00:00:00 → 00:00:02 ความดันโลหิตสูงเฉียบพลันภัยเงียบที่อาจ
00:00:02 → 00:00:04 จะเกิดขึ้นได้โดยไม่รู้ตัวนะครับและ
00:00:04 → 00:00:06 เรื่องนี้ก็สร้างความวิตกกังวลให้กับผู้
00:00:06 → 00:00:09 สูงอายุรวมถึงบรรดาลูกๆหลานๆในครอบครัว
00:00:09 → 00:00:12 อีกด้วยนะครับความดันสูงเฉียบพลันแตกต่าง
00:00:12 → 00:00:14 จากความดันสูงเรื้อรังอย่างไรวันนี้เราจะ
00:00:14 → 00:00:17 ทำความรู้จักภาวะนี้กันนะครับในบุพการี
00:00:18 → 00:00:20 ที่เคารพคู่มือการดูแลพ่อแม่ของคนเลูกใน
00:00:20 → 00:00:23 วันนี้นะ
00:00:23 → 00:00:26 ครับคนส่วนมากเนี่ยเมื่อใช้ชีวิตผ่านไป
00:00:26 → 00:00:28 เนี่ยก็จะมีความเสื่อมทางสุขภาพและ
00:00:28 → 00:00:32 ประชากรของเราจำนวนมากมีใช้ชีวิตอยู่กับ
00:00:32 → 00:00:34 ปัจจัยที่มันก่อกวนเส้นเลือดครับมาหลาย
00:00:34 → 00:00:37 สิบ
00:00:37 → 00:00:42 ปีแต่อยู่มาวันดีคืนดีอยู่ๆวันนั้นไปเช็ค
00:00:42 → 00:00:45 ค่าความดันรเอมันมันพุ่งสูงปรี๊ดขึ้นมา
00:00:45 → 00:00:47 อ่าอย่างงี้สาเหตุมันจะมาจากอะไรครับแล้ว
00:00:47 → 00:00:50 เขาควรจะต้องจัดการยังไงครับความดันสูงก็
00:00:50 → 00:00:52 เป็นสตกได้ง่ายเส้นเลือดแตกได้ง่ายหัวใจ
00:00:52 → 00:00:56 โตได้ง่ายไเสื่อมอืได้ง่ายกว่าคนที่ความ
00:00:56 → 00:00:59 ดันไม่สูงคือคือแย่หลายหลายประตูมากแต่
00:00:59 → 00:01:01 มันไม่ได้สำคัญหรอกว่าคุณเพิ่งขึ้นตอนนี้
00:01:01 → 00:01:04 หรือค่อยๆไต่มา 3 วันจนถึงจุดนี้คือถ้า
00:01:04 → 00:01:06 มันถึงจุดระเบิดมันก็คือจุดระเบิดแล้ว
00:01:06 → 00:01:08 อย่างกรณีที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆเช่น
00:01:08 → 00:01:11 นอนๆอยู่แล้วก็ไปเลยอะไรอย่างเงี้ยนะครับ
00:01:11 → 00:01:13 เราก็มาเอ่อคนก็เรจะตั้งคำถามว่าเอ้อเกิด
00:01:13 → 00:01:15 มันเกิดจากอะไรขึ้นพวกนี้มันมีส่วนกับ
00:01:15 → 00:01:17 เกี่ยวกับพวกเรื่องความดันเจ็บพลันมั้ย
00:01:17 → 00:01:20 ครับความดันสูงอ่ะมันมักจะไม่มีอาการคน
00:01:20 → 00:01:23 หนุ่มๆสาวๆเวลาความดันสูงนะครับอืเ่อต้อง
00:01:23 → 00:01:26 ไปเช็คว่ามีโรคแอบอยู่มั้ยถ้ามีโรคอยู่จะ
00:01:26 → 00:01:29 ได้จัดการโรคต้นทางให้ความดันมันไม่ต้อง
00:01:29 → 00:01:30 ขึ้น
00:01:30 → 00:01:34 [เพลง]
00:01:34 → 00:01:37 บุพการีที่เคารพคู่มือการดูแลพ่อแม่ของคน
00:01:38 → 00:01:40 เจนลูกถ้าชอบเนื้อหาแบบนี้ก็อย่าลืมกด
00:01:40 → 00:01:42 Subscribe ไว้ด้วยนะครับผมเชื่อว่าถ้า
00:01:43 → 00:01:45 ใครอยู่กับคุณพ่อคุณแม่หรือว่าผู้สูงวัย
00:01:45 → 00:01:47 ที่บ้านนะครับจะเห็นว่ายาประจำตัวอย่าง
00:01:47 → 00:01:50 หนึ่งที่ต้องกินก็คือยาลดความดันนะครับ
00:01:50 → 00:01:53 เพราะว่าเรื่องโรคความดันโลหิตสูงนี่
00:01:53 → 00:01:56 เรียกว่าเป็นโรคยอดนิยมในหมู่ของผู้ใหญ่
00:01:56 → 00:01:58 หรือผู้สูงอายุนันะครับแต่หรือแม้กระทั่ง
00:01:58 → 00:02:01 ตอนนี้ผมเข้าใจว่ารุ่นเด็กๆก็อาจจะมีกัน
00:02:01 → 00:02:03 บ้างแล้วนะครับเพราะฉะนั้นผมเลยคิดว่าวัน
00:02:03 → 00:02:06 นี้เราน่าจะมาลองทำความเข้าใจเรื่องโรค
00:02:06 → 00:02:09 นี้กันนะครับว่ามีที่มาที่ไปอย่างไรนะ
00:02:09 → 00:02:11 ครับแบ่งออกเป็นอย่างไรบ้างป้องกันยังไง
00:02:11 → 00:02:14 รักษายังไงนะครับวันนี้เรายังอยู่กับคุณ
00:02:14 → 00:02:16 หมอพาริชวงแพทย์นะครับอาจารย์แพทย์
00:02:16 → 00:02:19 เวชศาสตร์ฟื้นฟูโรงพยาบาลสำโรงการแพทย์
00:02:19 → 00:02:22 แล้วก็เจ้าของเพจ Stoke บูท Camp ด้วยนะ
00:02:22 → 00:02:23 ครับสวัสดีครับคุณหมอพิครับสวัสดีครับ
00:02:23 → 00:02:26 สวัสดีครับพบกันอีกรอบนึงนะครับฮะวันนี้
00:02:26 → 00:02:29 เราคุยเรื่องโรคยอดนิยมนะครับโรคความดัน
00:02:29 → 00:02:32 โลหิตสูงถ้าเอาเอาพื้นๆก่อนครับคุณหมอว่า
00:02:32 → 00:02:34 ทำไมคนมีอายุมากๆแล้วต้องเป็นความดัน
00:02:34 → 00:02:37 โลหิตสูงด้วยครับเชื่อว่ามีกลไกหลายอย่าง
00:02:37 → 00:02:40 ร่วมกันอือทำให้เอ่อเมื่อมีอายุแล้วความ
00:02:40 → 00:02:43 ดันก็จะมีแนวโน้มจะสูงขึ้นครับอันที่ 1
00:02:43 → 00:02:47 ก็คือความแข็งตัวของเส้นเลือดนะครับฮะ
00:02:47 → 00:02:50 เส้นเลือดเนี่ยเมื่อมีอายุการใช้งานมาก
00:02:50 → 00:02:52 ขึ้นมากขึ้นเนี่ยมันมีแนวโน้มจะแข็งขึ้น
00:02:52 → 00:02:56 อือเมื่อเราต้องหมุนเวียนเลือดไปทั่วร่าง
00:02:56 → 00:02:59 กายต้องใช้แรงดันแต่ว่าท่อสายยางที่เรา
00:03:00 → 00:03:03 ใช้นำเลือดนั้นไปเนี่ยมันแข็งกว่าเดิมแรง
00:03:03 → 00:03:05 ดันมันก็ยมเพิ่มขึ้นอ๋อมันแข็งกว่าเดิม
00:03:05 → 00:03:08 เพราะว่ามันใช้งานมานานงฮะครับตามอายุการ
00:03:08 → 00:03:11 ใช้งานอันที่ 2 นอกจากเรื่องของความแข็ง
00:03:11 → 00:03:14 ของเส้นเลือดมันก็มีอีกว่าคนส่วนมากเนี่ย
00:03:14 → 00:03:17 เมื่อใช้ชีวิตผ่านไปเนี่ยก็จะมีความ
00:03:17 → 00:03:20 เสื่อมทางสุขภาพอืมีปัญหาสุขภาพต่างๆที่
00:03:20 → 00:03:24 เกิดขึ้นฮะหลายอย่างก็มีปลายทางมากระทบทำ
00:03:24 → 00:03:26 ให้เส้นเลือดมันแข็งหนักเข้าไปอีกเช่น
00:03:26 → 00:03:30 เอ่อพวกเอ่อภาวะเบลิรมไมันในเลือดสูงใช่
00:03:30 → 00:03:34 มั้ยครับเบาหวานเหล่าเนี้ยก็เป็นส่วนผสม
00:03:34 → 00:03:36 ที่ทำให้มันยิ่งหนักเข้าไปอีกอ๋ออันนี้
00:03:36 → 00:03:39 มันจะเป็นลึกแล้วก็เลยเป็นที่มาของพวกอ่า
00:03:39 → 00:03:42 ความดัดโลหิตสูงพวกนี้นะครับครับมีอายุ
00:03:42 → 00:03:44 เนี่ยเส้นเลิมันก็จะแข็งอยู่แล้วฮะๆแล้ว
00:03:44 → 00:03:48 ประชากรของเราจำนวนมากมีใช้ชีวิตอยู่กับ
00:03:48 → 00:03:51 ปัจจัยที่มันก่อกวนเส้นเลือดครับมาหลาย
00:03:51 → 00:03:54 สิบปีอืพออายุมากขึ้นก็ยิ่งแข็งหนักเข้า
00:03:54 → 00:03:56 ไปอีกพอเส้นเลือดแข็งก็ความดันก็สูงอ่า
00:03:56 → 00:03:59 ครับมันนำไปสู่อะไรต่อไปบ้างครับความคาม
00:04:00 → 00:04:02 ดันสูงเนี่ยเอ่อสัมพันธ์กับความเสี่ยงของ
00:04:03 → 00:04:06 โรคอืเพราะเรารู้ว่าความดันสูงก็เป็นสตก
00:04:06 → 00:04:09 ได้ง่ายกว่าไม่เป็นครับเอ่อรู้ว่าเส้น
00:04:09 → 00:04:12 เลือดแตกได้ง่ายกว่าไม่เป็นรู้ว่าเอ่อหัว
00:04:12 → 00:04:16 ใจโตได้ง่ายกว่าไม่เป็นอรู้ได้ว่าเอ่ออัน
00:04:16 → 00:04:20 นี้พูดตามสถิติใช่มั้ยครับว่าไตเสื่อมอื
00:04:20 → 00:04:23 ได้ง่ายกว่าคนที่ความดันไม่สูงคือคือแย่
00:04:23 → 00:04:25 หลายหลายประตูมากแล้วอย่างกรณีแบบนี้เรา
00:04:25 → 00:04:27 จะเรียกว่ามันเป็นยังไงฮะอย่างเช่นพอเรา
