00:00:00 → 00:00:03 This Is tha PBS podcast View the
00:00:03 → 00:00:07 world vi The Voice เฮ้ยบางทีเราห้อม
00:00:07 → 00:00:09 ล้อมด้วยผู้คนมากมายแต่ทำไมยังเหงานั่น
00:00:09 → 00:00:11 เป็นเพราะว่าระดับชั้นของความผูกพันหรือ
00:00:11 → 00:00:13 ระดับความสัมพันธ์นะครับมันอาจจะเป็นแค่
00:00:13 → 00:00:16 ชั้นข้างนอกคือเป็นแค่คนรู้จักเป็นคนที่
00:00:16 → 00:00:19 ทักทายได้ยิ้มให้ได้แต่ไม่ได้เปิดใจคุย
00:00:19 → 00:00:21 กันทุกเรื่องเลยกลายเป็นแค่บุคคลภายนอก
00:00:21 → 00:00:24 ที่เรารู้จักโดยแกนของความเหงาเนี่ยมันจะ
00:00:24 → 00:00:26 เป็นความรู้สึกว่าตัวเรารู้สึกขาดการ
00:00:26 → 00:00:29 เชื่อมโยงกับสังคมขาดความรู้สึกเป็นส่วน
00:00:29 → 00:00:31 หนึ่งขาดความรู้สึกใกล้ชิดสุดท้ายความ
00:00:31 → 00:00:33 เหงามันจะมีความรู้สึกว่าต้องการต้องการ
00:00:33 → 00:00:35 อะไรสักอย่างที่เป็นความรู้สึกผูกพันความ
00:00:35 → 00:00:38 อบอุ่นการถูกมองเห็นหรือรู้สึกว่าสำคัญ
00:00:38 → 00:00:40 แล้วที่สำคัญคือมันต้องเป็นความรู้สึกว่า
00:00:40 → 00:00:42 คนๆเนี้หรือสิ่งที่เราเข้าไปเชื่อมอ่ะ
00:00:42 → 00:00:45 เป็นบุคคลที่เรารู้สึกปลอดภัย
00:00:45 → 00:00:49 ด้วยฟังทุกเรื่องสุขภาพอัปเดตทุกโรคภัย
00:00:49 → 00:00:52 ฟังรายการโรงหมอกับดิฉันสุรีพรวงสถิตพร
00:00:52 → 00:00:55 ค่ะ
00:00:55 → 00:00:58 ISS มาค่ะคุณผู้ฟังวันนี้เราจะมาคุยกัน
00:00:58 → 00:01:01 ถึงเรื่องของเมื่อเราต้องเจอกับความเหงา
00:01:01 → 00:01:04 นะคะเหงาของแต่ละคนไม่เท่ากันอีกแหละนะคะ
00:01:04 → 00:01:06 แต่ว่าเดี๋ยววันนี้ถ้าเราเผชิญกับความ
00:01:06 → 00:01:09 เหงาเราจะพอจะทำอะไรกันได้บ้างเดี๋ยวคุย
00:01:09 → 00:01:12 กับดรสุววุฒิวงษ์ทาสวัสดิ์นักจิตวิทยาการ
00:01:12 → 00:01:14 ปรึกษาค่ะสวัสดีค่ะคุณเอิ้นขาสวัสดีครับ
00:01:14 → 00:01:18 คุณรีสวัสดีครับคุณผู้ฟังเงามยผมล่ะฮะอือ
00:01:18 → 00:01:22 ฮะเอ่อช่วงนี้ไม่นะช่วงนี้ไม่ค่อยมี
00:01:22 → 00:01:25 เรื่องให้ตื่นเต้นตลอดเวลาหรือเปล่าเออมี
00:01:25 → 00:01:28 ให้ทำมีให้ทำใช่มั้ยอ่ะพ้ามีอะไรให้ทำเรา
00:01:28 → 00:01:31 อาจจะไม่ได้รู้สึกเหงาครับแต่บางทีเราก็
00:01:32 → 00:01:34 เหงาได้เหมือนกันถึงแม้จะมีอะไรให้ทำและ
00:01:34 → 00:01:36 อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายจะเคยได้ยิน
00:01:36 → 00:01:39 ประโยคนี้เสมอใช่มั้ยว่าแบบมีคนเยอะๆอ่ะ
00:01:39 → 00:01:42 แต่ก็ยังเหงาได้คือเหมือนกับว่าในในยุค
00:01:42 → 00:01:46 เนี้ยเราจะมีความเหงาเพิ่มกันมากขึ้นอือ
00:01:46 → 00:01:49 ด้วยความที่เราต้องอยู่คนเดียวหรือเปล่า
00:01:49 → 00:01:52 เราเป็นสังคมเดี่ยวมากขึ้นหรือเปล่าเรา
00:01:52 → 00:01:54 ไม่ค่อยได้มีโอกาสที่จะได้ปฏิสัมพันธ์
00:01:54 → 00:01:56 อะไรกับใครมันเลยทำให้เราเหงาหรือเปล่า
00:01:56 → 00:02:00 อาจจะเป็นมุมนี้ได้หรือบางคนอาจจะเหงามี
00:02:00 → 00:02:02 คนรักอยู่แหละมีคนครอบครัวอยู่แหละแต่ก็
00:02:02 → 00:02:05 ยังรู้สึกเหงาอืเหงามันมาจากปัจจัยได้
00:02:05 → 00:02:06 หลายอย่างมากเลยเนาะจริงๆอ่าใช่ครับมัน
00:02:06 → 00:02:09 แล้วแต่บริบทแล้วแต่เหตุการณ์แต่ว่าโดย
00:02:09 → 00:02:11 โดยแกนของความเหงาเนี่ยมันจะเป็นความรู้
00:02:11 → 00:02:14 สึกว่าตัวเรารู้สึกขาดการเชื่อมโยงกับ
00:02:14 → 00:02:18 สังคมขาดความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขาดความ
00:02:18 → 00:02:21 รู้สึกเอ่อใกล้ชิดอือสุดท้ายความเหงามัน
00:02:21 → 00:02:23 จะมีความรู้สึกว่าต้องการต้องการอะไรสัก
00:02:23 → 00:02:25 อย่างที่เป็นความรู้สึกผูกพันความอบอุ่น
00:02:25 → 00:02:28 การถูกมองเห็นหรือรู้สึกว่าสำคัญแล้วที่
00:02:28 → 00:02:30 สำคัญคือมันต้องเป็นความรู้สึกว่าคนๆ
00:02:30 → 00:02:31 เนี้ยหรือสิ่งที่เราเข้าไปเชื่อมอ่ะเป็น
00:02:32 → 00:02:34 บุคคลที่เรารู้สึกปลอดภัยด้วยอเพราะงั้น
00:02:34 → 00:02:36 อย่างตะกี้ครับที่พี่รีบอกว่าเฮ้ยบางที
00:02:36 → 00:02:38 เราห้อมล้อมด้วยผู้คนมากมายแต่ทำไมยัง
00:02:38 → 00:02:41 เหงาอือนั่นเป็นเพราะว่าระดับชั้นของความ
00:02:41 → 00:02:43 ผูกพันหรือระดับความสัมพันธ์น่ะครับมัน
00:02:43 → 00:02:46 อาจจะเป็นแค่ชั้นข้างนอกอ่าฮะชั้นข้างนอก
00:02:46 → 00:02:48 คือเป็นแค่คนรู้จักเป็นคนที่ทักทายได้
00:02:48 → 00:02:51 ยิ้มให้ได้แต่ไม่ได้เปิดใจคุยกันทุก
00:02:51 → 00:02:53 เรื่องอือไม่ได้เปิดความรู้สึกไม่ได้เปิด
00:02:54 → 00:02:56 ความเป็นตัวเองมาคุยกันคมันเลยกลายเป็น
00:02:56 → 00:02:59 แค่บุคคลภายนอกที่เรารู้จักอือเออการมี
00:02:59 → 00:03:02 ผู้คนคมากมายก็เลยยังเหงาอยู่ดีเพราะไม่
00:03:02 → 00:03:03 ได้เกิดความรู้สึกใกล้ชิดหรือความรู้สึก
00:03:03 → 00:03:05 ปลอดภัยตรงนั้นนะครับค่ะเพราะงั้นโดยโดย
00:03:05 → 00:03:08 แกนของความเหงาเนี่ยถ้าเราพูดในเชิงสังคม
00:03:08 → 00:03:09 มันมักจะเกี่ยวข้องกับการที่แบบมันต้องมี
00:03:09 → 00:03:12 ตัวละครอีกคนนึงที่ที่เรารู้สึกว่าอยากมี
00:03:12 → 00:03:14 ใครสักคนอย่างเงี้ยครับคือบางคนอาจจะไม่
00:03:14 → 00:03:16 ได้อยากมีสังคมใหญ่อาจจะไม่ต้องอยากมี
00:03:16 → 00:03:19 เพื่อนเยอะแต่บางครั้งอาจจะอยากรู้สึกว่า
00:03:19 → 00:03:21 เฮ้ยเราอยากอบอุ่นกับคนในครอบครัวหรือมี
00:03:21 → 00:03:24 แฟนสักคนนึงคนเดียวก็พอที่รู้สึกว่านี่
00:03:24 → 00:03:27 คือคนของเราส่วนคนอื่นจะไม่ใช่คนของเรา
00:03:27 → 00:03:30 ไม่เป็นไรแต่เราขอคนนี้พอแล้วฉันจะรู้สึก
00:03:30 → 00:03:32 ว่าแบบฉันไม่ได้โดดเดี่ยวอือ่าอย่างเงี้ย
