00:00:00 → 00:00:02 ปัญหาที่เกิดกับผู้สูงอายุ กับลูกหลานก็คือ
00:00:02 → 00:00:04 ความที่ทั้งสองฝ่าย
00:00:04 → 00:00:06 ต่างมีทัศนคติที่
00:00:06 → 00:00:07 มองกันคนละแบบคนละมุม
00:00:07 → 00:00:09 ทำให้เกิดความไม่ค่อยเข้าใจกัน
00:00:10 → 00:00:20 [เสียงดนตรี]
00:00:20 → 00:00:22 ทำไมผู้สูงอายุถึงขี้บ่น
00:00:22 → 00:00:24 แล้วก็จุกจิกสารพัดเรื่องเลย
00:00:24 → 00:00:26 ถามว่าทำไมผู้สูงอายุต้องเป็นแบบนั้น
00:00:26 → 00:00:28 อาจารย์คิดว่ามีหลายปัจจัย
00:00:28 → 00:00:30 บางปัจจัยก็คือเขาอยู่บ้านมาตลอด
00:00:30 → 00:00:31 อาจจะไม่ได้พูดกับใครเลย
00:00:31 → 00:00:34 พอลูกมาถึงก็วางนู่นวางนี่วางนั่น
00:00:34 → 00:00:35 ด้วยความที่อยากจะพูดด้วย
00:00:35 → 00:00:37 แต่นึกไม่ออกว่าจะ พูดอย่างไรให้มันดีก็
00:00:37 → 00:00:38 เริ่มบ่นไว้ก่อน
00:00:38 → 00:00:39 [เสียงดนตรี]
00:00:39 → 00:00:40 ถ้าเราเข้าใจว่า
00:00:40 → 00:00:43 อันนี้เป็นเหมือนกับ การเปิดบทการสนทนา
00:00:43 → 00:00:45 อย่าไปคิดว่านี่เป็นการบ่น
00:00:45 → 00:00:47 อันนี้แทนที่เราจะไปพูดว่า
00:00:47 → 00:00:48 เอาอีกแล้วบ่นอีกแล้ว
00:00:48 → 00:00:49 นะคะเราอาจจะบอกว่าอ๋อ
00:00:49 → 00:00:51 นี่เท่ากับหมายความว่าฮัลโหล
00:00:51 → 00:00:53 สวัสดีจ้าเธอกับมาแล้วเหรอ
00:00:53 → 00:00:54 อะไรอย่างนี้นะคะ
00:00:54 → 00:00:55 ก็คือหมายถึงการเปิดบทสนทนา
00:00:55 → 00:00:56 อยากให้
00:00:56 → 00:00:57 คนที่อยู่ด้วยกันนะคะ
00:00:57 → 00:00:59 ลูกหลานเนี่ยดูว่าจริง ๆ แล้ว
00:00:59 → 00:01:00 ถ้าเกิดท่านบ่น
00:01:00 → 00:01:01 ในเรื่องที่เป็นเรื่องเกี่ยวกับ
00:01:01 → 00:01:02 ตัวของเรา
00:01:02 → 00:01:04 อย่างเช่น ถามว่าอันนี้ทำหรือยัง
00:01:04 → 00:01:05 อันนั้นทำหรือยังเนี่ย
00:01:05 → 00:01:07 อาจารย์คิดว่าก็เป็นเรื่องที่เขา
00:01:07 → 00:01:08 เป็นห่วง
00:01:08 → 00:01:09 ไก่
00:01:09 → 00:01:10 อย่ากลับดึกนะลูก
00:01:10 → 00:01:13 แล้วก็อย่าดื่มเหล้าให้มากล่ะแม่เป็นห่วง
00:01:14 → 00:01:14 ได้ครับแม่
00:01:14 → 00:01:15 อย่างพึ่งไปรำคาญ
00:01:16 → 00:01:17 นะคะลองฟังสักนิดหนึ่งว่า
00:01:17 → 00:01:18 มันเป็นอย่างไร
00:01:19 → 00:01:20 แล้วดูซิว่าเราจะทำอะไรได้บ้าง
00:01:21 → 00:01:22 และบางครั้งเนี่ย
00:01:22 → 00:01:23 เราอาจจะใช้น้ำเสียงที่ดี ๆ ก็บอก
00:01:23 → 00:01:25 จ้า คุณยาย
