การโกหกตัวเองคืออะไร และมันส่งผลต่อจิตใจอย่างไร

EP.301 จับโกหกตัวเองให้ทัน

จากช่อง : ปลดล็อกกับหมอเวช


ดูคำบรรยาย / View Transcript

00:00:0000:00:03 การโกหกตัวเองหรือการหลอกตัวเองเนี่ยเป็น

00:00:0300:00:07 สิ่งที่เกิดขึ้นได้และเป็นหนึ่งในกลไกทาง

00:00:0700:00:12 จิตที่มีพลังและพบได้บ่อยมากความมีพลัง

00:00:1200:00:15 ของมันเกิดจากการที่เราไม่รู้ว่ามันมีตัว

00:00:1500:00:18 นี้อยู่นะครับแล้วเราก็เชื่อคำโกหกนั้น

00:00:1800:00:21 อย่างสนิทใจ

00:00:2100:00:24 แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เรารู้ทันมันเรา

00:00:2400:00:27 ตระหนักว่ามันมีเสียงนี้อยู่ในหัวของเรา

00:00:2700:00:30 มีคำโกหกอยู่ในหัวของเรามันไม่จำเป็นต้อง

00:00:3000:00:33 เป็นความจริงนะครับหรือมันไม่ใช่ความจริง

00:00:3300:00:38 ซะเลยนะครับพลังของมันก็จะลดลงครับขอยก

00:00:3800:00:41 ตัวอย่างง่ายๆตัวอย่างแรกก่อนนะครับถ้า

00:00:4100:00:45 คุณกำลังคุมน้ำหนักตัวคุมอาหารตั้งใจจะ

00:00:4500:00:50 ไม่กินขนมหวานแล้วพอเจอคุณพอคุณไปเจอขนม

00:00:5000:00:53 หวานของโปรด

00:00:5300:00:57 ก็บอกกับตัวเองว่านิดหน่อยน่ะไม่เป็นไร

00:00:5700:01:01 คุณก็กินมันนะครับกินเสร็จแล้วก็มารู้สึก

00:01:0100:01:03 ผิดอีกทีนึงว่าอ้าแย่แล้วทำไมเราไปกินมัน

00:01:0300:01:07 ทั้งๆที่เราตั้งใจจะไม่กินมัน

00:01:0700:01:09 ในตัวอย่างนี้ก็จะเห็นนะครับว่าแม้ว่าเรา

00:01:0900:01:12 จะตั้งใจทำสิ่งที่ดีกับสุขภาพแต่ดูเหมือน

00:01:1200:01:16 มันมีอีกส่วนหนึ่งของจิตใจเราที่ไม่ได้

00:01:1600:01:21 เห็นด้วยตามนั้นแล้วมันรอจังหวะเวลา

00:01:2100:01:25 ที่จะส่งเสียงในทำนองชี้ชวน

00:01:2500:01:29 หรืออนุญาตเช่นกรณีนี้ก็คือพูดว่านิด

00:01:2900:01:31 หน่อยไม่เป็นไรเนี่ยนะครับเหมือนเรามี

00:01:3100:01:34 อยู่ด้วยกัน 2 ฝ่ายฝ่ายนึงคือเหมือนตัว

00:01:3400:01:37 เราที่อยากตั้งใจคุมน้ำหนักอีกฝ่ายนึง

00:01:3700:01:41 เหมือนเป็นฝ่ายแทรกซึมฝ่ายค้าน

00:01:4100:01:45 ที่มาบั่นทอนความตั้งใจของเราซึ่งมันจะรอ

00:01:4500:01:48 คอยโอกาสมันแฝงตัวอยู่นะครับเราคิดว่าเรา

00:01:4800:01:52 เอาอยู่แต่มันแฝงตัวอยู่พอได้โอกาสปุ๊บ

00:01:5200:01:55 มันก็บอกว่ากินเลยนะครับอันนี้เป็นตัว

00:01:5500:01:58 อย่างง่ายๆของการกบโกหกตัวเองหรือหลอกตัว

00:01:5800:02:01 เองเพื่อกินของที่ตัวเองอยากกินทั้งๆที่

00:02:0100:02:05 ตัวเองตั้งใจที่จะไม่กินนะครับ

00:02:0500:02:08 มาดูตัวอย่างที่ 2 นะครับตัวอย่างที่ 2

00:02:0800:02:11 ก็จะเป็นกรณีเรื่องการนอนกลางวันนะครับมี

00:02:1100:02:14 คนจำนวนไม่น้อยนะครับที่นอนพักกลางวันไม่

00:02:1400:02:17 ได้ผมถามว่าเกิดอะไรขึ้นเบอกว่าโอ้โหตอน

00:02:1700:02:19 นอนตอนกลางวันแล้วมันรู้สึกผิดยังไงก็ไม่

00:02:1900:02:22 รู้นะครับบางคนก็จะบอกว่านอนตังงกลางวัน

00:02:2200:02:25 แล้วมันเหมือนเรากำลังทำสิ่งที่ไม่มุไม่

00:02:2500:02:29 มีคุณค่าซะเลยนะครับรู้สึกรู้สึกผิด

00:02:2900:02:32 ทั้งที่คนเหล่านี้เนี่ยรับรู้ความรู้นะ

00:02:3200:02:35 ครับว่ามันมีงานวิจัยเรื่องของการนอนพัก

00:02:3500:02:39 ตอนบ่ายหลังอาหารกลางวันซึ่งมีอยู่ในบาง

00:02:3900:02:42 ประเทศในทางยุโรปเนี่ยนะครับซึ่งเราสรุป

00:02:4200:02:45 ได้ว่ามันเป็นประโยชน์กับสุขภาพนะครับแต่

00:02:4500:02:47 แม้ว่าเราจะตระหนักในข้อมูลเหล่านี้ซึ่ง

00:02:4700:02:50 เป็นความเป็นจริงแล้วเนี่ยแต่ถ้าให้เราคน

00:02:5000:02:53 กลุ่มนั้นนอนตอนกลางวันเจะบอกเทำไม่ได้

00:02:5300:02:57 มันรู้สึกผิดมันเป็นสิ่งที่เขาทำไม่ได้

00:02:5700:02:59 โดยที่เขาก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรนะครับแต่

