00:00:00 → 00:00:04 หรือการที่ลูกติดเกมติดอะไรมากจนจนถึง
00:00:04 → 00:00:07 ขั้นเลยเถิดอ่ะเพราะว่าอะไรนอนดึกติดเกม
00:00:07 → 00:00:10 ติดโซเชียลติดมือถืออันนี้เป็นปัญหาหลัก
00:00:10 → 00:00:14 ผู้ใหญ่จะพูดเสมอว่าเด็กสมัยนี้เนี่ยจิต
00:00:14 → 00:00:18 ไม่ค่อยแข็งเหมือนรุ่นเขา
00:00:18 → 00:00:21 อันนี้ผมเจอเยอะในชีวิตประจำวันเหมือนที่
00:00:21 → 00:00:25 ผมพูดในคลิปล่าสุดเดี๋ยวนี้มันก็มีเด็กมา
00:00:25 → 00:00:26 ปรึกษาเยอะครับ
00:00:27 → 00:00:29 ป่วยเรื้อรังทั้งๆที่เขาไม่ควรจะป่วย
00:00:29 → 00:00:32 และป่วยพวกนี้ส่วนใหญ่หนีไม่พ้นอะไรแล้ว
00:00:32 → 00:00:36 ภูมิต้านทานไม่แข็งแรงนอนดึกติดเกมติด
00:00:36 → 00:00:40 โซเชียลติดมือถืออันนี้เป็นปัญหาอะไรยิ่ง
00:00:40 → 00:00:43 เดี๋ยวต่อไปเราจะมีแว่นแล้วมี AI ทุก
00:00:43 → 00:00:45 อย่างก็จะไปอยู่บนแว่น
00:00:45 → 00:00:46 [เพลง]
00:00:46 → 00:00:48 แว่นจะไม่เชื่อนะ
00:00:48 → 00:00:52 ล่าสุดผมมีผู้สูงอายุท่านหนึ่งเนี่ย
00:00:52 → 00:00:54 เกษียณแล้ว
00:00:54 → 00:00:57 บอกว่าวันๆทำอะไรผมก็คุยเขาบอกเขาไม่ทำ
00:00:57 → 00:01:01 อะไรเขากินข้าวเสร็จเขาใส่แว่นเข้าสู่ยุค
00:01:01 → 00:01:04 เข้าไปอยู่ในโลกออนไลน์แล้วแว่นเนี่ยมัน
00:01:04 → 00:01:08 ก็จะมีคาแรคเตอร์ของมันมีอวตารีโร่อยาก
00:01:08 → 00:01:11 วันนี้อยากจะไปอยู่ที่หาดก็ไปแล้วก็ไปเจอ
00:01:11 → 00:01:15 ก็คุยไปมีความสัมพันธ์ไปคุยกันมันมีหมดนะ
00:01:15 → 00:01:18 ฮะลึกหรือไม่ลึก
00:01:18 → 00:01:23 สรุปว่าคุณลุงท่านนี้นะ
00:01:23 → 00:01:27 บอกกับผมว่าหมอครับผมรู้สึกว่าผมไม่อยาก
00:01:27 → 00:01:31 อยู่บนโลกปัจจุบันผมมีความสุขที่จะไปอยู่
00:01:31 → 00:01:33 ในโลกแบบนั้นมากกว่า
00:01:33 → 00:01:37 ทุกๆวันเวลาผมหลับผมตื่นมาผมลุก Forward
00:01:37 → 00:01:39 ที่จะไปใส่แว่นแล้วเข้าไปอยู่ในโลกอย่าง
00:01:39 → 00:01:41 นั้น
00:01:41 → 00:01:43 มันทำให้ผมเคย
00:01:43 → 00:01:45 หนังเรื่องนึงใน netflix ผมจำชื่อไม่ได้
00:01:45 → 00:01:48 หรอกเป็นหนังที่คนวาดภาพอย่างนี้เลยเพราะ
00:01:48 → 00:01:51 มนุษย์เราจริงๆต่อไปเนี่ยการคุยกันมันไม่
00:01:51 → 00:01:55 ค่อยมีล่ะทุกอย่างมันจะผ่านพวกนี้หมดอ่ะ
00:01:55 → 00:01:58 ทีนี้กลับมาเด็กปัจจุบันก็ไม่น้อย
00:01:58 → 00:02:01 หรือเราเรียกสังคมก้มหน้านะคำพูดนี้มันก็
00:02:01 → 00:02:05 มากขึ้นเรื่อยๆเด็กสบตากับผู้ใหญ่หรือเรา
00:02:05 → 00:02:07 เรียกว่า EQ น้อยลงนะ
00:02:08 → 00:02:11 อยากให้มองปัญหานี้ยังไงดีครับสำหรับ
00:02:11 → 00:02:13 เรื่อง
00:02:13 → 00:02:17 โรคความเป็นจริงกับโลกออนไลน์