00:01:26 → 00:01:27 แต่เดี๋ยวจัดการให้นะ
00:01:27 → 00:01:28 อะไรอย่างนี้นะคะ
00:01:28 → 00:01:30 แล้วก็จบไปซึ่งบางทีเนี่ย
00:01:30 → 00:01:31 ก็ยังไม่ได้จัดการหรอก
00:01:31 → 00:01:32 คิดจะไปทำอย่างอื่นก่อน
00:01:32 → 00:01:33 แต่ว่าทำให้เขา
00:01:34 → 00:01:36 รู้สึกสบายขึ้นสักหน่อยหนึ่งนะคะ
00:01:36 → 00:01:37 ไก่
00:01:37 → 00:01:38 (แม่) ปิดไฟหรือยังลูก
00:01:39 → 00:01:40 (ลูก) ปิดแล้วครับแม่
00:01:40 → 00:01:42 (แม่) ปิดหรือยังลูกไปไฟน่ะ
00:01:42 → 00:01:45 การถามซ้ำซากก็คือ ผู้สูงอายุอาจจะถาม
00:01:45 → 00:01:46 เรื่องใดเรื่องหนึ่ง
00:01:46 → 00:01:47 ถามในคำถามเดียว
00:01:47 → 00:01:49 อย่างเดิมซ้ำ ๆ กับคนเดิมนะคะ
00:01:49 → 00:01:51 อย่างเช่น ปิดไฟหรือยัง
00:01:51 → 00:01:52 แล้วก็ปิดไฟหรือยัง
00:01:52 → 00:01:53 แล้วปิดไฟหรือยังอะไรแบบนี้นะคะ
00:01:53 → 00:01:54 หรือว่า
00:01:54 → 00:01:56 จะไปไหน จะไปไหน
00:01:56 → 00:01:57 ซึ่งของพวกนี้
00:01:57 → 00:01:59 ทำไมจะถามซ้ำซาก ก็คือเขาอาจจะกังวล
00:02:00 → 00:02:02 อาจเป็นของที่เขาจะเห็นว่า
00:02:02 → 00:02:04 เกิดเหตุการอย่างนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ
00:02:04 → 00:02:05 เขาก็ต้องถาม
00:02:05 → 00:02:07 เพื่อที่เขาจะได้รู้สึกว่า
00:02:07 → 00:02:09 ถ้าตอบว่าเรียบร้อยแล้ว เขาอาจจะได้สบายใจ
00:02:09 → 00:02:10 หรือ
00:02:10 → 00:02:12 นะคะว่าถ้ามองไปอีกด้านหนึ่งเนี่ย
00:02:12 → 00:02:14 ผู้สูงอายุท่านนั้นก็อาจ จะมีความผิดปกติ
00:02:14 → 00:02:17 ถ้าก่อนหน้านี้เขา ไม่เคยถามซ้ำขนาดนี้
00:02:17 → 00:02:19 แล้วถามซ้ำแล้วซ้ำอีก
00:02:19 → 00:02:20 ในคำถามเดิม
00:02:20 → 00:02:21 ถามกับคนเดิม
00:02:21 → 00:02:22 หรือ
00:02:22 → 00:02:23 ให้คำตอบไปแล้ว
00:02:23 → 00:02:25 แล้วก็เหมือนไม่ได้ฟังไม่ได้ตั้งใจ
00:02:25 → 00:02:27 เขาอาจเป็นโรคบางอย่างได้
00:02:27 → 00:02:29 เช่น เขาอาจจะเป็นโรค
00:02:29 → 00:02:30 ที่เกี่ยวกับซึมเศร้าได้
00:02:31 → 00:02:32 หรือ
00:02:32 → 00:02:35 คนไข้อาจจะมีเรื่อง ของการวิตกกังวลสูง
00:02:35 → 00:02:37 หรืออาจจะมีเรื่องของ
00:02:37 → 00:02:39 เป็นสมองเสื่อมระยะต้น ๆ ได้
00:02:39 → 00:02:43 [เสียงดนตรี]
00:02:43 → 00:02:45 เวลาที่เราเจอผู้สูงอายุหลับบ่อย ๆ
00:02:45 → 00:02:47 ทั้งวันนะคะต้องคิดหลายเรื่องมาก
