00:00:06 → 00:00:13 [เพลง]
00:00:14 → 00:00:16 [ปรบมือ]
00:00:16 → 00:00:25 [เพลง]
00:00:25 → 00:00:27 วันนี้รายการเล็กๆเปลี่ยนโลกอยู่ที่ศูนย์
00:00:27 → 00:00:31 การเรียนรู้มหิดลมหาวิทยาลัยมหิดลศาลายา
00:00:31 → 00:00:34 เพื่อเข้าร่วมงานวันอัลไซเมอร์โลกรู้เท่า
00:00:34 → 00:00:37 ทันป้องกันสมองเสื่อมซึ่งคณะแพทยศาสตร์
00:00:37 → 00:00:41 โรงพยาบาลรามาธิบดีร่วมกับสมาคมผู้ดูแล
00:00:41 → 00:00:44 ผู้ป่วยสมองเสื่อมจัดงานนี้ขึ้นภายในงาน
00:00:45 → 00:00:47 ยังมีกิจกรรมต่างๆอีกมากมายรวมทั้ง
00:00:47 → 00:00:50 กิจกรรมการเสวนาเพื่อให้ความรู้แก่บุคคล
00:00:50 → 00:00:52 ทั่วไปที่สนใจเข้า
00:00:52 → 00:00:55 ร่วมสาระสำคัญเกี่ยวกับการบรรยายเอ่อใน
00:00:55 → 00:00:58 วันนี้นะคะก็ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องของ
00:00:58 → 00:01:02 อาการอาการแสดงเ่อของโรคสมองเสื่อม่ะนะคะ
00:01:02 → 00:01:05 รวมถึงสาเหตุแล้วก็แนวทางในการดูแลป้อง
00:01:05 → 00:01:08 กันตนเองนะคะซึ่งอาการแล้วก็อาการแสดงที่
00:01:09 → 00:01:12 สำคัญเนี่ยก็คือจะพูดถึงอาการต่างๆยกตัว
00:01:12 → 00:01:14 อย่างเช่นเรื่องของปัญหาเรื่องของความหลง
00:01:14 → 00:01:17 ลืมปัญหาความจำเรื่องของปัญหาทางด้านการ
00:01:17 → 00:01:20 คิดการตัดสินใจแก้ปัญหาปัญหาเกี่ยวกับการ
00:01:20 → 00:01:23 ใช้ภาษาปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของสมาธิหรือ
00:01:23 → 00:01:26 บางทีคนแค่อาจจะมีอาการหลงทิศหลงทางหรือ
00:01:26 → 00:01:28 มีปัญหาเกี่ยวกับพฤติกรรมยกตัวอย่างเช่น
00:01:28 → 00:01:31 อาจจะเอ่ออาจจะมีปัญหาเรื่องเกี่ยวกับ
00:01:31 → 00:01:34 อารมณ์ต่างๆนะคะรวมทั้งปัญหาพวกเนี้ยมัน
00:01:34 → 00:01:37 จะต้องเป็นมากพอที่จะเอ่อกระทบเกี่ยวกับ
00:01:37 → 00:01:40 ผลกระทบในชีวิตประจำวันของคนไข้ค่ะอันนี้
00:01:40 → 00:01:43 ก็คือเป็นอาการแล้วก็อาการแสดงที่สำคัญ
00:01:43 → 00:01:46 ของโรคสมองเสื่อมนะคะส่วนสาเหตุก็มีได้
00:01:46 → 00:01:49 หลากหลายมากเลยค่ะสาเหตุที่เราเอ่อพยายาม
00:01:49 → 00:01:52 ที่จะอยากจะให้คนไข้มาเจอมามาตรวจกับ
00:01:52 → 00:01:54 แพทย์เนี่ยก็เพราะว่ามันมีสาเหตุที่มัน
00:01:54 → 00:01:56 รักษาได้ด้วยยกตัวอย่างเช่นเป็นโรคขาด
00:01:56 → 00:01:58 วิตามินบางชนิดหรือเป็นโรคของต่อม
00:01:58 → 00:02:00 ไทรรอยด์
00:02:00 → 00:02:02 นะคะแต่ทีนี้เ่อสาเหตุโดยส่วนใหญ่เนี่ย
00:02:02 → 00:02:05 จริงๆมันรักษาไม่ค่อยได้อย่างเช่นโรค
00:02:05 → 00:02:07 อัลไซเมอร์อย่างเงี้ยเป็นโรคที่ไม่สามารถ
00:02:07 → 00:02:10 จะรักษาให้หายขาดได้เงยค่ะส่วนแนวทางใน
00:02:11 → 00:02:14 การดูแลป้องกันเนี่ยก็คือเอ่อดีที่สุดก็
00:02:14 → 00:02:17 คือไม่ให้มันเป็นก็คือหาทางในการป้องกัน
00:02:17 → 00:02:19 ชะลอความเสื่อมของสมองแต่เมื่อไหร่ถ้า
00:02:19 → 00:02:22 สมมุติว่าเป็นแล้วเนี่ยนะคะก็คงจะต้องอาจ
00:02:22 → 00:02:25 จะมีเรื่องของการใช้ยาหรือไม่ใช้ยาเพื่อ
00:02:25 → 00:02:28 ช่วยในการกระตุ้นให้สมองยังคงประสิทธิภาพ
00:02:28 → 00:02:33 ให้ได้ดีที่สุดนะคะ
00:02:33 → 00:02:36 กิจกรรมภาคประชาชนในช่วงเช้าได้แก่การ
00:02:36 → 00:02:40 บรรยายให้ความรู้เรื่องรู้จักสมองเสื่อม
00:02:40 → 00:02:44 สาเหตุอาการอาการแสดงการดูแลรักษาซึ่งได้
00:02:44 → 00:02:47 รับเกียรติจากอาจารย์แพทย์หญิงภาพันธ์ไทย
00:02:47 → 00:02:50 พิสุทธิกุลแพทย์ผู้เชี่ยวชาญดูแลผู้ป่วย
00:02:50 → 00:02:53 สมองเสื่อมเป็นวิทยากรบรรยายโรค
00:02:53 → 00:02:55 อัลไซเมอร์ถ้าพูดถึงในแง่ของตัวโรค
00:02:55 → 00:02:58 อัลไซเมอร์โดยตรงนะคะว่าเกิดขึ้นได้ยังไง
00:02:58 → 00:03:01 บ้างจริงๆมันเป็นกระบวนการการเกิดเนี่ย
00:03:01 → 00:03:04 มันเกิดจากการที่มันมีความเสื่อมของสมอง
00:03:04 → 00:03:07 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของความจำนะ
00:03:07 → 00:03:10 คะเป็นส่วนของสมองที่อยู่ทางด้านข้างๆอ่ะ
00:03:10 → 00:03:13 ค่ะเอ่อที่เราเรียกมันว่าฮิปโป campus
00:03:13 → 00:03:15 หรือว่าซึ่งอยู่ในส่วนของ temporal มนะคะ
00:03:15 → 00:03:19 อ่าส่วนของสมองส่วนเนี้ยพอเสื่อมถอยไป
00:03:19 → 00:03:21 เนี่ยอาการหลักๆที่คนไข้จะเริ่มมาพบเราก็
00:03:21 → 00:03:25 คือปัญหาเกี่ยวกับความจำระยะสั้นซึ่งจะมี
00:03:25 → 00:03:27 ผลไปสู่เรื่องของความจำระยะยาวที่เกี่ยว
00:03:27 → 00:03:30 ข้องกับเรื่องของระยะเวลายกตัวอย่างเช่น
00:03:30 → 00:03:33 คนไข้อาจจะไม่สามารถจะจำได้ว่าเอเมื่อวัน
00:03:33 → 00:03:36 เมื่อวานนี้เ่อเมื่อตอนเช้ามีใครมาพูดคุย
00:03:36 → 00:03:39 อะไรกับเขาบ้างในขณะที่ความจำอื่นๆอย่าง
00:03:39 → 00:03:41 เช่นความจำเกี่ยวกับข้อมูลเขอาจจะยังจำ
00:03:41 → 00:03:44 ได้ดีว่าเขาเกิดวันที่เท่าไหร่เดือนอะไร
00:03:44 → 00:03:47 เมืองหลวงของประเทศไทยชื่ออะไรอะไรอย่า
00:03:47 → 00:03:48 เงี้ยนะคะความจำที่เกี่ยวกับความรู้ข้อ
00:03:48 → 00:03:51 มูลต่างๆหรือความจำเกี่ยวกับเรื่องของ
00:03:51 → 00:03:53 ทักษะต่างๆอย่างเช่นเาเคยเล่นเปียโนได้ดี
00:03:54 → 00:03:56 เก็อาจจะยังเล่นได้ดีอยู่ในช่วงแรกอาการ
00:03:56 → 00:04:00 ตรงนี้ก็จะไม่เกิดนะคะสาเหตุของโรคสมอง
00:04:00 → 00:04:02 เสื่อมค่ะมันก็จะแบ่งง่ายๆเป็นสาเหตุที่
00:04:02 → 00:04:06 มันรักษาได้กับสาเหตุที่เรารักษาไม่ได้ก็
00:04:06 → 00:04:08 สาเหตุที่รักษาไม่ได้เนี่ยก็คือเป็นความ
00:04:08 → 00:04:12 เสื่อมถอยของร่างกายเองนะคะอันได้แก่โรค
00:04:12 → 00:04:14 ท็อปฮิตของเราเลยก็คือโรคอัลไซเมอร์เนี่ย
00:04:14 → 00:04:17 ค่ะอยู่ในข่ายของสาเหตุที่เราไม่สามารถณ
00:04:17 → 00:04:22 ปัจจุบันนี้ณวินาทีนี้นะคะ 2014 ปี 2557
00:04:22 → 00:04:24 เนี่ยเรายังไม่มียาที่เรียกได้ว่ารักษา
00:04:25 → 00:04:28 โรคอัลไซเมอร์ได้แน่นอนมันมียาที่ทำการ
00:04:28 → 00:04:31 เอ่อทดลองสึศึกษาอยู่นะคะแต่ณปัจจุบันนี้
00:04:31 → 00:04:34 ยังไม่มียาในท้องตลาดนะคะอีกสาเหตุนึงที่
00:04:34 → 00:04:36 พบบ่อยที่เป็นเกี่ยวกับเรื่องของความ
00:04:36 → 00:04:38 เสื่อมถอยก็คือเรื่องหลอดเลือดสมองหรือ
00:04:38 → 00:04:40 ที่หลายๆท่านอาจจะรู้จักในชื่อของสตก
00:04:40 → 00:04:43 เนี่ยนะคะบอกว่าคนนู้นเป็นสโตรกอ่อนแรง
00:04:43 → 00:04:45 ครึ่งซีกไปอย่างเงี้ยนะคะพวกเก็เป็น
00:04:45 → 00:04:48 สาเหตุที่อาจจะไม่ได้รักษาได้ทั้งหมดตาม
00:04:48 → 00:04:50 การศึกษาเนี่ยพบว่าอัลไซเมอร์เนี่ยณ
00:04:50 → 00:04:52 ปัจจุบันเป็นโรครสมองเสื่อมที่เราพบมาก
00:04:52 → 00:04:56 ที่สุดสำหรับคนทางด้านเอเชียเนี่ยค่ะเหตุ
00:04:56 → 00:05:00 รองลงมาก็คือโรคที่เป็นอ่าโรคสมองเสื่อม
00:05:00 → 00:05:02 ที่เกี่ยวพันกับเรื่องของหลอดเลือดสมอง
00:05:02 → 00:05:06 ที่ผิดปกติอีก 17% นะคะที่เหลือทั้งหลาย
00:05:06 → 00:05:09 ก็จะเป็นสาเหตุอื่นๆนะคะอันได้แก่เอ่อบาง
00:05:09 → 00:05:11 คนอาจจะเคยได้ยินโรค ley Body ถ้าเกิด
00:05:11 → 00:05:14 สมมุติท่านมีญาติที่ได้รับการวินิจฉัยแบบ
00:05:14 → 00:05:16 นี้ก็จะเป็นโรคสมองเสื่อมอีกชนิดนึงที่มี
00:05:16 → 00:05:21 อาการพาคินสันเด่นนะคะเอ่อมีโรคสมอง
00:05:21 → 00:05:23 เสื่อมชนิดอื่นๆอย่างเช่นสมองเสื่อมที่
00:05:23 → 00:05:26 เป็นจากการฝ่อของสมองส่วนหน้าเราก็จะ
00:05:26 → 00:05:28 เรียก cont temp dementia นะคะหรือว่า
00:05:28 → 00:05:31 เป็นโรคสมองสวนที่เป็นหลังจากที่เป็นโรค
00:05:31 → 00:05:33 Parkinson ก็จะเรียก par Parkinson
00:05:33 → 00:05:36 disease dementia นะคะแพทย์ก็จะทำการ
00:05:36 → 00:05:39 ซักประวัติตรวจร่างกายถามนู่นถามนี่อาจจะ
00:05:39 → 00:05:43 ทำเทสเล็กๆน้อยๆนะคะเพื่อจะดูว่าเอ๊ะมัน
00:05:43 → 00:05:45 มีความเสื่อมของสมองจริงจากนั้นแล้วถ้า
00:05:45 → 00:05:48 มันมีแล้วเนี่ยเขาก็จะต้องทำการหาสาเหตุ
00:05:48 → 00:05:50 ค่ะเพราะจริงๆมันมีสาเหตุที่มันรักษาได้
00:05:50 → 00:05:52 สาเหตุที่รักษาได้อย่างเช่นอะไรบางราย
00:05:52 → 00:05:55 เนี่ยอาจจะเป็นเนื้องอกในสมองหรือเป็นน้ำ
00:05:55 → 00:05:58 ในช่องสมองที่ที่มากกว่าปกติอันนี้ให้ดู
00:05:58 → 00:06:01 รูปนิดนึงนะคะคะอย่างเช่นคนปกติจะมีน้ำใน
