00:00:00 → 00:00:03 ขอต้อนรับสู่หมอพัทรพcast Talk ความรู้
00:00:03 → 00:00:07 สุขภาพลึกและฟรีมีที่นี่อะโวคาโดกับ
00:00:07 → 00:00:09 คอเลสเตอรอลเนี่ยนะครับเป็นเรื่องที่หลาย
00:00:09 → 00:00:12 คนน่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างว่ากินแล้วดี
00:00:12 → 00:00:14 แต่เคยสงสัยไหมครับว่าเบื้องหลังความ
00:00:14 → 00:00:17 เชื่อนี้มันมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่วันนี้
00:00:17 → 00:00:19 เราจะมาเจาะลึกเรื่องนี้กันครับภาพหัว
00:00:19 → 00:00:21 ข่าวทำนองนี้เราเห็นกันบ่อยๆเลยใช่มั้ย
00:00:21 → 00:00:25 ครับทำให้หลายคนก็คิดไปว่าโอเคแค่กิน
00:00:25 → 00:00:27 อะโวคาโด้เพิ่มเข้าไปในอาหารก็น่าจะช่วย
00:00:27 → 00:00:29 ได้แล้วแต่เดี๋ยวก่อนนะครับเรื่องมันอาจ
00:00:30 → 00:00:33 จะไม่ได้ง่ายแล้วก็ตรงไปตรงมาขนาดนั้น
00:00:33 → 00:00:35 แล้วมันง่ายขนาดนั้นจริงเหรอก็ต้องบอกเลย
00:00:35 → 00:00:39 ครับว่าไม่ใช่เลยความจริงแล้วเรื่องนี้
00:00:39 → 00:00:41 มันมีรายละเอียดที่ซับซ้อนแล้วก็น่าสนใจ
00:00:41 → 00:00:43 กว่านั้นเยอะเลยครับซึ่งเป็นเรื่องที่
00:00:43 → 00:00:46 สำคัญมากๆที่ต้องทำความเข้าใจเลยเอาล่ะ
00:00:46 → 00:00:49 ครับมาถึงจุดที่สำคัญที่สุดแล้วข้อมูลเขา
00:00:49 → 00:00:51 ชี้เลยนะครับว่าแค่การเพิ่มอะโวคาโดเข้า
00:00:52 → 00:00:54 ไปเฉยๆเนี่ยแทบไม่ได้ช่วยลดคอเลสเตอรอล
00:00:54 → 00:00:58 ชนิดเร็วหรือ LDL ได้เลยแต่หัวใจสำคัญของ
00:00:58 → 00:01:01 มันก็คือการแทนที่ครับพอเราเอาอะโวคาโดไป
00:01:01 → 00:01:03 แทนที่ไขมันจากสัตว์ปุ๊บผลลัพธ์ที่ได้นี่
00:01:03 → 00:01:07 ต่างกันคนละเรื่องเลยแล้วทีเนี้ยเพื่อที่
00:01:07 → 00:01:09 จะเข้าใจว่าทำไมอะโวคาโดถึงมีผลแบบนี้ได้
00:01:09 → 00:01:11 อ่ะเราต้องไปทำความรู้จักกับเจ้า
00:01:11 → 00:01:13 คอเลสเตอรอลให้ลึกกว่าเดิมก่อนครับเพราะ
00:01:14 → 00:01:16 ว่าคอเลสเตอรอลชนิดเลวเนี่ยมันไม่ได้มี
00:01:16 → 00:01:19 แค่แบบเดียวประเด็นก็คืออย่างนี้ครับไอ้
00:01:19 → 00:01:21 เจ้าคอเลสเตอรอลชนิดเลวลหรือ LDL ที่เรา
00:01:21 → 00:01:24 เรียกกันเนี่ยมันมีตัวที่ไร้กัดกว่าซ่อน
00:01:24 → 00:01:27 อยู่อีกทีนึงครับคือ LDL เนี่ยมันมี 2
00:01:27 → 00:01:31 แบบหลักๆเลยนะครับแบบแรกคือแบบใหญ่ๆฟูกับ
00:01:31 → 00:01:33 อีกแบบคือเล็กๆแล้วก็หนาแน่นคือทั้ง 2
00:01:33 → 00:01:36 แบบมันก็ไม่ดีทั้งคู่นั่นแหละครับแต่ไอ้
00:01:36 → 00:01:38 เจ้าตัวเล็กที่หนาแน่นนี่แหละครับคือตัว
00:01:38 → 00:01:41 ร้ายตัวจริงเลยมันเชื่อมโยงกับความเสี่ยง
00:01:41 → 00:01:44 โรคหัวใจที่สูงขึ้นแบบชัดเจนมากๆมีข้อมูล
00:01:44 → 00:01:47 ชี้ว่า LDL ชนิดที่ใหญ่และฟูฟ่องอาจจะ
00:01:47 → 00:01:49 เพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเกี่ยวกับหัวใจได้
00:01:49 → 00:01:53 ประมาณ 31% แต่ว่านะครับไอ้เจ้า LDL ขนาด
00:01:53 → 00:01:56 เล็กเนี่ยมันร้ายกว่านั้นอีกมันคือตัวการ
00:01:56 → 00:01:59 ที่อันตรายที่สุดที่เราควรควรจะกังวลเลย
00:01:59 → 00:02:02 ครับและเพื่อที่จะขายปริศนานี้นะครับนัก
00:02:02 → 00:02:04 วิทยาศาสตร์เขาก็เลยออกแบบการทดลองที่น่า
00:02:04 → 00:02:07 สนใจมากๆเลยเป็นการทดลองแบบสุ่มและมี
00:02:07 → 00:02:10 กลุ่มควบคุมครั้งแรกเลยนะครับที่ศึกษาของ
00:02:10 → 00:02:14 อะโวคาโดต่อขนาดของ LDL โดยเฉพาะในการทด
00:02:14 → 00:02:16 ลองนี้เขาทำอย่างนี้ครับคือให้ทุกคนตัดไข
00:02:16 → 00:02:19 มันสัตว์ออกก่อนแล้วก็แบ่งคนออกเป็น 3
00:02:19 → 00:02:21 กลุ่มเพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราแทน
00:02:21 → 00:02:25 ที่ไขมันนั้นด้วย 1 คาร์โบไฮเดรต 2 น้ำ
00:02:25 → 00:02:29 มันพืชและ 3 อะโวคาโดทั้งผลครับผลที่ออก
00:02:29 → 00:02:32 มาในเบื้องต้นก็น่าสนใจมากเลยครับคือการ
00:02:32 → 00:02:34 ตัดไขมันสัตว์ออกเนี่ยมันช่วยลด LDL ได้
00:02:34 → 00:02:37 ในทุกกลุ่มอยู่แล้วแต่กลุ่มที่แทนที่ด้วย
00:02:37 → 00:02:40 AVCาโดเนี่ยนะครับมีระดับ LDL โดยรวมลดลง
00:02:40 → 00:02:43 มากที่สุดอย่างเห็นได้ชัดเลยทีนี้คำถาม
00:02:43 → 00:02:47 สำคัญมันก็มาแล้วครับว่าเอ๊ะทำไมล่ะอะไร
00:02:47 → 00:02:50 ที่ทำให้อะโวคาโดมันถึงได้ผลดีกว่ากลุ่ม
00:02:50 → 00:02:53 อื่นๆขนาดนั้นทั้งๆที่กลุ่มน้ำมันพืชเอง
00:02:53 → 00:02:57 ก็มีไขมันชนิดที่คล้ายๆกันคำตอบของคำถาม