00:03:32 → 00:03:35 ครับแต่ว่ามันกลายเป็นว่าบางทีเราต้องการ
00:03:35 → 00:03:38 แค่ใครสักคนนึงเนี่ยแล้วเราไม่ได้รับการ
00:03:38 → 00:03:40 ตอบสนองตรงนั้นเนี่ยมันเลยอาจจะทำให้เรา
00:03:40 → 00:03:42 รู้สึกเหงาข้นใช่ครับเกิดขึ้นได้เกิดขึ้น
00:03:42 → 00:03:44 ได้คืออันเนี้ยมันเป็นความรู้สึกที่มัน
00:03:45 → 00:03:47 เกิดขึ้นได้กับทุกๆคนนะคะคุณผู้ฟังไม่ใช่
00:03:47 → 00:03:50 ว่าจะต้องมีคนที่เราโฟกัสอยู่คนเดียวแล้ว
00:03:50 → 00:03:52 เไม่ได้ให้ความสำคัญกับเราแล้วเราถึงจะ
00:03:52 → 00:03:55 เหงามันเป็นได้ทุกทุกความสัมพันธ์เลยใช่
00:03:55 → 00:03:57 ครับใช่มั้ยคะแล้วมันก็สลับมาหลายจังหวะ
00:03:57 → 00:03:59 ในชีวิตด้วยนะบางบางคนอาจจะเหงาชั่วคราว
00:03:59 → 00:04:02 แป๊บๆอย่างเช่นแบบว่าเออเพิ่งเพิ่งกิน
00:04:02 → 00:04:05 ข้าวกับเพื่อนมาโอ๊ยสนุกจังพอแยกย้ายปั๊บ
00:04:05 → 00:04:07 กลับบ้านคนเดียวโอ้เหงาจังแต่เดี๋ยวพอ
00:04:07 → 00:04:08 ตื่นเช้ามาไปทำงานก็หายเหงาแล้วอย่าง
00:04:09 → 00:04:11 เงี้ยฮะหรือบางคนอาจจะคล้ายๆแต่งงานอยู่
00:04:11 → 00:04:14 กันมานานเกิดการหย่าร้างหรืออาจจะมีลูก
00:04:15 → 00:04:16 เนาะตะกี้เราก็คุยกันเรื่องแบบเกี่ยวกับ
00:04:16 → 00:04:18 ว่าเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวใช่มั้ยฮะแล้ว
00:04:18 → 00:04:21 ก็มีลูกอยู่กันมาตลอดอะไรเงี้ยฮจนพอลูก
00:04:21 → 00:04:24 เขาแบบไปมีแฟนไปมีครอบครัวปึ๊บกลายเป็น
00:04:24 → 00:04:26 ว่าแยกบ้านคุณแม่เาอยู่คนเดียวเอาเหงาเลย
00:04:26 → 00:04:29 เหงาซะอย่างงั้นเบางคนก็มีเรื่องการฝสน
00:04:29 → 00:04:31 เสียเข้ามาเกี่ยวข้องครับเออใช่คือมัน
00:04:32 → 00:04:34 กลายเป็นว่าจริงๆความเหงาเนี่ยไม่ได้จะ
00:04:34 → 00:04:37 เฉพาะเจ่อจงที่ช่วงเวลาอายุยังแบบช่วงมี
00:04:38 → 00:04:40 ความรักก็มาจะมานั่งเหงาทำมิวสิคกันไม่
00:04:40 → 00:04:43 ใช่แต่ไม่ว่าจะอยู่ในในวัยไหนเนี่ยเรา
00:04:43 → 00:04:46 สามารถมีโมเมนต์ของความเหงาได้ตลอดหมดเลย
00:04:46 → 00:04:48 ได้หมดเลยครับเราเป็นเพื่อนร่วมเพื่อน
00:04:48 → 00:04:51 ร่วมทุกข์เพื่อนร่วมเหงาไม่ใช่เพื่อนร่วม
00:04:51 → 00:04:53 ทุกข์เกิดแก่เจ็บตายนะแต่เป็นเพื่อนร่วม
00:04:53 → 00:04:58 เหงาใช่ครับมันเกิดขึ้นได้ทุกโมเมนต์ขนาด
00:04:58 → 00:05:00 เมื่อกี้คุณเอิ้นบอกว่า
00:05:00 → 00:05:02 เพิ่งเจอเพื่อนมากลับไปบเหงาซะและยังไม่
00:05:02 → 00:05:05 ทันไเลยใช่มีมีบางคนเหงาอืทีนี้ทีนี้จริง
00:05:05 → 00:05:08 ๆแล้วต้องบอกว่าการคลายเหงาเนี่ยหมันไม่
00:05:08 → 00:05:10 ได้หมายความว่าเราจำเป็นจะต้องใช้สังคม
00:05:10 → 00:05:11 อย่างเดียวนะตะกี้เหมือนที่เราคุยกันเรา
00:05:12 → 00:05:14 บอกว่าเฮ้ยบางทีการรู้สึกเหงามันหมายถึง
00:05:14 → 00:05:17 เรารู้สึกขาดสังคมเราขาดรู้สึกขาดการรู้
00:05:17 → 00:05:19 สึกเป็นส่วนหนึ่งอ่ะโอเคต้องบอกว่ามัน
00:05:19 → 00:05:21 เป็นข้อเท็จจริงส่วนหนึงแต่ไม่ใช่ทั้งหมด
00:05:21 → 00:05:24 อค่ะแต่แท้จริงแล้วครับความเหงามันเป็น
00:05:24 → 00:05:26 ความรู้สึกแบบมันเป็นความคิดเชิงฟุ้งซ่าน
00:05:26 → 00:05:28 น่ะรู้สึกว้าเหวมันเป็นเหมือนความว้าเหว
00:05:28 → 00:05:31 ความว่างเปล่าเข้ามาคอะบงำเราอแล้วรู้สึก
00:05:31 → 00:05:33 อ้างว้างจังผมนึกออกมั้ยฮะทีเนี้ยไอ้การ
00:05:33 → 00:05:36 มีสังคมการมีเพื่อนเนี่ยมันเป็นหนึ่งใน
00:05:36 → 00:05:39 เครื่องมือหนึ่งในวิธีการที่จะทำให้ตัว
00:05:39 → 00:05:42 เราไม่ได้ว้าวุ่นหรือคิดฟุ้งสั้นอยู่กับ
00:05:42 → 00:05:44 ตัวเองว่าเหงาจังอค่ะอะไรเงี้ยฮะเพราะ
00:05:44 → 00:05:46 งั้นจริงๆแล้วครับการวิธีการคลายเหงาอ่ะ
00:05:46 → 00:05:48 มันมีเรื่องของการใช้กิจกรรมด้วยนะทำ
00:05:49 → 00:05:51 กิจกรรมหรือเราลองนึกภาพว่าถ้าเรามีงาน
00:05:51 → 00:05:54 การงานอะไรสักอย่างที่กำลังไฟลุกเลยค่ะ
00:05:54 → 00:05:56 ไม่เหงาแน่นอนเราไม่อยากยุ่งกับใครเลยฮะ
00:05:56 → 00:05:58 คือแบบอย่ามายุ่งกับฉันฉันปั่นงานอยู่
00:05:58 → 00:06:01 อย่างเงี้ฮเออในหัวเราจะไม่มีเรื่องความ
00:06:01 → 00:06:03 เหงาเลยเราจะรู้สึกว่าฉันต้องทำสิ่งเนี้ย
00:06:03 → 00:06:06 ให้เสร็จค่ะเพราะถ้าไม่เสร็จฉันเดือดร้อน
00:06:06 → 00:06:08 อเพราะงั้นเราไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่อง
00:06:08 → 00:06:10 เหงาอ่ะครับค่ะหรือบางทีปั่นเสร็จแล้วนะ
00:06:10 → 00:06:13 คะงานไฟลุกนั้นได้ดับมอดไปแล้วเนี่ยเสร็จ
00:06:13 → 00:06:16 ไปแล้วเนี่ยก็ไม่ได้มานั่งเหงาได้นะ
00:06:16 → 00:06:18 เหมือนกับพลังงานเราใช้ไปตรงนั้นแล้วอ่ะ
00:06:18 → 00:06:20 แล้วก็จะรู้สึกว่าเฮ้ยอยากอยู่เฉยๆอยาก
00:06:20 → 00:06:22 อยู่คนเดียวากอยู่เฉยๆใช่ครับเพราะงั้น
00:06:22 → 00:06:24 มันเลยกลายเป็นว่ามันก็มีความย้อนแย้ง
00:06:24 → 00:06:27 อยู่ตรงที่ว่าบางทีตะกี้เราอาจจะเหมือน
00:06:27 → 00:06:29 แบบเอ้ยเราอาจจะต้องการสังคมอฮแต่เอาจจใน
00:06:29 → 00:06:31 โมเมนชีวิตอครับมันจะมีพารทที่เราไม่
00:06:31 → 00:06:33 ต้องการสังคมเหมือนกันเออพารที่เรารู้สึก
00:06:33 → 00:06:36 ว่าฉันอยากอยู่ตรงนี้คนเดียวเพื่อปั่นงาน
00:06:36 → 00:06:38 หรือทำอะไรบางอย่างที่ฉันอาจจะ Enjoy
00:06:38 → 00:06:40 จริงๆไม่ใช่แค่ปั่นงานเป็นความทุกข์เนาะ
00:06:40 → 00:06:41 อาจจะเป็นเรื่องความสุขที่ได้อยู่กับ
00:06:41 → 00:06:44 โมเมนต์นั้นก็ได้หรือเป็นโมเมนต์ที่พี่รี
00:06:44 → 00:06:46 ตะกี้บอกครับว่าพอเราถอยออกมาอยู่คนเดียว
00:06:46 → 00:06:48 บางครั้งเราเหนื่อยหมดแรงจากงานน่ะเราไม่