00:06:01 → 00:06:03 ช่องสมองอยู่แค่เนี้ยแต่ว่าถ้าเรามีภาวะ
00:06:03 → 00:06:06 ที่เขาเรียกว่า Normal Pressure hydrus
00:06:06 → 00:06:08 เนี่ยอ่าน้ำในช่องสมองของเราจะมากกว่า
00:06:09 → 00:06:11 ปกติซึ่งตรงเนี้สามารถจะทำได้แก้ไขได้โดย
00:06:11 → 00:06:14 การที่จะเอ่อทำผ่าตัดทำเาเรียกทำชั้นคือ
00:06:15 → 00:06:18 ทำเป็นท่อต่อให้น้ำไหลออกมาอันนี้ถ้าเรา
00:06:19 → 00:06:21 ไปเจอสาเหตุที่เป็นสาเหตุที่รักษาได้
00:06:21 → 00:06:24 เนี่ยก็จะสามารถจัดการกับสาเหตุได้นะคะ
00:06:24 → 00:06:27 นอกจากนั้นแล้วก็จะมีโรคอื่นๆที่ทำให้
00:06:27 → 00:06:29 เกิดอาการที่คล้ายๆกับโรคสมองเสื่อมได้
00:06:29 → 00:06:33 อย่างเช่นโรคติดเชื้อบางอย่างโรคโลหิตจาง
00:06:33 → 00:06:36 หรือว่าคนไข้ที่ซีดมากๆก็จะมีอาการคล้ายๆ
00:06:36 → 00:06:39 คนเป็นโรคสมองเสื่อมได้หรือคนไข้ที่เป็น
00:06:39 → 00:06:41 โรคเกี่ยวกับไทรรอยด์อ่ะค่ะต่อมไทรรอยด์
00:06:41 → 00:06:44 ทำงานผิดปกติเนี่ยอย่างเช่นเ่อต่อม
00:06:44 → 00:06:46 ไทรอยด์ทำงานน้อยไปเนี่ยก็จะทำให้คนไข้มี
00:06:46 → 00:06:49 อาการนอกจากมีอาการทางกายที่อาจจะอ้วน
00:06:49 → 00:06:52 ขึ้นทานเยอะขึ้นอ่าอย่างเงี้ยนะคะผิวแห้ง
00:06:52 → 00:06:55 ๆเบื่อยๆเพลียๆแล้วคนไขก็จะมีอาการที่
00:06:55 → 00:06:58 เป็นเหมือนคล้ายๆกับโรคสมองเสื่อมได้ด้วย
00:06:58 → 00:07:01 นะคะแต่แต่ถ้าสาเหตุหลักๆของเขาเป็น
00:07:01 → 00:07:04 เรื่องของความเสื่อมเป็นสาเหตุที่รักษา
00:07:04 → 00:07:06 ไม่ได้อย่างเช่นอัลไซเมอร์เนี่ย
00:07:06 → 00:07:10 เอ่อตรงเนี้ยการรักษาก็คือเราจะทำยังไง
00:07:10 → 00:07:14 เพื่อจะชะลอความเสื่อมของสมองนะคะทีนี้
00:07:14 → 00:07:16 ตอนเนี้ยณปัจจุบันเราเชื่อว่าทั้ง
00:07:16 → 00:07:19 อัลไซเมอร์เองทั้งโรคสมองเสื่อมที่เกิด
00:07:19 → 00:07:21 จากสาเหตุจากโรคหลอดเลือดสมองเองเนี่ย
00:07:21 → 00:07:25 ทั้ง 2 อย่างเลยอ่ะค่ะปัจจัยหลักที่ทำให้
00:07:25 → 00:07:27 ตัวโรคมันวิ่งไปเร็วไปช้าหรือเป็นตัวเร่ง
00:07:28 → 00:07:30 ให้โรคมันไปเร็วไปช้าช้าต่างกันเนี่ยก็
00:07:30 → 00:07:32 คือเรื่องเกี่ยวกับความเสี่ยงเกี่ยวกับ
00:07:32 → 00:07:35 โรคหลอดเลือดคือปัญหาเกี่ยวกับไขมันพูด
00:07:35 → 00:07:39 ง่ายๆก็คือไขมันความดันเบาหวานทั้งหลาย
00:07:39 → 00:07:42 เนี่ยถ้าเราคุมคุมให้ดีเนี่ยมันจะพบว่า
00:07:42 → 00:07:45 กระบวนการของโรคเนี่ยในการเสื่อมมันจะไป
00:07:45 → 00:07:49 ได้ช้าลงมันทำให้เอ่อโลกนี้เหมือนกับยืด
00:07:49 → 00:07:52 ระยะเวลาในการเสื่อมถอยได้ยาวขึ้นนะคะอีก
00:07:52 → 00:07:56 อย่างนึงที่อาจจะต้องมีการเ่าแยกโรคนะคะ
00:07:56 → 00:07:59 ก็คือผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้าอ่ะค่ะหลาย
00:07:59 → 00:08:02 ๆครั้งก็ให้อาการที่คล้ายๆกับอาการโรค
00:08:02 → 00:08:06 สมองเสื่อมได้ทีนี้โรคซึมเศร้าเนี่ยอ่า
00:08:06 → 00:08:09 เป็นโรคทางจิตเวทเนาะโดยส่วนใหญ่เนี่ยคน
00:08:09 → 00:08:11 ไข้ก็อาจจะให้อาการอื่นๆที่คล้ายๆซึม
00:08:11 → 00:08:13 เศร้าด้วยอย่างเช่นเบื่ออ่อนเพลียไม่มี
00:08:13 → 00:08:17 แรงไม่อยากจะทำอะไรรู้สึกอยากตายถ้าราย
00:08:17 → 00:08:19 ไหนบอกได้ขนาดเนี้ยก็จะช่วยเราในการแยก
00:08:19 → 00:08:22 โลกได้แต่ว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะบอกได้นะคะ
00:08:22 → 00:08:24 เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณหมอเขาสงสัยว่าอาจจะ
00:08:24 → 00:08:28 มีภาวะซึมเศร้าด้วยเอ่ออาจจะมีภาวะสมอง
00:08:28 → 00:08:30 เสื่อมด้วยเขาจะรักษาเรื่องของโรคซึม
00:08:30 → 00:08:32 เศร้าก่อนเพราะว่าโรคซึมเศร้าเนี่ยโดย
00:08:32 → 00:08:35 ส่วนใหญ่สามารถรักษาให้ดีขึ้นได้นะคะแล้ว
00:08:35 → 00:08:38 ก็ถ้าภาวะซึมเศร้าดีขึ้นเนี่ยส่วนใหญ่
00:08:38 → 00:08:41 อาการความจำที่ที่แย่ของคนไข้เนี่ยก็จะดี
00:08:41 → 00:08:44 ขึ้นไปด้วยนะคะถ้าคนไข้ที่เป็นโรคโรคซึม
00:08:44 → 00:08:47 เศร้าเนี่ยคนไข้มักจะมักจะสังเกตความผิด
00:08:47 → 00:08:49 ปกติของตัวเองคือเขามาบอกเองเลยอ่ะว่า
00:08:49 → 00:08:51 เขาคจำอะไรไม่ได้ในขณะที่คนไข้ที่เป็นโรค
00:08:51 → 00:08:54 สมองเสื่อมเนี่ยปัญหาความจำเนี่ยส่วนใหญ่
00:08:54 → 00:08:56 เไม่ยอมรับอ่ะค่ะเค้ามักจะเป็นญาติเป็นคน
00:08:56 → 00:08:59 บอกว่าเออคุณจำอะไรไม่ได้แล้วนะส่วนใหญ่
00:08:59 → 00:09:03 ให่คนไข้เองเขาจะไม่อุ้ยจำได้จำได้ดีไม่
00:09:03 → 00:09:06 มีปัญหาอย่างเงี้ยนะคะในขณะที่เอ่อคนไข้
00:09:07 → 00:09:09 ที่เป็นโรคซึมเศร้าเนี่ยเขาจะกังวลกับ
00:09:09 → 00:09:11 อาการตัวเองเยอะมากจะรู้สึกแบบโอ๊ยแย่มาก
00:09:11 → 00:09:13 เลยจำไอ้นู่นก็ไม่ได้จำไอ้นี่ก็ไม่ได้ใน
00:09:13 → 00:09:16 ขณะที่คนไข้โรคสมองเสื่อมเนี่ยมักจะไม่
00:09:16 → 00:09:19 ค่อยกังวลกับอาการของตัวเองสบายมากไม่มี
00:09:19 → 00:09:22 อะไรเงี้ยนะคะคนไข้ที่เป็นโรคซึมเศร้า
00:09:22 → 00:09:25 เนี่ยมักจะมีอาการหลงลืมที่ไม่ค่อยแน่นอน
00:09:25 → 00:09:28 ไม่แน่นอนในที่นี้ก็หมายถึงว่าบางวันลืม
00:09:28 → 00:09:30 บางวันก็ดูเหมือนความจำระยะสั้นไม่ค่อย
00:09:30 → 00:09:33 ดีดีเอ๊ะบางวันความจำระยะยาวก็ไม่ค่อยดี
00:09:33 → 00:09:36 บางวันดูเหมือนเอ๊ะทำไมความจำเกี่ยวกับ
00:09:36 → 00:09:38 ทักษะก็ไม่ดีด้วยอะไรอย่างเงี้ยนะคะคือ
00:09:38 → 00:09:41 มันความจำที่ถูกเกี่ยวข้องเนี่ยมันจะมัน
00:09:41 → 00:09:43 จะดูไม่ค่อยแน่นอนมันจะดูเปลี่ยนไป
00:09:43 → 00:09:46 เปลี่ยนมาอ้าบางวันยังจำเรื่องเมื่อเช้า
00:09:46 → 00:09:47 ไม่ได้ทำไมตอนนี้จำได้แล้วอะไรอย่างเงี้ย
00:09:48 → 00:09:50 นะคะลักษณะแบบเจะเป็นลักษณะของโรคซึม
00:09:50 → 00:09:53 เศร้าในขณะที่คนไข้ที่เป็นโรคหลงลืมหรือ
00:09:53 → 00:09:56 โรคสมองเสื่อมเนี่ยจะหลงลืมในสิ่งที่
00:09:56 → 00:09:59 เรียนรู้ใหม่ๆเป็นหลักนะคะสำคัก็คือต้อง
00:10:00 → 00:10:02 รีบวินิจฉัยนะคะเพื่อชะลออาการให้เร็วที่
00:10:02 → 00:10:05 สุดถ้ามีสาเหตุรักษาสาเหตุถ้าเป็นสาเหตุ
00:10:05 → 00:10:08 ที่รักษาไม่ได้ลดปัจจัยเสี่ยงและสำคัญ
00:10:08 → 00:10:11 อย่างที่ 3 ก็คือคงสภาพหรือพยายามจะ
00:10:11 → 00:10:13 กระตุ้นความสามารถของสมองให้อยู่ในเกณฑ์
00:10:13 → 00:10:16 ที่สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้นะคะใน
00:10:16 → 00:10:19 ช่วงแรกๆอาการจะดูเหมือนยังน้อยอ่ะค่ะพอ
00:10:19 → 00:10:21 เริ่มเข้าสู่ช่วงกลางๆเนี่ยก็จะเริ่มเป็น
00:10:21 → 00:10:25 มากขึ้นอ่าเหมือนกับสลปมันจะลงเร็วคือเรา
00:10:25 → 00:10:28 ญาติๆจะสังเกตเห็นความเสื่อมถอยชัดเจนมาก
00:10:28 → 00:10:30 ขึ้นนะคะ
00:10:30 → 00:10:33 ทีนี้การรักษาที่สาเหตุการลดความเสี่ยง
00:10:33 → 00:10:35 อย่างที่พูดไปแล้วนะคะปัจจุบันนี้เชื่อ
00:10:35 → 00:10:37 ว่าปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญเลยคือความเสี่ยง
00:10:37 → 00:10:39 เกี่ยวกับเรื่องหลอดเลือดอ่ะค่ะเป็น
00:10:39 → 00:10:41 ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญเพราะอายุเราแก้ไข
00:10:41 → 00:10:45 ไม่ได้เนาะมันก็มันก็สูงขึ้นไปตามไหวนะคะ
00:10:45 → 00:10:50 ควบคุมเรื่องของอ่าเบาหวานไขมันความดัน
00:10:50 → 00:10:53 เรื่องของเอ่อน้ำหนักตัวทั้งหลายนะคะซึ่ง
00:10:53 → 00:10:57 เป็นปัจจัยเสี่ยงทางด้านหลอดเลือดนะคะนี้
00:10:57 → 00:10:59 แล้วเราจะทำยังไงเพื่อจะคงสภาพหรือห
00:10:59 → 00:11:02 กระตุ้นความสามารถของสมองเอาไว้นะคะนการ
00:11:02 → 00:11:04 คงสภาพของสมองหรือการพยายามที่จะ
00:11:04 → 00:11:08 stabilize ตัวสมองไว้เนี่ยก็มี 2 แบบคือ
00:11:08 → 00:11:11 แบบที่ใช้ยายาก็ช่วยนะคะกับแบบที่ไม่ใช้
00:11:11 → 00:11:14 ยาการฝึกสมองเนี่ยมันดียังไงการฝึกสมองเ
00:11:15 → 00:11:17 ดีอย่างนี้ค่ะเพราะว่าสมองของเราเนี่ยถ้า
00:11:17 → 00:11:20 เราทำอะไรซ้ำๆเนี่ยสมองมันไม่ค่อยได้ใช้
00:11:20 → 00:11:22 อ่ะค่ะพูดง่ายๆเซลล์สมองมันไม่ถูกกระตุ้น
00:11:22 → 00:11:24 มันจะถูกกระตุ้นต่อเมื่อเราเรียนรู้อะไร
00:11:24 → 00:11:27 ที่มันใหม่ๆยกตัวอย่างเช่นไม่เคยทำงาน
00:11:27 → 00:11:30 หัตถการหัถกรรมต่างๆก็มาลองเรียนรู้ในตอน
00:11:30 → 00:11:32 ที่สูงอายุมากขึ้นเนี่ยจะเป็นการกระตุ้น