00:02:57 → 00:03:00 นี้นะครับมันซ่อนอยู่ในเจ้าคอเลสเตอรอล
00:03:00 → 00:03:02 ตัวร้ายที่สุดที่เราคุยกันไปเมื่อกี้นี้
00:03:02 → 00:03:06 เองและนี่คือจุดพีคที่สุดเลยครับถึงแม้
00:03:06 → 00:03:08 ว่าทุกกลุ่มจะลด LDL ขนาดใหญ่ได้เหมือน
00:03:08 → 00:03:11 กันแต่มีเพียงกลุ่มAVโวคาโดเท่านั้นนะ
00:03:12 → 00:03:14 ครับที่สามารถลด LDL ขนาดเล็กที่อันตราย
00:03:14 → 00:03:17 ที่สุดลงไปได้ด้วยนี่แหละครับคือความแตก
00:03:17 → 00:03:20 ต่างที่สำคัญที่สุดเลยพอเรารู้ผลแล้วก็
00:03:20 → 00:03:23 ต้องมาดูกันต่อว่าเอ๊ะแล้วทำไมอะโวคาโด
00:03:23 → 00:03:27 ถึงทำแบบนี้ได้หลายคนอาจจะคิดทันทีเลยว่า
00:03:27 → 00:03:30 เป็นเพราะชนิดของไขมันในตัวมันแน่ๆแต่
00:03:30 → 00:03:32 เรื่องราวมันลึกซิ้งกว่านั้นครับไขมันที่
00:03:32 → 00:03:35 ว่าเนี่ยก็คือไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
00:03:35 → 00:03:37 ซึ่งก็เป็นไขมันดีต่อสุขภาพที่เราจะเจอ
00:03:37 → 00:03:41 ได้ทั้งในน้ำมันมะกอกแล้วก็อะโวคาโดก็ถ้า
00:03:41 → 00:03:43 มันเป็นเพราะไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
00:03:43 → 00:03:46 อย่างเดียวจริงๆงั้นน้ำมันมะกอกก็น่าจะ
00:03:46 → 00:03:50 ให้ผลเหมือนกันถูกมั้ครับแต่มันเป็นอย่าง
00:03:50 → 00:03:52 นั้นหรือเปล่ามาดูข้อมูลเปรียบเทียบกัน
00:03:52 → 00:03:56 ครับและดูข้อมูลตรงนี้สิครับชัดเจนมาก
00:03:56 → 00:04:01 เข้าโอกับนัเนี่ยช่วยลด LDL ขนาดเล็กได้
00:04:01 → 00:04:05 แต่ที่น่าแปลกก็คือน้ำมันมะกอกกลับทำไม่
00:04:05 → 00:04:09 ได้และแน่นอนครับอะโวคาโดทำได้นี่คือหลัก
00:04:09 → 00:04:12 ฐานชิ้นสำคัญที่บอกเราว่าเฮ้ยมันไม่ใช่
00:04:13 → 00:04:16 แค่เรื่องของไขมันแล้วล่ะแปลว่าอะไรครับ
00:04:16 → 00:04:18 แปลว่าพลันที่แท้จริงของอะโวคาโดเนี่ยมัน
00:04:18 → 00:04:21 คือการทำงานร่วมกันของทุกอย่างในตัวมัน
00:04:21 → 00:04:24 ครับทั้งไฟเบอร์แล้วก็สารพฤกษเคมีหรือก็
00:04:24 → 00:04:27 คือสารประกอบดีที่มาจากพืชซึ่งมันมาพร้อม
00:04:27 → 00:04:31 กับไขมันดีนั่นเองเอาล่ะครับพอเราจอดลึก
00:04:31 → 00:04:34 ข้อมูลกันมาขนาดนี้แล้วเรามาดูกันดีกว่า
00:04:34 → 00:04:37 ว่าทั้งหมดนี้มันมีความหมายว่ายังไงแล้ว
00:04:37 → 00:04:40 เราจะเอาไปปรับใช้ได้ยังไงบ้างสรุป
00:04:40 → 00:04:42 ประเด็นสำคัญที่ต้องจำให้ขึ้นใจเลยนะครับ
00:04:42 → 00:04:47 ข้อแรกเลยการแทนที่คือหัวใจสำคัญ 2 LDL
00:04:47 → 00:04:50 ที่อันตรายที่สุดคือชนิดเล็กและหนาแน่น
00:04:50 → 00:04:52 และ 3 การเลือกทานอาหารทั้งส่วนแบบ
00:04:52 → 00:04:55 อะโวคาโดเนี่ยให้ประโยชน์สูงสุดครับซึ่ง
00:04:55 → 00:04:58 มันก็ตรงกับข้อสรุปที่ว่ามันมีประโยชน์
00:04:58 → 00:05:00 เพิ่มเติมจากไฟเบอร์และสารพฤกษเคมีใน
00:05:00 → 00:05:03 อาหารจากพืชทั้งส่วนอย่างเช่นอะโวคาโด
00:05:03 → 00:05:05 โอ้โหนี่เป็นข้อความที่ทรงพลังแล้วก็สรุป
00:05:05 → 00:05:08 ทุกอย่างได้ดีมากๆเลยครับและเรื่องนี้ก็
00:05:08 → 00:05:11 ทิ้งท้ายคำถามที่น่าสนใจไว้นะครับว่านอก
00:05:11 → 00:05:13 จากอะโวคาโดแล้วเนี่ยมันจะมียังมีอาหาร
00:05:13 → 00:05:16 จากธรรมชาติชนิดอื่นๆอีกมั้นะที่อาจจะ
00:05:16 → 00:05:18 กำลังซ่อนประโยชน์ที่ซับซ้อนแล้วก็น่า
00:05:18 → 00:05:22 ทึ่งแบบนี้เอาไว้รอให้เราไปค้นพบกันต่อไป
00:05:22 → 00:05:24 ครับ
00:05:24 → 00:05:27 >> สวัสดีครับกลับมาเจาะลึกประเด็นสุขภาพกับ
00:05:27 → 00:05:30 เราอีกครั้งนะครับวันนี้เป็นเรื่องผลไม้
00:05:30 → 00:05:34 ที่ฮิตกันมากเลยอะโวคาโดเนี่ยแหละครับที่
00:05:34 → 00:05:37 เราได้ยินบ่อยๆว่าเออกินสิดีต่อใจนะลด
00:05:37 → 00:05:39 คอเลสเตอรอลได้
00:05:39 → 00:05:40 >> ค่ะได้ยินกันหนาหูเลย
00:05:40 → 00:05:44 >> แต่มันจริงแค่ไหนแล้วมันทำงานยังไงกันแน่
00:05:44 → 00:05:46 ลดได้จริงหรือเปล่า
00:05:46 → 00:05:47 >> อืมนั่นสิคะ
00:05:47 → 00:05:49 >> วันนี้เราจะมาคุ้ยข้อมูลกันครับจากงาน
00:05:49 → 00:05:53 วิจัยหลายชิ้นเลยที่นิท nutritionfs.org
00:05:53 → 00:05:54 เรวบรวมไว้
00:05:54 → 00:05:57 >> ใช่ค่ะเราจะไม่ได้แค่บอกว่ามันดีนะคะแต่
00:05:57 → 00:06:01 จะลงลึกไปเลยว่าทำไมอะโวคาโดถึงอาจจะดี
00:06:01 → 00:06:03 กว่าแค่การเปลี่ยนชนิดไขมัน
00:06:03 → 00:06:05 >> หรืออาจจะดีกว่าน้ำมันมะกอกด้วยซ้อมในแง่
00:06:06 → 00:06:08 ของการจัดการกับไขมันตัวที่ร้อยที่สุด