00:06:48 → 00:06:51 อยากยุ่งกับใครแล้วอ่ะไม่อยากเหงาหรอก
00:06:51 → 00:06:54 อย่างเงี้ยฮะก็จะแบบไม่ใมีความสุขกับการ
00:06:54 → 00:06:56 ได้อยู่กับตัวเองแต่ทีนี้มันจะมีความย้อน
00:06:56 → 00:06:59 แย้งนิดนึงตรงที่ว่าสำหรับบางคนเนี่ยครับ
00:06:59 → 00:07:01 ที่เคยชินกับการอยู่กับตัวเองเช่นแบบว่า
00:07:02 → 00:07:04 โหงานไฟลุกหรือทำอะไรกับตัวเองนานๆมากๆ
00:07:04 → 00:07:06 เนี่ยครับบางครั้งพอมันนานเกินไปอ่ะมันจะ
00:07:06 → 00:07:09 มีจุดที่รู้สึกว่าเอ๊ะฉันไม่เห็นมีเพื่อน
00:07:09 → 00:07:12 ไม่เห็นมีสังคมเลยเหมือนเหมือนได้เสพความ
00:07:12 → 00:07:14 อยู่คนเดียวจนอิ่มตัวออ๋อพออิ่มตัวปั๊บที
00:07:15 → 00:07:17 นี้เริ่มหาเรื่องโอ๊ฉันเหงาจังก็จะมีความ
00:07:17 → 00:07:20 ย้อนแย้งอยู่เงี้ยเออไม่แต่ว่าอยากจะบอก
00:07:20 → 00:07:22 ว่ามันเป็นเรื่องปกตินะคะไม่ใช่ว่าจะเป็น
00:07:22 → 00:07:25 เรื่องที่แปลกประหลาดอะไรคือใครๆก็มี
00:07:25 → 00:07:27 โอกาสที่จะเกิดแบบนี้ได้ความรู้สึกเหงา
00:07:27 → 00:07:30 เพราะว่าเราเราบางทีเนี่ยยังคิดอยู่เนี่ย
00:07:30 → 00:07:31 ระหว่างคุยกับคุณเอิ้ลอยู่เนี่ยค่ะคุณผู้
00:07:31 → 00:07:36 ฟังว่าถ้าจะนิยามจำกัดความของคำว่าเหงา
00:07:36 → 00:07:40 อ่ะมันมันคืออะไรอืเออมันต้องประมาณไหน
00:07:40 → 00:07:42 ถึงถึงแบบเนี้ยเอ้ยฉันเหงาแต่มันเป็นความ
00:07:42 → 00:07:46 รู้สึกที่มันอาจจะอธิบายลำบากด้วยหรือ
00:07:46 → 00:07:48 เปล่าครับผมว่าจริงๆมันคือความรู้สึกที่
00:07:48 → 00:07:51 มันออกไปทางฟุ้งซ่านฟุ้งซ่านบนความอ้าง
00:07:51 → 00:07:53 ว้างความรู้สึกโดดเดี่ยวอ่ะครับอ่าอเพราะ
00:07:53 → 00:07:55 เหงาเหงามันจะเป็นความรู้สึกโดดเดี่ยวที่
00:07:55 → 00:07:59 เป็นแกนอยู่ข้างในเอออืก็ถ้าเกิดว่าจะถาม
00:07:59 → 00:08:02 ว่าแล้วความเหงามาจากไหนอ่ะอืมความเหงา
00:08:02 → 00:08:04 มันอาจจะมาจากสันทาของเราก็ได้ครับที่ที่
00:08:04 → 00:08:06 เรารู้สึกอยากถูกมองเห็นอยากเป็นส่วน
00:08:06 → 00:08:09 หนึ่งหรือไม่อยากแปลกหน้ากับกับโลกที่เรา
00:08:09 → 00:08:12 มาอาศัยอยู่เนี่ยฮะเราอยากสำคัญอ่าอยาก
00:08:12 → 00:08:14 สำคัญด้วยมั้คือหมายความว่าเราไม่ได้จะ
00:08:14 → 00:08:16 โฟกัสแค่คนคนเดียวแต่ว่าเราอาจจะอยากที่
00:08:16 → 00:08:19 จะเป็นส่วนหนึ่งของคนหลายๆคนก็ได้ก็ด้วย
00:08:19 → 00:08:22 ก็ด้วยครับแต่เหมือนที่บอกไปตอนต้นนะว่า
00:08:22 → 00:08:24 เราอาจจะอยากเป็นส่วนหนึ่งของคนหลายๆคน
00:08:24 → 00:08:27 แต่มันจะไม่ใช่ใครก็ได้ครับมันจะต้องมี
00:08:27 → 00:08:29 ความพิเศษบางอย่างที่ที่รู้สึกว่าต้อง
00:08:29 → 00:08:31 เป็นบุคคลเนี้ยที่สามารถตอบโจทย์เรื่อง
00:08:31 → 00:08:33 ความเหงาได้อ่ะสมมุติเราลองนึกภาพเนาะผม
00:08:33 → 00:08:37 อาจจะเป็น influencer สมมุติสมมติ
00:08:37 → 00:08:40 influencer ผมอาจจะมีแฟนเพจสัก 100,000
00:08:40 → 00:08:42 คนออฮะเป็นไงฮะผมมีปฏิสัมพันธ์กับแฟนเพจ
00:08:42 → 00:08:45 ประมาณ 100,000 คนก็เยอะนะอ่าผมอาจจะออก
00:08:45 → 00:08:48 งานสังคมแล้วผมอาจจะแบบไปทักทายแฟนคลับ
00:08:48 → 00:08:50 มากมายเออแต่พอจุดนึงที่หมดจากงานแฟนคลับ
00:08:50 → 00:08:52 ผมกลับไปขึ้นรถตู้นี่ไม่ได้พูดเรื่องจริง
00:08:52 → 00:08:56 นะนี่ผมพุดให้ดูออเหรอผมกลับไปขึ้นรถตู้
00:08:56 → 00:08:59 แล้วก็นั่งอยู่ในรถคนเดียวอือะไรเงี้ยฮะ
00:08:59 → 00:09:01 ผมอ่ะอาจจะมีความรู้สึกอ้างว้างก็ได้นะ
00:09:01 → 00:09:03 เพราะสุดท้ายแฟนคลับจะไม่ใช่คนที่อยู่กับ
00:09:03 → 00:09:06 ผมทั้งชีวิตฮะเค้าจะอยู่แล้วเค้าก็จะมี
00:09:06 → 00:09:09 ชีวิตของพวกเขาคสุดท้ายตัวผมก็จะต้องนั่ง
00:09:09 → 00:09:11 รับรู้ชีวิตตัวเองอยู่ตรงนี้คนเดียวก็ได้
00:09:11 → 00:09:13 อย่างเงี้ยครับเพราะงั้นมันจะมีความรู้
00:09:13 → 00:09:16 สึกว่าแบบเอ่อบางครั้งมันต้องการใครที่
00:09:16 → 00:09:18 มันใกล้ชิดกว่านั้นแต่นี้ต้องบอกว่าแต่ละ
00:09:18 → 00:09:20 คนจะมีคาแรคเตอร์ความเหงาไม่เหมือนกันนะ
00:09:20 → 00:09:23 อืมใช่ๆแต่แต่มันจะมีแหละไอ้ที่มันเป็น
00:09:23 → 00:09:25 แบบว่าต้องการความรู้สึกใกล้ชิดหรือตัว
00:09:25 → 00:09:27 ตัวละครที่แบบรู้สึกว่าเป็นคนของเราเงี้ย
00:09:27 → 00:09:29 ฮะอ้าวแล้วทำไมถ้าอย่างเงี้ยอันนี้อ่ะ
00:09:29 → 00:09:31 กลับไปที่เคสยกตัวอย่างที่คุณอิ้มเป็น
00:09:31 → 00:09:35 influencer ออร์ท่านหนท่าน 1 ท่านหนึว่า
00:09:35 → 00:09:38 เ้าในเมื่อเรามีคนลายล้อมห้อมล้อมอยู่ตรง
00:09:39 → 00:09:42 ตรงนั้นนะจุดๆนั้นเนี่ยแสดงว่าเค้าไม่ได้
00:09:42 → 00:09:44 อยู่ในใจเราตลอดเวลาอ้าโอเคมันไม่ได้อยู่
00:09:44 → 00:09:47 ในใจเราตลอดเวลาหรอกแต่ว่าพอวันนึงที่คุณ
00:09:47 → 00:09:49 เอิ้นกลับมาขึ้นรถตู้เสร็จปุ๊บเนี่ยอ้า
00:09:49 → 00:09:51 กลับรู้สึกแบบว้าเหว่เหงาเอ้ยอะไรอย่า
00:09:51 → 00:09:55 เงี้ยอแสดงว่าคนเหล่านั้นก็ยังไม่ได้จะมี
00:09:55 → 00:09:58 อิทธิพลพอหรือต่อความรู้สึกให้เราได้หาย
00:09:58 → 00:10:00 หงาว่าเฮ้ยจริงๆแล้วเนี่ยเรายังมีคนเหล่า
00:10:00 → 00:10:03 นี้อยู่ข้างหลังเรานะคอยผลักดันเรานะหรือ
00:10:03 → 00:10:05 อะไรเงี้ยเราไม่ได้มาไปมองในมุมนั้นเลย
00:10:05 → 00:10:06 ใช่ป่ะใช่ครับอันนี้ต้องบอกว่าแล้วแต่
00:10:06 → 00:10:09 บุคคลเพราะบางคนจะรู้สึกว่าโอ๊ยอบอุ่นจัง
00:10:09 → 00:10:12 มีมีแบบแฟนคลับซัพพอร์ตบางทีแฟนคลับก็จะ
00:10:12 → 00:10:14 แบบเริ่มเข้ามาใกล้ชิดเริ่มสร็จกันมาก
00:10:14 → 00:10:16 ขึ้นก็จะรู้สึกเหมือนมีเพื่อนค่ะแต่แต่