00:11:32 → 00:11:36 เซลล์สมองนะคะไม่เคยใช้คอมพิวเตอร์เออมา
00:11:36 → 00:11:39 ลองใช้ตอนที่เริ่มเรียนรู้ตอนที่เริ่มสูง
00:11:39 → 00:11:42 อายุมากขึ้นแต่ก็เรียนรู้แบบง่ายๆนะคะก็
00:11:42 → 00:11:45 จะช่วยในแง่ของการเอ่อฝึกสมองและกระตุ้น
00:11:45 → 00:11:48 เซลล์สมองได้ไม่เคยเรียนดนตรีไปเรียน
00:11:48 → 00:11:51 ดนตรีก็อาจจะทำให้การเซลล์สมองในส่วนที่
00:11:51 → 00:11:53 ไม่ได้รับการกระตุ้นก็ถูกกระตุ้นได้ง่าย
00:11:53 → 00:11:56 ขึ้นนะนี่การดูแลผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม
00:11:56 → 00:11:58 เนี่ยแน่นอนคงไม่ใช่ดูแลแค่คนไข้อย่าง
00:11:58 → 00:12:01 เดียวท่านที่เป็นผู้ดููแลทั้งหลายก็จะ
00:12:01 → 00:12:05 ต้องดูแลตัวเองด้วยนะคะต้องมีเวลาพักให้
00:12:05 → 00:12:08 กับตัวเองด้วยนะคะแล้วก็ประเมินจิตใจของ
00:12:08 → 00:12:10 ตัวเองด้วยค่ะว่าเวลาเราทราบว่าคนที่เรา
00:12:10 → 00:12:13 รักคนที่เราใกล้ชิดเนี่ยมีปัญหาเรื่องของ
00:12:13 → 00:12:15 โรคสมองเสริมแล้วเนี่ยแล้วมันเกิด
00:12:15 → 00:12:18 ปฏิกิริยาอะไรเกิดขึ้นในใจเราเรารู้สึก
00:12:18 → 00:12:21 ยังไงเราปฏิเสธเราไม่อยากรับรู้เราสับสน
00:12:21 → 00:12:24 เราเครียดเราโกรธเราผิดหวังเราซึมเศร้า
00:12:24 → 00:12:26 แต่สุดท้ายสิ่งที่หมออยากให้เกิดขึ้นก็
00:12:26 → 00:12:29 คืออยากให้ไปทุกคนไปสู่จุดเดียวกันคือจุด
00:12:29 → 00:12:32 ที่ยอมรับได้นะคะว่าสิ่งนี้มันได้เกิด
00:12:32 → 00:12:34 ขึ้นแล้วเราจะทำสิ่งที่เกิดขึ้นยังไงให้
00:12:34 → 00:12:37 ดีที่สุดให้ได้นะคะนี่เรื่องของการป้อง
00:12:38 → 00:12:40 กันตนเองไม่ให้เป็นโรคสมองเสื่อมนะคะคือ
00:12:40 → 00:12:42 เป็นเรื่องเกี่ยวกับการดูแลในแง่ของร่าง
00:12:42 → 00:12:47 กายและจิตใจนะคะดูแลร่างกายก็คือเรื่อง
00:12:47 → 00:12:50 ของอาหารกับการออกกำลังกายสำคัญที่สุด
00:12:50 → 00:12:52 ซึ่งออกกำลังกายไม่ใช่แค่ออกกำลังร่างกาย
00:12:52 → 00:12:55 อย่างเดียวออกกำลังกายสมองด้วยนะคะแล้วก็
00:12:55 → 00:12:58 ดูแลเรื่องของจิตใจนะคะแน่นอนออกกำลังกาย
00:12:58 → 00:13:01 นะคะก็มีหลายแบบค่ะสมมุติผู้สูงอายุก็ไม่
00:13:01 → 00:13:03 จำเป็นต้องออกกำลังกายที่รุนแรงที่หนัก
00:13:03 → 00:13:05 หน่วงมากนักการเดินเร็วๆเนี่ยก็เป็นสิ่ง
00:13:05 → 00:13:08 ที่ดีสำหรับผู้สูงอายุการออกกำลังกายใน
00:13:08 → 00:13:10 น้ำเดินในน้ำนะคะก็ดีสำหรับผู้ป่วยสูง
00:13:10 → 00:13:13 อายุที่มีโรคข้อโดยเฉพาะข้อเสื่อมเดินมาก
00:13:13 → 00:13:16 ไม่ได้นะคะนี่ออกกำลังสมองก็สำคัญเนาะ
00:13:16 → 00:13:19 ต้องเพิ่มความใส่ใจกับสิ่งที่มันสำคัญคือ
00:13:19 → 00:13:22 กระตุ้นความจำของเราเสมอทบทวนสิ่งต่างๆ
00:13:22 → 00:13:25 ของเราเสมอคิดแล้วก็จัดชีวิตให้เป็นระบบ
00:13:25 → 00:13:27 มากขึ้นนะคะบางทีบางวันเราปล่อยทุกสิ่ง
00:13:27 → 00:13:30 ทุกอย่างผ่านไปโดยโดยโดยที่ไม่ได้ไม่ได้
00:13:30 → 00:13:33 ใส่ใจจกับมันเราโฟกัสกับมันมากขึ้นนะคะ
00:13:33 → 00:13:37 แล้วเราก็กระตุ้นความจำในที่นี้ก็คือความ
00:13:37 → 00:13:40 จำภายในอย่างเช่นใช้สมองเราเองอ่ะค่ะ
00:13:40 → 00:13:43 repeat สิ่งที่เราเพิ่งเรียนรู้มาคิด
00:13:43 → 00:13:46 แล้วก็ค่อยๆทบทวนให้มันเป็นระบบอีกแบบนึง
00:13:46 → 00:13:48 ก็คืออาจจะใช้เครื่องมือช่วยจำจัดระบบ
00:13:48 → 00:13:52 ความจำในแง่ของการจดจจดอย่างเป็นระเบียบ
00:13:52 → 00:13:57 นะคะทีนี้อาหารใจล่ะมีอะไรบ้างอาหารใจก็
00:13:57 → 00:13:59 มีทั้งอาหารทางด้านประสาทสัมผัสทางด้าน
00:13:59 → 00:14:03 จิตวิญญาณนะคะฟัง
00:14:03 → 00:14:08 เพลงดูศิลปะในสิ่งที่สวยงามนะคะล้วนแล้ว
00:14:08 → 00:14:11 แต่เป็นอาหารทางด้านจิตวิญญาณออกกำลังจิต
00:14:11 → 00:14:15 ใจนั่งสมาธิเล่นโยคะหรือว่าบางท่านอาจจะ
00:14:16 → 00:14:20 ชอบเป็นแนวเดินจงกรมที่สำคัญที่สุดมีสติ
00:14:20 → 00:14:23 ค่ะรู้เท่าทันอารมณ์ความรู้สึกความคิด
00:14:23 → 00:14:26 ความคาดหวังของเราเสมออันนี้จะช่วยให้
00:14:26 → 00:14:29 เอ่อจิตใจของเราเนี่ยอยู่ในภาวะที่เอ่อ
00:14:29 → 00:14:32 รับมือกับสิ่งต่างๆได้นะคะเพราะฉะนั้นหมอ
00:14:33 → 00:14:35 ขอสรุปตรงนี้ค่ะว่าสำหรับผู้ดูแลแล้วก็
00:14:35 → 00:14:38 ต้องเข้าใจผู้ป่วยที่เป็นโรคสมองเสื่อม
00:14:38 → 00:14:41 แล้วก็ดูแลที่ใจนะคะยอมรับกับสิ่งที่มัน
00:14:41 → 00:14:45 เกิดขึ้นปล่อยวางในความคาดหวังแล้วก็ความ
00:14:45 → 00:14:48 ทุกข์ใจที่ตัวเองมีแล้วก็ในที่นี้ก็ขอ
00:14:48 → 00:14:52 ขอบคุณทุกท่านนะคะที่เอมาร่วมรับฟังในวัน
00:14:52 → 00:14:54 นี้แล้วก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านใน
00:14:54 → 00:14:57 การดูแลตัวเองแล้วก็ดูแลผู้ป่วยโรคสมอง
00:14:57 → 00:15:02 เสื่อมต่อไปค่ะ
00:15:02 → 00:15:05 การที่ใครคนใดคนนึงในครอบครัวได้รับการ
00:15:05 → 00:15:07 วินิจฉัยว่าเป็นโรคอัลไซเมอร์เนี่ยจะไม่
00:15:07 → 00:15:10 ได้ส่งผลกระทบแต่เพียงตัวคนไข้เพียงคน
00:15:10 → 00:15:13 เดียวเนาะเอ่อญาติเองก็จะต้องรู้สึกว่า
00:15:13 → 00:15:16 อุ๊ยแล้วเราจะทำยังไงต่อไปแล้วมันจะต้อง
00:15:16 → 00:15:19 แล้วชีวิตเราจะดำเนินต่อไปกันได้ยังไงบาง
00:15:19 → 00:15:21 บางรายอาจจะคิดว่าเออแล้วเขาจะอยู่บ้าน
00:15:21 → 00:15:24 กับเราต่อไปได้อีกนานแค่ไหนหรือจริงๆเขา
00:15:24 → 00:15:26 จะต้องไปอยู่ในสถานที่ที่มีคนดูแลหรือ
00:15:26 → 00:15:30 เปล่าสำคัญที่สุดค่ะก็คือการสำรวจจิตใจ
00:15:30 → 00:15:32 รู้เท่าทันอารมณ์ความคิดของเราที่เกิด
00:15:32 → 00:15:35 ขึ้นทั้งตัวคนไข้เองนะคะแล้วก็ทั้งญาติ
00:15:35 → 00:15:38 ผู้ดูแลจากนั้นก็คงจะต้องปล่อยวางแล้วก็
00:15:38 → 00:15:41 ยอมรับมันอาจจะมีอารมณ์เกิดขึ้นมากมายค่ะ
00:15:41 → 00:15:44 แต่ในที่สุดอ่าอยากจะให้มาสู่จุดที่เรา
00:15:44 → 00:15:48 ยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นเตรียมตัววางแผน
00:15:48 → 00:15:50 รับมือกับสิ่งที่มันจะเกิดขึ้นหาข้อมูล
00:15:51 → 00:15:53 ให้มากที่สุดค่ะข้อมูลก็อาจจะหาได้จาก
00:15:53 → 00:15:56 หลายแหล่งจากแพทย์ที่ดูแลจากสมาคมผู้ดูแล
00:15:56 → 00:15:59 ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมก็สามารถจะข้อมูล
00:15:59 → 00:16:02 เพิ่มเติมได้นะคะถ้าเรามีข้อมูลที่เพียง
00:16:02 → 00:16:05 พอเราก็จะรู้วิธีแล้วก็สามารถที่จะบริหาร
00:16:05 → 00:16:07 วิธีการในการที่จะจัดการกับสิ่งที่จะเกิด
00:16:07 → 00:16:12 ขึ้นได้อย่างดีที่สุด
00:16:12 → 00:16:18 [เพลง]
00:16:18 → 00:16:21 ค่ะในช่วงนี้เรายังอยู่ในงานวัน
00:16:21 → 00:16:24 อัลไซเมอร์โลกรู้เท่าทันป้องกันสมอง
00:16:24 → 00:16:27 เสื่อมกิจกรรมในช่วงนี้เป็นการบรรยายให้
00:16:27 → 00:16:30 ความรู้อีกช่วงหนึ่งในในเรื่องรู้จักรัก
00:16:30 → 00:16:34 สมองโดยอาจารย์แพทย์หญิงสิรินธรฉันสิริ
00:16:34 → 00:16:37 กาญจนะนายกสมาคมผู้ดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม
00:16:37 → 00:16:38 เป็นผู้
00:16:38 → 00:16:42 บรรยายเรื่องของสมองนั้นเราก็จะพูดกันถึง
00:16:42 → 00:16:45 เรื่องตั้งแต่สมองว่าเป็นยังไงนะคะ
00:16:45 → 00:16:49 อาจารย์ขออนุญาตเริ่มต้นเลยถ้าดูบนจอเรา
00:16:49 → 00:16:53 จะเห็นว่าอันนี้เป็นลักษณะตัวอ่อนนะคะใน
00:16:53 → 00:16:57 ท้องแม่อายุ 49 วันเรามีการเปลี่ยนแปลง
00:16:57 → 00:17:00 ทางสมองแล้วหลายท่านจะเห็นว่ามันมีหลายสี
00:17:00 → 00:17:04 ใช่ไหมคะมีหลายสีส่วนที่เป็นยาวๆสีฟ้า
00:17:04 → 00:17:07 ข้างล่างนั้นน่ะเป็นส่วนที่เราเรียกว่าไข
00:17:07 → 00:17:10 สันหลังนะคะอยู่ที่ไขสันหลังส่วนข้างบน
00:17:10 → 00:17:15 ที่ท่านเห็นเป็นสีเหลืองสีน้ำตาลสีแดงสี
00:17:15 → 00:17:18 ฟ้าสีเขียวนั้นเป็นส่วนของสมองตอนเริ่ม
00:17:18 → 00:17:22 ต้นมานี้ดูคล้ายๆกับตัวลูกน้ำงอๆหงิกๆ
00:17:22 → 00:17:26 อยู่นะคะตอนนั้นอ่าตอนที่อายุ 7 สัปดาห์
00:17:26 → 00:17:29 เนี่ยตัวอ่อนก็จะเป็นตัวนิดเดียวเมื่อ
00:17:29 → 00:17:34 เวลาผ่านไปนะคะ 3 เดือน 3 เดือนตัวอ่อน
00:17:34 → 00:17:38 ของเราในท้องอายุ 3 เดือนเราจะเห็นว่า
00:17:38 → 00:17:41 เปลี่ยนเทียบกับเมื่อกี้เปลี่ยนมยนะคะ