00:02:17 → 00:02:20 ทำไมบางคนถึงเลือกโลกออนไลน์เขาเพียงแค่
00:02:20 → 00:02:24 ใช้ตาดูใช้หูฟัง
00:02:24 → 00:02:27 เขาไม่ต้องคิดอะไรมากมาย
00:02:27 → 00:02:30 เขาไม่ต้องคิดเครียดตอบคำถามพ่อแม่วันนี้
00:02:30 → 00:02:34 ไปทำอะไรๆซึ่งจริงคำถามแบบจ้องจับผิด
00:02:34 → 00:02:38 ไม่ใช่คำถามปลายเปิดที่อยากให้เขาให้เขา
00:02:38 → 00:02:41 แสดงความคิดเห็นให้เขาได้บอกเล่าว่าเขาไป
00:02:41 → 00:02:43 ทำอะไรมาแต่การอยู่ในโลกออนไลน์ปุ๊บเขา
00:02:43 → 00:02:45 ไม่ต้องไปนั่งตอบคำถามแบบนี้มันเป็นความ
00:02:45 → 00:02:48 สุขเดี๋ยวนี้คือเด็กการสื่อสารถึงไม่ค่อย
00:02:48 → 00:02:52 ดีเพราะอะไรเพราะเขาอยู่กับตัวเองซะส่วน
00:02:52 → 00:02:54 ใหญ่อยู่กับโลกออนไลน์ซะส่วนใหญ่อันนี้ก็
00:02:54 → 00:02:58 คือนิ่งอันนี้เพิ่งคุยกับลูกมาบอกมาม๊า
00:02:58 → 00:02:59 ใช่เดี๋ยวนี้
00:02:59 → 00:03:03 หนูก็มองว่าเด็กไทยหรือว่ารุ่นๆอย่างหนู
00:03:03 → 00:03:05 เองเนี่ยทุกวันนี้รู้สึกว่าเราอยู่ใน
00:03:05 → 00:03:08 ออนไลน์เดี๋ยวนี้เรียนยิ่งยิ่งมีการเรียน
00:03:08 → 00:03:10 ออนไลน์ซึ่งมันไม่เคยเกิดขึ้นในในสังคม
00:03:10 → 00:03:13 โลกเอาง่ายๆตั้งแต่ช่วงโควิดแต่ว่ามัน
00:03:13 → 00:03:16 กลายเป็นวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของ
00:03:16 → 00:03:20 มนุษย์โลกเลยกลายเป็นว่าการสื่อสารเนี่ย
00:03:20 → 00:03:24 ด้วยคำพูดการมาเจอกันมันกลับรถลงความ
00:03:24 → 00:03:28 สัมพันธ์แน่นอนมันต้องลดลงแล้วก็เด็กๆก็
00:03:28 → 00:03:31 ได้เรียนรู้ที่จะอยู่กับตัวเองมากกว่า
00:03:31 → 00:03:34 เรียนรู้ที่จะอยู่กับคนอื่นหรือแม้แต่คน
00:03:34 → 00:03:37 ในครอบครัวสังเกตง่ายๆว่าเด็กพอกินข้าว
00:03:37 → 00:03:39 อะไรเสร็จปุ๊บเข้าห้องปิดห้องเลยทั้งวัน
00:03:39 → 00:03:42 เลยแม่ต้องบางทีต้องตะโกนเรียกตามมากิน
00:03:42 → 00:03:44 ข้าวเลยหรืออะไรอย่างนี้เพราะเขารู้สึก
00:03:44 → 00:03:48 ว่าบ้านเนี่ยไม่ได้ไม่ได้เป็นสถานที่ที่
00:03:48 → 00:03:50 ทำให้เขารู้สึกว่ามีความสุข
00:03:50 → 00:03:53 สมาชิกในบ้านหรือพ่อแม่หรือแม้แต่พี่น้อง
00:03:53 → 00:03:57 กันเองไม่ได้รู้สึกว่าน่าคุยน่ามี
00:03:57 → 00:03:59 ปฏิสัมพันธ์ด้วยเอาง่ายๆเดี๋ยวนี้เด็ก
00:03:59 → 00:04:02 เป็นถึงขนาดนี้เพราะว่าแต่ละคนคืออยู่ใน
00:04:02 → 00:04:05 มุมของตัวเองบางทีพ่อแม่คุยกับลูกเนี่ย
00:04:05 → 00:04:08 มือก็ถือมือถืออยู่บางครั้งเราวาดรูปแต่
00:04:08 → 00:04:10 เราลืมดูตัวเอง
00:04:10 → 00:04:13 แล้วอีกอย่างหนึ่งคือการที่ลูกติดเกมติด
00:04:13 → 00:04:16 อะไรมากจนจนถึงขั้นเลยเถิดเพราะว่าอะไร