00:04:27 → 00:04:29 เป็นโรคนี้แล้วเราก็จะว่ามันคือโรคหรือ
00:04:29 → 00:04:31 เรื้อรังแล้วหรือยังครับชื่อโรคตามเป็น
00:04:31 → 00:04:34 ทางการโรคความดันสูงความดันโลหิตสูงอเป็น
00:04:34 → 00:04:37 ชื่อทางการแต่โรคเนี้ยเราจัดว่าเป็น
00:04:37 → 00:04:40 สมาชิกหนึ่งในกลุ่มโรคเรื้อรังอืๆหรือว่า
00:04:41 → 00:04:43 เรามองว่ามันเป็นโรคเรื้อรังประเภทนึง
00:04:43 → 00:04:45 เพราะว่าเท่าที่ผ่านมาเวลาเราวินิจฉัยคน
00:04:45 → 00:04:48 ที่เป็นความดันสูงได้แล้วเนี่ยเรามักจะ
00:04:48 → 00:04:51 ต้องให้เขาคกินยาไปเรื่อยๆเมักจะไม่ค่อย
00:04:51 → 00:04:53 หายอใช่อย่างเงี้ยครับครับก็เลยถือว่า
00:04:53 → 00:04:56 เป็นมองว่าความดันสูงเป็นโรคเรื้อรังครับ
00:04:56 → 00:04:58 อันนี้คือเรื้อรังก็คือพูดง่ายๆว่าไม่หาย
00:04:58 → 00:05:01 ต้องกินยาแบบเกือบทั้งชีวิตอย่างงั้นป่ะ
00:05:01 → 00:05:03 ฮะในสภาพที่เราพบบ่อยๆก็คือต้องกินยา
00:05:03 → 00:05:06 เพื่อคุมความดันไปเรื่อยๆครับอืด้วยความ
00:05:06 → 00:05:10 หวังว่าเอ่อด้วยด้วยเหตุผลว่าถ้าไม่คุม
00:05:10 → 00:05:12 ปล่อยความดันมันสูงไปความเสียหายปลายทาง
00:05:12 → 00:05:14 มันจะค่อยๆเกิดค่อยๆเกิดใช่มั้ยครับครับ
00:05:14 → 00:05:18 อันนี้พอมันหลายสิบปีอวัยวะปลายทางมัน
00:05:18 → 00:05:21 เจ๊งแล้วทีนี้ยิ่งแย่หนักกว่าเดิมอีกอือ
00:05:21 → 00:05:22 เพราะฉะนั้นต้องพยายามคุมความดันไว้ให้
00:05:23 → 00:05:25 ได้เสมอๆครับเพราะฉะนั้นเราก็เลยแบบบอก
00:05:25 → 00:05:27 ว่าอันนี้มันก็คือเรื้อรังเพราะว่ามันมัน
00:05:27 → 00:05:29 จะอยู่กับเรานานแล้วอย่างอย่างในกรณีที่
00:05:29 → 00:05:32 เป็นพวกความดันโลหิตสูงแบบเฉียบพลันลครับ
00:05:32 → 00:05:34 มันต่างกันยังไงครับคุณมองเวลาความดัน
00:05:34 → 00:05:37 โลหิตที่มันขึ้นๆลงๆเรามีตัวเลขอยู่นะ
00:05:37 → 00:05:39 ครับตัวเลข recom เช่น 130 หรือ 140 ตัว
00:05:39 → 00:05:43 บนอย่างเงี้ยว่าถ้าเกิดว่าสูงกว่านี้ก็
00:05:43 → 00:05:46 เรียกว่าเป็นโรคความดันโลหิตสูงครับถ้า
00:05:46 → 00:05:47 เกิดว่าต่ำกว่านี้ก็คือความดันอยู่ใน
00:05:47 → 00:05:50 เกณฑ์ปกติเพราะว่าเราเชื่อว่าต่ำกว่านี้
00:05:50 → 00:05:53 ไม่ค่อยเพิ่มโอกาสในการเกิดปัญหาปลายทาง
00:05:53 → 00:05:55 แม้จะปล่อยไปนานๆตัวเลขเท่าไหร่นะครับมี
00:05:55 → 00:05:58 ทั้ง 130 140 ผมไม่ได้ติดตามใกล้ชิดค่า
00:05:58 → 00:06:01 นี้เปลี่ยนนะนะครับมันมันตามเอ่อความเห็น
00:06:02 → 00:06:06 ขององค์กรส่วนกลางวิชาการเนอ่าฮเเมีสถิติ
00:06:06 → 00:06:09 มาว่าแค่ไหนเสี่ยงเขาก็มาประกาศความดันทา
00:06:09 → 00:06:11 นี้ถ้าถ้ามันสูงเกินนั้นอ่าฮะมันก็เป็น
00:06:11 → 00:06:14 ความดันที่เข้าเกณฑ์โลกความดันแต่ถ้าสูง
00:06:14 → 00:06:18 มากมันจะไปเข้าเกณฑ์ว่าอุ๊ยมันอาจจะดัน
00:06:18 → 00:06:20 แรงจนเกิดปัญหาเดี๋ยวนี้เลยไม่ใช่ 10 ปี
00:06:20 → 00:06:24 ละอืๆความดันที่สูงมากจนเสียงจะเกิดปัญหา
00:06:24 → 00:06:28 เฉียบพันธทันทีเกิดกับสมองดันซะจนเส้น
00:06:28 → 00:06:31 เลือดแตกออ่าอ่าฮะหรือทำให้เกิดสตกขึ้น
00:06:31 → 00:06:35 ดันจนสมองบวมสมองเจอแรงดันเข้าไปจนสมอง
00:06:35 → 00:06:39 บวมสมองทำงานไม่ได้ถ้าเป็นที่ตาไล่ออกมา
00:06:39 → 00:06:42 จากหัวเนาะครับทำให้มีเส้นเลือดแตกในจอตา
00:06:42 → 00:06:45 อืทำให้จอตาเสียก็เดี๋ยวตาจะบอดนมองไม่
00:06:45 → 00:06:48 เห็นครับอันเนี้ยที่ผมเคยเห็นบางกคนบางคน
00:06:48 → 00:06:50 มีตาแล้วมีเลือดแบบแดงๆไปลิ่มเลือดอย่าง
00:06:50 → 00:06:52 งั้นงคือใช่มั้ยฮไม่ไม่ใช่ครับไม่เกี่ยว
00:06:52 → 00:06:55 ใชมั้ยฮอันอันนั้นเป็นอันที่อันที่ไม่มี
00:06:55 → 00:06:57 ปัญหาที่สุดเลยครับอเหรฮะคือคนที่เห็น
00:06:57 → 00:07:00 เส้นเลือดแดงในตาก็คือเส้นเลือดฝอยที่ตา
00:07:00 → 00:07:03 มันมันแตกมันก็เลยมีเลือดออกมาตรงนั้นไม่
00:07:03 → 00:07:07 มีผลกระทบกับอะไรเลยรอมันซึมหายไปเองอื
00:07:07 → 00:07:11 อือเอ่อทีนี้ถัดมาถัดจากตาก็เป็นพวกเส้น
00:07:11 → 00:07:13 เลือดใหญ่ต่างๆเส้นเลือดใหญ่น้อยต่างๆมัน
00:07:13 → 00:07:16 อาจจะโปร่งพองได้เพราะมันแรงดันสูงถ้า
00:07:16 → 00:07:19 เส้นเลือดมันสภาพไม่ดีอยู่แล้วหรือมันจะ
00:07:19 → 00:07:21 ฉีกขาดอครับหรือมันฉีกขาดแล้วไปกระตุ้น
00:07:21 → 00:07:26 ให้เกิดการคลอตอือมันมันก็แย่ไปหมดอือัน
00:07:26 → 00:07:29 ที่ 3 ก็ไตครับไตเนี่ยรับเลือดเข้ามามา
00:07:29 → 00:07:33 แล้วกรองน้ำเลือดแล้วก็กลั่นจากน้ำเลือด
00:07:33 → 00:07:36 ที่กรองแล้วเนี่ยนะครับเป็นน้ำปัสสาวะอ่า
00:07:36 → 00:07:40 ทิ้งไปครับสาไหนต้องการก็ดึงดูดกลับสาไหน
00:07:40 → 00:07:44 ที่ต้องการเอ่อขับออกมากก็อาจจะช่วยส่ง
00:07:44 → 00:07:47 ออกมากเป็นพิเศษครับแต่พอแรงดันที่มันดัน
00:07:47 → 00:07:50 เข้ามาน้ำต้นทางมันสูงมากหน่วยหน่วยทำงาน
00:07:50 → 00:07:53 ของไตมันซึ่งมันมันมันทำงานไฮเทคขนาด
00:07:53 → 00:07:57 เนี้ยอืมันก็อาจจะเจ๊งได้อ่าฮะไปมันก็จะ
00:07:58 → 00:08:01 เสื่อมการทำงานครับแล้วไม่มีเราก็ลุ้นว่า
00:08:01 → 00:08:06 ถ้าไตเสื่อมการทำงานลงไปอาจจะไม่คืนอืๆ
00:08:06 → 00:08:09 หรือว่าจากเดิมมันแย่อยู่แล้วใช่มั้ยแบบ
00:08:09 → 00:08:12 ว่ามันพร่องๆอยู่แล้วมาเจออันนี้มัน
00:08:12 → 00:08:15 ลงไปทีนี้ต้องล้างไตมั้อย่างเงี้ยอืครับ
00:08:15 → 00:08:18 เพราะฉะนั้นกระบวนการก็คือว่าอันดับ 1
00:08:18 → 00:08:22 ถ้าคุณความดันความดันสูงนะครับแล้วมันสูง
00:08:22 → 00:08:26 เกิน 160 หรือเกิน 170 80 แถวๆเนี้ยขึ้น
00:08:26 → 00:08:30 ไปแล้วเนี่ยไปหาหมอได้ควรไปหาหมอเพื่อหมอ
00:08:30 → 00:08:33 จะดูว่าคุณเป็น 4 อย่างนี้มั้ยอืถ้าคุณ
00:08:33 → 00:08:35 เป็น 4 อย่างหมอจะจับคุณนอนโรงพยาบาล
00:08:35 → 00:08:38 เพื่อจะใช้ยาแรงๆังครับให้ความดันมันลง
00:08:38 → 00:08:41 ให้ได้ยังไงก็ต้องเอาลงไว้ก่อนอืยาที่เอา
00:08:41 → 00:08:44 แรงๆเช่นยาฉีดยาอะไรลดความดันเนี่ยครับ
00:08:44 → 00:08:47 มันแรงเพราะฉะนั้นต้องอยู่โรงพยาบาลจะได้
00:08:47 → 00:08:49 รู้ว่าไม่ใช่รถแล้วบางทีมันฮวบหนักไปไป
00:08:49 → 00:08:52 น็อคที่บ้านอะไรงี้ไม่ได้อครับแต่ถ้าไม่
00:08:52 → 00:08:55 ถึงไม่ถึงไม่ถึงเกณฑ์อันนี้ไม่ถึงเกณฑ์
00:08:55 → 00:08:58 ตัวเลขนึงหมอก็จะบอกว่าคุณก็กินยาเพิ่มยา
00:08:58 → 00:09:01 และความดันแล้วแล้วก็นอนพักไปรอมันค่อยๆ
00:09:01 → 00:09:03 ลงซึ่งความเสี่ยงในการจะมีปัญหา 4-5