00:06:08 → 00:06:11 >> ค่ะแล้วเหมือนว่ากุญแจสำคัญอาจจะอยู่ที่
00:06:11 → 00:06:13 การกินทั้งผลของมันด้วย
00:06:13 → 00:06:16 >> น่าสนใจมากครับงั้นเป้าหมายวันนี้ของเรา
00:06:16 → 00:06:17 คือ
00:06:17 → 00:06:19 >> คือทำความเข้าใจผลของอะโวคาโดต่อ
00:06:19 → 00:06:22 คอเลสเตอรอลโดยเฉพาะ LDL หรือที่เรียก
00:06:22 → 00:06:24 เรียกกันว่าไขมันเลว
00:06:24 → 00:06:24 >> ครับผม
00:06:24 → 00:06:27 >> แต่ประเด็นคือ LDL เองเนี่ยมันก็ไม่ได้
00:06:27 → 00:06:30 เหมือนกันหมดนะคะงานวิชัยหลังๆพบว่ามันมี
00:06:30 → 00:06:33 ชนิดย่อยๆที่ขนาดต่างกันความหนาแน่นต่าง
00:06:33 → 00:06:34 กัน
00:06:34 → 00:06:35 >> อ้าวมีแบบนั้นด้วย
00:06:35 → 00:06:39 >> ค่ะซึ่งมันก็เสี่ยงต่อโรคหัวใจไม่เท่ากัน
00:06:39 → 00:06:39 ด้วย
00:06:40 → 00:06:43 >> โหฟังดูซับซ้อนขึ้นไปเองนะครับงั้นคำถาม
00:06:43 → 00:06:47 ที่เราจะหาคำตอบกันนี้คือAVโวคาโดช่วยลด
00:06:47 → 00:06:49 LDL ได้จริงมย
00:06:49 → 00:06:49 >> ค่ะ
00:06:49 → 00:06:53 >> แล้ว LDL ที่ว่ามีหลายแบบมันเป็นยังไงแบบ
00:06:53 → 00:06:54 ไหนร้ายสุด
00:06:54 → 00:06:55 >> ใช่ค่ะ
00:06:55 → 00:06:58 >> และสำคัญเลยอะโวคาโดเนี่ยมันไปยุ่งเกี่ยว
00:06:58 → 00:07:01 กับ LDL ตัวร้ายที่สุดนั่นได้ยังไง
00:07:01 → 00:07:03 >> เรามาหาคำตอบกันค่ะ
00:07:03 → 00:07:04 >> ลุยกันเลยครับ
00:07:04 → 00:07:06 >> โอเคค่ะเริ่มจากจุดที่ต้องเคลียร์กันก่อน
00:07:06 → 00:07:09 เลยเวลาเราได้ยินว่าอะโวคาโดช่วยลด
00:07:09 → 00:07:11 คอเลสเตอรอลเนี่ยส่วนใหญ่มันมาจากการ
00:07:11 → 00:07:15 ศึกษาที่เรียกว่าการทดลองแบบทดแทนน่ะค่ะ
00:07:15 → 00:07:17 >> การทดลองแบบทดแทนคือยังไงนะครับ
00:07:17 → 00:07:21 >> ก็คือการศึกษาที่ให้คนกินอะโวคาโดแทนที่
00:07:21 → 00:07:23 ไขมันชนิดอื่นในอาหารน่ะค่ะ
00:07:23 → 00:07:24 >> อ๋อแทนที่
00:07:24 → 00:07:28 >> ใช่ค่ะโดยเฉพาะไขมันอิ่มตัวจากสัตว์อย่าง
00:07:28 → 00:07:31 พวกนมเนยเนื้อแดงเนื้อสัตว์ปีกอะไรพวก
00:07:31 → 00:07:33 เนี้ยที่เป็นแหล่งไขมันอิ่มตัวหลักๆใน
00:07:34 → 00:07:35 อาหารฝรั่งเขา
00:07:35 → 00:07:35 >> ครับ
00:07:35 → 00:07:38 >> พอเอาไขมันกลุ่มนี้ออกแล้วใส่อะโวคาโด
00:07:38 → 00:07:41 ซึ่งไขมันส่วนใหญ่เป็นแบบไม่อิ่มตัวเชิง
00:07:41 → 00:07:44 เดี่ยวเข้าไปแทนที่ระดับคอเลสเตอรอลรวม
00:07:44 → 00:07:47 กับ LDL โดยรวมมันก็มักจะลดลง
00:07:47 → 00:07:48 >> อ๋อ
00:07:48 → 00:07:52 >> ซึ่งก็ make sense นะคะเพราะว่าเราลดตัว
00:07:52 → 00:07:55 ที่รู้กันว่าเพิ่มคอเลสเตอรอลลงไป
00:07:55 → 00:07:57 >> เข้าใจแล้วครับหมายความว่าประโยชน์ที่
00:07:57 → 00:08:00 เห็นเนี่ยมันไม่ใช่แค่การเติมอะโวคาโด
00:08:00 → 00:08:02 เข้าไปดื้อๆในอาหารปกติที่เรากิน
00:08:02 → 00:08:03 >> ถูกต้องค่ะ
00:08:03 → 00:08:06 >> แต่มันคือการเอาไขมันสัตว์ออกแล้วเอา
00:08:06 → 00:08:07 อะโวคาโดใส่แทน
00:08:07 → 00:08:10 >> ตรงประเด็นเลยค่ะมีงานวิจัยที่ชี้ชัดเลย
00:08:10 → 00:08:15 ว่าถ้าเรายังกินเหมือนเดิมเป๊ะๆเลยนะแล้ว
00:08:15 → 00:08:17 แค่กินอะโวคาโดเพิ่มเข้าไป
00:08:17 → 00:08:17 >> ครับ
00:08:17 → 00:08:21 >> โดยไม่ได้ลดไขมันสัตว์หรือลดอย่างอื่นลง
00:08:21 → 00:08:24 เลยเอ่อระดับคอเลสเตอรอลแทบไม่เปลี่ยนเลย
00:08:24 → 00:08:24 ค่ะ
00:08:24 → 00:08:26 >> อ้าเหรอครับ
00:08:26 → 00:08:29 >> แต่ถ้าลดไขมันสัตว์ลงแล้วเพิ่มอะโวคาโด
00:08:29 → 00:08:32 เข้าไปแทนอันเนี้ยคอเลสเตอรอลลดจริง
00:08:32 → 00:08:33 >> ครับ
00:08:33 → 00:08:37 >> แต่ผลที่ได้ก็อาจจะอาจจะไม่ได้ต่างกันมาก
00:08:37 → 00:08:39 กับการแค่ลดไขมันสัตว์ลงอย่างเดียวในแง่
00:08:39 → 00:08:41 ของการลดคอเลสเตอรอลรวมนะคะ
00:08:41 → 00:08:43 >> อ๋อโอเคเข้าใจประเด็นเรื่องการทดแทนแล้ว
00:08:43 → 00:08:46 ครับแสดงว่าบริบทเนี่ยสำคัญมากเลย
00:08:46 → 00:08:46 >> ใช่ค่ะ
00:08:46 → 00:08:49 >> แล้วจะถ้าเป็นในกลุ่มคนที่ไม่กินเนื้อ
00:08:49 → 00:08:52 สัตว์อยู่แล้วล่ะครับอย่างผู้มังสวีรัตน์
00:08:52 → 00:08:54 เนี่ยการเพิ่มอะโวคาโดเข้าไปมันจะยังให้
00:08:54 → 00:08:55 ผลต่างกันมั้ยครับ
00:08:55 → 00:08:58 >> เป็นคำถามที่ดีมากค่ะมีการศึกษานึงน่าสน
00:08:58 → 00:09:01 ใจทำในกลุ่มคนที่คอเลสเตอรอลสูงปรี๊ดเลย
00:09:01 → 00:09:05 นะคะประมาณ 300 มลกรัต่อเดซิลิต