00:04:16 → 00:04:19 แล้วตอนที่เราหยิบยื่นให้เขาเนี่ยเราได้
00:04:19 → 00:04:22 ตั้งกติกากับเขาไว้ไหมเราได้บอกเขาไหมว่า
00:04:22 → 00:04:25 เพราะเดี๋ยวนี้เด็กตั้งแต่เล็กๆเลยว่า
00:04:25 → 00:04:28 ต้องใช้มือถืออย่างน้อยอ่ะเด็กอนุบาลยัง
00:04:28 → 00:04:30 บางคนยังมีมือถือเพื่อตอนเย็นคุณพ่อคุณ
00:04:30 → 00:04:32 แม่มารับจะได้นัดเจอกันหรืออะไรแบบนี้ก็
00:04:32 → 00:04:34 ได้แต่อย่าลืมถือว่าตอนที่เรายื่นมือถือ
00:04:34 → 00:04:36 ให้ลูกอ่ะลูกไม่เคยรู้เลยว่ามือถืออะไร
00:04:36 → 00:04:40 เป็นยังไงแต่เราบอกนะใช้อย่างนี้นะแต่พอ
00:04:40 → 00:04:42 เรายื่นไปให้ละโดยที่เราไม่ได้ตกลงอะไร
00:04:42 → 00:04:46 กันแล้วพออย่าลืมว่าตั้งแต่ 1-15 ปีเอา
00:04:46 → 00:04:49 แค่เริ่มเอา 15 ถือว่าเป็นวัยรุ่นเหนื่อย
00:04:49 → 00:04:51 จากสภาพปีเนี่ยเขาเก็บอะไรมาตั้งเยอะแยะ
00:04:51 → 00:04:54 มากมายพฤติกรรมของพ่อแม่การเลี้ยงดู
00:04:54 → 00:04:57 ทัศนคติจากหลายๆอย่างความเชื่อหรือการ
00:04:57 → 00:04:59 กระทำหลายๆอย่างทั้งดีและไม่ดีเพราะพ่อ
00:04:59 → 00:05:02 แม่ก็คือมนุษย์คนหนึ่งเหมือนกันแต่ตอน
00:05:02 → 00:05:05 นั้นคือเขายังยังไม่สามารถที่จะดูแลตัว
00:05:05 → 00:05:08 เองหรือช่วยเหลือตัวเองได้มากแต่พอ 15
00:05:08 → 00:05:10 ปุ๊บมันถึงเกิดการเปลี่ยนแปลงมันเหมือน
00:05:10 → 00:05:12 บางครั้งมันเหมือนกันเด็กบางคนเหมือนเขา
00:05:12 → 00:05:14 ระเบิดอ่ะเพราะเขาไปเจอเพื่อนยิ่งเข้า
00:05:14 → 00:05:16 มัธยมหรืออะไรอย่างเงี้ยเขารู้สึกเค้า
00:05:16 → 00:05:20 เป็นอิสระมากขึ้นในการเลยรู้สึกว่าสิ่ง
00:05:20 → 00:05:24 ที่พ่อแม่เอ่อดูแลใกล้ชิดมาแล้วยังติด
00:05:24 → 00:05:27 ความรู้สึกนั้นยังใกล้ชิดอย่างงั้นมันเลย
00:05:27 → 00:05:30 กลายเป็นเขาอึดอัดกลายเป็นรู้สึกว่า
00:05:30 → 00:05:34 ทำไมเหมือนกับแบบแม่ต้องคอยจับผิดแม่ต้อง
00:05:34 → 00:05:36 คอยเอ่อ
00:05:36 → 00:05:39 เหมือนกับคิดว่าเขาไม่ต้องไปทำไม่ดีอยู่
00:05:39 → 00:05:41 เสมอบางทีเด็กไม่มีใครอยากเป็นเด็กไม่ดี
00:05:42 → 00:05:44 ไม่มีใครอยากเป็นคนเลวแต่บางครั้ง
00:05:44 → 00:05:48 สถานการณ์มันทำให้เขาเปลี่ยนแปลงไปโดยที่
00:05:48 → 00:05:50 บางทีตัวเขาเองเขาก็ไม่รู้เพราะเขาเบื่อ
00:05:50 → 00:05:54 เขาไม่อยากทำจะให้เขาทำยังไงอ่ะไม่ให้
00:05:54 → 00:05:57 เล่นเกมได้ก็ไม่เล่นเกมไม่เล่นเกมแล้วทำ
00:05:57 → 00:05:59 อะไรนอนอยู่เฉยๆไม่ได้ทำอะไรให้เกิด
00:05:59 → 00:06:03 ประโยชน์เพราะเราไม่ได้เออลูกไปนัดกันไป
00:06:03 → 00:06:06 นี่กันไปทำกิจกรรมไปวิ่งไปออกกำลังกายคือ
00:06:06 → 00:06:08 เราไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเรื่องเหล่านี้