00:02:5900:03:03 ถ้าย้อนหลังกลับไปบางคนก็จะจำได้ว่าในวัย

00:03:0300:03:06 เด็กเนี่ยพ่อแม่จะสอนไว้ว่านอนกลางวัน

00:03:0600:03:09 เนี่ยขี้เกียจไม่ดีแล้วก็อาจจะมีคำสอน

00:03:0900:03:13 อื่นที่ปลุกอารมณ์เพื่อไม่ให้ลูกมานอนตอน

00:03:1300:03:15 กลางวันนะครับ

00:03:1500:03:20 คนที่นอนกลางวันไม่ได้และรู้สึกผิดแต่รู้

00:03:2000:03:24 ตัวว่าเราไม่น่าต้องรู้สึกผิดเลย

00:03:2400:03:26 แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกผิด

00:03:2600:03:28 นะครับ

00:03:2800:03:32 จะรักษาหรือเยียวยาได้ง่ายกว่าคนที่นอน

00:03:3200:03:34 กลางวันไม่ได้

00:03:3500:03:38 เพราะรู้สึกผิดแล้วคิดว่าตัวเองสมควรแล้ว

00:03:3800:03:41 ที่ต้องรู้สึกผิดถ้าจะนอนกลางวัน

00:03:4100:03:44 แบบแรกก็คือเค้ารู้สึกผิดแต่เขารู้ว่าเขา

00:03:4400:03:46 ไม่ควรรู้สึกผิดมันมีความสู้กันอยู่นะ

00:03:4600:03:48 ครับแบบที่ 2 คือรู้สึกผิดแล้วก็รู้สึก

00:03:4900:03:51 เอ้อเราควรจะรู้สึกผิดนะถ้าจะนอนกวันคือ

00:03:5100:03:54 เขาเชื่อโดยสนิทใจของฝ่ายที่เขาไม่ได้ยิน

00:03:5400:03:57 เสียงชัดเจนในการพูดด้วยซ้ำแต่มันเร้า

00:03:5700:04:00 ความรู้สึกบางอย่างที่ทำให้เค้านอนไม่ได้

00:04:0000:04:03 นะครับอันนี้เป็นการโกหกที่ซึมลึกมากแฝง

00:04:0300:04:06 เข้าไปในความเชื่อลึกๆที่เขา้าไม่รู้จะ

00:04:0600:04:08 แก้ยังไงแล้วเขาเชื่อด้วยว่ามันเป็นสิ่ง

00:04:0800:04:11 ไม่ดีนะครับตัวอย่างสุดท้ายนะครับตัว

00:04:1100:04:14 อย่างที่ 3 ก็คือผมเคยยกตัวอย่างนี้มา

00:04:1400:04:17 แล้วนะครับก็คือคนดื่มเหล้าจนกระทั่งตับ

00:04:1700:04:20 แข็งมีปัญหา

00:04:2000:04:24 หลายอย่างจากสุขภาพจนจากปัญหาตับแข็งนะ

00:04:2400:04:29 ครับเอ่อผมก็เคยไปประเมินสภาพจิตและสมอง

00:04:2900:04:31 เพื่อวางแผนว่าจะฟื้นฟูยังไงจะช่วยเค้า

00:04:3100:04:34 หยุดดื่มได้ไงนะครับแน่นอนน่ะนะครับเวลา

00:04:3400:04:36 ที่เราไปประเมินแบบนี้เราก็จะดูว่าเค้า

00:04:3600:04:38 ดื่มรุนแรงแค่ไหนผลกระทบมันเป็นยังไง

00:04:3800:04:43 กระทบชีวิตเค้ามั้ยการงานครอบครัวสุขภาพ

00:04:4300:04:46 การเงินนะครับ

00:04:4600:04:48 เค้าบอกว่าการดื่มไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลย

00:04:4800:04:51 นะครับทุกอย่างในชีวิตเค้าก็ยังดำเนินได้

00:04:5100:04:54 ความหมายก็คือหมอไม่ต้องมายุ่งนะครับแล้ว

00:04:5400:04:57 เขาก็ไม่คิดว่าเขาต้องหยุดตื่มแต่ระหว่าง

00:04:5700:04:59 ที่ผมคุยผมหันไปเจอหน้าภรรยาเขาเขาจะแบบ

00:04:5900:05:03 อหือทำหน้าแบบกำลังทุกข์มากเลยว่าแบบสามี

00:05:0300:05:06 นี่แย่แล้วนะครับซึ่งอันนี้ก็คือการหลอก

00:05:0600:05:10 ตัวเองอีกรูปแบบนึงคือหลอกตัวเองในแบบที่

00:05:1000:05:13 ปัญหาอยู่ตรงหน้าแต่เราบอกว่ามันไม่เป็น

00:05:1300:05:18 ปัญหานะครับกรณีหลังนี้นะครับแก้ยากมาก

00:05:1800:05:20 ครับเพราะว่าเค้าไม่คิดว่าเค้าต้องคุยกับ

00:05:2000:05:22 ผมที่จะต้องไปช่วยเหลือเค้าแต่อย่างใด

00:05:2200:05:25 เพราะเค้าไม่คิดว่าเป็นปัญหาแต่กรณีแรก

00:05:2500:05:29 และกรณีที่ 2 เค้ารู้ดีว่ามีอะไรบางอย่าง

00:05:2900:05:34 เกิดขึ้นในใจเค้าแล้วมันน่าจะหาวิธีรักษา

00:05:3400:05:38 หรือเยียวยาได้นะครับในตัวอย่างแรกที่พูด

00:05:3800:05:41 ถึงคำพูดว่านิดหน่อยนไม่เป็นไรเนี่ยที่

00:05:4100:05:44 เล่าว่าเหมือนมันมีอีกฝ่ายนึงมาแฝงตัวและ

00:05:4400:05:47 รอคอยจังหวะเนี่ยคนที่เคยเป็นจะรู้ด้วย

00:05:4700:05:49 ว่า

00:05:4900:05:52 เสียงแบบเนี้ยจะมีพลังมากขึ้นเวลาที่เรา

00:05:5200:05:53 อ่อนล้า

00:05:5300:05:56 เวลาที่เราหิวเราอดนอนเราเครียดเราดื่ม

00:05:5600:05:59 แอลกอฮอล์ลงไปหรือเราอยู่ในกลุ่มเพื่อน

00:05:5900:06:02 ที่กำลังทำสิ่งนั้นอยู่เช่นกำลังกินขนม

00:06:0200:06:06 กันนะครับตัวนี้ก็แปลว่ามันมีปัจจัยอย่าง

00:06:0600:06:10 อื่นที่ทำให้เสียงนี้มีพลังมากขึ้น

00:06:1000:06:13 ซึ่งวิธีการจัดการเนี่ยเราก็จะต้องรู้

00:06:1300:06:17 ด้วยว่าเราจะไปทอนพลังมันยังไงนะครับส่วน

00:06:1700:06:20 ตัวอย่างที่ 2 เนี่ยหลายคนจะตระหนักว่า

00:06:2000:06:24 เป็นคำสอนของพ่อแม่ซึ่งเมื่อทบทวนดีๆแล้ว

00:06:2400:06:27 เป็นการสอนด้วยเจตนาที่ดี

00:06:2700:06:30 แน่นอนพ่อแม่ก็อยากให้ลูกเป็นคนขยันขัน

00:06:3000:06:33 แข็งด้วยความเชื่อว่าคนที่ขยันขันแข็ง

00:06:3300:06:36 ชีวิตจะประสบความสำเร็จแต่คำสอนนี่มีความ

00:06:3600:06:40 เข้มข้นมากจนกระทั่งไม่มีความยืดหยุ่นดัง

00:06:4000:06:43 นั้นในวันที่ชีวิตเขาสบายดีขึ้นแล้วมี

00:06:4300:06:46 ความสำเร็จอายุมากขึ้นและบางกรณีเจ็บป่วย

00:06:4600:06:50 ด้วยนะครับกดเหล็กเลยครับห้ามนอนพักตอน

00:06:5000:06:53 กลางวัน

00:06:5300:06:57 นี่คือกรณีที่ 2 ที่ทำให้เห็นถึงส่วนย่อย

00:06:5700:07:01 ที่เข้ามาแทรกซึมแต่กรณีที่ 3 นี่เป็นการ

00:07:0100:07:05 หลอกตัวเองแบบอันตราย

00:07:0500:07:08 ทุกกรณีนะครับมันจะมีลักษณะร่วมอย่าง

00:07:0800:07:11 หนึ่งก็คือมันจะมีส่วนนึงในใจเราซึ่งบาง

00:07:1100:07:13 กรณีมีหลายส่วนด้วยนะครับทีนี้ผมยกตัว

00:07:1300:07:16 อย่างให้ง่ายเข้าไว้มันมีหลายส่วนที่แฝง

00:07:1600:07:20 มาทำหน้าที่คอยบอกกับเรา

00:07:2000:07:23 ที่ทำให้เราเชื่ออย่างสนิทใจว่าสิ่งที่

00:07:2300:07:26 บอกนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องทำได้ไม่เป็น