00:02:47 → 00:02:49 อันที่ 1 ก็คือเมื่อคืนเขานอนดีหรือเปล่า
00:02:49 → 00:02:51 บางครั้งมันมีเรื่องหลายเรื่อง
00:02:51 → 00:02:53 ที่ทำให้เขานอนไม่ดีตอนกลางคืน
00:02:53 → 00:02:54 ถ้าเป็นผู้ชาย
00:02:54 → 00:02:56 บางทีเขาต่อมลูกหลากโต
00:02:56 → 00:02:57 ตอนที่เขาปัสสาวะ
00:02:57 → 00:02:59 แทนที่จะฉี่หมดมันก็ไม่หมดค่ะ
00:02:59 → 00:03:00 พอกลางคืนเขานอนไม่ดี
00:03:00 → 00:03:02 เขาก็มานอนเอาตอนกลางวัน
00:03:02 → 00:03:03 อีกอันหนึ่งเรื่องของการนอนเนี่ย
00:03:03 → 00:03:04 บางครั้งผู้สูงอายุเหมือนหลับ
00:03:05 → 00:03:07 แต่ว่าจริง ๆ คุณภาพการนอนไม่ดีคือ
00:03:07 → 00:03:08 เรื่องของนอนกรน
00:03:08 → 00:03:09 เราก็เห็นเขาหลับ
00:03:09 → 00:03:10 เขานอนกรนสงสัยหลับลึกมาก
00:03:11 → 00:03:11 แต่จริง ๆ ไม่ใช่
00:03:11 → 00:03:13 พอเขากรนเขาหยุดหายใจ
00:03:13 → 00:03:14 พอหยุดหายใจ
00:03:14 → 00:03:17 ร่างกายก็บอกไม่ได้แล้ว ถ้าหยุดหายใจต้องตื่น
00:03:17 → 00:03:18 อันนี้คือคุณภาพการนอนไม่ดี
00:03:18 → 00:03:19 ของพวกนี้ต้องแก้ไข
00:03:19 → 00:03:20 [เสียงดนตรี]
00:03:20 → 00:03:23 จริง ๆ ถ้ามีคนพาเขาไปออกกำลังกาย
00:03:23 → 00:03:24 การออกกำลังกาย
00:03:24 → 00:03:27 ช่วยในเรื่องของการ นอนหลับได้หลายเรื่อง
00:03:27 → 00:03:28 แต่อันที่เห็นชัด ๆ ก็คือว่า
00:03:28 → 00:03:31 ถ้าได้ออกกำลังกาย ในช่วงที่มีแสงแดด
00:03:31 → 00:03:32 ก็จะทำให้นาฬิกา
00:03:32 → 00:03:33 ของร่างกายเราเนี่ย
00:03:33 → 00:03:35 รู้ว่าเป็นช่วงเวลากลางวัน
00:03:35 → 00:03:37 และเมื่อพระอาทิตย์ตกไป
00:03:37 → 00:03:39 นาฬิกาตัวนั้นก็จะบอก
00:03:39 → 00:03:40 ว่าตอนนี้พระอาทิตย์ตกแล้วนะ
00:03:40 → 00:03:42 ก็คือเป็นช่วงกลางคืน
00:03:42 → 00:03:43 นาฬิกาในหัวมันจะถูกกระตุ้นว่า
00:03:43 → 00:03:45 พระอาทิตย์ตกแล้วมัน จะปล่อยสารบางตัวออกมา
00:03:45 → 00:03:46 ซึ่งทำให้
00:03:46 → 00:03:48 คนอยากจะนอนอยากจะหลับ
00:03:48 → 00:03:49 ซึ่งสารอันนั้นเนี่ย
00:03:49 → 00:03:52 เดี๋ยวนี้คนก็มีใช้มาเป็นรูปของยาเม็ด
00:03:52 → 00:03:53 ที่เราเรียกว่าเมลาโทนิน
00:03:53 → 00:03:54 นะคะแต่ว่าจริง ๆ แล้ว
00:03:55 → 00:03:57 เมลาโทนินสร้างขึ้นในตัวของเราเอง
00:03:57 → 00:04:01 [เสียงดนตรี]
00:04:01 → 00:04:01 ผู้สูงอายุ
00:04:01 → 00:04:03 มักจะถูกกล่าวหาว่า