00:17:41 → 00:17:44 ส่วนที่เป็นสีเหลืองเนี่ยค่ะคือส่วนของ
00:17:44 → 00:17:48 สมองมนุษย์ซึ่งทำให้เกิดความเฉลียวฉลาดทำ
00:17:48 → 00:17:52 ให้มนุษย์แตกต่างจากสัตว์อื่นทำให้มนุษย์
00:17:52 → 00:17:55 มีสิ่งที่เรียกว่าความกตัญญูกตเวทีมีความ
00:17:55 → 00:18:00 รักความอบอุ่นความเอาใจใส่การรู้ผิดอัน
00:18:00 → 00:18:04 นี้ไม่ควรอันนี้ทำไม่ได้เมื่ออายุมากขึ้น
00:18:04 → 00:18:08 สมองส่วนอื่นๆจะยุบตัวและสมองสีเหลืองก็
00:18:08 → 00:18:11 จะเติบโตขึ้นเหมือนกับนวมที่ใส่ไปในมือ
00:18:11 → 00:18:17 ของเราเมื่ออายุมากขึ้นนะคะ 6 เดือนมา
00:18:17 → 00:18:20 ขนาดนี้ะเมื่อกี้เรายังเห็นสีแดงๆอยู่
00:18:20 → 00:18:25 เนาะตอนนี้สีแดงๆหายไปละมันอัดเข้าไปอยู่
00:18:25 → 00:18:29 ข้างในเมื่อครบ 9 เดือนพร้อมที่จะจะมี
00:18:29 → 00:18:34 ชีวิตออกมานั้นเราจะเห็นแต่สีฟ้าซึ่งเรา
00:18:34 → 00:18:38 เรียกสมองน้อยและที่เหลือจะมีก้านสมอง
00:18:38 → 00:18:41 แล้วก็ไขสันหลังต่อไปส่วนสมองส่วนสีน้ำ
00:18:41 → 00:18:44 ตาลหรือส่วนอื่นๆนั้นถูกรวบอยู่ข้างใน
00:18:44 → 00:18:48 เหมือนกับกำปั้นนะคะอยู่ข้างในแล้วก็จะมี
00:18:48 → 00:18:51 สมองสีเหลืองเหมือนกับนวมหุ้มกำปั้นอัน
00:18:51 → 00:18:53 นี้ไว้สมองสีเหลืองนั้นทำให้เราเฉลียว
00:18:54 → 00:18:57 ฉลาดทำให้เราเข้าใจหลายๆเรื่องทำให้เรามี
00:18:57 → 00:18:59 การปรับตัว
00:18:59 → 00:19:02 ปรับตัวยังไงรู้ว่ามันมีไฟแดงแล้วก็ไฟ
00:19:02 → 00:19:05 เขียไฟเหลืองแล้วก็ไฟเขียวถ้าเราขับรถเรา
00:19:05 → 00:19:08 ก็รู้ว่าไฟเขียวเราไปได้แต่พอตอนเราเป็น
00:19:09 → 00:19:11 คนข้ามถนนเราก็ต้องรู้ว่าเราต้องข้ามตอน
00:19:11 → 00:19:15 ไฟแดงอันเนี้ยค่ะคืออ่าอันที่สมองบอกสมอง
00:19:15 → 00:19:19 เราเนี่ยค่ะประกอบด้วยส่วนเล็กๆเล็กๆเลย
00:19:19 → 00:19:23 นะคะที่เราเรียกภาษาหมอเรียกเซลล์ประสาท
00:19:23 → 00:19:27 ภาษาอังกฤษเราเรียกนิวรอนนะคะเซลล์ประสาท
00:19:27 → 00:19:31 เออเราคิดว่าในสมองของเรามีเซลล์ประสาท
00:19:31 → 00:19:36 สักกี่ตัวคะพันล้านเซลล์และที่เราใช้เค่ะ
00:19:36 → 00:19:39 เราใช้นิดเดียวล่ะค่ะและสมองก็มีข้อดีตรง
00:19:39 → 00:19:43 ที่ว่าถ้าตรงส่วนนี้มันทำไม่ได้มันจะ
00:19:43 → 00:19:46 พยายามเอาส่วนอื่นมาช่วยค่ะ
00:19:46 → 00:19:49 เนาะอย่างถ้าเราเคยเห็นคนที่เป็นอัมพาต
00:19:49 → 00:19:53 นพฤกษ์นะคะอยู่ดีๆเขาแข็งแรงดีเสร็จแล้ว
00:19:53 → 00:19:57 บอกเส้นเลือดในสมองตีบไปปรากฏว่าช่วงแรก
00:19:57 → 00:20:00 คนไข้เดี้ยงไปเลยขยับไม่ได้พูดไม่ถูกเห็น
00:20:00 → 00:20:04 หน้าก็ชี้ๆๆแล้วพูดไม่ถูกเลยเขาได้รับการ
00:20:04 → 00:20:07 ฟื้นฟูสภาพอย่างดี 2 ปีผ่านไปเเดินได้
00:20:07 → 00:20:10 เหมือนคนปกติถามบอกคุณยังรู้สึกหนักมั้ย
00:20:10 → 00:20:13 หนักครับอาจารย์ข้างขวานี่ยังรู้สึกหนัก
00:20:13 → 00:20:15 แต่ว่าภรรยาผมและคนอื่นๆบอกว่าผมเดิน
00:20:15 → 00:20:16 เหมือน
00:20:16 → 00:20:20 ปกติไอ้เซลล์ที่ไอ้ตัวเนื้อสมองที่มันตาย
00:20:20 → 00:20:22 ไปเพราะเลือดไปเลี้ยงสมองไม่ดีเนี่มัน
00:20:22 → 00:20:25 ฟื้นขึ้นมามั้ยมันไม่ได้ฟื้นมันไม่ได้
00:20:25 → 00:20:28 ฟื้นค่ะแต่ว่ามันมีตัวอื่นที่มาช่วยเหลือ
00:20:28 → 00:20:32 เกื้อกูลช่วยกันทำงานจนกระทั่งมันสามารถ
00:20:32 → 00:20:35 ที่จะเอาตัวอื่นมาช่วยกันช่วยกันช่วยกัน
00:20:35 → 00:20:37 ช่วยกันไอ้นี่ก็ตายไปก็ตายไปไอ้ที่ตอน
00:20:37 → 00:20:39 นั้นเส้นเลือดมาเลี้ยงไม่ดีตายไปแล้วก็
00:20:39 → 00:20:42 ไม่เป็นไรตัวอื่นมาช่วยกันทำงานจนเขา
00:20:42 → 00:20:45 สามารถจะฟื้นขึ้นมาและเดินได้อย่างเดิม
00:20:45 → 00:20:49 แล้วเราก็ส่งไปฝึกพูดไอ้ที่สมัยก่อนพูด
00:20:49 → 00:20:51 ไม่ออกอไม่รู้เรียกอะไรอย่างเงี้ยเขาก็
00:20:51 → 00:20:55 เราก็จะสอนสอนให้ออกเสียงสอนให้สั่งมันมา
00:20:55 → 00:20:59 นะคะว่าจะต้องพูดคำว่าอะไรพูดไปพูดมาพูด
00:20:59 → 00:21:01 ไม่ชัดเอาใหม่จะต้องออกเสียงอย่างไรอัน
00:21:02 → 00:21:05 นี้ก็เป็นการฟื้นฟูสภาพสมองอาจารย์บอกว่า
00:21:05 → 00:21:09 คุณไม่ต้องฟื้นฟูค่ะหน้าที่ของคุณที่อยู่
00:21:09 → 00:21:12 วันนี้คือการทำของที่สมองมันมีอยู่แล้ว
00:21:12 → 00:21:15 ให้มันอยู่กับเราไปนานๆสมองเรามี 2 ซีก
00:21:15 → 00:21:20 ค่ะโดยภาพรวมสมองซีกซ้ายจะควบคุมการทำงาน
00:21:20 → 00:21:25 ของซีกขวาและคนที่ถนัดขวาจะมีสมองซีกซ้าย
00:21:25 → 00:21:29 เนี่ยค่ะที่เป็นตัวกำกับเรื่องของภาสะ
00:21:29 → 00:21:33 และการพูดเรื่องของภาษาและการพูดนะคะอัน
00:21:33 → 00:21:36 นี้ก็คือสมองซิกถ้าคนที่ถนัดขวาสมองซิก
00:21:36 → 00:21:38 ซ้ายจะเป็นตัวกำกับอาจารย์แล้วคนถนัดซ้าย
00:21:38 → 00:21:41 ล่ะคนถนัดซ้ายนี่บอกไม่ได้ค่ะครึ่งๆเลยคน
00:21:41 → 00:21:45 ถนัดซ้ายครึ่งนึงจะคุมด้วยคุมตำแหน่งที่
00:21:45 → 00:21:47 เป็นเรื่องภาษาจะคุมด้วยสมองด้านขวาแต่
00:21:47 → 00:21:50 อีกครึ่งนึงยังเป็นจากสมองด้านซ้ายนะคะ
00:21:50 → 00:21:52 เพราะฉะนั้นคนถนัดซ้ายนี่บอกไม่ได้คนถนัด
00:21:52 → 00:21:55 ขวาเรู้เลยว่าพื้นที่ตรงนี้เป็นตัวควบคุม
00:21:56 → 00:21:59 เรื่องของการพูดสมองแต่ละส่วนยังมีความ
00:22:00 → 00:22:04 สามารถต่างกันต่างกันอย่างไรสมองด้าน
00:22:04 → 00:22:09 ซ้ายจะมีความสามารถมากในเรื่องของทาง
00:22:09 → 00:22:15 วิทยาศาสตร์ตัวเลขการคำนวณนะคะดูซิว่าจะ
00:22:15 → 00:22:19 ต้องทำอะไรอย่างไรการผูกเชือกรองเท้าเอา
00:22:19 → 00:22:23 มือมาใส่หมุนนู่นหมุนนี่เแล้วสมองซี่ขวา
00:22:23 → 00:22:27 ล่ะซี่ขวานั้นเขาเป็นเรื่องของคล้ายๆคน
00:22:27 → 00:22:32 บอกว่าศิลปะปากเขาจะเป็นรูปภาพเป็นดนตรี
00:22:32 → 00:22:36 เป็นความสามารถในการเก็บรายละเอียดรู้สึก
00:22:36 → 00:22:40 โอ๊ยนี้สวยจังเดินกันไป 2 คนคนนึงบอกยดู
00:22:40 → 00:22:44 ขอบฟ้าตนั้นิพระอาทิตย์มันสวยมากอีกคนดู
00:22:44 → 00:22:46 ไม่เห็นจะสวยเลยบรรยายอะไรกันสวยนักสวย
00:22:46 → 00:22:51 หนานะคะมองต่างกันคนที่มีสมองซีขวาเขาจะ
00:22:51 → 00:22:54 เห็นของอย่างนี้เป็นเรื่องของศิลปะเราบอก
00:22:54 → 00:22:58 ว่าสมองนั้นทำงานตลอดเวลาแม้นเวลาหลับนี่
00:22:58 → 00:23:01 คุณตื่นมาคุณฟังอาจารย์นั่นไปบางคนเขียน
00:23:01 → 00:23:04 สมองทำงานนะคะแต่เวลาหลับยังทำเหรอ
00:23:05 → 00:23:10 อาจารย์ทำเวลาหลับทำอะไรเวลาหลับเอาความ
00:23:10 → 00:23:13 จำของวันนี้ที่เราตั้งใจจะเก็บไว้เป็น
00:23:13 → 00:23:17 บันทึกระยะยาวเข้าไปอยู่ในระบบการความจำ
00:23:17 → 00:23:21 มันระยะยาวและถ้าคุณเอามีการทบทวนไป
00:23:21 → 00:23:24 เรื่อยๆเรื่อยๆเรื่อยๆความจำนี้จะเป็น
00:23:24 → 00:23:29 ความจำยาวความจำถาวรถ้าหากนอน
00:23:29 → 00:23:32 น้อยคนถามอาจารย์ไม่ค่อยได้นอนเนี่ยอด
00:23:32 → 00:23:36 หลับอดนอนเนี่ยต่อไปจะสมองเสื่อมมั้ยเรา
00:23:36 → 00:23:40 ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนนะคะว่าการนอนน้อยจะ
00:23:40 → 00:23:43 ทำให้เป็นสมองเสื่อมแต่เรารู้ว่าสำหรับ
00:23:43 → 00:23:47 ปัจจุบันนี้ถ้าเมื่อคืนคุณนอนน้อยวันนี้
00:23:47 → 00:23:50 คุณจะบันทึกความจำไม่ค่อยดีคุณจะรู้ว่า
00:23:50 → 00:23:55 คุณจะไวน้อยลงคุณจะทำงานต้องตั้งใจมาก
00:23:55 → 00:23:57 เพราะมันจะเผลอหลุดไปด้วยเพราะว่าเซลล์ใน
00:23:57 → 00:24:01 สมองนั้นมันอ่อนร้าเนื่องจากไม่รับการนอน
00:24:01 → 00:24:04 และถ้าเรายังเป็นคนอายุน้อยเราจะทนกับการ
00:24:04 → 00:24:06 ไม่ได้นอนมากกว่าพออายุมากถ้าเราไม่ได้
00:24:06 → 00:24:09 นอนสักคืนนึงหรือหลับๆตื่นๆทั้งคืนจะโทรม
00:24:09 → 00:24:12 มากเห็นชัดเลยว่าผิดปกติเพราะความสามารถ
00:24:12 → 00:24:17 สมองตรงเนี้ยมันย่นย่อลงไปแล้วเมื่อสมอง
00:24:17 → 00:24:21 ทำงานตลอดเวลานั้นนะคะเขาต้องการพลังงาน
00:24:21 → 00:24:26 ตลอดเวลาพลังงานหมายถึงอะไรหมายถึงสิ่ง
00:24:26 → 00:24:29 ที่เลือดจะต้องส่งไปให้สมอง
00:24:29 → 00:24:32 สมองนี่มันไว้ใจจคนอื่นมากเลยค่ะมันมีตัว
00:24:32 → 00:24:35 ทำงานอย่างเดียวแต่ไม่มีตู้เย็นอยู่ในมัน
00:24:35 → 00:24:38 เลยมันทำงานทำงานพอมันบอกว่าเฮ้ยทำ
00:24:38 → 00:24:41 เหนื่อยแล้วขอของเลี้ยงหน่อยมันก็บอกลงมา
00:24:41 → 00:24:45 ร่างกายก็ส่งอาหารเข้าไปหามันมันไม่มี