00:06:08 → 00:06:11 เป็นเรื่องที่เป็นเรื่องปกติธรรมดาแต่เรา
00:06:11 → 00:06:14 กลับรู้สึกว่าเราไปทำเพื่อแบบว่าหลอกล่อ
00:06:14 → 00:06:18 เอ้ยไม่เล่นเกมแล้วเดี๋ยวนี้ออกไปคือเรา
00:06:18 → 00:06:22 คือเด็กอ่ะเขาจำว่าในระหว่างที่ผ่านมา
00:06:22 → 00:06:25 เนี่ยพ่อแม่ทำยังไงแล้วอยู่ดีๆพ่อแม่พึ่ง
00:06:25 → 00:06:27 มาเปลี่ยนเพราะคิดว่าอ๋อตัวเองไปได้รับ
00:06:27 → 00:06:29 ข้อมูลข่าวสารมาจากตรงนู้นตรงนี้ตรงนั้น
00:06:29 → 00:06:32 ลองเปลี่ยนดูซิพ่อแม่เปลี่ยนจริงไหมเด็ก
00:06:32 → 00:06:34 เขาก็ไม่เชื่อเขาจะยังไม่เชื่อเพราะว่า
00:06:34 → 00:06:38 สิ่งที่ผ่านมาพ่อไม่เคยทำอย่างนี้พ่อแม่
00:06:38 → 00:06:40 หลายคนไม่มีใจที่เขา
00:06:40 → 00:06:43 เขาพยายามปรับเปลี่ยนตัวเองจากที่เขามา
00:06:43 → 00:06:45 คุยกับแม่ไม่งั้นเขาเอาวิธีการไปคุยกับ
00:06:45 → 00:06:47 ลูกแล้วเขารู้สึกว่าเขาดีขึ้นแต่เขาก็
00:06:47 → 00:06:50 ต้องสู้กับตัวเองบอกใช่เพราะว่าคนเราจะ
00:06:50 → 00:06:52 เปลี่ยนพฤติกรรมได้ถ้าไม่สู้กับใจตัวเอง
00:06:52 → 00:06:56 อ่ะมันไม่ใช่การเปลี่ยนพฤติกรรมค่ะก็เลย
00:06:56 → 00:07:00 มองว่างั้นคุณแม่พยายามทำอีกทำให้ลูกรู้
00:07:00 → 00:07:04 ว่าแม่ได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆแม่อยากเป็น
00:07:04 → 00:07:06 แม่ที่น่ารักอยากเป็นแม่ที่เข้าใจลูกแล้ว
00:07:06 → 00:07:07 จริงๆ
00:07:07 → 00:07:09 นั่นแหละเมื่อนั้นแหละคุณถึงจะเลือกลูก
00:07:09 → 00:07:12 คุณกลับมาได้แล้วสิ่งต่างๆไม่ว่าจะเกม
00:07:12 → 00:07:14 หรือเพื่อนหรือใครก็แล้วแต่สิ่งนั้นจะ
00:07:14 → 00:07:17 เป็นเพียงแค่องค์ประกอบแต่ในใจของลูกจะมี
00:07:17 → 00:07:19 พ่อแม่อย่างแท้จริง
00:07:19 → 00:07:23 ทั้งหมดที่แม่มิ่งกำลังจะมองให้ทำให้พวก
00:07:23 → 00:07:27 เราทุกคนมองเห็นคืออันที่ 1 เลยการเล่น
00:07:27 → 00:07:31 เกมกันจริงๆไม่ผิดซองแต่เราได้กำหนดกติกา
00:07:31 → 00:07:37 ไว้และ 3 ถ้าไม่ให้เขาเล่นเกมเราได้พร้อม
00:07:37 → 00:07:41 ที่จะสร้างบรรยากาศให้เขามีอะไรที่มัน
00:07:41 → 00:07:45 Active ไม่ให้เขาเบื่อไหมเพราะ 4 คำนี้
00:07:45 → 00:07:48 จริงๆไม่มีเด็กคนไหนอยากจะเกเรหรอกมันคือ
00:07:48 → 00:07:52 สถานการณ์และเขาจะต้องหาทางออกในระดับ
00:07:52 → 00:07:55 ความคิดของเขาซึ่งง่ายที่สุดอย่างที่ไม่
00:07:55 → 00:07:58 บอกก็คือเกมนั่นแหละไม่ต้องมีใครมาถามไม่
00:07:58 → 00:08:01 ต้อง Active อะไรมากเข้าไปก็สนุกไม่
00:08:01 → 00:08:03 Personal
00:08:03 → 00:08:07 สุดท้ายหลายคนอาจจะรู้สึกว่า
00:08:07 → 00:08:10 ไม่วิ่งเปรมพ่อแม่อีกแล้วเหรอไม่ใช่นะ