00:10:16 → 00:10:18 บางคนวางตัวด้วยบทบาททางสังคมด้วยบทบาท
00:10:19 → 00:10:21 ของงานค่ะอืทีนี้ต้องบอกว่า infu แต่ละคน
00:10:21 → 00:10:24 นะครับ infu คือ influencer เนาะจะมี
00:10:24 → 00:10:27 คาแรคเตอร์แตกต่างกันบางคนแบบโอ extrovert
00:10:27 → 00:10:29 เลยบางคนแบบชอบเข้าสังคมเป็นคนเนลมากเป็น
00:10:29 → 00:10:32 คนที่แบบเอ่อวลาแฟนคลับไม่ชอบเก็
00:10:32 → 00:10:35 ปฏิสัมพันธ์คุยด้วยแต่สำหรับ influencer
00:10:35 → 00:10:37 หรืองานแบบบางคนที่ต้องออกสื่ออย่าเงี้ย
00:10:37 → 00:10:39 ครับจริงๆโดยคาแรคเตอร์เขาอาจจะเป็นคนชอบ
00:10:39 → 00:10:42 อยู่คนเดียวก็ได้นะแต่เขาเข้าไปพบปะ
00:10:42 → 00:10:44 แฟนคลับต่างๆด้วยความรู้สึกเป็นงานเพราะ
00:10:44 → 00:10:46 งั้นจริงๆแล้วครับคนที่เขาเข้าไปพบปะ
00:10:46 → 00:10:48 แฟนคลับด้วยความเป็นงานเป็นงานเนี่ยเขาจะ
00:10:48 → 00:10:51 รู้สึกว่าเขาใช้พลังงานเยอะมากในการต้อง
00:10:51 → 00:10:53 เข้าสังคมเขาอาจจะรู้สึกว่าเขาอยากออกมา
00:10:53 → 00:10:56 นั่งพักคนเดียวแบบไม่ต้องปั้นหน้าดีกว่า
00:10:56 → 00:10:58 ก็ต้องบอกว่าต้องนี้ต้องบอกว่าพวกเห
00:10:58 → 00:11:00 สำหรับบางคนทำเป็นอาชีพจริงๆค่ะซึ่งเรา
00:11:00 → 00:11:03 ไม่ได้หมายความว่าการทำเป็นอาชีพการแสดง
00:11:03 → 00:11:05 บทบาทบางอย่างต่อหน้าแฟนคลับจะเป็นเรื่อง
00:11:05 → 00:11:08 ไม่ดีนะมันเป็นบทบาทที่เขาต้องทำเพื่อการ
00:11:08 → 00:11:10 เลี้ยงชีพอ่ะค่ะเป็นการทำให้อยู่รอดทาง
00:11:10 → 00:11:13 การแบบมีรายได้อะไรก็ตามแต่เขาก็ปฏิบัติ
00:11:13 → 00:11:15 อย่างให้เกียรติกับแฟนคลับแหละไม่ได้แบบ
00:11:15 → 00:11:17 ทำตัวแบบไม่ชอบอะไรแต่เขารู้สึกว่ามันใช้
00:11:17 → 00:11:19 แรงมากกว่าที่จะอยู่กับตัวเองอย่างเป็น
00:11:19 → 00:11:21 ตัวของตัวเองในที่เงียบๆเงี้ยฮคือมันก็มี
00:11:21 → 00:11:25 สเปซแหละพื้นที่แบบว่ากั้นระหว่างคือก็
00:11:25 → 00:11:28 เราก็ไม่ได้ให้เขาเข้ามาในพื้นที่ของเรา
00:11:28 → 00:11:30 ใช่อะไรประมานี้ก็มีพื้นที่ของตัวเองแต่
00:11:30 → 00:11:33 อาจจะมีบ้างที่ไม่ได้เหงาแล้วก็เหงาใน
00:11:33 → 00:11:35 เวลาเดียวกันย้อนแย้งอีกแล้วใช่อใช่ครับ
00:11:35 → 00:11:37 เพราะว่าจริงๆการการที่เรามีอะไรสักอย่าง
00:11:37 → 00:11:39 ต้องทำอ่ะครับมันคือการเอาจิตออกจากตัว
00:11:39 → 00:11:42 เองอแล้วก็ไปโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ต้องทำ
00:11:42 → 00:11:44 ตรงหน้าค่ะเพราะงั้นอย่างอย่างบางคนที่
00:11:44 → 00:11:46 แบบหอมล้อมด้วยแฟนคลับเขาจะรู้สึกว่าเค้า
00:11:46 → 00:11:48 มีภารกิจที่ต้องทำค่ะอืเขาจะไม่รู้สึก
00:11:48 → 00:11:51 เหงาอ่ะครับแต่เขาอาจจะรู้สึกว่าแบบโอ๊
00:11:51 → 00:11:54 มันมีการวางตัวมันมีความแปลกมีคนแปลกๆ
00:11:54 → 00:11:56 อยู่รอบตัวคแปลกหมายถึงว่าไม่ใช่แปลกๆ
00:11:56 → 00:11:58 แปลกๆนะหมายถึงว่าเป็นคนแปลกหน้าเป็นคน
00:11:58 → 00:12:00 ที่แบบไม่ได้ได้ใกล้ชิดกับเราขนาดนั้นเรา
00:12:00 → 00:12:02 ก็เลยต้องวางตัวเพราะงั้นในโมเมนต์ที่เรา
00:12:02 → 00:12:04 อยู่ท่อมล้อมด้วยผู้คนนะครับบางทีเราอาจ
00:12:04 → 00:12:08 จะกำลังใส่ใจกับเรื่องนอกนอกตัวเราค่ะเรา
00:12:08 → 00:12:10 ก็เลยอาจจะไม่ได้มีภาวะของความเหงาที่เข
00:12:10 → 00:12:12 มาครอบงำเอออ่าแล้วพอกลับมาปั๊บมันก็เลย
00:12:12 → 00:12:14 อาจจะมีการใช้แรงไปแล้วอ่ะมันก็รู้สึก
00:12:14 → 00:12:17 เหนื่อยอหรือบางทีพอกลับมาอาจจะแบบเออมัน
00:12:17 → 00:12:19 เหงาๆแป๊บนึงอะไรเงี้ยฮะแต่สำหรับบางคน
00:12:19 → 00:12:22 อาจจะไม่เหงานะถ้าเขารู้สึกว่าเขาก็แค่
00:12:22 → 00:12:24 ออกมาจากการทำงานปึ๊บนั่งอยู่คนเดียวแป๊บ
00:12:24 → 00:12:27 นึงเพื่อนั่งพักค่ะเดี๋ยวพอเขกลับบ้านไปเ
00:12:27 → 00:12:29 ก็เจอครอบครัวเก็ไปเจอแฟนเก็ไปเจอเพื่อน
00:12:29 → 00:12:32 กลุ่มของเเอาจจะไม่รู้สึกเหงาก็ได้เพราะเ
00:12:32 → 00:12:35 รู้สึกว่าเมีแบกข้างหลังที่รอเอยู่แล้วอื
00:12:35 → 00:12:39 แต่ว่ามันก็จะมีอีกโมเมนนึงที่อย่างถ้า
00:12:39 → 00:12:42 เกิดว่ามีครอบครัวมีอือมีคนรักอยู่หรือ
00:12:42 → 00:12:45 แบบอโอโหเป็นคนที่แบบเพื่อนเยอะมากไม่มี
00:12:45 → 00:12:48 โอกาสได้เหงาอ่ะจะเหงานี่เพื่อนชวนไปละ
00:12:48 → 00:12:50 อะไรอย่างเงี้ยเนาเก็จะความเหงาของเขาก็
00:12:50 → 00:12:54 จะน้อยน้อยๆน้อยกว่านะคะแต่ไม่ใช่ว่าไม่
00:12:54 → 00:12:57 เหงาเลยมันมันต้องมีโมเมนต์บงเออแต่ว่า
00:12:57 → 00:12:59 แค่ไม่เยอะแค่สัดส่วนไม่เท่ากันเออแต่ว่า
00:12:59 → 00:13:02 ถ้าแบบประเภทแบบว่าเออฉันโลนมากเลยอ่ะอัน
00:13:02 → 00:13:05 นี้ยกตัวอย่างตัวเองก็ได้เพราะว่าคือก็
00:13:05 → 00:13:07 อยู่กับงานเสาร์อาทิตย์ก็อยู่กับงานอีก
00:13:07 → 00:13:09 แหละหรืออะไรอย่างเงี้ยมีคนเคยถามอยู่
00:13:09 → 00:13:14 บ่อยๆว่าไม่เหงาบ้างหรออือเออเราก็ตอบไม่
00:13:14 → 00:13:17 ถูกเหมือนกันนะว่าเหงาหรือไม่เหงาบางที
00:13:17 → 00:13:20 มันก็เหงานะอยากจะมีเอ่อโมเมนต์ที่แบบว่า
00:13:20 → 00:13:23 อ่ะมีใครสักคนนึงหรืออะไรเงี้ยเพื่อนน่ะ
00:13:23 → 00:13:25 มีอยู่แล้วแต่ว่าบางทีเพื่อนก็ไม่ได้ว่าง
00:13:25 → 00:13:29 พร้อมกับเราใช่มั้ยยิงแต่เพื่อนมีลูกมี
00:13:29 → 00:13:31 ครอบครัวนี่โอ้โหหายไปเลยอารมณ์ตัดขาดกัน
00:13:32 → 00:13:33 เลยทีเดียวอะไรอย่างเงี้ยโอกาสเจอจะน้อย
00:13:33 → 00:13:38 มากครับแต่ก็ไม่ได้เหงาจนถึงขั้นขนาดว่า
00:13:38 → 00:13:43 จะต้องไปอืมบังคับขวนขวายหาให้ได้หรือจะ
00:13:43 → 00:13:46 ต้องมีเพื่ออะไรให้หายเหงาเพราะบางทีการ
