 → 00:00:24 มันมานะคะซึ่งในระหว่างทางอ่ะค่ะมันก็มี
00:00:24 → 00:00:27 เรื่องราวเกิดขึ้นมากมายเลยซึ่งเราก็เลย
00:00:27 → 00:00:30 อยากจะมาแชร์ให้ทุกๆคนฟังเผื่อเราจะเคย
00:00:30 → 00:00:32 เดินอยู่ในโลกซึมเศร้าเหมือนๆกันซึ่งวัน
00:00:32 → 00:00:34 นี้นะคะอยู่กับจีนค่ะแล้วก็อยู่กับมิ้น
00:00:34 → 00:00:38 ค่ะสวัสดีค่ะสวัสดีค่ะพี่เจนแล้วก็สวัสดี
00:00:38 → 00:00:41 คุณผู้ฟังด้วยวันนี้เราจะมาพูดคุยกันถึง
00:00:41 → 00:00:44 เรื่องของการอยู่ร่วมกันยังไงกับคนที่
00:00:44 → 00:00:47 เป็นโรคซึมเศร้าหรือคนที่เป็นโรคซึมเศร้า
00:00:47 → 00:00:50 อยู่ร่วมกับคนรอบข้างยังไงตอนที่อ่านหัว
00:00:50 → 00:00:54 ข้อนี้รู้สึกว่าคิดถึงภาพภาพนึงก็คือภาพ
00:00:54 → 00:00:56 ของระบบสุริยะมันให้ความรู้สึกเหมือนกับ
00:00:56 → 00:00:58 ว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอ่ะก็คือคนที่
00:00:58 → 00:01:01 เป็นดวงอาทิตย์อยู่ตรงและดาวบริวารอื่นๆ
00:01:01 → 00:01:04 ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ก็เปรียบเสมือนคนรอบ
00:01:04 → 00:01:07 ข้างที่อยู่รอบๆของคนที่เป็นโรคซึมเศร้า
00:01:07 → 00:01:10 เนาะซึ่งในวันนี้เราก็จะมาคุยกันทั้งใน
00:01:10 → 00:01:12 มุมของคนที่เป็นโรคซึมเศร้าแล้วก็คนที่
00:01:12 → 00:01:15 เป็นคนรอบข้างค่ะของคนที่เป็นโรคซึมเศร้า
00:01:15 → 00:01:18 ด้วยอยากถามพี่เจนก่อนเลยตอนที่พี่เจน
00:01:18 → 00:01:22 เป็นโรคซึมเศร้าเปลี่ยนไปยังไงบ้างแบบถ้า
00:01:22 → 00:01:25 เทียบระหว่างตอนที่เป็นกับไม่เป็นพูดได้
00:01:25 → 00:01:27 คำเดียวว่าแบบเปลี่ยนไปเยอะมากเปลี่ยนไป
00:01:27 → 00:01:32 เยอะมากๆแบบสดชื่นสดใสร่าเริงชอบทำ
00:01:32 → 00:01:34 กิจกรรมก็แบบเป็นคนละคู่เลยค่ะคือไม่ชอบ
00:01:34 → 00:01:39 ทำไม่อยากทำไม่อยากไปไม่อยากคุยเออน้ำ
00:01:39 → 00:01:42 หนักก็ลดลงเยอะด้วยซึ่งนี่แหละพูดไปเนี่ย
00:01:42 → 00:01:44 แหละว่ามันมันต่างกันมากเลยอ่ะค่ะคือมัน
00:01:44 → 00:01:47 เป็นทางเลือกของความรู้สึกเรื่องความคิด
00:01:47 → 00:01:49 เรื่องการกระทำของเราด้วยจริงแล้วก็เออ
00:01:49 → 00:01:52 อ่อนไหวง่ายอ่ะอ่อนไหวง่ายนิดหน่อยก็ร้อง
00:01:52 → 00:01:56 ไห้รู้สึกแบบถอดๆๆถอยจริงๆแล้วหลายๆคนน่า
00:01:56 → 00:01:58 จะเป็นเหมือนพี่เจนเนาะว่าเวลาที่เราก้าว
00:01:58 → 00:02:01 ขาเข้าไปเป็นถือว่าไปเกี่ยวข้องกับโรคซึม
00:02:01 → 00:02:04 เศร้าแล้วว่าเราจะรู้สึกว่าทุกอย่างมัน
00:02:04 → 00:02:09 ยากใช่ค่ะทุกอย่างมันยากยากมากด้วยแบบไม่
00:02:09 → 00:02:11 ว่าจะทำอะไรมันมันยากไปหมดเลยอ่ะแล้วในณ
00:02:11 → 00:02:14 ตอนนั้นน่ะตอนที่พี่เจนเป็นอ่ะพี่เจนรู้
00:02:14 → 00:02:16 สึกว่าอยากได้รับความเข้าใจมากน้อยขนาด
00:02:16 → 00:02:20 ไหนตอนที่เป็นอยากได้รับความเข้าใจมาก
00:02:20 → 00:02:24 เรียกว่ามากเกินไปไหมเพราะว่านะตอนนั้น
00:02:24 → 00:02:27 น่ะก็คือเหมือนเราเหมือนเราซึมเศร้าเนอะ
00:02:27 → 00:02:30 แล้วเราไม่รู้ว่าไอ้สิ่งที่เกิดขึ้นกับ
00:02:30 → 00:02:33 เราอารมณ์ที่มันเกิดขึ้นทำไมมันถึงมาทำไม
00:02:33 → 00:02:36 มันถึงเป็นเราอ่ะก็ยังไม่เข้าใจตัวเราเอง
00:02:36 → 00:02:39 เราก็เลยรู้สึกว่าเราอยากที่จะมีคนเข้าใจ
00:02:39 → 00:02:42 อารมณ์ความรู้สึกนี้ไปกับเราด้วยจังเผื่อ
00:02:42 → 00:02:45 มันจะช่วยกันแหละทำให้เราดีขึ้นซึ่งมัน
00:02:45 → 00:02:48 อาจจะเป็นวิธีที่ถูกหรือผิดไม่รู้แต่ณตอน
00:02:48 → 00:02:50 นั้นมันรู้สึกแบบนั้นก็เลยคาดหวังมากว่า
00:02:51 → 00:02:54 จะมีคนเข้าใจในความซึมเศร้าของเราความที่
00:02:54 → 00:02:57 เราไม่อยากไปทำอะไรเนี่ยเป็นเพราะว่าเฮ้ย
00:02:57 → 00:02:59 เราเศร้ามากเลยนะเราไม่ได้ขี้เกียจคือใจ
00:02:59 → 00:03:02 จริงๆเราอยากทำมากเลยนะแต่ว่าเราลุกไปทำ
00:03:02 → 00:03:07 ไม่ไหวแต่ว่าในความโชคดีก็คือโชคดีที่พี่
00:03:07 → 00:03:10 เจนมีคนรอบข้างที่แบบสนิทมากก็คือ
00:03:10 → 00:03:13 ครอบครัวเข้าใจมันก็เลยทำให้เราเบาขึ้นใน
00:03:13 → 00:03:16 ส่วนนี้ไม่มีใครมาพูดกับเราว่าลุกไปหา
00:03:16 → 00:03:21 อะไรทำได้แล้วหรือว่านอนทั้งวันเลยไม่มี
00:03:21 → 00:03:23 คนพูดอย่างนี้มันก็เลยเป็นเป็นความโชคดี
00:03:23 → 00:03:27 โชคดีนึงแต่ก็ต้องยอมรับบ้างว่าเราไม่ได้
00:03:27 → 00:03:30 อยู่กับครอบครัวในทุกวันบางวันเราก็ต้อง
00:03:30 → 00:03:33 ไปเจอคนที่เขาไม่ได้เข้าใจอ่ะที่เขาเป็น
00:03:33 → 00:03:35 ซึมเศร้าคือเป็นอะไรคือแกล้งเป็นหรือ
00:03:35 → 00:03:38 เปล่าคือแบบก็ออกไปหาอะไรทำก็หายใช่ไหม
00:03:38 → 00:03:42 เออมันจะมีคนแบบนั้นอยู่ซึ่งถ้าเราเจอเรา
00:03:42 → 00:03:46 ก็จะ supper หนักมากหนักมากๆซึ่งเดี๋ยวจะ
00:03:46 → 00:03:49 ไปพูดในข้อถัดไปว่าเอ้ยแล้วเราจัดการมัน
00:03:49 → 00:03:51 ยังไงทำมันยังไงใช่ไหมคะคือพอพี่เจนพูด
00:03:51 → 00:03:54 ถึงเรื่องของความคาดหวังอ่ะจริงๆมินรู้
00:03:54 → 00:03:57 สึกว่าเออมันเป็นไปได้นะที่ทั้งคนที่เป็น
00:03:57 → 00:03:59 โรคซึมเศร้าแล้วก็ไม่เป็นโรคซึมเศร้า
00:03:59 → 00:04:02 เนี่ยจะมีความคาดหวังต่อคนรอบข้างว่าไม่