00:08:10 → 00:08:11 ครับ
00:08:11 → 00:08:17 ว่าอะไรเลยก็แบบต้องพ่อแม่ต้องปรับเหรอ
00:08:17 → 00:08:19 อันนี้ผมก็คิดตามนะแต่ว่าผมก็รู้สึกว่า
00:08:19 → 00:08:21 ไม่พูดถูกนะ
00:08:21 → 00:08:24 คือเด็กมันก็เหมือนกระดาษขาวนั่นแหละ
00:08:24 → 00:08:26 มันยังอินโนเซ้นอยู่อ่ะ
00:08:26 → 00:08:30 มันก็คิดในแค่มุมมองของเขาแต่ถ้าเราเป็น
00:08:30 → 00:08:31 ตัวอย่าง
00:08:31 → 00:08:36 เราพร้อมที่จะปรับตัวเองแล้วเปลี่ยนวิถี
00:08:36 → 00:08:40 ของเราโดยการเอามือถือลงปิดทีวีแล้วสื่อ
00:08:40 → 00:08:43 สารกันหรือมี activity อย่างอื่นผมก็
00:08:43 → 00:08:46 เชื่อว่าเด็กมันก็คงจะเห็น Option อื่นใน
00:08:46 → 00:08:46 ชีวิต
00:08:46 → 00:08:51 แต่ส่วนเด็กที่มันติดเกมจริงๆแบบเข้าไป
00:08:51 → 00:08:53 แล้วออกยากอันนี้ก็อาจจะต้องมีกฎเกณฑ์
00:08:53 → 00:08:57 หรือมีวิธีการซึ่งผมเชื่อว่าตุ๊กก็มี
00:08:57 → 00:09:00 ประสบการณ์ใกล้ตัวนะครับกับคนในบ้านนะ
00:09:00 → 00:09:05 ครับก็ตุ๊กก็ใช้ทางออกค่อยๆคุยค่อยๆหา
00:09:05 → 00:09:09 กิจกรรมหางานหาอะไรนะครับฝั่งเว็บนึง
00:09:09 → 00:09:12 เนี่ยผ่านไป 4 ปัญหาแล้วรู้สึกเอ๊ะบางคน
00:09:12 → 00:09:16 ก็ไม่มีพ่อแม่หรือเปล่าผมว่าไม่ใช่นะครับ
00:09:16 → 00:09:19 ไม่ใช่ย้ำอีกทีเด็ดก็คือกระดาษขาวนั่น
00:09:19 → 00:09:20 แหละ
00:09:20 → 00:09:23 ตราบใดที่เขายังเป็นแค่เด็กและเป็นทีเนต
00:09:23 → 00:09:28 เรามันมีหน้าที่แล้วเราต้องออกแรงนำไปสู่
00:09:28 → 00:09:30 หัวข้อสุดท้าย
00:09:30 → 00:09:33 นี้ลึกหน่อยนะครับหัวข้อสุดท้ายที่
00:09:33 → 00:09:36 ที่เจอมากขึ้นเรื่อยๆก็คือ
00:09:36 → 00:09:40 ปัญหาสุขภาพจิตในเด็ก
00:09:40 → 00:09:44 จะเห็นว่าผู้ใหญ่จะพูดเสมอว่าเด็กสมัยนี้
00:09:44 → 00:09:48 เนี่ยจิตไม่ค่อยแข็งเหมือนรุ่นเขาหรือเรา
00:09:48 → 00:09:49 เรียกว่า emotional
00:09:49 → 00:09:54 ความอดทนอดทนสู้รุ่นๆก่อนไม่ได้เด็กสมัย
00:09:54 → 00:10:05 นี้อะไรก็ซึมเศร้าเอะอะอะไรก็สมาธิสั้น
00:10:05 → 00:10:15 [เพลง]
00:10:15 → 00:10:18 ก็คือง่ายๆว่าอย่างที่บอกเราต่าง
00:10:18 → 00:10:20 Generation ในสมัยพ่อแม่ก็คือทุกอย่าง
00:10:21 → 00:10:24 มันยังเป็นแมนนวลเรายังรอได้คอยได้แต่
00:10:24 → 00:10:26 ปัจจุบันนี้อย่าลืมว่าลูกเขาเติบโตมา
00:10:26 → 00:10:29 พร้อมกับดิจิตอลตื่นมาก็คือมีมือถือ
00:10:29 → 00:10:31 เครื่องนึงเนี่ยแค่คลิกก็ได้ทุกสิ่งทุก
00:10:31 → 00:10:33 อย่างแล้วแล้วได้ยิ่งเดี๋ยวนี้คือทุก
00:10:33 → 00:10:36 อย่างอยู่ในมือถือทั้งเกมทั้งความสนุก
00:10:36 → 00:10:38 ทั้งความสะดวกสบายหลายๆอย่างอยู่ในมือถือ