00:13:46 → 00:13:49 ไปเอาใครเข้ามาในช่วงเวลาที่เหงาเนี่ยอ
00:13:49 → 00:13:52 อือมันก็ไม่อาจจะไม่ได้เวิร์คก็ได้นะไม่
00:13:52 → 00:13:55 เวิร์คใช่ๆแล้วมันอาจจะแย่ลงไปกว่าเดิม
00:13:55 → 00:13:58 หรืออาจจะทำให้ทั้งเคและเราพังไปกว่าเดิม
00:13:58 → 00:14:01 ก็ได้อใช่มันก็เลยเป็นคำถามที่บางทีอาจจะ
00:14:01 → 00:14:02 ต้องอันนี้ขอถามเอิ้นด้วยเพราะว่าเชื่อ
00:14:02 → 00:14:05 ว่าหลายๆคนจะเคยโดนถามเรื่องว่าไม่เหงา
00:14:05 → 00:14:09 บ้างหรออเราก็เลยแบบเหงาเอายังไงดีอ่ะจะ
00:14:09 → 00:14:15 ตอบว่าไงเหงามเหงาแต่ก็งานเยอะจนบางทีไม่
00:14:15 → 00:14:18 ได้เหงาเลยอยากจะอยู่เฉยๆด้วยซ้ำไปบางที
00:14:18 → 00:14:22 อยากจะแบบมีโมเมนต์แบบว่าไปพักเงียบๆคน
00:14:22 → 00:14:25 เดียวไม่ต้องมีใครยุ่งไม่ต้องคุยกับใคร
00:14:25 → 00:14:29 ฉันจะฟังเพลงเล่นเกมดูซีรีส์ครับใช่ๆด้วย
00:14:29 → 00:14:31 ซ้ำไปอะไรอย่างเงี้ยนี้ต้องบอกพี่รีว่า
00:14:31 → 00:14:33 ของพี่รีอ่ะครับเป็นคนที่มีงานที่ต้องทำ
00:14:33 → 00:14:35 อือฮึแล้วงานที่ต้องทำเนี้ยมันอาจจะแบบมี
00:14:35 → 00:14:37 ความสำคัญด้วยถูกมั้ยครับเพราะงั้นเหมือน
00:14:37 → 00:14:39 ที่ผมบอกอ่ะครับพอมันมีสิ่งที่สำคัญต้อง
00:14:39 → 00:14:41 ทำปึ๊บเราจะอยากทุ่มเวลาไปกับสิ่งที่
00:14:41 → 00:14:44 สำคัญออ่าต่อให้งานนั้นมันอาจจะไม่ได้
00:14:44 → 00:14:46 เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับเพื่อนฝูงแต่เป็น
00:14:46 → 00:14:48 เกี่ยวข้องกับการเป็นอาชีพเงี้ยฮะมันก็
00:14:48 → 00:14:50 เลยเกิดความฟุ้งซ่านที่ค่อนข้างน้อยทีนี้
00:14:50 → 00:14:52 สิ่งที่ตามมาอีกอย่างนึงคือความรู้สึก
00:14:52 → 00:14:55 เหนื่อยถูกโใช่่มากเลยพอความเหนื่อยปั๊บ
00:14:55 → 00:14:57 คนมันจะแบบรู้สึกว่าอยากตอบเรื่องการพัก
00:14:57 → 00:15:00 ผ่อนค่ะพอพออยากพักผ่อนน่ะความเหงามันจะ
00:15:00 → 00:15:03 ไม่ค่อยโหเราไม่ไหวแล้วไม่อยากหาเรื่อง
00:15:03 → 00:15:05 ใส่ตัวเพราะฉะนั้นอีกอย่างที่สำคัญมากก็
00:15:05 → 00:15:07 คือพอเราใช้ชีวิตนานขึ้นเรามีอายุ
00:15:07 → 00:15:10 ประสบการณ์ชีวิตมากขึ้นค่ะเราจะรู้เลยว่า
00:15:10 → 00:15:13 ในการเข้าหาสังคมจำเป็นต้องใช้พลังงานมี
00:15:13 → 00:15:16 สิ่งแลกเปลี่ยนคือคือเราจะต้องแลกกับความ
00:15:16 → 00:15:18 เหนื่อยของเราแลกกับการได้พักผ่อนแล้วก็
00:15:18 → 00:15:20 อาจจะมีเรื่องของการต้องวางตัวต้องปรับ
00:15:20 → 00:15:23 ตัวให้เข้ากับเพื่อนที่แตกต่างหรือปรับ
00:15:23 → 00:15:25 ตัวให้เข้ากับบทสนทนาที่แตกต่างอฮเออมัน
00:15:25 → 00:15:27 ใช้แรงถูกมั้ยครับเพราะงั้นมันจะเกิดการ
00:15:28 → 00:15:29 ชั่งน้ำหนักอันนี้ต้องบอกว่ามันเกิดความ
00:15:29 → 00:15:32 รู้สึกซ้อนกันได้เหงาได้ในขณะเดียวกันก็
00:15:32 → 00:15:34 ไม่อยากเข้าสังคมด้วยเหมือนกันอือเพราะ
00:15:34 → 00:15:37 เพราะว่าถ้าเหงาอยู่คนเดียวหมายถึงอยู่คน
00:15:37 → 00:15:39 เดียวอาจจะรู้สึกเหงาอือแต่เข้าสังคมจะ
00:15:39 → 00:15:42 รู้สึกเหนื่อยทีนี้มันจะเกิดการชั่งน้ำ
00:15:42 → 00:15:46 หนักว่าแล้วฉันจะเลือกทางไหนดีระหว่าง
00:15:46 → 00:15:49 ปล่อยให้ฉันเหงากับปล่อยให้ตัวเองเหนื่อย
00:15:49 → 00:15:52 เลือกเอาเลือกเอายากจังเพราะงั้นเพราะ
00:15:52 → 00:15:53 งั้นมันจะมีเหมือนกันว่าเออก็ใช่แหละบาง
00:15:53 → 00:15:56 ทีเราก็อยากเข้าสังคมนะแต่แต่พอนึกภาพไป
00:15:56 → 00:15:58 ว่าการจะต้องเข้าสังคมการจะต้องพาตัวเอง
00:15:59 → 00:16:01 ออกไปเนี่ยต้องใช้พลังงานกับอะไรต้อง
00:16:01 → 00:16:03 เหนื่อยเท่าไหร่ต้องใช้เงินเท่าไหร่ออือ
00:16:03 → 00:16:06 เราอาจจะรู้สึกว่าเออเห็นแล้วมันเหนื่อย
00:16:06 → 00:16:08 มันยุ่งยากแฮะงั้นฉันขออยู่บ้านดีกว่าอื
00:16:08 → 00:16:11 เหงาๆนิดหน่อยเดี๋ยวหาอะไรทำไปก็ลืมอ่าฮะ
00:16:11 → 00:16:13 อย่างเงี้ยครับเออก็เป็นไปได้เหมือนกัน
00:16:13 → 00:16:17 แล้วก็ในในบางมุมคือพอเหงาปุ๊บเนี่ยหรือ
00:16:17 → 00:16:21 มีโมเมนต์แบบนี้เนะสมมุติว่ามีเพื่อนชวน
00:16:21 → 00:16:24 ไปไหนหรืออะไรอย่างเงี้ยเอ้ยบางทีก็ไปนะ
00:16:24 → 00:16:27 ก็ไปผมว่าจริงๆแล้วแต่กลุ่มเพื่อนด้วยนะ
00:16:27 → 00:16:28 มันไม่ได้หมายความว่าเพื่อนทุกกลุ่มแล้ว
00:16:28 → 00:16:33 จะไปเออใช่ๆไม่รู้ว่าเอิ้นเป็นมั้ยเป็นๆ
00:16:33 → 00:16:35 คือคือถ้ากลุ่มนี้เราจะบอกว่าเออเราอาจจะ
00:16:35 → 00:16:37 ไม่อินน่ะไม่ไปดีกว่าอยู่บ้านแต่แล้ว
00:16:37 → 00:16:40 กลุ่มนี่เฮ้ยไปไปสนใจอะไรเงี้ยฮะผมเลยมอง
00:16:40 → 00:16:42 ว่าเรื่องเนี้ครับมันจะเกิดการชั่งน้ำ
00:16:42 → 00:16:44 หนักเหมือนที่ผมพูดถึงอ่ะแน่นอนเราอยู่คน
00:16:44 → 00:16:46 เดียวมันอาจจะมีแกนของความรู้สึกเหงาแต่
00:16:46 → 00:16:48 พอมีโอกาสทางสังคมที่เข้ามาชักชวนเรา
00:16:48 → 00:16:50 เนี่ยเราจะชั่งน้ำหนักอยู่ดีแหละว่าเราไป
00:16:50 → 00:16:53 กลุ่มนี้เราจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวไม่น
00:16:53 → 00:16:55 เราอาจจะไปแล้วไม่เหงานะแต่เราจะสร้าง
00:16:55 → 00:16:57 ความวุ่นวายใจอีกชุดนึงขึ้นมาแทนหรือ
00:16:57 → 00:17:00 เปล่าอือาจจะรู้สึกว่าเฮ้ยไม่คุ้มไม่คุ้ม
00:17:00 → 00:17:02 ค่าเรียจะไปอืเพราะงั้นผมว่าทุกคนจะมีจุด
00:17:02 → 00:17:07 ที่แบบพิจารณาว่าไปอันนี้คุ้มค่ามั้ยนะ
00:17:07 → 00:17:09 มันเป็นเหตุเป็นผลเกินไปมั้ยคือในความรู้
00:17:09 → 00:17:12 สึกหลายๆครั้งเนี่ยบางอย่างมันไม่ได้
00:17:12 → 00:17:14 จำเป็นที่จะต้องใช้เหตุผลมารองรับเสมออือ
00:17:14 → 00:17:17 ๆๆเราอาจจะใช้ในความรู้สึกบ้างก็ได้เออก็