00:09:05 → 00:09:06 >> โหสูงมาก
00:09:06 → 00:09:09 >> ค่ะเขาให้คนกลุ่มนี้เปลี่ยนมากินอาหาร
00:09:09 → 00:09:11 มังสวีรัตน์ทั้งหมดเลยแล้วก็แบ่งเป็น 2
00:09:12 → 00:09:13 กลุ่มย่อยเทียบกัน
00:09:13 → 00:09:14 >> เทียบยังไงครับ
00:09:14 → 00:09:17 >> กลุ่มแรกเนี่ยกินมังสวีรัแบบค่อนข้าง
00:09:17 → 00:09:20 จำกัดไขมันคือไขมันอยู่ที่ประมาณ 20% ของ
00:09:20 → 00:09:21 แคลอรี่รวม
00:09:21 → 00:09:22 >> อืมครับ
00:09:22 → 00:09:25 >> ส่วนกลุ่ม 2 ก็กินมังสวีทัเหมือนกันแต่
00:09:26 → 00:09:27 เพิ่มอะโวคาโดเข้าไปด้วย
00:09:27 → 00:09:28 >> อ๋อ
00:09:28 → 00:09:31 >> ทำให้สัดส่วนไขมันโดยรวมสูงขึ้นมาหน่อย
00:09:31 → 00:09:34 อยู่ที่ประมาณ 30% ของแคลอรี่ซึ่งก็ใกล้
00:09:34 → 00:09:36 เคียงระดับที่แนะนำกันทั่วไป
00:09:36 → 00:09:39 >> แล้วผลเป็นไงครับกลุ่มที่เพิ่มอะโวคาโด
00:09:39 → 00:09:41 นี่ต่างมย
00:09:41 → 00:09:44 >> ผลคือการเปลี่ยนมากินมังสวีรัสอย่างเดียว
00:09:44 → 00:09:46 กลุ่มแรกเนี่ยก็ช่วยลด LDL ได้ดีอยู่แล้ว
00:09:46 → 00:09:47 นะคะ
00:09:47 → 00:09:47 >> ครับ
00:09:48 → 00:09:50 >> แต่กลุ่มที่กินมังสวีรัตน์แล้วก็เพิ่ม
00:09:50 → 00:09:53 อะโวคาโดเข้าไปด้วยกลุ่ม 2 อ่ะค่ะพบว่า
00:09:53 → 00:09:56 ระดับ LDL ลดลงมากกว่ากลุ่มแรกอย่างมี
00:09:56 → 00:09:58 นัยยะสำคัญทางสถิติเลย
00:09:58 → 00:10:02 >> โหอันนี้น่าสนใจมากแสดงว่าแม้แต่คนที่ไม่
00:10:02 → 00:10:05 กินไขมันสัตว์อยู่แล้วการเพิ่มอะโวคาโด
00:10:05 → 00:10:07 เข้าไปก็ยังให้ประโยชน์เพิ่มได้อีกในการ
00:10:07 → 00:10:09 ลด LDL
00:10:09 → 00:10:09 >> ใช่ค่ะ
00:10:09 → 00:10:12 >> ไม่ใช่แค่ผลจากการเอาไขมันสัตว์ออกอย่าง
00:10:12 → 00:10:12 เดียว
00:10:12 → 00:10:14 >> ถูกต้องค่ะ
00:10:14 → 00:10:16 >> แบบนี้มันบอกอะไรเราเกี่ยวกับอะโวคาโด
00:10:16 → 00:10:19 ครับหรือว่ามันมีอะไรพิเศษในตัวมันเอง
00:10:19 → 00:10:21 ก่อนจะไปเรื่องชนิด LDL เนี่ยครับ
00:10:21 → 00:10:24 >> เป็นข้อสังเกตที่ดีมากค่ะตอนนั้นผู้วิจัย
00:10:24 → 00:10:27 เขาก็ตั้งข้อสังเกตนะคะว่าอะโวคาโดอาจจะ
00:10:27 → 00:10:30 มีสารประกอบบางอย่างนอกเหนือจากไขมันที่
00:10:30 → 00:10:33 มันมีผลดีต่อการจัดการ LDL
00:10:33 → 00:10:34 >> อืม
00:10:34 → 00:10:37 >> ซึ่งก็นำเราไปสู่ประเด็นถัดไปพอดีเลยค่ะ
00:10:37 → 00:10:39 คือเรื่องชนิดย่อยของ LDL นี้ล่ะค่ะว่า
00:10:39 → 00:10:40 มันต่างกันยังไง
00:10:41 → 00:10:45 >> ครับเคยได้ยินมาเหมือนกันว่า LDL หรือไข
00:10:45 → 00:10:48 มันเลวเนี่ยเอ่อมันไม่ได้เลวเท่ากันทุก
00:10:48 → 00:10:50 ตัวมันมีตัวที่อันตรายเป็นพิเศษด้วยเหรอ
00:10:51 → 00:10:51 ครับ
00:10:51 → 00:10:54 >> ใช่เลยค่ะ LDL ทั้งหมดโดยรวมก็ถือว่าไม่
00:10:54 → 00:10:57 ดีต่อหลอดเลือดแหละค่ะแต่ถ้าซูมเข้าไปดู
00:10:57 → 00:11:00 ละเอียดๆที่ขนาดกับความหนาแน่นของอนุภาค
00:11:00 → 00:11:03 มันเนี่ยจะพบว่ามันต่างกันลองนึกภาพตามนะ
00:11:03 → 00:11:08 คะมี 2 แมพหลักๆที่เขาสนใจกันคือ 1 LDL
00:11:08 → 00:11:11 ชนิดใหญ่และ full large Fluffy LDL
00:11:11 → 00:11:13 พวกนี้ก็เพิ่มความเสี่ยงโรคหัวใจเหมือน
00:11:13 → 00:11:16 กันค่ะข้อมูลบอกว่าประมาณ 31%
00:11:16 → 00:11:16 >> อื
00:11:16 → 00:11:19 >> 2 LDL L ชนิดเล็กและหนาแน่น Small
00:11:19 → 00:11:23 dense LDL แบบนี้อันตรายยิ่งกว่าค่ะถือ
00:11:23 → 00:11:25 เป็นชนิดที่แบบ Worst of the worst
00:11:25 → 00:11:26 เลย
00:11:26 → 00:11:29 >> ทำไมตัวเล็กถึงร้ายกว่าตัวใหญ่ล่ะครับมัน
00:11:29 → 00:11:30 น่าจะแทรกซึมยากกว่าหรือเปล่า
00:11:31 → 00:11:33 >> โอ้กลับกันเลยค่ะลองนึกภาพ LDL ตัวใหญ่
00:11:33 → 00:11:36 เหมือนลูกบอลชายหาดน่ะค่ะมันเด้งไปเด้งมา
00:11:36 → 00:11:38 อาจจะกระแทกผนังหลอดเลือดบ้าง
00:11:38 → 00:11:39 >> ครับ
00:11:39 → 00:11:41 >> แต่เจ้า LDL ตัวเล็กจิ๋วแต่หนาแน่นนี่สิ
00:11:41 → 00:11:44 คะเหมือนลูกดอกเล็กๆคมๆที่มันพร้อมจะแทก
00:11:44 → 00:11:47 ซึมเข้าไปในผนังหลอดเลือดได้ง่ายกว่ามาก
00:11:47 → 00:11:48 >> อือ๋อเข้าใจละ
00:11:48 → 00:11:50 >> ค่ะมันเข้าไปแล้วก็ไปก่อปฏิกิริยา
00:11:50 → 00:11:54 ออกซิเดชัเกิดการอักเสบสะสมเป็นพลักหรือ
00:11:54 → 00:11:56 คราบไขมันได้ง่ายกว่าเยอะเลย
00:11:56 → 00:11:57 >> ครับ
00:11:57 → 00:11:59 >> ก็เลยทำให้เสี่ยงต่อการอุดตันเสี่ยงโรค
