00:00:00 → 00:00:04 ค่ะสวัสดีครับสวัสดีครับคุณหมอครับก็ท่าน
00:00:04 → 00:00:07 ผู้ฟังรายการทุกท่านนะครับค่ะโอ้โหมี
00:00:07 → 00:00:10 เสียงยินดีเป็นอย่างยิ่งครับเพราะว่าหัว
00:00:10 → 00:00:13 ข้อแต่เราครั้งนี้ก็น่าสนใจรวมถึงของวัน
00:00:13 → 00:00:16 นี้ด้วยแเพราะว่ามีเสียงเรียกร้องมาครับ
00:00:16 → 00:00:19 คุณหมอครับว่าอยากให้คุณหมอกิตติมาคุยอีก
00:00:19 → 00:00:23 คุณหมอคุยสนุกนี่ว่าอย่างงั้นคามรเต็ม
00:00:23 → 00:00:25 แล้วก็จำได้นะคะเวลาสนุกใช่สนุกด้วยได้
00:00:25 → 00:00:28 ความรู้ด้วยครับคุณหมอครับค่ะจะบอกว่าผม
00:00:28 → 00:00:31 คนเดียวไม่ใช่ฮต้องขึ้นอยู่กับผู้ดำเนิน
00:00:31 → 00:00:35 รายการด้วยคุณหมอก็คุณหมอเป็นตัวหลักเลย
00:00:35 → 00:00:38 นะคะเป็นองค์ประกอบหลักของเรานะคะเออ่ะ
00:00:38 → 00:00:42 วันนี้มามาพูดคุยกันเรื่องของการรับ
00:00:42 → 00:00:46 ประทานอาหารการเคี้ยวอาหารคุณหมอมันมี
00:00:46 → 00:00:49 ส่วนช่วยในเรื่องของสุขภาพเราได้ขนาดนั้น
00:00:50 → 00:00:52 เลยเหรอครับคุณหมอครับเริ่มต้นจากแค่การ่
00:00:52 → 00:00:55 ไการเี้ยวอาหารเนี่ยนะฮคุณหมอฮะแค่ไหนถึง
00:00:55 → 00:00:57 เรียกว่าเคี้ยวละเอียดครับนั่นนสิฮะอื
00:00:58 → 00:01:00 จริงๆว่าโจทย์วันนี้เป็นเรื่องที่นสนใจ
00:01:00 → 00:01:03 มากเพราะว่าจริงๆแล้วเนี่ยพอผมเป็นหมอทาง
00:01:03 → 00:01:06 เรือนอาหารเนี่ยนะครับค่ะพูดถึงเราจะพูด
00:01:06 → 00:01:09 ถึงระบบตั้งแต่รอาหารลงมาในช่องปากพูด
00:01:09 → 00:01:13 จริงๆว่ามีคนใขถามผมน้อยมากเลยอ้อผมก็เลย
00:01:13 → 00:01:15 รู้สึกว่าเป็นเรื่องท้าทายจริงๆสำหรับวัน
00:01:15 → 00:01:19 นี้นะครับต้องบอกว่าคิดไม่ถึงใช่มั้ยคะ
00:01:19 → 00:01:22 ว่าจริงๆแล้วคิดไม่ถึงแต่จริงๆน่าหัวข้อ
00:01:22 → 00:01:25 น่าสนใจจริงๆครับทั้งกับผู้ฟังแล้วก็กับ
00:01:25 → 00:01:29 เอ่อตัวผมเองด้วยนะครับอเพราะว่าไม่ค่อย
00:01:29 → 00:01:31 มีโอกาสให้ได้คุยอย่างเงี้กับคนไข้ที่มา
00:01:31 → 00:01:34 ตรวจในชีวิตประจำวันเท่าไหร่นะเพราะว่า
00:01:34 → 00:01:36 อาหารไปถึงท้องแล้วก็เกิดอาการถือว่าพูด
00:01:36 → 00:01:39 จริงๆว่าในช่องปากนี้สำคัญมากอดาแรกของ
00:01:39 → 00:01:44 การการล่อยอาหารเลยนะครับคืออาหารเนี่ยจะ
00:01:44 → 00:01:47 ต้องถูกดุดซึมก่อนจะดูดซึมต้องผ่านการ
00:01:47 → 00:01:49 ย่อยก่อนเพราะว่าอาหารที่เรารับประทาน
00:01:49 → 00:01:53 เนี่ยเป็นโครงสร้างที่เรียกว่าคพกใชไม่
00:01:53 → 00:01:56 ซับซ้อนแล้วก็อ่าเป็นชิ้นเป็นอะไรเงี้ย
00:01:56 → 00:01:58 มันยังไม่สามารถที่จะดูดซึมเข้าร่างกาย
00:01:58 → 00:02:02 ได้นะครับการเคี้ยวอาหารจึงเป็นด่านแรก
00:02:02 → 00:02:05 ของการย่อยปกติการย่อยจะมีการย่อยเชิงกล
00:02:05 → 00:02:10 ก็คือการในช่องปากก็คือการเคี้ยวการการ
00:02:10 → 00:02:13 ที่เราเคี้ยวอาหารจนกระทั่งมันเป็นก้อน
00:02:13 → 00:02:16 แล้วก็พืนลงไปนะครับออาจจะผสมกับน้ำลายใน
00:02:16 → 00:02:19 ปักบ้างขออนุญาตต้องพูดด้วยนิดนึงนะครับ
00:02:19 → 00:02:22 เพราะว่าอ่าจะได้เห็นภาพแล้วก็ค่อยไปเจอ
00:02:22 → 00:02:26 ปกาเคมีในสารน้ำย่อยต่างๆไม่ว่าจะเป็นน้ำ
00:02:26 → 00:02:30 ย่อยจากกระเพาะอาหารเอ่อลำไส้เลเตับอ่อน
00:02:30 → 00:02:34 นะครับรวมถึงการการทำปริญาชีวภาพกับ
00:02:34 → 00:02:37 แบคทีเรียซึ่งวันก่อนเราก็เคยพูดกันไป
00:02:37 → 00:02:40 บ้างแล้วในเรื่องในเรื่องของลำไส้ใช่มั้ย
00:02:40 → 00:02:42 ครับใช่ครับทีนี้การเคี้ยวเนี่ยเมื่อกี้
00:02:42 → 00:02:46 คุณนกกับคุณดิมพูดมาได้ดีมากว่าการเคี้ยว
00:02:46 → 00:02:49 ที่ดีเนี่ยมันควรจะต้องมีการบดอาหารให้
00:02:50 → 00:02:53 ละเอียดทีนี้ถามว่าเท่าไหร่ถึงจะเยอะพุน
00:02:53 → 00:02:55 จริงๆผมก็ประตค้นมาดูนะฮะมันก็ไม่มีค่า
00:02:55 → 00:02:58 ปกติหรือว่าค่าที่เท่าไหร่ถึงจะพอเพราะ
00:02:58 → 00:03:01 ว่ามันขึ้นอยู่กับชนนี้ก่องอาหารด้วยอื
00:03:01 → 00:03:03 ครับยกตัวอย่างเช่นถ้าเราเคี้ยวอาหาร
00:03:03 → 00:03:06 ประเภทักเนื้อเช่นเคี้ยวเป็นเนื้อสเต็ก
00:03:06 → 00:03:09 หรือหมูย่างอะไรสมมุตินะครับการเคี้ยว
00:03:09 → 00:03:14 เนี้ยมันก็ต้องใช้เวลานาตรงข้ามพวกผักที่
00:03:14 → 00:03:17 แข็งเอ่อรองงมาคือพวกผักที่มีความแข็ง
00:03:17 → 00:03:21 เนี่ยก็จะเคี้ยวนานพอสมตัวแต่ถ้าเป็น
00:03:21 → 00:03:24 อาหารที่นิ่มเนี่ยหรือว่าเป็นยิ่งเป็นแบบ
00:03:24 → 00:03:27 กึ่งเหลวเลยอันนี้แทบจะไม่ต้องเคี้ยวเลย
00:03:27 → 00:03:30 นะครับอทีนี้ก็มีบางคนบบอกว่าอาจจะต้อง
00:03:30 → 00:03:33 เคี้ยวถึง 20-30 ครั้งแต่ถ้าเกิดเคี้ยว
00:03:33 → 00:03:36 ขนาดนั้นสงสัยกว่าจะหมดจาน่าจะนาน
00:03:36 → 00:03:40 มากทีนี้ก็มีบางคนก็แนะนำว่าจริงๆแล้วเรา
00:03:40 → 00:03:44 อย่าไปอย่าไปเเรียกนะจริงจังกับเรื่องว่า
00:03:44 → 00:03:47 โอ๊กี่ครั้งกี่ครั้งโยิ่งไม่ต้องนับเลยนะ
00:03:47 → 00:03:49 ครับเพราะว่าโหนั่งกว่าจะนั่งทานอาหาร
00:03:49 → 00:03:52 ต้องนับนี่นั่งเป็นหุ่นยนต์กันเลยนะคะ
00:03:52 → 00:03:56 เดี๋ยวกระเพาะลำไส้จะทานอื่นไปด้วยอืครับ
00:03:56 → 00:03:59 ก็คืออาจจะต้องบอกว่าต้องใช้ใช้ความรู้
00:03:59 → 00:04:02 สึกสึของเราว่าเราเคี้ยวแล้วเนี่ยชิ้น
00:04:02 → 00:04:05 อาหารเนี่ยมันเล็กลงเล็กลงจนกระทั่งเอ่อ
00:04:05 → 00:04:09 สามารถที่จะคืนลงไปแล้วก็ให้ต่อไปซัก 5
00:04:09 → 00:04:11 ครั้งเคี้ยวต่ออีกสัก 5 ครั้งก็น่าจะ
00:04:11 → 00:04:16 เพียงพอประมาณนั้นนะครับโดยสรุปก็คือเ่า
00:04:16 → 00:04:19 มันขึ้นอยู่กับชนิดอาหารมันขึ้นอยู่กับ
00:04:19 → 00:04:21 ชนิดอาหารถ้าเป็นอาหารนิ่มหรือว่าเป็น
00:04:21 → 00:04:25 อาหารบกเนี่ยมันก็แทบจะไม่ต้องเคียวอแต่
00:04:25 → 00:04:27 เราพูดถึงกรณีที่เป็นพวกเนื้อเนื้อที่มัน
00:04:27 → 00:04:31 มีเป็นชิ้นหรือว่าเป็นผักที่มีความแข็ง
00:04:31 → 00:04:34 เนี่ยก็ควรจะเคี้ยวจนกระทั่งมันโครงสร้าง
00:04:34 → 00:04:36 มันย่อยลงไปจนกระทั่งเรารู้สึกสบายใจใน
00:04:36 → 00:04:39 การคืนแล้วให้เคี้ยวต่อไปอีกสัก 4-5
00:04:39 → 00:04:41 ครั้งอย่างเงี้ยนะครับโหลักการดีอือ่า
00:04:41 → 00:04:44 เข้าใจเข้าใจเอาให้ไม่ต้องไปนเพราะว่า
00:04:44 → 00:04:49 เดี๋ยวจะเครดเกิแต่ที่สำเร่นต้องไม่มันก็
00:04:49 → 00:04:52 มีเทคนิคว่าเราต้องไม่เร่งรีบเกินไปในการ
00:04:52 → 00:04:55 สาอาหารเพราะชีวิตุกกว่านี้เราจะเร่งรี่
00:04:55 → 00:04:59 ใช่ๆบอกว่าถ้าเทคนิคก็คืออ่ะบางคนอาจจะ
00:04:59 → 00:05:04 เอ่อต้องทานแล้วก็วางช้อนบ้างพักบ้างอะไร
00:05:04 → 00:05:06 อย่างเงี้ยเคี้ยวสังเกตกันเคี้ยวแต่ว่า
00:05:06 → 00:05:09 ไม่ต้องเพ่งเครียดเกินไปค่ะแต่ไม่ควรเล่น
00:05:09 → 00:05:11 มือถือเพราะว่าเล่นมือถืออะไรอย่างเงี้ย
00:05:11 → 00:05:14 เราปากโทรศัพท์ไปมาเนี่ยมันก็สาที่เราก็
00:05:14 → 00:05:18 จะไปอยู่ที่เนื้อหาคทนในมือถือหรืออะไรก็
00:05:18 → 00:05:22 ตามเนี่ยจนทำให้เราอาจจะเกิดการเคี้ยว
00:05:22 → 00:05:25 อาหารที่ไม่สมบูรณ์นะครับอในในสิ่งที่เรา
00:05:26 → 00:05:30 เห็นอยู่ทุกวันเนี้ยในการกินกินของมื้อ