00:09:04 → 00:09:06 อย่างเนี่ยมันก็ไม่ค่อยมากละทีนี้หมอจะ
00:09:06 → 00:09:09 รู้ได้ไงว่าคุณมีปัญหา 4 ระบบอืฮะหมอก็
00:09:09 → 00:09:12 ตรวจร่างกายซักประวัติว่ามีอาการมเป็น
00:09:12 → 00:09:16 สำคัญก่อนอแล้วก็บางทีก็ตรวจแลบครับตรวจ
00:09:16 → 00:09:20 แลบเอ่ออย่างเช่นเอ่อเส้นเลือดหัวใจเนี่ย
00:09:20 → 00:09:24 มีปัญหาได้เมื่อความดันสูงบางทีก็ต้อง ekg
00:09:24 → 00:09:28 ดูอืถ้าตรวจร่างกายทางสมองไม่มีอะไรส่อง
00:09:28 → 00:09:31 ตาดูไม่เห็นความดันที่มันดันในสมองจนแบบ
00:09:31 → 00:09:35 ว่าจตามันบวมอะไรอเนาจอประสาทตามันปกติก็
00:09:35 → 00:09:39 อ่ะหมอก็บอกว่าคงไม่มีอะไรทางสมองถือว่า
00:09:39 → 00:09:42 แูไม่มีครับถ้าไตก็อาจจะเจาะเลือดดูซะ
00:09:42 → 00:09:45 หน่อยว่าค่าไตยังดีอยู่ถ้าเส้นเลือดก็อาจ
00:09:45 → 00:09:48 จะอัตซาวไถดูแต่ก็อีกออันซาวไม่ได้มี
00:09:48 → 00:09:51 เครื่องไม่ได้มีหมอที่ไถเส้นเลือดได้เป็น
00:09:51 → 00:09:54 กันทุกที่ทุที่ก็อาจจะไม่ได้ตรวจอย่าง
00:09:54 → 00:09:56 งั้นแต่อย่างเวลาเราใช้คำว่าเฉียบพลัน
00:09:56 → 00:09:58 นั่นหมายถึงว่ามันต้องเกิดขึ้นกับคนที่มี
00:09:58 → 00:10:00 พื้นฐานเป็นความดันอยู่แล้วด้วยหรือเปล่า
00:10:00 → 00:10:02 ครับหรือคำว่าไอเฉียบพลันเนี่ยมันจะเกิด
00:10:02 → 00:10:05 มันพอมันขึ้นไปปุ๊บมันจะมันจะอยู่กับเรา
00:10:05 → 00:10:08 นานมั้ยหรือว่าขึ้นจแล้วมันก็จะลงมาอะไร
00:10:08 → 00:10:11 เงี้ฮะจริงๆแล้วคำว่าเฉียบพลันมันอาจจะ
00:10:11 → 00:10:14 ไม่ไม่ค่อยตรงใจผมอืถ้าตรงใจผมผมคิดว่า
00:10:14 → 00:10:18 ประเด็นมันคือว่าสูงสูงอันตรายอ่าครับสูง
00:10:18 → 00:10:21 มากเข้าเกณฑ์อันตรายเสี่ยงเสียหายต่อ
00:10:21 → 00:10:24 อวัยวะปลายทางแบบกระทันหันผมว่าเฉียบพันธ
00:10:24 → 00:10:26 คือมันมันพร้อมที่จะเกิดปัญหาแทรกซ้อน
00:10:26 → 00:10:29 ขึ้นกระทันหันมันเลยเฉียบพันธในแง่นั้นอ
00:10:29 → 00:10:31 แต่มันไม่ได้สำคัญหรอกว่าคุณเพิ่งขึ้นตอน
00:10:31 → 00:10:34 นี้หรือค่อยๆไต่มา 3 วันจนถึงจุดนี้อื
00:10:34 → 00:10:36 ครับคือถ้ามันถึงจุดระเบิดมันก็คือจุด
00:10:36 → 00:10:40 ระเบิดอืเห็นมั้ยครับทีนี้เ่อสิ่งที่น่า
00:10:40 → 00:10:44 รู้คือความดันสูงอ่ะมันมักจะไม่มีอาการ
00:10:44 → 00:10:46 เพราะมันดันอยู่ในเส้นเลือดเราไม่รู้อ่า
00:10:46 → 00:10:49 ใช่ๆเราไม่รู้สึกครับมันไม่เหมือนใครมดมา
00:10:49 → 00:10:52 กัดเนี่เรารู้สึกออเพราะฉะนั้นเนี่ยเราก็
00:10:52 → 00:10:55 คงต้องวัดความดันกันไว้บ้างครับถ้าความ
00:10:55 → 00:10:58 ดันเราไม่เคยสูงเลยในชีวิตนี้วัดสักปีละ
00:10:58 → 00:11:01 หน 2 หนอะไรก็ได้เวลาเช็คอัพครับแต่ถ้า
00:11:02 → 00:11:05 อายุมากขึ้นแล้วเคยวัดความดันมันชักสูง
00:11:05 → 00:11:08 ขึ้นก็าจะเช็คให้ทีๆหน่อยอ่าครับอย่าง
00:11:08 → 00:11:11 เงี้ยครับจะได้รู้ว่าความดันมันขึ้นส่วน
00:11:11 → 00:11:14 การว่าผู้สูงอายุที่อยู่ดีๆจะต้องวัดความ
00:11:14 → 00:11:17 ดันทุกวันเลยอือเพื่อให้แน่ใจว่าความดัน
00:11:17 → 00:11:20 ไม่ขึ้นเฉียบพันธเงี้ยมันน่าจะยากนะครับ
00:11:20 → 00:11:24 มันมันน่าจะน่าจะเกินจำเป็นไปนิดหน่อยแต่
00:11:24 → 00:11:28 ถ้าเครื่องก็มีคนก็มีสะดวกดีก็วัดไปอืแต่
00:11:28 → 00:11:31 เวลาเราเวลาดยด้วด้วยคำด้วยความที่ภาษา
00:11:31 → 00:11:34 มันบอกว่าเฉียบพลันเราก็มักจะไปเข้าใจว่า
00:11:34 → 00:11:35 คำว่าเฉียบพลันก็คือเคยเป็นอย่างนี้อยู่
00:11:35 → 00:11:37 แล้วอยู่ๆพอเฉียบพลันคือมันจะกระเด้งขึ้น
00:11:37 → 00:11:39 ไปอย่างงนี้แต่ในความเป็นจริงคือมันไม่
00:11:39 → 00:11:41 ได้หมายถึงว่ามันจะจะขึ้นไปอย่างนี้ใช่ม
00:11:41 → 00:11:42 มันจะแต่ความจริงมันคือบางทีมันอาจจะค่อย
00:11:42 → 00:11:45 ๆไต่ระดับก็ได้ใช่มมันมอกส่วนมากมันเป็น
00:11:45 → 00:11:48 แบบนั้นคือว่าคุณเป็นโรคความดันก่อนคือ
00:11:48 → 00:11:50 ความดันคุณค่อยๆสูงจนถึงเกณฑ์คุณก็เป็น
00:11:50 → 00:11:53 โรคความดันสูงครับแล้วก็เป็นความดันสูงมา
00:11:53 → 00:11:56 เรื่อยๆๆๆอายุมากขึ้นอะไรขึ้นความดันก็
00:11:56 → 00:11:58 ค่อยๆไต่ขึ้นมาจนถึงจุดนึงมันก็มีวันไหน
00:11:58 → 00:12:02 ที่อดนอนมีสิ่งเร้ามีกระตุ้นเครียดโน่น
00:12:02 → 00:12:06 นั่นนี่อืๆอ่ะก็ขึ้นสูงไปอีกหรือหาอะไร
00:12:06 → 00:12:09 ไม่เจอก็ได้ก็ขึ้นไปจากแบบว่า 140 150
00:12:09 → 00:12:12 ก็อวันนั้นปื๊ดขึ้นมา 180 เพราะอะไรสัก
00:12:12 → 00:12:15 อย่างนึงอย่างเงี้ยครับอมันมักจะเป็นภาพ
00:12:15 → 00:12:18 นี้ที่ที่เจอบ่อยที่สุดอ่าครับครับแล้วพอ
00:12:18 → 00:12:20 มันขึ้นมาเนี่ยโอเคมันมันอาจจะไม่ได้แสดง
00:12:20 → 00:12:22 ออกมาแต่ตัวเราเราจะรู้ได้ยังไงครับถ้า
00:12:22 → 00:12:24 เราไม่ได้มีโอกาสได้วัดความดันอะไรแบบนี้
00:12:24 → 00:12:27 เราจะไม่เราจะไม่รู้ครับนเหรอฮะมันจะไม่
00:12:27 → 00:12:29 มีอารแบบปวดหัวมึนงหรืออะไรพวกนี้หรอครับ
00:12:29 → 00:12:31 ก็เป็นไปได้ถ้าความดันสูงอาจจะทำให้ปวด
00:12:31 → 00:12:36 หัวแต่มันไม่จำเป็นต้องมีอาการอ่าฮะคือใน
00:12:36 → 00:12:39 ทางกลับกันเราเราออกกำลังกายความดันเราก็
00:12:39 → 00:12:42 ขึ้นนะอืเราปวดหัวเราเครียดความดันเราก็
00:12:42 → 00:12:44 ขึ้นนะครับคือความดันมันขึ้นเนี่ยมันมัน
00:12:44 → 00:12:46 เป็นผลหรือเป็นเหตุไก่กับไข่อย่างเงี้ย
00:12:46 → 00:12:50 ครับอ่าครับบางทีมันก็แยกยากว่าอะไรเป็น
00:12:50 → 00:12:53 ไก่เป็นไข่อครับถ้าแบบตรงๆก็คือว่าคนที่
00:12:53 → 00:12:57 มีโรคความดันประจำตัวก็ควรวัดรายวันจะได้
00:12:57 → 00:13:00 รู้ว่าอ่ะมันขึ้นอืขึ้นถึงเกณฑ์น่ากลัว
00:13:00 → 00:13:03 แล้วอ่างั้นต้องหาหมอจะได้ไม่ให้มันเกิด
00:13:03 → 00:13:07 ปัญหาเฉียบพันธขึ้นแทรกซ้อนแต่ถ้าเกิดว่า
00:13:07 → 00:13:09 มันแกว่งๆอยู่มันก็แกว่งๆอยู่ของมันครับ
00:13:09 → 00:13:12 อืส่วนคนไม่มีโรคความดันอยู่แล้วอยู่ๆ
00:13:12 → 00:13:15 ความดันจะจื๊ดืดขึ้นมาอือทีเดียวเนี่ยน่า
00:13:16 → 00:13:18 จะไม่ได้เพราะว่าจริงๆแล้วเนี่ยร่างกาย
00:13:18 → 00:13:21 เรามีสิ่งที่เรียกว่าการรักษาสมดุลตัวเอง
00:13:21 → 00:13:25 อืในทุกระบบย่อย่าฮอร์โมนก็มีถ้าเกิดคุณ
00:13:25 → 00:13:27 เติมฮอร์โมนเข้าไปร่างกายจะผลิตน้อยทันที
00:13:27 → 00:13:31 ครับเอ่อความดันก็เหมือนกันความดันต่ำไป
00:13:31 → 00:13:34 ร่างกายจะทำให้ความดันเพิ่มขึ้นมาอืทำทุก