00:07:2600:07:29 ไรนะครับทั้งๆที่สิ่งนั้นอาจจะไม่มี

00:07:2900:07:33 ประโยชน์อะไรแล้วหรือให้โทษได้ด้วยซ้ำมัน

00:07:3300:07:37 เป็นกลไกทางจิตที่หลอกตัวเราโกหกตัวเรา

00:07:3700:07:40 ซึ่งมันมีตัวอย่างอีกหลายตัวอย่างแล้วต่อ

00:07:4000:07:43 จากนี้ผมจะยกตัวอย่างที่เจอบ่อยอีกสัก 5-6

00:07:4300:07:47 ตัวอย่างเพราะว่าเวลาที่เราคุ้นเคยกับตัว

00:07:4700:07:49 อย่างเหล่านี้เนี่ยเราอาจจะเริ่มรู้ว่า

00:07:4900:07:55 อ้อเรากำลังถูกกลไกตัวเนี้ยหลอกเราอยู่นะ

00:07:5500:07:58 ถ้าคุณรู้ตัวว่ามีคุณก็จะได้แสวงหากระบวน

00:07:5800:08:02 การเพื่อทำให้คุณจัดการมันได้เพราะแนวทาง

00:08:0200:08:05 ที่ผมจะพูดในตอนท้ายเนี่ยคุณอาจจะทำได้

00:08:0500:08:09 เพียงระดับเดียวเท่านั้นเองนะครับเรามา

00:08:0900:08:13 ลองดูตัวอย่างอื่นๆที่เป็นการส่งข่าวสาร

00:08:1300:08:16 ที่ไม่ได้เป็นจริงแต่เราเชื่อเขาโดยสนิท

00:08:1600:08:21 ใจโดยไม่ตั้งคำถาม 3 ตัวอย่างแรกครับคุณ

00:08:2100:08:25 ดูโพสต์ถ่ายภาพคุณดู Facebook คุณเห็น

00:08:2500:08:28 เพื่อนโพสต์ภาพถ่ายการท่องเที่ยว

00:08:2800:08:33 โชว์รถคันใหม่โชว์บ้าน

00:08:3300:08:37 เพื่อนร่วมรุ่นสมัยมัธยมสมัยเรียนจบ

00:08:3700:08:40 มหาวิทยาลัยมาด้วยกันแล้วคุณก็รู้สึกด้อย

00:08:4000:08:43 กว่าคุณรู้สึกว่าคุณไม่มีความสามารถไม่

00:08:4300:08:46 ประสบความสำเร็จเท่าเพื่อนเหล่านั้นตรง

00:08:4600:08:48 นี้มันมาจากการคิดเปรียบเทียบ

00:08:4800:08:51 แล้วรู้สึกด้อยฆ่าขณะเดียวกันความคิดในใจ

00:08:5100:08:55 ของคุณก็อาจจะพูดต่อสทบทับเข้าไปอีกด้วย

00:08:5500:08:59 นะครับว่าฉันมันไม่ได้เรื่องสู้ใครก็ไม่

00:08:5900:09:01 ได้

00:09:0100:09:05 ไอ้ตัวนี้ล่ะครับที่มันมาซ้อนซ้อขึ้นมา

00:09:0500:09:09 เนี่ยตัวเนี้ยเริ่มไม่จริงละนะครับคือเรา

00:09:0900:09:13 เอาข้อมูลชิ้นนึงที่เราเห็น

00:09:1300:09:15 แล้วเปรียบเทียบแล้วรู้สึกไม่ค่อยดีแล้ว

00:09:1500:09:20 เราก็มีความคิดที่ทำให้ตัวเองด้อย่าลงฉัน

00:09:2000:09:22 มันไม่ได้เรื่อง

00:09:2200:09:25 ซึ่งคนส่วนใหญ่เชื่อความคิดนี้โดยไม่ตั้ง

00:09:2600:09:30 คำถามเหมือนมีฝ่ายนึงในตัวเรามาว่าเรา

00:09:3000:09:33 นะครับแล้วเราเชื่อเค้ามันเป็นการหลอกลวง

00:09:3300:09:36 อย่างนึงใช่มั้ครับผลที่เกิดขึ้นจะเกิด

00:09:3600:09:38 อะไรขึ้นได้บ้างถ้าเรารู้สึกแย่กับตัวเอง

00:09:3800:09:42 ครับเราก็สามารถรู้สึกได้ว่าเราล้มเหลว

00:09:4200:09:45 เราสามารถรู้สึกได้ว่าเอ๊ะเราจะทำไงกับ

00:09:4500:09:48 ชีวิตตีแย่แล้ววิตกกังวล

00:09:4800:09:50 เราอาจจะรู้สึก

00:09:5000:09:54 หดหู่ซึมเศร้าก็ได้ดังนั้นมันจึงมีงาน

00:09:5400:09:57 วิจัยว่าคนที่ดูโซเชียลมีเดียที่เป็น