00:05:30 → 00:05:32 แต่ละมื้อเนี่ยเท่าที่เราเห็นเนี่ยสังเกต
00:05:32 → 00:05:37 หรือเราจะอาจจะดูดูหนังที่เอ่อเป็นบทที่
00:05:37 → 00:05:39 นั่งกินข้าวที่โต๊อาหารหรืออะไรเนี่ยบาง
00:05:39 → 00:05:41 ครั้งก็จะใส่วนใหญจะเป็นอย่างงั้นใช่มั้ย
00:05:41 → 00:05:45 ใช่ๆคุณหมอก็เหมือนกับเคี้ยวๆๆแป๊บเดียว
00:05:45 → 00:05:49 ก็กลืนนะคะเคี้ยวๆๆ 3 นับคือไม่ได้นับ
00:05:49 → 00:05:51 หรอกค่ะแต่ว่าความรู้สึกว่าไม่ได้เกิด
00:05:51 → 00:05:54 อาการเคี้ยวหรือหนังก็อาจจะทำไม่ได้ให้
00:05:54 → 00:05:56 ให้เห็นตลอดรอดฟังแต่ที่คุณหมอบอกว่า
00:05:56 → 00:06:00 เคี้ยวจนเป็นชิ้นส่วนพอที่จะเอ่อมันเออ
00:06:00 → 00:06:03 มันแหลกแล้วล่ะคือเจ้าตัวจะรู้เองจะรู้
00:06:03 → 00:06:05 สึกตัวเองว่าเอ้อย่างเงี้ยมันไม่เป็นชิ้น
00:06:05 → 00:06:08 แบบดั้งเดิมละใช่มยฮะเช่นเราเคี้ยวนึกา
00:06:08 → 00:06:12 เคี้ยวนึกภาพหาคน้าเออ่าเคี้ยวแอปเปิ้ล 1
00:06:12 → 00:06:16 ชิ้นสมมุตินะฮะค่ะเคี้ยวแตงกวา 1 ชิ้น
00:06:16 → 00:06:19 แล้วมันแมันก็ความแข็งมันก็นิ่งลงไปแล้ว
00:06:19 → 00:06:21 เราก็ัใจแล้วเราก็เคี้ยวต่อไปอีกสักหน่อย
00:06:21 → 00:06:26 นึงนะครับออืพอให้มันไม่เหสภาพสลักเคี้ยว
00:06:26 → 00:06:28 ไปมาอย่าไปเคี้ยวข้าอะไรอย่างเงี้ยนะครับ
00:06:28 → 00:06:31 อออือก็แนะนำอีกนะอาจจะใช้มือข้างที่ไม่
00:06:31 → 00:06:35 ถนัดในการตักอาหารเข้าแต่มันจะีิไปหรือ
00:06:35 → 00:06:38 เปล่าอันนี้เค้าแนะนำเไม่ใช่หมอิแนะนำ
00:06:38 → 00:06:40 แล้วก็บางทีอาจจะบอกว่าส่งที่เราลืมกัน
00:06:40 → 00:06:45 จริงๆอาจจะอ่าฮะฮะแล้วก็อาจจะวางซ่อมบ้าง
00:06:45 → 00:06:48 วางซ้อม่อมบ้างอะไรอย่างเงี้ยครับอ่าแล้ว
00:06:48 → 00:06:51 ก็อีกอย่างนึงก็คือเราจะเอาทุกอย่างเอ่อ
00:06:51 → 00:06:55 ตักอาหารทุกอย่างเข้าไปคลุกเคล้ามันมัน
00:06:55 → 00:06:57 ใช่มั้ยคะบางครั้งมันจะมีสิ่งที่ต้องกิน
00:06:57 → 00:07:01 ด้วยกันเอ่อเช่นผักหรือพวกอาหารที่ต้อง
00:07:01 → 00:07:04 ใช้ผักเข้าไปกับแก้มเราจะกินทีละครั้ง
00:07:04 → 00:07:05 เอ่อเท่าที่เราเห็นเนี่ยเขาจะเอาเข้าไป
00:07:06 → 00:07:08 รวมกันในปากแล้วเคี้ยวทีเดียวจนจนป่องออก
00:07:08 → 00:07:13 มาในลักษณะคนที่พูดนี้คือวนแก้มปูดเป็น
00:07:13 → 00:07:16 อาหารป่องอย่าเงี้ยคุณหมอเราควรทำไงค่อยๆ
00:07:16 → 00:07:18 ค่อยๆใส่เข้าไปนะคะลำเลียงสายพานเข้าไปนะ
00:07:18 → 00:07:21 คะจริงๆเ้าก็ไม่มีใครพูดว่าจะใส่อหารหลาย
00:07:21 → 00:07:26 ชิดลงไปไม่ได้ใชะแต่ที่สำคัญคือเราก็ตนจะ
00:07:26 → 00:07:29 คิวให้พอดีคำเออใช่เพราะว่าถ้าเราคิ
00:07:29 → 00:07:31 เคี้ยวเร็วเกินไปหรือว่าทำใหญ่เกินไป 1
00:07:31 → 00:07:33 คือการเคี้ยวเนี่ยพื้นที่การเคี้ยวก็คงจะ
00:07:33 → 00:07:38 ต้องได้ไม่ละเอียดนะคะอืค่ะแล้วก็อีก
00:07:38 → 00:07:40 อย่างมันอาจจะเสี่ยงกับการสำลักก็ได้นะ
00:07:40 → 00:07:44 โดยเฉพาะคนที่สูงไวยหน่อยใช่มั้ยฮะดัง
00:07:44 → 00:07:46 นั้นการเคี้ยวและการกลืนมันจึงต้อง
00:07:46 → 00:07:50 สัมพันธกันนะครับส่วนเมื่อกี้คุณคุณนกบอก
00:07:50 → 00:07:53 ว่าไอ้เป็นชนิดอาหารหลายชนิดมันไม่ได้ข
00:07:53 → 00:07:56 เหลชนิดมันขึ้นอยู่กับปริมาณที่ทาจแต่ละ
00:07:56 → 00:07:59 ครั้งเข้าป่าถูกต้องมั้ยครับออใช่เจ้าตัว
00:07:59 → 00:08:02 เราเนี่ยชิ้นอาหารที่ใหญ่เกินไปหรือว่าคำ
00:08:02 → 00:08:04 ที่ใหญ่โตเกินไปอย่างเงี้ยอันนี้อาจจะ
00:08:04 → 00:08:07 เป็นอุปสรรคในการเคี้ยวอาหารให้ละเอียด
00:08:07 → 00:08:12 ได้อืต้องมีพื้นที่ให้ค่ะพื้นที่ที่ความ
00:08:12 → 00:08:16 ไม่ใส่ใจในการเคี้ยวแต่ให้เสร็จไวๆอย่าง
00:08:16 → 00:08:18 เงี้ยอันนี้ก็จะเป็นปัจจัยส่งเสริมให้การ
00:08:18 → 00:08:23 เคี้ยวอาหารได้ไม่ละเอียดนะครับอืครับแหม
00:08:23 → 00:08:25 เมื่อกี้กำลังจะถามคุณหมอพอดีเออแล้วคุณ
00:08:25 → 00:08:28 หมอก็พูดไปพอดีเลยถามว่ามันมีความจำเป็น
00:08:28 → 00:08:32 ขนาดไหนใช่มใช่ๆๆรู้เอพูดมาในกันทั้งคู่
00:08:32 → 00:08:36 เลยเนี่ยผมเอ๊โอหคุณหมอคุณหมอพูดไปพอดีอ
00:08:36 → 00:08:39 เรื่องคใช่มใช่ๆเรื่องแล้วก็เรื่องเรื่อง
00:08:39 → 00:08:42 ของการเคี้ยวว่าอ่ะจำเป็นจะต้องอ่ะซ้าย 5
00:08:42 → 00:08:45 นาทีขวา 5 นาทีมยเพราะว่าในข้อมูลเนี่ยใน
00:08:45 → 00:08:48 ในพวกโลกโซเชียลที่เขานำเสนอมาคุณหมอครับ
00:08:48 → 00:08:52 นเบอกว่าถ้าต้องแนะนำยังไงฮะเบอกว่าถ้า
00:08:52 → 00:08:57 หากเราเคี้ยวด้วยฟันด้านใดด้านหนึ่งมากจน
00:08:57 → 00:09:00 เกินไปมันจะทำให้ข้างนั้นเนี่ยขากันไกล
00:09:00 → 00:09:03 ข้างนั้นจะทำงานหนักส่งผลให้ฟันที่ด้าน
00:09:03 → 00:09:07 ที่อาจจะไม่ได้ค่อยใช้การเคี้ยวเนี่ยผลิต
00:09:07 → 00:09:10 น้ำลายได้น้อยส่งผลให้เกิดคราบพลักหินปูน
00:09:10 → 00:09:12 เกิดขึ้นได้ง่ายกว่าบางครั้งอาจจะทำให้
00:09:12 → 00:09:16 เหงือกอักเสบได้ด้วยหอเบอร์นั้นกันเลยที
00:09:16 → 00:09:19 เดียวครับคุณหมอครับคือคือเดี๋ยวมันมี
00:09:19 → 00:09:22 หลายประเด็นอยู่ในนี้นะฮะคือจริงๆแล้วถ้า
00:09:22 → 00:09:25 ต้องพูดถึงว่าข้อต่อขาไกอาจจะมีผลก็ได้นะ
00:09:25 → 00:09:27 ฮะแต่อันนี้ต้องไปศึกษาข้อมูลอีกทีนึงว่า
00:09:27 → 00:09:30 มีผมากน้อยแค่ไหนครับเหมือนกับเราออกแรง
00:09:30 → 00:09:31 อ่ะซ้ายขวาอะไรเงี้ยถ้าเราออกแรงข้างใน
00:09:31 → 00:09:34 ข้างหนอีกข้างนึงกล้ามเนื้อมันก็จะจะชัด
00:09:34 → 00:09:37 เจนกว่านะครับจะใหญ่ชัดเจนกว่าครับทีนี้
00:09:37 → 00:09:40 จะทำมีส่งผลให้ข้อตอบเสื่อมด้วยมยอันนี้
00:09:40 → 00:09:43 ผมไม่เคยได้ยินครับแต่ว่าก็น่าสนใจอยู่
00:09:43 → 00:09:47 แต่ส่วนที่บอกว่าเกิดเอ่ออาหารไปอุดนี่
00:09:47 → 00:09:51 มันอยู่ที่การคลีนเอ่อคลีนฟันด้วยเนาะใช่
00:09:51 → 00:09:55 มั้ยฮะมันขึ้นอยู่กับว่ามีปัญหาไม้ก่อน
00:09:55 → 00:09:58 อ่ารูปร่างฟันความห่างของฟันแล้วก็ที่สำั
00:09:58 → 00:10:01 ึการทำความสะฟันเพราะว่าอือสังเกตว่าคน
00:10:01 → 00:10:05 ปัจจุบันจะแพ่แปรงนะฮะใช่ค่ะแต่สำหรับหมอ
00:10:05 → 00:10:08 เนี่ยหมอเมื่อก่อนผมก็ก็แพ่แปรงแต่พอพอ
00:10:08 → 00:10:10 เริ่มสู่วัยกลางคนเเราก็เริ่มรู้สึกว่า
00:10:10 → 00:10:13 การแปงปั่นอย่างเดียวมันอาจจะไม่สะดพอเรา
00:10:13 → 00:10:16 ก็ต้องใช้พวกไม้สัดฟันเซอสอะไรพวกเนี้ยฮะ
00:10:16 → 00:10:19 อครับเพื่อคลีนเอ่อเสอาหารที่อยู่ตามซอก
00:10:20 → 00:10:22 ันออกมาด้วยเพราว่าพวกนี้ถ้าอยู่ในปะใน
00:10:22 → 00:10:24 ฟันเนี่ยแน่นอนเป็นเ็ดให้ฟันผูกแน่นอน
00:10:24 → 00:10:26 แล้วก็เป็นาบในฟันนี้ก็เป็นสิ่งที่ถูก
00:10:26 → 00:10:28 ต้องนะฮะแต่ว่ามันไม่ได้จะเกี่ยวกับว่า
00:10:28 → 00:10:30 เคี้ยวข้างในข้างหนึ่งในความเห็นของหมอนะ
00:10:30 → 00:10:33 ครับแต่มันน่าจะเกี่ยวกับว่าการที่เรารับ
00:10:33 → 00:10:36 ประทานอาหารเสร็จแล้วเราคลีนความสะอาดใน
00:10:36 → 00:10:38 พวฟันเนี่ยไม่ดีพออันนี้อาจจะต้องขอความ
00:10:38 → 00:10:41 เห็นจากคำแพทอีกทีนึงนะครับคทีนี้กลับ
00:10:41 → 00:10:43 เข้าสู่เรื่องของการเคี้ยวละเอียดละเอียด