00:13:34 → 00:13:37 อย่างดูดซับเกลือกลับทำให้คุณหิวน้ำทำ
00:13:38 → 00:13:41 อะไรบีบเส้นเลือดบีบหัวใจความดันต่ำอออ
00:13:41 → 00:13:45 แต่ถ้าความดันสูงครับมันก็จะพยายามหาทาง
00:13:45 → 00:13:48 ขับปัสสาวะออกพยายามรักษาสมดุลตัวเองกลไก
00:13:49 → 00:13:51 มันเยอะนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ยคนที่ไม่มี
00:13:51 → 00:13:54 โรคอ่ะแล้วเหตุปัจจัยมันคือชุดปกติความ
00:13:54 → 00:13:56 ดันเก็จะเสถียรอยู่ของเขาอย่างงั้นนะครับ
00:13:56 → 00:13:59 อืๆส่วนคนที่ความดันจะขึ้นไปสูงๆได้มัน
00:13:59 → 00:14:01 ต้องมีอะไรสักอย่างซึ่งส่วนมากคือระบบมัน
00:14:01 → 00:14:04 มันเพี้ยนมาละมันรวนมาก่อนแล้วครับเอ่อ
00:14:05 → 00:14:07 อันที่หายากอย่างเช่นว่าคนที่แบบว่าอยู่ๆ
00:14:07 → 00:14:09 เป็นเนื้องอกใช่มั้ยครับเนื้องอกผลิต
00:14:10 → 00:14:13 ฮอร์โมนอะดรีนาลีนบีบทำให้ความหัวใจเต้น
00:14:13 → 00:14:16 ตึ๊กๆๆความดันขึ้นชูดปื๊ดเลยเงี้ยครับมัน
00:14:16 → 00:14:18 ก็ขนาดอย่างนั้นนะมันยังไม่เฉียบพันธขนาด
00:14:18 → 00:14:21 นั้นเลยอ่ะมันต้องแบบว่าค่อยๆเนื้องอกโต
00:14:21 → 00:14:23 ค่อยๆเกิดขึ้นมาแต่ความดันสูงไม่รู้ถึง
00:14:23 → 00:14:26 ได้บอกว่าเช็คปีละครั้งถ้าคุณเจอเช็คเจอ
00:14:26 → 00:14:29 ความดันก็โอเคแล้วอหรือบางคนใช้เลือดไป
00:14:29 → 00:14:31 เลี้ยงไตติดร่างกายพยายามที่จะเพิ่มความ
00:14:31 → 00:14:33 ดันเพื่อให้เลือดไปเลี้ยงไตได้ครับครับ
00:14:34 → 00:14:37 กลายเป็นความดันสูงปลายทางอครับก็ไปหาให้
00:14:37 → 00:14:39 เจอว่าอ่ะความดันคุณสูงขึ้นมาถ้าคุณเช็ค
00:14:39 → 00:14:42 รายปีคุณก็เจอแล้วตั้งแต่ปีนึงอย่างน้อย
00:14:42 → 00:14:44 ปีก็เจอเจอแล้วคุณก็มีเวลาไปให้หมอ
00:14:44 → 00:14:46 อายุรกรรมไปไล่หาให้คุณว่าคุณความดันสูง
00:14:46 → 00:14:49 เป็นเพราะคุณแบบว่าเป็นเองไม่มีเหตุหรือ
00:14:49 → 00:14:52 มันมีโรคแอบอยู่อ่าครับคนหนุ่มๆสาวๆเวลา
00:14:52 → 00:14:55 ความดันสูงอครับอืเ่อต้องไปเช็คว่ามีโรค
00:14:55 → 00:14:58 แอบอยู่มั้ยถ้ามีโรคอยู่จะได้จัดการโรค
00:14:58 → 00:15:00 ต้นทางครับให้ความดันมันไม่ต้องขึ้นครับ
00:15:01 → 00:15:03 แล้วอย่างกรณีผู้สูงอายุอยู่แล้วครับเป็น
00:15:03 → 00:15:05 ความดันอยู่แล้วก็คืออาจจะเช็คบ้างไม่
00:15:05 → 00:15:07 เช็คบ้างแต่รู้ว่าตัวเองกินยาความดันอยู่
00:15:07 → 00:15:10 แต่อยู่มาวันดีคืนดีอยู่ๆวันนั้นไปเช็ค
00:15:10 → 00:15:15 อ้าตัวเลขค่าความดันรเอมันมันพุ่งสูงปรีด
00:15:15 → 00:15:17 ขึ้นมาอ่าอย่างงี้สาเหตุมันจะมาจากอะไร
00:15:17 → 00:15:19 ครับแล้วเขาควรจะต้องจัดการยังไงครับถ้า
00:15:19 → 00:15:23 เจอแบบนี้เวลาที่ผู้สูงอายุมีอายุมากขึ้น
00:15:23 → 00:15:26 เส้นเลือดแข็งมากขึ้นการขึ้นลงความนันบาง
00:15:26 → 00:15:30 ทีมันจะเร็วขึ้นได้อืออืเพราะว่าเหมือน
00:15:30 → 00:15:33 แบบระบบ compliance มันน้อยอ่ะครับครับ
00:15:33 → 00:15:37 เพราะว่าเพิ่มการสูงฉีดก็ปื๊ดขึ้นเลยอื
00:15:37 → 00:15:40 เอ่อก็ทำให้คุมยากขึ้นได้ครับก็ต้องไป
00:15:40 → 00:15:43 ปรับยาเอาแต่ผมมีประสบการณ์ว่าผู้สูงอายุ
00:15:43 → 00:15:47 เนี่ยผมเคยเจอเคสที่เค้ากังวลอืเค้ากังวล
00:15:47 → 00:15:50 เรื่องความดันมากอ้ากังวลเรื่องเกังวล
00:15:50 → 00:15:53 เรื่องความดันมากๆบางคนเนี่ยก็มีทั้ง
00:15:53 → 00:15:55 White coe เเรียก White coe
00:15:55 → 00:15:57 hypertension เนอะคือถ้าไปโรงพยาบาล
00:15:57 → 00:15:59 เมื่อไหร่เห็นเสื้อโค้ดเขาขาวนี่ความดัน
00:15:59 → 00:16:02 ขึ้นทันทีครับบางคนเป็นตั้งแต่ายุ 50 40
00:16:02 → 00:16:05 ก็มีอยู่บ้านวัดเท่าไหร่ไม่ขึ้นแต่ว่าเจอ
00:16:05 → 00:16:07 หมอขึ้นทุกทีผมเห็นบางคนแบบเคยแบบเหมือน
00:16:07 → 00:16:10 อะไถ้าแบบนี้ก็ไม่ต้องรักษาเอเหมเพราะว่า
00:16:10 → 00:16:12 บางคนเหมือนแบบผมเคยเจอคนนึงบางทีแบบพอจะ
00:16:12 → 00:16:15 ไปบริจาคเลือดพอเข้าไปปุ๊บความดันจะขึ้น
00:16:15 → 00:16:18 ทันทีเลยครับฮะอันนี้อันนี้น่าสนใจมันไม่
00:16:18 → 00:16:22 ใช่มันเป็นสิ่งที่อยู่ใต้สำนึกใช่มั้ยคือ
00:16:22 → 00:16:24 คือมันไม่ใช่จิตใจเราที่เราคิดอยากจะให้
00:16:24 → 00:16:28 ความดันมันขึ้นได้อืมันเหมือนมีมันมีระบบ
00:16:28 → 00:16:30 อัตโนมัติมัดอยู่ในตัวเราครับที่สแกนสิ่ง
00:16:30 → 00:16:33 แวดล้อมตลอดเวลาเพื่อจะบอกว่าตอนนี้สภาพ
00:16:33 → 00:16:37 การมันคืออะไรอืปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัยอ่า
00:16:37 → 00:16:39 ตอนนี้ถ้ามัน detect ว่าตอนนี้คุกคามตอน
00:16:39 → 00:16:42 นี้เสี่ยงตายระบบมันต้องเร่งเครื่องนะ
00:16:42 → 00:16:45 ครับอืเพื่อเพื่อรองรับไว้เดี๋ยวคุณจะ
00:16:45 → 00:16:48 วิ่งจะได้วิ่งได้เต็มที่ครับคุณจะสู้จะ
00:16:48 → 00:16:52 ได้สู้ได้เต็มที่ใช่มั้ยระบบาติทำงานครับ
00:16:52 → 00:16:56 เพราะเพราะว่าเรียกว่า ncep คือมันเป็น
00:16:56 → 00:16:57 เหมือน perception แต่มันต่ำกว่า
00:16:58 → 00:17:01 perception อคือคุณรู้ด้วยใจคุณรู้แต่
00:17:01 → 00:17:05 นี่มันมันรู้อยู่ข้างในเป็นกัดฟิอครับๆยา
00:17:05 → 00:17:07 เดี๋ยวมันจะมีอะไรเกิดขึ้นเออมันจะมี
00:17:07 → 00:17:09 Something happen แล้วแบบว่าผมต้องเร่ง
00:17:09 → 00:17:12 เครื่องเงี้ย White coe hypertension อ
00:17:12 → 00:17:15 เจาะเลือดปุ๊บเข้ามาถึงเจอเข็มขึ้นเลย
00:17:15 → 00:17:20 เข้าเห็นรถรถเจาะเลือดความดันขึ้นเลยอๆ
00:17:20 → 00:17:23 ชีวิตนี้ไม่ต้องให้เพราะว่ามันขึ้นทุกที
00:17:23 → 00:17:26 แล้วมันบังคับไม่ได้มันอยู่ข้างในอฮะฮ
00:17:26 → 00:17:29 แล้วความกังวลพวกนี้บางทีมันก็ป้อนๆครับ
00:17:29 → 00:17:31 เพราะว่าเราได้รับสื่อสารว่าความดันสูง
00:17:31 → 00:17:33 อันตรายอ่าครับก็เลยกลายเป็นว่ากังวล
00:17:33 → 00:17:36 เรื่องความดันอืแล้ววัดความดันวัดเสร็จก็
00:17:36 → 00:17:40 ขึ้นจริงด้วยเพราะกังวลผมคือผมเคยเจอเคส
00:17:40 → 00:17:43 แบบนี้ฮมันก็ทำให้รบกวนเพราะว่าหมอจะปรับ
00:17:43 → 00:17:46 ยาหมอทางปรับยาบอกทำไมเอาไม่ลงซักทีอื
00:17:46 → 00:17:48 แล้วพอให้ยาความดันเยอะๆช่วงไหนเขารีแลก
00:17:48 → 00:17:52 ความดันวูบลงเลยอ้าครับเพราะว่าเอัดยาให้
00:17:52 → 00:17:54 ความดันลงไอ้พวกนี้ก็เป็นสิ่งที่ต้องคิด
00:17:54 → 00:17:56 เพราะฉะนั้นเราต้องมีทีท่ากับเรื่องคววาม
00:17:56 → 00:17:59 ดันให้พอดีพอดีอืเรารู้ว่าตัวเลขความดัน