00:04:02 → 00:04:04 ว่าเราจะเป็นอะไรเราก็อยากให้คนอื่นเข้า
00:04:04 → 00:04:07 ใจเราในแบบมุมของเราอ่ะเนอะเออแต่เข้าใจ
00:04:07 → 00:04:10 เลยว่าพอเราเป็นโรคซึมเศร้าปุ๊บอ่ะความ
00:04:10 → 00:04:13 คาดหวังหรือว่าความต้องการตรงนี้มันจะมาก
00:04:13 → 00:04:16 ขึ้นเพราะว่าพอเป็นโรคซึมเศร้าแล้วอ่ะ
00:04:16 → 00:04:19 ความต้องการการพึ่งพิงการต้องความต้องการ
00:04:19 → 00:04:22 การเป็นที่ยอมรับหรือว่าอะไรแบบนี้มันจะ
00:04:22 → 00:04:25 เยอะขึ้นเนอะซึ่งมันเลยทำให้เราต้องการ
00:04:25 → 00:04:27 ความเข้าใจมากขึ้นไปด้วยอ่ะใช่ค่ะเพราะ
00:04:27 → 00:04:30 ว่าอย่างที่บอกเลยว่าเหมือนเราต้องการที่
00:04:30 → 00:04:32 พึ่งพิงและต้องการการยอมรับมากขึ้นเพราะ
00:04:32 → 00:04:35 อย่างที่บอกว่าซึมเศร้ามันดูจะเป็นโรคที่
00:04:35 → 00:04:38 หลายๆคนไม่เข้าใจและในแมงมุมเราก็ยังไม่
00:04:38 → 00:04:41 เข้าใจเราเลยต้องการที่จะมีคนมาช่วยเรา
00:04:41 → 00:04:44 สักนิดนึงเพราะฉะนั้นการที่เราพูดถึงกัน
00:04:44 → 00:04:46 ในหัวข้อนี้จริงๆแล้วอยากบอกคุณผู้ฟังมาก
00:04:46 → 00:04:49 ๆเลยว่าการรับฟังแล้วก็การปฏิบัติต่อกัน
00:04:49 → 00:04:52 โดยการเอาใจเขามาใส่ใจเราไม่ตัดสินด้วย
00:04:52 → 00:04:55 อคติส่วนตัวเนี่ยจึงเป็นเรื่องสำคัญมากๆ
00:04:55 → 00:04:58 เลยไม่ว่ากับใครเนาะใช่ค่ะแล้วก็อยากถาม
00:04:58 → 00:05:01 พี่เจนด้วยค่ะว่าจะรู้สึกยังไงเวลาที่คน
00:05:01 → 00:05:03 ถามเราเกี่ยวกับโรคซึมเศร้าเหมือนกับว่า
00:05:03 → 00:05:06 ถ้าคนรอบตัวรู้แล้วอ่ะว่าเราเป็นโรคซึม
00:05:06 → 00:05:08 เศร้าแล้วเขาถามว่าเฮ้ยเป็นโรคซึมเศร้า
00:05:08 → 00:05:10 หรอมันเป็นยังไงหรืออะไรแบบนี้พี่เจนรู้
00:05:10 → 00:05:15 สึกยังไงมันจะมี 2 กรณีบางทีก็รำคาญต้อง
00:05:15 → 00:05:18 พูดแบบนี้เลยนะเออหรือบางทีก็อยากตอบมากๆ
00:05:18 → 00:05:22 เพราะว่ามันมี 2 แบบอย่างที่บอกคือบางคน
00:05:22 → 00:05:23 เขาอยากรู้ว่าเป็น How to คืออยากรู้
00:05:23 → 00:05:26 จริงๆว่าหนูรู้สึกยังไงหนูเป็นยังไงแต่
00:05:26 → 00:05:29 กับอีกคนนึงกลุ่มนึงก็จะรู้สึกว่าแบบถาม
00:05:29 → 00:05:33 เพราะว่าเป็นได้ยังไงทำไมถึงเป็นเออมันก็
00:05:33 → 00:05:36 เลยรู้สึกว่าบางทีเรารำคาญนะถ้ามีคนมาถาม
00:05:36 → 00:05:38 เราในแง่ที่เรารับรู้ได้เลยว่าเขาไม่ได้
00:05:38 → 00:05:40 ไม่ต้องการจะรู้เพื่อไปเป็นประโยชน์เออ
00:05:40 → 00:05:44 แต่กับบางกลุ่มก็โอ๊ยน่ารักมากคืออยากรู้
00:05:44 → 00:05:47 ว่าหนูเป็นยังไงจะได้ teach การดูแลกัน
00:05:47 → 00:05:48 ถูกอะไรอย่างเงี้ยเออมันเลยเหมือนกับว่า
00:05:48 → 00:05:52 ตัดใจที่ทำให้เราจะรู้สึกรำคาญหรือรู้สึก
00:05:52 → 00:05:54 อยากตอบอ่ะมันเป็นเรื่องของเจตนาของคน
00:05:54 → 00:05:56 อื่นเหมือนกันเนาะว่าเค้าเข้ามาถามเพราะ
00:05:57 → 00:05:59 อะไรเงี้ยใช่ค่ะอืม
00:05:59 → 00:06:02 แล้วแน่นอนว่าคนรอบข้างอ่ะพี่เจนมันจะมี
00:06:02 → 00:06:05 ทั้งคนที่ติดตาม Content กับไม่ติดตาม
00:06:05 → 00:06:08 Content เออพอติดตาม Content ปุ๊บมิ้น
00:06:08 → 00:06:10 เชื่อว่าเขาจะมีความเข้าใจในระดับนึงแล้ว
00:06:10 → 00:06:13 เขาก็จะสามารถปฏิบัติตัวกับเราได้อย่าง
00:06:13 → 00:06:17 ไม่ตัดสินไม่มีอคติแต่มันจะมีบางกลุ่มแน่
00:06:17 → 00:06:20 ๆแหละที่คนเป็นโรคซึมเศร้าจะต้องไปเจอ
00:06:20 → 00:06:23 แล้วเขาไม่มีความเข้าใจแบบไม่ได้มีความ
00:06:23 → 00:06:25 รู้ไม่ได้มีความเข้าใจเกี่ยวกับคนที่เป็น
00:06:25 → 00:06:28 โรคซึมเศร้าเลยพี่เจนเคยเจอแบบนั้นไหม
00:06:28 → 00:06:30 แล้วรับมือยังไงอย่างที่น้องมิ้นบอกเลย
00:06:30 → 00:06:32 ว่าส่วนมากอาจจะเป็นคนที่ห่างออกมาอีก
00:06:32 → 00:06:35 ระดับนึงเนาะแล้วก็อย่างที่บอกไปว่าคนที่
00:06:35 → 00:06:38 บ้านค่อนข้างเข้าใจก็เลยโอเคแต่อย่างที่
00:06:38 → 00:06:41 บอกเราไม่ได้อยู่แต่บ้านใช่ไหมคะก็ตอนแรก
00:06:41 → 00:06:45 ๆอ่ะคือเราไม่ชอบเลยว่าทำไมเขาต้องเหมือน
00:06:45 → 00:06:48 ไม่เข้าใจด้วยทำไมเค้าไม่มีความรู้เรื่อง
00:06:48 → 00:06:51 นี้ทำไมเขาจึงตัดสินคนอื่นแบบมันเกิดคำ
00:06:51 → 00:06:54 ถามว่าทำไมทำไมทำไมเยอะไปหมดเลยแล้วพอ
00:06:54 → 00:06:57 ทำไมแล้วอ่ะมันเกิดความทุกข์กับตัวเองมาก
00:06:57 → 00:06:59 กว่าเดิมไงเราไปคาดหวังว่าเขาจะต้องไม่
00:06:59 → 00:07:02 เข้าใจหรือไม่ตัดสินซึ่งตอนนั้นน่ะมัน
00:07:02 → 00:07:04 suffer มากเลยมันรู้สึกแย่มากเลยแต่พอ
00:07:04 → 00:07:06 ผ่านไปสักพักอ่ะมันจะค่อยๆมีความคิดว่า
00:07:06 → 00:07:09 เออไม่เป็นไรหรอกที่เขาจะไม่เข้าใจก็
00:07:09 → 00:07:12 เรื่องของเขาก็ไม่เป็นไรเพราะว่าบางวัน
00:07:12 → 00:07:14 เราก็รู้สึกว่าเราก็ไม่เข้าใจตัวเอง
00:07:14 → 00:07:16 เหมือนกันไม่เข้าใจอีกความซึมเศร้านี้
00:07:16 → 00:07:19 เหมือนกันไม่แปลกที่คนรอบข้างอ่ะจะไม่
00:07:19 → 00:07:21 เข้าใจเพราะว่ามันก็เป็นเรื่องที่ยาก
00:07:21 → 00:07:24 สำหรับเขานะถ้าเขาไม่ได้มีความรู้เกี่ยว
00:07:24 → 00:07:25 กับโรคซึมเศร้า
00:07:26 → 00:07:28 อย่างที่บอกว่ามันก็ไม่ได้เข้าใจกันง่าย