00:10:43 → 00:10:46 ซึ่งก็เราย่อมรู้อย่างที่คุณหมอบอกแล้ว
00:10:46 → 00:10:49 ว่าเอ่อเอาให้เขาคแตกตัวแตกออกมาจากชิ้น
00:10:49 → 00:10:52 เดิมของเา้านะแล้วก็ตอบอีกสัก 5 ครั้งนะ
00:10:52 → 00:10:55 คะเคี้ยวเอาเค้าเท่าเทียมกันทั้ง 2 ซ้าย
00:10:55 → 00:10:59 ขวาของเราอย่าคำใหญ่มากอืมเมื่อเมื่อเป็น
00:10:59 → 00:11:02 อย่างนั้นเนี่ยลำไส้ลงไปแล้วแะค่ะลงไปถึง
00:11:02 → 00:11:05 อาหารชิ้นโตกับชิ้นเล็กอมันต่างกันแค่ไหน
00:11:06 → 00:11:08 แล้วะถ้าเราไม่เคี้ยวมันจะยังไงผการ
00:11:08 → 00:11:11 เคี้ยวไม่ละเอียดมีผลยังไงใช่มครับทีนี้
00:11:11 → 00:11:16 เนี่ยก็มีเ่อมีคนพูดถึงตอนึงที่ว่าที่แน่
00:11:16 → 00:11:18 ๆคืออาหารที่ชิ้นใหญ่เนี่ยเวลาลงถึง
00:11:18 → 00:11:21 กระเพาะเนี่ยกระเพาะหลอดอาหารนี้ไม่มี
00:11:21 → 00:11:23 หน้าที่ช่วยย่อนะฮหลอดอาหารนี้หน้าที่เฉย
00:11:23 → 00:11:27 ๆเลยส่งผ่านส่งผ่านครับลำเลียงเฉยๆก็ตัว
00:11:27 → 00:11:30 ที่เปบอาหารอดับแรกคือเาะค่ะเก็บไว้สัก
00:11:31 → 00:11:33 4-6 ชมเพราะว่าเขาจะต้องช่วยลำไส้เล็ก
00:11:33 → 00:11:36 โทคลำไส้เล็กเพราะว่าถ้าปล่อยอาหารไป
00:11:36 → 00:11:38 พร้อมกันเนี่ยลำไส้เล็กจะย่อยไม่ทันจะ
00:11:38 → 00:11:41 เกิดอาการท้องเสียตามมาออส่วนลำไส้ใหญ่
00:11:42 → 00:11:45 นี่เอาไว้ดูดซึมสารเล็กๆน้อยๆแล้วก็ช่วย
00:11:45 → 00:11:47 กรณีที่ำเ้คที่ไม่เต็มที่ก็จะมีแบคทีเรีย
00:11:48 → 00:11:51 ช่วยย่อยอาหารคาร์โบไฮเดรตเป็นเอ่อช facy
00:11:51 → 00:11:53 Acid นะครับอืเอางี้เข้าๆก็คือที่
00:11:53 → 00:11:55 กระเพาะเนี่ยจะเป็นดาบแรกที่ต่อจากอาหาร
00:11:55 → 00:11:59 ที่อาหารลงมาค่ะอ่าฉะนั้นถ้าเราเคี้ยว
00:11:59 → 00:12:02 อาหารไม่ละเอียดแน่นอนละกระเพาะจะต้องทำ
00:12:02 → 00:12:06 งานหนักขึ้นนั่นแปลว่าไม่ว่าจะเชิงกลก็
00:12:06 → 00:12:09 คือกระเพาะจะต้องบีบตัวหนักขึ้นอืแล้วก็
00:12:09 → 00:12:12 การหลั่งกรดในกระเพาะจะต้องมีสภาพเป็น
00:12:12 → 00:12:15 แอซิดหรือเป็นกรดนะครับเพราะจะต้องหลั่ง
00:12:15 → 00:12:17 น้ำย่อยและน้ำกรดในกระเพาะไฮโดรคลอริก
00:12:17 → 00:12:20 แอซิดเนี่ยเยอะขึ้นซึ่งบางคนเนี่ยอาจจะทน
00:12:20 → 00:12:24 ต่อกรดไม่ค่อยไหวเกิดกนไหลยอนอแล้วก็เกิด
00:12:24 → 00:12:26 อาการแน่นอืดการส่งอาหารจากกระเพาะไปลำ
00:12:26 → 00:12:29 ไส้เล็กจะช้าลงเพราะว่าอาหารยังชิ้นใหญ่
00:12:29 → 00:12:32 อยู่ต้องใช้เวลาในการบวชในกระเพาะอีกนะ
00:12:32 → 00:12:36 ครับอือย่างเงี้ยฮะั้นก็จะส่งผลโดยตรงกับ
00:12:36 → 00:12:40 กระเพาะว่าอาหารเหลือค้างอื่นที่ก็พะแล้ว
00:12:40 → 00:12:42 ถ้าเป็นพวกผักเออหลายคนเข้าใจผิดนะผักเรา
00:12:43 → 00:12:45 จะไม่ย่อยอยู่แล้วเราจะย่อยพวก
00:12:45 → 00:12:48 คาร์โบไฮเดรตเอ่อโปรตีนและแฟตไขมันที่
00:12:49 → 00:12:53 เป็นเอ่อ 3 3 ทหารเสือหลักรอมาคือ
00:12:53 → 00:12:56 วิตามินกับเกือแรกก็ขึ้นอยู่กับอาหารนั้น
00:12:56 → 00:12:58 วิตามินเกลือแรกนั้นอยู่ในหลายประเภศนอื
00:12:58 → 00:13:01 นะครับครับส่วนผักเซลลูโลสเนี่ยร่างกาย
00:13:01 → 00:13:03 บางคนบอกก็จะผิดอุยเห็นเป็นก้านผักเลย
00:13:03 → 00:13:06 อะไรเงี้ยอันนี้ต้องบอกว่ามนุษย์เป็นสิ่ง
00:13:06 → 00:13:09 มีชีวิตที่ไม่สามารถย่อยเซลลูโลสได้โอโนะ
00:13:09 → 00:13:13 ครับเพูดอย่างงี้ถ้าเป็นพวกสัตว์ที่ทัน
00:13:13 → 00:13:15 หญ้าทันอะไรเป็นอาหารหลักเนี่ยเขาจะมี
00:13:15 → 00:13:17 ความสามารถแปลงอาหารประเภทเถึงกินพืชได้
00:13:17 → 00:13:19 อย่างเดียวถูกต้องมครับคแต่ทีนี้เรากิน
00:13:19 → 00:13:22 ผักไปเนี่ยเราก็ได้น้ำวิตามินเกือแรกจาก
00:13:22 → 00:13:26 น้ำในผักและผลไม้อืแต่ตัวเส้นใหญ่เองก็จะ
00:13:26 → 00:13:30 เป็นจกับ 1 ก็คืออุจจาระเป็นโงร่างให้มี
00:13:30 → 00:13:32 โครงแล้วก็ทำให้ถ่ยง่ายขึ้นแล้วแบคทีเรีย
00:13:32 → 00:13:35 ในลำไส้จะใช้เค้าเป็นอาหารครับทีนี้ถ้า
00:13:35 → 00:13:38 เกิดแบคทีเรียไอ้ผักที่ทานเข้าไปเป็นชิ้น
00:13:38 → 00:13:41 โตๆลงไปกระเพาะกับลำไส้เล็กเ้าก็ไม่ย่อย
00:13:41 → 00:13:43 เขอยู่แล้วก็ผ่านไปถึงลำไส้ใหญ่ใช่มั้
00:13:43 → 00:13:45 ครับทีเนี้ยลำไส้ใหญ่แบคทีเรียที่อยู่ใน
00:13:45 → 00:13:47 นั้นเนี่ยที่เราเรียกว่าโปรไบโอติกที่เรา
00:13:47 → 00:13:50 ชอบหาโปรติานโปรไบโอติกเนี่ยนะมันก็คือ
00:13:50 → 00:13:52 เชื้อแบคทีเรียจุรินซีชินดีที่อยู่ในลำ
00:13:52 → 00:13:56 ไส้นะครับก็อาจจะมีปฏิกิริยาว่าโอ้ยอดไม่
00:13:56 → 00:13:59 ทันนะเพราะว่าคล้ายๆว่าชิ้นมันใหญ่เกินนะ
00:13:59 → 00:14:02 ครับก็อาจจะมีอาการท้องอืดท้องเฟ้อที่ลำ
00:14:02 → 00:14:05 ไ้ใหญ่ได้อันนี้นะครับแต่ส่วนที่ว่าถึง
00:14:05 → 00:14:08 บางคนเเกังวลว่าโอเคี้ว่าละเอียดจนท่าน
00:14:08 → 00:14:11 ขาดสาอาหารเนี่ยมันไม่ถึงขนาดมันไม่ถึง
00:14:11 → 00:14:13 แล้วเพราะคลไกกลไกของร่างกายของลำไส้เล็ก
00:14:13 → 00:14:16 และตับอ่อนเนี่ยมีเฉพาะเนี่ยมี
00:14:16 → 00:14:20 ประสิทธิภาพในการย่อยอืทั้งคาร์โบไฮเดรต
00:14:20 → 00:14:24 ไขมันแล้วก็โปรตีนได้อย่างดีอืนะครับอื
00:14:24 → 00:14:26 นอกจากว่าคนไข้มีปัญหาเรื่องสับอ่อนหรือ
00:14:26 → 00:14:28 ลำไส้เล็กด้วยอันนั้นจะแย่นะครับครับสรุป
00:14:28 → 00:14:32 กับมาว่าการที่ปก็คือว่าการเคี้ยวอหันไม่
00:14:32 → 00:14:36 ละอดใหญค่ะผลส่วนใหญ่จะมีผล 2 ที่กระเพาะ
00:14:36 → 00:14:39 อืคือน้ำย่อยออกเยเยออาจจะมีกดไหลย้อนอาจ
00:14:39 → 00:14:41 จะอืดที่กระเพาะและถ้าผักผลไม้ที่ที่
00:14:41 → 00:14:45 เี้ยวไม่ละเอียดส่งไปที่ำไส้ใหญ่ก็จะทำ
00:14:45 → 00:14:49 ให้เกิดมีลมเยอะอืดนั่งถ่ายยากและอาจจะ
00:14:49 → 00:14:53 ปวดท้องถ้าคนเป็นลำไส้แตป่วนก็จะยิ่งหนัก
00:14:53 → 00:14:56 เลยอย่างที่เราเคยคุยกันก่อนเรื่องอาหาร
00:14:56 → 00:15:01 for แม f ใช่ๆค่ะอ่าฮะโอแฟนกลับของราย
00:15:01 → 00:15:04 การนี้น่าจะจำได้เพราะว่าเป็นคนสมองดีใช่
00:15:04 → 00:15:08 ๆๆๆคุณหมอแสดงว่าเออสุดยอดนะแสดงว่าต้อง
00:15:08 → 00:15:10 เคี้ยวไม่ว่าจะผักจะอะไรก็ก็เอาให้เา้า
00:15:10 → 00:15:13 แหลกไว้ดีที่สุดถูเพราะว่าการเป็นโครง
00:15:13 → 00:15:16 สร้างใหญ่มันไม่มีผลดีเลยแล้วก็เือแร่
00:15:16 → 00:15:18 วิตามินหลายอย่างมันก็อยู่ในผักใช่มั้ย
00:15:18 → 00:15:21 ครับอันเนี้ยมันอาจจะขาดวิตามินได้นะแต่
00:15:21 → 00:15:23 ว่าโปรตีนคาร์โบไฮเดรตกับชัเนี่ยมันอาจจะ
00:15:23 → 00:15:28 ไม่ชัดออแต่คนที่ไม่มีฟันเลยในคนสูงอายุ
00:15:28 → 00:15:31 เนี่ยอาจจะขาดสารอาหารไม่ใช่เป็นเพราะว่า
00:15:31 → 00:15:33 ตรงนี้แต่ว่าเป็นเพราะเทานอะไรไม่ได้มาก
00:15:33 → 00:15:37 กว่าอืไม่มีฝันมันต้องแยกประเด่นว่า
00:15:37 → 00:15:40 เคี้ยวไม่ละเอียดกไม่มีฟันกรณไม่มีฟันอ
00:15:40 → 00:15:44 ไม่มีฟันคือทานอะไรก็ยากก็เลยทำให้าสอืก็
00:15:44 → 00:15:47 อาจจะต้องไม่ใช่ว่าเราสูญเสียสารอาหารจาก
00:15:47 → 00:15:52 การเสียสุภาคุณอะไรนะพวกเ่อสารอาหารไปทาง
00:15:52 → 00:15:55 ลำไส้หรือจะระก็ไม่ใช่อืเพราะร่างกายมี