00:17:59 → 00:18:02 สูงเพิ่มความเสี่ยงในระยะยาวเช่น 10 ปี
00:18:02 → 00:18:04 ครับเรา handle ให้มัน stable มันก็คือ
00:18:05 → 00:18:08 โอเคการวัดความดันเป็นระยะๆะมันก็มี
00:18:08 → 00:18:11 ประโยชน์ในการปรับยาของหมอที่หมอจะดูว่า
00:18:11 → 00:18:14 ยากินนี้หมดลิตร์กี่โมงกี่โมงต่อกี่โมงจะ
00:18:15 → 00:18:18 ยังไงวางยาให้เราอันนี้ช่วยหมอได้แต่ถ้า
00:18:18 → 00:18:20 เราวัดความดันแล้วเราเครียดทุกครั้งที่
00:18:20 → 00:18:23 วัดความดันเอ่อมันจะยิ่งทำให้หมองงนะ
00:18:23 → 00:18:26 เหมือนกันนะว่าตกลงคุณอะไรกันแน่เงี้ย
00:18:26 → 00:18:29 ครับอ่าครับแสดงว่าไอ้พวกอาการแพนิคอาการ
00:18:29 → 00:18:31 วิตกกังวลี่มันก็มีมีมีส่วนที่ทำให้มัน
00:18:31 → 00:18:34 เกิดความดันโลหิตสูงมันเกิดแบบเฉียบพลัน
00:18:34 → 00:18:37 ขึ้นมาได้ิครับตามประสบการณ์ผมนะมันมีมัน
00:18:37 → 00:18:39 เป็นส่วนหนึ่งได้แล้วก็ในผู้สูงอายุเนี่ย
00:18:39 → 00:18:42 สำคัญครับทีนี้แพนิคเนี่ยอันนี้ก็พูดแบบ
00:18:42 → 00:18:44 ว่าอย่างงี้นะนอกนอกสาขาเหมือนกันผมไม่
00:18:44 → 00:18:46 ใช่หมอจิต
00:18:46 → 00:18:50 อแต่ผมมีความเข้าใจว่าระบบประสาทของเรา
00:18:50 → 00:18:53 เนี่ยเนาะอันนี้มีมีคนเสนอไว้ผมไปอ่านมา
00:18:53 → 00:18:57 ผมว่าน่าเชื่อครับเอ่อ profess สตีเวน por
00:18:57 → 00:19:01 นะะเป็นหมอกุมารนะแต่มาสนใจจเรื่องแพนิคอ
00:19:01 → 00:19:04 หมอเด็กเนะเรื่องเซฟตี้อ่าครับเออแกบอก
00:19:04 → 00:19:07 ว่าระบบประสาทมนุษย์เนี่ยมันสแกนสิ่งแวด
00:19:07 → 00:19:11 ล้อมตลอดเวลาเพื่อจะหาสัญญาณว่าปลอดภัย
00:19:11 → 00:19:13 หรือไม่ปลอดภัยอือๆถ้ามันรู้สึกว่าไม่
00:19:13 → 00:19:16 ปลอดภัยมันจะไปกระตุ้นระบบอาอัตโนมัติอื
00:19:16 → 00:19:20 มีทั้งแบบที่ทำให้เราฟรีซไปเลยก็ได้นะ
00:19:20 → 00:19:24 ครับหรือทำให้เราแบบเหมือนแพนิคอย่างงั้น
00:19:24 → 00:19:28 ก็ได้ครับแล้วเราไปพูดกับมันน่ะมันไม่
00:19:28 → 00:19:30 เชื่ออืมันไม่ฟังภาษาคนมันฟังภาษา
00:19:30 → 00:19:34 ธรรมชาติครับถูกมั้ยเพราะมันเป็นแบบสมอง
00:19:34 → 00:19:37 ส่วนโบราณนะครับครับๆมันมันพูดภาษาคนไม่
00:19:37 → 00:19:43 รู้เรื่องอืเค้าให้บำบัดด้วยการฟังเพลงอื
00:19:43 → 00:19:46 ด้วยการเอ่อเล่นดนตรีเครื่องเป่าครับด้วย
00:19:46 → 00:19:49 การเคลื่อนไหวร่างกายด้วยการ
00:19:49 → 00:19:54 เอ่อมีปฏิสัมพันธ์สังคมอ่าที่ดีครับไม่
00:19:54 → 00:19:57 ใช่ไปรบกับใครแต่ไปเจอคนที่ชอบที่ชอบอเจอ
00:19:57 → 00:20:02 หน้ากันยิ้มฮ่าๆฮะเพื่อทำให้ SA แล้วแกมี
00:20:02 → 00:20:05 ดนตรีบำบัดของแกด้วยนะอืๆเอ่อก็
00:20:05 → 00:20:10 เอ่อเค้าใช้ชื่อว่า ssp Safe And Sound
00:20:10 → 00:20:12 โคอครับนะครับ
00:20:12 → 00:20:16 เอ่อคือแกเอาดนตรีมากองความถี่แล้วบอกว่า
00:20:16 → 00:20:18 ความถี่สูงมากมันเป็นเสียงอันตรายความถี่
00:20:18 → 00:20:21 ต่ำเป็นเสียงเสียงอันตรายเหมือนกันเสียง
00:20:21 → 00:20:23 สิงโตคำรามเงี้ยองั้นเอาฟังแต่คลื่นความ
00:20:23 → 00:20:26 ถี่เสียงกลางซึ่งผมว่าเออผมฟังแล้วนึกถึง
00:20:26 → 00:20:29 อะไรป่ะอเดี๋ยวนี้เจะมีนะให้ฟังเพลงโลฟ
00:20:29 → 00:20:32 ใช่่มั้ยอ่าใช่ๆทำไมฟังเพลงโฟลแล้วมัน
00:20:32 → 00:20:36 สบายใจครับเพราะมันมีแต่ความถี่กลางอือๆ
00:20:36 → 00:20:40 ไฟตัดออกสูงต่ำตัดออกเสียงที่สบายใจคือ
00:20:40 → 00:20:43 เสียงมนุษย์เออถ้าเราไม่มีอะไรนะผมว่าฟัง
00:20:43 → 00:20:46 พระเทศน์อ่าครับไม่ต้องฟังเอาสนใจอะไรก็
00:20:46 → 00:20:49 ได้นะอเพราะพระเทศน์เนี่ยเป็นเสียงพูด
00:20:49 → 00:20:53 เนิบๆอ่าพูดเนิบๆแล้วยิ่งท่านท่านพูดนะ
00:20:53 → 00:20:56 ไม่เร่งอย่างผมพูดนี่ท่านพูดค่อยๆพูดครับ
00:20:56 → 00:21:02 อือมาทีละประโยคโยมใจเย็นๆอมาทีละ1ึครับ
00:21:02 → 00:21:06 ผมแนะนำว่าลองดูอืๆฟังพระเทศก็ได้ฟัง
00:21:06 → 00:21:10 เสียงเสียงบำบัดก็ได้แล้วเจอคนที่ชอบครับ
00:21:10 → 00:21:13 เล่นเกมเมื่อไหร่ก็ตามที่เรา
00:21:13 → 00:21:16 เล่นมันจะไปกระตุ้นวงจรประสาทอันนี้มี
00:21:16 → 00:21:21 จริงนะวงจรประสาทของการเล่นออคือสมองคิด
00:21:21 → 00:21:24 ของเราอยู่ข้างบนครับสมองอารมณ์อยู่ข้าง
00:21:24 → 00:21:27 ล่างตัวข้างล่างเนี่ยเป็นตัวกำหนดโทนว่า
00:21:27 → 00:21:30 ตอนนี้เล่นเกมอะไรอยู่อืๆข้างบนเนี่ยมัน
00:21:30 → 00:21:33 จะทำงานตามข้างล่างครับคุณกำลังโกรธน่ะ
00:21:33 → 00:21:35 คุณคิดเรื่องดีไม่ได้เลยอือ
00:21:35 → 00:21:38 ๆคุณกำลังโกรธคุณกำลังกลัวคุณเรียนอะไร
00:21:38 → 00:21:41 ไม่ได้เลยออแต่ถ้าคุณอยู่ในโหมดเล่นคุณ
00:21:41 → 00:21:44 เรียนได้อ่าครับทีนี้สมองในโหมดเล่นเนี่ย
00:21:44 → 00:21:46 มันจะทำงานอย่างนี้คือว่าข้อที่ 1 คุณ
00:21:46 → 00:21:49 ต้องเซฟก่อนถ้ามันอ่านสถานการณ์ไม่เซฟคุณ
00:21:49 → 00:21:52 เล่นไม่ออกอืแต่ถ้าคุณเซฟแล้วนะคุณเล่น
00:21:53 → 00:21:55 ครับพอเล่นปุ๊บคุณจะฝังแน่นอยู่กความที่
00:21:55 → 00:21:59 แบบว่ามันเซฟอืงั้นเอ่อบางทีผู้สูงอายุ
00:22:00 → 00:22:03 ควรทำตัวไร้สาระครับผมว่าผมเป็นคนที่
00:22:03 → 00:22:05 ซีเรียสนะจริงๆผมเป็นคนชอบพูดอะไรเป็น
00:22:05 → 00:22:10 เรื่องเป็นราวคฮะผมคบคนพบว่าการการโดย
00:22:10 → 00:22:14 เฉพาะผู้สูงอายุทำอะไรไปเล่นนะฮะเล่นๆน
00:22:14 → 00:22:18 คุยเล่นๆอครับให้ได้ขำๆกันเงี้ยเล่น
00:22:18 → 00:22:20 เหมือนเด็กๆอะไรก็ได้อย่าเหมือนอย่าง
00:22:20 → 00:22:22 เหมือนที่เขาชอบแซวกันนะให้พูดไอ้อะไรนะ
00:22:22 → 00:22:24 ให้ฝึกเล่นไพ่นับเลขบ้างเพื่อทำให้มัน
00:22:24 → 00:22:26 เกิดมีอารมณ์ดีแล้วมันก็ไปทำงานกับสมอง
00:22:26 → 00:22:28 สวนคิดด้วยใช่มั้ยครับพวกนี้ครับอันนี้
00:22:29 → 00:22:32 อันนี้มีประเด็นหน่อยนึงก็คือว่าเการทำ
00:22:32 → 00:22:36 กิจกรรมกับคนอื่นครับที่สนุกสนานดีอือแต่
00:22:36 → 00:22:38 ต้องพึงระวังว่ามนุษย์เราเนี่ยมันมี
00:22:38 → 00:22:42 เงื่อนไขในใจไม่เหมือนกันอืบางคนบางยังไง
00:22:42 → 00:22:46 ก็บางคนชอบทำต้นไม้บางคนชอบดนตรีครับบาง
00:22:46 → 00:22:51 คนชอบเล่นไพ่อือให้ทำสลับที่ไม่ชอบแก่เรา
00:22:51 → 00:22:55 ด้วยอ่าไม่เอาหรอกอ่าไม่ได้ไปไม่ได้ไปก็
00:22:55 → 00:22:59 ไม่เวิร์คก็คือสรุปไอ้ที่พูดมาเนี่ยก็คือ
00:22:59 → 00:23:02 จะบอกว่าความดันที่มันขึ้นเนี่ยส่วนหนึ
00:23:02 → 00:23:05 มันเป็นเรื่องกายภาพร่างกายที่ต้องใช้ยา
00:23:05 → 00:23:08 ต้องใช้อะไรคุ้มอความดันที่ขึ้นส่วนนึง
