00:00:00 → 00:00:03 เริ่มจากอะไรที่มาสนใจจเรื่องเหล่านี้ค่ะ
00:00:03 → 00:00:09 มันก็เริ่มจากที่เราก็มีเหมือนคนทั่วไป
00:00:09 → 00:00:12 คือมีความสุขบ้างความทุกข์บ้างปนๆกันไป
00:00:12 → 00:00:16 ค่ะคราวนี้ทำอย่างไรรที่เราจะมีความสุข
00:00:16 → 00:00:22 มากกว่าถูกมยเออเออค่ะได้ขอบคุณค่ะทำ
00:00:23 → 00:00:26 อย่างไรที่เราจะมีความสุขมากกว่าซึ่งมัน
00:00:26 → 00:00:28 จะต้องมีสมการบางสิ่งบางอย่างที่จะช่วย
00:00:28 → 00:00:32 เราได้เมื่อก่อนติ๋วก็เหมือนคนทำธุรกิจ
00:00:32 → 00:00:35 ทั่วไปก่อนหน้าเนี้ยที่จะเข้ามาสู่เส้น
00:00:35 → 00:00:39 ทางสายสุขภาพอย่างจริงจังอ่ะค่ะอืมันก็มี
00:00:39 → 00:00:44 ที่มาว่าเราทำธุรกิจแล้วเรารู้สึกว่าเอ้ย
00:00:44 → 00:00:49 มันมันมันก็ได้เงินเยอะนะแต่ว่ามันไม่ฟิ
00:00:49 → 00:00:54 อ่ะมันรู้สึกแบบอึนๆนะมันไม่เติมเต็มให้
00:00:54 → 00:00:57 กับชีวิตเหรอค่ะพี่ทำไมเอ่อเหมือนมีเงิน
00:00:57 → 00:01:00 แต่ว่าความรู้สึกทางใจยังไม่ใชถูกเติม
00:01:00 → 00:01:06 เต็มใช่ๆๆๆถูกต้องค่ะค่ะจนกระทั่งวันนึง
00:01:06 → 00:01:10 ได้ไปเจอเหตุการณ์บางสิ่งบางอย่างที่ไม่
00:01:10 → 00:01:14 คาดคิดแล้วมันกระทบใจเราแล้วเรารู้สึกว่า
00:01:14 → 00:01:19 เฮ้ยทำไมใจเรามันไม่ปกติมันมีความขุ่นๆ
00:01:19 → 00:01:21 แปลกๆมันก็เริ่ม
00:01:21 → 00:01:25 อือมีบางสิ่งบางอย่างที่ทริกเกอร์เราขึ้น
00:01:25 → 00:01:29 มาอยู่ๆมันก็มีคำว่าจิตใต้สำนึกขึ้นมาค่ะ
00:01:29 → 00:01:31 เออมันมันแว๊บขึ้นมาหาเราเลยคำว่าจิตใต้
00:01:31 → 00:01:33 สำนึก
00:01:33 → 00:01:37 พอมีคำว่าจิตใต้สำนึกแว๊บขึ้นมา
00:01:37 → 00:01:40 เนี่ยถ้าคนไม่รู้จักเนี่ยคิดว่าเราจะไปหา
00:01:40 → 00:01:44 คำตอบจากที่ไหนวัดค่ะจุดใต้สำนึกถ้าไม่
00:01:44 → 00:01:48 รู้จักวัดอ่าหหมดหมดูมหมอดูเออใช่โอเออ
00:01:48 → 00:01:50 เยี่ยมมากถ้าเราอยู่
00:01:51 → 00:01:55 บ้านเราจะหาคำตอบได้จากที่ไหน Google
00:01:55 → 00:02:00 gole ถูกต้องนะคะออได้ไป 1 คะแนนค่ะ
00:02:00 → 00:02:03 ไป Google ค่ะว่าเอ้ยจิตใต้สำนึกมันคือ
00:02:03 → 00:02:04 อะไร
00:02:04 → 00:02:11 ครับแล้วอากู๋ก็ทำให้เราได้คำตอบค่ะแล้ว
00:02:11 → 00:02:17 หลังจากนั้นมาค่ะชีวิตเปลี่ยนอืก็คือพอ
00:02:17 → 00:02:22 รู้สึกว่าหาคำตอบจากจิตใต้สำนึกแล้วไปทำ
00:02:22 → 00:02:25 การศึกษาหรือว่าชีวิตเปลี่ยนได้อย่างไรคะ
00:02:25 → 00:02:28 พี่ยอดเยี่ยมมากค่ะชีวิตเปลี่ยนเพราะจาก
00:02:28 → 00:02:31 การศึกษาอันเนี้ยก็เป็นคียนึงนะว่าชีวิต
00:02:31 → 00:02:35 เราอ่ะจะดีขึ้นเมื่อเรามีการศึกษาแต่ที่
00:02:35 → 00:02:38 สำคัญคืออะไรรู้มั้ยมันต้องศึกษาให้ตรง
00:02:38 → 00:02:43 กันค่ะตรงกับใจเราด้วยนะหรือตรงกับชีวิต
00:02:43 → 00:02:45 เราอ่ะว่าชีวิตแต่ละคนน่ะมันไม่เหมือนกัน
00:02:45 → 00:02:48 อ่าเดี๋ยวจะคุยให้ฟังตอนท้ายด้วยเา้า
00:02:48 → 00:02:54 เรียกว่ามีธาตุแท้อืหรือิงอะไรที่มันเป็น
00:02:54 → 00:02:57 ธาตุแท้ของเราคุณผู้ฟังลองสังเกตดีๆนะคะ
00:02:57 → 00:03:01 ว่าตัวเราเนี่ยมีอะไรที่ที่มันรู้สึกว่า
00:03:01 → 00:03:05 เป็นแบบเฉพาะตัวบ้างถูกมั้ยคือความดิบที่
00:03:05 → 00:03:08 อยู่ข้างในเหรอคะถูกจะเรียกความดิบก็ได้
00:03:08 → 00:03:12 ค่ะอ่าค่ะแล้วพอตรงเนี้ยค่ะพี่ไปศึกษา
00:03:12 → 00:03:15 ด้านจิตวิทยาเนี่ยในในหลักเอ่อหลักสูตร
00:03:15 → 00:03:19 อะไรบ้างเอ่อแล้วก็ตอนเนี้ยได้ทำหน้าที่
00:03:19 → 00:03:22 เอ่อโคชิในด้านไหนบ้างอย่างเงี้ยค่ะอื
00:03:22 → 00:03:29 ขอบคุณค่ะศึกษาทุกอย่างเลยพอพอมีไกดคำว่า
00:03:29 → 00:03:33 จิตใต้สำนึกนะคะอะไรที่เกี่ยวกับจิตทั้ง
00:03:33 → 00:03:36 ตะวันออกตะวันตกข้ามน้ำข้ามทะเลไปเรียนมา
00:03:36 → 00:03:39 หมดเลยเรื่องจิต
00:03:39 → 00:03:43 จิตวิทยาการบำบัดการสะกดจิตบำบัดค่ะไซโค
00:03:43 → 00:03:47 therapy Timeline เปี้ค่ะเกี่ยวกับการ
00:03:47 → 00:03:49 บำบัดเนี่ย
00:03:49 → 00:03:53 เรกิเรกิคืออะไรหรอคะพี่เรกิคือศาสตร์การ
00:03:53 → 00:03:56 บำบัดชนิดหนึงว่าด้วยเรื่องของพลังงาน
00:03:56 → 00:04:00 ธรรมชาติอค่ะอืเอความรู้ใหม่เลยนะเอคผม
00:04:00 → 00:04:04 รู้จักแต่โลกิผมรู้จักแต่โลกิของมาเวลได้
00:04:04 → 00:04:06 มันเป็นเรื่องเดียวกันนะมันเป็นเรื่อง
00:04:07 → 00:04:09 เดียวกันนะ่กันอยู่เพว่าเพราะว่ามันเป็น
00:04:09 → 00:04:12 เรื่องของธรรมชาติค่ะแล้วเมื่อกี้กำลังจะ
00:04:12 → 00:04:16 เา้าเรียกว่าเฉลยให้เลยรัดสั้นตรงทุก
00:04:16 → 00:04:20 ศาสตรการบำบัดนะชื่อไม่เหมือนกันแต่สุด
00:04:20 → 00:04:25 ท้ายแก่นของทุกการบำบัดอค่ะมาทางเดียวกัน
00:04:25 → 00:04:28 คือเหมือนกันเลยอันนี้คือแบบว่าเค้าเรียก
00:04:28 → 00:04:34 ว่าให้ให้การเฉลยกับคุณผู้ฟังและคุณผู้ชม
00:04:34 → 00:04:37 ที่รับชมอยู่เลยเป็นของขวัญปีใหม่ว่าแก่น
00:04:37 → 00:04:42 แท้ของเขาเนี่ยทำอย่างไรที่เราจะสมดุลอื
00:04:42 → 00:04:45 แล้วถ้าใจเราสมดุลค่ะกายจะตามมา Body and
00:04:45 → 00:04:48 My R1 จะเอาอะไรเริ่มก่อนก็ได้ค่ะแต่
00:04:48 → 00:04:52 สุดท้ายเนี่ยถ้าในระดับที่เรียกว่าสูงๆ
00:04:52 → 00:04:54 ขึ้นไปเนี่ยมันก็คือเรื่องของจิตใจหรือ
00:04:54 → 00:04:57 จิตวิญญาณถูกมั้ยคะในชีวิตเราอ่ะค่ะมันจะ
00:04:57 → 00:04:58 มีสเต็ป
00:04:58 → 00:05:03 เช่น physical อื mental ค่ะ emotional
00:05:03 → 00:05:08 อืและที่สูงสุดของห่วงโซ่อาหารเนี่ยคือ
00:05:08 → 00:05:12 spiritual มันก็คือเรื่องของจิตใจจิต
00:05:12 → 00:05:14 วิญญาณทั้งหมดเลยถ้าเราเรียกง่ายๆเราก็
00:05:14 → 00:05:18 แบ่ง 2 อย่างคือกายกับใจค่ะถูกมยอือ่านี่
00:05:18 → 00:05:21 แหละแล้วก็มีอีกหลายอย่าง
00:05:21 → 00:05:26 คือพอพูดถึงว่าเรียนอะไรมาบ้างอ่ะค่ะถ้า
00:05:26 → 00:05:28 หลักๆเนี่ยเรียนในเรื่องของการบำบัดและ
00:05:28 → 00:05:33 การโค้ชค่ะอืเพราะบำบัดก็มีหลายแขนงมาก
00:05:33 → 00:05:38 ซึ่งเรียกว่าในจักรวาลนี้มีการบำบัดอะไร
00:05:38 → 00:05:41 บ้างเนี่ยคือไปหมดเลยอาจารย์ติ๋วเรียนมา
00:05:41 → 00:05:43 หมดละ Something like that อะไรประมาณ
00:05:43 → 00:05:46 นั้นเลยคือแบบว่ามันเหมือน
00:05:46 → 00:05:50 มันตกลงไปในหลุมแต่มันเป็นหลุมของความรัก
00:05:51 → 00:05:55 ตกหลุมรักอ่ะค่ะมันไปเจอสิ่งที่มันเป็น
00:05:55 → 00:05:59 Love passion แล้วมันจึงขยายเป็นมัว่า
00:05:59 → 00:06:03 เฮ้ยชีวิตเราอ่ะที่เราเกิดมาบนโลกใบเนี้ย