00:15:55 → 00:15:58 กลไกในการคุมของเขาอยู่แต่จะสร้างปัญหา
00:15:58 → 00:16:01 ให้้างกายไม่สบายเท่านั้นเนะครับอืก็คือ
00:16:01 → 00:16:05 พูดง่ายๆคือถ้าโครงสร้างมันใหญ่พอเข้าไป
00:16:05 → 00:16:08 ปั๊บมันก็อาจจะทำให้เราต้องใช้กรดในการ
00:16:08 → 00:16:12 ย่อยมากขึ้นแล้วก็พอลงไปงย่อยนานขึ้นย่อย
00:16:12 → 00:16:16 นานขึ้นส่งผ่านลำอาหารผ่านกระเพาะเป็นลำ
00:16:16 → 00:16:18 ไส้แล้วลำไส้เล็กเองก็ปกติอาหารอยู่ในลำ
00:16:18 → 00:16:21 ไส้เล็กไม่เกิน 2 ชั่วโมงนะคนคนเรานะแต่
00:16:21 → 00:16:24 ว่าพอถ้าเรากินอาหารที่มันเงยเดี๋ยวพอไป
00:16:24 → 00:16:28 ถึงตรงปลายทางเบอกเก็บอกว่าโอ้ยย่อไม่ทัน
00:16:28 → 00:16:30 ่าเลยส่งกระแสปสากับไปที่ทางกระเพาะและลำ
00:16:30 → 00:16:34 ไส้สงส่วนต้นบอกว่าช้าๆหน่อยอยู่ช้าๆไม่
00:16:34 → 00:16:37 ค่อยต้องรีบส่งลงมาอะไรอย่างเงี้ยครับอื
00:16:37 → 00:16:41 บอกฝนมาช้าๆเดี๋ยว่อยไม่ทันนะครับอะไร
00:16:41 → 00:16:45 อย่างงี้นั่นนึกถึงการกินกินบุฟเฟ่ต์กิน
00:16:45 → 00:16:49 ชิ้นใหญ่ที่ต้องรีบต้องร้อนโอต้องสั่ง
00:16:49 → 00:16:52 เยอะๆแข่งกว่าเวลานี่เลยอ่ะค่ะโอ้โหโอกาส
00:16:52 → 00:16:57 ที่จะเกิดอืดโอกาสให้เกิดปวท้องอาจจะท้อง
00:16:57 → 00:16:59 เสียแปรปรวนไปใหญ่โตเลยเป็นไปได้เยอะเลย
00:16:59 → 00:17:02 ใช่มคะคำถามที่ดีมากเลยครับคำถามที่ดีมาก
00:17:02 → 00:17:05 เพราะว่ายิ่งถ้าลิมิตด้วยเวลาใช่มครับค่ะ
00:17:05 → 00:17:08 แล้วเราจะต้องรับประทานปริมาณที่คุ้มที่
00:17:08 → 00:17:12 ที่ผู้บริโภคมาคุ้มมาอยังไงก็ไม่
00:17:12 → 00:17:16 คุ้มเพะเข้าไปก็รีบจัดการกันเลยทีเดียวเเ
00:17:16 → 00:17:20 คิดไปหมดแล้วงั้นเอ่อถ้าเราจะทานให้คุ้ม
00:17:20 → 00:17:23 แปลว่าเราต้องทานปริมาณมากในเวลาที่จำกัด
00:17:23 → 00:17:26 ใช่ครับเวลาต่อก็แน่นอนอย่างที่คุณนกว่า
00:17:26 → 00:17:29 การการเคี้ยวต้องไม่ละเอียดอยู่แล้วแล้ว
00:17:29 → 00:17:32 นะครับนั่นคือการเร่งรับประทานอือหือซึ่ง
00:17:32 → 00:17:35 เป็นผลเสียต่อสุขภาพทั้งปริมาณนิพานและ
00:17:35 → 00:17:39 อ่าคุณภาพสันเคียวครับโอนึกถึงตัวเองเลย
00:17:39 → 00:17:41 เวลาไปกินบุฟเฟ่ต์อะไรอย่างเงี้ยเค้า
00:17:41 → 00:17:44 เรียกว่าเค้าเรียกว่าท้องท้อง่าเราก็จะส
00:17:44 → 00:17:48 กระเพาะ่าโอจะใหญ่จะแบบอัดเข้าไปได้ขนาด
00:17:48 → 00:17:51 ไหนยิ่งเฉพาะเด็กเด็กๆวัยรุ่นน่ะนะเก็มี
00:17:51 → 00:17:54 ความสามารถว่าบางคนก็เข้าหนรุพได้เยอริงๆ
00:17:54 → 00:17:58 ฮะบางคนก็เข้าห้องน้ำนะคะคุณหมออ๋ออ๋อออ
00:17:58 → 00:18:02 เคยได้ยินมาเหมือนกันคือบางคนเใช่ๆๆอย่า
00:18:02 → 00:18:04 ที่คุณนก็ไม่เกิดประโยชน์อ่ะเนสารอาหารน
00:18:04 → 00:18:06 ไม่ได้แวะไปเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องก่อน
00:18:06 → 00:18:08 เออแล้วค่อยไปเติมใหม่อะไรงี้แยแย่นะก็
00:18:08 → 00:18:10 มันก็เทกับเอาน้ำย่อยในกระเพาะขึ้นมาทำ
00:18:10 → 00:18:13 ร้ายหลอดอาหารแล้วก็ตัวเองใช่มั้ยฮะอรอออ
00:18:13 → 00:18:16 ใช่แน่นอนฮะเพราะว่าการล้วงหมายถึงการ
00:18:16 → 00:18:18 ล้วงคอให้อาเจียนใช่มั้ยครับครับๆเอ่อพอ
00:18:18 → 00:18:20 เราอาเจียนเนี่ยมันไม่ได้มีเฉพาะโอ๊ยอ
00:18:20 → 00:18:23 อาหารมาแล้วน้ำย่อยไม่ต้องมาไม่ใช่่อนหน
00:18:23 → 00:18:25 มาน้ำย่อยกระเพาะมันก็ขึ้นมาด้วยถูกต้อง
00:18:25 → 00:18:27 มั้ยครับอืแล้วน้ำย่อยในกระเพาะมันเป็น
00:18:27 → 00:18:32 ปรดไฮโดรคลอลิกครับพีประมาณ 3-4 เวลาย่อย
00:18:32 → 00:18:34 อาหารขึ้นลงไปถึง 3 เลยนะฮะเป็นกวดเยอะ
00:18:34 → 00:18:39 อุยมันก็จะขึ้นมาทำลายหลอดอาหารและตรงลำ
00:18:39 → 00:18:42 คอั้นปวดมันไม่ได้ไหล่ย้อนนะเราทำให้มัน
00:18:42 → 00:18:47 ย้อนขึ้นมาเองอ๋ออออันนี้ย้อนโดยโดยเรา
00:18:47 → 00:18:51 เอาล้วงคอให้อเจียอ๋อนี่แสดงว่าอาจจะนอก
00:18:51 → 00:18:54 ประเด็นนิดนึงนอกประเด็นกลับมาที่เใช่ค่ะ
00:18:54 → 00:18:57 ๆค่ะไปไปถึงอาหารชิ้นเล็กแล้วก็ระบบย่อย
00:18:57 → 00:19:01 ได้ทำงานดีขึ้นใช่เออก็สรุปว่าจะทำให้มี
00:19:01 → 00:19:04 ปัญหาทางเดินอาหารตามมาโดยเฉพาะคนที่มี
00:19:04 → 00:19:07 ภาวะลำไส้แปรปรวนหรือว่าอะไรอย่างเงี้ยลำ
00:19:07 → 00:19:10 ไส้ทำงานไม่ค่อยดีอยู่แล้วหรือมีกฎไหล
00:19:10 → 00:19:13 ย้อนอยู่แล้วเป็นทุนเดิมนะครับพวกนี้ก็จะ
00:19:13 → 00:19:17 ส่งผลให้โรคดั้งเดิมที่เเป็นกำเริบขึ้นมา
00:19:17 → 00:19:21 หรือคนปกติก็จะมีอาการอืดแน่นอาหารส่ง
00:19:21 → 00:19:25 ผ่านช้าท้องผูกลมตีอย่างเงี้ยนะครับอื
00:19:25 → 00:19:29 ครับมีอีกหนมันก็ไม่มีผลดีเลยแค่
00:19:29 → 00:19:33 ิดแค่ใช้เวลาอปญหาทุกกอย่างออกไปหมดแล้ว
00:19:33 → 00:19:35 อีก 5 ครั้งอย่างที่คุณหมอบอกนึกอย่างให้
00:19:35 → 00:19:39 คณผู้ฟังว่าเอ่อใกล้จะกลืนแล้วก็อืมเยัง
00:19:39 → 00:19:41 ใหญ่อยู่หรือเปล่าขออีกสัก 5 ครั้ง 5-6
00:19:41 → 00:19:43 ครั้งบทศัพท์ไปก่อนเพราะจริงๆอาหารมันไม่
00:19:44 → 00:19:46 ใช่ทุกอย่างที่จะต้องเคี้ยวนานนะคุณนก
00:19:46 → 00:19:49 เนาะใช่มันแล้วแต่เพราะเราก็ไม่ได้ทานแต่
00:19:49 → 00:19:52 เนื้ออย่างเดียวอแล้วก็สลับกับอซุปบ้าง
00:19:52 → 00:19:55 ล่ะครีมบ้างอะไรอย่างเงี้ยของที่เป็นแบบ
00:19:55 → 00:19:59 เ่อกึบ้างหลใช่่มั้ยฮะนนิ่มๆมีเนื้อปลาก็
00:19:59 → 00:20:01 ใช้เวลาน้อยหน่อยไข่สุนอย่างเงี้ยไข่
00:20:01 → 00:20:04 อย่างเงี้ยก็จะใช้เวลาน้อยใช่มั้ยครับอ
00:20:04 → 00:20:05 แต่บางคนก็มันไม่ได้บอกว่าทุกอย่างต้อง
00:20:05 → 00:20:10 เคี้ยวนานไม่ต้องคใหญ่ก็ค่อยๆทยอยอืก็จะ
00:20:10 → 00:20:13 ใช้เวลาได้ดีใช่อันนี้ก็ช่วยในเรื่องของ
00:20:13 → 00:20:16 ผลส่งผลดีต่อระบบย่อยอาหารมันมีอีกหนึ่ง
00:20:16 → 00:20:20 เรื่องครับคุณหมอที่ถูกส่งต่อถูกเผยแพร่
00:20:20 → 00:20:23 กันเรื่องของการเคี้ยวอาหารให้มันละเอียด
00:20:23 → 00:20:26 มากขึ้นอีกสักนิดมันจะมีผลดีต่อเรื่องของ
00:20:26 → 00:20:30 สมองและความจำเว่ากันว่านะการค่อยๆเคี้ยว
00:20:30 → 00:20:33 อาหารจะทำให้ต่อมใต้หูต่อมน้ำลายถูก
00:20:33 → 00:20:36 กระตุ้นฮอร์โมนหลั่งอย่างสมดุลโอ้โหคุณ
00:20:36 → 00:20:40 หมอครับมันนั้นมันช่วยเราได้ขนาดนี้เลย
00:20:40 → 00:20:43 หรอครับคุณหมอครับเออหมอยังไม่เคยได้ินนะ
00:20:43 → 00:20:46 หมอยค้นหาข้อมูลเพผมอ่านมาผมแเฮ้ยผมตกใจ
00:20:46 → 00:20:49 เลยคุณหมอครับในข้อมูลเนี่ยไม่น่าใช่ฮะ
00:20:49 → 00:20:53 อือๆๆไม่น่าใช่ฮะคือมันผลมันไม่ได้เอ่อ
00:20:53 → 00:20:56 ขนาดนั้นนนะครับมันมันไม่น่ามีงานวิจัย
00:20:56 → 00:20:58 คือเราจะเชื่อทางการทาจะสอนว่าอย่างงี้ฮ
00:20:58 → 00:21:01 ถ้าจะเชื่อความรู้ไหนเราจะต้องมีงานวิจัย
00:21:01 → 00:21:05 ที่ออกแบบแบบตอบโจทย์ด้วยนะฮะออ่าฮะและ
00:21:05 → 00:21:08 ต้องมีกลุ่มตัวอย่างคือประชากรที่แบบเอ่อ
00:21:08 → 00:21:12 มากพอที่จะตอบโจทย์ได้ว่าอ่ะคนเคี้ยว
00:21:12 → 00:21:13 อาหารไม่ละเอียดกับคนเคี้ยวละเอียดเนี่ย
00:21:14 → 00:21:16 คุมกลุ่มคมเคี้ยวละเอียดสมองเสื่อมมาก
00:21:16 → 00:21:19 กว่าอะไรอย่างงี้อืแต่คนอายุเยอะที่สมอง