00:07:28 → 00:07:29 ใช่ไหมคะ
00:07:29 → 00:07:31 ถึงมันจะเป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก
00:07:31 → 00:07:35 เถอะเอออันนี้เข้าใจมากๆเลยพี่เจนแต่ยัง
00:07:35 → 00:07:37 ดีนะที่ทุกวันเนี้ยเหมือน Content เกี่ยว
00:07:37 → 00:07:40 กับสุขภาพจิตแล้วก็โรคทางอารมณ์ต่างๆ
00:07:40 → 00:07:43 เนี่ยมีให้ดูแล้วก็ให้ฟังเยอะมากๆเลยคิด
00:07:43 → 00:07:45 ว่าหลายคนน่าจะพอเข้าใจโลกนี้ในระดับนึง
00:07:45 → 00:07:48 แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าการสื่อสารมันไม่
00:07:48 → 00:07:50 สำคัญเนาะเพราะหลายๆครั้งอ่ะถ้าสมมุติว่า
00:07:50 → 00:07:53 เราไม่ได้สื่อสารกันน่ะมันก็อาจจะทำให้
00:07:53 → 00:07:55 เกิดความเข้าใจผิดกันได้เหมือนกันนะอืม
00:07:55 → 00:08:00 แล้วก็มิ้นอยากแชร์เรื่องนี้ว่าพูดถึง
00:08:00 → 00:08:02 Content แนวนี้จะเยอะแต่ก็ไม่ได้ปรับใช้
00:08:02 → 00:08:05 ได้กับทุกคนเสมอไปเห็นด้วยกับน้องมิ้นมาก
00:08:05 → 00:08:08 ๆคือมิน่าเคยคุยกับเพื่อนคนนึงแล้วเพื่อน
00:08:08 → 00:08:10 เล่าให้ฟังว่าไม่อยากได้ยินคำว่าเก่งมาก
00:08:10 → 00:08:14 ตอนที่รู้สึกดาวเพราะเขารู้สึกว่าในตอน
00:08:14 → 00:08:16 นั้นน่ะเขาไม่ได้เก่งเขาไม่ได้อยากจะเก่ง
00:08:16 → 00:08:20 อะไรตอนนี้ในขณะที่เพื่อนอีกคนที่เป็นโรค
00:08:20 → 00:08:22 ซึมเศร้ากลับรู้สึกดีที่ได้ยินคำว่าเก่ง
00:08:22 → 00:08:25 มากจากคนรอบข้างทำให้มินคิดว่าเออเรื่อง
00:08:25 → 00:08:28 นี้แสดงให้เห็นเลยว่าทุกคนน่ะมีความแตก
00:08:28 → 00:08:31 ต่างกันทุกคนตีความสิ่งที่ได้ยินแตกต่าง
00:08:31 → 00:08:33 กันถึงแม้ว่าจะเป็นซึมเศร้าเหมือนกันก็
00:08:33 → 00:08:35 ไม่ได้หมายความว่าจะรู้สึกกับคำว่าเก่ง
00:08:35 → 00:08:37 มากเหมือนกันเหมือนที่มิ้นเล่าเออการสื่อ
00:08:37 → 00:08:39 สารให้เข้าใจกันว่าโอเคหรือไม่โอเคกับ
00:08:39 → 00:08:41 อะไรมันเลยเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆเลยเนาะ
00:08:41 → 00:08:45 พี่เจนมีไหมที่รู้สึกไม่ดีกับคำพูดที่ออก
00:08:45 → 00:08:48 มาด้วยเจตนาดีของคนอื่นมีถ้าย้อนกลับไป
00:08:48 → 00:08:50 ตอนนั้นพี่เจนจำภาพได้ไม่ค่อยชัดแต่รู้
00:08:50 → 00:08:53 สึกว่าจะรู้สึกแย่กับคำว่าอย่าคิดมากซึ่ง
00:08:53 → 00:08:56 ฮุ้ยมันมันยากมากเลยนะตอนนั้นที่ที่เราจะ
00:08:56 → 00:09:00 ไม่คิดมากที่เราจะทำยังไงให้มันไม่คิดมาก
00:09:00 → 00:09:04 เพราะว่าจัดการไม่ได้เลยอ่ะนึกออกไหมคะก็
00:09:04 → 00:09:07 เลยรู้สึกแย่มากที่มันจะต้องอย่าคิดมาก
00:09:07 → 00:09:10 เพราะมันกดดันเออเราก็เลยรู้สึกนั่นแหละ
00:09:10 → 00:09:13 เหมือนมันแย่สำหรับเราแต่พอช่วงเวลาผ่าน
00:09:13 → 00:09:16 ไปเรื่อยๆมันก็จะดีขึ้นมันก็จะรู้สึกว่า
00:09:16 → 00:09:19 เออก็อย่าคิดมากคำนี้เป็นคำที่พูดได้คือ
00:09:19 → 00:09:21 มันอยู่ในช่วงช่วงความรู้สึก Level
00:09:21 → 00:09:23 อารมณ์ของเราด้วยอ่ะค่ะเพราะมันอยู่แค่
00:09:23 → 00:09:26 ไหนอ่ะเอออันนี้ก็จริงนะแบบมันเป็นปัจจัย
00:09:26 → 00:09:29 ที่สำคัญมากๆพอเม้นเองก็เป็นเหมือนพี่เจน
00:09:29 → 00:09:33 คือรู้สึกว่าเวลามีคนพูดคำว่าอยากคิดมาก
00:09:33 → 00:09:36 ใส่เราอ่ะเราจะตีความได้ 2 แบบถ้าเราอยู่
00:09:36 → 00:09:38 คนละอารมณ์คือถ้าเราอยู่ในอารมณ์ที่ดิ่ง
00:09:38 → 00:09:41 มากๆยังไงก็เลิกคิดเรื่องนี้ไม่ได้อ่ะเรา
00:09:41 → 00:09:44 จะรู้สึกนะว่าคนนี้ดูไม่พยายามจะเข้าใจ
00:09:44 → 00:09:47 เราเลยเออเพราะว่าเราทำไม่ได้ไงอะไรเงี้ย
00:09:47 → 00:09:49 แต่พอพูดว่าอย่าคิดมากปุ๊บเราก็เลยรู้สึก
00:09:49 → 00:09:53 แย่อะไรอย่างเงี้ยแต่พอเป็นในบริบทอื่น
00:09:53 → 00:09:55 ที่เราอาจจะไม่ได้รู้สึกแย่นะตอนนั้นอ่ะ
00:09:55 → 00:09:57 คำว่าอย่าคิดมากบางทีมันก็เออก็จริงนะ
00:09:57 → 00:09:59 อะไรแบบเนี้ยมันก็รู้สึกแบบนี้ได้เหมือน
00:09:59 → 00:10:03 กันเราก็อีกอันนึงที่สำคัญเลยคือด้วยความ
00:10:03 → 00:10:05 ที่อย่างที่พี่เจนเล่าให้ฟังว่าแบบพี่เจน
00:10:05 → 00:10:08 มีที่บ้านที่เข้าใจในณตอนนั้นแต่สำหรับ
00:10:08 → 00:10:11 บางคนเนี่ยคือเขาไม่มีคนรอบข้างเลยจริงๆ
00:10:11 → 00:10:15 เออที่จะ support เขาที่จะอยู่เคียงข้าง
00:10:15 → 00:10:18 รับฟังอะไรอย่างนี้พี่เจนคิดว่าลอง
00:10:18 → 00:10:20 จินตนาการดูว่าเราไม่มีที่บ้านหรือว่าแบบ
00:10:20 → 00:10:23 เราต้องออกไปทำงานแล้วที่ทำงานตรงนั้นไม่
00:10:23 → 00:10:24 มีใครเข้าใจเราเลยพี่เจนคิดว่าจะรับมือ
00:10:24 → 00:10:27 ยังไงได้บ้างเบื้องต้นเบื้องต้นใช่ไหมพี่
00:10:27 → 00:10:30 เจนรู้สึกว่าเราต้องร้องขอความช่วยเหลือ
00:10:30 → 00:10:35 จากสิ่งที่บางทีอาจจะเรารู้สึกว่าไม่เคย
00:10:35 → 00:10:38 มองเห็นตรงนั้นมาก่อนเช่นคนที่เราไม่เคย
00:10:38 → 00:10:41 คุยด้วยหรือที่พึ่งทางจิตใจอื่นเช่น
00:10:41 → 00:10:44 ศิลปินดารานี่ดูไปเลยค่ะหรือแม้แต่
00:10:44 → 00:10:47 กระทั่งแบบนกหมาแมวอ่ะเออช่วงนั้นมีช่วง
00:10:48 → 00:10:49 นึงที่พี่เจนไปแล้วรู้สึกว่าเฮ้ยมันดีนะ