00:24:45 → 00:24:48 สำรองเก็บไว้เลยไม่เหมือนกล้ามเนื้อกล้าม
00:24:48 → 00:24:51 เนื้อที่ขานี้จะมีสำรองของตัวเองไว้ที่
00:24:51 → 00:24:54 ตับก็จะมีสำรองของตัวเองไว้เมื่อไหร่ก็
00:24:54 → 00:24:59 ตามเดินๆเดิๆๆๆๆไม่ไหวแล้วนะคะพลังงานใน
00:24:59 → 00:25:01 เลือดชักจะร่อยหล่อกล้ามเนื้อบอกไม่เป็น
00:25:01 → 00:25:04 ไรเดี๋ยวฉันควักของฉันออกมาเก็จะมีพลัง
00:25:04 → 00:25:07 งานออกมาให้เราเดือนต่อไปได้อีกแต่ว่าไอ้
00:25:07 → 00:25:10 เดินอย่านี้โดยที่ร่างกายต้องควักพลังงาน
00:25:10 → 00:25:12 ออกมานี่ก็จะปวดขาหน่อยนึงนะคะวันรุ่ง
00:25:12 → 00:25:15 ขึ้นจะปวดขานะคะเพราะว่าเราดึงพลังงานจาก
00:25:15 → 00:25:18 กล้ามเนื้อนออกมาใช้เนี่ยมันจะมีของเสีย
00:25:18 → 00:25:20 ที่เกิดขึ้นที่กล้ามเนื้อนั้นแล้วเราก็จะ
00:25:20 → 00:25:24 ปวดหน่อยแต่สมองเปล่าเลยสมองไม่มีอะไร
00:25:24 → 00:25:27 สำรองเลยเพราะฉะนั้นเมื่อสมองทำงานสมอง
00:25:27 → 00:25:33 ต้องใช้อาหารทั้งหมดจากที่หัวใจบีบตัว
00:25:33 → 00:25:36 ขึ้นไปนะคะบีบตัวและนำอาหารไปเลี้ยงเพราะ
00:25:36 → 00:25:40 ฉะนั้นสมองต้องการออกซิเจนและพลังงานค่ะ
00:25:40 → 00:25:46 นะคะสมองเองมีส่วนประกอบที่เป็นไขมันนะคะ
00:25:46 → 00:25:51 แล้วก็เมื่อสมองทำงานค่ะจะมีสิ่งอย่าง
00:25:51 → 00:25:55 หนึ่งที่เกิดขึ้นภาษาเราเรียกหรูหราว่า
00:25:55 → 00:25:58 อนุมูลอิสระ
00:25:58 → 00:26:01 ภาษาหมอเรียก fre Radical ในธรรมชาติของ
00:26:01 → 00:26:04 เราเมื่อมีสารที่เราเรียกว่าอนุมูลอิสระ
00:26:04 → 00:26:08 เกิดขึ้นร่างกายจะต้องส่งสารต้านอนุอิสระ
00:26:08 → 00:26:11 ไปตบกันอ้าไอ้นี่ออกมาเหอะเอาสงนั้นไป
00:26:12 → 00:26:14 ช่วยเก็บกันหน่อยมันจะมาทำลายเซลล์ได้ยัง
00:26:14 → 00:26:18 ไงไม่ได้เก็บกลับมาเก็บกลับมานะคะแต่ใน
00:26:18 → 00:26:22 สมองนั้นเราไม่ค่อยมีสารต้านอนุมูลอิสละ
00:26:22 → 00:26:27 ค่ะมีน้อยเรียกว่ามีน้อยนั่นคือทำงานหนัก
00:26:27 → 00:26:31 มีขยะของเสียเกิดขึ้นเยอะไอ้รถเก็บขยะก็
00:26:31 → 00:26:35 ไม่ค่อยจะมีนะคะเพราะฉะนั้นมันเป็นหน้า
00:26:35 → 00:26:38 ที่เราที่จะต้องส่งพลังงานไปให้ดีส่งของ
00:26:38 → 00:26:42 ให้เขาใช้และจะต้องส่งตัวไปช่วยเก็บขยะใน
00:26:42 → 00:26:47 หัวมาด้วยเพื่อให้สมองอยู่กับเรานานๆนะคะ
00:26:47 → 00:26:50 ให้สมองอยู่กับเรานานๆเพราะฉะนั้นเมื่อ
00:26:50 → 00:26:53 เราต้องการที่จะทำให้สมองดีนะคะเราจะทำ
00:26:53 → 00:26:57 อะไรบ้างนะคะอาจารย์บอกขอบันได 3 ขั้น
00:26:57 → 00:27:01 ขั้นพพื้นฐานบันไดขั้นแรกคือให้ระบบไหล้
00:27:01 → 00:27:04 เวียนเลือดดีไม่มียาอะไรที่จะทำให้มันดี
00:27:05 → 00:27:08 ได้เราต้องช่วยมันระบบไหลเวียนเลือดดี
00:27:08 → 00:27:11 เพราะอาจารย์บอกว่าสมองไม่มีพลังสำรองเขา
00:27:11 → 00:27:16 ต้องการใช้สารอาหารเมื่อไหร่เขาจะเรียกมา
00:27:16 → 00:27:18 และตัวที่ส่งสารอาหารนั้นคือหัวใจเป็นตัว
00:27:18 → 00:27:23 ปั๊มและต้องปั๊มเลือดขึ้นไปในเลือดนั้นก็
00:27:23 → 00:27:26 จะเป็นเลือดดีๆเลือดดีๆก็คือต้องมี
00:27:26 → 00:27:30 ออกซิเจนมีพลังงานแล้วก็จะต้องมีสารอาหาร
00:27:30 → 00:27:34 ที่สมองต้องการเพื่อไปเป็นตัวช่วยเจ็บขยะ
00:27:34 → 00:27:37 ที่เกิดขึ้นจากการทำงานของสมองเรานะคะอ่า
00:27:37 → 00:27:42 ส่วนขั้นกลางอาจารย์อยากจะบอกว่าเวลาที่
00:27:42 → 00:27:47 เราทำแล้วเนี่ยเราอย่าลืมทำกายแล้วทำใจ
00:27:47 → 00:27:51 ด้วยอาจารย์เจอบ่อยมากเลยทุกอย่างบำรุงดี
00:27:51 → 00:27:56 นั่นดีทั้งหลายแต่โกรธตลอดเวลาเกลียดมัน
00:27:56 → 00:27:58 โมโหมัน
00:27:58 → 00:28:03 น้อยใจอาจารย์ดูสิเเนี่ยพี่อุตส่าห์อะไร
00:28:03 → 00:28:06 เงี้ยนะคะมันเป็นอะไรที่ไม่
00:28:06 → 00:28:10 แฮปปี้พอไม่แฮปปี้ปุ๊บเนี่ยมันก็เป็นอะไร
00:28:10 → 00:28:14 ที่เกาะใจเราอาจารย์บอกสนิ่มมันเกาะใจเน
00:28:14 → 00:28:17 เพราะฉะนั้นถ้าเราต้องการคุณขาเราเคย
00:28:17 → 00:28:20 เศร้ามั้ยเราเคยมีเวลาที่เราสูญเสียมั้ย
00:28:20 → 00:28:23 คนที่เรารักป่วยมากๆคนที่เรารักต้องจากไป
00:28:23 → 00:28:26 เราต้องมานั่งวิ่งแทกๆๆๆทำงานศพเราเบิก
00:28:26 → 00:28:29 บานมแล้วไม่เบิกบานเราเสียใจเรานึกถึง
00:28:29 → 00:28:33 เวลาทีวินาทีนั้นเราก็น้ำตาร่วงพอใครมา
00:28:33 → 00:28:37 บอกอะไรเราจำได้มเราบอกโอ๊ยอย่าไปยุ่งนะ
00:28:37 → 00:28:40 คะเราจำไม่ได้หรอกใครพูดอะไรใครเข้ามาทัก
00:28:40 → 00:28:43 เราตอนเราทำงานศพตรงนั้นเนี่ยคนนู้นมาคน
00:28:43 → 00:28:47 นี้มาเออๆๆๆเราจำไม่ได้นั่นคือสมองเรา
00:28:47 → 00:28:50 เมื่อมันมีความทุกข์ความเศร้าอยู่ในใจไม่
00:28:50 → 00:28:54 สามารถจะรับความจำใหม่ได้ค่ะเพราะฉะนั้น
00:28:54 → 00:29:01 คุณต้องเอามันออกเราพบว่าว่าถ้าคนมีความ
00:29:01 → 00:29:06 เศร้าตัวที่จะรับความจำนี่นะคะพื้นที่ที่
00:29:06 → 00:29:09 เราอยู่ในสมองที่เรียกฮิปโปแคมปัสมันจะ
00:29:09 → 00:29:13 เหี่ยวแล้วถ้ามันเหี่ยวอยู่งี้เรื่อยๆมัน
00:29:13 → 00:29:17 จะรับความจำใหม่ไม่ได้ก้าวไปสู่การเป็น
00:29:17 → 00:29:18 สมองเสื่อม
00:29:18 → 00:29:24 ค่ะสมัยก่อนเราเชื่อว่าเวลาที่เซลล์สมอง
00:29:24 → 00:29:26 มันตายไปหรือมันเหี่ยวไปแล้วมันฟื้นกลับ
00:29:26 → 00:29:31 คืนไม่ได้ตายแล้วตายเลยนะปรากฏว่าระยะ
00:29:31 → 00:29:34 หลังเรามีเซเรย์คอมพิวเตอร์เราพบว่าในคน
00:29:34 → 00:29:37 ไข้ที่เป็นอ่ากลุ่มที่เราเรียกว่าซึม
00:29:37 → 00:29:40 เศร้าไอ้ตรงพื้นที่ตรงนี้มันจะ
00:29:40 → 00:29:44 เหี่ยวและถ้าเราเจอและรักษาอย่างดีมันฟู
00:29:44 → 00:29:47 กลับขึ้นมาได้ค่ะในเคอมพิวเตอร์เราได้
00:29:47 → 00:29:50 เห็นเลยวันนั้นที่แกเป็นอย่างนี้โอ้โหพูด
00:29:50 → 00:29:52 กันไม่รู้เรื่องรู้ราวไม่สนใจนั่งร้อง
00:29:52 → 00:29:54 ให้้ตลอดเวลาอยากจะฆ่าตัวตายเราบอกไม่ได้
00:29:54 → 00:29:56 แล้วไม่ได้แล้วเอามาตรงนี้เอามารักษาจับ
00:29:56 → 00:29:59 ให้กินอยู่กินยาทำนู่นนี่นั่นนะคะปรากฏ
00:29:59 → 00:30:01 ว่าพอถึงเวลาช่วงที่เขาบอกว่าดีขึ้นผ่าน
00:30:01 → 00:30:04 ไป 3-4 เดือนเอาไปเซเรย์ใหม่มันฟูกลับ
00:30:04 → 00:30:07 ขึ้นมาอันเนี้ยโอโหต้องฉีกตำราทิ้งเลย
00:30:07 → 00:30:10 สมัยก่อนเราบอกตายแล้วตายเลยถ้าสมองคุณ
00:30:10 → 00:30:12 ตายไปตายไปเลยแต่นี่ไม่ใช่แล้วเราพบว่า
00:30:12 → 00:30:15 มันเหี่ยวมันยังไม่ตายหมดถ้าเราฟื้นสภาพ
00:30:15 → 00:30:19 มันมันจะกลับมาได้เพราะฉะนั้นจิตสำคัญมาก
00:30:19 → 00:30:24 อย่าโกรธเยอะเวลาโกรธโกรธแล้วจบมีอะไรที่
00:30:24 → 00:30:28 เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่เราคุยเราพูดนะคะคะ
00:30:28 → 00:30:30 บอกไม่ได้โกรธแต่ว่าอันนี้อาจารย์คิดว่า
00:30:30 → 00:30:33 เอ๊ะเราต้องคุยกันนะคะแล้วถ้ามันจะทำอะไร
00:30:33 → 00:30:36 กันจะเป็นเพื่อนกันจะทำธุรกิจด้วยกันคุย
00:30:36 → 00:30:39 ให้จบเถียงกันให้จบเลยแล้วพอเราเข้าใจกัน
00:30:39 → 00:30:42 แล้วเราไปด้วยกันนะคะอย่ามาก็โอ๊ยเสียใจ
00:30:42 → 00:30:45 น้อยใจนั่นไปไม่ได้ไม่เอานะแล้วขั้นสุด
00:30:45 → 00:30:49 ท้ายค่ะเราจะฝึกวิทยายุทธต้องมีการฝึก
00:30:49 → 00:30:54 สมองมันต้องใช้ไม่ใช้มันจะหายไปคนที่ยัง
00:30:54 → 00:30:57 เคยทำงานอยู่เคยมั้ยพักร้อนไป 2 อาทิตย์
00:30:57 → 00:31:01 โอ๊ยเชยสนุกสนานไปญี่ปุ่นสนุกพอกลับมาทำ
00:31:01 → 00:31:05 งานเขียนหนังสือแทบไม่ออกเลยเขียนฝืดเลย
00:31:05 → 00:31:08 อ่ะต้องกลับมาเขียนใหม่คนที่เคยค้าขายมา
00:31:08 → 00:31:11 ไปเที่ยวกลับมาร่าเริงเบิกดันทุกทีเขา
00:31:11 → 00:31:14 ซื้อหนังสือพิมพ์ 4 ฉบับซื้อโค้กอีก
00:31:14 → 00:31:16 กระป๋องนึงซื้อนู่นซื้อนั่นปึ๊บเดียวคิด
00:31:16 → 00:31:19 ได้พอเดี๋ยวนี้ไปเที่ยวกลับมาคิดไม่ออก
00:31:19 → 00:31:22 เลยต้องค่อยๆคิดเอาเครื่องคิดเลขมาซิแล้ว
00:31:22 → 00:31:24 ต้องฝึกกลับมาอันนี้อาจารย์จะบอกว่าถ้า
00:31:24 → 00:31:27 ไม่ใช้มันจะหายไปเพราะฉะนั้นสมองคุณต้อง
00:31:27 → 00:31:30 ใช้คุณต้องดูกับมันต้องใช้กับมันนะคะอัน
00:31:30 → 00:31:34 นี้เป็น 3 เรื่อง 3 ลำดับเพราะฉะนั้น
00:31:34 → 00:31:38 ลำดับขั้นต้นก่อนเราต้องการเลือดชนิดดีใน
00:31:38 → 00:31:40 เลือดต้องมีออกซิเจนต้องมีพลังงานสม่ำ