00:21:19 → 00:21:22 เสื่อมผมว่าก็เคี้ยวช้านะ
00:21:22 → 00:21:25 ฮะใช่ๆยังไม่มีผลออกมาขนาดนี้เพราะว่าฟัน
00:21:25 → 00:21:29 ไม่มีจะเคี้ยวตอนนั้นอาจไม่รูปแบบนึงงั้น
00:21:29 → 00:21:31 ไอ้เรื่องสมองเสื่อมเนี่ยมันอาจจะเอ่อมัน
00:21:31 → 00:21:35 มีประเด็นที่หลากหลายอนะครับหมายถึงว่าจะ
00:21:35 → 00:21:38 มางจะมาโยงกับเรื่องของการเคี้ยวอาหารผม
00:21:38 → 00:21:41 คิดว่าในความเข้าใจของหมอคิดว่าน่าจะยัง
00:21:41 → 00:21:46 ไม่ชัดเจนอืแต่ถ้าบอกว่าอือๆๆชนิดของ
00:21:46 → 00:21:49 อาหารนั้นน่าจะเกวเกี่ยวข้องมากกว่านะ
00:21:49 → 00:21:51 ครับครับอ๋ออันนี้ก็คือเรื่องของเกี่ยว
00:21:51 → 00:21:55 กับสมองความจำเนี่ยอ่านไว้ได้หมอขนุพูด
00:21:55 → 00:21:57 อีกนิดนึงใช่มยเมื่อได้ๆคุณหมอเชิญเชเลย
00:21:57 → 00:21:59 คุณหมอเชิญเลยครับ
00:21:59 → 00:22:02 การที่นี่คุณนกจุดประเด็นว่าการทานอาหาร
00:22:02 → 00:22:06 แบบบุฟเฟ่ต์แบบเร็วเนี่ยนะค่ะนอกจากเราจะ
00:22:06 → 00:22:08 ทำให้การย่อยไม่ดีแล้วเนี่ยการทคนที่ทาน
00:22:08 → 00:22:12 ไวเนี่ยสมองเราจะรับรู้การอิ่มเนี่ยได้
00:22:12 → 00:22:17 ช้าเพราะว่ากว่าที่กระแสเอ่ออะไนะเอ่อจะ
00:22:17 → 00:22:20 ถูกย่อยถูกดูดซึมูนในเลือดจะขึ้นอย่าง
00:22:20 → 00:22:21 เงี้ยนะอหารก็ไปซะเยอะแล้วพวกนี้จะเป็น
00:22:21 → 00:22:24 ตัวกดอ่าอหารที่ทันก็จะเยอะแล้วงั้นคนที่
00:22:24 → 00:22:27 สังเกตมั้ยคนที่น้ำหนักเกินเนี่ยน้ำหนัก
00:22:27 → 00:22:29 เยอะเนี่ยภาวะอ้วนเนี่ยในปัจจุบันเยอะ
00:22:29 → 00:22:32 ขึ้นเรื่อยๆเนี่ยมันก็มากับส่วนนึงก็คือ
00:22:32 → 00:22:36 มาจากคนที่รับประทานอาหารไวนะครับคือนอก
00:22:36 → 00:22:39 จากเคี้ยวและเอียดแล้วยังทำให้เกิดภาวะ
00:22:39 → 00:22:42 ทุกโภชนาการก็คือเกินอาหารเกินเพราะ
00:22:42 → 00:22:45 ฉะนั้นถ้าเคี้ยวแล้วหุ่นจะดีเลยคืตามมา
00:22:45 → 00:22:48 เออถูกต้องฮะแล้วก็ต้องเลือกรับประทาน
00:22:48 → 00:22:53 อาหารที่อ่าแี่พอสมควรและเลือกไฟเบอร์จาก
00:22:53 → 00:22:57 ผักผลไม้ที่ไม่หวานเยอะขึ้นนะครับอือ๋อ
00:22:57 → 00:23:00 การไปกินโดยเฉพาะบุฟเฟ่ต์นะที่คุณหมอยก
00:23:00 → 00:23:04 ตัวอย่างมาคือเราก็ตะบี้ตะบันกินแบบกินไง
00:23:04 → 00:23:06 ก็ได้แหละเอาให้ได้เยอะที่สุดบางทีอาจจะ
00:23:06 → 00:23:09 ไม่ใช่บุฟเฟ่อาจจะสั่งมาแล้วก็หานกันอย่า
00:23:09 → 00:23:12 เงี้ยก็ต้องให้ได้ตัวอหารที่ดีใสใส่ก่อน
00:23:12 → 00:23:16 ได้เปรียบอ่ากินเท่าไหร่ก็จะเท่ากันอือือ
00:23:16 → 00:23:18 เพราะฉะนั้นก็เลยต้องต้องกินใช้ใช้ความไว
00:23:18 → 00:23:21 เข้ามานำนะคะใช่ใช่ผมก็จะเป็นอย่างงี้
00:23:21 → 00:23:23 ครับคุณหมอครับอืพู้ิงการทานอาหาร
00:23:23 → 00:23:25 บุฟเฟ่ต์เนี่ยถ้าคุยกับหมอหลายท่านก็จะ
00:23:25 → 00:23:28 ทราบว่ามันเป็นลักษณะการรับประทานอาหาร
00:23:28 → 00:23:31 ที่ไม่เป็นผลดีกับสุขภาพอ้าฟังไว้ครับคุณ
00:23:31 → 00:23:33 ผู้ฟังครับฟังกันไว้ครับฟังกันไว้ครับ
00:23:33 → 00:23:36 เอ้ออันนี้เตือนตัวเองด้วยครับคุณหมอครับ
00:23:36 → 00:23:40 ้านวุฟจะมาเกียดหมอมั้ยเอ้ยไม่เอานี่เอา
00:23:40 → 00:23:42 ในแง่ของสุขภาพกันก่อนคุณหมอครับเอ่า
00:23:42 → 00:23:45 ชั่วโมงนานๆๆๆทีผมไม่เป็นไรแต่ถ้า
00:23:45 → 00:23:47 บุฟเฟ่ต์กันแทบจะบ่อยๆนี่มันไม่ไหวแน่ๆ
00:23:47 → 00:23:51 เลยอ๋อทำสุขภาพอือ๋อมันจะไปกดใช่มั้ยครับ
00:23:51 → 00:23:53 คุณหมอครับคือเราด้วยความที่เราจะต้อง
00:23:53 → 00:23:56 แข่งกับเวลาอะไรอย่าเงี้เราจะใส่อาหาร
00:23:56 → 00:23:59 เข้าไปในตัวของเราเร็วมากอืกว่าที่เราจะ
00:23:59 → 00:24:03 ต้องใช้นะครับเราก็จะไปเก็บสะสมเป็นในรูป
00:24:03 → 00:24:08 ของไขมันเป็นไขมันพอกก่ำนะครับอ๋อมีไขมัน
00:24:08 → 00:24:10 สูงขึ้นทั้งคอเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์
00:24:10 → 00:24:14 นะครับอืที่ที่หบอกว่าถ้าเสเป็นเบาหวานก็
00:24:14 → 00:24:17 จะเป็นเบาหวานง่ายขึ้นที่มบอกว่าเอ่อสมอง
00:24:17 → 00:24:19 ใช้เวลาเท่าไหร่ที่จะสั่งการไปยังกระเพาะ
00:24:19 → 00:24:23 ว่าอิ่มคือเราควรเคี้ยวละเอียดๆเนี่ยมัน
00:24:23 → 00:24:26 ก็จะสั่งการได้ได้ดีสมเหตุสมผลใช่มั้ยคะ
00:24:26 → 00:24:29 แต่ถ้ากินไวจก็ไม่ได้นานนะฮะมันก็อยู่ภาย
00:24:29 → 00:24:32 ในครึ่งถึง 1 ช่มแต่ว่าอคือหมายความว่า
00:24:32 → 00:24:36 ถ้าเราค่อยๆรับประทานเนี่ยอ่าเราก็ค่อยๆ
00:24:36 → 00:24:39 ย่อยไปแล้วก็สลับปูกนในเรือก็ขึ้ด้วย
00:24:39 → 00:24:42 สะเพาะอาหารก็ตึงตัวขึ้นมาด้วยเนะฮะอืก็
00:24:42 → 00:24:46 จะทำให้เราอเริ่มช้าลงละแต่ถ้าเราสตาร์ท
00:24:46 → 00:24:50 ด้วยการรับประทานอาหารแบบไวมากใช่นะครับ
00:24:50 → 00:24:52 กว่าเราจะรู้สึกว่าเราอิ่งสมองก็จะรับรู้
00:24:52 → 00:24:55 ว่าอิ่มก็แปลว่าปริมาณที่เรารับประทาน
00:24:55 → 00:24:57 เนี่ยเยอะแล้วลองสังเกตนะครับคนไข้หมอ
00:24:57 → 00:25:00 เนี่ยใมันพ่อสจะมีบุคลิกร่วมกันอยู่พ่อึง
00:25:00 → 00:25:02 ที่ค่อนข้างเยอะเพได้ันสันในสีก็คือรับ
00:25:02 → 00:25:05 ประทานรับประทานอาหารวอ่าคุณหมอสังเกตมา
00:25:05 → 00:25:09 บอกแล้วคามไวก็จะเยอะด้วยมันอันนี้ไม่
00:25:09 → 00:25:11 ต้องวิจัยก็ใช่เลยใช่มั้ยคะเออคนไข้คุณ
00:25:11 → 00:25:15 หมอครับแล้วเคยบอกเ้ามั้ยคะเรื่องของการ
00:25:15 → 00:25:18 เคี้ยวให้ไม่บอกครับสอนเสมอครับบอกว่าการ
00:25:18 → 00:25:20 ควบคุมอาหารนี้คือจริงๆเรื่องของการล้ม
00:25:20 → 00:25:22 น้ำหนักเนี่ยนอกประเด็นนิดนึงก็คือมันไม่
00:25:22 → 00:25:24 ได้ขึ้นอยู่กับความรู้นะฮะคนไข้ส่วนใหญ่
00:25:24 → 00:25:27 ก็รู้หมดเออใช่ว่าอาหารใดควรครับควร
00:25:27 → 00:25:29 เลี่ยงอาหาร
00:25:29 → 00:25:32 งไปพบโพชนากรก็แล้วหมอพูดเองก็แล้วอะไร
00:25:32 → 00:25:35 อย่างเงี้ยอฮะคือแต่ว่าที่ทำไม่ได้มันไม่
00:25:35 → 00:25:37 ได้ที่เรื่องของความรู้แต่เป็นเรื่องของ
00:25:37 → 00:25:40 ความเข้มแข็งในการที่จะใจจิตใจล้วนๆคุณ
00:25:40 → 00:25:43 หมออ่าใช่ๆๆกลับมาที่เดิมฮะกลับมาที่เดิม
00:25:44 → 00:25:46 เคียวอาหารเคี้ยวอาหารก่อนเคี้ยวอาหาร
00:25:46 → 00:25:49 ก่อนพอพอชิ้นใหญ่ยังไงก็ไม่ดีเออการ
00:25:49 → 00:25:52 เคี้ยวละเอียดจำเอาไว้ว่าต้องเคี้ยวให้ละ
00:25:52 → 00:25:55 อื 1 นอกจากการเคี้ยวอาหารแล้วทีนี้พอคน
00:25:55 → 00:25:58 สูงวยเนี่ยปัญหาเรื่องฟันเนี่ยจะตามมาเพ
00:25:58 → 00:26:01 งั้นแต่บางคนเอายุยังไม่เยอะฟันก็ก็เสีย
00:26:01 → 00:26:04 เยอะแล้วครับในนี้เนี่ยขอผมก็อยากจะฝาก
00:26:05 → 00:26:08 ว่าการการดูแลฟันเนี่ยพูแทนหมอฟันก็แล้ว
00:26:08 → 00:26:10 กันครับมันก็เป็นเรื่องสำคัญเพราะว่าถ้า
00:26:10 → 00:26:13 ฟันเราทำงานไม่ดีเนี่ยการรับประทานอาหาร
00:26:13 → 00:26:15 ย่อมมีปัญหาแน่ๆครับอือฮึทีนี้เก็มีคนพูด
00:26:15 → 00:26:19 ว่าถ้ากรณีที่ฟันเรามีปัญหาแล้วเนี่ยที่
00:26:19 → 00:26:22 ถ้าเรายังแก้ด้วยทันทางทรกรรมไม่ได้เนี่ย
00:26:22 → 00:26:26 ก็ต้องเลือกอาหารเช่นอาหารประเภทผักเนี่ย
00:26:26 → 00:26:29 เราก็ต้องซอยให้เล็กใช่มั้ยฮะค่ะถ้าเป็น