00:10:49 → 00:10:52 ก็คือการไปให้อาหารปลาแล้วฉันก็คือพูดกับ
00:10:52 → 00:10:53 ปลาจ้า
00:10:53 → 00:10:57 อาจจะเหมือนเป็นคนบ้าแต่ก็คือรู้สึกว่า
00:10:57 → 00:11:00 มันก็ดีนะที่เราได้ไปหาปลาปลามันเยอะมาก
00:11:00 → 00:11:02 แล้วมันก็แบบกินแย่งกันกินแล้วฉันก็พูด
00:11:02 → 00:11:05 กับปากว่าแบบกินอิ่มไหมเออกินเยอะๆนะมัน
00:11:06 → 00:11:08 เหมือนคนบ้าแต่มันก็เป็นการเติมพลังให้
00:11:08 → 00:11:10 เราอย่างนึงมันทำให้เราได้เห็นอีกมุมนึง
00:11:10 → 00:11:13 จากโลกมืดๆของเราอ่ะเรามีนึกออกมั้ยมันก็
00:11:13 → 00:11:16 เลยคิดว่าสิ่งเนี้ยน่าจะช่วยได้อะไรก็ได้
00:11:16 → 00:11:20 ที่อาจจะไม่ใช่คนรอบข้างมากๆแต่แบบให้มัน
00:11:20 → 00:11:24 ขยายออกไปอีกอืมไปเป็นสิ่งอื่นหรือว่าคน
00:11:24 → 00:11:28 อื่นที่นอกจากคนรอบข้างแทนค่ะใช่ค่ะเออ
00:11:28 → 00:11:31 ต้นมงต้นไม้อะไรก็น่าจะช่วยได้นะไปให้
00:11:31 → 00:11:33 ความสำคัญกับสิ่งอื่นน่ะเพราะว่าเหมือน
00:11:33 → 00:11:35 ตอนนั้นน่ะเราให้ความสำคัญกับคนรอบข้าง
00:11:35 → 00:11:37 ใช่มั้ยเราก็เลยต้องการที่จะความซัพพอร์ต
00:11:37 → 00:11:39 จากคนรอบข้างซึ่งเข้าใจมันเป็นเรื่องปกติ
00:11:39 → 00:11:42 อื้อแต่ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถทำได้เราก็ลอง
00:11:42 → 00:11:46 ขยายมันไปอีกอย่างที่บอกค่ะอืมอันนี้ดี
00:11:46 → 00:11:50 มากเลยเรามิ้งอยากแชร์ด้วยเสริมว่าสิ่ง
00:11:50 → 00:11:52 สำคัญอีกอย่างนึงคือเราต้องถามตัวเองให้
00:11:52 → 00:11:54 แน่ใจด้วยว่าเราไม่มีใครซัพพอร์ตจริงๆ
00:11:54 → 00:11:57 หรือว่าเราไม่ยอมให้คนอื่น support เออ
00:11:57 → 00:12:00 อันนี้มันสำคัญนะในกรณีผนังที่ว่าไม่ยอม
00:12:00 → 00:12:02 ให้ใคร support เนี่ยมันเกิดขึ้นได้
00:12:02 → 00:12:05 เหมือนกันด้วยความที่คนเป็นโรคซึมเศร้า
00:12:05 → 00:12:08 อ่ะหลายๆคนจะมีการโทษตัวเองจะมีความกลัว
00:12:08 → 00:12:11 ว่าตัวเองจะเป็นภาระกับคนรอบข้างหรือ
00:12:11 → 00:12:13 เปล่าเออในกรณีนี้เลยทำให้คนที่เป็นโรค
00:12:13 → 00:12:16 ซึมเศร้าไม่กล้าที่จะเอื้อมมือไปขอความ
00:12:16 → 00:12:19 ช่วยเหลือจากใครจนบางครั้งมันก็สายไปเกิด
00:12:19 → 00:12:22 ความสูญเสียต่างๆหรือว่าบางทีอาการมันอาจ
00:12:22 → 00:12:25 จะรุนแรงจนแบบรักษาได้ยากแล้วอะไรอย่าง
00:12:25 → 00:12:27 นี้เลยรู้สึกว่าเอออันนี้ก็สำคัญเหมือน
00:12:27 → 00:12:30 กันนะในเรื่องของการสำรวจตัวเองแล้วก็การ
00:12:30 → 00:12:32 สื่อสารให้คนรอบข้างรู้แบบที่พี่เจนบอก
00:12:32 → 00:12:35 ว่าศาลใช่บางทีเราต้องขอความช่วยเหลือออก
00:12:35 → 00:12:39 ไปตรงๆอืมแต่ในกรณีที่รู้สึกไม่สะดวกใจ
00:12:39 → 00:12:42 ที่จะขอความช่วยเหลือจากคนรอบข้างจริงๆ
00:12:42 → 00:12:45 มิ้นมี 3 อย่างที่อยากจะแชร์ด้วยค่ะอย่าง
00:12:45 → 00:12:47 แรกอันนี้อาจจะคล้ายๆวีเจเหมือนกันนะคือ
00:12:47 → 00:12:49 การรับสัตว์เลี้ยงการที่เราเอาตัวไป
00:12:49 → 00:12:52 คลุกคลีกับสัตว์เลี้ยงอ่ะเออเพราะว่ามัน
00:12:52 → 00:12:55 มีผลการวิจัยออกมาจริงๆที่ยืนยันว่าสัตว์
00:12:55 → 00:12:57 เลี้ยงเนี่ยช่วย Heal ใจได้จริงเรามิ้น
00:12:57 → 00:12:59 น่ะอยากแชร์ว่าเคยเห็นจะเห็นทวิสนึงด้วย
00:13:00 → 00:13:02 ที่เกี่ยวกับเหตุผลในการมีชีวิตและมีคน
00:13:03 → 00:13:05 นึงเขาเล่าว่าเขาเป็นซึมเศร้าแต่สุดท้าย
00:13:05 → 00:13:07 แล้วเขาก็ไม่อยากที่จะตายหรือเขาไม่ได้
00:13:07 → 00:13:10 อยากที่จะทำร้ายตัวเองเพราะเขารู้สึกว่า
00:13:10 → 00:13:13 อ้าวแล้วใครจะให้อาหารแมวอะไรอย่างนี้เออ
00:13:13 → 00:13:16 พี่เข้าใจเลยอ่ะเป็นที่พึ่งพิงพึ่งพาทาง
00:13:16 → 00:13:20 ใจอีกอย่างนึงเราก็อย่างที่ 2 อันนี้อาจ
00:13:20 → 00:13:23 จะเข้ามาสู่การเป็นคนมั่งก็คือการใช้
00:13:23 → 00:13:27 บริการอาสาสมัครรับฟังเท่าที่มินรู้จักจะ
00:13:27 → 00:13:30 มี 2 ช่องทางก็คือมีสมาคมสมาชิกท่านแล้ว
00:13:30 → 00:13:33 ก็สายด่วนสุขภาพจิตอันนี้ก็อยากแนะนำไว้
00:13:33 → 00:13:35 เผื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งให้กับคนผู้ฟัง
00:13:35 → 00:13:38 ที่รู้สึกว่าไม่สามารถพึ่งพาใครได้จริงๆ
00:13:38 → 00:13:41 เอออยากแชร์ด้วยว่าส่วนตัวเคยลองใช้
00:13:41 → 00:13:43 บริการของสมาคมสมาชิกแล้วได้รับ
00:13:43 → 00:13:46 ประสบการณ์ที่ดีนะเหมือนรู้สึกได้เลยว่า
00:13:46 → 00:13:50 อาสาสมัครทุกคนที่เราเคยโทรไปอ่ะแล้วเขา
00:13:50 → 00:13:52 รับอ่ะถูกเทรนมาเพื่อเป็นเพื่อนรับฟังเรา
00:13:52 → 00:13:56 จริงๆอืมเราก็สุดท้ายเลยก็คือ 3 พบผู้
00:13:56 → 00:14:00 เชี่ยวชาญเพราะแน่นอนเลยว่าในทุกรายการ
00:14:00 → 00:14:02 ของช่องเราต่างพูดถึงเรื่องการไปปรึกษา
00:14:02 → 00:14:05 นักวิชาชีพอยู่เสมอเนาะเออว่ามันไม่ใช่
00:14:05 → 00:14:07 เรื่องแปลกหรือว่าเรื่องผิดปกติแค่มี
00:14:07 → 00:14:09 เรื่องที่ไม่สบายใจจัดการไม่ได้เนี่ยก็
00:14:09 → 00:14:12 สามารถไปพูดคุยกับนักวิชาชีพได้เลยซึ่ง
00:14:12 → 00:14:15 มันก็มีทั้งช่องทางออนไลน์ช่องทางออนไลน์
00:14:15 → 00:14:18 ตามโรงพยาบาลให้เลือกเนาะเออแต่อยากถาม