00:17:17 → 00:17:21 เหงาอ่ะก็รู้ตัวเองด้วยว่าเหงาเออเสร็จ
00:17:21 → 00:17:25 ปึ๊บจะไปก็ไปสิหรือเราจะไปของเราก็ได้
00:17:25 → 00:17:28 เพื่อให้ใช่มันไม่เหงาตัวใหญ่เกินไปอ่ะ
00:17:28 → 00:17:31 ไม่ใช่อเงคำว่าเหงาตัวใหญ่เท่าบ้านแต่
00:17:31 → 00:17:33 เหงาอยู่ดีแหลไปคนเดียวแต่มันเล็กลงหน่อย
00:17:33 → 00:17:36 ได้มคือออกจากจุดเดิมครับสี่เหลี่ยมแคป
00:17:36 → 00:17:39 แคบในห้องตัวเองเนี่ยออกไปเพื่อใช่ใช่อ่ะ
00:17:39 → 00:17:42 ให้ความเหงามันตัวเล็กลงนิดนึงใช่ครับมัน
00:17:42 → 00:17:44 ทำได้เพราะว่าเหมือนที่ผมบอกนะความเหงา
00:17:44 → 00:17:46 อ่ะมันเป็นความคิดว้าวุ่นฟุ้งซ่านอยู่กับ
00:17:46 → 00:17:48 ตัวเองอือแล้วยิ่งเหมือนที่พี่รีพูดอ่ะ
00:17:48 → 00:17:50 ครับเดี๋ยวนี้สังคมมันเหมือนกับมันคนมัน
00:17:50 → 00:17:52 เค้าเรียกว่ามันแยกกันอยู่มากขึ้นน่ะเอา
00:17:52 → 00:17:54 เอาแค่เรื่องครอบครัวก็ได้เมื่อก่อนอาจจะ
00:17:54 → 00:17:56 เป็นครอบครัวขยายเนาะครอบครัวใหญ่อยู่
00:17:56 → 00:17:58 ด้วยกันทุกวันนี้คือบางทีแยกไปอยู่บ้าน
00:17:58 → 00:18:00 บ้านเดียวแล้วที่แย่กว่านั้นคือทุกวันนี้
00:18:00 → 00:18:03 มันอยู่กันที่คอนโดอ่ะครับค่ะคือคอนโดบาง
00:18:03 → 00:18:05 ทีนะเล็กที่สุดคือประมาณ 27 ตราเมตอย่าง
00:18:05 → 00:18:07 เงี้ยโอเล็กมากแล้วแล้วอยู่กันพ่อแม่ลูก
00:18:07 → 00:18:11 อ่ะค่ะแล้วลองหาร 3 อ่ะครับ 27 ตรมหาร 3
00:18:11 → 00:18:13 นี่ยังไม่รวมหารเฟอร์นิเจอร์อีกนะเหลือ
00:18:13 → 00:18:16 พื้นที่ไว้เหืที่ตนิดนึงเงี้ยฮะแล้วแล้ว
00:18:16 → 00:18:18 บางทีด้วยความที่คอนโดบังคับแคบมันอาจจะ
00:18:18 → 00:18:21 แบบเป็นห้องเล็กๆแล้วพอเปิดหน้าต่างไปอาจ
00:18:21 → 00:18:23 จะไม่เห็นทองฟ้านะแต่เห็นระเบียงฝั่งตรง
00:18:23 → 00:18:26 ข้ามอย่างเงี้ยมันก็ไม่มีความเป็นส่วนตัว
00:18:26 → 00:18:28 ทุกอย่างก็ปิดหมดเลยอ่ะครับพอปิดหมดปั๊บ
00:18:28 → 00:18:30 มันก็เกิดการตัดขาดอืเพราะงั้นทุกวันนี้
00:18:30 → 00:18:32 มันมีความยากเพราะว่ามันเกิดความโดด
00:18:32 → 00:18:34 เดี่ยวด้วยสภาพแวดล้อมด้วยอะไรก็ตามเต็ม
00:18:34 → 00:18:36 ไปหมดเลยอ่ะอืทีนี้การพาตัวเองออกไปข้าง
00:18:36 → 00:18:39 นอกอ่ะครับมันคือการที่ได้หลุดออกจากการ
00:18:39 → 00:18:41 ฟุ้งซ่านอยู่กับตัวเองในกรอบในห้องเล็กๆ
00:18:41 → 00:18:44 นั้นน่ะครับเพราะว่ายิ่งอยู่กับตัวเองกน
00:18:44 → 00:18:46 ความเงียบเสียงของความฟุ้งซ่านจะยิ่งดัง
00:18:46 → 00:18:48 บางทีการพาตัวเองไปข้างนอกแล้วมีสิ่งที่
00:18:48 → 00:18:51 มันเป็นแบบสิ่งกระตุ้นอื่นสิ่งรับรู้อื่น
00:18:51 → 00:18:53 เงี้ยฮะมันทำให้ตัวเสียงเสียงความฟุ้ง
00:18:53 → 00:18:56 ซ่านในใจเรามันเบาลงเพราะมันถูกหลบด้วย
00:18:56 → 00:18:58 เสียงอื่นหรือมีเสียงอื่นที่เราต้องใส่ใจ
00:18:58 → 00:19:00 เพื่อการใช้ชีวิตข้างนอกอือืแต่พออยู่กับ
00:19:00 → 00:19:03 ตะเวนปั๊บเอาละเดี๋ยวความคิดทำไมฉันไม่มี
00:19:03 → 00:19:05 ใครเสียงมันจะชัดเลยแบบโอเรากำลังคิดแบบ
00:19:05 → 00:19:08 นี้อยู่อะไรเงี้ยฮะหรือบางทีไถ Facebook
00:19:08 → 00:19:11 อ่ะเดี๋ยวนี้เป็นไถ Facebook ไถ IG ไถ
00:19:11 → 00:19:14 โซเชียลมีเดียเนี่ยเฮ้ยเห็นคนอื่นเขารวม
00:19:14 → 00:19:17 กลุ่มกันดีจังเลยเดูสนุกสนานมีความสุขมี
00:19:17 → 00:19:19 รอยยิ้มแล้วตัวฉันล่ะนั่งอยู่ในห้องคน
00:19:19 → 00:19:21 เดียวเหงากว่าเดิมฟุ้งซ่านหนักกว่าเดิม
00:19:22 → 00:19:24 ว่าตัดพ้อชีวิตโอ๊ทำไมเพื่อนไม่ชวนฉันไป
00:19:24 → 00:19:27 กันใหญ่เออพอหันไปดูซีรีส์เจอพระเอกนาง
00:19:27 → 00:19:30 เอกแหมอ่าเ้ามีความสุขกันจังเลยนะอย่าง
00:19:30 → 00:19:33 เงี้ยอย่ามีบ้ากลายเป็นเรายิ่งถูกบูสความ
00:19:33 → 00:19:35 เหงาหรือว่าเร่งความเหงาขึ้นมาอีกเหมือน
00:19:35 → 00:19:38 ว่าเราโดนบูสความเหงาได้ง่ายมากเลยเนาะ
00:19:38 → 00:19:40 มันเหมือนมจริงๆแล้วมันอยู่ข้างในเรานั่น
00:19:40 → 00:19:43 แหละเพียงแต่ว่าแค่เรารู้ว่ามันเหงาหรือ
00:19:43 → 00:19:46 เปล่าหรือบางทีเราอาจจะรู้สึกว่าอืฉันไม่
00:19:46 → 00:19:48 เหงาหรอกอะไรอย่างเงี้ยก็ได้แต่พอมันจริง
00:19:49 → 00:19:52 ๆลึกๆแล้วอ่ะเหงาทุกคนเหงามีๆครับสลับ
00:19:52 → 00:19:55 เปลี่ยนมาแต่ว่าผมว่าคนที่จะสามารถเอ่อมี
00:19:55 → 00:19:57 ความเหงาน้อยๆในชีวิตได้เนี่ยคือการที่
00:19:57 → 00:20:00 ค้นพบว่าเอ่อเอ่อวิธีการอยู่ด้วยการวิธี
00:20:00 → 00:20:02 การอยู่แบบมีความสุขกว่าตัวเองต้องทำอะไร
00:20:02 → 00:20:06 อทำยังไงอ่าเออคือแต่ละคนจะมีจะมีแบบ
00:20:06 → 00:20:08 คล้ายๆโมเมนต์ความสุขไม่เหมือนกันเนาะบาง
00:20:08 → 00:20:11 คนอาจจะบอกว่าโหเาชอบจังเลยจากการได้อยู่
00:20:11 → 00:20:14 บ้านอ่านหนังสืออ่านหนังสือที่เขาชอบหรือ
00:20:14 → 00:20:17 เขาได้ปลูกต้นไม้ได้เล่นดนตรีผมไม่ชอบ
00:20:17 → 00:20:19 เล่นดนตรีมากเลยอยู่บ้านเล่นคนเดียวเออ
00:20:19 → 00:20:21 แต่แต่พอเล่นไปมากๆมันก็จะมีความเหงา
00:20:22 → 00:20:23 เหมือนกันนะเพราะว่าคนเล่นดนตรีบางครั้ง
00:20:23 → 00:20:26 มันอยากอยากมีบรรยากาศของการรวมวงอ๋ออ่า
00:20:26 → 00:20:29 อยากตั้งวงเมื่อวานก็เพิ่งไปเล่นมา
00:20:29 → 00:20:35 เลยเล่นไป 5 ช่มโอ้โหชดเชยเช้านี้น่วมเลย
00:20:35 → 00:20:37 ยืนกันนานมากอะไรเงี้ยฮะมีเหมือนกันผมว่า
00:20:37 → 00:20:40 ถ้าถ้าคนค้นพบวิธีการมีความสุขด้วยตัวเอง
00:20:40 → 00:20:42 ได้นะครับเขาจะไม่ได้ต้องการว่าต้องดึง
00:20:42 → 00:20:45 สังคมต้องดึงใครเข้ามาเขาจะอยากอยู่ในโลก
00:20:45 → 00:20:48 ส่วนตัวเขาจะอยู่ในพื้นที่ในกิจกรรมที่