00:10:38 → 00:10:40 หมดเขาไม่ต้องรอ
00:10:40 → 00:10:44 การรอกับการไม่รออันนี้ต่างกันละเพราะ
00:10:44 → 00:10:48 ฉะนั้นเราจะต้องสอนลูกให้เขารู้จักที่จะ
00:10:48 → 00:10:51 รอเป็นตั้งแต่เด็กถ้าคุณคิดว่าคุณจะมาสอน
00:10:51 → 00:10:54 ลูกตอนที่เป็นวัยรุ่นแล้วแล้วมันก็จะเป็น
00:10:54 → 00:10:56 แบบนั้นคุณพ่อคุณแม่มักจะเป็นแบบนั้น
00:10:56 → 00:10:58 เพราะลูกเป็นวัยรุ่นเพราะตอนเด็กๆทำให้
00:10:58 → 00:11:01 หมดเลยคุณเลี้ยงมาแบบนี้คุณทำให้หมดเลย
00:11:01 → 00:11:03 ทุกสิ่งทุกอย่างคุณปกป้องดูแลคุ้มครองทุก
00:11:03 → 00:11:05 อย่างซึ่งมันเป็นสิ่งที่ดีในช่วงวัยเด็ก
00:11:05 → 00:11:08 ที่เขายังต้องการสิ่งนี้แต่เมื่อเป็นวัย
00:11:08 → 00:11:11 รุ่นปุ๊บอยู่ดีๆที่บางคนบอกว่าเหมือนเป็น
00:11:11 → 00:11:13 วัยรุ่นเหมือนการเปลี่ยนชั่วข้ามคืนคือ
00:11:13 → 00:11:16 พฤติกรรมเด็กเปลี่ยนเลยคุณพ่อแม่บอกว่า
00:11:16 → 00:11:19 ไม่มีทำไมปีที่แล้วลูกเป็นแบบนี้พอปีนี้
00:11:19 → 00:11:21 พอขึ้นม. 1 ปุ๊บลูกเปลี่ยนไปเลยลูกแบบ
00:11:21 → 00:11:26 ก้าวร้าวมากดื้อแล้วก็เถียงเถียงสิดีแปลก
00:11:26 → 00:11:28 ไหมไม่ได้บอกว่าเถียงดีเพราะอะไรเขากำลัง
00:11:28 → 00:11:32 จะบอกในสิ่งที่เขาอยากจะสื่อสารกับพ่อแม่
00:11:32 → 00:11:36 อยากให้หยุดเถียงคุณต้องฟังแล้วเสียงมัน
00:11:36 → 00:11:41 จะลดลงเองคุณนิ่งก่อนแล้วฟังเขาการฟังเขา
00:11:41 → 00:11:43 เนี่ยแล้วเราอยากแล้วเรารู้สึกว่าทำไมมัน
00:11:43 → 00:11:47 ขาดหูจังอย่าเพิ่งตัดสินอย่าเพิ่งรีบสอน
00:11:47 → 00:11:51 บางทีเห็นลูกเข้าบ้านกลับมาบ้านค่ำหน่อย
00:11:51 → 00:11:54 แกไปไหนมาเอาละเริ่มละ
00:11:54 → 00:11:58 ลูกก็ไม่อยากพูดรักพอมาถึงปุ๊บเข้าห้องไป
00:11:58 → 00:12:01 เลยปิดประตูห้องไม่สนใจไม่พูดแต่ถ้าแม่
00:12:01 → 00:12:03 เปลี่ยนวิธีการอ้าวไปไหนมาเดี๋ยวไปอาบน้ำ
00:12:03 → 00:12:07 ไหมเดี๋ยวแม่เตรียมข้าวให้ถ้ามาลูกก็ละ
00:12:07 → 00:12:10 อย่างงี้ถึงแม้ว่าจะกลับบ้านดึกแต่แม่ก็
00:12:10 → 00:12:12 ยังไม่ว่าอะไรซึ่งเราต้องทำปกติด้วยนะคะ
00:12:12 → 00:12:15 แล้วก็มานั่งกินข้าวกันแล้วก็คุยเอ้าไป
00:12:15 → 00:12:19 ไหนมาลูกเมื่อเย็นพอดีอาจจะไปช่วยครูยก
00:12:19 → 00:12:21 ของไปช่วยอะไรแล้วผมขอโทษทีไม่ได้โทรมา
00:12:21 → 00:12:23 บอกแม่สถานการณ์เปลี่ยนอะไรอย่างเงี้ยค่ะ
00:12:23 → 00:12:26 เพียงแค่เรารับฟังเราไปตัดสินก่อนละแค่
00:12:26 → 00:12:28 กลับมาบ้านมืดเราตัดสินแล้วว่าต้องไปทำ
00:12:28 → 00:12:30 ไม่ดี
00:12:30 → 00:12:33 อันนี้คือมันติดมันเป็นการปิดการสื่อสาร
00:12:33 → 00:12:35 เลยโดยที่คุณยังไม่รู้เลยว่าความจริงยัง