00:14:18 → 00:14:21 พี่เจนเพิ่มขึ้นมาอย่างนึงด้วยว่าตอนที่
00:14:21 → 00:14:25 พี่เจนรู้สึกว่าตัวเองกำลังแย่ตัวเอง
00:14:25 → 00:14:28 กำลังก้าวเข้าสู่โลกซึมเศร้าจริงๆอ่ะตอน
00:14:28 → 00:14:30 นั้นพี่เจนมีการจัดการตัวเองยังไงให้
00:14:30 → 00:14:34 พร้อมในการไปปรึกษาแพทย์เพราะจริงๆหลายๆ
00:14:34 → 00:14:36 คนจะกลัวว่าแบบเฮ้ยเราไม่กล้าไปปรึกษา
00:14:36 → 00:14:38 แพทย์อ่ะเรากลัวแบบคนอื่นมองว่าเราไม่
00:14:38 → 00:14:42 โอเคหรืออะไรแบบเนี้ยจริงๆไม่ค่อยรู้สึก
00:14:42 → 00:14:47 แบบนั้นเท่าไหร่แต่แอบมีเล็กๆน้อยๆในใจ
00:14:47 → 00:14:50 บ้างเออแต่คิดว่าก็มันป่วยแล้วมันก็ต้อง
00:14:50 → 00:14:53 หาหมอแล้วว่าเนาะมันมันไม่ไหวแล้วแล้วก็
00:14:53 → 00:14:56 เนื่องด้วยมันอาจจะเริ่มจากคนรอบข้างเอง
00:14:56 → 00:14:59 ด้วยที่บอกให้เราไปหาหมอ
00:14:59 → 00:15:01 มันก็เลยทำให้เราไม่ได้รู้สึกว่ามันจะ
00:15:01 → 00:15:05 แปลกประหลาดอะไรอันนี้ดีมากๆเลยเนาะการ
00:15:05 → 00:15:09 ที่ได้รับการสนับสนุนจากคนรอบข้างให้ไปพบ
00:15:09 → 00:15:11 นักวิชาชีพจริงๆมันก็เป็นปัจจัยสำคัญ
00:15:11 → 00:15:14 เหมือนกันนะที่ทำให้คนคนนึงกล้าที่จะไป
00:15:14 → 00:15:18 ใช่ค่ะแต่ว่าทั้งนี้ทั้งนั้นถึงแม้ว่าเรา
00:15:18 → 00:15:21 จะไม่ได้มีครอบครัวทุกคนรอบข้างซัพพอร์ต
00:15:21 → 00:15:23 ในการไปหาหมอแต่พี่รู้สึกว่าถึงจะไม่มี
00:15:23 → 00:15:25 ใครพาไปยังไงเราก็ควรไปหาหมอเองเพราะว่า
00:15:25 → 00:15:28 เหมือนมันดีต่อตัวเราเองอ่ะใครจะคิดยังไง
00:15:28 → 00:15:31 ก็อาจจะเป็นเรื่องของความคิดเขาแต่ท้าย
00:15:31 → 00:15:33 ที่สุดแล้วผลของการไปหาหมอเนี่ยมันทำให้
00:15:33 → 00:15:36 ตัวเราเองดีขึ้นน่ะมันก็ควรที่จะทำใช่ไหม
00:15:36 → 00:15:40 คะอืมคือมันเป็นทางเลือกที่ดีจริงๆใช่อืม
00:15:40 → 00:15:43 เพราะว่าหลายๆครั้งอ่ะหลายๆคนอาจจะคิดว่า
00:15:43 → 00:15:46 แบบเฮ้ยเราต้องเป็นที่พึ่งแห่งตนแบบเราจะ
00:15:46 → 00:15:48 ต้องแบบโอ้โหทำได้ด้วยตัวเองจัดการได้
00:15:48 → 00:15:50 ด้วยตัวเองทุกอย่างซึ่งบางทีมันเป็นไปไม่
00:15:50 → 00:15:54 ได้เนาะอืมใช่ทีนี้เรามาพูดกันถึงประเด็น
00:15:54 → 00:15:56 อีกประเด็นนึงบ้างเป็นอีกฝั่งนึงแล้วกัน
00:15:56 → 00:15:59 เออคือคน
00:15:59 → 00:16:01 ด้านข้างที่อยู่กับคนที่เป็นโรคซึมเศร้า
00:16:01 → 00:16:03 น้องมิ้นเคยมีประสบการณ์ด้านนี้ไหมคะเป็น
00:16:03 → 00:16:06 ประสบการณ์ตรงเลยที่อยากเล่าให้ฟังคือ
00:16:06 → 00:16:08 มิ้นเคยอยู่ในจุดของคนที่เข้าใจผิดมาก่อน
00:16:09 → 00:16:12 คือจำได้ว่าตอนนั้นน่ะเรายังเข้าใจโลกนี้
00:16:12 → 00:16:16 ไม่มากพอรวมถึงเราอ่ะยังไม่ได้สนิทกับ
00:16:16 → 00:16:19 เพื่อนคนนั้นมากพอที่จะรู้ด้วยว่าเขาเป็น
00:16:19 → 00:16:21 โรคซึมเศร้ามานานแค่ไหนรุนแรงแค่ไหนแล้ว
00:16:21 → 00:16:24 แต่จำได้ว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่จะต้องทำ
00:16:24 → 00:16:27 งานกลุ่มแล้วคนนั้นหายไปอ่ะตอนนั้นเรา
00:16:27 → 00:16:30 สารภาพเลยว่าเราตัดสินไปก่อนว่าเพราะเขา
00:16:30 → 00:16:32 ขี้เกียจเพราะเขาไม่อยากช่วยแต่พอได้เข้า
00:16:32 → 00:16:35 ใจโลกนี้มากขึ้นเราก็ได้สนิทกับเพื่อนคน
00:16:35 → 00:16:38 นั้นมากขึ้นจนรู้ว่าโอเคเขาเป็นโรคซึม
00:16:38 → 00:16:40 เศร้านะอย่างเงี้ยความคิดจึงค่อยๆเปลี่ยน
00:16:40 → 00:16:44 ไปอืมแล้วเชื่อไหมคะว่าในวันที่มิ้นแย่
00:16:44 → 00:16:47 อ่ะเพื่อนที่เป็นซึมเศร้าคนนั้นแหละที่
00:16:47 → 00:16:50 ช่วยเหลือหนูอืมน่ารักใช่คือพามิ้นไป
00:16:50 → 00:16:53 ปรึกษาอาจารย์แล้วก็อยู่รอมิ้นท์ในณตอน
00:16:53 → 00:16:56 นั้นจากเหตุการณ์นั้นมิ้นท์เลยคิดว่าจุด
00:16:56 → 00:16:58 แข็งนึงของคนที่เป็นโรคซึมเศร้าอ่ะ
00:16:58 → 00:17:02 คือเขาจะเข้าใจความเศร้าของคนอื่นได้ดี
00:17:02 → 00:17:05 เพราะว่าเขาได้ผ่านการสัมผัสกับสิ่งนั้น
00:17:05 → 00:17:08 มาได้ด้วยตัวเองแล้วอะไรอย่างนี้จุดนั้น
00:17:08 → 00:17:10 แหละที่ทำให้ทัศนคติของเรามันเปลี่ยนไป
00:17:10 → 00:17:13 เลยอย่างสิ้นเชิงจากที่ตอนแรกมันค่อยๆ
00:17:13 → 00:17:15 เปลี่ยนมันอ๋อโรคซึมเศร้ามันเป็นแบบนี้
00:17:15 → 00:17:17 แต่จากเหตุการณ์นี้คือเราเปลี่ยนไปเลยว่า
00:17:17 → 00:17:21 มันไม่ได้หมายความว่าเขาขี้เกียจเขาไม่
00:17:21 → 00:17:24 อยากทำไม่อยากช่วยแต่มันคือการที่เขาไม่
00:17:24 → 00:17:27 ไหวในณตอนตอนนั้นนะห้วงอารมณ์ของเขาในตอน
00:17:27 → 00:17:30 นั้นจริงๆซึ่งทุกวันนี้ก็รู้สึกขอบคุณ
00:17:30 → 00:17:32 เพื่อนคนนั้นมาจนถึงทุกวันนี้นะอยากให้
00:17:32 → 00:17:34 ทุกคนที่เผชิญอยู่เนี่ยก้าวข้ามผ่านวัน
00:17:34 → 00:17:38 ยากๆเหล่านั้นไปได้มากๆเฮ้ยแต่ฟังแล้วดี
00:17:38 → 00:17:42 จังเลยแล้วก็รู้สึกว่าบางครั้งการที่เรา
00:17:42 → 00:17:45 เป็นโรคซึมเศร้ามันอาจจะมีบางมุมเล็กๆที่
00:17:45 → 00:17:48 มันเป็นสิ่งที่ดีเกิดขึ้นกับตัวเราเองและ
00:17:48 → 00:17:52 เกิดขึ้นกับคนอื่นด้วยใช่อย่างที่เล่าไป
00:17:52 → 00:17:55 เลยว่าเรื่องจุดแข็งอ่ะว่าคือการที่แบบ