00:31:40 → 00:31:42 เสมอมีสารอาหารที่จำเป็นและระบบไหลเวียน
00:31:42 → 00:31:47 ที่สะดวกออกซิเจนเรามาจากไหนออกกำลังค่ะ
00:31:47 → 00:31:51 ออกกำลังกายแบบแอโรบิแอโรบิแปลว่าให้มี
00:31:51 → 00:31:54 การเคลื่อนไหวร่างกายสม่ำเสมอติดต่อกัน
00:31:54 → 00:31:57 นานหน่อยเป็นการเดินก็ได้จ๊อกกิ้งก็ได้
00:31:57 → 00:31:59 ว่ายน้ำก็ได้ขี่จักรยานก็ได้หรือจะไปเต้น
00:31:59 → 00:32:02 อย่างที่เาเต้นกันเรียกเต้นแอโรบิกก็ได้
00:32:02 → 00:32:04 นะคะแต่ว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิกเนี่ย
00:32:04 → 00:32:07 ทำยังไงก็ได้อาจารย์แล้วแกว่งแขนได้มั้ย
00:32:07 → 00:32:10 คะเค้าแกว่งกันอยู่ในทีวีน่ะสสสบอกได้แต่
00:32:10 → 00:32:14 เวลาแกว่งก็เอาบรรยะบรรยังบ้างไม่ต้อง
00:32:14 → 00:32:17 แกว่งวันนี้ 7,000 รอบอีก 3 วันอาจารย์ขา
00:32:17 → 00:32:19 ขอยาหน่อยค่ะอาจารย์อีตรงนี้มันหลวมแล้ว
00:32:19 → 00:32:21 คะแกว่งไปแกว่งไปลุดกระเด็นไปข้างหลัง
00:32:21 → 00:32:25 นู่นนะคะค่อยๆค่อยๆทำนะคะค่อยๆทำได้
00:32:25 → 00:32:28 ประโยชน์ไม่ได้แต่ต้องค่อยๆทำแต่ต้องสม่ำ
00:32:28 → 00:32:30 เสมอนะไม่ใช่ทำวันนี้อีก 4 วันจะให้มัน
00:32:30 → 00:32:33 เห็นผลไม่ได้นะอยู่ในที่ที่อากาศดีๆนะคะ
00:32:33 → 00:32:37 มลพิษต่ำๆอย่าลืมพลังงานสม่ำเสมอเอ๊ะ
00:32:37 → 00:32:39 อาจารย์พลังงานสม่ำเสมอนี่แปลว่าอะไร
00:32:39 → 00:32:41 อาจารย์บอกนักศึกษาแพทย์ของอาจารย์บอกว่า
00:32:41 → 00:32:46 ห้ามอดอาหารเช้าไม่ให้อดอาหารเช้าเพราะ
00:32:46 → 00:32:49 เมื่อคุณนอนตอนกลางคืนร่างกายไม่ได้กิน
00:32:49 → 00:32:53 อาหารเรายังมีน้ำตาลมีอาหารเนี่ยอยู่ใน
00:32:53 → 00:32:55 เลือดอยู่ร่างกายจะพยายามปรับให้ดีแต่พอ
00:32:55 → 00:32:58 ตอนเช้าตอนนั้นตอนกลางคืนตอนนอนเนาะมันก็
00:32:58 → 00:33:01 ใช้พลังงานไม่เยอะคุยเรื่องความจำทำนู่น
00:33:01 → 00:33:03 นี่นั่นไปพอคุณลุกตื่นเช้าขึ้นมาคุณเดิน
00:33:03 → 00:33:07 ไปทำนู่นนี่นั่นบอกว่าเมก็มาทำงานกินข้าว
00:33:07 → 00:33:09 หน่อยไม่กินไม่เป็นไรกาแฟแก้วเดียวก็อยู่
00:33:09 → 00:33:13 มันอยู่นะคะมันอยู่นะคุณอยู่ไอ้เซลล์สมอง
00:33:13 → 00:33:16 บางตัวมันไปแล้วตอนมันไปมันไม่บอกคุณว่า
00:33:16 → 00:33:19 น้องจ๋าพี่ลาก่อนนะคะมันไปของมันเลยเพราะ
00:33:19 → 00:33:24 ฉะนั้นอย่าละเลอาหารเช้าอันที่ 2 เราใช้
00:33:24 → 00:33:28 พลังงานเนี่ยเราใช้ในรูปของน้ำตาลแต่ไม่
00:33:28 → 00:33:32 แนะนำให้กินนของหวานถ้าถามอาจารย์นะคุณ
00:33:32 → 00:33:37 ต้องกินข้าวและคุณต้องกินเนื้อสัตว์อาหาร
00:33:37 → 00:33:40 ประเภทโปรตีนเพราะโปรตีนจะมีสารตัวที่เรา
00:33:40 → 00:33:43 เรียกแอมิโนเคะไปช่วยในการทำงานของสมอง
00:33:43 → 00:33:47 อ่าอันที่เราคิดว่าอ่าทำให้คนมีเรื่องของ
00:33:47 → 00:33:50 ความจำแย่ลงอันที่อาจารย์เป็นห่วงมากๆเลย
00:33:50 → 00:33:53 ก็คือเรื่องของความเศร้านะคะคนที่เศร้าคน
00:33:53 → 00:33:57 ที่คิดอยู่ถึงแต่ความเจ็บปวดความชอกช้ำ
00:33:57 → 00:33:59 และไม่เปลี่ยนอารมณ์ของตัวเป็นอย่างอื่น
00:33:59 → 00:34:02 นะคะอันนั้นเก็จะมีความเสี่ยงสูงมากเพราะ
00:34:02 → 00:34:04 อาจารย์มีคนไข้จำนวนมากค่ะที่ตกอยู่ตรง
00:34:04 → 00:34:07 นั้นแล้วก็เป็นสมองเสื่อมในอัตราส่วนที่
00:34:07 → 00:34:12 สูงทีเดียวนะคะจริงๆแล้วมีอีกอันนึงซึ่ง
00:34:12 → 00:34:15 ถ้าพูดไปเนี่ยคนอาจจะกังวลเยอะอ่านั่นก็
00:34:15 → 00:34:18 คือเรื่องยาบางชนิดซึ่งอาจจะทำให้มีความ
00:34:18 → 00:34:20 เสี่ยงในการที่ทำให้ความสามารถสมองบก
00:34:20 → 00:34:23 พร่องลงไปได้นะคะก็จะมียาบางกลุ่มที่เรา
00:34:23 → 00:34:25 ไม่ค่อยอยากจะแนะนำให้ใช้ในคนสูงอายุเช่น
00:34:25 → 00:34:28 ยาแก้แพ้รุ่นแรกๆนะคะยาแก้แพ้ลูกแรกๆที่
00:34:29 → 00:34:31 ง่วงมากๆอาจจะทำให้ความสามารถสมองเนี่ยใน
00:34:31 → 00:34:38 คนอายุมากแย่ลงไปได้ประมาณนั้นนะคะประมาณ
00:34:38 → 00:34:41 [เพลง]
00:34:41 → 00:34:44 นั้นสมองกับหัวใจเนี่ยนะคะจริงๆมันเป็น
00:34:44 → 00:34:47 ของที่สำคัญมากของร่างกายคนเคยถามอาจารย์
00:34:47 → 00:34:49 ว่าอาจารย์สมองกับหัวใจอะไรมันสำคัญกว่า
00:34:49 → 00:34:52 กันอาจารย์บอกถ้าถูกยิงตรงที่นี่สำคัญ
00:34:52 → 00:34:54 เท่ากันนะถ้ายิงหัวก็ตายยิงหัวใจก็ตาย
00:34:54 → 00:34:58 เหมือนกันนะคะแต่ว่าจริงๆแล้วเนี่ยอ่าหัว
00:34:58 → 00:35:01 ใจยังนั่นกว่าสมองนิดนึงในคนไข้บางจำนวน
00:35:01 → 00:35:04 ซึ่งขาดออกซิเจนไปในเวลที่ยาวพอสมควรนะคะ
00:35:04 → 00:35:08 เกินกว่า 4 นาทีเนี่ยคนไข้อาจจะไม่ตื่นจะ
00:35:08 → 00:35:10 กลายเป็นเจ้าหญิงเจ้าชายนิราแต่ว่าถ้าหัว
00:35:10 → 00:35:13 ใจเขายังอยู่เขาจะยังไม่ตายเนาะแต่ว่าเขา
00:35:13 → 00:35:16 ก็จะไม่สามารถรู้เรื่องอย่างที่ควรจะเป็น
00:35:16 → 00:35:19 นะคะอ่าหัวใจเนี่ยมีความจำเป็นต่อสมอง
00:35:19 → 00:35:22 เพราะว่าถ้าหัวใจไม่ดีเขาจะส่งเลือดไป
00:35:22 → 00:35:24 เลี้ยงสมองไม่ได้มันจะยังผลให้สมองเี่
00:35:24 → 00:35:26 เสียหายไปด้วยค่ะเพราะฉะนั้นถ้าถาม
00:35:26 → 00:35:28 อาจารย์อาจารย์ก็บอกว่าว่าหัวใจเป็นราก
00:35:28 → 00:35:31 ฐานที่ดีของสมองที่ดีถ้าหัวใจคุณไม่ดี
00:35:31 → 00:35:34 โอกาสที่คุณจะสมองดีมันก็จะยากนะคะแต่ถาม
00:35:34 → 00:35:36 ว่าเป็นได้มเป็นได้แต่ว่ายากมากเลยค่ะ
00:35:36 → 00:35:39 เพราะว่าถ้าคุณไม่ได้มีเลือดดีๆไปเลี้ยง
00:35:39 → 00:35:41 หัวใจไม่ได้สูมฉีดเลือดอย่างดีมันก็จะพา
00:35:41 → 00:35:44 สารอาหารที่จำเป็นกับสมองไปไม่ได้เลยแต่
00:35:44 → 00:35:46 ในขณะเดียวกันถ้าหัวใจดีแต่สมองไม่เคยคิด
00:35:46 → 00:35:50 ไม่เคยจำปล่อยให้มันล่องลอยไปในอากาศคิด
00:35:50 → 00:35:52 ถึงแต่ความโศกความเศร้าหัวใจดีมันก็ไม่
00:35:52 → 00:35:55 ได้ทำให้สมองดีทั้ง 2 อันต้องไปด้วยกัน
00:35:55 → 00:35:59 ค่ะสำหรับระบบไหลเวียนที่ดีอันนั้นเป็น
00:35:59 → 00:36:02 เลือดชั้นดีคุณมีเลือดที่ดีแล้วคุณต้อง
00:36:02 → 00:36:06 ส่งมันออกไปให้ได้ส่งออกไปให้ได้นั้นท่อ
00:36:06 → 00:36:12 นำเลือดต้องใช้ได้และหัวใจต้องดีเวลาที่
00:36:12 → 00:36:16 หัวใจทำงานมันต้องมีการสูบฉีดเลือดไป
00:36:16 → 00:36:18 เลี้ยงตัวกล้ามเนื้อหัวใจมันเองก็ต้องมี
00:36:18 → 00:36:21 พื้นที่ที่จะส่งเลือดไปเลี้ยงด้วยเหมือน
00:36:21 → 00:36:24 กันนะคะอันนี้เป็นหัวใจนะคะเป็นหัวใจของ
00:36:24 → 00:36:28 เราเท่ากำปั้นของผู้เป็นเจ้าของ
00:36:28 → 00:36:32 เวลาที่เขาสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงฉูบพอเลือด
00:36:32 → 00:36:35 สูบฉีดชืดขึ้นมาจะผ่านมาในเส้นสีแดงที่
00:36:35 → 00:36:39 เราเรียกหลอดเลือดแดงใหญ่ภาษาหมอเรียก
00:36:39 → 00:36:41 เอออต้านะคะ
00:36:41 → 00:36:45 และกล้ามเนื้อที่หัวใจที่จะต้องการเลือด
00:36:45 → 00:36:47 ไปเลี้ยงนั้นไม่ได้เอาจากเลือดที่อยู่ใน
00:36:47 → 00:36:50 กระเปาะของหัวใจนี่ไปใช้ค่ะแต่ต้องวิ่ง
00:36:50 → 00:36:53 ผ่านตรงนี้และผ่านหลอดเลือดเล็กๆตรงนี้
00:36:53 → 00:36:57 หลอดเลือดเล็กๆตรงนี้ที่หัวใจมี 2 เส้น
00:36:57 → 00:37:00 เส้นนึงอยู่ข้างขวาเส้นนึงอยู่ข้างซ้าย
00:37:00 → 00:37:02 เส้นขนาดเท่านิ้วก้อยนะคะเอานิ้วก้อยขึ้น
00:37:02 → 00:37:04 มาดูที่คุณเต้นตุ๊บตับเดินมาหาอาจารย์
00:37:04 → 00:37:07 เหนื่อยแทบตายเหงื่อแตกเกือแตนตึกตักๆๆ
00:37:07 → 00:37:09 นี่ค่ะเลี้ยงด้วยเส้นเลือดเส้นเท่านิ้ว
00:37:09 → 00:37:14 ก้อยเนี่ยคะ 2 เส้นนะคะด้านขวาส่งลงมา
00:37:14 → 00:37:17 อย่างงี้ด้านซ้ายลงมาแล้วอ้อมไปด้านหลัง
00:37:17 → 00:37:19 แล้วก็ลงมาด้านล่าง
00:37:19 → 00:37:23 ด้วยเมื่อเวลาที่เส้นเลือดมีการแตก
00:37:23 → 00:37:26 แขนงเมื่อเวลาที่เส้นเลือดมีการแตกแขนงนะ
00:37:26 → 00:37:29 คะเลือดที่วิ่งมานี่นะคะถ้าวิ่งไปเลยก็
00:37:29 → 00:37:31 แล้วกันไปแต่พอมีการแตกแขนงมันจะมีบาง
00:37:31 → 00:37:34 ส่วนที่วิ่งเข้ามาในเส้นเลือดเส้นที่เล็ก
00:37:34 → 00:37:37 กว่าและตรงตรงเค่ะตรงสามง่ามของมันตรงเ
00:37:37 → 00:37:40 ค่ะเลือดที่วิ่งมามันจะชนพื้นที่ตงนั้น
00:37:40 → 00:37:44 วิ่งมาชนฟืดแล้วถึงจะแยกซ้ายแยกขวาเนื้อ
00:37:44 → 00:37:47 ตรงนั้นเนื้อของเส้นเลือดตรงนั้นจะบาด