00:09:5700:10:01 ชีวิตที่ดีของคนอื่นมากๆมักจะมีอารมณ์

00:10:0100:10:04 เศร้ามากขึ้น

00:10:0400:10:06 กรณีที่ 2

00:10:0600:10:09 คือกรณีที่

00:10:0900:10:13 เราจะมีเสียงต่อว่าตัวเองเห็นแต่ข้อเสีย

00:10:1300:10:17 มองไม่เห็นข้อดีพอทำอะไรได้ดีคนชมเรา

00:10:1700:10:21 ปฏิเสธในใจเช่นเราจะคิดว่าเค้าชมเป็น

00:10:2100:10:23 มารยาทและ

00:10:2300:10:25 สิ่งที่เราทำมันก็ไม่มีอะไรพิเศษเลยคน

00:10:2500:10:28 อื่นเขาก็ทำกันได้นะครับคือเราไปลดน้ำ

00:10:2800:10:32 หนักของสิ่งดีๆที่มีคนมองเห็นและชมเราไม่

00:10:3200:10:36 เชื่อครับแต่เราจะคิดเชื่ออีกเสียงนึงใน

00:10:3600:10:39 ตอนที่เราต่อว่าตัวเองว่า

00:10:3900:10:41 ฉันไม่เอาไหน

00:10:4100:10:45 ไม่เก่งไม่มีความสามารถอะไรหรือบางกรณี

00:10:4500:10:48 ที่อย่าหนักมากขึ้นก็คือโง่โนะครับแน่นอน

00:10:4800:10:52 นะครับคุณมองตัวเองในแง่ลบคุณปฏิเสธการ

00:10:5200:10:57 มองเห็นตัวเองในแง่บวกนานวันเข้าคุณก็ท้อ

00:10:5700:11:00 คุณก็ฝ่อคุณก็เบื่อหน่ายตัวเองคุณก็ซึม

00:11:0000:11:02 เศร้า

00:11:0200:11:04 แต่คุณไม่รู้ว่ากลไกทางจิตกำลังหลอกคุณ

00:11:0400:11:06 อยู่

00:11:0600:11:10 เพราะว่ามันทำงานได้เนียนมากนะครับกรณี

00:11:1000:11:12 ที่ 3

00:11:1300:11:15 เราเคยคุยกันในเรื่องmindsตของการตกเป็น

00:11:1500:11:18 เหยื่อนะครับตัวนี้ก็มี

00:11:1800:11:22 กระบวนการเดียวกันก็คือเป็นความเชื่อว่า

00:11:2200:11:24 ตัวเองกำลังตกเป็นเหยื่อโดยมองว่าคนรอบ

00:11:2400:11:27 ข้างเนี่ยมีความไม่เป็นมิตรกับเรากลั่น

00:11:2700:11:31 แกล้งเราโดยเราทำอะไรไม่ได้แล้วเราก็จะมี

00:11:3100:11:34 ความคิดสารพัดที่เกี่ยวข้องกับความขุ่น

00:11:3400:11:37 ข้องหมองใจว่าทำไมพวกเขาต้องมาทำอย่างี้

00:11:3700:11:38 กับเรา

00:11:3900:11:42 นะครับโดยที่เราคิดว่าตัวเองเป็นผู้ถูก

00:11:4200:11:46 กระทำและเราทำอะไรไม่ได้ถ้าเราเชื่อ

00:11:4600:11:48 เรื่องนี้มันก็คือmindsตของผู้ตกเป็น

00:11:4800:11:51 เหยื่อซึ่งผมเคยคุยไปครึ่งชั่วโมงเมื่อ

00:11:5100:11:55 สักครึ่งปีกว่าก่อนหน้านั้น

00:11:5500:11:59 4 นะครับเรามีความคาดหวังให้คนอื่นต้อง

00:11:5900:12:02 รู้ใจและเข้าใจเรารู้ว่าเราต้องการอะไร

00:12:0200:12:07 โดยเฉพาะคนรักและคนใกล้ตัวดังนั้นเวลาเรา

00:12:0700:12:11 อยู่กับคนรักหรือคนในบ้านเรารู้สึกยังไง

00:12:1100:12:16 เราต้องการอะไรเราไม่บอกเราจะคิดในใจว่า

00:12:1600:12:20 ถ้าเค้ารักเราเค้าใส่ใจเราจริงเค้าจะต้อง

00:12:2000:12:23 รู้ว่าเรารู้สึกยังไงเค้าจะต้องรู้ว่าเรา

00:12:2300:12:27 ต้องการอะไรนะครับก็คือเราคาดหวังให้เค้า

00:12:2700:12:30 อ่านใจเราได้ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้นะครับ