00:17:55 → 00:17:58 เขาเป็นโรคซึมเศร้าอะไรหลายๆคนอาจจะคิด
00:17:58 → 00:18:01 ว่าแบบเราเป็นโรคซึมเศร้าเราไปเป็นภาระคน
00:18:01 → 00:18:03 อื่นเราเป็นตัวปัญหาของคนอื่นๆแต่จริงๆ
00:18:03 → 00:18:05 แล้วอย่าลืมว่าเรานี่แหละที่ได้ผ่านและ
00:18:06 → 00:18:08 ได้สัมผัสกับความเศร้าจนเราสามารถเข้าใจ
00:18:08 → 00:18:12 แล้วก็ห่วงใยคนอื่นๆได้ดีใช่ค่ะจริงๆเลย
00:18:12 → 00:18:15 พี่แอนก็รู้สึกว่าบางมุมก็รู้สึกโชคดีมาก
00:18:15 → 00:18:18 เลยนะที่ที่เป็นโรคซึมเศร้าวันนั้นเพราะ
00:18:18 → 00:18:21 ว่ารู้สึกว่าวันนี้ก็มีหลายๆคนที่ทักเข้า
00:18:21 → 00:18:23 มาปรึกษาแล้วก็เหมือนเราก็ได้เป็นเพื่อน
00:18:23 → 00:18:26 คุยและทำให้คนๆนึงดีขึ้นหรือรู้สึกดีขึ้น
00:18:26 → 00:18:30 ในช่วงเวลานึงเออเพราะว่าเหมือนเราเข้าใจ
00:18:30 → 00:18:32 ว่าเขารู้สึกยังไงและอีกอย่างนึงที่ชวนมา
00:18:32 → 00:18:34 พูดคุยเรื่องของโรคซึมเศร้านี่ก็พอนี่
00:18:34 → 00:18:37 แหละเรารู้สึกว่าเราอยากทำให้คนที่เอออาจ
00:18:37 → 00:18:39 จะอยู่ในห้วงเวลาของความซึมเศร้าอ่ะได้
00:18:39 → 00:18:43 รู้สึกว่ามีคนที่เข้าใจอยู่นะแล้วก็เรา
00:18:43 → 00:18:46 เข้าใจว่ามันเป็นความรู้สึกยังไงอืมแล้ว
00:18:46 → 00:18:48 อยากจะ support คืออย่าลืมว่าการที่เรา
00:18:48 → 00:18:50 เป็นโรคซึมเศร้าแล้วเราจัดการอะไรตัวเอง
00:18:50 → 00:18:53 ไม่ไหวเนี่ยเราก็อาจจะซัพพอร์ตคนอื่นได้
00:18:53 → 00:18:56 โดยไม่รู้ตัวก็ได้นะใช่ค่ะอืมแล้วเมื่อ
00:18:57 → 00:18:59 สักครู่เนี่ยเราพูดคุยกันไปถึงจาก
00:18:59 → 00:19:01 ประสบการณ์ของคนที่อยู่ร่วมกับโรคซึม
00:19:01 → 00:19:04 เศร้าแล้วแล้วตอนนั้นพี่เจนล่ะใน
00:19:04 → 00:19:06 ประสบการณ์ของพี่เจนเองรู้สึกยังไงพี่เจน
00:19:06 → 00:19:09 รู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะที่คน
00:19:09 → 00:19:11 ที่เขาไม่ได้เป็นซึมเศร้าจะมาอยู่กับคน
00:19:11 → 00:19:14 ที่เป็นซึมเศร้านึกออกไหมเพราะว่าใน
00:19:14 → 00:19:16 อารมณ์นั้นมันเข้าใจยากเออแล้วมันจะมี
00:19:16 → 00:19:19 ความแบบอะไรก็ไม่รู้ของของคนที่เป็นโรค
00:19:19 → 00:19:22 ซึมเศร้าอยู่เนาะเช่นแบบน้อยใจอะไรค่ะ
00:19:22 → 00:19:27 อย่างที่บอกเออแต่ก็อยากจะบอกว่าให้เรานะ
00:19:27 → 00:19:30 มุมมองคนที่เป็นซึมเศร้ามองว่าเออถ้าเขา
00:19:30 → 00:19:33 ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรนะแบบไม่ได้เข้าใจ
00:19:33 → 00:19:36 ความรู้สึกไม่ได้เข้าใจว่าเราคิดยังไงก็
00:19:36 → 00:19:39 ไม่เป็นไรเลยแต่ขอให้เรารับรู้ถึงเจตนา
00:19:39 → 00:19:43 ไว้ว่าเออจริงๆเขาก็อยากช่วยเหลือนะหรือ
00:19:43 → 00:19:46 นี่อีกมุมนึงของคนที่ไม่ได้ป่วยก็ให้รับ
00:19:46 → 00:19:48 รู้ว่าคนที่เป็นซึมเศร้าเนี่ยมันเป็นปกติ
00:19:48 → 00:19:51 ของเขาแบบนี้แหละเออไม่ต้องกดดันเขานะ
00:19:51 → 00:19:53 อะไรเงี้ยอยากจะแชร์ประสบการณ์นึงว่าคือ
00:19:53 → 00:19:56 คุณพ่อเขาเคยเป็นไทรอยด์ใช่มั้ยคะแล้วก็
00:19:56 → 00:19:58 เหมือนมีภาวะซึมเศร้า
00:19:58 → 00:20:02 อืมแล้วตอนนั้นเราก็ถามแม่ว่าแม่แล้วแบบ
00:20:02 → 00:20:04 ตอนที่พ่อเป็นอย่างนี้มะแม่ทำยังไงอะไร
00:20:04 → 00:20:08 เงี้ยแม่ก็บอกไปเลยว่าก็ไม่ทำยังไงเออพ่อ
00:20:08 → 00:20:11 อยากทำอะไรก็ให้พ่อทำแบบนั้นหมายถึงว่า
00:20:11 → 00:20:13 ถ้าพ่ออยากนอนก็ให้พ่อนอนไม่ต้องไม่ต้อง
00:20:13 → 00:20:17 ไปกดดันพ่อว่าพ่อจะต้องลุกขึ้นมาหายหรือ
00:20:17 → 00:20:21 ว่าพ่อจะต้องแข็งแรงขึ้นเข้มแข็งขึ้นถ้า
00:20:21 → 00:20:25 ตอนนั้นพ่ออยากนอนก็ให้พ่อนอนก็ได้เออมัน
00:20:25 → 00:20:28 คือแค่นั้นเลยอะไรอย่างเงี้ยซึ่งโอเคบาง
00:20:28 → 00:20:31 วันเราไม่เข้าใจไม่รู้ว่าเขารู้สึกอารมณ์
00:20:31 → 00:20:35 ยังไงแต่แค่รู้ว่าเขาก็เป็นแบบนั้นแหละใน
00:20:35 → 00:20:37 ช่วงเวลานั้นกินยาให้ตรงเรียกเขามากิน
00:20:37 → 00:20:40 ข้าวบ้างเฮ้ยเดี๋ยวมันก็ดีขึ้นสิ่งสำคัญ
00:20:40 → 00:20:43 อีกอย่างนึงที่เราต้องรู้ตัวเนาะก็คือเรา
00:20:43 → 00:20:47 ใช้ความคิดทัศนคติหรือว่าอะไรบางอย่างที่
00:20:47 → 00:20:49 อยู่ในตัวเราอ่ะตัดสินเขาหรือเปล่าเพราะ
00:20:49 → 00:20:52 ว่าจริงๆแล้วปัญหาเนี้ยมันอาจจะไม่เกิด
00:20:52 → 00:20:54 ขึ้นถ้าสมมุติว่าเรารู้ตัวแล้วเราก็
00:20:54 → 00:20:56 สามารถที่จะหยุดตัวเองจากการตัดสินเขาได้
00:20:56 → 00:21:01 อืมทีนี้ที่ปัจจัยมีหลายอย่างเลยเนาะที่
00:21:01 → 00:21:04 มีผลต่อการยอมรับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าเรา
00:21:04 → 00:21:06 ก็เลยอยากจะมาแชร์กันด้วยว่ามันน่าจะมี
00:21:06 → 00:21:09 อะไรบ้างพี่เจนน่ะอยากจะเสนอแค่ข้อเดียว
00:21:09 → 00:21:11 รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องของความอดทนอันนี้
00:21:12 → 00:21:14 ในความคิดส่วนตัวนะคะเพราะว่าเหมือนว่า
00:21:14 → 00:21:16 โรคซึมเศร้ามันไม่ได้เป็นแบบ 2 วันแล้ว
00:21:16 → 00:21:20 หายมันไข้หวัดใหญ่เพราะฉะนั้นคนที่จะอยู่
00:21:20 → 00:21:23 ด้วยแล้วก็ยอมรับได้อาจจะต้องมีความอดทน