00:11:59 → 00:12:00 หัวใจสูงขึ้นไปอีก
00:12:00 → 00:12:04 >> เห็นภาพเลยครับลูกดอกเล็กๆนี่เองตัวปัญหา
00:12:04 → 00:12:08 จริงๆแล้วอาหารอื่นๆล่ะครับมีผลกับเจ้า
00:12:08 → 00:12:11 LDL ตัวเล็กนี่มั้ยอย่างพวกข้าวโอ๊ตหรือ
00:12:11 → 00:12:13 ถั่วต่างๆที่เราว่าดีต่อใจนะครับ
00:12:13 → 00:12:16 >> มีข้อมูลสนับสนุนเลยค่ะอย่างการศึกษาที่
00:12:16 → 00:12:19 ให้กินข้าวโอ๊ตหรือรำข้าวโอ๊ตเป็นประจำ
00:12:19 → 00:12:22 เนี่ยพบว่านอกจากจะลด LDL โดยรวมแล้วน่ะ
00:12:22 → 00:12:22 >> ครับ
00:12:23 → 00:12:26 >> ยังสามารถลด LDL ชนิดเล็กและหนาแน่นซึ่ง
00:12:26 → 00:12:28 เป็นตัวอันตรายที่สุดเนี่ยได้อย่างเฉพาะ
00:12:28 → 00:12:29 เจาะจงด้วย
00:12:29 → 00:12:33 >> อ๋อดีเลยครับแล้วพวกถั่วเปลือกแข็งอย่าง
00:12:33 → 00:12:34 วอนัเหรอครับ
00:12:34 → 00:12:38 >> คล้ายๆกันค่ะการเพิ่มวอนัเข้าไปในอาหาร
00:12:38 → 00:12:41 โดยเฉพาะอาหารไขมันต่ำนะคะก็มีรายงานว่า
00:12:41 → 00:12:44 ช่วยลด LDL โดยรวมแล้วก็ปรับการกระจายตัว
00:12:44 → 00:12:47 ของขนาด LDL ให้มันดีขึ้นดีขึ้นยังไงนะ
00:12:47 → 00:12:47 ครับ
00:12:47 → 00:12:50 >> คือลดสัดส่วนของ LDL ชนิดเล็กและหนาแน่น
00:12:50 → 00:12:51 ลงน่ะค่ะ
00:12:51 → 00:12:54 >> อ๋อเข้าใจครับข้อมูลนี้ทำให้เห็นภาพชัด
00:12:54 → 00:12:57 ขึ้นเลยแสดงว่าพวกอาหารจากพืชที่ไม่ขัดสี
00:12:57 → 00:13:01 มีไฟเบอร์สูงๆหรือพวกถั่วต่างๆนี่น่าจะมี
00:13:01 → 00:13:05 บทบาทกับขนาดของ LDL ด้วยไม่ใช่แค่ลด
00:13:05 → 00:13:06 ปริมาณรวมอย่างเดียว
00:13:06 → 00:13:09 >> เป็นแบบนั้นเลยค่ะมีการศึกษาที่น่าทึ่ง
00:13:09 → 00:13:11 มากๆที่ให้คนกินอาหารเน้นพืชเป็นหลัก
00:13:11 → 00:13:14 plant เบรกที่ไฟเบอร์สูงมากแล้วก็มีถั่ว
00:13:14 → 00:13:16 ต่างๆด้วยนะค่ะ
00:13:16 → 00:13:16 >> ครับ
00:13:16 → 00:13:20 >> พบว่าสามารถลด LDL ลงได้มากถึง 30%
00:13:20 → 00:13:21 >> 30%
00:13:22 → 00:13:25 >> ใช่ค่ะซึ่งมันเทียบเคียงได้กับผลของยาลด
00:13:25 → 00:13:27 ไขมันกลุ่มสตีนบางตัวเลยนะ
00:13:27 → 00:13:29 >> โอ้โหไม่ธรรมดาเลยนะครับนั่น
00:13:29 → 00:13:32 >> และที่สำคัญคือการลดลงเนี่ยมันรวมถึงการ
00:13:32 → 00:13:35 ลดลงของ LDL ชนิดเล็กและหนาแน่นด้วย
00:13:35 → 00:13:39 >> สุดยอดครับแต่เดี๋ยวสิครับถ้าพูดถึงไขมัน
00:13:39 → 00:13:42 ดีคนมักจะนึกถึงน้ำมันมะกอก extra
00:13:42 → 00:13:43 เวอร์จinด้วย
00:13:43 → 00:13:43 >> ค่ะ
00:13:43 → 00:13:46 >> มันก็น่าจะมีผลคล้ายๆกับถั่วหรือเปล่า
00:13:46 → 00:13:48 ครับเพราะก็เป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดียว
00:13:48 → 00:13:49 เหมือนกัน
00:13:49 → 00:13:52 >> อ่านี่เป็นจุดที่น่าสนใจมากค่ะมีการศึกษา
00:13:52 → 00:13:55 ใหญ่ที่มีชื่อเสียงชื่อ predimate
00:13:55 → 00:13:56 >> ครับเคยได้ยินชื่ออยู่
00:13:56 → 00:13:59 >> ค่ะเขาเปรียบเทียบผลของการเสริมอาหารด้วย
00:13:59 → 00:14:02 ถั่วเปลือกแข็งผสมผสมกันกับการเสริมด้วย
00:14:02 → 00:14:04 น้ำมันมะกอก extra เวอร์จิในกลุ่มคนที่มี
00:14:04 → 00:14:06 ความเสี่ยงโรคหัวใจสูง
00:14:06 → 00:14:08 >> ครับแล้วไงต่อครับ
00:14:08 → 00:14:10 >> ผลปรากฏว่ากลุ่มที่ได้ถั่วเพิ่มเข้าไปน่ะ
00:14:10 → 00:14:14 ค่ะมีระดับ LDL ชนิดเล็กและหนาแน่นลดลง
00:14:14 → 00:14:15 อย่างชัดเจนเลย
00:14:15 → 00:14:17 >> อืดีเลย
00:14:17 → 00:14:19 >> แต่ในกลุ่มที่ได้น้ำมันมะกอก extra
00:14:19 → 00:14:23 เวอร์จinเพิ่มเข้าไปกลับไม่พบการลดลงของ
00:14:23 → 00:14:25 LDL ชนิดเล็กและหนาแน่นนี้เลยค่ะ
00:14:25 → 00:14:30 >> ะจริงเหรอครับแปลกจังนึกว่าจะเหมือนกันซะ
00:14:30 → 00:14:32 อีกเพราะเป็นไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
00:14:32 → 00:14:34 เหมือนกันแท้ๆเลยนะ
00:14:34 → 00:14:37 >> จริงค่ะผลนี้มันบอกเราเป็นนัยยะๆะว่า
00:14:37 → 00:14:40 ประโยชน์ในการจัดการกับเจ้า LDL ตัวร้าย
00:14:40 → 00:14:43 ที่สุดเนี่ยมันอาจจะไม่ได้มาจากแค่ชนิด
00:14:43 → 00:14:46 ของไขมันหรือ monaturated fat อย่าง
00:14:46 → 00:14:47 เดียว
00:14:47 → 00:14:47 >> ครับ
00:14:47 → 00:14:50 >> แต่น่าจะมีส่วนประกอบอื่นที่อยู่ในถั่ว
00:14:50 → 00:14:54 ทั้งเมล็ดซึ่งอาจจะหายไปหรือมีน้อยในน้ำ
00:14:54 → 00:14:55 มันที่สกัดออกมา
00:14:55 → 00:14:57 >> อ๋อ