00:12:35 → 00:12:37 ไงคุณคิดแบบนี้ลูกคิดแบบนี้แล้วเมื่อไหร่
00:12:37 → 00:12:41 ความคิดมันจะทำไมมามาเจอกันมาจูนกันได้
00:12:41 → 00:12:46 อ่ามันๆๆเป็นสิ่งที่เออเมื่อไหร่ก็ตามที่
00:12:46 → 00:12:50 ลูกเล่าเนี่ยขัดหูไม่เป็นไรฟังก่อนฟังให้
00:12:50 → 00:12:55 จบแล้วเราใช้คำถามไปการใช้คำถามถามไงจะทำ
00:12:55 → 00:12:58 ให้ลูกทบทวนตัวเองแล้วลูกคิดว่าลูกทำแบบ
00:12:58 → 00:13:01 นี้แล้วเนี่ยเอ่อถ้ามันเกิดปัญหาลูกจะแก้
00:13:01 → 00:13:04 ยังไงแล้วลูกแม่ว่าลูกเก่งมากเลยนะที่
00:13:04 → 00:13:08 เพื่อนเค้าทำไม่ดีกับลูกเหมือนเด็กที่โดน
00:13:08 → 00:13:11 บูลลี่อ่ะแล้วลูกเอาตัวรอดได้ชมเขาก่อน
00:13:11 → 00:13:14 แล้วถ้าต่อไปลูกเจอแบบนี้อีกลูกจะทำยังไง
00:13:14 → 00:13:17 ทำให้เขาได้ทบทวนตัวเขาเองให้เขาคิดได้
00:13:17 → 00:13:20 ด้วยตัวเองแล้วพ่อแม่ค่อยเสริมในสิ่งที่
00:13:20 → 00:13:25 เอ่ออาจจะฟังดูแล้วดูแล้วไม่น่าจะใช่เรา
00:13:25 → 00:13:28 ค่อยๆเสริมไปเมื่อนั้นแหละลูกจะรับฟังเรา
00:13:28 → 00:13:31 มากกว่าเราใช้ชุดคำถามเราใช้เราใช้การถาม
00:13:31 → 00:13:37 การถามที่ไม่ใช่ว่าใช่ไม่ใช่ซึ่งมันเป็น
00:13:37 → 00:13:40 คำถามปิดเด็กไม่เกิดการคิดเด็กไม่เกิด
00:13:40 → 00:13:42 กระบวนการคิดว่าเขาสิ่งที่เขาทำเนี่ยมัน
00:13:42 → 00:13:45 ถูกมันผิดยังไงมันมีกระบวนการยังไงที่จะ
00:13:45 → 00:13:48 นำไปถึงเส้นทางของการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง
00:13:48 → 00:13:52 ด้วยตัวเขาเองค่ะตอนนี้คิดว่าเป็นสิ่งที่
00:13:52 → 00:13:55 ที่จำเป็นอย่าไปคิดแทนลูกอย่าไปตัดสินใจ
00:13:55 → 00:13:56 แทนลูก
00:13:56 → 00:14:00 กล้าให้เขาลองเสี่ยง
00:14:00 → 00:14:03 ถ้าสิ่งที่สิ่งนั้นมันผิด
00:14:03 → 00:14:07 แต่ไม่ถึงชีวิตไม่ถึงไม่ถึงกับทำให้เสีย
00:14:07 → 00:14:09 อนาคตบางครั้งก็ต้องให้เขาได้ทำ
00:14:09 → 00:14:13 ไม่มิ่งมองว่าสมัยนี้เนี่ยถ้าเรามัวแต่
00:14:13 → 00:14:16 เลี้ยงลูกแบบไข่ในหินเลี้ยงลูกปกป้องทุก
00:14:16 → 00:14:18 อย่างให้เขาเจอแต่สิ่งดีงามแต่ถ้าในวัน
00:14:18 → 00:14:21 หนึ่งอย่างเนี่ยลูกกำลังเข้ามหาวิทยาลัย
00:14:21 → 00:14:23 เนี่ยเราคิดว่าเราได้สร้างภูมิให้เขาแล้ว
00:14:23 → 00:14:27 ตั้งแต่ระดับมัธยมแล้วเจออย่างนี้เจอ
00:14:27 → 00:14:29 อย่างนี้หาลูกทำยังไงลูกแก้ปัญหายังไง
00:14:29 → 00:14:32 เรียนรู้ถูกผิดอย่างน้อยที่สุดเขามีความ
00:14:32 → 00:14:35 แกร่งในระดับหนึ่งของเขาและเมื่อเขาได้ไป
00:14:35 → 00:14:35 เจอ
00:14:35 → 00:14:39 สิ่งต่างๆที่มันจะอาจจะหนักหนากว่านี้เขา