00:12:3000:12:34 แต่มีคนอย่างนี้อยู่ไม่น้อยนะครับคิดง่าย

00:12:3400:12:37 ๆว่าถ้าเค้ารักฉันจริงเขาจะต้องรู้ว่าฉัน

00:12:3700:12:40 รู้สึกยังไงฉันต้องการอะไรซึ่งเค้าไม่รู้

00:12:4000:12:44 เรื่องด้วยผลก็เลยเกิดความน้อยอกน้อยใจ

00:12:4400:12:47 เกิดปัญหาหาความสัมพันธ์เพราะเราเชื่อใน

00:12:4700:12:49 ความคิดว่า

00:12:4900:12:52 คำหลอกใช่มั้ยครับเพราะว่ามันไม่ตรงกับ

00:12:5200:12:54 ธรรมชาติมนุษย์เลยนะครับว่าถ้ารักฉันจริง

00:12:5500:12:59 ก็ต้องรู้ว่าฉันรู้สึกหรือต้องการอะไร

00:12:5900:13:01 คนที่จะอยู่ความสัมพันธ์ด้วยดีเไม่คาด

00:13:0100:13:05 หวังให้การมีการอ่านใจกันได้

00:13:0500:13:08 มันจึงมีคำหลอกเป็นความเชื่อผิดๆซึ่งเกิด

00:13:0900:13:11 จากการถูกวางโปรแกรมในความสัมพันธ์

00:13:1200:13:16 ระหว่างเรากับคนรอบตัวนะครับตัวอย่างสุด

00:13:1600:13:19 ท้ายนะครับก็คือตัวอย่างของกรณีของคนบ้า

00:13:1900:13:25 งานคนบ้างานจำนวนมากเนี่ยจะบอกกับผมว่า

00:13:2500:13:27 เวลาเค้าไม่ทำงานเค้าจะรู้สึกไร้ค่าเค้า

00:13:2700:13:30 อยู่เฉยๆไม่ได้เลยนะครับฐานะการเงินดี

00:13:3000:13:32 แล้วมีเวลาไปท่องเที่ยวอายุเข้าสู่วัย

00:13:3200:13:35 เกษียณแล้วหยุดงานไม่ได้ครับเพราะว่าถ้า

00:13:3500:13:38 ไม่ทำงานแล้วรู้สึกไร้ค่างั้น

00:13:3800:13:40 คนเหล่านี้ก็จะมองการทำงานเป็นการสร้าง

00:13:4100:13:43 ความรู้สึกมีคุณค่าซึ่งไม่ผิดใช่มั้ยครับ

00:13:4300:13:45 ถ้าเราจะสอนสอนลูกเราก็จะให้เห็นความ

00:13:4500:13:49 สำคัญของการทำงานคือสิ่งที่มีคุณค่าช่วย

00:13:4900:13:52 สร้างสรรค์สังคมของมนุษย์

00:13:5200:13:56 แต่ถ้ามันมีความเข้มข้นมากๆเวลาที่เราไม่

00:13:5600:13:59 ทำงานเราก็จะรู้สึกว่าเราไม่มีค่าซึ่งผม

00:13:5900:14:03 เจอแม้แต่คนที่อายุ 60 กว่า 70 กว่าก็ยัง

00:14:0300:14:05 รู้สึกเลยว่าถ้าไม่ทำอะไรจะรู้สึกรู้สึก

00:14:0500:14:10 ไม่มีค่าแล้วเค้าไม่คิดว่านี่เป็นคำหลอก

00:14:1000:14:13 ตัวเองไม่คิดว่านี่เป็นเล่ห์กลของกลไกทาง

00:14:1300:14:16 จิตซึ่งเกิดจากการถูกวางโปรแกรมมาตั้งแต่

00:14:1600:14:18 เมื่อไหร่ก็ไม่รู้แต่เขาคิดว่านี่คือความ

00:14:1800:14:21 เป็นจริงแล้วการเชื่อว่านี่คือความเป็น

00:14:2100:14:26 จริงนี่แหละคือพลังของมันเพราะมันไม่โดน

00:14:2600:14:29 ตรวจสอบครับทันทีที่โดนตรวจสอบพลังของมัน

00:14:3000:14:33 จะอ่อนลงเองทันทีที่คุณเอะใจว่าเอ๊ะไอ้

00:14:3300:14:38 ความคิดตัวนี้ของเราเนี่ยมันจริงหรอที่

00:14:3800:14:40 ว่าฉันโง่เนี่ยมันเอ้ยเราได้ยินมาฉันมี

00:14:4000:14:43 ความคิดนึงว่าฉันโง่โอเออเหมือนกับครั้ง

00:14:4300:14:47 นึงหลายครั้งในวัยเด็กที่มีคนรอบตัวหลาย

00:14:4700:14:51 คนพูดว่าฉันโง่นะครับผมก็มีญาติผู้ใหญ่

00:14:5100:14:54 บางคนที่ชอบพูดว่าโง่นะครับผมก็โดนเขาพูด

00:14:5400:14:58 ว่าโง่นะครับถ้าเราเชื่อความคิดนี้เราก็

00:14:5800:15:02 จะมาพูดซ้ำกับตัวเองว่าโง่

00:15:0200:15:06 แล้วเราเชื่อแล้วเราก็จะกลายเป็นตัวกำหนด

00:15:0600:15:08 ความเป็นตัวเรากำหนดเพดานบินที่เราจะบิน

00:15:0800:15:11 ได้ครับนั้นหัวใจสำคัญในการแก้สิ่งเหล่า

00:15:1100:15:16 เดี๋นี้นะครับ 1 เลยก็คือต้องสังเกตความ

00:15:1600:15:20 คิดตัวเองนะครับตระหนักในสิ่งที่ตัวเอง

00:15:2000:15:25 คิดและพูดกับตัวเองนะครับแล้วเวลาจับได้

00:15:2500:15:27 ถึงคำพูดอย่างที่เป็นตัวอย่างเมื่อสัก

00:15:2700:15:30 ครู่นี้ที่ผมยกตัวอย่างไว้หลายตัวเลย

00:15:3000:15:34 เนี่ยนะครับให้เอะใจมันเอ๊ะหน่อยนึงเอ๊ะ

00:15:3500:15:39 ใจว่าอืมันอย่าเพิ่งเชื่อนะมันอาจจะไม่