00:26:29 → 00:26:32 โปรตีนอ่ะจะทานเป็นผักหรือไข่หรือนมถ้า
00:26:32 → 00:26:35 ดื่มนมได้อืแล้วก็ถ้าเป็นเนื้อหมูหรือ
00:26:35 → 00:26:38 เนื้ออะไรที่มันแข็งขึ้นมากันเงี้ยเราควร
00:26:38 → 00:26:41 จะทำให้ต้มให้นานให้เปื่อยหรือว่าทำให้
00:26:41 → 00:26:43 มันเป็นมีเทคนิคทำให้มันนิ่มลงหรือทำให้
00:26:43 → 00:26:46 เป็นชิ้นเล็กลงอือฮึส่วนอาหารที่เป็นนิ่ม
00:26:46 → 00:26:49 อยู่แล้วก็เช่นเต้าหู้หรืออะไรเงี้ยก็ไม่
00:26:49 → 00:26:52 เป็นไรนะครับครับหรือถ้าถั่วก็ทำให้นิ่ม
00:26:52 → 00:26:54 อะไรอย่างเงี้ยมันก็จะมีเทคนิคต่างๆที่จะ
00:26:54 → 00:26:58 ทำให้ชดเชยกว่ากับคนที่สูงวยนะครับที่จะอ
00:26:58 → 00:27:00 มีปัญหาเรื่องการเคี้ยวแลยังแก้ปัญหาการ
00:27:00 → 00:27:02 สกรรมไม่ได้ก็แนะนำเรื่องอาหารการกิน
00:27:02 → 00:27:05 ประมาณนี้ครับคุณหมอครับทีนี้ผมถามเผื่อ
00:27:05 → 00:27:10 คนที่คือบางทีเขาอาจจะพยายามละฉันอยากจะ
00:27:10 → 00:27:15 เคี้ยวให้มันช้าลงแหละแต่ว่าฉันติดนิสัย
00:27:15 → 00:27:18 ฉันทำแบบนี้มาเรียกว่าค่อนชีวิตกันเลยที
00:27:18 → 00:27:21 เดียวคุณหมอพอจะมีเทคนิคแนะนำมยครับว่า
00:27:21 → 00:27:25 มันเคยชินแล้วใช่คุณหมอใช่ครับแบบเอไม่
00:27:25 → 00:27:28 ต้องไม่ต้องใครผมเนี่ยผมเป็นคนติดกิน
00:27:28 → 00:27:31 ใช่กลืนไวอืผมพอคุณหมอพูดถึงเรื่อง
00:27:31 → 00:27:33 บุฟเฟ่ต์นะบางทีเนื้อยังไม่ทันขาดเลยกลืน
00:27:33 → 00:27:36 แล้วอ่ะทำไมอย่างงั้นล่ะเอาเพื่อที่จะทำ
00:27:36 → 00:27:39 เวลาไงอชิ้นต่อไปจะได้มาเราจะมีชานากตัว
00:27:39 → 00:27:42 เองเสมอครับคุณหมอครับเวลาเวลากิคุณริม
00:27:42 → 00:27:45 ทานไวมั้ยฮะถ้าไม่ทานบุฟเฟ่ต์ผมว่าถ้า
00:27:45 → 00:27:48 ท่านข้าวแกงหน้าหน้าหน้าบ้านก็ไม่ไวใช่
00:27:48 → 00:27:50 มั้ยคะไม่เออไม่ค่อยไวส่วนใหญ่จะมันมันจะ
00:27:50 → 00:27:52 หนักไปทางบุฟเฟ่ต์ครับคุณหมอกลับกับเวลา
00:27:52 → 00:27:55 ไปหากับเพื่อนจะต้องเลือกทานรกบุฟเฟ่ต์ลด
00:27:55 → 00:27:58 ลงแต่ถ้าสำหรับคนที่
00:27:58 → 00:28:01 ทุกอย่างก็ไวเหมาว่าทานอาหารอะไรก็ไวอือ
00:28:02 → 00:28:04 ฮึก็แนะนำว่าอาจจะต้องแบบมีเทคนิคอย่าง
00:28:04 → 00:28:08 ที่เแนะนำเช่นอาทันเชี้ยวให้ช้ากำหนดให้
00:28:08 → 00:28:11 ช้านะครับแต่อย่าเครือดเกินไปอแล้วก็อาจ
00:28:11 → 00:28:15 จะวางช้อนซ่อมบ้างเข้าใจใช่มั้ยฮะใช้มือ
00:28:15 → 00:28:18 ข้างไม่ถนัดบ้างนี่เแนะนำนะครับอครับถ้า
00:28:18 → 00:28:21 ผมแนะนำเพิ่มก็คืออาจจะจิบน้ำเปล่าเพิ่ม
00:28:21 → 00:28:25 บ้างสลับนิดๆหน่อยๆนะครับเพื่อเหมือนกับ
00:28:25 → 00:28:28 ดึงจังหวะลงงนิดดึงจังหวะดึงจังวะ
00:28:28 → 00:28:31 เข้าใจจังหวะในการอาจะมีข้อดีตรงที่ว่า
00:28:31 → 00:28:35 เราก็ทานทานอาหารลดน้อยลงด้วยเพื่อสุขภาพ
00:28:35 → 00:28:38 ตัวเองนะครับอ๋อเพราะว่ามันจะไปทำให้ดึง
00:28:39 → 00:28:41 จังหวะนทนี้ั้งนั้นถ้ามันเป็นนิสัยแล้ว
00:28:41 → 00:28:43 แบบว่าเป็นบุคลิกไปแล้วเนี่ยก็ต้องใช้
00:28:43 → 00:28:46 เวลาครับมันก็คงไม่สามารถที่จะแก้ไขได้
00:28:46 → 00:28:51 ภายใน 1-2 วันนะครับออืเออๆๆโอให้ตั้ใจ
00:28:51 → 00:28:54 มันก็ได้แล้วนะใช่แล้วก็แนะนำว่าอย่าไป
00:28:54 → 00:28:58 กินบุฟเฟ่ต์เลยครับคือกินกินให้น้อยครับ
00:28:58 → 00:29:00 ก็ได้ครับคิดให้น้อยลงต่อรองกับตัวเอง
00:29:00 → 00:29:02 สมองเราอาจจะต้องต่อรองกับเพราะว่าอ่าลด
00:29:02 → 00:29:05 ร้อยลงสักกี่เปอร์เซ็นต์อะไเออเดือนละ
00:29:05 → 00:29:07 ครั้งก็น่าจะเพียงพอนะเหมือนเป็นการให้
00:29:07 → 00:29:09 รางวัลกับชีวิตอะไรอย่างเงี้ยแต่ละครั้ง
00:29:09 → 00:29:12 นี่หันหน้ามาทำทำความขอความเห็นใจว่าตา
00:29:12 → 00:29:16 ละห้อยเลยผมเนี่ยขอดปติน่าจะบ่อยมากนะใช่
00:29:16 → 00:29:19 ๆๆๆโอ้โหก็สักเดือนละครั้งแล้วกันเป็นการ
00:29:19 → 00:29:21 ให้ของขวัญกับตัวเองอะไรอย่างเงี้ยรู้สึก
00:29:21 → 00:29:25 ว่าเอ่อผู้ทำรายการจะมีความสนใจเรื่องนี้
00:29:25 → 00:29:29 มากกว่าผู้ฟังนะอใช่ผู้ฟังคุณคุณผู้ฟัง
00:29:29 → 00:29:32 ส่วนมากจะทานคำค่อยๆทานเท่าที่เขียนมานะ
00:29:32 → 00:29:35 คะใช่ส่วนใหญ่แฟนรายการของเราเนี่ยหลายคน
00:29:35 → 00:29:39 เนี่ยรู้หลักในการทานว่าค่อยๆทีละคำที่
00:29:39 → 00:29:43 อะไรนะข้าวทีละคำน้ำทีละอึกเออข้าวคำน้ำ
00:29:43 → 00:29:47 ตามอะไรเงี้ยค่อยๆกินกันไปอืกินข้าวทีละ
00:29:47 → 00:29:49 ค่ำอ๋ออย่างเงี้ยอย่างเงี้ยแล้วเราก็จะ
00:29:49 → 00:29:52 ได้ปริมาณเราก็จะได้ปริมาณอาหารที่พอดี
00:29:52 → 00:29:58 ไม่มากไปครับเพื่อสุขภาพออโอเคดีอันนี้ทท
00:29:58 → 00:30:01 เลือกชนิดอด้วยก็คือเลือกผักกับผลไม้มาก
00:30:01 → 00:30:05 ขึ้นอือย่างที่สสพูดไงฮะข้าว 1 ส่วนอะไร
00:30:05 → 00:30:08 นะฮะผัก 2 ส่วนเนื 1 ส่วนใช่มั้ยครับใช่ๆ
00:30:08 → 00:30:10 ๆแต่เราจะกลับกันนะเราจะข้าวเยอะนะ 1 1
00:30:10 → 00:30:11
00:30:12 → 00:30:16 ใช่เราจะกลับจะกลับกันแบบนั้นเราจะข้าว 2
00:30:16 → 00:30:20 รฮะเราจะอะไรฮะข้าว 2 ข้าว 2 ผักนิดนึง
00:30:20 → 00:30:22 แล้วคือถ้าตามผักอาจจะไม่เอาด้วยซตาม
00:30:22 → 00:30:24 สไตล์ของเด็กอ้วนอย่างผมก็คืออาจจะอาจจะ
00:30:24 → 00:30:28 เหลือแค่ 31 ครับตัดผักออกครับก็จะข้าว 1
00:30:28 → 00:30:32 เนื้อ 3 อะไรอย่างเงี้ยคุณหมอครับครับเออ
00:30:32 → 00:30:36 อะไรเงี้ยกินโตีเกือแรกเฮะใช่ๆๆอย่าเงี้
00:30:36 → 00:30:38 อันนี้ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่คุณหมอพอดีมี
00:30:38 → 00:30:41 คำถามจากคุณผู้ฟังทางบ้านเนี่ยฝากถามขอขอ
00:30:41 → 00:30:44 ความรู้จากคุณหมอนิดนึงแล้วอย่างเงี้ยคน
00:30:44 → 00:30:47 ที่ไปตัดกระเพาะอาหารไอ้พวกสารอาหารทั้ง
00:30:47 → 00:30:50 หลายแล้วก็พวกวิตามินที่เราไปโค้งไป
00:30:50 → 00:30:52 เคี้ยวอะไรกันจนละเอียดเมันจะได้รับเท่า
00:30:52 → 00:30:57 กับคนที่มันมีกระเพาะอาหารปกติมยฮะพเอ๋อ
00:30:57 → 00:31:00 เป็นคำถามที่ดีมากนะครับคือจริงๆแล้วที่
00:31:00 → 00:31:02 เราไปเย็บกระเพาะเนี่ยเราจะเย็บกระเพาะ
00:31:02 → 00:31:06 ให้เล็กลงครับเพื่อว่าเราจะทานอาหารที่ลด
00:31:06 → 00:31:10 น้อยลงอ่าฮะแน่นอนคือแต่ว่าส่วนใหญ่ที่เ
00:31:10 → 00:31:13 ศึกษาคือเขาจะดีในช่วงแรกครับหมายคว่า
00:31:13 → 00:31:18 หลังผ่าสัใหม่ๆอืก็จะทานน้อยครับแต่พอสัก
00:31:18 → 00:31:20 ู่กาะเริ่มปรับตัวได้บางคนก็จะกลับมาทาน
00:31:20 → 00:31:22 เยอะเหมือนเดิมถ้าเราไม่ควบคุมตัวเองนะ
00:31:22 → 00:31:26 ครับแล้วนี่หมายถึงคกะนี้การที่เราทาน
00:31:26 → 00:31:28 น้อยลงเนี่ยแต่เราเลือกชนิดอาารหันได้ถูก
00:31:28 → 00:31:31 ต้องมยครับคการผูกกระเพาะเนี่ยมันคือ
00:31:31 → 00:31:34 กระเพาะเป็นด่านแรกไม่ใช่ตัวดูดซึมมันคือ
00:31:34 → 00:31:37 ตัวด่านแรกที่จะย่อยเ่อโปรตีนมากกว่าแล้ว
00:31:37 → 00:31:42 ก็บางส่วนก็คือไขมันทีนี้เ่อท่านผู้ฟัง
00:31:42 → 00:31:45 ถามว่าจะขาดสารอาหารมั้ยครับคือ
00:31:45 → 00:31:48 วัตถุประสงค์ที่เมัดเฉพาะคือให้ทานพวก