00:21:23 → 00:21:26 ที่จะรับอยู่ในช่วงเวลานั้นที่ก็ไม่รู้
00:21:26 → 00:21:29 ว่าเมื่อไหร่จะหายเมื่อไหร่จะดีขึ้นอืม
00:21:29 → 00:21:33 ใช่ค่ะแล้วจริงๆแล้วมันอาจจะไม่ได้แค่คน
00:21:33 → 00:21:35 ที่เป็นโรคซึมเศร้าด้วยนะแต่คนที่อยู่รอบ
00:21:35 → 00:21:36 ข้างมันก็ต้องมีปัจจัยนี้เหมือนกันนะ
00:21:36 → 00:21:38 เรื่องของความอดทน
00:21:38 → 00:21:42 มันคือการเปิดใจและรู้ว่าโอเคตอนนี้เขา
00:21:42 → 00:21:45 เป็นแบบนี้แต่มันจะต้องมีสักระยะเวลานึง
00:21:45 → 00:21:48 ที่เราจะต้องอดทนไปแบบเนี้ยเออจริงๆมัน
00:21:48 → 00:21:51 สำคัญมากๆเลยเราก็อยากเสริมด้วยว่ารู้สึก
00:21:51 → 00:21:54 ว่าความรู้เรื่องโรคซึมเศร้าเนี่ยก็มีผล
00:21:54 → 00:21:57 นะใช่ค่ะเออที่จะทำให้เรายอมรับคนๆนึงได้
00:21:57 → 00:22:00 อันนี้จากประสบการณ์ส่วนตัวด้วยว่าการที่
00:22:00 → 00:22:03 พอเรารู้เกี่ยวกับโรคซึมเศร้ามากขึ้น
00:22:03 → 00:22:06 เนี่ยมันก็ทำให้มินเข้าใจคนๆนึงได้มาก
00:22:06 → 00:22:09 ขึ้นจริงๆเพราะว่าเราจะรู้ได้ว่าที่เขา
00:22:09 → 00:22:13 เป็นแบบนี้ตอนนี้เพราะอาการของโรคนะและ
00:22:13 → 00:22:15 อีกอย่างหนึ่งคือเรื่องของการสื่อสารด้วย
00:22:15 → 00:22:19 ถ้าสำหรับคนรอบข้างเราอาจจะต้องถามตัวเอง
00:22:19 → 00:22:21 และสังเกตตัวเองอ่ะว่าเราได้พยายามเข้าหา
00:22:21 → 00:22:25 เขามากพอไหมเราเข้าหาเขาในแบบที่เขาสบาย
00:22:25 → 00:22:28 ใจหรือเปล่าซึ่งปัจจัยพวกนี้มันมีผลหมด
00:22:28 → 00:22:30 เลยว่าจะทำให้คนที่เป็นโรคซึมเศร้าเนี่ย
00:22:30 → 00:22:34 อยากจะสื่อสารกับเราแค่ไหนแล้วบางทีอ่ะ
00:22:34 → 00:22:37 มันก็ส่งผลไปถึงเรื่องของการยอมรับอีกที
00:22:37 → 00:22:39 นึงด้วยเหมือนกัน
00:22:39 → 00:22:42 เห็นด้วยมากเลยการพยายามสื่อสารหรือการ
00:22:42 → 00:22:46 สื่อสารคือบางทีอ่ะเราอยู่ในมุมที่เรารู้
00:22:46 → 00:22:49 สึกว่าเราเป็นภาระและเขาน่าจะไม่เข้าใจ
00:22:49 → 00:22:52 เราหรอกแต่เราลองพูดหรือยังเออใช่เราลอง
00:22:52 → 00:22:55 พูดหรือยังว่าสมมุติว่าป้าวันนี้หนูรู้
00:22:55 → 00:22:59 สึกแย่มากเลยแบบทำไมไม่มาหาหนูอยู่ในห้อง
00:22:59 → 00:23:01 เลยหรืออะไรอย่างนี้ตัดก็ไม่ได้พูดไปก็
00:23:01 → 00:23:05 คิดอยู่คนเดียวป้าจะรู้สึกว่าก็ให้หลาน
00:23:05 → 00:23:07 นอนไปเถอะเออหลังอาจจะแบบอยากอยู่คนเดียว
00:23:07 → 00:23:09 อยากนอนก็ได้อะไรอย่างเงี้ยมันก็คือความ
00:23:09 → 00:23:13 คิดที่แบบต่างกันนะการและไม่ได้คุยกันใช่
00:23:13 → 00:23:17 เออแล้วจริงๆอ่ะมินว่าหลายๆครั้งอ่ะบางที
00:23:17 → 00:23:19 มันเป็นแค่ความไม่ตรงกันของความคิดเลย
00:23:19 → 00:23:22 จริงๆนะคือบางทีเราอาจจะคิดแล้วปักเชื่อ
00:23:22 → 00:23:24 ไปแล้วว่าการที่เขาไม่เข้ามาหาเราในห้อง
00:23:24 → 00:23:27 เนี่ยมันเป็นเพราะว่าเขาไม่แคร์เราเขาไม่
00:23:27 → 00:23:29 สนใจเราเลยอะไรอย่างเงี้ยแต่จริงๆแล้วมัน
00:23:29 → 00:23:31 อาจจะมีได้อีกหลายทางเลยอย่างเช่นเขาอาจ
00:23:31 → 00:23:33 จะคิดแบบที่พี่เจนบอกว่าเอออยากปล่อยให้
00:23:33 → 00:23:35 นอนอยากปล่อยให้อยู่คนเดียวเขาอาจจะอยาก
00:23:35 → 00:23:38 อยู่คนเดียวอะไรเงี้ยซึ่งบางทีเออเพราะ
00:23:38 → 00:23:39 ฉะนั้นการศึกษามันถึงสำคัญ
00:23:39 → 00:23:44 แล้วถ้าในมุมของการรับมือล่ะคะถ้าต้อง
00:23:44 → 00:23:47 เป็นผู้ที่ต้องดูแลผู้ป่วยเป็นโรคซึม
00:23:47 → 00:23:50 เศร้าอย่างแรกเลยที่อยากแชร์คือการเป็น
00:23:50 → 00:23:53 ผู้รับฟังที่ดีแล้วก็คอยอยู่เคียงข้างอัน
00:23:53 → 00:23:55 นี้อยากถามพี่เจนนะว่ามิ้นเข้าใจถูกไหม
00:23:55 → 00:23:58 ว่าคนที่เป็นโรคซึมเศร้าเนี่ยบางครั้งเขา
00:23:58 → 00:23:59 ไม่ได้ต้องการต้องการอะไรจากคนรอบข้างมาก
00:23:59 → 00:24:02 มายหรอกแต่เขาเพียงแค่ต้องการคนรับฟัง
00:24:02 → 00:24:04 แล้วก็คนที่คอยอยู่เคียงข้างเท่านั้นเอง
00:24:04 → 00:24:08 ใช่ใช่ค่ะสำหรับตัวพี่เตี้ยเองนะเพราะว่า
00:24:08 → 00:24:11 ณเวลาตอนนั้นน่ะมีมุมนึงที่ต้องการคนเข้า
00:24:11 → 00:24:15 ใจแต่มีอีกมุมนึงที่เออก็แค่คอยอยู่เคียง
00:24:15 → 00:24:18 ข้างแค่นี้พอจำได้วันนั้นตอนนั้นตอนที่
00:24:18 → 00:24:19 เราป่วยเรานอนใช่ไหมคะเราไม่อยากทำอะไร
00:24:19 → 00:24:22 เรานอนทั้งวันเลยอ่ะป้าเขาก็ไม่ได้เข้ามา
00:24:22 → 00:24:25 คุยหรือมาถามว่าเป็นยังไงนะเขาแค่น้องเจน
00:24:25 → 00:24:29 กินข้าวกลางวันแล้วตอนเย็นวันนี้ไปเก็บ
00:24:29 → 00:24:31 มะระให้ป้าหน่อยคือเขาก็จะแบบเค้าก็จะแบบ
00:24:31 → 00:24:34 เหมือนอยู่เคียงข้างแต่ไม่มาถามว่าเป็น
00:24:34 → 00:24:37 ยังไงลูกวันนี้รู้สึกตึ๊ดๆๆเป็นไงไม่ต้อง
00:24:37 → 00:24:39 ไปคิดเรื่องนั้นหรอกไม่ต้องอ่ะคือมันไม่
00:24:39 → 00:24:41 ได้เป็นไม่ได้เป็นแบบนั้นน่ะแต่แค่รู้สึก
00:24:41 → 00:24:44 ว่าเฮ้ยอย่างน้อยยังมีคนอยู่เคียงข้างยัง
00:24:44 → 00:24:48 เรียกเราไปกินข้าวอืมแค่นั้นเลยอื้อแต่
00:24:48 → 00:24:50 ว่าจริงๆแอบอยากแชร์เหมือนกันนะว่ามินก็
00:24:50 → 00:24:52 เคยมีเหมือนกันอาจจะไม่ได้ถึงขั้นเป็นโรค
00:24:52 → 00:24:56 ซึมเศร้าเลยอาจจะไม่ไม่ได้เข้าใจหรอกแต่