00:15:3900:15:40 ใช่เรื่องจริงและมีแนวโน้มจะไม่ใช่เรื่อง

00:15:4000:15:44 จริงซะด้วยนะครับการหมั่นทบทวนความรู้สึก

00:15:4400:15:47 นึกคิดของตัวเองก็จะทำให้เราเริ่มจับความ

00:15:4700:15:50 คิดต่างๆตามตัวอย่างที่ยกไปได้ว่าอย่า

00:15:5000:15:54 เพิ่งเชื่อมันไม่ใช่ความจริงมันอาจจะมี

00:15:5400:15:57 ที่มาที่ไปบางอย่างที่สมเหตุสมผลเช่นการ

00:15:5700:16:01 ที่พ่อแม่สอนว่าอย่านอนกลางวันนะครับหรือ

00:16:0100:16:04 คำสอนอีกสารพัดครับ

00:16:0400:16:07 พอเรารู้ตัวว่าเราคิดอะไรอยู่นะครับให้

00:16:0700:16:10 ฝึกรับรู้เสร็จแล้วถอยมาหน่อยนึง

00:16:1000:16:13 ทำไมต้องถอยมาหน่อยนึงเพราะว่าเวลาที่เรา

00:16:1300:16:16 ได้ยินเสียงความคิดวิ่งในหัวเราเนี่ยเรา

00:16:1600:16:19 จะเชื่อมันโดยไม่เคยตั้งคำถามว่ามันจริงม

00:16:1900:16:21 แต่ถ้าเรารู้ว่านี่เป็นความคิดของเราและ

00:16:2200:16:24 อาจจะเป็นผลของประสบการณ์บางอย่างที่เรา

00:16:2400:16:27 เคยถูกสอนมา

00:16:2700:16:30 แล้วเรายังไม่เชื่อว่ามันเป็นจริงเราถึง

00:16:3000:16:33 จะตรวจสอบได้ว่ามันเป็นจริงแค่ไหนนะครับ

00:16:3300:16:37 เช่นถ้ามีคำคๆนึงที่คุณพูดในใจว่า

00:16:3700:16:40 เอากรณีแรกเลยนะครับว่านิดหน่อยน่าไม่

00:16:4000:16:43 เป็นไรนะครับวิธีการช่วยคนเหล่านั้นก็คือ

00:16:4300:16:46 ผมจะทำให้เค้าเริ่มรู้ตัวว่าเวลาที่เค้า

00:16:4600:16:51 จะเผลอกินอาหารที่เค้าไม่ต้องการกิน

00:16:5100:16:54 เค้าจะได้ยินเสียงประมาณนี้นะให้รู้ทัน

00:16:5400:16:58 ก่อนจากนั้นเราก็จะสอนเค้าว่าเงื่อนไข

00:16:5800:17:01 อะไรที่ทำให้เสียงนี้ดังขึ้นเช่นง่วงนอน

00:17:0100:17:05 หิวมากนะครับเราก็มีวิธีป้องกันเช่นอย่า

00:17:0500:17:08 ปล่อยให้หิวเกินดูแลสุขภาพให้ดีถ้าหิว

00:17:0800:17:12 จริงจริงให้มีของว่างที่ดีกับสุขภาพอยู่

00:17:1200:17:17 ใกล้ตัวและตัวสำคัญก็คือเราต้องมีคำพูด

00:17:1700:17:20 อื่นที่เป็นไปตามจุดมุ่งหมายหรือความมุ่ง

00:17:2000:17:23 มั่นของเรา

00:17:2300:17:26 เข้ามาเป็นตัวเลือกในทางความคิดของเรานะ

00:17:2600:17:28 ครับ

00:17:2800:17:31 ดังนั้นเราก็ไม่ฟัง

00:17:3100:17:34 เสียงพูดว่านิดหน่อยน่าแต่เราจะฟังเสียง

00:17:3400:17:39 ใหม่ที่เราเลือกออกแบบไว้เช่นเราอาจจะพูด

00:17:3900:17:42 มีคำพูดประโยคนึงที่ผมเคยทำรายการกับ

00:17:4200:17:47 ครอบครัวครอบครัวนึงคุณแม่คุณพ่อลูก 2 คน

00:17:4700:17:50 อ้วนหมดเลยทั้งบ้านนะครับผมก็ถามคุณแม่

00:17:5000:17:55 ว่าคุณจะใช้คำอะไร

00:17:5500:17:58 ที่คุณพูดกับตัวเองแล้วจะช่วยดึงให้คุณ

00:17:5800:18:03 ลุกขึ้นจากการไหลไปตามความคิดเดิมๆได้เขา

00:18:0300:18:06 ใช้คำว่าเพื่อลูกและในทุกๆครั้งที่เขารู้

00:18:0600:18:09 สึกว่าเค้าเกือบจะยอมความแพ้มีเสียงมา

00:18:0900:18:13 หลอกล่อแล้วเพูดว่าเพื่อลูกมันจะเป็นการ

00:18:1300:18:16 ปลุกพลังคนละฝ่ายขึ้นมา

00:18:1600:18:22 เพื่อลูกคือหาคำพูดมาช่วยนะครับในกรณีบาง

00:18:2200:18:24 กรณีเราอาจจะต้องใช้เวลาตรวจสอบเยอะ

00:18:2400:18:27 เหมือนกันนะครับแล้วก็มีที่มาที่ไปที่ถอย

00:18:2700:18:31 ไปไกลพอสมควรการถอยไปไกลนั้นเนี่ยมักจะ

00:18:3100:18:35 เป็นผลของกระบวนการเติบโตทางอารมณ์ที่มี

00:18:3500:18:38 เหตุการณ์หลากหลายที่มาวางเป็นโปรแกรมใน

00:18:3800:18:42 หัวของเราแล้วเราก็คุ้นกับมันมากจนเรารู้

00:18:4200:18:44 สึกว่ามันเป็นความจริงเพราะนี่เป็นอีก

00:18:4400:18:47 หนึ่งกลไกการทำงานของจิตใจมนุษย์ก็คือ

00:18:4700:18:51 อะไรที่คุ้นเคยมากๆเราจะเข้าใจว่ามันเป็น

00:18:5100:18:54 ความจริงทั้งๆที่มันไม่ใช่ความจริงนะครับ