00:04:03 → 00:04:04 ขี้เหนียวเหลือเกิน
00:04:04 → 00:04:06 แล้วก็ไอ้นู่นก็ไม่เอาไอ้นี่ก็ไม่เอา
00:04:06 → 00:04:07 แล้วก็ทุกอย่างก็แพงไปหมด
00:04:07 → 00:04:09 ลูกหลานก็รู้สึกว่า
00:04:09 → 00:04:10 มันเป็นเรื่องอะไรที่น่ารำคาญ
00:04:11 → 00:04:13 เพราะว่าจริง ๆ แล้วลูกหลาน หาเงินได้เยอะแล้ว
00:04:13 → 00:04:14 อาจารย์ก็อยากให้
00:04:14 → 00:04:15 เข้าใจสักนิดหนึ่งค่ะว่า
00:04:15 → 00:04:16 ของทุกอย่างเนี่ย
00:04:17 → 00:04:18 มันมีที่มาที่ไป
00:04:18 → 00:04:20 ในชีวิตที่ผ่านมาของเขาเนี่ย
00:04:20 → 00:04:21 ไม่สะดวกสบายอย่างปัจจุบัน
00:04:21 → 00:04:23 หลายบ้านหลายคนที่เขา
00:04:23 → 00:04:26 มีวันดี ๆ ให้กับลูกวันนี้เนี่ย
00:04:26 → 00:04:27 เป็นเพราะว่าเขา
00:04:27 → 00:04:28 ประหยัดมัธยัดสถ์
00:04:28 → 00:04:29 แล้วก็เก็บหอมรอมริบ
00:04:30 → 00:04:32 แล้วก็เขาคิดว่าอันนี้ เป็นอันที่เป็นปัจจัย
00:04:32 → 00:04:35 ที่จะทำให้ชีวิตต่อไปข้างหน้ามันดี
00:04:35 → 00:04:36 เราต้องเข้าใจเขา ว่าถ้าเขาอย่างนั้น
00:04:37 → 00:04:38 เขารับได้ขนาดไหน
00:04:38 → 00:04:39 เราก็เลือก
00:04:39 → 00:04:42 ให้การดูแลเขาตามที่สมควร
00:04:42 → 00:04:46 [เสียงดนตรี]
00:04:46 → 00:04:47 ผู้สูงอายุชอบเก็บของ
00:04:47 → 00:04:49 เต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดเลย
00:04:49 → 00:04:50 ชิ้นนั้นอันนี่ก็เก็บอันนี้ก็เก็บ
00:04:50 → 00:04:52 ทั้ง ๆ ที่ของบางอันเนี่ย
00:04:52 → 00:04:53 ใช้ไม่ได้แล้ว
00:04:53 → 00:04:54 หรือบางทีเช่น
00:04:54 → 00:04:56 เขาบอกว่าอาจารย์หนูไม่เข้าใจเลย
00:04:56 → 00:04:58 จะเก็บไว้ทำไมจานบิ่น ๆ อันนี้
00:04:58 → 00:05:01 ในข้าวของหลายสิ่งมันมี ประวัติศาสตร์ของมันอยู่
00:05:01 → 00:05:03 เราอาจจะมองคุณค่า ของมันแค่จานใบหนึ่ง
00:05:03 → 00:05:04 ที่จะมาใส่ข้าว
00:05:04 → 00:05:06 แต่จริง ๆ จานนี้มันมีประวัติศาสตร์
00:05:06 → 00:05:07 ซึ่งหมายความว่า
00:05:07 → 00:05:08 อาจจะเป็นจานชุดแรก
00:05:09 → 00:05:11 ที่เขามีเงินที่จะซื้อมา
00:05:11 → 00:05:13 เราอาจจะต้องดูซิว่าทำอย่างไร
00:05:13 → 00:05:15 ที่จะสามารถเก็บไว้ได้
00:05:15 → 00:05:18 โดยที่เราก็ไม่รู้สึกรำคาญว่ามันรก
00:05:18 → 00:05:20 ต้องมีวิธีการมีขั้นตอน จะเก็บใส่กล่องใส่ลัง
00:05:20 → 00:05:22 แต่ว่าเขาต้องสามารถที่จะ
00:05:22 → 00:05:23 ไปดูมันได้