00:20:48 → 00:20:50 เขาชอบอืแล้วสัดส่วนความเหงามันจะไม่เยอะ
00:20:50 → 00:20:53 อย่างเงี้ยฮะทีนี้พอเารู้สึกไม่ได้ลงแดง
00:20:53 → 00:20:56 ไม่ได้ของขาดเนาะเขาจะอยู่กับตรงนั้นได้
00:20:56 → 00:20:58 นานแล้วมันจะมีบางช่วงเหมือนที่เราคุยกัน
00:20:58 → 00:21:00 นะว่ามันจะมีแหละสลับสลับเข้ามาให้รู้สึก
00:21:00 → 00:21:03 เหงารู้สึกต้องการสังคมบ้างคนแบบเนี้ย
00:21:03 → 00:21:05 ครับเขาจะไม่ได้แบบจู่ๆข้ามขั้วมาว่าเฮ้ย
00:21:06 → 00:21:07 จากคนที่เคยอยู่คนเดียวฉันจะต้องเป็น
00:21:07 → 00:21:11 สังคมเยอะๆอือมันจะข้ามฟากไปแต่เขาจะรู้
00:21:11 → 00:21:13 สึกว่าเขาจะใช้สังคมเป็นแค่เอ่อเครื่อง
00:21:13 → 00:21:16 มือบางอย่างหรือเป็นแค่บางจังหวะเท่านั้น
00:21:16 → 00:21:18 แหละที่เขาจะได้พาตัวเองไปอยู่กับสังคม
00:21:18 → 00:21:21 ช่วงสั้นๆเพื่อเพื่อให้มันไม่เป็นการโดด
00:21:21 → 00:21:23 เดี่ยวเกินไปค่ะเพื่อให้ได้สัมผัสความรู้
00:21:23 → 00:21:26 สึกเป็นสังคมบ้างพอเค้าแบบได้ประมาณนี้
00:21:26 → 00:21:28 ปั๊บเก็ถอยกลับมาอยู่ในพื้นที่ตัวเองที่
00:21:28 → 00:21:30 มีความสุขเหมือนเดิมอ่าคนแบบเเขาจะไม่
00:21:30 → 00:21:32 เกาะติดสังคมจะไม่ต้องพึ่งพาสังคมตลอด
00:21:32 → 00:21:35 เวลาค่ะเขาจะแบบสามารถอยู่ตัวเองอยู่กับ
00:21:35 → 00:21:38 ตัวเองได้อืแต่บางคนมีเหมือนกันเนาะพอแบบ
00:21:38 → 00:21:40 ไม่เจอวิธีการมีความสุขด้วยตัวเองใช้
00:21:40 → 00:21:43 ชีวิตโดดเดี่ยวปึ๊บเขาจะแบบวิ่งหาเข้า
00:21:43 → 00:21:46 สังคมตลอดเลยค่ะวิ่งไปเพื่อคล้ายๆหนีความ
00:21:46 → 00:21:47 เหงาอ่ะอยู่บ้านแล้วมันเบื่ออยู่บ้านแล้ว
00:21:47 → 00:21:50 หาความสุขของตัวเองไม่เจออฮโทรชวนเพื่อน
00:21:50 → 00:21:52 กลุ่มนี้ปึ๊บอ่ะเพื่อนกลุ่มนี้แยกย้าย
00:21:52 → 00:21:54 เดี๋ยวก็ต้องหาเพื่อนกลุ่มใหม่เดี๋ยวก็
00:21:54 → 00:21:56 ต้องหาเรื่องไปนู่นไปนี่ตลอดอย่างเงี้ย
00:21:56 → 00:21:57 ครับเพราะงั้นอันนี้เลยเป็นสิ่งที่ต้อง
00:21:57 → 00:22:00 ระมัดระวังเนาะอยากชวนให้ทุกคนเรียกว่า
00:22:00 → 00:22:02 เรียนรู้อ่ะครับว่าจริงๆแล้วอ่ะเราไม่
00:22:02 → 00:22:04 สามารถพึ่งพาหรือพึ่งพิงสังคมได้ตลอดทั้ง
00:22:04 → 00:22:06 ชีวิตอ่ะค่ะเพราะทุกคนไม่ได้เกิดมาเพื่อ
00:22:06 → 00:22:09 ที่จะแบบอยู่สแตนบายให้เราเสมอไปหรือต่อ
00:22:09 → 00:22:11 ให้เขาคมีบทบาทในการสแตนบายให้เราเช่น
00:22:11 → 00:22:13 ครอบครัวเช่นแฟนแต่ไม่ได้หมายความว่าใน
00:22:13 → 00:22:16 ชีวิตจะไม่เกิดการพลัดพรากอือันนี้มัน
00:22:16 → 00:22:17 เป็นเรื่องที่แบบเป็นกฎสากลเนาะยังไงการ
00:22:18 → 00:22:20 พลัดพรากหรือการแยกย้ายจะเกิดขึ้นในวันใด
00:22:20 → 00:22:22 วันหนึ่งไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบหรือไม่ว่า
00:22:22 → 00:22:24 จะรูปแบบอะไรก็ตามมันจะเกิดขึ้นทีนี้ตัว
00:22:25 → 00:22:27 เราได้มีการเตรียมความพร้อมเพื่อที่เราจะ
00:22:27 → 00:22:30 ได้อยู่บนโลกเเยด้วยความเด็ดเดี่ยวยังไง
00:22:30 → 00:22:32 เนาะเพราะโดดเดี่ยวกับเด็ดเดี่ยวเป็นตัว
00:22:32 → 00:22:34 คนเดียวเหมือนกันเนาะแต่ความรู้สึกภายใน
00:22:34 → 00:22:36 คนละอย่างกันเลยอือ่าคนที่โดดเดี่ยวจะรู้
00:22:36 → 00:22:39 สึกอ้างวางแล้วต้องการหาที่พึ่งแต่คนที่
00:22:39 → 00:22:41 เด็ดเดี่ยวแม้จะรู้ว่าตัวเองอยู่คนเดียว
00:22:41 → 00:22:43 แต่เขาจะเรียนรู้วิธีการอยู่ตัวอยู่กับ
00:22:43 → 00:22:46 ตัวเองให้มั่นคงอืมันอาจจะไม่ใช่เรื่อง
00:22:46 → 00:22:49 ง่ายในช่วงแรกๆนะคะแต่ถ้าเกิดว่าเราเรียน
00:22:49 → 00:22:51 รู้อย่างที่คุณเอิ้นบอกว่าเรารู้จักกับ
00:22:51 → 00:22:54 ความเหงาอเหงาอ่ะมันก็เกิดขึ้นกับทุกคน
00:22:54 → 00:22:57 แหละแต่แค่ว่าเราจะจัดการกับมันยังไงมัน
00:22:57 → 00:22:59 ไม่ได้แบบว่าโหเราเรารู้ว่าเหงาเสร็จปุ๊บ
00:22:59 → 00:23:03 จัดการได้เลยบางทีโอโหเคยเหงาแบบจะเป็นจะ
00:23:03 → 00:23:05 ตายมาก่อนอ่ะแต่วันเนี้ยเออฉันก็เหงานะ
00:23:05 → 00:23:08 แต่ฉันก็ดีขึ้นอยู่ได้อยู่ได้อยู่ได้เออ
00:23:08 → 00:23:10 อะไรประมาณนี้แล้วเราได้ผ่านความเหนื่อย
00:23:10 → 00:23:12 ยากกับการอยู่ในสังคมมาด้วยแหละผมว่านะ
00:23:12 → 00:23:15 ประสบการณ์ชีวิตจะมีผลมากครับต่อมุมมอง
00:23:15 → 00:23:17 เราอก็แต่ว่าก็ไม่ต้องว่าใช้ประสบการณ์
00:23:17 → 00:23:20 ชีวิตมาเนิ่นนานแล้วค่อยมารู้ว่าเออเรา
00:23:20 → 00:23:22 สามารถจัดการกับความเหงาได้ยังไงแค่วัน
00:23:22 → 00:23:25 นี้ให้ให้เหมือนกับว่าเรารู้ตัวเองว่าเรา
00:23:25 → 00:23:27 เหงาแล้วยอมรับในสิ่งที่มันเกิดว่าเฮ้ย
00:23:27 → 00:23:30 เออมันนี่คือความเหงานะแต่ว่าก็อย่าไปทำ
00:23:30 → 00:23:33 อะไรที่มันแบบอาจจะทำให้เกิดสิ่งที่ไม่ดี
00:23:33 → 00:23:36 เกิดขึ้นกับตัวเองจากความเหงาที่เกิดขึ้น
00:23:36 → 00:23:39 เช่นไปดึงใครเข้ามารือคนไม่เข้าท่าเข้ามา
00:23:39 → 00:23:42 อาจจะได้คนเหงายิ่งกว่าเข้ามาหนักกว่า
00:23:42 → 00:23:44 เดิมอีกอะไรอย่างเงี้ยหรือการไปทำอะไรที่
00:23:44 → 00:23:47 ชดเชยความเหงาในสิ่งที่ไม่ถูกต้องครับนะ
00:23:47 → 00:23:50 คะบางคนอาจจะแบบเออถูกชักจูงไปเรื่องยา
00:23:50 → 00:23:53 เสพติดก็ได้จากความเหงาๆหรือเข้าไปใน
00:23:53 → 00:23:56 กลุ่มที่มันแบบอันตรายกับชีวิตก็ได้ต้อง
00:23:56 → 00:24:00 พิจารณาเยอะๆครับอือก็ไม่รู้จะให้คุณผู้
00:24:00 → 00:24:03 ฟังจัดการยังไงให้ยอมรับว่าออเรียนรู้ตัว
00:24:03 → 00:24:06 เองว่านี่คือความรู้สึกของความเหงาออืแค่
00:24:06 → 00:24:08 นั้นแหละใช่ครับแล้วก็จัดการความเหงาตาม