00:37:47 → 00:37:51 เจ็บนะคะถ้ามันไปเลยเป็นทางธรรมดาก็ไปแต่
00:37:51 → 00:37:53 เมื่อไหร่ก็ตามแยกไปปุ๊บตลิ่งตรงนั้นจะ
00:37:53 → 00:37:55 พังเลยค่ะมันจะถูกชนอยู่ตลอดเวลามันมี
00:37:55 → 00:37:58 กระแสเลือดที่ถูกวิ่งไปเนี่ยมันจะวนตรง
00:37:58 → 00:38:01 นั้นวนฟืดแล้วถึงจะไปทางนู้นวนฟืดแล้วถึง
00:38:01 → 00:38:04 จะไปทางนี้ไอ้ตรงตรงง่ามนั่นแหละค่ะจะ
00:38:04 → 00:38:07 เสียหายบาดเจ็บการเสียหายบาดเจ็บจะทำให้
00:38:07 → 00:38:11 เกิดขบวนการที่เราเรียกว่าผนังหลอดเลือด
00:38:11 → 00:38:15 แดงแข็งและตีบตันและหลอดเลือดแข็งพวกนี้
00:38:15 → 00:38:16 มันเกิดจาก
00:38:16 → 00:38:19 อะไรเมื่ออาจารย์เป็นนักเรียนอาจารย์คิด
00:38:19 → 00:38:23 ว่านะคะถ้าหากว่ามีไขมันไกเกาะที่ผนัง
00:38:23 → 00:38:26 เส้นเลือดมันต้องเกาะอยู่ด้านในเหมือน
00:38:26 → 00:38:31 สนิมเกาะท่อนน้ำแต่ไม่จริงแต่ไม่จริงค่ะ
00:38:31 → 00:38:35 เวลาที่มีของที่ไม่ดีเกิดขึ้นในผนังหลอด
00:38:35 → 00:38:37 เลือดอันนี้เขยกตัวอย่างมาให้ดูนะคะมัน
00:38:37 → 00:38:41 เกิดขึ้นยังไงอันนี้เราเป็นรูปวาดเราเห็น
00:38:41 → 00:38:44 ว่าด้านนอกเป็นอย่างนี้ด้านตรงนี้เป็น
00:38:44 → 00:38:47 ชั้นกลางและอันนี้เป็นชั้นในตัวที่เห็น
00:38:47 → 00:38:51 แดงๆอันนี้คือเม็ดเลือดแดงกลมๆแต่ไม่ได้
00:38:52 → 00:38:56 กลมแบบลูกบอลกลมแบบจานบินสีเหลืองตรงนี้
00:38:56 → 00:38:57 เราเรียกว่า
00:38:57 → 00:39:01 ldl คอเลสเตอรอลเมื่อผนังหลอดเลือดขรุขะ
00:39:01 → 00:39:06 ฉีกขาดเจ้า ldl คอเลสเตอรอลจะทิ้งตัวลงมา
00:39:06 → 00:39:11 สอดแทรกตัวอยู่ข้างใต้ของผนังหลอดเลือด 4
00:39:11 → 00:39:15 ปีผ่านไปไวเหมือนโกหกไขมันอันน้อยๆนั้นจะ
00:39:15 → 00:39:19 รวมตัวกันกลายเป็นไขมันปื้นใหญ่เบียด
00:39:19 → 00:39:22 เสียดผนังหลอดเลือดเข้าไปปูดโปนเข้าไป
00:39:22 → 00:39:24 ข้างในเจ้าเม็ดเลือดแดงก็วิ่งไม่สะดวก
00:39:25 → 00:39:28 อะไรก็ไปไม่ค่อยจะได้ 10 ปีผ่านไปไวย
00:39:28 → 00:39:33 เหมือนโกหกใหญ่ขึ้นโปดขึ้นและวันร้ายคืน
00:39:33 → 00:39:38 ร้ายเกิดการปริขาดของผนังหลอดเลือดอัน
00:39:38 → 00:39:42 นั้นเลือดออกและเกิดการแข็งตัวของเลือด
00:39:42 → 00:39:46 อยู่ในเส้นเลือดไม่เหมาะซะแล้วตอนแรกก็
00:39:46 → 00:39:51 ตีบๆตอนนี้มีการฉีกขาดและมีเลือดไปตัน
00:39:51 → 00:39:51 อยู่
00:39:51 → 00:39:55 ด้วยเวลาที่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้มันค่อย
00:39:55 → 00:39:59 ๆเกิดค่ะมันไม่ได้เกิดชั่ววันชั่วคืนมัน
00:39:59 → 00:40:04 ค่อยๆเกิดร่างกายเราจะมีพลังสำรอง
00:40:04 → 00:40:09 ไว้ตีบแค่ 50% จากเดิมใหญ่ขนาดนี้หายไป
00:40:09 → 00:40:12 ครึ่งนึงคนไข้ไม่มีอาการเลย
00:40:12 → 00:40:17 ค่ะถ้าตี 80% หือรูแค่นี้จึงเริ่มมีอาการ
00:40:17 → 00:40:20 ถ้ามันตันดงนี้ 100% เราเรียกกล้ามเนื้อ
00:40:20 → 00:40:25 หัวใจตายมีคนไข้จำนวนมากซึ่งไม่เคยรู้ตัว
00:40:25 → 00:40:28 เลยว่าตัวเองมีปัญหาหลอดเลือดหัวใจหัว
00:40:29 → 00:40:32 หลอดเลือดหัวใจแดงแข็งและตีบตันและวัน
00:40:32 → 00:40:37 ร้ายคืนร้ายตายไปเลยอันนี้ไม่ใช่
00:40:37 → 00:40:42 ปลาเป็นเส้นเลือดที่ดึงมาจากผู้ป่วยที่
00:40:42 → 00:40:45 เสียชีวิตดูผนังด้านนี้ค่ะนี่เส้นผ่า
00:40:45 → 00:40:48 ศูนย์กลางของเส้นเลือดดูผนังด้านนี้จาก
00:40:48 → 00:40:52 ด้านนอกมาด้านในแค่นี้ดูฟากนี้จากด้านนี้
00:40:52 → 00:40:55 มาด้านนี้เห็นมั้ยคะกว้างกว่าเยอะและมี
00:40:55 → 00:40:58 ปื้นสีเหลืองๆอยู่ตรงนี้ไอ้ปื้นสีเหลืองๆ
00:40:58 → 00:41:01 ตรงเนี้ยค่ะนะคะแล้วมีสีน้ำตาลอยู่ตรงนี้
00:41:01 → 00:41:04 อันนี้คือปื้นไขมันซึ่งทำให้เส้น่าสูนย์
00:41:04 → 00:41:06 กลางเล็กลงปกติมันควรจะใหญ่มากกว่านี้มัน
00:41:06 → 00:41:10 ควรจะใหญ่มากกว่านี้นะคะแล้วก็นะคะมันก็
00:41:10 → 00:41:14 จะทำให้เลือดผ่านไปไม่ได้นะตอนเราดึงมา
00:41:14 → 00:41:17 จากคนไข้ตรงนี้เลือดแข็งตัวเต็มทั้งก้อน
00:41:17 → 00:41:20 เลยถ้าเราดูที่กล้ามเนื้อหัวใจบ้างเหมือน
00:41:21 → 00:41:24 กันอันนี้เป็นหัวใจของเราถึงเฉือนออกเป็น
00:41:24 → 00:41:27 แผ่นเป็นแว่นนะคะเป็นแผ่นเป็นแว่นเนื้อ
00:41:27 → 00:41:30 หัวใจที่ดีๆจะต้องเป็นสีแดงเหมือนเนื้อ
00:41:30 → 00:41:34 วัวไอ้ตัวตรงนี้นะคะไอ้ตัวตรงนี้เนี่ยนะ
00:41:34 → 00:41:39 คะเป็นช่องในกล้ามเนื้อหัวใจช่องช่องหัว
00:41:39 → 00:41:43 ใจห้องซ้ายคนไข้ที่เป็นขนาดนี้นะคะกล้าม
00:41:43 → 00:41:46 เนื้อหัวใจทั้งยวงด้านหน้ามาขาดเลือดไป
00:41:46 → 00:41:48 เลี้ยงมากมายขนาดนี้ใ่อยู่ไม่ได้หรอค่ะ
00:41:48 → 00:41:51 ตายตายหมดวันที่ 5 วันที่ 6 เนี่ยค่ะตาย
00:41:51 → 00:41:54 คนไข้ขนาดนี้จะอยู่ได้อย่างเดียวคือการ
00:41:54 → 00:41:59 เปลี่ยนหัวใจและปอดยกชุดด้วยการบริจาคมา
00:41:59 → 00:42:02 จากคนอื่นคนอื่นที่สมองตายเป็นในทั้งหลาย
00:42:02 → 00:42:06 แหละที่หัวใจปอดยังดีอยู่เนี่ยเขายกมาให้
00:42:06 → 00:42:09 แต่ว่าประเทศเราไม่มีการบริจาคอย่างนี้
00:42:09 → 00:42:13 ค่ะน้อยมากนะคะอุบัติเหตุตู้มไปเลยนะคะ
00:42:13 → 00:42:16 เพราะฉะนั้นคนไข้ส่วนใหญ่พวกนี้จะเสีย
00:42:16 → 00:42:21 ชีวิตเวลามีผนังเส้นเลือดตีบอย่างนี้มัน
00:42:21 → 00:42:26 เป็นทั่วตัวด้วยกันมันเป็นเส้นเลือดที่ไป
00:42:26 → 00:42:27 เลี้ยงหัวไม่ดี
00:42:27 → 00:42:30 ที่คอมันก็ไม่ดีที่หัวใจจมันก็ไม่ดีที่ขา
00:42:30 → 00:42:36 ก็ไม่ดีมันเป็นพร้อมๆกันถ้าเป็นที่หัวไป
00:42:36 → 00:42:38 โดนพื้นที่ที่คุมเรื่องของการเดินเรา
00:42:38 → 00:42:41 เรียกว่าหลอดเลือดสมองตีบเราเรียกอัมพาตอ
00:42:41 → 00:42:45 พฤกษ์ถ้ามันเป็นที่หัวใจเราเรียกโรคหัวใจ
00:42:45 → 00:42:49 มันคืออีโรคเดียวกันเป็นคนละที่เป็นหลอด
00:42:49 → 00:42:52 เลือดแดงแข็งและตีบตันและถ้าเราต้องการ
00:42:52 → 00:42:56 เลือดไปเลี้ยงสมองดีเราก็ต้องไม่ให้มีของ
00:42:56 → 00:43:00 อย่าอย่างี้ตลอดทางเส้นเลือดก็ต้องดีเส้น
00:43:00 → 00:43:02 ที่ไปเลี้ยงหัวใจก็ต้องดีหัวใจก็ต้องดี
00:43:02 → 00:43:06 เพราะฉะนั้นมันต้องบำรุงรักษาไปพร้อมๆกัน
00:43:06 → 00:43:09 แล้วอะไรทำให้หลอดเลือดแข็งแดงแข็งและตีบ
00:43:09 → 00:43:12 ตันสอนนักศึกษาแพทย์ 5 อันเท่านั้นความ
00:43:12 → 00:43:18 ดันเบาหวานบุหรี่ 3 ตัวนี้จะเป็นตัวเปิด
00:43:18 → 00:43:20 ผนังหลอดเลือดเมื่อกี้ที่คุณเห็นมันขรุ
00:43:20 → 00:43:24 ขาดฉีกขาดเปิดผนังหลอดเลือดหลังจากเปิด
00:43:24 → 00:43:28 ผนังหลอดเลือดแล้วจะมีไขไขมันในเลือดสูง
00:43:28 → 00:43:31 กับความอ้วนช่วยกันเจเอาเจ้า ldl ไปสะสม
00:43:31 → 00:43:34 ในผนังหลอดเลือดถ้าคุณเป็นความดันสูง
00:43:34 → 00:43:36 อย่างเดียวนานหน่อยถ้าคุณมีเบาหวานด้วย
00:43:36 → 00:43:39 เร็วนิดนึงถ้าคุณขยันสู่บุหรี่สัก 3-4
00:43:39 → 00:43:43 ซองต่อต่อวันนะคะสัก 7-8 เดือนนั้นน่ะค่ะ
00:43:43 → 00:43:46 ได้เข้าโรงแน่มันทำให้เกิดการเสียหาย
00:43:46 → 00:43:50 รุนแรงและรวดเร็วมากเราจะดูแลพวกนี้ทำ
00:43:50 → 00:43:53 อย่างไร 1 คุมความดันให้ดีความดันที่เรา
00:43:53 → 00:43:56 บอกเป็นมาตรฐานก็คือเราบอกว่างการอมโลก
00:43:56 → 00:44:02 บอกว่า 140 90 พอไหวปกติหมอทั้งหลายอยาก
00:44:02 → 00:44:06 ได้สัก 130 80 ค่ะหมออยากได้ 130 80
00:44:06 → 00:44:10 เราบอก 140 ก็ยังดูไม่ถูกใจขอ 130 80 นะ
00:44:10 → 00:44:15 คะเราอยากได้ไขมันในเลือดไม่สูงมากเจ้า
00:44:15 → 00:44:20 คอเลสเตอรอลอย่าสูงขอคอเลสเตอรอลรวมไม่
00:44:20 → 00:44:20 เกิน
00:44:20 → 00:44:25 200 ขอ ldl ต่ำๆตัวเลขที่อาจารย์ใส่มา
00:44:25 → 00:44:30 ตรงนี้ ldl เท่ากับ 130 ใช้สำหรับผู้ชาย
00:44:30 → 00:44:34 ที่อายุเกินกว่า 40 ปีผู้หญิงที่อายุเกิน
00:44:34 → 00:44:38 กว่า 4 55 ปีใช้ตัวเลข 130
00:44:38 → 00:44:41 ค่ะถ้าคุณอายุน้อยกว่านี้ผู้หญิงที่อายุ
00:44:41 → 00:44:44 น้อยกว่า 55 ผู้ชายที่อายุน้อยกว่า 45
00:44:44 → 00:44:47 เรายอมที่ 160 เราอยากได้เจ้า hdl เจ้า
00:44:47 → 00:44:51 ตัวดีสูงหน่อย hdl นี่เป็นไขมันตัวดีแส่
00:44:51 → 00:44:55 เดียวกับเจ้า ldl ค่ะแต่ว่ามันไม่ชอบกัน
00:44:55 → 00:44:58 เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้า ldl กำลังจะลงไป