00:06:03 → 00:06:07 เราเกิดมาเพื่ออะไรเพราะโลกเราอ่ะเหมือน
00:06:07 → 00:06:11 โรงเรียนโรงเรียนค่ะโรงเรียนนึงซึ่งใน
00:06:11 → 00:06:14 จักรวาลนี้มันก็มีหลายหลายโรงเรียนนะค่ะ
00:06:14 → 00:06:16 ชีวิตเราเนี่ยเกิดมาเพื่อเรียนรู้ถ้าเรา
00:06:16 → 00:06:20 เรียนรู้ครบทุกอย่างแล้วอ่ะเราก็จะไม่
00:06:20 → 00:06:26 ต้องมาเกิดใหม่อือืครับอืค่ะอออันนี้ก็
00:06:26 → 00:06:31 เป็นเรื่องของแพชชั่นมาที่มาที่ไปว่าอวัน
00:06:31 → 00:06:36 นี้ทำไมถึงเอ่อได้มีคือการมาเติมเต็มได้
00:06:36 → 00:06:40 ไปศึกษามาแล้วก็ได้มาแบ่งปันความรู้ความ
00:06:40 → 00:06:43 เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของการโคชิการบำบัด
00:06:43 → 00:06:46 เอ่อให้กับหลายๆท่านซึ่งวันเนี้เราชวนคุย
00:06:46 → 00:06:49 กันเรื่อง cristal Thinking B อันเนี้ย
00:06:49 → 00:06:52 มันหลายคนอาจจะรู้จักอยู่แล้วหรือว่าหลาย
00:06:52 → 00:06:54 คนอาจจะเป็นเรื่องใหม่แต่อันเนี้ยให้
00:06:54 → 00:06:58 อาจารย์ติ๋วเอ่อฉายภาพให้ฟังหน่อยว่าตัว
00:06:58 → 00:07:02 คริสตัลโบเนี่ยมันคืออะไรแล้วก็มี
00:07:02 → 00:07:04 ประโยชน์อย่างไรกับผู้ผู้ที่ได้รับการ
00:07:04 → 00:07:09 บำบัดด้วยสิ่งเนี้ยค่ะคริสตัลิบอ่ะค่ะก็
00:07:09 → 00:07:12 เป็นอีกหนึ่งศาสตร์การบำบัดค่ะเรียกว่า
00:07:12 → 00:07:15 เป็นเครื่องมือที่
00:07:15 → 00:07:20 เอ่อคนในยุคคนในยุคโบราณเนาะมากกว่า 5,000
00:07:20 → 00:07:24 ปีแล้วแหละที่เหมือนกันเนาะเขาได้ค่ะ
00:07:24 → 00:07:28 พัฒนาสิ่งนี้ขึ้นมาเรื่อยๆมีคำกล่าวที่
00:07:28 → 00:07:32 ว่าใครได้ได้ยินเสียงของสิ่งเนี้ยเหมือน
00:07:32 → 00:07:36 ได้ยินเสียงสวรรค์อือเพราะว่ามนุษย์เนี่ย
00:07:36 → 00:07:40 มันก็มีอะไรมันก็มีการสัมผัสถูกมั้ย
00:07:40 → 00:07:44 สัมผัสอะไรล่ะรูปลดกลิ่นเสียงใช่สัมผัส
00:07:44 → 00:07:47 ถูกมั้ยคะค่ะิั Thinking Bow เนี่ยเป็น
00:07:47 → 00:07:52 หนึ่งในธรรมชาติมนุษย์ก็คือบำบัดด้วย
00:07:52 → 00:07:55 เสียงอืแต่ด้วยเทคโนโลยีและวิทยาศาสตร์
00:07:55 → 00:08:00 การพัฒนาของมนุษย์เนี่ยสามารถพัฒนาสิ่ง
00:08:00 → 00:08:05 ที่เค้าเรียกว่าเรียกว่าธรรมดาก็ค่อยๆ
00:08:05 → 00:08:09 ขยับขึ้นจนมีทั้งคลื่นและเสียงอันเนี้ย
00:08:09 → 00:08:12 คือคุณสมบัติพิเศษของคริสตัล Thinking โ
00:08:12 → 00:08:15 ที่มีทั้งคลื่นและเสียงแล้วถามว่ามันมี
00:08:15 → 00:08:18 ประโยชน์ยังไงกับผู้ที่ได้รับผู้ที่ได้
00:08:18 → 00:08:23 รับถูกมั้ยคะค่ะมันมีประโยชน์ในหลายๆ
00:08:23 → 00:08:28 ด้านทั้งในเรื่องของระบบสมองระบบประสาท
00:08:28 → 00:08:32 ค่ะมีผลต่อสมองยังไงคริสตัล sinking โน
00:08:32 → 00:08:36 เนี่ยสามารถไปปรับคลื่นสมองได้ครับอืหมาย
00:08:36 → 00:08:40 ถึงว่าปรับในลักษณะที่ทำให้คนใจร้อนเป็น
00:08:40 → 00:08:43 คนใจเย็นมีสมาธิมากขึ้นปรับในรูปแบบยังไง
00:08:44 → 00:08:48 หรอคะอ่ะอันนั้นเเรียกว่าผลพลอยได้เนาะออ
00:08:48 → 00:08:54 ค่ะเออผลพลอยได้ในอาการต่างๆอ่ะมันเป็นผล
00:08:54 → 00:08:58 พอยได้ที่ได้รับจากการรับคลื่นและเสียงอ
00:08:58 → 00:09:02 อืครับถามว่ามีผลต่อคลื่นสมองยังไงมีผล
00:09:02 → 00:09:06 ต่อสมองยังไงใช่มั้ยคะค่ะในทางจิตวิทยา
00:09:06 → 00:09:11 หรือในทางคลินิกอ่ะอือเค้าจะแบ่งคลื่น
00:09:11 → 00:09:14 สมองออกหลักๆอ่ะเป็น 4 คลื่นค่ะเรานั่ง
00:09:15 → 00:09:16 คุยกันอยู่
00:09:16 → 00:09:20 เนี่ยเป็นเป็นคลื่นนึงถูกมั้ยเราต้องใช้
00:09:20 → 00:09:23 ความคิดเราคิดเพื่อพูดมันก็จะเป็นคลื่น
00:09:23 → 00:09:29 เบต้าค่ะ 1 ใน 4 คลื่นนะคะค่ะอืครับถ้า
00:09:29 → 00:09:32 ถ้าสมมุติว่าคุยๆอยู่แล้วมีเสือวิ่งเข้า
00:09:32 → 00:09:36 มาในเนี้ยคลื่นสมองลเปลี่ยนมั้ยเปลี่ยนสิ
00:09:36 → 00:09:40 ใช่มถูกมเออมันก็จะเป็นเบต้าแบบเข้มข้น
00:09:40 → 00:09:44 เลยค่ะเออมันก็จะบีดมากอครับถ้าเราสามารถ
00:09:44 → 00:09:48 ปรับคลื่นสมองให้มันนิ่งขึ้นมาอีกนิดนึง
00:09:48 → 00:09:53 ค่ะเป็นอัลฟ่าอืมันก็จะมีความสงบมากขึ้น
00:09:53 → 00:09:55 ค่ะมากขึ้น
00:09:55 → 00:09:56 ใช่
00:09:56 → 00:10:02 และถ้ามันนิ่งขึ้นไปอีกมันก็จะเป็นคลื่น
00:10:02 → 00:10:08 ธีต้าทีต้าครับใช่ค่ะที่จะมีความสงบลึก
00:10:08 → 00:10:11 ขึ้นไปแล้วคลื่นในลักษณะเนี้ยค่ะที่นัก
00:10:11 → 00:10:15 บำบัดจะชอบอืเพราะว่ามันสามารถทำกระบวน
00:10:15 → 00:10:19 การบำบัดได้ค่ะในระดับจิตใต้สำนึกเลยอ
00:10:19 → 00:10:22 แล้วคุณสมบัติของิั sinking Bow เนี่ย
00:10:22 → 00:10:25 เขาสามารถทำให้คลื่นสมองเนี่ยปรับได้ง่าย
00:10:25 → 00:10:26 โดย
00:10:26 → 00:10:31 ที่ไม่ต้องใช้ยาอออัลเบิร์ตไอสไตน์เนี่ย
00:10:31 → 00:10:36 บอกว่าเป็นยาพลังงานค่ะครับเพราะมนุษย์มี
00:10:36 → 00:10:39 คลื่นความถี่อยู่ในตัวเป็นธรรมชาติอยู่แล
00:10:39 → 00:10:43 อืเหมือนในร่างกายเราอ่ะมีธาตุดินน้ำไฟลม
00:10:43 → 00:10:47 ถูกมั้ยค่ะอืสิ่งเนี้ยมันเข้ามาช่วยปรับ
00:10:47 → 00:10:51 สมดุลให้คลื่นสมองเราค่อยๆปรับลงและคลื่น
00:10:51 → 00:10:56 สุดท้ายคือเดลต้าที่มันจะนิ่งเราหลับเลย
00:10:56 → 00:11:01 อ่ะค่ะอือือค่ะเอ๊ะพอเป็นลักษณะแบบเนี้ย
00:11:02 → 00:11:05 แสดงว่าการที่เริ่มต้นอย่างเงี้ยถ้าเรา
00:11:05 → 00:11:09 เริ่มฟังเ่อครั Sing โบวเนี่ยเสียงคือ
00:11:09 → 00:11:11 ด้วยความที่เห็นจากใน YouTube อากู๋
00:11:11 → 00:11:14 เหมือนกันไปเสิร์ชมาหลายขนาดมากโอ๊กโอ๊
00:11:14 → 00:11:18 ลองไปเซิร์ชดูป่ะว่าแบบมันมีทั้งขนาดใหญ่
00:11:18 → 00:11:22 ขนาดเล็กเอ๊ะแล้วอันไหนหรอคะที่มันจะส่ง
00:11:22 → 00:11:26 คลื่นแต่ละคลื่นหรือว่าขนาดต่างกันมีมี
00:11:26 → 00:11:30 เค้าเรียกสื่อสารต่างกันมยส่งคลื่นระดับ
00:11:30 → 00:11:33 ที่ลึกแตกต่างกันหรือไม่อย่างไรอ่ะคะแตก
00:11:33 → 00:11:38 ต่างกันค่ะด้วยขนาดของโบว์ด้วยความหนา
00:11:38 → 00:11:43 ด้วยวัสดุค่ะด้วยแร่ธาตุต่างๆอันนี้ขอ
00:11:43 → 00:11:46 อนุญาตชวนเข้ามาโฟกัสในเรื่องของ cristal
00:11:46 → 00:11:49 sinking โเนาะค่ะโดยเฉพาะ
00:11:49 → 00:11:54 อโดยเฉพาะที่เป็นวิวัฒนาการใหม่ที่มัน
00:11:54 → 00:12:00 เป็นการรวมของร่รัตนชาติแล่ลายแร่มากยก
00:12:00 → 00:12:03 ตัวอย่างคำว่าแร่รัตนแร่รัตนชาติอ่าแร่
00:12:03 → 00:12:07 รัตนชาติคืออะไรรชาติเช่นอัญมณีต่างๆอ่ะ
00:12:07 → 00:12:12 มันอยู่ในโบเหรอคะพี่ออใช่ค่ะมันถูกหลอม