00:24:56 → 00:24:59 มิ้นเองก็เคยมีช่วงเวลาที่ติ่งนะแบบเรา
00:24:59 → 00:25:01 รู้สึกว่าเราดาวน์มากเลยช่วงนี้อะไรเงี้ย
00:25:01 → 00:25:04 เราก็รู้สึกเหมือนกันว่าเวลาที่เราจะบอก
00:25:04 → 00:25:07 อะไรใครอ่ะว่าเราเป็นแบบนี้ว่าเรารู้สึก
00:25:07 → 00:25:09 ไม่โอเคเราก็รู้สึกว่าเราไม่ได้ต้องการคำ
00:25:09 → 00:25:12 พูดคำคมหรืออะไรก็แล้วแต่ที่จะมาช่วยฉุด
00:25:12 → 00:25:15 ให้เราดีขึ้นนะเราแค่อยากได้คนที่แบบอยู่
00:25:15 → 00:25:17 เป็นเพื่อนเราเฉยๆอ่ะ
00:25:17 → 00:25:20 บางทีมันก็เป็นความต้องการแค่น้ำคืออยาก
00:25:20 → 00:25:22 จะแชร์อีกมุมมองนึงด้วยว่าเมื่อคนที่ต้อง
00:25:22 → 00:25:26 ดูแลเราคนรอบข้างเราอ่ะเป็นคนที่โอเคอาจ
00:25:26 → 00:25:31 จะอยู่ในยุคของแบบโบราณหน่อยเออเพราะว่า
00:25:31 → 00:25:33 ป้าพี่เจนเป็นแล้วรู้สึกว่าเขาอ่ะก็เห็น
00:25:33 → 00:25:37 เราเศร้าใช่ไหมเขาก็แบบน้องเจนเดี๋ยวป้า
00:25:37 → 00:25:41 พาไปทำบุญลูกไปสะเดาะเคราะห์ต่อชะตาเออ
00:25:41 → 00:25:46 แบบอะไรเค้าเรียกว่าบังสกุลเออแล้วเขาก็
00:25:46 → 00:25:50 แบบพาพี่เจนไปสะบัดผ้าแล้วก็บอกเกินใหม่
00:25:50 → 00:25:54 แล้วนะลูกเออก็เลยอ่ะพอพูดแบบนี้ก็เลยรู้
00:25:54 → 00:25:57 สึกว่าเขาอาจจะทำในสิ่งที่เราเอ๊ะอีหยัง
00:25:57 → 00:26:21 วะ
00:26:21 → 00:26:58 [เพลง]
00:26:58 → 00:27:01 นิสัยของโรคซึมเศร้าซึ่งส่วนใหญ่นิสัยที่
00:27:01 → 00:27:04 เปลี่ยนไปเนี่ยมักจะเป็นนิสัยของโรคซึม
00:27:04 → 00:27:06 เศร้าซะส่วนใหญ่เนาะถ้าเราเข้าใจว่าที่
00:27:06 → 00:27:09 เขาเป็นแบบนี้ตอนนี้เพราะอาการของโรคเรา
00:27:09 → 00:27:12 ก็จะเข้าใจเขาแล้วก็เข้าใจโลกนี้มากยิ่ง
00:27:12 → 00:27:16 ขึ้นด้วยเออเข้าใจโรคแล้วเข้าใจตัวเขาเออ
00:27:16 → 00:27:19 สำคัญมากๆเลยเนอะและข้อต่อมาที่สำคัญไม่
00:27:19 → 00:27:22 แพ้กันเลยก็คือการรู้ทันอคติของตัวเอง
00:27:22 → 00:27:26 เมื่อไหร่ที่เรามีอคติเกิดขึ้นเราอาจจะ
00:27:26 → 00:27:28 ลองหยุดพักก่อนก็ได้เพื่อถามตัวเองแล้วก็
00:27:28 → 00:27:31 รีเช็คกับตัวเองดูว่าเรากำลังตัดสินคนที่
00:27:31 → 00:27:34 เป็นโรคซึมเศร้าเนี่ยบนฐานความคิดของเรา
00:27:34 → 00:27:36 อยู่หรือเปล่าเพราะอย่าลืมว่าทุกคนเนี่ย
00:27:36 → 00:27:39 มีเงื่อนไขมีปัญหาแล้วก็มีภูมิต้านทานที่
00:27:39 → 00:27:42 แตกต่างกันถ้าเรารู้ทันอคติตัวเองได้เรา
00:27:42 → 00:27:45 ก็จะเข้าใจเขาได้ดีขึ้นและอีกข้อหนึ่งที่
00:27:45 → 00:27:46 สำคัญเหมือนกันและอยากพูดถึงก็คือการ
00:27:46 → 00:27:48 หมั่นดูแลตัวเอง
00:27:48 → 00:27:52 สำหรับคนรอบข้างที่ดูแลคนที่เป็นโรคซึม
00:27:52 → 00:27:55 เศร้าเนี่ยเฮ้ยเฮ้ยถูกต้องถูกต้องโอเค
00:27:55 → 00:27:58 มิ้นเคยอ่านหนังสือชื่อเหตุเกิดเกิดจาก
00:27:58 → 00:28:02 ความเหงาหมอปีผู้เขียนเนี่ยเขาบอกว่าความ
00:28:02 → 00:28:05 รู้สึกเป็นโรคติดต่อทุกคนส่งผ่านความรู้
00:28:05 → 00:28:08 สึกต่อกันได้โดยง่ายโดยที่ไม่ต้องพูดคุย
00:28:08 → 00:28:10 กันด้วยซ้ำมิลลี่คิดว่าความเศร้ามันก็
00:28:10 → 00:28:13 เป็นความรู้สึกนึงเหมือนกันจึงเป็นไปได้
00:28:13 → 00:28:16 ที่ครอบครัวเพื่อนเพื่อนร่วมงานหรือใครก็
00:28:16 → 00:28:18 แล้วแต่นะจะรู้สึกเศร้าไปด้วยเมื่ออยู่
00:28:18 → 00:28:21 กับคนที่เป็นโรคซึมเศร้าเพราะงั้นสิ่งที่
00:28:21 → 00:28:24 สำคัญไม่แพ้กันดูแลคนที่เรารักก็คืออย่า
00:28:24 → 00:28:27 ลืมที่จะมันดูแลร่างกายเราก็จิตใจตัวเอง
00:28:27 → 00:28:30 ไปพร้อมๆกับเขาด้วยสำคัญมากๆเลยค่ะเออพี่
00:28:30 → 00:28:33 เจนก็ว่าแล้วว่าทำไมป้าไม่ค่อยเดินเข้ามา
00:28:33 → 00:28:35 ในห้องแบบคิดว่าเขาเออเข้าใจเราว่าเรา
00:28:35 → 00:28:37 อยากอยู่คนเดียวอ๋อเปล่าจ้าไม่อยากมารับ
00:28:37 → 00:28:40 พลังงานซึมเศร้าจากเราเอออันนี้มันอาจจะ
00:28:40 → 00:28:43 เป็นไปได้แต่ว่าเอาจริงๆมันก็เป็นได้หลาย
00:28:43 → 00:28:45 รูปแบบเอออย่างที่พวกเราบอกกันมันก็อยู่
00:28:45 → 00:28:49 ที่การสื่อสารกันด้วยใช่เออเราพูดมาถึง
00:28:49 → 00:28:51 ขนาดนี้แล้วแต่ท้ายที่สุดแล้วอ่ะแน่นอน
00:28:51 → 00:28:54 ว่าเราจะพบเจอทั้งคนที่เข้าใจเราและไม่
00:28:54 → 00:28:57 เข้าใจเราไม่ว่าเราจะเป็นโรคซึมเศร้าหรือ
00:28:57 → 00:29:58 ไม่เป็นโรค
00:29:58 → 00:30:01 ทำให้คุณผู้ฟังไม่สบายใจหรือไม่พอใจเจนก็
00:30:01 → 00:30:03 ต้องขอโทษด้วยณที่นี้ด้วยค่ะเพราะมันก็
00:30:03 → 00:30:06 เป็นมุมมองส่วนตัวแน่นอนว่าทุกคนต่างก็มี
00:30:06 → 00:30:09 มุมมองแล้วก็ข้อคิดเห็นที่ต่างกันค่ะใช่
00:30:09 → 00:30:12 แล้วสำหรับวันนี้นะคะถ้าคุณผู้ฟังคนไหน
00:30:12 → 00:30:15 ที่กำลังเศร้าๆอยู่เราฟัง EP นี้เจนกับ
00:30:15 → 00:30:18 มิ้นก็ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะแล้วก็พบกัน
00:30:18 → 00:30:21 ใหม่ใน Episode ต่อไปนะคะสวัสดีค่ะสวัสดี
00:30:21 → 00:30:24 ค่ะ
00:30:24 → 00:30:27 นี่คือพื้นที่ปลอดภัยสำหรับคุณดาวน์โหลด
00:30:27 → 00:30:30 ได้แล้ววันนี้ทั้ง iOS และ Android
00:30:30 → 00:30:35 [เพลง]