00:31:48 → 00:31:52 แป้งลดน้อยลงแต่ถ้าเราเลือกชนิดอาหารก็
00:31:52 → 00:31:55 คือเราเลือกอาหารที่หลากหลายเนี่ยเราทาน
00:31:55 → 00:31:57 ลดลงแต่เรามีสัส่วนแพกที่ลดลงเราก็จะไม่
00:31:58 → 00:32:01 ขาดสารอาหารอื่นครับนึกออกมั้ยฮะเพราะตัว
00:32:01 → 00:32:04 ที่ทำให้อ้วนก็คืออแป้งแป้งของหวานและไข
00:32:04 → 00:32:09 มันนะครับอืนะครับออโอเคงั้นก็ตอบว่ามัน
00:32:09 → 00:32:13 อาจจะไม่ขาดสันอาหารถ้าเราจัดอาหารที่ถูก
00:32:13 → 00:32:18 ตามสุขลักษณะนะครับอ๋อก็คือยังจะได้รับอ
00:32:18 → 00:32:22 ให้ครบทุกทุกหมวดหมู่นะครับอืยังคงได้รับ
00:32:22 → 00:32:26 อยู่แหละจะใช่แต่ทีนี้อย่าไปไว้ใจเรื่อง
00:32:26 → 00:32:29 ของการปปูกกาเฟะอย่างเดียวเพราะว่าพอถึง
00:32:29 → 00:32:33 เวลาร่างกายปรับตัวก็กลับมาทันเยอะได้ออห
00:32:34 → 00:32:38 สุดด้วยตัวเองแล้วครับอืของหมอเคยมีคนไข้
00:32:38 → 00:32:43 เอ่อหนัก 130 นะฮะน้องเ้าเป็นเพศชายอายุ
00:32:43 → 00:32:48 วัยรุ่นนะฮะเป็นญาเจ้าหน้าที่แล้วก็โอเี้
00:32:48 → 00:32:51 กลมกันนานแต่ตอนหลังเลดเหลือ 80 กลได้นะ
00:32:51 → 00:32:54 โอโดยวิธีธรรมชาติโดยวิธีการควบคุมและออก
00:32:54 → 00:32:57 กำลังกายควบคุมอหารและออกกำลังกายอือหือ
00:32:57 → 00:33:00 ดังนั้นั้นไม่มีคำอะไรคำว่ายากถ้าเราไม่
00:33:00 → 00:33:03 ได้เป็นโรคที่แบบชัดเจนเกินไปส่วนใหญ่ก็
00:33:03 → 00:33:05 ไม่ใช่อยู่แล้วนะครับแล้วก็อยู่ต่อเนื่อง
00:33:05 → 00:33:08 ยาวนานนะคะน้ำหนักที่ลดลงก็มีจะมาหล่อ
00:33:09 → 00:33:14 เป็นในแบบเลยครับบอือืสูง 180 กว่า 50
00:33:14 → 00:33:17 กิโลที่ลดลงได้ใช่อันนี้คือถ้าถ้าใจถูก
00:33:17 → 00:33:19 ต้องแต่ไม่ใช่เวลาเร็วนะก็คือเป็นเวลานก็
00:33:19 → 00:33:22 ค่อยๆเป็นค่อยๆไปใช่มั้ยครับคุณหมอถูก
00:33:22 → 00:33:25 ต้องถูกต้องคือมมีกำลังใจให้กับหลายคนที่
00:33:25 → 00:33:29 แม้แต่กิโล 1 2 กลก็ไปได้ก็หลงไม่ได้เลย
00:33:29 → 00:33:32 บางคนมักจะบ่นว่าแค่หายใจก็อ้วนแล้วอะไร
00:33:32 → 00:33:34 อย่างเงี้ยเออใช่
00:33:34 → 00:33:38 อมันจะถึงขั้นแบบมีบางคนที่ตัดกระเพาะไป
00:33:38 → 00:33:41 เลยมั้ยครับคุณหมอครับอุ้ยตัดทิ้งไปเลย
00:33:41 → 00:33:43 นี่มีมีมั้ยคุณหมอฮะจะเอาอะไรเื่ออะไรฮะ
00:33:43 → 00:33:46 ตัดเพื่อตัเตัวนี้ลดน้ำหนักเหรอฮะเอออะไร
00:33:46 → 00:33:48 อย่างเงี้ไม่ได้มาถ้าตเพะถ้าตัดเพะถ้าตัด
00:33:48 → 00:33:51 เพราะโรคมันก็มีนะครับเพพพวกมะเร็งอ๋อคน
00:33:51 → 00:33:54 ที่รักษาโรคแล้วต้องตัดกระเพาะอืมะเร็ง
00:33:54 → 00:33:58 กระเพาะอาหารก็ไปแต่ว่าเอ่อจริงๆแล้วถ้า
00:33:58 → 00:34:00 ถ้าเลือกได้ก็จะตัดเป็นบางส่วนถ้าเป็น
00:34:00 → 00:34:02 ระยะที่ส่วนใหญ่ก็ตัดเป็นบางส่วนนะครับ
00:34:02 → 00:34:05 ไม่ถึงก็ตัดทั้งหมดอ๋ออันนี้คือเพราะมี
00:34:05 → 00:34:07 คุณผู้ฟังฝากถามมาคือในกรณีที่คนเป็น
00:34:07 → 00:34:10 มะเร็งกระเพาะอืเออเนี่ยมันจะส่งผลกระทบ
00:34:10 → 00:34:12 ต่อการย่อยมเรื่องของสารอาหารทั้งหลาย
00:34:12 → 00:34:15 ทั้งแหละที่เราได้จากการรับประทานอาหาร
00:34:15 → 00:34:18 เนี่ยมันจะส่งผลกระทบหรือไม่ครับนี่
00:34:18 → 00:34:21 เรื่องของดีมากเป็นคำถามที่ดีฮะถ้าเราไม่
00:34:21 → 00:34:23 มีกระเพาะก็มีบางกรณีที่เราไม่มีกระเพาะ
00:34:24 → 00:34:26 นะครับกระเพาะไม่ทำงานเราต้องตัดมันทิ้ง
00:34:26 → 00:34:28 สมมุตินะครับค่ะ
00:34:28 → 00:34:32 เราก็ต้องให้อาหารชนิดพิเศษเพราะปกติแล้ว
00:34:32 → 00:34:35 ครับก็เป็นด่านแรกในการย่อยโปรตีนนะครับ
00:34:35 → 00:34:38 ออส่วนคาร์โบไฮเดรตอะไรต่างๆเนี่ยมันอาจ
00:34:38 → 00:34:42 จะไม่ได้มีผลมากอืเราก็ต้องเป็นอาหารชนิด
00:34:42 → 00:34:45 พิเศษที่เรียกว่า PR digested mil หมาย
00:34:45 → 00:34:49 ความว่าอาหารก่อนย่อยขั้นสุดท้ายก็คือ
00:34:49 → 00:34:51 ย่อยไปบางส่วนละอือจะมีอาหารพิเศษซึ่ง
00:34:51 → 00:34:55 เมืองไทยยังหายากอยู่นะครับอ๋อครับนะครับ
00:34:55 → 00:35:00 ก็คงจะต้องก็ตอบคำถามว่าเราก็เอ่ออย่า
00:35:00 → 00:35:04 เพิ่งไปคิดไปไกขนาดนั้นตอบคำถามสหปนี้
00:35:04 → 00:35:07 ครับอ่ออคุณหมอถ้าบางคนก็บอกว่าเราเคี้ยว
00:35:07 → 00:35:10 ไม่ละเอียดแล้วเอาล่ะเรามาใส่เครื่องปั่น
00:35:10 → 00:35:15 ไปเลยแล้วก็หยิบอะไรที่บดเคี้ยวยยากๆปั่น
00:35:15 → 00:35:19 ไปเลยแล้วก็ดื่่มได้ผลต่างกันตตตอไปแล้ว
00:35:19 → 00:35:21 ก่อนหน้านี้แล้วก็คืออย่างที่บอกพี่ว่า
00:35:21 → 00:35:24 เราก็แล้วแต่ชิ้นอาหารเช่นเนื้อสัตว์
00:35:24 → 00:35:26 เนี่ยเราก็อาจจะมาตุนก็ได้หั่นสัตวเป็น
00:35:26 → 00:35:30 ชิ้นเล็กๆก็ได้ใช่ทำเป็นซุปก็ได้อืปลานี่
00:35:30 → 00:35:33 ย่อยง่ายอยู่แล้วปลาก็ทำให้นิ่มออกมนะ
00:35:33 → 00:35:36 ครับมันก็ช่วยในการิให้ดีขึ้นผผักนี่ก็
00:35:36 → 00:35:39 อาจจะปับปั่นเป็นมูตก็ได้นะฮเพราะว่าแต่
00:35:39 → 00:35:43 ต้องต้องอเอ่อล้างให้สะอาหรือหั่นเป็น
00:35:43 → 00:35:45 ชิ้นเล็กๆนะครับบางคนก็ไปต้มเป็นจับใส่
00:35:45 → 00:35:48 แต่ต้มหมอไม่แนะนำเพราะว่าคล้ายๆมันจะ
00:35:48 → 00:35:51 วิทมนเกแร่มันก็หายไปหนะครับอหมดอโดนความ
00:35:51 → 00:35:55 ร้อนเข้าไปก็เี้ยงนะครับอือฮึอควรจะทาน
00:35:55 → 00:35:58 เป็นรูปแบบสดหรือว่าผัดเม็ดน้น้นะครับ
00:35:58 → 00:36:02 กว่าอืถ้ามีปัญหาเรื่องการเคี้ยวมันเผือ
00:36:02 → 00:36:06 ก็ต้มให้เละให้มันนิ่มนิ่มได้นะครับอืัก
00:36:06 → 00:36:08 ทองเราประยุกตได้ครับไม่ต้องถึงกับบดก็
00:36:08 → 00:36:11 ได้ครับเพราะว่ามันจะกลายเป็นอาหารปั่น
00:36:11 → 00:36:15 เอ่อที่ออฟฟิศเอ่อสำหรับคนที่ให้อาหารทาง
00:36:15 → 00:36:20 สายยางมาเกไปมันจะทำคือจริงๆแล้วเราเนี่ย
00:36:20 → 00:36:21 ก็เป็นความสุขแบบหนึ่งการรับประทานเป็น
00:36:21 → 00:36:24 ความสุขอย่างนึงมครับฉะนั้นถ้าเราไปรับ
00:36:24 → 00:36:27 ประทานเป็นอาหารที่แบบเป็นสั่นรวมกัน
00:36:27 → 00:36:30 อย่างเงี้ยรสชาติมันก็จะเป็นแบนึงอออืเรา
00:36:30 → 00:36:34 ก็จะทำให้ทุกทุกข์มากขึ้นนิดนึงนะครับ
00:36:34 → 00:36:37 หั่นเป็นชิ้นเล็กก่อนนะขั้นแรกนะคะโอทำ
00:36:37 → 00:36:40 ให้นิ่มมันมีเทคนิคของเคอนะครับเก็มีคน
00:36:40 → 00:36:43 พูดถึงนะฮะเพราะในอินเทอร์เน็ตก็มีคนพูด
00:36:43 → 00:36:46 บ้างว่าทำอย่างไรสำหรับคนที่มีปัญหา
00:36:46 → 00:36:49 เรื่องการเคี้ยวนะครับอ
00:36:49 → 00:36:52 อืคือมันก็อาจจะสอดคล้องกับเนี่ยมีคำถาม
00:36:52 → 00:36:54 คุณผู้ฟังทางบ้านก็คือมันจะกรณีคล้ายๆกับ
00:36:54 → 00:36:57 พี่นกเลยคุณผู้ฟังทางนี้บอกว่าคือถ้าโห
00:36:57 → 00:37:00 ถ้ามันฟังดูมันมันดูอาจจะดูยากไปสักนิด
00:37:00 → 00:37:02 นึงเนี่ยเคเคี้ยวไม่ละเอียดแหละว่าข้าว
00:37:02 → 00:37:04 โอ้โหกว่าจะต้องเคี้ยวกว่าอะไรเงี้ยกิน
00:37:04 → 00:37:07 โจ๊กแทนเลยได้มั้ยเออเอาเป็นโจ๊กแทนเลย
00:37:07 → 00:37:10 ได้มั้ยโจ๊กก็ได้โจ๊ก็มีโก็ได้นะครับแต่
00:37:10 → 00:37:12 เราจะจะทานโจ๊กทุกมื้อเราก็โอมันก็ก็ไม่
00:37:12 → 00:37:17 ได้แหมมันก็นะนิดนึงนะคุณหมอนะเออก็ก็
00:37:17 → 00:37:20 เลือกกันเป็นทางที่ดีคือแก้ปัญหาเรื่อง