00:12:12 → 00:12:15 ด้วยความร้อนมากกว่า 4,000 องศาแล้วก็
00:12:15 → 00:12:19 ขึ้นรูปค่ะมันจึงเป็นคุณสมบัติเฉพาะของ
00:12:19 → 00:12:25 เขาคที่เขาจะมีทั้งคลื่นและเสียงอืถ้าไป
00:12:25 → 00:12:28 สัมผัสในขณะที่วนเนี่ยนะคะมันจะเหมือนไฟ
00:12:28 → 00:12:33 ช็อตเลยเพราะว่ามันมีคลื่นความถี่อืมันจะ
00:12:33 → 00:12:35 มีกระบวนการ resonance มันจะมีทาง
00:12:35 → 00:12:38 วิทยาศาสตร์หลายอย่างมันถึงสามารถมีผลต่อ
00:12:38 → 00:12:41 ระบบสมองระบบประสาทได้เพราะว่าการสั่น
00:12:41 → 00:12:44 สะเทือนเนี่ยนะมันจะช่วยกระตุ้นระบบ
00:12:44 → 00:12:49 ประสาทพาราซิมพาเทติกด้วยมันมีเาเรียกว่า
00:12:49 → 00:12:52 มันมีคุณสมบัติเฉพาะตัวของเขาคอ่ะค่ะค่ะ
00:12:52 → 00:12:56 ที่มันจะสามารถเข้าไปทำงานกับระบบภายใน
00:12:56 → 00:13:01 ของร่างกายเราอืค่ะอือพอสมองทำงานมันก็จะ
00:13:01 → 00:13:04 เกิดการหลัฮอร์โมนบางอย่างค่ะที่เป็น
00:13:04 → 00:13:07 ประโยชน์เพราะว่าอะไรเพราะว่าคลื่นสมอง
00:13:07 → 00:13:14 ที่มันสงบมันก็จะหลั่งเคมีที่มันไปในทิศ
00:13:14 → 00:13:18 ทางเดียวกันอือถ้าฮอร์โมนดีถูกมั้ยคะร่าง
00:13:18 → 00:13:21 กายเราก็ดีค่ะใช่อือคืออันเนี้ยมันเป็น
00:13:21 → 00:13:25 การปรับตั้งแต่ภายในสู่ภายนอกใช่มั้ยคะ
00:13:25 → 00:13:27 ถูกต้องค่ะค่ะโอ้โหแบบ inside out เลย
00:13:27 → 00:13:33 อ่ะเออเนาะมันอส่วนใหญ่คนที่ให้ความสนใจ
00:13:33 → 00:13:36 เข้ามาบำบัดด้วยเสียงครั Thinking B
00:13:36 → 00:13:39 อย่าเงี้ยค่ะจะเป็นผู้ป่วยหรือคนทั่วๆไป
00:13:39 → 00:13:43 เลยอ่ะคะส่วนใหญ่ที่ที่ที่อาจารย์ติ๋วเ
00:13:43 → 00:13:48 เจอมาค่ะทั้งหมดเลยค่ะทั้งหมดเลยเพราะว่า
00:13:48 → 00:13:50 มันมันจะ
00:13:50 → 00:13:56 สามารถให้ผลลัพธ์ที่หลายระดับค่ะคือถ้าคน
00:13:56 → 00:14:00 ไม่สบายมาก็จะสบายดีถ้าคนสบายดีอยู่ก็จะ
00:14:00 → 00:14:05 สามารถพัฒนามากขึ้นไปได้แบบไม่มีลิมิตเลย
00:14:05 → 00:14:10 ออืแสดงว่าก็สามารถคือเหมือนกับว่าตัว
00:14:10 → 00:14:13 คลื่นเสียงอันเนี้ยสามารถเค้าเรียกอะไรนะ
00:14:13 → 00:14:17 สามารถพัฒนเค้าเรียกอะไรเฟ้นหาอะไรที่
00:14:17 → 00:14:19 อยู่ลึกๆข้างในของคนออกมาได้เหมือนกันใช่
00:14:19 → 00:14:24 มยคะถูกต้องค่ะเพราะอะไรเพราะคุณสมบัติ
00:14:24 → 00:14:26 ของเขาเนี่ยเมื่อสักครู่เราคุยกันว่าปรับ
00:14:27 → 00:14:29 คลื่นสมองใช่มั้ยคะใช่ค่ะครับ
00:14:29 → 00:14:32 พอคลื่นสมองที่มันสงบมากเนี่ยนะพูดพูดแบบ
00:14:32 → 00:14:36 ภาษาชาวบ้านเลยแล้วกันมันก็จะทำให้ไป
00:14:36 → 00:14:40 เชื่อมกับจิตใต้สำนึกอือ่าเห็นมั้ยเราได้
00:14:40 → 00:14:44 ยินคำว่าจิตใต้สำนึกอีกและเพราะว่าจิตใต้
00:14:44 → 00:14:49 สำนึกเนี่ยค่ะมันคือทุกอย่างของชีวิต
00:14:49 → 00:14:53 มนุษย์เลยนะอือมนุษย์เนี่ยมีร่างกายกับ
00:14:53 → 00:14:56 จิตใจถูกมั้ยคะแล้วจิตใต้สำนึก
00:14:56 → 00:15:00 เนี่ยเคยดูหนังเรื่องไทยทอีกมั้ยเคยค่ะ
00:15:00 → 00:15:04 เคยครับเคยครับอ่าีดูหลายรอบด้วย
00:15:04 → 00:15:06 อ่าแล้ว
00:15:06 → 00:15:10 เห็นภูเขาน้ำแข็งมที่เรือ
00:15:10 → 00:15:14 ไททานิคจมเพาะอ่าเขาคเรียกว่าพุ่งชนแล้ว
00:15:14 → 00:15:18 ก็จมเพาะสิ่งนี้ค่ะครับตอนที่เอ่อเรา
00:15:18 → 00:15:21 เรียกกัปตันมั้ยผู้ผู้ควบคุมเรืออ่าก
00:15:21 → 00:15:24 กัปตันเรือค่ะกัันเรือตอนที่กัปตันเรือ
00:15:24 → 00:15:30 เนี่ยเค้าเห็นภูเขาน้ำแข็งเนี่ยเขาคิดว่า
00:15:30 → 00:15:35 เรือไททานิคผ่านได้อืถูกมั้ยใช่ค่ะคิดว่า
00:15:35 → 00:15:38 แบบเป็นเรือที่ทันสมัยที่สุดในยุคนั้นดี
00:15:38 → 00:15:42 ที่สุดใช้เทคแข็งแกร่งแข็งแกร่งแข็งแกร่ง
00:15:42 → 00:15:45 ที่สุดใหญ่มั้ยใหญ่ใหญ่มากใหญ่มากแล้วก็
00:15:45 → 00:15:49 เป็นถ้าจำไม่ผิดอ่ะเป็นเรือที่เดินเอ่อ
00:15:49 → 00:15:53 ข้ามเดินเรือข้ามทวีปมโอ๊กประมาณนี้ข้า
00:15:53 → 00:15:56 จากอังกฤษใเป็นอเมริกาครับเอใช่มโอโหคุณ
00:15:56 → 00:16:01 โกข้อมูลแน่นมากค่ะขอเอครับ
00:16:01 → 00:16:04 เรือไททานิคเนี่ยทั้งใหญ่ค่ะทั้งทันสมัย
00:16:04 → 00:16:08 ทุกอย่างค่ะคราวเนี้ยค่ะภูเขาน้ำแข็งที่
00:16:08 → 00:16:10 กัปตันเรือเห็น
00:16:10 → 00:16:15 เนี่ยทั้ง 2 ท่านคิดว่าเห็นเล็กหรือใหญ่
00:16:15 → 00:16:20 เล็กเล็กถูกมั้ยค่ะอืเมื่อเทียบกับขนาด
00:16:20 → 00:16:23 ของเรือเราเนี่ยภูเขาน้ำแข็งแค่นั้นน่ะ
00:16:23 → 00:16:26 ผ่านได้สบายมั้ยสบายสบายมากเพราะว่าเขา
00:16:26 → 00:16:28 มั่นใจในเรื่องของความแข็งแกร่งของเรืออ
00:16:28 → 00:16:32 อือืใช่ใช่โหฟังตรงนี้แล้วนึกถึงชีวิตเรา
00:16:32 → 00:16:35 เลยนะเรามั่นใจมากอ่าเพราะเราเห็นแค่กี่
00:16:35 → 00:16:37 เปอร์เซ็นต์คุณคิดว่าเราเห็นกี่
00:16:37 → 00:16:41 เปอร์เซ็นต์อาจจะแค่ 0.5% ที่มันเอ่ออยู่
00:16:41 → 00:16:45 เหนือน้ำแต่ใต้น้ำอ่ะเรามองไม่เห็นเลยอ่ะ
00:16:45 → 00:16:48 ว้าวอุ๊ยงั้นเราต้องเปลี่ยนเป็นเรียก
00:16:48 → 00:16:50 อาจารย์ขวัญแล้วนะคะไม่ใช่เราก็สู้
00:16:50 → 00:16:54 อาจารย์ติวไม่ได้เอ้อโอหอาจารย์ติ๋วเรียน
00:16:54 → 00:16:56 มาตั้งเป็น 10 ปีแต่อาจารย์ขวัญยังไม่
00:16:56 → 00:16:59 เรียนอาจารย์ขวัญตอบได้
00:16:59 → 00:17:03 ตรงประเด็นคือแบบอ่าใช่ค่ะเราเห็นเนี่ยนะ
00:17:03 → 00:17:09 ถ้าคือชอบที่อาจารย์ขวัญตอบซึ่งถ้าทฤษฎี
00:17:09 → 00:17:11 นะทิศเค้าเรียกทฤษฎีจิตใต้สำนึกทฤษฎีภู
00:17:11 → 00:17:14 เขาน้ำแข็งเนี่ยถ้าตามตำราเนี่ยเขาจะบอก
00:17:14 → 00:17:18 ว่าเราเห็นเพียงแค่ 7% ค่ะแต่แต่มันมีมาก
00:17:19 → 00:17:22 กว่านั้นเพราะว่าอย่างงี้มันจะมีทั้งจิต
00:17:22 → 00:17:25 สำนึกจิตใต้สำนึกและจิตเหนือสำนึกโอจิต
00:17:25 → 00:17:28 เหนือสำนึกครับเออมันมีอีกจิตเหนือสำนึก
00:17:28 → 00:17:31 เนี่ยคือจิตใต้สำนึกขั้นสุดซึ่งมันเป็น
00:17:31 → 00:17:34 เปอร์เซ็นต์ที่น้อยมากแต่มันมหาศาล
00:17:34 → 00:17:36 จินตนาการดู
00:17:36 → 00:17:40 ว่านึกนึภาพนะอารมณ์ประมาณเรากลับไปใน
00:17:40 → 00:17:43 ไททานิกอีกครั้งนะอือฮึกัปตันเรือเนี่ย
00:17:43 → 00:17:47 เห็นยอดภูเขาน้ำแข็งเนี่ยโผล่มาเหนือน้ำ
00:17:47 → 00:17:50 นิดเดียวโผล่มาเหนือน้ำนิดเดียวเพียงแค่
00:17:50 → 00:17:54 อ่ะเราว่ากันตามตำราเนี่ยนะ 5-7 เไม่เกิน
00:17:54 → 00:18:00 เนี่ยค่ะแล้วอีก 95% อีก 9 93%
00:18:00 → 00:18:03 เนี่ยมองไม่เห็นเลยเหมือนชีวิตเราเลยค่ะ
00:18:03 → 00:18:07 ค่ะอืเราเห็นพฤติกรรมของใครเราเห็นชีวิต