00:18:5400:18:57 ดังนั้นจึงมีกรณีนี้ถูกเอามาใช้ในการ

00:18:5700:19:00 ปล่อยข่าวหลอกแล้วก็บางกรณีที่จะสร้างภาพ

00:19:0000:19:03 ลักษณ์ของใครบางคนทำลายชื่อเสียงเขาเนี่ย

00:19:0300:19:07 ก็จะปล่อยข่าวหลอกซ้ำๆเป็นละรอกทีทีละแง่

00:19:0700:19:11 มุมคนฟังไปเรื่อยๆก็โอ้มันชักคุ้นมากเลย

00:19:1100:19:14 จนชักเริ่มเชื่อว่าเป็นจริงนะครับอันนี้

00:19:1400:19:19 คือเขาเข้าใจกลไกของจิตใจมนุษย์

00:19:1900:19:22 คราวนี้ผมก็ได้พูดแล้วว่าเราต้องรู้ทัน

00:19:2300:19:26 ความคิดสังเกตดูแล้วก็อย่าเพิ่งเชื่ออย่า

00:19:2600:19:29 เพิ่งฟังโดยสนิทใจจากนั้นในบางกรณีหลัง

00:19:2900:19:33 จากตรวจสอบแล้วเราอาจจะเลือกคำพูดความคิด

00:19:3300:19:38 ที่ตอบโจทย์ได้ดีกว่านะครับ

00:19:3800:19:40 และบ่อยครั้งนะครับถ้าคุณทำความรู้จักกับ

00:19:4000:19:44 เสียงเหล่านี้เนี่ยคุณจะพบว่าเสียงเหล่า

00:19:4400:19:49 นี้ปกป้องเรามีเจตนาที่ดีณจุดเริ่มต้น

00:19:4900:19:53 เช่นเรื่องของการไม่นอนกลางวันแล้วถูกพูด

00:19:5300:19:57 ว่านอนกลางวันคือขี้เกียจเนี่ยมันเป็นการ

00:19:5700:19:59 สอนของพ่อแม่ที่รักลูกอยากให้ลูกขยัน

00:19:5900:20:03 อย่างที่ได้บอกไปนะครับผมเองยังจำได้สมัย

00:20:0300:20:08 ที่ผมเป็นเด็กจะมีญาติผู้ใหญ่บางคนพูด

00:20:0800:20:12 บอกว่าอย่าไปเดินริมน้ำเวลาเราไปเที่ยว

00:20:1200:20:17 สวนรุมสมัยโน้นมันจะมีบึงนะครับสมัยนี้ก็

00:20:1700:20:21 ยังมีนะครับมันจะมีบึง

00:20:2100:20:25 ผู้ใหญ่ก็จะบอกว่าอย่าไปเดินริมน้ำนะแต่

00:20:2500:20:26 เค้าไม่ได้บอกว่ามันอันตรายเพราะเดี๋ยว

00:20:2600:20:30 เราจะตกลงนะครับเใช้วิธีขู่เพราะมันมีผี

00:20:3000:20:34 น้ำจะมาจับตัวลงไปนะ

00:20:3400:20:38 เด็กที่เชื่อว่ามันมีผีน้ำจะจับตัวในตอน

00:20:3800:20:41 นั้นเด็กมันคิดไม่เป็นมันก็กลัวครับความ

00:20:4100:20:44 กลัวในการไปอยู่ริมน้ำเนี่ยมันอาจจะยังมี

00:20:4400:20:48 อยู่กับเราเลยโดยที่เราไม่รู้ตัวว่าจุด

00:20:4800:20:51 เริ่มต้นมันมาจากคำพูดว่าผีน้ำจะมาจับตัว

00:20:5100:20:54 ไปนะครับงั้น

00:20:5400:20:56 เสียงหรือความเชื่อที่วิ่งอยู่ในหัวของ

00:20:5600:20:59 เรา

00:20:5900:21:03 มันอาจจะเป็นโปรแกรมเก่าที่ถูกวางไว้ใน

00:21:0300:21:05 สมัยที่เราเป็นเด็กเพื่อวัตถุประสงค์

00:21:0500:21:07 อย่างหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่จะเป็น

00:21:0700:21:09 วัตถุประสงค์เพื่อความปลอดภัยของเรานะ

00:21:1000:21:11 ครับ

00:21:1100:21:14 อันนี้ไม่นับบ้านที่มีปัญหาที่มีความ

00:21:1400:21:17 รุนแรงนะครับแม้แต่ในบ้านที่ตั้งใจเลี้ยง

00:21:1700:21:20 ลูกเนี่ยแต่กลัวมากๆก็จะเลี้ยงลูกด้วยการ

00:21:2000:21:24 ขู่ให้ลูกกลัวเนี่ยเราก็จะพบว่าเสียงความ

00:21:2400:21:27 คิดและความเชื่อในใจเราเนี่ย

00:21:2700:21:31 มันอาจจะหลอกเราได้แล้ววิธีเดียวที่เราจะ

00:21:3100:21:36 รู้ทันการโกหกนั้นถ้าเราอยากจับโกหกตัว

00:21:3600:21:40 เองให้เป็นนะครับอยากจะรู้ทันอยากจะป้อง

00:21:4000:21:43 กันไม่อยากให้เราต้องซึมเศร้าไม่อยากให้

00:21:4300:21:46 เราต้องน้ำหนักตัวเกินไม่อยากให้เรา

00:21:4600:21:49 สารพัดปัญหานะครับ

00:21:4900:21:51 สูญเสียความเชื่อมั่นรู้สึกล้มเหลวเกิน

00:21:5100:21:56 ความเป็นจริงหรือว่าไม่มีแรงในการ

00:21:5600:22:01 ดำเนินชีวิตไปจนถึงกับไม่รู้จัก

00:22:0100:22:04 ละเียดประสบการณ์เพื่อการมีความสุขสิ่ง

00:22:0400:22:08 เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นผลจากการที่เรา

00:22:0800:22:12 ไม่รู้เท่าทันกลไกทางจิตที่หลอก