00:23:08 → 00:23:09 เป็นเรื่อง metabolic Syndrome หรือ
00:23:09 → 00:23:12 เปล่าที่ที่อาจจะพยายามจัดการได้มอันนั้น
00:23:12 → 00:23:15 ก็เป็นเรื่องนึงกับความดันที่ขึ้นอีกส่วน
00:23:15 → 00:23:18 นึงเมันเรื่องจิตใจอืจิตใจมีส่วนได้นะ
00:23:18 → 00:23:21 ครับแล้วก็ข้อดีก็คือว่าสิ่งที่เราทำ
00:23:21 → 00:23:24 เพื่อประโยชน์จิตใจเนี่ยทำยังไงก็ได้
00:23:24 → 00:23:27 ประโยชน์อืถึงความดันไม่ลงก็มีความสุขอื
00:23:27 → 00:23:29 ครับทำไว้ก่อนครับแล้วถ้ามาเชื่อมโยงกับ
00:23:29 → 00:23:32 ที่พูดเมื่อเมื่อคราวก่อนว่าเรื่องโคเนีย
00:23:32 → 00:23:36 อืต้องออกแรงสู้แรงต้านอ Balance ต้องฝึก
00:23:36 → 00:23:40 Balance ครับเรื่องจิตใจก็ต้องบริหารไว้
00:23:40 → 00:23:43 เพราะว่าอแก่แล้วพออายุมากขึ้นบางทีเนี่ย
00:23:43 → 00:23:49 สมองอารมณ์มันจะทำงานไวขึ้นอือฮะอ่ะคนแก่
00:23:49 → 00:23:52 เนี่ยเป็นวัยรุ่นจริงๆเพราะใจร้อนขึ้นอใจ
00:23:52 → 00:23:55 เร็วทำไมเพราะสมองความคิดมันกดไม่ค่อย
00:23:55 → 00:23:59 อยู่แล้วอืมฮะฮะสมองความคิดคิดมันกดครอบ
00:23:59 → 00:24:02 งำอยู่ครับแต่พอข้างบนเนี่ยมันไม่ใช่หาย
00:24:02 → 00:24:05 ไปนะแต่มันแรงน้อยลงอืก็เหมือนเป็นวัย
00:24:05 → 00:24:08 รุ่นน่ะตอนเป็นวัยรุ่นน่ะสมองสมองหน้าของ
00:24:08 → 00:24:11 เราเนี่ยที่สมองคิดเนี่ยเจริญสุดเนี่ย
00:24:11 → 00:24:14 เต็มที่ของมันเนี่ยอายุ 25 ครับอื 25 นะ
00:24:14 → 00:24:17 ครับตอนเป็นวัยรุ่นนี่ยังครับมาครึ่งทาง
00:24:17 → 00:24:19 เองครับอืเพราะฉะนั้นวัยรุ่นเนี่ยแบบมัน
00:24:19 → 00:24:22 แรงครับอารมณ์ฮะๆมันสิ่งกระตุ้นมาปุ๊บมัน
00:24:22 → 00:24:25 ขึ้นเลยอ๋อแสดงว่าพออายุมากๆแล้วเช่นมัน
00:24:25 → 00:24:27 อาจจะใจร้อนขึ้นแล้วเราควบคุมอารมณ์ไม่
00:24:27 → 00:24:29 ได้ก็มันจะมีส่วนนี้ไวขึ้นด้วยเพราะ
00:24:29 → 00:24:32 ฉะนั้นไม่แปลกที่พระสงจะมีอันนี้แต่นี้มี
00:24:32 → 00:24:35 แล้วทำไงไปกดข่มก็ไม่ได้ครับก็เลี้ยงให้
00:24:35 → 00:24:38 อยู่ในที่ชอบที่ชอบอือยู่ในที่ชอบคนที่
00:24:38 → 00:24:42 ชอบสถานการณ์ที่ชอบครับปฏิสัมพันธ์ที่ดี
00:24:42 → 00:24:44 ให้มันอารมณ์ดีบ่อยๆเพราะเราไปแหย่เสือ
00:24:44 → 00:24:47 ให้โมโหเนี่ยมันโมโหบ่อยๆมันดุนะเออฮะๆ
00:24:47 → 00:24:49 เลี้ยงหมาไปตีมันให้มันโมโหทุกวันทุกวัน
00:24:49 → 00:24:51 เี่มันดุนะครับที่เรากดขมไม่ได้เพราะว่า
00:24:51 → 00:24:53 เหมือนความเสื่อมของร่างกายมันแรงมันน้อย
00:24:54 → 00:24:56 ลงแรนแรงตรงนี้ที่มันจะแบบว่าคิดด้วยเหตุ
00:24:56 → 00:24:59 ผลอะไรอย่าเงี้ยครับ
00:24:59 → 00:25:01 ก็นี้อ่าเอออันนี้น่าสนใจนะครับเพราะเรา
00:25:01 → 00:25:03 ไปเข้าใจว่าแก่แล้วมันยิ่งอาจจะยิ่งย
00:25:03 → 00:25:05 โปรแกรมผู้สูงอายุมันควรจะอย่างงี้มันถึง
00:25:05 → 00:25:08 จะได้รอบด้านอ่าสร้างกล้ามเนื้อสร้างบ
00:25:08 → 00:25:11 บาลานซ์สมดุลสร้างอารมณ์แล้วก็มีเรื่อง
00:25:11 → 00:25:15 ของการเร้าสมองครับอันนี้ก็เป็นอันที่พอ
00:25:15 → 00:25:18 เติมเข้าไปได้อืๆใช้ไฟฟ้ากระตุ้นใช้
00:25:18 → 00:25:21 เลเซอร์ยิงใช้เครื่องมือเดี๋ยวนี้มีหลาย
00:25:21 → 00:25:25 ตัวครับแต่ว่าจริงๆแล้วถ้าเรามี
00:25:25 → 00:25:27 ปฏิสัมพันธ์ที่ดีมันไม่ได้เวิร์คแค่
00:25:27 → 00:25:30 อารมณ์ออพอพื้นมันดีครับข้างบนมันจะทำงาน
00:25:30 → 00:25:35 ดีด้วยอ่าเราสังเกตว่าบางคนน่ะพอโกรธกลัว
00:25:35 → 00:25:38 เครียดแล้วก็พูดไม่ออกครับคิดก็ไม่ออกอืๆ
00:25:38 → 00:25:40 แต่พื้นพื้นดีๆอารมณ์ดีๆเอ้อฉลาดนี่หว่า
00:25:40 → 00:25:45 อ้าทีนี้ผู้สูงอายุถ้าเราเราดูพื้นฐานดี
00:25:45 → 00:25:49 ครับร่างกายดีพื้นฐานอารมณ์ดีฟังก์ชันก็
00:25:49 → 00:25:53 ดีอืซึ่งแน่นอนว่าพวกนี้มันก็จะถ้าสมมุติ
00:25:53 → 00:25:55 ว่าพวกนี้มันดีหมดมันก็จะส่งผลต่อให้ไอ้
00:25:55 → 00:25:58 บรรดาร่างกายด้วยความดงความดับอะไรพวกนี้
00:25:58 → 00:26:00 มันก็อยู่ในเกณฑ์ปกติหรือมันก็ไม่พุ่งสูง
00:26:00 → 00:26:03 ปนี้จนเกินไปใช่ครับคือเราทำมีแต่ได้สถาน
00:26:03 → 00:26:06 เดียวได้มากกับได้น้อยอ่าครับๆๆแล้วใน
00:26:06 → 00:26:08 กรณีถ้าสมมุติเจอแล้วล่ะครับคุณหมออย่าง
00:26:08 → 00:26:12 เช่นอ่าเดี๋ยววันดีคืนดีไปวัดปึ๊บอ้าความ
00:26:12 → 00:26:16 สูงเฉียบพลันขึ้นมาเราถ้าเราไม่ได้ไปหา
00:26:16 → 00:26:18 คุณหมอเราสามารถจัดการตัวเราเองได้มั้
00:26:18 → 00:26:22 ครับถ้าหากว่าเราเป็นคนที่ความดันสูงอยู่
00:26:22 → 00:26:24 แล้วแล้วมาวัดได้สูงแล้วก็สูงเกิน 160
00:26:24 → 00:26:27 เราควรไปหาหมอครับเพราะเป็นหน้าที่ของเรา
00:26:27 → 00:26:29 ที่จะ detect ตัวเองเป็นหน้าที่ของหมอที่
00:26:29 → 00:26:31 จะบอกเราว่าเรามีโรคแทรก 4 อย่าง 5 อย่าง
00:26:31 → 00:26:34 นั้นหรือเปล่าอืๆๆเราต้องอยู่โรงพยาบาล
00:26:34 → 00:26:37 เพื่อคุมความดันเร่งด่วนหรือเรากินยาปรับ
00:26:37 → 00:26:40 ยาแล้วก็รอความดันลงได้อนี่ครับก็เลยมีก็
00:26:40 → 00:26:42 มีมีคนแสดงความเห็นมาเหมือนกันครับบอกว่า
00:26:42 → 00:26:45 เป็นความดันเป็นความดันสูงตรวจพบครั้งแรก
00:26:45 → 00:26:48 ตอนอายุ 20 ปลายๆตอนนี้อายุ 38 แล้วช่วง
00:26:48 → 00:26:50 ที่ตรวจพบครั้งแรกก็ไปพบหมออยู่เรื่อยๆ
00:26:50 → 00:26:52 แต่แล้วก็ทิ้งไปครับประกอบกับว่าช่วงที่
00:26:52 → 00:26:55 ลืมกินยาก็ไม่เคยวัดความดันตัวเองแต่ก็
00:26:55 → 00:26:58 ไม่เคยมีอาการผิดปกติอะไรนะครับอ่าไม่ไม่
00:26:58 → 00:27:01 ไปหาหมอมาสัก 5 ปีละความดันก็ไม่เคยวัดพอ
00:27:01 → 00:27:04 อยู่ช่วงนึงครับเป็นหวัดไปหาหมออีกครั้ง
00:27:04 → 00:27:09 ไปวัดความดันตอนนั้นวัดได้ 210 แล้วก็ 160
00:27:09 → 00:27:12 6 สูงนะครับอ่าบอกว่าหมอปุ๊บสั่งแอดมิ
00:27:12 → 00:27:13 เลยอันนี้คือคือสูงทะลุเลยใช่มั้ยฮะใช่ก็
00:27:13 → 00:27:16 เป็นกรณีที่เราว่าคือความดันสูงมากละครับ
00:27:16 → 00:27:20 หมอต้องการลดความดันโดยเร็วอืๆถึงแม้ถึง
00:27:20 → 00:27:22 แม้ว่าซึ่งอันเนี้ยเป็นอันที่เกี่ยวกับ
00:27:22 → 00:27:24 ดุลพินิจอย่างเช่นว่าสมมุติหมอตรวจร่าง
00:27:24 → 00:27:27 กายเ้าอาจจะเจอทรานว่า 4 โรค 5 โรคนี่มี
00:27:27 → 00:27:30 อะไรที่มันอืมันหรือว่ามันไม่มีเลยมันดู
00:27:30 → 00:27:34 ดีแต่มันสูงจัดเลยหมอบอกว่าขอขอเหอะเอา
00:27:34 → 00:27:37 ความดันลงก่อนอย่างเงี้ครับทีนี้ในในเคส
00:27:37 → 00:27:40 เนี้ยครับเเป็นมาตั้งแต่อายุ 20 ซึ่งซึ่ง