00:18:07 → 00:18:11 ใครเค้าเป็นแบบไหนเนี่ยนะเราเห็นเพียงแค่
00:18:11 → 00:18:17 5% อืซึแต่อีกส่วนที่เหลือเนี่ยไม่มีใคร
00:18:17 → 00:18:21 เห็นแม้แต่เจ้าตัวและนี่แหละคือความลับ
00:18:21 → 00:18:27 ของจิตใต้สำนึกว่าทำไมคนถึงไม่สบายค่ะคน
00:18:27 → 00:18:29 ถึงประสบความสำเร็จ
00:18:29 → 00:18:33 อืแตกต่างกันค่ะและนี่จึงตอบคำถามก่อน
00:18:33 → 00:18:38 หน้านี้ด้วยว่ามันสามารถช่วยบำบัติคนที่
00:18:38 → 00:18:42 ไม่สบายก็ได้หรือคนที่สบายดีแล้วคุณจะ
00:18:42 → 00:18:45 สามารถพัฒนาตัวเองขึ้นไปได้อืเนี่ยแหละ
00:18:45 → 00:18:50 คือความลับของศาสตร์พัฒนาตัวเองอืครับค่ะ
00:18:50 → 00:18:54 อืแล้วแล้วเจ้าเสียงของเอ่อครั S Book
00:18:54 → 00:19:00 เนี่ยครับค่ะมันมันมันเข้าไปช่วยในการ
00:19:00 → 00:19:04 บำบัดอย่างไรวิธีการมันมีอย่างไรผมอ่ะเคย
00:19:04 → 00:19:09 เห็นการใช้ลักษณะถ้าถ้าถ้าถ้าสมัยที่ถ้า
00:19:09 → 00:19:12 ถ้าที่ผมเคยเห็นก็คือเหมือนกับว่าอ่าแก้ว
00:19:12 → 00:19:15 น้ำแล้วก็ใส่น้ำลงไปในระดับน้ำที่แตกต่าง
00:19:15 → 00:19:18 กันมันจะให้ไดนามิคได้เสียงที่แตกต่างกัน
00:19:18 → 00:19:21 การสัมผัสเรื่องของเสเอ่อคลื่นเสียงที่
00:19:21 → 00:19:23 แตกต่างกันไปค่ะหรือที่เคยเห็นอีกอย่าง
00:19:24 → 00:19:27 นึงก็คือเรื่องของเอ่อในแนวของทางพระที่
00:19:27 → 00:19:31 เอาในเรื่องของของเ่าบาตรที่เป็นโลหะมาวน
00:19:31 → 00:19:34 ๆๆเป็นเสียงเหมือนคล้ายๆระฆังเหมือนคล้าย
00:19:34 → 00:19:36 ๆกับเสียงเสียงสัญญาณขมาแนวๆนั้นมยครับ
00:19:36 → 00:19:38 หรือว่าหรือว่ามันมีความแตกต่างหรือมี
00:19:38 → 00:19:41 ความคล้ายกันอย่างไรบ้างครับแนวนั้นเลย
00:19:41 → 00:19:45 ค่ะแนวเดียวกันอืใช่แต่จะเป็นวัสดุที่แตก
00:19:45 → 00:19:48 ต่างไปแค่นั้นเท่านั้นแล้วก็วิธีการที่จะ
00:19:48 → 00:19:50 สื่อสารถูต้องที่มันเพิ่มขึ้นแตกต่างยัง
00:19:50 → 00:19:54 ไงบ้างครับจันติ๋วเอ่อที่เราใช้คำว่าแนวๆ
00:19:54 → 00:19:57 นั้นเนี่ยมันคือเขาเรียกว่าใช้เสียง
00:19:57 → 00:20:00 เหมือนกันถูกมั้ยคะอืครับถ้าพูดแบบให้
00:20:00 → 00:20:04 เข้าใจง่ายๆนะมันก็
00:20:04 → 00:20:09 คือเครื่องช่วยทำให้เกิดสมาธิครับอืครับ
00:20:09 → 00:20:13 ถูกมให้เราจุดจ่อกับเสียงนั้นถูกต้องออ
00:20:13 → 00:20:16 คราวเนี้มันต่างกันตรงไหนมันต่างกันตรง
00:20:16 → 00:20:21 อะไรที่มันมีส่วนประกอบของธรรมชาติเดียว
00:20:21 → 00:20:26 กันกับร่างกายเรามากกว่ากันออครับอะไรที่
00:20:26 → 00:20:30 มันเหมือนกันมันก็จะเข้ากันได้ง่ายค่ะถูก
00:20:30 → 00:20:33 มั้ยคะิั sinking Bow เนี่ยด้วย
00:20:33 → 00:20:37 คุณสมบัติของเค้าเนี่ยสามารถเชื่อมต่อ
00:20:37 → 00:20:41 หรือว่าเชื่อมโยงหรือซิงกับร่างกายเราได้
00:20:41 → 00:20:45 มากเป็นพิเศษเพราะอะไรเพราะว่าตัววัตถุ
00:20:45 → 00:20:49 ดิบหรือแร่ต่างๆที่นำมาหลอมอ่ะค่ะค่ะมัน
00:20:49 → 00:20:53 มีความใกล้กับธรรมชาติของมนุษย์มากขึ้นก็
00:20:53 → 00:20:57 คือไอ้ 4 ธาตุที่อาจารย์ติ๋วพูดถึงป่ะคะ
00:20:57 → 00:21:02 ถูกต้องค่ะออค่ะอย่างเช่นเอ่อมันมีซิก้า
00:21:02 → 00:21:07 แซนมันมีอะไรที่มันคือพอมาย่อยธาตุในร่าง
00:21:07 → 00:21:10 กายเราอ่ะค่ะแม้แต่กระดูกเห็นมั้ยกระดูก
00:21:10 → 00:21:12 เนี่ยมันจะมีส่วนประกอบอะไรซึ่งตรงเนี้
00:21:12 → 00:21:14 ลึกเดี๋ยวไว้มีโอกาสจะมาขยายความให้ฟัง
00:21:14 → 00:21:17 ตรงนี้ก็เลยอยากจะแค่พูดแบบให้เข้าใจกัน
00:21:17 → 00:21:23 ง่ายๆก่อนว่าอะไรที่มันมีส่วนประกอบคล้าย
00:21:23 → 00:21:26 กับร่างกายเรามันก็จะเข้าถึงร่างกายเรา
00:21:26 → 00:21:30 ได้ง่ายและเร็วค่ะครับอ่าเหมือนกับเมื่อ
00:21:30 → 00:21:35 สักครู่ที่พูดถึงขันธ์ถูกมั้ยคะตรงนั้น
00:21:35 → 00:21:39 เป็นโลหะซึ่งอาจจะมีในส่วนของขันที่ิเบส
00:21:39 → 00:21:42 ที่เราเห็นกันบ่อยๆใช่ๆถูกมั้ยคะใช่ๆๆๆ
00:21:42 → 00:21:45 อ่าขันธที่เบสอันนั้นก็เป็นอุปกรณ์ชิ้น
00:21:45 → 00:21:48 นึงเหมือนกันค่ะอก็คือเป็นรูปแบบของการ
00:21:48 → 00:21:50 บำบัดด้วยเสียงชนิดนึงเหมือนกันใช่มั้ยคะ
00:21:50 → 00:21:53 ถูกต้องค่ะอืค่ะถูกต้องถูกต้องอันนี้ขวัญ
00:21:53 → 00:21:56 สงสัยนิดนึงค่ะอาจารย์ติ๋วขาว่าผู้ที่
00:21:56 → 00:22:00 เข้ารับการบำบัดอย่างเงี้ยค่ะอ่าในกรณี
00:22:00 → 00:22:04 ของคนที่เป็นคนปกติเลยแล้วก็เป็นผู้ป่วย
00:22:04 → 00:22:08 ลักษณะการใช้เสียงบำบัดในเอ่อกลุ่ม 2
00:22:08 → 00:22:11 กลุ่มเนี้ยเสียงใช้ลักษณะต่างกันมยหรือ
00:22:12 → 00:22:16 ว่าเอ่อการใช้เสียงกับเอ่อผู้ป่วยเนี่ยก็
00:22:16 → 00:22:20 จะเป็นอีกโนนึงคนธรรมดาอีกโนนึงหรือยังไง
00:22:20 → 00:22:23 คะคลื่นเสียงมันเหมือนหรือต่างกันยังไง
00:22:23 → 00:22:27 คะสำคัญมากนะคะตรงเนี้ยที่จะต้องได้รับ
00:22:27 → 00:22:32 การัจากผู้เชี่ยวชาญค่ะเพราะว่าคลื่นที่
00:22:32 → 00:22:35 ส่งออกไปเนี่ยนะอือค่ะคลื่นเดียวกันเสียง
00:22:35 → 00:22:40 เดียวกันค่ะเราเรียกสิ่งนี้ว่าบริบทเคย
00:22:40 → 00:22:44 ได้ยินคำนี้มยที่เขาบอกว่า Content is a
00:22:44 → 00:22:47 King ครับเเป็นยิครับอ่ะทุกวันนี้เราก็
00:22:47 → 00:22:50 ทำ Content อยู่ถูกมั้ยแล้วเคยได้ยินคำ
00:22:50 → 00:22:54 ว่า context is Kingdom มั้ยอันนี้ไม่
00:22:54 → 00:22:58 คุ้นหูเท่าไหร่ค่ะอืค่ะถูกมย
00:22:58 → 00:23:02 context เนี่ยคือบริบทค่ะคือ Kingdom
00:23:02 → 00:23:04 ที่มันสำคัญเราว่า Content สำคัญถูกมั้ย
00:23:04 → 00:23:07 ถูกต้องค่ะแต่สิ่งสำคัญเนี่ยคือบริบทถูก
00:23:07 → 00:23:10 มั้ยเหมือนเสียงที่ส่งออกไปอ่ะเหมือนกัน
00:23:10 → 00:23:14 แหละคลื่นเดียวกันแต่เราจะส่งแบบไหนส่ง
00:23:14 → 00:23:18 อย่างไรส่งตอนไหนอ่าอันเนี้ยสำคัญสำคัญ
00:23:18 → 00:23:22 แล้วคนคอนโรลคือสำคัญถูกอืถูกต้องค่ะค่ะ
00:23:22 → 00:23:26 โบว์เหมือนกันแหละแต่พลังงานของคนเชิญโบว
00:23:26 → 00:23:30 เราเรียกเราเราใช้คำว่าเชิญโบวนะค่ะเราจะ
00:23:30 → 00:23:34 ต้องเรียนรู้มาว่าผู้ฟังของเราเนี่ยอยู่
00:23:34 → 00:23:38 ในบริบทไหนอยู่ในสตตไหนอค่ะเ้ามีอาการ
00:23:38 → 00:23:43 อย่างไรอเราจะต้องเช็คภาษานึงเขาเรียกว่า
00:23:43 → 00:23:45 เช็คอุณหภูมิเหมือนเราไปหาหมออ่ะค่ะค่ะ
00:23:45 → 00:23:49 ครับวัดไข้กันก่อนถูกต้องวัดไข้วัดความ
00:23:49 → 00:23:51 ดันกันนิดนึงถูกต้องเอ๊ะแล้วถ้างั้นถ้า