00:14:57 → 00:14:59 >> ค่ะไอ้ส่วนประกอบอื่นนี่แหละที่อาจจะเป็น
00:14:59 → 00:15:02 ตัวการสำคัญที่ให้ผลดีตรงนี้
00:15:02 → 00:15:04 >> ประเด็นนี้น่าคิดมากเลยครับมันซับซ้อน
00:15:04 → 00:15:08 กว่าแค่ดูชนิดไขมันจริงๆด้วยทีนี้กลับมา
00:15:08 → 00:15:10 ที่พระเอกของเราอะโวคาโดครับ
00:15:10 → 00:15:10 >> ค่ะ
00:15:10 → 00:15:14 >> มันมีส่วนประกอบอื่นที่ว่านี่เหมือนถั่ว
00:15:14 → 00:15:17 มั้ยแล้วมันมีผลกับขนาด LDL ยังไงบ้าง
00:15:17 → 00:15:20 ครับมีงานวิจัยที่ออกแบบมาดูเรื่องนี้ตรง
00:15:20 → 00:15:21 ๆเลยมั้ครับ
00:15:21 → 00:15:24 >> วิจัยชิ้นสำคัญมากเขาเรียกว่าเป็นการทด
00:15:24 → 00:15:27 ลองแบบสุ่มควบคุมด้านอาหารครั้งแรก First
00:15:27 → 00:15:29 Randomized Controlled Feeding Trial
00:15:29 → 00:15:31 >> โอ้ RCT เลย
00:15:31 → 00:15:34 >> ใช่ค่ะที่ออกแบบมาเพื่อศึกษาของอะโวคาโด
00:15:35 → 00:15:38 ต่อขนาดและจำนวนอนุภาคของ LDL โดยตรงเลย
00:15:38 → 00:15:41 ซึ่งการทดลองแบบ RCT เนี่ยถือเป็น Gold
00:15:41 → 00:15:44 Standard หรือมาตรฐานทองคำของการวิจัย
00:15:44 → 00:15:47 คลินิกเลยนะคะมันรัดกุมลดอคติผลน่าเชื่อ
00:15:47 → 00:15:48 ถือมาก
00:15:48 → 00:15:51 >> เยี่ยมเลยครับน่าเชื่อถือสูงแบบนี้เขาทด
00:15:51 → 00:15:53 ลองยังไงครับเล่าให้ฟังหน่อย
00:15:53 → 00:15:56 >> นักวิจัยเขาให้ผู้เข้าร่วมทุกคนลดการกิน
00:15:56 → 00:15:58 ไขมันอิ่มตัวจากสัตว์ลงก่อนนะคะ
00:15:58 → 00:16:00 >> ครับลดเหมือนกันหมด
00:16:00 → 00:16:03 >> ใช่ค่ะจากนั้นก็แบ่งคนออกเป็น 3 กลุ่ม
00:16:03 → 00:16:05 แล้วให้พลังงานส่วนที่หายไปจากไขมันสัตว์
00:16:05 → 00:16:09 เนี่ยคืนกลับมาในรูปแบบที่ต่างกันคือ 1
00:16:09 → 00:16:12 กลุ่มแรกแทนที่ด้วยคาร์โบไฮเดรตก็คือเป็น
00:16:12 → 00:16:13 อาหารไขมันต่ำ
00:16:13 → 00:16:13 ครับ
00:16:13 → 00:16:17 >> 2 กลุ่ม 2 แทนที่ด้วยอะโวคาโดทั้งผลวัน
00:16:17 → 00:16:19 ละ 1 ผลเลยผลเลยนะ
00:16:19 → 00:16:22 >> ใช่ค่ะทั้งผลและ 3 กลุ่ม 3 แทนที่ด้วยน้ำ
00:16:22 → 00:16:25 มันพืชหลายชนิดผสมกันมีทั้งน้ำมันดอกทาน
00:16:25 → 00:16:27 ตะวันโนลามะกอกอะไรพวกนี้ค่ะ
00:16:28 → 00:16:30 >> อ๋อผสมเพื่อให้ได้อะไรครับ
00:16:30 → 00:16:33 >> เพื่อให้ได้สัดส่วนกรดไขมันชนิดต่างๆน่ะ
00:16:33 → 00:16:35 ค่ะทั้งไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวเชิง
00:16:35 → 00:16:38 ซ้อนให้มันใกล้เคียงกับที่มีในอะโวคาโด
00:16:38 → 00:16:39 มากที่สุด
00:16:39 → 00:16:44 >> อ๋อออเข้าใจละกลุ่ม 3 นี่คือเหมือนได้ไข
00:16:44 → 00:16:46 มันชนิดเดียวกับอะโวคาโดแต่ไม่ได้กิน
00:16:46 → 00:16:49 เนื้อไม่ได้กินส่วนอื่นของอะโวคาโดจริงๆ
00:16:50 → 00:16:50 >> ใช่เลยค่ะ
00:16:50 → 00:16:53 >> เพื่อจะดูว่าผลต่างกันมระหว่างได้สาร
00:16:53 → 00:16:57 อาหารครอบๆในอะโวคาโดกับได้แค่ไขมันที่
00:16:57 → 00:16:58 คล้ายกัน
00:16:58 → 00:17:01 >> ถูกต้องค่ะเป็นการออกแบบที่ฉลาดมากเพื่อ
00:17:01 → 00:17:05 จะแยกผลขององค์ประกอบรวมในอะโวคาโดออกจาก
00:17:05 → 00:17:07 ผลของชนิดไขมันอย่างเดียว
00:17:07 → 00:17:10 >> สุดยอดแล้วผลเป็นไงครับลุ้นเลย
00:17:10 → 00:17:12 >> ผลออกมาน่าสนใจมากค่ะอย่าอย่างแรกเลยนะ
00:17:13 → 00:17:15 ทุกกลุ่มที่ลดไขมันอิ่มตัวลงไม่ว่าจะแทน
00:17:15 → 00:17:16 ด้วยอะไรก็ตาม
00:17:16 → 00:17:17 >> ครับ
00:17:17 → 00:17:20 >> มีระดับ LDL โดยรวมลดลงหมดเลยอันนี้ก็ตรง
00:17:20 → 00:17:21 ไปตรงมาตามที่คาด
00:17:22 → 00:17:24 >> ครับผมแล้วเรื่องขนาดของ LDL ที่เราอยาก
00:17:24 → 00:17:25 รู้ล่ะครับ
00:17:25 → 00:17:28 >> ตรงนี้ล่ะค่ะไฮไลท์เลยทุกกลุ่มสามารถลด
00:17:28 → 00:17:32 LDL ชนิดใหญ่และ full large LDL ลงได้
00:17:32 → 00:17:32 พอๆกันหมด
00:17:32 → 00:17:33 >> อื
00:17:33 → 00:17:36 >> แต่มีเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่ให้ผลแตก
00:17:36 → 00:17:38 ต่างและดีกว่าอย่างชัดเจนเลย
00:17:38 → 00:17:39 >> กลุ่มไหนครับ
00:17:39 → 00:17:43 >> คือกลุ่มที่แทนที่ไขมันสัตว์ด้วยอะโวคาโด
00:17:43 → 00:17:43 ทั้งผลค่ะ
00:17:43 → 00:17:47 >> โหกลุ่มนี้เป็นกลุ่มเดียวที่สามารถลด
00:17:47 → 00:17:50 จำนวนอนุภาคของ LDL ชนิดเล็กและหนาแน่น
00:17:50 → 00:17:53 Small dense LDL ซึ่งเป็นชนิดที่