00:14:39 → 00:14:42 ก็จะมีภูมิคุ้มกันที่จะแก้ไขปัญหาโดยที่
00:14:42 → 00:14:46 ไม่ได้วิ่งหนีปัญหาแบบเด็กที่ถูกเลี้ยงมา
00:14:46 → 00:14:49 อย่างเอ่อปกป้องและนั่นแหละคือจุดเริ่ม
00:14:49 → 00:14:52 ต้นของเด็กที่เป็นซึมเศร้าเพราะว่าแก้
00:14:52 → 00:14:53 ปัญหาไม่เป็น
00:14:53 → 00:14:57 [เพลง]
00:14:57 → 00:15:01 ฟังเริ่มจนจบถ้าจะให้สรุป
00:15:01 → 00:15:04 ปัญหาสุขภาพจิต
00:15:04 → 00:15:05 ในเด็กวัยรุ่น
00:15:05 → 00:15:10 [เพลง]
00:15:10 → 00:15:13 คือกลับไปให้เด็กเข้าใจ
00:15:13 → 00:15:15 อารมณ์เข้าใจความรู้สึกตนเองก่อน
00:15:15 → 00:15:17 แค่นั้นเลยครับ
00:15:17 → 00:15:19 [เพลง]
00:15:19 → 00:15:23 เขารู้สึกอะไรเขาอาจจะแสดงอาการโดยการซึม
00:15:23 → 00:15:28 เศร้าเครียดโวยวายอารมณ์รุนแรงแต่เชื่อ
00:15:28 → 00:15:30 ไหมครับนั่นคืออาการที่เขาไม่รู้ว่าเขา
00:15:30 → 00:15:31 เป็นอะไร
00:15:31 → 00:15:35 ที่บอกเปิดเวทีเราปรับสไตล์นิดนึงลด
00:15:35 → 00:15:41 ให้โอกาสพอเขาเริ่มพูดพอเขาเริ่มที่ใช้คำ
00:15:41 → 00:15:45 ว่าไม่มีใช้คำว่าให้เขาเข้าใจให้เขา
00:15:45 → 00:15:48 วิเคราะห์อารมณ์ตนเอง
00:15:48 → 00:15:51 ภาษาแพทย์เราเรียก Cock
00:15:51 → 00:15:55 [เพลง]
00:15:55 → 00:15:59 ของจิตแพทย์เวลาคนเข้ามามีอารมณ์เนี่ยเขา
00:15:59 → 00:16:02 จะให้พูดเหมือนที่เราเห็นในหนังฝรั่งมี
00:16:02 → 00:16:06 หมอนั่งโซฟาสบายๆคนไข้เนี่ยครับ
00:16:06 → 00:16:13 ว่าปัญหามันมีมีมาตั้งแต่ยุคโบราณอนาคต
00:16:13 → 00:16:28 [เพลง]
00:16:28 → 00:16:33 อยากเห็นรุ่นรูปตรงไปไม่มิ่งวาดภาพไม่มี
00:16:33 → 00:16:36 ก็เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาสังคมและมีอยาก
00:16:36 → 00:16:38 เห็นอะไรในวัยรุ่นไทย
00:16:38 → 00:16:41 อยากเห็นเขาเติบโต
00:16:41 → 00:16:44 แบบอิสระ
00:16:44 → 00:16:47 มีความเป็นตัวของตัวเอง
00:16:47 → 00:16:52 บนพื้นฐานของความถูกต้องเหมาะสมบนความ
00:16:52 → 00:16:55 เชื่อมั่นบนคุณค่าของตัวเอง
00:16:55 → 00:16:57 เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะไม่หลงทาง
00:16:57 → 00:17:01 ซึ่งแน่นอนว่าเด็กจะเป็นอย่างนั้นได้ต้อง
00:17:01 → 00:17:23 มาจากพื้นฐานครอบครัวที่
00:17:23 → 00:17:29 [เพลง]
00:18:03 → 00:18:07 ขอบคุณครับบอกว่าวันนี้เราทุกคนคงจะได้
00:18:07 → 00:18:11 ประโยชน์แขกรับเชิญคนต่อไปจะเป็นใครลอง
00:18:11 → 00:18:16 ติดตามตอนต่อไปกับพอดแคสต์หมอชวนคุยชวน
00:18:16 → 00:18:19 คุยปัญหาบ้านๆในภาษาบ้านๆกับคนที่เก่ง
00:18:19 → 00:18:23 กว่าผมบนเวทีนี้ขอบพระคุณแม่ไม่มีอีกที
00:18:23 → 00:18:25 แล้วครับ
00:18:25 → 00:18:31 [เพลง]