00:23:51 → 00:23:54 เป็นลักษณะคริสตัล sinking โเนี่ยอกระบวน
00:23:54 → 00:23:57 การวัดไข้วัดความดันการแยกประเภทอย่าง
00:23:57 → 00:24:01 เงี้ยอเราแยกจากจากอะไรค่ะหมายถึงว่า
00:24:01 → 00:24:06 เอ่อเราจัดเซตอันเนี้ยผู้ป่วยเราก็จะแยก
00:24:06 → 00:24:09 กลุ่มนึงแล้วก็เอ่อสำหรับคนที่อยากจะเฟ้น
00:24:09 → 00:24:12 หาความสามารถของตัวเองก็อีกกลุ่มนึงหรือ
00:24:12 → 00:24:15 เปล่า 2 กลุ่มนี้ทำพร้อมกันได้หรือไม่
00:24:15 → 00:24:21 ค่ะในในจุดเนี้ยค่ะโอหคำถามลึกซึ้งมากมัน
00:24:21 → 00:24:26 จะสามารถเชื่อมได้ค่ะถึงได้บอกไงว่ามัน
00:24:26 → 00:24:31 ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญอืนึกออกมั้ยถ้าเป็น
00:24:31 → 00:24:34 ผู้เชี่ยวชาญเนี่ยภาษาภาษาทางจิตวิทยา
00:24:34 → 00:24:37 เนี่ยค่ะเราจะใช้คำนึงเหมือนกันคำว่า Set
00:24:37 → 00:24:41 intention คนที่มาเนี่ยค่ะเราจะให้เา Set
00:24:41 → 00:24:44 intention ก่อนว่าเค้าต้องการอะไรในการ
00:24:44 → 00:24:49 บำบัดครั้งนี้อครับอืมันจึงเป็นการทำงาน
00:24:49 → 00:24:52 ระหว่าง 2 ศาสตร์คือ 1 ศาสตร์การบำบัดและ
00:24:52 → 00:24:58 2 ศาสต์การโค้ชเพื่อที่จะสามารถพา
00:24:58 → 00:25:01 ผู้ที่เข้ารับกระบวนการเนี่ยค่ะไปยังผล
00:25:01 → 00:25:04 ลัพธ์ที่ต้องการเหมือนศาสตร์นึงที่ติ๋วนำ
00:25:04 → 00:25:07 มาใช้ร่วมด้วยเนี่ยคือ therapeutic
00:25:07 → 00:25:10 coaching เป็นการโค้ชเพื่อการบำบัดและ
00:25:10 → 00:25:13 การเยียวยารักษาโดยที่ไม่ต้องใช้ยาเพราะ
00:25:13 → 00:25:19 เราสามารถเข้าไปถึงรากของปัญหานั้นเลยอือ
00:25:19 → 00:25:24 ฮึความคิดอือืมอันเนี้ยเป็นของขวัญปีใหม่
00:25:24 → 00:25:27 เลยนะคะคุณผู้ฟังคุณผู้ชมความคิดเนี่ยทำ
00:25:27 → 00:25:33 ให้เราป่วยได้อครับทำไมอ่ะฮะคิดไม่ดี
00:25:33 → 00:25:36 เซลล์ร่างกายก็ไม่ดีหรือเปล่าหรือยังไงคะ
00:25:37 → 00:25:38 ใช่
00:25:38 → 00:25:42 ออมันง่ายๆแบบนี้เลยค่ะเพราะความคิดของ
00:25:42 → 00:25:48 เราเนี่ยค่ะมันเป็นต้นทางถูกมยอืเออค่ะ
00:25:48 → 00:25:52 ถ้าเราคิดไม่ดีถูกมยคิดว่าเซลล์ในร่างกาย
00:25:52 → 00:25:56 เราจะเป็นยังไงอาจจะเครียดอาจจะเกิดเอ่อ
00:25:56 → 00:26:00 ออกซิเดชันต่างๆที่เกิดขึ้น
00:26:00 → 00:26:03 กระบวนการใชพลังงานต่างๆมันผิดกระบวนการ
00:26:03 → 00:26:07 ไปได้เยอะพอสมควรค่ะแต่บางทีสภาพแวดล้อม
00:26:07 → 00:26:10 อ่ะโอ๊คทุกวันนี้คุณโอ๊คเยี่ยมมากนะคะ
00:26:10 → 00:26:13 สิ่งที่คุณโอ๊คพูดเนี่ยเมื่อกี้ฟังนะว้าว
00:26:13 → 00:26:16 ในใจเโอโหอาจารย์โอ๊คมาะอาจารย์โอ๊คมา
00:26:16 → 00:26:20 แล้วะใช่ค่ะใช่ตอนแรกอาจารย์ขวัญตอนหลัง
00:26:20 → 00:26:23 มีอาจารย์โอ๊คมาด้วยค่ะโอเคเอแต่ว่าทุก
00:26:23 → 00:26:26 วันเนี้โอ๊กคือแบบบางคนน่ะด้วยสภาพแวด
00:26:26 → 00:26:30 ล้อมสังคมเศรษฐกิจต่างๆดูเหมือนจะอยู่ใน
00:26:30 → 00:26:33 ความเครียดค่อนข้างเยอะเราอาจจะแบบเครียด
00:26:33 → 00:26:36 โดยไม่รู้ตัวก็ได้นะคะอาจารย์ติ๋วใช่มั้ย
00:26:36 → 00:26:41 ใช่ใช่ค่ะความเครียดเนี่ยนะแค่นอนดึกเรา
00:26:41 → 00:26:43 ก็เครียดแล้วนะคำว่าเครียดเนี่ยนะคะคุณ
00:26:43 → 00:26:49 ผู้ฟังมันมีทั้งเครียดทางกายเครียดทางใจ
00:26:49 → 00:26:52 ค่ะและเครียดจากสิ่งแวดล้อมต่างๆมลพิษก็
00:26:52 → 00:26:56 ทำให้เราเครียดนะอืเราเราเดินถนนที่ได้
00:26:56 → 00:27:03 รับเอ่อเอ่อฝุ่นควันฝุ่นควันสาร
00:27:03 → 00:27:07 เคมีหรือว่าเจอเส้นทางที่ซ่อมบ่อยๆไม่
00:27:07 → 00:27:11 เสร็จสักทีถูกต้องเดินทางรถตรงรถตริดอะไร
00:27:11 → 00:27:13 อย่าเงี้ยเดินเดินไปแล้วได้ยินเสียงที่
00:27:13 → 00:27:18 ไม่พึงประสงค์ความเครียดเกิดะใช่ค่ะความ
00:27:18 → 00:27:21 เครียดทางจิตใจเรา
00:27:21 → 00:27:25 เสพสิ่งที่ไม่เป็นประโยชน์สมมุติว่าเรา
00:27:25 → 00:27:29 เราได้ยินที่คนทำลาะกันคุณคิดว่าความ
00:27:29 → 00:27:31 เครียดเกิดมั้ยเกิดทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่อง
00:27:31 → 00:27:34 ของเราด้วยนะแน
00:27:34 → 00:27:39 เเอ่ออ่ะยอมรับเลยอาจารย์ติ๋วว่าเอ่อช่วง
00:27:39 → 00:27:42 เอ่อก่อนหน้านี้ที่มีข่าวของคุณแบงค์
00:27:42 → 00:27:45 เลสเตอร์อ่ะค่ะค่ะขวัญหนีเลยอ่ะขวัญขวัญ
00:27:45 → 00:27:49 ไม่สามารถดูในโซเชียลได้เลยเพราะว่ารู้
00:27:49 → 00:27:52 สึกว่าเอ่อโหดหู่เหลือเกินที่ได้เห็นคลิป
00:27:52 → 00:27:55 ต่างๆเหล่านั้นน่ะค่ะใช่ค่ะอืครับใช่ค่ะ
00:27:55 → 00:28:00 แล้วจินตนาการดูว่า
00:28:00 → 00:28:01 ถ้า
00:28:01 → 00:28:06 เราสะสมสิ่งเหล่านี้ไปเรื่อยๆค่ะครับคิด
00:28:06 → 00:28:09 ว่าเซลล์ในร่างกายของเราเนี่ยจะเป็นอย่าง
00:28:09 → 00:28:16 ไรอือก็คงเครียดแล้วก็อาจจะหลั่งสารเคมี
00:28:16 → 00:28:19 บางอย่างเนาะมามาทำให้ร่างมีผลกระทบเกิด
00:28:19 → 00:28:22 ขึ้นใช่แล้วอาจจะทำให้ร่างกายถึงขั้นที่
00:28:22 → 00:28:25 อาจจะป่วยได้เพราะว่าความเครียดสะสมมากๆ
00:28:25 → 00:28:29 ก็มานำพามาซึ่งหลายๆโรคเวลาเราสัมภาษณ์
00:28:29 → 00:28:31 คุณหมอในรายการสุขภาพดีใช่มโอ๊ความเครียด
00:28:31 → 00:28:34 เป็นบ่อเกิดของหลายโรคได้เหมือนกันเนาะ
00:28:34 → 00:28:39 ทุกโรคทุกโรคใช่มทุกโรคค่ะทุกโรคเลยนะคะ
00:28:39 → 00:28:42 เมื่อสักครู่เนี่ยเห็นมยที่ให้จินตนาการ
00:28:42 → 00:28:45 ถึงเซลล์มนุษย์เราเนี่ยค่ะเกิดมาจากอะไร
00:28:45 → 00:28:50 คะเกิดมาจากเซลล์เซลล์เล็กๆเนี่ยสิ่งเล็ก
00:28:50 → 00:28:53 ๆที่เรียกว่ารักเนี่ยเซลล์เล็กๆที่สุด
00:28:53 → 00:28:55 เนี่ยเซลล์ที่เล็กที่สุดของเราเนี่ย
00:28:55 → 00:29:00 สเปิร์มเนี่ยเห็นมยแล้วมันค่อยๆแตกขยาย
00:29:00 → 00:29:05 ถูกมั้ยค่ะเซลล์เหล่าเนี้ยค่ะมันรับรู้
00:29:05 → 00:29:09 ข้อมูลทุกอย่างอืมนุษย์รับรู้ตั้งแต่อยู่
00:29:09 → 00:29:13 ในท้องแม่ค่ะครับถูกมั้ยคะใช่ๆแม่กินอะไร
00:29:13 → 00:29:18 เนี่ยลูกก็ได้ลถูกมั้ยคะแล้วแม่คิดอะไร
00:29:18 → 00:29:23 เนี่ยลูกก็ได้ใช่มยโอ๊กเคยคุยกับเอลูกสาว
00:29:23 → 00:29:27 ในท้องคุณแม่ตอนเด็อ่าคุยครับคุยเอ้าคุย
00:29:27 → 00:29:30 แล้วเป็นไงวันนี้ลูกฟังโอ๊คมั้ยลูลูกๆ
00:29:30 → 00:29:33 เอ่อฟังบ้างไปฟัง
00:29:33 → 00:29:37 บ้าค่ะเดี๋ยวอันเนี้ยฟังบ้างไม่ฟังบ้าง
00:29:37 → 00:29:39 เดี๋ยวต้องให้โอ๊คไปสื่อสารกับน้องพีช
00:29:40 → 00:29:43 เอ่อว่าเออเนี่ยฟังเสียงคุณพ่อมั้งเด็กนะ
00:29:43 → 00:29:45 เดี๋ยวเต่อไปต้องเชื่อฟังเสียงคุณพ่อนะ