00:27:40 → 00:27:43 คนอายุน้อยเนี่ยแล้วความดันสูงเนี่ย
00:27:43 → 00:27:47 เอ่อข้อที่ 1 เลยคือมีโรคแอบอยู่มั้ยอ่าอ
00:27:47 → 00:27:49 อย่างเช่นบอกว่าที่นึกออกเร็วๆก็อย่าง
00:27:49 → 00:27:53 เช่นว่าเส้นเลือดไตตีบครับมีมีเนื้องอก
00:27:53 → 00:27:55 ที่มันผลิตฮอร์โมนผิดปกติอือหรืออะไรสัก
00:27:55 → 00:27:58 อย่างให้ความดันมันสูงหรือเปล่าอือกอีก
00:27:58 → 00:28:01 กลุ่มนึงที่เราเจอเจอได้เนืองๆก็คืออีกละ
00:28:01 → 00:28:04 metabolic Syndrome อ่าครับเอ่อเรารู้
00:28:04 → 00:28:09 ว่าเด็กเป็นเบาหวานเยอะขึ้นอ้อใช่ๆใช่ม
00:28:09 → 00:28:10 ครับมันก็ metabolic Syndrome ที่
00:28:10 → 00:28:13 Advance นั่นแหละคือเบาเบาหวานมันคืออัน
00:28:13 → 00:28:16 เดียวกันนะครับอครับแล้วแล้วแล้วก็ส่วน
00:28:16 → 00:28:18 หนึของ metabolic Syndrome คือความดัน
00:28:18 → 00:28:21 ขึ้นอืมครับคือยูริกขึ้นอ่าฮะงั้นไอ้ที่
00:28:21 → 00:28:23 เรียกว่ากลุ่มโรคเรื้อรังที่บอกว่าทำไม
00:28:23 → 00:28:25 มันชอบมาด้วยกันไขมันสูงความดันเบาหวาน
00:28:25 → 00:28:28 มันอาจจะครับอาจจะไม่ใช่ใช่ทั้งหมดของเขา
00:28:29 → 00:28:32 แต่ประมาณสักเกินครึ่งของเา้าอ่ะครับเผลอ
00:28:32 → 00:28:35 ๆอาจจะได้สัก 70% 80% มั้ยอ่ะมันคือ
00:28:35 → 00:28:38 metabolic Syndrome ทั้งนั้นเลยนะอืม
00:28:38 → 00:28:40 ครับๆเรียกภาษาไทย metabolic Syndrome
00:28:40 → 00:28:42 แล้วแปลว่าอะไรภาวะ metabolic Syndrome
00:28:42 → 00:28:45 เนี่ยมันคือภาวะที่หัวใจของมันคือการดื้อ
00:28:45 → 00:28:49 อินซูลินครับอืดื้ออินซูลินเมื่อเกิดจาก
00:28:49 → 00:28:53 อะไรฮะเอ่อเกิดจากว่าร่างกายเนี่ยรับ
00:28:53 → 00:28:56 คาร์โบไฮเดรตคือน้ำตาลแป้งก็ไปกระตุ้นให้
00:28:56 → 00:29:00 อินซูลินหลังออกมาจากตับออกครับเพื่ออ้า
00:29:00 → 00:29:02 น้ำตาลมาแล้วก็ต้องเก็บน้ำตาลเพราะน้ำตาล
00:29:02 → 00:29:05 อยู่ในเส้นเลือดเป็นอันตรายมากออืน้ำตาล
00:29:05 → 00:29:08 ไม่มีในเส้นเลือดก็ช็อกแต่น้ำตาลมีใน
00:29:08 → 00:29:11 เสื้อเลิศมากน้ำตาลจะไปทำให้เกิดไปเหมือน
00:29:11 → 00:29:14 ไปทำกล้วยเชื่อมอ่ะครับอือๆเส้นเลือดแข็ง
00:29:14 → 00:29:17 อะไรอย่างเงี้ยอ่ามันมันมันเป็นผลปลายทาง
00:29:17 → 00:29:20 ของน้ำตาลที่ไปแช่อิ่มอยู่เพราะฉะนั้น
00:29:20 → 00:29:22 ต้องเก็บน้ำตาลออกทีนี้เก็บน้ำตาลออก
00:29:22 → 00:29:25 เนี่ยน้ำตาลที่เก็บออกจากเส้นเลือดก็ต้อง
00:29:25 → 00:29:27 ไปอยู่ในเซลล์ไขมันเซลล์อะไรก็ตามไม่มี
00:29:27 → 00:29:30 ที่อเท่าไหร่หรอกเซลล์ไขมันก็เก็บๆๆเข้า
00:29:30 → 00:29:33 ไปใหม่ๆก็ไม่ดื้อครับว่าง่ายอินซูลินหลั
00:29:33 → 00:29:37 มาเซลล์ไขมันก็ทำงานดูดน้ำตาลเข้าเก็บๆๆๆ
00:29:37 → 00:29:40 เก็บก็ไปสร้างเป็นไขมันเก็บไว้ในเซลล์อ
00:29:40 → 00:29:45 ครับรอวันใช้งานแต่ว่านอกจากคุณกินน้ำตาล
00:29:45 → 00:29:47 แล้วคุณยังกินบ่อยๆด้วยอืวันนึงกินหลาย
00:29:48 → 00:29:52 มื้ออไม่มีช่วงอดเลยพอไม่มีช่วงอดไอ้ช่วง
00:29:52 → 00:29:54 ที่อินซูลินมันจะต่ำแล้วกลูคากอนมันจะ
00:29:54 → 00:29:57 หลั่งออกมาเพื่อบอกเซลล์ไขมันว่าเฮ้ย
00:29:57 → 00:30:00 ละลายออกมามาใช้ละลายออกมาใช้อืละลายออก
00:30:00 → 00:30:03 มาเป็นกดไขมันกดไขมันเข้าไปที่เซลล์เซลล์
00:30:03 → 00:30:07 ใช้กดไขมันกลายเป็นคีโตนเป็นพลังงานสาย
00:30:07 → 00:30:10 นู้นอ่าคือเปลี่ยนเกียร์บ้างไม่มีครับคุณ
00:30:11 → 00:30:14 ไม่เคยอดนานพอที่มันจะกลับลำเลยอืเหมือน
00:30:14 → 00:30:16 เรือครับคุณเดินเครื่องถอยหลังมันไม่ใช่
00:30:16 → 00:30:19 เรือจะถอยหลังทันทีมันยังไหลอยู่กินบ่อย
00:30:19 → 00:30:23 กินหวานกินแป้งครับก็เป็นอินซูลินกระตุ้น
00:30:23 → 00:30:26 อยู่ตลอดเวลาโคนิไฮเปอร์อินซูลินนี่เมียอ
00:30:26 → 00:30:30 อฮะๆคุณเจาะเลือดตอนเช้าจอดเลือดตอนเช้า
00:30:30 → 00:30:34 อดข้าวทั้งคืนน้ำตาลดี 80 90 แต่
00:30:34 → 00:30:38 อินซูลินขึ้นไป 20 แล้วอืคุณใช้อินซูลิน
00:30:38 → 00:30:41 ตั้งเยอะเพื่อจะเอานี้ลงถึงตอนนั้นคือ
00:30:41 → 00:30:45 เริ่มดื้อะอ่าทำไมดื้อเบอกเซลล์ไขมันครับ
00:30:45 → 00:30:47 มันมันมันขยายมันอ้วนมากเลยนะมันเป็น
00:30:47 → 00:30:50 เซลล์แต่มันขยายมันเป็นเซลล์ซลล์ที่ใหญ่
00:30:50 → 00:30:53 ใหญ่ที่สุดได้ในร่างกายเลยเพราะว่ามัน
00:30:53 → 00:30:55 ขยายได้เยอะใหญ่จนเกือบจะมองเห็นตาเปล่า
00:30:55 → 00:30:58 เงี้ยเซลล์นะพอมันใหญ่มากๆปุ๊บมันแน่นมัน
00:30:58 → 00:31:02 มันจะตายครับแล้วเขาเชื่อกันว่าเส้นเลือด
00:31:02 → 00:31:04 ฝอยที่เข้าไปเลี้ยงเซลล์ต่างๆเนี่ยมัน
00:31:04 → 00:31:06 เข้าไม่ถึงมันอ้วนจัดน่ะเหมือนคนอ้วนบัง
00:31:07 → 00:31:09 กันเครับอผมจะส่งอาหารเนี่ยไอ้ข้างหลัง
00:31:09 → 00:31:13 ไม่ถึงอากาศไม่ถึงมันก็อยู่ไม่ดีมันก็
00:31:13 → 00:31:16 ปล่อยสารอักเสบออกมาคนที่เป็น metabolic
00:31:16 → 00:31:19 Syndrome จึงเจาะเลือดได้เอ่อมาร์เกอร์
00:31:19 → 00:31:23 ของความอักเสบสูงกว่าคนธรรมดาอือแล้วก็
00:31:23 → 00:31:27 ไอ้มาร์เกอร์เนี่ยก็ไปก่อกวนไปนับกับ
00:31:27 → 00:31:29 เรื่องอื่นๆมันมีกลไกของมันอีกยาวเไอ้
00:31:29 → 00:31:31 เรืื่องแบบคอเลสเตอรอลคอเลสเตอรอลเนี่ย
00:31:31 → 00:31:34 สุดท้ายเนี่ยก็คือว่าอาจจะนำไปสู่ความ
00:31:34 → 00:31:38 เสื่อมสภาพทั้งหลายอืๆเส้นร่งเส้นเลือดที
00:31:38 → 00:31:41 นี้มันก็ทำให้ความดันสูงด้วยปลายทางแล้ว
00:31:41 → 00:31:43 ถ้ามันดื้อมากๆดื้อถึงจุดนึงคือน้ำตาลมา
00:31:43 → 00:31:47 ก็เข้าเซลล์ไม่ได้ะครับเข้าไม่ได้อืเข้า
00:31:47 → 00:31:50 ไม่ได้มันแน่นไปหมดนะอือน้ำตาลก็สูงครับ
00:31:50 → 00:31:52 สูงในเลือดใหม่ๆมันสูงเฉพาะตอนทดลองกิน
00:31:52 → 00:31:55 น้ำตาลแล้วขึ้นเ้าเรียกโพสเเรียก glucose
00:31:55 → 00:31:58 tolerance Test คือคุณกินกลูโคสแล้วดู
00:31:58 → 00:32:00 ว่าน้ำตาลขึ้นเท่าไหร่ใหม่ๆขึ้นแค่นี้เ้า
00:32:00 → 00:32:02 เรียกว่าเป็นก่อนเบาหวานพไ diabetes แต่
00:32:02 → 00:32:04 มันโรคเดียวกันออือคุณต้องเป็นอย่างนี้มา
00:32:04 → 00:32:06 สัก 10 ปีแล้วคุณจะเป็นไอ้ตัวนั้นแล้ว
00:32:06 → 00:32:09 เป็นอย่างงั้นไปอีกสักพักนึงไม่ต้องกิน
00:32:09 → 00:32:12 น้ำตาลก็ได้มันสูงคร้างตลอดอแล้วคุณก็กิน
00:32:12 → 00:32:15 ยาเบาหวานครับยาเบาหวานบางตัวก็ไปบอก
00:32:15 → 00:32:19 บังคับเซลล์ไขมันว่าเอ็งเปิดประตูเพิ่มออ