00:17:53 → 00:17:56 อันตรายที่สุดเนี่ยลงไปได้อย่างมีนัยยะ
00:17:56 → 00:17:57 สำคัญ
00:17:57 → 00:18:00 >> โอ้โหจริงหรอครับเนี่ยหมายความว่ากลุ่ม
00:18:00 → 00:18:04 ที่กินอะโวคาโดทั้งผลลดได้ทั้ง LDL ตัว
00:18:04 → 00:18:07 ใหญ่แล้วก็ลดจำนวน LDL ตัวเล็กจิ๋วตัว
00:18:07 → 00:18:08 ร้ายได้ด้วย
00:18:08 → 00:18:08 >> ใช่ค่ะ
00:18:08 → 00:18:11 >> ในขณะที่กลุ่มที่กินคาร์โบไฮเดรตแทน
00:18:11 → 00:18:14 หรือกินแค่น้ำมันพืชสุดเลียนแบบไขมัน
00:18:14 → 00:18:16 อะโวคาโดกลับลดได้แค่ตัวใหญ่แต่ลดตัวเล็ก
00:18:16 → 00:18:17 ไม่ได้
00:18:17 → 00:18:21 >> ถูกต้องเป๊ะเลยค่ะและการลดลงของ LDL ชนิด
00:18:21 → 00:18:23 เล็กและหนาแน่นในกลุ่มอะโวคาโดนี่เองที่
00:18:23 → 00:18:25 เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ระดับ LDL โดยรวม
00:18:25 → 00:18:28 ของกลุ่มนี้ลดลงมากกว่ากลุ่มอื่นๆด้วยใน
00:18:28 → 00:18:29 การศึกษานี้
00:18:29 → 00:18:30 >> โอ้โห
00:18:30 → 00:18:33 >> ถือเป็นประโยชน์ส่วนเพิ่มที่สำคัญมากๆเลย
00:18:33 → 00:18:35 >> สุดยอดเลยค่ะข้อมูลนี้เปลี่ยนมุมมองไป
00:18:35 → 00:18:38 เยอะเลยแสดงว่าคุณประโยชน์ของอะโวคาโดใน
00:18:38 → 00:18:40 การจัดการกับ LDL ตัวร้ายเนี่ยมันไม่ใช่
00:18:40 → 00:18:42 แค่เรื่องการแทนที่ไขมันอิ่มตัวด้วยไขมัน
00:18:43 → 00:18:44 ไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว
00:18:44 → 00:18:46 >> อืไม่ใช่แค่แทนด้วยคาร์โบไฮเดรตแต่มัน
00:18:46 → 00:18:49 ต้องมีอะไรบางอย่างในตัวเนื้ออะโวคาโดเอง
00:18:49 → 00:18:50 จริงๆ
00:18:50 → 00:18:53 >> เป็นข้อสรุปที่สมเหตุสมผลมากค่ะงานวิจัย
00:18:53 → 00:18:55 นี้ชี้ให้เห็นชัดเลยว่าประโยชน์เพิ่มเติม
00:18:55 → 00:18:59 ในการลด LDL ชนิดเล็กและหนาแน่นเนี่ยน่า
00:18:59 → 00:19:02 จะมาจากส่วนประกอบอื่นๆที่ไม่ใช่แค่ไขมัน
00:19:02 → 00:19:02 >> ครับ
00:19:02 → 00:19:08 >> นั่นก็คือใยอาหารแล้วก็สารพฤกษมีไฟทน
00:19:08 → 00:19:10 >> ต่างๆที่มีอยู่เยอะมากในตัวอะโวคาโด
00:19:11 → 00:19:12 >> สารพฤกษเคมี
00:19:12 → 00:19:15 >> ค่ะพวกสารประกอบตามธรรมชาติในพืชที่ให้
00:19:15 → 00:19:18 ประโยชน์ต่อสุขภาพนะคะซึ่งสารเหล่านี้มัน
00:19:18 → 00:19:21 ทำงานร่วมกันในรูปแบบของอาหารจากพืชทั้ง
00:19:21 → 00:19:23 ผล Whole plant food
00:19:24 → 00:19:25 >> อ๋อ
00:19:25 → 00:19:27 >> อย่างอะโวคาโดเนี่ยก็เลยให้ผลลัพธ์ที่ดี
00:19:27 → 00:19:29 กว่าการกินแค่น้ำมันพืชสกัดหรือ
00:19:29 → 00:19:31 คาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว
00:19:31 → 00:19:34 >> ชัดเจนเลยครับการกินทั้งผลดูเหมือนจะเป็น
00:19:34 → 00:19:37 คีย์เวิร์ดสำคัญจริงๆได้ประโยชน์ครบถ้วน
00:19:37 → 00:19:37 กว่า
00:19:37 → 00:19:38 >> ใช่ค่ะ
00:19:38 → 00:19:40 >> ทีนี้มีข้อมูลอื่นเกี่ยวกับอะโวคาโดที่
00:19:41 → 00:19:43 น่าสนใจอีกไหมครับนอกจากเรื่อง LDL
00:19:43 → 00:19:46 >> มีอีกเล็กน้อยค่ะเป็นงานวิจัยสั้นๆที่
00:19:46 → 00:19:49 ศึกษาในหลอดทดลองกับสัตว์ทดลองนะคะเขาไม่
00:19:49 → 00:19:53 ได้ให้กินอะโวคาโดโดยตรงแต่ลองใช้สารสกัด
00:19:53 → 00:19:54 จากอะโวคาโด
00:19:54 → 00:19:55 >> สารสกัด
00:19:55 → 00:19:56 >> เขาดูอะไรครับนั่น
00:19:56 → 00:19:59 >> เาดูว่าจะช่วยลดการเกิดสารประกอบตัวนึง
00:20:00 → 00:20:03 ที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ชื่อว่าoอกidizerol
00:20:03 → 00:20:05 >> Oxidiz Cholesterol
00:20:05 → 00:20:07 >> ค่ะมันเป็นสารที่เกิดขึ้นเวลาคอเลสเตอรอล
00:20:08 → 00:20:11 ในเนื้อสัตว์เจอกับความร้อนอากาศหรือแสง
00:20:11 → 00:20:14 สารกลุ่ม COP เนี่ยเขาเชื่อมโยงว่ามัน
00:20:14 → 00:20:16 เป็นพิษต่อเซลล์อาจจะก่อมะเร็งแล้วก็เร่ง
00:20:16 → 00:20:18 ให้หลอดเลือดแข็งตัวได้ด้วย
00:20:18 → 00:20:22 >> อืมแล้วผลเป็นไงครับสารสกัดอะโวคาโดช่วย
00:20:22 → 00:20:23 ได้มั้ย
00:20:23 → 00:20:25 >> ผลเบื้องต้นพบว่าการเติมสารสกัดจาก
00:20:25 → 00:20:29 อะโวคาโดลงไปช่วยยับยั้งการเกิดออกซิไดiz
00:20:29 → 00:20:31 คอเลสเตอรอลในเนื้อหมูบดระหว่างการเก็บ
00:20:31 → 00:20:34 และการปรุงอาหารได้ค่ะทำให้มีสารพิษพวก
00:20:34 → 00:20:35 นี้น้อยลง
00:20:35 → 00:20:38 >> ข้อมูลนี้น่าสนใจนะครับแสดงว่าแม้แต่สาร
00:20:38 → 00:20:40 สกัดกัดก็อาจจะมีประโยชน์ในแง่ต้านอนุมูล
00:20:40 → 00:20:42 อิสระได้เหมือนกัน