00:29:45 → 00:29:47 เขาจำเสียงเราได้นะเขาจำเสียงเหมือนแบบ
00:29:48 → 00:29:51 เขาจำเสียงเราได้เหมือนคุณตั้งแต่เด็กใช่
00:29:51 → 00:29:54 ๆอ๋ความรู้สึกนะความรู้สึกตั้งแต่เขาแรก
00:29:54 → 00:29:56 เกิดมาเลยแล้วก็เอ้ยเหมือนเขาคุ้นกับ
00:29:56 → 00:29:59 เสียงทำไมถึงมันเป็นความมหัศจรรย์บาง
00:29:59 → 00:30:01 อย่างนะใช่ค่ะอ่าใช่ค่ะมันเป็นความ
00:30:01 → 00:30:05 มหัศจรรย์อืมันเป็นความมหัศจรรย์ที่
00:30:05 → 00:30:10 ธรรมดาธรรมดาแต่เราอ่ะไม่ค่อยได้กลับเข้า
00:30:10 → 00:30:14 มาศึกษาไงอค่ะไม่ค่อยได้กลับเข้ามาศึกษา
00:30:14 → 00:30:18 เรื่องอะไรที่มันธรรมดาอือแบบนี้อออ้ใช่
00:30:18 → 00:30:21 เพราะว่าส่วนใหญ่เราจะเอ่อไปให้ความสนใจ
00:30:21 → 00:30:25 กับเอ่อนวัตกรรมเทคโนโลยีอะไรที่แบบรู้
00:30:25 → 00:30:28 สึกแบบล้ำๆอะไรอย่างเงี้ใช่มั้ยคะใช่ค่ะ
00:30:28 → 00:30:31 ใช่ค่ะเมื่อสักครู่ไงคะถึง
00:30:31 → 00:30:35 เอ่อเขาเรียกว่าถ้าเป็นหมอรักก็บอกว่าฟัน
00:30:35 → 00:30:39 ธงเนาะที่จะบอกว่าโรคทุกโรคอ่ะมาจากข้าง
00:30:39 → 00:30:42 ในเราเองเราอ่ะเป็นคนที่ฟอร์มทุกอย่าง
00:30:42 → 00:30:45 ขึ้นมาคำว่าฟอร์มคือแบบก่อร่างร่างสร้าง
00:30:45 → 00:30:49 ขึ้นมาเองก่อร่างสร้างขึ้นมาเองไม่ว่า
00:30:49 → 00:30:52 สุขภาพดีหรือสุขภาพไม่ดีเราเท่านั้นที่
00:30:52 → 00:30:57 เป็นคนฟ้อมมันขึ้นมาไม่มีคนป่วยคนไหนที่
00:30:57 → 00:31:01 เ้าเรียกเรียกว่ามีความสุขอ่ะอ่ะมะเร็ง
00:31:01 → 00:31:05 อ่ะมันก็คือการทำงานที่ไม่ปกติของเซลล์
00:31:05 → 00:31:07 ถูกมั้ยคะถูกต้องค่ะและเซลล์ที่เราคุยกัน
00:31:07 → 00:31:11 เมื่อสักครู่ว่ามันเริ่มตั้งแต่เซลล์ที่
00:31:11 → 00:31:16 เล็กๆเล็กๆอ่ะเออค่ะอมันมันเป็นเรื่อง
00:31:16 → 00:31:20 สำคัญนะคะที่ว่าพอเราได้ยินได้ฟังบางสิ่ง
00:31:20 → 00:31:23 บางอย่างอ่ะมันจะช่วยทำให้เราอ่ะเปลี่ยน
00:31:23 → 00:31:26 ความคิดได้แล้วพอเราเปลี่ยนความคิดนะทุก
00:31:26 → 00:31:28 อย่างมันจะเปลี่ยนตามเลยเพราะความคิดมัน
00:31:28 → 00:31:31 เป็นต้นทางโอ๊แต่กว่าจะเปลี่ยนความคิดได้
00:31:31 → 00:31:36 อาจารย์ไม่ง่ายนะก็ฝึกนะ
00:31:36 → 00:31:40 คะเริ่มจากการฟังรายการดีๆแบบเนี้ยพลัง
00:31:40 → 00:31:42 งานดีๆมันจะทำให้เราเนี่ยเค้าเรียกว่า
00:31:42 → 00:31:45 เปลี่ยนความคิดได้ง่ายขึ้นถูกมั้ยคะเพราะ
00:31:45 → 00:31:51 เราได้มารับพลังดีๆ 22:00 นเออครับค่ะอ่า
00:31:51 → 00:31:57 คราวนี้พูดถึงเคสอยากฟังเคสใช่มยใช่คือพอ
00:31:57 → 00:31:59 พอพูดถึงเคสเนี่ยมันได้ประโยชน์ตรงนี้
00:31:59 → 00:32:03 แหละเพราะว่าเคสต่างๆอ่ะมันจะมีเค้าเรียก
00:32:03 → 00:32:07 ว่าทฤษฎีกระจกนะคือเราฟังเรื่องเคสนะค่ะ
00:32:07 → 00:32:11 แต่มันเหมือนสะท้อนมาที่ตัวเราถูกต้องค่ะ
00:32:11 → 00:32:14 มันสะท้อนมาที่ตัวเรามันจะมีเค้าเรียกว่า
00:32:14 → 00:32:19 สอของเขาอ่ะมีเราอยู่ในนั้นด้วยอืครับอ
00:32:19 → 00:32:24 เอ้อตอนต้นรายการเนี่ยเราคุยเราคุยกันว่า
00:32:24 → 00:32:28 ทุกอย่างอ่ะมันมาจากความเครียดเนาะซึ่งคน
00:32:28 → 00:32:32 น่ะจะชินกับคำว่าความเครียดอ่ะค่ะซึ่งใน
00:32:32 → 00:32:36 ในในทฤษฎีการบำบัดเนี่ยเราจะเรียกมันว่า
00:32:36 → 00:32:42 อารมณ์เชิงลบค่ะอแล้วอารมณ์เชิงลบมันมีผล
00:32:42 → 00:32:46 ต่อชีวิตเรามากขนาดนั้นเลยหรอมันทำให้เรา
00:32:46 → 00:32:51 อ่ะป่วยได้เลยคืออันนี้เป็นรายการสุขภาพ
00:32:51 → 00:32:54 ค่ะถูกมั้ยมันก็สามารถเชื่อมกับเรื่องของ
00:32:54 → 00:32:58 สุขภาพได้ค่ะถ้าไปรายการความรักมันเชื่อม
00:32:58 → 00:33:01 กับความรักด้วยมันเชื่อมกับทุกมิติของ
00:33:01 → 00:33:03 ชีวิตเลยค่ะ
00:33:03 → 00:33:07 เออเคสที่เกี่ยวกับเรื่องสุขภาพนะมีเคส
00:33:07 → 00:33:12 นึงเค้ากำลังจะไปผ่าตัดแล้วนะหมายถึงเค้า
00:33:12 → 00:33:15 เป็นโรคอะไรนะคะพี่เค้า
00:33:15 → 00:33:21 เป็นเนื้องอกในระดับที่หมอให้ความเห็นว่า
00:33:21 → 00:33:26 ต้องผ่าด่วนอืค่ะอืแล้วมันเป็นเรื่องของ
00:33:26 → 00:33:30 จิตใต้สำนึกตรงไหนรู้มั้ยเค้านัดหมอพรุ่ง
00:33:30 → 00:33:35 นี้ค่ะแล้วก็มีเหตุให้มาเจอเจอก่อนโค้ช
00:33:35 → 00:33:39 กันก่อนสมบัตกันก่อนค่ะเขาก็นอนฟังคลื่น
00:33:40 → 00:33:43 เสียงคริสตัล sinking โไปอือฮึแล้วกระบวน
00:33:43 → 00:33:49 การบำบัดก็พาไปค่ะปรากฏว่าเค้ากลับเข้าไป
00:33:49 → 00:33:52 ในจิตใต้สำนึก
00:33:52 → 00:33:58 เา้าตอนที่เขา 3 ขวบ 3 ขวบใช่ค่ะ
00:33:58 → 00:34:00 เค้า
00:34:00 → 00:34:05 ถูกใครบางคนในบ้านทำบางสิ่งบางอย่างถูก
00:34:05 → 00:34:09 กระทำอ่ะกับร่างกายใช่ค่ะ
00:34:09 → 00:34:14 อืแล้วสิ่งนั้นน่ะมันค้างอยู่ในใจเป็นปม
00:34:14 → 00:34:17 ค้างใจแล้วเป็นปม
00:34:17 → 00:34:21 ความมันมากกว่าความโกรธอ่ะคับแค้นใจคับ
00:34:21 → 00:34:25 แค้นใจเมื่อสักครู่ที่พูดถึงอารมณ์เชิงลบ
00:34:25 → 00:34:28 ถูกมั้ยค่ะอารมณ์โกรธอารมณ์กลัวอารมณ์
00:34:28 → 00:34:32 เกลียดอารมณ์เชิงลบทั้งหลายอ่ะค่ะมันมีผล
00:34:32 → 00:34:38 ต่อร่างกายแล้วเขาเก็บอารมณ์เนี้ยอมา 50
00:34:38 → 00:34:42 ปีค่ะโอนึกออกมั้ยอาจอาจจะคือเหมือนกับ
00:34:42 → 00:34:46 ว่าจริงๆไม่ไม่ได้รู้ตัวอยู่ตลอดเวลาหรอก
00:34:46 → 00:34:49 ว่าเรามีความรู้สึกอย่างเนี้ยอยู่แต่ว่า
00:34:49 → 00:34:53 มันอยู่ในจิตใต้สำนึกอยู่ลึกลงไปอีกถูก
00:34:53 → 00:34:56 ต้องอืดังนั้นคืออันเนี้ยกำลังจะบอกว่า
00:34:56 → 00:35:00 มันก็คืออาจจะเป็นที่มาของอาการป่วยที่
00:35:00 → 00:35:03 สะท้อนขึ้นมาอยู่ในวันที่เขาอายุ 50 ปี
00:35:03 → 00:35:06 อันนี้ถูกต้องมั้ยคะถูกต้องค่ะร่างกายของ
00:35:06 → 00:35:10 เราอ่ะค่ะมันจะส่งสัญญาณต่างๆนึกออกมั้ย
00:35:10 → 00:35:12 ค่ะมันจะพยายามบอกเรามานานแล้วแหละจน
00:35:12 → 00:35:15 กระทั่งเมื่อมันเาเรียกว่าถึงที่สุดแล้ว
00:35:15 → 00:35:18 เคยได้ยินคำว่าร่างกายไม่เคยโกหกมั้ยคะ
00:35:18 → 00:35:22 เคยค่ะนั่นล่ะค่ะร่างกายเนี่ยคือการส่ง
00:35:22 → 00:35:26 สัญญาณของจิตใต้สำนึกจิตเนี่ยเขาไม่มีปาก
00:35:26 → 00:35:28 ที่จะพูดเขาก็จะส่ง
00:35:28 → 00:35:31 สะท้อนออกมาส่งสะท้อนออกมาค่ะใช่อย่างเคส
00:35:31 → 00:35:36 เนี้ยเค้าเก็บอารมณ์เชิงลบไว้มานับ 10 10
00:35:36 → 00:35:41 ปีค่ะมันก็ออกทางร่างกายไงคะอืแล้วพอพอ
00:35:41 → 00:35:44 กระบวนการบำบัดที่พาเากลับเข้า
00:35:44 → 00:35:48 ไปเปลี่ยนในระดับจิตใต้สำนึกเา้าได้เข้า