00:24:08 → 00:24:10 สูตรตัวเองแล้วกันเนาะผมว่าแต่ละคนมีสูตร
00:24:10 → 00:24:12 ในการจัดการความเหงาอาจจะแบบไม่ได้เหมือน
00:24:12 → 00:24:14 กันทั้งหมดหรอกแต่มันก็จะมีแกนคล้ายๆกัน
00:24:14 → 00:24:16 คือการกลับมาเจอว่าความสุขคืออะไรครับค่ะ
00:24:16 → 00:24:18 โดยเฉพาะความสุขในการอยู่กับตัวเองความ
00:24:18 → 00:24:21 สุขกับกิจกรรมที่ชอบหรือว่าการได้ทำสิ่ง
00:24:21 → 00:24:23 ที่มีคุณค่ากับคนอื่นอก็ก็ต้องระวังด้วย
00:24:23 → 00:24:27 เพราะว่าเคยเหงาเหงาแล้วก็เล่นเกมแก้เหงา
00:24:27 → 00:24:28 เล่นไปเล่นมาติดเกมแท
00:24:28 → 00:24:31 ครับหนักกว่าเดิมอีกใช่ๆๆกลับไปเหงาดี
00:24:31 → 00:24:34 กว่าอะไรประมาณนี้นะคะอ่ะก็เป็นแนวทาง
00:24:34 → 00:24:36 แล้วกันเนาะเราเจาะจงให้ไม่ได้จริงๆเพราะ
00:24:36 → 00:24:40 ว่ามันเป็นหัวข้อที่ค่อนข้างจะกว้างกว้าง
00:24:40 → 00:24:42 มากนะคะแต่ถ้าเกิดคุณผู้ฟังมีอะไรที่อยาก
00:24:42 → 00:24:46 ให้แบบเราเจาะจงก็ส่งอีเมลมาได้ครับอีเมล
00:24:46 → 00:24:49 อะไรไม่รู้อีเมลอะไรไม่รู้คอมเมนต์มาใน
00:24:49 → 00:24:52 โพสในในท้ายรายการก็ได้เช่นเดียวกันนะคะ
00:24:52 → 00:24:54 ขอบคุณคุณเอิ้นค่ะสวัสดีค่ะหมดเวลาแล้ว
00:24:54 → 00:24:57 คุณผู้ฟังพบกันใหม่ครั้งหน้ากับรายการโรง
00:24:57 → 00:24:59 หมอทางไทย PBS podcast ค่ะวันนี้ลาไป
00:24:59 → 00:25:02 ก่อนสวัสดีค่ะ This Is Toy PBS
00:25:02 → 00:25:05 podcast กว่าจะได้สถานะของคำว่าแฟนจะ
00:25:05 → 00:25:07 ต้องใช้ระยะเวลาและความไว้ใจต่อใครคนใดคน
00:25:08 → 00:25:10 หนึ่งคำว่าแฟนมาจากไหนผู้ช่วยศาสตราจารย์
00:25:10 → 00:25:13 ดรจันทวิภาดิลกสัมพันธ์ผู้เชี่ยวชาญด้าน
00:25:13 → 00:25:16 ความสัมพันธ์และครอบครัวมาบอกให้รู้ครับ
00:25:16 → 00:25:19 ต้องเข้าใจก่อนว่าคำว่าแฟนเนี่ยมันไม่ได้
00:25:19 → 00:25:23 เป็นภาษาที่มีในภาษาไทยเดิมสมัยก่อนนู้น
00:25:23 → 00:25:26 เนี่ยจนกระทั่งมาถึงสมัยประมาณซักรัชกาล
00:25:26 → 00:25:29 ที่ 6 ที่ 7 เนี่ยนะคะที่ที่ท่านเริ่มไป
00:25:29 → 00:25:32 ศึกษาต่อที่ต่างประเทศมาอะไรมาแล้วก็ขุน
00:25:32 → 00:25:35 นางของไทยก็ไปเรียนต่อต่างประเทศกันมา
00:25:35 → 00:25:37 เยอะแยะนะคะก็เลยทำให้เริ่มมีคำภาษา
00:25:37 → 00:25:40 อังกฤษเนี่ยเข้ามาใช้นะคะเพราะฉะนั้นใน
00:25:40 → 00:25:43 ยุคก่อนนั้นก็จะยังใช้คำว่าหญิงคนรักชาย
00:25:43 → 00:25:46 คนรักแต่คำว่าแฟนเนี่ยมันมาใช้ในระยะหลัง
00:25:46 → 00:25:50 แล้วนะฮะในระยะหลังแล้วหลังจากรัชกาลที่ 8
00:25:50 → 00:25:53 มาแล้วด้วยซ้ำไปนะฮะที่เริ่มมีคำว่าแฟนๆน
00:25:53 → 00:25:56 ๆอะไรอย่างเงี้ยนะฮะคำว่าแฟนในปัจจุบัน
00:25:56 → 00:25:59 เนี้ยนะฮะมันก็จะหมายถึงคนที่รักใคร่ชอบ
00:25:59 → 00:26:03 พอกันอย่างชนิดที่เรียกว่าในเชิงชู้สาว
00:26:03 → 00:26:06 เอางี้ะกันนะฮะในเชิงชู้สาวไม่ว่าชายจะ
00:26:06 → 00:26:09 เป็นแฟนกับชายหญิงจะเป็นแฟนกับหญิงหรือ
00:26:09 → 00:26:12 หญิงเป็นแฟนกับชายชายเป็นแฟนกับหญิงก็คือ
00:26:12 → 00:26:15 ในเชิงชู้สาวถูกมั้ยคะนะฮะเพราะฉะนั้น
00:26:15 → 00:26:18 เนี่ยโดยปกติความสัมพันธ์ของคนปกติทั่วๆ
00:26:18 → 00:26:21 ไปเนี่ยพอเราเริ่มสนใจใครสักคนนึงเราก็
00:26:22 → 00:26:25 เริ่มที่จะสร้างความรู้จักนะคะพอรู้จัก
00:26:25 → 00:26:27 กันหนักๆขึ้นก็อยากจะให้ความสัมพันธ์มัน
00:26:27 → 00:26:30 แน่นแฟ้นขึ้นทุกวันทุกวันทุกวันนะคะจนรู้
00:26:30 → 00:26:33 สึกพิเศษกับใครสักคนนึงจากที่เดิมเนี่ย
00:26:33 → 00:26:37 แหมคบไปเรื่อยนะฮะใครมาก็คบไปคบไปจน
00:26:37 → 00:26:39 กระทั่งมากรองเหลือคนที่พิเศษใครสักคนนึง
00:26:39 → 00:26:43 อ่ะคบกับคนเนี้ยพิเศษมากขึ้นมาขึ้นจนถึง
00:26:43 → 00:26:45 จุดๆหนึ่งที่เราอยากจะให้นิยามความ
00:26:45 → 00:26:49 สัมพันธ์ของเราแล้วนี่ตกลงเราเป็นอะไรกัน
00:26:49 → 00:26:51 ว่าเราได้สถานะของการเป็นแฟนหรือยังอ
00:26:52 → 00:26:54 เพราะว่าพอได้สถานะความเป็นแฟนหรือที่
00:26:54 → 00:26:56 เรียกว่าหญิงคนรักชายคนรักในสมัยก่อน
00:26:56 → 00:26:59 เนี่ยค่ะมันดูจะมีสิทธิ์พิเศษอะไรบาง
00:26:59 → 00:27:02 อย่างเกิดขึ้นเพราะฉะนั้นเนี่ยตรงเนี้ยนะ
00:27:02 → 00:27:05 คะเอ่อมันก็เป็นความชัดเจนในความสัมพันธ์
00:27:05 → 00:27:08 ในเรื่องของคำว่าแฟนนะฮะแล้วเป็นสิ่งที่
00:27:08 → 00:27:12 จะยืนยันความจริงจังหรือความจริงใจในความ
00:27:12 → 00:27:16 รักของคนๆนั้นแต่ก็ต้องดูอีกนะคะนะฮะ
00:27:16 → 00:27:19 เพราะว่าบางคนเนี่ยใช้ไปเรื่อยขอโทษนะคะ
00:27:19 → 00:27:23 ใช้แบบพล่อยๆเอางี้แล้วกันให้สถานะกับทุก
00:27:23 → 00:27:25 คนค่ะแต่โดยทั่วไปเนี่ยมันจะเป็นการ
00:27:25 → 00:27:28 เหมือนกันเรียกว่าอะไรนะคะการปักหมุดเลย
00:27:28 → 00:27:31 ปักหมุดและมีความตกลงร่วมกันว่าอ่ะต่อไป
00:27:31 → 00:27:34 นี้นะนะฮะเราจะทุ่มเทเวลาและแบ่งปันความ
00:27:34 → 00:27:38 รู้สึกกันเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ของเรา
00:27:38 → 00:27:40 เนี่ยให้ลึกซึ้งมากขึ้นมากขึ้นค่ะนะฮะกับ
00:27:41 → 00:27:42 คำว่าสถานะของคำว่า
00:27:42 → 00:27:44 [เพลง]
00:27:44 → 00:27:49 แฟน This Is Toy PBS
00:27:49 → 00:27:52 podcast ติดตามรายการทางเว็บไซต์และ
00:27:52 → 00:27:55 แอปพลิเคชันของ Thai PBS podcast
00:27:56 → 00:27:58 spotify South Cloud Google podcast
00:27:58 → 00:28:01 Apple podcast และ YouTube Channel
00:28:01 → 00:28:05 Thai PBS podcast Thai PBS podcast
00:28:05 → 00:28:08 View the world via The Voice
00:28:08 → 00:28:13 [เพลง]