00:37:20 → 00:37:23 ฟันดีกว่าถ้าแก้ได้หรือว่าเราป้องกัน
00:37:23 → 00:37:25 รักษาฟันดูแลฟันให้ดีทำความตัดฟันให้
00:37:25 → 00:37:29 เครี่ยงอย่าให้รถคือฟันจะผูก็คือเส็จ
00:37:29 → 00:37:31 อาหารมันข้างอยู่ในเี่แหละครับอแล้วก็
00:37:31 → 00:37:34 แบคทีเรียทำยาแล้วก็เป็นกดใช่มั้ยเวา
00:37:34 → 00:37:37 สังเกตมั้ยบางทีเราอมตอนเๆอมแป้งอมข้าว
00:37:37 → 00:37:38 อยู่ใน
00:37:38 → 00:37:42 ปากหอย้อนให้ให้พี่น้องพี่ดรมย้อนไปย้อน
00:37:42 → 00:37:45 อมข้าวจรอันนี้เห็นภาพเลยอเห็นภาพตัวเอง
00:37:45 → 00:37:48 ลอยมาเลยอ่ะตอนทำไมเด็กต้องอมคุณหมอเพไม่
00:37:48 → 00:37:50 เคี้ยวนะเพราะว่ามันกลายเป็นน้ำตาลใช่
00:37:50 → 00:37:52 มั้ยฮะออเด็กมันจะเป็นกรดเพราะว่ามัน
00:37:52 → 00:37:55 เปรี้ยวถูกต้องมั้ยฮะแลไอความเป็นกรด
00:37:55 → 00:37:58 เนี่ยเปี่ยวเทียบกับเอ่อพวกขนมหรืออะไร
00:37:58 → 00:38:00 ที่มันอยู่ในป่าหรือลูกอมเนี่ยที่มันเป็น
00:38:00 → 00:38:02 คราบน้ำตาลเนี่ยมันก็จะเป็นกดแล้วก็จะ
00:38:02 → 00:38:05 ทำลายเ่อเคือบฟันแล้วก็เป็นสาเหตุสำคัญ
00:38:05 → 00:38:08 ที่ทำให้เกิดฟันที่เราป้องกันได้นะครับอื
00:38:08 → 00:38:12 ออเป็นอย่างงี้เป็นงงี้การทำความสาดฟันก็
00:38:12 → 00:38:14 การแปลงฟันก็ต้องแปลงให้พูดแหมอฟันนะอนี้
00:38:14 → 00:38:16 ไม่ใช่หมอฟันก็คือโอได้ค่ะคุณหมอก็เป็น
00:38:16 → 00:38:20 ส่วนแรกของการบดเทำความสดครับควรจะต้องทำ
00:38:20 → 00:38:23 ความสะอาดเอ่อซอกฟันด้วยเอ่อของผมก็ใช้
00:38:23 → 00:38:26 นิยมใ้ไผัดฟันนะครับมันอาจจะลำบากนิดนึง
00:38:26 → 00:38:28 นะฮแต่ว่าไปเรยแล้วมันจะเคยชินแล้วมันจะ
00:38:28 → 00:38:31 ทำได้อือือันนี้อันนี้คือสิ่งที่คุณหมอ
00:38:31 → 00:38:34 แนะนำเนาก็คือเครื่องเครื่องใช้ในการบด
00:38:34 → 00:38:37 อาหารเก็ฟันเรานี่แหละนะสำหรับคนที่ยัง
00:38:37 → 00:38:41 อยู่ในวัยที่ยังไม่ใช่ 60 ขึ้นก็ดูแลฟัน
00:38:41 → 00:38:44 น่ะนะคะผู้สูงวัยก็อาจจะต้องเอ่อเปลี่ยน
00:38:44 → 00:38:48 ฟันไปอีกชุดนึงแล้วก็ต้องดูอีกแบบนึงแต่
00:38:48 → 00:38:51 ยังแข็งแรงอยู่ก็อย่างดรมก็บุฟเฟ่ต์ลดลง
00:38:51 → 00:38:55 นิดนึงครับจะพยายามจะพยายามนี่มีคุณผู้
00:38:55 → 00:38:57 ฟังทางบ้านนะบอกว่าฟังคุณหมอแล้วบอกว่าต
00:38:57 → 00:38:59 ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เดี๋ยวจะปฏิญาณตัวเอง
00:38:59 → 00:39:02 เลยว่าจะเคี้ยวอาหารให้ช้าลงเอเออเป็น
00:39:02 → 00:39:04 จังหวะดึงดึงจังหวะหน่อยนะคุณหมอเนาะอย่า
00:39:04 → 00:39:07 ไปล็อกแโมาดีใจนะฮะตั้งแต่มาออกรายการ
00:39:07 → 00:39:09 เนี่ยตั้งแต่ครั้งแรกจนผมรู้สึกว่าเป็น
00:39:09 → 00:39:13 อีกสิ่งนึงที่ผมได้ได้ทำหน้าที่เป็นแพทย์
00:39:13 → 00:39:16 ครับใช่ค่ะได้ได้ให้ความรู้ก็ดีใจนะฮะ
00:39:16 → 00:39:18 จริงๆผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าเหนื่อยอะไรเลย
00:39:18 → 00:39:22 นะครับอืคุณหมอทีนี้มีอีกนผมถามมีคุณผู้
00:39:22 → 00:39:26 ฟังทางบ้านถามมาอีกคือถ้าทานอาหารแบบว่า
00:39:26 → 00:39:31 สำเร็จรูปแบบผงผสมนมแทนแบบนี้เนี่ยมันจะ
00:39:31 → 00:39:35 ได้สารอาหารที่มันเหมือนกับที่เราเคี้ยว
00:39:35 → 00:39:37 ได้มั้ยครับพอจะทดแทนได้มั้ยครับคุณหมอ
00:39:37 → 00:39:40 ครับเออเพราะว่าจริในนมสมัยนี้มันก็มีดี
00:39:40 → 00:39:42 นะฮะคือมันแล้วแต่ยี่ห้อแล้วก็แล้วแต่
00:39:42 → 00:39:45 สูตรของเขาด้วยครับในนมปัจจุบันเนี้ยถ้า
00:39:45 → 00:39:49 โดยเฉพาะยี่ห้อที่เค้าเอ่อผ่านการรับรอง
00:39:49 → 00:39:52 มาตรฐานมาแล้วเนี่ยเ้าก็จะมีดูข้าง
00:39:52 → 00:39:55 กระป๋องก็จะมีสารอาหารครบทุกอย่างนะครับ
00:39:55 → 00:39:59 แต่ทีนี้เราเอาไว้ทำเสริมดีกว่ามครับอื
00:40:00 → 00:40:02 ไม่แนะนำไม่อยากจะให้เป็นหลักใช่มั้ยคุณ
00:40:02 → 00:40:05 หมอคือคือจริงๆแล้วในถักผลไม้เนี่ยมันก็
00:40:05 → 00:40:08 นอกจากมีวิตามินตัวแรกที่อาจจะออาจจะพบใน
00:40:08 → 00:40:11 เหมือนกับในกระป๋องนมใช่มั้ยฮะในนมครับใน
00:40:11 → 00:40:14 ในสารอาหารที่ผสมเเอามาชงรับประทานเนี่ยย
00:40:14 → 00:40:16 แต่ว่าสิ่งที่มีไม่มีก็คือคำว่า
00:40:16 → 00:40:20 พรีไบโอติกหรือเป็นพวกเส้นใหญ่อาหารนะ
00:40:20 → 00:40:23 ครับซึ่งพวกเนี้ยก็มีความจำเป็นกับเอ่อ
00:40:23 → 00:40:27 จุลชีเอ่อจุลแบคทีเรียที่ดีในเฉพาะในลำ
00:40:27 → 00:40:31 ไส้ใหญ่่นะครับอืคณหมอเ้าเป็นตัวเส้นใย
00:40:31 → 00:40:34 อาหารเป็นเป็นอาหารเป็นพรีไบโอติกสำหรับ
00:40:34 → 00:40:38 โปรไบโอติกนะครับอืเพิ่มความยินดีน่ายิน
00:40:38 → 00:40:42 ดีให้คุณหมอกิตตินะคะมีคุณผู้ฟังฟังจาก
00:40:42 → 00:40:45 ต่างประเทศเลยนะคะที่นี่ยังหนาวอยู่โห
00:40:45 → 00:40:48 ขนาดนั้นเลยก็เลยน้องดรมก็สอบถามไปเเออ
00:40:48 → 00:40:51 ฟังจฟังจากเว็บไซต์ฟังจากแคนาดาหมกิติใช่
00:40:51 → 00:40:55 ๆๆคุณหมอก็ไปไกที่โอ้เป็นไงทั่วโลกเลยนะค
00:40:55 → 00:40:59 จะแบ่งอุณภูมิมาให้เราบ้างอุณภูมิใช่ๆ
00:40:59 → 00:41:01 ขอบคุณที่ช่วยฟังนะขอบคุณใช่ขอบพระคุณมาก
00:41:01 → 00:41:03 ขอบพระคุณมากด้วยนะครับคุณหมอคุณหมอช่วง
00:41:03 → 00:41:05 ท้ายแล้วครับคุณหมอครับอยากจะให้คุณหมอ
00:41:05 → 00:41:08 ฝากทิ้งท้ายอะไรถึงคุณผู้ฟังเยวละเอียดๆ
00:41:08 → 00:41:10 แล้วชีวิตจะดียังไงคะใช่ครับคุณหมอครับ
00:41:10 → 00:41:14 ยอดเยี่ยมเลยฮะค่ะก็ต้องบอกว่าการทาน
00:41:14 → 00:41:18 อาหารเราเลือกได้เพื่อทานที่เอ่อให้
00:41:18 → 00:41:21 สุขภาพเราดีนะครับกับหรือเราจะทำให้
00:41:21 → 00:41:25 สุขภาพเราทรุดโทรมนะครับก็แนะนำว่าการรับ
00:41:25 → 00:41:28 ประทานอาหารที่ดีนอกจากกปริมาณอาหารและ
00:41:28 → 00:41:32 ชนิดอาหารที่ดีแล้วเนี่ยยังจะต้องใส่ใจ
00:41:32 → 00:41:35 เรื่องการเคี้ยวอาหารเพราะการเคี้ยวอาหาร
00:41:35 → 00:41:38 ก็คือด่านแรกของการย่อยและการดูดซึมอาหาร
00:41:38 → 00:41:41 นั่นเองครับการเคี้ยวที่ดีก็คือจะต้อง
00:41:41 → 00:41:44 เคี้ยวช้าให้ละเอียดอย่างที่พูดไปตอนต้น
00:41:44 → 00:41:47 ก็คือให้ใช้ความรู้สึกเราว่าละเอียดเป็น
00:41:47 → 00:41:50 ที่พอจะคืนแล้วพร้อมแล้วเนี่ยอย่างใจเย็น
00:41:50 → 00:41:54 แล้วให้เคี้ยวต่อไปอีกสัก 4-5 ครั้งแล้ว
00:41:54 → 00:41:58 ค่อยๆรับประทานค่อยๆกลืนลงไปนะครับอืก็จะ
00:41:58 → 00:42:02 ต้องช้าๆนิดนึงดึงจังหวะด้วยนะคะอือครับ
00:42:02 → 00:42:05 แล้วก็ดูแลุภาพฟันให้ดีเพื่อเขาจะได้อยู่
00:42:06 → 00:42:10 กับเรานานๆเราจะได้เอ่อรับประทานอาหารได้
00:42:10 → 00:42:12 แม้กระทั่งเคี้รับประทานอาหารแบบเคี้ยว
00:42:12 → 00:42:16 ได้ละเอียดจนข้างสูงไวได้นะครับก็ขอให้สุ
00:42:16 → 00:42:19 มีสุขภาพดีขึ้นเรื่อยๆครับหลังจากฟังราย
00:42:19 → 00:42:21 การนี้โอต้องเชิญคุณหมอมาบ่อยบ่อยวันนี้
00:42:21 → 00:42:24 กราบขอบพระคุณคุณหมอมากๆนะครับรู้สึกยิน
00:42:24 → 00:42:25 ดีและเป็นเกียรติมากๆนะครับที่คุณหมอมา
00:42:25 → 00:42:28 ให้ความรู้กคคืนวนี้ครับขอบพระคุณมากๆนะ
00:42:28 → 00:42:33 ครับคุณหมอครับครับสวัสดีครับ