00:35:48 → 00:35:54 ไปให้อภัยซึ่งมันมันสำคัญมากพอเค้ากลับไป
00:35:54 → 00:35:58 ให้อภัยในระดับจิใต้สำนึกได้เนี่ย
00:35:58 → 00:36:01 ร่างกายเ้าเปลี่ยนทันทีเค้าโทรไปยกเลิก
00:36:01 → 00:36:04 หมอเลยเพราะเราเนี่ยจะรู้เลยว่าร่างกาย
00:36:04 → 00:36:10 เรามันไม่เหมือนเดิมและอออ่ามันแต่ว่าคือ
00:36:10 → 00:36:14 ภายอันเนี้ยคือได้รับการบำบัดนานเท่าไหร่
00:36:14 → 00:36:17 หรือว่าคืออันเนี้ยอาจารย์ติ๋วบอกว่าวัน
00:36:17 → 00:36:19 พรุ่งเนี้ยเขาจะเข้าสู่กระบวนการผ่าตัด
00:36:19 → 00:36:22 ทางทางด้านการแพทย์ละแต่ว่าเผอิญว่ามี
00:36:22 → 00:36:26 เหตุอันจำเป็นที่ได้รับการบำบัดก่อนแล้ว
00:36:26 → 00:36:29 อันเนี้ยมันสวิต์เปลี่ยนแค่การบำบัดใน
00:36:30 → 00:36:33 ครั้งแรกเลยหรอคะสำหรับเคสนี้ใช่ค่ะโอ้โห
00:36:33 → 00:36:37 ครั้งแรกเลยแสดงว่าเอ่อผู้รับการบำบัด
00:36:38 → 00:36:42 หรือว่าแล้วก็ผู้ที่เชิญโบว์เนี่ยแสดงว่า
00:36:42 → 00:36:46 จะต้องมีการสื่อสารอย่างอย่างไรที่จะเข้า
00:36:46 → 00:36:49 ถึงของเอ่อตัวผู้ได้รับการบำบัดคือมันที่
00:36:49 → 00:36:52 อาจารย์ติ๋วบอกว่ามันลึกอยู่แบบในจิตใต้
00:36:52 → 00:36:56 สำนึกมากๆเนี่ยเรามีวิธีการยังไงที่จะจะ
00:36:56 → 00:36:59 เข้าไปถึงถึงตรงนั้นแล้วก็อ้าวันเนี้ย
00:36:59 → 00:37:01 สมมุติว่าเราคุยกันหลังจากเสร็จรายการ
00:37:01 → 00:37:04 สุขภาพดี 22:00 นอย่างเงี้ยเ่อคุณผู้ฟัง
00:37:04 → 00:37:06 อยากรู้จักอย่างคริสตัล Thinking บเอาไป
00:37:06 → 00:37:09 เปิดอินเทอร์เน็ตฟังเอเผื่อบำบัดจิตใจอัน
00:37:09 → 00:37:12 นั้นมันได้ไหหรือว่าจริงๆแล้วต้องได้ได้
00:37:12 → 00:37:14 รับการดูแลจากผู้ที่มีความเชี่ยวชาญโดย
00:37:14 → 00:37:17 เฉพาะค่ะถูกต้องค่ะอย่างที่เกริ่นไว้ใน
00:37:17 → 00:37:22 ตอนต้นนะคะว่าจากผู้เชี่ยวชาญค่ะอืค่ะจาก
00:37:22 → 00:37:28 ผู้เชี่ยวชาญแล้วคือกระบวนการการสื่อสาร
00:37:28 → 00:37:30 เนี่ยกับกับคู้ผู้ได้รับการบำบัดเนี่ย
00:37:30 → 00:37:35 เอ่อแต่ละคนเนี่ยมันมีความยากความง่าย
00:37:35 → 00:37:37 ต่างกันยังไงมย
00:37:37 → 00:37:43 คะมันขึ้นอยู่กับระดับของผู้รับการบำบัด
00:37:43 → 00:37:45 ด้วยนะคะแล้ว
00:37:45 → 00:37:49 ก็บริบทต่างๆเหมือนอย่างเคสนึงเนี่ยที่
00:37:49 → 00:37:52 เกี่ยวกับสุขภาพเหมือนกันเค้า
00:37:52 → 00:37:57 เป็นผู้ป่วยที่เรียกว่าต้อง
00:37:57 → 00:38:04 ทำบอลลูนที่ไตตั้งแต่อายุ 20 อือืเรามัก
00:38:04 → 00:38:07 จะได้ยินบอลลูนเฉาะที่หัวใจที่หัวใจใช่
00:38:07 → 00:38:11 มั้ยคะแต่ร่างกายมันเาเรียกว่าอวัยวะนะ
00:38:12 → 00:38:15 มันก็เหมือนกันทุกที่อ่ะค่ะครับต้องได้
00:38:15 → 00:38:19 รับการเลี้ยงด้วยอะไรคะตัวเลือดเลือดถูก
00:38:19 → 00:38:23 มั้ยอแล้วเคสนี้มันเกี่ยวกับความเครียด
00:38:23 → 00:38:29 ยังไงอารมณ์ยังไงเค้าเป็นเด็ก
00:38:29 → 00:38:34 ที่สามารถพังทีวีได้แม้แต่ตอนอายุ 5 ขวบ
00:38:34 → 00:38:38 คิดดูว่าเขาจะต้องมีพลังมหาศาลแค่ไหน
00:38:38 → 00:38:41 เพียงแค่ว่ามันเป็นพลังเชิงลบเหมือนกันนะ
00:38:41 → 00:38:43 ถูกต้องโอยเห็นมั้ยอาจารย์ขวัญมาอีกแลละ
00:38:43 → 00:38:46 ค่ะเอออาจารย์ขวัญมา
00:38:46 → 00:38:50 ะด้วยเค้าเรียกว่าการเลี้ยงดูด้วยเหตุ
00:38:50 → 00:38:54 ปัจจัยของเขานะคะค่ะอันนี้เล่าแบบรวบรัด
00:38:54 → 00:38:58 คือเด็กคนเนี้ยมีอารมณ์เชิงลบอารมณ์โกรธ
00:38:58 → 00:39:01 ที่มหาศาลมากแล้วจินตนาการดูว่าถ้าร่าง
00:39:01 → 00:39:06 กายเราอ่ะค่ะค่ะรับอารมณ์นี้ไปนานๆๆนๆๆๆ
00:39:06 → 00:39:10 เซลล์มันก็จะไม่เหมือนร่างกายก็จะเสื่อม
00:39:10 → 00:39:13 ตามนั้นไปเพราะว่าได้รับอารมณ์เชิงลบอยู่
00:39:13 → 00:39:17 ต่อเนื่องหลายหลายปีถูกถูกต้องค่ะแล้วเคส
00:39:17 → 00:39:22 เนี้ยได้รับการบำบัดเอ่อแล้วนานมกว่าเขา
00:39:22 → 00:39:25 จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้นน่ะค่ะ
00:39:25 → 00:39:27 ครับ
00:39:27 → 00:39:33 ถ้าเข้าไปถึงจิตใต้สำนึกได้นะค่ะมันพลิก
00:39:33 → 00:39:37 ชีวิตเลยค่ะอือืแต่เจ้าตัวก็ต้องเปิดรับ
00:39:37 → 00:39:40 ด้วยหรือเปล่าหรถ้าเถ้าเคไม่ถ้าเค้าแบบ
00:39:40 → 00:39:43 เหมือนกับว่าอันเนี้ยในกรณีนี้เขาอาจจะ
00:39:43 → 00:39:46 เป็นเด็กใช่มั้ยคะคุณพ่อคุณแม่อาจจะเ่อ
00:39:46 → 00:39:49 เชิญอาจารย์ติ๋วไปมาดูแลลูกฉันหน่อยแต่
00:39:49 → 00:39:51 ผู้รับการำบำบัดเนี่ยไม่เปิดใจเนี่ยมัน
00:39:52 → 00:39:57 เป็นอุปสักมั้ยอโอเยี่ยมมากค่ะมันแหมมัน
00:39:57 → 00:39:59 ก็ย้ำกลับมาเหมือนเดิมนะว่าต้องผู้ด
00:39:59 → 00:40:03 เชี่ยวชาญเพราะว่ามีเคสเด็กสุดที่อือคุณ
00:40:03 → 00:40:09 แม่พามาเนี่ย 3 ขวบจอออืนี่ๆเคยเคยเล่า
00:40:09 → 00:40:13 เคสให้คนนึงฟังนะเคสเอ่ออันนี้ก็เป็นเด็ก
00:40:13 → 00:40:18 ป่วยเหมือนกันป 2 8 ขวบ 7 ขวบอ่ะอ่าอัน
00:40:18 → 00:40:20 นี้โขึ้นมาหน่อยแต่เคสเด็กสุดนั่นเรื่อง
00:40:20 → 00:40:24 สายตาพอโตขึ้นมาหน่อยเนี่ยเด็กน้องเข้า
00:40:24 → 00:40:29 โรงพยาบาลบ่อยมากค่ะแล้วแล้วปรากฏว่าเวลา
00:40:29 → 00:40:31 ที่เราบำบัดเด็กมันก็ไม่เหมือนผู้ใหญ่ใช่
00:40:31 → 00:40:35 มั้ยคะมันจึงต้องมีกระบวนการที่แยบขาย
00:40:35 → 00:40:39 ต่างกันไปกระเด็กมันอาจจะต้องแบบเค้า
00:40:39 → 00:40:40 เรียก
00:40:40 → 00:40:43 ว่าเยมีลูกล่อลูกชนขอบคุณมากค่ะอาจารย์
00:40:43 → 00:40:48 ช่วยได้ตัวช่วยเช่นแทนที่จะคุยปกติเราจะ
00:40:48 → 00:40:51 ชอบฟังนิทานเรื่องไหนล่ะค่ะถูกมั้ยแล้วก็
00:40:51 → 00:40:56 ให้เขาเป็นคนเปิดพูดออกมาอ่าถูกต้องเจะ
00:40:56 → 00:41:00 ค่อยค่อยๆภาษาการโค้ชเ้าเรียกแลอเราต้อง
00:41:00 → 00:41:03 สร้างความสัมพันธ์ค่ะมันจะต้องมีเค้า
00:41:03 → 00:41:06 เรียกว่าลูกล่อลูกชนหลายอย่างแต่ละเคส
00:41:06 → 00:41:10 เนี่ยแตกต่างกันไปเหมือนเด็กอ่ะเเบอกว่า
00:41:10 → 00:41:13 เด็กป 2 มันจะมีความทุกข์ความเครียดอะไร
00:41:13 → 00:41:16 อ่ะผู้ใหญ่มักคิดอย่างงั้นแต่ว่าเขาก็มี
00:41:16 → 00:41:19 ความเครียดของเขาเกิดจากอ่าความคาดหวัง
00:41:19 → 00:41:22 ของพ่อแม่ก็เป็นนะมันมีหลายปัจจัยหลาย
00:41:22 → 00:41:26 สาเหตุมากอย่างกรณีเนี้ยเค้าทะเลาะกับ
00:41:26 → 00:41:28 เพื่อนที่โรงเรียนค่ะค่ะแล้วมันเป็น
00:41:28 → 00:41:34 เรื่องใหญ่เออมันเป็นเรื่องใหญ่คือน้องคน
00:41:34 → 00:41:37 เนี้ยทะเลาะกับเพื่อนแล้วบอกให้เพื่อนอีก
00:41:37 → 00:41:42 คนเนี่ยไปแก้แค้นให้หน่อยเด็กฟ 2 นะมีมี