00:20:42 → 00:20:42 >> ค่ะ
00:20:42 → 00:20:44 >> แต่ก็คงไม่เท่าประโยชน์ที่เราคุยกัน
00:20:44 → 00:20:46 เรื่อง LDL จากการกินทั้งผลใช่มั้ยครับ
00:20:46 → 00:20:49 >> ใช่ค่ะประโยชน์หลักที่เราเน้นย้ำกันวัน
00:20:49 → 00:20:52 นี้โดยเฉพาะเรื่องการลด LDL ชนิดเล็กและ
00:20:52 → 00:20:55 หนาแน่นเนี่ยมาจากการกินอะโวคาโดในรูปแบบ
00:20:55 → 00:20:57 อาหารทั้งผลเลยค่ะ
00:20:57 → 00:21:01 >> โอเคครับข้อมูลวันนี้เข้มข้นแล้วก็ให้มุม
00:21:01 → 00:21:04 มองใหม่ๆเยอะเลยครับพอจะสรุปประเด็นสำคัญ
00:21:04 → 00:21:06 ให้เราเห็นภาพรวมชัดๆอีกทีได้มั้ครับ
00:21:06 → 00:21:11 >> ได้เลยค่ะสรุปใจความสำคัญนะคะ 1 อะโวคาโด
00:21:11 → 00:21:14 ช่วยลดคอเลสเตอรอลได้จริงแต่ผลชัดเจนสุด
00:21:14 → 00:21:17 เมื่อใช้ทดแทนไขมันอิ่มตัวจากสัตว์ใน
00:21:17 → 00:21:20 อาหารไม่ใช่แค่กินเพิ่มเข้าไปเฉยๆ
00:21:20 → 00:21:22 >> ครับข้อแรก
00:21:22 → 00:21:25 >> 2 จุดเด่นที่สำคัญมากๆคืออะโวคาโดเมื่อ
00:21:25 → 00:21:28 กินทั้งผลมีความสามารถพิเศษในการลดจำนวน
00:21:28 → 00:21:32 LDL คอเลสเตอรอลชนิดเล็กและหนาแน่นซึ่ง
00:21:32 → 00:21:34 เป็นตัวที่อันตรายต่อหลอดเลือดที่สุดได้
00:21:34 → 00:21:37 ดีกว่าการแทนที่ด้วยน้ำมันสกัดหรือด้วย
00:21:37 → 00:21:39 คาร์โบไฮเดรตอันนี้คือคีย์เลย
00:21:39 → 00:21:43 >> ใช่ค่ะและ 3 กลไกเบื้องหลังประโยชน์พิเศษ
00:21:43 → 00:21:47 นี้น่าจะมาจากการทำงานร่วมกันหรือของส่วน
00:21:47 → 00:21:50 ประกอบต่างๆในอะโวคาโดช้างผลโดยเฉพาะ
00:21:50 → 00:21:53 ไฟเบอร์กับสารพฤกษเคมีหลากหลายชนิดไม่ใช่
00:21:53 → 00:21:55 แค่ผลจากไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดียวอย่าง
00:21:55 → 00:21:56 เดียว
00:21:56 → 00:21:59 >> ชัดเจนมากครับทำให้เข้าใจเรื่องอะโวคาโด
00:21:59 → 00:22:01 กับคอเลสเตอรอลได้ลึกขึ้นเยอะเลยแล้วก็
00:22:01 → 00:22:04 ต่างจากที่เคยเข้าใจด้วยคือข้อมูลที่ว่า
00:22:04 → 00:22:07 ประโยชน์สูงสุดในการจัดการ LDR ตัวร้ายมา
00:22:07 → 00:22:09 จากอะโวคาโดทั้งผลเนี่ย
00:22:09 → 00:22:09 >> ค่ะ
00:22:09 → 00:22:11 >> เมื่อเทียบกับการใช้น้ำมันสกัดหรือแม้แต่
00:22:11 → 00:22:14 สารสกัดเนี่ยมันทำให้เกิดคำถามชวนคิดส่ง
00:22:14 → 00:22:15 ท้ายนิดนึงนะครับ
00:22:15 → 00:22:16 >> เชิญเลยค่ะ
00:22:16 → 00:22:19 >> การค้นพบแบบเนี้ยมันอาจจะสะท้อนภาพที่
00:22:19 → 00:22:21 ใหญ่กว่านั้นหรือเปล่าครับว่าบางทีการที่
00:22:21 → 00:22:23 เราพยายามแยกส่วนประกอบอาหารออกมาดูทีละ
00:22:23 → 00:22:24 อย่าง
00:22:24 → 00:22:25 >> เออ
00:22:25 → 00:22:28 >> หรือเน้นแค่สารอาหารเดียวหรือสารสกัด
00:22:28 → 00:22:30 เนี่ยมันอาจจะทำให้เราพลาดประโยชน์ที่แท้
00:22:30 → 00:22:34 จริงที่เกิดจากการทำงานร่วมกันของสารต่าง
00:22:34 → 00:22:37 ๆในรูปแบบอาหารทั้งผลหรือFoodดไป
00:22:37 → 00:22:38 >> น่าคิดมากค่ะ
00:22:38 → 00:22:41 >> โดยเฉพาะเรามองหาผลลัพธ์ที่ซัดซ้อนต่อ
00:22:41 → 00:22:43 สุขภาพอย่างการจัดการกับคอเลสเตอรอลชนิด
00:22:43 → 00:22:44 ย่อยๆพวกนี้
00:22:44 → 00:22:45 >> ใช่เลย
00:22:45 → 00:22:48 >> แล้วมันจะมีอาหารจากพืชทั้งผลชนิดอื่นอีก
00:22:48 → 00:22:52 มยที่อาจจะมีฤทธิ์เฉพาะเจาะจงในการลด LDL
00:22:52 → 00:22:54 อนุภาคเล็กๆตัวร้ายกาดนี้ได้คล้ายๆกับที่
00:22:54 → 00:22:55 อะโวาโดทำได้
00:22:55 → 00:22:56 >> อื
00:22:56 → 00:22:59 >> เป็นคำถามที่ทิ้งไว้ให้เราได้คิดกันต่อนะ
00:22:59 → 00:23:02 ครับแล้วก็น่าจะมีการศึกษาเพิ่มเติมใน
00:23:02 → 00:23:03 อนาคตด้วย
00:23:03 → 00:23:05 >> เป็นคำถามที่ยอดเยี่ยมและกระตุ้นให้มอง
00:23:05 → 00:23:09 ภาพรวมจริงๆค่ะแนวคิดเรื่อง Food Energy
00:23:09 → 00:23:11 หรือการที่องค์ประกอบทั้งหมดในอาหารมันทำ
00:23:11 → 00:23:14 งานร่วมกันแล้วให้ผลดีกว่าผลรวมของแต่ละ
00:23:14 → 00:23:15 ส่วนแยกกันเนี่ย
00:23:15 → 00:23:16 >> ครับ
00:23:16 → 00:23:19 >> กำลังเป็นที่สนใจมากขึ้นเรื่อยๆเลยนะคะ
00:23:19 → 00:23:21 และอาจจะเป็นกุญแจสำคัญในการไขความลับ
00:23:21 → 00:23:23 ความสัมพันธ์ระหว่างอาหารกับสุขภาพที่ซับ
00:23:23 → 00:23:25 ซ้อนอีกมากมายเลยทีเดียวค่ะ
00:23:25 → 00:23:27 >> ขอบคุณสำหรับข้อมูลเชิงลึกวันนี้มากเลย
00:23:27 → 00:23:28 ครับ
00:23:28 → 00:23:29 >> ยินดีค่ะ
00:23:29 → 00:23:47 [เพลง]