00:44:58 → 00:45:01 นอนที่ผนังเส้นเลือดเจ้า sdl ผ่านมามันจะ
00:45:01 → 00:45:04 ลากขึ้นมาแล้วพาไปที่ตับตบ 3 ฉาดหมดฤทธิ์
00:45:04 → 00:45:07 ไปเลยเพราะฉะนั้นเราเลยบอกว่าถ้า sdl สูง
00:45:07 → 00:45:12 ๆคุณจะปลอดภัยจากโรคปัญหาของหลอดเลือด
00:45:12 → 00:45:16 เนาะอาจารย์แล้วอี ldl ตัวร้ายนี่มันมา
00:45:16 → 00:45:24 จากไหน ldl ตัวร้ายมาจากอาหารไขมันนะคะ
00:45:24 → 00:45:27 ที่เราเรียกว่าเป็นกรดไขมันอิ่มตัว
00:45:27 → 00:45:31 และกดไขมันชนิดทรานกดไขมันอิ่มตัวนี้มา
00:45:31 → 00:45:35 จากไขมันสัตว์เป็นส่วนใหญ่บวกไขมันพืชอีก
00:45:35 → 00:45:38 2 ตัวคือน้ำมันปาล์มกับน้ำมัน
00:45:38 → 00:45:42 มะพร้าวอันที่ 2 กรดไขมันชนิดทรานซ์เป็น
00:45:42 → 00:45:45 กรดไขมันที่มาจากตัวน้ำมันพืชผ่านขบวนการ
00:45:45 → 00:45:48 ไฮโดรเจนไอออนลงไปเพื่อใช้ในอุตสาหกรรม
00:45:49 → 00:45:52 อาหารอุตสาหกรรมอาหารที่ทำอย่างเช่นขนม
00:45:52 → 00:45:57 ฟังกรอบเวเฟอร์ขาไก่ขนมเค้กนั่นแหละค่ะ
00:45:57 → 00:46:01 ใช้กัดไขมันชนิดพรานทั้งสิ้นสมัยก่อนเรา
00:46:01 → 00:46:04 ไม่ค่อยได้เพ่งเล็งเรื่องนี้เยอะแต่ตอน
00:46:04 → 00:46:06 เนี้ยเราเพ่งเล็งเยอะเพราะว่าเราพบว่ามัน
00:46:06 → 00:46:09 ทำให้เป็นโรคหัวใจได้ด้วยอย่ากินขนมเยอะ
00:46:09 → 00:46:12 นะคะกินบ้างแต่อย่ากินเยอะกินให้มันลั่น
00:46:12 → 00:46:15 ลื่นลึงมันเทิงใจหน่อยแต่อย่าเยอะนะคะไป
00:46:15 → 00:46:18 กินอย่างอื่นบ้างเนาะข้างล่างค่ะเป็นกรด
00:46:18 → 00:46:23 ไขมันไม่อิ่มตัวสูตรโครงสร้างมันนั้นยัง
00:46:23 → 00:46:25 ไม่อิ่มตัวตัวออกซิเจนออกซิเจนก่อกันด้วย
00:46:26 → 00:46:29 2 แขนเราแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มกลุ่มนึง
00:46:29 → 00:46:32 เป็นกดไขมันไม่อิ่มตัว 1 ตำแหน่งอีกอัน
00:46:32 → 00:46:35 นึงเป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่งกฎ
00:46:35 → 00:46:39 ไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่งนั้นที่เรารู้
00:46:39 → 00:46:43 จักกันและฮือฮากันคือโอเมก้า 3 กับ
00:46:43 → 00:46:47 โอเมก้า 6 เคยได้ยินใช่ไหมมคะข้อดีจะช่วย
00:46:47 → 00:46:50 ลดคอเลสเตอรอลตัวไม่ดีก็คือลด
00:46:50 → 00:46:55 ldl ไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่งนะแต่ข้อเสีย
00:46:55 → 00:46:58 ของมันคืออะไรถ้าซัดมากเกินไปหน่อยมันจะ
00:46:58 → 00:47:01 ไปลดเจ้าตัว D ด้วยมันลด ldl ด้วยและลด
00:47:02 → 00:47:03 sdl ด้วย
00:47:03 → 00:47:08 อ่าอันนี้มีอะไรบ้างน้ำมันถั่วเหลืองน้ำ
00:47:08 → 00:47:12 มันข้าวโพดดอกคำฝอยดอกทานตะวันเม็ดดอกทาน
00:47:12 → 00:47:15 ตะวันอันนี้เป็นกรดไขมันไม่อิ่มตัวหลาย
00:47:15 → 00:47:19 ตำแหน่งนะคะกดไขมันไม่อิ่มตัวหลายตำแหน่ง
00:47:19 → 00:47:22 นะคะอันนี้ก็จะเป็นอย่างงนี้นะกดไขมันไม่
00:47:22 → 00:47:25 อิ่มตัวตำแหน่งเดียวเนี่ยอ่ามันก็จะมีอ่า
00:47:26 → 00:47:30 ข้อดีของมันนะคะมีข้อดีของมันเ่อมันก็จะ
00:47:30 → 00:47:33 ช่วยเหมือนกันค่ะจะช่วยลด ldl ด้วยเหมือน
00:47:33 → 00:47:38 กันนะคะลด ldl ด้วยเหมือนกันตอนนี้เอ่อคน
00:47:38 → 00:47:41 ในนั้นเป็นอะไรในนั้นอันที่เจออันที่เรา
00:47:41 → 00:47:44 เจอบ่อยๆก็คือน้ำมันลำข้าวนะคะน้ำมันลำ
00:47:44 → 00:47:46 ข้าวนะเลือก
00:47:46 → 00:47:53 กินเลือกใช้ชีวิตเลือกทำจิตบานารู้จักให้
00:47:53 → 00:47:57 นะคะแล้วสมองก็จะอยู่กับเรานะคะสรุปก็คือ
00:47:57 → 00:48:01 จริงๆแล้วหนูจะต้องมีเลือดชั้นดีเลือดดีๆ
00:48:01 → 00:48:03 เลือดดีของอาจารย์นั้นหมายถึงว่าเลือดที่
00:48:03 → 00:48:05 มีออกซิเจนเพียงพอเลือดที่มีสารอาหารที่
00:48:05 → 00:48:08 สม่ำเสมอในสารอาหารก็จะมีทั้งสารอาหารที่
00:48:08 → 00:48:12 ให้พลังงานที่ช่วยเรื่องของความจำสารที่
00:48:12 → 00:48:15 จะไปช่วยต้านอนุมูลอิสระหลังจากนั้นก็จะ
00:48:15 → 00:48:17 เป็นเรื่องของการทำใจให้ร่าเริงเบิกบาน
00:48:17 → 00:48:21 เพื่อเปิดรับความคิดความจำใหม่ๆแล้วก็สุด
00:48:21 → 00:48:25 ท้ายก็คือการฝึกสมองการใช้สมองอ่าอย่าง
00:48:25 → 00:48:28 อย่างมีความตั้งอกตั้งใจนะคะแล้วก็ฝึก
00:48:28 → 00:48:30 สมองเพื่อที่จะทำให้สมองคล่องแคล่วว่องไว
00:48:30 → 00:48:33 ขึ้นอันนี้ก็เป็นส่วนเป็นส่วนใหญ่เลยลูก
00:48:33 → 00:48:35 เป็นอะไรที่เราทำได้แม้นในชีวิตประจำวัน
00:48:35 → 00:48:38 ปกติทั่วไปนะคะการดูแลผู้ป่วยสมองเสื่อม
00:48:38 → 00:48:41 ในปัจจุบันเนี่ยมันขึ้นอยู่กับครอบครัว
00:48:41 → 00:48:44 เป็นหลักเลยถ้าครอบครัวอยู่ได้คนไข้ก็รับ
00:48:44 → 00:48:47 การดูแลดีแต่มันมีอีกเยอะมากเลยค่ะที่
00:48:47 → 00:48:49 ครอบครัวลำบากมากทั้งเรื่องไม่มีคนดู
00:48:49 → 00:48:52 เพราะครอบครัวเราเล็กลงนะคะมีพ่อแม่แล้ว
00:48:52 → 00:48:55 ก็ลูกคนหรือ 2 คนซึ่งไม่สามารถจะรับภาระ
00:48:55 → 00:48:58 ที่จะดูแลยผู้ใหญ่ที่เป็นสมองเสื่อมได้
00:48:58 → 00:49:01 ถ้ามีสตางค์ก็ไปจ้างคนดูแต่การช้างคนดู
00:49:01 → 00:49:03 มันก็ยังไม่ได้ทั้งหมดถ้าไม่มีสตางค์ก็
00:49:03 → 00:49:07 อาจจะละเลทอดทิ้งโดยที่ด้วยความจำเป็น
00:49:07 → 00:49:10 อาจารย์อยากได้สังคมที่คนเห็นว่าเรื่อง
00:49:10 → 00:49:12 พวกนี้ไม่ใช่เรื่องของครอบครัวนั้น
00:49:12 → 00:49:14 ครอบครัวเดียวแต่เป็นเรื่องที่สังคมควรจะ
00:49:14 → 00:49:18 ช่วยกันช่วยเหลือเกื้อกูลในรูปแบบที่เรา
00:49:18 → 00:49:21 สามารถจะทำได้ในบริบทของคนไทยจะเป็นอาสา
00:49:21 → 00:49:24 สมัครจะเป็นการช่วยเหลือในลักษณะแบบอื่น
00:49:24 → 00:49:27 จะเป็นลักษณะของการมาฝากไว้ตอนกลางวันตอน
00:49:27 → 00:49:29 กลางคืนเรากลับไปดูเองนะคะมันคิดได้อีก
00:49:29 → 00:49:32 หลายแบบแล้วเราต้องมาฝ่าฟันไปเพื่อทำให้
00:49:32 → 00:49:35 เกิดสิ่งที่ดีๆในสังคมของเราค่ะนะคะเรา
00:49:35 → 00:49:38 ต้องช่วยกันอย่าไปละเลยว่านี่ไม่ใช่
00:49:38 → 00:49:41 เรื่องของเราอย่าไปละเลยไม่เห็นคนคนึง
00:49:41 → 00:49:44 เดินเหมือนกับว่าจะหลงทางหาทางกลับบ้าน
00:49:44 → 00:49:46 ไม่ถูกแต่เราก็ผ่านไปไม่เป็นได้เดี๋ยวคง
00:49:46 → 00:49:49 จะมีใครมาช่วยแกแต่ทุกคนจะต้องคิดว่าอัน
00:49:49 → 00:49:51 นี้เป็นเรื่องของเราแล้วก็ช่วยเหลือเกื้อ
00:49:51 → 00:49:56 กูลกันอย่างที่ควรจะเป็นขณะนี้เนี่ยจศ 100
00:49:56 → 00:49:59 บนที่กระจกเงาเนี่ยนะคะเเทำเรื่องขนหา
00:49:59 → 00:50:02 อยู่แล้วนนที่กระจกเงาเนี่ยทำเรื่องเด็ก
00:50:02 → 00:50:04 เป็นหลักแต่ขณะเดียวกันเาก็ประพบว่ามีคน
00:50:04 → 00:50:06 ผู้สูงอายุเนี่ยที่หายไปจากบ้านและเพบว่า
00:50:06 → 00:50:09 จริงๆพวกนี้คือเป็นอัลไซเมอร์นะคะเพราะ
00:50:09 → 00:50:11 ฉะนั้นจะหายไปเยอะถ้าเราร่วมมือร่วมใจกัน
00:50:11 → 00:50:14 เห็นแล้วรู้ว่าอันนี้ผิดปกติช่วยเขาช่วย
00:50:14 → 00:50:18 ลั้งเขาไว้สักนิดนึงชวนกินน้ำกินท่าแล้ว
00:50:18 → 00:50:20 ก็เรียกคนที่จะมาช่วยเหลือเกื้อกูลต่อไป
00:50:20 → 00:50:23 ได้ก็น่าจะดีดีกว่าที่จะปล่อยผ่านไปแล้ว
00:50:23 → 00:50:25 คิดว่าเดี๋ยวคนอื่นก็มาช่วยเองอาจารย์ว่า
00:50:25 → 00:50:27 อันนั้นมันไม่ใช่มันต้องช่วยกันเลยทำได้
00:50:28 → 00:50:30 ทำเลยช่วยกันคนละไม้คนละมือแลสังคมมันจะ
00:50:30 → 00:50:33 น่าอยู่แล้วคนไข้สมองเสริมก็จะปลอดภัย
00:50:33 → 00:50:36 อยู่ในสังคมของเรา
00:50:36 → 00:50:37 [เพลง]
00:50:37 → 00:50:41 ค่ะในตอนหน้ารายการเล็กๆเปลี่ยนโลกยังคง
00:50:41 → 00:50:44 นำเสนอสาระเพื่อสุขภาพสมองจากกิจกรรมดีๆ
00:50:44 → 00:50:47 ในงานวันอัลไซเมอร์โลกรู้เท่าทันป้องกัน
00:50:47 → 00:50:50 สมองเสื่อมซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 3 ตอน
00:50:50 → 00:50:53 ท่านผู้ชมสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้
00:50:53 → 00:50:56 ที่สาขาวิชาเวชศาสตร์ผู้สูงอายุภาควิชา
00:50:56 → 00:50:59 อายุรศาสตร์คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาล
00:50:59 → 00:51:02 รามาธิบดีโทรศัพท์
00:51:02 → 00:51:06 0220 1713 และสมาคมผู้ดูแลผู้ป่วยสมอง
00:51:06 → 00:51:12 เสื่อมโทรศัพท์หมายเลข 086 990 4207
00:51:12 → 00:51:55 [เพลง]
00:51:55 → 00:51:59 ข H