00:41:42 → 00:41:46 กระบวนการในการบงการแล้วนะถูกต้องซึ่ง
00:41:46 → 00:41:49 ทฤษฎีจิตใต้สำนึกน่ะมีอย่างนึงคืออะไรรู้
00:41:49 → 00:41:51 มั้ยคนที่อยู่ตรงหน้าเราอ่ะคือจิตใต้
00:41:51 → 00:41:54 สำนึกของเราแล้วเขาจะเก็บข้อมูลทุกอย่าง
00:41:54 → 00:41:58 คนพูดอ่ะจำไม่ได้หรอกค่ะเพื่อนอ่ะจำได้
00:41:58 → 00:42:01 เออแล้วเพื่อนก็รักกันด้วยนะค่ะก็จัดให้
00:42:01 → 00:42:04 เต็มๆเลยค่ะแก้แค้นให้เพื่อนแก้แค้นให้
00:42:04 → 00:42:07 เพื่อนอืแล้วมันก็เลยเป็นเรื่องใหญ่โต
00:42:07 → 00:42:11 ซึ่งทำให้น้องคนเนี้ยป่วยไม่อยากไปโรง
00:42:11 → 00:42:16 เรียนค่ะเข้าโรงพยาบาลประจำจนทำให้คุณแม่
00:42:16 → 00:42:18 เนี่ยเอะใจ
00:42:18 → 00:42:20 อืพอกลับ
00:42:20 → 00:42:26 มาคลี่คลายเราก็ไปแก้ถึงรากของปัญหาคือ
00:42:26 → 00:42:30 สาเหตุว่ามันเกิดอะไรขึ้นค่ะครับพอเค้า
00:42:30 → 00:42:33 เรียกว่ารู้สาเหตุที่แท้จริงอ่ะปัญหาทุก
00:42:33 → 00:42:35 อย่างก็คลี่คล้าหลังจากนั้นน้องไม่เข้า
00:42:35 → 00:42:37 โรงเรียนเอ้ไม่เข้าโรงพยาบาลไม่เข้าโรง
00:42:37 → 00:42:40 พยาบาลไปโรงเรียนตามปกติใชไปโรงเรียนตาม
00:42:40 → 00:42:44 ปกติสามารถคลี่คลายได้อันเนี้ยค่ะคือ
00:42:44 → 00:42:47 กระบวนการบำบัดที่เข้าไปบำบัดถึงจิตใจจิต
00:42:47 → 00:42:51 ใต้สำนึกจิตใต้สำนึกเนี่ยมันก็คือความทรง
00:42:51 → 00:42:55 จำระยะยาวค่ะคือจิตสำนึกคือสิ่งที่เราคิด
00:42:55 → 00:43:00 ใช่มั้ยใช่ความทรงจำอ่ะมันถูกเก็บไว้ไง
00:43:00 → 00:43:03 แล้วจินตนาการดูว่าถ้าเราเก็บไว้นานๆ
00:43:03 → 00:43:05 เนี่ยใครจะไปจำได้ 3 วันที่แล้วกินข้าว
00:43:05 → 00:43:08 กับอะไรตอนเย็นจำได้มั้ยไม่ได้
00:43:08 → 00:43:11 อืถามว่าเมื่อวานเย็นกินข้าวกับอะไรนี่
00:43:11 → 00:43:14 ยังพอจะจำได้ที่ 3 วันที่แล้วจำไม่ได้
00:43:14 → 00:43:17 จริงๆแต่ถ้าให้เวลานั่งนึกก็จำได้ถูกมั้ย
00:43:17 → 00:43:21 เหมือนกันกระบวนการบำบัดน่ะค่ะจะสามารถทำ
00:43:21 → 00:43:25 ให้คนเนี่ยย้อนกลับไปได้อืค่ะแล้วก็กลับ
00:43:25 → 00:43:30 ไปแก้ไขค่ะถูกมั้ยคะค่ะเอออันเนี้ยถือว่า
00:43:30 → 00:43:32 เป็นกระบวนการในการเหมือนนั่ง Time
00:43:32 → 00:43:35 Machine ไปแก้ Right เออมันคือ Time
00:43:35 → 00:43:38 Machine ค่ะใช่ค่ะมันคือ Time Machine
00:43:38 → 00:43:41 แล้วเราก็กลับไปทำความเข้าใจใหม่ค่ะ
00:43:41 → 00:43:44 เปลี่ยนความคิดใหม่นี่แหละค่ะพอความคิด
00:43:44 → 00:43:48 เราเปลี่ยนถูกมั้ยคะมีเคสนึงน้องป่วย
00:43:48 → 00:43:54 เหมือนกันค่ะแล้วปรากฏว่าพอพาย้อนกลับไป
00:43:54 → 00:43:57 นั่งทำแมชีนไปค่ะเค้าก็ไปเห็นว่าอ๋อเค้า
00:43:57 → 00:44:00 อ่ะเคยตัดสินไปว่า
00:44:00 → 00:44:03 พ่อพ่อแม่ไม่รักเค้าเพราะพ่อแม่ทะเลาะกัน
00:44:04 → 00:44:07 ตลอดเลยเวลาที่อยู่กับเาค่ะเวลาที่เขค
00:44:07 → 00:44:09 อยู่ด้วยเาอยู่ด้วยพ่อแม่ทะเลาะกันเเลย
00:44:09 → 00:44:12 ตัดสินว่าเค้าน่าจะเป็นปัญหาทำให้พ่อแม่
00:44:12 → 00:44:15 ทะเลาะกันใช่ก็ตั้งแต่เกิดมาเนี่ยแล้วเอา
00:44:15 → 00:44:17 จริงๆอ่ะตั้งแต่อยู่ในท้องด้วยแล้วก็เกิด
00:44:17 → 00:44:22 มาเนี่ยนะพ่อแม่ทะเลาะกันตลอดอืค่ะจน
00:44:22 → 00:44:27 กระทั่งกระบวนการบำบัดที่พาเ้าไปเห็นว่า
00:44:27 → 00:44:31 ไม่ใช่นะคะความจริงคือพ่อกับแม่รักหนู
00:44:31 → 00:44:35 แล้วเด็กพูดว่าไงรู้มยว่าไงคะพี่หนูให้
00:44:35 → 00:44:38 อภัยตัวเองได้ 1000% แล้วค่ะอืเพราะก่อน
00:44:38 → 00:44:40 หน้านี้เด็กเป็นไงคะโทษตัวเองเด็กโทษตัว
00:44:40 → 00:44:44 เองอืแล้วเด็กจำนวนมากค่ะก็เป็นแบบนี้
00:44:44 → 00:44:48 เพราะเไม่รู้ไงค่ะอืโอ้โหมาถึงช่วงท้าย
00:44:48 → 00:44:51 แล้วโอ๊คพี่อยากจะขอคำแนะนำจากอาจารย์
00:44:51 → 00:44:54 ติ๋วหน่อยว่าการสร้างพลังบวกสร้างแรงฮึด
00:44:54 → 00:44:56 ให้กับตัวเองคือบางครั้งเราเจอปัญหาสังคม
00:44:56 → 00:44:59 เส็จเศรษฐกิจต่างๆเนี่ยบางทีก็ดาวโดยไม่
00:44:59 → 00:45:02 รู้ตัวนะเออแล้วเวลาเราจะสร้างแรงฮึดให้
00:45:02 → 00:45:05 กับตัวเองสร้างสร้างพลังอ่ะเวลาแบบเจอ
00:45:05 → 00:45:07 ปัญหาอย่าเงี้ยเราควรจะเริ่มต้นตรงไหนยัง
00:45:07 → 00:45:11 ไงอ่ะตรงนี้สักเหลือ 3 นาทีค่ะอาจารย์ติ๋
00:45:11 → 00:45:16 ว่า 3 นาทีเอาแบบเขาคเรียกว่ารัดสั้นตรง
00:45:16 → 00:45:20 เลยนะคะค่ะเราจะมีพลังได้อ่ะเราก็ต้อง
00:45:20 → 00:45:24 สะสมพลังเหมือนกันเนาะค่ะอือย่างแรกเลยนะ
00:45:24 → 00:45:29 คะเคล็ดลับให้เราอ่ะค่ะสร้างกล้ามเนื้อ
00:45:29 → 00:45:32 กล้ามเนื้อร่างกายเี่เหรอคะกล้ามเนื้อจิต
00:45:32 → 00:45:35 ใจค่ะถูกมั้ยอ่าเพราะเราจะรับพลังทางใจ
00:45:35 → 00:45:39 ทางกายเนี่ยมีคนสอนเยอะและใช่ครับทางใจ
00:45:39 → 00:45:42 อันเนี้ยมันเป็นเขาเรียกว่าจากประสบการณ์
00:45:42 → 00:45:46 ที่กลั่นมันเลยนะคะแบบคทางลัดเลยเนี่ยเรา
00:45:46 → 00:45:50 ต้องสร้างกล้ามเนื้อจิตใจให้แข็งแรงสร้าง
00:45:50 → 00:45:53 ภูมิต้านทานถ้าเราจะแข็งแรงทางกายเราต้อง
00:45:53 → 00:45:56 ออกกำลังกายถูกมั้ยค่ะอันเนี้ยเราต้องออก
00:45:56 → 00:45:59 กำลังใจด้วยการที่ฝึก
00:45:59 → 00:46:05 ค่ะฝึกอย่างแรกเลยนะคะฝึกยอมรับยอมรับ
00:46:05 → 00:46:08 ความผิดพลาดใช่ค่ะยอมรับความผิดพลาดยอม
00:46:09 → 00:46:10 รับความผิด
00:46:10 → 00:46:14 หวังยอมรับความจริงใช่มั้ยเมื่อกี้โอ๊คจะ
00:46:14 → 00:46:17 ว่าไงนะ
00:46:17 → 00:46:20 คะยังไม่จำไม่ได้นะครับอ๋อจ้ะใช่มั้ยคะ
00:46:20 → 00:46:24 โอเคเห็นมั้ยคนคนฟังเนี่ยจะไวมากค่ะพอเรา
00:46:24 → 00:46:30 กล้ายอมรับอืเราจะเกิดเค้าเรียกว่าภูมิ
00:46:31 → 00:46:33 ภูมิคุ้มกันให้กับจิตใจตัวเองใช่เพราะเรา
00:46:33 → 00:46:37 จะได้เริ่มสร้างกล้ามเนื้อเราจะได้เรียน
00:46:37 → 00:46:42 รู้จากการยอมรับค่ะไม่ว่าจะเป็นความผิด
00:46:42 → 00:46:45 หวังความผิดพลาดความล้ม
00:46:45 → 00:46:50 เหลวพอเรายอมรับได้อ่ะอืจิตใจเราก็แข็ง
00:46:50 → 00:46:54 แกร่งมากขึ้นโอ้โหอันเนี้ยเป็นบทเรียนรัด
00:46:54 → 00:46:57 มากๆเลยแต่ว่าถ้าใครเนี่ยสนใจแล้วอยากจะ
00:46:57 → 00:46:59 พูดคุยกับอาจารย์ติ๋วต่อเนื่องเนี่ยติด
00:46:59 → 00:47:02 ต่ออาจารย์ติ๋วได้ยังไงบ้างคะมีหลายช่อง
00:47:02 → 00:47:09 ทางค่ะมีเพจชื่อเ Life นะคะหรือว่าทัก
00:47:09 → 00:47:13 LINE แอมาคุยกันก็ได้ @s Life เลข 7
00:47:13 → 00:47:14 แล้วก็
00:47:14 → 00:47:21 L อื IG 7l Thailand ค่ะอ่าค่ะ