00:32:19 → 00:32:21 ฮะบางอันก็ไปบังคับตับอ่อนว่าเอ็งหลั่ง
00:32:21 → 00:32:24 อินซูลินเพิ่มอืๆเพื่อให้เอาน้ำตาลลงแต่
00:32:24 → 00:32:27 มันก็ยังเดินหน้าอยู่แล้วอย่างอย่าอย่าง
00:32:27 → 00:32:29 กรณีที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยๆเช่นนอนๆ
00:32:30 → 00:32:32 อยู่แล้วก็ไปเลยอะไรอย่างเงี้ยนะครับแล้ว
00:32:32 → 00:32:34 ก็มาเอ่อคนก็เลยจะตั้งคำถามว่าเอเกิดมัน
00:32:34 → 00:32:36 เกิดจากอะไรขึ้นพวกนี้มันมีส่วนกับเกี่ยว
00:32:36 → 00:32:38 กับพวกเรื่องความดันเจียบพลันมั้ยครับ
00:32:38 → 00:32:41 เกี่ยวแต่ไม่ได้เกี่ยวมากอย่างที่คนจะ
00:32:41 → 00:32:44 กลัวกันครับก็เช่นเดียวกับหลายๆเรื่องทาง
00:32:44 → 00:32:47 สุขภาพมันไม่ตรงไปตรงมาซะทีเดียวอือเอ่อ
00:32:48 → 00:32:51 คนที่ตายกระทันหันนะครับเอ่อทางแพทย์มัก
00:32:51 → 00:32:54 จะเรียกว่าคค sudden Death อืก็แปลว่า
00:32:54 → 00:32:58 ไอ้อาการตายกระทันหันเนี้ยฮะหมอมองว่ามัน
00:32:58 → 00:33:01 มาจากหัวใจครับคือคนเราอยู่ดีๆจะจะจะ
00:33:01 → 00:33:06 เครื่องน็อคดับไปเลยอ่ะครับอืมันมันมัน
00:33:06 → 00:33:08 ไม่มีโรคอะไรที่มันอยู่ๆมาแล้วจะระเบิด
00:33:08 → 00:33:11 ตูมต้องโดนเราโดนรดทับหรือโดนระเบิดใช่
00:33:11 → 00:33:13 มั้ยมันจะตายทันทีถ้าเป็นจากภายในเรา
00:33:13 → 00:33:16 เนี่ยมันมีอย่างเดียวหัวใจหยุดเต้นอืหัว
00:33:16 → 00:33:20 ใจหยุดเต้นสมองก็หยุดทำงานฮอวยวะก็เฟลหมด
00:33:20 → 00:33:22 ครับอย่างเงี้ยแล้วหยุดเต้นเกิน 3 นาทีก็
00:33:23 → 00:33:26 อาจจะคืนไม่ได้แล้วอืๆเสียหายถาวรไปแล้ว
00:33:26 → 00:33:29 ครับทีนี้หัวใจมันมันจะหยุดเต้นได้ยังไง
00:33:29 → 00:33:33 อืหัวใจจะหยุดเต้นก็มีเรื่องของการน็อคอ
00:33:33 → 00:33:35 ผิดจังหวะอืเพราะว่าหัวใจเนี่ยถ้าเรามอง
00:33:35 → 00:33:37 เหมือนเครื่องยนต์ 4 จังหวะเงี้ยครับมัน
00:33:37 → 00:33:40 ก็ต้องมีรอบของมัน 1 2 3 4 1 2 3 4
00:33:40 → 00:33:43 ถ้าเครื่องมันน็อคคือมันจังหวะมันมันไม่
00:33:43 → 00:33:46 ได้แล้วมันน็อคมันรอบมันมันน็อคกันอมันก็
00:33:46 → 00:33:49 อาจจะหยุดได้กระชากหยุดฮะเอ่อพรุกนี้ก็
00:33:49 → 00:33:51 เป็นเรื่องของที่เราเรียกว่าอเมียใช่่
00:33:51 → 00:33:54 มั้ยครับหัวใจเต้นผิดจังหวะต่างๆครับกับ
00:33:54 → 00:33:57 เรื่องของเส้นเลือดหัวใจอุดตันหัวใจเนี่ย
00:33:58 → 00:34:00 มันเป็นกล้ามเนื้อที่บีบตัวอยู่ตลอดเวลา
00:34:00 → 00:34:02 มันต้องมีเลือดมาเลี้ยงตัวมันเองด้วยมัน
00:34:02 → 00:34:05 ส่งเลือดไปเลี้ยงเคทั่วทั่วร่างกายแต่ตัว
00:34:05 → 00:34:07 เขาเองก็ต้องการเลือดและออกซิเจนเพื่อทำ
00:34:07 → 00:34:11 งานทำงานไม่หยุดด้วยซ้ำไปออือฮะเอ่อทีนี้
00:34:11 → 00:34:14 เส้นเลือดหัวใจเนี่ยถ้าหากว่าอยู่ๆเกิด
00:34:14 → 00:34:17 เส้นเลือดหัวใจอุดตันครับแล้วอุดอุดแบบ
00:34:17 → 00:34:21 อุดหลายเส้นพร้อมกันหรืออุดกะทันหันออือ
00:34:21 → 00:34:24 อาจจะทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตายอืพอกล้าม
00:34:24 → 00:34:28 เนื้อหัวใจตายก็ทีนี้ก็หัวใจทำงานไม่ได้
00:34:28 → 00:34:32 ครับหรือเซ้นเลือดหัวใจไม่ดีเซ้นเลือหัว
00:34:32 → 00:34:35 ใจไม่ดีทำให้เกิดการขาดเลือดเป็นบางจุดอื
00:34:35 → 00:34:39 ๆขาดเลือดเป็นบางจุดทำให้การนำกระแสไฟฟ้า
00:34:39 → 00:34:42 ในกล้ามเนื้อหัวใจเริ่มแปลกๆละอืทีนี้ไอ้
00:34:42 → 00:34:44 ที่มันน็อครอบอาจจะเกิดจากตัวนี้ด้วยก็
00:34:44 → 00:34:47 ได้อืครับคือเส้นเลือดหัวใจตีบๆไปกล้าม
00:34:47 → 00:34:50 เนื้อหัวใจไม่ดีรู้สึกตัวเจ็บมั้ยหรือไม่
00:34:50 → 00:34:52 เจ็บไม่รู้แต่ว่าวันนึงหัวใจเต้นผิด
00:34:52 → 00:34:56 จังหวะขึ้นมาอืเพราะฉะนั้นด้วยกลไกแบบนี้
00:34:56 → 00:34:58 ครับความดันสูงและภาวะ
00:34:58 → 00:35:02 เมตาบอลิกก็เป็นตัวที่นำไปสู่ความเสี่ยง
00:35:02 → 00:35:04 ที่เพิ่มขึ้นของการเสื่อมสภาพเส้นเลือด
00:35:04 → 00:35:07 ทั้งร่างกายอรวมทั้งเส้นเลือดหัวใจและ
00:35:07 → 00:35:11 สมองด้วยครับงั้นคนที่ความดันดีภาวะ
00:35:11 → 00:35:15 เมตาบอลิกดีเช็คน้ำตาลดีทุกอย่างดีโอกาส
00:35:15 → 00:35:17 อยู่ๆจะเป็น sudden kct Death มันก็
00:35:17 → 00:35:20 น้อยอ่าครับแต่ถ้าเกิดว่าเป็นคนที่มี
00:35:20 → 00:35:25 ปัจจัยอุดมอืๆมาแล้วหลายสิบปีครับวันร้าย
00:35:25 → 00:35:27 คืนร้ายจะเกิดพวกนี้ขึ้นก็เป็นไปได้
00:35:27 → 00:35:29 เหมือนกับคนซื้อหวยอ่ะครับครับมันก็ต้อง
00:35:29 → 00:35:33 มีคนถูกกันบ้างครับแต่คนไม่ซื้อมันก็มัน
00:35:33 → 00:35:35 ก็ไม่ถูกอ่ะอ่าครับอย่างเงี้ยครับแสดงมัน
00:35:35 → 00:35:37 ต้องมีเหตุปัจจัยของมันมาก่อนเพราะฉะนั้น
00:35:37 → 00:35:40 ความดันสูงเป็นสาเหตุของ sudden Death
00:35:40 → 00:35:43 เป็นสาเหตุร่วมของการเกิด sudden Death
00:35:43 → 00:35:46 ได้อแต่ไม่ใช่ว่าขึ้นกับตัวเลขตรงไปตรงมา
00:35:46 → 00:35:49 มันขึ้นกับดวงออ่าฮะๆเงี้ยครับครับเอ่อก็
00:35:50 → 00:35:52 กลับมาที่เราดูแลถ้าถ้าเวคสุดก็ดูแลร่าง
00:35:52 → 00:35:55 กายให้ดีครับนะครับกับเอ่อถ้ามีคนที่มี
00:35:56 → 00:35:58 ปัจจัยเสี่ยงอยู่แล้วผู้สูงอายุยุหรือว่า
00:35:58 → 00:36:01 มันมีโรคอยู่แล้วดูแลแล้วก็ยังมีหรือมี
00:36:01 → 00:36:05 ยังไงก็ตามก็การถ้ามีทุนทรัพย์อือการหา
00:36:05 → 00:36:08 ซื้อพวกเครื่องเครื่องกระตุ้นไฟฟ้าหัวใจ
00:36:08 → 00:36:10 ใช่มั้ยครับอัตโนมัติน่ะ automatic
00:36:10 → 00:36:14 defibrillator ครับมาติดบ้านไว้การเทรน
00:36:14 → 00:36:17 คนที่บ้านให้รู้จักกู้ชีพออือๆเพราะถ้า
00:36:17 → 00:36:20 หัวใจหยุดเต้นแต่มีการปั๊มมีการกระตุ้น
00:36:20 → 00:36:24 มันอจจะกลับมาได้อืถ้าได้ทันครับแต่ถ้าไป
00:36:24 → 00:36:27 เกิดตอนหลับอยู่อันนี้ก็อก็ถือว่าถูกหวย
00:36:27 → 00:36:30 ไปอ่าอาจจะถือว่าไม่รู้จะทำยังไงด้วย
00:36:30 → 00:36:33 เงี้ยครับอืเอาล่ะครับคุณหมอขอบคุณมากนะ
00:36:33 → 00:36:38 ครับขอบคุณครับครับสวัสดี
00:36:38 → 00:36:42 ครับสำหรับบุพการีที่เคารพใน EP หน้าเรา
00:36:42 → 00:36:44 จะพบกับโฮสผู้ดำเนินรายการคนใหม่นะครับ
00:36:44 → 00:36:48 นั่นก็คือคุณน้องธิตินันชนินนะครับก็ฝาก
00:36:48 → 00:36:50 คุณผู้ชมติดตามรายการกันต่อด้วยนะครับ
00:36:50 → 00:36:53 บุพการีที่เคารพคู่มือการดูแลพ่อแม่ของคน
00:36:53 → 00:36:55 เจ็นลูกถ้าชอบเนื้อหาแบบนี้ก็อย่าลืมกด
00:36:55 → 00:37:00 Subscribe ไว้ด้วยนะครับ y